ตอนท่ี ๑ การสอื่ สารของมนุษยชาตแิ ละ การสอ่ื สารของประเทศไทย บทนาํ / การส่ือสาร : ความหมายและแนวคิดเบือ้ งตน้ ๑ นิยามการสื่อสาร ๒-๓ ๒ แนวคิดการสื่อสาร ๔-๕ ๓ ความสําคญั และผลกระทบของการส่ือสาร ๖-๗ ๔ รูปแบบการสื่อสารในยุคกอ่ นประวตั ิศาสตร ์ ๘-๙ ๕ รูปแบบการสื่อสารในยุคประวตั ิศาสตร ์ ๑๐-๑๑
๑ นิยามการส่ือสาร คาํ วา่ Communication หรอื ในภาษาไทยวา่ การสื่อสาร มีรากฐานมาจากคาํ ในภาษาละตินวา่ Communi- care แปลวา่ การแบ่งปันหรอื การเกี่ยวโยงกนั อนั เป็ นกลไกทางสงั คมอย่างหน่ึงในการอยู่รว่ มกนั ซง่ึ ในระยะ ตน้ นนั้ เป็ นการส่ือสารผ่านเสียงหรอื ท่าทางที่สามารถทาํ ไดต้ ามธรรมชาติของรา่ งกาย ไม่มีการเขียนหรอื ใช ้ เทคโนโลยีแต่อย่างใด
การส่ือสาร (Communication) ตาม สอื่ สาร ซง่ึ ตคี วามขอ้ มลู ขา่ วสารหรอื สารทไ่ี ดร้ บั ทใี่ ชใ้ นการสอ่ื สารมวลชน (Medium หรอื Media พจนานกุ รมแบบองั กฤษ หมายถงึ “กระบวนการ ในบางแนวคดิ เรยี กผสู้ ง่ สารวา่ ผเู้ ขา้ รหสั (Encod- of Communication) เรยี กวา่ สอื่ มวลชน (Mass ๒-๓ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร (Information) ระหวา่ ง er) และเรยี กผรู้ บั สารวา่ ผถู้ อดรหสั (decoder) Media) ซงึ่ เปน็ สอ่ื ทสี่ ามารถนา� สารจากผสู้ ง่ สารไป บคุ คลดว้ ยสญั ญาณ สญั ลกั ษณ ์ หรอื พฤตกิ รรมและ เนอ่ื งจากผสู้ ง่ สารตอ้ งแปลงความคดิ เปน็ สญั ญาณ สผู่ รู้ บั สารจา� นวนมากไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ภายในเวลา การแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารผา่ นสอ่ื ตา่ ง ๆ อาท ิ สญั ลกั ษณ ์ หรอื พฤตกิ รรม และผรู้ บั สารตอ้ งถอด ทใี่ กลเ้ คยี งกนั หรอื ในเวลาเดยี วกนั การใชส้ ญั ญาณควนั สญั ญาณธง ภาพวาดในถา�้ ความหมายของสัญญาณ สัญลักษณ์ หรือ การพดู การเขยี น เปน็ ตน้ ” พฤตกิ รรมทไี่ ดร้ บั ประเภทของส่ือมวลชน แบง่ ออกเป็ น ๖ ประเภท ไดแ้ ก ่ สงิ่ พมิ พ ์ หนงั สอื พมิ พ ์ วารสาร สว่ นการสอื่ สารทใี่ ชค้ า� ภาษาองั กฤษวา่ Com- ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๙ นักวิชาการฝั่ง นิตยสาร หนังสือ และสิ่งตีพิมพ์ประเภทอ่ืน ๆ munication หมายถงึ ระบบทใี่ ชส้ ง่ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ตะวันตกได้คิดแบบจ�าลองการสื่อสารและมีการ ภาพยนตร ์ ทง้ั ภาพยนตรเ์ รอ่ื ง ภาพยนตรส์ ารคด ี หรอื การสง่ หรอื รบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร หรอื เทคโนโลยใี น พฒั นาตอ่ ยอดกนั มาหลายแบบ ทเี่ รยี กกนั วา่ แบบ และภาพยนตรท์ างการศกึ ษาบางประเภท การแปลงขอ้ มลู ขา่ วสาร อาท ิ การสอ่ื สารผา่ นสาย จ�าลองการสื่อสาร SMCR (Sender Message การสอ่ื สารผา่ นระบบคอมพวิ เตอร ์ การสอ่ื สารผา่ น Channel Receiver Model) โดยมกี ารเพม่ิ องค์ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง ไดแ้ ก ่ วทิ ยทุ สี่ ง่ รายการออก ดาวเทียม เป็นต้น ในพจนานุกรมฉบับ ประกอบทเี่ รยี กวา่ ชอ่ งทางสอ่ื สาร (Channel) และ อากาศ ทงั้ ระบบ AM และ FM รวมไปถงึ ระบบ ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ การสอ่ื สาร ปฏกิ ริ ยิ าสะทอ้ นกลบั (Feedback) เสยี งตามสาย และระบบดจิ ทิ ลั ระบบออนไลน์ หมายถงึ “วธิ กี ารนา� ถอ้ ยคา� ขอ้ ความ หรอื หนงั สอื โทรทศั น ์ คอื สอ่ื ทเี่ ผยแพรท่ ง้ั ภาพและทางเสยี ง ทง้ั เปน็ ตน้ จากบคุ คลหนง่ึ หรอื สถานทหี่ นง่ึ ไปยงั อกี ระดบั ของการส่ือสาร บคุ คลหนงึ่ หรอื อกี สถานทห่ี นงึ่ ” ประเภทแอนนะลอ็ กและดจิ ทิ ลั การสอ่ื สาร แบง่ ไดเ้ ปน็ ๔ ระดบั ตามจา� นวนผรู้ ว่ ม สอื่ สาร ไดแ้ ก ่ โทรคมนาคม เปน็ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ดงั นนั้ คา� วา่ การสอื่ สาร จงึ มคี วามหมายไดท้ ง้ั ท่ีท�าให้ส่งข้อความ เสียง ภาพ ตัวพิมพ ์ กระบวนแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร และระบบของ การส่ือสารภายในตวั บคุ คล (Intrap- ตลอดจนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย การสง่ และรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร โดยเปน็ กระบวนการ และรวดเร็ว ส่ือวัสดุบันทึก ได้แก่ แผ่นบันทึก สง่ ตอ่ ความเขา้ ใจบางสงิ่ บางอยา่ ง จากบคุ คลหรอื ersonal Communication) เสยี ง แผน่ บนั ทกึ ภาพ ซงึ่ จดั เปน็ สอ่ื มวลชน เพราะ กลมุ่ บคุ คลหนงึ่ ไปยงั อกี บคุ คลหรอื กลมุ่ บคุ คล ผา่ น เป็นเทคโนโลยีที่สามารถผลิตเผยแพร่ได้จ�านวน กระบวนการหรอื วธิ กี ารซง่ึ เปน็ ทเ่ี ขา้ ใจระหวา่ งกนั หรอื การสอื่ สารภายในตนเอง คอื การไดย้ นิ สง่ิ ทต่ี วั มากและรวดเรว็ เองพดู รสู้ กึ ถงึ ความเคลอ่ื นไหวและความคดิ ของ ตวั เอง องคป์ ระกอบของการส่ือสาร การส่ือสารระหวา่ งบคุ คล (Interper- เมอ่ื เขา้ สู่ยคุ ของการหลอมรวมสอื่ (Conver- sonal Communication) gence) ท่มี กี ารหลอมรวมเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร จากนิยามการส่ือสารข้างต้น จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นส่ือสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส ์ องค์ประกอบพ้ืนฐานของการสื่อสารมี ๓ คอื การสอื่ สารกบั ผอู้ น่ื ในลกั ษณะตวั ตอ่ ตวั หรอื ก็ จ ะ ถู ก แ ป ล ง ใ ห ้ อ ยู ่ ใ น รู ป ข อ ง ข ้ อ มู ล ท า ง อิเล็กทรอนิกส์เพ่ือเผยแพร่ผ่านสื่อใหม่ (New องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก ่ ผสู้ ง่ (Sender) ขอ้ มลู ขา่ วสาร ภายในกลมุ่ เลก็ ๆ หรอื อาจเรยี กวา่ การสอ่ื สารท่ี Media) อย่างเช่น สื่อสังคมออนไลน์ (Social หรือสาร (Information หรือ Message) และ ผรู้ ว่ มกลมุ่ มปี ฏสิ มั พนั ธก์ นั ในลกั ษณะตวั ตอ่ ตวั การ Media) ซึ่งไปสู่คนจ�านวนมากได้อย่างรวดเร็ว ผรู้ บั (Receiver) และส่งผลกระทบไดใ้ นวงกว้าง สอ่ื สารดงั กลา่ วมกั จะเกดิ ขน้ึ กบั คนตงั้ แตส่ องคนถงึ บท ํนา / การ ืสอ่สาร: ความหมายและแนว ิคดเ ืบอ้งต ้น แปดคน ผสู ้ ง่ หรอื ผสู ้ ง่ สาร หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ส่งข้อมูล ขา่ วสารหรอื สารไปใหอ้ กี บคุ คลหนง่ึ หรอื กลมุ่ บคุ คล การส่ือสารสาธารณะ (Public Com- ท้ังโดยต้ังใจและไม่ตั้งใจ เช่น การแสดงสีหน้า ทา่ ทาง ทแี่ สดงออกมาโดยไมต่ งั้ ใจ เปน็ ตน้ munication) เปน็ สถานการณท์ ค่ี นหลาย ๆ คนรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร จากแหลง่ เดยี วกนั ขอ้ มูลขา่ วสารหรอื สาร การส่ือสารมวลชน (Mass Commu- nication) หมายถึง ส่ิงท่ีผู้ส่งสารส่งไปยังผู้รับสาร อาจเป็น สัญญาณ สัญลักษณ์ หรือพฤติกรรม ท่ีส่ือความ เปน็ การสอื่ สารผา่ นสอ่ื มวลชน หมายให้รู้เร่ืองราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใด ๆ สัญญาณหรือสัญลักษณ์อาจเป็น ค�าพูด ตัว นิ ยามการส่ือสารมวลชน (Mass หนังสือ รูปภาพ เคร่ืองหมาย สัญญาณควัน Communication) สัญญาณธง ฯลฯ เปน็ ผเู้ สนอใหน้ า� คา� วา่ การสอ่ื สาร (Communica- ผรู ้ บั หรอื ผรู ้ บั สาร tion) มารวมกบั คา� วา่ มวลชน (Mass) ทห่ี มายถงึ หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลในกระบวนการ คนจา� นวนมาก การสอื่ สารมวลชน จงึ หมายถงึ การ สอื่ สารไปสมู่ วลชน หรอื ไปสคู่ นจา� นวนมากโดย สอื่
๒ แนวคิดการส่ือสาร แบบจา� ลอง SMCR ของเบอรโ์ ล แสดงใหเ้ หน็ ปจั จยั ที่เก่ียวข้องกับแต่ละองค์ประกอบในกระบวนการ สอ่ื สารโดยละเอยี ด อาท ิ แหลง่ สาร หรอื ผสู้ ง่ สาร จะ มปี จั จยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง คอื ทกั ษะในการสอื่ สาร ทศั นคติ ค ว า ม รู ้ ร ะ บ บ สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม ข อ ง ผู้ส่งสาร ในการส่ือสารผู้ส่งสารจะต้องมีเป้าหมาย เชน่ เพอื่ โนม้ นา้ วใจ หรอื เพอื่ ใหค้ วามรแู้ กผ่ รู้ บั สาร แบบจาํ ลองการสื่อสาร SMCR (Sender Message Channel Receiv- เป็นต้น การพัฒนาเนื้อหาของสารอาจจะประกอบ er Model) เป็ นแบบจาํ ลองพืน้ ฐานของการส่ือสาร ซง่ึ ชีใ้ หเ้ หน็ วา่ ทุก ดว้ ย แนวคดิ ทว่ั ไป ศพั ทเ์ ฉพาะ หรอื ความหมายแฝง การส่ือสารตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากผูส้ ่งสาร (Sender) แบบจาํ ลองการส่ือสาร หรืออาจจะมีท้ัง ๓ องค์ประกอบในสาร ผสู้ ง่ สารจะใชช้ อ่ งทางการสอ่ื สารทจ่ี ะสง่ สารไดเ้ หมาะ SMCR ท่ีเป็ นท่ีรจู ้ กั ไดแ้ ก่ แบบจาํ ลองของ แชนนอน (Shannon, ๑๙๑๖- ส ม ท่ี สุ ด ช ่ อ ง ท า ง ก า ร สื่ อ ส า ร ใ น ท า ง ๒2-๐1๐๑) แบบจาํ ลองของเบอรโ์ ล (Berlo) และแบบจาํ ลองของ แชรมม ์ สอื่ สารมวลชน (Mass Media) หมายถงึ สอ่ื ตา่ ง ๆ (Schramm, ค.ศ. ๑๙๐๗-๑๙๘๗) อาท ิ โทรทศั น ์ วทิ ย ุ อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้ แตใ่ นการ สอ่ื สารทว่ั ไป หมายถงึ ประสาทสมั ผสั ทงั้ ๕ ซงึ่ ไดแ้ ก่ การไดย้ นิ การเหน็ การสมั ผสั การดมกลนิ่ และการ The Shannon-Weaver Mathematical Model, 1949 ลมิ้ รส ทา้ ยทส่ี ดุ คอื ผรู้ บั สาร ซงึ่ จะตีความหมาย ของสารโดยใชส้ ัมผสั ทงั้ ๕ และตวั ตนของผู้รบั สาร อาทิ ทักษะในการสอื่ สาร ทัศนคติ ความรู้ ระบบ Information Transmitter Channel Receiver Destination สังคม และวัฒนธรรม เช่นเดียวกบั ผสู้ ง่ สาร Source (Encoder) (Decoder) ตอ่ มาในปคี .ศ. ๑๙๘๒ วลิ เบอร ์ แชรมม ์ (Wil- 2-1 Message Signal Received Message ber Schramm) ไดข้ ยายแบบจา� ลอง SMCR โดย Signal The Shannon-WeaverเพMมิ่ a t๒h eอmงคaป์ tรiะcกaอlบM คoอื d กeาlร, เ1ขา้9ร4ห9สั (Encoder) และ การถอดรหสั (Decoder) (แผนภาพท ่ี ๓) โดย Noise ยงั คง สงิ่ รบกวน ของแบบจา� ลองของแชนนอนและ Source Information Transmitter วCเี วhอanรn ์ eไlวด้ ว้ ยการเข(Rา้Deรeccหeoสiั dve errค) อื การแปลDงeสstาinรa tiใoหnอ้ ยู่ Source (Encoder) ในรปู แบบทจ่ี ะสง่ ผา่ นชอ่ งทางการสอื่ สารทเี่ หมาะสม Message Signal กไดล ้ บั กมาราเถปอน็ ดRสeSรciาgหenรivสัa el ซdคง่ึ อืถ อื กวาา่ รกทาผี่ รรู้รMบับั eสสssาาaรรgแเeสปรลจ็ งสสมง่ิ บทรูไี่ ดณร้ ์ บั คลาวด ์ แชนนอน (Claude Shannon) ไดเ้ สนอแบบจา� ลองการ แผนภาพท่ี ๑ แบบจาํ ลองการ สอื่ สารดา้ นโทรคมนาคBม eเรrยี lกoว’า่s BSulMl’s-C ERye MMooddel eโดlยoแfสดCงใoหmเ้ หน็munส่ือiสcาaรtขiอoงnแชนนอนและวีเวอร ์ ถึงระบบการสื่อสารพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วย ๓ องค์ประกอบหลัก (Shannon-Weaver’s Model Noise Source คอื ผสู้ ง่ สาร (Source) สาร (Message) และผรู้ บั สาร (Receiver) นน่ั of Communication) คอื ผรู้ บั สารมงุ่ สง่ สารไEปnยcงั oผdรู้ eบั sสาร ทเ่ี ปน็ เปา้ หมาย ตอ่ มาในปคี .ศ. Decodes ๑๙๔๘ แSชoนuนrcอeนและวเี วอร ์ (WeaveMr e)sไsดaพ้ geฒั นาแบบจา� ลองเพอ่ื Cเพhม่ิannel Receiver ประสิทธิภาพในการส่ือสารโทรคมนาคม โดยเพ่ิมอีก ๔ Berlo’s SMCR Model of Communication องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก ่ ชอ่ งทางสอ่ื สาร (Channel) สงิ่ รบกวน (Noise) ความฟCุม่omเฟmSือkuยinlขlicsอaงtiภonาษา (RedundanCcoyn)t enแtละปฏกิ ริ ยิ าสะท้อนกHลeับa ring Communication Decodes (Feedback) โดยแชนนอนใหน้ ยิ ามชอ่ งทางสอื่ สารวา่ เปน็ ระบบการนา� EncodSeksills สญั ญาณ Aเชttน่itu คdeลsนื่ เสยี ง หรอื สญั ญาEณleภmาeพn tไsปยงั ผรู้ บั สาร อาท ิ วทิSeยe ุ ing Source Channel Receiver AttitudesMessage โทรทศั นK ์ nอoนิ wเทleอdรgเ์eนต็ เปน็ แบบจา� ลTอreงaนtm ี้ เeรnยี tกวา่ A MathematTiocualc hing Knowledge mThoedoerly ofo SfcS yoosCmctieoammmlumniucnaticioant io n(แ ผหนรภือราSพู้จtักทruก ี่ c๑ันtu)ใr นeช่ือ Shannon-Weaver Communication Social Content Hearing Communication Smelling Skills System Seeing Skills Attitudes Elements Attitudes Culture Code Tasting Culture ตอ่ มาในปคี .ศ. ๑๙๖๐ เดวดิ เค. เบอรโ์ ล (David K. Berlo) ได้ Knowledge Treatment Touching Knowledge พัฒนาแบบจ�าลองกระบวนการส่ือสารที่เรียกว่า แบบจ�าลอง SMCR Social Structure Smelling Social (SMCR Model) โดยเปน็ แบบจา� ลองสา� หรบั การสอ่ื สารทว่ั ไป ไมไ่ ด้ System Code Tasting System เฉพาะเจาะจงวา่ เปน็ การสอ่ื สารผา่ นชอ่ งทางใด แบบจา� ลองการสอ่ื สาร Culture Culture ของเบอร์โลประกอบด้วย ผู้ส่งสาร สาร ช่องทางการส่ือสาร และ แผนภาพท่ี ๒ แบบจาํ ลองการส่ือสาร SMCR ของ เบอรโ์ ล ผ2รู้ -บั 2สาร (แผนภาพท ่ี ๒) (Berlo’s SMCR Model of Communication) ) 2-2
2-3 Wilbur Schramm’s Model ทฤษฎีเทคโนโลยีเป็ นตวั กําหนด ๑๒ - ๑๓ Source Encoding Message Media Decoding Receiver (Technology Determinism Theo- Noise ry) คา� วา่ เทคโนโลยเี ปน็ ตวั กา� หนดมตี น้ กา� เนดิ มาจาก ธอรส์ เตน วเี บลน Thorstein Veblen (ค.ศ. Feedback Response ๑๘๕๗-๑๙๒๙) นักเศรษฐศาสตร์และ สังคมศาสตร์ชาวอเมริกัน โดยมีสมมติฐานว่า แผนภาพท่ี ๓ แบบจาํ ลอง SMCR ของแชรมม ์ (Schramm’s SMCR Model) เทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัยเป็นตัวก�าหนด พฒั นาการของโครงสรา้ งทางสงั คมและคา่ นยิ ม ทฤษฎีน้ีแสดงให้เห็นว่า ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยแี ละสอ่ื ตา่ ง ๆ ลว้ นเปน็ ปจั จยั สา� คญั ทขี่ บั เคล่ือนประวัติศาสตร์และการเปล่ียนแปลงทาง สงั คม การเปลย่ี นแปลงทางเทคโนโลยชี ว่ ยยน่ ระยะ ทาง ลดชอ่ งวา่ ง และทา� ใหโ้ ลกไรพ้ รมแดน เกดิ กระแสโลกาภวิ ฒั นแ์ บบกา้ วกระโดด แ บ บ จํ า ล อ ง ก า ร ส่ื อ สTาhรeแInบteบractกiาvรeสื่อMสาoรdไมe่ไlด้มีแต่แบบทิศทางเดียว ดังแบบ มารแ์ ชล แมคคลนู (Marshall McCluhan, 2-3 ปฏสิ มั พนั ธ ์(InteA’rsaficetlidvoef Cexopmerimenuceni- จา� ลองกBาร’sสfiอื่ eสlาdรแoบf บexเสpน้eตriรeงn cแeตผ่ รู้ บั สารอาจมี ค.