Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นวัตกรรมการบริหารจัดการงานวิจัย

นวัตกรรมการบริหารจัดการงานวิจัย

Published by inno vation, 2021-04-15 07:03:27

Description: นวัตกรรมการบริหารจัดการงานวิจัย

Search

Read the Text Version

จนิ ตนาการและความเชอื่ มโยงจากเรมิ่ ตน้ สปู่ ลายทางใหไ้ ด้ มกี ารตง้ั ความคาดหวงั ผลผลติ และผลลพั ธ์ จากงานวจิ ยั อยา่ งไร้อคติ การหานักวิจยั ดา้ นมนษุ ยศาสตร์ท่มี ีคณุ ภาพไม่ง่ายเหมอื นด้านวทิ ยาศาสตร์บริสทุ ธ์ิ หรือ งาน วจิ ยั และพฒั นา นอกเหนอื การประกาศโจทยร์ บั ขอ้ เสนอโครงการอยา่ งเปน็ ทางการแลว้ ผบู้ รหิ ารงาน วจิ ยั ควรมชี อ่ งทางอนื่ ทแ่ี สวงหาโดยตรง การจะสรา้ งงานใหต้ รงประเดน็ ทตี่ อ้ งการไดม้ กั มาจากผวู้ จิ ยั ทม่ี ีประสบการณ์ สว่ นใหญจ่ งึ มาจากการเลอื กเฟ้นนักวิจัยทมี่ ีความสามารถ เป็นที่ยอมรบั จากสงั คม ว่าเป็นผ้รู ู้ มีตน้ ทนุ และมคี วามชอบ (passion) ในเรื่องนัน้ ๆ จึงจะทำ� ให้งานวิจัยออกมาดแี ละมชี วี ิต ชีวา มีขอ้ เสนอแนะที่มเี หตผุ ลและน่าเชอื่ ถือ ผจู้ ัดการงานวิจยั อาจใช้วธิ กี ารทาบทาม หรือชกั ชวนให้ อยากท�ำวจิ ยั ที่สรา้ งสรรคเ์ พอ่ื ประโยชนส์ ังคมมากกวา่ จงู ใจดว้ ยค่าตอบแทน หรือการไดผ้ ลงานเพ่อื ขอตำ� แหน่งทางวิชาการ การท�ำโจทย์ต้องเปน็ ไปตามความตอ้ งการของ users โดยแต่ละโครงการจะมี users เฉพาะ มีการพัฒนาโจทย์ให้มุ่งสู่เป้าหมายภายใต้กรอบวิจัยท่ีผู้สนับสนุนก�ำหนดไว้ โดยมีการเตรียมวิธีการ และช่องทางใช้ประโยชน์เม่ือเสร็จสิ้นโครงการไว้ด้วย ท่ีส�ำคัญต้องพิจารณางบประมาณทุนจัดสรร ใหต้ ามความจำ� เป็นต่อการวิจยั แตต่ ้องเพียงพอกับกิจกรรมที่ควรมี การสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั ของฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ โครงการวิจัยท่ีได้รับการสนับสนุน มีเป้าหมายทั้งการวิจัยพ้ืนฐานเพื่อสร้างความรู้ และการ วจิ ยั และพัฒนาให้ใช้ประโยชนไ์ ด้ สกว. ใหก้ ารสนบั สนนุ ในประเด็นตา่ ง ๆ ทั้งทางดา้ นมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ มผี ลงานท่ีโดดเดน่ และเป็นประโยชน์ตอ่ วงวชิ าการ มีตวั อยา่ ง ผลงานวิจยั ดังน้ี • การสร้างความรู้เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นการสร้างความรู้ผ่านงานวิจัย ในมิติ ตา่ ง ๆ เพื่อใหม้ แี นวทางแกป้ ญั หาการทุจรติ รวมถงึ สร้างความตระหนกั รูแ้ ละการ มีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและต่อต้านการทุจริตในสังคมไทย โดยหวังว่า ความรู้ท่ีได้จากงานวิจัยจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการทุจริต และเสริมสร้าง ธรรมาภิบาลในสังคมไทย อาทิ โครงการ “คู่มือประชาชนรู้ทันคอร์รัปช่ัน” โครงการ “การคอร์รัปช่ันกรณศี กึ ษา: โครงการรบั จำ� นำ� ขา้ วทกุ เมด็ ” โครงการ “ประเมนิ องค์กร อสิ ระตามรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการตอ่ ตา้ นคอรร์ ปั ชนั่ ” โครงการ “การทจุ รติ เชงิ นโยบาย: มาตรการในทางกฎหมายเพื่อควบคุมและป้องกันปัญหาการทุจริตเชิงนโยบายใน ประเทศไทย” โครงการ “การศกึ ษากลมุ่ องคก์ รทไ่ี มใ่ ชร่ ฐั ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การปอ้ งกนั และ ตรวจสอบการทจุ รติ คอร์รปั ช่ันในประเทศไทย” เป็นตน้ ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) 199

200 นวตั กรรมการบรหิ ารจัดการงานวจิ ยั • การสร้างความรู้เพ่ือเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมในสังคมไทย ฝ่ายได้ด�ำเนินการ พัฒนากรอบการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของ สกว. (Strategic Research Issue) เรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม และระเบียบวินัยของคนไทย” ก�ำหนดหัวข้อของ โจทย์วิจัยเพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองต่อภาพรวมของการแก้ไขปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรมในสังคมไทย กรณีศึกษาอันจะน�ำมาซึ่งแนวทางการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ในแต่ละสถาบนั มโี ครงการวจิ ัยท่ีไดด้ �ำเนนิ การตอ่ เนื่องและสนบั สนนุ แล้ว เช่น โครงการ “การปฏริ ปู โรงเรยี นวิถพี ุทธเปน็ ฐานไปสคู่ วามเปน็ ชมุ ชนบวร” โครงการ “นวตั กรรม การพัฒนาและการเรียนรู้ทางจริยธรรม: บทเรียนจากพื้นที่วัฒนธรรมคัดสรร” และ • โครงการ “การวิจยั เพ่ือพัฒนางานอบรมเชิงปฏิบัติการด้านพิพิธภัณฑ”์ เป็นต้น การสร้างความรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและอาเซียน ในสถานการณ์ท่ีภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ก�ำลังก้าวเข้าสู่การรวมตัวและความร่วมมือซึ่งกันและกันในระดับท่ี ลกึ ซงึ้ มากยิ่งขน้ึ ภายใตป้ ระชาคมอาเซียน (ASEAN Community) สังคมไทยจงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งเตรยี มตวั กา้ วเขา้ สกู่ ารเปลยี่ นแปลงในหลากหลายมติ ิ ดว้ ยการทำ� ความเขา้ ใจทศั นคติ ประสบการณ์ รากฐานทางประวัติศาสตร์ ความรู้สึกนึกคิด เรื่องราวของชาติเพื่อนบ้าน และผู้คนในสังคมกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวง การต่างประเทศในการพัฒนาโครงการวิจัยเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่าง ประเทศไทยและเวยี ดนามครบรอบ 40 ปี ในปี 2559 มีงานวิจัยมุ่งสร้างความรู้ในเชิงมิติความคิดและประวัติศาสตร์ท่ีด�ำเนินการอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง เชน่ โครงการ “ภมู ทิ ศั นท์ างปญั ญาแหง่ ประชาคมอาเซยี น: เรยี นรเู้ พอ่ื รว่ มเดนิ ไปขา้ งหนา้ ด้วยกนั ” โครงการ “ปรทิ รรศน์ประวตั ศิ าสตร์และวฒั นธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต”้ โครงการ “การเปล่ียนแปลงทางการเมืองกับการปรับเปล่ียนทางวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคพ้นื ทวปี หลังยุคสงครามเย็น” และโครงการ “ไทยกบั การกู้ชาตเิ วยี ดนามในช่วงกลางครสิ ต์ ศตวรรษท่ี 20” เป็นตน้ ฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ ไดเ้ รมิ่ พฒั นาโจทยว์ จิ ยั เพอื่ แกป้ ญั หาการ เรยี นการสอนภาษาองั กฤษในประเทศไทยในปงี บประมาณ 2560 มงุ่ หวงั พฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษ ของคนในประเทศใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพในสถานการณก์ ารสอ่ื สารอยา่ งแทจ้ รงิ และเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพ ของทนุ มนุษย์ของประเทศไทย โดยคาดวา่ จะเรมิ่ ด�ำเนินการสนับสนุนทุนในปีงบประมาณ 2561 • การพัฒนาโครงการวิจัยเพ่ือถอดบทเรียนระเบียบวิธีวิจัยด้านมนุษยศาสตร์ ตั้งแต่ ปี 2558 ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ได้ให้การสนับสนุน โครงการวิจัยในกลมุ่ ดังกลา่ วไปแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ 1) ระเบยี บวธิ ีวทิ ยาทางปรชั ญา 2) วธิ วี ทิ ยาและองคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั มนษุ ยแ์ ละวฒั นธรรมจากผลงานของนกั มนษุ ยศาสตร์ นกั มานษุ ยวิทยาและนกั รฐั ศาสตร์ไทย 3) วธิ วี ทิ ยาร่วมสมยั ในการศึกษาวรรณกรรม

• การพัฒนาโครงการวิจัยด้านการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมศาสตร์ ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ได้สนับสนุนทุนการวิจัยทางด้านการวิจารณ์ศิลปะ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เพม่ิ งบประมาณสำ� หรบั สนับสนุนทนุ วจิ ยั ทางดา้ นศิลปกรรมศาสตร์ ตัง้ แต่ ปี 2559 โดยได้สนับสนุนโครงการวิจัย อาทิ เครือข่ายการวิจารณ์ศิลปะ: การวิจัย และพัฒนา และงานสร้างสรรค์ดุริยางคศิลป์: วรรณกรรมเพลงไทยคลาสสิกแห่ง กรงุ รัตนโกสินทร์ เป็นตน้ การสร้างและพัฒนานักวจิ ยั รนุ่ ใหมด่ ้านมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ • การพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ในระดับปริญญาโท สกว. ได้ให้การสนับสนุนโครงการ ทุนวิจัยมหาบัณฑิต สกว. ด้านมนุษยศาสตร์-สังคมศาสตร์ (TRF-MAG) มีการสร้าง ระบบสนับสนุนและการฝึกฝนจากอาจารย์ท่ีปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิอย่างเข้มข้น เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างและพัฒนานักวิจัยระดับมหาบัณฑิตท่ีมีจริยธรรม ความรู้ ความสามารถ และสร้างบรรยากาศการวิจัยให้เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษา รวมถึง สนบั สนนุ ใหอ้ าจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาสามารถผลติ ผลงานวจิ ยั ทมี่ คี ณุ ภาพ รว่ มกนั ตลอดจนสรา้ งชดุ ความรใู้ นสาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตรท์ ร่ี อบดา้ นมากขนึ้ ปจั จบุ นั ไดด้ ำ� เนนิ การสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั มหาบณั ฑติ ฯ ไปแลว้ 13 รนุ่ รวมนกั ศกึ ษาผรู้ บั ทนุ จำ� นวนทง้ั สน้ิ ประมาณ 500 คนจากมหาวทิ ยาลยั ทว่ั ประเทศ โดยปจั จบุ นั มี รองศาสตราจารย์ ดร.พจี ยวุ ชติ และ อาจารย์ ดร.ตุลย์ อิศรางกรู ณ อยุธยา จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เปน็ ผู้ประสานงาน การประชุมปฐมนเิ ทศและการรายงานความกา้ วหน้า ของผ้รู ับทุนโครงการทุนวจิ ยั มหาบณั ฑิต สกว. ด้านมนษุ ยศาสตร์–สงั คมศาสตร์ สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) 201

202 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั • การพัฒนานักวิจัยด้านมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เนื่องด้วยงานวิจัยในสาย มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีปริมาณน้อย เม่ือเทียบกับงานวิจัยสายวิทยาศาสตร์ สาเหตุหลักอาจมาจากการที่นักวิจัยรุ่นใหม่ที่อยู่ในสายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ไม่ได้ท�ำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องภายหลังจบการศึกษาในระดับมหาบัณฑิต และขาดการ พฒั นาความสามารถทางวชิ าการในการพฒั นาโครงรา่ งงานวจิ ยั ขาดการคดิ อยา่ งเชอ่ื มโยง ระหวา่ งองคค์ วามรทู้ างทฤษฎี และวธิ วี ทิ ยาการวจิ ยั ขาดโอกาสในการฝกึ ฝน เรยี นรทู้ กั ษะ การเขียนงานวิชาการ และไม่มีเวทีที่จะพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ ความสนใจ และ ประสบการณใ์ นการทำ� งานวจิ ยั กบั นกั วจิ ยั รนุ่ กอ่ นหนา้ หรอื ในกลมุ่ นกั วจิ ยั รนุ่ ใหมด่ ว้ ยกนั ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ จึงเล็งเห็นความส�ำคัญของการ เปิดเวทีฝึกฝนและแลกเปล่ียนความรู้ในแวดวงมนุษยศาสตร์ โดยให้การสนับสนุน โครงการ “อาศรมวิจัยมนุษยศาสตร์” เพื่อสนับสนุนให้นักมนุษยศาสตร์ไทยรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้และฝึกฝนการเขียนโครงร่างวิจัยที่มีคุณภาพมากขึ้น และสร้างเครือข่าย เชอ่ื มโยงระหวา่ งนกั วจิ ยั มนษุ ยศาสตรร์ นุ่ ตา่ ง ๆ มผี เู้ ขา้ รว่ มอบรมในโครงการไปแลว้ 3 รนุ่ (รนุ่ ที่ 1 ซง่ึ เปน็ โครงการน�ำร่อง จ�ำนวน 14 คน และรุน่ ท่ี 2-3 จ�ำนวนรนุ่ ละประมาณ 50 คน) การอบรมเชิงปฏิบัตกิ าร อาศรมวิจัยมนุษยศาสตร์ การสนับสนนุ การจดั เวทวี ิชาการด้านมนุษยศาสตร์ ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ได้พัฒนาเครือข่ายและสร้างเวที น�ำเสนอผลงานวิจัยด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผ่านชุดโครงการเวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.สุรเดช โชติอุดมพันธ์ เป็นผู้ประสานงาน ร่วมจัดเวทีวิชาการเพื่อเป็น ที่แลกเปลย่ี นความรู้ อาทิ

• การประชมุ วชิ าการประจำ� ปี “เวทวี จิ ัยมนุษยศาสตร์ไทย” เป็นเวทซี งึ่ มกี ารด�ำเนนิ การ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง มมี หาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ รว่ มเปน็ เจา้ ภาพ ไดจ้ ดั ประชมุ ไปแลว้ จำ� นวน 11 ครง้ั โดยคร้งั ล่าสุดจดั ระหวา่ งวันท่ี 8-9 กนั ยายน 2560 ณ อาคารนวัตกรรม ภายใต้หวั ข้อ “เปดิ โลกสนุ ทรยี ใ์ นวถิ มี นษุ ยศาสตร”์ โดยมศี าสตราจารย์ ดร.สาโรช บวั ศรี มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดประชุม เป็นการเปิดพื้นท่ีทางวิชาการให้ นักวชิ าการทุกรนุ่ ทุกระดับไดน้ �ำเสนอผลงานศึกษาทางมนุษยศาสตรท์ ท่ี ันสมัย เพ่ือร่วม เสรมิ สรา้ งเครอื ข่ายนักวิจัยทางมนษุ ยศาสตร์ใหเ้ ขม้ แข็งต่อไป • เวทสี าธารณะมนษุ ยศาสตร์ เพอื่ ขยายขอบขา่ ยและปรมิ ณฑลของการศกึ ษา คน้ ควา้ วจิ ยั ทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ในประเด็นต่าง ๆ ท่ีน่าสนใจและมีความทันสมัย พัฒนาเครือข่ายบุคลากรทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ไทยให้เชื่อมโยงกับสถาบัน ระดับสากล โดยมีวิทยากรเป็นนักวิชาการระดับโลกในสาขาวิชาต่าง ๆ เข้าร่วม และ จัดดำ� เนนิ การในมหาวทิ ยาลัยตา่ ง ๆ สบั เปลี่ยนกนั ไป เวทีสาธารณะมนุษยศาสตร์ ครงั้ ที่ 7 เวทีสาธารณะมนษุ ยศาสตร์ ครัง้ ที่ 8 วิทยากร คอื ศาสตราจารย์ ดร.แมนเฟรด เฮนนน์ ิงเซน วิทยากร คือ ศาสตราจารย์ ดร.เดวิด แดมรอช (Manfred Henningsen) ผเู้ ช่ียวชาญทางด้าน (David Damrosch) ผเู้ ช่ยี วชาญสาขาวรรณคดีเปรยี บเทียบ ประวตั ศิ าสตรย์ โุ รปตะวนั ออกและยโุ รปปจั จบุ นั ซงึ่ ปจั จุบันด�ำรงตำ� แหนง่ เป็นหวั หน้าภาควชิ าวรรณคดี ปจั จุบนั ดำ� รงตำ� แหน่งศาสตราจารย์สาขารัฐศาสตร์ เปรยี บเทยี บและผ้อู ้านวยการสถาบันวรรณคดโี ลก ณ มหาวิทยาลัย Hawaii (Manoa Campus) โดยได้ (Institute for World Literature) มหาวทิ ยาลยั ฮาร์วาร์ด จดั การบรรยายทง้ั สิน้ 3 ครง้ั ณ มหาวิทยาลยั สงขลา ประเทศสหรัฐอเมรกิ า โดยไดจ้ ดั การบรรยายทั้งสิ้น 3 คร้ัง นครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวิจัย (สกว.) 203

204 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวจิ ัย การจัดการปลายทางเพ่ือใหผ้ ลงานวจิ ยั ได้ใชป้ ระโยชน์ ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ร่วมกับผู้ประสานงานและนักวิจัย จัดพิมพ์หนังสือผลงานวิจัยเผยแพร่พัฒนาองค์ความรู้จากงานวิจัย เรียบเรียง จัดสรร เป็นรูปเล่ม หนังสอื เพ่ือขยายองค์ความรจู้ ากงานวิจัยสู่สาธารณชน อาทิ • หนงั สอื “สรา้ งแผนทจ่ี รยิ ศาสตร”์ เปน็ ผลงานวจิ ยั ในโครงการ “สรา้ งแผนทจ่ี รยิ ศาสตร”์ ภายใต้ชุดโครงการ เวทวี จิ ยั มนุษยศาสตรไ์ ทย ซง่ึ สะท้อนภาพศีลธรรมในพทุ ธศาสนาทีม่ ี ความหลากหลาย ปรัชญาขงจ่ือ และปรัชญาตะวันตก และอธิบายฐานความคิดทาง จริยศาสตร์เก่ียวกับการมีสติ การใช้เหตุผลยับย้ังชั่งใจ การต่างตอบสนองทางศีลธรรม • ความกตัญญู การเคารพยอมรับ ความเป็นอนื่ และสถานะทางศลี ธรรมของครอบครวั หนงั สอื “ถกเถยี งเรอ่ื งคณุ คา่ ” เปน็ ผลงานวจิ ยั ในโครงการ “ถกเถยี งเรอื่ งคณุ คา่ ” ภายใต้ ชุดโครงการ เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ซ่ึงวิเคราะห์และแจกแจงให้เห็นกระบวนวิธี ถกเถียงเรื่องความแตกตา่ งเชิงคุณค่าท่ีปรากฏในงานวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญา และศาสนา ตามประเด็นท่ีคัดสรร เพื่อให้สังคมไทยได้เรียนรู้การ “ฟัง” เหตุผลของ • คตู่ รงข้าม และรจู้ กั การถกเถียงทไ่ี มน่ �ำไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรง หนงั สอื “หน่งึ ทศวรรษเวทีวจิ ยั มนุษยศาสตรไ์ ทย: แว่นตา อารมณ์ สังคม ความจริง” เป็นผลงานรวมบทความวิจัยและบทเสวนาที่คัดสรรจากการประชุมวิชาการเวทีวิจัย มนุษยศาสตร์ไทย 9 คร้ังท่ีผ่านมา ผ่านการวิเคราะห์และสังเคราะห์ภายใต้หัวข้อหลัก 4 หัวข้อด้วยกัน คือ แว่นตา สังคม อารมณ์ และความจริง ด้วยเล็งเห็นว่างานวิจัย สายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ท�ำหน้าที่เป็นแว่นตาท่ีท�ำให้เราเห็นถึงปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ของสังคมในแง่มุมท่ีแตกต่าง มีบทบาทในการเข้าใจและจรรโลงสังคม เห็นถึง ความส�ำคัญของอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ในฐานะท่ีเป็นปุถุชน และสุดท้ายคือ • ดำ� รงพันธกิจในการคน้ หา วเิ คราะห์ และทบทวนมโนทศั น์เรอ่ื งความจริง หนงั สอื และผลงานวจิ ยั จากชดุ โครงการ “วรรณกรรมลา้ นนา: ลกั ษณะเดน่ ภมู ปิ ญั ญา และคณุ คา่ ” ปจั จบุ นั จดั พมิ พไ์ ปแลว้ จำ� นวน 3 เลม่ ไดแ้ ก่ ชนิ กาลมาลนิ แี ละจามเทววี งส์ : ตำ� นานบา้ นเมอื งลา้ นนา ตำ� นานพระศาสดาหา้ พนั วรรณกรรมลา้ นนาคดั สรร: วรรณกรรม พรรณนาอารมณ์ และ วรรณกรรมล้านนาคดั สรร : วรรณกรรมคำ� สอน

