Agricultural Sci. J. 40 : 1 (Suppl.) : 297-300 (2009) ว. วทิ ย. กษ. 40 : 1 (พเิ ศษ) : 297-300 (2552) ผลของ Sorbitol mannitol และ chitosan ตอ การคลายการพักตวั ของเมล็ดพนั ธุแฟง Effect of Sorbitol Mannitol and Chitosan on The Release of Wax Gourd Seed Dormancy เดือนเตม็ ลอยมา1 ทรงศลิ ป พจนช นะชยั 1 ภาณมุ าศ ฤทธไิ ชย2 และศริ ชิ ยั กัลยณารัตน1 Loyma, D.1, Photchanachai, S.1, Ritthichai, P.2 and Kanyanarat, S.1 Abstract Studied effect of improvement of wax gourd seed that they have 19% of germination due to they weredormancy. Seeds were soaked in sorbitol and mannitol solutions at 0 0.25 0.5 and 1 M for 48 hours or chitosansolution at 0 0.4 0.8 and 1.6% and then dried to the initial moisture content. Seed germination was improved by0.8% chitosan, 0.25 M sorbitol and mannitol soaking solutions. Mannitol at 0.25 M had the highest percentage ofgermination and vigor, but it was not significantly different from the seeds soaked in sorbitol at 0.25 M.Keywords : wax gourd seed, sorbitol, mannitol, chitosan บทคัดยอ การศึกษาผลของการกระตุนการงอกของเมล็ดพันธุแฟงท่ีมีความงอก 19 เปอรเซ็นต เนื่องจากเมล็ดมีการพักตัว ดวยการแชในสารละลาย sorbitol และ mannitol ที่ความเขมขน 0 0.25 0.5 และ 1 M เปนเวลา 48 ชั่วโมง สวนสารละลายchitosan ที่ความเขมขน 0 0.4 0.8 และ 1.6 เปอรเซ็นต เปนเวลา 1 ชั่วโมงกอนนําเมล็ดไปลดความชื้นใหเทากับความช้ืนเรมิ่ ตน พบวา เมล็ดที่แชในสารละลาย chitosan ความเขมขน 0.8 เปอรเซ็นต สารละลาย sorbitol และ mannitol ความเขมขน0.25 M มีความงอกสูงกวาความเขมขนอ่ืน และเมื่อเปรียบเทียบชนิดของสารละลายพบวา สารละลาย mannitol ความเขมขน0.25 M ใหเ ปอรเ ซ็นตก ารงอกและความแข็งแรงของเมล็ดสงู สดุ แตไมแ ตกตางกับเมล็ดที่แชในสารละลาย sorbitol ความเขมขน0.25 Mคําสาํ คญั : เมล็ดพนั ธแุ ฟง sorbitol mannitol chitosan คํานาํ seed priming เปนขบวนการกระตุนการงอกของเมล็ดกอนปลูกโดยการแชเมล็ดในนํ้า (hydropriming) หรือแชเมล็ดในสารละลาย (osmopriming) ท่ีสามารถควบคุมการดูดนํ้าของเมล็ดท่ีอุณหภูมิและระยะเวลาท่ีเหมาะสม (Bewley และBlack, 1982) เมื่อนําเมล็ดมาปลูกและไดรับนํ้าจะทําใหเมล็ดงอกไดเร็วขึ้นและไดตนกลาที่สม่ําเสมอทั้งแปลง (Heydecker,1977) ซึ่งจะยังสงผลตอความสะดวกในการจัดการระบบการปลูกพืช เชน การใสปุย ใหน้ําและเก็บเก่ียว สําหรับการทําpriming ในเมล็ดพันธุดวยสารอินทรียมีการวิจัยและรายงานมากขึ้นในปจจุบัน เนื่องจากการใชสารเคมีไมปลอดภัยตอส่ิงแวดลอม และเปนอันตรายตอมนุษย ดงั นนั้ การใชส ารอนิ ทรียจึงไดรับความนิยมมากยง่ิ ขึ้น Sorbitol และ mannitol เปนสารธรรมชาติท่ีพบในผักและผลไม (ศกลวรรณ, 2548) สามารถชวยควบคุมการดูดน้ําของเมล็ดใหชาลง โดยเพ่ิมความหนืดของน้ําและชวยปองกันการสูญเสียนํ้าตาลของเมล็ดได (Tonko, 2003) และยังมีการรายงานวา mannitol มีคุณสมบัติในการขจัดอนุมูลอิสระอีกดวย (Calcroft, 1999) สวนสารละลายไคโตซาน ซึ่งเปนวัสดุเหลือท้ิงจากอุตสาหกรรมการสงออกกุง สามารถควบคุมการดูดนํ้าและทําใหรอยละการงอกของเมล็ดเพ่ิมข้ึน นอกจากน้ีมีการรายงานการศึกษา osmopriming กับเมลด็ พชื ที่สาํ คัญทางเศรษฐกิจหลายชนดิ เชน พริก (Bradford et al., 1990)แตงกวา (Passam และ Kakouriotis, 1993) มะเขือเทศ (Cavallaro et al., 1994) เปนตน แมวานาฎญา (2548) รายงานวาเมล็ดพันธุฟกเขียวซ่ึงเปนพืชในกลุมเดียวกันสามารถคลายการพักตัวดวยการทํา hydropriming รวมกับการใหออกซิเจนเปนเวลา 7 ชั่วโมง โดยทําใหความงอกเพ่มิ ขึ้นประมาณ รอ ยละ 50 และวธิ ีการน้คี อ นขา งยงุ ยากสําหรับเกษตรกร ในเมล็ดพันธุแฟงซึ่งมีปญหาการพักตัวเชนเดียวกันยังไมมีรายงานวิธีการท่ีใหผลดี อีกท้ังยังขาดขอมูลยืนยันแนชัดถึงสาเหตุของการพักตัวของ1 คณะทรัพยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา ธนบุรี 83 หมู 8 ถนนเทยี นทะเล ทาขา ม บางขุนเทยี น กรงุ เทพ 10150School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, 83 Moo 8 Tein-talay Rd., Tha-knam, Bangkhuntein, Bangkok 101502 ภาควิชาเทคโนโลยกี ารเกษตร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร ศูนยรงั สติ ปทุมธานี 12121Department of Agricultural Technology, Faculty of Science and Technology, Thammasat University, Rangsit Campus, Pathumthani 1212
298 ผลของ Sorbitol mannitol และ chitosan ปท ี่ 40 ฉบับท่ี 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วิทยาศาสตรเ กษตรเมล็ดพันธุพืชชนิดน้ี งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงคเพื่อกระตุนการงอกและเพิ่มความสมํ่าเสมอของเมล็ดพันธุแฟงโดยการทําosmopriming ดวยสารอินทรีย และศึกษาการเปล่ียนแปลงเอ็นไซมที่เกี่ยวของกับการการสะสมอนุมูลอิสระ เพ่ือทราบขอมูลพ้นื ฐานและสะดวกตอ การนาํ ไปประยุกตใชใ นระบบเกษตรอนิ ทรยี ต อ ไป อุปกรณแ ละวิธีการ นําเมล็ดพันธุแฟงพันธุผสมเปด จากเมล็ดพันธุตราสิงห เก็บเกี่ยวชวงป พ.ศ. 2548 และมีความงอก 19 เปอรเซ็นตมาศึกษาการกระตุนการงอกของเมล็ดโดยวิธี seed priming โดยแชเมล็ดพันธุแฟงในสารละลาย sorbitol และ mannitolความเขมขน 0 0.25 0.5 และ 1 M เปนเวลา 24 ช่ัวโมง สวนไคโตซานท่ีความเขมขน 0 0.4 0.8 และ 1.6 เปอรเซ็นต เปนเวลา 1 ชั่วโมง กอนนําไปลดความช้ืนใหเทากับความช้ืนเร่ิมตนประมาณ 6 เปอรเซ็นต โดยการผึ่งใหแหงบนกระดาษฟางที่อุณหภูมิหอง เมื่อลดความช้ืนเมล็ดพันธุแลวนํามาตรวจสอบเปอรเซ็นตความงอกของเมล็ด (Germination persentage) คาDays to emergence (DTE) ดัชนีการงอก (Germination index: GI) และการเจริญเติบโตของตนกลา (seedling growthrate: SGR) ผลและวิจารณ เมล็ดพันธุแฟงที่แชในสารละลาย chitosan ที่ความเขมขน 0.8 เปอรเซ็นต มีเปอรเซ็นตความงอก (32.67 เปอรเซ็นต)และคา GI (2.75) สูงสุด ในขณะที่คา DTE และ SGR ไมมีความแตกตางกันทางสถิติ ในทุกความเขมขนในที่ทําการทดลอง(Table 1) ท้ังน้ีอาจจะเนื่องจาก chitosan ท่ีความเขมขน 0.8 เปอรเซ็นต ชวยในการ ควบคุมการดูดนํ้าของเมล็ดจึงทําใหเมล็ดดูดนํ้าไดเพียงพอตอการงอกซึ่งไมมากหรือนอยเกินไป แตอยางไรก็ตามท่ีความเขมขน 1.6 เปอรเซ็นต มีเปอรเซ็นตความงอกและความแข็งแรงลดลง ซง่ึ อาจมสี าเหตุ จากสารละลายมคี วามหนืดมาก ทําใหอ ัตราการดูดนํ้าชาเกิน ไป อีกทั้งความเขมขนสูงปริมาณ chitosan ที่ติดไปกับผิวเมล็ดมากกวาความเขมขนต่ํากวา เม่ือนําเมล็ดมาลดความช้ืน ทําใหความหนาของ chitosanที่เคลือบอยูท่ีผิวจึงหนามากกวา ความเขมขนท่ีต่ํากวา เมื่อนําามาเพาะจึงทําใหอัตราการดูดน้ําและออกซิเจนของเมล็ดจึงลดลงมากกวา ปริมาณนํ้าและออกซิเจนจึงไมเพียงพอตอการงอกของเมล็ด (Michel, 1983) ซ่ึงสอดคลองกับการทดลองของPhotchanachai et al. (2006) พบวาเมล็ดพริกท่ีแชในสารละลาย chitosan ที่ความเขมขน 0.2-0.8 เปอรเซ็นต ทําใหเปอรเซน็ ตการงอกเพ่มิ ขึน้ และท่ี 0.8 เปอรเซน็ ต มีเปอรเซน็ ตการงอกมากที่สุด สวนเมล็ดแฟงที่แชในสารละลาย sorbitol ความเขมขน 0.25 M ทําใหเมล็ดงอกสูงสุด มีเปอรเซ็นตการงอก 45.33เปอรเซ็นต, คา SGR 8.13 และคา GI สูงสุด 3.07 (Table 2) ในทํานองเดียวกันสารละลาย mannitol ที่ความเขมขน 0.25 Mมีเปอรเซ็นตการงอก 41.33 เปอรเซ็นต และคา GI 3.11 สูงสุด (Table 3) และพบวาสารละลาย mannitol ทุกความเขมขน ใหเปอรเซ็นตความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดสูงกวา control ซึ่งสอดคลองกับการทดลองของ Passam et al. (1988)รายงานวา เมื่อนําเมล็ดพันธุเมลอนมาแชในสารละลาย mannitol ความเขมขน 0.5 M เปนเวลา 3 วัน ชวยใหเมล็ดมีความงอกเพ่ิมขึ้น ดังน้ันสารละลาย sorbitol และ mannitol ความเขมขน 0.25 M จึงนาจะเปนความเขมขนท่ีเหมาะสมตอการดูดน้ําของเมล็ดแฟง ทําใหเมล็ดไดรับน้ําที่เพียงพอตอกระบวนการงอกไมมากหรือนอยเกินไป และอยางไรก็ตาม mannitol อาจจะมีผลตอขบวนการชีวเคมีบางอยางของเมล็ด เมื่อเพ่ิมความเขมขนข้ึน เมล็ดยังคงมีการงอกเพิ่มขึ้นอยู และจากการทดลองจะเห็นไดวา แมเมล็ดมีการงอกเพ่ิมขึ้นแตเพ่ิมขึ้นเพียงเล็กนอย แสดงวาเมล็ดนาจะมีสาเหตุของการพักตัวหลายแบบการรวมกันกลาวคือมีเปลือกหนาและมีเยื่อหุมเมล็ดซ่ึงจะไปจํากัดการเขาออกของนํ้า หรือมีสารยับยั้งการงอก ซ่ึงเคยมีรายงานวาการพักตัวของเมล็ดพืชตระกูลน้ีเกิดจากหลายสาเหตุรวมกันจึงทําใหวิธี seed priming กระตุนการงอก อาจจะไมไดผลเทาที่ควร และสําหรับการวิจัยท่ีกําลังศึกษาตอไป คือตรวจสอบสาเหตุของการพักตัวท่ีแทจริง เพ่ือเปนแนวทางในการประยุกตใชสําหรับการเพมิ่ ผลผลติ แฟงตอไป
ว. วทิ ยาศาสตรเกษตร ปที่ 40 ฉบบั ที่ 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ผลของ Sorbitol mannitol และ chitosan 299Table 1 Germination percentage, days to emergence, seedling growth rate and germination index of primed wax gourd seed with chitosan solutions.Solutions % Germination DTE SGR (mg/plant) GI 2.07bChitosan 0% 25.33b 5.67 10.30 2.09b 2.75aChitosan 0.4% 21.67b 5.43 9.47 2.00b 2.23Chitosan 0.8% 32.67a 5.52 9.20 **Chitosan 1.6% 23.33b 5.77 6.77 10.01Average 25.75 5.60 8.94F-test ** ns nsC.V.% 9.18 4.65 15.88Means in the same column followed by same letter are not significantly different by LSD at P=0.05Table 2 Germination percentage, days to emergence, seedling growth rate and germination index of primed wax gourd seed with sorbitol solutions.Solutions % Germination DTE SGR (mg/plant) GISorbitol 0 M 31.33b 4.53b 6.30 2.54aSorbitol 0.25 M 45.33a 4.83ab 8.13 3.07aSorbitol 0.5 M 31.33b 5.54a 6.83 1.85bSorbitol 1 M 37.33ab 4.70b 5.47 2.75aAverage 36.33 4.90 6.68 2.55F-test * * ns **C.V.% 12.71 9.48 20.49 10.33Means in the same column followed by same letter are not significantly different by LSD at P=0.05Table 3 Germination percentage, days to emergence, seedling growth rate and germination index of primed wax gourd seed with mannitol solutions.solutions % Germination DTE SGR (mg/plant) GI 2.54bMannitol 0 M 31.33 4.36 6.30 3.11a 2.97aMannitol 0.25 M 41.33 4.77 6.68 2.76ab 2.845Mannitol 0.5M 39.33 4.80 8.20 *Mannitol 1 M 38.00 5.06 8.17 7.51Average 37.50 4.75 7.34F-test ns ns nsC.V.% 9.98 10.80 20.85Means in the same column followed by same letter are not significantly different by LSD at P=0.05
300 ผลของ Sorbitol mannitol และ chitosan ปท ี่ 40 ฉบับท่ี 1 (พิเศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วทิ ยาศาสตรเกษตร สรุป การนําเมล็ดพันธุแฟงมาผานการทํา osmopriming โดยแชในสารละลาย chitosan sorbitol และ mannitol ท่ีความเขมขนตางกัน พบวา เมล็ดท่ีแชในสารละลาย chitosan ความเขมขน 0.8 เปอรเซ็นต, สารละลาย sorbitol และ mannitolความเขมขน 0.25 M ทําใหเมล็ดงอกสูงสุด และสารละลาย mannitol อาจจะมีผลตอขบวนการทางชีวเคมีบางอยางของเมล็ดได จึงทําใหเมลด็ ทแ่ี ชในสารละลายทุกความเขม ขนมีความงอกสงู กวา ชดุ ควบคุม เอกสารอางอิงนาฏญา โสภา. 2548. การกระตุนการงอกของเมล็ดพันธุฟกเขียวโดยวิธี Hydropriming. วิทยานิพนธปริญญาโท. คณะเกษตร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.ศกลวรรณ จงสงวนดี. 2548. Sorbitol [online]. Available: www.thaiaixois.online.fr/etc/bee_02.htm, [24 กนั ยายน 2548]Bradford, K.J., J.J. Steiner, and E. Trawatha. 1990. Seed priming influence on germination and emergence of pepper seed lots. crop science. 21: 1105-1112.Bewley, J.D. and M. Black. 1982. Physiology and Biochemistry of Seeds in Relation to Germination. Vol. 2. Seed Viability. Dormancy and Environmental Control. Springer-Verlay. New York. p. 375.Calcroft, R. 1999. Mannitol. [online], Available: www.aic.cuhk.edu.hk/web8/mannitol.htm., [2005 June, 19]Cavallaro, V., G. Mauromicale and D.G. Vincenzo. 1994. Effects of seed osmoconditioning on emergence characteristics the tomato. Acta Horticulturae. 362: 213-220.Heydecker, W. 1977. Stress and Seed Germination: An Agronomic View. In: The Physiology and Biochemmistry of Seed Dormancy and Germination, American Press, New York. 47 p.Michel, B.E. and M.R. Kaufmann. 1983. The osmotic potential of polyethylene glycol 6000. Plant Physiol. 51: 914- 916.Passam H.C., P.I. Karavites, T.L. Papanndreou, C.A. Thanos and K. Georghiou. 1988. Osmoconditioning of seed in relation to growth and fruit yield of aubergine, pepper, cucumber and melon in unheated greenhouse Cultivation. Scientia Horticulturae. 38: 207-216.Passam, H.C.and D. Kakouriotis. 1993. Effects of osmoconditioning on the germination, emergence and early plant growth of cucumber under saline conditions. Scientia Horticulturae. 57: 233-240.Photchanachai, S., J. Singkaew and J. Thamthong. 2006. Effect of chitosan seed treatment on Colletotrichum sp. and seedling growth of chili cv. ‘Jinda’. Acta Horticulturae. 712(2): 585-590.Tonko Bruggink, G. 2003. Update on Seed Priming: From Priming to Pregermination and Back. Seed Science and Technology. 26: 86-91.
Agricultural Sci. J. 40 : 1 (Suppl.) : 301-304 (2009) ว. วทิ ย. กษ. 40 : 1 (พิเศษ) : 301-304 (2552) Seed Weight Distribution of Different Crosses and Relationships between Seed Weight and Some Physical Characteristics of Oil Palm Seed (Elaeis guineensis Jacq.) Myint T. 1, Srikul S. 2, Chanprasert W. 1* and Jaithoeng A.2 Abstract Physical characteristics are suspected as the factors related to dormancy breaking period and percent ofgermination. Distribution percentage of seed weight among crosses was different. Seed weighted within the range of 1.6–3.1 g was the highest number in cross no. 23, 27, 37, 38, 40 and 46 and the range of 3.2-4.6 g weight, in cross no. 20 and35. The seed of 4.7-6.1 g was distributed ranging from 3 to 23%, while the seed of 6.2-7.6 g and 7.7-9.1 g were negligible,thus latter two weights were excluded in the study of physical characteristics. Shell and kernel weight and eccentricityvalue (seed shape) were found significantly different among crosses. Shell weight of cross no. 20 was the heaviest andsignificantly heavier than cross no. 23, 27, 38 and 46. Kernel weights from cross no. 20 and 35 were lighter andsignificantly lower than cross no. 27 and 46. Cross no. 20 was the highest eccentricity value. Comparing among seedweight ranges, the biggest seed used in this study had the heaviest in seed weight, shell and kernel weight, thickest inshell and more number in kernels. Physical characteristics of seed presented highly correlation with seed weight. Seedweight versus shell thickness, r = 0.865**, R2 = 0.748, versus shell weight, r = 0.990**, R2 = 0.98, and versus kernel weight(g/seed), r = 0.867**, R2 = 0.751. These results pointed out the relationships between seed weight and seed physicalcharacteristics of different oil palm crosses.Keywords : Elaeis guineensis, physical dormancy, physical characteristics, seed weight ranges, tenera crosses Introduction Palm oil is now the largest source of edible oil in the world (Pua and Davey, 2007). Biodiesel industry from crudepalm oil (CPO) is taken into account as a national agenda since petroleum cost has affected the economics of the country.These favorable situations have been encouraging to expand the cultivation of oil palm. Normally, germinated tenerahybrid seed is used as a commercial planting material to establish the oil palm plantation. Oil palm seeds presentdifficulties in terms of germination due to a pronounced physical dormancy. Seed germination is difficult and requireslengthy treatments. Many researchers have been trying to break the dormancy and to reduce the time to germination inmany ways using with growth regulators, scarification and accelerated aging (Nagao et al., 1980; Nwankwo, 1981; Wanand Hor, 1983; Herrera et al., 1998; Murugesan et al., 2005). Seed weight is often related to germination percentage and mean germination time (Larsen and Andreasen,2004). Panyangnoi et al. (1997) stated in the dura oil palm seed, the relationships between seed weight and physicalcharacteristics such as shell thickness, shell weight, kernel weight and number of kernel as well as germination responsedue to seed weight. Physical characteristics of oil palm seeds are considered herein as the factors related to dormancy breakingperiod and percent of germination. This study was carried out to investigate the seed weight distribution of differentcrosses and to identify the relationships between some physical characteristics of eight oil palm crosses (hybrids). Materials and Methods This study was conducted in Surat Thani Oil Palm Research Center in May, 2008. Two factors factorialcombination in CRD design with three replications in which five different seed weights ranging the seeds from 1.6-3.1g/seed, 3.2-4.6 g/seed, 4.7-6.1 g/seed, 6.2-7.6 g/seed and 7.7-9.1 g/seed referred to Panyangnoi et al. (1997) wereassigned as factor A and eight local tenera crosses of cross no. 20, 23, 27, 35, 37, 38, 40 and 46, as factor B. Bunches ofeight crosses were harvested on March-April, 2008 then oil palm seeds were separated from the fruits according to theseed processing procedure. Air-dried seeds come from one bunch were recorded as one replication and grouped into1Department of Agronomy, Faculty of Agriculture, Kasetsart University, Bangkok 10900 Thailand2 Surat Thani Oil Palm Research Center, Department of Agriculture, Surat Thani 84000 Thailand*Corresponding author, e-mail: [email protected]
302 Seed Weight Distribution of Different ปท่ี 40 ฉบบั ที่ 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วิทยาศาสตรเ กษตรfive categories. Seed physical characteristics of seed size (length, width, thickness), seed weight, seed volume, specificgravity, eccentricity (seed shape), shell thickness, shell weight, kernel weight and number of kernel were recorded inindividual cross. The data were statistically analyzed by using IRRISTAT software. Mean separation was performed usingwith the Least Significant Difference (LSD) at 5% level.Seed size and seed shape (eccentricity) Three replications of 10 seeds each from each treatment combination were measured seed length (mm), width(mm) and thickness (mm) to describe the seed size and to calculate the seed shape which defines eccentricity by thefollowing equation shown by Kuo (1989), in which the values closed to 0 refer spherical shape and the values closed to 1refer oblong or linear shape. e = (a2-b2)0.5/a Where a is half the length of the longest axis, b is half the average of width and thickness and e is the eccentricitySeed weight and Seed volume Seed weight (g/seed) was determined through on three 10 seeds samples of replicates each. Three replicationsof 5 seeds each from each treatment combination were used to determine the seed volume (cm3/seed) by waterdisplacement method.Specific gravity Specific gravity (SG) was calculated by the formula: SG = seed density (SD) / water density Where, SD = seed weight/ seed volumeShell thickness, shell weight, kernel weight and number of kernel Three replications of 5 seeds from each treatment were cracked then three cracked pieces in each seed wererandomly taken to measure the shell thickness. It was then recorded shell weight, kernel weight and the number of kernelas well. Results and DiscussionDistribution percentage of oil palm seed Distribution percentage of seed weight among crosses was found to be different (Figure 1). Among five seedweights categorized following by Panyangnoi et al. (1997), i.e. 1.6-3.1 g/seed, 3.2-4.6 g/seed, 4.7-6.1 g/seed, 6.2-7.6g/seed and 7.7-9.1 g/seed, the seeds in the latter two seed weights were found negligible, thus these two weights wereexcluded in the following study. Seed weight ranging between 1.6–3.1 g/seed was obtained the highest number of seedsin cross no. 23, 27, 37, 38, 40 and 46 in which cross no. 40 was about 82%, and to a lesser extent of cross no. 27, 36, 23,46 and 37, about 68, 67, 61, 46 and 41%, respectively. Cross no. 20 and 35 had the largest amount of their seeds in the3.2-4.6 g/seed range which contributed about 44% and 52%, respectively. The seed of 4.7-6.1 g/seed range wasdistributed in all crosses ranging from 3-23%. Corley and Tinker (2003) reported that there was variation in nut weight ofdifferent dura genotypes. African Dura nuts may be average 4g while Deli Dura nuts, 5-6 g. There was a very rare researchwith oil palm seed concerning with the seed weight. Panyangnoi et al. (1997) tested with dura oil palm seed and indicatedthat the largest number of seeds from the medium seed weight. Experiments on seed weight of some other seeds werealso shown that variation in seed weight exists among cultivars within species in which Poa pratensis L. and Poa trivialis L.seeds were used (Churchill et al., 1997), among seed lots within cultivars in which turfgrass cultivars were used (Christianset al., 1979). In this study, the largest number of seed varied from the ranges of seed weight according to cross. It wouldbe the crosses used come from different parents which generated from different genotypes.Some physical characteristics of oil palm seed among seed weight ranges and among crosses Some physical characteristics, i.e. shell weight, kernel weight and eccentricity were found to be significantlydifferent among crosses, while seed weight, shell thickness and number of kernel was not significantly different (Table 1).In seeds of eight oil palm crosses, cross no. 20 showed a heaviest shell weight (3.14 g/seed) and significantly heavier thancross no. 23, 27, 38 and 46 while cross no. 35, 37 and 40 were not significantly different with the cross no. 20 whilst crossno. 46 was the lightest (2.56 g/seed). Kernel weights of cross no. 20 and 35 were lightest but no significant differenceswere found when compared with cross no. 23, 37, 38 and 40 however these crosses were significantly lower than cross no.27 and 46. The cross which had heavier in shell weight was lighter in kernel weight. Considering the response of kernelweight to germination, Nwankwo and Krikorian (1982) pointed out that the size of oil palm kernel could not be directlycorrelated with germination. Shell weight may therefore contribute to more or less to the germination. The eccentricityvalue was highest in cross no. 35 and lowest in cross no. 20 this means cross no. 35 was likely to be more oblong shapewhen compared with cross 20. This may be due to the crosses produced from different genes of their parents which mayinfluence on type of frond canopy and orientation of the bunch that in-turn affect the fruit separation.
ว. วทิ ยาศาสตรเกษตร ปที่ 40 ฉบับท่ี 1 (พิเศษ) มกราคม-เมษายน 2552 Seed Weight Distribution of Different 303 Within each cross a comparison was also made between the physical characteristics from small to large seedgroups. Except in the eccentricity value which showed no significant differences between the seed weight ranges, thebiggest seed (4.7-6.1 g/seed) used in this study had the heaviest in seed weight, shell and kernel weight, highest in seedvolume, thickest in shell and more number in kernel followed by 3.2-4.6 and 1.6-3.1 g/seed, respectively (Table 1). Asdescribed by Panyangnoi et al. (1997), the maximum germination was observed in the medium seed weight but not in thesmallest and largest. This may be due to the larger ratio of shell thickness as well as more number of kernels in the largestseed and small reserved food in the smallest seed which could restrict the germination of oil palm seed. In the study ofMilberg et al. (1996), it was found that medium weight seeds germinated faster than both lighter and heavier seeds in onepopulation whereas in another population the medium weight seeds had the slowest germination. Weis (1982) alsoreported in Mirabilis hirsute seed that heavy seeds germinated more slowly than light seeds.Figure 1 Distribution (%) of eight crosses of oil palm seed among five ranges of seed weight, i.e. 1.6- 3.1 g/seed, 3.2-4.6 g/seed, 4.7- 6.1 g/seed , 6.2-7.6 g/seed and 7.7-9.1 g/seed.Table 1 Some physical characteristics of oil palm seed from different seed weight ranges and different crosses.treatment eccentricity seed seed shell shell weight kernel weight kernel weight no.of weight thickness (g/seed) (g/seed) (g/kernel) Kernel (g/seed) volume (cm3/seed) (mm)cross 0.612 d 4.07 a 3.48 a 2.57 a 3.14 a 0.926 c 0.690 d 1.33 a cross 20 0.710 abc 3.83 a 3.30 a 2.24 a 2.77 bc 1.05 abc 0.874 abcd 1.27 a cross 23 0.732 ab 3.92 a 3.44 a 2.32 a 2.78 bc 1.15 ab 0.956 ab 1.20 a cross 27 0.773 a 3.93 a 3.46 a 2.45 a 3.02 ab 0.911 c 0.780 bcd 1.20 a cross 35 0.713 abc 4.07 a 3.37 a 2.39 a 3.04 ab 1.03 abc 0.919 abc 1.20 a cross 37 0.671 bcd 3.90 a 3.34 a 2.14 a 2.81 bc 1.09 abc 0.735 cd 1.44 a cross 38 0.750 ab 3.89 a 3.21 a 2.25 a 2.89 ab 1.002 bc 0.773 bcd 1.29 a cross 40 0.631 cd 3.77 a 3.19 a 2.33 a 2.56 c 1.21 a 1.04 a 1.18 a cross 46 LSD 0.05 0.087 ns ns ns 0.263 0.185 0.185 nsseed weight (g/seed) 0.708 a 2.57 c 2.26 c 2.01 c 1.80 c 0.771 c 0.744 b 1.04 c1.6 – 3.1 0.713 a 3.93 b 3.26 b 2.35 b 2.88 b 1.04 b 0.865 a 1.24 b3.2 – 4.6 0.677 a 5.27 a 4.52 a 2.65 a 3.95 a 1.32 a 0.927 a 1.51 a ns 0.134 0.175 0.205 0.161 0.113 0.113 0.1744.6 – 6.1 LSD 0.05Means followed by the same letter in the same column do not differ statistically by LSD at 0.05
Agricultural Sci. J. 40 : 1 (Suppl.) : 341-344 (2009) ว. วทิ ย. กษ. 40 : 1 (พเิ ศษ) : 341-344 (2552) ผลของรงั สีแกมมาตอ ความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดผักกาดเขยี วปลพี ันธเุ หนอื ชน้ั และพันธุต ราสงิ ห Effect of Gamma Irradiation on Germination and Vigor of Chinese Mustard Seeds cv. Nua-Chan and Trasingh นวลจนั ทร ภคู ลงั 1 ทรงศลิ ป พจนช นะชยั 1 อรพิน เกิดชชู น่ื 1 และ อรุณ โมนะตระกูล2 Phuklung, N.1, Photchanachai, S.1, Kerdchoechuen, O.1 and Monatrakool, A.2 Abstract Gamma irradiation at doses of 0-1000 Gy on quality and vigor of Chinese mustard seeds wasinvestigated. Irradiated ‘Nua-chan’ seeds had low standard germination (SG), germination after accelerate aging(G-AA) and shorter shoot and root length than the control seeds. However, the irradiated seeds exhibited greatergermination at 35oC (24.0-47.0%) and a larger germination index (GI) at 35oC compared to the non-irradiatedseeds. The best GI and GI at 35oC was found with irradiated seeds at 250 Gy. The SG and GI of irradiated ‘TraSingh’ seeds were lower than the control seeds and the dose of 500 Gy gave the best SG. The highestgermination at 35oC (37.7%) was observed at seed irradiated at 1000 Gy. The GI at 35oC of the irradiated seeds at500 Gy was the highest followed by the dose at 1000 Gy. Irradiated seeds at 1000 Gy exhibited the lowest G-AAand shortest shoot and root length. Variation in seed quality was depended on the irradiation dosage and cultivar.Keywords : Chinese mustard seed, gamma irradiation, germination, vigor บทคัดยอ การศึกษาผลของการฉายรังสีแกมมาในปริมาณ 0-1000 เกรย ตอคุณภาพและความแข็งแรงของเมล็ดผักกาดเขียวปลี พบวา เมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุเหนือชั้น ที่ฉายรังสีทุกปริมาณมีความงอกมาตรฐาน การงอกหลังการเรงอายุ และความยาวของยอดออนและรากออนต่ํากวาชุดควบคุม ในทางตรงกันขาม เมล็ดท่ีฉายรังสีทุกปริมาณที่เพาะท่ีอุณหภูมิ 35oC มีความงอกอยรู ะหวางรอยละ 24.0-47.0 และดัชนีการงอกของเมลด็ ทีเ่ พาะทีอ่ ณุ หภมู ิดงั กลา วสงู กวา ชุดควบคุม โดยเมล็ดท่ีฉายรังสีในปริมาณ 250 เกรยมีดัชนีความงอก และดัชนีการงอกของเมล็ดท่ีเพาะที่อุณหภูมิ 35oC สูงท่ีสุด สําหรับพันธุตราสิงหพบวาเมล็ดทฉี่ ายรังสีทุกปริมาณมีความงอกและดัชนคี วามงอกต่าํ กวา ชดุ ควบคมุ เมล็ดทฉ่ี ายรังสีท่ี 500 เกรย มีความงอกสูงที่สุด แตพบวาการฉายรังสีที่ 1000 เกรย แลวนําเมล็ดมาเพาะที่อุณหภูมิ 35oC มีความงอก (37.7%) สูงที่สุด เมล็ดท่ีฉายรังสีท่ี 500เกรยใหดัชนีความงอกท่ีอุณหภูมิ 35oC สูงที่สุด รองลงมาคือ 1000 เกรย อยางไรก็ตามการฉายรังสีที่ 1000 เกรย ทําใหความงอกของเมล็ดภายหลังการเรงอายุ และความยาวของยอดออนและรากออนต่ําที่สุด ความแปรปรวนของความงอกและความแขง็ แรงของเมลด็ ทแ่ี ตกตา งกันขน้ึ อยูก บั ปรมิ าณรงั สีและพนั ธุของผกั กาดเขียวปลีคําสําคญั : เมล็ดผักกาดเขียวปลี รงั สีแกมมา ความงอก ความแข็งแรง คาํ นํา ปจ จบุ ันความตอ งการผกั กาดดองบรรจุกระปองมีแนวโนมสูงข้ึน เมื่ออุตสาหกรรมการทําผักกาดดองขยายตัวขึ้นทุกปจึงทําใหมีความตองการวัตถุดิบในการผลิตผักกาดดองบรรจุกระปองมากข้ึน แตเนื่องจากผักกาดเขียวปลีเจริญเติบโต ใหผลผลิตสงู และคุณภาพการหอ ปลีดีที่สดุ ในสภาพอากาศหนาวเย็น (อุณหภูมิระหวาง 15-20 องศาเซลเซียส) (สุนทร, 2540) ทําใหผลผลิตในชวงฤดูฝนและฤดูรอนมีคุณภาพต่ําไมเหมาะกับการนํามาแปรรูปหรือบรรจุกระปอง ทําใหตองนําเขาเมล็ดพันธุจากประเทศจีนและไตหวัน ซ่ึงมีความแปรปรวนของพันธุในดานผลผลิตสด การแทงชอดอกกอนกําหนด และมีการหอหัวปลีและลักษณะของปลีไมสมํ่าเสมอ ทําใหผลผลิตและคุณภาพไมไดมาตรฐานและไมเปนที่ยอมรับของผูผลิตและผูบริโภค1คณะทรพั ยากรชวี ภาพและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา ธนบุรี 83 หมู 8 ถนนเทียนทะเล ทา ขาม บางขุนเทียน กรุงเทพฯ 101501 School of Bioresources and Technology, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, 83 Mu 8 Tein-talay Rd., Tha-knam, Bangkhuntein, Bangkok 101502คณะวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม 80 ถนนนครสวรรค ตาํ บลตลาด อาํ เภอเมอื ง จังหวัดมหาสารคาม 440002 Sciences and Technology Faculty, Rajabhat Mahasarakham University, 80 Nakhon Sawan Rd., Muang District, Maha Sarakham 44000
338 ผลของการใชแ ปง บุกและไขขาวผง ปท ่ี 40 ฉบับที่ 1 (พิเศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วทิ ยาศาสตรเ กษตรปจจุบันนักปรับปรุงพันธุไดพยายามพัฒนาเทคนิคและวิธีการตางๆ เพ่ือใหไดพันธุที่สามารถทนทานตออุณหภูมิสูง ทนทานตอสภาพอากาศแปรปรวนหรือฝนตก มีลักษณะการหอปลีดี ใหผลผลิตในปริมาณท่ีสูง ตลอดจนทนทานตอโรคและแมลงศัตรู ซึ่งวิธีการปรับปรุงพันธุพืช เชน การผสมเกสร และการตัดแตงพันธุกรรมซึ่งกําลังเปนที่นิยมในปจจุบันแตพันธุพืชท่ีไดจากวิธีการนี้ไมเปนทยี่ อมรับในหลายประเทศ สาํ หรับการปรบั ปรงุ พนั ธุพืชโดยการฉายรงั สีเปนวธิ กี ารทีส่ ามารถนํามาประยุกตใชไดดีวิธีหน่ึงโดยเฉพาะรังสีแกมมาไดรับความนิยมในการนํามาใชเพื่อกระตุนใหเกิดการกลายพันธุในพืชมากกวารังสีชนิดอ่ืนๆ เนื่องจากรงั สแี กมมามีความยาวคล่ืนส้ัน มีอํานาจในการทะลุทะลวงผานวัตถุไดสูง (Wood, 1983) งานวิจัยที่นํารังสีแกมมามาใชในการปรบั ปรุงพันธุพ ืช เชน การฉายรังสใี นปริมาณ 150 เกรย ใหกับขาวขาวดอกมะลิ 105 เพื่อใหไดพันธุขาวท่ีสามารถปลูกไดตลอดป (ศูนยความรูดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี, 2550) และการฉายรังสีแกมมากับเมล็ดพันธุ lentil ปริมาณ 200 เกรย ทําใหเปอรเซ็นตความงอก ความยาวของยอดออนและรากออนของเมล็ด lentil ลดลง (Chaudhuri, 2002) แตการฉายรังสีปริมาณ200 และ 400 เกรย ใหก ับเมลด็ แตงโมเนือ้ เหลอื งพนั ธหุ วยทรายทอง ทําใหไดพันธุที่มีเถาสั้นลง สามารถปลูกไดมากข้ึนในพ้ืนที่เทาเดิม (วิชัย, 2550) เชนเดียวกันกับการฉายรังสีปริมาณ 400 เกรย ใหกับเมล็ดพริกข้ีหนูพันธุหัวเรือหวยทราย ทําใหทนทานตอ โรคใบหงิกและทนแลงไดด ขี ึน้ (วิชัย และวไลลกั ษณ, 2550) นอกจากน้ียังมีการฉายรังสีในปริมาณ 600 เกรย ใหกับเมล็ดถั่วเขียวพันธุกําแพงแสน-2 ทําใหไดพันธุที่มีผลผลิตสูงและเมล็ดมีขนาดใหญกวาเดิม (อาณัติ และคณะ, 2543) ดังน้ันงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาปริมาณรังสีแกมมาท่ีเหมาะสมตอความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดผักกาดเขียวปลี เพ่ือเปนขอมลู เบ้อื งตน สาํ หรบั คดั เลือกพนั ธผุ กั กาดเขยี วปลีทีท่ นทานตอ อณุ หภูมสิ ูง อุปกรณแ ละวิธีการ เมลด็ ผกั กาดเขียวปลี 2 พนั ธุ ทีซ่ ื้อจากบรษิ ทั จําหนา ยเมล็ดพนั ธใุ นประเทศไทย นํามาฉายรังสีแกมมาทป่ี ริมาณ 0250 500 750 และ 1000 เกรย จากนั้นนาํ เมล็ดพนั ธุมาทดสอบการงอกมาตรฐาน (standard germination, SG) ตามวธิ ีของISTA (1993) โดยเพาะเมล็ดบนกระดาษที่ใชส ารละลาย KNO3 ความเขม ขน 0.2% แทนน้ํา จาํ นวน 6 ซ้ําๆ ละ 100 เมลด็ นาํ ไปไวใ นตูเพาะทีอ่ ุณหภูมิสลบั 20 และ 30 องศาเซลเซียส บนั ทกึ ผลโดยนบั จาํ นวนตน กลาปกติ ในวันที่ 5 และวันท่ี 7 สําหรบั ความแขง็ แรงของเมลด็ พนั ธุทดสอบดวยวธิ วี ดั ดัชนีการงอก (germination index : GI) ทดสอบการงอกและดชั นกี ารงอกของเมล็ดที่อณุ หภมู ิ 35 องศาเซลเซียส (ดัดแปลงจาก Chauhuri, 2002) ทดสอบการงอกดวยวิธี accelerate aging test (AA-Test) โดยนําเมล็ดมาบม ในโถแกวทีอ่ ณุ หภูมิ 42 องศาเซลเซยี ส ความชื้นสมั พทั ธร อ ยละ 98±2 เปนเวลา 48 ชวั่ โมง จากน้ันทําการเพาะเมลด็ เชนเดยี วกับการทดสอบความงอกมาตรฐาน และการวดั ความยาวของยอดออนและรากออน (shoot and root length)(อรรัตน, 2534) ผลและวิจารณ เมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุเหนือชั้นท่ีฉายรังสีทุกปริมาณมีการงอกต่ํากวาชุดควบคุม และพบวาเมล็ดที่ฉายรังสีที่ 250เกรย มีดัชนีการงอก การงอกและดัชนีการงอกที่เพาะท่ีอุณหภูมิ 35oC สูงท่ีสุด แตใหคาความงอกหลังการเรงอายุต่ําที่สุด สวนความยาวของยอดออนและรากออนไมแตกตางจากปริมาณรังสีอื่น ๆ แตตํ่ากวาชุดควบคุม (Table 1) แตเมล็ดพันธุตราสิงหที่ฉายรังสีที่ 1000 เกรย ใหความงอกที่เพาะที่อุณหภูมิ 35oC สูงท่ีสุด แตใหคาความงอก ดัชนีความงอก และความงอกภายหลังการเรง อายตุ ่ําทส่ี ดุ สวนความยาวของยอดออนและรากออนตํ่ากวาทรีตเมนตอื่นๆ ยกเวนชุดควบคุมที่มีความยาวของรากออนสูงกวา สวนดัชนีความงอกของเมล็ดท่ีฉายรังสีท่ี 500 เกรยท่ีเพาะท่ีอุณหภูมิ 35oC ใหคาสูงท่ีสุด (Table 2) จากการทดลองจะเห็นไดวาการตรวจสอบความแข็งแรงของเมล็ดดวยวิธีการตางๆ จะใหผลคอนขางแปรปรวน ซ่ึงวิธีการตรวจสอบแตละวิธีจะนําไปเปรียบเทียบกับผลการทดลองในสภาพโรงเรือนและในแปลงปลูก เพื่อนํามาปรับปรุงวิธีการตรวจสอบความแปรปรวนที่เกิดจากการฉายรงั สใี หรวดเรว็ และประหยัดย่ิงข้ึน ซ่ึงขณะน้ีอยูในระหวางการดําเนินการทดลอง การฉายรังสีทําใหการงอกและความแข็งแรงของเมล็ดเพ่ิมข้ึน มีสาเหตุจากการฉายรังสีท่ีชักนําใหเมล็ดเกิดความเสียหายจนอาจทําใหเมล็ดเสื่อมสภาพ โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารชีวโมเลกุลที่สําคัญ เชน RNA และ DNA หรืออาจจะกอใหเกิดการกลายพันธุอยางถาวรข้ึนไดเน่ืองจากเมล็ดหลังจากไดรับการฉายรังสี เมทาบอลิซึมตางๆ ภายในเซลลจะเกิดความผิดปกติ และเกิดอนุมูลอิสระขึ้นภายในเซลลของเมล็ด ซ่ึงความผิดปกติและอนุมูลอิสระท่ีเกิดขึ้น อาจมีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล (Chaudhuri, 2002)จนกระทัง่ ทาํ ใหเซลลตายทนั ที (สิรนุช, 2536) ท้ังนี้ขึ้นกับปริมาณรังสีและชนิดพืช เชน การฉายรังสีปริมาณ 200 และ 400 เกรยใหกบั เมลด็ แตงโมเนื้อเหลอื งพนั ธุหวยทรายทอง ทําใหไ ดพันธุท ่ีมเี ถาส้นั ลง สามารถปลกู ไดมากขน้ึ ในพนื้ ที่เทาเดิม (วิชัย, 2550)เชนเดียวกันการฉายรังสีในปริมาณ 400 เกรย ทําใหเมล็ดพริกข้ีหนูพันธุหัวเรือหวยทราย ทนทานตอโรคใบหงิกและทนแลงไดดี
ว. วิทยาศาสตรเกษตร ปท่ี 40 ฉบับท่ี 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ผลของการใชแ ปงบกุ และไขข าวผง 339ขน้ึ (วิชยั และ วไลลกั ษณ, 2550) และทาํ ใหเมล็ดพนั ธกุ ระเจ๊ียบเขียวหา เหลย่ี ม ทนทานตอ โรคเสนใบเหลืองเพิ่มขึ้น (วไลลักษณและวิชัย, 2550) และการฉายรังสีในปริมาณ 600 เกรย ทําใหเมล็ดถ่ัวเขียวพันธุกําแพงแสน-2 มีผลผลิตสูงและเมล็ดมีขนาดใหญกวาเดิม (อาณัติ และคณะ, 2543) ในทางตรงกันขามการฉายรังสีปริมาณ 300 เกรย ทําใหเมล็ดขาวบารเลย มีความยาวรากออ นลดลง (Eroglu et al., 2007) และการฉายรังสที ่ี 400 เกรย ทําใหค วามยาวของยอดออนและรากออนของเมล็ดถั่วลูกไกพันธุ Sierra , Cicer bijugum และ Cicer reticulatum ลดลงเชนเดียวกัน (Toker et al., 2005) นอกจากนี้การฉายรังสีปริมาณ1000 เกรย ทําใหเมล็ดขาวสาลี (Barros et al., 2002) และเมล็ด lentil มีความยาวของยอดออนและรากออนลดลง และทําใหเมล็ดไมสามารถงอกได (Chaudhuri, 2002) แตจากผลการทดลองพบวา เมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุเหนือช้ันที่ฉายรังสีที่ 250เกรย มีแนวโนมใหเมล็ดมีความแข็งแรงเพิ่มข้ึนโดยเฉพาะเมื่อนํามาเพาะที่อุณหภูมิสูง ในทางตรงกันขามการฉายรังสีท่ี 1000เกรย มีแนวโนมใหเมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุตราสิงหมีความแข็งแรงเพิ่มข้ึนเมื่อนํามาเพาะที่อุณหภูมิสูง อยางไรก็ตามเพื่อยืนยันผลการทดลอง ผลของการฉายรังสีตอความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดผักกาดเขียวปลี คณะผูวิจัยกําลังดําเนินการศึกษาเพ่ิมเติมถึงความสามารถในการเจริญเติบโตในสภาพแปลงปลูกท่ีมีอุณหภูมิสูงและศึกษาการเปลี่ยนแปลงลักษณะphenotype ของผักกาดเขียวปลี นอกจากนี้การเลือกวิธีการตรวจสอบที่เหมาะสมในระดับหองปฏิบัติการและสอดคลองกับลกั ษณะความแปรปรวนทีด่ ใี นสภาพโรงเรอื นและแปลงปลูกจะนํามาวิเคราะหดวยเชนกนัTable 1 Standard germination (SG), germination index (GI), germination and germination index at 35oC (G and GI at 35oC), germination after accelerate aging (G-AA), shoot and root length (S and R) of the irradiatedChinese mustard seeds cv. Nua-chan Nua-chan cultivar1Gamma GI G at 35oC GI at 35oC G-AAirradiation SG S Rdose (Gy) (%) (%) (%) (cm) (cm)0 83.0a 22.9a 18.3c 3.6d 86.6a 4.9a 1.8a250 79.8ab 23.8a 47.0a 8.8a 79.0b 3.9b 1.3bc500 73.0cd 21.6a 26.7b 4.8c 85.0a 3.4c 1.2c750 70.3d 17.1b 27.8b 5.9b 83.3a 3.4bc 1.1c1000 76.8bc 21.3a 24.0b 3.8d 85.8a 3.2c 1.5b1Means in the same column followed by same letter are not significantly different by Duncan, s New Multiple Range Test at P = 0.05Table 2 Standard germination (SG), germination index (GI), germination and germination index at 35oC (G and GI at 35oC), germination after accelerate aging (G-AA), shoot and root length (S and R) of the irradiatedChinese mustard seeds cv. Trasingh Trasingh cultivar1Gamma GI G at 35oC GI at 35oC G-AAirradiation SG S Rdose (Gy) (%) (%) (%) (cm) (cm)0 85.0a 17.8a 16.3c 3.7b 63.0a 2.0b 0.6c250 77.8b 15.8b 34.0ab 6.8a 30.8b 1.9b 1.0b500 81.0bc 16.4b 37.0a 7.8a 26.3b 2.8a 1.3a750 77.4b 15.2bc 30.0b 4.8b 27.3b 2.8a 0.7c1000 72.0c 14.4c 37.7a 7.3a 11.8c 2.0b 0.7c1Means in the same column followed by same letter are not significantly different by Duncan,s New Multiple Range Test at P = 0.05
340 ผลของการใชแปง บกุ และไขขาวผง ปท่ี 40 ฉบับที่ 1 (พิเศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วทิ ยาศาสตรเกษตร สรปุ การฉายรังสีในปริมาณแตกตางกัน ทําใหเมล็ดมีการงอกและความแข็งแรงเพ่ิมข้ึน โดยเมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุเหนือช้ันท่ีฉายรังสีท่ี 250 เกรย มีแนวโนมใหเมล็ดมีความแข็งแรงเพ่ิมขึ้นโดยเฉพาะเม่ือนํามาเพาะท่ีอุณหภูมิสูง ในทางตรงกันขามการฉายรังสีท่ี 1000 เกรย มีแนวโนมใหเมล็ดผักกาดเขียวปลีพันธุตราสิงหมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเมื่อนํามาเพาะที่อุณหภูมิสูง การเกิดความแปรปรวนของความงอกและความแข็งแรงของเมล็ดที่ตรวจสอบดวยวิธีที่แตกตางกัน ข้ึนอยูกับปริมาณรังสีและพนั ธุผ กั กาดเขยี วปลี คาํ ขอบคุณ ขอขอบคุณสํานักงานปรมาณูเพ่ือสันติ กระทรวงวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ที่ใหความอนุเคราะหในการใชเครื่องฉายรงั สีแกมมา สําหรับทาํ งานวจิ ยั ขอขอบคณุ มลู นิธิทุนเลาเรยี นหลวงกาญจนาภเิ ษก ทส่ี นับสนุนทุนวิจยั และขอขอบคณุสายวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี ที่เออ้ื เฟอสถานท่ใี นการทํางานวิจัยครงั้ น้ี เอกสารอางองิวไลลักษณ แพทยวิบูลย และวิชัย ภูริปญญวานิช. 2550. การปรับปรุงพันธุกระเจี๊ยบเขียวหาเหล่ียมใหตานทานโรคเสน ใบเหลืองโดยใชรังสีแกมมา. โครงการวิจัยเพ่ือการเกษตร สํานักงานปรมาณูเพื่อสันติ. ศูนยความรูดานวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี. 4 น.วิชัย ภูริปญญวานิช. 2550. ผลของรังสีแกมมาท่ีมีตอแตงโมเน้ือเหลืองพันธุหวยทรายทอง. โครงการวิจัยเพ่ือการเกษตร สํานักงานปรมาณูเพื่อสนั ต.ิ ศูนยความรูดานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี. 4 น.วิชัย ภูริปญญวานิช และวไลลักษณ แพทยวิบูลย. 2550. การปรับปรุงพันธุพริกโดยรังสีแกมมา. โครงการวิจัยเพื่อการเกษตร สํานักงานปรมาณเู พอ่ื สันติ. ศนู ยความรดู า นวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี. 3 น.ศูนยค วามรูดา นวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี. 2550. รงั สีกบั การปรับปรุงพันธุพืช [สบื คน], http://km.oaep.go.th/vlibrary/Docdetail.aspx?DocID=28 [6/August/2008].สิรนุช ลามศรีจันทร. 2536. การกลายพันธุของพืช. ภาควิชารังสีประยุกตและไอโซโทป คณะวิทยาศาสตรมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร. กรุงเทพฯ. 197 น.สุนทร เรืองเกษม, 2540. ผกั กินใบ. ม.ป.พ. กรงุ เทพฯ. 88 น.อาณัติ วัฒนสิทธิ์ สุมนา งามผองใส วันชัย ถนอมทรัพย และสุวิมล ถนอมทรัพย. 2543. ถั่วเขียวพันธุชัยนาท 72. การประชุม วิชาการถ่ัวเขียวแหงชาติ ครง้ั ที่ 8. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร วิทยาเขตกําแพงแสน จังหวัดนครปฐม. หนา 53-62.อรรัตน มงคลพร, 2534. ผลของอุณหภูมิการเก็บรกั ษาตอคุณภาพของเมลด็ พันธผุ ักกาดเขียวปลี. ภาควชิ าพืชสวน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร วิทยาเขตกาํ แพงแสน นครปฐม. 38 น.Barros, A.C., M.T.L. Freund, A.L.C.H. Villavicencio, H. Delincee and V. Arthur. 2002. Identification of irradiated wheat by germination test, DNA comet assay and electron spin resonance. Radiation Physics and Chemistry. 63: 423-426.Chaudhuri, S.K. 2002. A simple and reliable method to detect gamma irradiated lentil (Lens culinaris Medik.) seeds by germination efficiency and seedling growth test, Radiation Physics and Chemistry 64: 131-136.Eroglu, Y., H.E. Eroglu and A.I. Ilbas. 2007. Gamma Ray Reduces Mitotic Index in Embryonic Roots of Hordeum vulgare L. Advances in Biological Research I (1-2): 26-28.ISTA. 1993. International Rules for Seed Testing Rules. Seed Science and Technology. 21, Supplement.Toker, C., B. Uzun, H. Canci and F.O. Ceylan. 2005. Effect of gamma irradiation on the shoot length of Cicer seeds. Radiation Physics and Chemistry. 73: 365-367.Wood, D.R. 1983. Crop Breeding, The American Society of Agronomy, Inc., and the Crop Science Society of America, Inc., Wisconsin, USA 294.
Agricultural Sci. J. 40 : 1 (Suppl.) : 341-344 (2009) ว. วิทย. กษ. 40 : 1 (พเิ ศษ) : 341-344 (2552) การกระตนุ การสรา งสารอารทีมซิ ินินในรากเพาะเล้ยี งของชงิ เฮาElicitation Enhanced Artemisinin Production in Hairy Root Cultures of Artemisia annua L. พิทกั ษ อนิ ธิมา1 และ กัณยารตั น สไุ พบลู ยว ฒั น1 Inthima, P.1 and Supaibulwatana, K.1 Abstract Artemisinin, a terpenoid compound found in Artemisia annua L. Artemisinin-based drug is effectivelyused to cure drug-resistant malarial disease. Production and accumulation of artemisinin were varied dependingon genotype and environmental conditions. Artemisinin is mostly produced in shoot and leave but rarely found orno detection in root. Due to root culture provides an attractive way for industrial scale production of various usefulcompounds in bioreactor. This investigation therefore, emphasizes on the possibility to increase artemisininproduction in hairy root cultures of A. annua. Elicitation effect was studied using four different compounds asfollowing; a synthetic cytokinin, CPPU ((2-chloro-4-pyridyl)-N-phenylurea), methyl jasmonate, chitosan, and NaCl.The artemisinin content was measured after cultored at 0, 12, 24, and 48 h. It was found that CPPU and methyljasmonate could elicit hairy root to enhance artemisinin production, while chitosan and NaCl had no effect. Hairyroot cultures treated with 5 mg/L CPPU and 200 µM methyl jasmonate showed increasing artemisinin contentsafter 12 h and raise up to the maximum after 24 h prior to slightly drop at 48 h. The artemisinin contents detectedin methyl jasmonate-treated roots was 0.062 mg⋅g-1 FW, whereas those treated with CPPU was 0.086 mg⋅g-1 FW,which was about 2.7 - 3.7 folds higher than control root (0.023 mg⋅g-1 FW). The result suggested that CPPU andmethyl jasmonate could enhance artemisinin production in root cultures and provide useful strategy to study theartemisinin biosynthesis.Keywords : Artemisia annua L., artemisinin, hairy roots, elicitation บทคัดยอ อารทีมิซินิน เปนสารประเภทเทอรปนอยดท่ีพบในตนชิงเฮา (Artemisia annua L.) ใชผลิตยารักษาโรคมาลาเรียโดยเฉพาะที่เกดิ จากปรสติ ชนดิ ทีด่ ้ือยา การสรา งและสะสมสารอารท มิ ิซินินในตน ชิงเฮา มีปริมาณแตกตางกันแปรผันตามพันธุ และสภาพแวดลอม ตามปกติ จะสรางมากในยอดและใบ แตไมพบหรือพบนอยมากในราก การศึกษาความเปนไปไดในการเพิ่มการสรา งสารในราก มศี กั ยภาพตอ การนาํ ไปประยกุ ตใ ชร วมกบั เทคโนโลยีการเพาะเล้ยี งรากในถังปฏิกรณ เพื่อผลิตสารในระดับอุตสาหกรรม โครงการวิจัยน้ี จึงไดศึกษาความเปนไปไดท่ีจะเพ่ิมปริมาณสารอารทีมิซินินในรากเพาะเลี้ยงของชิงเฮา โดยกระตุนดวยการเติมสารเคมี 4 ชนิด คือ สารไซโตไคนินสังเคราะห ชื่อ ซีพีพียู เมทิลแจสโมเนต ไคโตซาน และเกลือแกง ลงในอาหารเพาะเลี้ยง และวัดปริมาณสารอารทีมิซินินที่เวลา 0 12 24 และ 48 ชั่วโมง พบวา ซีพีพียู และสารเมทิลแจสโมเนตสามารถกระตนุ เซลลร ากเพาะเลีย้ งใหสรา งสารอารทีมซิ ินนิ เพ่ิมข้ึน ในขณะท่ีการใช ไคโตซาน และเกลือแกง ไมมีผลตอการเพ่ิมปรมิ าณสารอารท ีมิซินนิ รากเพาะเล้ยี งท่ีกระตุนดว ยสารสารซพี พี ยี ู (5 มก./ล.) และ เมทลิ แจสโมเนต (200 ไมโครโมลาร) จะเร่ิมสรา งสารเพ่มิ ขึน้ ต้ังแต 12 ชัว่ โมง และเพ่ิมสูงสุดเมอ่ื เวลา 24 ชั่วโมง กอนที่จะลดลง ที่เวลา 48 ช่ัวโมง โดยรากท่ีกระตุนดวยสารเมทิลแจสโมเนต มีปริมาณสารอารทีมิซินิน 0.062 มิลลิกรัมตอกรัมน้ําหนักสด สวนรากท่ีเลี้ยงในอาหารที่มีสารซีพีพียู มีปริมาณสารอารท ีมิซินนิ 0.086 มิลลกิ รัมตอกรัมนา้ํ หนกั สด ซ่ึงมีการสรางสารเพ่ิมข้ึนประมาณ 2.7-3.7 เทา เม่ือเปรียบเทียบกับรากทไ่ี มเ ตมิ ปจจยั กระตนุ (0.023 มลิ ลิกรมั ตอกรมั นา้ํ หนกั สด) การใชสารท้ังสองชนิดจึงมีผลชวยเพ่ิมการสรางสารใหมากข้ึนในรากได และมศี ักยภาพตอ การนาํ ไปใชเ พือ่ ศึกษากลไกทางชีวสงั เคราะหของการสรา งสารตา นมาลาเรยี ในพชื นีต้ อ ไปคําสําคญั : ชงิ เฮา อารทมิ ิซินิน รากเพาะเล้ียง ปจจยั กระตุน1หนวยวจิ ัยเทคโนโลยีชวี ภาพเซลลพชื ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวทิ ยาศาสตร มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ถนนพระรามที่ 6 กรงุ เทพฯ 104001 Plant Cell Biotechnology Unit, Department of Biotechnology, Faculty of Science, Mahidol University, Rama VI Road, Bangkok 10400
342 การกระตุนการสรา งสารอารทมี ซิ ินนิ ปท ่ี 40 ฉบบั ที่ 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วิทยาศาสตรเกษตร คํานาํ ตนชิงเฮา (Artemisia annua L.) เปนพืชที่มีถิ่นกําเนิดในแถบประเทศจีน ในอดีตใชเปนยาสมุนไพรรักษาโรคไขหวัด(Klayman, 1985) และในปจจบุ ันเปน ท่ีสนใจไปทั่วโลก เพราะสารทตุ ิยภูมิทีต่ น ชิงเฮาสรา งขึน้ ซึ่งกค็ อื อารทีมิซินิน มีฤทธ์ิในการรักษาโรคมาลาเรีย โดยเฉพาะชนิดท่ีปรสิตมีการด้ือยา ซึ่งมีการแพรระบาดในแถบอาฟริกาและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใตรวมทงั้ ประเทศไทย ซึง่ ยงั ไมม รี ายงานการด้อื ตอยาอารท มี ิซนิ ิน ของปรสิตโรคมาลาเรยี ในปจ จุบัน (Krishna et al., 2004) อารทีมิซินิน (Artemisinin) เปนสารประเภทเทอรปนอยด ตามปกติมีการสรางและสะสมมากบริเวณใบและยอด แตไมพบ หรือพบนอยมากในราก โดยท่ัวไปจะพบอารทีมิซินินในตนชิงเฮาในปริมาณที่ตํ่าและแปรผัน ประมาณรอยละ 0.01-1.1ของนาํ้ หนักแหง ทงั้ นขี้ ึน้ อยกู บั สายพันธุ ระยะการเจริญเติบโต และสภาพแวดลอม (Kumar et at., 2004; Zhang et al., 2006)นอกจากนี้การสังเคราะหอารทีมิซินินโดยวิธีทางเคมียังคงมีราคาสูงอยู ทําใหชิงเฮาเปนเพียงแหลงเดียวท่ีใชผลิตอารทีมิซินินเพ่ือการคา ดังนั้น การศึกษาหาวิธีการเพ่ิมปริมาณอารทีมิซินิน จึงไดรับความสนใจ ไมวาจะเปนการปรับปรุงพันธุใหไดพันธุท่ีสรางอารทีมิซินินสูง การหาสภาพแวดลอมที่เหมาะสมตอการปลูก หรือการหาระยะเวลาของการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม (Genget al., 2001; Liu et al., 2003; Kumar et al., 2004) รวมถึงการประยุกตใชเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลลแขวนลอย (Baldiและ Dixit, 2008) และรากเพาะเล้ียง (Liu et al., 1998; Weathers et al., 2004) ซึ่งมีศักยภาพตอการนําไปประยุกตใชรวมกับการผลิตสารในถังปฏิกรณ (bioreactor) เพื่อผลิตสารในระดับอุตสาหกรรม อยางไรก็ตาม สารบางชนิดไมสามารถผลิตไดในเซลลท่ยี ังไมพัฒนา (undifferentiated cell) ทาํ ใหบอ ยคร้ังทีไ่ มพบสารทตุ ยิ ภูมิท่ีตองการในการเพาะเล้ียงเซลลแขวนลอย ทําใหการเพาะเลี้ยงรากเพาะเล้ียงซ่ึงเปนเซลลท่ีพัฒนาแลว (differentiated cell) ไดรับความสนใจมาใชเปนระบบในการผลิตสารสําคัญจากพืชหลายชนิด เน่ืองจากเลี้ยงงายและทนมากกวาเซลล นอกจากน้ี การใชปจจัยกระตุน (elicitation) ซึ่งเปนการใชสารท่ีมีผลกอความเครียดในเซลลพืช เปนอีกแนวทางที่ใชในการเพิ่มผลผลิตของสารทุติยภูมิ และมีรายงานวาสามารถเพ่ิมปริมาณสารทุติยภูมิไดสําเร็จในพืชหลายชนิด (Kim et al., 2004; Qureshi et al., 2005; Mangas et al., 2006; Cheng et al.,2006) ดงั นน้ั โครงการวิจัยน้ีจึงสนใจศกึ ษาผลของการใชป จ จยั กระตนุ ตอการผลติ สารอารทีมซิ ินินในรากเพาะเล้ียงของชงิ เฮา อปุ กรณและวิธกี าร เลี้ยงรากเพาะเลี้ยงในอาหารเหลวสูตร MS (Murashige และ Skoog, 1962) ที่เติมน้ําตาล 3 % ในขวดรูปชมพู โดยเพาะเล้ียงที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส บนเครื่องปนเหว่ียง (120 รอบตอนาที) ภายใตแสง 16 ช่ัวโมงตอวัน เปนเวลา 2สัปดาห จากน้ันเติมปจจัยกระตุน คือสารซีพีพียู (5 มก./ล.) เมทิลแจสโมเนต (200 ไมโครโมลาร) ไคโตซาน (150 มก./ล.) และเกลือแกง (5 ก./ล.) ลงในอาหารเพาะเลี้ยง เปนเวลาตางๆ คือ 0 12 24 และ 48 ชั่วโมง แลวเก็บตัวอยางรากเพาะเลี้ยงเพ่ือนําไปวเิ คราะหหาปริมาณสารอารท มี ิซนิ ิน การสกัดอารทีมิซินินดัดแปลงจากวิธีของ Nieuwerburgh et al., (2006) โดยการบดตัวอยางสด 1 กรัม ในไนโตรเจนเหลว จากนั้นสกัดดวยไดคลอโรมีเทนนาน 1 นาที แลวกรองดวยกระดาษกรอง (Whatman® No.1) กอนที่จะนําไประเหยแหง หลังจากน้ันละลายตะกอนดวยเมทานอล 1 ม.ล. แลวนําไปวิเคราะหหาปริมาณอารทีมิซินินดวยวิธี HPLC โดยใชคอลัมม Phenomenex® Reverse-phase C18 (5 µm, 150x4.6 mm) ใชอะซีโตไนไตรทและนํ้าในอัตราสวน 55:45 ท่ีเติมกรดฟอรมิครอยละ 0.05 เปนวัฏภาคเคลื่อนที่ ดวยอัตราการไหล 1 มิลลิลิตรตอนาที และวัดการดูดกลืนแสงดวย photodiodearray detector ที่ความยาวคลน่ื 260 นาโนเมตร ผลและวจิ ารณ ปริมาณของอารทีมิซินินท่ีไดจากการเติมปจจัยกระตุนตางๆ ลงในอาหารเพาะเล้ียงของรากเพาะเลี้ยงที่เวลาตาง ๆแสดงดัง Figure 1 รากเพาะเลี้ยงท่ีกระตุนดวยสารซีพีพียู และเมทิลแจสโมเนต มีปริมาณอารทีมิซินินเพิ่มขึ้นต้ังแต 12 ชั่วโมงและเพ่ิมขึ้นสูงสุดเม่ือเวลา 24 ช่ัวโมง กอนที่จะลดลง ท่ีเวลา 48 ช่ัวโมง (Table 1) ซ่ึงระยะเวลาของการกระตุนน้ัน เปนปจจัยที่สําคัญอยางหน่ึงของการใชเทคนิคนี้ โดยที่พืชตางชนิด หรือพืชชนิดเดียวกันแตตางอวัยวะ หรือแมแตตางอายุกัน ก็จะตอบสนองตอปจจัยกระตุนในแตละเวลาแตกตางกัน (Mangas et al., 2006) เมื่อเปรียบเทียบกับรากเพาะเลี้ยงที่ไมเติมปจจัยกระตุน (Control) พบวา การใชไคโตซาน และเกลือแกง ไมมีผลตอการเพิ่มปริมาณสารอารทีมิซินินในรากเพาะเลี้ยง ในทางตรงกันขามกลับมีผลทําใหอารทีมิซินินลดลง ซ่ึงขัดแยงกับผลการศึกษาของ Patalun et al. (2007) ที่ไคโตซานสามารถเพ่ิมปริมาณของอารทีมิซินินในรากเพาะเล้ียงได และการศึกษาของ Qian et al. (2007) ท่ีเกลือแกงสามารถเพ่ิมปริมาณของอารทีมิซินินในตนชิงเฮาไดเชนกัน อยางไรก็ตามเน่ืองจากเปนการศึกษาคนละระบบการเพาะเล้ียง โดยการวิจัยน้ีไดทดสอบในรากเพาะเล้ียง ซง่ึ ตามปกติ
ว. วิทยาศาสตรเกษตร ปที่ 40 ฉบับท่ี 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 การกระตุนการสรางสารอารท มี ิซินิน 343Figure 1 Effect of elicitation on artemisinin production by A. annua hairy root cultures. (Data represents the mean+ SD) Different letters show highly significant differences by Duncan’s Multiple Range Test (DMRT) at p ≤ 0.01จะสรางสารนอยหรือไมสราง ดังน้ันในระบบการศึกษาน้ี ไคโตซานและเกลือแกง ไมสามารถใชเปนปจจัยกระตุนได จําเปนตองมีการศึกษาเพิ่มเติมท้ังในเรื่องของ ความเขมขน และระยะเวลา ท่ีเหมาะสมของการกระตุนเพิ่มเติมอีก สวนการใชสารซีพีพียูและเมทิลแจสโมเนต สามารถกระตุนใหรากเพ่ิมปริมาณของอารทีมิซินินได เม่ือเปรียบเทียบกับรากท่ีไมเติมปจจัยกระตุน โดยรากที่กระตุนดวยสารเมทิลแจสโมเนต มีปริมาณสารอารทีมิซินินสูงสุดประมาณ 0.062 มิลลิกรัมตอกรัมนํ้าหนักสด ซึ่งสูงกวารากท่ีไมเติมปจจัยกระตุน (0.023 มิลลิกรัมตอกรัมน้ําหนักสด) ประมาณ 2.7 เทา สอดคลองกับผลการศึกษาของ Patalun etal. (2007) สวนรากที่เลี้ยงในอาหารท่ีมีสารซีพีพียู ใหผลในการกระตุนสูงท่ีสุดในการศึกษาคร้ังน้ี มีปริมาณสารอารทีมิซินิน0.086 มิลลิกรัมตอกรัมน้ําหนักสด ซึ่งมีการสรางสารเพ่ิมขึ้นประมาณ 3.7 เทา เม่ือเปรียบเทียบกับรากท่ีไมเติมปจจัยกระตุนและการท่ีท้ังไซโตไคนินและอารทีมิซินินมีสารตัวกลางรวมกัน ผลการกระตุนของซีพีพียูซึ่งเปนไซโตไคนินสังเคราะหน้ี อาจเนื่องมาจาก เม่ือมีการเพิ่มปริมาณของไซโตไคนินภายนอกโดยการเติมซีพีพียู สงผลใหในเซลลรากเพาะเล้ียงมีการสะสมไซโตไคนินมากขนึ้ ทําใหกลไกการสงั เคราะหมุงสูการสงั เคราะหอารท ีมิซนิ ินมากขึน้ ดังรายงานของ Sa et al. (2006) ซ่ึงแสดงใหเห็นวา ปริมาณของสารอารทีมิซินินเพ่ิมข้ึนสอดคลองกับปริมาณของไซโตไคนินภายในตนชิงเฮา อยางไรก็ตาม จะตองมีการศึกษาเพ่ิมเติมในอีกหลายดาน เชน หาความเขมขนท่ีเหมาะสมของซีพีพียูและเมทิลแจสโมเนต เพ่ิมระยะเวลาการกระตุนหรือ ศึกษาอายุของรากเพาะเล้ยี ง เปนตน เพ่อื เพ่ิมประสทิ ธภิ าพของการกระตุนใหม ากขึน้ และนาํ ไปสูการผลติ ในระดบั อุตสาหกรรมได สรุป สารซพี ีพยี ู และเมทิลแจสโมเนต สามารถใชเปน ปจจยั กระตุนใหรากเพาะเล้ียงของชงิ เฮา สรางสารอารทีมิซินินเพ่ิมขึ้นได ซ่ึงมีประสิทธิภาพสูงสุดในการกระตุนท่ีเวลา 24 ช่ัวโมง โดยท่ีรากเพาะเล้ียงท่ีเติมสารซีพีพียู มีปริมาณสารอารทีมิซินินสูงทส่ี ดุ ขณะทใ่ี นการศึกษานี้ ไคโตซาน และเกลือแกง ไมส ามารถใชเ ปน ปจจยั กระตนุ สําหรับรากเพาะเล้ียงได คาํ ขอบคุณ งานวิจัยน้ีไดรับการสนับสนุนจากเงินงบประมาณ มหาวิทยาลัยมหิดล ป 2549-50 และไดรับการสนับสนุนสวนหน่ึงจากศูนยความเปนเลิศดานเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร สํานักงานพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยดานวิทยาศาสตร และเทคโนโลยีสาํ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
344 การกระตุนการสรา งสารอารทีมซิ ินิน ปท ่ี 40 ฉบบั ที่ 1 (พเิ ศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วิทยาศาสตรเ กษตร เอกสารอางอิงBaldi, A. and V.K. Dixit. 2008. Yield enhancement strategies for artemisinin production by suspension cultures of Artemisia annua. Bioresour Technol. 99: 4609-4614.Cheng, X.Y., H.Y. Zhou, X. Cui, W. Ni, and C.Z. Liu. 2006. Improvement of phenylethanoid glycosides biosynthesis in Cistanche deserticola cell suspension cultures by chitosan elicitor. J Biotechnol. 121: 253-260.Kim, O. T., M. Y. Kim, M. H. Hong, J. C. Ahn and B. Hwang. 2004. Stimulation of asiaticoside accumulation in the whole plant cultures of Centella asiatica (L.) Urban by elicitors. Plant Cell Rep. 23: 339-344.Klayman, D.L. 1985. Qinghaosu (artemisinin): an antimalarial drug from China. Science. 228: 1049-1055.Krishna, S., A.C. Uhlemann and R.K. Haynes. 2004. Artemisinins: mechanisms of action and potential for resistance. Drug Resist Updat. 7: 233–244.Kumar, S., S.K. Gupta, P. Singh, P. Bajpai, M.M. Gupta, D. Singh, A.K. Gupta, G. Ram, A.K. Shasany and S. Sharma. 2004. High yields of artemisinin by multi-harvest of Artemisia annua crops. Ind Crops Prod. 19: 77-90.Liu, C., Y. Wang, C. Guo, F. Ouyang, H. Ye and G. Li. 1998. Enhanced production of artemisinin by Artemisia annua L. hairy root cultures in a modified inner-loop airlift bioreactor. Bioprocess Eng. 19: 389-392.Liu, C.Z., C. Guo, Y.C. Wang and F. Ouyang. 2003. Comparison of various bioreactors on growth and artemisinin biosynthesis of Artemisia annua L. shoot cultures. Process Biochem. 39: 45-49.Mangas, S., M. Bonfill, L. Osuna, E. Moyano, J. Tortoriello, R.M. Cusido, M.T. Piñol and J. Palazón. 2006. The effect of methyl jasmonate on triterpene and sterol metabolisms of Centella asiatica, Ruscus aculeatus and Galphimia glauca culture plants. Phytochemistry. 67: 2041-2049.Murashige, T. and F. Skoog. 1962. A revised medium for rapid growth and bioassays with tobacco tissue cultures. Physiol Plantarum. 51: 473-497.Nieuwerburgh, F.C.W.V., S.R.F.V. Casteele, L. Maesb, A. Goossens, D. Inzé, J.V. Bocxlaer and D.L.D. Deforce. 2006. Quantitation of artemisinin and its biosynthetic precursors in Artemisia annua L. by high performance liquid chromatography–electrospray quadrupole time-of-flight tandem mass spectrometry. J Chromatogr A. 1118: 180-187.Putalun, W., W. Luealon, W. De-Eknamkul, H. Tanaka and Y. Shoyama. 2007. Improvement of artemisinin production by chitosan in hairy root cultures of Artemisia annua L. Biotechnol Lett. 29: 1143–1146.Qian, Z., K. Gong, L. Zhang, L. Jianbing, F. Jing, S. Guan, G. Wang and K. Tang. 2007. A simple and efficient procedure to enhance artemisinin content in Artemisia annua L. by seeding to salinity stress. African J Biotechnol. 6: 1410-1413.Qureshi, M.I., M. Israr, M.Z. Abdin and M. Iqbal. 2005. Responses of Artemisia annua L. to lead and salt-induced oxidative stress. Environ Experi. 53: 185–193.Sa, G., M. Mi, Y. He-chun, L. Ben-ye, L. Guo-feng and C. Kang. 2001. Effects of ipt gene expression on the physiological and chemical characteristics of Artemisia annua L. Plant Sci. 160: 691–698.Weathers, P.J., L. DeJesus-Gonzalez, Y.J. Kim, F.F. Souret and M.J. Towler. 2004. Alteration of biomass and artemisinin production in Artemisia annua hairy roots by media sterilization method and sugars. Plant Cell Rep. 23: 414-418.Zhang, L., H.C. Ye and G.F. Li. 2006. Effect of development stage on the artemisinin content and the sequence characterized amplified region (SCAR) marker of high-artemisinin yielding strains of Artemisia annua L. J Integr Plant Biol. 48: 1054-1062.
Agricultural Sci. J. 40 : 1 (Suppl.) : 345-348 (2009) ว. วิทย. กษ. 40 : 1 (พิเศษ) : 345-348 (2552) การประเมนิ คณุ คา ทางโภชนาการในขาวตา งสี Evaluation of Nutritional Values in Colored Rice อาทิตย กคุ าํ อู1 อภิชาติ เนนิ พลบั 1 สมเดช อ่มิ มาก2 และ เลก็ จันทรเ กษม3 Kukam-oo, A.1, Noenplab, A.1, Immark, S.2 and Chankasem, L.3 Abstract The nutritional values of colored rice were evaluated by Phitsanulok Rice Research Center during wetseason in 2002. The experiment was carried out at 2 sites. The experimental design was RCB having 12treatments with 4 replicates. Eight colored rice lines were compared to 4 standard varieties; 2 recommendedwhite and 2 introduced colored ones. Recommended rate and type of fertilizer and chemical application werepracticed at Phitsanulok site while organic farming strategy was practiced at Sukhothai site. The grain wassampled for nutritional analysis after harvest. Results revealed that most lines provided a rather low yieldexcept PSL00255-4-4-5R of which a similar grain yield to Chai Nat 2, a standard check variety, was recorded.Rice lines having red to deep dark - red pericarp were more superior than those with white, yellow and light -red pericarp in dietary fiber, calcium, polyphenol and antioxidant contents. However, those with red to deepdark - red pericarp had lower level of vitaminB6 than the latter ones. Among the tested lines, there were 2lines having higher nutritional values than the rest lines. The nutritional quality included the content of iron,polyphenol and antioxidative activity. They were designated as PSL00284-8-2-5R having deep dark - redpericarp and PSL00284-17-5-5R having dark red pericarp. In general, two different growing conditions providedsimilar nutritional values except the level of phytate. Organic rice had a higher phytate content than thatgrown normally.Keywords : nutritional values, colored rice บทคดั ยอ การประเมินคุณคาทางโภชนาการในขาวตางสี ดําเนินการโดยศูนยวิจัยขาวพิษณุโลก ระหวางป 2549-2550 ท่ีจังหวัดพิษณุโลกปลูกแบบนาท่ัวไป และท่ีสุโขทัย ปลูกแบบขาวอินทรีย วางแผนการทดลองแบบ RCB จํานวน 4 ซ้ํา 12กรรมวิธี โดยมีสายพันธุขาวตางสี จํานวน 8 สายพันธุ เปรียบเทียบกับพันธุขาวตางสี 2 พันธุและพันธุขาวขาว 2 พันธุ สุมเก็บตัวอยางเมล็ดเพื่อวิเคราะหคุณคาทางโภชนาการ ผลการทดลองพบวา ขาวตางสีในการทดลองสวนใหญใหผลผลิตคอนขางตํ่ามีเพียงสายพันธุเดียว คือ PSL00255-4-4-5R ที่ใหผลผลิตสูงเทียบเทากับพันธุเปรียบเทียบ (ชัยนาท 2) ขาวท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดสีเขม(สแี ดงถงึ สแี ดงเขม เกือบดาํ ) มีเยื่อใยอาหาร ธาตุแคลเซียม สารโพลีฟนอล และฤทธ์ิตานอนุมูลอิสระ สูงกวาขาวที่มีเยื่อหุมเมล็ดสีออน (สีขาว เหลือง ถึงสีแดงออน) แตวิตามินบี 6 ในขาวท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดสีออนกลับมีปริมาณสูงกวาขาวท่ีมีเยื่อหุมเมล็ดสีเขม สวนลักษณะคุณคาทางโภชนาการอื่นๆ ในพันธุ/สายพันธุตางๆ มีแตกตางกัน สายพันธุท่ีมีลักษณะคุณคาทางโภชนาการในระดับสูง ไดแก PSL00284-8-2-5R ที่มีเมล็ดสีแดงเขมเกือบดํา และ PSL00284-17-5-5R ท่ีมีเยื่อหุมเมล็ดสีแดงเขม โดยมธี าตุเหล็ก สารโพลีฟนอล และฤทธิ์ตานทานอนุมูลอิสระคอนขางสูงกวาสายพันธุอ่ืนๆ อยางไรก็ตามการปลูกขาวในสภาพแตกตางกันไมทําใหคุณคาทางโภชนาการแตกตางกันอยางชัดเจน ยกเวนไฟเตท พบวา ในขาวท่ีปลูกแบบขาวอินทรียท่ีสโุ ขทยั มีปริมาณสูงกวา ขาวท่ีปลกู แบบปกตทิ วั่ ไปทพ่ี ิษณุโลกคาํ สําคญั : การประเมินคณุ คาทางโภชนาการ ขา วตา งสี1 ศนู ยวจิ ัยขา วพิษณุโลก อ.วงั ทอง จ.พษิ ณุโลก 651301 Phitsanulok Rice Research Center,Wang Thong,Phitsanulok 651302 โครงการเกษตรอนิ ทรยี สนามบินสุโขทัย อ.สวรรคโลก จ.สโุ ขทยั2 Organic Farm Project, Sukhothai Airport, Sukhothai, Swankalok, Sukhothai3 ขา ราชการบาํ นาญ กรมวิชาการเกษตร3 Retirement Officer, Department of Agriculture
346 การประเมนิ คณุ คา ทางโภชนาการในขา วตา งสี ปท ่ี 40 ฉบับท่ี 1 (พิเศษ) มกราคม-เมษายน 2552 ว. วิทยาศาสตรเกษตร คาํ นํา ขาวเปนพืชอาหารหลักของประชากรโลกเกือบ 3,000 ลานคน (Maclean et al., 2002) และขาวเปนอาหารประเภทคารโบไฮเดรต แตยังมีองคประกอบทางเคมีที่มีคุณคาทางโภชนาการ ไดแก วิตามิน แรธาตุ และกรดอะมิโนที่มีในโปรตีนของขาวโดยปริมาณสารอาหารและวิตามินสวนใหญมีมากบริเวณใกลเปลือกของขาวกลองและคัพภะ (Embryo) มากกวาในสวนเนื้อในเมล็ด ยกเวนแปง (อรอนงค, 2547) จึงอาจกลาวไดวาในขาวกลองท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดเหลืออยูมีปริมาณสารอาหารที่สําคัญมากกวาในขาวสาร นอกจากนี้ยังมีรายงานวา ขาวท่ีมีเยื่อหุมเมล็ดสีตางๆ หรือขาวตางสี (Colored rice) มีแนวโนมวามีปริมาณสารอาหารท่ีสําคัญบางอยางมากกวาขาวที่มีเยื่อหุมเมล็ดสีขาว เชน ธาตุเหล็ก (Gregorio, 2002) และธาตุสังกะสี (Frei และBecker, 2005) แตธาตุเหล็กท่ีอยูในเมล็ดขาวรางกายมนุษยไมสามารถดูดซึมไปใชไดดีเทาที่ควร เน่ืองจากมีสารประกอบบางตัวที่มีคุณสมบัติยับยั้งการดูดซึม ไดแก ไฟเตท และแทนนิน (Prasad, 1983) สารตานอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เปนสารท่ีไดรับความสนใจเปนอยางมากเนื่องจากสารพวกนี้ชวยปองกันไมใหอนุมูลอิสระไปมีผลทําลายเซลลในรางกายซึ่งกอใหเกิดโรคหลายชนดิ เชน โรคมะเรง็ (อญั ชนา, 2546) สารตานอนุมูลอิสระท่ีสําคัญ ไดแก วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ซีลีเนียม และเบตา-แคโรทีน รวมท้ังสารประกอบโพลีฟนอลิค (ศรีวัฒนา และคณะ, 2548) มีผลการวิจัยรายงานวา เมล็ดขาวกลองสีดําและแดงมีประสทิ ธิภาพในการตา นอนมุ ลู อสิ ระสงู มาก ใน ขณะที่เมล็ดขาวกลองสีขาวหรือขาวสารมีประสิทธิภาพในการตานอนุมูลอิสระต่ําโดยท่ีประสิทธิภาพในการตานอนุมูลอิสระข้ึนอยูกับปริมาณสารโพลีฟนอลในเมล็ดขาว (Suttajit et al., 2006) อยางไรก็ตามองคประกอบทางเคมีในเมลด็ ขาวอาจแปรผนั ตามปจ จัยตา งๆ เชน พันธุขาว สภาวะการปลูก การเก็บเก่ียว และกระบวนการแปรรูป (Juliano,1993) ศูนยวิจัยขาวพิษณุโลกไดเล็งเห็นความสําคัญของคุณคาทางโภชนาการในเมล็ดขาว จึงไดนําสายพันธุขาวตางสีท่ีไดจากการปรับปรุงพันธุขาวมาวิจัยตอยอด โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือประเมินคุณคาทางโภชนาการในขาวตางสี สําหรับเปน ขอ มูลพจิ ารณาคัดเลือกและพัฒนาเปน พนั ธตุ อไป อปุ กรณแ ละวิธีการ ดําเนินงานโดย วางแผนการทดลองแบบ RCB จํานวน 4 ซ้ํา 12 กรรมวิธี โดยมีสายพันธุขาวตางสี จํานวน 8 สายพนั ธุ เปนกรรมวิธีทดสอบ พนั ธุขา วตางสี 2 พันธุแ ละพนั ธขุ า วขาว 2 พันธุ เปนกรรมวิธีเปรียบเทียบ ปลูกโดยวิธีปกดําระยะ 20x 20 เซนติเมตร ขนาดแปลงยอย 4 x 5 เมตร ที่จังหวัดพิษณุโลกปลูกแบบนาท่ัวไปมีการใชปุยและสารเคมี สวนจังหวัดสุโขทัยปลกู แบบขาวอินทรีย บันทึกขอมูล ความสูง วันเก็บเก่ียว และผลผลิตขาว นําตัวอยางขาวกลองไปวิเคราะหคุณคาทางโภชนาการ ดังนเี้ ยอ่ื ใยอาหาร เหล็ก แคลเซยี ม สงั กะสี วิตามิน (A, B1, B2, B6, E และ C) โดยสงไปวิเคราะหท่ีหองปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑเกษตรและอาหารสาขาเชียงใหม สวนไฟเตท แทนนิน สารโพลีฟนอล และฤทธ์ิตานอนุมูลอิสระวเิ คราะหทค่ี ณะเภสัชศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม จังหวัดเชยี งใหม ดาํ เนินการระหวางป 2549 - 2550 ผล ลักษณะทางการเกษตร ความสูงของขาวท่ีใชในการทดลอง 92-123 เซนติเมตร อายุการเก็บเกี่ยว 95-140 วันผลผลิตขาวเฉล่ียท้ัง 2 แหง พบวา พิษณุโลก 2 ใหผลผลิตสูงท่ีสุด 839 กิโลกรัมตอไร ขาวท่ีนํามาใชในการทดลองทุกสายพันธุไมสามารถใหผลผลิตสูงเทาพันธุเปรียบเทียบ ยกเวนสายพันธุ PSL00255-4-4-5R ท่ีใหผลผลิตเทียบเทากับพันธุชัยนาท 2(Table 1) คุณคาทางโภชนการ เย่ือใยอาหาร : สายพันธุขาว PSL00284-5-6-5R และ PSL00255-14-9-2-5R มีเย่ือใยอาหารมากท่ีสุด และขาวที่มีเยื่อหุมเมล็ดสีเขม (แดงถึงแดงเขมเกือบดํา) มีแนวโนมที่มีเยื่อใยอาหารมากกวาขาวท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดสีออน(ขาว - เหลืองถึงแดงออน) ธาตุแคลเซียม : พันธุหอมนิลมีปริมาณมากท่ีสุด และมีแนวโนมวาพันธุ/สายพันธุขาวท่ีมีเยื่อหุมเมล็ดสีเขมมีปริมาณมากกวาพันธุ/สายพันธุขาวที่มีเย่ือหุมเมล็ดสีออน ธาตุสังกะสี : ทุกพันธุ/สายพันธุมีปริมาณใกลเคียงกัน สวนธาตุเหล็ก : สายพันธุ PSL00284-17-5-5R และ PSL00284-8-2-5R มีปริมาณมากที่สุด ไฟเตท : พันธุหอมกุหลาบแดง สายพันธุขาวPSL00288-4-21-5R และ PSL00284-17-5-5R มีปริมาณมากท่ีสุด และมีแนวโนมวาขาวท่ีปลูกในจังหวัดสุโขทัยซ่ึงปลูกแบบขาวอินทรียมีปริมาณไฟเตทสูงกวาขาวท่ีปลูกในจังหวัดพิษณุโลกซ่ึงปลูกแบบปกติท่ัวไป สวนแทนนิน : สายพันธุขาว PSL00284-8-2-5R และ PSL00247-18-2-5R มีปริมาณมากที่สุด วิตามินบี1 และวิตามินบี2 : ขาวทุกพันธุ/สายพันธุมีปริมาณใกลเคียงกันวิตามินบี6 : มีแนวโนมวาพันธุ/สายพันธุขาวท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดสีออนมีปริมาณมากกวาพันธุ/สายพันธุขาวท่ีมีเย่ือหุมเมล็ดสีเขมสําหรับวิตามินอี : สายพันธุขาว PSL00247-18-2 -5R และ PSL00284-17-5-5R มีปริมาณมากท่ีสุด สวนวิตามินเอ และวิตามินซี : ไมสามารถตรวจวดั ได (Table 1)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 544
Pages: