คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 189 แบบฝก หัด 1.1.3 1. 1) จาก 7, 9, 11, 13, , 2n + 5 พิจารณาผลตางของพจนท่อี ยตู ิดกนั จะไดว า a2 − a1 = 9 − 7 = 2 a3 − a2 = 11 − 9 = 2 a4 − a3 = 13 −11 = 2 an − an−1 = (2n + 5) − (2(n −1) + 5) = (2n + 5) − (2n + 3) = 2 ดังน้ัน ผลตางของพจนทีอ่ ยตู ดิ กนั เปน คาคงตัวท่เี ทากัน ซ่งึ เทากบั 2 พิจารณาอัตราสวนของพจนทอี่ ยูติดกัน จะไดวา a2 = 9 a1 7 a3 = 11 a2 9 จะเหน็ วา อตั ราสว นของพจนท อ่ี ยูตดิ กันไมเ ปน คา คงตวั ท่เี ทากัน ดงั นนั้ ลําดับนเี้ ปนลําดับเลขคณิตท่ีมีผลตา งรวมเทา กับ 2 แตไมเ ปนลําดับเรขาคณติ 2) จาก 6, − 6, 6, − 6, , 6( )−1 n−1 พิจารณาผลตางของพจนทอ่ี ยตู ิดกนั จะไดวา a2 − a1 =(−6) − 6 =−12 a3 − a2 = 6 − (−6) = 12 จะเห็นวา ผลตา งของพจนท ีอ่ ยูต ิดกนั ไมเ ปนคาคงตัวที่เทากัน พจิ ารณาอตั ราสวนของพจนท อี่ ยูต ดิ กนั จะไดว า a2 = −6 = −1 a1 6 a3 = 6 = −1 a2 −6 a4 = −6 = −1 a3 6 an = 6 ( −1)n = −1 an−1 6( )−1 n−1 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
190 คูม อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 จะเห็นวา อตั ราสว นของพจนท่ีอยตู ิดกันเปน คาคงตัวท่เี ทา กนั ซึง่ เทากบั −1 ดังน้นั ลําดับนี้ไมเ ปนลาํ ดับเลขคณิต แตเปนลําดบั เรขาคณิตทม่ี อี ตั ราสว นรว มเทา กบั −1 3) จาก 4, 2, 0, − 2, , 6 − 2n พจิ ารณาผลตา งของพจนที่อยูต ิดกัน จะไดวา a2 − a1 =2 − 4 =−2 a3 − a2 =0 − 2 =−2 a4 − a3 =(−2) − 0 =−2 an − an−1 =(6 − 2n) − (6 − 2(n −1)) =(6 − 2n) − (8 − 2n) =−2 จะเห็นวา ผลตา งของพจนทอ่ี ยูติดกนั เปนคา คงตัวที่เทากนั ซึ่งเทา กบั −2 พจิ ารณาอตั ราสวนของพจนท ีอ่ ยูตดิ กนั จะไดวา a2= 2= 1 a1 4 2 a3= 0= 0 a2 2 จะเหน็ วา อตั ราสวนของพจนท อี่ ยูตดิ กันไมเปนคาคงตวั ท่เี ทากนั ดังน้นั ลําดบั นเ้ี ปนลําดบั เลขคณิตทมี่ ีผลตางรว มเทากับ −2 แตไมเ ปนลาํ ดบั เรขาคณติ 4) จาก 3, 1, 1, 1 , , 9 1 n 3 9 3 พิจารณาผลตางของพจนท อ่ี ยตู ิดกัน จะไดวา a2 − a1 =1− 3 =−2 a3 − a2 =1 −1 =− 2 3 3 จะเห็นวา ผลตางของพจนท ี่อยูติดกันไมเปน คาคงตวั ท่เี ทา กนั พิจารณาอตั ราสว นของพจนท ีอ่ ยูตดิ กนั จะไดวา a2 = 1 a1 3 1 1 3 a3= 3= a2 1 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 191 1 a4= 9= 1 a3 1 3 3 =an 9=91313nn−1 1 an−1 3 จะเหน็ วา อตั ราสว นของพจนท อ่ี ยตู ดิ กันเปน คา คงตวั ทเี่ ทากัน ซ่งึ เทา กับ −1 ดงั น้ัน ลําดับนไ้ี มเ ปนลาํ ดับเลขคณิต แตเ ปน ลาํ ดบั เรขาคณติ ทมี่ อี ตั ราสวนรว มเทากับ −1 5) จาก − 1 , − 2 , − 1 , − 4 , , − n 4527 n+3 พจิ ารณาผลตา งของพจนทอี่ ยูตดิ กนั จะไดวา a2 − a1 = − 2 − − 1 =− 3 5 4 20 a3 − a2 = − 1 − − 2 =− 1 2 5 10 จะเห็นวา ผลตา งของพจนท ี่อยูติดกนั ไมเ ปนคาคงตัวทเ่ี ทากนั พิจารณาอตั ราสวนของพจนท่ีอยูติดกัน จะไดว า=a2 =− 52 8 1 5 a1 − 4 =a3 =− 12 5 a2 2 4 − 5 จะเหน็ วา อัตราสว นของพจนท อี่ ยูตดิ กันไมเ ปนคาคงตวั ท่เี ทากัน ดังน้นั ลําดับนไี้ มเ ปน ลําดับเลขคณติ และไมเปน ลาํ ดบั เรขาคณิต สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
192 คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 2. 1) จากลําดบั เรขาคณิต 1, 7, 49, 343, จะได a1 = 1 และ r= 7= 7 1 พจนท ี่ n ของลําดบั เรขาคณิต คอื an = a1rn−1 ( )จะได a5 = a1r5−1 = 1 74 = 74 = 2,401 ( )a6 = a1r6−1 = 1 75 = 75 = 16,807 ( )a7 = a1r7−1 = 1 76 = 76 = 117,649 ดงั นัน้ สามพจนถัดไปของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คือ 2401, 16807 และ 117,649 2) จากลําดับเรขาคณติ −1, 2, − 4, 8, จะได a1 = −1 และ r= 2= −2 −1 พจนท ่ี n ของลําดบั เรขาคณติ คือ an = a1rn−1 จะได a5 = a1r5−1 = (−1)(−2)4 = −16 a6 = a1r6−1 = (−1)(−2)5 = 32 a7 = a1r7−1 = (−1)(−2)6 = −64 ดังน้นั สามพจนถ ัดไปของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คอื −16, 32 และ −64 3) จากลําดับเรขาคณิต 3,1, 1 , 1 , 39 จะได a1 =3 และ r =1 3 พจนท ่ี n ของลาํ ดับเรขาคณติ คือ an = a1rn−1 จะได a5 = a1r 5−1 = 3 1 4 = 1 = 1 3 33 27 a6 = a1r 6−1 = 3 1 5 = 1 =1 3 34 81 a7 = a1r 7−1 = 3 1 6 = 1 =1 3 35 243 ดังนน้ั สามพจนถ ัดไปของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 1 , 1 และ 1 27 81 243 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 193 3. จากลาํ ดับเรขาคณติ 2, 4, 8,16, จะได a1 = 2 และ r= 4= 2 2 จาก ( )=an a=1rn−1 2 =2 n−1 2n จะได a=9 2=9 512 ดังนนั้ พจนท ี่ 9 ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ 512 4. จากลําดับเรขาคณิต 2, −10, 50, − 250, จะได a1 = 2 และ r= −10 = −5 2 จาก ( )a=n a1rn−=1 2 −5 n−1 จะได a11 =2(−5)11−2 =2(−5)10 =2(5)10 ดังนนั้ พจนท่ี 11 ของลําดบั เรขาคณิตน้ี คือ ( )2 510 5. จากลาํ ดับเรขาคณติ 1 , 1 , 1 , 1 , 2 6 18 54 1 จะได a1 = 1 และ =r 6= 1 2 1 3 2 จาก=an a=1r n−1 1 1 n−1 2 3 จะไ=ด a8 1 =13 8−1 12= 13 7 1 2 2 × 37 ดงั นั้น พจนท ่ี 8 ของลําดบั เรขาคณติ น้ี คือ 1 2 × 37 6. 1) จากลําดบั เรขาคณติ −3, − 6, −12, จะได a1 = −3 และ r = 2 จาก an = a1rn−1 จะได an = −3(2)n−1 ดงั น้ัน พจนท ี่ n ของลาํ ดบั เรขาคณติ นี้ คือ −3( )2 n−1 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