การบริหารทนุ วิจยั มุ่งเป้าเพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการในการพัฒนาประเทศ สกว. ร่วมกับ ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะเครือข่ายองค์กรบริหาร งานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ประกาศรับข้อเสนอโครงการวิจัยเพ่ือขอรับการสนับสนุนการวิจัย “ทนุ วจิ ยั มงุ่ เปา้ ดา้ นมนษุ ยศาสตร”์ ตามนโยบายการพฒั นาระบบวจิ ยั ประเทศของเครอื ขา่ ยองคก์ ร บริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ซ่ึงประกอบด้วยองค์กรสนับสนุนทุนวิจัย (research funding agency) 6 องค์กร (1ว.+5ส.) ได้แก่ สำ� นักงานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) ส�ำนักงานกองทุน สนับสนุนการวจิ ัย (สกว.) สำ� นกั งานพัฒนาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (สวทช.) สำ� นกั งาน พัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ นวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวทน.) สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ (สวรส.) และสำ� นกั งานคณะกรรมการการ อดุ มศกึ ษา (สกอ.) ในปงี บประมาณ 2557–2561 ฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศิลปกรรม ศาสตร์ ไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ป็นผบู้ ริหารจดั การงานวิจยั ตามกลุ่มเร่อื ง ดงั นี้ ปงี บประมาณ 2557 • กลุ่ม “สร้างสรรค์วิชาการงานศิลป์” มุ่งหวังให้การสนับสนุนการวิจัยเพ่ือสร้างสรรค์งาน ศิลปกรรมเชิงวิชาการ การศึกษาผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมในอดีตที่ทรงคุณค่า และ การรวบรวมผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมอย่างมีระบบ พร้อมองค์ความรู้ โดยปัจจุบันมี โครงการทไี่ ดร้ บั ทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั ทงั้ สน้ิ 18 โครงการ ภายใตว้ งเงนิ งบประมาณ 9.5 ลา้ นบาท โครงการทั้งหมดได้ด�ำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เกิดผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะแล้ว ฝ่าย มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ร่วมกับส�ำนักประสานงานชุดโครงการ สร้างสรรคว์ ชิ าการงานศิลป์ โดย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อริศร์ เทยี นประเสริฐ สถาบนั วิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร จดั แสดงผลงานของผรู้ บั ทนุ ทงั้ 18 โครงการ ในนทิ รรศการ ผลงานสร้างสรรค์งานศิลป์ ในงานประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัยและสร้างสรรค์ ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ “ศลิ ปากรวจิ ยั และสรา้ งสรรค์ ครงั้ ที่ 9 : บรู ณาการศาสตรแ์ ละศลิ ป”์ นอกจากน้ี ยังได้ร่วมกับฝ่ายการน�ำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ด้านวิชาการของ สกว. ผลิต บทความทางวิชาการจากโครงการวิจัยบางส่วนตีพิมพ์ลงในนิตยสาร “สารคดี” ผู้เขียนบทความ คือ คณุ วรี ะศักด์ิ จนั ทร์สง่ แสง ไดต้ พี มิ พล์ งในนติ ยสารสารคดไี ปแล้วทั้งส้ินจ�ำนวน 5 โครงการ ได้แก่ การสร้างสรรค์งานจิตรกรรมฝาผนังประเพณีวัฏจักรชีวิตรอบปีของคนถิ่นล้านนา การสร้างสรรค์ จิตรกรรมร่วมสมัยชุดประเทศไทย “หลังอาเซียน” ผ่านบริบทโลกาภิวัฒน์และมุมมองแบบหลัง สมัยใหม่ การสร้างสรรค์พระพุทธรูปเกสรดอกไม้เพื่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภาพพิมพ์ไม้ชุดทัศนียภาพ 9 วัดส�ำคัญแห่งนครเชียงใหม่ และการออกแบบผ้ามัดหม่ีลวดลาย เรขศลิ ป์จากผงั พนื้ ของปราสาทขอมในเขตอสี านใตป้ ระเทศไทย ส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) 205

206 นวตั กรรมการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั • กล่มุ “การสร้างการรบั รู้ “ภาษาไทย” ในสังคมไทยและโลก” โดยม่งุ หวังให้การสนบั สนุน การวิจัยที่ศึกษาวิกฤตการใช้ภาษาไทยท่ีเกิดจากการใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องตามกาลเทศะ การศกึ ษาวจิ ยั ระดบั ความสามารถในการใชภ้ าษาไทย (Levels of Thai Language Proficiency) ของคนไทยในปัจจุบันและผู้เรียนภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศ เพื่อน�ำไปสู่การสร้างแบบ ทดสอบสมรรถภาพภาษาไทยในระดับต่าง ๆ ของคนไทยและผู้เรียนภาษาไทยเป็นภาษา ต่างประเทศ การศกึ ษาวิจยั เพอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ภาษาไทยด้วยตนเองโดยใช้เทคโนโลยแี ละ นวัตกรรมการเรียนการสอนสมัยใหม่ และการศึกษาวิจัยเก่ียวกับการใช้ฐานข้อมูลภาษาไทย แบบอิเล็คทรอนิคส์เพื่อส่งเสริมการใช้ภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน มีโครงการ ท่ไี ดร้ บั ทุนสนบั สนุนการวจิ ัยทง้ั ส้ิน 10 โครงการ ภายใตว้ งเงนิ งบประมาณ 9.5 ลา้ นบาท ปงี บประมาณ 2558-2561 • กล่มุ “มนษุ ยศาสตร์” ฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ สกว. ไดร้ ับ การจดั สรรงบประมาณสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั มงุ่ เปา้ ตอบสนองความตอ้ งการในการพฒั นาประเทศ ดา้ นมนษุ ยศาสตร์ วงเงนิ งบประมาณ 15 ล้านบาท ปจั จบุ นั อยู่ในระหว่างดำ� เนนิ การพจิ ารณา โครงการในปีงบประมาณ 2561 โดยมีโครงการที่ได้รับทุนนับตั้งแต่ปี 2558 และได้ จัดแสดงผลงานไปแล้ว เช่น ศิลปะส่ือการแสดงสดทวารวดี: กรณีศึกษาเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม อากาศธาตุ: บทประพันธ์เพลงเปียโนเพ่ือการวิเคราะห์ บทเพลงทางแปร ในวรรณกรรมเปยี โนของเบโทเฟน: การแสดงดนตรพี รอ้ มบทวเิ คราะห์ เสยี งเสนาะซอสามสาย เป็นต้น

พัฒนาการและการปฏริ ปู ระบบวจิ ัยไทย จากประสบการณ์การบรหิ ารจัดการทผ่ี า่ นมา ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรม ศาสตร์ได้พิจารณารูปแบบการด�ำเนินการ ขอบเขตในการสนับสนุน และการใช้ประโยชน์จาก ผลงานวิจัย เพื่อตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของ สกว. ในด้านการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย และ ทศิ ทางการดำ� เนนิ งานในอนาคตตามกรอบการสนับสนนุ ทุนวจิ ัยฯ โครงสร้างการสนับสนุนทุนของฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ในอนาคตแบ่งออกเปน็ 3 สว่ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) Basic Research สำ� หรบั การใช้ประโยชน์ด้านวิชาการ สร้างองคค์ วามรู้ มคี วามคาดหวังในเรอ่ื งของการตพี ิมพ์ 2) Applied Research สำ� หรับบรู ณาการ งานมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ สู่งานสร้างสรรค์ และมีผใู้ ชป้ ระโยชน์ และ 3) Strengthening the Research หรือ การเสริมพลังกระบวนการวิจัย เป็นการพัฒนาทักษะ นักวิจัย เครือข่ายนักวิจัยไทย-เทศ สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ และเผยแพร่ผลงานวิจัย และวางแผน ดำ� เนนิ การตา่ ง ๆ เพอ่ื สนบั สนนุ ระบบวจิ ยั ดา้ นมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ ดงั นี้ กรอบการสนับสนุนทนุ ว�จัย ฝา† ยมนุษยศาสตร สงั คมศาสตร และศลิ ปกรรมศาสตร ฝา† ยมนษุ ยศาสตร สังคมศาสตร และศิลปกรรมศาสตร (กลม‹ุ ภารกจิ วจ� ัยพน�้ ฐานและผลติ นักว�จยั ) ทุนว�จยั ทุนสรŒางความเขมŒ แข็งใหŒกบั วงการวช� าการ บูรณาการงานวจ� ัยดาŒ นมนุษยศาสตร สังคมศาสตร และศิลปกรรมศาสตร สู‹งานสราŒ งสรรคแ ละผŒูใชปŒ ระโยชน ReBsaesaircch RAepspelairecdh ทนุ ว�จัย จัดประชุม อาศรม เผยแพร‹ มหาบณั ฑติ วช� าการ วจ� ยั ผลงานวจ� ัย สราŒ งองคความรŒ/ู การตีพ�มพ/ Publications เสร�มสราŒ งกระบวนการวจ� ัย ดŒวยการพัฒนาทักษะนักวจ� ัย ทง้ั ในระดับชาติและนานาชาติ เคร�อข‹ายนกั วจ� ยั ไทย-เทศ สรŒางนกั ว�จยั ร‹นุ ใหม‹ และเผยแพร‹ผลงานว�จยั Impacts Users สำ� นกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ยั (สกว.) 207

208 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวิจัย 1. สนบั สนนุ นกั วจิ ยั ทผี่ ลติ งานทางดา้ น Basic Research ใหส้ ามารถสงั เคราะหแ์ ละสรา้ ง Impact จากงานวิจยั ในด้านอน่ื ๆ นอกเหนือจากด้านวชิ าการตอ่ สงั คมได้ดว้ ย 2. สรา้ งความเขา้ ใจรว่ มระหวา่ ง สกว. และนกั วจิ ยั เรอ่ื งการกำ� หนดเกณฑข์ อง Users และ Impact ทางด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ เน่ืองจากฝ่ายมนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ อยใู่ นกลมุ่ ภารกจิ วจิ ยั พน้ื ฐานและผลติ นกั วจิ ยั จงึ มที ศิ ทาง การสนับสนุนทุนวิจัยที่เน้นไปทาง Basic Research ซ่ึงคาดหวัง Impact ในด้านของ การสร้างองค์ความรู้และการตีพิมพ์งานวิชาการเป็นหลัก อีกส่วนหน่ึง คือ การสังเคราะห์ องคค์ วามรู้ วา่ จะใหม้ คี วามงอกเงยทางวชิ าการไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง บกุ เบกิ ทศิ ทางใหก้ บั มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตรข์ องประเทศไทยไดอ้ ยา่ งไร และเพอ่ื ใหส้ ามารถเปรยี บเทยี บ กับสาขาอน่ื ๆ ได้ 3. มกี ารปรบั โครงสรา้ ง (restructuring) การสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั ของฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ เพอื่ ใหม้ คี วามชดั เจน เปน็ มาตรฐาน และมคี วามเป็นธรรมาภิบาล 4. มีช่องทางการประชาสัมพันธ์ทุน เพ่ือให้นักวิจัยท่ีเข้ามาขอทุนมีข้อมูลชัดเจน และรู้จัก ฝา่ ยมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ มากข้นึ ในอนาคต 5. สนับสนุนทุนวิจัยให้กับนักวิจัยระดับเร่ิมต้นบางส่วน เพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่พ่ึงเริ่มต้น ท�ำวิจัย ซ่ึงมีอยู่เป็นจ�ำนวนมากให้ได้รับการสนับสนุนเพื่อพัฒนาศักยภาพนักวิจัยในการ ทำ� งานวิจยั ท่ีมคี ณุ ภาพมากขนึ้ ฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ เปิดพ้ืนท่ีให้กับทุนวิจัยพื้นฐานทาง ดา้ นมนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ และศลิ ปกรรมศาสตร์ ให้มีความชดั เจน สรา้ งองค์ความรูท้ ี่ สามารถพัฒนาไปสู่การตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี ทั้งด้านการพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ ผ่านการยกระดับการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพเท่าเทียม และท่ัวถึง ปลกู ฝงั ระเบียบวนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงค์ สร้างโอกาสความ เสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั ทางสงั คม ผา่ นการสรา้ งความเขม้ แขง็ ของสถาบนั ทางสงั คม ทนุ ทาง วัฒนธรรมและความเข้มแข็งของชมุ ชน

ปกลรุ‹มับงารนูปใหแมบ‹ บ TRFManRaegseemarecnht

210 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั การวิจัย เชงิ ยุทธศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนกุ ูล รองผ้อู ำ� นวยการ สำ� นักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั ดา้ นการวิจยั เชงิ ยุทธศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ประภาพร ขอไพบูลย์ ผอู้ ำ� นวยการฝ่ายเกษตร ส�ำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั (2557-2561) รองศาสตราจารย์ ดร.ชนาธปิ ผาริโน ผู้อำ� นวยการฝ่ายสวัสดภิ าพสาธารณะ ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย การสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการงานวิจัยน่าจะอยู่ใน “ยีนส์ (GENES)” และเป็นวัฒนธรรม องคก์ รของ สกว. มาตลอดระยะเวลา 25 ปขี องการด�ำเนินการ การวิจยั เชงิ ยุทธศาสตร์ (Strategic Research Issues หรอื SRI) เปน็ นวตั กรรมการบริหารจดั การทุนวจิ ยั อีกรูปแบบหน่งึ ของ สกว. รเิ ริ่มโดยศาสตราจารย์ ดร.ปยิ ะวัติ บญุ -หลง (ผูอ้ �ำนวยการ สกว. 2544-2552) รวม 6 ประเด็น มกี ารพฒั นาและทำ� ให้ประเด็นชัดข้นึ ในยุคสมัยศาสตราจารย์ ดร.สวัสด์ิ ตนั ตระรตั น์ (ผ้อู ำ� นวยการ สกว.2552-2556) เหลอื 3 ประเดน็ ตอ่ มาในวาระแรกของศาสตราจารย์ นพ.สทุ ธพิ นั ธ์ จติ พมิ ลมาศ (ผูอ้ ำ� นวยการ สกว. 2556-2560) ไดบ้ รรจุ “กรอบประเดน็ การวจิ ัยเชงิ ยุทธศาสตร์” (SRI) ไว้ใน “ยุทธศาสตร์ สกว. พ.ศ. 2557-2560” นับเป็น SRI version 3.0 ท่ีแตกต่างไปจากเดิม รวม 12 ประเด็น ปัจจุบันก�ำลังอยู่ระหว่างการปรับเปล่ียนเข้าสู่ SRI version 4.0 ภายใต้การน�ำ ของศาสตราจารย์ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ (ผู้อ�ำนวยการ สกว. วาระที่สอง 2560-ปัจจุบัน) โดยได้บรรจุ SRI ประเด็นใหม่ไว้ใน “ยุทธศาสตร์ สกว. พ.ศ. 2560-2564”

บทความนปี้ ระกอบด้วยเนอื้ หา 2 ตอน ตอนแรกเปน็ ภาพรวม “กลยุทธ์การบริหารจดั การ งานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์” ตอนที่สอง เป็นการน�ำเสนอ “ตัวอย่างการบริหารจัดการงานวิจัย เชิงยุทธศาสตร์” 2 ประเด็น คือ ด้านความมั่นคงอาหารและความปลอดภัยของอาหาร (SRI 2) มฝี ่ายเกษตร (ฝา่ ย 2) เป็นเจา้ ภาพ และ ด้านผลประโยชน์แห่งชาติและความม่นั คงทางทะเล (SRI 7) มีฝ่ายสวัสดิภาพสาธารณะ (ฝ่าย 3) เป็นเจ้าภาพ โดยจะคล่ีภาพแนวคิด การด�ำเนินงานและ ความคาดหวังที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดข้ึน ซ่ึงมีทั้งความเหมือนและความต่างตามยุทธศาสตร์งาน วจิ ัยของแต่ละประเด็น กลยทุ ธก์ ารบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั เชงิ ยทุ ธศาสตร์ SRI ในยทุ ธศาสตร์ สกว. (2557-2560) ยุทธศาสตร์ สกว. พศ. 2557-2560 จัดท�ำโดยอ้างอิงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 โดยก�ำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 4G คือ Competitive Growth, Inclusive Growth, Green Growth และ Sustainable Growth กรอบประเด็นการวจิ ยั เชงิ ยุทธศาสตร์ หรอื SRI ในยุทธศาสตร์ 2557-2560 ภายใต้การน�ำของ ศาสตราจารย์ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อ�ำนวยการ สกว. (คนปัจจุบัน) มีท่ีมาจากการจับประเด็นท้าทายของประเทศ 11 เรื่องท่ีควรมี การศึกษาวิจัย รวมกับการให้ความส�ำคัญงานวิจัยพ้ืนฐาน จึงเกิดเป็น SRI 12 ประเด็นที่ได้รับ ความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบาย สกว. ไดแ้ ก่ SRI 1 SRI 2 SRI 3 ประชาคมอาเซียนและภมู ภิ าคเอเชียตะวันออก ความม่นั คงทางอาหารและ การเปลีย่ นแปลงภูมิอากาศ น้ำ� ท่ดี ิน (ASEAN Community and the East Asian Region) และการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม ความปลอดภัยของอาหาร (Food Security and Safety) (Climate Change, Water, Land and Environmental Management) SRI 4 SRI 5 SRI 6 การลดความเหลอ่ื มลำ�้ ของสังคม การปฏริ ูปการศึกษา (Educational Reform) ธรรมาภบิ าลและการลดคอรปั ช่นั และการแก้ปญั หาความยากจน (Good Governance and Corruption Reduction) (Inequality Reduction and Poverty Reduction) SRI 9 SRI 7 SRI 8 การเปลีย่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร ผลประโยชนแ์ ห่งชาตแิ ละความมั่นคงทางทะเล คณุ ธรรมจรยิ ธรรม วัฒนธรรม (Demographic Transition) (National Interests on Marine Resources and และระเบยี บวินัยของคนไทย SRI 12 Maritime Security) (Ethics, Culture, and Discipline of Thais) การหลุดพ้นจากกบั ดัก SRI 10 SRI 11 ประเทศรายได้ปานกลาง (Overcoming the Middle Income Trap) องค์ความรู้ใหมแ่ ละนวตั กรรมดา้ นวิทยาศาสตร์ พลังงาน พลงั งานทางเลือกและ และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์สุขภาพ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ความเปน็ ธรรมด้านพลังงาน (Energy, Alternative Energy and Energy Justice) (New Knowledge and Innovation on Sciences, Health Sciences, Humanities and Social Sciences) ส�ำนักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) 211

212 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวิจยั พัฒนาการการบริหาร SRI สกว. ได้วางแนวทางการบริหารการวิจัย SRI ให้มีคุณลักษณะต่อไปน้ี 1) ประเด็นต้องตรง ความตอ้ งการของประเทศ 2) มีเป้าหมายที่ชัดเจน 3) ท�ำให้สำ� เร็จภายใน 5 ปี 4) ต้องท�ำงานอยา่ ง เป็นระบบ 5) มกี ารบูรณาการการท�ำงานจากหลายฝา่ ยใน สกว. รองศาสตราจารย์ ดร.ปทั มาวดี โพชนกุ ลู มปี ระสบการณก์ ารบรหิ ารงาน SRI ของ สกว. ใน ประเด็นสามจังหวัดชายแดนใต้ประมาณ 2 ปี (2555-2556) โดยท�ำงานต่อยอดงานเดิมในพ้ืนท่ี ทง่ี านวจิ ยั เพอื่ ทอ้ งถนิ่ สกว. ดำ� เนนิ การอยู่ เนน้ การทำ� งานกบั ชาวบา้ นทถี่ อื วา่ เปน็ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี (stakeholders) สำ� คญั ในพนื้ ที่ และเนอ่ื งจากขณะนน้ั ศนู ยอ์ ำ� นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มนี โยบายใชย้ ทุ ธศาสตรก์ ารทำ� งานรว่ มกบั ชาวบา้ นเชน่ กนั ศอ.บต. จงึ เปน็ ภาคคี วามรว่ มมอื ที่ส�ำคัญในการท�ำงานของ สกว. ด้วย ท�ำให้ สกว. มีการท�ำงานร่วมกับ key stakeholders คือ ชาวบา้ นด้านหนง่ึ กบั ศอ.บต. อกี ดา้ นหนงึ่ ชาวบ้านไดป้ ระโยชนจ์ ากการสนับสนนุ การวิจยั และมี โอกาสรอื้ ฟน้ื ภมู ปิ ญั ญา งานวจิ ยั เปดิ พน้ื ทใ่ี หช้ าวบา้ นไดม้ กี ารสอ่ื สารปญั หา แลกเปลย่ี นประสบการณ์ และเกดิ ความพยายามทจี่ ะชว่ ยเหลอื ดแู ลซง่ึ กนั และกนั งานวจิ ยั ใหค้ วามสำ� คญั กบั เยาวชนเดก็ กำ� พรา้ ท่ีเป็นผลจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพ้ืนที่ซ่ึงเป็นโจทย์ส�ำคัญท่ี ศอ.บต. ครั้งนั้นมองเห็นงานวิจัย 2-3 ชดุ สร้างความเข้าใจให้นกั วชิ าการสว่ นกลางและชาวบ้านผ้เู กี่ยวขอ้ งในพื้นท่ี มีบทเรียนท่ีท�ำให้ นกั วิชาการมสุ ลิมสามจังหวดั ชายแดนใต้ได้ทบทวน วิเคราะหส์ ังคมมุสลิมจากมมุ มองใหม่ ๆ อยา่ งไร ก็ตาม องค์ความรทู้ ่เี ก่ียวกับความรสู้ ึกนกึ คดิ ของชาวบ้านและผลกระทบจากความไม่สงบต่อวิถชี ีวิต เหล่าน้ี กลบั ไมส่ ามารถสื่อสารถงึ สังคมในวงกวา้ งได้ การขบั เคล่ือนในพนื้ ท่ที ำ� ไดอ้ ย่างจำ� กดั นกั วิจัย ท�ำได้เพียงเป็นตัวเช่ือมประสาน สร้างความเข้าใจที่ดีกับผู้ที่เก่ียวข้อง แต่เนื่องจากผู้น�ำระดับบน มกั เปลยี่ นแปลงไปเรอ่ื ย ๆ ทำ� ใหน้ โยบายและการดำ� เนนิ งานไมต่ อ่ เนอ่ื ง มกี ารทำ� งานกบั สอ่ื มวลชนบา้ ง แตก่ ไ็ มต่ ่อเนอ่ื งเชน่ กัน พอมเี หตุการณท์ างการเมอื งท่กี รงุ เทพฯ มกั ดึงความสนใจจากส่ือออกไปจาก พนื้ ท่ีชายแดนใตด้ ว้ ย

ปี 2557 ภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ สกว. ฉบบั ใหม่ รศ.ดร.ปทั มาวดี โพชนกุ ลุ ไดร้ บั มอบหมายใหก้ ำ� กบั ดแู ลงาน SRI ในภาพรวม การทำ� งานเรมิ่ ตน้ ดว้ ยการประชมุ ระดมสมองทบทวนประสบการณง์ าน SRI ทผี่ า่ นมา โดยมที มี ผบู้ รหิ ารทเี่ ขม้ แขง็ ของ สกว. ในขณะนนั้ คอื ดร.สลี าภรณ์ บวั สาย รศ.ดร.จนั ทรจ์ รสั เรย่ี วเดชะ และ อาจารย์สปุ ราณี จงดไี พศาล เป็น resource persons ที่ส�ำคญั เพราะทุกทา่ นมี ประสบการณ์ในการบรหิ ารจัดการงานวิจัยมากมายท้งั งานฝ่ายและงานยทุ ธศาสตร์ SRI ของ สกว. จากการวิเคราะห์ พบว่า SRI เดิม เป็นความพยายามท่ีจะบูรณาการงานวิจัยลงสู่การแก้ปัญหา ในมติ ิตา่ ง ๆ (ถอื ได้วา่ ผ้บู รหิ าร สกว. ครง้ั น้ันมีวสิ ยั ทศั น์และภาพอนาคตชดั มากวา่ การแกไ้ ขปญั หา ของประเทศ คือการบูรณาการการท�ำงานหลายฝ่าย) แม้หลายฝ่ายจะท�ำงานในพ้ืนที่เดียวกัน โดยมฝี า่ ยเจ้าภาพก็จริง แตข่ ้อจ�ำกดั ในอดีต คอื การกำ� หนดเปา้ หมายรว่ มกันยงั ไม่ชดั เจนพอ หลงั จากการหารอื กนั เรอื่ งการบรหิ ารจดั การทนุ SRI ภายใน สกว. หลายครง้ั จงึ มกี ารนำ� เสนอ รูปแบบและระบบการบริหารจัดการ SRI ต่อที่ประชุมผู้บริหาร สกว. อย่างเป็นทางการเม่ือวันท่ี 1 พฤษภาคม 2557 ทป่ี ระชมุ เหน็ ชอบกบั ข้อเสนอท่ีวา่ นวัตกรรมการบรหิ ารจัดการของทุน SRI คอื 1) ไดก้ ระบวนการบรหิ ารจดั การแบบใหมท่ ่บี ูรณาการโจทย์ แผน งบประมาณ และการทำ� งานขา้ ม ฝา่ ย 2) ไดผ้ ลผลติ จากงาน SRI คอื “นโยบาย หรอื นวตั กรรมทมี่ ผี ลกระทบตอ่ สงั คมอยา่ งชดั เจน” ผลผลติ จากงานวจิ ยั จึงไม่ใชเ่ พยี ง “รายงานวิจยั ” ส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) 213