ศ. ๑๙๑๑-๑๙๘๐) แสดงใหเ้ หน็ วา่ สอื่ เทคโนโลยี cปฏaสิtiมั oพnนั ธM ์ (Iontderealc)ti vแeบ Cบoจmา� ลmWอuงniกilcาbaรtuสioอื่rnส SMารcoแdhบerบl)a mmใปนฏร’กิsูปริ ขยิMอาตงoวอ่ dัจสนeารภl า(Rษeาaแcลt)ะโอดวยัจสนง่ สภาารษอาน่ื ทๆ ี่เกรีลยบักมว่าา สอ่ื สารมวลชน และวฒั นธรรมมคี วามสมั พนั ธก์ นั จะเหน็ ไดจ้ ากยคุ สมยั ตา่ ง ๆ จะเปลย่ี นแปลงไปตาม พ(Lฒั inนeaาrม Cาoจmากmแuบnบicจaา�tiลoอnง MกCาoรdhสeaอ่ืl)nส ขาnอรงeแโบรlเ(บจsเอส)รน้ ์ แตอรดง ๔ปฏ) กิ ดริ งั ยิ นาน้ั สเะรทาCจอ้ งึhนเปกaน็ลnบทั n งั้ ผe(สู้Fleง่(สesdา)รbแaลckะ)ผ รู้ (บั แสผานรภ าพท ี่ สอื่ ทใ่ี ชก้ นั อยา่ งกวา้ งขวางในยคุ นนั้ ๆ เชน่ ชว่ ง เSลoอuร r์ (cReoger AdleErn) cแoลdะinจgอรจ์ รอดแMมeนs s(aGgeeorge Media Decoding ครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๑๗ - กลางครสิ ตศ์ ตวรรษท ่ี ๑๙ Receiver เปน็ ยคุ ของสง่ิ พมิ พ ์ และชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษท ี่ ๒๐ Rodman) ดว้ ยขอ้ สงัSเeกnตdทeว่ีrา่ กาBรehสaอ่ื veสsารของผสู้ ง่ Messageแบบจา� ลอDงeกcoาdรeสsอ่ื สารSแeบnบdeปrฏสิ มั พนั ธ ์ (Inter- ก็ เ ข ้ า สู ่ ยุ ค อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส ์ ก า ร เ ข ้ า สู ่ ยุ ค สารอาจจะไมไ่ ดอ้ ยใู่ นรปู ของ ใสร่ หสั (Encode) active Communication Model) ยงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ อเิ ลก็ ทรอนกิ สก์ อ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม หแเพสรียอืดงกงออายรอต่ากงงั้มเใาดจโแียดปวยล ไงมแRครต่eวตู้c่ผาeวัมู้สiดvค่งว้ eสดิ ยrาแ รลเชอะน่าคDจ วeกมcาoามีอdรรeวแsสู้ัจสกึนดเภปงสาน็ ษหี สานาทรา้ ี่ FeedปสเbกภรaNดิ cะาkoจเพดาisแกน็ eวสขดอภลงาอ้กพมาแBร eวหเhกดมaดลิvาeอค้ยsมวถา งึ ม (ปEเRขรneา้ะvใcสiจreoบผinvกดิ meาในrรeณnกtาท์sร)จี่ส ะอทื่ ชสตี่ว่ าา่ยรงเ กกซนัดิ ง่ึ และวัฒนธรรมอย่างมหาศาล เพราะสื่อ อิเล็กทรอนิกส์นั้นทั้งฉับไวและกว้างไกลกว่าส่ือ สงิ่ พมิ พม์ าก สง่ ผลตอ่ ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั และ ทา่ ทาง นา้� เสยี ง ดงั นน้ั จงึ ควรแทนคา� วา่ ใสร่ หสั ความเข้าใจพฤติกรรมซึ่งกันและกัน ค�าว่า พฤตกิ รรมทางสงั คมของมนษุ ย ์ ดว้ ยคา� วา่ พฤตกิ รFรeมe d(Bbeachkavior) เพราะอธบิ ายได้ ประสบการณ์ ในRมeิตspิขoอnงsกeารสื่อสาร หมายถึง ครอบคลุมถึงการกระท�าท้ังท่ีจงNใOจIแSEล=ะไPมhy่จsiงcใaจl,ทSeี่ manปtiรc,ะPสsyบcกhoาlรoณgicส์ alว่ bนaตrrวัie rsพนื้ ความร ู้ และภมู หิ ลงั ทาง วลหี นง่ึ ทส่ี า� คญั ของ แมคคลนู คอื ตวั สอื่ คอื สามารถสังเกตและตีความได้ นอกจากน ้ี วฒั นธรรม ของผรู้ ว่ มสนทนา สาร (Medium is the Message) คา� วา่ สาร ของ 2-4 สอื่ หรอื เทคโนโลยใี หม ่ ๆ ในทน่ี คี้ อื การกอ่ ใหเ้ กดิ บท ํนา / การ ืสอ่สาร: ความหมายและแนว ิคดเ ืบอ้งต ้น The Interactive Model การเปลยี่ นแปลงในกจิ การตา่ ง ๆ ของมนษุ ย ์ เปน็ ความคดิ เชอ่ื มโยงของมนษุ ย ์ เชน่ เมอื่ พดู ถงึ รถไฟ A’s field of experience B’s field of experience หรอื เครอ่ื งบนิ ความคดิ ของมนษุ ยจ์ ะเชอื่ มโยงถงึ ความเจรญิ ทจี่ ะเขา้ มา การเกดิ เมอื งใหม ่ งานใหม่ หรือสันทนาการรูปแบบใหม่ ๆ อีกนัยหนึ่ง วลีนี้ Channel(s) Channel(s) หมายถึง สื่อ (Medium) มีอิทธิพลต่อมนุษย์ มากกว่าตัวสาร (Message) ดังนั้น การเกิดสื่อ ใหม่ ๆ จึงไม่ใช่เป็นเพียงการเพิ่มเติมสื่อท่ีมีอยู่ Sender Message Sender เทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ การเพมิ่ ตวั กา� หนดความคดิ ความ รู้สึก และการกระท�าของผู้รับสาร ท้ังน้ีเพราะว่า Behaves Decodes Receiver Feedback Receiver ผู้รับสารมีปฏิกิริยาต่อเนื้อหาสารเดียวกันแตก Decodes Behaves ตา่ งกนั ไปตามประเภทของสอื่ ดงั เชน่ การเกดิ ของ ส่ิงพิมพ์ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีอิทธิพล ต่อตัวบุคคลและสังคมแตกต่างกันไป NOISE = Physical, Semantic, Psychological barriers 2-4 แผนภาพท่ี ๔ แบบจาํ ลองการส่ือสารแบบปฏสิ มั พนั ธ ์ (Interactive Communication Model)
๓ ความสําคญั และ ผลกระทบของการส่ือสาร อิทธิพลของการส่ือสาร มีแนวโนม้ ทวีความสําคญั มากขนึ ้ ผลกระทบของการส่ือสาร ตามความกา้ วหนา้ ของวทิ ยาการทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ นเศรษฐกจิ และตามความสลบั ซบั ซอ้ นของสงั คมที่เพิ่มขนึ ้ การสอื่ สารเนอ้ื หาทบ่ี ง่ ชถี้ งึ ความเปน็ ไปทางเศรษฐกจิ ทงั้ ระดบั มหภาค อนั ไดแ้ กช่ ดุ ขอ้ มลู วา่ ดว้ ยอตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ อตั ราเงนิ เฟอ้ ภาพ และหรอื ขอ้ ความ และหรอื เสยี ง ซง่ึ เปน็ เนอื้ หา (Contents) ทถ่ี กู เผยแพร ่ หรอื อตั ราดอกเบย้ี ฐานะทนุ สา� รองเงนิ ตราระหวา่ งประเทศ ฐานะดลุ การคา้ ฐานะดลุ การชา� ระเงนิ ฐานะดลุ งบประมาณ และในระดบั จลุ ภาค อนั สง่ ผา่ นตวั กลางทงั้ วทิ ย ุ โทรทศั น ์ สง่ิ พมิ พ ์ หรอื สงั คมออนไลนบ์ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นท็ หรอื ไดแ้ กช่ ดุ ขอ้ มลู วา่ ดว้ ยสดั สว่ นการออมเงนิ ภาคครวั เรอื น สดั สว่ นหนสี้ นิ การส่งสารถงึ กนั โดยตรง ล้วนมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ทัศนคต ิ ความเชื่อ ตลอดจนค่านิยมของผรู้ ับ สาร และสรา้ งแรงกระเพอื่ ม ไปกอ่ เกดิ ผลกระทบครอบคลมุ ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นการเมอื ง ตอ่ รายไดข้ องครวั เรอื น ลว้ นมพี ลงั ทจี่ ะสง่ ผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกจิ ดา้ นสงั คม ดา้ นความมน่ั คง ทง้ั ทางบวกและทางลบ
เทจ็ หรอื การปลกุ ระดมมวลชนใหส้ รา้ งความวนุ่ วายในสงั คม และการ ๑๒ - ๑๓ ลว่ งละเมดิ สทิ ธเิ สรภี าพดา้ นความมน่ั คง ดา้ นการเมอื ง บท ํนา / การ ืสอ่สาร: ความหมายและแนว ิคดเ ืบอ้งต ้น เสถยี รภาพความมนั่ คงทงั้ ระดบั ชาต ิ และระดบั นานาชาต ิ มแี นว อทิ ธพิ ลการสอื่ สารตอ่ ผลกระทบดา้ นการเมอื ง ถกู จดั วางความสา� คญั โนม้ ทจี่ ะถกู กระทบจากอทิ ธพิ ลของการสอื่ สารในระดบั ความรนุ แรง ไวใ้ นระดบั สงู ดงั จะสงั เกตเหน็ ชดั เจนจากรฐั บาลทกุ ประเทศ ใหค้ วาม ทส่ี งู ขนึ้ อนั เนอ่ื งมาจากกลมุ่ ผกู้ อ่ การรา้ ย มกี ารพฒั นาการสอื่ สารให้ สา� คญั กบั การพฒั นาทกั ษะการสอื่ สารแกน่ กั การทตู ในฐานะทเี่ ปน็ ผู้ สอดคลอ้ งไปกบั ววิ ฒั นาการทางเทคโนโลยดี า้ นการสอื่ สาร และใช้ สง่ สารเพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณท์ ดี่ แี กป่ ระชาคมโลก เทคโนโลยดี า้ นการสอื่ สาร พฒั นา Net War หรอื Cyberterrorism หรอื Lonewolves สา� หรบั ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื อา� นวยประโยชนใ์ นการ ตวั อยา่ งพลงั การสอื่ สารทม่ี ผี ลกอ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทางการ ปฏบิ ตั เิ พอ่ื บรรลเุ ปา้ หมายการกอ่ การรา้ ย เมอื งครง้ั ใหญข่ น้ึ ในโลกยคุ ศตวรรษท ่ี ๒๑ อยา่ งชดั เจนทสี่ ดุ คอื ”กรณี อาหรบั สปรงิ ” ซงึ่ ปะทขุ นึ้ เมอื่ เดอื นธนั วาคม ป ี ๒๕๓๓ และกอ่ เกดิ ดา้ นการศกึ ษา ความเปลยี่ นแปลงทางการเมอื งขนึ้ ในโลกอาหรบั กวา่ ๑๐ ประเทศ ไดแ้ ก ่ ตนู เี ซยี ลเิ บยี เยเมน บาหเ์ รน ซเี รยี อลั จเี รยี พลงั ของเทคโนโลยดี า้ นการสอื่ สาร ทา� ใหเ้ กดิ บรกิ ารดา้ นการศกึ ษา อริ กั จอรแ์ ดน คเู วต โมรอ็ คโก ซดู าน เลบานอน มอรเิ ตเนยี โอมาน แบบเปิดบนออนไลน์ ซึ่งเป็นท่ีรู้จักท่ัวไปในช่ือ “Massive Open ซาอุดอิ าระเบยี จบิ ตู ิ และเวสเทริ น์ ซาฮารา่ Online Course-MOOC” อนั หมายถงึ รปู แบบการใหบ้ รกิ ารทางการ ศกึ ษาผา่ นชดุ ความรทู้ างออนไลนท์ เ่ี ขา้ ถงึ ผเู้ รยี นจา� นวนมาก ตวั อยา่ งสะท้อนอทิ ธิพลของการส่อื สาร ในมิตดิ า้ นการเมอื งใน ประเทศไทย เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนจากการเปล่ียนแปลงทางการ รปู แบบการใหบ้ รกิ ารทางการศกึ ษาออนไลน ์ หรอื “MOOC” ดงั เมืองเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซงึ่ มีกล่มุ พลังมวลชนท่สี ่อื สาร กลา่ วขา้ งตน้ นบั เปน็ ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยดี า้ นการสอ่ื สารและ กันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ “ม็อบมือถือ” เป็นแรง สารสนเทศ ทก่ี อ่ เกดิ ความเปลยี่ นแปลงครง้ั ใหญท่ างดา้ นการใหบ้ รกิ าร ขับเคลอ่ื นสา� คญั ทางการศกึ ษา ทา� ใหก้ ารใหบ้ รกิ ารทางการศกึ ษา เปน็ การใหบ้ รกิ าร ทไ่ี รข้ ดี จา� กดั ซง่ึ อา� นวยความสะดวกใหท้ กุ คนสามารถเขา้ ถงึ ไดด้ ว้ ย ท�านองเดียวกันเหตุการณ์ชุมนุมและเดินขบวนเคล่ือนไหว โครงขา่ ยอนิ เตอรเ์ นท็ อกี ทง้ั ยงั อา� นวยความสะดวกแกผ่ เู้ รยี นในการ ทางการเมืองที่เกิดข้ึนอย่างต่อเนื่องจากกรณีรัฐประหารของคณะ เลอื กเรยี นไดต้ ามอธั ยาศยั อกี ดว้ ย มนตรคี วามมนั่ คงแหง่ ชาต ิ (คมช.) เมอ่ื เดอื นกนั ยายน ป ี ๒๕๔๙ เรอื่ ย มากระท่ังถึงเหตุการณร์ ัฐประหารเดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ความรเู ้ ทา่ ทนั การส่ือสาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ล้วนเป็นผลลัพธ์ จากอิทธิพลของการส่ือสารท่ีผสมผสานกันท้ังโทรศัพท์เคลื่อนท ่ี อทิ ธพิ ลของการสอื่ สารทน่ี บั วนั จะไรข้ ดี จา� กดั มากขน้ึ ในอนาคต เปน็ โทรทศั นด์ าวเทยี ม และการสอ่ื สารออนไลนผ์ า่ นโครงขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เสมอื นดาบ ๒ คม ทม่ี คี ณุ อนนั ต ์ ขณะเดยี วกนั กม็ โี ทษมหนั ต ์ ซง่ึ มี ความจา� เปน็ อยา่ งยง่ิ ทผี่ รู้ บั สาร ตอ้ งรเู้ ทา่ ทนั เนอื้ หาของขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นสงั คม ที่ได้รับ โดยพัฒนายกระดับขีดความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล ขา่ วสาร ขดี ความสามารถในการวเิ คราะหค์ วามถกู ตอ้ ง ความนา่ เชอื่ ววิ ฒั นาการของวทิ ยาการเทคโนโลยสี ารสนเทศทสี่ ามารถเชอ่ื มโยง ถอื และความสมเหตสุ มผลของขอ้ มลู ขา่ วสารทไี่ ดร้ บั และมขี ดี ความ การสอ่ื สารทงั้ โลกเขา้ ดว้ ยในเวลาชวั่ พรบิ ตาเดยี ว และทา� ใหข้ ดี จา� กดั สามารถในการประเมินผลข้อมูลข่าวสารท่ีได้รับผ่านกระบวนการ ในการสื่อสารสูญสิ้นลง เปิดโอกาสให้ใครก็ตามที่ต้องการส่ือสาร สอื่ สารทกุ รปู แบบ ทง้ั นกี้ เ็ พอื่ จะไมต่ กเปน็ เหยอื่ ของการสอ่ื สาร และ สามารถท�าการส่ือสารได้ แต่มาตรการก�ากับดูแลเพื่อป้องกันและ เพอื่ จะไมถ่ กู ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ไปสรา้ งผลกระทบทางลบในทกุ ดา้ น ปราบปรามผลกระทบจากการสอื่ สารตอ่ สงั คม ยงั มปี ญั หาทง้ั ในเชงิ ประสทิ ธภิ าพและคณุ ภาพ ทา� ใหค้ วามสะดวกสบายในการสอื่ สาร ถกู กลุม่ บุคคลทีข่ าดจรยิ ธรรม ขาดคุณธรรม นา� ไปสรา้ งความเสยี หาย ต่อสังคม ท้ังในรูปแบบของการปล่อยข่าวลวง หรือสร้างข่าว
๔ รูปแบบการส่ือสารใน ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ การแบ่ งเวลายุ คก่ อนประว ตั ิ - ศ า ส ต ร ์ต า ม ห ล ัก ส า ก ล คื อ หว้ งเวลาท่ีมนุษยย์ งั ไม่มีตวั อกั ษร บนั ทึกเรื่องราวของสงั คม มีการ แบ่งยุคย่อยเป็ น ยุคหิน ไดแ้ ก่ ยุค หินเกา่ ยุคหินกลาง และยุคหินใหม่ กบั ยุคโลหะไดแ้ ก่ ยุคสํารดิ และยุค เหลก็ เมอ่ื ๑๐,๐๐๐ ปมี าแลว้ นกั โบราณคดคี น้ พบวา่ มนษุ ยย์ คุ หนิ มกี ารสง่ สญั ญาณสอ่ื สาร ๒ ประเภท คอื การใชเ้ สยี ง โดยใชเ้ ครอื่ งมอื สอ่ื สารเกดิ เสยี งตา่ ง ๆ เชน่ การเคาะไม ้ การผวิ ปาก การเปา่ ใบไม ้ การ เปา่ เขาสตั ว ์ การตกี ลอง เคาะระฆงั เปน็ ตน้ การใช้ ควนั โดยการกอ่ ไฟใหเ้ กดิ ควนั สตี า่ ง ๆ เพอื่ การมอง เหน็ เมอื่ อกี กลมุ่ หนงึ่ ไดย้ นิ เสยี งและมองเหน็ สคี วนั สามารถแปลความหมายเกดิ การรบั ร ู้ และปฏบิ ตั ติ าม วตั ถปุ ระสงคข์ องผสู้ ง่ สญั ญาณนนั้ ได้ การสง่ สญั ญาณเสียง การเคาะไม ้ โดยใชเ้ นอื้ แขง็ หรอื แกน่ ไม ้ ๒ ชน้ิ มาเคาะ กนั เกดิ เสยี งดงั กงั วาน ถา้ เปน็ ไมช้ นิ้ ใหญแ่ กะเปน็ โพลงเรยี กวา่ “ตเี กราะ” สว่ นไมช้ นิ้ เลก็ เคาะกนั ใน ฝา่ มอื เรยี กวา่ “ตกี รบั ” การเคาะไม ้ ใชส้ อื่ สารหลาย ความหมายไดแ้ ก ่ เพอื่ ประกอบพธิ กี รรม เพอื่ การ รน่ื เรงิ เพอื่ รวมกลมุ่ เพอ่ื หลบภยั เปน็ ตน้ อนงึ่ การ ตีกรับยังใช้เป็นสัญญาณเสียงดนตรีไทยทุกวันนี้คือ การตกี รบั ประกอบการขบั เสภา ภาพท่ี ๑ เขาสตั วท์ ่ีใชส้ ่งสญั ญาณ การผวิ ปาก และการเปา่ ใบไม ้ เปน็ การสง่ สญั ญาณ พธิ กี รรมของชาวกยู (จ.สรุ นิ ทร)์ ใชเ้ พอื่ การออกไป สอื่ สารคลา้ ยการเคาะไม ้ แตม่ รี ะยะทางใกลก้ วา่ บาง จบั ชา้ งปา่ มาฝกึ เพอ่ื ใชง้ านในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาจนถงึ ครงั้ ใชเ้ ลยี นแบบเสยี งสตั ว ์ ลอ่ ใหส้ ตั วเ์ ขา้ มาใกลแ้ ลว้ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ลา่ สตั วไ์ ดง้ า่ ย การเปา่ ใบไมย้ งั ใชเ้ ปน็ สญั ญาณการรบ แบบกองโจรทพ่ี บในไทยเมอ่ื สศ่ี ตวรรษทผ่ี า่ นมา การตกี ลอง เปน็ การตอ่ ยอดทางภมู ปิ ญั ญา จาก การทา� เกราะ โดยนา� เอาหนงั สตั วแ์ หง้ มาขงึ ใหต้ งึ บน การเปา่ เขาสตั ว ์ ใชป้ ระกอบพธิ กี รรม เพอ่ื การ โพรงไมแ้ ละใชไ้ มต้ ี ในยคุ โลหะประมาณ ๒,๕๐๐ ป ี ตอ้ นสตั วใ์ หร้ วมกลมุ่ และเพอื่ การทา� สงครามดว้ ย ใน พบวา่ ในวฒั นธรรมดองซอน มนษุ ยส์ ามารถทา� กลอง
การใชส้ ญั ลกั ษณ์ ๑๒ - ๑๓ ภาพท่ี ๒ กลองมะโหระทกึ ในยคุ หนิ กลางและหนิ ใหม ่ เมอื่ ๑๐,๐๐๐-๓,๕๐๐ ปกี อ่ นประวตั ศิ าสตร ์ นกั โบราณคดพี บวา่ มกี ลมุ่ ชนรวมกนั อาศยั อยตู่ ามถา้� และเพงิ ผาใกลท้ ร่ี าบรมิ แหลง่ นา�้ เรมิ่ รจู้ กั เลย้ี งสตั วแ์ ละทา� การเกษตรกรรม รจู้ กั สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะวาดภาพไวบ้ นผนงั หนิ ตอ่ มาเมอ่ื ๔,๐๐๐ ป ี กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช (ยคุ โลหะ) มนษุ ยม์ คี วามตอ้ งการนบั ผลผลติ ทางเกษตรกรรม จงึ ประดษิ ฐอ์ กั ษรรปู ลม่ิ เปน็ สญั ลกั ษณ ์ การนบั จา� นวน จารกึ ไวบ้ นแผน่ ดนิ เหนยี ว เมอื่ ดนิ เหนยี ว แหง้ กป็ รากฏเปน็ ตวั อกั ษรถาวรเปน็ ขอ้ มลู เกบ็ ไวไ้ ด้ ภาพท่ี ๔ ลกั ษณะและความหมายของอกั ษรล่ิม ดว้ ยโลหะสา� รดิ เรยี กวา่ “กลองมโหระทกึ ” เพอื่ ใช้ ภาพวาดบนผนงั หิน (Rock art) ประกอบพธิ กี รรม ปจั จบุ นั การตกี ลองมโหระทกึ ยงั คงใชอ้ ยใู่ นพธิ พี ราหมณ ์ อาท ิ พระราชพธิ จี รดพระ ภาพเขยี นบนผนงั ถา�้ และหนา้ ผาหนิ บางแหง่ เปน็ นงั คลั แรกนาขวญั เปน็ ตน้ รอยขดู ขดี รปู เรขาคณติ นกั โบราณคดวี เิ คราะหว์ า่ อาจใชเ้ ครอ่ื งมอื โลหะขวานหรอื สวิ่ ทม่ี คี วามคมและ แขง็ จารขดู ขดี แกะหรอื ตอกลงบนแผน่ หนิ จนเปน็ การตรี ะฆงั ในยคุ โลหะนกั โบราณคดพี บวา่ มี ภาพ แล้วทาทับด้วยสีด�าหรือสีแดง ภาพวาด การหลอ่ ระฆงั ในซกี โลกตะวนั ตกแถบดนิ แดนเมโส เหมอื นทเ่ี ลยี นแบบของจรงิ ทง้ั สดี า� และสแี ดงเชน่ รปู โปเตเมยี เพอื่ ใชใ้ นพธิ กี รรมและการดนตร ี และยงั คน สตั ว ์ และภาพวถิ ชี วี ติ สดี า� หรอื สแี ดงทใ่ี ชน้ นั้ พบการใชร้ ะฆงั ในจนี สมยั ราชวงศซ์ างและโจว1 พบวา่ สดี า� ไดม้ าจากสนี า�้ มนั สว่ นสแี ดงเปน็ สที ี่ เอาดนิ ลกู รงั มาบดใหล้ ะเอยี ด กรองเอาสที เ่ี กดิ จาก การสง่ สญั ญาณดว้ ยควนั สนมิ เหลก็ (hematite) ผสมกบั ยางไมก้ วนใหเ้ ปน็ สญั ญาณจากควนั ไฟ เปน็ การสอ่ื สารทเี่ หน็ ไดจ้ าก เนอ้ื เดยี วกนั แลว้ ใชพ้ กู่ นั อาจทา� จากกงิ่ ไมท้ บุ ปลาย ภาพท่ี ๕ อกั ษรล่ิมบนดินเหนียว ระยะไกล โดยกอ่ กองไฟแลว้ ใชก้ ารเปา่ หรอื การใช้ ใหเ้ ปน็ ฝอยแลว้ จมุ่ สวี าดภาพ เมอื่ สแี หง้ จงึ ปรากฏ หนงั สตั วต์ ดั กลมุ่ ควนั เพอื่ ใหม้ องเหน็ กลมุ่ ควนั ลอย เปน็ รปู ทเี่ หน็ อยา่ งถาวร ภาพวาดบนผนงั หนิ และใน ตดิ ตอ่ ตามสญั ลกั ษณท์ เี่ ขา้ ใจกนั ในกลมุ่ ได ้ บาง ถ�้าสีด�าและสีแดงพบกันหลายแห่งท่ัวโลก แม้ใน ประเทศไทยพบวา่ มหี ลายแหง่ เชน่ ทหี่ นา้ ผาหมอน อกั ษรรปู ล่มิ (Cuneiform script) ครง้ั ใชย้ างไม ้ เพอื่ ใหค้ วนั มสี ตี า่ ง ๆ การสอื่ สารดว้ ย อทุ ยานแหง่ ชาตผิ าแตม้ จ.อบุ ลราชธาน ี ทเี่ ขาจนั ทร์ ควนั ตอ้ งมกี ารตกลงระหวา่ งกลมุ่ ลว่ งหนา้ กอ่ นเชน่ งาม จ.นครราชสมี า ทถี่ า้� ลายแทง จ.เลย เปน็ ตน้ อกั ษรรปู ลมิ่ ใชว้ ตั ถทุ เ่ี ปน็ ของแขง็ และแหลมจารกึ เพอ่ื แจง้ ภยั อนั ตรายจากขา้ ศกึ ศตั ร ู หรอื มกี ารนดั ตวั อกั ษรไวบ้ นแผน่ ดนิ เหนยี วทย่ี งั ออ่ นนม่ิ เพอื่ บอก หมายระหวา่ งกองทพั เพอื่ ใหท้ หารออกมาจากที่ ความหมายและจ�านวน เม่ือดินเหนียวแห้งก็จะ ซอ่ นและการเขา้ โจมต ี เปน็ ตน้ ปรากฏอกั ษรถาวร อกั ษรรปู ลม่ิ ทพ่ี บมภี าษาหลาย ตระกลู ทงั้ ตระกลู เซมติ กิ ตระกลู อนิ โด-ยโู รเปยี น เปน็ ตน้ แตท่ พี่ บวา่ เกา่ แกส่ ดุ อยใู่ นดนิ แดนเมโสโป บท ํนา / การ ืสอ่สาร: ความหมายและแนว ิคดเ ืบอ้งต ้น เตเมยี เรยี กวา่ บลุ ลา (bulla) ๑. อชิรชั ญ ์ ไชยพจนพ์ านิช, “ศิลปะจีนโดย สงั เขป,” เอกสารประกอบคาํ สอนรายวิชา ๓๑๐๓๒๑ ศิลปะจีน (Chinese Art) ภาควิชา ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศิลปากร, ๒๕๕๖, ๓๕-๓๖. ภาพท่ี ๓ ภาพเขียนสีท่ีเพิงผา อาํ เภอโขงเจียม จงั หวดั อุบลราชธานี อายุราว ๓๐๐๐-๔๐๐๐ ปี มาแลว้