194 คูม ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 2) จากลําดับเรขาคณิต 10, − 5, 5 , 2 จะได a1 = 10 และ r = −1 2 จาก an = a1rn−1 จะได =an 10 − 1 n−1 2 ดงั น้ัน พจนท่ี n ของลาํ ดบั เรขาคณิตน้ี คือ 10 − 1 n−1 2 3) จากลําดบั เรขาคณิต 1 , 5 , 25 , 44 4 จะได a1 = 1 และ r =5 4 จาก an = a1rn−1 จะได ( )an 1 = 4 5n−1 ดังนน้ั พจนท ี่ n ของลาํ ดบั เรขาคณติ นี้ คือ ( )1 5n−1 4 4) จากลาํ ดบั เรขาคณิต 5 , 5 , 10 , 63 3 จะได a1 = 5 และ r=2 6 จาก an = a1rn−1 จะได ( )an 5 = 6 2n−1 ดังนั้น พจนท ี่ n ของลําดับเรขาคณิตนี้ คือ ( )5 2n−1 6 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 195 5) จากลําดบั เรขาคณิต − 2 , 1 , − 1 , 9 12 32 จะได a1 = −2 และ r= −3 9 8 จาก an = a1rn−1 จะได an =− 2 − 3 n−1 9 8 ดังน้นั พจนที่ n ของลาํ ดบั เรขาคณิตน้ี คือ − 2 − 3 n−1 9 8 6) จากลําดับเรขาคณติ 2, 2 3, 6, จะได a1 = 2 และ r = 3 จาก an = a1rn−1 ( )จะได an = 2 n−1 3 ดังน้ัน พจนที่ n ของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คือ 2( )n−1 3 7) จากลาํ ดับเรขาคณิต −1, 0.3, − 0.09, ... จะได a1 = −1 และ r= 0.3 = −0.3 −1 จาก an = a1rn−1 จะได an =−1(−0.3)n−1 =−(−0.3)n−1 =(−1)n (0.3)n−1 ดังน้นั พจนท ี่ n ของลาํ ดับเรขาคณติ นี้ คือ (−1)n (0.3)n−1 8) จากลําดับเรขาคณิต ab3, a2b2, a3b, เม่อื a และ b เปนจาํ นวนจริงที่ไมเ ปนศนู ย จะได a1 = ab3 แล=ะ r a=2b2 a ab3 b จาก an = a1rn−1 ( )จะได=an =ab3 ba n−1 anb4−n ดงั นัน้ พจนที่ n ของลาํ ดบั เรขาคณิตนี้ คือ anb4−n เม่ือ a และ b เปนจํานวนจรงิ ที่ไมเ ปน ศนู ย สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
196 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 7. เนื่องจาก ลําดบั เรขาคณติ นีม้ ีพจนทีห่ า คือ 16 และอัตราสวนรว ม คือ 2 นนั่ คอื a5 =16 และ r = 2 จาก an = a1rn−1 จะได= a5 a=1r5−1 a1r4 ดังน้ัน 16 = a1 (2)4 จะได a1 = 1 ดงั นน้ั พจนแรกของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คือ 1 8. เนอื่ งจาก ลาํ ดบั เรขาคณติ นี้มี a3 =12 และ a6 = 96 จาก an = a1rn−1 จะได= a3 a=1r3−1 a1r2 และ=a6 a=1r6−1 a1r5 ดังน้นั 12 = a1r2 ----- (1) และ 96 = a1r5 ----- (2) จาก (1) และ (2) จะได r3 = 8 นนั่ คือ r = 2 ดังนนั้ อตั ราสว นรวมของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คอื 2 9. เนอื่ งจาก ลําดับเรขาคณติ นีม้ ี a1 = 2, a2 = −6 และ a3 =18 จาก an = a1rn−1 จะได −6 =2r2−1 นน่ั คอื −6 =2r ----- (1) และ 18 = 2r3−1 นนั่ คอื 18 = 2r2 ----- (2) จาก (1) และ (2) จะได r = −3 น่นั คือ a=n 2( )−3 n−1 2 ( −3)n−1 เมอ่ื an =162 จะได 162 = 81 = ( )−3 n−1 (−3)4 = ( )−3 n−1 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 197 น่ันคือ n −1 = 4 จะได n = 5 ดังนน้ั 162 เปนพจนท ี่ 5 ของลาํ ดบั เรขาคณิตน้ี 10. 1) พจนท ห่ี ายไปของลําดับเรขาคณิตนี้ คอื a3, a4 และ a5 จากลําดับเรขาคณิตทีก่ ําหนดให จะได a1 =4 และ r = 1 4 จาก an = a1rn−1 จะได=an a=1r n−1 4 14=n−1 1 n−2 4 นัน่ คือ a3 = 1 3−2 = 1 4 4 a4 = 1 4−2 = 1 4 16 a5 = 1 5−2 = 1 4 64 ดงั นัน้ พจนทข่ี าดหายไป คอื 1 , 1 และ 1 ตามลาํ ดบั 4 16 64 2) พจนที่หายไปของลาํ ดบั เรขาคณิตน้ี คอื a2, a4 และ a5 จากลําดับเรขาคณติ ทีก่ าํ หนดให จะได a1 =2 และ a3 = 2 9 จาก an = a1rn−1 จะได 2 = 2(r )3−1 9 2 = 2r2 9 r2 = 1 9 นัน่ คือ r = 1 หรือ r = − 1 33 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
198 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 กรณี r = 1 จะได an = 2 1 n−1 3 3 น่นั คอื a2 = 2 1 2−1 = 2 3 3 a4 = 2 1 4−1 = 2 3 27 a5 = 2 1 5−1 = 2 3 81 กรณี r = − 1 จะได a=n 2 − 1 n−1 3 3 น่ันคอื a2 = 2 − 1 2−1 = −2 3 3 a4 = 2 − 1 4−1 = −2 3 27 a5 = 2 − 1 5−1 = 2 3 81 ดังนนั้ กรณี r = 1 พจนท่ีขาดหายไป คอื 2 , 2 และ 2 ตามลําดบั 3 3 27 81 และกรณี r = − 1 พจนท่ขี าดหายไป คอื − 2 , − 2 และ 2 ตามลําดับ 3 3 27 81 3) พจนท หี่ ายไปของลําดับเรขาคณติ นี้ คอื a2, a3, a4 และ a6 จากลําดับเรขาคณิตทก่ี าํ หนดให จะได a1 = 3 และ a5 =3 7 343 จาก an = a1rn−1 จะได 3 = 3 (r )5−1 343 7 3 = 3 r4 343 7 r4 = 1 49 นน่ั คือ r = 1 หรอื r = − 1 77 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 199 กรณี r = 1 จะได an = 3 1 n−1 7 7 7 นัน่ คอื 3 1 2−1 =3 a2 = 7 7 77 a3 = 3 1 3−1 =3 7 7 49 a4 = 3 1 4−1 3 7 7 = 49 7 a6 = 3 1 6−1 =3 7 7 343 7 กรณี r = − 1 จะได a=n 3 − 1 n−1 7 7 7 น่นั คือ a2 = 3 − 1 2−1 = −3 7 7 77 a3 = 3 − 1 3−1 = 3 7 7 49 a4 = 3 − 1 4−1 = −3 7 7 49 7 a6 = 3 − 1 6−1 = −3 7 7 343 7 ดังน้ัน กรณี r = 1 พจนท ่ีขาดหายไป คือ 3 , 3 , 3 และ 3 ตามลาํ ดับ 7 7 7 49 49 7 343 7 และกรณี r = − 1 พจนท ี่ขาดหายไป คือ − 3 , 3 , − 3 และ − 3 ตามลําดับ 7 7 7 49 49 7 343 7 4) พจนท ีห่ ายไปของลําดับเรขาคณิตนี้ คอื a1, a2, a4, a5 และ a7 จากลําดบั เรขาคณติ ทก่ี าํ หนดให จะได a3 =1 และ a6 = 8 27 จาก an = a1rn−1 จะได 1 = a1 (r )2 ----- (1) 8 = a1 (r )5 ----- (2) 27 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
200 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 จาก (1) และ (2) จะได r=2 และ a1 = 9 3 4 นัน่ =คอื an 94= 32 n−1 2 n−3 3 จะได a2 = 2 2−3 = 3 3 2 a4 = 2 4−3 = 2 3 3 a5 = 2 5−3 = 4 3 9 a7 = 2 7−3 = 16 3 81 ดงั น้นั พจนท ีข่ าดหายไป คอื 9 , 3 , 2 , 4 และ 16 ตามลําดับ 4239 81 11. 1) ให a เปนพจนท ี่อยรู ะหวา ง 5 และ 20 2) จะได 5, a, 20 เปน สามพจนท่เี รยี งตดิ กันในลําดบั เรขาคณิต จาก r = an+1 an จะได a = 20 5a a2 = 100 น่นั คือ a =10 หรือ a = −10 ดงั นัน้ พจนท ี่อยูร ะหวา ง 5 และ 20 ในลําดับเรขาคณิตน้ี คือ 10 หรอื −10 ให a เปนพจนท ีอ่ ยูร ะหวาง 8 และ 12 จะได 8, a,12 เปนสามพจนท เ่ี รยี งติดกนั ในลําดับเรขาคณิต จาก r = an+1 an จะได a = 12 8a a2 = 96 นั่นคอื a = 4 6 หรือ a = −4 6 ดงั นั้น พจนที่อยูระหวาง 8 และ 12 ในลําดบั เรขาคณิตน้ี คือ 4 6 หรือ −4 6 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 201 12. จาก r = an+1 an จะได a + 20 = a +105 a + 3 a + 20 (a + 20)(a + 20) = (a + 3)(a +105) a2 + 40a + 400 = a2 + 108a + 315 68a = 85 a=5 4 จะได a + 3 = 5 + 3 = 17 44 a + 20 =5 + 20 =85 44 และ a +105 =5 +105 =425 44 ดังนน้ั สามพจนแรกของลาํ ดับเรขาคณิตน้ี คอื 17 , 85 และ 425 44 4 นน่ั คือ a1 = 17 และ r =5 4 จะได พจนทวั่ ไป คือ an = a1r n−1 = 17 (5)n−1 4 ดังน้นั a = 5 และ พจนท่ัวไป คือ ( )17 5n−1 44 13. ในการคาํ นวณจํานวนประชากรในแตละป จะพิจารณาเมื่อสน้ิ ปน้ัน ๆ จาก พ.