214 นวตั กรรมการบรหิ ารจัดการงานวิจยั 14 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการนโยบาย สกว. ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการ ประเดน็ งานวจิ ยั เชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ ละอนมุ ตั งิ บประมาณสนบั สนนุ การวจิ ยั ประจำ� ปงี บประมาณ 2558 โดยสรุป ขั้นตอนการเตรียมการ SRI ใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงสามารถเร่ิมต้นให้ทุนสนับสนุน การวิจยั SRI ได้ในปีงบประมาณ 2558 ในกลางปี 2558 มีการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิของทุก SRI ร่วมกัน ท่ีประชุมให้ข้อสังเกตว่า ในการเปลย่ี นแปลงประเทศนั้น สงั คมไทยและผู้กำ� หนดนโยบายต้องเปล่ียนวิธีคดิ เปล่ยี นความเช่อื แบบเดมิ ๆ ก่อนจงึ จะสามารถหาทางออกทยี่ ่งั ยืนใหก้ บั ประเทศได้ ดงั น้นั ไม่เพยี งแต่ SRI จะตอ้ ง สร้างนโยบายและนวัตกรรม เท่าน้ัน แต่ต้องสรา้ งความรใู้ หม่และกระบวนทัศนใ์ หมใ่ นการพฒั นา ผ่าน SRI 12 ประเด็นข้างต้น โดยใช้ความรู้ผลักดันสังคมและนโยบายไปในทิศทางท่ีควรจะเป็น คนท�ำงานต้องตอกย้�ำและหมั่นตรวจสอบการท�ำงานของตัวเองเป็นระยะ ๆ เพ่ือไม่ให้ “หลงทิศ” หรือ “หลดุ ” จากเปา้ หมายทว่ี างไว้ งาน SRI ตอ้ งเป็นงานทห่ี วงั สรา้ งผลกระทบ จึงไม่ใช่งานวจิ ัยท่ี ตอบโจทยเ์ ลก็ ๆ หากจะถามวา่ 12 ประเดน็ มากเกนิ ไปหรอื ไม่ คำ� ตอบคอื ปญั หาของประเทศมอี ยมู่ ากมายและ 12 ประเด็นนน้ั เป็นประเดน็ ท่ีสำ� คญั จรงิ และเมือ่ คิดถงึ เปา้ หมายการพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDG) 17 ประเด็น ท�ำให้ตอบได้ว่า 12 ประเด็นไม่ได้มากเกินไป สว่ นการจะบรหิ ารจัดการทัง้ 12 ประเดน็ ให้เกดิ ผลกระทบไดอ้ ยา่ งไรนนั้ เป็นเรือ่ งท่ที า้ ทายมากกวา่

กลยทุ ธก์ ารบรหิ ารจดั การ SRI การออกแบบการบรหิ ารจดั การ ในเชิงหลักการ SRI version 3.0 ที่ออกแบบไว้น้ัน แต่ละ SRI ต้องก�ำหนดเป้าหมาย ทบทวนองคค์ วามรทู้ ผี่ า่ นมา วเิ คราะหช์ อ่ งวา่ งของความรู้ ชอ่ งวา่ งของนโยบายเมอ่ื เทยี บกบั เปา้ หมาย แล้วจึงก�ำหนดเป็นโจทย์วิจัย เพื่อสร้างความรู้ นโยบาย หรือ นวัตกรรมท่ีจะเติมเต็มช่องว่างจน ไปสู่เป้าหมาย เน่ืองจากเป็นประเด็นใหญ่ การสนับสนุนทุนวิจัยจะก�ำหนดเรื่องหลักและเร่ืองรอง (Theme and sub-Theme) เพอ่ื ให้การท�ำงานมีกรอบชดั เจนมากขึ้น ในเชิงโครงสร้างการบริหารงาน มีการก�ำหนดฝ่ายท่ีจะเป็นเจ้าภาพ มีการแต่งตั้งคณะ กรรมการที่ปรึกษา (Advisory Board) ราย SRI โดยประธานกรรมการที่ปรึกษาควรเป็นผู้มี ประสบการณ์สูงหรือมีบทบาทเก่ียวข้องในเชิงนโยบาย และให้ความส�ำคัญกับการใช้ความรู้ เป็นฐานการท�ำงานเชงิ นโยบาย สามารถชว่ ยผลกั ดันงานวิจยั สู่การใชป้ ระโยชน์ได้ จำ� นวนกรรมการ ท่ีปรึกษาไม่เกิน 9 ท่าน ประกอบด้วยผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิทางวิชาการ กรรมการท่ปี รกึ ษาแตง่ ตงั้ โดยผอู้ �ำนวยการ สกว. มีการตั้งหน่วยจัดการกลางท่ีเรียกว่า SRI Unit เพื่อหนุนเสริมการท�ำงานของฝ่ายต่าง ๆ มีการต้ังรหัสโครงการแบบใหม่เพ่ือให้รู้ว่าเป็นโครงการภายใต้ SRI ใด ฝ่ายใดเป็นผู้ให้ทุน มีการ ประชุมร่วม SRI ประมาณทุก 2 เดือน เพื่อติดตามการท�ำงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และมีการประชุมใหญ่กลางปีนอกสถานที่ปีละ 1 ครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทบทวนการท�ำงาน ท่ผี า่ นมา และวางแผนการทำ� งานชว่ งตอ่ ไป สำ� นกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ัย (สกว.) 215

216 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวิจยั การดำ� เนนิ งาน การด�ำเนินการเริ่มต้นด้วยการก�ำหนดฝ่ายเจ้าภาพ โดยพิจารณาจากประเด็น SRI ว่ามี ความสอดคล้องกับฝ่ายใดมากท่ีสุด เช่น เรื่องอาเซียน มอบให้เป็นบทบาทของฝ่ายนโยบายชาติ และความสมั พนั ธข์ า้ มชาติ (ฝา่ ย 1) เรอื่ งความมน่ั คงทางอาหารและอาหารปลอดภยั ใหเ้ ปน็ บทบาท ของฝา่ ยเกษตร (ฝ่าย 2) เร่ืองการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรและการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ ให้เป็น บทบาทของฝา่ ยสวัสดิภาพสาธารณะ (ฝา่ ย 3) เป็นต้น การกำ� หนดเจา้ ภาพกระจายไปตามฝา่ ยตา่ ง ๆ เปน็ การเปดิ พนื้ ทใ่ี หฝ้ า่ ยเหลา่ นน้ั มโี อกาสสรา้ ง “นวัตกรรมการบริหารจัดการงาน SRI” เพราะแต่ละฝ่ายจะมีอิสระในการพัฒนาการท�ำงาน ของตน ท้ังการก�ำหนดผลผลิต ผลลัพธ์ ผลกระทบ จากนโยบายหรือนวัตกรรม ท่ีส�ำคัญคือ ความท้าทายของฝา่ ยตา่ ง ๆ ทีจ่ ะจัดสรรหรือปรับเปล่ียนการให้ทุนของตนจาก “งาน function” เป็น “งาน strategic” ท่ีมีผลลัพธ์ผลกระทบสูงกว่าได้อย่างไร ในทางปฏิบัติ การบริหาร SRI ค่อนขา้ งสมั พันธ์กบั วัฒนธรรมการทำ� งานของแตล่ ะฝ่ายใน สกว. ซ่ึงแตกตา่ งกนั การจัดสรรงบประมาณ SRI ได้รับงบประมาณรวมปีละ 135 ล้านบาท จัดสรรไปให้แต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน ข้ึนอยู่กับ การเสนอขอจากฝ่าย ซึ่งส่วนหนึ่งข้ึนอยู่กับความพร้อม (การมีโจทย์ที่ชัดเจน มีทุนความรู้เดิม ในการวิจัย มีเครือข่ายนักวิจัย) ตัวอย่างเช่น SRI 1 (ประชาคมอาเซียนฯ) SRI 2 (ความมั่นคง ทางอาหาร) และ SRI 3 (การเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศ) เป็นงานเดิมของ สกว. ทด่ี �ำเนนิ การ มาอยา่ งตอ่ เน่อื งได้รับงบประมาณ 15-20 ลา้ นบาทตอ่ ปี SRI 4 (การลดความเหลอื่ มล้ำ� ของสังคม และการแก้ปัญหาความยากจน) และ SRI 12 (การก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลาง) เป็น เรอื่ งใหญจ่ ะได้รับงบประมาณฝา่ ยละประมาณ 15-20 ลา้ นบาท เชน่ กัน สว่ นฝา่ ยอ่ืน ๆ งบประมาณ ท่ีต้งั ไว้ 3-10 ล้านบาทต่อปี ท้ังนจี้ ะมกี ารเกลี่ยงบประมาณกลางปเี พอ่ื ให้ใชง้ บประมาณในภาพรวม แตล่ ะปอี ย่างมีประสทิ ธภิ าพ

การหานกั วจิ ยั นักวิจัยเป็นปัจจัยส�ำคัญ การวิจัยท่ีคาดหวังผลกระทบสูงจะต้องได้นักวิจัยระดับเช่ียวชาญ SRI ไมไ่ ด้เป็นสนามทดลองหรอื สร้างนักวิจัย จงึ ไม่มีการประกาศโจทย์ แตเ่ ป็นการเฟน้ หานักวิจัยท่ี มคี ณุ ภาพ (มีประสบการณ์ มีผลงานดี มีความรบั ผิดชอบ) กรรมการที่ปรึกษามีบทบาทชว่ ยก�ำหนด ทศิ ทางการวจิ ยั ผา่ นการตงั้ โจทย์วิจัย บางท่านกช็ ว่ ยพิจารณาขอ้ เสนอโครงการรว่ มกบั ผทู้ รงคณุ วุฒิ ทางวิชาการ กญุ แจสูค่ วามสำ� เรจ็ ปัญหาอุปสรรคทีผ่ า่ นมาท�ำให้รู้ว่ากุญแจสู่ความสำ� เร็จคอื อะไร ในที่น้ีจะขอกล่าวถึงท้ังปญั หา อปุ สรรค และการปรับตวั ไปพร้อม ๆ กนั และจะละเว้นการกล่าวถงึ ปัญหาอปุ สรรคเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ซงึ่ หลีกเลีย่ งไม่ได้ การปักธงเปา้ หมาย กรอบรายประเดน็ ทกี่ วา้ งเปน็ ความยากในการทำ� งาน การปกั ธงเปา้ หมายไดถ้ กู ตอ้ ง คอื กญุ แจ ดอกแรกสคู่ วามส�ำเร็จ และน่าจะเปน็ ดอกท่สี �ำคญั ทสี่ ุดด้วย SRI แต่ละเร่อื งนน้ั มีขอบเขตท่ีกว้างขวางมาก ในเชิงผลผลติ ได้กำ� หนดว่างาน SRI จะสร้าง นโยบาย นวัตกรรม ความรู้ใหม่ กระบวนทัศนใ์ หม่ใน 12 ประเดน็ ส่ิงท่รี ะบุน้ีเปน็ เพยี ง “ลักษณะ” ของผลผลิตจากงานวจิ ัยไม่ใช่ “ประเด็น หรอื เนอ้ื หา” ของการวิจัย และแมว้ า่ แต่ละ SRI จะก�ำหนด Theme หรือ “เร่ืองท่ีส�ำคญั ” 2-3 เรอื่ ง ท�ำใหม้ โี ฟกสั ในการทำ� งานมากข้นึ แต่ส่ิงท่ยี ากกว่ามาก คือ จะเลือก approach ใด จะก�ำหนดเป้าหมายเชิงผลผลิตและผลลัพธ์ของงานวิจัย (output, outcome) แต่ละเร่ืองอย่างไรเพื่อจะแก้ปัญหาความเหล่ือมล้�ำ (เกิด impact) ตัวอย่างเช่น งานวิจัย SRI 4 ถ้าจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้�ำในเชิงโครงสร้าง ควรเข้าไปแก้ปัญหาที่กฎหมาย ท่ีดิน หรือจะไปแก้ที่ปัญหาสิทธิมนุษยชน หรือจะไปแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างตลาดสินค้าเกษตร ท่ีเป็นธรรม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาท่ีสาเหตุ หรือจะแก้ปัญหาให้กับกลุ่มคนเป้าหมายกลุ่มต่าง ๆ ด้วยระบบสวสั ดกิ าร ซึ่งเป็นการแก้ปญั หาเชงิ รับ สำ� นกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) 217

218 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวิจัย ในทางปฏิบตั ิ งานวิจยั SRI 4 เลอื กเขา้ ไปทำ� วิจัยเพ่ือแก้ปัญหาของกลมุ่ คนเป้าหมาย เช่น คนพิการ คนจนเมือง โดยใชก้ ระบวนการมสี ่วนร่วม ความเป็น SRI คอื ฝ่ายจะตอ้ งสงั เคราะหใ์ ห้เกิด ขอ้ เสนอเชงิ ระบบในทส่ี ดุ มใิ ชเ่ พยี งการเปลยี่ นแปลงกลมุ่ คนเปน็ จดุ ๆ ดงั เชน่ งาน function ในลกั ษณะ เช่นนี้ ไม่มี approach ท่ีถูกหรือผิดแต่อยู่ที่เป้าหมายท่ีจะไปให้ถึง approach น้ันขึ้นอยู่กับว่า หน่วยบริหารจัดการทุนจะให้นิยามและก�ำหนดกรอบการวิจัยอย่างไร ได้ศึกษาพื้นฐานของปัญหา ไวอ้ ย่างไร มสี มมตฐิ านต่อสาเหตุของปัญหาอยา่ งไร ย่งิ ปญั หาซบั ซ้อน การ “ตโี จทย”์ ให้แตก เห็น “คานงดั ” ของเรือ่ งนั้น และปักธงเป้าหมายให้ชัดก่อนใหท้ นุ วิจยั ก็ยิ่งยากแต่ส�ำคญั อีกตัวอย่างหนึ่งท่ีเป็นแนวการปฏิบัติท่ีดีในการปักธงเป้าหมายและก�ำหนดทิศทางการวิจัย คือ SRI 3 การเปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศ น�้ำ ทดี่ ิน และการจัดการส่ิงแวดล้อม ทเี่ ร่ิมต้นด้วยการระดม ความคิดจากผู้เชี่ยวชาญและเลือกมุ่งเป้า (focus) ไปที่เร่ืองน�้ำ แล้วจึงให้ทุนวิจัยเพื่อวิเคราะห์ สถานการณ์ และสร้าง Roadmap ของการวิจยั เรือ่ งนำ�้ ในระยะ 3 ปี เป็นการวางแผนการท�ำงาน วจิ ยั อยา่ งเป็นระบบท่ีน่าสนใจ งานวจิ ยั SRI 9 การเปล่ียนแปลงโครงสรา้ งประชากร ไดร้ บั คำ� ช้ีแนะจากประธานกรรมการ ท่ีปรึกษาท่านแรก คือ คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ให้ใช้แผนประชากร 20 ปีของประเทศเป็นกรอบ ในการท�ำงาน ประกอบด้วย 3 เรื่องส�ำคัญ (theme) คือ 1) ศักยภาพในการเติบโตของประเทศ 2) ความม่ันคงทางการเงนิ ของประชาชน (เพือ่ ยามชราภาพจะได้ดูแลตนเองได้ภายใต้สมมติฐานว่า รฐั ดแู ลทงั้ หมดไมไ่ หว) และ 3) ครอบครวั อยดู่ มี สี ขุ (วา่ ดว้ ยการดแู ลกนั ของคนขา้ มรนุ่ ) แตถ่ งึ กระนน้ั เพียงสามกรอบน้ี ก็ยังถือว่าเป็นขอบเขตท่ีกว้างขวางมากในการท�ำวิจัย จะต้องกรองจนเหลือ เรอื่ งสำ� คญั 2-3 เรอ่ื ง โดยพจิ ารณาวา่ SRI 9 ตอ้ งการสง่ มอบผลงานวจิ ยั ทเี่ ปน็ นโยบายหรอื นวตั กรรม ในเรือ่ งใด แตแ่ นน่ อนว่า SRI 9 จะเน้นเตรียมความพรอ้ มด้านสงั คมเพ่ือรองรับสงั คมสงู วยั มากกวา่ การสรา้ งนวตั กรรมเพอื่ โอกาสทางเศรษฐกจิ ทเ่ี รยี กวา่ Silver Economy ซง่ึ ดแู ลโดยฝา่ ยอตุ สาหกรรม และ SRI 12 (การกา้ วข้ามกับดกั ประเทศรายไดป้ านกลางดว้ ยนวตั กรรม) ผทู้ รงคณุ วุฒิบางท่านมองว่า ไม่ว่า SRI 9 จะทำ� งานเรื่องท่สี อง หรอื เร่อื งที่สาม ตา่ งเป็นการ ต้งั รับกับการเปล่ียนแปลงเทา่ นั้น สกว.จะท�ำงานเชิงรุกได้หรอื ไม่ น่นั คอื เพ่มิ อตั ราการเกิด และการ จัดการการน�ำเข้าแรงงานต่างชาติ หากเป็นโจทย์น้ี เป้าหมายของการให้ทุนก็จะเปลี่ยนไปอีกเรื่อง หนงึ่ ทีเดียว ดังน้ัน การปกั ธงเป้าหมายการวจิ ัยในเชงิ ประเดน็ จงึ ส�ำคญั มาก หากก�ำหนดประเดน็ ได้ จะสามารถก�ำหนด key stakeholders ที่เราจะทำ� งานดว้ ยได้ หรอื พัฒนากลไกการท�ำงานต่อไปได้

การกำ� หนดประเดน็ เปา้ หมายจะขนึ้ อยกู่ บั ยทุ ธศาสตรป์ ระเทศดว้ ยวา่ จะเลอื กเดนิ ทศิ ทางไหน เอาเข้าจริง ยุทธศาสตร์ประเทศไทยไม่ได้คมชัดขนาดนั้น งานวิจัยเองอาจต้องช่วยเสนอทางเลือก เชงิ ยทุ ธศาสตรห์ รอื นโยบายทางเลอื ก งาน SRI 12 ใหท้ นุ วจิ ยั เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ กณฑใ์ นการพจิ ารณาการเลอื ก อตุ สาหกรรมเปา้ หมายทจ่ี ะเปน็ หวั รถจกั รทางเศรษฐกจิ จากนนั้ จงึ วจิ ยั เชงิ ลกึ ในอตุ สาหกรรมเปา้ หมาย ต่อไป ปีต่อมารัฐบาลประกาศอุตสาหกรรม S-Curves เราจึงสามารถใช้ผลการศึกษามาประเมิน ความเหมาะสมของการเลอื กอตุ สาหกรรมของรฐั บาลได้ งานวิจยั SRI 5 การสรา้ งสรรคก์ ารเรียนร้แู ละปฏริ ูปการศึกษา โจทย์นย้ี ากไมแ่ พโ้ จทย์อื่น ๆ SRI 5 หาจุดปักธงเป้าหมายด้วยการจัดเวทีสาธารณะหลายรอบ ให้ทุนนักวิจัยสังเคราะห์งาน ตามติดกระบวนการปฏิรูปและน�ำข้อเสนอของคณะท�ำงานด้านปฏิรูปไปจัดเวทีรับฟังความเห็นใน 4 ภูมิภาค ก่อนน�ำผลมาวิเคราะห์สังเคราะห์เพ่ือให้เห็นช่องว่างการปฏิรูปและการวิจัย แน่นอนว่า หลายเวที หลายคน หลายความคิด ยากมากที่จะสรปุ วา่ เราจะปักธงงานวจิ ัยด้านการศึกษาที่ไหน จึงจะสร้างผลกระทบสูงสุด คนส่วนใหญ่ให้ความส�ำคัญกับครู แต่งานวิจัยเรื่องครูมีมากในลักษณะ การพัฒนาครูรายปัจเจก ที่ส�ำคัญแต่ไม่มีการศึกษาวิจัยคือเรื่อง ecosystem ท่ีครูท�ำงานอยู่ซ่ึงมี ปญั หาเชงิ ระบบอยหู่ ลายจดุ สกว. เลือกท�ำงานเรื่องระบบโรงเรียนเพราะเรามีประสบการณ์การวิจัยพัฒนาระบบรับรอง คุณภาพสถานพยาบาลมาแล้ว และการพัฒนาระบบรับรองคุณภาพสถานศึกษา จะส่งผลตรงถึง ครูและเด็ก โดยสนับสนุนทุนวิจัยให้กับส�ำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ซ่ึงเป็นทีมงานที่มีประสบการณ์สูงในการท�ำงานด้านการศึกษาและมีแนวคิดตรงกัน เป็นการให้ทุนวิจัยขนาดใหญ่ท่ีสุดเท่าท่ีเคยท�ำมา สสค. กับ สกว. ร่วมกันเดินสายไปหารือกับ นักวิจัยอาวุโสและผู้บริหารระบบรับรองสถานพยาบาล ได้พบฝ่ายนโยบายในกระทรวงศึกษาธิการ และลงไปหารอื กบั ผบู้ รหิ ารการศกึ ษาในพนื้ ทเ่ี พอื่ หาแนวรว่ มในการทำ� งาน ใชเ้ วลาเตรยี มการหนงึ่ ปี จงึ ไดเ้ รมิ่ การวจิ ยั ดว้ ยความเชอื่ ในระดบั หนงึ่ วา่ “เราปกั ธงเปา้ หมายถกู ” เพราะสงั คมกำ� ลงั ตอ้ งการ ทางเลอื กในระบบประเมินคุณภาพสถานศึกษาท่ดี กี วา่ ระบบเดิม ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) 219

220 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวิจยั วจิ ยั ขนาดใหนถึงจะสร้างผลลพั ธ์ได้ การเลือกโจทย์ที่ “ใช่” อย่างเดียวยังไม่พอ การวิจัยให้เกิดผลกระทบ จะต้องลงทุนวิจัย ในขนาดทเ่ี หมาะสม ไมเ่ ลก็ เกนิ ไป แตจ่ ะลงทนุ ขนาดไหนคงตา่ งไปตามโจทย์ ขนาดของทนุ ขน้ึ อยกู่ บั ขนาดของกลุ่มตัวอยา่ งในการวจิ ัย และวิธีการวจิ ัยที่น่าเช่ือถือ มีแนวคิดอย่างน้อย 2 ทางในการเลือกตัวอย่าง แนวทางแรกคือ เลือกตัวอย่างจ�ำนวนน้อย แต่วิจัยเชิงลึกจนสามารถสร้างโมเดลต้นแบบท่ีคาดว่าจะน�ำไปขยายผลได้ ซ่ึงมักเป็นการวิจัย เชิงปฏิบัติการ (action research) หรอื การทดลองในกระบะทราย (sandbox) แต่แนวทางแรกน้ี มักจะถูกท้าทายว่า จะขยายผลได้จริงหรือ แนวทางที่สอง คือ สร้างงานวิจัยขนาดใหญ่พอที่จะ แยกแยะปัจจัยที่ส่งผลกระทบ กลุ่มตัวอย่างมีจ�ำนวนมากพอเพื่อเป็นตัวแทนของความหลากหลาย สามารถสรุปผลงานวิจัยได้อย่างน่าเชื่อถือ สามารถสร้างข้อเสนอเชิงนโยบายในระดับประเทศได้ อยา่ งมั่นใจ แต่บางคร้ังกป็ ระสบปญั หาว่า ขอ้ เสนอแนะในการแก้ไขปัญหาไดเ้ พยี งแนวทางกว้างๆ มตี วั อย่างจากงาน SRI 5 ทไี่ ดผ้ สมผสานทั้งสองแนวทาง คอื เป็นวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร แตก่ ็เลอื ก ตวั อย่างจำ� นวนมาก คอื 200 โรงเรียนใน 14 จังหวัด คดิ เปน็ ร้อยละ 3 (โดยประมาณ) ของจำ� นวน ประชากรโรงเรยี นขนาดกลาง (200-500 คน) เพื่อให้เห็นบรบิ ททีแ่ ตกต่างของโรงเรยี นท่วั ประเทศ แต่หากมากกว่านี้การบริหารจัดการโครงการจะท�ำได้ยากแต่จะเลือกกลุ่มตัวอย่างอย่างไร โรงเรียน ขนาดเลก็ โรงเรยี นขนาดกลาง โรงเรียนขนาดใหญ่ หรือ คละขนาด เรอ่ื งนกี้ ต็ ้องคิดเชงิ ผลกระทบ นั่นหมายความว่า นักวิจัย หรือ ผู้ให้ทุนวิจัย จะต้องรู้ว่าโรงเรียนในประเทศไทยแบ่งขนาดอย่างไร แตล่ ะขนาดมจี ำ� นวนมากนอ้ ยแคไ่ หน นนั่ คอื ตอ้ งรจู้ ำ� นวนประชากร (population) กอ่ น เรอ่ื งเหลา่ นี้ เป็นความรู้พ้ืนฐานของการวิจัยท่ีแหล่งทุนและนักวิจัยต้องรู้ แต่หากไม่รู้ บางคร้ังเราก็ต้องให้ทุน พฒั นาขอ้ เสนอโครงการ (preliminary research) เพอ่ื หาขอ้ มลู เหลา่ นก้ี อ่ น รวมทง้ั สรา้ งความเขา้ ใจ ตอ่ ระบบ โครงสร้าง กลไก ของโจทย์ท่กี �ำลงั ท�ำวิจัย เพื่อจะไดน้ ำ� ขอ้ มลู มาออกแบบงานวิจยั กอ่ นจะ ลงทุนทำ� วิจัยโครงการขนาดใหญ่ต่อไป ด้วยการลงทุนวิจัยขนาดใหญ่ข้ึน การอนุมัติโครงการก็จะไม่ง่าย ผู้บริหารโครงการต้องมี เหตผุ ลและคำ� อธบิ ายทช่ี ดั เจน ทา้ ยทสี ดุ ตอ้ งมกี ารระบุ “การบรหิ ารความเสยี่ งของโครงการ” ทงั้ ใน เชิงคุณภาพ และในเชิงการเงินขนาดใหญ่ และท่ีขาดไม่ได้ คือ การระบุเรื่องการใช้ประโยชน์และ กลมุ่ ผู้ใชป้ ระโยชน์ให้ชดั เจน

องคป์ ระกอบความสำ� เรจ็ การทำ� ให้ SRI ประสบความสำ� เรจ็ ตงั้ เปา้ หมายถกู หรอื ไม่ ผลสมั ฤทธจ์ิ ะเปน็ ไปตามคาดหวงั หรอื ไม่ ขึน้ อยูก่ บั ผทู้ ำ� วิจัย ท่ีปรกึ ษางานวจิ ยั การบรู ณาการงาน การเข้าถึงผใู้ ช้ประโยชน์จากงานวิจัย และประสทิ ธิภาพของหน่วยจดั การกลาง • นกั วิจัย จะโชคดีมากหากหน่วยให้ทุนสามารถทาบทามนักวิจัยเก่ง ๆ มาท�ำงานด้วยในโจทย์ที่ยาก ค�ำถามคอื นกั วจิ ัยเกง่ ๆ มคี ณุ สมบัติอยา่ งไร? ประการแรก เปน็ นกั วจิ ยั ทเี่ ขา้ ใจปญั หาเชงิ ระบบ มขี อ้ มลู พนื้ ฐานมากดพี อทจ่ี ะออกแบบ งานวจิ ยั ท่ีเปน็ ไปได้จริง ประการทสี่ อง นกั วจิ ยั มอื อาชพี สนใจทจ่ี ะศกึ ษาคน้ ควา้ อา่ นมาก ทบทวนวรรณกรรมเปน็ คือ รู้ว่า ควรต้องทบทวนวรรณกรรมเร่ืองอะไร ไม่หยิบอะไรมากมายมาใส่ไว้โดยไม่ได้อ่าน และไมร่ วู้ า่ จะนำ� ไปใชท้ ำ� อะไร ทบทวนวรรณกรรมหลายสบิ หนา้ แลว้ แตส่ รปุ ไมไ่ ดว้ า่ องคค์ วามรู้ และวิธีการศึกษาในเร่อื งน้นั ๆ กา้ วไปถึงไหน ยังมชี อ่ งวา่ ง ประเด็นถกเถยี งในเร่อื งใด และ ประเทศไทยกำ� ลงั อยู่ ณ จดุ ไหนในเรอ่ื งนนั้ และทส่ี ำ� คญั มากคอื มี research methodology ทเี่ ขม้ แข็ง ประการที่สาม เป็นพรีเมียม คือ นักวิจัยท่ีเข้าถึงและรู้ความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ จากงานวจิ ยั โดยเฉพาะผ้กู ำ� หนดนโยบาย ซึง่ มักเปน็ นักวจิ ยั ทม่ี ีประสบการณ์สงู นักวิจัยเก่ง ๆ หายาก แต่เราพบว่า โจทย์วิจัยท่ีท้าทายดึงดูดความสนใจของนักวิจัยเก่ง ๆ ไดเ้ ช่นกนั การหานกั วิจยั แบบน้ี ตอ้ งใชว้ ิธีทาบทาม การท�ำงานจะเร่มิ ด้วยการหารอื เรยี นรู้ พฒั นา โครงการด้วยกัน และควรหารือหรือจัดเวทีกับผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความเช่ียวชาญ รู้ปัญหาของเร่ือง ซงึ่ เปน็ กระบวนการทเ่ี ราเรียกว่า การพัฒนาโจทย์ ส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) 221

222 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวิจยั SRI บางเรอ่ื งหานกั วจิ ยั ไดย้ ากมาก อาจเปน็ เพราะประเทศไทยไมเ่ คยมนี กั วจิ ยั ในเรอื่ งน้ี เชน่ ประเทศไทยมีศกั ยภาพในการพัฒนา creative economy (theme หน่ึงใน SRI 12 การก้าวข้าม กบั ดกั ประเทศรายไดป้ านกลาง) แตเ่ รากลบั หานกั วจิ ยั ไมไ่ ด้ สกว. จดั ระดมสมองผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละนกั วิจยั แมบ้ างท่านจะท�ำงานเร่ืองนี้ แต่ไม่แนใ่ จว่าจะเร่ิมตน้ การวจิ ัยท่จี ุดไหน โจทยว์ จิ ยั จะเปน็ อยา่ งไร ท้ายท่สี ดุ เราไดน้ ักวจิ ยั 1 ทมี เปน็ จดุ เริ่มตน้ ในการท�ำงานกอ่ น ทราบภายหลงั ว่า นกั วิจยั บางท่านท่ี เราเคยทาบทามแตท่ ่านปฏิเสธเพราะไมแ่ น่ใจว่าจะพัฒนาโจทย์อย่างไรน้นั ภายหลัง ทา่ นไดต้ ดิ ตาม รัฐมนตรีไปดูงานที่ต่างประเทศ (กระทรวงเป็นผู้จัดสรรทุนให้) เมื่อกลับมา จึงสามารถสร้างทีม ท�ำงานเรอื่ งนีไ้ ด้ งาน SRI 5 (การรบั รองคณุ ภาพการศกึ ษา) งาน SRI 7 (ผลประโยชน์แหง่ ชาตแิ ละ ความมนั่ คงทางทะเล) งาน SRI 9 (การคำ� นวณรายไดจ้ ำ� เปน็ พน้ื ฐาน Minimum Income standard แทนเส้นความยากจน) ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาบรรยายให้ความรู้ เป็นการเรียนทางลัด เพื่อการพฒั นาโจทย์หรือเครื่องมือการท�ำวิจยั สกว. ต้องลงทนุ ในเรอื่ งเหลา่ น้ีเพือ่ ใหท้ ำ� งานไดเ้ รว็ ขึน้ และมปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ไมต่ อ้ งลองผดิ ลองถกู มากนกั แลว้ ชกั ชวนหนว่ ยงานอน่ื มารว่ มเรยี นรดู้ ว้ ย เพื่อความคุ้มคา่ ในการใช้งบประมาณของประเทศ • คณะกรรมการท่ปี รึกษา ในการด�ำเนินการ มีบาง SRI เท่านั้นท่ีแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา การมีกรรมการท่ี ปรึกษาหรือไม่ขึ้นอยู่กับประเด็น เช่น SRI 5 เร่ืองการศึกษา ไม่ได้มีกรรมการที่ปรึกษาระดับ SRI แต่มีกรรมการท่ีปรึกษาระดับ Theme เพราะล�ำพัง Theme ระบบรับรองคุณภาพสถานศึกษา มคี วามกวา้ งและลกึ ในตวั เอง แตล่ ะ Theme ใชผ้ ทู้ รงคณุ วฒุ คิ นละชดุ ทำ� งานคขู่ นานกนั แลว้ คอ่ ยมา สงั เคราะหเ์ ชือ่ มโยงงานในภายหลัง ทส่ี ำ� คญั อกี ประการหนงึ่ คอื จำ� นวนผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นคณะกรรมการทป่ี รกึ ษา เคยมกี ารกำ� หนด กรรมการท่ีปรึกษาไว้ไม่เกิน 9 ท่าน แต่บางประเด็นมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและมีหน่วยงานที่เก่ียวข้อง จ�ำนวนมาก การมีกรรมการ 9-15 คน ดูจะเหมาะสมกว่า และท�ำให้เวทีการประชุมมีชีวิตชีวา หากกรรมการนอ้ ยและกรรมการบางทา่ นขาดประชมุ จะไดร้ บั ความเหน็ มมุ มองทจี่ ำ� กดั ปจั จยั สำ� คญั ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาท่ีมีคุณวุฒิสูง มีประสบการณ์และผ่านงานบริหารระดับสูงมาก่อน จะสามารถชว่ ยขบั เคลอื่ นงานไดม้ าก ทา่ นสามารถมองเชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ ละชว่ ยประสานกบั หนว่ ยงาน ทีเ่ กี่ยวขอ้ งหรือหนว่ ยงานทจี่ ะใชง้ านวิจยั ได้

• การออกแบบเป็นแผนงานวิจยั แบบบรู ณาการ การบรู ณาการข้ามฝา่ ยภายใน สกว. ถกู กำ� หนดไว้เปน็ นวัตกรรมการบรหิ ารจัดการงานวิจัย SRI โดยฝ่ายควรก�ำหนดเป้าหมายร่วมกัน แต่เน่ืองจากแต่ละฝ่ายต่างมีกรอบประเด็นของตัวเองท่ี ต้องรับผิดชอบ ในที่สุด การท�ำงานแบบบูรณาการข้ามฝ่ายจึงยังไม่เกิดขึ้นมากนัก มีเพียงการดึง นกั วจิ ัยข้ามฝ่ายข้ามศาสตร์มาท�ำงานด้วย • ผู้ใช้ประโยชน์จากงานวจิ ยั การรวู้ า่ ใครจะเปน็ ผใู้ ชป้ ระโยชนจ์ ากงานวจิ ยั เปน็ เรอ่ื งแรก ๆ ที่ สกว. และนกั วจิ ยั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยมีโอกาสท�ำให้โจทย์ตรงความต้องการและเพ่ิม อัตราการยอมรับน�ำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี โจทย์ SRI เป็นประเด็นสังคมส�ำคัญ หากไมใ่ ชป่ ระเดน็ อนาคตคอ่ นขา้ งใหม่ (เชน่ สงั คมสงู วยั ) มกั จะเปน็ ประเดน็ ปญั หาเรอื้ รงั ทไ่ี มส่ ามารถ คาดหวงั วา่ รฐั บาลฝา่ ยเดยี วจะสามารถแกป้ ญั หาได้ หรอื รฐั จะนำ� ผลงานวจิ ยั ไปใชโ้ ดยลำ� พงั ในประเดน็ ทใ่ี หญแ่ ละซบั ซอ้ น และบางเรอื่ ง ดว้ ยขอ้ จำ� กดั ทางการเมอื ง ผกู้ ำ� หนดนโยบายอาจมเี ปา้ หมายทแี่ ตก ต่างจากประโยชน์สาธารณะ หรอื มองผลลัพธใ์ นระยะสน้ั เกินไป งานวิจยั หลายเรอ่ื งต้องเร่มิ จากการ สรา้ งชดุ ความรใู้ หม่ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจใหม่ การเปลย่ี นกระบวนทศั นใ์ หมใ่ หก้ บั สาธารณะทจ่ี ะเปน็ pressure group ในการกำ� หนดนโยบาย เชน่ งานวจิ ยั คอรร์ ปั ชน่ั ชวี้ า่ มมี ติ วิ ฒั นธรรมและพฤตกิ รรม เส่ียงของประชาชนเองด้วย รวมถงึ ความเข้าใจธรรมาภิบาลในมุมแคบเกนิ ไป • หนว่ ยจดั การกลาง (SRI Unit) เนอ่ื งจาก SRI มี 12 ประเด็น มากกวา่ จ�ำนวนฝา่ ยที่มีอยู่ SRI unit หรอื หน่วยจัดการกลาง จึงต้องลงมาเป็นหน่วยใหท้ นุ และจดั การบาง SRI เองดว้ ย อาทิ ประเด็นการศึกษา ธรรมาภบิ าลและ การลดคอรปั ช่นั การเปลีย่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร และการพฒั นาทยี่ ่ังยืน (ที่จะเป็น SRI ใหมใ่ น ยุทธศาสตร์ สกว. 2560-2564) ในระยะแรก หน่วยจัดการกลางท�ำหน้าทีเ่ พียงจัดประชุมหารือ จัดการความรู้ และติดตามความ ก้าวหนา้ ของงาน SRI ในภาพรวม SRI unit จะได้เข้าร่วมประชมุ กับบาง SRI ในฐานะทปี่ รึกษา หาก SRI ใดไมม่ คี ณะกรรมการที่ปรึกษา หรอื ไมเ่ ชิญรว่ มประชมุ การเชื่อมโยงการท�ำงานของฝ่ายต่าง ๆ กจ็ ะยากขึน้ SRI Unit จงึ ต้องปรบั วิธที ำ� งานโดยการเข้าพบพดู คยุ หารือกบั ผบู้ ริหารเปน็ ราย SRI เพอ่ื ทบทวนเปา้ หมายการใหท้ ุน และหารือการออกแบบการท�ำงาน รวมท้ังการพิจารณาโครงการก่อน การอนุมตั สิ ัญญา สำ� นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) 223

224 นวตั กรรมการบริหารจดั การงานวจิ ยั การสรา้ งผลกระทบจากงานวิจยั สกว. ไดส้ นับสนุนทนุ วิจัย SRI 12 ประเด็นไปแลว้ ประมาณ 400 ล้านบาท เฉลยี่ ประเดน็ ละ 33 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี (2558-2560) ผลงานวิจัยเริ่มทยอยเสร็จประมาณหน่ึงในสาม ส่วนใหญ่เป็นผลงานจากงานวจิ ยั ปี 2558 (ข้อมูลเดอื นมกราคม 2561) งาน SRI บางเรื่อง ทีม่ ที นุ ความรู้สะสมจากการทำ� วจิ ยั มาตอ่ เน่ืองสามารถยกระดับตอ่ ยอด การให้ทุนมาเป็นงานเชิงยุทธศาสตร์ SRI ท�ำงานจนเกิดข้อเสนอนโยบายได้ มีการสังเคราะห์งาน ผสมกับการจัดเวทีนโยบาย เช่น SRI 2 เรื่องความม่ันคงทางอาหาร SRI 3 เรื่องน้�ำ แต่งาน SRI หลายเร่ืองทีม่ ที นุ เดมิ ไมม่ ากนัก งานวจิ ยั จึงยงั ต้องสรา้ งความร้กู ่อนสร้างนโยบาย ตวั อย่างผลงานบางส่วนของ SRI ใหม่ เชน่ SRI 4 ได้แนวทางการสร้างโอกาสและยกระดบั ศกั ยภาพของกลมุ่ ผดู้ อ้ ยโอกาส SRI 6 ใชเ้ ศรษฐศาสตร์พฤติกรรมและ Big data การวิจยั เชิงปฏิบัติ การในพ้ืนท่ี ท�ำความเข้าใจทัศนคติและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการคอร์รัปชันของคนไทยใหม่ น�ำไป ช่วยออกแบบการท�ำงานของหน่วยงานและเครือข่ายต้านคอร์รัปชัน และสร้างกลไกธรรมาภิบาล ในระดบั พนื้ ท่ี SRI 9 ไดช้ ดุ ความรชู้ ดั เจนวา่ อปุ สรรคการสง่ เสรมิ การเกดิ สำ� หรบั สงั คมไทยคอื ตน้ ทนุ ในการเลย้ี งดบู ตุ ร การขาดสงั คมทป่ี ลอดภยั และบทบาทชายหญงิ ในการแบง่ เบาภาระการเลยี้ งดบู ตุ ร ครัวเรอื นเปราะบางคือ ครัวเรือนผสู้ ูงอายอุ ย่ลู �ำพงั และครัวเรือนแหวง่ กลาง งานวิจยั พบว่า คนอายุ รอ้ ยปที มี่ อี ยจู่ รงิ มจี ำ� นวนนอ้ ยกวา่ สถติ พิ อสมควร การหามาตรการทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั ผสู้ งู อายจุ ำ� เปน็ ตอ้ งแบง่ ผสู้ งู อายเุ ปน็ 2-3 ชว่ งวยั เพราะผสู้ งู อายตุ า่ งชว่ งวยั มศี กั ยภาพแตกตา่ งกนั มาก ระยะตอ่ ไป คอื การออกแบบมาตรการและนโยบายทัง้ สว่ นกลางและในระดับพนื้ ที่ การผลักดันการน�ำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ให้ได้ตามเป้าหมาย และการติดตามผลการใช้ ประโยชน์ด�ำเนินการได้ก่อนงานวิจัยจะสิ้นสุด และควรออกแบบพร้อม ๆ กับการด�ำเนินการวิจัย อาจใช้กจิ กรรมตอ่ ไปนี้ การส่ือสารสาธารณะ แมว้ ่าเดมิ งาน SRI กำ� หนดว่าตอ้ งเห็นผลในระยะ 5 ปี แต่ในยุคการปฏริ ูปประเทศ เราพบว่า ทุกอย่างต้องรวดเร็ว รัฐบาลไม่สามารถรอได้ เทคโนโลยีปรับเปล่ียนอย่างรวดเร็ว ความคิดที่ว่า งานวจิ ยั ตอ้ งเสรจ็ สนิ้ กอ่ น จงึ จะนำ� ไปใชไ้ ดไ้ มถ่ กู ตอ้ งอกี ตอ่ ไป เราตอ้ งจดั เวทสี าธารณะเผยแพรข่ อ้ มลู ส่ือสารสังคมเป็นระยะ ผลงานเรื่องน้�ำ เร่ืองคอรัปช่ัน เร่ืองการศึกษา เร่ืองทะเล เร่ืองสังคมสูงวัย

เร่ืองความเหลื่อมล�้ำ จึงถูกเผยแพร่ทางสื่อตลอดมา รวมท้ัง SRI ได้สร้างพ้ืนทีส่ือสารที่เรียกว่า knowledge farm โดยทดลองสื่อสารในรูปข้อมูลกราฟฟิก (info-graphic) หรือ คลิปวิดิโอ ในประเดน็ เรอ่ื งความมน่ั คงทางอาหาร การศกึ ษา และการเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร ใหเ้ ปน็ ท่ี รบั รู้ รบั ทราบ สรา้ งความเขา้ ใจของสาธารณะในระดบั หนง่ึ ยงั มผี ลงานวจิ ยั ใหม่ ๆ ทจ่ี ะทยอยออกมา เพือ่ การสื่อสารอีกเร่อื ย ๆ และจำ� เป็นต้องประเมินผลทเี่ กิดข้นึ จากการส่ือสาร การสรา้ งขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย การนำ� งานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นเชงิ นโยบายมชี อ่ งทางมากขนึ้ ในยคุ ปฏริ ปู สกว. ไดส้ งั เคราะห์ งานวิจัยท่ีสอดคล้องกับประเด็น SRI ท้ังหมด mapping กับยุทธศาสตร์ชาติ และจัดส่งรายงาน ให้ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งจะน�ำเสนอต่อ รัฐสภาต่อไป นักวิจัยเร่ืองธรรมาภิบาล ได้รับเชิญให้ไปน�ำเสนอผลงานในคณะอนุกรรมการของ รัฐสภา นักวิจัยเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล และผู้บริหาร สกว. ที่ดูแลเร่ืองการศึกษา ไดเ้ ขา้ ร่วมในคณะอนุกรรมปฏริ ูปเชงิ ระบบและโครงสร้างกส็ ามารถน�ำงานวจิ ยั SRI ไปใช้ประโยชน์ ในการสรา้ งขอ้ เสนอเพอื่ การปฏริ ปู เพอื่ นำ� เสนอผลงานวจิ ยั เรอ่ื งการเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร การท�ำงานใกล้ชิดกับสภาพัฒน์และองค์การสหประชาชาติด้านประชากรมีการสนับสนุนข้อมูล จากการวิจัยในการจัดท�ำแผนประชากร 20 ปีของประเทศ และการก�ำหนดโจทย์วิจัยที่สนับสนุน การขบั เคลอ่ื นแผนประชากร การสอ่ื สารเพอื่ สร้างกระบวนทศั น์ใหม่ ตัวอย่างของงานทสี่ รา้ งกระบวนทศั น์ใหม่ คือ งาน SRI 4 ทช่ี วนสังคมทบทวนความเข้าใจ เรื่องการลดความเหล่ือมล�้ำว่าไม่ใช่เพียงการเพ่ิมรายได้ แต่ควรสร้างโอกาสส�ำหรับคนเล็กคนน้อย คนด้อยโอกาส งาน SRI 9 ต้องสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับสังคมว่า สังคมสูงวัย ไม่ใช่เรื่องของ ผสู้ งู อายเุ ทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ เรอื่ งของทกุ คนทตี่ อ้ งเกอื้ กลู กนั ขา้ มรนุ่ การเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งประชากร สู่สังคมสูงวัยน้ัน ไม่ใช่เพียงเพราะการเกิดน้อยหรืออายุยืน แต่ยังเกิดข้ึนรุนแรงในชนบทเพราะ วัยแรงงานอพยพออกนอกบ้านเกิด เหลือแต่ผู้สูงอายุและเด็ก การลดการอพยพออกจากถิ่นเดิม ด้วยการกระจายความเจริญ ก็เป็นวิธีหน่ึงที่จะบรรเทาปัญหาสังคมสูงวัยในชนบท การสร้างสังคม ท่ีดีและปลอดภัยส�ำหรับเด็กจะมีส่วนช่วยสร้างความม่ันใจในการมีบุตร ประเด็นทางสังคมเช่นนี้ ไม่ค่อยได้ยินรัฐบาลพูดถึงในเชิงนโยบาย และจ�ำเป็นต้องมีการสื่อสารต่อสาธารณะ รวมถึงการจัด เวทีนโยบาย เปน็ ต้น ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย (สกว.) 225

226 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวจิ ยั การออกแบบรองรบั ความท้าทายใหม่ ๆ ในปี 2561 สกว. จะมี SRI เวอรช์ น่ั ใหม่ (SRI version 4.0) ภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ สกว. ฉบบั ใหม่ พรอ้ ม ๆ กับการปรบั ปรุงการบรหิ ารจัดการทุน SRI ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพประสทิ ธผิ ลมากขึน้ SRI ในยทุ ธศาสตร์ สกว. พศ. 2561-2564 ยทุ ธศาสตร์ สกว. พศ. 2561-2564 อยูใ่ นช่วงทปี่ ระเทศไทยมยี ทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี มแี ผน พัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับท่ี 12 มี Thailand 4.0 มีเป้าหมายการพัฒนาอย่างย่ังยืน (SDG) มียทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยแหง่ ชาติ 20 ปี และมกี ารปฏิรปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรม และเป็นวาระท่ีสอง ของการด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการ สกว. ของ ศาสตราจารย์ นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ซ่ึงมี นโยบายสนบั สนนุ การวจิ ยั ในประเดน็ ยทุ ธศาสตรอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง แตท่ ศิ ทางการวจิ ยั ตอ้ งมคี วามชดั เจน มากขน้ึ ตอบสนองการพฒั นาประเทศทก่ี ำ� หนดในยทุ ธศาสตรช์ าตดิ า้ นตา่ ง ๆ ขณะเดยี วกนั การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั สรา้ งความทา้ ทายในการบรหิ ารจดั การทนุ วจิ ยั ทเี่ นน้ การสรา้ งผลกระทบ ทำ� งานใหเ้ รว็ ขน้ึ เขา้ ถึงและใกล้ชดิ กบั ภาคที ี่เก่ยี วข้องตั้งแต่เร่ิมตน้ เพอื่ สร้างการเปล่ียนแปลง สร้างพนื้ ที่ทางนโยบาย ใหป้ ระชาชนได้เขา้ มามสี ว่ นรว่ มมากขน้ึ ผา่ นกระบวนการวิจยั มองภาพอนาคตและมองเชิงระบบ ประเดน็ วิจัยท้งั 12 เร่อื งถกู ทบทวน แนวทางบริหารจดั การถกู ปรบั มีการยุติการให้ทนุ บาง ประเดน็ เชน่ SRI 1, SRI 3, SRI 8, SRI 10 เนอื่ งจากสามารถใหท้ นุ สนบั สนนุ การวจิ ยั ดว้ ยทนุ ประเภท อืน่ ท่ีเหมาะสมกบั โจทยว์ ิจัยมากกว่า และได้เพิม่ SRI ใหมอ่ กี 3 เร่ือง ได้แก่ SRI 13 สามจงั หวดั ชายแดนใต้ (Three Provinces in Southern Border) SRI 14 เปา้ หมายการพฒั นาทย่ี งั่ ยนื (Sustainable Development Goals หรอื SDGs) SRI 15 ปญั ญาประดษิ ฐแ์ ละศาสตรว์ า่ ดว้ ยองคค์ วามรขู้ องสมอง (Artificial Intelligence and Cognitive-Brain Science) ภายใต้ยุทธศาสตรใ์ หม่ สกว. มีแผนงานวิจัยสำ� คัญ (TRF Flagship Research Program) ท่ีเน้นเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง (Competitiveness) เป้าหมายร่วม เชิงบูรณาการส�ำหรับงาน SRI version 4.0 คือ Inclusiveness, Green and Sustainability บนหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง คือ ความสมดลุ เพอ่ื ประโยชนส์ ุขของสังคม

บทเรยี นทผี่ า่ นมาพบวา่ SRI ทขี่ บั เคลอื่ นไดด้ ี คอื SRI ทกี่ ำ� หนดเปา้ หมายชดั เจน เปน็ เปา้ หมายทตี่ อ้ ง ไปใหถ้ งึ มกี ารออกแบบการทำ� งานอยา่ งเปน็ ระบบ มยี ทุ ธศาสตร์ มจี งั หวะกา้ วในการทำ� งาน มกี ารหารอื หน่วยงานที่เป็นภาคีส�ำคัญท่ีจะใช้ประโยชน์จากงานวิจัยตั้งแต่ต้นทาง รู้จังหวะของการส่ือสาร และ ความพร้อมในการน�ำเสนอความคิดและข้อมูลต่อผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย เห็นความเชื่อมโยง ของโครงการตา่ ง ๆ มากกวา่ การพิจารณาทุนเปน็ รายโครงการ ที่สำ� คัญคอื คณุ ภาพของงานวจิ ยั ต้องดีพอท่ี สกว. จะสามารถน�ำเสนอได้ด้วยความม่ันใจและรับผิดชอบต่อส่ิงท่ีน�ำเสนออย่างเข้าใจ และคาดหวงั ผลกระทบจากผลงานวิจัยได้ รวมถึงการใช้นวัตกรรมและเครือ่ งมือใหม่ ๆ เพือ่ การวจิ ัย บนฐานข้อมลู ทีม่ คี ุณภาพ ตวั อย่างการบริหารจดั การงานวจิ ัยเชงิ ยทุ ธศาสตร์ ความสำ� เรจ็ ของการบริหารจัดการงานวจิ ัยเชงิ ยทุ ธศาสตร์ทงั้ 2 ประเด็นที่น�ำมาเปน็ ตวั อยา่ ง ตอ่ ไปน้ี จะเป็นการยนื ยันยทุ ธศาสตรก์ ารบรหิ ารจัดการอยา่ งมีเปา้ หมาย การมีประสบการณบ์ รหิ าร งานวิจัยเชิงประเดน็ ในหลายฝา่ ยของ สกว. คอื ฐานต้นทุน ทช่ี ่วยใหเ้ กดิ ระบบในการขับเคลื่อนงาน อย่างมีประสิทธิภาพ การมีภาคีเครือข่ายผู้จะใช้ประโยชน์ องค์กรและผู้เกี่ยวข้องในวงการก�ำหนด นโยบายเป็นแนวร่วม การมีกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งสังเคราะห์ข้อมูลปริมาณมาก ให้ออกมาเป็นผลงานประกอบการน�ำเสนอเชิงนโยบายได้อย่างมีประสิทธิผล ท�ำให้งานวิจัยเชิง ยทุ ธศาสตรท์ วี่ า่ ยากยงิ่ สำ� หรบั ผบู้ รหิ ารงานวจิ ยั “มอื ใหม”่ กลายเปน็ งานวจิ ยั ที่ “ทา้ ทาย” เกดิ คณุ คา่ ตอ่ สงั คมและประเทศชาติอยา่ งเอนกอนันต์ ส�ำนักงานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย (สกว.) 227

228 นวตั กรรมการบริหารจดั การงานวิจัย ด้านความมัน่ คงอาหาร (SRI 2) โลกประสบภาวะวิกฤตอาหารในปีพ.ศ. 2551 เป็นผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติ ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ประกอบกับการเกิดภาวะวิกฤตพลังงานท�ำให้มีการน�ำพื้นท่ีเกษตรกรรม มาปลกู พชื พลงั งาน ในขณะทพ่ี น้ื ทแี่ ละผลผลติ พชื อาหารลดลงนนั้ ความตอ้ งการบรโิ ภคเนอื้ สตั ว์ เพ่ิมข้ึนในจีนและอินเดีย อันเป็นผลจากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ธัญพืชส่วนหนึ่งจึงถูกน�ำ ไปใช้ในการผลิตปศุสัตว์ อุปสงค์และอุปทานอาหารท่ีไม่สมดุลส่งผลให้ระดับราคาอาหารสูงขึ้น อยา่ งไมเ่ คยปรากฏมากอ่ น สรา้ งความกงั วลทงั้ ในระดบั ประเทศ ระดบั ภมู ภิ าค และองคก์ รระหวา่ ง ประเทศ เช่น FAO คาดการณ์ว่าความต้องการอาหารของประชาคมโลกจะเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ในปี พ.ศ. 2593 จึงเกิดคำ� ถามถึงความเพยี งพอของผลงานวิจยั ทจ่ี ะช่วยเพ่ิมผลติ ภาพการผลติ ดว้ ยแนวทางใหมบ่ นฐานการใช้ทรพั ยากรเดิม การสรา้ งสรรคน์ วตั กรรม การเตรียมความพร้อม รองรับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และความสามารถในการเข้าถึง อาหารของประชากรกลุ่มยากจน ส่วนประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจแต่ผลิตอาหาร ไม่พอเล้ียงประชาชนเร่ิมแสวงหาทรัพยากรจากพ้ืนที่ต่างประเทศเป็นฐานการผลิต เพ่ือรองรับ ความมนั่ คงอาหารในอนาคตของประเทศตน ประเดน็ ความมน่ั คงอาหาร จงึ เปน็ global issues ทก่ี ล่าวถงึ กนั ท้งั โลก เพ่ือสนับสนุนการวิจัยท่ีท�ำให้ประเทศไทยก้าวข้ามความเสี่ยงดังกล่าว ฝ่ายเกษตร สกว. เริ่มต้นด้วยการท�ำความเข้าใจความหมายของ “ความม่ันคงอาหาร” ในมิติต่าง ๆ รวมทั้งศึกษา สถานการณ์และยุทธศาสตร์ด้านความม่ันคงอาหารของประเทศอ่ืน ๆ วิเคราะห์สถานการณ์ของ ประเทศไทย และกำ� หนดประเดน็ วจิ ยั ทเี่ หมาะสมเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารขบั เคลอื่ นนโยบายหรอื ยทุ ธศาสตร์ ด้านความมนั่ คงอาหาร ภายใตพ้ ระราชบัญญัตคิ ณะกรรมการอาหารแหง่ ชาติ พ.ศ. 2551 พฒั นาการของ SRI 2 สกว. ไดก้ ำ� หนดใหม้ งี านวจิ ยั ในประเดน็ เชงิ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมน่ั คงอาหารตงั้ แตป่ ี 2551 เพ่ือตอบสนองวกิ ฤตการณ์อาหาร โดยมีการด�ำเนินการตามล�ำดับ ดังน้ี การจดั ทำ� กรอบการวจิ ัยและจัดตงั้ ส�ำนักงานประสานงานวจิ ยั ปี พ.ศ. 2551 สกว. ไดส้ นับสนุนโครงการวจิ ัย เรอื่ ง “สถานการณ์ ปัญหา และอปุ สรรค์ที่ เกี่ยวขอ้ งกบั ความปลอดภยั คณุ ภาพ ความมัน่ คงและการศึกษาทางดา้ นอาหาร พร้อมแนวทาง การแก้ไข” เพ่อื เป็นขอ้ มลู ใหแ้ กส่ �ำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึง่ เป็นฝ่ายเลขานกุ าร

รว่ มของคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ในการจัดท�ำกรอบยุทธศาสตรก์ ารจัดการดา้ นอาหารของ ประเทศไทย และในปี พ.ศ. 2552 สกว. โดยฝ่ายเกษตร ได้จัดตั้ง ส�ำนักงานประสานงานวิจัย เชิงยทุ ธศาสตร์ดา้ นความมนั่ คงอาหาร ศึกษาสถานการณแ์ ละนโยบายดา้ นความมน่ั คงอาหารของ ประเทศตา่ ง ๆ รวมทง้ั ปจั จัยเสยี่ งและภาวะคุกคาม กรอบยุทธศาสตรข์ ้างต้น ได้ผา่ นความเหน็ ชอบของคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ เมือ่ วันท่ี 22 กันยายน พ.ศ. 2553 และใช้เปน็ กรอบวิจัยหลกั ในเวลาต่อมา การแตง่ ตงั้ คณะกรรมการกำ� กบั ทิศทางการวิจัยดา้ นความม่นั คงอาหาร มีการแต่งตั้งคณะกรรมการก�ำกับทิศทางการวิจัยด้านความม่ันคงอาหาร ตามมติของที่ ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัยและคณะกรรมการติดตาม และประเมนิ ผลการสนบั สนนุ การวจิ ยั ครงั้ ที่ 1/2552 เมอื่ วนั ที่ 18 ธนั วาคม พ.ศ. 2552 โดยประธาน คณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัยเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง ตามประกาศลงวันท่ี 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552 มี คุณโฆสติ ปนั้ เปี่ยมรัษฎ์ เปน็ ประธานคณะกรรมการฯ มกี รรมการมาจาก ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศกึ ษาและภาคประชาสงั คม รวมทัง้ ส้นิ 15 ท่าน มีวาระ 3 ปี มอี ำ� นาจ หน้าที่ 2 ประการ คือ 1) ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับทิศทางและแนวทางการพัฒนา การวิจัยด้านความม่ันคงอาหารของประเทศไทย 2) ให้ข้อเสนอแนะตอ่ กรอบการสนบั สนนุ การวจิ ัย ของส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยในด้านความม่ันคงอาหาร โดยส�ำนักงานประสานงานวิจัย เชิงยทุ ธศาสตรด์ า้ นความม่นั คงอาหาร สกว. ไดจ้ ัดท�ำเอกสารประกอบการประชมุ เพื่อนำ� เสนอเป็น ขอ้ มูลให้แกค่ ณะกรรมการฯ กรอบวจิ ัยเชิงยุทธศาสตร์ด้านความม่ันคงอาหาร กรอบยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การดา้ นอาหารของประเทศไทย พ.ศ. 2553 ประกอบดว้ ย ดา้ นความ มัน่ คงอาหาร ดา้ นคณุ ภาพและความปลอดภยั อาหาร ดา้ นอาหารศึกษา และดา้ นการบรหิ ารจัดการ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1) เพ่อื เพมิ่ ประสิทธิภาพการบรหิ ารจัดการฐานทรัพยากรใน การผลิตอาหารของประเทศให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน 2) เพ่ือให้อาหารที่ผลิตได้ในทุกระดับ นับต้ังแต่ในระดับครัวเรือน ระดับชุมชน และในระดับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์มีความพอเพียง มีคุณภาพ ปลอดภยั และมคี ณุ คา่ ทางโภชนาการทดี่ ี 3) เพอ่ื สร้างกระบวนการศึกษา ค้นคว้า วจิ ยั ท่ีเกีย่ วขอ้ งกับอาหาร เพอ่ื ให้ได้องคค์ วามรตู้ ลอดหว่ งโซอ่ าหาร รวมถงึ การนำ� ไปเผยแพร่ เพอ่ื ให้ผทู้ ี่ เกยี่ วขอ้ งสามารถใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 4) เพอ่ื พฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การดา้ นอาหาร ให้มีประสิทธิภาพ ท้ังด้านโครงสร้างกฎหมายสารสนเทศ และอ่ืน ๆ 5) เพ่ือก่อให้เกิดความมั่นคง ด้านอาหารในระดับครวั เรือน ระดบั ชุมชน และระดบั ชาติ ท้ังในภาวะปกตแิ ละภาวะวกิ ฤต สำ� นกั งานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว.) 229

230 นวัตกรรมการบริหารจดั การงานวจิ ยั SRI 2 ไดก้ ำ� หนดนยิ ามและดำ� เนนิ งานดา้ นความมน่ั คงอาหารเปน็ หลกั กรอบวจิ ยั เชงิ ยทุ ธศาสตร์ ด้านความมั่นคงอาหารประกอบด้วย 1) ด้านอุปทาน (Supply side) ได้แก่ การอนุรักษ์ฐาน ทรพั ยากร การคดั เลอื กศกึ ษาการพฒั นาของพนั ธพ์ุ นื้ เมอื ง/ดง้ั เดมิ เปน็ อาหารของไทยสกู่ ารเพมิ่ มลู คา่ และการเข้าสู่ modern trade เพื่อเพ่ิมรายได้อย่างยุติธรรมให้แก่เกษตรกร โดยยังรักษาวิถีชีวิต เกษตรกร การคัดเลือกพันธุ์อาหารโปรตีนคนจน เช่น ปลา ความสมดุลระหว่างพืชพลังงานและ พืชอาหาร Agro-waste management : Zero waste ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศโลก 2) ดา้ นการเขา้ ถึงอาหาร (Food Accessibility) การจดั การในการเข้าถึงอาหาร โดยชุมชน 3) ดา้ นโภชนาการและความปลอดภยั อาหาร (Food Nutrition & Safety) ได้แก่ ความปลอดภัยอาหาร Functional Foods อาหารเพื่อสุขภาพ มาตรฐานความปลอดภัยอาหาร ของไทย 4) ดา้ นนโยบาย (Policy Analysis) วเิ คราะหข์ อ้ มลู จาก 3 ประเด็นขา้ งตน้ เพ่ือนำ� ไปสู่ มาตรการในระดบั ชมุ ชน และนโยบายในระดบั ทอ้ งถน่ิ ระดบั จงั หวดั และระดบั ชาติ ตามความเหมาะสม วธิ บี รหิ ารจดั การงานวิจัย แนวทางการจัดการ เน่ืองจากกรอบการวจิ ัยเป็นการใช้ศาสตรห์ ลายสาขาแก้ปญั หาเดยี วกนั ทำ� ใหต้ ้องการความ ร่วมมือในการท�ำวิจัยระหว่างหลายหน่วยงาน รวมถึงหน่วยวิจัยในต่างประเทศ เพ่ือเป้าหมายใน การพัฒนาระบบเกษตรและสร้างความมั่นคงอาหารของประเทศ มีท่ปี รึกษาจากฝา่ ยเอกชนซงึ่ เป็น ผใู้ ช้งานวจิ ยั ในระหวา่ งการทำ� วิจยั ต้องกำ� หนดภาคที เี่ กยี่ วขอ้ งและทำ� งานรว่ มกันต้ังแตต่ ้นในแตล่ ะ ประเด็น การวิจัยเกษตรจะทำ� ในฟาร์ม และตอ่ ยอดงานวิจัยที่ประสบความส�ำเรจ็ ไปสกู่ ารขยายผล และสู่ข้อเสนอเชงิ นโยบายแกห่ นว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง จัดประชมุ ระดมความคิดเหน็ และจัดประชุมสัมมนาวิชาการ ในปี 2554 และ ปี 2555 มกี ารจัดเวทีแลกเปล่ียนข้อมลู ความคิดเห็น และมุมมองในมิติ ความมน่ั คงอาหารเชงิ ยทุ ธศาสตรร์ ะดบั อาเซยี น ระดบั ชาติ และการปรบั ตวั ของชมุ ชนในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ระหว่างผู้ทรงคณุ วฒุ ิ นกั วจิ ยั เกษตรกร และผู้ท่เี ก่ียวขอ้ งจากทกุ ภาคสว่ น เช่น คณะอนกุ รรมการ ขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตรค์ วามมนั่ คงอาหาร องคก์ ารปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ (อปท.) หนว่ ยงานราชการ/รฐั (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนษุ ย)์ เพอื่ ใหเ้ กดิ แนวคดิ และมมุ มองในเชงิ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมนั่ คงอาหารสำ� หรบั นกั วจิ ยั และผทู้ สี่ นใจ เช่น การจัดประชุมแสดงความคิดเห็น เร่ือง “การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงอาหารจาก ชมุ ชนสรู่ ะดบั ชาติ” โดยรว่ มกับองคก์ รพัฒนาเอกชน รวมทัง้ ภาควชิ าการ

วเิ คราะห์และประเมินสถานการณค์ วามเสี่ยง มกี ารวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ สถานการณค์ วามเสย่ี งดา้ นความมน่ั คงอาหารเปน็ ระยะ ๆ นำ� ไป พัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัย ร่วมกับการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงอาหารของประเทศ ซ่ึงพบว่า ความท้าทายด้านความม่ันคงอาหารของประเทศไทย ได้แก่ ผลกระทบของการค้าเสรี ทุกระดับ การลงทุน การย้ายฐานการผลิตท่ีมีผลต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ การใช้ประโยชน์ ที่ดินและสิทธิท�ำกินของเกษตรกรและชุมชน การใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ อยา่ งเปน็ รปู ธรรม ความรู้ ความเขา้ ใจ Global Food Supply Chain และผลกระทบตอ่ ประเทศไทย ความสมดลุ ของความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ กบั สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และความมนั่ คงอาหาร องคค์ วามรู้ และเทคโนโลยีรองรบั การเปลี่ยนแปลงท้งั กายภาพ ชีวภาพ (การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศโลก สงั คมผสู้ งู อายุ ขาดแคลนแรงงาน) การจดั การทรพั ยากรนำ้� ตอ่ ระบบการผลติ ทางการเกษตร การบรหิ าร สมดุลของการปลูกพืชอาหาร-พชื พลงั งาน นโยบาย และการใชป้ ระโยชน์พืช GMO อย่างเหมาะสม การฟื้นฟูดินเสื่อมโทรม พันธุ์พืชและระบบการผลิตที่เหมาะสมกับพ้ืนท่ีและความต้องการจ�ำเพาะ การใชป้ ระโยชนจ์ ากจลุ นิ ทรยี ป์ ระจำ� ถน่ิ เพอ่ื การฟน้ื ฟดู นิ การเขา้ ถงึ ทรพั ยากรของรฐั และตลาดของ เกษตรกรรายย่อย บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลทรัพยากร และความมั่นคง อาหาร เทคโนโลยกี ารผลติ ทไี่ ม่ทำ� ลายหรือชว่ ยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีเพ่ือนวัตกรรมการผลิต และเพมิ่ มลู คา่ สนิ คา้ เกษตร Multifunctional ของภาคเกษตร ความเขา้ ใจวถิ ชี วี ติ และความตอ้ งการ ของผู้บริโภคยคุ ใหม่ ทุกระดับกลุ่มอายุ ผลสมั ฤทธข์ิ องงานวจิ ยั ดา้ นความมนั่ คงอาหาร ผลสมั ฤทธิร์ ะดบั ชุมชนพื้นท่ี จากการดำ� เนนิ งาน SRI 2 ทม่ี งุ่ ประเดน็ ไปทก่ี ารเพมิ่ ขดี ความสามารถของชมุ ชนในการจดั การ ความเสย่ี งของฐานทรพั ยากรและระบบการผลติ อาหารทปี่ ลอดภยั อยา่ งย่ังยนื เพื่อการพงึ่ พาตนเอง ด้วยฐานวัฒนธรรมและทรัพยากร และการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์กรภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น ทเ่ี กยี่ วขอ้ งในพนื้ ทแ่ี ละสถาบนั การศกึ ษา ในการสรา้ งความมน่ั คงดา้ นอาหารอยา่ งยงั่ ยนื ซงึ่ การจะให้ เกิดผลสัมฤทธ์ิ จะต้องมีความต่อเนื่องของงานวิจัย และได้ภาคีวิจัยในพ้ืนที่ท่ีส�ำคัญ ตัวอย่างเช่น โครงการวจิ ยั ดา้ นความมนั่ คงอาหาร อำ� เภอดา่ นซา้ ย จงั หวดั เลย มนี กั วจิ ยั รว่ มจากองคก์ รตา่ ง ๆ ในพนื้ ท่ี อกี จำ� นวนหน่งึ ภาคีวจิ ยั ทีส่ ำ� คญั คือ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยุพราชด่านซ้าย สำ� นักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย (สกว.) 231

232 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวิจัย เนื่องจากชุมชนตามภูมินิเวศของ อ�ำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีท้ังชุมชนท่ีราบลุ่มหุบเขา (valley) ทผี่ ลิตข้าวนาเป็นหลัก และชุมชนบนท่สี งู เชิงเขา (upland) ทีผ่ ลติ ข้าวไร่และพืชเชิงเดย่ี ว ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ทั้งสองชุมชนใช้พ้ืนที่ป่าในฐานะแหล่งอาหารธรรมชาติร่วมกัน มีความสัมพันธ์ทางสังคมและประวัติศาสตร์ร่วมกัน และพ้ืนท่ีการเกษตรมีความเส่ียงจากภัยแล้ง และอุทกภัย โครงการท่ีเริ่มเข้าไปศึกษาคือ เรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการระบบและความ มน่ั คงดา้ นอาหารของชมุ ชนทงั้ สองภมู นิ เิ วศ ไดพ้ บความเปราะบางดา้ นความมน่ั คงอาหารของชมุ ชน ทั้งสองพ้ืนที่ เนื่องจากการบุกรุกถางป่าเพื่อขยายพื้นท่ีการเกษตร การใช้สารเคมีทางการเกษตรใน ปรมิ าณมาก ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ ระบบการผลติ อาหารในพน้ื ทรี่ าบดา้ นลา่ ง งานวจิ ยั จงึ ทำ� ใหช้ มุ ชนรจู้ กั และเขา้ ใจ ผนื ปา่ สายนำ�้ และสภาวะอากาศ กบั การเปลยี่ นแปลงในระบบการผลติ อาหารของชมุ ชน ความหลากหลายของทรพั ยากรอาหารทางธรรมชาตแิ ละการจดั การของชมุ ชน พชื อาหาร พชื เศรษฐกจิ และสตั วเ์ ลย้ี ง เกดิ เปน็ “ซเุ ปอรม์ ารเ์ กต็ ” สรา้ งเองจากขา้ งบา้ น มกี ารดงึ วฒั นาธรรมการบรโิ ภคและ การแพทยพ์ น้ื บ้านเข้ามารว่ มดว้ ย มกี ารจดั ท�ำมหกรรม “กนิ อยอู่ ย่างคนด่านซ้าย” เพอื่ สร้างความ ตระหนกั รแู้ ละท�ำใหเ้ กดิ ความภาคภูมิใจในการรกั ษาวฒั นธรรมและทรัพยากรในพ้นื ที่ อยา่ งไรกต็ าม การจะพฒั นาตอ่ ไปใหเ้ กดิ ความยงั่ ยนื ชมุ ชนตอ้ งมฐี านขอ้ มลู เพอื่ การวเิ คราะห์ ตนเอง จงึ มโี ครงการตอ่ เนอื่ ง เรอ่ื ง “การพฒั นาระบบองคค์ วามรดู้ า้ นฐานขอ้ มลู ทรพั ยากรอาหารของ ชมุ ชนในภาวะเปราะบางเพอ่ื เสรมิ สร้างความมน่ั คงอาหาร” ผลลพั ธ์ของโครงการน้ี ทำ� ให้ชมุ ชน ตา่ ง ๆ ใน อำ� เภอดา่ นซา้ ย เกดิ การฟน้ื ฟปู า่ ภอู งั ลงั ใหเ้ ปน็ แหลง่ อาหารของชมุ ชน ดว้ ยคนในวยั ตา่ ง ๆ รวมทง้ั นักเรียน มีการพดู คยุ ระหวา่ งชุมชนในการจดั การน�ำ้ อยา่ งเปน็ เครอื ข่าย เพื่อลดปัญหาความ ขดั แย้งในการใชน้ ำ้� และโรงเรียนในพืน้ ท่ีสร้างหลักสตู ร “ท้องถิน่ ศกึ ษา” เม่อื ชมุ ชนเกดิ ความตนื่ ตวั และเกดิ เครอื ขา่ ยทางสงั คมทมี่ แี นวคดิ ในการแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั จงึ เกดิ โครงการ “การจดั การลมุ่ นำ้� หมันโดยเครือข่ายทางสังคมเพ่ือความม่ันคงอาหารของชุมชน” เป็นแผนยุทธศาสตร์การจัดการ ลุ่มน�้ำหมนั โดยเครอื ขา่ ยทางสงั คม นอกจากนน้ั นกั วิจัยยังไดส้ รา้ งศกั ยภาพของครวั เรือนเพ่ือความ มัน่ คงทางอาหารของชมุ ชน โดยใช้ชมุ ชนบา้ นกา้ งปลา เปน็ กรณีศกึ ษา โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จัดต้ังศูนย์ตรวจสอบอาหารปลอดภัยมาตรฐาน “ดา่ นซา้ ยกรนี เนต” เกดิ เวทสี รา้ งพลงั เครอื ขา่ ยสงั คม แกว้ กิ ฤตปญั หาลมุ่ นำ้� หมนั เปลย่ี นพฤตกิ รรม การผลิต สรา้ งเกษตรกรและหมบู่ า้ นตน้ แบบในการท�ำเกษตรทางเลอื ก โดยเกษตรกรใช้พ้ืนทข่ี นาด เลก็ เพียง 1 งาน ถงึ 1 ไร่ แตส่ ามารถสรา้ งรายไดม้ ากกวา่ การปลกู ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ถึง 13 เท่าตัว มีการลดการใช้สารเคมี เกษตรกรเกิดจิตส�ำนึกรักษ์ป่าต้นน�้ำ โดยชาวบ้านสร้างกฎระเบียบร่วมกัน ในการใช้ประโยชน์และดูแลป่าต้นนำ�้ และป่าชุมชน เกิดกจิ กรรมนักสบื สายน�ำ้ ร่นุ จิ๋วและเยาวชนกบั การสำ� รวจทรพั ยากรอาหารจากปา่ ขนึ้ ในชมุ ชน ทำ� ใหเ้ ดก็ และเยาวชนไดเ้ รยี นรคู้ วามสำ� คญั ของฐาน ทรพั ยากรน�ำ้ และปา่ เพือ่ การอนรุ ักษ์ท่ยี ัง่ ยนื

ผลกระทบระดับภาค ผลกระทบจากงานวิจัยด้านความมั่นคงอาหาร อ�ำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ท�ำให้อ�ำเภอ ดา่ นซา้ ยเปลยี่ นกระบวนทศั นก์ ารพฒั นาทอ้ งถน่ิ มกี ารใช้ “ความร”ู้ จากผลงานวจิ ยั ” นำ� “การพฒั นา” ส่งผลให้คนท้องถิ่นเห็นคุณค่าของผลงานวิจัยว่าสามารถน�ำไปพัฒนาในพื้นท่ีได้จริง โดยน�ำไป จดั ทำ� โครงการบรรจใุ นแผนพฒั นาเชงิ บรู ณาการระดบั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 จ�ำนวน 3 โครงการ คือ โครงการจัดการลุ่มน�้ำหมันโดยเครือข่ายทางสังคม วงเงิน 210 ล้านบาท โครงการเกษตรอินทรีย์และเกษตรทางเลอื ก วงเงิน 60 ลา้ นบาท โครงการทอ่ งเทีย่ ว เชิงคณุ ภาพ วงเงิน 80 ล้านบาท จะเหน็ ได้วา่ SRI 2 มีพฒั นาการจากการดำ� เนนิ งานกอ่ นหนา้ มาระยะหนึง่ แลว้ สร้างประสบการณ์ สร้างผลลัพธ์และผลกระทบในการแก้ปัญหาด้านความม่ันคงอาหารระดับชุมชนจังหวัดและภูมิภาคมาแล้ว มีเครือข่ายนักวิจัยกระจายอยู่ในหลายพื้นท่ี มีต้นทุนความรู้ของนักวิจัยที่เข้าใจ สามารถศึกษาวิเคราะห์ สถานการณ์ และกำ� หนดประเดน็ วจิ ยั ไดเ้ หมาะสม จงึ สามารถนำ� ไปสกู่ ารขบั เคลอ่ื นนโยบายดา้ นความมนั่ คง อาหารของพ้ืนที่ภายใต้พระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารแห่งชาติได้ตามเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ซ่ึงเป็นจุดเร่ิมต้นของงานในระยะต่อไป ที่จะต้องขยายตัวสู่ประเด็นที่เป็นปัญหาและความต้องการระดับ ประเทศ โจทยว์ จิ ยั จะใหญข่ นึ้ การบรหิ ารจดั การจะยงุ่ ยากและซบั ซอ้ นขนึ้ การนำ� ผลวจิ ยั สรู่ ะดบั นโยบายเปน็ เรอ่ื งทีน่ ่าสนใจและทา้ ทายผบู้ รหิ ารมากขน้ึ ด้วย ด้านผลประโยชนแ์ ห่งชาติและความม่ันคงทางทะเล (SRI 7) ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ างทะเลของประเทศไทยทม่ี กี ารประเมนิ ไวใ้ นปี 2557 โดยสำ� นกั งาน สภาความมั่นคงแหง่ ชาติ มมี ลู คา่ ไมต่ ่ำ� กว่า 24 ลา้ นลา้ นบาทต่อปี ซึ่งเป็นมลู คา่ ที่สงู มากแม้ว่า จะคดิ เฉพาะทรัพยากรทางทะเลทมี่ ีขอ้ มลู ให้พิจารณาได้ก็ตาม ประเด็นด้านการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลมีความซับซ้อนในหลายมิติ ทง้ั ในแงม่ มุ ของผใู้ ชป้ ระโยชนท์ ะเลทม่ี ใี นทกุ กลมุ่ ทกุ ระดบั และทกุ พน้ื ที่ รวมไปถงึ กจิ กรรมการใช้ ทะเลทห่ี ลากหลาย อาทิ ใชเ้ ปน็ แหลง่ ทรพั ยากร ธรุ กจิ การคมนาคมขนสง่ การทอ่ งเทย่ี ว การประมง การอนรุ กั ษส์ มดลุ ในระบบนเิ วศ เปน็ ตน้ การใชป้ ระโยชนไ์ มจ่ ำ� กดั เฉพาะเพยี งในอาณาเขตทางทะเล ของประเทศไทยเทา่ นัน้ แตส่ ามารถใชไ้ ปได้ถงึ นา่ นนำ�้ ของประเทศเพือ่ นบ้าน หรือ นา่ นน�ำ้ สากล หากสามารถทำ� ขอ้ ตกลงกนั ได้ ดงั นน้ั การพฒั นาใหม้ นี โยบายแหง่ ชาตทิ างทะเลและแผนการบรหิ าร จดั การผลประโยชนท์ างทะเลแบบบรู ณาการและมปี ระสทิ ธภิ าพเปน็ เรอ่ื งทตี่ อ้ งดำ� เนนิ การรว่ มกนั อยา่ งเร่งดว่ นเพือ่ ใหเ้ กดิ ขึ้นใหไ้ ด้ ส�ำนกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) 233

234 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวิจยั ปัจจุบัน หลายหน่วยงานเล็งเห็นความส�ำคัญอย่างมากในเรื่องผลประโยชน์ชาติและความ มั่นคงทางทะเล ประเด็นน้ีได้ถูกก�ำหนดให้เป็นหนึ่งประเด็นส�ำคัญในยุทธศาสตร์ของประเทศ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในฐานะหน่วยงานหลักในการสนับสนุนการวิจัย ได้มี การก�ำหนดให้เร่ืองการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลเป็นหน่ึงในประเด็นวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ ประเดน็ ท่ี 7 (SRI 7) โดยมงุ่ เนน้ การพฒั นางานวจิ ยั ทท่ี ำ� งานแบบบรู ณาการเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารใชป้ ระโยชน์ เชิงยทุ ธศาสตร์ได้จรงิ นัน่ คือ ตอ้ งมีขอ้ มูลจากผลการวจิ ัยและได้กระบวนการการนำ� ไปใช้ประโยชน์ ที่สนบั สนุนใหม้ นี โยบายแหง่ ชาตทิ างทะเลของประเทศ รวมถงึ มขี อ้ มูลทร่ี อบด้านจะช่วยเพ่ิมโอกาส ในการใช้ประโยชนท์ างทะเลของชาตใิ หเ้ พม่ิ มากข้ึน กระบวนการท�ำงาน กระบวนการท�ำงานของ SRI 7 เริ่มต้นจากการให้ทุนวิจัยเพ่ือท�ำแผนท่ีน�ำทางการวิจัยใน ประเดน็ การรกั ษาผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ างทะเลเปน็ ลำ� ดบั แรก มเี ปา้ หมายเพอื่ ใหก้ ารทำ� งานเปน็ ไป อยา่ งมรี ะบบ เนอ่ื งจากในการสรา้ งผลงานวจิ ยั ทจี่ ะสง่ ผลกระทบเชงิ ยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบาย จำ� เปน็ ต้องใช้การวางแผนท่ีรอบคอบและเขา้ ใจในระดับหนง่ึ ถึงประเด็นหลกั และตน้ ทุนความร้ขู องนักวจิ ัย และผู้เกี่ยวข้องในด้านนี้ ดังน้ัน จึงจ�ำเป็นต้องท�ำให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ปัญหาและบริบท การจัดการงานวิจัยท่ีชัดเจนก่อน ภายใต้การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทางความรู้และงานวิจัยที่ ผ่านมา รวมถึงช่องว่างทางความรู้และช่องว่างทางนโยบายท่ีมี (Knowledge and Policy Gap) เพ่ือน�ำมาพัฒนาแผนงานวิจัยและประเด็นที่จะน�ำมาสนับสนุนการใช้ทุนวิจัยที่ชัดเจนและแผน ขบั เคลอื่ นผลกั ดนั การนำ� ผลงานไปสกู่ ารใชป้ ระโยชนใ์ หเ้ กดิ ขน้ึ อยา่ งเปน็ รปู ธรรม ภายใน 3 ปี เพอ่ื ทจ่ี ะ สามารถส่งผลกระทบตอ่ การนำ� ไปใชส้ นบั สนุนการท�ำงานในระดบั ยุทธศาสตร์ไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ การทบทวนสถานภาพความรแู้ ละยุทธศาสตร์ตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง อาทิ ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี ยทุ ธศาสตรค์ วามมน่ั คงแหง่ ชาตทิ างทะเล นโยบายและแผนของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ผนวกกบั กระบวนการรวบรวมความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วมจากหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้อง ส่ิงที่ได้ท�ำให้เข้าใจ ลกั ษณะจดุ อ่อนของงานวจิ ัยในอดตี พบวา่ การด�ำเนินการวจิ ยั ที่ผ่านมามลี ักษณะเชิงตั้งรบั มากกว่า เชิงรุก ขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้วิจัยหรือหน่วยงานราชการในพ้ืนที่เป็นหลัก จึงขาดแคลนข้อมูล ท่ีรอบด้านและขาดการปรับปรุงให้ทันกับสภาพปัญหาปัจจุบัน ท�ำให้งานวิจัยส่วนใหญ่ยังมีช่องว่าง ทไ่ี มส่ ามารถนำ� ไปปฏบิ ตั ใิ ชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ ปญั หาหลกั ทส่ี ำ� คญั คอื การขาดนโยบายกลางระดบั ชาติ และยุทธศาสตร์ทางทะเลระดับชาติ ท�ำให้การท�ำงานดูแลผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลที่ท�ำงาน แยกกันเป็นส่วน ๆ ขาดประสิทธิภาพ และไม่สอดคล้องในการเชื่อมต่อกันของงานในระดับต่าง ๆ จากระดับสากล ระดบั ชาติ และระดบั ท้องถิ่น

แผนท่นี �ำทาง แผนทน่ี �ำทางการวิจัย SRI 7 ถูกนำ� มาใช้ในการก�ำหนดกรอบทศิ ทางการทำ� งานท่ชี ัดเจนเพือ่ นำ� ไปสูเ่ ปา้ หมายหลักคอื การผลักดนั ใหเ้ กิดนโยบายแห่งชาตทิ างทะเล โดยมแี ผนพัฒนาใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) การวิจยั พฒั นาองคค์ วามรู้ 2) การขับเคล่ือนและขยายผลการวิจัยไปส่กู ารปฏบิ ตั ิ 3) การสรา้ งพัฒนานักวจิ ัยร่นุ ใหม่ 4) การพัฒนาฐานข้อมูล การพัฒนาองค์ความรู้ เน้นการจัดล�ำดับประเด็นเพื่อให้ได้ผลงานเป็นข้อมูลสนับสนุนการท�ำงานและการตัดสินใจ ของผู้ท�ำนโยบาย รวมถึงมีการจัดล�ำดับความส�ำคัญของประเด็นวิจัยที่ค�ำนึงถึงความท้าทายใหม่ ๆ ในประเดน็ เชงิ ลกึ เชิงพ้ืนท่ีและอนื่ ๆ ในการนำ� มาบริหารจัดการผลประโยชนท์ างทะเลอย่างย่งั ยืน การขบั เคลื่อนนโยบายและการขยายผลไปส่กู ารปฏิบตั ิ มีการออกแบบการสนับสนุนทุนวิจัยเพ่ือท�ำกิจกรรมในส่วนน้ีทั้งในด้านการเผยแพร่ความรู้ สสู่ าธารณะ และการสรา้ งเครือขา่ ยวิจยั ในระดับต่าง ๆ และในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจดั เวที สาธารณะ Blue Economy Forum, International Conference on Blue Economy การจดั ท�ำ ค่มู ือประมวลผลงานและความรู้ การท�ำ Policy Brief เป็นต้น การสรา้ งและพัฒนานกั วิจัยรุ่นใหม่ เปน็ ประเดน็ สำ� คญั มากทจ่ี ะทำ� ใหเ้ กดิ การทำ� งานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง มกี ารเปดิ โอกาสและออกแบบ ใหน้ กั วจิ ยั รนุ่ ใหมไ่ ดเ้ ขา้ มารว่ มงานกบั นกั วจิ ยั อาวโุ ส และสรา้ งโอกาสการแลกเปลยี่ นความขอ้ มลู และ ร่วมมอื เปน็ ประจ�ำในประเด็นทห่ี ลากหลายผา่ นเวทีการเผยแพร่ส่สู าธารณะ การพฒั นาฐานข้อมูล เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั มากทจี่ ะตอ้ งวางแผนรว่ มกนั หลายฝา่ ยเนอ่ื งจากความหลากหลายของประเภท ขอ้ มลู และจดุ ประสงคก์ ารนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ รวมถงึ การออกแบบกรอบประเดน็ และรปู แบบของฐาน ขอ้ มลู การเชอ่ื มโยงและตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มลู และระบบการบรหิ ารจดั การใหข้ อ้ มูลทนั สมัยและครบถ้วน เป็นสิ่งท่ีท้าทายและจ�ำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนการท�ำงานหลายหน่วยงาน และการพัฒนาอยา่ งต่อเน่ือง ในส่วนนเ้ี ริม่ จากการสนับสนุนให้พฒั นา Marine Knowledge Hub ส�ำหรบั เชือ่ มโยงขอ้ มลู งานวิจัยและงานกิจกรรมสว่ นต่าง ๆ เขา้ ด้วยกัน สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย (สกว.) 235

236 นวัตกรรมการบรหิ ารจัดการงานวิจัย ภายในระยะเวลา 2 ปี ตัง้ แต่ปี 2559 ทีม่ กี ารเรมิ่ ต้นทำ� แผนทีน่ ำ� ทางการวจิ ยั เกิดการดำ� เนิน งานตามแผนทน่ี ำ� ทาง มกี ารพฒั นาโครงการวจิ ยั ตามลำ� ดบั ประเดน็ งานวจิ ยั ทสี่ ำ� คญั โดยวเิ คราะหม์ า อยา่ งรอบคอบและมสี ว่ นรว่ ม โดยสว่ นใหญร่ ปู แบบการพฒั นาโครงการจะเปน็ ในลกั ษณะนำ� ประเดน็ โจทย์วิจัยไปหารือร่วมกับนักวิจัยที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพในการมีส่วนผลักดันให้เกิด โอกาสสูงในการน�ำผลงานที่แล้วเสร็จไปสู่การใช้ประโยชน์ การพัฒนาโครงการเกิดเป็นชุดกลุ่ม ประเด็นการวิจัยท่ีหลากหลาย และชัดเจน 5 ชุดหลัก ได้แก่ 1) ด้านกฏหมายและพันธกรณีท่ี เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาต่าง ๆ รวมถึงผลกระทบของกติกาสากลท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ทาง ทะเล 2) ด้านการจัดท�ำรายงาน State of the Ocean and Coast of Thailand ฉบบั แรกของไทย 3) ด้านกรอบการประเมินมูลค่าทรัพยากรและศักยภาพเศรษฐกิจสีน�้ำเงินและมาตรการทาง เศรษฐศาสตร์ 4) ด้านการลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางทะเลและการพัฒนาเทคนคิ วธิ กี ารบริหาร จัดการทรัพยากรและลดความเสี่ยง 5) ด้านงานวิจัยที่เป็นประเด็นการพัฒนารูปแบบการท�ำงาน รว่ มกนั ของภาคีทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการจัดการผลประโยชน์ทางทะเลระดับชุมชนพ้นื ท่ี ทบทวนสถานภาพความรูแ้ ละยทุ ธศาสตร์ การพฒั นาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบายในประเดน็ เรง่ ดว่ น ทำ� โดยการรวบรวมความรเู้ พอื่ นำ� เสนอ ในเวทีระดมสมองและร่วมกันหารือเพ่ือหาทางแก้ไขและเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฉบับย่อ (Policy Brief) ซ่ึงการด�ำเนินงานหากได้ความร่วมมือจากภาคีที่ส�ำคัญจะท�ำให้การแก้ไขปัญหา เกดิ ขึ้นไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เชน่ การจดั การขยะทะเล การหาแนวทางจดั การแทน่ ปิโตรเลยี มทห่ี มดอายุ การใชง้ าน การแกไ้ ขปัญหาปะการังฟอกขาว เปน็ ต้น กระบวนการท�ำงานท่ีมีการจัดประชุมระดมความคิด ติดตามและรายงานก้าวหน้างานวิจัย รวมถงึ เวทสี าธารณะในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ ระยะ ๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง รวมถงึ การเชญิ หนว่ ยงาน ทเี่ ปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบหลกั ดา้ นตา่ ง ๆ ของการบรหิ ารจดั การทะเลและผมู้ ปี ระสบการณเ์ ขา้ มาแชรข์ อ้ มลู แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชื่อมโยงสถานการณ์ข้อมูลและความต้องการในการแก้ปัญหา ท�ำให้เกิด ผลลัพธท์ ี่ไดค้ วบคกู่ นั ไปคือ เกดิ การสรา้ งเครือข่ายนกั วจิ ยั ที่สนใจในประเด็นการรกั ษาผลประโยชน์ แห่งชาติทางทะเลท่ีเข้มแข็งและประกอบไปด้วยนักวิจัยและผู้เกี่ยวข้องที่หลากหลายศาสตร์ ความเชย่ี วชาญในเวทเี ดยี วกนั มาจากในมมุ ผใู้ ชผ้ ลงานวจิ ยั และผทู้ ำ� งานวจิ ยั ทำ� ใหเ้ กดิ โอกาสในการ ท�ำงานบูรณาการขา้ มศาสตร์และคิดรอบด้านมากขน้ึ หลงั จากใชแ้ ผนทน่ี ำ� ทางดำ� เนนิ การมาเปน็ ระยะเวลาพอสมควร ทำ� ใหไ้ ดต้ น้ ทนุ ความรใู้ นเรอื่ งที่ ตอ้ งการและจำ� เปน็ เรง่ ดว่ นเพมิ่ ขน้ึ รวมถงึ ขนาดของภาคเี ครอื ขา่ ยทไี่ ดม้ โี อกาสรว่ มกนั ทำ� งานทงั้ ทาง ตรงและทางอ้อมมขี นาดใหญ่ขนึ้ ท่ี เขา้ มามสี ่วนรว่ มในการขบั เคลอ่ื นขบวนการในการจดั ทำ� Policy Dialogue เพอ่ื นำ� ไปสูเ่ ปา้ หมายทีต่ ง้ั ไว้ คือ ไดอ้ งคป์ ระกอบในการสนบั สนุนการพฒั นานโยบายชาติ ทางทะเลให้เกิดขึน้ ไดอ้ ย่างครบถว้ น รอบดา้ นและนำ� ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ย่างเต็มที่

รปู แบบการบรหิ ารจัดการ SRI 7 รูปแบบการบริหารของ SRI 7 เป็นการพัฒนาให้เกิดรูปแบบการส่งต่อความรู้ไปสู่การใช้ ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น เม่ือนักวิจัย ได้รับโอกาสในการท�ำหน้าที่เป็นกรรมการหรือคณะท�ำงานใน หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทกี่ ำ� ลงั ดำ� เนนิ การในเรอื่ งทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เชน่ กรรมการ คณะอนกุ รรมการจดั การความรู้ เพอ่ื ผลประโยชนแ์ หง่ ชาตทิ างทะเล (Marine knowledge management subcommittee/อจชล.) ซ่งึ เปน็ Think Tank ของสภาความมน่ั คงแหง่ ชาติ กรมทรัพยากรทางทะเล ซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานหลัก ในการดแู ลนโยบายรกั ษาผลประโยชนแ์ ละความมนั่ คงแหง่ ชาตทิ างทะเล รวมไปถงึ คณะอนกุ รรมการ ปฏิรูปประเทศในด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำ� ใหส้ ามารถเชอื่ มโยงขอ้ มลู ผลงานวจิ ยั พรอ้ ม ๆ ไปกบั สนบั สนนุ การทำ� งานและการตดั สนิ ใจ ในการพิจารณาโจทย์วิจัยท่ีจะได้รับทุน โดยจะพิจาณาจากการท่ีหน่วยงาน Users ให้ความส�ำคัญ อกี ทงั้ หาแนวทางในการนำ� ผลงานวจิ ยั ในฝา่ ยอนื่ ๆ ของ สกว. มาเชอื่ มโยงกนั เพอ่ื เปน็ ฐานขอ้ มลู และ สนบั สนนุ งานวจิ ยั ท่ยี งั มคี วามตอ้ งการ เชน่ ฝ่ายชุมชนและสงั คม ชุมชนประมงพ้นื บา้ น ฝ่ายท้องถิ่น การจัดการทรัพยากรโดยการมสี ่วนร่วมของประชาชน ฝา่ ยอตุ สาหกรรม ศักยภาพทรัพยากรในการ ทอ่ งเทยี่ วทะเล เปน็ ตน้ ซง่ึ การสรา้ ง Knowledge Platform มบี ทบาทสำ� คญั ทำ� ใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ น เรียนรู้รว่ มกัน และนำ� ไปสกู่ ารก�ำหนดนโยบายที่เป็นรูปธรรมและให้การยอมรบั และนำ� ไปปฏบิ ตั ไิ ด้ สำ� นักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย (สกว.) 237

238 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวจิ ยั ผลลพั ธแ์ ละผลกระทบจากงานวิจยั เป้าหมายหลักของงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ชุดน้ี คือ การเกิดนโยบายผลประโยชน์แห่งชาติ ทางทะเล (National Marine Policy) ภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการผลประโยชน์แห่งชาติ ทางทะเลอย่างยั่งยืนภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากกการเร่มิ สนบั สนุนโครงการในการจัดทำ� แผนที่ น�ำทางการวิจัยประเด็นวิจัยยุทธศาสตร์ เรื่องผลประโยชน์แห่งชาติและความมั่นคงทางทะเล ผลลัพธ์จากการวิจัยท่ีเกิดข้ึนและมีศักยภาพในการน�ำไปสนับสนุนงานระดับยุทธศาสตร์และ นโยบายชาติอาทิ การจัดท�ำกรอบแนวคิดในการก�ำหนดเขตเศรษฐกิจสีน้�ำเงิน (Blue Economic Zone) ส�ำหรับประเทศไทยการน�ำวิธีก�ำหนดเขตเศรษฐกิจสีน้�ำเงินของต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ กบั พนื้ ทก่ี ลมุ่ จงั หวดั ชายฝง่ั ทะเลอา่ วไทยตอนในหรอื อา่ วไทยรปู ตวั “ก” การรายงานผลการประเมนิ มูลค่าทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศป่าชายเลน ซ่ึงหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการบริหารจัดการและ อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทยจะสามารถน�ำมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้ ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนบริหารจัดการได้ ข้อมูลด้านศักยภาพและความพร้อมเชิงนโยบาย และมาตรการของจงั หวดั ชายฝง่ั ทะเลอา่ วไทยและฝง่ั ทะเลอนั ดามนั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ สนี ำ�้ เงนิ เพอื่ นำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการจดั ทำ� แผนแมบ่ ท ยทุ ธศาสตร์ และมาตรการตา่ ง ๆ ดา้ นเศรษฐกจิ สนี ำ�้ เงนิ แนวทางและกรอบการจัดท�ำระบบบัญชีเศรษฐกิจสีน้�ำเงิน (SEEA-Blue Economy) ที่เหมาะสม ส�ำหรับบรบิ ทประเทศไทย และคู่มอื การด�ำเนนิ นโยบายเศรษฐกจิ สนี �ำ้ เงินของประเทศไทย เพ่ือเป็น เครอ่ื งมอื ในการวางกรอบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสีนำ�้ เงินของประเทศไทย เป็นตน้ องค์ความรู้จากชุดโครงการได้มีการน�ำไปใช้ประโยชน์ อาทิ 1) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ความรู้และความเข้าใจจากข้อค้นพบและข้อเสนอแนะในเวที เรื่อง วิกฤติ “ใบเหลือง” อียู: “ผลกระทบต่อประมงไทย” เพื่อน�ำไปสู่การพิจารณาแก้ไขปัญหา 2) ขอ้ มลู บางสว่ นนำ� ไปสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานของคณะอนกุ รรมการจดั การความรเู้ พอ่ื ผลประโยชน์ แห่งชาติทางทะเล (อจชล.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ และสนับสนุนการท�ำงานของคณะท�ำงาน ขบั เคลอื่ นการปฏริ ปู การแบง่ เขตการใชป้ ระโยชนแ์ ละกำ� หนดพนื้ ทค่ี มุ้ ครองทางทะเล สภาขบั เคลอ่ื น การปฎิรูปประเทศ 3) เป็นจุดต้ังต้นของการก่อเกิดความร่วมมือการพัฒนางานวิจัยและขับเคลื่อน การน�ำผลงานวิจัย “ผลประโยชน์แห่งชาติและความมั่นคงทางทะเล” ไปใช้ประโยชน์ ระหว่าง สภาความมน่ั คงแห่งชาติ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ และ สกว. ส�ำหรับประเด็นท่ีมีความส�ำคัญเร่งด่วน ได้มีการจัดท�ำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายทางทะเล ฉบบั ยอ่ เกย่ี วกบั ผลประโยชนท์ างทะเลของประเทศไทย และนำ� ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย 4 ประเดน็ เสนอต่อคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและ การสรา้ งความสามคั คปี รองดองในเรอ่ื งการวางแผนเชงิ พนื้ ทที่ างทะเล ขยะทะเล การกดั เซาะชายฝง่ั และการบริหารจัดการพ้ืนท่ีคุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง เพ่ือน�ำไปสู่การบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มอย่างย่งั ยืน

กิจกรรมพฒั นาคนและเครือขา่ ย ในส่วนของการพัฒนาคนและเครือข่าย มีการด�ำเนินการหลายรูปแบบ อาทิ การจัดเวที Marine Knowledge Platform เพอื่ นำ� ผลการสงั เคราะหข์ อ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย และกรอบแนวทาง การพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งอย่างยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย (Blue Economy) มาสรา้ งความเขา้ ใจและกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความตระหนกั ในแนวคดิ การพฒั นาเศรษฐกจิ สีน�้ำเงินในภาคส่วนต่าง ๆ ซ่ึงนับเป็นโครงการแรก ๆ ที่ขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจสีน้�ำเงินของ ประเทศไทยอยา่ งจรงิ จงั อกี ทงั้ มกี ารจดั เผยแพรง่ านวจิ ยั ในชดุ โครงการทด่ี ำ� เนนิ การเสรจ็ ตอ่ สาธารณะ อย่างต่อเน่ือง อาทิ สถานการณ์และข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการผลประโยชน์ทางทะเลของ ประเทศไทยเพอื่ ความมนั่ คง มง่ั คง่ั และยงั่ ยนื ไดจ้ ดั ทำ� สถานการณท์ ะเลและชายฝง่ั ของไทย (National State of Oceans and Coastal Report หรอื National SOC report) เสนอในการประชมุ นานาชาติ Blue Economy Forum 2017 และในงานประชุมวิทยาศาสตร์ทางทะเล รวมทั้งมีการจัดการ เสวนา Marine Policy Dialog ในประเดน็ ท่ีส�ำคัญร่วมกนั เพือ่ ใหภ้ าคสว่ นตา่ ง ๆ มีสว่ นรว่ มในการ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู และแสดงข้อคดิ เหน็ อาทิ เรือ่ งเศรษฐศาสตรก์ บั การจดั การผลประโยชนท์ างทะเล อยา่ งยงั่ ยนื ของประเทศไทย: สถานภาพองคค์ วามรแู้ ละงานวจิ ยั ทคี่ วรทำ� ในอนาคต และเรอ่ื งเดนิ หนา้ Blue Carbon ของไทยอย่างไรดี ซ่ึงจะเป็นจุดตั้งต้นส�ำหรับการพัฒนาโจทย์วิจัยเครื่องมือทาง เศรษฐศาสตรแ์ ละ Blue Carbon ต่อไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาฝ่ายสวัสดิภาพสาธารณะ (ฝ่าย 3) มียุทธศาสตร์การด�ำเนินงานคล้ายคลึง กับการวิจัยเชิงประเด็นยุทธศาสตร์อยู่แล้ว SRI 7 จึงมีต้นทุนเดิมสูง สามารถออกสตาร์ทและ ขับเคลื่อนผลงานสู่ระดับนโยบาย ผ่านหน่วยงานของรัฐท่ีต้องการข้อมูลผลงานวิจัยใช้ประโยชน์ ได้อย่างดี ประสบการณ์การท�ำงานของฝ่ายฯ ซ่ึงมีท้ังงานวิจัยเชิงรุกและเชิงรับ มีการก�ำหนด เป้าหมายท่ีชัดเจน มีการออกแบบการท�ำงานอย่างเป็นระบบ มีภาคีเครือข่ายที่ต้องการข้อมูล ผลงานวิจัยในการแก้ปัญหาร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือ ท่ีส�ำคัญสามารถจัดกิจกรรมสื่อสาร และสร้างการรับรู้ รวมท้ังสร้าง platform ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องให้กับกลุ่มคนและองค์กรท่ีเก่ียวข้อง ตลอดมา งานต่อไปของ SRI 7 จึงนา่ จะด�ำเนนิ ไปได้ดว้ ยดี เปน็ ตัวอย่างและเป็นต้นแบบที่ดีของ SRI ประเด็นอื่น ๆ ไดด้ ว้ ย สำ� นกั งานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) 239

240 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั นวัตกรรม กทาุนรวบรจิ ิหัยามรจุ่งดั เกปา้าร สกว. ดร.จันทรวภิ า ธนะโสภณ รองผอู้ ำ� นวยการ ส�ำนกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย ฝ่ายการวิจัยมงุ่ เปา้ (2559-2560) ผศ.สภุ าวดี โพธิยะราช ผ้อู ำ� นวยการฝา่ ยการวจิ ัยมงุ่ เป้า ส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั งานวิจัยมุ่งเป้า สกว. เป็นฝ่ายใหม่ที่เกิดในปี 2555 เกิดตามเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) องค์กรกลางท่ีท�ำหน้าที่พัฒนาการบริหารทุนวิจัย เพื่อตอบสนองความต้องการและภารกิจ เรง่ ดว่ นของประเทศ คอบช. ประกอบดว้ ยองคก์ รสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั (Research Funding Agency) 6 องคก์ ร (1ว.+5ส.) ไดแ้ ก่ ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแหง่ ชาติ (วช.) สำ� นักงานกองทนุ สนับสนนุ การวิจยั (สกว.) สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) สำ� นกั งานพฒั นาการวจิ ยั การเกษตร (สวก.) สำ� นกั งานคณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวทน.) สถาบนั วจิ ยั ระบบ สาธารณสุข (สวรส.) และส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ท�ำหน้าท่ีพัฒนาการบริหาร ทนุ วิจัยแบบบูรณาการ ลดความซ�้ำซ้อน มงุ่ สเู่ ป้าหมายความจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งดว่ นและ ถกู ประเดน็ รวมทง้ั ส่งมอบผลงานสำ� คญั สนบั สนุนนโยบายของรฐั ดว้ ย โดยจดั สรรภารกจิ และงบประมาณ ให้แต่ละองค์กรตามกลุ่มเรื่องวิจัยที่ถนัด มีประสบการณ์การบริหารจัดการดี และสร้างประวัติผลงานดี ในงานวิจัยเรื่องน้ัน ๆ มาก่อน ในปี 2554 คอบช. ได้มอบหมายให้ สกว. นำ� ร่องบริหารชุดโครงการวิจัย กลุ่มโลจสิ ติกส์และโซอ่ ปุ ทาน และได้จัดสรร “ทุนวจิ ัยแบบม่งุ เปา้ ” อยา่ งเป็นทางการใหก้ บั องค์กรสนบั สนนุ ทุนวิจยั ทีร่ บั บริหารงานในปถี ัดมา

ในปีเริ่มต้น (2555) คอบช. ก�ำหนดเร่ืองวิจัยเพ่ือด�ำเนินการแบบ “ทุนวิจัยแบบมุ่งเป้า” รวม 5 เรื่อง โดยมอบให้หน่วยสนับสนุนทุน น�ำไปบริหารจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์และบรรลุ เปา้ หมายรว่ มกนั สกว. รับบริหารจัดการทนุ วิจยั 3 เรอื่ ง คอื โลจิสติกส์และโซ่อปุ ทาน การท่องเทย่ี ว และบริการ และยางพารา สวก. บริหารจดั การทุนวิจัยเร่อื งขา้ ว สวทช. บรหิ ารจดั การทุนวิจัยเรอื่ ง มันส�ำปะหลัง ในทุก ๆ ปี มีการขยายก�ำหนดเรื่องและประเด็นวิจัยเพิ่มขึ้น ในปี 2556 คอบช. มอบหมายให้ สกว. บริหารทุนวิจัยเพิ่มในเร่ืองอ้อยและน้�ำตาลปี 2557 เพ่ิมเร่ืองวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ทั้ง 5 เรื่องวจิ ยั อยู่ภายใตก้ ารบริหารจัดการและก�ำกบั ดูแลของ ฝา่ ยอตุ สาหกรรม ส่วนอีก 3 เรือ่ ง ไดแ้ ก่ การศกึ ษา มนษุ ยศาสตร์ และประชาคมอาเซียน ภายใต้การ บรหิ ารงานของฝา่ ยชุมชนและสงั คม ฝา่ ยมนุษยศาสตร์ และฝา่ ยนโยบายชาตแิ ละความสัมพันธช์ าติ ตามลำ� ดับ ปัจจุบัน (2561) สกว. บริหารทุนวจิ ัยแบบมุ่งเป้า รวมทงั้ สนิ้ 8 เร่อื งจาก 23 กลุม่ เรือ่ ง (cluster) แต่ละปอี งค์กรทีร่ บั ผิดชอบงานวจิ ยั มุง่ เปา้ จะไดร้ ับอนุมัติงบประมาณจากรฐั บาลเพ่มิ เติม จากงบปกติ รวมทจ่ี ดั สรรใหท้ กุ องคก์ รและทกุ เรอื่ งทเี่ ปน็ ทนุ วจิ ยั มงุ่ เปา้ ประมาณ 1,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี ทนุ วิจัยมงุ่ เปา้ สกว. เมื่อเร่มิ ดำ� เนินการ อยภู่ ายใตก้ ารบรหิ ารจดั การของฝ่ายอุตสาหกรรม ซ่ึงยังมีการบริหารจัดการทุนวิจัยตามงบประมาณปกติของ สกว. (งบฟังก์ช่ัน) อยู่ด้วยนั้น มี ดร.จนั ทรวภิ า ธนะโสภณ เปน็ ผ้อู ำ� นวยการฝา่ ยอุตสาหกรรม บริหารและก�ำกับดูแลทัง้ งบประมาณ ปกติ และงบทุนวิจัยมุ่งเป้า ต่อมาในปี 2557 สกว. แต่งต้ัง รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ เป็น รองผอู้ ำ� นวยการฝ่ายอุตสาหกรรม และในปี 2559 เมือ่ รฐั บาลมีนโยบายส่งเสรมิ 10 อุตสาหกรรม เป้าหมาย หรือ S-Curve ท�ำให้ฝ่ายอุตสาหกรรมต้องบริหาร ก�ำกับ ดูแล และรับผิดชอบงาน ในพันธกิจเพ่ิมขึ้น มีงบบริหารทุนวิจัยในฝ่ายรวมแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท สกว. จึงต้อง ปรับกลไกการบริหารจัดการทุนวิจัยใหม่ โดยให้ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ด�ำรงต�ำแหน่ง ผู้อ�ำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม และตั้งฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้าขึ้นใหม่ มี ดร.จันทรวิภา ธนะโสภณ ด�ำรงต�ำแหน่งรองผู้อ�ำนวยการ สกว. ด้านการวิจัยมุ่งเป้า และรักษาการผู้อ�ำนวยการฝ่ายการวิจัย มุ่งเป้า (คนแรก) ท�ำหน้าที่ก�ำกับดูแลการบริหารจัดการทุนวิจัยมุ่งเป้า 5 เรื่อง ประกอบด้วย โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน การบริหารจัดการการท่องเท่ียว ยางพารา อ้อยและน�้ำตาล และ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยได้รับอนุมัติงบประมาณปีละ 320-380 ล้านบาท ด้วยภารกิจที่มากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว เพราะเป็นภาคที่ท�ำรายได้สูงให้กับประเทศ ในปี 2559 สกว. จึงแต่งตั้ง ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช เป็นรองผู้อ�ำนวยการฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้า และด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้า ต้ังแต่ ปี 2560 เปน็ ต้นมา สำ� นกั งานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) 241

242 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวิจยั การบริหารจดั การทนุ วิจยั มุง่ เปา้ การด�ำเนินการช่วงแรก (2555-2560) วช. ในฐานะหนว่ ยงานแม่ข่ายของ คอบช. ได้กำ� หนด กจิ กรรมสำ� คญั ตามล�ำดบั ข้ันตอนของแผนงาน ดังนี้ 1. การก�ำหนดกรอบวิจัย และประเด็นวิจัยเป็นรายปี มีบางชุดโครงการท่ีจ�ำเป็นต้อง ทำ� งานวจิ ยั ต่อเน่อื ง 2-3 ปี จะยึดกรอบเดมิ แต่ปรับเปลี่ยนหรอื เพ่มิ เติมประเด็นส�ำคญั ให้ทันต่อนโยบายของประเทศ โดยจัดประชุมผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยผู้แทนของ หนว่ ยงานภาครฐั (ผกู้ ำ� หนดนโยบาย) ผแู้ ทนจากภาคเอกชน (ผทู้ จี่ ะนำ� ผลงานวจิ ยั ไปใช้ ประโยชน์) นักวิชาการ/คณาจารย์ที่จะช่วยเติมเต็มด้านวิชาการให้แก่การด�ำเนินงาน วิจัย เพ่ือร่วมกันก�ำหนดกรอบประเด็นวิจัยให้สามารถตอบสนองความต้องการของ ประเทศไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ (ดำ� เนนิ การโดยฝา่ ยการวจิ ัยม่งุ เปา้ สกว. รว่ มกับ วช.) 2. ประกาศกรอบวจิ ยั ประจ�ำปี (ด�ำเนนิ การโดย วช. และ คอบช.) 3. ประชาสมั พันธ์ทนุ วจิ ัย โดยสญั จรไปตามภูมภิ าคทง้ั 4 คือ ภาคกลาง (กทม.) ภาคเหนอื ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพ่ือสร้างการรับรู้และความเข้าใจ เชิญชวน คณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการท่ีสนใจขอรับการสนับสนุนทุน พร้อมเปิดคลินิกให้ ค�ำปรึกษา/ไขขอ้ ข้องใจของคณาจารย์ และนกั วิจยั (ดำ� เนินการโดยฝ่ายการวิจยั มุ่งเป้า สกว. ร่วมกบั วช.) 4. รบั ขอ้ เสนอโครงการวจิ ยั ทนี่ กั วจิ ยั สง่ เขา้ มา คดั กรองผา่ นระบบ NRMS โดย วช. คดั แยก ขอ้ เสนอโครงการท่ีมาจากนกั วจิ ยั ประวตั ิไมด่ ีออก 5. ข้อเสนอโครงการท่ีผ่านการคัดกรองรอบแรกจากระบบ NRMS วช. จะเป็นผู้ส่งมายัง หน่วยให้ทุน ตามชุดโครงการที่รับผิดชอบ โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็น ผู้คัดกรองตามหลักเกณฑ์การท�ำวิจัย และวัตถุประสงค์ของทุนวิจัยมุ่งเป้า ข้อเสนอ โครงการวิจัยท่ีผ่านการคัดกรองรอบที่ 2 ต้องเป็นโครงการท่ีมีเป้าหมายของผลผลิต และผลลพั ธช์ ดั เจนเปน็ รปู ธรรม สามารถนำ� ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ (เชงิ เศรษฐกจิ เชงิ สงั คม เชงิ นโยบาย และเชงิ วิชาการ) 6. สรปุ ผลการดำ� เนนิ งานเสนอตอ่ คณะกรรมการพจิ ารณาตดิ ตามและประเมนิ ผลการวจิ ยั (บอร์ด 2) เพ่อื เสนอขออนุมตั ิจากคณะกรรมการก�ำกับแผนงานวิจัยท่มี ุ่งเป้าตอบสนอง ความตอ้ งการในการพฒั นาประเทศ (บอร์ด 1)

ปี 2561 เป็นปีแรกที่ส�ำนักงบประมาณโอนเงินงบประมาณสนับสนุนการวิจัยมุ่งเป้ามายัง หนว่ ยให้ทุนโดยตรงตามนโนบายและความประสงค์ของ ศาสตราจารย์ นพ.สทุ ธิพันธ์ จติ พมิ ลมาศ ผู้อำ� นวยการ สกว. เพ่ือให้การท�ำงานคล่องตัว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ยังมีการร่วมประกาศ กรอบวจิ ยั กบั คอบช. เหมอื นเดมิ และเปลย่ี นแปลงบทบาทและภาระหนา้ ทข่ี องคณะกรรมการกำ� กบั แผนงานวจิ ยั ทม่ี ุ่งเปา้ ตอบสนองความตอ้ งการในการพฒั นาประเทศ (บอร์ด 1) จากการประชุมเพ่ือ พจิ ารณาอนุมัตโิ ครงการ เปน็ การประชุมเพอ่ื รับทราบสถานการณ์และผลการดำ� เนนิ งาน ส�ำหรับปี 2562 การด�ำเนินงานจะต้องเดินตามแผนยุทธศาสตร์ปี 2560-2564 ของ สกว. รวมทั้งให้สอดคล้องกับระบบวิจัยของประเทศท่ีมีการปรับเปล่ียนตามแผนบูรณาการการพัฒนา ศักยภาพดา้ นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวตั กรรม ซงึ่ ประกอบด้วยเป้าหมาย ตัวชวี้ ัด และ แนวทางตามยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปดี ว้ ย สกว. จงึ ปรบั วธิ กี ารบรหิ ารจดั การใหเ้ ขม้ ขน้ ขน้ึ เชน่ การปรบั กระบวนการพัฒนาโจทยด์ ว้ ยวธิ ีการจินตนาการภาพผลกระทบ (impact) ท่จี ะเกดิ ขึ้นหลังการวิจัย แลว้ เสรจ็ โดย users จะเปน็ ผกู้ ำ� หนดทศิ ทาง demand และเปน็ ผรู้ บั ผลงานวจิ ยั ไปใช้ นำ� มากำ� หนด แนวทางการทำ� วจิ ยั แสวงหาปัจจยั (input) ออกแบบกระบวนการวิจยั (process) เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลผลิต (output) และผลลัพธ์ (outcome) ยุทธวิธีในการบริหารจดั การทุนวจิ ัยมงุ่ เปา้ สกว. การบริหารจัดการทุนวจิ ยั ม่งุ เปา้ มี 2 ระดับ คอื ระดบั นโยบายอย่ทู ี่ คอบช. และ สกว. และ ระดบั ปฏบิ ตั กิ ารอยทู่ ี่ สกว. ซง่ึ ดำ� เนนิ การโดยสำ� นกั ประสานงานชดุ โครงการ เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารจดั การ ทุนวจิ ัยชดั เจนเป็นรูปธรรม สกว. มีโครงสร้างการดำ� เนินงาน บทบาท และกลไกการดำ� เนนิ งานของ แตล่ ะชุดโครงการ ดังน้ี 1. ผปู้ ระสานงาน (ผปู้ ระสานงานชดุ โครงการวจิ ยั ) เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การในฐานะผไู้ ดร้ บั มอบหมาย จาก สกว. ฝ่ายงานวจิ ัยมุง่ เป้าจะคัดสรรคณาจารยท์ ีม่ คี วามรู้และมปี ระสบการณง์ านวิจยั จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และเชิญมาร่วมงานโดยท�ำหน้าท่ีเป็นผู้ประสานงาน มีพันธกิจ ร่วมกับ สกว. ตั้งแต่ต้นจนเสร็จส้ินกระบวนการ ร่วมพิจารณากรอบและประเด็นวิจัย คัดกรองข้อเสนอโครงการ ออกสัญญารับทุน ติดตามงานวิจัยร่วมกับคณะติดตามและ ประเมินผลอย่างใกล้ชดิ จนปดิ โครงการและใชป้ ระโยชนผ์ ลงานวจิ ัย 2. สำ� นกั ประสานงาน (สำ� นกั ประสานงานชดุ โครงการ) เปน็ สถานทปี่ ฏบิ ตั งิ านของชดุ โครงการ ตงั้ อยใู่ นที่ ๆ ผปู้ ระสานงานสามารถทำ� งานไดส้ ะดวก งา่ ยตอ่ การบรหิ ารจดั การ สว่ นใหญจ่ ะอยู่ ในสถาบนั การศกึ ษาตน้ สงั กดั ของผปู้ ระสานงาน ฯ เชน่ ชดุ โครงการโลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทาน ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนุนการวิจยั (สกว.) 243

244 นวตั กรรมการบริหารจัดการงานวจิ ัย ในช่วงเร่ิมต้น รศ.ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ประสานงาน ส�ำนักประสานงานอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล เม่ือมีการเปล่ียนผู้ประสานงาน ส�ำนักงาน จงึ เปลยี่ นตามดว้ ย และในปปี จั จบุ นั (2561) ผศ.ดร.วชั รพล ชยประเสรฐิ เปน็ ผปู้ ระสานงาน มสี ำ� นกั ประสานงานอยทู่ อี่ าคาร 9 ชนั้ 2 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกำ� แพงแสน เป็นตน้ 3. คณะติดตามและประเมนิ ผล (โครงการติดตามและประเมินผลโครงการ) ฝา่ ยวจิ ัยมงุ่ เปา้ ไดป้ รบั วธิ กี ารจากเดมิ ที่ สกว. เคยปฏบิ ตั กิ นั มา โดยการจดั ใหม้ ผี ทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ดุ โครงการละ 5 คน ประกอบด้วยอาจารยห์ รือนกั วชิ าการที่มคี วามรู้และประสบการณ์ 1 คน อีก 4 คน มาจากผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี (stakeholders) และผจู้ ะใชผ้ ลงานวจิ ยั ปลายทาง (end users) ท�ำหนา้ ทีต่ ัง้ แต่เขา้ ร่วมประชมุ (ทุกคร้ัง) คัดกรองข้อเสนอโครงการ ปรบั แตง่ หรือพฒั นา โครงการ ติดตามโครงการ ให้ความช่วยเหลือทีมวิจัยหากมีปัญหาหรือต้องการข้อแก้ไข วเิ คราะห์ และจดั ทำ� สรปุ สง่ ฝา่ ยมงุ่ เปา้ สกว. (คณะตดิ ตามและประเมนิ ผลมกี ารดำ� เนนิ การ แบบโครงการ มีหลักการและหลักเกนฑ์ในการปฏิบัติ มีแผนด�ำเนินงาน วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสง่ ผลการดำ� เนนิ งาน เนอ่ื งจากตอ้ งปฏบิ ตั งิ านตอ่ เนอ่ื ง แตข่ าดงบบรหิ ารงาน) 4. การด�ำเนินงาน มีแผนการด�ำเนินงานก�ำกับเพ่ือใช้เป็นคู่มือ ทุกคนท่ีเกี่ยวข้องสามารถ ปฏบิ ตั ติ ามไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจและมวี นิ ยั สามารถแกไ้ ขไดท้ นั เหตกุ ารณก์ รณมี ปี ญั หาระหวา่ งทาง เพื่อให้ผลงานออกมาเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายและทันเวลา แผนการด�ำเนินงาน ประกอบด้วย 11 ขน้ั ตอนดงั แผนภาพ 7. ประเมินความกาŒ วหนาŒ โครงการ เผยแพร‹ รอบ 2 เดอื น ผลงานว�จยั 4. ประเมนิ โครงการและคดั เลือกขŒอเสนอ และผลกั ดนั ส‹ู8. ประเมนิ ความกŒาวหนาŒ รอบ 6 เดอื น โครงการโดยผŒูทรงคณุ วุฒิ 9. ประเมินร‹างรายงานฉบบั สมบูรณ 5. พฒั นาโจทยวจ� ยั ร‹วมระหว‹าง 10. ไดรŒ ายงานฉบบั สมบูรณ การใชปŒ ระโยชน ผทŒู รงคุณวฒุ ิและนกั ว�จัย 1. รับขŒอเสนอโครงการ 2. คัดกรองขŒอเสนอ 6. อนมุ ัตทิ นุ วจ� ยั โครงการเบ้อื งตนŒ 3. แตง‹ ตงั้ ผูทŒ รงคุณวุฒิ ทง้ั น้ี สกว. จะจดั ใหม้ เี จา้ หนา้ ทบ่ี รหิ ารโครงการซงึ่ เปน็ พนกั งานประจำ� ของ สกว. ทำ� หนา้ ทช่ี ว่ ย งานบริหารจดั การ รวบรวม วิเคราะหแ์ ละสงั เคราะหโ์ ครงการ 1 คนตอ่ 1 ชดุ โครงการ

ทุนวจิ ัยมงุ่ เปา้ ตอบโจทยร์ ะดบั ประเทศ ชดุ โครงการโลจสิ ติกส์และโซอ่ ปุ ทาน ปัจจุบนั การเชอ่ื มโยงธรกจิ การคา้ สามารถท�ำได้สะดวก รวดเรว็ ส่งผลให้การแขง่ ขนั ทางธุรกจิ มคี วามรนุ แรงมากขนึ้ ประกอบกบั หลายประเทศรวมกลมุ่ กนั เพอ่ื สรา้ งอำ� นาจตอ่ รองในการคา้ รวมทง้ั การขยายเขตเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การขบั เคลอ่ื นไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งและเปน็ ระบบมากยง่ิ ขนึ้ การพฒั นา โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ท�ำให้เกิดการขยายตัวของเมืองและภาค อตุ สาหกรรม ซง่ึ ระบบโลจสิ ตกิ สจ์ ะเปน็ สว่ นสำ� คญั ในการจดั การใหเ้ กดิ การพฒั นาระเบยี งเศรษฐกจิ นี้ ตั้งแต่ตน้ น�ำ้ กลางน้�ำ และปลายน�้ำ ประเทศไทยเปน็ ประเทศทม่ี กี ารสง่ ออกในภาคเกษตรเปน็ อนั ดบั ตน้ ๆ ในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น ส่งผลให้ผู้ขับเคล่ือนนโยบายของประเทศและผู้ประกอบการต้องยกระดับประสิทธิภาพในการ แข่งขันมากข้ึน โลจิสติกส์และโซ่อุปทานจึงเป็นกลไกส�ำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเป็น ตวั ขบั เคลือ่ นกระบวนการบริหารจัดการ การส่งมอบสินค้าและบรกิ ารตา่ ง ๆ แก่ลกู ค้าให้เกิดตน้ ทนุ น้อยที่สุด ระยะเวลาน้อยท่ีสุด มีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ มากท่ีสุดด้วย การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของประเทศจึงมีความส�ำคัญเป็นอย่างย่ิง เพ่อื ใหป้ ระเทศมีการเตบิ โตทางเศรษฐกิจสูงขึน้ ยกระดับประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจัดการโลจสิ ตกิ ส์ ของประเทศ และสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศในเวทกี ารคา้ โลกได้ ดงั นนั้ โลจสิ ตกิ ส์ และโซ่อุปทานจึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจและถือเป็นเร่ืองท่ีรัฐบาลให้ความสนใจโดยบรรจุอยู่ใน ยทุ ธศาสตรข์ องประเทศตลอดมา รัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การน�ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงนโยบายต่อ สภานิติบญั ญตั ิแหง่ ชาติ (สนช.) เมือ่ วนั ท่ี 12 กันยายน 2557 เรือ่ งการวางนโยบายด้านเศรษฐกิจ 17 ด้าน โดยโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องในหลายนโยบาย อาทิ การเตรียมความพร้อมเขา้ สปู่ ระชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานดา้ นการขนสง่ และคมนาคม การส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของประเทศ การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้มแข็ง ทั้งนี้ หากการขบั เคลอ่ื นแผนนโยบายหรอื ยทุ ธศาสตรต์ า่ ง ๆ ของรฐั บาลมขี อ้ มลู ในการประกอบการตดั สนิ ใจ ที่ถูกต้อง และน่าเช่ือถือ ย่อมท�ำให้บรรลุเป้าหมายของแผนนโยบายหรือยุทธศาสตร์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ด�ำเนินไปในทิศทางท่ีเหมาะสม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้เป็นอย่างดี ซง่ึ งานวจิ ยั มสี ว่ นชว่ ยทจี่ ะทำ� ใหเ้ กดิ การตกผลกึ ของขอ้ มลู ในการสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานของรฐั บาล และเปน็ ขอ้ เสนอแนะหรือแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการวิจยั (สกว.) 245

246 นวัตกรรมการบรหิ ารจดั การงานวจิ ัย ชดุ โครงการวจิ ยั โลจสิ ตกิ สแ์ ละโซอ่ ปุ ทานกำ� หนดวตั ถปุ ระสงคข์ องแผนการทำ� กจิ กรรมสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การวิจัย ดงั น้ี 1) เพื่อบริหารจัดการแผนการท�ำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยภายใต้ยุทธศาสตร์/ กรอบการวิจยั ทีต่ อบสนองและสอดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั บาล 2) เพื่อบริหารจัดการแผนการท�ำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยให้แล้วเสร็จตาม ระยะเวลาที่ก�ำหนด และได้ผลการวิจัยตามเป้าหมายของแผนกิจกรรมตามยุทธศาสตร์/ กรอบการวจิ ัยที่กำ� หนด 3) เพื่อบริหารจัดการงบประมาณส�ำหรับแผนการท�ำกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและ คุ้มค่ากับการลงทุน 4) ผลกั ดันผลการวจิ ยั ไปสู่การใช้ประโยชน์ นอกจากน้ีชุดโครงการวิจัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทานได้จัดท�ำกรอบวิจัยไว้ก�ำกับการสนับสนุน ทุนรวม 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเพ่ิมขีดความสามารถระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานของ 10 อตุ สาหกรรมเปา้ หมาย ดา้ นการเพมิ่ ศกั ยภาพการขนสง่ สนิ คา้ ผา่ นแดน และสนิ คา้ ขา้ มแดน (ตง้ั แต่ ต้นทางถึงปลายทาง) ด้านการจดั การโซค่ ุณคา่ เพื่อยกระดบั ประสทิ ธภิ าพการจดั การโลจสิ ตกิ ส์ และ ดา้ น Intelligent Logistics/Transport System ดังแผนภาพ

กรอบการวิจัยของชุดโครงการวจิ ยั โลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อปุ ทาน กรอบวิจยั ด้านการเพิ่มขีดความสามารถระบบโลจสิ ติกสแ์ ละโซ่อุปทานของ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย 1กรอบวจิ ัยที่ • การวเิ คราะหค์ วามต้องการในอตุ สาหกรรมตอ่ เนือ่ งจากการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานการขนสง่ ทางบกทางอากาศและ ทางนำ้ � เชน่ อตุ สาหกรรมยานยนต์ (ยานยนตส์ มยั ใหม่ เชน่ ยานยนต์ไฟฟา้ ) เครอ่ื งจกั รและชน้ิ สว่ น/อะไหลส่ ำ�หรอั ากาศยาน • การพฒั นาแนวทางการใชเ้ ทคโนโลยีในระบบโลจิสติกส์ทส่ี อดรับกับกลไกการขับเคลือ่ นเศรษฐกิจดว้ ย 10 อตุ สาหกรรมเป้าหมาย • การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการเชือมโยงดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ (Logistic Connectivity) ในระดบั ภูมภิ าคและระดบั ประเทศ กรอบวิจยั ด้านการเพ่มิ ศกั ยภาพการขนสง่ สนิ คา้ ผา่ นแดน และสนิ คา้ ขา้ มแดน (ตง้ั แต่ตน้ ทางถึงปลายทาง) • การยกระดบั ศกั ยภาพระบบโลจิสติกส์ตามแนวเสน้ ทางระเบยี งเศรษฐกจิ ตะวนั ออก (Eastern Economics Corridor) 2กรอบวจิ ัยที่ • การวจิ ยั เพื่อกำ�หนดแนวทางทเี่ หมาะสมในการจดั ต้งั และดำ�เนนิ งานของศูนย์ขนถ่ายสินคา้ ชายแดน และศนู ย์กระจายสินค้า (Distribution Center) เปน็ ต้น • การพฒั นานโยบายและกฏระเบยี บทเ่ี หมาะสม เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพระบบโลจสิ ตกิ สข์ องการขนสง่ สนิ คา้ ผา่ นแดนและสนิ คา้ ขา้ มแดน • การวิจยั เพ่ือกำ�หนดแนวทางการใชร้ ะบบ National Single Window ในการพฒั นาระบบการค้า และเพม่ิ ศักยภาพระบบ โลจิสติกส์ในพื้นท่เี ศรษฐกิจสำ�คญั บริเวณชายแดน กรอบวจิ ยั ดา้ นการจัดการโซ่คุณคา่ เพ่ือยกระดบั ประสทิ ธิภาพการจัดการโลจสิ ตกิ ส์ • การวจิ ยั คณุ คา่ เพอื่ ยกระดับการบรหิ ารจดั การระบบโลจสิ ติกส์ให้กลุ่มเกษตรกร และองค์กรเกษตรกร ยกระดบั ความรว่ มมอื 3กรอบวจิ ยั ที่ ระหว่างภาคเกษตรและอตุ สหากรรม เนน้ สินคา้ เกษตรท่ีสำ�คญั เชน่ ข้าว ขา้ วโพด ยางพารา ปาล์มนำ้ �มนั สนิ ค้าเกษตรทีม่ ี มูลคา่ สูง อาหารเพอื่ สขุ ภาพ อาหารอนิ ทรีย์ และสินคา้ เกษตรแปรรปู • การบริหารจัดการระบบโลจิสตกิ ส์และโซอ่ ุปทานสนิ คา้ ฮาลาลโดยอาศยั Demand Chain (ห่วงโซ่อุปสงค์) เปน็ ตัวต้งั เพ่ือการ บริโภคในประเทศและการส่งออก • การพัฒนาแนวทางการใช้ประโยชนจ์ าก Digital Economy เพ่อื ยกระดบั ประสิทธภิ าพการจัดการโลจสิ ตกิ ส์ • การจัดการโลจสิ ตกิ ส์แบบยอ้ นกลบั (Reverse Logistics) เพอ่ื ส่ิงแวดล้อมและความปลอดภัย กรอบการวิจัยดา้ น Intelligent Logistics/Transport System • การพฒั นาระบบโลจสิ ติกส์มคี วามสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมอื งเพอ่ื รองรบั การขยายตัวของเมอื งในอนาคตอยา่ ง บูรณาการร่วมกับแนวทางการจดั การด้านการจราจรและการขนส่ง (Transportation Demand Management) ของระบบ ขนส่งในเขตเมอื ง (Urban Transportation System) 4กรอบวิจัยที่ • การศกึ ษารปู แบบการบรหิ ารจัดการโครงการกอ่ สร้างระบบคมนาคมขนาดใหญ่ เพ่อื ลดผลกระทบในระหว่างการก่อสรา้ ง • การศกึ ษาและวเิ คราะห์โครงข่ายการเดนิ ทางทางบกและทางนำ้ � เพือ่ ใหเ้ กดิ การบูรณาการการขนสง่ ตอ่ เนอ่ื งหลายรูปแบบ ทม่ี ีประสทิ ธิภาพ • แนวทางการพัฒนานโยบายและการใช้ยานยนต์สมยั ใหมส่ ำ�หรับการขนสง่ ในเขตเมือง (Urban Transportation) เพือ่ ความยัง่ ยนื และส่ิงแวดล้อม • ระบบการจราจรอจั ฉรยิ ะเพือ่ ความประหยดั ปลอดภัย และสิง่ แวดล้อม (Intelligent Traffic System for Save Safety and Environment) • การศกึ ษาแนวทางการบรหิ ารจัดการ เพ่อื เพม่ิ ประสิทธิภาพการใชป้ ระโยชน์จากโครงสร้างพนื้ ฐานในปัจจุบันและอนาคต ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การวิจยั (สกว.) 247

248 นวัตกรรมการบรหิ ารจัดการงานวิจยั ในภาพรวม งานวิจยั ของชุดโครงการวจิ ยั โลจิสติกสแ์ ละโซอ่ ุปทาน ตงั้ แต่ปี 2554-2561 มี แผนงาน/โครงการวจิ ยั รวม 124 แผนงาน/โครงการ ใชง้ บประมาณสนบั สนนุ รวม 498,684,715 บาท มหี น่วยงานทน่ี ำ� ผลวจิ ัยไปใช้ประโยชน์ ไดแ้ ก่ หอการค้าจงั หวดั ทั่วประเทศ สมาพันธ์โลจสิ ตกิ สไ์ ทย กลมุ่ เกษตรกร วสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย สภาหอการคา้ แห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัท ทา่ อากาศยานไทย จำ� กดั (มหาชน) กระทรวงการตา่ งประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอตุ สาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณชิ ย์ ตวั อยา่ งผลงานวจิ ยั เดน่ ของชุดโครงการโลจิสติกส์และโซ่อปุ ทาน 1. โครงการวจิ ัย “การวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาระบบโลจิสตกิ ส์โรงพยาบาลชุมชน” ได้แบบประเมินเพื่อเพิ่มศักยภาพและการจัดการด้านโลจิสติกส์ในโรงพยาบาลชุมชน โดยได้น�ำไปใช้จริงกับโรงพยาบาลชุมชน 20 แห่ง เพ่ือเป็นต้นแบบระดับปฏิบัติการให้โรงพยาบาล ท่ัวประเทศ ผลวิจัยท�ำให้ผู้ป่วยนอกลดระยะเวลาในการรอคอยตั้งแต่กระบวนการของห้องบัตร จนไปถึงหอ้ งรับยา ท�ำใหผ้ ปู้ ่วยไดร้ บั การรักษาพยาบาลเรว็ ข้นึ และทำ� ให้โรงพยาบาลลดการส�ำรอง คงคลงั และสามารถพัฒนาระบบเชอ่ื มโยงข้อมูลในหน่วยงานให้มีประสิทธภิ าพมากยิ่งขึ้น งานวิจยั ได้ Implement ทงั้ ระบบกบั โรงพยาบาลสวี จังหวัดชุมพร และโรงพยาบาลสวนผง้ึ จังหวดั ราชบรุ ี โดยปรับปรงุ ประสทิ ธภิ าพให้ดีขน้ึ ดังนี้ • โรงพยาบาลสวี จังหวัดชมุ พร ระยะเวลารอคอยท่ีผปู้ ่วยนอกอยูใ่ นระบบท้ังหมด (ท�ำบัตร-รบั ยา) ลดลง 27% • (จากเดมิ ใช้เวลา 39 นาที ภายหลงั จาก implement ลดลงเหลือ 18 นาท)ี ระยะเวลารอคอยแพทย์ ลดลง 54% (จากเดิมใช้เวลา 118 นาที ภายหลังจาก implement ลดลงเหลือ 86 นาที) ••• โรงพยาบาลสวนผ้ึง จงั หวดั ราชบุรี มลู ค่าคงคลงั และอตั ราคงคลังของยา ลดลง 229,618.87 บาทต่อเดือน มลู ค่าคงคลังและอัตราคงคลงั ของวสั ดุท่ัวไป ลดลง 3,504.35 บาทตอ่ เดือน มลู ค่าคงคลังและอัตราคงคลงั ของวสั ดกุ ารแพทย์ ลดลง 143,971.99 บาทตอ่ เดือน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook