Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ภาษาไทย - ท้องถิ่น

แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ภาษาไทย - ท้องถิ่น

Description: แนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ภาษาไทย - ท้องถิ่น

Search

Read the Text Version

การล�ำดบั ค�ำศพั ท์ทใี่ ชส้ อน ประเดน็ ส�ำคัญ ในช่วงต้น ๆ ผูเ้ รียนฟังครบู อก และท�ำตามทีค่ รูบอก หลังจากนัน้ ภายใน ๒ - ๔ สัปดาห์ ผู้เรียนก็จะมีพัฒนาการสูงขึ้นและพร้อมจะพูดซ่ึงครูจะส่งเสริมให้ผู้เรียนท่ีพร้อมน้ันออกมา เปน็ ผู้บอกหรือออกคำ� ส่ังแทนครใู นการฝึก ขอ้ ควรระวงั ครไู มค่ วรแนะน�ำค�ำใหม่เขา้ มาสอนเรว็ เกนิ ไป และไม่ควรจะสอนคำ� ใหม่ เกินกว่า ๓ คำ� ต่อกจิ กรรมแต่ละคาบ มีล�ำดบั ในการจดั กจิ กรรมการสอนแบบ ทพี อี าร์ ดังนี้ ช่วั โมงที่ ๑ - ๖ ใชค้ �ำศัพท์ที่เป็น TPR - B รวมถึงกรยิ าทีแ่ สดงทศิ ทาง โดยผู้พดู เป็นศูนยก์ ลาง และค�ำขยายพืน้ ฐานทเ่ี ก่ยี วกบั รา่ งกาย ชั่วโมงที่ ๗ - ๑๒ เรมิ่ นำ� เอากลมุ่ คำ� ศัพทท์ ีเ่ ป็น TPR - O เข้ามาร่วม โดยรวมเอา คำ� บุพบทแสดงต�ำแหนง่ และลกั ษณะนาม จำ� นวนนบั ชว่ั โมงที่ ๑๓ - ๑๕ เริ่มนำ� เอาคำ� คุณศัพทเ์ ขา้ มา เช่น รูปรา่ ง สี ขนาด ชว่ั โมงท่ี ๑๖ - ๒๐ เรมิ่ น�ำเอากลมุ่ คำ� ศพั ท์ TPR - P เข้ามารว่ มกบั ค�ำศพั ท์อื่น ๆ ท่รี คู้ วามหมายแลว้ ช่วั โมงที่ ๒๑ - ๓๖ นำ� เอาค�ำศพั ท์ในทั้งสามกลุม่ มารวมกนั ใช้ใหซ้ บั ซอ้ นขึ้น ชวั่ โมงท่ี ๓๗ - ๕๖ รวม ทพี ีอารท์ ุกประเภทเข้ามาทบทวนและใชฝ้ ึก พัฒนาให้ยาวข้ึน เปน็ เรอ่ื งราวตอ่ เนอ่ื ง ช่วั โมงท่ี ๕๗ - ๙๖ น�ำคำ� ศัพทท์ ัง้ สก่ี ลุ่มมารวมกนั และให้ผเู้ รียนตอบคำ� ถามง่าย ๆ สนั้ ๆ เรมิ่ นำ� ค�ำศพั ทส์ ำ� คัญ ๆ ในวิชาต่าง ๆ ท่เี ป็นภาษาไทยเขา้ มาใหเ้ รยี นรู้ ช่ัวโมงที่ ๙๗ - ๑๖๐ เริ่มน�ำหนังสอื รูปภาพเขา้ มาและใหผ้ ้เู รียนพดู เกีย่ วกับภาพและ รวมถงึ TPR - S กลมุ่ คำ� ศพั ท์ท้งั ส่กี ล่มุ และเริม่ น�ำเพลงเดก็ เข้ามาฝกึ การเลอื กใช้คำ� ศพั ท์ ก�ำหนดคำ� ท่เี กี่ยวกับคน สตั ว์ ส่ิงของ กรยิ าการกระทำ� ซง่ึ ผเู้ รยี นคุ้นเคย ในชว่ ง ๒ - ๔ สัปดาห์แรก เม่ือผู้เรียนพร้อม ครูจะยกระดับสูงข้ึนโดยใช้รูปภาพมาประกอบหรือเล่านิทาน หลังจากนั้น ครูอาจใชก้ ารสอนแบบ ทีพอี าร์ โดยเริม่ ใช้คำ� ศัพทจ์ ากบทเรยี นวิชาตา่ ง ๆ 193

ตารางการจัดการเรียนการสอน การจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response/TPR) ส�ำหรบั โรงเรยี นทีม่ ีผ้เู รียนใช้ภาษาทอ้ งถ่ินสือ่ สารในชวี ิตประจ�ำวนั ครูควรเริ่มจัดการเรียนการสอนหลังจากท่ีเด็ก ๆ ได้เรียนรู้ในภาษาแรกที่ตนเองสื่อสาร โดยเริ่มในภาคเรียนทสี่ องของช้ันอนบุ าล ๑ (เมอื่ ครูได้ทดสอบความรทู้ างภาษาไทยของเดก็ ๆ แล้ว) ซง่ึ จะจดั การสอนภาษาไทย แบบพที ีอาร์ ทุกวันจนั ทรถ์ งึ วนั ศุกร์ วนั ละ ๒ คร้งั คอื ๑. ชว่ งเช้าจ�ำนวน ๑๕ นาที ระหวา่ งเวลา ๐๘.๔๕ น. - ๐๙.๐๐ น. ๒. ชว่ งบา่ ยจำ� นวน ๑๕ นาที ระหวา่ งเวลา ๑๔.๔๕ น. - ๑๕.๐๐ น. สว่ นในสปั ดาหท์ ่ี ๑๗ ของภาคเรยี น จัดเป็นเวลาทดสอบการเรียนรทู้ ่ผี า่ นมาทัง้ หมด การวัดและประเมนิ ผล ในการวัดและประเมินผลทักษะการฟังและการพูด แบบทีพีอาร์ ควรใช้วิธีการท่ีหลากหลาย เช่น สังเกตพฤติกรรม สนทนาซักถาม และประเมินจากแบบทดสอบทักษะการฟังและการพูดท่ีเด็ก เรยี นรู้ โดยมกี ารประเมินดังตัวอยา่ งเกณฑ์ ตอ่ ไปนี้ ตอนที่ ๑ แบบทดสอบทักษะการฟังเพ่อื เข้าใจความหมายของคำ� ศพั ทแ์ ละปฏบิ ัติ ตามคำ� สั่งได้ จำ� นวน ๑๐ ข้อ และแบบทดสอบการปฏิบัตคิ ำ� ส่ัง ๗ - ๑๐ ค�ำสงั่ ตอนที่ ๒ แบบทดสอบทักษะการพูด โดยครูถามค�ำถามและให้ผู้เรียนตอบจ�ำนวน ๕ ข้อ ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการทดสอบขอ้ ละ ๑ นาที โดยผทู้ ดสอบออกค�ำสัง่ ชา้ ๆ ซำ�้ ๆ รวม ๓ ครง้ั เกณฑ์การให้คะแนน แบง่ เป็นระดบั ๓ ระดับ ๒ และระดับ ๑ ตามคุณภาพทผ่ี ู้เรียนสามารถ เรยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ิได้ คมู่ ือ/ข้ันตอนในการทดสอบ ๑. เตรียมการทดสอบ ผดู้ �ำเนินการทดสอบเตรียมการทดสอบ ดังน้ี - ตรวจจ�ำแนกแบบทดสอบให้ครบถ้วนและเขียนช่ือของผู้รับการทดสอบที่เตรียมไว้ ใหพ้ รอ้ ม - ศึกษาแบบทดสอบและคู่มือให้เข้าใจกระบวนการท้ังหมดจนสามารถอธิบายค�ำส่ังได้ ด้วยค�ำพดู ทีช่ ัดเจนเป็นธรรมชาติ - จัดสถานท่ีสอบให้อยู่ในสภาพท่ีสะดวกสบาย จัดโต๊ะเก้าอ้ีให้เหมาะสมกับผู้รับ การทดสอบ - ก่อนเริ่มการทดสอบ ควรให้เด็กท�ำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมความพร้อม และ สรา้ งสมาธใิ นการทดสอบ 194

คมู่ อื /ข้ันตอนในการทดสอบ (ตอ่ ) ๒. วิธีการทดสอบ - ผู้ด�ำเนินการทดสอบสร้างความคุ้นเคยกับผู้รับการทดสอบโดยการทักทาย สนทนา พูดคยุ เพอ่ื ใหเ้ ขาคลายความกังวล เมอ่ื เห็นว่าผู้รับการทดสอบพรอ้ มจงึ เร่มิ การทดสอบ - ด�ำเนินการสอบตามลำ� ดับ โดยผู้รบั การทดสอบเป็นผลู้ งมอื ปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเอง ดงั น้ี ๑) ผู้ด�ำเนินการทดสอบแนะน�ำอุปกรณ์ท่ีต้องใช้ในการทดสอบโดยใช้ภาษาพูดท่ีชัดเจน และเข้าใจง่าย ๒) ผรู้ ับการทดสอบลงมอื ปฏิบตั ติ ามค�ำแนะน�ำของผดู้ ำ� เนนิ การทดสอบข้อแรก ๓) เมอ่ื ทดสอบโดยปฏิบัตเิ สร็จเรียบร้อยแลว้ จงึ ด�ำเนนิ การทดสอบในขอ้ ต่อไป ๔) ในขณะทดสอบผู้ด�ำเนินการทดสอบต้องสังเกตและบันทึกคะแนนของผู้รับ การทดสอบในแบบบันทกึ คะแนนเวลาในการทดสอบคือ ข้อละ ๑ นาที โดยผู้ด�ำเนินการ ทดสอบออกค�ำส่ังช้า ๆ ซ้ำ� ๆ ๓ คร้งั อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทดสอบไดแ้ ก่ ค่มู อื หรือ เอกสารแสดงข้ันตอนการทดสอบและแบบทดสอบ อุปกรณ์ท่ีก�ำหนดไว้ในแต่ละข้อ ของแบบทดสอบ แบบบันทึกคะแนนและนาฬกิ าจบั เวลา ส่ือและอุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการสอน อุปกรณ์ประกอบในการสอนค�ำศัพท์ภาษาไทยน้ัน ครูควรใช้วัสดุท่ีมีอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ หรือหาได้จากชุมชนและถ้าจ�ำเป็นต้องผลิตขึ้นใหม่ ครูก็สามารถท�ำข้ึนได้เองอย่างง่าย ๆ และใช้วัสดุราคา ไมแ่ พง เชน่ กระดานสำ� ลี ภาพวาดขนาดใหญ่ (ฉากภาพวัฒนธรรม) กระดานด�ำหรือกระดานไวทบ์ อรด์ ๑. กระดานสำ� ลแี ละภาพ ใชส้ �ำหรับการสอน ทีพีอาร์ ปะติด - แกะ - ดงึ ออก สื่อการสอนชนิดนี้ครูที่สามารถจัดท�ำขึ้นได้เองง่าย วัสดุประกอบด้วย กระดาษแข็งหรือ แผ่นพลาสติกแข็ง ผ้าส�ำลีผ้ากาวแบบหนาสีเทียนหรือสีอ่ืน ๆ กรรไกร ดินสอ เข็มหมุดส�ำหรับติดผ้า กับกระดาษแข็งหรือจะใช้กระดาษกาวหรือลวดเย็บกระดาษแทนเข็มหมุดก็ได้ มีขั้นตอนการท�ำมีข้ันตอน การท�ำ ดงั นี้ 195

๑.๑ กระดานส�ำลี โดยการน�ำผ้าส�ำลมี าคลมุ ลงบนกระดาษแขง็ หรอื แผน่ พลาสติกแขง็ ขนาด ประมาณ ๑ เมตร เก็บมุมผ้าดว้ ยกระดาษกาวหรอื ลวดเยบ็ กระดาษ ให้เรียบร้อย อยา่ ใหร้ ิมผ้าลุ่ย ๑.๒ ภาพชุดค�ำศัพท์ ส�ำหรับปะติดบนกระดานส�ำลี ซ่ึงตามสาระและหน่วยการเรียนรู้ เช่น ชดุ สตั ว์ ชดุ ธรรมชาติ ชุดเครอ่ื งใช้ในครัว เป็นต้น ๑) จัดหาหรือวาดภาพชุดค�ำศัพท์ลงบนผ้ากาว (ด้านท่ีไม่มีเกล็ดกาว) เพื่อท�ำต้นแบบ ค�ำศพั ท์ เช่น ภาพชุดสตั ว์ ภาพปู ปลา ชา้ ง แมว นก ภาพชดุ ธรรมชาติ เชน่ ภเู ขา ต้นไม้ พระอาทิตยแ์ มน่ �ำ้ คลองทะเล เปน็ ตน้ ๒) ระบายสภี าพวาดนัน้ ใหส้ วยงามตามตอ้ งการ ๓) ใชก้ รรไกรตดั ตามภาพที่วาดไว้สำ� หรับท�ำภาพตน้ แบบ ๑.๓ การจดั ท�ำสำ� เนาภาพ โดยน�ำต้นแบบมาจดั ทำ� ส�ำเนาตามจ�ำนวนนกั เรยี นหรือ หลายชดุ สำ� หรับใหเ้ ด็กฝกึ พร้อม ๆ กันหลาย ๆ คนได้ ๒. ฉากภาพขนาดใหญ่ ใช้สำ� หรบั การสอนทพี ีอาร์รูปภาพ - ช้ี สอ่ื การสอนชนดิ นี้ ประกอบดว้ ย ๑) ฉากภาพขนาดใหญ่ และ ๒) กิ่งไม้ยาวหรอื ไม้บรรทัดขนาดยาวไวส้ ำ� หรบั ชี้ ฉากภาพขนาดใหญ่ควรเป็นภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ส�ำหรับ ใช้สอนความหมายตามหมวดค�ำศัพท์ท่ีต้องการ โดยควรมีกิจกรรม หลายอย่างหรือแสดงกริยาหลายอย่างในภาพเดียวกัน สามารถ ใช้สอนได้หลายเรื่อง หากเป็นภาพท่ีวาดขึ้นเอง โดยครูหรือคนใน ชุมชนภาพ ควรมีเน้ือหาสอดคล้องกับวิถีชีวิต เช่น สถานที่ ที่นักเรียนอยู่ ประเพณีวัฒนธรรม กิจกรรมหรือสถานท่ีส�ำคัญ ของชุมชนในภาพควรมีเร่ืองหรือเหตุการณ์หลากหลาย ครอบคลุมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนน้ัน ๆ สำ� หรบั ใชเ้ ป็นสือ่ ในการสอนใหส้ อดคลอ้ งตามสาระและหนว่ ยการเรยี นรไู้ ด้หลาย ๆ หน่วยตลอดปี 196

๓. กระดาน ใชส้ �ำหรบั การสอน ทีพอี าร์ วาด - ลบ ส่ือการสอนชนิดนี้มีชุดอุปกรณ์ในการสอน ได้แก่ ๑) กระดานด�ำหรือกระดานชนวนหรือกระดานไวท์บอร์ด ๒) ชอล์กสี ดินสอชนวนหรือปากกาไวท์บอร์ดสีต่าง ๆ เท่าท่ีหาได้ ๓) แปรงลบ กระดาน และ ๔) ชดุ ค�ำศพั ทท์ ่ีจะสอนในแต่ละหนว่ ยการเรยี นรู้ ๔. ภาพวาดภาพลายและชุดค�ำศัพท์เกี่ยวกับสถานท ่ี ใช้ส�ำหรับการสอน ทีพีอาร์รูปภาพเดินทาง อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดท�ำ ได้แก่ กระดาษเอ ๔ แบบหนา กรรไกร ดินสอ สไี ม้ สีเทยี นหรือสอี ่นื ๆ ปากกา และ กระดาษกาวหรอื เทปใส มีข้ันตอนจดั ท�ำ ดงั น้ี ๑) เตรียมชุดค�ำศัพท์เกี่ยวกับสถานที่ เช่น โรงเรียน วัด โรงพยาบาล สถานีอนามัย สถานตี ำ� รวจ สนาม ฟุตบอล สวนยาง ป่า ทะเล ฯลฯ ค�ำศัพท์แต่ละค�ำควรมี จำ� นวนเพยี งพอท่ผี ู้เรยี น จะเข้ารว่ มไดพ้ ร้อม ๆ กนั หลาย ๆ คน ๒) วาดภาพต่าง ๆ ตามชุดค�ำศัพท์ลงบน กระดาษเอ ๔ ส�ำหรับใช้เป็นต้นแบบ (หรือใช้ภาพถ่ายจาก สถานที่จรงิ ก็ได้) ๓) ใชส้ ีไมส้ ีเทียนหรือสีอน่ื ๆ ระบายภาพวาดใหส้ วยงาม ๔) เขียนช่ือสถานที่ของภาพลงบนกระดาษเอ ๔ เพื่อให้ความเข้าใจความหมายตรงกันและ ผเู้ รยี นจะได้คนุ้ เคยกับตัวหนังสือซ่ึงมคี วามหมายตรงกับภาพ เมื่อจะสอนครูน�ำภาพสถานท่ีต่าง ๆ น้ันไปติดไว้ที่ผนังรอบ ๆ ห้องเรียนให้มีระยะห่างกัน พอสมควร 197

บทบาทของครแู ละผเู้ รยี น บทบาทหน้าที่ของครใู นการสอนแบบทีพีอาร์ ๑. ครูศึกษาวิธีการสอนและข้ันตอนการจัดท�ำแผน การจัดประสบการณ์วิธีสอนแบบทีพีอาร์ (Total Physical Response) ใหเ้ ขา้ ใจและใชค้ ล่อง ๒. ก่อนจะด�ำเนินกิจกรรมครูเตรียมส่ือการสอน ให้พรอ้ มและเพียงพอกบั จำ� นวนเด็ก ๓. สร้างข้อตกลงและอธิบายขั้นตอนในการปฏิบัติ กจิ กรรมใหเ้ ดก็ เขา้ ใจชดั เจน ๔. ขณะจัดกิจกรรมครูต้องคอยสังเกตเด็กแต่ละคน อย่างใกล้ชิดเพ่ือรู้ว่าเด็กปฏิบัติตามค�ำส่ังได้หรือไม่และถ้ามีเด็ก ที่ปฏิบัติไม่ได้ครูจะต้องจัดการสอนเฉพาะเด็กคนน้ันโดยเร่ิมต้น กระบวนการสอนค�ำศัพทแ์ ละปฏบิ ัตพิ รอ้ ม ๆ กับผเู้ รยี น ๕. ถ้าเด็กท�ำไม่ได้ครูต้องไม่ต�ำหนิเด็กแต่ครูจะให้ก�ำลังใจเดก็ ทำ� ใหด้ ใู หม่และชวนใหฝ้ กึ ไปพร้อม ๆ กบั ครู ๖. ในการหาอาสาสมัครมาด�ำเนินกิจกรรม ครูไม่ควร ระบุเด็กคนใดคนหนึ่งหรือให้ผู้ท่ีไม่พร้อมออกมาเป็นอาสาสมัคร เพราะจะเป็นการกดดันท�ำให้ผู้เรียนไม่ม่ันใจในทางกลับกัน ครูควร เลอื กผทู้ ม่ี คี วามพรอ้ มหรือให้เดก็ อาสาออกมาทำ� กจิ กรรมเอง ๗. พยายามจัดกิจกรรมให้อยู่ในช่วงเวลาท่ีก�ำหนดหรือ ช่วงท่เี ด็กยงั สนใจคอื ประมาณ ๑๕ - ๒๐ นาที ๘. สังเกตและเชิญชวนให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรม อย่างท่ัวถงึ ใหค้ วามสำ� คัญกับผูเ้ รยี นทุก ๆ คน ถา้ พบว่าคนไหนไมส่ นใจ ร่วมกจิ กรรมครูควรใชว้ ิธกี ารทเี่ หมาะสมในการช้ชี วน ๙. ประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรมในขณะจัด ประสบการณต์ ามแผนทง้ั เป็นรายบุคคลและรายกลมุ่ ๑๐. ทดสอบความสามารถในการส่ือสาร ของเด็กปฐมวัยทั้งก่อนและหลังการพัฒนาเพื่อเปรียบเทียบ ผลการเรียนรูข้ องผู้เรียน 198

บทบาทหนา้ ทขี่ องผเู้ รยี นในการเรยี นแบบทีพอี าร์ ในการจัดประสบการณแ์ บบทีพีอาร์ (Total Physical Response) ควรปฏิบตั ดิ ังน้ี ๑. มสี ว่ นร่วมในการสร้างข้อตกลงหรือกำ� หนดกติกาในการด�ำเนินกจิ กรรม ๒. ปฏบิ ัติตามข้อตกลงขณะท�ำกิจกรรม ๓. เขา้ ร่วมกิจกรรมตามแผนการสอนแบบทพี อี าร์ (Total Physical Response - TPR) ทุกข้นั ตอน ดังต่อไปนี้ - ฟังคำ� สง่ั และดูตัวอยา่ งจากครใู นการสาธิตค�ำศพั ทแ์ ละความหมาย ๓ คร้ัง - ใหค้ วามร่วมมอื ในการออกมาเปน็ อาสาสมคั ร - ฟงั คำ� สง่ั และดูตามครู อาสาสมัครปฏิบัติพรอ้ มกนั ๓ คร้ัง - ฟังคำ� สั่งและดูอาสาสมคั รปฏบิ ัติเอง ๓ ครง้ั - ฟังค�ำส่ังและผ้เู รยี นปฏบิ ตั พิ รอ้ มกัน ๓ คร้งั - ฟงั ค�ำสั่งและผู้เรยี นกล่มุ ย่อยปฏบิ ัติพร้อมกัน ๓ ครัง้ - ฟงั คำ� สงั่ และผู้เรียนปฏิบตั ิทลี ะคน ๓ ครง้ั - จัดเกบ็ ส่อื และอุปกรณ์ใหเ้ รยี บร้อยทุกคร้งั เมื่อจบกิจกรรมแล้ว 199

การเรียนภาษาไทยรูปแบบการสอนทักษะฟงั - พูด แบบทีพีอาร์ นี้ เป็นขั้นตอนส�ำคัญในการเรยี น ส�ำหรบั เดก็ ๆ เม่ือเขา้ สู่การเรยี นทกั ษะฟงั - พดู ภาษาไทย โดยเรยี นจากเรอ่ื งใกล้ตวั ท่สี ดุ กอ่ น เนน้ การพัฒนา ด้านการรู้และเข้าใจความหมาย เร่ิมจากค�ำศัพท์เก่ียวกับร่างกาย วัตถุส่ิงของ สถานที่ บุคคลท่ีคุ้นเคย และไกลตัวออกไป เรียนความหมายจากค�ำไปสู่กลุ่มค�ำและประโยค จากประโยคเดียวสู่กลุ่มประโยค ที่ร้อยเรยี งกันเป็นกลุ่มความหมาย หรอื ขอ้ ความที่ยาว มากข้ึน จนเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจส�ำหรับเด็ก ๆ ผเู้ รียนจะไม่ถกู บังคบั ให้พูด เมื่อยงั ไม่พร้อมพูด เน้นพัฒนาการด้านความหมายในบรรยากาศ ผ่อนคลาย สนุกและเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ เดก็ ๆ จะไมถ่ กู บงั คับใหพ้ ูด ในช่วงตน้ ๆ ของการเรยี น จนกว่าจะเข้าใจความหมายนน้ั ๆ ฝกึ ท�ำไป ทลี ะข้นั อย่างช้า ๆ ตามพัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละคน ผู้เรียนจะได้ยินค�ำส่ังที่ครูพูดและเช่ือมโยงค�ำพูดกับ ความหมายนัน้ จากการสาธติ ของครู เพื่อน และเน้นย�้ำ จากการปฏิบัติของตนเอง (ฟัง ดู และทำ� ) ไดอ้ ยา่ ง ม่ันใจ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การสอนแบบทีพีอาร์ ควรเป็นช่วงเร่ิมต้นเข้าสู่การเรียนภาษาไทย คือ หลังจากเด็กมีความคล่องแคล่วในภาษาของตนเองแล้ว โรงเรียนบางโรงอาจเริ่มฝึกทักษะการฟัง - พูด ในสองเดอื นสุดท้ายของช้นั อนบุ าล ๑ ภาคเรียนที่ ๑ และตอ่ เนือ่ งในภาคเรียนทสี่ อง จนถงึ ชั้นอนบุ าล ๒ 200

ค�ำศัพท์ที่ใช้ฝึกทักษะ เร่ิมจากค�ำท่ีง่าย ใกล้ตัว ท่ีสุดในชีวิตประจ�ำวัน ชุดค�ำและการสอน จะจัดเตรียมไว้ ตามแผนการสอน เรยี นรู้และฝึกทุกวันอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ไมป่ ะปน กับภาษาอ่นื ๆ เร่ิมจากชดุ คำ� ๓ ค�ำ ในคาบแรก และอกี ๓ คำ� ในคาบตอ่ ไป เพม่ิ ขนึ้ ครงั้ ละ ๓ คำ� จากคำ� สงั่ ทงี่ า่ ย สน้ั ไปสคู่ ำ� สงั่ ทซี่ บั ซอ้ นตอ่ เนอ่ื ง ซึ่งการฝึกในคาบท่ีสอง หรอื คาบตอ่ ๆ ไปนั้น นอกจากจะเรียนรู้ชุดค�ำใหม่ ครูจะต้องทบทวนชุดศัพท์ที่เรียนแล้ว เพ่ือจะสามารถต่อยอดกับชุดค�ำใหม่ได้ ต่อไป คล้ายกับการเพ่ิมข้ึนของจ�ำนวนเลขยกก�ำลัง เด็ก ๆ จะฟังและปฏิบัติจนเข้าใจความหมายและใช้ อย่างคล่องแคล่ว จนเข้าใจความหมายและมีทักษะ ในการฟัง - พูดภาษาไทยอย่างเพียงพอ แล้วจึงเริ่ม การฝกึ ทกั ษะการอา่ นและเขียนภาษาไทย ตอ่ ไป กลวิธีการสอนแบบทีพีอาร์ ยังน�ำไปใช้กับนักเรียน ชนเผ่าในชั้นประถมศึกษา เมื่อต้องการจะแนะน�ำค�ำศัพท์ ใหม่ ๆ ก่อน การเรียนรู้ในวิชาการต่าง ๆ ในภาษาไทย ได้ด้วย และเนื่องจากครูเป็นแบบอย่างของผู้ใช้ภาษาไทย ท่อี อกเสียงไดช้ ัดถ้อยชดั คำ� “ครูท่ีสอนภาษาไทย จึงควรสื่อสารภาษาไทยได้ อย่างถกู ตอ้ งชดั เจน” 201

ตัวอยา่ งแผนการจดั ประสบการณท์ กั ษะการฟัง - พูดภาษาไทย และข้ันตอนการจดั การเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการเรยี นรูแ้ บบทีพอี าร์ รา่ งกาย (TPR - B/Body) ชั้นอนุบาล ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หรือช้นั เริ่มต้น ตารางการเรียน สัปดาห์ที่ ๑ วัน ช่วงเชา้ (๑๕ นาที) ช่วงบา่ ย (๑๕ นาท)ี จันทร์ ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ องั คาร ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ พธุ ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ พฤหัสบดี ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ ศกุ ร์ ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ หมายเหตุ กรณยี กตวั อย่างเฉพาะแผนการจัดประสบการณ์สัปดาหท์ ่ี ๑ สัปดาห์ท่ี ๒ - ๑๕ ไดบ้ รรจุในแผ่นดีวีดีท่ไี ด้แนบมาพร้อมเอกสารชดุ น้ี 202

ตัวอยา่ งการจดั ตารางเรยี นช้ันอนบุ าล ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ ชั่วโมง ๐๘.๔๕ ๐๙.๐๐ ๐๙.๒๐ ๐๙.๕๐ ๑๐.๒๐ - ๑๐.๕๐ ๑๐.๕๐ ๑๑.๓๐ ๑๒.๓๐ ๑๔.๓๐ ๑๔.๔๕ ๑๕.๒๕ - ๐๙.๐๐ - ๐๙.๒๐ - ๐๙.๕๐ - ๑๐.๒๐ (๓๐ นาที) - ๑๑.๓๐ - ๑๒.๓๐ - ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ - ๑๕.๒๕ - ๑๖.๐๐ (๑๕ นาท)ี (๒๐ นาที) (๓๐ นาท)ี (๓๐ นาท)ี วถิ ีชีวิตชุมชน (๓๐ นาท)ี (๓๐ นาที) (๑๕ นาท)ี (๔๐ นาท)ี TPR สุขศึกษา ภาษาทอ้ งถน่ิ เตรี ยมอ่าน สิ่งแวดล้อมและ การละเลน่ TPR คณติ ศาสตร์ เน้นความหมาย เขียนภาษาม้ง ศลิ ปวัฒนธรรม พื้นบา้ น วนั จนั ทร์ TPR สุขศึกษา ฉากภาพใหญ่ เตรยี มอ่าน วถิ ีชีวติ ชมุ ชน การละเลน่ รบั ประทาน นอน TPR คณิตศาสตร์ เขยี นภาษา สิ่งแวดลอ้ มและ พน้ื บา้ น อาหาร พักผ่อน องั คาร TPR สุขศกึ ษา เรือ่ งเล่า ทอ้ งถิน่ ศิลปวฒั นธรรม TPR คณิตศาสตร์ เตรยี มตวั พุธ TPR สุขศกึ ษา เร่อื งจาก TPR คณิตศาสตร์ กลับบา้ น ประสบการณ์ พฤหสั บดี TPR สขุ ศกึ ษา หนังสือรูปภาพ TPR คณิตศาสตร์ ศกุ ร์ ทบทวน ทบทวน ทบทวน ทบทวน ทบทวน ทบทวน ทบทวน ทบทวน ลงช่อื ..........................................................ครูประจำ�ชน้ั ลงชอ่ื ..........................................................ครูประจำ�ชัน้ (.......................................................) (.......................................................) 203 ลงช่อื ..........................................................ผอู้ ำ�นวยการโรงเรียน (.......................................................)

204 ชุดคำ�สั่งการสอนทีพอี าร์ สัปดาห์ที่ ๑ วัน ชุดท่ี ประเภท คำ� ส่ัง ขยาย ทีพอี าร์ จนั ทร์ ๑ TPR-B ยนื นั่ง กระโดด ยืนแล้วกระโดด, นงั่ แล้วยืน, ยนื แล้วนัง่ ๒ TPR-B สะบัดมือ กำ� มอื แบมอื ยนื สะบัดมือ, นงั่ กำ� มอื , กระโดดแบมือ ๓ TPR-B ตบมอื ตบตกั ดดี นว้ิ ยนื ตบมือ, กระโดดแล้วดีดน้วิ , นัง่ ตบตัก อังคาร ๔ TPR-B เดิน หยดุ หมนุ ตัว เดนิ แบมอื , นั่งสะบดั มอื , หยดุ หมนุ ตวั พุธ ๕ TPR-B เดินไปขา้ งหน้า เดนิ ถอยหลงั เดนิ อยู่กบั ท่ี กระโดดไปข้างหนา้ , ตบมอื แลว้ เดนิ ถอยหลัง, ๖ กระโดดอยกู่ บั ท่ี พฤหสั บดี ๗ ศกุ ร์ ๘ TPR-B นอนตะแคง นอนควำ�่ นอนหงาย นอนตะแคงอย่กู บั ที,่ นอนควำ่� แล้วคลานไปข้างหนา้ , นอนหงายแล้วถอยหลัง TPR-B ยำ่� เท้า เดนิ เร็ว ๆ เดินช้า ๆ ยำ่� เท้าเรว็ ๆ, เดนิ ช้า ๆ, เดนิ อยู่กับที่ TPR-B ว่งิ แกวง่ แขน กางแขน วง่ิ เรว็ ๆ, ยนื แกวง่ แขน, เดนิ เขย่งปลายเท้า ทบทวน

ตัวอยา่ ง แผนการจดั ประสบการณ์ทกั ษะการฟัง - พูด ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทพี ีอาร์ ชั้นอนบุ าล ๑ ภาคเรียนที่ ๒ หรือชน้ั เรม่ิ ต้น สัปดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาท/ี แผน วันจันทร์ ท.ี่ ......... เดือน............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทพี อี าร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานที่ ๒ กลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละกล้ามเนอ้ื เล็กแขง็ แรง ใช้ได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว และประสาน สัมพันธ์กัน ตัวบง่ ชที้ ี่ ๒.๑ เคลอื่ นไหวร่างกายอย่างคลอ่ งแคล่วประสานสัมพันธ์และ ทรงตวั ได้ มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคตทิ ่ีดีตอ่ การเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกบั วยั ตัวบง่ ช้ที ี่ ๑๒.๑ มเี จตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ สาระสำ� คัญ ค�ำและความหมาย : ยืน นั่ง กระโดด เป็นค�ำศัพท์พ้ืนฐานในชั้นเด็กเล็กระดับปฐมวัย น�ำไปใช้ ในชวี ิตประจำ� วนั ได้ และเป็นพื้นฐานส�ำหรับการเรยี นรูค้ ำ� ศัพทท์ ่ยี ากขึ้นตอ่ ไป จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของค�ำศพั ท์ ยนื นง่ั กระโดด ได้ ๒. ปฏิบตั ิตามค�ำสั่งได้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณ์ส�ำคัญ ดา้ นรา่ งกาย สาระที่ควรเรียนรู้ - การเคล่อื นไหวอยกู่ ับท่ี สิง่ ตา่ ง ๆ รอบตัวเดก็ - การเคลอ่ื นไหวเคลอ่ื นท่ี ค�ำส่ังชดุ ที่ ๑ : ยืน นัง่ กระโดด ด้านสตปิ ัญญา - การฟงั และปฏบิ ตั ติ ามคำ� แนะน�ำ 205

กจิ กรรมการเรยี นรู/้ ขนั้ ตอนการสอน ๑. คำ� สัง่ ใหม่ คำ�ส่ังชุดที่ คำ�สั่งท่ี ๑ คำ�สง่ั ที่ ๒ คำ�ส่ังที่ ๓ ๑ ยนื นงั่ กระโดด ๒. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นตอนการสอน คำ� และกิจกรรม ทบทวนค�ำศพั ท์ ครกู บั เดก็ ทักทายสวสั ดกี นั (ไมม่ ที บทวนค�ำศพั ทเ์ นอื่ งจากเป็นค�ำส่งั ชุดแรก) ครูทำ� ให้ดู ๑. ครพู ูด “ยืน” ครูสาธติ การยนื หลังจากท่พี ูด “ยืน” จบแลว้ ๒. ครูพดู “น่ัง” ครูสาธิตการนัง่ หลังจากทีพ่ ูด “น่ัง” จบแลว้ ๓. ครูพูด “กระโดด” ครูสาธิตการกระโดด หลงั จากท่ีพูด “กระโดด” จบแลว้ ๔. ครทู �ำซ�้ำขอ้ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครทู ำ� พร้อมอาสาสมคั ร ขั้นเสนอบทเรียน ๑. ครถู าม “ใครจะอาสาออกมาท�ำพร้อมครู ยกมอื ข้นึ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูใหอ้ าสาสมคั ร ออกมาทำ� พรอ้ มครหู นา้ ชัน้ เรยี น ๓. ครแู ละอาสาสมคั รท�ำท่าทางพรอ้ มกัน โดยครูเป็นผู้ออกคำ� ส่ังทลี ะคำ� สงั่ (ยนื นัง่ กระโดด) แล้วทำ� ทา่ ทางประกอบแตล่ ะคำ� สัง่ ค�ำสั่งละ ๓ รอบ ครสู ่ังให้อาสาสมัครท�ำ ๑. ให้อาสาสมคั รท�ำเองตามคำ� สัง่ ของครู ทลี ะคำ� ส่ัง คำ� ส่ังละ ๓ รอบ ๒. เปลีย่ นอาสาสมัครชุดใหมอ่ กี ๒ - ๓ ชุด ออกมาโดยครูออกค�ำสง่ั เหมือนข้อท่ี ๑ ขน้ั ปฏิบตั ิ ๑. ครสู ง่ั “ยืน นงั่ กระโดด” ให้เด็กนกั เรยี นทงั้ ห้องเรยี นท�ำพรอ้ มกันทลี ะค�ำสงั่ ค�ำส่งั ละ ๓ รอบ ๒. ครแู บง่ กลมุ่ ย่อย จำ� นวน ๕ กลุม่ กล่มุ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครสู ั่ง “ยืน น่ัง กระโดด” ใหเ้ ดก็ กลมุ่ ยอ่ ยทำ� ทีละกลุ่ม กล่มุ ละ ๓ รอบ จนครบ ทกุ กลุ่ม ครูเปน็ ผ้สู ังเกตว่าเดก็ ท�ำถกู ต้องหรอื ไม่ ขน้ั ทดสอบ ๑. ครทู ดสอบส่งั เดก็ ท�ำทีละคน ถา้ เด็กทำ� ตามคำ� สง่ั ไมถ่ ูกตอ้ ง ใหเ้ ด็กคนน้นั ท�ำตาม การปฏิบัติ ค�ำสัง่ พรอ้ มครู โดยครไู มต่ �ำหนิเด็กเมอื่ ท�ำไมถ่ ูกตอ้ ง ๒. หากเด็กท�ำได้แล้ว ครูจะสลับค�ำสงั่ จากคำ� ส่งั ท่ี ๑ ๒ ๓ เปน็ ค�ำส่งั ท่ี ๓ ๒ ๑ หรอื ๑ ๓ ๒ เป็นตน้ เพือ่ ให้แนใ่ จวา่ เดก็ เข้าใจคำ� สั่งและปฏิบัติไดถ้ ูกตอ้ งหรือยงั พร้อมพูดให้คำ� ชมเชย ครนู ำ� เอาคำ� ส่ังท่เี คยเรยี นไปแลว้ มาผสมกับค�ำสงั่ ใหม่ ใหเ้ ป็นประโยคทมี่ ีค�ำสัง่ ซ้อน ข้นั ประเมินผล หรอื ค�ำส่ังต่อเนอื่ งกนั แล้วส่งั ใหเ้ ด็กท�ำ ดงั น้ี “ยนื แล้วกระโดด, น่ังแล้วยนื , ยนื แลว้ นงั่ ” เปน็ ตน้ 206

ส่อื วัสดุ อปุ กรณ์ ชุดคำ� ศพั ท์ : ยืน น่ัง กระโดด การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือประเมนิ แบบสังเกตพฤติกรรมทักษะการฟงั วิธีการประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรมเด็กดังนี้ ๑. การเขา้ ใจความหมายของค�ำศพั ท์ โดยการปฏิบัติ ตามคำ� ส่งั ได้ เกณฑก์ ารประเมินทักษะการฟัง รายการประเมิน ๓ ระดบั คุณภาพ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงท่าทาง ๒ แสดงทา่ ทาง ของค�ำศพั ทก์ ารปฏิบัติ ตามคำ� ศพั ท์ได้ ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ กู ต้อง ตามคำ� ส่ังได้ ถกู ตอ้ งทง้ั ๓ ค�ำ แสดงทา่ ทาง ๑ คำ� หรือแสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ กู ตอ้ ง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ คำ� 207

แผนการจดั ประสบการณ์ทักษะการฟงั - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรยี นร้แู บบ ทีพอี าร์ ชั้นอนุบาล ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ หรอื ช้นั เริ่มตน้ สปั ดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาที/แผน วนั จนั ทร์ ที.่ ......... เดือน............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทพี อี าร์ รา่ งกาย (TPR - B) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนอื้ เล็กแข็งแรง ใช้ได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสาน สัมพันธ์กัน ตวั บ่งชีท้ ี่ ๒.๑ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่วประสานสมั พันธแ์ ละทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ การเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชท้ี ี่ ๑๒.๑ มเี จตคติที่ดีตอ่ การเรยี นรู้ สาระส�ำคญั ค�ำและความหมาย : สะบัดมือ ก�ำมือ แบมือ เป็นค�ำศัพท์พื้นฐานในช้ันเด็กเล็กระดับปฐมวัย นำ� ไปใช้ในชวี ิตประจ�ำวันไดแ้ ละเปน็ พ้นื ฐานสำ� หรบั การเรียนรูค้ �ำศัพทท์ ย่ี ากขนึ้ ต่อไป จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. เข้าใจความหมายของค�ำศพั ท์ สะบดั มอื ก�ำมือ แบมอื ได้ ๒. ปฏิบตั ิตามคำ� ส่งั ได้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณ์ส�ำคญั ด้านสติปญั ญา สาระการเรยี นรู้ - การเลียนแบบการกระท�ำและเสยี งตา่ ง ๆ เรอ่ื งราวเกี่ยวกบั ตวั เดก็ - การร่วมกจิ กรรมด้วยความสนใจ คำ� ส่ังชุดที่ ๒ : สะบัดมอื กำ� มือ แบมือ - การเช่อื มโยงความร้ตู ่าง ๆ ไปใชใ้ นชีวิตประจำ� วัน 208

กจิ กรรมการเรยี นรู/้ ข้ันตอนการสอน ค�ำสัง่ ท่ี ๒ คำ� สง่ั ที่ ๓ ๑. ค�ำสงั่ ใหม่ กำ� มือ แบมือ ค�ำสงั่ ชดุ ที่ ค�ำส่ังท่ี ๑ ๒ สะบดั มอื ๒. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ตอนการสอน คำ� และกิจกรรม ทบทวนคำ� ศัพท์ ครทู บทวนค�ำศพั ท์ : ยืน นั่ง กระโดด ครูทำ� ใหด้ ู ๑. ครพู ดู “สะบดั มือ” ครสู าธติ การสะบดั มือ หลังจากทพ่ี ูด “สะบัดมือ” จบแลว้ ๒. ครูพูด “ก�ำมือ” ครูสาธติ การกำ� มือ หลังจากท่พี ูด “กำ� มอื ” จบแล้ว ๓. ครูพูด “แบมือ” ครูสาธติ การแบมอื หลังจากท่พี ูด “แบมอื ” จบแล้ว ๔. ครทู ำ� ซ้ำ� ข้อ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครทู �ำพร้อมอาสาสมคั ร ขัน้ เสนอบทเรียน ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาทำ� พร้อมครู ยกมือขน้ึ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูใหอ้ าสาสมัคร ออกมาทำ� พรอ้ มครูหน้าชั้นเรยี น ๓. ครูและอาสาสมัครท�ำทา่ ทางพรอ้ มกัน โดยครูเป็นผอู้ อกคำ� สงั่ ทลี ะคำ� สงั่ (สะบดั มอื กำ� มือ แบมอื ) แลว้ ทำ� ทา่ ทางประกอบแตล่ ะคำ� สัง่ คำ� สงั่ ละ ๓ รอบ ครูสั่งให้อาสาสมัครทำ� ๑. ใหอ้ าสาสมัครทำ� เองตามค�ำส่ังของครู ทลี ะค�ำสัง่ คำ� ส่งั ละ ๓ รอบ ๒. เปล่ยี นอาสาสมคั รชุดใหมอ่ ีก ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกค�ำสงั่ เหมอื นข้อที่ ๑ ขัน้ ปฏิบตั ิ ๑. ครสู ง่ั “สะบดั มอื ก�ำมือ แบมอื ” ใหเ้ ด็กนักเรยี นทง้ั ห้องเรยี นท�ำพร้อมกนั ทีละ คำ� สงั่ คำ� สง่ั ละ ๓ รอบ ๒. ครแู บ่งกลุ่มยอ่ ย จ�ำนวน ๕ กล่มุ กล่มุ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครูสัง่ “สะบัดมอื กำ� มอื แบมอื ” ใหเ้ ด็กกลุ่มย่อยทำ� ทลี ะกล่มุ กลุ่มละ ๓ รอบ จนครบทกุ กลมุ่ ครูเป็นผ้สู งั เกตวา่ เด็กทำ� ถูกต้องหรือไม่ ข้นั ทดสอบ ๑. ครูทดสอบสัง่ เด็กท�ำทลี ะคน ถา้ เด็กท�ำตามค�ำส่ังไม่ถูกต้อง ใหเ้ ดก็ คนนนั้ ท�ำตาม การปฏิบัติ ค�ำสง่ั พร้อมครู โดยครไู ม่ต�ำหนิเด็กเมื่อท�ำไมถ่ ูกต้อง ๒. หากเด็กทำ� ไดแ้ ล้ว ครจู ะสลบั ค�ำสั่งจากคำ� สง่ั ที่ ๑ ๒ ๓ เป็นคำ� สัง่ ท่ี ๓ ๒ ๑ หรือ ๑ ๓ ๒ เปน็ ต้น เพ่อื ให้แนใ่ จว่า เดก็ เข้าใจคำ� สัง่ และปฏบิ ตั ิไดถ้ ูกต้องหรอื ยงั พรอ้ มพูดใหค้ ำ� ชมเชย ครนู ำ� เอาค�ำส่ังท่ีเคยเรยี นไปแล้ว มาผสมกบั คำ� ส่งั ใหม่ ใหเ้ ป็นประโยคที่มคี ำ� สงั่ ซอ้ น ข้นั ประเมินผล หรือ คำ� สงั่ ต่อเน่ืองกัน แล้วสงั่ ใหเ้ ดก็ ท�ำ ดังน้ี “ยนื สะบัดมอื , นงั่ ก�ำมอื , กระโดด, แบมือ” เปน็ ตน้ 209

สอื่ วสั ดุ อุปกรณ์ ชดุ ค�ำศพั ท์ : สะบัดมือ ก�ำมอื แบมอื การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือประเมนิ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทกั ษะการฟัง วิธกี ารประเมนิ สังเกตพฤตกิ รรมเดก็ ดงั น้ี ๑. การเขา้ ใจความหมายของค�ำศัพท์โดยการปฏบิ ัติ ตามคำ� สั่งได้ เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะการฟัง รายการประเมิน ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงท่าทาง ๒ แสดงท่าทาง ของค�ำศัพท์การปฏบิ ัติ ตามคำ� ศัพท์ได้ ตามค�ำศัพท์ไดถ้ กู ต้อง ตามคำ� ส่งั ได้ ถกู ตอ้ งทัง้ ๓ ค�ำ แสดงทา่ ทาง ๑ ค�ำ หรือแสดงท่าทาง ตามค�ำศพั ทไ์ ด้ถูกตอ้ ง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ ค�ำ 210

แผนการจดั ประสบการณ์ทกั ษะการฟงั - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทพี ีอาร์ ชน้ั อนุบาล ๑ ภาคเรียนที่ ๒ หรือชั้นเร่ิมต้น สัปดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาท/ี แผน วันอังคาร ท.่ี ......... เดือน............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทีพีอาร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด มาตรฐานที่ ๒ กลา้ มเนือ้ ใหญ่และกลา้ มเนื้อเลก็ แข็งแรง ใช้ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว และประสาน สัมพันธก์ นั ตวั บ่งชที้ ี่ ๒.๑ เคล่อื นไหวร่างกายอยา่ งคล่องแคล่วประสานสมั พันธแ์ ละทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรูไ้ ด้ เหมาะสมกบั วัย ตัวบง่ ช้ีท่ี ๑๒.๑ มีเจตคติที่ดีตอ่ การเรยี นรู้ สาระสำ� คญั คำ� และความหมาย : ตบมอื ตบตกั ดดี น้วิ เป็นค�ำศพั ท์พ้ืนฐานในชั้นเดก็ เลก็ ระดับปฐมวยั นำ� ไปใช้ ในชวี ติ ประจำ� วนั ได้ และเปน็ พื้นฐานส�ำหรับการเรียนรคู้ ำ� ศพั ท์ทีย่ ากขึ้นตอ่ ไป จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. เข้าใจความหมายของคำ� ศพั ท์ ตบมอื ตบตกั ดดี น้วิ ได้ ๒. ปฏิบตั ติ ามค�ำสงั่ ได้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณ์สำ� คญั ดา้ นสตปิ ัญญา สาระการเรียนรู้ - การเลยี นแบบการกระท�ำและเสียงต่าง ๆ เร่อื งราวเกยี่ วกับตวั เด็ก - การรว่ มกิจกรรมดว้ ยความสนใจ ค�ำสั่งชุดที่ ๓ : ตบมอื ตบตกั ดดี น้วิ - การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ไปใช้ในชีวติ ประจ�ำวัน 211

กจิ กรรมการเรยี นร/ู้ ข้ันตอนการสอน ๑. คำ� ส่งั ใหม่ คำ� ส่งั ชุดที่ ค�ำส่ังที่ ๑ ค�ำสง่ั ที่ ๒ คำ� ส่งั ท่ี ๓ ๓ ตบมือ ตบตกั ดีดนว้ิ ๒. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ ตอนการสอน คำ� และกจิ กรรม ทบทวนคำ� ศพั ท์ ครูทบทวนคำ� ศัพท์ : สะบดั มือ ก�ำมอื แบมอื ขน้ั เสนอบทเรยี น ครูทำ� ให้ดู ๑. ครูพูด “ตบมอื ” ครสู าธิตการตบมือ หลังจากทพ่ี ูด “ตบมอื ” จบแล้ว ๒. ครูพดู “ตบตกั ” ครูสาธิตการตบตัก หลังจากที่พดู “ตบตกั ” จบแลว้ ๓. ครูพูด “ดดี นว้ิ ” ครูสาธติ การดีดนว้ิ หลังจากทีพ่ ูด “ดดี นิ้ว” จบแลว้ ๔. ครทู �ำซ้ำ� ข้อ ๑ - ๓ อีก ๒ รอบ ครูท�ำพร้อมอาสาสมคั ร ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาทำ� พร้อมครู ยกมือขนึ้ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูใหอ้ าสาสมคั ร ออกมาท�ำพรอ้ มครูหน้าช้นั เรยี น ๓. ครูและอาสาสมัครท�ำท่าทางพรอ้ มกนั โดยครูเป็นผอู้ อกคำ� สั่งทีละค�ำสั่ง (ตบมอื ตบตกั ดดี นวิ้ ) แลว้ ท�ำท่าทางประกอบแตล่ ะค�ำสง่ั ค�ำส่งั ละ ๓ รอบ ครสู ัง่ ให้อาสาสมคั รท�ำ ๑. ให้อาสาสมคั รทำ� เองตามคำ� สง่ั ของครู ทลี ะคำ� ส่งั ค�ำสัง่ ละ ๓ รอบ ๒. เปล่ยี นอาสาสมคั รชดุ ใหม่อีก ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกค�ำสง่ั เหมอื นข้อที่ ๑ ขัน้ ปฏบิ ัติ ๑. ครูส่งั “ตบมือ ตบตกั ดดี น้วิ ” ให้เด็กนักเรยี นทัง้ ห้องเรยี นท�ำพรอ้ มกันทลี ะ คำ� สงั่ ค�ำส่ังละ ๓ รอบ ๒. ครแู บง่ กลุ่มยอ่ ย จำ� นวน ๕ กลมุ่ กลุม่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครสู ง่ั “ตบมือ ตบตัก ดดี นิ้ว” ให้เดก็ กลุ่มยอ่ ยท�ำทลี ะกลมุ่ กลุ่มละ ๓ รอบ จนครบทกุ กลมุ่ ครูเป็นผ้สู ังเกตวา่ เด็กท�ำถกู ต้องหรือไม่ ขน้ั ทดสอบ ๑. ครูทดสอบสง่ั เดก็ ท�ำทลี ะคน ถา้ เด็กท�ำตามคำ� สั่งไมถ่ กู ต้อง ให้เดก็ คนน้ันทำ� ตาม การปฏิบตั ิ คำ� สงั่ พร้อมครู โดยครูไมต่ ำ� หนิเด็กเมอื่ ทำ� ไมถ่ ูกตอ้ ง ๒. หากเด็กทำ� ไดแ้ ล้ว ครจู ะสลับคำ� สั่งจากคำ� สง่ั ที่ ๑ ๒ ๓ เป็นคำ� สัง่ ที่ ๓ ๒ ๑ หรอื ๑ ๓ ๒ เปน็ ตน้ เพอ่ื ให้แน่ใจวา่ เด็กเขา้ ใจคำ� สง่ั และปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้องหรอื ยัง พรอ้ มพูดใหค้ �ำชมเชย ครนู �ำเอาค�ำส่ังทเี่ คยเรียนไปแล้ว มาผสมกบั ค�ำส่งั ใหม่ ใหเ้ ปน็ ประโยคท่มี คี �ำสัง่ ซอ้ น ขัน้ ประเมนิ ผล หรือ คำ� สั่งต่อเน่ืองกัน แลว้ ส่งั ให้เดก็ ทำ� ดังนี้ “ยนื ตบมอื , กระโดดแลว้ ดดี น้ิว, นงั่ ตบตกั ” เป็นตน้ 212

สื่อ วสั ดุ อุปกรณ์ ชุดคำ� ศพั ท์ : ตบมอื ตบตัก ดีดนิ้ว การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื ประเมิน แบบสงั เกตพฤติกรรมทกั ษะการฟงั วธิ ีการประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรมเดก็ ดงั นี้ ๑. การเข้าใจความหมายของคำ� ศพั ท์โดยการปฏิบตั ิ ตามค�ำสง่ั ได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะการฟัง รายการประเมนิ ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๑. การเขา้ ใจความหมาย แสดงท่าทาง ๒ แสดงทา่ ทาง ของค�ำศัพท์การปฏิบัติ ตามคำ� ศัพทไ์ ด้ ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ กู ต้อง ตามค�ำส่ังได้ ถกู ต้องทัง้ ๓ ค�ำ แสดงท่าทาง ๑ คำ� หรือแสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศัพท์ไดถ้ ูกต้อง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ ค�ำ 213

แผนการจัดประสบการณท์ ักษะการฟงั - พูด ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทพี อี าร์ ชน้ั อนุบาล ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ หรือชนั้ เร่ิมตน้ สัปดาหท์ ี่ ๑ เวลา ๑๕ นาที/แผน วันองั คาร ท.ี่ ......... เดอื น............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทีพอี าร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้อื ใหญแ่ ละกลา้ มเน้ือเล็กแข็งแรง ใช้ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ และประสาน สัมพนั ธก์ นั ตัวบง่ ชีท้ ่ี ๒.๑ เคล่อื นไหวร่างกายอย่างคลอ่ งแคลว่ ประสานสมั พันธ์และทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคตทิ ่ีดตี ่อการเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชท้ี ี่ ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ่ดี ีต่อการเรยี นรู้ สาระส�ำคญั ค�ำและความหมาย : เดนิ หยดุ หมุนตัว เป็นคำ� ศพั ท์พนื้ ฐานในชัน้ เด็กเลก็ ระดบั ปฐมวยั นำ� ไปใชใ้ น ชวี ติ ประจำ� วันได้ และเปน็ พนื้ ฐานสำ� หรับการเรยี นร้คู ำ� ศพั ทท์ ่ียากข้นึ ตอ่ ไป จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. เข้าใจความหมายของคำ� ศัพท์ เดนิ หยดุ หมนุ ตวั ได้ ๒. ปฏิบตั ติ ามคำ� ส่งั ได้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณ์ส�ำคญั ด้านสตปิ ญั ญา สาระการเรยี นรู้ - การเลียนแบบการกระท�ำและเสียงตา่ ง ๆ เรอ่ื งราวเก่ียวกับตัวเดก็ - การรว่ มกิจกรรมดว้ ยความสนใจ ค�ำสั่งชดุ ที่ ๔ : เดิน หยดุ หมุนตวั - การเชอื่ มโยงความรู้ต่าง ๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วัน 214

กจิ กรรมการเรยี นร/ู้ ขนั้ ตอนการสอน ๑. คำ� ส่งั ใหม่ คำ� สงั่ ชุดที่ ค�ำสง่ั ท่ี ๑ คำ� สั่งที่ ๒ ค�ำสงั่ ท่ี ๓ ๔ เดิน หยดุ หมนุ ตัว ๒ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ตอนการสอน ค�ำและกิจกรรม ทบทวนคำ� ศัพท์ ครทู บทวนค�ำศพั ท์ : ตบมือ ตบตกั ดีดน้ิว ครทู ำ� ให้ดู ๑. ครูพูด “เดนิ ” ครสู าธติ การเดิน หลงั จากทพี่ ูด “เดนิ ” จบแล้ว ๒. ครูพดู “หยดุ ” ครูสาธติ การหยดุ หลงั จากที่พดู “หยดุ ” จบแลว้ ๓. ครพู ดู “หมนุ ตัว” ครูสาธิตการหมนุ ตัว หลังจากท่ีพดู “หมุนตัว” จบแลว้ ๔. ครทู ำ� ซำ้� ขอ้ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครูทำ� พร้อมอาสาสมคั ร ขั้นเสนอบทเรียน ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาท�ำพรอ้ มครู ยกมือข้ึน” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูให้อาสาสมคั ร ออกมาทำ� พร้อมครหู นา้ ช้ันเรียน ๓. ครูและอาสาสมัครท�ำทา่ ทางพรอ้ มกัน โดยครูเป็นผูอ้ อกค�ำส่ังทลี ะคำ� สัง่ (เดิน หยดุ หมุนตัว) แล้วทำ� ทา่ ทางประกอบแตล่ ะคำ� สัง่ คำ� สง่ั ละ ๓ รอบ ครสู ง่ั ใหอ้ าสาสมคั รท�ำ ๑. ใหอ้ าสาสมคั รทำ� เองตามคำ� สั่งของครู ทีละคำ� ส่ัง คำ� สัง่ ละ ๓ รอบ ๒. เปลยี่ นอาสาสมคั รชุดใหมอ่ ีก ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกค�ำสง่ั เหมือนขอ้ ท่ี ๑ ขนั้ ปฏบิ ัติ ๑. ครูสงั่ “เดิน หยดุ หมุนตวั ” ให้เด็กนักเรยี นทั้งหอ้ งเรียนท�ำพร้อมกันทลี ะคำ� สัง่ ค�ำสง่ั ละ ๓ รอบ ๒. ครูแบ่งกลุ่มย่อย จำ� นวน ๕ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครูสงั่ “เดนิ หยุด หมุนตัว” ให้เดก็ กลุ่มยอ่ ยท�ำทลี ะกลุ่ม กลุม่ ละ ๓ รอบ จนครบทุกกล่มุ ครูเปน็ ผสู้ งั เกตวา่ เด็กทำ� ถกู ต้องหรอื ไม่ ขัน้ ทดสอบ ๑. ครทู ดสอบส่ังเดก็ ท�ำทลี ะคน ถา้ เดก็ ท�ำตามค�ำสง่ั ไม่ถูกตอ้ ง ใหเ้ ดก็ คนน้ันท�ำตาม การปฏิบตั ิ คำ� สัง่ พร้อมครู โดยครไู ม่ตำ� หนิเดก็ เมอ่ื ท�ำไมถ่ กู ตอ้ ง ๒. หากเด็กทำ� ได้แล้ว ครจู ะสลับคำ� สงั่ จากคำ� สั่งที่ ๑ ๒ ๓ เปน็ ค�ำส่ังที่ ๓ ๒ ๑ หรอื ๑ ๓ ๒ เปน็ ต้น เพ่ือให้แน่ใจวา่ เด็กเข้าใจค�ำส่งั และปฏบิ ตั ิได้ถกู ตอ้ งหรือยัง พรอ้ มพูดให้ค�ำชมเชย ครนู �ำเอาค�ำสั่งทเ่ี คยเรียนไปแลว้ มาผสมกับคำ� สงั่ ใหม่ ให้เปน็ ประโยคท่มี ีค�ำสงั่ ซอ้ น หรอื คำ� ส่งั ต่อเนื่องกนั แลว้ สัง่ ใหเ้ ดก็ ท�ำ ดงั นี้ “เดนิ แบมือ, นง่ั สะบัดมอื , หยุดหมนุ ตัว” ข้นั ประเมินผล เปน็ ตน้ 215

สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ ชุดค�ำศัพท์ : เดนิ หยุด หมนุ ตวั การวัดและประเมินผล เคร่ืองมอื ประเมนิ แบบสังเกตพฤติกรรมทกั ษะการฟงั วิธีการประเมิน สังเกตพฤตกิ รรมเด็กดังน้ี ๑. การเข้าใจความหมายของคำ� ศัพท์โดยการปฏิบตั ิ ตามคำ� สัง่ ได้ เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะการฟัง รายการประเมิน ๓ ระดบั คุณภาพ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงทา่ ทาง ๒ แสดงท่าทาง ของคำ� ศพั ท์การปฏิบตั ิ ตามคำ� ศัพทไ์ ด้ ตามค�ำศพั ทไ์ ดถ้ ูกต้อง ตามค�ำสั่งได้ ถูกต้องท้งั ๓ คำ� แสดงทา่ ทาง ๑ ค�ำ หรือแสดงทา่ ทาง ตามค�ำศพั ทไ์ ด้ถกู ตอ้ ง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ ค�ำ 216

แผนการจดั ประสบการณ์ทกั ษะการฟัง - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรแู้ บบ ทพี อี าร์ ชัน้ อนุบาล ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หรือชน้ั เริม่ ตน้ สัปดาหท์ ี่ ๑ เวลา ๑๕ นาที/แผน วันพุธ ท่.ี ......... เดอื น............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทพี ีอาร์ รา่ งกาย (TPR - B) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั มาตรฐานที่ ๒ กลา้ มเน้อื ใหญแ่ ละกล้ามเนื้อเล็กแขง็ แรง ใช้ไดอ้ ย่างคล่องแคล่ว และประสาน สมั พนั ธก์ นั ตวั บง่ ชีท้ ี่ ๒.๑ เคล่อื นไหวรา่ งกายอย่างคล่องแคล่วประสานสัมพันธ์และทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความร้ไู ด้ เหมาะสมกบั วยั ตัวบง่ ชที้ ่ี ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ีด่ ตี ่อการเรียนรู้ สาระสำ� คัญ ค�ำและความหมาย : เดินไปขา้ งหนา้ เดินถอยหลัง เดนิ อยูก่ ับท่ี เปน็ คำ� ศัพท์พน้ื ฐานในช้ันเดก็ เล็ก ระดบั ปฐมวยั นำ� ไปใช้ในชีวิตประจ�ำวนั ได้ และเป็นพ้นื ฐานสำ� หรับการเรยี นรู้ค�ำศพั ท์ท่ียากข้ึนต่อไป จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. เข้าใจความหมายของคำ� ศัพท์ เดนิ ไปข้างหน้าเดนิ ถอยหลงั เดินอยกู่ บั ทีไ่ ด้ ๒. ปฏิบัติตามค�ำสั่งได้ สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ ำ�คัญ เรอ่ื งราวเก่ียวกบั ตวั เด็ก ดา้ นสติปญั ญา คำ�สง่ั ชดุ ท่ี ๕ : เดินไปข้างหน้าเดินถอยหลัง - การเลยี นแบบการกระทำ�และเสยี งต่าง ๆ เดนิ อยู่กบั ท่ี - การร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ - การเช่ือมโยงความรูต้ า่ ง ๆ ไปใชใ้ นชีวิตประจำ�วนั กจิ กรรมการเรยี นรู้/ข้ันตอนการสอน ๑. ค�ำสงั่ ใหม่ คำ�สั่งชดุ ท่ี คำ�ส่ังท่ี ๑ คำ�สั่งท่ี ๒ คำ�สงั่ ท่ี ๓ ๕ เดนิ ไปขา้ งหนา้ เดินถอยหลงั เดนิ อย่กู บั ที่ 217

๒. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอน ค�ำและกจิ กรรม ทบทวนค�ำศพั ท์ ครูทบทวนคำ� ศัพท์ : เดิน หยุด หมุนมือ ครทู ำ� ใหด้ ู ๑. ครูพูด “เดินไปข้างหน้า” ครูสาธิตการเดินไปขา้ งหน้า หลังจากทพ่ี ดู “เดินไปข้างหนา้ ” จบแลว้ ๒. ครพู ดู “เดนิ ถอยหลงั ” ครูสาธติ การเดนิ ถอยหลัง หลังจากทพี่ ูด “เดนิ ถอยหลัง” จบแลว้ ๓. ครพู ูด “เดินอยู่กับท”ี่ ครูสาธติ การเดนิ อยูก่ บั ท่หี ลังจากที่พดู “เดนิ อยู่กับท”ี่ จบแล้ว ๔. ครูท�ำซำ้� ข้อ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ขัน้ เสนอบทเรยี น ครทู ำ� พร้อมอาสาสมคั ร ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาทำ� พร้อมครู ยกมอื ข้ึน” (๒ - ๓ คน) ๒. ครใู ห้อาสาสมคั ร ออกมาทำ� พร้อมครหู น้าชั้นเรียน ๓. ครแู ละอาสาสมคั รท�ำทา่ ทางพร้อมกัน โดยครูเปน็ ผอู้ อกค�ำสั่งทลี ะค�ำสง่ั (เดินไปข้างหน้าเดนิ ถอยหลงั เดินอยกู่ ับท่)ี แล้วท�ำทา่ ทางประกอบแตล่ ะค�ำส่ัง ค�ำสงั่ ละ ๓ รอบ ครูสงั่ ใหอ้ าสาสมัครทำ� ๑. ให้อาสาสมคั รทำ� เองตามค�ำส่งั ของครู ทีละค�ำสงั่ ค�ำสงั่ ละ ๓ รอบ ๒. เปลี่ยนอาสาสมคั รชดุ ใหมอ่ กี ๒ - ๓ ชุด ออกมาโดยครอู อกค�ำส่งั เหมือนขอ้ ที่ ๑ ขนั้ ปฏิบตั ิ ๑. ครสู ่ัง “เดินไปขา้ งหนา้ เดนิ ถอยหลงั เดินอยกู่ บั ท”ี่ ให้เด็กนักเรียนท้ังหอ้ งเรยี น ทำ� พร้อมกนั ทลี ะคำ� ส่ัง ค�ำสัง่ ละ ๓ รอบ ๒. ครแู บ่งกลมุ่ ยอ่ ย จำ� นวน ๕ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครสู ั่ง “เดินไปข้างหน้าเดินถอยหลงั เดินอยู่กบั ท”ี่ ให้เด็กกลุม่ ย่อยทำ� ทลี ะกลุ่ม กลมุ่ ละ ๓ รอบ จนครบทุกกลุ่ม ครเู ปน็ ผู้สงั เกตว่าเด็กท�ำถูกตอ้ งหรอื ไม่ ขัน้ ทดสอบ ๑. ครูทดสอบสัง่ เด็กท�ำทลี ะคน ถา้ เด็กท�ำตามค�ำสง่ั ไมถ่ ูกต้อง ใหเ้ ด็กคนน้ันทำ� ตาม การปฏบิ ัติ คำ� ส่ังพร้อมครู โดยครไู มต่ ำ� หนิเดก็ เม่ือทำ� ไม่ถูกต้อง ๒. หากเด็กทำ� ไดแ้ ลว้ ครจู ะสลบั ค�ำส่งั จากคำ� ส่ังท่ี ๑ ๒ ๓ เป็นคำ� สัง่ ที่ ๓ ๒ ๑ หรือ ๑ ๓ ๒ เป็นตน้ เพ่อื ใหแ้ นใ่ จวา่ เด็กเขา้ ใจค�ำส่ังและปฏิบตั ไิ ด้ถูกตอ้ งหรอื ยัง พรอ้ มพดู ให้คำ� ชมเชย ครูน�ำเอาค�ำสั่งท่ีเคยเรียนไปแลว้ มาผสมกบั คำ� สง่ั ใหม่ ใหเ้ ป็นประโยคท่ีมคี �ำสงั่ ซอ้ น ขัน้ ประเมนิ ผล หรอื ค�ำส่ังต่อเนอ่ื งกนั แล้วสง่ั ให้เด็กท�ำ ดังน้ี “กระโดดไปข้างหนา้ , ตบมอื แล้วเดิน ถอยหลงั , กระโดดอยู่กับท่ี” เป็นต้น 218

สอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ ชุดค�ำศพั ท์ : เดินไปข้างหนา้ เดนิ ถอยหลงั เดินอยู่กับท่ี การวดั และประเมินผล เครื่องมือประเมนิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมทกั ษะการฟงั วิธกี ารประเมิน สงั เกตพฤติกรรมเดก็ ดังน้ี ๑. การเขา้ ใจความหมายของค�ำศพั ทโ์ ดยการปฏิบัติ ตามค�ำส่งั ได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะการฟงั รายการประเมิน ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงทา่ ทาง ๒ แสดงทา่ ทาง ของคำ� ศพั ทก์ ารปฏบิ ัติ ตามค�ำศัพท์ได้ ตามค�ำศพั ท์ไดถ้ กู ต้อง ตามคำ� ส่ังได้ ถูกตอ้ งทัง้ ๓ คำ� แสดงท่าทาง ๑ คำ� หรือแสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศพั ทไ์ ด้ถูกต้อง ไม่ไดเ้ ลย ๒ ค�ำ 219

แผนการจดั ประสบการณท์ กั ษะการฟงั - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทพี อี าร์ ช้ันอนบุ าล ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ หรอื ชั้นเร่มิ ต้น สัปดาหท์ ี่ ๑ เวลา ๑๕ นาที/แผน วันพุธ ท.ี่ ......... เดือน............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทพี ีอาร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ดั มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเนอ้ื ใหญแ่ ละกล้ามเนอื้ เลก็ แข็งแรง ใช้ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว และประสาน สมั พนั ธก์ ัน ตวั บง่ ช้ที ี่ ๒.๑ เคลือ่ นไหวร่างกายอยา่ งคลอ่ งแคล่วประสานสมั พันธ์และทรงตัวได้ มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติท่ีดีตอ่ การเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรูไ้ ด้ เหมาะสมกบั วัย ตวั บ่งชท้ี ี่ ๑๒.๑ มีเจตคติท่ีดตี อ่ การเรยี นรู้ สาระสำ� คัญ ค�ำและความหมาย : นอนตะแคง นอนคว่�ำ นอนหงาย เป็นค�ำศัพท์พ้ืนฐานในชั้นเด็กเล็กระดับ ปฐมวยั น�ำไปใช้ในชีวติ ประจ�ำวันได้ และเป็นพื้นฐานส�ำหรับการเรียนรู้คำ� ศพั ท์ที่ยากขึ้นตอ่ ไป จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของค�ำศัพท์ นอนตะแคง นอนคว�ำ่ นอนหงายได้ ๒. ปฏบิ ัตติ ามคำ� ส่ังได้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ �ำคญั ดา้ นสตปิ ญั ญา สาระการเรยี นรู้ - การเลยี นแบบการกระทำ� และเสียงตา่ ง ๆ เรอ่ื งราวเกย่ี วกับตวั เดก็ - การร่วมกจิ กรรมด้วยความสนใจ คำ� สงั่ ชุดท่ี ๖ : นอนตะแคง นอนคว่ำ� - การเชอ่ื มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั นอนหงาย กจิ กรรมการเรียนรู/้ ขัน้ ตอนการสอน ๑. คำ� สงั่ ใหม่ คำ� สง่ั ชดุ ที่ คำ� สงั่ ท่ี ๑ ค�ำสงั่ ท่ี ๒ ค�ำส่งั ที่ ๓ ๖ นอนตะแคง นอนคว�ำ่ นอนหงาย 220

๒. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ตอนการสอน ค�ำและกิจกรรม ทบทวนคำ� ศัพท์ ครูทบทวนคำ� ศพั ท์ : เดนิ ไปข้างหนา้ เดนิ ถอยหลัง เดนิ อยู่กับที่ ครูทำ� ให้ดู ๑. ครูพูด “นอนตะแคง” ครสู าธิตการนอนตะแคง หลังจากทพ่ี ูด “นอนตะแคง” จบแล้ว ๒. ครพู ูด “นอนควำ่� ” ครูสาธิตการเดินนอนคว่ำ� หลงั จากที่พดู “นอนคว่�ำ” จบแล้ว ๓. ครพู ูด “นอนหงาย” ครสู าธิตการนอนหงาย หลังจากทพี่ ดู “นอนหงาย” จบแลว้ ๔. ครทู ำ� ซ้ำ� ข้อ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ขัน้ เสนอบทเรยี น ครทู ำ� พรอ้ มอาสาสมัคร ๑. ครถู าม “ใครจะอาสาออกมาท�ำพร้อมครู ยกมือขนึ้ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูให้อาสาสมัคร ออกมาทำ� พรอ้ มครหู น้าช้ันเรียน ๓. ครแู ละอาสาสมัครท�ำท่าทางพรอ้ มกัน โดยครเู ปน็ ผอู้ อกคำ� สัง่ ทลี ะคำ� ส่ัง (นอนตะแคง นอนควำ�่ นอนหงาย) แลว้ ท�ำทา่ ทางประกอบแต่ละค�ำสัง่ คำ� ส่ังละ ๓ รอบ ครสู ง่ั ให้อาสาสมัครทำ� ๑. ใหอ้ าสาสมัครท�ำเองตามค�ำสัง่ ของครู ทลี ะค�ำส่ัง ค�ำสั่งละ ๓ รอบ ๒. เปลีย่ นอาสาสมคั รชุดใหม่อกี ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกค�ำส่ังเหมอื นขอ้ ที่ ๑ ขน้ั ปฏบิ ตั ิ ๑. ครสู งั่ “นอนตะแคง นอนคว�ำ่ นอนหงาย” ใหเ้ ดก็ นกั เรียนท้ังห้องเรียนท�ำ พร้อมกนั ทลี ะคำ� ส่ัง ค�ำสงั่ ละ ๓ รอบ ๒. ครแู บง่ กลมุ่ ย่อย จำ� นวน ๕ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครูส่ัง “นอนตะแคง นอนควำ�่ นอนหงาย” ให้เด็กกลุ่มย่อยท�ำทลี ะกลุม่ กลุม่ ละ ๓ รอบ จนครบทกุ กล่มุ ครเู ป็นผสู้ งั เกตว่าเด็กท�ำถกู ตอ้ งหรอื ไม่ ขั้นทดสอบ ๑. ครูทดสอบสง่ั เดก็ ทำ� ทีละคน ถ้าเดก็ ทำ� ตามคำ� สง่ั ไมถ่ ูกตอ้ ง ให้เดก็ คนนัน้ ท�ำตาม การปฏิบตั ิ ค�ำสง่ั พรอ้ มครู โดยครูไม่ต�ำหนเิ ด็กเมือ่ ท�ำไมถ่ ูกตอ้ ง ๒. หากเด็กทำ� ได้แลว้ ครูจะสลบั ค�ำสั่งจากค�ำสงั่ ท่ี ๑ ๒ ๓ เปน็ คำ� สั่งที่ ๓ ๒ ๑ หรอื ๑ ๓ ๒ เปน็ ต้น เพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ เดก็ เข้าใจคำ� สง่ั และปฏิบัตไิ ด้ถกู ต้องหรอื ยัง พรอ้ มพูดใหค้ �ำชมเชย ครูน�ำเอาค�ำสง่ั ท่เี คยเรียนไปแลว้ มาผสมกับคำ� ส่งั ใหม่ ให้เป็นประโยคท่มี ีค�ำสั่งซอ้ น ขนั้ ประเมินผล หรือ คำ� ส่งั ต่อเน่อื งกนั แลว้ สัง่ ให้เดก็ ทำ� ดังนี้ “นอนตะแคงอยู่กบั ท่ี, นอนคว่ำ� แล้ว คลานไปข้างหนา้ , นอนหงายแล้วถอยหลงั ” เปน็ ต้น 221

สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ชดุ คำ� ศพั ท์ : นอนตะแคง นอนคว่ำ� นอนหงาย การวดั และประเมินผล เครอื่ งมือประเมิน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทกั ษะการฟงั วธิ ีการประเมนิ สงั เกตพฤติกรรมเดก็ ดังน้ี ๑. การเข้าใจความหมายของคำ� ศัพทโ์ ดยการปฏบิ ัติ ตามค�ำสงั่ ได้ เกณฑ์การประเมนิ ทักษะการฟงั รายการประเมนิ ๓ ระดบั คณุ ภาพ ๑ ๑. การเขา้ ใจความหมาย แสดงทา่ ทาง ๒ แสดงท่าทาง ของคำ� ศัพท์การปฏิบตั ิ ตามคำ� ศัพทไ์ ด้ ตามค�ำศพั ทไ์ ดถ้ ูกต้อง ตามค�ำส่งั ได้ ถกู ต้องท้ัง ๓ ค�ำ แสดงท่าทาง ๑ คำ� หรือแสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ กู ต้อง ไม่ได้เลย ๒ ค�ำ 222

แผนการจดั ประสบการณท์ ักษะการฟงั - พูด ภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรยี นรู้แบบ ทพี อี าร์ ชนั้ อนุบาล ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ หรอื ชน้ั เริ่มตน้ สัปดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาท/ี แผน วันพฤหัสบดี ท่ี.......... เดอื น............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทีพอี าร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเนอ้ื ใหญแ่ ละกลา้ มเน้ือเลก็ แข็งแรง ใชไ้ ดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ และประสาน สมั พนั ธก์ นั ตัวบ่งชีท้ ี่ ๒.๑ เคลื่อนไหวร่างกายอยา่ งคลอ่ งแคล่วประสานสัมพนั ธ์และทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรไู้ ด้ เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ท่ี ๑๒.๑ มีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การเรียนรู้ สาระส�ำคญั คำ� และความหมาย : ย�่ำเท้า เดนิ เร็ว ๆ เดินชา้ ๆ เปน็ คำ� ศัพท์พ้ืนฐานในชัน้ เด็กเล็กระดับปฐมวยั น�ำไปใช้ในชวี ติ ประจ�ำวันได้ และเปน็ พ้ืนฐานสำ� หรบั การเรียนรูค้ ำ� ศัพท์ท่ยี ากขนึ้ ตอ่ ไป จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของคำ� ศพั ท์ ย�่ำเท้า เดนิ เร็ว ๆ เดินชา้ ๆ ได้ ๒. ปฏิบตั ิตามคำ� สง่ั ได้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณส์ ำ� คญั ด้านสติปัญญา สาระการเรยี นรู้ - การเลียนแบบการกระท�ำและเสียงตา่ ง ๆ เร่ืองราวเกีย่ วกบั ตวั เด็ก - การร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ ค�ำสงั่ ชดุ ที่ ๗ : ยำ่� เท้า เดนิ เรว็ ๆ เดนิ ช้า ๆ - การเชื่อมโยงความร้ตู า่ ง ๆ ไปใชใ้ นชวี ิตประจำ� วนั กิจกรรมการเรียนร้/ู ขนั้ ตอนการสอน ๑. คำ� ส่งั ใหม่ คำ� ส่ังชุดท่ี คำ� สั่งท่ี ๑ คำ� สง่ั ท่ี ๒ คำ� สั่งท่ี ๓ ๗ ย่ำ� เท้า เดนิ เรว็ ๆ เดินช้า ๆ 223

๒. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันตอนการสอน ค�ำและกิจกรรม ทบทวนค�ำศัพท์ ครูทบทวนค�ำศพั ท์ : นอนตะแคง นอนคว�่ำ นอนหงาย ครูทำ� ใหด้ ู ๑. ครูพูด “ย�่ำเทา้ ” ครสู าธิตการยำ่� เทา้ หลงั จากทีพ่ ดู “ย�่ำเทา้ ” จบแล้ว ๒. ครูพดู “เดินเรว็ ๆ ” ครูสาธิตการเดินเร็ว ๆ หลงั จากท่พี ูด “เดนิ เร็ว ๆ ” จบแล้ว ๓. ครพู ูด “เดนิ ชา้ ๆ ” ครูสาธิตการเดินชา้ ๆ หลังจากทพ่ี ูด “เดินชา้ ๆ ” จบแลว้ ๔. ครทู ำ� ซ�ำ้ ข้อ ๑ - ๓ อีก ๒ รอบ ครทู �ำพร้อมอาสาสมัคร ข้ันเสนอบทเรียน ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาทำ� พรอ้ มครู ยกมือข้นึ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครใู หอ้ าสาสมคั ร ออกมาทำ� พรอ้ มครูหนา้ ชน้ั เรยี น ๓. ครแู ละอาสาสมคั รทำ� ทา่ ทางพร้อมกัน โดยครเู ปน็ ผูอ้ อกค�ำส่งั ทลี ะคำ� ส่งั (ย�่ำเทา้ เดนิ เรว็ ๆ เดินช้า ๆ) แล้วทำ� ท่าทางประกอบแต่ละค�ำสั่ง คำ� สงั่ ละ ๓ รอบ ครสู งั่ ให้อาสาสมคั รท�ำ ๑. ใหอ้ าสาสมัครท�ำเองตามคำ� ส่ังของครู ทลี ะคำ� ส่ัง ค�ำสัง่ ละ ๓ รอบ ๒. เปลยี่ นอาสาสมคั รชดุ ใหม่อกี ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกคำ� สั่งเหมือนข้อที่ ๑ ขนั้ ปฏิบตั ิ ๑. ครสู ง่ั “ย�่ำเท้า เดินเรว็ ๆ เดินช้า ๆ ” ให้เด็กนักเรยี นท้ังหอ้ งเรยี นทำ� พร้อมกัน ทีละคำ� สง่ั ค�ำสั่งละ ๓ รอบ ๒. ครูแบ่งกลุ่มย่อย จำ� นวน ๕ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครสู ่งั “ยำ่� เทา้ เดินเรว็ ๆ เดนิ ช้า ๆ ” ให้เด็กกลมุ่ ย่อยท�ำทลี ะกลุ่ม กลมุ่ ละ ๓ รอบ จนครบทุกกลมุ่ ครเู ป็นผ้สู ังเกตว่าเด็กท�ำถูกต้องหรือไม่ ขัน้ ทดสอบ ๑. ครูทดสอบสั่งเด็กท�ำทีละคน ถา้ เด็กทำ� ตามค�ำสั่งไม่ถูกต้อง ให้เด็กคนน้ันท�ำตาม การปฏบิ ัติ ค�ำสงั่ พร้อมครู โดยครไู ม่ตำ� หนิเด็กเม่อื ท�ำไมถ่ กู ตอ้ ง ๒. หากเด็กทำ� ได้แลว้ ครจู ะสลับค�ำส่ังจากค�ำสั่งท่ี ๑ ๒ ๓ เปน็ ค�ำส่ังท่ี ๓ ๒ ๑ หรือ ๑ ๓ ๒ เป็นตน้ เพื่อให้แนใ่ จว่า เดก็ เข้าใจคำ� ส่ังและปฏิบตั ิไดถ้ กู ต้องหรือยงั พร้อมพดู ให้ค�ำชมเชย ครูนำ� เอาคำ� ส่ังทเ่ี คยเรยี นไปแล้ว มาผสมกับค�ำสั่งใหม่ ให้เปน็ ประโยคทีม่ ีค�ำสัง่ ซอ้ น ขนั้ ประเมนิ ผล หรอื ค�ำสงั่ ต่อเน่ืองกนั แล้วสงั่ ใหเ้ ด็กทำ� ดงั นี้ “ย�่ำเท้าเรว็ ๆ เดนิ ช้า ๆ เดินอย่กู ับท”่ี เปน็ ตน้ 224

ส่อื วสั ดุ อุปกรณ์ ชดุ ค�ำศพั ท์ : ย่ำ� เท้า เดินเรว็ ๆ เดนิ ชา้ ๆ การวดั และประเมินผล เครื่องมอื ประเมิน แบบสังเกตพฤตกิ รรมทักษะการฟงั วิธกี ารประเมนิ สงั เกตพฤตกิ รรมเด็กดงั น้ี ๑. การเขา้ ใจความหมายของคำ� ศพั ท์โดยการปฏบิ ตั ิ ตามคำ� ส่งั ได้ เกณฑก์ ารประเมินทักษะการฟงั รายการประเมิน ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงท่าทาง ๒ แสดงทา่ ทาง ของค�ำศพั ท์การปฏิบตั ิ ตามคำ� ศพั ท์ได้ ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ กู ต้อง ตามคำ� ส่ังได้ ถกู ต้องท้ัง ๓ คำ� แสดงทา่ ทาง ๑ คำ� หรือแสดงทา่ ทาง ตามค�ำศัพทไ์ ด้ถูกตอ้ ง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ ค�ำ 225

แผนการจัดประสบการณ์ทักษะการฟัง - พูด ภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรยี นรูแ้ บบ ทีพีอาร์ ชนั้ อนุบาล ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ หรือชั้นเร่ิมตน้ สัปดาห์ที่ ๑ เวลา ๑๕ นาที/แผน วนั พฤหัสบดี ที.่ ......... เดือน............................... พ.ศ. ......... ประเภท ทพี ีอาร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานที่ ๒ กลา้ มเน้ือใหญแ่ ละกล้ามเนอ้ื เล็กแขง็ แรง ใชไ้ ด้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสาน สัมพันธก์ ัน ตวั บง่ ช้ีที่ ๒.๑ เคลือ่ นไหวรา่ งกายอย่างคลอ่ งแคล่วประสานสัมพนั ธแ์ ละทรงตัวได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ีด่ ีตอ่ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความร้ไู ด้ เหมาะสมกบั วยั ตวั บ่งชี้ที่ ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียนรู้ สาระสำ� คัญ ค�ำและความหมาย : วิ่ง แกวง่ แขน กางแขน เป็นคำ� ศัพทพ์ นื้ ฐานในชั้นเดก็ เล็กระดับปฐมวัย นำ� ไป ใชใ้ นชีวิตประจ�ำวนั ได้ และเปน็ พ้นื ฐานสำ� หรับการเรียนรู้คำ� ศัพท์ที่ยากขึ้นต่อไป จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. เข้าใจความหมายของค�ำศัพท์ ว่ิง แกว่งแขน กางแขน ได้ ๒. ปฏิบตั ิตามคำ� สั่งได้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณ์ส�ำคญั ด้านสตปิ ัญญา สาระการเรยี นรู้ - การเลียนแบบการกระทำ� และเสียงต่าง ๆ เรื่องราวเก่ยี วกบั ตัวเด็ก - การรว่ มกจิ กรรมด้วยความสนใจ คำ� สั่งชุดท่ี ๘ : วง่ิ แกว่งแขน กางแขน - การเชอื่ มโยงความรตู้ า่ ง ๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วัน กิจกรรมการเรยี นร/ู้ ขั้นตอนการสอน ๑. ค�ำสง่ั ใหม่ คำ�สั่งชดุ ที่ คำ�ส่ังที่ ๑ คำ�สง่ั ที่ ๒ คำ�สง่ั ที่ ๓ ๘ ว่งิ แกว่งแขน กางแขน 226

๒. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอน ค�ำและกจิ กรรม ทบทวนคำ� ศพั ท์ ครูทบทวนค�ำศพั ท์ : ย่ำ� เท้า เดินเร็ว ๆ เดินช้า ๆ ครูทำ� ให้ดู ๑. ครพู ดู “วง่ิ ” ครูสาธติ การว่ิง หลงั จากท่ีพูด “วง่ิ ” จบแลว้ ๒. ครพู ูด “แกว่งแขน” ครูสาธิตการแกวง่ แขน หลงั จากท่พี ดู “แกว่งแขน” จบแลว้ ๓. ครพู ดู “กางแขน” ครสู าธิตการกางแขน หลงั จากทีพ่ ูด “กางแขน” จบแล้ว ๔. ครทู �ำซำ้� ขอ้ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครทู �ำพร้อมอาสาสมคั ร ขัน้ เสนอบทเรียน ๑. ครถู าม “ ใครจะอาสาออกมาทำ� พร้อมครู ยกมือข้ึน” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูให้อาสาสมคั ร ออกมาท�ำพรอ้ มครูหน้าชนั้ เรียน ๓. ครแู ละอาสาสมัครท�ำท่าทางพร้อมกัน โดยครูเป็นผู้ออกค�ำสง่ั ทีละค�ำส่ัง (ว่ิง แกว่งแขน กางแขน) แลว้ ทำ� ทา่ ทางประกอบแต่ละคำ� ส่งั ค�ำสง่ั ละ ๓ รอบ ครูสัง่ ใหอ้ าสาสมคั รท�ำ ๑. ให้อาสาสมคั รท�ำเองตามค�ำส่งั ของครู ทลี ะคำ� สง่ั คำ� สั่งละ ๓ รอบ ๒. เปล่ยี นอาสาสมคั รชดุ ใหม่อกี ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกคำ� สัง่ เหมือนข้อท่ี ๑ ข้นั ปฏบิ ัติ ๑. ครูสัง่ “วิ่ง แกว่งแขน กางแขน” ให้เด็กนกั เรียนทัง้ หอ้ งเรยี นทำ� พร้อมกนั ทลี ะ ค�ำส่งั ค�ำสัง่ ละ ๓ รอบ ๒. ครแู บง่ กลุ่มย่อย จ�ำนวน ๕ กล่มุ กลมุ่ ละ ๓ - ๕ คน ๓. ครสู ัง่ “ว่ิง แกวง่ แขน กางแขน” ใหเ้ ด็กกลุม่ ย่อยทำ� ทีละกล่มุ กล่มุ ละ ๓ รอบ จนครบทุกกลุม่ ครูเปน็ ผู้สังเกตว่าเด็กทำ� ถกู ต้องหรอื ไม่ ขัน้ ทดสอบ ๑. ครทู ดสอบสง่ั เดก็ ท�ำทลี ะคน ถ้าเด็กท�ำตามค�ำสงั่ ไมถ่ กู ตอ้ ง ให้เด็กคนนน้ั ท�ำตาม การปฏิบัติ ค�ำสัง่ พรอ้ มครู โดยครไู ม่ตำ� หนิเดก็ เมื่อทำ� ไม่ถกู ตอ้ ง ๒. หากเดก็ ท�ำไดแ้ ล้ว ครจู ะสลบั ค�ำส่ังจากค�ำสง่ั ที่ ๑ ๒ ๓ เปน็ คำ� สงั่ ท่ี ๓ ๒ ๑ หรอื ๑ ๓ ๒ เปน็ ตน้ เพ่ือใหแ้ น่ใจว่า เดก็ เขา้ ใจค�ำสัง่ และปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ งหรือยงั พร้อมพดู ให้คำ� ชมเชย ครนู ำ� เอาค�ำสั่งทเ่ี คยเรยี นไปแล้ว มาผสมกับคำ� ส่งั ใหม่ ให้เปน็ ประโยคที่มีค�ำสัง่ ซอ้ น ข้นั ประเมินผล หรือ คำ� สั่งตอ่ เนื่องกัน แล้วสงั่ ให้เด็กท�ำ ดงั นี้ “วิ่งเร็ว ๆ, ยนื แกวง่ แขน, เดินเขย่ง ปลายเท้า” เปน็ ตน้ 227

สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ ชดุ คำ� ศัพท์ : กางแขน แกวง่ แขน เขยง่ ปลายเท้า การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือประเมิน แบบสงั เกตพฤติกรรมทักษะการฟัง วธิ ีการประเมิน สังเกตพฤตกิ รรมเดก็ ดังนี้ ๑. การเข้าใจความหมายของคำ� ศัพทโ์ ดยการปฏิบัติ ตามค�ำสง่ั ได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะการฟงั รายการประเมนิ ๓ ระดับคณุ ภาพ ๑ ๑. การเขา้ ใจความหมาย แสดงท่าทาง ๒ แสดงทา่ ทาง ของคำ� ศพั ท์การปฏบิ ตั ิ ตามคำ� ศัพท์ได้ ตามค�ำศัพทไ์ ดถ้ กู ต้อง ตามค�ำส่งั ได้ ถูกต้องทง้ั ๓ คำ� แสดงท่าทาง ๑ คำ� หรอื แสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศพั ท์ได้ถกู ต้อง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒ ค�ำ 228

แผนการจดั ประสบการณ์ทักษะการฟัง - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทีพีอาร์ ช้นั อนุบาล ๑ ภาคเรียนที่ ๒ หรือชนั้ เรม่ิ ต้น สัปดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาท/ี แผน วันศกุ ร์ (ทบทวน) ท.่ี ......... เดือน..................... พ.ศ. ......... ประเภท ทีพอี าร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๐๘.๔๕ - ๐๙.๐๐ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั มาตรฐานที่ ๒ กลา้ มเนื้อใหญแ่ ละกลา้ มเนอื้ เลก็ แข็งแรง ใช้ไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และประสาน สมั พนั ธก์ นั ตัวบง่ ช้ที ่ี ๒.๑ เคล่ือนไหวร่างกายอย่างคล่องแคลว่ ประสานสัมพนั ธแ์ ละทรงตวั ได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การเรียนรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกบั วยั ตวั บง่ ชที้ ี่ ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ี่ดีต่อการเรียนรู้ สาระสำ� คญั คำ� และความหมาย : ยนื น่งั กระโดดสะบดั มือ กำ� มือ แบมอื ตบมอื ตบตัก ดีดนวิ้ เดิน หยุด หมนุ ตัวเป็นค�ำศัพท์พ้ืนฐานในช้ันเด็กเล็กระดับปฐมวัย น�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้ และเป็นพ้ืนฐานส�ำหรับ การเรียนรคู้ �ำศพั ทท์ ย่ี ากข้นึ ตอ่ ไป จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของคำ� ศัพท์ ยนื นง่ั กระโดดสะบัดมือ ก�ำมอื แบมอื ตบมอื ตบตัก ดดี นิ้วเดนิ หยุด หมนุ ตัวได้ ๒. ปฏิบัตติ ามคำ� สั่งได้ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณส์ ำ� คัญ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั ตวั เด็ก ด้านสติปัญญา ยนื น่งั กระโดดสะบดั มอื ก�ำมอื แบมอื ตบมือ - การเลยี นแบบการกระทำ� และเสยี งตา่ ง ๆ ตบตัก ดดี นิว้ เดนิ หยุด หมุนตัว - การร่วมกจิ กรรมดว้ ยความสนใจ - การเช่อื มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ไปใช้ในชวี ิตประจ�ำวัน 229

สอ่ื วัสดุ อปุ กรณ์ ชุดค�ำศพั ท์ : ยนื นั่ง กระโดดสะบัดมือ ก�ำมอื แบมือตบมือ ตบตกั ดดี น้ิวเดนิ หยดุ หมนุ ตวั การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือประเมนิ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทักษะการฟงั วธิ ีการประเมิน สงั เกตพฤติกรรมเด็กดงั น้ี ๑. การเขา้ ใจความหมายของคำ� ศัพท์โดยการปฏบิ ตั ติ าม ค�ำส่งั ได้ เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะการฟัง ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ ๓๒ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงท่าทาง ของคำ� ศพั ทก์ ารปฏบิ ัติ แสดงท่าทาง แสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศัพทไ์ ดถ้ กู ต้อง ตามคำ� ส่ังได้ ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ ูกตอ้ ง ตามคำ� ศพั ท์ไดถ้ ูกตอ้ ง ๑ ประโยค หรอื ทง้ั ๔ - ๕ ประโยค ๒ - ๓ ประโยค แสดงท่าทางไมไ่ ด้เลย 230

แผนการจัดประสบการณ์ทักษะการฟัง - พูด ภาษาไทย โดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ ทีพอี าร์ ช้ันอนบุ าล ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หรือชนั้ เรมิ่ ต้น สัปดาหท์ ่ี ๑ เวลา ๑๕ นาท/ี แผน วันศกุ ร์ (ทบทวน) ที่.......... เดือน..................... พ.ศ. ......... ประเภท ทีพอี าร์ ร่างกาย (TPR - B) เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๔.๔๕ น. ................................................................................................................................ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเน้อื ใหญ่และกลา้ มเนื้อเล็กแขง็ แรง ใชไ้ ดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว และประสาน สมั พันธ์กนั ตวั บง่ ชี้ที่ ๒.๑ เคลือ่ นไหวร่างกายอยา่ งคลอ่ งแคลว่ ประสานสมั พนั ธแ์ ละทรงตวั ได้ มาตรฐานท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ีด่ ตี ่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความร้ไู ด้ เหมาะสมกบั วยั ตัวบ่งช้ีที่ ๑๒.๑ มเี จตคตทิ ่ีดตี ่อการเรยี นรู้ สาระสำ� คญั ค�ำและความหมาย : เดินไปขา้ งหนา้ เดินถอยหลัง เดนิ อยกู่ ับที่นอนตะแคง นอนควำ่� นอนหงาย ย่�ำเท้า เดินเรว็ ๆ เดนิ ช้า ๆ วง่ิ แกว่งแขน กางแขน เป็นคำ� ศพั ท์พนื้ ฐานในชั้นเดก็ เล็กระดบั ปฐมวยั น�ำไปใช้ ในชีวติ ประจำ� วันได้ และเป็นพนื้ ฐานสำ� หรับการเรียนรคู้ �ำศพั ทท์ ีย่ ากข้ึนตอ่ ไป จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของค�ำศพั ทเ์ ดินไปข้างหน้า เดนิ ถอยหลัง เดนิ อยกู่ บั ที่นอนตะแคง นอนคว�่ำ นอนหงายยำ�่ เท้า เดนิ เร็ว ๆ เดนิ ชา้ ๆ วิง่ แกวง่ แขน กางแขน ได้ ๒. ปฏบิ ัติตามค�ำสั่งได้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณ์สำ� คัญ ด้านสตปิ ญั ญา สาระการเรียนรู้ - การเลยี นแบบการกระทำ� และเสียงต่าง ๆ เร่อื งราวเก่ยี วกับตัวเดก็ - การร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เดนิ ไปขา้ งหนา้ เดินถอยหลงั เดินอยูก่ บั ที่ - การเช่ือมโยงความรตู้ ่าง ๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวัน นอนตะแคง นอนคว�่ำ นอนหงาย ย�ำ่ เทา้ เดนิ เรว็ ๆ เดนิ ช้า ๆ วิ่ง แกวง่ แขน กางแขน 231

สอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ ชุดคำ� ศพั ท์ : เดนิ ไปข้างหนา้ เดินถอยหลงั เดินอยู่กับท่ี นอนตะแคง นอนควำ่� นอนหงาย ย�่ำเท้า เดินเร็ว ๆ เดนิ ช้า ๆ ว่งิ แกว่งแขน กางแขน การวดั และประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื ประเมนิ แบบสงั เกตพฤติกรรมทักษะการฟัง วิธกี ารประเมิน สังเกตพฤติกรรมเด็กดงั น้ี ๑. การเข้าใจความหมายของค�ำศัพทโ์ ดยการปฏบิ ัติ ตามคำ� ส่งั ได้ เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะการฟงั ระดับคณุ ภาพ รายการประเมนิ ๓๒ ๑ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงทา่ ทาง ของคำ� ศัพทก์ ารปฏิบตั ิ แสดงทา่ ทาง แสดงทา่ ทาง ตามคำ� ศัพทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง ตามคำ� ส่ังได้ ตามค�ำศัพท์ไดถ้ กู ตอ้ ง ตามค�ำศัพท์ได้ถูกตอ้ ง ๑ ประโยค หรือ ทั้ง ๔ - ๕ ประโยค ๒ - ๓ ประโยค แสดงท่าทางไมไ่ ด้เลย 232

ตัวอย่างข้นั ตอนการจัดการเรยี นการสอน ประเภททีพีอาร์ รา่ งกาย (TPR - B/Body) จ�ำนวน ๑ ชดุ ค�ำศัพท์ เวลา ๑๕ นาที ข้ันตอนที่ ๑ ทบทวนคำ� ศัพท์ ครทู บทวนคำ� ศพั ท์ : วิ่ง แกวง่ แขน กางแขน (ค�ำศพั ท์ทเี่ รยี นมาแล้ว) ขน้ั ตอนท่ี ๒ ขน้ั เสนอบทเรยี น ครูท�ำใหด้ ู : ๑. ครพู ดู “ยกขา” ครสู าธิตการยกขา หลังจากท่พี ูด “ยกขา” จบแล้ว ๒. ครพู ดู “ยกมอื ” ครสู าธติ การยกมือหลงั จากทีพ่ ดู “ยกมอื ” จบแลว้ 233

๓. ครูพูด “โบกมือ” ครูสาธติ การโบกมอื หลังจากที่พูด “โบกมอื ” จบแล้ว ๔. ครูทำ� ซ้ำ� ข้อ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครทู ำ� พรอ้ มอาสาสมัคร : ๑. ครูถาม “ใครจะอาสาออกมาท�ำพร้อมครู ยกมือขน้ึ ” (๒ - ๓ คน) ๒. ครูใหอ้ าสาสมคั ร ออกมาทำ� พร้อมครูหนา้ ชัน้ เรยี น ๓. ครูและอาสาสมัครท�ำท่าทางพร้อมกัน โดยครูเป็นผู้ออกค�ำส่ังทีละค�ำสั่ง (ยกขายกมือ โบกมอื ) แล้วทำ� ทา่ ทางประกอบแต่ละคำ� สั่ง ค�ำสั่งละ ๓ รอบ ครสู ่ังใหอ้ าสาสมคั รท�ำ : ๑. ให้อาสาสมัครทำ� เองตามค�ำสัง่ ของครู ทลี ะค�ำสั่ง คำ� สั่งละ ๓ รอบ ๒. เปลีย่ นอาสาสมัครชดุ ใหมอ่ ีก ๒ - ๓ ชดุ ออกมาโดยครอู อกค�ำส่งั เหมอื นข้อที่ ๑ 234

ขนั้ ตอนที่ ๓ ขนั้ ปฏิบัติ ๑. ครูสั่ง “ยกขา ยกมือ โบกมือ” ให้เด็กนักเรียนท้ังห้องเรียนท�ำพร้อมกันทีละค�ำสั่ง ค�ำสั่งละ ๓ รอบ ๒. ครูแบ่งกลุ่มย่อย จ�ำนวน ๕ กลุ่ม กลุ่มละ ๓ - ๕ คน (ตามความเหมาะสมกับจำ� นวน นักเรียน) ๓. ครูส่ัง “ยกขา ยกมือ โบกมือ” ให้เด็กกลุ่มย่อยท�ำทีละกลุ่ม กลุ่มละ ๓ รอบ จนครบ ทกุ กลุม่ ครูเป็นผสู้ งั เกตว่าเดก็ ทำ� ถกู ต้องหรือไม่ ขนั้ ตอนที่ ๔ ขัน้ ทดสอบการปฏิบัติ ๑. ครูทดสอบสั่งเด็กท�ำทีละคน ถ้าเด็กท�ำตามค�ำส่ังไม่ถูกต้อง ให้เด็กคนน้ันท�ำตามค�ำสั่ง พร้อมครู โดยครไู ม่ตำ� หนิเด็กเม่ือท�ำไมถ่ ูกต้อง ๒. หากเดก็ ท�ำได้แลว้ ครูจะสลบั คำ� สงั่ จากคำ� สัง่ ท่ี ๑ ๒ ๓ เปน็ คำ� สั่งท่ี ๓ ๒ ๑ หรือ ๑ ๓ ๒ เปน็ ตน้ เพ่อื ใหแ้ น่ใจวา่ เด็กเขา้ ใจค�ำส่ังและปฏิบตั ิไดถ้ ูกตอ้ งหรือยงั พร้อมพดู ให้ค�ำชมเชย 235

ขน้ั ตอนที่ ๕ ขั้นประเมนิ ผล ครูน�ำเอาค�ำสั่งที่เคยเรียนไปแล้ว มาผสมกับค�ำสั่งใหม่ ให้เป็นประโยคที่มีค�ำสั่งซ้อน หรือ ค�ำส่งั ต่อเนอื่ งกัน แลว้ ส่ังใหเ้ ด็กทำ� ดังน้ี “น่งั เหยยี ดขา, เดินยกมอื , ยนื โบกมอื ” เป็นตน้ 236

บนั ทึกหลงั การสอน สัปดาห์ท่ี..................... วัน................ เดือน...............................พ.ศ. ....................... ๑. ข้อสรปุ หลังการสอน ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ๒. ปัญหาทพ่ี บ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ๓. แนวทางแก้ปญั หา ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................หวั หนา้ ฝ่ายวิชาการ ......../............./........ ......../............./........ ลงชือ่ .........................................ผ้อู ำ� นวยการโรงเรียน ......../............./........ 237

การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื ที่ใช้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม วธิ กี ารประเมนิ สงั เกตการณพ์ ฤตกิ รรมเด็กดงั น้ี ๑. การเข้าใจความหมายของค�ำศัพท์ ๒. การปฏิบตั ติ ามค�ำสัง่ ได้ เกณฑก์ ารการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๑ รายการประเมิน ๓๒ แสดงทา่ ทางตาม แสดงทา่ ทางตาม แสดงท่าทางตาม ค�ำศพั ทไ์ ด้ ๑ ค�ำหรือ ๑. การเขา้ ใจความหมาย คำ� ศัพทไ์ ด้ทง้ั ๓ ค�ำ คำ� ศพั ท์ได้ ๒ คำ� แสดงทา่ ทางไมไ่ ด้เลย ของคำ� ศพั ท์ ปฏิบตั ติ ามค�ำสัง่ ได้ ปฏิบัติตามคำ� ส่ังได้ ปฏิบัตติ ามคำ� สง่ั ได้ ๑ ค�ำหรอื ปฏิบตั ิ ๒. การปฏิบัตติ ามค�ำส่ัง ทัง้ ๓ ค�ำ ๒ คำ� ไมไ่ ด้เลย แบบสังเกตพฤติกรรมทักษะการฟงั โดยใช้วิธีการสอนแบบตอบสนองทางร่างกาย (TPR - Total Physical Response) ของเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลศกึ ษาปที ี่ ๑ เลขที่ ช่ือ - สกุล รายการประเมนิ การเขา้ ใจความหมาย การปฏบิ ัตติ ามค�ำสัง่ ๑ ๒ ของคำ� ศพั ท์ ๓ ๔ รวม คะแนนเฉลยี่ รวมคะแนนเฉล่ีย 238

แบบบันทึกการประเมนิ ผลความเข้าใจความหมายของค�ำศัพท์ สัปดาห์ที…่ …..วนั ท.ี่ .............. เดือน.................................. พ.ศ. .......... ระดบั ความเขา้ ใจภาษา ท่ี ชอื่ - สกลุ ค�ำส่งั ชดุ ท่ี ๑ คำ� สั่งชดุ ที่ ๒ รวม คำ� ศพั ท์ ค�ำศพั ท์ ค�ำศัพท์ ค�ำศพั ท์ คำ� ศพั ท์ ค�ำศัพท์ ที่ ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๓ ที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ความเข้าใจภาษา ระดบั /คะแนน ระดบั ความเข้าใจภาษา เกณฑก์ ารประเมนิ ผล การประเมนิ ๑๓ - ๑๘ ๗ - ๑๒ ๓ ปฏบิ ตั ิตามคำ�สั่งได้ด้วยตนเองอย่างถกู ต้อง ๗ - ๑๒ และคลอ่ งแคลว่ ทกุ คร้งั ๒ ปฏบิ ัติตามคำ�สง่ั ไดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งถูกตอ้ ง และคล่องแคล่วบางครง้ั ๑ ปฏิบัตติ ามคำ�สงั่ ได้ เม่ือดูตัวอย่างจากครู และเพอ่ื น 239

บรรณานกุ รม มหาวทิ ยาลยั มหิดล. (ม.ป.ป.) นวตั กรรมการจดั การเรยี นการสอนแบบทวภิ าษา (ภาษาไทยมลายูถิ่น) ในจงั หวัดชายแดนภาคใต้. (เอกสารอัดส�ำเนา). วรรณา เทียนม.ี (ม.ป.ป.) เอกสารค่มู ือการสอนภาษาไทยแบบสองแนวทาง : มลู นธิ ิภาษาศาสตรป์ ระยกุ ต์. (เอกสารอัดสำ� เนา). สำ� นักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๗). แนวทางกลวธิ ีและสอื่ การเรยี นการสอนสำ� หรบั นักเรยี น ทีพ่ ูดภาษาทอ้ งถน่ิ ประจำ� วัน การจัดการเรยี นการสอนแนวทางทวภิ าษา (ภาษาไทย - ท้องถนิ่ ) กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ครุ ุสภาลาดพรา้ ว. ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๖๐). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งไทย จำ� กดั . 240

ภาคผนวก  รายการแผนการจดั ประสบการณ์เรียนรูภ้ าษาไทย - ท้องถน่ิ  รายการส่ือการเรียนการสอนภาษาไทย - ทอ้ งถนิ่  รายการชดุ คำ� ส่งั สำ� หรับการจัดประสบการณเ์ รยี นรู้ทกั ษะการฟัง - พดู แบบทพี อี าร์ 241

รายการแผนการจดั ประสบการณ์เรียนรูภ้ าษาไทย - ท้องถิน่ ส�ำหรบั ผูเ้ รียนที่ใช้ภาษาท้องถิ่นสอื่ สารในชีวติ ประจำ� วนั ระดบั ชั้นอนบุ าล ภาคเรียนที่ ๑ (ขอ้ มูลประกอบแผน่ ดีวีด)ี ๑. ตวั อยา่ งแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วย ขยะ (ส่ิงแวดล้อมในชมุ ชน) ล�ำดบั ภาษาไทย - ทอ้ งถน่ิ หน่วย เพ่อื นใหม่ ๑. มง้ ๒. มอญ หน่วย ต้นไผ่ หนว่ ย สายนำ้� แม่ลิด ๓. กะเหรย่ี งโปว์ หน่วย วนั แม่ ๔. กะเหรี่ยงสะกอ หน่วย เรามาโรงเรียน ๕. ลาหแู่ ดง หนว่ ย ลาหู่น้อยผู้นา่ รกั ๖. ลาหู่ซี หน่วย หมูบ่ ้านบนดอย ๗. ลาหแู่ ซแล หน่วย ฮารรี ายอ ๘. เลอเวือะ หน่วย วนั แซนโฎนตา ๙. มลายูถิ่น ๑๐. เขมรถ่ินไทย ๒. รายการแผนการจดั ประสบการณ์เรียนรู้ ๒.๑ แผนการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ภาษาไทย - มง้ หน่วยท่ี หน่วยการเรียนรู้ หน่วยที่ หนว่ ยการเรียนรู้ ๑. หน่วย ขยะ ๑๑. หน่วย กอ้ นหิน (หิน ดนิ ทราย) ๒. หนว่ ย ลูกสะบ้า (ของเลน่ ในชมุ ชน) ๑๒. หนว่ ย สีแสนสวย ๓. หน่วย ลำ� หว้ ย (น�ำ้ ) ๑๓. หนว่ ย รถยนต์ (คมนาคม) ๔. หนว่ ย ขา้ วไร่ (ข้าว) ๑๔. หนว่ ย โทรศพั ท์ (การส่อื สาร) ๕. หน่วย ทำ� ผี (ความเชือ่ ในชุมชน) ๑๕. หนว่ ย ยงุ (ปลอดโรคปลอดภยั ) ๖. หนว่ ย วันพ่อ ๗. หนว่ ย ประเพณีปีใหมม่ ้ง ๘. หน่วย วนั เด็ก - วันครู ๙. หน่วย ภชู ฟ้ี า้ (เทีย่ วภชู ฟี้ ้า) ๑๐. หน่วย เปอ๊ (เครือ่ งมือเครื่องใช้ในชุมชน) 242