ศ. 2550 ประชากรในอําเภอหน่งึ มี 60,000 คน และประชากรในอําเภอน้เี พ่ิมขน้ึ ปล ะ 2% จะไดวา ใน พ.ศ. 2551 (ครบ 1 ป) จะมปี ระชากร 60,000 + 60,000(0.02) =60,000(1.02) คน ใน พ.ศ. 2552 (ครบ 2 ป) จะมปี ระชากร 60,000(1.02) + 60,000(1.02)(0.02) =60,000(1.02)2 คน ใน พ.ศ. 2553 (ครบ 3 ป) จะมีประชากร 60,000(1.02)2 + 60,000(1.02)2 (0.02) =60,000(1.02)3 คน ในทํานองเดยี วกัน เมื่อครบ n ป จะมปี ระชากร 60,000(1.02)n คน จะได จาํ นวนประชากรเม่ือครบ 1, 2, 3, , n, ป คือ 60000(1.02), 60000(1.02)2 , 60000(1.02)3 ,, 60000(1.02)n , ซึง่ เปนลาํ ดบั เรขาคณติ ทีม่ ี a1 = 60,000(1.02) และ r =1.02 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
202 คูมือครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 จาก an = a1rn−1 =จะได an (=60,000(1.02))(1.02)n−1 60,000(1.02)n ดงั น้นั สตู รการคํานวณจํานวนประชากรในแตล ะป คือ 60,000(1.02)n เมอ่ื n เปนจํานวน เตม็ บวกทีใ่ ชแทนจาํ นวนปที่คํานวณจํานวนประชากรหลงั จาก พ.ศ. 2550 เนอ่ื งจาก พ.ศ. 2565 คอื ปท่ี 15 หลงั จาก พ.ศ 2550 จะได จํานวนประชากรในพ.ศ. 2565 เทากับ 60,000(1.02)15 ≈ 80,752 คน ดังนัน้ สตู รการคาํ นวณจาํ นวนประชากรในแตละป คือ 60,000(1.02)n เมอ่ื n เปน จาํ นวน เตม็ บวกท่ใี ชแ ทนจาํ นวนปทคี่ ํานวณจํานวนประชากรหลงั จาก พ.ศ. 2550 และจํานวน ประชากรใน พ.ศ. 2565 ประมาณ 80,752 คน หมายเหตุ การหาคําตอบในขอน้ี อาจพิจารณาลําดับเรขาคณิตที่มีพจนแรกเทากับ 60,000 และ อตั ราสวนรวมเทากับ 1.02 ซ่งึ จํานวนประชากรใน พ.ศ. 2565 จะเปนพจนท ี่ 16 ของลาํ ดับน้ี 14. ในทีน่ ้ี ความสงู ของลกู บอล คือ ระยะท่ลี กู บอลอยสู งู ทีส่ ดุ เมื่อวดั จากระดับพืน้ ดิน จาก ความสงู ของลกู บอลเมื่อเรม่ิ ปลอ ยลกู บอลเทา กับ 2 เมตร และเม่ือลกู บอลกระทบพ้ืน ความสูงของลูกบอลทก่ี ระดอนข้ึนจะลดลง 8% ของความสูงของลูกบอลกอ นหนา จะไดวา ความสงู ของลูกบอลเมื่อกระทบพื้นครงั้ ท่ี 1 เทา กับ 2 − 2(0.08) =2(0.92) เมตร ความสงู ของลูกบอลเม่ือกระทบพื้นคร้งั ท่ี 2 เทากบั 2(0.92) − (2(0.92))(0.08) =2(0.92)2 เมตร ความสงู ของลูกบอลเม่ือกระทบพื้นครง้ั ท่ี 3 เทา กบั 2(0.92)2 − (2(0.92)2 )(0.08) =2(0.92)3 เมตร ในทาํ นองเดยี วกนั เม่ือลูกบอลกระทบพ้ืนคร้งั ท่ี n ความสงู ของลกู บอลจะเทากบั 2(0.92)n เมตร จะได ความสงู ของลูกบอลเม่ือกระทบพื้นคร้งั ที่ 1, 2, 3, , n, คอื 2(0.92), 2(0.92)2 , 2(0.92)3 , , 2(0.92)n , ซึ่งเปนลําดับเรขาคณ=ติ ท่ีมี a1 2=(0.92), r 0.92 และพจนท วั่ ไป คอื 2(0.92)n ให f เปนฟงกช ันแสดงความสูงของลูกบอลเมื่อลูกบอลกระทบพื้นคร้ังท่ี n เมื่อ n เปนจํานวนเต็มบวก จะได f (n) = 2(0.92)n ดงั นน้ั ฟง กชันแสดงความสูงของลูกบอลเมื่อลูกบอลกระทบพื้นคร้ังท่ี n เมื่อ n เปนจาํ นวนเต็มบวก คือ f (n) = 2(0.92)n สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 203 แบบฝก หดั 1.1.4 1. กําหนด bn = 1 จะไดว า bn เปน ลาํ ดบั เลขคณติ an จาก b=3 1= 1 และ b=6 1= 1 a3 3 a6 6 จะได 1 = b1 + 2d ----- (1) 3 และ 1 = b1 + 5d ----- (2) 6 จาก (1) และ (2) จะได d = −1 และ b1 = 4 18 9 จาก b4 =b1 + (4 −1) d = 4 + 3 − 1 =5 จะได a=4 1= 18 9 18 18 b4 5 และจาก b5 =b1 + (5 −1) d = 4 + 4 − 1 = 2 จะได a=5 1= 9 9 18 9 b5 2 ดังน้นั a4 + a5 = 18 + 9 = 81 52 10 2. ให an = log2n 3 จะสามารถเขียน an ไดเ ปน=an =log 3 log 3 log 2n n log 2 กาํ หนด bn = 1 จะได bn = n log 2 an log 3 สังเกตวา b=n+1 − bn (n +1)log 2 −=n log 2 log 2 log 3 log 3 log 3 ดังนนั้ ลําดับ bn เปน ลาํ ดับเลขคณติ น่ันคือ ลําดับ an เปน ลําดับฮารมอนกิ ดงั น้ัน log2 3, log4 3, log8 3, ,log2n 3, เปนลาํ ดับฮารมอนกิ 3. ให bn = 1 จะไดวา ลาํ ดับ bn เปน ลาํ ดบั เลขคณติ โดยที่ an ≠0 เม่อื n เปนจาํ นวนเต็มบวก an เนื่องจาก a1 =1 และ a2 + a3 =1 จะได b1= 1= 1= 1 a1 1 b2 = 1 โดยท่ี a2 ≠ 0 a2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
204 คูมือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 และ b=3 1= 1 โดยที่ 1− a2 ≠ 0 หรอื a2 ≠ 1 a3 1 − a2 เน่อื งจาก ลาํ ดับ bn เปน ลําดบั เลขคณติ จะไดว า b2 − b1 = b3 − b2 น่นั คอื 1 −1 = 1 − 1 a2 1 − a2 a2 1 − a2 = a2 − (1− a2 ) a2 a2 (1− a2 ) (1 − a2 )2 = 2a2 −1 1 − 2a2 + a22 = 2a2 −1 a22 − 4a2 + 2 = 0 จะได −(−4) ± (−4)2 − 4(1)(2) a2= 2(1) = 2 ± 2 ดงั นน้ั คาท่ีเปน ไปไดของ a2 คือ 2 + 2 และ 2 − 2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 205 แบบฝกหัด 1.2 1. 1) จาก an = sin nπ 2 เขยี นลําดับไดเปน 1, 0, −1, 0, 1,0,−1, 0, 1, 0, −1, , sin nπ , 2 เขียนกราฟของลาํ ดับไดด ังนี้ จากกราฟ จะเหน็ วา เม่ือ n เปน 1, 5, 9, … พจนท่ี n เปน 1 เมอื่ n เปน 2, 4, 6, … พจนท ี่ n เปน 0 เมอื่ n เปน 3, 7, 11, … พจนท ี่ n เปน −1 นน่ั คือ เม่ือ n มากขึน้ โดยไมมที ่ีสิน้ สดุ an ไมเขา ใกลจ ํานวนใดจํานวนหน่งึ ดังนัน้ ลําดับนเี้ ปน ลําดบั ลอู อก สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
206 คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 2) จาก an = 1 sin nπ n2 เขียนลําดบั ไดเปน 1, 0, − 1 , 0, 1 , 0, − 1 , 0 , 1 sin nπ , 35 7 n2 เขียนกราฟของลําดบั ไดดงั นี้ จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจดุ ในกราฟจะเขาใกล 0 ซงึ่ หมายความวา เม่ือ n มากขึ้นโดยไมมที ่ีสน้ิ สุด an จะเขา ใกล 0 แตไ มเ ทากบั 0 ดังนน้ั ลาํ ดับนีเ้ ปน ลําดบั ลูเขา และลิมิตของลาํ ดับเทา กบั 0 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 207 3) จาก an = 5 n +1 เขียนลําดบั ไดเ ปน 5, 5, 5 , 5 , 5 , 5 , 5 , 5 , 5 , 5 , 5 ,, 5 , 23 4 5 6 7 8 9 10 11 12 n +1 เขยี นกราฟของลาํ ดบั ไดด งั นี้ จากกราฟ จะเห็นวา แนวของจดุ ในกราฟจะเขาใกล 0 ซ่งึ หมายความวา เม่ือ n มากข้ึนโดยไมมีท่ีสิ้นสุด an จะเขาใกล 0 แตไมเทากับ 0 ดงั น้นั ลําดบั น้ีเปน ลาํ ดับลเู ขา และลิมติ ของลําดับเทา กับ 0 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
208 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 4) จาก an = 2n n เขียนลําดบั ไดเ ปน 2, 2, 8 , 4, 32 , , 2n , n 35 เขียนกราฟของลําดับไดด ังน้ี จากกราฟ จะเหน็ วา เมอื่ n มากขึ้นโดยไมม ีท่สี ้นิ สุด an มคี าเพ่ิมขึ้นและไมเ ขาใกล จํานวนใดจาํ นวนหน่งึ ดังนนั้ ลําดบั นีเ้ ปน ลาํ ดบั ลอู อก ( )5) จาก an= n 1+ (−1)n ( )เขียนลาํ ดบั ไดเปน 0, 4, 0, 8, 0, 12, , n 1+ (−1)n , เขยี นกราฟของลําดบั ไดด ังน้ี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 209 จากกราฟ จะเห็นวา เมอ่ื n เปน 1, 3, 5, … พจนท ่ี n เปน 0 เมอื่ n เปน 2, 4, 6, … พจนท ่ี n เปน 2n นั่นคอื เม่ือ n มากขึน้ โดยไมมที ่ีส้นิ สุด an ไมเ ขา ใกลจาํ นวนใดจาํ นวนหนึ่ง ดังน้นั ลาํ ดบั นี้เปนลําดบั ลอู อก 6) จาก an= 4 − 1 2n เขยี นลาํ ดับไดเ ปน 7 , 15 , 31 , 63 , , 4 − 1 , 24 8 16 2n เขยี นกราฟของลาํ ดบั ไดดังน้ี จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจุดในกราฟจะเขาใกล 4 ซึ่งหมายความวา เม่ือ n มากข้ึนโดยไมมที สี่ ้ินสุด an จะเขาใกล 4 แตไ มเทากบั 4 ดังน้นั ลําดบั นเี้ ปนลาํ ดับลูเขา และลมิ ิตของลําดับเทา กับ 4 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
210 คูมือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 7) จาก an = 4(0.5)n−1 เขยี นลาํ ดับไดเปน 4, 2, 1, 1 , 1 , , 4(0.5)n−1 , 24 เขียนกราฟของลาํ ดบั ไดดงั น้ี จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจุดในกราฟจะเขาใกล 0 ซึง่ หมายความวา เมื่อ n มากขึ้นโดยไมม ีท่สี ้ินสดุ an จะเขา ใกล 0 แตไ มเทา กบั 0 ดงั น้ัน ลาํ ดบั น้เี ปนลําดบั ลเู ขา และลมิ ิตของลําดบั เทากบั 0 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 211 1 8) จาก an = 2 n 3 11 1 11 1 เขียนลําดบั ไดเปน 2 , 2 2 , 2 3 , 2 4 , 2 5 , 2 6 ,, 2 n , 3 3 3 3 3 3 3 เขียนกราฟของลาํ ดบั ไดด ังนี้ จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจดุ ในกราฟจะเขาใกล 1 ซึ่งหมายความวา เม่ือ n มากข้ึนโดยไมม ที ีส่ ้ินสุด an จะเขา ใกล 1 แตไมเ ทากับ 1 ดงั นนั้ ลาํ ดับนีเ้ ปนลําดับลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดบั เทา กบั 1 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
212 คูมือครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 1 9) จาก an = − 4 n 3 เขยี นลําดับไดเ ปน − 4 , 4 2 , − 4 3 , 4 4 , , − 4 n , 3 3 3 3 3 เขยี นกราฟของลําดบั ไดด งั นี้ จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจุดในกราฟมลี ักษณะขึ้นและลงสลบั กัน โดยไมเขาใกลค า ใดคาหน่งึ ดังน้นั ลาํ ดับน้ีเปนลาํ ดับลอู อก สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 213 10) จาก an = n 2 2n + เขยี นลาํ ดับไดเ ปน 1, 2, 3 , 4 , 5 , 6, 7 , 8 , , 2n n 2 , 4 6 10 18 34 66 130 258 + เขียนกราฟของลาํ ดบั ไดดังนี้ จากกราฟ จะเหน็ วา แนวของจุดในกราฟจะเขาใกล 0 ซึง่ หมายความวา เม่ือ n มากขึ้นโดยไมม ที ่ีสนิ้ สุด an จะเขาใกล 0 แตไมเ ทา กับ 0 ดงั นั้น ลาํ ดับนีเ้ ปนลําดบั ลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดับเทา กับ 0 2. 1) เน่อื งจาก lim 8 = 8 lim 1 = 8(0) = 0 n→∞ 3n 3 n n→∞ 3 ดงั นนั้ lim 8 = 0 n→∞ 3n น่นั คือ ลาํ ดบั น้เี ปน ลาํ ดับลูเขา และลมิ ติ ของลาํ ดับคือ 0 2) เน่ืองจาก 7 <1 8 พิจารณา li=m 1 lni=→m∞ 78nn lni→m∞= 87 n 0 an→∞ n จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลําดบั นี้เปน ลาํ ดับลูออก สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
214 คูมอื ครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 เนือ่ งจาก3) =an 24=81−−2nn 22=82−−22nn 1 26 จะได lim 41−n = lim 1 28−2n 26 n→∞ n→∞ =1 26 ดังนัน้ lim 41−n =1 n→∞ 28−2n 26 นัน่ คอื ลําดบั นเ้ี ปนลําดับลูเขา และลิมติ ของลําดบั คือ 1 26 4) เน่ืองจาก 1 <1 จะได lim 1 n = 0 2 2 n→∞ ดงั น้นั lim 3 1 n = 3 lim 1 n =3× 0 =0 2 n→∞ 2 n→∞ นั่นคอื ลาํ ดับน้เี ปน ลําดบั ลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดับคอื 0 5) เน่ืองจาก lim 4 + 1 = lim 4 + lim 1 n n→∞ n→∞ n n→∞ = 4+0 =4 ดงั นนั้ lim 4 + 1 =4 n n→∞ นนั่ คือ ลาํ ดบั น้เี ปนลาํ ดบั ลูเ ขา และลิมติ ของลําดบั คอื 4 6) เนอื่ งจาก 6n − 4 n 6 − 4 lim n n→∞ 6n = lim n→∞ 6n 6− 4 = lim n n→∞ 6 lim 6 − 4 n = n→∞ lim 6 n→∞ lim 6 − lim 4 = n→∞ n→∞ n lim 6 n→∞ สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 215 lim 6 − 4 lim 1 = n→∞ n→∞ n lim 6 n→∞ 6 − 4(0) = 6 =1 ดังนนั้ lim 6n − 4 =1 n→∞ 6n น่นั คอื ลาํ ดับนีเ้ ปน ลําดบั ลูเขา และลิมิตของลาํ ดับคอื 1 7) พจิ ารณา lim 1 = lim 6 n→∞ an n→∞ 3n + 5 n 6 n = lim n→∞ 5 n 3 + n 6 = lim n n→∞ 3 + 5 n lim 6 = n→∞ n 5 lim 3 + n n→∞ lim 6 = n→∞ n lim 3 + lim 5 n→∞ n→∞ n 6 lim 1 = n→∞ n lim 3 + 5 lim 1 n→∞ n→∞ n 6(0) = 3+ 5(0) =0 จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลําดับ an เปนลาํ ดบั ลูออก สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