๕ รปู แบบการส่ือสาร ในสมยั ประวตั ศิ าสตร ์ สมยั ประวตั ิศาสตรเ์ ป็ นช่วงที่มนุษยร์ ูจ้ กั การ ประดิษฐเ์ คร่ืองมือขึน้ มาใชใ้ นการสื่อสาร หลากหลายรูปแบบเช่น เพื่ อใหม้ วลชนมี ความรู ้ ความบนั เทิง เกิดปัญญาประดิษฐส์ ่ิง ของต่าง ๆ ส่งผลต่อการปกครองเศรษฐกิจ และสงั คม ใหเ้ จริญกา้ วหนา้ มากขึน้ การ ส่ือสารในสมยั ประวตั ิศาสตรต์ อนตน้ มีหลาย รู ป แ บ บ ไ ด แ้ ก่ ก า ร ใ ช ส้ ญั ญ า ณ ก า ร ใ ช ้ สญั ลกั ษณ์ และการประดิษฐต์ วั อกั ษรใช ้ เฉพาะกลุ่มตน ซง่ึ มีรายละเอยี ดดงั นี ้ การใชส้ ญั ญาณ มสี ่ิงประดษิ ฐ์ใหมใ่ ชเ้ ป็นสัญญาณเสยี งไดแ้ ก ่ การตี กลอง มกี ารทา� กลองหลายชนดิ เสียงกลองยังใช้ส่ง สัญญาณการรบั รตู้ า่ งกนั ใหจ้ งั หวะในวงดนตรเี พ่ือ ความบนั เทงิ ใชเ้ ปน็ สญั ญาณกลองเพอ่ื บอกเวลาดงั ทคี่ นไทยคุน้ เคยกับคา� วา่ ทุ่ม หรือ โมง ใช้ประกอบ พิธีกรรมและสัญญาณการออกศึกสงคราม ส่ง สัญญาณให้ทหารรุกหรือถอยทัพเป็นต้น การจุด ประทดั พบหลักฐานวา่ ชาวจีนสามารถท�าประทดั ใชเ้ มอ่ื ๒๐๐ ปกี ่อนครสิ ตกาล โดยใชด้ นิ ปืนใส่ใน ปล้องไม้ไผ่ แต่การใช้เสียงประทัดเพื่อใช้ประกอบ พิธกี รรมในงานเทศกาลตา่ ง ๆ จนถงึ ปัจจบุ ัน ชาวจีนรู้จักการใช้ดินระเบิดเพื่อประดิษฐ์อาวุธ ปืนใหญ่เรียกว่า ปนื คาบศลิ า เป็นชาติแรกในสมัย ราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ.๑๕๐๓- ๑๘๒๒) มีบันทึกว่า มารโ์ ค โปโล เปน็ ผนู้ า� เทคนคิ การทา� ปนื ใหญจ่ ากจนี ไปเผยแพรใ่ นยโุ รป ตอ่ มาชาวยโุ รปเปน็ ฝา่ ยพฒั นา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพ่ือประโยชน์ในการท�า สงครามขยายอาณาเขต เสียงปืนใหญจ่ ากการยิง สลตุ เป็นสัญญาณอนญุ าตใหเ้ รอื สนิ ค้าเดินทางเข้า มาเทียบท่าได้ และเป็นสัญญาณแสดงการต้อนรับ หรอื การเฉลมิ ฉลอง ตามธรรมเนยี มการยงิ สลตุ นาที ละ ๑ นัด ประเทศอังกฤษเป็นชาติแรกที่วางกฎ ระเบยี บการยงิ สลตุ ๒๑ นดั และไดถ้ อื เปน็ กตกิ าสา กลสบื ต่อกันมา การเปา่ แตร มกี ารคน้ พบวา่ ชาวจนี สมยั ราชวงศ์ ฮนั่ (พ.ศ.๓๓๕ – พ.ศ.๗๖๓) สามารถประดษิ ฐ์ แตร โดยน�าแก่นไม้เจาะรูเหมือนขลุ่ยแล้วสวมต่อ
กับปลายเขาวัว การเป่าเขาสัตว์จึงเรียกว่า “หนิว ๑๒ - ๑๓ เจย่ี ว” หรอื แตรเขาววั ระยะแรกใชเ้ ปน็ เครอื่ งดนตรี ประกอบพธิ กี รรม จากนั้นองค์ความรกู้ ารประดษิ ฐ์ แตรไดข้ ยายจากจนี ผ่านอนิ เดียสูย่ โุ รป เสียงแตรใช้ เปน็ สัญญาณในการศึกสงครามด้วย การใช้โลหะและกระจกสะท้อนแสง ค้นพบว่า เม่ือ ๒,๗๕๐ ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนคิดวิธี ประดิษฐ์โลหะขัดมันใช้ส่องเป็นกระจกได้เรียกว่า กระจกมหัศจรรย์ จากนั้นไดแ้ พรเ่ ข้าไปใชก้ นั ในดนิ ภาพท่ี ๑ การเป่ าแตร แดนตะวันตกและยุโรปจนกระท่ังพุทธศตวรรษท่ี ๑๑ เมอื่ ชา่ งชาวเวนสิ พบวธิ ที า� กระจกเงาจากแกว้ ขน้ึ มาใช้แทน มนุษย์รู้จักใช้โลหะและกระจกเป็น การใช้กระโจมไฟ หรือประภาคาร เพ่ือส่ง สญั ญาณการรบั รจู้ ากแสงสะทอ้ น ซง่ึ นยิ มใชเ้ พอื่ การ สัญญาณใหก้ ับเรอื เดนิ สมุทรรู้ถงึ อนั ตรายและจดุ ทา� ศกึ สงครามด้วย ภาพท่ี ๓ อกั ษรจีนสมยั ราชวงศ ์ เริ่มเขา้ ใกล้ฝ่ังในยามค�่าคืน โดยพบว่า เมือ่ พ.ศ. ซางท่ีใชม้ ีดปลายแหลมจารกึ บน กระดองเต่า ๒๗๓ ชาวอยี ปิ ตเ์ ป็นชาติแรกท่ีคดิ สรา้ งกระโจม ไฟข้ึน เป็นหอสูงมีบันไดเวียนและใช้ตะเกียงจุด ใหแ้ สงสว่าง การประดษิ ฐอ์ กั ษร เมอื่ ๑,๔๕๗ ปีก่อนคริ การใชส้ ญั ลกั ษณ์ สตศักราชพบว่าชาวอียิปต์พัฒนาอักษรได้ ๒๒ ตัว ใชเ้ ป็นพยญั ชนะกับตัวท่ี ๒๓ เปน็ เสยี งสระ การใชธ้ ง เปน็ สญั ลกั ษณส์ อื่ สารไดห้ ลายอยา่ งเชน่ แต่ยังคงออกเสียงของอักษรไฮโรกลิฟฟิกเหมือน ธงชาต ิ ธงแมท่ พั ธงหยา่ ศกึ ธงยอมแพ ้ ธงประจา� เดิม จนถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๑ ดินแดนอียิปตต์ ก เรือ ธงกีฬา ธงศาสนา ธงกาชาด ธงบอกเขต อยภู่ ายใต้อา� นาจการปกครองของกรซี ตวั อักษร สถานทเี่ พอ่ื ความบนั เทงิ ธงขบวนแห่ ธงบอกเขต ในภาษาอยี ปิ ตจ์ งึ ไดถ้ กู ดดั แปลงใหม้ ลี กั ษณะคลา้ ย อันตราย อักษรในภาษากรีก และเม่อื ถูกอาหรับรกุ รานตวั อักษรในภาษาอียิปต์ได้ถูกปรับเปลี่ยนอีก จนมี การใช้อักษรภาพ (Hieroglyph) จากการ ลักษณะคล้ายอักษรอาหรบั ในเวลาต่อมา ส่อื สารด้วยภาพเขียน พัฒนาเปน็ อกั ษรภาพและ การเขียนด้วยตัวอักษร เม่ือ ๔,๖๐๐ ปีก่อน ส่วนในแผ่นดินจีนพบว่าเม่ือ ๑,๖๐๐ ปี บท ํนา / การ ืสอ่สาร: ความหมายและแนว ิคดเ ืบอ้งต ้น คริสตกาล ชาวอียิปต์ได้จารึกอักษรภาพไว้บน ก่อนคริสตศักราช สมัยราชวงศ์ซาง ชาวจีนได้ แผน่ หนิ ในสสุ าน ตอ่ มามกี ารคน้ พบวธิ ที า� กระดาษ ประดษิ ฐเ์ ปน็ ตวั อกั ษรโดยใชม้ ดี ปลายแหลมจารกึ จากตน้ กก (ปาปริ สั ) โดยใชพ้ กู่ นั และปากกาทท่ี า� บนกระดองเตา่ บนแผน่ หนิ และบนแผน่ ไม ้ จนถงึ จากต้นกกจุ่มหมึกซ่ึงท�าจากยางไม้ผสมกับหินสี สมยั ราชวงศ์ซอ้ ง(พ.ศ.๑๕๐๓- ๑๘๒๒) ชาวจีน ตา่ ง ๆ ทีบ่ ดละเอียดกวนเปน็ เนือ้ เดยี วกนั เขียน คดิ คน้ วธิ ที า� กระดาษจากเปลอื กไมจ้ า� พวกปอและ เปน็ ตวั หนงั สอื ดว้ ยอกั ษรภาพอกั ษรไฮโรกลฟิ -ฟกิ ป่านได้ ส่วนหมึกท�าจากเขม่าจากต้นรักและ ตน้ สนปั้นเปน็ เม็ดหรอื แท่งฝนกับน้�า แลว้ ใช้พู่กนั จุ่มน�้าหมกึ เขยี นเป็นตวั อกั ษรลงบนกระดาษ เม่ือ หมกึ แหง้ แลว้ สามารรวมพบั กระดาษรวมเปน็ เลม่ ใช้เปน็ ตา� ราสะดวกในการพกพา ผลจากการผลติ กระดาษ นา้� หมกึ และปากกา เพื่อใชเ้ ขียนหนังสอื และจดบันทกึ เรื่องราวตา่ ง ๆ ส่งผลให้การสื่อสารจากเมืองหน่ึงสู่อีกเมืองหนึ่ง ไดอ้ ย่างรวดเร็วและกวา้ งขวางได้ ๒ ช่องทางคอื เส้นทางการค้าและการเผยแพร่ศาสนา น�าไปสู่ การสร้างอ�านาจทางการเมืองการปกครองเป็น อาณาจักรน้อยใหญใ่ นเวลาต่อมา ภาพท่ี ๒ อกั ษรภาพของชาวอียิปต ์
ตอนท่ี ๑ กานรส่ือสารของมนุษยชาตแิ ละ การส่ือสารของประเทศไทย บทท่ี ๑ การส่ือการยุคก่อนประวตั ิศาสตรไ์ ทย ๖ การส่ือสารผ่านภาพ ลวดลาย และสญั ญาณเสียง ๔-๕
๖ การส่ือสารผ่านภาพลวดลาย และสญั ญาณเสยี ง
นกั โบราณคดีพบวา่ ช่วงปลายพุทธศตวรรษ ภาพท่ี ๒ เคร่ืองมือและ ๑๔ - ๑๕ ท่ี ๑๖ กอ่ นประวตั ิศาสตรช์ าติไทย อาณาจกั ร อุปกรณก์ ารจารลงในใบลาน และแควน้ นอ้ ยใหญ่ในช่วง พุ ทธศตวรรษ อา้ งอิง: saranukromthai.or. ท่ี ๑๒ เป็ นตน้ มา มีวฒั นธรรมการใชภ้ าษา th/sub/book/book.การ และตวั อกั ษรในการเขียน เพ่ือใชต้ ิดต่อส่ือ จารกึ การทงั้ ในและภายนอกอาณาจกั รหรือรฐั ต่างๆ มี ๒ รูปแบบคือ การสื่อสารภายใน ภาพท่ี ๓ แผ่นเงินแผ่นทองท่ีใช ้ อาทิ ดา้ นการปกครอง ดา้ นศาสนาเพ่ือการ จารพระราชสาสน์ ครองชีวิตใหเ้ ป็ นสุข ดา้ นศิลปะและดนตรี อา้ งอิง: saranukromthai. เพื่ อประกอบพิ ธีกรรมทางศาสนาและความ or.th/sub/book/book.การ สนุกสนาน ส่ือสารภายนอก เป็ นอีกรูปแบบ จารกึ หน่ึงไดแ้ ก่ ดา้ นการติดต่อคา้ ขาย และการ เจรญิ สมั พนั ธไมตรตี ่อกนั นักภาษาศาสตร์พบวา่ การสือ่ สารภายในภูมภิ าคน ี้ เจา้ ผู้ครอง การจารึกตัวอกั ษรไวบ้ นผนังถ�้าหนิ ปนู แผน่ บท ีท่๑ การ ืส่อสาร ุยค ่กอนประว ั ิตศาสตร ์ นครเปน็ ผ้กู า� หนด ตระกูลภาษาท่ใี ช้ ได้แก ่ ตระกลู ภาษาอินโดยโู ร หนิ ทราย และหินชนวน เรม่ิ จากการตดั หินท่ีน�า เปยี น เชน่ ภาษาเปอรเ์ ซีย ภาษาบาล ี ภาษาสนั สกฤต และภาษา มาจากแหล่งตัดหนิ เชน่ ทล่ี ุ่มแม่นา�้ ปงิ แมน่ �้ายม ละตนิ ตระกลู ภาษาออสโตรเอเชยี ตกิ เชน่ ภาษามอญ เขมรโบราณ และที่ราบสูงโคราช น�าแท่งหินมาขัดพื้นผิวให้ และตระกลู ภาษาไท-กะได อนั เปน็ ภาษาถน่ิ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี ง เรียบเป็นมัน แล้วใช้เครื่องมือท�าด้วยเหล็ก มี ใต้ ปลายแหลมคม มาสลักให้เป็นร่องลึกรอย การ จารึกบนแผน่ อิฐตอ้ งจารบนอฐิ เปียกกอ่ น แลว้ จึง ดา้ นการปกครอง ไดแ้ ก ่ จารึก ตามทีต่ ่าง ๆ เช่นหลกั หนิ ฐาน น�าไปเผาให้แหง้ เขง็ ส่วนจารบนฐานพระพทุ ธรูป พระพทุ ธรูป จารึกลานเงนิ ลานทอง ตวั อย่างเช่น จารกึ อักษรปัล และเทวรูปส�าริด โดยใช้เหล็กแหลมจาร กอ่ นขดั ลวะ ภาษาสันสกฤต ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ พบท่ีช่องสระแจง ผวิ ใหเ้ รยี บมนั จงึ ปรากฏรอยอกั ษรขน้ึ ชดั เจน แทง่ ตา� บลตาพระยา อา� เภอตาพระยา จงั หวดั สระแกว้ ปจั จบุ นั เกบ็ รกั ษา ศิลาจารึกพบอยู่ทั่วไปเช่น ศิลาจารึกอักษรมอญ ท่ีพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติพระนคร เน้ือความกล่าวถงึ กษัตริย์ว่า โบราณของอาณาจกั รหรภิ ญุ ชยั จารกึ เขานอ้ ย อ. มเหนทรวรมัน แสดงถึงการปกครองที่มรี ะบบกษัตรยิ ์ อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๑๑๘๐ ศิลาจารึกช้ินนี้เป็นหลักฐานเอกสาร ด้านศาสนา มีเอกสารท่ีใช ้ เพ่ือเปน็ คา� สอนและหลักธรรม บท โบราณ ท่ีบ่งบอกถงึ วฒั นธรรมทางดา้ นการใช้รปู สวด การประกอบพิธีศาสนาส�าคัญ ที่เผยแพร่อยู่ในดินแดนน้ีคือ อักษรทีป่ รากฏบนผนื แผน่ ดินไทยคร้ังแรก ศาสนาพราหมณ ์ ฮินด ู พทุ ธ มสุ ลิม เป็นต้น การบนั ทกึ เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรนนั้ นอกจาก สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชาติไทยน้ัน การผลิตเอกสารต่าง ๆ จารึกบนแผน่ หนิ แล้ว ยังมกี ารบันทกึ บนใบลาน พบวา่ มีการจารึกบนผนงั ถ้�า แผ่นหินทรายหินชนวน แผน่ อิฐ และ และบนแผน่ ทองค�าเรยี กว่า การจาร โดยใช้เหลก็ ฐานรปู เคารพ สว่ นการจารเปน็ การเขยี นอักษรบนใบลาน แผ่นเงิน แหลมกดเพอื่ เขยี นตวั อกั ษรลงบนใบลานแหง้ ทต่ี ดั หรอื ทองค�า หวั ทา้ ยใหเ้ สมอกนั การเขยี นเรยี งตอ่ กนั เปน็ แผน่ ต่อแผ่น แล้วเจาะรูร้อยด้วยเชือกเป็นเล่มเก็บไว ้ ภาพท่ี ๑ เคร่ืองมือใชแ้ กะสลกั การจารบนแผ่นทองสว่ นใหญ่ เปน็ พระราชสาสน์ และการเขียนจารบนแผ่นหิน ของพระมหากษัตรยิ ์ เพื่อเจริญไมตรตี อ่ กนั โดย อา้ งอิง: saranukromthai. นา� แผน่ เงนิ หรอื แผน่ ทองมาตแี ลว้ รดี เปน็ แผน่ บาง or.th/sub/book/book.การ กวา้ งยาวตามตอ้ งการ เมอ่ื จารอกั ษรเสรจ็ แลว้ นา� จารกึ มว้ นเกบ็ ใสก่ ระบอก เมอ่ื ถงึ มอื ผูร้ ับก็คลแี่ ผ่นทอง อา่ นพระราชสาส์นนั้น
ตอนที่ ๑ การสอ่ื สารของมนุษยชาตแิ ละ การสอื่ สารของประเทศไทย บทท่ี ๒ การส่ือสารในประวตั ิศาสตรไ์ ทย ๗ การสื่อสารในสมยั สุโขทยั ๒-๓ ๘ การสื่อสารในสมยั อยุธยา ๔-๕
๗ การส่ือสารในสมยั สุโขทยั อาณาจกั รที่เจรญิ พรอ้ มกบั เมอื งสุโขทยั ไดแ้ ก่ เมอื งบางยาง (ชุมชนเกา่ นครไทย) เมอื งศรสี ชั นาลยั เมอื ง เชลียง เมอื งนครชุม เมอื งสองแคว เมอื งสุพรรณภูมิ เมอื งศรเี ทพ และเมอื งราด (ชุมชนเกา่ สูงเนิน) ลว้ นเป็ น เมอื งทอ่ี ยู่ในกลมุ่ วฒั นธรรมภาษามอญ เขมร และไท-กะได แตใ่ ชภ้ าษาขอมเป็ นภาษาส่ือสารทางการปกครอง ชาวเมอื งนบั ถอื ศาสนาพุทธและพราหมณฮ์ ินดู โดยใชภ้ าษาบาลี เป็ นบทสวดมนตแ์ ละหลกั ธรรม ครนั้ เมอ่ื พ.ศ. ๑๗๙๒ รชั สมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๘ พ่อขุนบางกลางหาว เจา้ เมอื งบางยาง กบั พ่อขุนผาเมอื ง เจา้ เมอื งราด กระทาํ การขบั ไลส่ บาดโขลญลาํ พง เจา้ เมอื งฉอด จากนนั้ ทาํ พิธีปราบดาภเิ ษกพ่อขนุ บางกลางหาวเป็ นกษตั รยิ ์ พระนามวา่ พ่อขุนศรอี นิ ทราทิตย ์ ครองเมอื งสุโขทยั
๑๔ - ๑๕ ภาพท่ี ๓ แบบสระลายสือไทย ทงั้ หมด ๔๐ ตวั สระ และวรรณยกุ ต ์ ๒๐ ตวั ทรง สขี าว ไดจ้ ากปนู ขาวหรอื ใชเ้ ปลอื กหอยเผาไฟแลว้ ก�าหนดวางรูปวรรณยุกต์กับสระไว้ในบรรทัด ตม้ ตากแหง้ แลว้ บดเปน็ ผงสขี าว เดยี วกนั เพอื่ ใหเ้ ขา้ กบั ลกั ษณะการออกเสยี งภาษา สแี ดง จากรงั ครงั่ บดละเอยี ดผสมนา้� กรอง เอา ไทยทแี่ ตกตา่ งไปจากภาษามอญ-เขมรเดมิ ตอ่ มาส นา�้ สแี ดงไปเคยี่ วตอ่ จนแหง้ ตะกอนทเี่ หลอื มสี แี ดง มยั พระมหาธรรมราชาท ี่ ๑ (พญาลไิ ท) ไดโ้ ปรดฯ นา� ผงจากสที ไี่ ดผ้ สมกบั ยางรกั กวนเปน็ เนอื้ เดยี วกนั ใหป้ รบั ปรงุ พยญั ชนะ-สระ และการเขยี นคา� อกั ขระ ไดห้ มกึ สตี า่ ง ๆ ทงั้ ขาว ดา� แดง บางครง้ั ใชห้ มกึ วธิ ี วางสระไวข้ า้ งหนา้ บา้ ง ขา้ งหลงั บา้ ง ลา่ งบา้ ง และสจี ากจนี และยงั ใชส้ บื มาจนถงึ ปจั จบุ นั น ี้ สีเหลอื ง จากยางต้นรง มียางเป็นลักษณะสี เหลอื งเหนยี วเอามาผสมนา�้ จารลงบนใบลานได้ การบันทึกจดหมายเหตุสมัยสุโขทัยนั้น นัก ภาพท่ี ๑ จารกึ วดั ศรีชุม กลา่ วถงึ ประวตั ิศาสตร ์ โบราณคดีพบว่า ใช้วิธีจารึกข้อความลงบนแท่ง การปกครองระบบปิตุราชาธิปไตยในสมัย และการตงั้ราชวงคส์ ุโขทยั หนิ ชนวนสเี่ หลยี่ มทรงกระโจม สกดั ใหเ้ รยี บแลว้ ขดั พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ า่ งทา� มนั เรยี กวา่ ศลิ าจารกึ ตอ่ มาเมอื่ พ.ศ. ๑๘๘๘ พระ แทน่ หนิ ชอ่ื พระแทน่ มนงั คศลิ าบาตร ตงั้ ไวท้ กี่ ลาง ดงตาล ในวนั พระแปดคา่� สบิ หา้ คา่� ไดน้ มิ นตพ์ ระ พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทติ ยท์ รงจดั ระบบการปกครอง มหาธรรมราชาท ี่ ๑ (พญาลไิ ท) ทรงพระราช เถระข้นึ นัง่ บนพระแท่นแล้วแสดงธรรม พระองค ์ พระมเหส ี พระโอรสและธดิ า ไดต้ ามเสดจ็ พรอ้ ม แผน่ ดนิ โดยรวมอา� นาจอยทู่ พ่ี ระองคใ์ นระบบปติ รุ า นพิ นธ ์ เตภมู คิ าถา สว่ นหลกั ธรรมะและบทสวด ด้วย ขุนนางและทวยราษฎร์ชายหญิงมาฟังพระ ธรรมเทศนา เพ่ือน้อมน�าหลักธรรมไปใช้ในการ ชาธปิ ไตย หรอื พอ่ ปกครองลกู ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม มนตน์ ยิ มจารลงในใบลานแหง้ ตดั เปน็ แผน่ สเ่ี หลยี่ ม ครองเมือง ครองเรอื น วนั ธรรมดาหลงั จากออก ว่าราชการแล้ว พ่อขุนรามค�าแหงมหาราช ได้ เพ่ือให้เกิดความสงบสุขความเจริญรุ่งเรืองแก่ ผนื ผา้ ขนาดเทา่ กนั ใชเ้ หลก็ แหลมจมุ่ นา�้ หมกึ นา�้ สี ประทับตัดสินคดีความที่ราษฎรมาตีระฆัง ซ่ึง แขวนไว้หน้าประตูวัง เป็นการร้องทุกข์ อาณาจกั รสโุ ขทยั ตา่ ง ๆ จารลงบนใบลาน เมอ่ื หมกึ แหง้ แลว้ ปรากฏ นับเปน็ การปกครองที่มที ศพธิ ราชธรรมทา� ใหบ้ า้ น เมอื งสงบสขุ เปน็ สตี า่ ง ๆ ตดิ ทนนาน สว่ นการเขา้ เลม่ ใชเ้ ชอื ก ครน้ั ถงึ รชั สมยั พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราช ได้ รอ้ ยและมดั หอ่ ดว้ ยผา้ เกบ็ ไวไ้ ด้ ทรงพระราชดา� รสิ รา้ งเอกลกั ษณค์ วามเปน็ ชาตไิ ทย เพอื่ ใชส้ อ่ื สาร ดงั นน้ั เมอื่ พ.ศ.๑๘๒๖ จงึ ทรงคดิ สีท่ีอาลกั ษณจ์ ารอกั ษรและจิตรกร ประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยขน้ึ เรยี กวา่ “ลายสอื ไทย” ดว้ ย วาดภาพจารลงบนใบลาน การดัดแปลงเปลี่ยนรูปสัณฐานของตัวอักษรขอม มอญให้ง่ายต่อการใช้เขียนเรียงกัน มีพยัญชนะ สดี าํ ไดจ้ ากการขดู เขมา่ กน้ หมอ้ บดเปน็ ผง ราชธานีสุโขทัยเป็นดินแดนท่ีก่อก�าเนิดชาติ บท ีท่๒ การ ืสอ่สารในประว ั ิตศาสตร ์ไทย ไทย มกี ษตั รยิ ร์ าชวงศพ์ ระรว่ งทรงปกครองแผน่ ดนิ ด้วยระบบปิตุราชาธิปไตย ทรงวางรากฐาน วฒั นธรรมความเปน็ ชาตไิ ทยไดแ้ ก ่ ลายสอื ไทยเพอื่ ใชก้ ารสอื่ สาร วรรณกรรมไทย ศลิ ปะสถาปตั ยกรรม ไทย (สกลุ ชา่ งสโุ ขทยั ) และประเพณไี ทยไวเ้ ปน็ มรดกใหล้ กู หลานไทยมคี วามภาคภมู ใิ จและไดถ้ อื ปฏบิ ตั อิ ยทู่ กุ วนั นี้ ภาพท่ี ๒ แบบพยญั ชนะลายสือไทย
๘ การส่ือสารในสมยั อยุธยา ในชว่ งเวลา ปลายพทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๙ - พทุ ธ ในช่วงปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ เกิดกลุ่มชุมชนในดินแดนประเทศไทย ศตวรรษท ่ี ๒๐ พบหลกั ฐานการตดิ ต่อระหวา่ งรฐั สโุ ขทยั มาแลว้ โดยเฉพาะสมยั ของพระบรมราชาธริ าช มีการแลกเปล่ียนติดต่อส่ือสารกนั ซ่งึ พฒั นาจนกลายเป็ นอาณาจกั ร ท ่ี ๑ (ขนุ หลวงพอ่ งว่ั พ.ศ. ๑๙๑๓-๑๙๓๑) พระองค์ ต่าง ๆ ในขณะท่ีตามลุ่มนํา้ยมเกิดรฐั สุโขทยั ดินแดนตามลุ่มแม่นํา้ ไดเ้ สดจ็ ขนึ้ มาตเี มอื งสโุ ขทยั ตรงกบั รชั กาลของพระ เจา้ พระยาเกิดการรวมกลุ่มรฐั ตามลุ่มแม่นํา้ในภาคกลาง ๒ รฐั คือ มหาธรรมราชาท ี่ ๑ แหง่ สโุ ขทยั ไดใ้ นปพี .ศ. ๑๙๒๑ สุพรรณภมู ิ(สุพรรณบรุ )ี และละโว ้(ลพบรุ )ี ครนั้เม่อื พ.ศ.๑๘๙๓ พระเจา้ และเขา้ มามบี ทบาทในการเมอื งของอาณาจกั รสโุ ขทยั อทู่ องไดย้ า้ ยเมอื งมาตงั้อยู่รมิ หนองโสน ขนานนามเมอื งนีว้า่ กรงุ เทพ จนกระทงั่ สมเดจ็ พระบรมราชาท ่ี ๒ (เจา้ สามพระยา ทวารวดีศรอี ยุธยา และพระองคป์ ราบดาภิเษกเป็ นกษตั รยิ ท์ รงพระนาม พ.ศ.๑๙๖๗ - ๑๙๙๑) สง่ พระราชโอรส พระราเม ศวร (สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ) ไปครองเมอื ง วา่ สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี ๑๑ นาํ ไปสู่การเป็ นเมอื งทา่ ในการสง่ ออกสินคา้ พษิ ณโุ ลก ซงึ่ เปน็ ศนู ยก์ ลางของเมอื งสโุ ขทยั เปน็ การ เพ่ือแลกเปล่ียน สรา้ งความม่งั ค่งั ใหก้ บั อาณาจกั รกรงุ ศรีอยุธยาจน ปดิ ฉากอา� นาจทางการเมอื ง และถอื เปน็ การผนวกดนิ แดนของสโุ ขทยั เขา้ กบั กรงุ ศรอี ยธุ ยา� พฒั นาตนเองในอกี ๔ ศตวรรษ
๑๔ - ๑๕ ภาพท่ี ๕ จิตรกรรมในสมุด ข่อย สมยั อยุธยา เก่ียวกบั พุทธ ประวตั ิและไตรภูมิ สีส่วนใหญ่ท่ี ใชจ้ ะเป็ นสี แดง ดาํ และขาว สมัยอยุธยา ชาวไทยสามารถท�ากระดาษใช้ สั่งสมบุญกุศล ดังเช่นที่ วัดใหญ่สุวรรณาราม เขียนหนังสือได้เรียกว่า สมุดไทย โดยการน�าเย่ือ จงั หวดั เพชรบรุ ี ของต้นข่อยทุบละเอียด เคี่ยวกรอง เทใส่ตะแกรง ตากแหง้ แลว้ ลอกเปน็ ใบสมดุ (กระดาษ) มีขนาด ส่ือดา้ นวรรณคดี นอกจากใชอ้ กั ษรลายสอื เฉลย่ี กวา้ ง ๕๕ เซนตเิ มตร ยาว ๒๒๐ เซนตเิ มตร ไทยแลว้ ยงั มยี งั ใชภ้ าษามอญ ขอม และไท-กระได ใชพ้ บั ทบเกบ็ เปน็ เลม่ ไดเ้ รยี กสมดุ ไทย ซง่ึ นยิ มทา� ผสมอยู่ด้วยตามที่กวีถนัดเขียนในสมุดไทย ๒ ส ี สดี า� และสขี าวนวล ใชป้ ากกาหรอื ขนไก ่ บาก วรรณคดเี รอ่ื งแรกทสี่ มเดจ็ พระเจา้ อทู่ องโปรดเกลา้ ให้แหลมรูปปากฉลาม เซาะร่องส�าหรับให้น้�า ฯ ใหแ้ ตง่ ชอื่ ลลิ ติ โองการแชง่ นา�้ เพอื่ ใชใ้ นพระราช หมึกเดิน ใช้ปากกาชุบน้�าหมึกสีต่าง ๆ เขียนตัว พธิ ถี อื นา�้ พพิ ฒั นส์ ตั ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณฯ์ หนังสือลงบนกระดาษได้ น้�าหมึกใช้วัสดุสีต่าง ๆ โปรดฯ ใหพ้ ระโหราธบิ ดแี ตง่ หนงั สอื จนิ ดามณ ี ซง่ึ บดเป็นผงเช่น สีด�าได้จากเขม่าควันไม้ สีขาวจาก เป็นต�าราเรียนภาษาไทยเล่มแรก ต่อมาสมเด็จ ดินขาว หรือเปลือกหอยมุกเผาแล้วน�าไปต้มตาก พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ โปรดฯ ใหร้ าชบณั ฑติ แตง่ แห้งบดเป็นผง สีแดงจากครั่ง หรือเมล็ดต้นชาด โคลงส่ีสุภาพท่ีนับเป็นยอดวรรณกรรมคือ โคลง หรคุณบดละเอียดผสมผงปูนขาว น�าผงแต่ละสี พาลสี อนนอ้ ง พระราม โคลงประดษิ ฐพ์ ระรว่ ง โคลง ผสมกับกาวยางมะขวิดกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ราชานวุ ตั รเปน็ ตน้ ผลจากชาวอยุธยาสามารถผลิตใบสมุดและ ส่ือดา้ นสญั ญาทางการคา้ นกั การคา้ ได้ สมดุ ไทย จงึ สามารถผลติ เอกสารเพอ่ื สอื่ สารออก นา� เรอื สนิ คา้ จากยโุ รปและจนี ผา่ นอา่ วสยามสแู่ มน่ า�้ ภาพท่ี ๓ จิตรกรรมฝาผนงั ศิลปะอยุธยา ภาพท่ี ๔ จิตรกรรมฝาผนงั ศิลปะอยุธยา ไปหลายรปู แบบ ทงั้ เอกสารทางราชการ ศาสนา เจา้ พระยาและเขา้ ถงึ กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดส้ ะดวก ทา� ให้ ธรรม ตา� รา วรรณคด ี ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ กรุงศรีอยุธยากลายเป็นเมืองท่าท่ีส�าคัญใน สวุ รรณภมู ิ เมอื่ พ.ศ.๒๐๕๔ ในรชั สมยั สมเดจ็ พระ บท ีท่๒ การ ืสอ่สารในประว ั ิตศาสตร ์ไทย ส่ือเอกสารทางราชการ เขียนโดย รามาธบิ ดที ี่ ๒ พระมหากษตั รยิ อ์ งคท์ ี่ ๘ มผี แู้ ทน อาลกั ษณ(์ เสมยี นหรอื เจา้ หนา้ ทส่ี ารบรรณ)จาก การคา้ และแมท่ พั ใหญจ่ ากโปรตเุ กสมาขอทา� ไมตรี ราชส�านักสู่หัวเมืองประเทศราชเช่น กฎหมาย/ และสญั ญาทางการคา้ เปน็ ชาตแิ รก เปน็ ผลใหร้ าช ใบบอก/ทอ้ งตรา/รายงาน/จดหมาย ศภุ อกั ษร ตรา ส�านักกรุงศรีอยุธยาใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษา ตอบ สญั ญาทางการคา้ และพระราชสาสน์ เปน็ ตน้ กลางตดิ ตอ่ กบั นานาชาติ ส่ือศาสนธรรม ใชภ้ าษาเขยี นเปน็ ภาษาบาล ี ส่ือพระราชสาสน์ พระมหากษัตริย์กรุง สนั สกฤต เขยี นบทกระดาษสมดุ ไทย เชน่ ในสมยั ศรอี ยธุ ยาแตล่ ะพระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ง่ พระราช สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดฯให้แต่ง สาสน์ พระราชทานแดค่ ณะทตู นา� ไปถวายองคพ์ ระ หนังสือมหาชาติค�าหลวง เพื่อถวายพระสงฆ์ใช้ ประมขุ ของตา่ งประเทศ เพอ่ื เจรญิ สมั พนั ธไมตรนี น้ั ศึกษาธรรมะ นับเป็นวรรณกรรมพุทธธรรมเล่ม ระยะแรกโปรดฯใหเ้ ขยี นบนกระดาษสมดุ ไทยเปน็ แรกของกรุงศรอี ยธุ ยา เมอื่ พ.ศ. ๒๒๗๙ เจา้ ฟา้ ภาษาไทย ตอ่ มาเมอ่ื มลี า่ มแตล่ ะภาษาเปน็ ผแู้ ปลให้ ธรรมาธ-ิ เบศร ์ ทรงนพิ นธ ์ พระมาลยั คา� หลวงและ เชน่ ภาษาโปรตเุ กส ภาษาฝรงั่ เศส ภาษาองั กฤษ นันโทปนันทสูตร นอกจากน้ี มีการวาดภาพ เปน็ ตน้ จิตรกรรมฝาผนังภายในวัด โดยวาดเร่ืองชาดก และพระพุทธประวัติเพื่อเป็นการสั่งสอนผู้คนให้
ตอนท่ี ๑ การสอ่ื สารของมนุษยชาตแิ ละ การสอื่ สารของประเทศไทย บทท่ี ๓ การส่ือสารในสมยั ธนบุรี และรตั นโกสินทร ์ ๙ การสื่อสารในสมยั ธนบุรีและรตั นโกสินทรต์ อนตน้ ๒-๓ ๑๐ การสื่อสารในสมยั รชั กาลที่ ๔ ๔-๕ การวางรากฐานการส่ือสารในสมยั รชั กาลท่ี ๕ ๘-๙ ๑๑ การสื่อสารผ่านสิ่งพิมพ์ ๑๐-๑๑ ๑๒ การวางรากฐานการส่ือสารสมยั ใหม่ ๑๒-๑๓ ๑๓ การนําโครงข่ายกิจการส่ือสารโทรคมนาคมสู่สากล ๑๔-๑๕ ๑๔ พระบรมราโชบายดา้ นการสื่อสารกบั การรกั ษาเอกราช ๑๖-๑๗ ของชาติ
๙ การส่ือสารในสมยั ธนบุรี และกรงุ รตั นโกสินทร ์ ตอนตน้ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงพระปรีชาสามารถใชเ้ วลาเพียง ๘ เดือนกส็ ามารถกูช้ าติไทยไดแ้ ละ ทรงปราบดาภเิ ษกเป็ นพระมหากษตั รยิ ์ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระบรมราชาท่ี ๔ ตงั้ ราชธานีแหง่ ใหมอ่ ยดู่ า้ น ขวารมิ แม่นาํ้ เจา้ พระยาพระราชทานนามวา่ กรงุ ธนบรุ ศี รมี หาสมุทร เมอ่ื วนั ที่ ๒๘ ธนั วาคม พ.ศ.๒๓๑๐ พระองค ์ ทรงครองราชยอ์ ยู่เพียง ๑๕ ปี กส็ ิน้ รชั กาล สมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชแหง่ ราชวงศจ์ กั รี ทรง ปราบดาภิเษก และทรงยา้ ยราชธานีอกี ครงั้ เป็ นฝ่ ังซา้ ยของแม่นาํ้ เจา้ พระยา เป็ นกรงุ เทพมหานครในปัจจบุ นั
ในตน้ สมยั ของมหาราชทง้ั สองพระองค ์ ตอ้ งทา� แมว้ า่ มรี ะบบการพมิ พป์ ระกาศทางราชการเผยแพร่ ๑๔ - ๑๕ ศกึ ปอ้ งกนั ประเทศและขยายอาณาเขต การสอ่ื สาร ในตน้ รชั กาลท ี่ ๓ กต็ าม โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ กี ารสอื่ สาร ในราชการสงครามนนั้ ยงั คงใชร้ ะบบนา� สารคลา้ ย กบั ประชาราษฎรโ์ ดยตรง โดยตง้ั กลองวนิ จิ ฉยั เภรี สมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาหลายประเภทอาท ิ คนเดนิ สาร ไวใ้ นพระบรมมหาราชวงั เมอื่ ราษฎรผมู้ ที กุ ขต์ กี ลอง มา้ เรว็ ชา้ ง และเรอื การสอ่ื สารจากราชสา� นกั ถงึ หวั รอ้ งถวายฎกี า เมอื งประเทศราช การเขยี นคงใชก้ ระดาษ (ปลาย สมยั อยธุ ยาเรยี กใบสมดุ วา่ กระดาษ) และสมดุ ไทย ศาสนาธรรม สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี โปรดฯ ซึ่งมีการพัฒนาวิธีท�าให้เน้ือกระดาษละเอียดและ ใหร้ วบรวมชา่ งสบิ หมจู่ ากอยธุ ยาฝกึ สอนใหก้ บั ชา่ งรนุ่ เขยี นดว้ ยปากกาคอแลง้ (สนิ คา้ นา� เขา้ สมยั ตน้ กรงุ ใหม ่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๑๙ ทรงฟน้ื ฟศู าสนาธรรมโปรดฯ ศรอี ยธุ ยา) ซงึ่ นา้� หมกึ ไมซ่ มึ งา่ ย ทา� ใหก้ ารเขยี นและ สมดุ ภาพสไี ตรภมู ไิ วใ้ นสมดุ ไทยทงั้ สองหนา้ ซง่ึ มี วาดภาพมคี วามคมชดั สวยงามขนึ้ ความยาวถงึ ๓๔.๗๒ เมตร นบั เปน็ สมดุ ภาพไตรภมู ิ ทมี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ดุ สมยั ตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทร ์ โปรดฯ การส่ือสารในสมัยกรุงธนบุรีและต้นกรุง ใหส้ งั คายนาพระไตรปฎิ กเรยี กวา่ พระไตรปฎิ กฉบบั รัตนโกสนิ ทร ์ มที ง้ั เอกสารทางราชการ ศาสนา ทองใหญ ่ โปรดเกลา้ ฯ ใหช้ า่ งวาดภาพบนฝาผนงั ใน ธรรม วรรณกรรม ซง่ึ มลี กั ษณะดงั นี้ พระอโุ บสถและพระวหิ าร ชา่ งไดส้ อดแทรกวถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยขู่ องชาวบา้ นไว ้ ในงานจติ กรรมฝาผนงั เอกสารทางราชการ ราชสา� นกั สง่ เอกสารสู่ เรยี กวา่ “ภาพกาก” นอกจากภาพเขยี นบนฝาผนงั หวั เมอื งประเทศราชหลายรปู แบบ เชน่ กฎหมาย แลว้ รชั กาลท ่ี ๓ โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ารกึ สรรพตา� รา ภาพท่ี ๓ หนงั สือจดหมายเหตุ The Bangkok ใบบอก ทอ้ งตรา รายงาน จดหมาย ศภุ อกั ษร ตรา ไทยสาขาตา่ ง ๆ ไวบ้ นแผน่ หนิ ชนวนและหนิ ออ่ นใส่ Recorder ตอบ สญั ญาทางการคา้ และพระราชสาสน์ เปน็ ตน้ กรอบปดิ ทองจา� นวน ๑,๑๔๐ รายการ ตดิ ประดบั วรรณศลิ ป ์ ทรงพระราชนพิ นธห์ ลากหลายประเภท มีการเขียนบนกระดาษและสมุด รัชกาลท่ี ๑ ไวต้ ามเสาและฝาผนงั ในพระอโุ บสถ พระวหิ ารและ เชน่ คา� กลอน ละครนอก ละครใน เสภา นริ าศ โปรดเกล้าฯ ให้ช�าระกฎหมายใหม่เรียกว่า ระเบยี งคด วดั เชตพุ ลวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธ)ิ์ ดว้ ย กาพย ์ ฉนั ท ์ ลลิ ติ โครงสสี่ ภุ าพและบทละครเรอื่ ง กฎหมายตราสามดวง รวมทงั้ กฎหมายสงฆอ์ กี หลาย ทรงพระราชประสงคใ์ หเ้ ปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องคนไทย อเิ หนา เสภาเรอื่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน บทพากยโ์ ขน บท ฉบบั ดว้ ย ละครเรอื่ งไชยเชษฐ ์ สงั ขท์ อง คาว ี ไกรทอง มณพี ชิ ยั วรรณกรรม ในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ ฯ เปน็ ตน้ ภายหลงั การเสยี กรงุ พบวา่ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี โปรดฯทรงพระราชนพิ นธร์ ว่ มกบั เหลา่ ราชบณั ฑติ พยายามแต่งหนังสือขอสารตราต้ังจากพระ บทละครเรอื่ งรามเกยี รตไ์ิ วใ้ นสมดุ ไทย ๔ เลม่ ๔ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๘๐ คณะมชิ ชนั นารอี เมรกิ นั กลมุ่ จกั รพรรดจิ นี อยหู่ ลายครง้ั แตเ่ นอื่ งจากเหตกุ ารณ์ ตอน สมยั รตั นโกสนิ ทรเ์ จา้ พระยาพระคลงั (หน) หมอบรดั เลย ์ ไดน้ า� แทน่ พมิ พท์ า� ดว้ ยโลหะตวั พมิ พ์ ทไ่ี มเ่ รยี บรอ้ ยจงึ ทา� ใหถ้ กู ปฏเิ สธอยบู่ อ่ ยครงั้ จนถงึ ผู้เช่ียวชาญภาษาจีนได้แปลและเรียบเรียง อกั ษรไทย พรอ้ มดว้ ยชา่ งพมิ พแ์ ละกระดาษเขา้ มา ป ี พ.ศ. ๒๓๑๕ เปน็ ตน้ มา มกี ารขอซอื้ กา� มะถนั วรรณกรรมสามกก๊ เปน็ ภาษาไทยเขยี นลงบนสมดุ พมิ พใ์ นกรงุ เทพฯ ระยะแรกพมิ พห์ นงั สอื สอนศาสนา และแรต่ า่ ง ๆ จากจนี อยบู่ อ่ ยครง้ั เพอ่ื การสงคราม ไทยถงึ ๙๕ เลม่ ในสมยั ตน้ รตั นโกสนิ ทร ์ รชั สมยั ครสิ ต ์ ตอ่ มาเมอ่ื พ.ศ.๒๓๘๕ หมอบรดั เลย ์ ไดพ้ มิ พ์ กระทงั่ ในป ี พ.ศ. ๒๓๒๔ สยามในสมยั ของเจา้ เจงิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั นบั เปน็ ยคุ ปฏทิ นิ ภาษาไทยเผยแพรเ่ ปน็ ครงั้ แรก ครนั้ เมอื่ วนั ท่ี (ชื่อถอดภาษาจีนของพระเจ้ากรุงธนบุรี) ได้ส่ง ทองวรรณคดไี ทย พระองคท์ รงพระอจั ฉรยิ ภาพ ดา้ น ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๓๘๗ ไดอ้ อกหนงั สอื พมิ พร์ าย บรรณาการพรอ้ มสพุ รรณบฏั (จารกึ ลานทอง) แก่ ปกั ษเ์ ปน็ ภาษาไทยฉบบั แรกชอื่ “บางกอกรคี อร-์ เด พระเจา้ กรงุ จีนรัชสมัยเฉียนหลง หรอื พระเจา้ ชงิ บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ อร”์ นบั เปน็ กา้ วแรกของการพฒั นาดา้ นการพมิ พใ์ น เกาจง� ประเทศไทย ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์พระมหากษัตริย์ ในสมยั กรงุ ธนบรุ กี บั ตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทรน์ ้ี นบั ไทยทรงมีพระราชสาส์นท�าสัญญาทางการค้ากับ เป็นช่วงการฟื้นฟูประเทศ เพื่อให้มีความเจริญ นานาประเทศจากยุโรป ในรัชสมัยพระบาท กา้ วหนา้ ทนั สมยั ประชาราษฎรม์ คี วามอยเู่ ปน็ สขุ นน้ั สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๐ ดา้ นการสอ่ื สารกม็ กี ารพฒั นาตามตา่ งประเทศดว้ ย คณะมิชชันนารีอเมริกัน กลุ่มหมอบรัดเลย์ ได้ เดมิ นนั้ การสอ่ื สารมเี พยี งการสง่ สารจากราชการสู่ น�าแท่นพิมพ์ท�าด้วยโลหะตัวพิมพ์อักษรไทย ประเทศราชและประชาชน ชว่ งนมี้ กี ารสอ่ื สารจาก พร้อมด้วยช่างพิมพ์และกระดาษ จากเมือง ประชาชนสปู่ ระชาชน จงึ นบั เปน็ กา้ วแรกของการ สิงคโปร์เข้ามาพิมพ์ในกรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๓๘๒ สอ่ื สารมวลชน รัชกาลท่ี ๓ โปรดเกล้าฯ ให้จ้างโรงพิมพ์มิชชัน นารีอเมริกัน พิมพ์หมายประกาศห้ามสูบฝิ่น จ�านวน ๙,๐๐๐ ฉบับ นับว่าเป็นเอกสารทาง ราชการของไทยช้นิ แรกทีไ่ ดจ้ ัดพมิ พ์ขน้ึ กระดาษ ภาพท่ี ๑ กฎหมายตราสามดวง ท่ีใช้พิมพ์ก็เป็นกระดาษท่ีผลิตในเอเชีย
๑๐ การส่ือสารในสมยั รชั กาลท่ี ๔ ช่วงตน้ รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๔ เป็ นช่วงที่ไทยเปิ ดรบั เทคโนโลยีที่พฒั นาจากการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม และความรูท้ างวิทยาศาสตรจ์ ากประเทศทางตะวนั ตก พระองคท์ รง ใชห้ ลกั โยนิโสมนสิการตงั้ รบั อิทธิพลจากชาติตะวนั ตกท่ีแฝงมากบั สมั พนั ธไมตรที างการคา้ ทาํ ใหป้ ระเทศดาํ รงความเป็ นอสิ ระได ้ ภาพท่ี ๑ พระบามสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เท่ีจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ การเปิดรับความรู้และวัฒนธรรมตะวันตกท่ี ค่อย ๆ เข้าสู่ราชอาณาจักรไทยในสมัยรัชกาลท ่ี ๓ นั้น สง่ ผลใหร้ ชั กาลท ่ี ๔ ทรงตง้ั รบั ไวล้ ว่ งหนา้ กอ่ นที่ ทรงครองราชย ์ โดยทรงศกึ ษาภาษาจนี ภาษาองั กฤษ และวฒั นธรรมตะวนั ตกอยา่ งด ี บนั ทกึ หมอบลดั เลย์ ทไ่ี ดเ้ ขา้ เฝา้ อยา่ งใกลช้ ดิ วา่ ทรงตอ้ นรบั ดว้ ยวฒั นธรรม ตะวนั ตกอยา่ งไมถ่ อื พระองค ์ ตรสั ดว้ ยภาษาองั กฤษ อยา่ งชดั เจน ทส่ี า� คญั โปรดฯพระราชทานเอกสารเรอื่ ง เกยี่ วกบั ประเทศสยามเพอื่ ชาวตะวนั ตกรจู้ กั ชาวไทย มากขนึ้ การเตรยี มพรอ้ มและตงั้ รบั กระแสซอ่ นเรน้ จาก ชาติตะวันตกท่ีเข้ามาพร้อมกับไมตรีทางการค้านับ ต้ังแต่ต้นรัชกาล เมื่อพ.ศ. ๒๓๙๕ โปรดเกล้าฯ ให้ ตั้งโรงเรียนภาษาอังกฤษ ในพระบรมมหาราชวังที่ ตึกริมประตูพิมานไชยศรี โดยคณะมิชชันนารี องั กฤษสตร ี สอนภาษาองั กฤษใหก้ บั พระโอรส พระ ธิดาและประยูรญาติ มีครูชายชาวอังกฤษสอน ภาษาองั กฤษใหก้ บั ขา้ ราชการและมหาดเลก็ ตอ่ มา ในปี พ.ศ. ๒๔๐๔ โปรดฯให้จ้างแหม่มแอนนา เลียวโนเวนส์ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้แก่พระ โอรสและพระธดิ าในพระบรมมหาราชวงั โดยเฉพาะ รวมทั้งเจ้าฟ้ามหาวิชิราลงกรณ์ (รัชกาลท่ี ๕) รวม อยู่ด้วย การเผยแพรข่ า่ วสารทางราชการและสปู่ ระชาชน นนั้ รชั กาลท ี่ ๔ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๐๑ โปรดฯใหต้ ง้ั โรง พิมพ์หลวงในบริเวณพระราชวังชั้นกลางบริเวณ
๑๔ - ๑๕ โรงแสงต้น เปน็ ตกึ สองช้ันพระราชทานช่ือวา่ โรง การเจริญไมตรีทางการทูตระหว่างนานา บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ พิมพ์อักษรพิมพการ จากน้ันวันท่ี ๑๕ มีนาคม ประเทศ นักประวัติศาสตร์พบว่า โปรดฯเขียน พ.ศ. ๒๔๐๑ไดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื ราชกจิ จานเุ บกษา พระราชสาสน์ เปน็ ภาษาองั กฤษดว้ ยพระองคแ์ ละ อนั เปน็ หนงั สอื พมิ พข์ องราชการฉบบั แรก สา� หรบั แนบพระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมสาทิศ บอกข่าวคราวในราชส�านัก และเก็บความจาก ลักษณ์มอบให้คณะทูตอัญเชิญพร้อมด้วยเคร่ือง ประกาศของราชการต่างๆ พิมพ์ออกเผยแพร ่ ราชบรรณาการไปถวายแด่ประมุขมหาอ�านาจ จนถึงปัจจุบันน้ี คร้ันเม่ือพ.ศ.๒๔๐๔ โปรดฯให้ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย แห่งสห พิมพ์ปฏิทินภาษาไทย เพื่อใช้ในราชการและราช ราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ และสมเด็จพระ ส�านัก รวมทั้งทรงประกาศให้ใช้เวลาตาม จักรพรรดิ นโปเลียนที่ ๓ แห่งฝรั่งเศส เม่ือพ.ศ. มาตรฐานสากล เพื่อทราบเวลานัดหมายกับชาติ ๒๔๐๔ และเม่ือวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๐๔ ตะวันตก ทรงส่งพระราชสาส์นพร้อมเครื่องบรรณาการถึง ประธานาธิบดี เจมส์ บูคานาน สหรัฐอเมริกา ซึ่ง การผลิตเอกสารในรัชกาลนี้ มีเอกสารที่ เผอญิ หมดวาระเสยี กอ่ นประธานาธบิ ด ี ลนิ คอรน์ พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์มี ๒ ประเภทคือ เอกสาร ผดู้ า� รงตา� แหนง่ ตอ่ มาไดต้ อบพระราชสาสนก์ ราบ และหนังสือ ทางราชการที่พิมพ์จากโรงพิมพ์ บังคมทูลถึงพระองค์เมื่อ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. อักษรพิมพการ ส่วนหนังสือพิมพ์ หนังสืออ่าน ๒๔๐๕ ทั่วไป พิมพ์จากส�านักพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ โรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ ส�าหรับคณะสงฆ์และ การสื่อสารด้านวรรณกรรมในสมัยรัชกาลท ่ี ราษฎรยังใช้ภาษาเขียนและการวาดภาพในสมุด ๔ น้ัน มีหลายเร่ืองได้แก่ บทละครรามเกียรต ิ์ ไทย การส่งเอกสารราชการยังคงใช้ระบบเก่าคือ บทเทศน์มหาชาติ ๕ กัณฑ์ ท่ีส�าคัญคือ คนเดนิ สารโดยฝากหนงั สอื มากบั กลมุ่ ขนุ นางและ จดหมายเหตุจารึกวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ขา้ ราชการทเี่ ดนิ ทางมาตดิ ตอ่ ราชการในพระนคร เป็นต้น ส่วนส�าคัญและย่ิงใหญ่ก็คือ การส่ือสาร หากเปน็ เรอ่ื งดว่ นคงใชม้ า้ เรว็ ระบบการไปรษณยี ์ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์และดาราศาสตร ์ โปรดฯสง่ พระ ใช้เฉพาะในกลุ่มมิชชันนารีและพ่อค้านักเดินเรือ ราชสาส์นและข่าวสารเชิญคณะทูตานุทูตและนัก การส่ือสารระหว่างเรือสินค้าริมฝั่งน�้า มีการใช้ ดาราศาสตรช์ าวตะวนั ตกเดนิ ทางไปรว่ มพสิ จู นว์ า่ สัญญาณเสียงฆ้อง เพื่อกิจการศุลกากร วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๑๑ จะเกิดสุริยปรา คาเต็มดวงที่ต�าบลหว้ากอ เมืองประจวบคีรีขันธ์ รชั กาลท ่ี ๔ ทรงรบั รขู้ า่ วสารจากสงิ่ พมิ พต์ า่ ง ๆ ซึ่งผลจากการค�านวณด้วยพระองค์เอง ครานั้น ว่าในรัชสมัยของพระองค์ เป็นช่วงท่ีประเทศ มีการบันทึกข่าวสารออกเผยแพร่ออกไปอย่าง ม ห า อ� า น า จ ต ะ วั น ต ก ทั้ ง ห ล า ย ที่ ม า ติ ด ต ่ อ กว้างขวาง สัมพันธไมตรีทางการค้าว่า มีวาระซ่อนเร้น ดัง นน้ั การสื่อสารและการเจรจาตกลงทางการคา้ จึง ภาพท่ี ๓ จดหมายจากประธานาธิบดีแหง่ หสรฐั การส่ือสารในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ ทรงเตรียมเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ เก่ียวกับ อเมริกา ของ อบั บราฮมั ลนิ คอลน์ ถงึ พระบาท พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับได้ว่า มีการส่ือสารสู่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยมอบให้พร้อม สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ มวลชนได้อย่างกว้างขวางท้ังภายในประเทศและ ก่อนท่ีทรงลงนามในสัญญาการค้า ที่ส�าคัญคือ นานาประเทศ ส่งผลให้ประชาชนชาวไทยรับรู้ ก า ร ล ง พ ร ะ น า ม ใ น ส น ธิ สั ญ ญ า เ บ า ว ์ ริ ง กั บ ข่าวสารอันหลากหลายสามารถรับรู้และปรับตัว สหราชอาณาจักร เม่ือพ.ศ. ๒๓๙๘ ด้วย ได้ตามสมัยการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการจาก พระราชวินิจฉัยว่า แม้ส่งผลให้ชาติไทยเสีย ตะวนั ตก สว่ นการสอ่ื สารระหวา่ งประเทศไดส้ รา้ ง สิทธิสภาพนอกอาณาเขตทางการปกครองและ การรับรู้เร่ืองวิถีไทยและเอกลักษณ์ไทยมากข้ึน การตุลาการก็ตาม ดีกว่าการตกเป็นเมือง อาณานิคมเหมือนประเทศเพ่ือนบ้านรอบราช อาณาจักรไทย
๑๑ การส่ือสารผ่านส่ือ ส่ิงพิ มพ ์ หนงั สอื พมิ พ ์ เปน็ สอ่ื สา� คญั ประเภทหนง่ึ ในสมยั แหง่ การวางรากฐานการสอื่ สารภายในประเทศ เปน็ เอกสารทต่ี พี มิ พโ์ ดยมกี า� หนดการออกทแี่ นน่ อน เขา้ ถึงคนจ�านวนมาก การก�าเนิดหนังสือพิมพ์ใน ประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ และมี บทบาทส�าคัญมากขึ้น เมื่อไทยเปิดประเทศค้าขาย กบั ชาวตะวนั ตก ทา� ใหช้ นชนั้ นา� ในประเทศตนื่ ตวั การ รับสารจากภายนอก ในเวลาต่อมาจึงเกิด หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของชาวไทยท่ีเผยแพร่แก่ ประชาชน โดยดา� เนนิ การคนไทย คอื “ดรโุ ณวาท” อันมีความหมายว่า โอวาทของคนหนุ่ม ออกฉบับ แรกเมอื่ วนั ท ่ี ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๑๗ พมิ พถ์ งึ พ.ศ.๒๔๑๘ โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้า เกษมสนั ตโ์ สภาคย ์ กรมหลวงพรหมวรานรุ กั ษ ์ ทรง เป็นเจ้าของและบรรณาธิการ เป็นหนังสือพิมพ์ราย สัปดาห์ ออกทุกวันอังคาร ปีละ ๘ บาท ส่งถึงบ้าน ราคา ๑๐ บาท ขายปลีกฉบับละ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง เน้ือหามีท้ังข่าวต่างประเทศ เกี่ยวกับราชการ สุภาษิตสอนใจ และต�าราการแสดงแบบแผนวิชา ต่าง ๆ นอกจากนยี้ งั ม ี จดหมายเหตสุ ยามไสมย เปน็ หนงั สอื พมิ พร์ ายเดอื นและรายสปั ดาห ์ ออกระหวา่ ง พ.ศ.๒๔๒๕-๒๔๒๙ บรรณาธกิ ารและผจู้ ดั พมิ พค์ อื แซมมวล เจ สมทิ (Samuel J. Smith) มชิ ชนั ารี นบั เป็ นปฐมบทแห่งการสื่อสารสมยั ใหม่จากการริเริ่มการสื่อสารทงั้ ภาพท่ี ๑ หนงั สือดรโุ ณวาท ภายใน และภายนอกประเทศในสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๔ ทาํ ใหใ้ นรชั กาลต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอม- เกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงสานต่องานทางดา้ นการส่ือสารต่อจากสมเด็จ พระบรมชนกนาถ นอกจากจะใหค้ วามสําคญั การส่ือสารภายนอก แลว้ ยงั ใหค้ วามสําคญั กบั การสื่อสารภายใน อนั นํามาซ่งึ ความเขา้ ใจ อนั ดีระหว่างพระมหากษตั ริย ์ ขา้ ราชการและราษฎร มีการสื่อสารทงั้ ในพระบรมหาราชวงั และในเขตพระนคร เป็ นการแนะนําเบือ้ งตน้ ให ้ คนไทยรจู ้ กั การสื่อสารกอ่ นกาํ เนิดกิจการไปรษณีย ์
๑๔ - ๑๕ ชาวอังกฤษ มีเนื้อหาสะท้อนสภาพสังคม มาป ี พ.ศ. ๒๔๑๙ เปล่ยี นมาเรยี กชื่อภาษาไทย วฒั นธรรม และเจตนาในการสอื่ สารเกย่ี วกบั ขา่ ว วา่ ขา่ วราชการ ต่อมาจงึ มีการเรียกรวม ๆ ว่า ในราชสา� นกั พงศาวดาร วรรณคด ี และเผยแพระ หนังสือค๊อตข่าวราชการ โดยหนังสือฉบับนี้มี ครสิ ตศ์ าสนา นอกจากนยี้ งั มปี รากฏจดหมายทม่ี ี วัตถุประสงค์จัดพิมพ์ข้ึนในแต่ละวันเพื่อให้ เจ้า คนเขยี นหรอื รอ้ งทกุ ขก์ บั สอื่ มวลชนดว้ ย นายหรอื ผทู้ อี่ ยใู่ นราชการไดร้ บั รรู้ บั ทราบขอ้ มลู ใน พระราชส�านักในแต่ละวัน เป็นแก้ไขปัญหา ต่อมามีหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับด้วยวัตถุ หนังสือราชกิจจานุเบกษาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ ออกทุก ๆ สัปดาห์ ซ่ึงเกิดความล่าช้าในแต่ละ ประสงค์ต่างกันมีก�าหนดออกแน่นอน เช่น ข่าวสาร หรืองานตา่ ง ๆ หนงั สือค๊อตขา่ วราชการ ถอื เปน็ หนงั สอื สา� คญั ทเ่ี ปน็ ประโยชนใ์ นการศกึ ษา หนงั สอื พมิ พจ์ ดหมายเหตแุ สงอรณุ ออกเมอ่ื พ.ศ. เก่ียวกับงานราชการและขนมธรรมเนียมในราช ส�านัก นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงสู่การก่อก�าเนิด ๒๔๓๕ ปจั จบุ นั เปลย่ี นเปน็ ชอื่ วฒั นาวทิ ยาลยั ตง้ั ไปรษณียข์ องไทย โดยมิชชันนารีอเมริกัน ยังมี ยุทธโกษ เป็น หนงั สอื พมิ พฉ์ บบั แรกของราชการทหาร ออกเมอื่ ภาพท่ี ๓ หนงั สือ COURT เล่มท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๓๖ เปน็ ตน้ มา วนั ท่ี ๒๖ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๑๘ ตอ่ มามหี นงั สอื พมิ พข์ องนกั คดิ ทม่ี ชี อื่ เสยี งอกี ราชกิจจานุเบกษา เป็นหนังสือแจ้งข่าวของ โดยส�านกั งานทีจ่ ัดพมิ พ์ หนงั สือ Court ต้ัง ๒ ท่าน ฉบับแรกคือ หนังสือพิมพ์ของ กสร. ราชการท่ีใช้มาถึงปัจจุบัน ถือเป็นรูปแบบการ อยทู่ ต่ี า� หนกั หอนเิ พทพทิ ยาคม รมิ ประตศู รสี นุ ทร กหุ ลาบ คอื สยามประเภทสนุ ทโรวาทพเิ ศษ ออก สื่ อ ส า ร ท่ี เ กิ ด ขึ้ น ใ น ส มั ย พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ ส�าหรับผู้ท่ีต้องการต้องไปรับที่หอเองทุกวัน แต่ เมอ่ื วนั ท ี่ ๓ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ราคาเลม่ ละ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตอ่ มามกี ารยบุ เลกิ ไป และ เม่ือมีผู้ต้องการมาทูลขอมากขึ้นท�าให้ต้องมีการ ๒ สลงึ อกี ฉบบั เปน็ ของ ต.ว.ส. วณั ณาโภ (เทยี น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พมิ พม์ ากขน้ึ และมกี ารจา� หน่าย แต่ภายหลงั ผรู้ บั วรรณ) เป็นหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อ ตุลวิภาค ขนึ้ ครองราชยจ์ งึ พระราชดา� รใิ หฟ้ น้ื ฟขู นึ้ ใหม ่ โดย ไม่ไปรับตามเวลาแม้เจ้าพนักงานโรงพิมพ์จะน�า พจนกิจ เมื่อพ.ศ. ๒๔๔๕ และเลิกในปี พ.ศ. การออกราชกิจจานุเบกษาในรัชกาลที่ ๕ แตก หนงั สอื ไปสง่ แกผ่ ทู้ ลี่ มื พรอ้ มเรยี กคา่ ปรบั ใบละ ๑ ๒๔๔๙ เน่ืองจากบทความเน้นหนักไปในทาง ต่างจากรัชการท ่ี ๔ คอื มกี ารก�าหนดการออกที่ เฟอ้ื ง แต่กไ็ มอ่ าจแก้ปัญหาได้ ปรัชญาการเมือง หนังสือพิมพ์ที่ออกในสมัย แนน่ อนเดอื นละสคี่ รงั้ คอื ขนึ้ หนงึ่ คา่� แรมหนง่ึ คา่� รัชกาลที่ ๕ จ�านวนท่ีออกในคราวหน่ึงไม่เกิน และข้ึนเก้าค่�า แรมเกา้ คา�่ ของทกุ ๆ เดือน รวม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรม ๑,๕๐๐ ฉบบั เป็นปลี ะ ๔๘ ฉบับ มกี ารเก็บค่าธรรมเนียมราย พระยาภาณพุ นั ธวุ งศว์ รเดช จงึ หาทางแกโ้ ดยทรง ปสี า� หรบั ผทู้ ตี่ อ้ งการรบั หนงั สอื ราชกจิ จานเุ บกษา ดา� รใิ หม้ คี นเดนิ สง่ หนงั สอื แกผ่ รู้ บั หนงั สอื ทกุ คนทกุ ปลี ะ ๘ บาท ราชกิจจานุเบกษาท่ีออกใหม่ครงั้ ท ่ี เชา้ โดยคดิ เงนิ คา่ สมาชกิ เพม่ิ ปลี ะ ๒ บาท และ ๒ พ.ศ. ๒๔๑๗ ออกได้ ๕ ปกี ็ต้องหยดุ ลงไป ตอ่ เลิกธรรมเนียมปรับ โดยคนส่งหนังสือให้แต่งตัว มาจึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกอีกคร้ังหน่ึง ชุดเส้ือกางเกงเป็นสีน�้าเงิน มีกระเป๋าสะพาย บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ เม่อื วนั ท ่ี ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๒ นบั แตน่ น้ั มา หนงั สอื เรยี กวา่ “โปสตแมน” เมอ่ื คนสง่ หนงั สอื กอ็ อกตดิ ตอ่ กนั เปน็ ลา� ดบั จนถงึ ปจั จบุ นั เรอื่ งทน่ี า� ไปสง่ หนงั สอื สมาชกิ ผใู้ ดแลว้ ผนู้ น้ั จะฝากจดหมาย ลงพมิ พแ์ บ่งเปน็ ๒ ประเภทใหญ่ คือ การบอก ส่งสมาชิกผู้หน่ึงผู้ใดก็ได้ โดยให้มีต๋ัวเรียกว่า ข้อราชการและข่าวต่างๆ อกี ประเภทหน่งึ ได้แก่ “แสตมป”์ หรอื ตราไปรษณยี ากรขนึ้ เปน็ ครง้ั แรก แจง้ ความ ประกาศ พระราชบญั ญตั แิ ละกฎหมาย ในประเทศไทย ภาพท่ี ๒ แซมมวล เจ สมิท (Samuel J. Smith) หนังสอื ค๊อตข่าวราชการ (Court) เปน็ สอื่ สิง่ การสง่ หนงั สอื หนงั สอื คอ๊ ตขา่ วราชการ ของ บรรณาธิการ จดหมายเหตุสยามไสมย พิมพ์ประเภทหน่ึง ท่ีพระบรมวงศ์ษานุวงศ์ ๑๑ คนส่งหนังสือที่ท�าหน้าที่รับส่งจดหมายระหว่าง พระองคช์ ่วยกันแต่ง โดยมแี ต่ละพระองคจ์ ะแต่ง สมาชกิ นบั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ของการม ี POSTMAN ในแตล่ ะวนั เชน่ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ภาณรุ งั ษ ี ทรงแต่ง หรือ บุรุษไปรษณีย์ และการใช้แสตมป์ติดบน ในวนั เสาร์ กรมหมื่นนเรศวรฤทธ ิ์ ทรงแตง่ ในวนั จดหมายทหี่ นงั สอื คอ๊ ตขา่ วราชการ จงึ เปน็ จดุ เรม่ิ อาทิตย์ พระองคเ์ จ้าเกษมสันตโสภาคย ทรงแต่ง ตน้ ของการไปรษณยี ข์ องประเทศไทยในเวลาตอ่ มา ในวนั จนั ทร ์ เปน็ ตน้ โดยหนงั สอื คอ๊ ตขา่ วราชการ จัดพิมพ์คร้ังแรกในวันท่ี ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๑๘ เดมิ เรยี กหนงั สอื ราชการวา่ COURT ตอ่
๑๒ การวางรากฐาน การขยายตัวของกิจการโทรคมนาคมอย่าง การส่ือสารสมยั ใหม่ กว้างขวางของโลก ท�าให้พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความส�าคัญ และวางรากฐานกจิ การโทรคมนาคมในประเทศไทย อยา่ งเปน็ ทางการ เพอื่ ปอ้ งกนั การแทรกแซงจากชาติ มหาอา� นาจ รวมทงั้ การตดิ ตอ่ สอื่ สารของไทยอยใู่ น สภาพล้าหลังท�าให้การตรวจตราควบคุมหัวเมืองมี ความยากลา� บาก ดว้ ยปจั จยั เหลา่ นที้ ง้ั ความจา� เปน็ ใน การตดิ ตอ่ กบั โลกภายนอกและความมนั่ คงของชาติ ท�าให้ประเทศไทยต้องวางรากฐานกิจการสื่อสาร โทรคมนาคมอย่างเร่งด่วน คือ กิจการโทรเลข โทรศัพท์ และวิทยุโทรเลข และมีการวางรากฐาน กจิ การการสอื่ สารคอื การตงั้ กรมไปรษณยี ์ กจิ การไปรษณยี ์ ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๒๓ – ๒๔๒๔ บา้ นเมอื งทม่ี คี วามเจรญิ มาก จา� เปน็ ตอ้ งมกี ารตดิ ตอ่ สอ่ื สารอยา่ งรวดเรว็ โดยรฐั บาลเปน็ ผจู้ ดั หา แทนการ ให้ประชาชานจ้างหรือฝากคนเดินทางไปมา ผู้ที่มี บทบาทสา� คญั ตอ่ การดา� เนนิ กจิ การไปรษณยี ์ คอื เจา้ หมื่นเสมอใจราช ซ่ึงได้รับการศึกษาจากประเทศ อังกฤษให้มีความคุ้นเคยกับกิจการไปรษณีย์อย่าง มาก จงึ ทา� หนงั สอื กราบบงั คมทลู ขอใหท้ รงจดั กจิ การ ไปรษณยี ข์ นึ้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่ หวั ทรงโปรดเกลา้ ฯให ้ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ด�ารง ตา� แหนง่ อธบิ ดผี สู้ า� เรจ็ ราชการกรมไปรษณยี โ์ ทรเลข ใน พ.ศ. ๒๔๒๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปดิ กิจการไปรษณีย์ขน้ึ ภายในพระนครเป็นการทดลอง จากนั้นรัชกาลท่ี ๕ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปิด สา� นกั งานใหญข่ นึ้ ทอี่ าคารไปรษณยี าคาร เปน็ ออฟฟศิ ไปรษณยี แ์ ละโทรเลข เมอื่ วนั ท ่ี ๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ การบรหิ ารดา้ นการไปรษณยี แ์ หง่ ราชอาณาจกั ร สยามไดม้ กี ารตพี มิ พเ์ อกสารเผยแพรใ่ นกรงุ ลอนดอน กลา่ วถงึ ขอ้ มลู ทน่ี า่ สนใจดงั น ี้ มบี รกิ ารสง่ จดหมาย ๓ ครงั้ ตอ่ หนงึ่ วนั ในกรงุ เทพฯ จดหมายทกุ ฉบบั ตอ้ งอยู่ ในซองตดิ แสตมปพ์ รอ้ มระบทุ อี่ ยขู่ องผรู้ บั และจดั สง่ ภายหลงั การเปิ ดประเทศหลงั จากการทําสนธิสญั ญาบาวรงิ เป็ นตน้ มา ในตจู้ ดหมายซงึ่ จดหมายจะถกู จดั เกบ็ ตามเวลาโดย การคา้ พาณิชยข์ ยายตวั อย่างกวา้ งขวางมากขนึ ้ ทงั้นีเ้พ่ือประโยชน์ บรุ ษุ ไปรษณยี ์ และจะถกู จดั สง่ ไปถงึ ทห่ี มายตอ่ ไป ทางการคา้ และการขยายตวั ของลทั ธิจกั รวรรดินิยมทําใหเ้ กิดความ วธิ กี ารจดั การไปรษณยี ใ์ นระยะแรก คอื การจดั จาํ เป็ นท่ีตอ้ งมีการติดต่อส่ือสารถงึ กนั อย่างรวดเรว็ ทา� บญั ชหี มายเลขบา้ น แบง่ ออกเปน็ เขต แขวง ตา� บล แลว้ ใหต้ ดิ หมายเลขบา้ นไวต้ ามบา้ น จดั ทา� ระเบยี บขอ้ ในเวลาน้ันแถบประเทศยุโรปมีการพัฒนาการ การสง่ ขา่ วดว้ ยรหสั มอรส์ ฉบบั แรกของโลก จากกรงุ บงั คบั วา่ ดว้ ยการไปรษณยี ์ พ.ศ. ๒๔๒๘ จดั ทา� ตรา กจิ การสอ่ื สารโทรคมนาคมอยา่ งกวา้ งขวาง เชน่ การ วอชงิ ตนั ด.ี ซ.ี ไปยงั เมอื งบลั ตมิ อร ์ การวางสายเคเบลิ้ ไปรษณียากรหรือแสตมป์ขึ้น โดยส่ังตรา ประดษิ ฐเ์ ครอ่ื งโทรเลขแบบ ๕ เขม็ ในประเทศองั กฤษ ใตน้ า�้ ขา้ มชอ่ งแคบองั กฤษเปน็ เสน้ แรกของโลก การ ไปรษณยี ากรมาจากประเทศองั กฤษ ประกาศใชร้ วม โดยวลิ เลยี ม เอฟ คกุ (Wiliam F. Cooke) และ เปิดกิจการโทรเลขในหลายประเทศในระหว่างช่วง ๖ ราคา คือ ราคา ๑ โสฬศ ๑ อฐั ๑ เสยี้ ว ๑ ซีก ชาลล์ ส ์ วตี สโตน (Chares Wheatstone) ในปพี .ศ. พ.ศ. ๒๓๘๙-๒๔๐๐ ๑ เฟือ้ ง และ ๑ สลึง สรา้ งเครอื่ งมอื เครอื่ งใช้ใน ๒๓๘๐ นบั เปน็ โทรเลขระบบแรกของโลกเพอ่ื การคา้
ฝรั่งเศสเข้าร่วมประชุมสากลไปรษณีย์ที่กรุง ๑๔ - ๑๕ ลสิ บอน ประเทศโปรตเุ กส และในโอกาสเดยี วกนั นป้ี ระเทศไทยไดเ้ ขา้ รว่ มสญั ญาสากลไปรษณยี ด์ ว้ ย ก า ร โ ท ร เ ล ข แ ล ะ วิ ท ยุ โ ท ร เ ล ข ปฐมบทการโทรเลขมใี หเ้ หน็ ตงั้ แตส่ มยั รชั กาลท ี่ ๔ แตไ่ ทยเรมิ่ สรา้ งสายเสน้ ทางโทรเลขครงั้ แรกในพ.ศ. ๒๔๑๘โดยรชั กาลท ี่ ๕ มพี ระบรมราชโองการให้ ภาพท่ี ๓ ภายในท่ีทาํ การไปรษณียโ์ ทรเลขในอดีต สรา้ งสายโทรเลขจากกรงุ เทพฯ ถงึ สมทุ รปราการ เปน็ สายแรก โดยใหห้ มอ่ มเทวาธริ าช (ม.ร.ว.แดง อศิ รเสนา) เปน็ ผอู้ า� นวยการสรา้ งสายโทรเลข โดย วิทยุโทรเลข การวทิ ยใุ นประเทศไทย เรมิ่ มี เรมิ่ ปกั เสาตน้ แรก วนั ท ่ี ๑๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๒๑ ขึ้นเม่ือพ.ศ. ๒๔๔๗ โดยห้าง บี.กริมแอนโก ใชเ้ สาทง้ั สน้ิ ๗๒๑ ตน้ ระยะทางยาว ๔๕ กโิ ลเมตร (B.Grimm & Co) ซงึ่ เปน็ ผแู้ ทนบรษิ ทั วทิ ยโุ ทรเลข ภายหลงั ไดพ้ าดตอ่ และทอดสายเคเบล้ิ ใตน้ า้� โดยมี เยอรมนั เทเลฟงุ เกน (The Telefunken Wlreless พระยาอนทุ ตู วาท ี (เขม็ แสงชโู ต) เปน็ คนไทยคน Telegraph Company of Berlin) ไดจ้ ดั ตง้ั สถานี ภาพท่ี ๑ แสดงบุรุษไปรษณีย ์ และ ตูไ้ ปษณีย ์ แรกทต่ี อ่ สายเคเบล้ิ ใตน้ า้� วทิ ยชุ วั่ คราวขนึ้ ทกี่ รงุ เทพฯ แหง่ หนงึ่ และเกาะสชี งั แบบแขวน การขยายเสน้ ทางการโทรเลข โดยในชว่ ง ๕ ปี แหง่ แห่งหนง่ึ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๕๐ บรทั นอ็ ด แรกมักท�าควบคู่ไปกับเส้นทางรถไฟเป็นรูปแบบ เยอรมนั ลอย ขอพระราชทานตดิ ตง้ั เครอื่ งโทรเลข กจิ การไปรษณยี ์ เชน่ ตไู้ ปรษณยี ์ เครอื่ งแบบบรุ ษุ สากลทไี่ ทยรบั มาจากยโุ รปเสน้ ทางโทรเขสายแรก ไมม่ สี ายระหวา่ งเกาะสชี งั กบั กรงุ เทพฯ โดยใชท้ นุ ไปรษณยี ์ ถงุ ไปรษณยี ก์ ารดา� เนนิ การในระยะแรก คอื สายกรงุ เทพฯ-สมทุ รปราการถงึ ลา� ภลู าย ระยะ ทรัพย์และค่าใช้จ่ายบริษัทเอง แต่ไทยปฏิเสธ ปรากฏวา่ กจิ การไปรษณยี ด์ า� เนนิ ดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ทาง ๔๕ กิโลเมตร สายที่ ๒ คือ กรุงเทพฯ- เนื่องจากความไม่พร้อมด้านบุคลากร แต่ด้วยท่ี เปน็ ทพี่ อใจของมหาชน รฐั บาลจงึ ขยายการไปรษณยี ์ บางปะอนิ เกาะสีชังเป็นท่าเรือบรรทุกสินค้าจ�าเป็นต้องใช้ ออกไปตามหวั เมอื งมณฑลตา่ ง ๆ บริการโทรเลขโดยเร็ว ดังนั้นวิธีท่ีเป็นประโยชน์ ระบบการโทรเลข การรับโทรเลขและ ทส่ี ดุ คอื การวางสายเคเบลิ ใตน้ า้� การขยายโครงข่ายไปรษณีย์ในประเทศ ใน สัญญาณที่ใช้ในการรับส่งโทรเลข แต่เดิมเป็น การโทรศพั ท ์ การรเิ รม่ิ กจิ การโทรศพั ท ์ ใน บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ ปพี .ศ. ๒๔๓๒ ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้ ระบบกระแสทางเดยี ว ( Simplex more System) ประเทศไทยเปน็ ครงั้ แรกนนั้ กรมพระกลาโหมนา� กรมไปรษณยี โ์ ทรเลข จดั หาเรอื กลไฟมาเดนิ รบั สง่ ชา้ และเสยี เวลาเพราะรบั สง่ ไดค้ รง้ั ละ ๑ ฉบบั จงึ เข้ามาทดลองใช้ระหว่างกรุงเทพฯ และ ถงุ ไปรษณยี แ์ ละรบั สนิ คา้ และคนโดยสาร ตอ่ มาใน เปลยี่ นไปใชร้ ะบบกระแสไฟฟา้ (Duplex System) สมทุ รปราการเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๒๔ เพอ่ื ใชส้ ง่ ขา่ วเรอื ปีพ.ศ. ๒๔๑๑ กระทรวงโยธาธิการได้ตกลงท�า รบั สง่ ไดค้ ราวละ ๒ ฉบบั การรบั สญั ญาณโทรเลข เขา้ เรอื ออก แตจ่ ากเอกสารประเทศองั กฤษพบวา่ สญั ญาการขนสง่ ไปรษณยี ก์ บั บรษิ ทั เรอื ไฟทนุ จา� กดั นน้ั ชว่ งแรกใชว้ ธิ อี า่ นสญั ญาณจากแถบกระดาษที่ กิจการโทรศัพท์ของไทยเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในการขนสง่ ถงุ ไปรษณยี ต์ ามหวั เมอื งชายฝง่ั ทะเล ออกจากเครอื่ ง แตเ่ ปน็ วธิ ที ช่ี า้ และสน้ิ เปลอื งมาก ในพ.ศ. ๒๔๒๙ ในระบบแมตนโิ ต (Magneto) ตอ่ ตะวนั ออก และชายฝง่ั ทะเลตะวนั ตกไปถงึ สงิ คโปร์ จึงน�าวิธีรับโทรเลขโดยการฟังเสียงมาใช้ ส่วน มากรมโทรเลขรบั ชว่ งตอ่ จากกรมพระกลาโหมมา สัญญาณที่ใช้ในการรับโทรเลขมี ๒ แบบ คือ ดา� เนนิ การตอ่ รฐั บาลจึงได้สัง่ เครอื่ งโทรศัพท์รุ่น การขนสง่ ไปรษณยี ท์ างเรอื แลว้ ยงั มกี ารสรา้ ง สญั ญาณแบบอกั ษรโรมนั และสญั ญาณอกั ษรไทย แรกมาจากหา้ งไคเชอรช์ มทิ (Ka ser Schmidt) เสน้ ทางรถไฟนบั เปน็ ความสา� เรจ็ อกี ประการหนงึ่ ใน คอื สญั ญาณมอรส์ กรงุ เบอรล์ นิ ประเทศเยอรมน ี เปน็ เครอื่ งแบบสาย การพฒั นาการคมนาคมสอื่ สารสภู่ มู ภิ าค โดยใน ปพี .ศ. ๒๔๔๓ ทางรถไฟสายนครราชสมี าสรา้ ง เดยี วมหี มอ้ ไฟขนาดยอ่ มตดิ อยทู่ กุ เครอื่ ง โดยเปดิ เสร็จ จึงให้จัดขนส่งโดยทางรถไฟต้ังแต่น้ันมา โอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ ใช ้ โดยมที ง้ั หมด ๖๑ เครอ่ื ง นอกจากนก้ี รมไปรษณยี โ์ ทรเลขไดจ้ ดั ตสู้ า� หรบั ฝาก ส่งไปรษณียภัณฑ์ ประเภทจดหมายและ ไ ป ร ษ ณี ย บั ต ร ธ ร ร ม ด า ท่ี ไ ด ้ ป ร ะ ทั บ ต ร า ไปรษณยี ากรแลว้ ตามสถานทต่ี า่ ง ๆ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๒๘ มตี ไู้ ปรษณยี ต์ ดิ ตงั้ อยรู่ วม ๑๓๗ ต้ ู การไปรษณยี ไ์ ทยกบั นานาประเทศ ความมงุ่ ภาพท่ี ๒ ตารางโทรเลขสมยั รชั กาลท่ี ๕ หมายของรฐั บาล คอื ขยายการไปรษณยี ใ์ หส้ ามารถ ติดต่อกับต่างประเทศได้มากขึ้น ดังน้ันเม่ือใน ประเทศดา� เนนิ การครบ ๒ ป ี รฐั บาลจงึ เหน็ สมควร ในการเขา้ รว่ มสญั ญาสากลไปรษณยี โ์ ดยให ้ หมอ่ ม เจ้าปฤษฎางค์ ชุมสาย ทูตไทยประจ�าประเทศ
๑๓ การนาํ โครงข่ายกิจการ ประเทศตา่ ง ๆ จงึ ประชมุ เพอ่ื วางแผนแมบ่ ทเพอื่ ส่ือสารโทรคมนาคมสู่สากล สร้างกฎระเบียบเดียวกันให้แก่บริการไปรษณีย์ ระหว่างประเทศ โดยตกลงเป็นอนุสัญญาสากล ไปรษณยี ์ (Universal Postal Convertion) กรม ไปรษณีย์โทรเลขไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของ สหภาพสากลไปรษณยี ต์ งั้ แต ่ พ.ศ. ๒๔๒๘ ไดม้ กี าร ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมใหญ่เพ่ือแก้ไขระเบียบข้อ บงั คบั อยเู่ สมอ การเขา้ รว่ มสหภาพสากลไปรษณีย ์ ในสมรั ชั กาลท่ี ๕ การประชุมสหภาพสากลไปรษณีย์ท่ีกรุงเบิร์นและ กรุงปารสี ใน พ.ศ.๒๔๐๖ มีประเทศภาคีเข้าร่วม ๑๕ ประเทศ การประชุมดังกล่าวน�ามาสู่ความ สา� เร็จในการวางหลักการและระเบยี บพ้ืนฐานเกี่ยว กบั การไปรษณยี ร์ ะหวา่ งประเทศหลายประการ การประชุมสหภาพสากลไปรษณีย์ที่กรุง ลิสบอน (พ.ศ.๒๔๒๘) พระวรวงศ์เธอพระองคเ์ จา้ ปฤษฎางค์เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม โดย บทบาทที่ผู้แทนไทยได้ปฏิบัติในการประชุมเพื่อฟัง การอ่านรายงานของคณะกรรมาธิการแก้ไข อนสุ ญั ญา และกฎหมายประกอบ จากนน้ั ทรงกลา่ ว ในท่ีประชุมว่าไทยต้องการจะเข้าร่วมเป็นภาคี สมาชกิ ตอ่ ไป และในวนั ท ี่ ๖ เมษายน ไดล้ งพระนาม ในอนสุ ัญญาพรอ้ มกบั ภาคผี ้แู ทนประเทศอ่ืน ๆ การวางระเบียบและกฎเกณฑ ์ กิจการไปรษณีย์ เรียกว่า วิธีไปรสนีย์กรุงสยาม การประชุมสหภาพสากลไปรษณีย์ท่ีกรุง กิจการโทรคมนาคมสู่สากลสมยั (Siamese Postal Guide)ท�าขึ้นหลังจากเข้าร่วม เวียนนา ค.ศ.๑๙๘๑ (พ.ศ.๒๔๓๔) ผู้แทนไทยเข้า แรกเรมิ่ นนั้ สาํ หรบั การวางระเบยี บ ประชมุ สากลไปรษณยี ท์ กี่ รงุ ลสิ บอน โปรตเุ กส ทา� ร่วมประชุมครั้งนี้คือ พระยาสุริยานุวัตร ซึ่งด�ารง ขอ้ บงั คบั ในกิจการโทรเลข ไดม้ ี เพ่ือแจกจ่ายในที่ท�าการไปรษณีย์แต่ละจังหวัด ต�าแหน่งรักษาการราชทูตไทยประจ�ากรุงเบอร์ลิน การออกหนงั สือวิธโี ทรเลข (Tele- หนังสือฉบับน้ีต่อมาถูกน�ามาปรับเป็นกฎหมาย การประชุมนี้แบ่งเป็น ๔ คณะอนุกรรมการ เพื่อ graph Guide for the Kingdom ไปรษณยี ์ ศึกษาข้อเสนอของภาคสี มาชิกตา่ ง ๆ of Siam) พ.ศ. ๒๔๒๖ เอกสาร ฉบบั นีเ้ ป็ นเอกสารสําคญั อย่างย่ิง การเขา้ รว่ มองคก์ ารระหวา่ งประเทศทเี่ กยี่ วขอ้ ง การประชมุ สากลโทรเลข ในกิจการโทรคมนาคมไทย เป็ น ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ การส่งจดหมายและ เอกสารท่ี บอกธรรมเนี ยมและกฎ สงิ่ ของอน่ื ๆ ทางไปรษณยี ร์ ะหวา่ งประเทศจะอยภู่ าย ประเทศไทยเป็นภาคีของสหภาพโทรเลขระหว่าง เกณฑก์ ารใชส้ ายโทรเลขอย่าง ใต้ข้อบังคับและระเบียบต่าง ๆ ท่ีก�าหนดอยู่ในข้อ ประเทศ (International Telegraph Union) ตง้ั แต่ ละเอยี ดเป็ นครงั้ แรกในประเทศ ตกลงระหว่างกันเก่ียวกับการไปรษณีย์ในระดับ วนั ท ่ี ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๐๘ทกี่ รงุ ปารสี ตอ่ ทวิภาคี ต่อมาศตวรรษท่ี ๑๙ ข้อตกลงทวิภาคีมี มาเปลี่ยนช่ือเป็น “สหภาพโทรคมนาคมระหว่าง จา� นวนมากและซบั ซอ้ น กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขของ ประเทศ” (International Telecommunication Union) ในพ.ศ. ๒๔๗๗ เอกสารน้ีไม่พบในส่วนราชการท่ีเก็บรักษา ภาพท่ี ๑ ภาพแสดงผูเ้ ขา้ ร่วม เอกสารประวตั ศิ าสตรใ์ นประเทศไทย แตพ่ บจากการ การประชุมสหภาพสากล คน้ ควา้ งานวจิ ยั ทไี่ ดม้ าจากประเทศเยอรมน ี ซงึ่ เปน็ ไปรษณียท์ ่ีกรงุ เวียนนา หลักฐานส�าคัญว่ากรมไปรษณีย์และโทรเลขไทยได้ ค.ศ. ๑๘๙๑ ส่งเอกสารชิ้นนี้ไปยังราชส�านักยุโรปเพื่อแจ้งราย ละเอยี ดกจิ การโทรเลขไทยทก่ี า� ลงั วางรากฐานอยา่ ง เปน็ ทางการและสากล การวางระเบยี บขอ้ บงั คบั ใน
๑๖ พระมหากษตั รยิ ์ กบั การ ๑๔ - ๑๕ ส่ือสารโทรคมนาคมในยุค เร่มิ ตน้ ประชาธิปไตย การส่ือสารระหว่างพระมหากษัตริย์และ ราษฎรมีหลายรูปแบบ เช่น การส่งภาพพระ ฉายาลักษณ์จากประเทศสวติ เซอร์แลนด์ เพื่อน�า ไปพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ นอกจากนคี้ รงั้ นวิ ตั พิ ระนครครง้ั แรกการ ติดต่อสื่อสารระหว่างยุวกษัตริย์กับราษฎร ยัง ปรากฎเปน็ กระแสพระราชดา� รสั ทางวทิ ยกุ ระจาย เสียง และยังได้มีพระราชโทรเลขถึงผู้ส�าเร็จ ราชการแทนเพ่ือตดิ ตอ่ ข่าวสาร การพฒั นาและปรบั ปรุงกิจการ ส่ือสารโทรคมนาคม การไปรษณีย ์ มีการส้รางอาคารท่ีท�าการ ใหม่ติดกับถนนเจริญกรุง ในสมัยรัชกาลท่ี ๘ กจิ การสอ่ื สารโทรคมนาคมทสี่ า� คญั อกี ประการคอื การใช้ตู้รถไฟเป็นที่ท�าการไปรษณีย์ เรียกว่า ทที่ า� การไปรษณีย์รถไฟเคลือ่ นท่ี ก า ร โ ท ร เ ล ข แ ล ะ วิ ท ยุ โ ท ร เ ล ข ในพ.ศ. ๒๔๘๗ กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขได ้ เสนอ โครงการทางสายโทรเลขทั่วราชอาณาจักรเพราะ แต่เดิมสายเดินตามแนวทางรถไฟหรือป่าทึบ นอกจากนยี้ งั ปรากฎกจิ การการสอ่ื สารขา่ วอากาศ ในพ.ศ. ๒๔๗๙ ภายหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ การ การโทรศพั ท ์ กิจการในระยะน้ีได้เจริญรุด บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ ส่ือสารระหว่างพระมหากษตั ริยก์ บั ประชาชนเป็ นสิ่งสําคญั เพราะ หน้าไปยังพ้นื ท่หี ่างไกล กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขจงึ การเปลี่ยนแปลงอาจทําใหเ้ กิดความสบั สน พระบาทสมเด็จพระ ไดม้ กี ารจดั ทา� สมดุ รายนามผเู้ ชา่ ทงั้ ภาษาไทยและ ปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงใชว้ ิทยุโทรเลขในการแจง้ ข่าวสารในการเสดจ็ ภาษาอังกฤษ ขณะที่ป ี พ.ศ. ๒๔๘๐ กระทรวง พระราชดาํ เนินปฏบิ ตั ิพระราชกรณียกิจใหป้ ระชาชนทราบ ครนั้ เมื่อ เศรษฐการมโี ครงการสรา้ งโทรศพั ทท์ างไกลระหวา่ ง พระองคป์ ระกาศสละราชสมบตั ิ พระองคท์ รงสื่อสารกบั ประชาชน จงั หวดั ทวั่ พระราชอาณาจกั รขน้ึ เปน็ ครง้ั แรก ดว้ ยพระราชหตั ถเลขาการสละราชสมบตั ิเมื่อวนั ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ โดยรฐั บาลไดอ้ ่านพระราชหตั ถเลขาประกาศใหป้ ระชาชน วิทยุสมคั รเลน่ ในพ.ศ. ๒๔๗๙ ได้เกิด ทราบทางวิทยุกระจายเสียง กจิ การวทิ ยสุ มคั รเลน่ โดยสามารถเปดิ การตดิ ตอ่ ในกับสถานีวิทยุ สมัครเล่นในได้ท่ัวทุกทวีปต่าง ประเทศโดยสามารถ ติดต่อกับกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้เปน็ แห่งแรก ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั อานนั ท การสอ่ื สารสว่ นพระองคใ์ นราชสกลุ มหดิ ลซงึ่ มหดิ ล ทรงศกึ ษาอยตู่ า่ งประเทศ การตดิ ตอ่ สอื่ สาร ประทบั อย ู่ ณ ตา่ งประเทศ การสง่ ขา่ วสารและแจง้ ระหวา่ งพระมหากษตั รยิ แ์ ละราษฎรจงึ อาศยั สอ่ื ตา่ ง เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงใหห้ มรู่ าชวงศ์ ๆ ในสมยั นนั้ ไดแ้ ก ่ โทรเลข จดหมาย ไปรษณยี บตั ร ทปี่ ระทบั ในประเทศไทยทรงทราบดว้ ยวธิ กี ารโทรเลข หนงั สอื พมิ พ ์ และวทิ ยกุ ระจายเสยี ง
๑๔ พระบรมราโชบายดา้ นการส่ือสาร กบั การรกั ษาเอกราชของชาติ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประเทศไทยตอ้ งเผชิญกบั ภยั คกุ คามอยา่ งหนกั จากการแผ่ ขยายอาํ นาจและอทิ ธิพลของจกั รวรรดินิยมตะวนั ตก พระองคท์ รงตระหนกั ถงึ สถานการณ์ ทรงเหน็ วา่ การ จะรกั ษาประเทศชาติไม่ใหม้ ีอนั ตรายทงั้ ภายในและภายนอก ซ่งึ สิ่งที่สําคญั ที่สุดท่ีควรกระทําคือการจดั การ ปกครองบา้ นเมอื งใหเ้ รยี บรอ้ ยทว่ ั พระราชอาณาจกั ร จงึ นาํ ไปสู่การปฏริ ปู การปกครอบแบบพลิกแผ่นดิน ซง่ึ การดาํ เนินการจะประสบความสําเรจ็ ไดต้ อ้ งมีการจดั การดา้ นการสื่อสารโดยผ่านการโทรคมนาคมที่ทนั สมยั แบบตะวนั ตกในขณะนนั้
พระบรมราโชบายในดา้ นการส่ือสารคือ การ ๑๔ - ๑๕ วางรากฐานและพัฒนากิจการไปรษณีย์โทรเลข และโทรศัพท์ เพื่อให้การติดต่อสื่อสารภายใน ประเทศและต่างประเทศเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ใน การดา� เนนิ พระบรมราโชบายกต็ อ้ งทรงระมดั ระวงั ไม่ให้ไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศตะวัน ตกประเทศใดประเทศหนึ่ง ที่เห็นชัดเจนคือเรื่อง ปัญหาการขาดแคลน บุคลากรผู้มีความรู้ความช�านาญเฉพาะทาง ใน ด้านการส่ือสารด้วยเคร่ืองมือโทรคมนาคมท่ีทัน สมัยท�าให้ไทยต้องเผชิญกับอิทธิพลในกิจการดัง กล่าวขององั กฤษ ฝรงั่ เศส และเยอรมัน ในการเรมิ่ กจิ การโทรเลข นายการเ์ นยี กงสลุ ภาพท่ี ๑ ภาพจากหนงั สือพิมพ์ ทราบว่าไทยจะดา� เนินการอย่างไรให้ทันสถานการณ์ อย่างในกรณี ฝร่ังเศส เจรจากับรัฐบาลไทยต้องการท่ีจะสร้าง Le Petit Parisien ส่ือชนั้นาํ ที่รัฐบาลฝร่ังเศสพยายามส่งเรือรบเรือรบเข้ามายังสันดอนปาก สายโทรเลขตอ่ เขา้ มาในประเทศไทย โดยฝรง่ั เศส ของฝรง่ั เศสยุคสาธารณรฐั ท่ี แม่น้�าเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรด จะเป็นธุระจัดสร้างสายโทรเลขในเขตไทยตั้งแต่ ๓ เป็ นภาพเรือรบฝรง่ั เศส เกลา้ ฯ ให้มกี ารส่งโทรเลขไปยงั อคั รราชทูตไทยประจ�ากรุงฝรงั่ เศส เขตแดนเขมรถึงกรุงเทพฯ ขอให้ฝ่ายไทยตัดเสา ขณะมุ่งสู่ปากนาํ ้เจา้ พระยา เพอื่ ขอความชว่ ยเหลอื ยบั ยง้ั เหตกุ ารณด์ งั กลา่ ว เมอ่ื นายปาว ี ราชทตู ทจ่ี ะพาดสายให้เท่านั้น ขณะที่อังกฤษก็เรยี กร้อง พรอ้ มเลง็ ปื นใหญ่เขา้ หาพระ ฝรง่ั เศสประจ�าประเทศไทยได้รบั โทรเลข ในวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ใหไ้ ทยปฏเิ สธไมร่ บั โดยรฐั บาลองั กฤษทอี่ นิ เดยี จะ สมุทรเจดีย ์ พ.ศ. ๒๔๓๖ นายปาวกี ลบั สง่ จดหมายแบบธรรมดาไปยงั กองเรอื รบ ขอสร้างทางสายโทรเลขติดต่อกับไทยโดยเข้ามา ท�าให้ไม่สามารถยับยั้งเหตุปะทะกันได้ทันส่งผลในทางลบต่อ ทางเมืองทวายเอง เม่ือประสบปัญหาเช่นนี้ ประเทศไทยอย่างสิน้ เชิง บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ รัฐบาลไทยได้หาทางออกในลักษณะที่ไม่ให้เกิด ความขุ่นข้องหมองใจท้ังอังกฤษและฝรั่งเศสโดย จากเหตุการณ์วิกฤตการณ์สะท้อนให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จ ยืนยันความคิดที่รัฐบาลจะเป็นผู้ท�าทางเดินสาย พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ความส�าคัญต่อการส่ือสารและ โทรเลขเอง ข้อมูลข่าวสารเป็นอย่างย่ิง จึงมีพระราชบัญชาให้เสนาบดีเจ้า กระทรวงตา่ ง ๆ ตอ้ งถวายรายงานความคบื หนา้ ของการดา� เนนิ งาน อีกกรณีหนึ่งในพ.ศ. ๒๔๒๘ รัชกาลท่ี ๕ มี ให้ทราบเป็นระยะ ๆ จงึ มีการส่งใบบอกรายงานเหตุการณ์จากหัว พระบรมราโชบายท่ีจะเริ่มสร้างเส้นทางโทรเลข เมืองต่าง ๆ เพ่ือสื่อสารกับจังหวัดชายแดนเรียบริมแม่น้�าโขง รวมถึงลาวและเขมรส่วนในประเทศราชของไทย เพ่ือกระชับการปกครองเข้ามาสู่ศูนย์กลางที่ กรุงเทพฯ อันจะช่วยปกป้องไทยจากการขยาย อิทธพิ ลของโคชนิ จนี และฝรั่งเศส จงึ กอ่ สรา้ งเส้น ทางโทรเลขเช่ือมเมืองปากเซ-อุบล-กรุงเทพฯ (Ligne Bassac –Ubon-Bangkok) พระบรมราโชบายดา้ นการสอ่ื สารของ รชั กาล สว่ นขอ้ มลู สา� คญั จากตา่ งประเทศ บรรดาทตู ไทยในตา่ งประเทศ ท ่ี ๕ จะเหน็ ไดช้ ดั เจนในวกิ ฤตการณท์ างการเมอื ง และทตู ตา่ งประเทศในไทยซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวองั กฤษ จะคอยถวาย ค รั้ ง ร ้ า ย แ ร ง ใ น ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร ์ ไ ท ย ส มั ย รายงานความเคลื่อนไหว ของฝรงั่ เศสท่ีสบื ทราบให้เสมอ อีกกรณี รัตนโกสินทร์คือ เหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ หรือ หนงึ่ ทแ่ี สดงถงึ ความละเอยี ดรอบคอบ คอื มาตราการการปอ้ งกนั วิกฤตการณป์ ากน�้าใน พ.ศ. ๒๔๓๖ ที่หมิ่นเหม่ การลกั ลอบอา่ นโทรเลข ดงั เชน่ คราวทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ต ่ อ ก า ร สู ญ เ สี ย เ อ ก ร า ช ข อ ง ช า ติ ไ ท ย ใ ห ้ แ ก ่ รชั กาลท ่ี ๕ ทรงมโี ทรเลขลบั ถงึ กรมหลวงพชิ ติ ปรชี ากร ทรงใชร้ หสั จกั รวรรดนิ ยิ มฝรง่ั เศส อยา่ งไรกด็ ี สยามรฐั นาวา เปน็ ตัวเลขทงั้ หมด สามารถด�ารงอยู่ได้อย่างเป็นอิสระในท่ามกลาง ความกดดัน ปัจจัยส�าคญั สว่ นหนงึ่ คอื พระบรม ราโชบายดา้ นการสอ่ื สารของพระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงใชโ้ ทรเลขตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ทา� ให้การติดตอ่ ส่ือสารเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ท�าให้
๑๕ การส่ือสาร ยุคกอ่ นประชาธิปไตย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั กบั การใชว้ รรณกรรม เป็ นเคร่ืองมือสื่อสาร พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๖ ทรงถา่ ยทอดแนวพระ ราชดาํ รใิ นการพฒั นาบา้ นเมอื งให ้ เจริญยิ่งขึน้ นนั้ ตอ้ งอาศยั เคร่ือง มือที่จะถ่ายทอดพระราชดํารินี ้ ใหป้ ระชาชนไดท้ ราบและปฏิบตั ิ เ ค ร่ื อ ง มื อ ท่ี ท รง เ ลื อ ก คื อ ง า น วรรณกรรมที่ทรงพระราชนิพนธ ์ ไวจ้ ํานวนมาก และใชน้ ามแฝง เพ่ื อแทนพระองคใ์ นนามราษฎร คนหน่ึงที่จะสามารถรบั รูค้ วาม คิดเห็นของประชาชนท่ีเห็นดว้ ย และคดั คา้ น นามแฝงท่ีทรงใชเ้ ช่น ศรีอยุธยา รามจิตติ อศั วพาหุ ฯลฯ พระองคท์ รงใชห้ นงั สือพิมพ์ เป็ นเครอื่ งหยง่ ั ความคิดประชาชน เกี่ยวกบั พระราโชบายท่ีจะนํามาบ ริหารประเทศ ทําใหป้ ระชาชน สามารถแสดงความคิดเห็นได ้ อย่างเสรีเกิดความต่ืนตวั เกี่ยวกบั แนวคดิ สมยั ใหม่โดยเฉพาะแนวคดิ เสรนี ิยมและสิทธิในการแสดงออก ภาพท่ี ๑ ตูไ้ ปรษณียส์ มยั รชั กาลท่ี ๗ ผลิตขนึ ้ใชเ้ องใน ประเทศ หลอ่ ดว้ ยซีเมนตห์ นา ประมาณ ๒๐ เซนติเมตร
๑๔ - ๑๕ การพฒั นาการส่ือสารและโทรคมนาคมในรชั สมยั วทิ ยโุ ทรเลข หรือการสื่อสารทางโทรเลขในระบบไร้สายด้วย บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เครอื่ งวทิ ย ุ เพงิ่ เขา้ มามบี ทบาทในประเทศไทยในปลายรชั สมยั ร. ๖ โดยน�ามาเพ่ือการทหารบกต่อมาทหารเรอื กไ็ ดน้ า� ไปใช้ งานของกรมไปรษณีย์โทรเลข ปพี .ศ. ๒๔๕๔ โปรดเกลา้ ฯให้ มีการจัดการบริหารในกระทรวงโยธาธิการใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อ โทรศพั ท ์ มมี าตงั้ แตส่ มยั รชั กาลท ี่ ๔ เพอื่ อา� นวยความสะดวก กระทรวงใหมเ่ ปน็ กระทรวงคมนาคม ดงั นัน้ กรมรถไฟ กรมทาง ให้ประชาชนและเป็นประโยชน์แก่ทางราชการ ต่อมาในรัชสมัย และกรมไปรษณยี โ์ ทรเลขจงึ อยภู่ ายใตก้ ระทรวงคมนาคม นอกจาก รชั กาลท ่ี ๖ ชาวตา่ งชาตเิ ขา้ มาตงั้ หลกั แหลง่ คา้ ขายในไทยจา� นวน นี้เพ่ือสร้างบคุ ลากรทีม่ คี วามร้คู วามสามารถ ตอนปลายสมยั ร.๖ มาก การติดต่อสอื่ สารตลอดจนการแจ้งราชการจงึ มีความสา� คัญ กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขจงึ เปดิ คดั เลอื กนกั เรยี นทนุ เลา่ เรยี นหลวงโดย มาก รชั กาลท ี่ ๖ จงึ พระกรณุ าโปรเกลา้ ฯใหก้ รมไปรษณยี โ์ ทรเลข วิธีการสอบแข่งขัน สาขาที่ส่งไปเรียนคือ วิศวกรรมโยธา และ น�าเคร่ืองโทรศัพท์สาธารณะไปติดต้ัง ณ ที่ท�าการไปรษณีย์ทุก วิศวกรรมไฟฟ้า จากการท่ีรัฐบาลและประชาชนเห็นความส�าคัญ แห่งในกรุงเทพฯ และขยายตามต่างจังหวัด ซ่ึงการวางสาย ของการเปดิ ทที่ า� การไปรษณยี โ์ ทรเลข รฐั บาลจงึ พยายามเรง่ วางสาย โทรศัพท์นั้นอาศัยการวางตามทางรถไฟ เพราะการรถไฟก็ โทรเลขไปยงั เมอื งตา่ ง ๆ เพม่ิ มากขน้ึ นอกจากนย้ี งั ไดม้ กี ารบญั ญตั ิ สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด ้ ความตอ้ งการใชโ้ ทรศพั ทท์ ง้ั แบบสว่ นตวั กา� หนดศพั ทเ์ ปน็ ภาษาไทยใหเ้ ปน็ บรรทดั ฐาน และปรบั ปรงุ พระราช และสาธารณะมีมากข้ึน ท�าให้กรมไปรษณีย์โทรเลขต้องขยาย บัญญัติการไปรษณีย์โทรเลขท่ีใช้มาต้ังแต่พ.ศ. ๒๔๔๐ให้ทันสมัย ทที่ า� การให้กว้างข้นึ เพอื่ รองรับผมู้ าติดต่อธุรการ มากขนึ้ การพฒั นาการส่อื สารและโทรคมนาคมในรชั สมยั การไปรษณียอ์ ากาศ สืบเน่ืองจากที่ไทยเข้าเป็นสมาชิก พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั องคก์ ารสหภาพสากลไปรษณยี ใ์ นพ.ศ. ๒๔๒๘ องค์กรนม้ี สี มาชกิ จากนานาประเทศท่ัวโลก ต้องการให้มีการสื่อสารระหว่างกันทาง ทรงรวมงานของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ ไปรษณีย์ ซึ่งไทยยังไม่เคยมีการฝากส่งไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ เขา้ เปน็ กระทรวงเดยี วกนั พระราชทานนามวา่ กระทรวงคมนาคม เลย ร.๖ จงึ มพี ระราชด�าริให้กรมไปรษณยี ์โทรเลขทดลองจดั ส่ง และพาณชิ ยการ ตอ่ มาไดเ้ ปลยี่ นช่ือเป็น กระทรวงพาณชิ ยแ์ ละ ไปรษณยี ภัณฑท์ างอากาศโดยรว่ มมอื กบั กรมอากาศยาน เสน้ ทาง คมนาคม กรมพระก�าแพงเพ็ชรอัครโยธินเสนาบดีกระทรวง แรกท่ีเปิดทดลองคือ เส้นทางกรุงเทพฯ-จันทบุรี เม่ือวันท่ี ๑๗ พาณิชย์และคมนาคม ทรงจัดระเบียบการบริหารกรมไปรษณีย์ กมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ. ๒๔๖๒ เครอ่ื งบนิ นา� ถงุ ไปรษณยี จ์ ากทา่ อากาศยาน โทรเลขใหม่เนื่องจากของเดิมท�าใหก้ ารทา� งานไมค่ ลอ่ งตวั ดอนเมอื งไปสง่ ยงั จังหวดั จนั ทบรุ ี ใชเ้ วลาเดนิ ทาง ๑ ชัว่ โมง ๓๘ นาที อกี ๓ ปตี อ่ มากไ็ ด้เปิดบริการไปรษณยี ์ทางอากาศภาคตะวนั ส�าหรับการขยายกิจการไปรษณีย์ มีพระราชด�าริ ๒ เร่ือง ออกเฉยี งเหนอื คือการขยายท่ีท�าการไปรษณีย์ และงานบริการไปรษณีย์ โดย การขยายท่ีท�าการไปรษณีย์ได้อนุญาตให้เอกชนรับติดต้ังทรง การธนาณตั ิ เปน็ การสง่ เงนิ ทางไปรษณยี โ์ ดยวธิ ที สี่ ง่ มอบเงนิ ขนานนามระบบไปรษณีย์ชนิดนี้ว่า ไปรษณีย์อนุญาต ส่วนงาน ไวย้ งั ทที่ า� การไปรษณยี แ์ หง่ หนงึ่ แลว้ เจา้ หนา้ ทไ่ี ปรษณยี อ์ อกตราสาร บริการไปรษณีย์มีการปรับปรุงงานบริการไปรษณีย์ ได้แก่ งาน สั่งให้ที่ท�าการไปรษณีย์อีกแห่งหน่ึงจ่ายเงินให้แก่ผู้รับ กิจการนี้มี รับฝากไปรษณียภัณฑ์ชนิดธรรมดาและลงทะเบียน งานรับฝาก ความเจรญิ มากขนึ้ โดยลา� ดบั มกี ารขยายการรบั สง่ ธนาณตั ไิ ปยงั ตา่ ง พสั ดไุ ปรษณยี ช์ นดิ ธรรมดาและลงทะเบยี น บรกิ ารพสั ดไุ ปรษณยี ์ ประเทศรวม ๒๕ ประเทศ เก็บเงิน บริการรับฝากธนาณัติท้ังในประเทศและต่างประเทศ การขยายกิจการโทรเลข ได้มีการจัดระเบียบการบ�ารุงใหม่โดย โทรเลขและวทิ ยโุ ทรเลข การรับส่งโทรเลขของไทยแต่เดิม ยึดแบบบ�ารุงรักษาทางหลวงให้ท้องที่รับผิดชอบ ส�าหรับโทรเลข นั้นใช้รหัสสัญญาณมอร์ส (Morse Codes) หรือสัญญาณอักษร ไปต่างประเทศได้มีการปรับปรุงเทคนิคให้ทันสมัย โรมัน ขอ้ ความทสี่ ่งถงึ กันจงึ ตอ้ งเปน็ ภาษาองั กฤษ จงึ ได้มอบหมาย ให้หลวงชวกิจบรรหาร(เลือ่ น ณ ป้อมเพ็ชร) ร่วมกับกรมรถไฟและ กระทรวงกลาโหม จัดท�ารหัสสัญญาณภาษาไทยจนเป็นผลส�าเร็จ และประกาศใชอ้ ยา่ งเปน็ ทางการวนั ท ่ี ๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๕๕
๑๗ การส่ือสารโทรคมนาคมระหวา่ ง สงครามโลกครงั้ท่ี ๒
๑๔ - ๑๕ ภาพท่ี ๑ เสาอากาศเคร่ืองส่งวิทยุหลกั ส่ี ก่อนประเทศไทยเขา้ ร่วมร่วมกบั เทย่ี วบนิ ของบรษิ ทั ไดนปิ ปอน แอรเ์ วยส์ ระหวา่ ง หนังสือพิมพ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าขวบการเสรีไทย ญี่ป่ ุนในสงครามโลกครงั้ ที่ ๒ ความสมั พนั ธข์ องประเทศไทย ไทยกบั ญปี่ นุ่ เพอ่ื ความปลอดภยั และสง่ เสรมิ การ ไมใ่ ชส่ ายลบั ของญป่ี นุ่ มกี ารจดั ปาฐกถาเรอ่ื งเกยี่ ว ร ะ ด บั ป ร ะ มุ ข ก บั ป ร ะ มุ ข ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ฝ่ า ย อ กั ษ ะ แ ล ะ ฝ่ า ย พาณิชย์ให้ที่ท�าการไปรษณีย์โทรเลขเปิดท�างาน กับประเทศไทยตามมหาวิทยาลัย และสมาคม สมั พนั ธมิตรดําเนิ นไปไดด้ ว้ ย ดี แต่ระหว่างช่วงท่ีไทยการเขา้ คลังออมสินขึ้นอกี ๔ แห่ง ต่าง ๆ เพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจถึงบทบาทของ ร่วมกบั ญี่ป่ ุนในสงคราม การ ติดต่อสื่อสารและโทรคมนาคม ก า ร ขึ น้ ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม แ ล ะ ค่ า ขบวนการเสรไี ทย ข อ ง ไ ท ย จึ ง ต อ้ ง ต ดั ข า ด ก บั ในช่วงท้ายก่อนการยตุ สิ งครามโลกครัง้ ท ่ี ๒ ฝ่ ายสมั พนั ธมิ ตร ในระหว่าง ไปรษณียากร ในชว่ งระยะทส่ี งครามดา� เนนิ ปรากฏโทรเลขด่วนท่ีสุดและลับสุดยอด ลงวันที่ สงครามโลกครงั้ ที่ ๒ กําลงั อยู่ มีการเพ่ิมความเข้มงวดของการสื่อสาร ๑๑ ๑๒ ๑๓ และ ๑๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๘๘� ดาํ เนินอยู่ กจิ การดา้ นการสื่อสาร โทรคมนาคมเนื่องจากความหวาดระแวง โดย ในข้อความกล่าวถึงสถานภาพของประเทศไทย โทรคมนาคมของไทยไดร้ บั ผล ญี่ปุ่นได้ขอความร่วมมือในการตรวจเซ็นเซอร์ ภายหลงั สงคราม การดา� เนนิ งานของ ปรีดี พนม กระทบดว้ ย จดหมาย และโทรเลขสว่ นบคุ คล ยงค ์ วา่ จะประกาศสงครามกับญปี่ ่นุ ก่อนท่ีญปี่ ุ่น ในป ี พ.ศ. ๒๔๘๕ กรมไปรษณยี โ์ ทรเลขตอ้ ง ย้ายกิจการเคร่ืองรับวิทยุโทรเลขจากสถานีวิทยุ การส่ือสารในระหว่างสงครามโดย จะแพ้สงครามพร้อมท้ังจัดต้ังรัฐบาลใหม่ แม้ว่า บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ บางกอกน้อยไปซอยเกษมสนั ต์ จากนน้ั ก็ยา้ ยไป การกระทา� ดงั กลา่ วจะไมเ่ กดิ ประโยชนม์ ากนกั แต่ ท่ีซอยสายลม และย้ายไปรวมกันท่ีสถานีวิทยุ การวิทยุกระจายเสียงและไปรษณีย ์ การกระท�าของขบวนการเสรีไทย เช่น การ หลักสี่ นอกจากนี้การติดต่อทางวิทยุโทรเลขกับ ลกั ลอบขโมยยทุ ธปจั จยั ของญปี่ นุ่ เพอื่ มาขาย การ ประเทศตา่ ง ๆ ในทวีปยุโรปสามารถตดิ ตอ่ ได้กับ เปน็ การสอื่ สารระหวา่ งสงครามทด่ี อี กี ทางหนงึ่ ในการ ขายสินคา้ ให้แกญ่ ป่ี ุ่นในราคาสงู กว่าปกติ การส่ง ประเทศที่เป็นกลางเท่าน้ัน สง่ ขา่ วสารถงึ ราษฎร แตต่ อ้ งอยใู่ นความคมุ คมุ ดแู ล ข่าวให้ฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างลับ ๆ นอก รว่ มกบั ญปี่ นุ่ สว่ นโทรศพั ทน์ น้ั กรมไปรษณยี โ์ ทรเลข ประเทศไทย เปน็ ตน้ การดา� เนนิ งานดงั กลา่ วทา� ให้ การส่ื อสารโทรคมนาคมในช่ วง ต้องเร่งสร้างเสาโทรศัพท์ที่ใช้ในราชการทหาร สงคราม ญป่ี นุ่ ใหไ้ ทยปฏบิ ตั ติ ามหลายประการ ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก็ มี ก า ร ส่ื อ ส า ร กั บ ฝ ่ า ย เป็นท่ียอมรับของชาติมหาอ�านาจ อย่าง ตลอดจนการด�าเนินการที่เกี่ยวข้องกับการ สมั พันธมิตรแบบลับ ๆ โดยขบวนการเสรีไทยที่ สหรัฐอเมริกา สนบั สนุนใหป้ ระเทศไทยไม่ตกนา โทรคมนาคมของไทย ดงั นั้นการสรา้ งสถานวี ทิ ยุ กอ่ ต้งั โดยนายปรีด ี พนมยงค ์ เป็นผู้นา� ประสาน สภาพผแู้ พส้ งคราม และภายหลงั สงครามโลกครง้ั ประภาคารขึ้นในประเทศไทย เพราะมีการเพ่ิม ท่ี ๒ การด�าเนินกิจการการส่ือสารกับประเทศ งานขบวนการเสรไี ทยทอี่ งั กฤษและสหรฐั อเมรกิ า สัมพันธมิตรได้เปิดช่องทางอีกคร้ัง ในพ.ศ. โ ด ย มี ก า ร พ ย า ย า ม สื บ ห า ข ่ า ว ส ง ค ร า ม จ า ก หนงั สอื พมิ พแ์ ละวทิ ยกุ ระจายเสยี ง เชน่ การแปล ๒๔๘๙ ขา่ วจากเสยี งวทิ ยใุ นประเทศไทยเปน็ ภาษาองั กฤษ สง่ ใหฝ้ า่ ยสมั พนั ธมติ รเพอ่ื ตรงึ กา� ลงั ของฝา่ ยอกั ษะ มีการโฆษณาชวนเช่ือให้คนไทยคิดเป็นปฏิปักษ์ ตอ่ ญป่ี นุ่ พรอ้ มทงั้ พยายามประชาสมั พนั ธก์ บั ฝา่ ย สัมพันธมิตรให้รับทราบถึงการด�าเนินงานของ ขบวนการเสรีไทย นอกจากน้ียังมีการติดต่อกับ
๑๘ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชกบั การนาํ เทคโนโลยีส่ือสาร สารสนเทศมาใช ้ในการปฏบิ ตั พิ ระราชกรณียกจิ
พระราชดาํ รสั /พระราชดาํ รดิ า้ นการส่ือสาร ๑๔ - ๑๕ พระพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชแรชั กาล ท ่ี ๙ ทรงเหน็ ความสา� คญั ของการสอื่ สารในฐานะเปน็ ปจั จยั สา� คญั ในการเกอื้ หนนุ การพฒั นาประเทศในดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ งไดผ้ ล เหน็ จาก ทรงมีพระบรมราชโองการวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ณ ตา� หนกั จติ รดารโหฐาน ความวา่ “การส่ือสารเป็ นปัจจยั ท่ีสําคญั อย่างหน่ึงในการ ภาพท่ี ๒ ภาพเคร่ืองวิทยุ การจดั ระบบส่ือสาร พฒั นาสรา้ งสรรคค์ วามเจริญกา้ วหนา้ รวมทงั้ คมนาคมท่ีพระบาทสมเดจ็ พระ ก า ร ร กั ษ า ค ว า ม ม่ นั ค ง แ ล ะ ป ล อ ด ภ ยั ข อ ง ปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบวา่ หนว่ ยตา� รวจตา่ ง ๆ ตา่ งมเี ครอื ขา่ ย ประเทศไทย ย่ิงในสมยั ปัจจบุ นั ท่ีสถานการณข์ อง ทรงสอนการใชง้ านแก่เจา้ ของตนเอง แม้จะถูกก�าหนดให้ใช้คลื่นความถ่ีใน โลกเปล่ียนแปลงอยู่ทุกขณะการติดต่อส่ือสารท่ี หนา้ ท่ี เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๘ ย่านเหมือนกันแต่ความถี่ใช้งานเฉพาะที่กรม รวดเรว็ ทนั ต่อเหตุการณ์ ย่อมมีความสําคญั มาก ไปรษณีย์โทรเลขก�าหนดให้กระจัดกระจาย เป็ นพิเศษ ทกุ ฝ่ ายและทกุ หน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั พระองค ์ ทรงดา� รปิ ระการแรกใหท้ กุ หนว่ ยในกรม การส่ือสารของประเทศ จึงควรจะไดร้ ่วมมือกนั ต�ารวจใช้ความถี่ใกล้เคียงอยู่ในกลุ่มหรือย่าน ดําเนินงานและประสานผลงานกนั อย่างใกลช้ ิด เดยี วกนั ประการทส่ี องใหจ้ ดั ตงั้ ศนู ยก์ ารสอื่ สารรว่ ม และสอดคลอ้ ง ท่ีสําคญั ท่ีสุดควรจะไดพ้ ยายาม ของกรมต�ารวจขึ้นเป็นศูนย์กลางการติดต่อ ศึกษาคน้ ควา้ วิชาการและเทคโนโลยีท่ีทนั สมยั ให ้ ระหว่างหน่วยต�ารวจต่าง ๆ ทป่ี ฏบิ ตั งิ านร่วมกัน ลกึ ซงึ ้และกวา้ งขวาง แลว้ พิจารณาเลอื กเฟน้ ส่วน ท่ีดี มีประสิทธิภาพแน่นอนมาปรบั ปรุงใชด้ ว้ ย การบรหิ ารความถ่ีวิทยุ ความฉลาดรเิ ร่มิ ใหพ้ อเหมาะพอสมกบั ฐานะและ สภาพบา้ นเมอื งของเรา เพ่ือใหก้ จิ การส่ือสารของ พระองคท์ รงแสดงอจั ฉรยิ ะภาพในเรอื่ งน ้ี เชน่ ชาติมีโอกาสไดพ้ ฒั นาอย่างเตม็ ท่ี และสามารถ ทรงสงั เกตเหน็ สญั ญาณวทิ ยขุ องเจา้ หนา้ ทสี่ อื่ สาร อํานวยประโยชนแ์ ก่การสรา้ งเสริมเศรษฐกิจ ตา� รวจรบกวนเจา้ หนา้ ทรี่ กั ษาความปลอดภยั บคุ คล สงั คม และเสถียรภาพของบา้ นเมืองไดอ้ ย่าง ทั้งท่ีใช้ความถี่ต่างกัน น�ามาสู่การทดลองและ สมบูรณอ์ ย่างแทจ้ รงิ ” ทดสอบการผสมคลนื่ ระหวา่ งกนั ความสนพระราชหฤทยั พิเศษ พระอจั ฉริยภาพ การนาํ เทคโนโลยีการส่ือสารมาใชใ้ น ทางนวตั กรรมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เทคโนโลยี การ การปฏบิ ตั ิพระราชกรณียกิจ ส่ือสาร ทรงใช้การส่ือสารทางวิทยุส่ือสารและสาย การส่ือสารทางวิทยุ อากาศเพ่ือรับฟังข่าวรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ บท ีท่๓ การ ืสอ่สารในสม ัยธน ุบรีและร ัตนโก ิสนทร ์ ทรงใชก้ ารสอื่ สารทางวทิ ยแุ ละสายอากาศเพอื่ ความสนพระราชหฤทยั เกยี่ วกบั วทิ ย ุ เรม่ิ ตน้ อยา่ งแทจ้ รงิ ใน พ.ศ. ประโยชน์ของการทรงงานทางการแพทย์และ ๒๕๑๑ ทรงสนพระราชหฤทยั ในวชิ าชา่ งแขนงนตี้ ง้ั แตย่ งั ทรงพระเยาว ์ สาธารณสขุ ทรงตระหนกั วา่ การสอื่ สารวทิ ยจุ ะเปน็ สอื่ ทดี่ ที จี่ ะชว่ ยใหพ้ ระองคไ์ ด้ ทรงใชก้ ารสอื่ สารทางวทิ ยแุ ละสายอากาศเพอื่ ทราบขา่ วสารและทกุ ขส์ ขุ ราษฎรไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ พระองคท์ รงตรวจ ประโยชนข์ องการทรงงานทางดา้ นการเกษตรและ ซอ่ มเครอื่ งรบั และเครอ่ื งสง่ วทิ ยทุ ที่ รงใชง้ านดว้ ยพระองคเ์ อง เมอ่ื เสดจ็ พฒั นา พระราชดา� เนนิ ปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ จะทรงตดิ ตอ่ สอ่ื สารกบั สถานี พระราชทาน การสื่อสารทางวิทยุและสาย วทิ ยขุ องหนว่ ยงานทปี่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทถี่ วายการอารกั ขาและถา้ พบปญั หา อากาศเพื่อใช้งานในหน่วยงานราชการต่าง ๆ จะแนะนา� ในทนั ท ี นอกจากนยี้ งั ใหค้ วามสา� คญั เรอื่ งความละเอยี ดเทยี่ ง ทรงใชโ้ ทรพมิ พ ์ (เทเลก็ ซ)์ ในการทรงงานและ ตรงของความถที่ ใี่ ชใ้ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สารอยา่ งมาก สอื่ สารกบั ขา้ ราชบรพิ าร ทรงใช้เคร่ืองมือส่ือสารช่วยในการคล่ีคลาย การพฒั นาสายอากาศ วกิ ฤตการณท์ างการเมอื ง ทรงตดิ เครอ่ื งรบั -สง่ วทิ ยไุ วใ้ นหอ้ งทรงงาน ทรงใหค้ วามสนพระทยั อยา่ งจรงิ จงั กบั การทดสอบขดี ความสามารถทแี่ ทจ้ รงิ ของสายอากาศ แตล่ ะชนดิ งานใดทพ่ี ระองคท์ รงทดลองไดผ้ ลดแี ลว้ กจ็ ะพระราชทาน พระบรมราชานญุ าตใหห้ นว่ ยงานตา่ ง ๆ นา� ไปใช้
ตอนท่ี ๑ การสอื่ สารของมนุษยชาตแิ ละ การสอื่ สารของประเทศไทย บทท่ี ๔ การส่ือสารในยุคโลกาภิวฒั น์ การส่ือสารในยุคโลกาภิวฒั น ์ ๔-๕ ๑๙ โลกาภิวฒั นข์ องสื่อ ๖-๗ ๒๐ เปรียบเทียบเทคโนโลยีสื่อของไทยกบั ต่างประเทศ
๑๙ โลกาภิวตั นข์ องส่ือ เทคโนโลยีการส่ือสารของมนุษยชาติมีการพฒั นามายาวนานหลายพนั ปี ยอ้ นไปไดถ้ งึ อารยธรรมเมโสโปเต เมียท่ีมีการประดิษฐแ์ บบพิมพอ์ กั ษรล่ิมพิมพล์ งบนดินเหนียวทาํ ใหส้ ามารถส่ือสารผ่านส่ือเพ่ือขา้ ม กาลเวลา ใหส้ ามารถเกบ็ รกั ษาขอ้ มูลขา้ มกาลเวลาใหค้ งอยไู่ ดห้ ลายรอ้ ยปี นอกจากนีเ้ ทคโนโลยกี ารส่ือสารยงั ช่วยมนุษย ์ สามารถส่ือสารขา้ มเทศะหรอื ขา้ มสถานท่ี เป็ นดง่ ั ภาชนะท่ีบรรจขุ อ้ มูลแลว้ ยา้ ยสถานท่ีบนพืน้ โลกหรอื กระทง่ ั ออกไปนอกโลกกไ็ ด ้ เช่น สญั ญาณดาวเทียม หลังจากนั้นการปฏิวัติคร้ังส�าคัญของการส่ือสาร และข้อจ�ากัดเร่ืองเวลาได้ส�าเร็จ ถือเป็นเทคโนโลยี โลกาภวิ ตั น ์ (globalization) ถกู นยิ ามดว้ ยการไหล เกดิ ขน้ึ อกี ๒ ครงั้ ใหญๆ่ ครงั้ ท ี่ ๑ คอื ราว ๕๖๐ ปี สอ่ื รว่ มเวลาขนั้ แรก (synchronous media) นน่ั คอื เวยี นของปรมิ าณขอ้ มลู ขา่ วสาร ซงึ่ แตกตา่ งจากอดตี กอ่ น เมอื่ โยฮนั กเู ตนเบริ ก์ (Johannes Gutenberg) การประดิษฐ์โทรเลขไฟฟ้าและการสื่อสารด้วย ทเี่ นน้ การไหลเวยี นของปรมิ าณการคา้ และการลงทนุ สามารถผลติ แทน่ พมิ พท์ สี่ ามารถเปลย่ี นตวั พมิ พไ์ ด้ สญั ญาณวทิ ย ุ ซง่ึ ตอ่ มาไดพ้ ฒั นาไปสกู่ ารสอ่ื สารดว้ ย ระหว่างประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทาง ทา� ใหส้ ามารถคดั ลอกหนงั สอื จา� นวนมากในระยะเวลา สญั ญาณแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ชนดิ อน่ื ๆ นบั วา่ เปน็ รากฐาน เศรษฐกจิ เทคโนโลย ี และสงั คมทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ อนั สนั้ จากเดมิ ทต่ี อ้ งใชก้ ารเขยี นดว้ ยมอื นบั จากนนั้ ของการสอ่ื สารในยคุ โลกาภวิ ตั น ์ โลกเผชญิ กบั โลกาภวิ ตั นใ์ นรปู แบบทเี่ ปลยี่ นไป ผคู้ น มาความรทู้ เี่ คยกระจกุ ตวั อยเู่ ฉพาะชนชนั้ สงู ในสงั คม ต่างถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันผ่านตัวกลางอย่าง ไดแ้ พรก่ ระจายอยา่ งกวา้ งขวาง เปน็ กลไกสา� คญั ใน ในชว่ งสามสบิ ปที ผี่ า่ นมา มนี กั วชิ าการและบคุ คล อนิ เทอรเ์ นต็ และสอื่ ออนไลน ์ กระแสโลกาภวิ ตั นย์ งั การเปลย่ี นแปลงสงั คมในวงกวา้ งในเวลาตอ่ มา ในแวดวงต่าง ๆ ให้นิยามค�าว่า “โลกาภิวัตน์” ไว้ เก่ียวข้องกับกระบวนการท�าให้ตลาดโลกเสรี ด้วย อยา่ งหลากหลาย แตใ่ จความสา� คญั ทต่ี รงกนั คอื เปน็ การลดหรอื ยกเลกิ กฎเกณฑท์ เี่ ปน็ อปุ สรรคตอ่ การคา้ หลงั จากการปฏวิ ตั กิ ารพมิ พร์ าว ๔๐๐ ป ี ไดเ้ กดิ โลกที่เทคโนโลยีเชื่อมผู้คนท่ีอยู่ห่างไกลเข้าไว้ด้วย และการดา� เนนิ ธรุ กจิ เพอื่ ทา� ใหก้ ารเคลอ่ื นยา้ ยขา้ ม การปฏิวัติอีกครั้งท่ีส�าคัญในการสื่อสาร ข้ามพ้ืนที่ กันผ่านการส่ือสารที่รวดเร็ว ในแง่การสื่อสาร ประเทศในดา้ นตา่ งๆ เชน่ สนิ คา้ ทนุ บรกิ าร แรงงาน
เกรด็ ความรู ้ ในเรอ่ื งความแตกตา่ งดา้ นพนื้ ทแี่ ละเวลาไดง้ า่ ยและ ๑๔ - ๑๕ กรณีทีมนกั ฟุตบอลเยาวชนหมูป่ าอะเคเดมี มปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ รวมถงึ ทา� ใหเ้ กดิ การสอ่ื สาร ภาพท่ี ๑ การปฏิวตั ิการพิมพโ์ ดยโยฮนั แม่สาย ติดอยู่ในถาํ ้หลวง จงั หวดั เชียงราย ท่ีได ้ แบบรวมกลมุ่ ของคนทไี่ มเ่ คยเหน็ หนา้ ตากนั มากอ่ น รบั ความสนใจจากคนท่วั โลก ทุกคนเฝา้ ติดตาม นอกจากนนั้ เทคโนโลยสี ารสนเทศยงั กระตนุ้ ใหเ้ กดิ กูเตนเบิรก์ ข่าวผ่านส่ือจากท่วั โลกผ่าน platform ต่าง ๆ ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งผคู้ นแบบใกลช้ ดิ และรวดเรว็ สง่ ร่วมยินดีกบั ความสําเรจ็ ขอภารกิจถาํ ้หลวง แบบ ผลใหเ้ กดิ การสรา้ งวฒั นธรรมขา้ มชาต ิ วฒั นธรรม และข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นไปอย่างเสรี จากท่ี real time หรือแทบจะพรอ้ ม ๆ กนั เสมือนอยู่ท่ี ไรพ้ รมแดน หรอื แมก้ ระทงั่ วฒั นธรรมโลก ซง่ึ ภาย กลา่ วมาอาจจะสามารถสรปุ ไดส้ น้ั ๆ วา่ โลกาภวิ ตั เชียงราย มีการหลอมรวมส่งพลงั ใจไปถาํ ้หลวง ใตว้ ฒั นธรรมดงั กลา่ วน ้ี ผคู้ นจะมวี ถิ กี ารดา� เนนิ ชวี ติ นห์ มายถงึ “โลกไรพ้ รมแดน” หรอื การทา� ใหโ้ ลก จากท่วั โลกผ่านส่ือสงั คมออนไลนต์ ่าง ๆ ทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั เลก็ ลงภายใตก้ ารพฒั นาของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ปรากฏการณน์ ีเ้กิดขนึ ้ไดเ้ พราะการเช่อื มโยงโลก ไวด้ ว้ ยกนั ผ่านเทคโนโลยีการส่ือสารในยุค ปรากฏการณท์ างวฒั นธรรมในโลกไรพ้ รมแดน โลกาภิวตั น ์ ทบี่ ทบาทของเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารเปน็ ปจั จยั สา� คญั ในการน�าวัฒนธรรมข้ามพรมแดน ส่งผลให้เกิด โลกาภิวัตน์กับเทคโนโลยีเป็นความสัมพันธ์ที่ ภาพท่ี ๔ ส่ือต่างชาติจาํ นวนมากรวมถงึ CNN กระแสทางวัฒนธรรมเป็นสองทางคือ การท�าให้ แยกจากกนั ไมอ่ อก จนถงึ กบั มกี ารนยิ ามวา่ แทจ้ รงิ รายงานข่าวทีมหมูป่ าอะคาเดมีในไทย วฒั นธรรมเปน็ เนอ้ื เดยี วกนั (homogenization) และ แลว้ ยคุ สมยั ปจั จบุ นั คอื digital globalization ที่ การผสมผสานทางวฒั นธรรม (heterogenization) เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับ เกรด็ ความรู ้ ในกระแสโลกาภวิ ตั น ์ วฒั นธรรมถกู ผลติ สรา้ งและ ทศวรรษที่ผ่านมา หลังวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงป ี ข่าวปลอมเร่ืองขา้ วพลาสติคจากจีนท่ีแพร่ ถา่ ยทอดดว้ ยสอ่ื ทส่ี มั พนั ธอ์ ยกู่ บั กลไกการตลาดใน ๒๕๕๐ การค้าโลกและการไหลเวียนเงินลงทุน กระจายไปท่วั เอเชียจนถงึ แอฟริกาผ่านการแชร ์ ระบบทนุ นยิ มอยา่ งเขม้ ขน้ โลกาภวิ ตั นจ์ งึ เปน็ กระ ระหว่างประเทศลดลง แต่ปริมาณการไหลเวียน ผ่านส่ือสงั คมออนไลน ์ และส่ือกระแสหลกั ใน บวนการทางวฒั นธรรมในกระแสโลกาภวิ ตั นท์ สี่ อื่ มี ของข้อมูลและธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตระหว่าง หลายประเทศ แต่ในทางกลบั กนั เทคโนโลยีการ บทบาทสา� คัญในการสรา้ งภาพลกั ษณแ์ ละนา� ไปสู่ ประเทศกลบั เพมิ่ ขนึ้ มากกวา่ ๕๐ เทา่ ผคู้ นกวา่ ส่ือสารในยุคโลกาภิ-วตั นก์ ส็ ามารถช่วยตรวจ การน�าเสนอค่านิยมทางวัฒนธรรมและแบบแผน ๒.๕ พนั ลา้ นคน อเี มลก์ วา่ ๒ แสนลา้ นฉบบั ถกู สอบความถูกตอ้ ง หรือ fact checking ของ ชวี ติ ใหมๆ่ ขนึ้ มา แลกเปลย่ี นสอื่ สารกนั ผา่ นโลกออนไลนใ์ นแตล่ ะวนั ขอ้ มูลข่าวสารไดเ้ ช่นเดียวกนั digital globalization มนี ยั สา� คญั ตอ่ การเตบิ โตทาง กระแส digital globalization ยงั สรา้ งโอกาสให้ เศรษฐกจิ และธรุ กจิ ของประเทศตา่ ง ๆ ทว่ั โลกมาก แก่ท้ังผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างที่ไม่เคยมี ข้ึนทุกวัน สถิติบันทึกไว้ว่านับต้ังแต่อินเตอร์เน็ต มาก่อน digital platform ช่วยลดต้นทุนในการ เป็นทร่ี จู้ กั ของชาวโลกแคเ่ พียง ๔ ปี กม็ ผี ้เู ขา้ ใช้ ติดต่อและท�าธุรกรรมข้ามประเทศและท�าให้เกิด งาน Internet มากถงึ ๕๐ ลา้ นคนทว่ั โลก จนใน โอกาสทางเศรษฐกจิ และธรุ กจิ ใหมๆ่ อยา่ งคาดไม่ ปจั จบุ นั นมี้ ผี ใู้ ชง้ านอนิ เตอรเ์ นต็ ทว่ั โลกกวา่ ๔ พนั ถงึ และทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งมาก ลา้ นคน หรอื ประมาณครงึ่ หนงึ่ ของประชากรทง้ั โลก ทางดา้ นเทคโนโลยหี รอื disruption ทา� ใหเ้ กดิ การ เปลย่ี นแปลงภมู ทิ ศั นส์ อ่ื ครงั้ ยงิ่ ใหญ ่ จนมผี ลทา� ให้ โลกาภวิ ตั นไ์ มไ่ ดส้ ง่ ผลในระดบั สงั คมเทา่ นน้ั หาก ภาพท่ี ๕ ข่าว ยุคสื่อสารมวลชนเป็นใหญ่มาถึงจุดที่ถูกท้าทาย บท ีท่๔ การ ืสอ่สารใน ุยคโลกา ิภว ัตน ์ แตย่ งั กระทบในระดบั ปจั เจกบคุ คล ทา� ใหผ้ คู้ นมกี าร อยา่ งมากเมอ่ื เทคโนโลยสี ามารถทา� ให ้ “ใคร ๆ ก็ เชื่อมโยงกับโลกมากย่ิงขึ้น ก่อให้เกิดการ เปน็ สอื่ ได”้ (แตไ่ มไ่ ดห้ มายความวา่ ทกุ คนจะเปน็ เปลยี่ นแปลงในระดบั ความคดิ ทศั นคต ิ พฤตกิ รรม สอ่ื ทดี่ ไี ด)้ รวมถงึ อตั ลกั ษณท์ เ่ี ปลยี่ นไปโดยปจั จยั สา� คญั ทมี่ ผี ล ทา� ใหเ้ กดิ สภาวะโลกาภวิ ตั น ์ นนั่ กค็ อื เทคโนโลยี ในทางกลับกันเทคโนโลยีการส่ือสารในยุค สารสนเทศซ่ึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ท�าให้ผู้คน โลกาภวิ ตั นก์ ท็ า� ใหป้ ระเทศไทยสง่ ออกเนอ้ื หาและ สามารถทา� การสอื่ สารกนั ได ้ โดยขา้ มผา่ นขอ้ จา� กดั ขา่ วสารผา่ นออกไปสโู่ ลกมากมาย เกรด็ ความรู ้ เทคโนโลยีการส่ือสารในยุคโลกาภิวัตน์เป็นตัว ในสงั คมไทยเองกไ็ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากส่ือตา่ งประเทศมาเป็ นเวลาหลายทศวรรษ ตวั อยา่ งเช่น ขบั เคลอื่ นสา� คญั เปน็ โอกาสทา่ มกลางความทา้ ทาย การเปล่ยี นแปลงในคา่ นิยม การแตง่ กาย วถิ ชี ีวติ ในหมู่วนั รนุ่ ปจั จบุ นั กม็ ีความนิยมวฒั นธรรมเกาหลี ของประเทศไทยในโลกท่ีทุกประเทศต่างก็มีการ ท่ไี ดร้ กุ คบื ทว่ั ทงั้ทวปี เอเชียและตะวนั ตก เกดิ เป็ นกระแส K-pop ขนึ ้มา หรอื กระแสความนิยมกลมุ่ นกั รอ้ ง เปล่ียนแปลงทั้งภูมิทัศน์ส่ือและเทคโนโลยีการ ไอดอลท่ไี ดร้ บั การจาํ ลองตน้ แบบจากวง AKB ๔๘ ของญ่ีป่ นุ และมีแฟรนไชสไ์ ปทว่ั เอเชีย รวมถงึ วง สอื่ สารในยคุ โลกาภวิ ตั นอ์ ยา่ งมาก BNK ๔๘ ในประเทศไทย และเหลา่ โอตะหรอื แฟน ๆ สามารถมีปฏสิ มั พนั ธก์ บั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของวง เหลา่ นีไ้ปพรอ้ มกนั ทว่ั โลกผา่ น digital platform ตา่ ง ๆ
๒๐ เปรยี บเทียบเทคโนโลยี
บทท่ี ๔ การส่ือสารในยุคโลกาภิวตั น ์ ๑๔ - ๑๕
ตอนท่ี ๑ การสอื่ สารของมนุษยชาตแิ ละ การสอ่ื สารของประเทศไทย บทท่ี ๕ ประเภทของเทคโนโลยี การสื่ อสาร เทคโนโลยีการสื่อสารแบบไรส้ าย ๔-๕ ๒๑ คลื่นความถี่ ๖-๗ การจดั สรรคล่ืนความถี่ ๒๒ การอนุญาต
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257