216 คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 8) เนื่องจาก lim n = lim n n→∞ n +1 n→∞ n 1 + 1 n = lim 1 n→∞ 1 + 1 n lim 1 = n→∞ 1 1 lim + n n→∞ lim 1 = n→∞ lim 1 + lim 1 n→∞ n→∞ n 1 = 1+ 0 =1 ดงั น้นั lim n =1 n→∞ n +1 นั่นคือ ลําดบั นเี้ ปน ลําดบั ลูเขา และลมิ ติ ของลําดบั คอื 1 9) เนอ่ื งจาก lim 4 + 5n = lim 4 + 5 n2 n2 n n→∞ n→∞ = lim 4 + lim 5 n→∞ n2 n→∞ n = 0+0 =0 ดังนนั้ lim 4 + 5n = 0 n2 n→∞ นั่นคอื ลาํ ดบั นี้เปนลาํ ดบั ลเู ขา และลิมิตของลําดับคือ 0 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 1 217 10) เนอ่ื งจาก 2n −1 n 2 − 1 lim n n→∞ 3n + 1 = lim n→∞ n 3 + 1 n 2− 1 = lim n n→∞ 3 + 1 n lim 2 − 1 n = n→∞ lim 3 + 1 n n→∞ lim 2 − lim 1 = n→∞ n→∞ n lim 3 + lim 1 n→∞ n→∞ n = 2−0 3+0 2 = 3 ดังนนั้ lim 2n −1 = 2 3n +1 3 n→∞ นั่นคือ ลําดบั นีเ้ ปนลาํ ดบั ลูเ ขา และลมิ ติ ของลําดบั คือ 2 3 11) พิจารณา lim 1 = lim 7n −1 n→∞ an 3n2 − 5n n→∞ n2 7 − 1 n n2 = lim n→∞ 5 n 2 3 − n 7− 1 = lim n n2 n→∞ 3 − 5 n สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
218 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 lim 7 − 1 n n2 = n→∞ lim 3 − 5 n n→∞ = lim 7 − lim 1 n n→∞ n2 n→∞ lim 3 − lim 5 n→∞ n→∞ n = 0−0 3−0 =0 จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลาํ ดับ an เปน ลาํ ดับลอู อก 12) เนอื่ งจาก lim 7n2 = lim 7n2 n→∞ 5n2 −3 n→∞ n2 5 − 3 n2 = lim 7 3 n→∞ n2 5− lim 7 = n→∞ 3 lim 5 − n2 n→∞ lim 7 = n→∞ 3 lim 5 − lim n2 n→∞ n→∞ 7 = 5−0 7 = 5 ดงั นนั้ lim 7n2 = 7 5n2 − 3 5 n→∞ น่ันคือ ลําดับนเี้ ปนลําดบั ลเู ขา และลมิ ติ ของลําดับคอื 7 5 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 219 13) เนื่องจาก lim 4n2 − 2n + 3 = lim 4 − 2 + 3 n2 n n2 n→∞ n→∞ = lim 4 − lim 2 + lim 3 n→∞ n n→∞ n2 n→∞ = 4−0+0 =4 ดงั นน้ั lim 4n2 − 2n + 3 = 4 n2 n→∞ น่นั คือ ลําดบั นี้เปนลําดับลเู ขา และลิมิตของลาํ ดบั คอื 4 14) เนื่องจาก 3n2 −1 n2 3 − 1 10n − 5n2 n2 lim = lim n→∞ 10 n→∞ n2 n − 5 3− 1 n2 = lim n→∞ 10 − 5 n lim 3 − 1 n2 = n→∞ lim 10 − 5 n n→∞ lim 3 − lim 1 n2 = n→∞ n→∞ lim 10 − lim 5 n→∞ n n→∞ 3−0 = 0−5 = −3 5 ดังนั้น lim 3n2 −1 = −3 10n − 5n2 5 n→∞ นั่นคอื ลําดับนี้เปน ลาํ ดบั ลูเขา และลิมิตของลําดบั คอื − 3 5 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
220 คมู ือครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 พจิ ารณา 1− 1 n +1− n 1= n2 1 1 n n+1 n2 + n n2 15) = n(n +1) = = n2 1 1 1+ 1 n2 + n n 1 ดงั นั้น lim 1 − 1 = lim n2 n n +1 n→∞ 1 + 1 n→∞ n = lim 1 n2 n→∞ lim 1 + lim 1 n→∞ n→∞ n =0 1+ 0 =0 นัน่ คือ ลําดบั น้เี ปนลําดบั ลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดบั คอื 0 เน่อื งจาก16) lim 3n+1 = lim 3 ⋅ 3n 5n+2 52 ⋅ 5n n→∞ n→∞ = 3 lim 3 n 25 5 n→∞ และ 3 <1 จะได lim 3 n = 0 5 5 n→∞ ดังนั้น 3 lim 3 n = 3 ×0= 0 25 5 25 n→∞ น่นั คือ lim 3n+1 =0 5n+2 n→∞ ดังน้นั ลาํ ดบั นีเ้ ปน ลําดับลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดบั คอื 0 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 221 เนื่องจาก17) 2n−1 + 3 = 2n−1 + 3 = 1 2 n + 1 1 n 3n+2 3n+2 3n+2 18 3 3 3 จะได lim 2n−1 + 3 = lim 1 2 n + 1 1 n n→∞ 3n+2 18 3 3 3 n→∞ = lim 1 2 n + lim 1 1 n 18 3 3 3 n→∞ n→∞ = 1 lim 2 n + 1 lim 1 n 18 3 3 3 n→∞ n→∞ เนื่องจาก 2 <1 จะได lim 2 n = 0 3 3 n→∞ ดงั น้นั 1 lim 2 n = 1 ×0= 0 18 3 18 n→∞ เนื่องจาก 1 <1 จะได lim 1 n = 0 3 3 n→∞ ดงั น้นั 1 lim 1 n = 1 × 0 = 0 3 3 3 n→∞ นั่นคอื lim 2n−1 + 3 =0+0 =0 3n+2 n→∞ ดังนน้ั ลําดบั นีเ้ ปนลาํ ดบั ลเู ขา และลมิ ติ ของลําดบั คือ 0 18) เนื่องจาก n −1 = lim n 1− 1 lim n→∞ n n→∞ n +1 n 1+ 1 n 1− 1 n = lim 1 n→∞ 1 + n lim 1− lim 1 n→∞ n→∞ n = 1 lim 1+ lim n→∞ n→∞ n สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
222 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 lim 1− lim 1 n→∞ n→∞ 1 = n2 lim 1+ lim 1 n→∞ n→∞ 1 n2 1− 0 = 1+ 0 =1 ดังน้นั lim n −1 =1 n→∞ n +1 นน่ั คอื ลาํ ดบั นี้เปนลําดับลเู ขา และลมิ ิตของลาํ ดับคือ 1 19) เนอ่ื งจาก lim n2 −1 n2 1 − 1 n→∞ 4n n2 = lim n→∞ 4n n 1− 1 lim n2 = n→∞ 4n 1 − 1 n2 = lim n→∞ 4 = lim 1− lim 1 n2 n→∞ n→∞ lim 4 n→∞ = 1−0 4 =1 4 ดงั น้ัน lim n2 −1 = 14 n→∞ 4n น่นั คอื ลาํ ดบั นเี้ ปน ลาํ ดับลูเ ขา และลมิ ติ ของลาํ ดบั คอื 1 4 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 223 20) เนื่องจาก 4n2 −1 n2 4 − 1 lim n2 n→∞ 2n + 3 n3 + 2 = lim n→∞ n3 1 + 2 2n + 3 n3 n 4 − 1 n2 = lim n→∞ 2 2n + n3 1+ n3 n 4 − 1 n2 = lim n→∞ n 2 + 2 3 1+ n3 4 − 1 n2 = lim n→∞ 2 2+ 3 1+ n3 lim 4 − lim 1 n→∞ n→∞ n2 = 2 lim 2 + 3 lim 1 + lim n3 n→∞ n→∞ n→∞ 4−0 = 2+ 31+0 2 = 3 ดังน้นั lim 4n2 −1 = 2 n→∞ 2n + 3 n3 + 2 3 นัน่ คือ ลําดับนเี้ ปนลําดบั ลเู ขา และลมิ ติ ของลําดบั คอื 2 3 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
224 คูม อื ครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 21) เนื่องจาก lim 23n+2 4(8n ) n→∞ 32n−1 = lim ( )n→∞ 1 9n 3 = 12 lim 8 n n→∞ 9 และ 8 <1 จะได lim 8 n =0 9 9 n→∞ ดังนน้ั 12 lim 8 n = 12 × 0 = 0 n→∞ 9 นน่ั คอื lim 23n+2 =0 n→∞ 32n−1 ดังน้นั ลาํ ดับน้ีเปน ลําดบั ลูเ ขา และลิมิตของลาํ ดับคือ 0 22) เนอื่ งจาก lim 1 = lim 3 + 2n 2 8n2 + 5n + n→∞ an n→∞ n2 3 + 2 n2 n = lim n→∞ 5 2 n2 8 + n + n2 3 +2 = lim n2 n n→∞ 5 2 8 + n + n2 = lim 3 + lim 2 n2 n→∞ n n→∞ lim 8 + lim 5 + lim 2 n→∞ n n→∞ n2 n→∞ 0+0 = 8+0+0 =0 จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลาํ ดบั an เปน ลาํ ดบั ลอู อก 23) จาก r > 0 จะได r > 0 และ 1+ r >1 12 12 n จาก 1 <1 จะได lim 1 r =0 1+ r + n→∞ 1 12 12 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 225 พจิ าร=ณา lim 1 n 0 lni=→m∞ 1 +1 r an→∞ lni→m∞= 1 +11r2 n n 12 จากทฤษฎีบท 4 จะไดวา ลําดบั an เปนลาํ ดับลอู อก 24) พจิ ารณา ( )( ) ( )lim ( )n→∞ n2 − 5 + 1− n3 n2 − 5 n2 + 3n + 1 − n3 (n + 2) n+2 n2 + 3n = lim (n + 2) n2 + 3n n→∞ = lim ( ) ( )n4 + 3n3 − 5n2 −15n + n + 2 − n4 − 2n3 n→∞ n3 + 5n2 + 6n = lim n3 − 5n2 −14n + 2 n→∞ n3 + 5n2 + 6n n3 1 − 5 − 14 + 2 n n2 n3 = lim n→∞ 1 + 5 6 n3 n + n2 = lim 1 − lim 5 − lim 14 + lim 2 n n→∞ n2 n→∞ n3 n→∞ n→∞ lim 1 + lim 5 + lim 6 n n→∞ n2 n→∞ n→∞ = 1−0−0+0 1+ 0 + 0 =1 ดังน้ัน ลาํ ดบั น้เี ปน ลําดับลเู ขา และลมิ ติ ของลําดับคือ 1 3. 1) เปนเทจ็ ให an = n และ bn = −n จะไดว า lim an = lim n ซ่งึ ไมม ีคา และ nli→m∞=bn lim (−n) ซงึ่ ไมม คี า n→∞ n→∞ n→∞ ดังนน้ั ลําดับ an และ ลําดับ bn เปนลาํ ดบั ลอู อก พจิ ารณา an + bn = n + (−n) = 0 จะไดว า lim (an + bn ) = lim 0 = 0 n→∞ n→∞ ดังนัน้ ลําดับ an + bn เปนลําดบั ลูเขา สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
226 คูม ือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 2) เปนเท็จ ให an = 0 และ bn = n จะไดวา nli→m=∞ an l=im 0 0 และ lim bn = lim n ซ่ึงไมมคี า n→∞ n→∞ n→∞ ดงั น้ัน an เปนลาํ ดับลเู ขา และ bn เปน ลําดบั ลูอ อก พิจารณา an + bn = 0 + n = n จะไดวา lim =1 l=im 1 0 n→∞ an + bn n→∞ n ดงั น้ัน an + bn เปนลําดับลูอ อก 4. 1) บริษัทแหงน้มี ีงบรายจา ยปแ รก 2.5 พนั ลานบาท และวางแผนจะปรบั ลดงบรายจา ยลง 20% ของปก อ นหนา จะไดว า งบรายจายในปที่ 1 หลงั จากปรับลดงบ เทากับ 2.5(0.8) พันลา นบาท งบรายจา ยในปที่ 2 หลงั จากปรับลดงบ เทากับ (2.5(0.8))(0.8) = 2.5(0.8)2 พนั ลานบาท งบรายจา ยในปที่ 3 หลังจากปรบั ลดงบ เทากบั ( )2.5(0.8)2 (0.8) = 2.5(0.8)3 พนั ลา นบาท งบรายจายในปท ี่ 4 หลงั จากปรบั ลดงบ เทากับ ( )2.5(0.8)3 (0.8) = 2.5(0.8)4 พันลานบาท ดังนน้ั งบรายจา ยในปท ีส่ ่หี ลงั จากปรับลดงบ เทา กับ 2.5(0.8)4 =1.024 พนั ลานบาท 2) จากขอ 1) จะไดว า n ปห ลังจากปรับลดงบ งบรายจา ยเทากับ 2.5(0.8)n พันลานบาท ดังนั้น งบรายจายในปท ่ี n หลงั จากปรบั ลดงบ เทากับ 2.5(0.8)n พนั ลานบาท 3) จากขอ 1) และ 2) จะได งบรายจา ยในปท ่ี 1, 2, 3, , n, หลงั จากปรบั ลดงบ คือ 2.5(0.8), 2.5(0.8)2 , 2.5(0.8)3 , , 2.5(0.8)n , ซ่ึงเปนลําดับเรขาคณิตท่ีมี พจนแ รกเปน 2.5(0.8) และอัตราสวนรว มเปน 0.8 ( )พจิ ารณา lim 2.5(0.8)n = 2.5 lim (0.8)n n→∞ n→∞ เนอ่ื งจาก 0.8 <1 จะได lim (0.8)n = 0 n→∞ ดังน้นั 2.5 lim (0.8)n = 2.5× 0= 0 n→∞ ( )นน่ั คือ lim 2.5(0.8)n = 0 n→∞ ดังนนั้ ลาํ ดบั ของงบของรายจายนเ้ี ปนลาํ ดับลูเ ขา สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 1 227 แบบฝกหัด 1.3.1 1. 1) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S4 = 4 (2(3) + (4 −1)(2)) = 24 2 ดงั นนั้ ผลบวก 4 พจนแ รกของอนกุ รมเลขคณติ นี้ คือ 24 2) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S11 = 11(2(−7) + (11−1)(3)) = 88 2 ดงั นนั้ ผลบวก 11 พจนแ รกของอนุกรมเลขคณิตน้ี คือ 88 3) จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S14 = 14 (2(−5) + (14 −1)(−2)) = −252 2 ดงั นั้น ผลบวก 14 พจนแ รกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ −252 4) จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S7 = 7 (5 + 29) = 119 2 ดงั นั้น ผลบวก 7 พจนแ รกของอนกุ รมเลขคณิตน้ี คือ 119 5) จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S9 = 9 (−3 + 37) = 153 2 ดงั นั้น ผลบวก 9 พจนแรกของอนุกรมเลขคณติ น้ี คือ 153 2. 1) อนกุ รมทกี่ าํ หนดใหม ี a1 = 5 และ d = 2 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S50 = 50 (2(5) + (50 −1)(2)) = 2,700 2 ดงั น้นั ผลบวก 50 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คอื 2,700 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
228 คูม ือครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 2) อนกุ รมที่กําหนดใหมี a1 = 0 และ d = 2 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S30 = 30 (2(0) + (30 −1)(2)) = 870 2 ดังนั้น ผลบวก 30 พจนแ รกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คอื 870 3) อนุกรมที่กําหนดใหม ี a1 = −2 และ d = 5 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S60 = 60 (2(−2) + (60 −1)(5)) = 8,730 2 ดังนัน้ ผลบวก 60 พจนแ รกของอนุกรมเลขคณติ นี้ คอื 8,730 4) อนกุ รมท่ีกําหนดใหม ี a1 = 5 และ d = −3 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S75 = 75 (2(5) + (75 −1)(−3)) = −7, 950 2 ดังนน้ั ผลบวก 75 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ −7,950 5) อนกุ รมที่กาํ หนดใหม ี a1 = 1 และ d = 1 2 2 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S50 = 50 2 1 + (50 − 1) 1 = 1, 275 2 2 2 2 ดงั น้ัน ผลบวก 50 พจนแรกของอนุกรมเลขคณิตน้ี คอื 1,275 2 3. 1) จาก an = a1 + (n −1) d อนกุ รมที่กําหนดใหมี a1 = 6, d = 3 และ an = 99 จะได 99 = 6 + (n −1)(3) 99 = 6 + 3n − 3 n = 32 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 229 จะได S32 = 32 (6 + 99) = 1,680 2 ดังนั้น ผลบวกของอนกุ รมเลขคณิตนี้ คือ 1,680 2) จาก an = a1 + (n −1) d อนุกรมที่กาํ หนดใหมี a1 = −7, d = −3 และ an = −109 จะได −109 = −7 + (n −1)(−3) −109 = −7 − 3n + 3 n = 35 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S35 = 35 (−7 + (−109)) = −2, 030 2 ดังนั้น ผลบวกของอนุกรมเลขคณติ นี้ คือ −2,030 3) จาก an = a1 + (n −1) d อนุกรมที่กาํ หนดใหม ี a1 = −7, d = 3 และ an =131 จะได 131 = −7 + (n −1)(3) 131 = −7 + 3n − 3 n = 47 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S47 = 47 (−7 +131) = 2, 914 2 ดงั นนั้ ผลบวกของอนกุ รมเลขคณติ น้ี คือ 2,914 4. ให a10 = 20 และ a5 = 10 จะได 20 = a1 + (10 −1)d น่นั คอื 20 = a1 + 9d ----- (1) ----- (2) และ 10 = a1 + (5 −1) d น่นั คือ 10 = a1 + 4d จาก (1) และ (2) จะได d = 2 และ a1 = 2 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
230 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 พิจารณาผลบวกของพจนท ่ี 8 ถงึ พจนท ่ี 15 คือ a8 + a9 + a10 + + a15 = (a1 + a2 + a3 + + a15 ) − (a1 + a2 + a3 + + a7 ) = S15 − S7 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S7 = 7 (2(2) + (7 −1)(2)) = 56 2 และ S15 = 15 (2(2) + (15 −1)(2)) = 240 2 น่นั คอื S15 − S7 = 240 − 56 = 184 ดงั น้นั ผลบวกของพจนท ่ี 8 ถึงพจนท ี่ 15 ของอนุกรมเลขคณติ น้ี คอื 184 5. จากทก่ี ําหนดให จะไดว า ทบั ทมิ ออมเงินวนั แรก 1 บาท ออมเงินในวันที่สอง 1 + 1 = 2 บาท ออมเงินในวนั ท่ีสาม 2 + 1 = 3 บาท ในทํานองเดยี วกัน จะไดวา ทับทมิ ออมเงนิ ในวันท่ี n เทา กับ n บาท จะได เงนิ ที่ทบั ทิมออมในวันที่ 1, 2, 3, , n คือ 1, 2, 3, , n บาท ซง่ึ เปนลําดับ เลขคณติ ที่มพี จนแรกเปน 1 และผลตางรวมเปน 1 ให Sn แทนจาํ นวนเงนิ ออมทัง้ หมดของทับทิม เม่ือออมครบ n วัน ดังนน้ั จํานวนเงนิ ออมทง้ั หมดของทับทิม เม่ือออมครบ 30 วนั คือ S30 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S30 = 30 (2(1) + (30 −1)(1)) = 465 2 ดงั น้นั ถา ทบั ทิมออมเงินจนครบ 30 วัน ทับทมิ จะมีเงนิ ออมทง้ั หมด 465 บาท 6. ให a1 = 6, d = 4 และ an = 26 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 26 = 6 + (n −1)(4) 26 = 6 + 4n − 4 n =6 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 1 231 จะได S6 = 6 (6 + 26) = 96 2 ดงั น้นั ผลบวกของอนุกรมเลขคณิตนี้ คือ 96 7. ลาํ ดบั ของจาํ นวนคี่บวก คือ 1, 3, 5, 7,, 2n −1, ซง่ึ เปนลาํ ดบั เลขคณิตท่ีมีพจนแรกเปน 1 และผลตา งรวมเปน 2 ให Sn แทนผลบวกของจาํ นวนค่บี วก n จํานวนแรก พจิ ารณาผลบวกของจาํ นวนค่ีบวก 100 จาํ นวนแรก ซึ่งคือ S100 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S100 = 100 (2(1) + (100 −1)(2)) = 10,000 2 ดังน้ัน ผลบวกของจํานวนค่บี วก 100 จํานวนแรก คอื 10,000 8. ลาํ ดบั ของจํานวนเต็มบวกท่เี ปนพหุคูณของ 3 คือ 3, 6, 9,12,, 2n +1, ซง่ึ เปนลาํ ดบั เลขคณิตท่ีมีพจนแรกเปน 3 และผลตา งรวมเปน 3 ให Sn แทนผลบวกของจํานวนเต็มบวก n จํานวนแรกทเ่ี ปนพหคุ ณู ของ 3 พจิ ารณาผลบวกของจาํ นวนเตม็ บวกยส่ี ิบจาํ นวนแรกทเ่ี ปนพหุคณู ของ 3 ซ่งึ คือ S20 จาก Sn = n ( 2a1 + ( n − 1) d ) 2 จะได S20 = 20 (2(3) + (20 −1)(3)) = 630 2 ดังน้ัน ผลบวกของจาํ นวนเต็มบวกยส่ี บิ จํานวนแรกท่ีเปน พหุคูณของ 3 คือ 630 9. ลาํ ดับของจาํ นวนคี่ต้งั แต 17 ถึง 379 คือ 17, 19, 21, …, 379 เปน ลําดบั เลขคณิตท่ีมีพจนแรก เปน 17 พจนส ุดทา ยเปน 379 และผลตา งรว มเปน 2 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 379 = 17 + (n −1)(2) 379 = 17 + 2n − 2 n = 182 ดงั นน้ั ผลบวกของจาํ นวนค่ีตั้งแต 17 ถงึ 379 คอื ผลบวกของ 182 พจนแรกของอนุกรม เลขคณิตท่ไี ดจ ากลําดับเลขคณติ น้ี ซึง่ คือ S182 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
232 คูมือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 1 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S182 = 182 (17 + 379) = 36,036 2 ดงั นน้ั ผลบวกของจาํ นวนคี่ตั้งแต 17 ถงึ 379 คือ 36,036 10. การจดั แผนไมต ามเง่ือนไขที่กําหนดเปน ดงั รปู ช้นั ที่ n แผน ไม 5 แผน ชัน้ ที่ 4 แผน ไม 27 แผน ช้นั ท่ี 3 แผนไม 28 แผน ชัน้ ท่ี 2 แผน ไม 29 แผน ชั้นท่ี 1 แผน ไม 30 แผน จากการจัดวางแผนไมใ นชั้นท่ี 2 โดยใหแ นวกึ่งกลางของแผนไมแ ตล ะแผน อยูตรงกบั รอยตอ ของแผน ไมแ ตล ะคูในช้ันท่ี 1 จะไดว า ชั้นท่ี 2 มีแผนไมทวี่ างจํานวนท้งั หมด 30 −1=29 แผน จากการจัดวางแผนไมในชนั้ ที่ 3 โดยใหแ นวก่งึ กลางของแผนไมแตละแผน อยูตรงกบั รอยตอ ของแผน ไมแตล ะคูในชน้ั ที่ 2 จะไดว า ชน้ั ที่ 3 มีแผน ไมท ่ีวางจาํ นวนท้งั หมด 29 −1=28 แผน ให n เปน ช้ันทมี่ ีแผนไมทวี่ างจาํ นวนทง้ั หมด 5 แผน จะไดวา จํานวนแผน ไมท ี่วางในช้ันท่ี 1, 2, 3, , n คือ 30, 29, 28,, 5 ซ่ึงเปน ลําดับ เลขคณิตที่มพี จนแรกเปน 30 พจนท ี่ n เปน 5 และผลตางรว มเปน −1 จาก an = a1 + (n −1) d จะได 5 = 30 + (n −1)(−1) 5 = 30 − n +1 n = 26 ดังน้ัน จาํ นวนแผน ไมตัง้ แตช นั้ ท่ี 1 จนถงึ ชัน้ ทม่ี ีแผน ไม 5 แผน คอื ผลบวกของ 26 พจนแ รก ของอนกุ รมเลขคณติ ที่ไดจ ากลาํ ดบั เลขคณติ นี้ ซึ่งคือ S26 จาก Sn = n ( a1 + an ) 2 จะได S26 = 26 (30 + 5) = 455 2 ดงั น้นั แผนไมกองไมน ี้มี 26 ชน้ั และมแี ผน ไมทั้งหมด 455 แผน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 233 แบบฝก หดั 1.3.2 ( )1. 1) จาก Sn = a1 1 − r n 1− r จะได 3(1− 24 ) S4 = 1 − 2 = 45 ดังนั้น ผลบวก 4 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ 45 ( )2) จาก Sn = a1 1 − r n 1− r ( )จะได 5 1− 47 S7 = 1 − 4 = 27,305 ดังนน้ั ผลบวก 7 พจนแ รกของอนกุ รมเรขาคณติ นี้ คือ 27,305 ( )3) จาก Sn = a1 1 − r n 1− r ( )(−3) 1− 59 = 3 1 − 59 4 ( )จะได S9 = 1−5 ดังนน้ั ผลบวก 9 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณติ น้ี คือ 3 (1− 59 ) 4 ( )4) จาก Sn = a1 1 − r n 1− r ( )( )จะได S11 = (−7) 1 − 311 = 7 1 − 311 2 1−3 ดังน้ัน ผลบวก 11 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณิตนี้ คอื ( )7 1− 311 2 ( )5) จาก Sn = a1 1 − r n 1− r ( ) ( )จะได S14 = (−5) 1− (−2)14 = 5 214 −1 3 1− (−2) ดงั นนั้ ผลบวก 14 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตน้ี คอื (5 214 −1) 3 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
234 คูม ือครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 2. 1) อนกุ รมเรขาคณิตท่ีกําหนดใหมี a1 = 2 และ r= 6= 3 2 แทน n ดว ย 9 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r ( )จะได 2 1 − 39 S9 = 1 − 3 = 39 −1 = 19,682 ดงั น้ัน ผลบวก 9 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณติ นี้ คือ 19,682 2) อนกุ รมเรขาคณิตที่กําหนดใหมี a1 = 9 และ =r 1=2 4 9 3 แทน n ดว ย 8 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r 9 − 4 8 9 − 4 8 8 1 3 1 3 1 จะได S8 = = = −27 − 4 1− 4 −1 3 33 ดงั นนั้ ผลบวก 8 พจนแรกของอนุกรมเรขาคณิตน้ี คือ −27 − 4 8 1 3 4 3) อนกุ รมเรขาคณติ ที่กาํ หนดใหมี a1 = 2 และ =r 92= 2 3 3 3 แทน n ดวย 10 ใน Sn ( )= a1 1− rn 1− r 2 − 2 10 10 3 1 3 1 จะได S10 = = 2 − 2 1− 2 3 3 ดังนน้ั ผลบวก 10 พจนแ รกของอนุกรมเรขาคณติ น้ี คือ 2 − 2 10 1 3 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 235 3. 1) อนกุ รมทกี่ าํ หนดใหม ี a1 = 9, =r 2=7 3 และ an = 729 9 จาก an = a1rn−1 จะได ( )729 = 9 3n−1 น่นั คือ 81 = 3n−1 34 = 3n−1 n −1 = 4 n=5 แทน n ดวย 5 ใน Sn = ( )a1 rn −1 r −1 ( )S5 จะได = 9 35 −1 = 9 (243 −1) = 1,089 3−1 2 ดังน้นั ผลบวกของอนุกรมเรขาคณิตน้ี คือ 1,089 2) อนุกรมท่กี าํ หนดใหมี a1 = 4, r= 2= 1 และ an =1 4 2 512 จาก an = a1rn−1 จะได 1 1 n −1 512 2 = 4 1 = 1 n−1 211 2 1 11 = 1 n−1 2 2 น่นั คือ n −1 = 11 n = 12 แทน n ดวย 12 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r 4 − 1 12 12 1 2 1 จะได S12 = = 8 − 1 1− 1 2 2 ดังนั้น ผลบวกของอนกุ รมเรขาคณิตน้ี คือ − 1 12 81 2 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
236 คมู ือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 1 3) อนุกรมที่กาํ หนดใหม ี a1 = 1, r= −2 = −2 และ an = 256 1 จาก an = a1rn−1 จะได 256 = 1(−2)n−1 (−2)8 = (−2)n−1 นั่นคือ n −1 = 8 n=9 แทน n ดวย 9 ใน Sn = ( )a1 1− rn 1− r ( )จะได 1 1− (−2)9 = 1 (1+ 512) = 171 S9 = 1− (−2) 3 ดงั นั้น ผลบวกของอนกุ รมเรขาคณิตน้ี คือ 171 4. จากที่กาํ หนดให จะไดวา มังกรออมเงินวันแรก 1 บาท ออมเงนิ ในวันที่สอง 2(1)= 2= 21 บาท ออมเงนิ ในวันทส่ี าม 2(2)= 4= 22 บาท ออมเงนิ ในวันทีส่ ี่ 2(4)= 8= 23 บาท ในทาํ นองเดียวกัน จะไดวา มังกรออมเงนิ ในวันท่ี n เทา กับ 2n−1 บาท จะได เงนิ ทม่ี ังกรออมในวนั ที่ 1, 2, 3, , n, คือ 1, 21, 22, , 2n−1, บาท ซึง่ เปน ลําดับเรขาคณิตทมี่ ีพจนแ รกเปน 1 และอตั ราสว นรว มเปน 2 ให Sn แทนจาํ นวนเงนิ ออมท้ังหมดของมังกร เม่ือออมครบ n วนั ดังน้ัน จํานวนเงนิ ออมทงั้ หมดของมังกร เมื่อออมครบ 15 วัน คอื S15 ( )จาก Sn = a1 r n −1 r −1 ( )จะได 1 215 −1 S15 = 2 −1 = 215 −1 = 32,767 ดงั นนั้ เม่ือครบ 15 วัน มังกรจะมเี งนิ ออมทง้ั หมด 32,767 บาท สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 1 237 5. จาก ยอดขายของบรษิ ัทแหงนใี้ นไตรมาสแรกของปที่ 1 คือ 300,000 บาท และผูจดั การฝา ยขายของบรษิ ัทตอ งการเพิ่มยอดขายขน้ึ ไตรมาสละ 3% ของยอดขายใน ไตรมาสกอนหนา จะไดว า ไตรมาสแรกของปท ี่ 1 ผูจดั การฝา ยขายทํายอดขายได 300,000 บาท เมอ่ื ผานไป 1 ไตรมาส (ไตรมาสสองของปท่ี 1) ผจู ัดการฝายขายทํายอดขายได 300,000(1.03) บาท เมอ่ื ผา นไป 2 ไตรมาส (ไตรมาสสามของปที่ 1) ผจู ัดการฝา ยขายทาํ ยอดขายได (300,000(1.03))(1.03) = 300,000(1.03)2 บาท เมื่อผานไป 3 ไตรมาส (ไตรมาสสข่ี องปท่ี 1) ผจู ดั การฝา ยขายทํายอดขายได ( )300,000(1.03)2 (1.03) = 300,000(1.03)3 บาท เมือ่ ผา นไป 4 ไตรมาส (ไตรมาสหน่ึงของปที่ 2) ผูจัดการฝายขายทํายอดขายได ( )300,000(1.03)3 (1.03) = 300,000(1.03)4 บาท ในทาํ นองเดียวกัน เมื่อผานไป n ไตรมาส ผจู ัดการฝายขายควรทํายอดขายได 300,000(1.03)n บาท จะไดวา เมื่อผา นไป 1, 2, 3, , n, ไตรมาส จากไตรมาสแรกของปท่ี 1 ผูจัดการฝา ยขายควรทาํ ยอดขายได 300000(1.03), 300000(1.03)2 , 300000(1.03)3 , , 300000(1.03)n , บาท ซึ่งเปน ลําดับเรขาคณติ ท่ีมีพจนแ รกเปน 300000(1.03) และอตั ราสว นรว มเปน 1.03 1) เน่ืองจาก ไตรมาสแรกของปท ี่ 3 คอื ไตรมาสท่ี 8 นับจากไตรมาสแรกของปท่ี 1 จะได ยอดขาย ณ ไตรมาสแรกของปท ่ี 3 คือ ยอดขายทผี่ ูจ ัดการฝายขายควรทํายอดได เมื่อผา นไป 8 ไตรมาส ซง่ึ เทากับ 300,000(1.03)8 ≈ 380,031.02 บาท ดงั นนั้ ผจู ัดการฝายขายควรทํายอดขายไตรมาสแรกของปท่ี 3 ใหไดป ระมาณ 380,031.02 บาท 2) ให Sn แทนยอดขายรวมทผ่ี จู ดั การฝา ยขายควรทําได เมื่อผา นไป n ไตรมาส นับจาก ไตรมาสแรกของปท่ี 1 พิจารณา ยอดขายรวมที่ผจู ัดการฝายขายควรทําไดต้ังแตไตรมาสสองของปท่ี 1 ถึงไตรมาสส่ี ของปท่ี 2 ซงึ่ คือ ยอดขายรวมทผ่ี จู ดั การฝายขายควรทาํ ไดเ มือ่ ผา นไป 7 ไตรมาส นับจาก ไตรมาสแรก หรือ S7 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
238 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 1 ( )จาก Sn = a1 r n −1 r −1 ( )จะได S7 = 300,000(1.03) (1.03)7 −1 ≈ 2,367,700.81 1.03 −1 น่ันคือ เมื่อครบสองป ผูจดั การฝา ยขายควรทํายอดขายรวมไดเทา กบั ยอดขายที่ไดใ น ไตรมาสแรกของปท่ี 1 รวมกับยอดขายรวมทผ่ี จู ัดการฝา ยขายควรทําไดตั้งแตไตรมาสสอง ของปท ี่ 1 ถึงไตรมาสส่ีของปที่ 2 ซง่ึ เทากบั 300,000 + S7 บาท ดังน้ัน เมอ่ื ครบสองป ผจู ัดการควรทํายอดขายทงั้ หมดใหไดประมาณ 300,000 + 2,367,700.81 = 2,667,700.81 บาท 6. ถังใบหนง่ึ มีนํ้าอยู 5,832 ลิตร แตละวันจะใชน าํ้ 1 ของปรมิ าณนา้ํ ท่อี ยูในถงั 3 วันท่ี 1 จะใชน้ําไป 1 (5,832) ลิตร และเหลอื น้ําอยูในถงั 5,832 − 1 (5,832) =2 (5,832) ลติ ร 3 33 วนั ท่ี 2 จะใชนา้ํ ไป 1 2 (5,832) ลติ ร และเหลอื นํ้าอยูในถัง 3 3 2 ( 5, 832) − 1 2 ( 5, 832 ) = 23 2 (5,832) ลติ ร 3 3 3 วนั ท่ี 3 จะใชนาํ้ ไป 2 2 (5,832) ลิตร และเหลอื น้ําอยูในถัง 3 2 2 ( 5, 832 ) − 1 2 2 ( 5, 832) = 23 3 (5,832) ลติ ร 3 3 3 ในทํานองเดียวกนั วันที่ จะใชนาํ้ ไป 2 n −1 ลิตร 3 n (5, 832 ) จะได ปริมาณนาํ้ ท่ีใชไ ปในวันที่ 1, 2, 3, , n, คอื 1 ( 5832 ) , 2 1 ( 5832) , 2 2 1 ( 5832 ) , , 2 n−1 1 ( 5832 ) , 3 3 3 3 3 3 3 ซง่ึ เปน ลาํ ดับเรขาคณติ ท่ีมพี จนแรกเปน 1 (5,832) และอตั ราสวนรว มเปน 2 33 ให Sn แทนปรมิ าณนํ้าท่ีใชไปทั้งหมด เม่อื ครบ n วัน ดงั นั้น ปรมิ าณนํา้ ทีใ่ ชไปทั้งหมด เมื่อครบ 6 วัน คือ S6 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 568
Pages: