๒๔๐ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓๑ เรือ่ ง บทบาทและความสาคัญของสถาบันทางสังคม หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ตัวชี้วัด กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์บทบาท ขน้ั นา ๑. ภาพเกยี่ วกบั สถาบันทางสังคม ความสาคญั และความสมั พนั ธ์ของ ๑. ครนู าภาพเกีย่ วกบั สถาบนั ทางสงั คมต่าง ๆ มาให้นักเรยี นดู โดยใชแ้ นวคาถาม ๒. ภาพมนุษย์ในอดีต สถาบนั ทางสังคม ดังต่อไปน้ี ๓. ภาพผู้ชมภาพยนตร์ สาระสาคัญ ๑.๑ จากภาพท่ีนักเรียนได้ดูเป็นภาพเกี่ยวกับอะไรบ้าง (ภาพท่ี ๑ ครอบครัว ๔. แผนผงั องค์ประกอบของสถาบัน กาลงั รบั ประทานอาหาร/ภาพที่ ๒ ครูและนักเรยี น/ ภาพที่ ๓ ทาบุญตกั บาตร) ทางสงั คม ทกุ สถาบนั ทางสงั คมลว้ นมี ๕. หนงั สือเรียน บทบาท หน้าท่ีเปน็ ของตนเอง หากทุกสถาบนั สามารถทาหน้าท่ี ภาพท่ี ๑ ครอบครวั กาลังรบั ประทานอาหาร ภาระงาน/ช้นิ งาน ของตนได้อยา่ งถูกต้องและ ที่มา http://focusphitsanulok.com/?p=1133996622 การปฏิบัติกจิ กรรม “สถาบนั ทาง สมบูรณ์ กจ็ ะสง่ เสริมใหป้ ระเทศมี สงั คมของเรา” ความสงบสุขยิง่ ขนึ้ ขอบเขตเน้อื หา ภาพท่ี ๒ ครแู ละนกั เรียน ที่มา www.pooyingnaka.com/content/ - บทบาทของสถาบันทาง content.php?No=336900 สังคม - ความสาคญั ของสถาบนั ทางสงั คม 222430
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๑ เรอ่ื ง บทบาทและความสาคัญของสถาบนั ทางสงั คม ๒๔๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ภาพท่ี ๓ ทาบุญตกั บาตร ดา้ นความรู้ ทม่ี า http://horo.teenee.com/benefaction/ ๑. นักเรียนสามารถอธบิ าย 11447.html ความหมายของสถาบนั ทางสังคม ไดอ้ ย่างถูกต้อง ดดา้ า้ นนททักกั ษษะะ//กกรระะบบววนการ ๑.๒ นักเรียนเคยทากิจกรรมแบบในภาพใดบ้าง (แนวคาตอบ : พิจารณาคาตอบ ๒๒. .นนกั ัเกรเยี รนียสนำมสำารมถอาภรปิถรอำภยิปราย ของนักเรียน) ลกั ษณะสำ� าคคัญัญขขอองงสขถอำงบสนั ถทาบำงันทาง สงั คมแตล่ ะสถำาบบันนั ไไดด้ออ้ ยย่ำ่างงถถูกูกตต้อ้องง ๒. ครูเชื่อมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง บทบาทและ ๓๓. .นนกั ัเกรเยี รนียสนำมสำารมถาวเิรคถรวำิะเคหร์ าะห์ ความสาคัญของสถาบันทางสังคม ดังน้ี “จากภาพต่าง ๆ เหล่าน้ีจะเห็นว่าคนเรา บทส๔คสคทบ๔ถวทถำ.าวทำงำ.งานบาสมบบสบนมักำงัสงันันััทาเกสคคมัรททแทัมเมียมพำรลาไนแไพงนัีดงยะดสสลัสธนอ้ค้อนำงั์ขังะยวธยคมสคอำ่ำ์ขคา่มำมามงงงรอไวแเไมสเดถหดหงตาำ�า้วอมแอ้ล่มคมิเรยำยคตะาัญสถำ่ะา่ะสร่ลงขสวงาำสถถะถอมิะเคมำกูสคูกงหบัญตถตร์นัอ้ ้อาขางงบะอัหนง์ จาเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกับผู้อนื่ มีการทากิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกนั และมีความสัมพันธ์ต่อ กันภายใต้กฎระเบียบของสังคม ซึ่งหากจัดแบ่งความสัมพันธ์ดังกล่าว เราจะเห็นกลุ่ม ความสัมพันธ์ท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ความสัมพันธ์ท่ีเกี่ยวข้องกับครอบครัว การศึกษา ศาสนา เป็นต้น ซ่ึงเราจะเรียกกลุ่มความสัมพันธ์เหล่าน้ีว่า สถาบันสังคม ดังนั้นวันนี้เราจะมาเรียนรู้เก่ียวกับความหมาย ความสาคัญและบทบาทของสถาบันทาง สงั คม” ขน้ั สอน ๑.นักเรยี นรว่ มกันดูภาพมนุษย์ในอดีต รว่ มกนั อภปิ รายความเป็นมาของการรวมตวั เป็น สังคมของมนุษย์ และพฒั นาการถึงปจั จุบนั (แนวทางการอภิปราย : มนุษยม์ ีการรวมกันเป็น สังคมต้ังแต่อดีต เพราะสาเหตุมาจากความต้องการพึ่งพาซงึ่ กนั และกนั และการมีกิจกรรมท่ตี ้อง แบ่งกันทา เป็นต้น) 22441
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๑ เรือ่ ง บทบาทและความสาคัญของสถาบันทางสงั คม ๒๔๒ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ดา้ นคณุ ลักษณะ ภาพมนุษย์ในอดีต ๕ . นั ก เ รี ย น ส า ม า ร ถ บ อ ก ทมี่ า http://www.ngwk.ac.th/web/social/em- ความสาคัญของการปฏิบัติตาม orn/west-culture/page๑1.htm บทบาทและสถานภาพในสถาบัน ทางสงั คมทตี่ นดารงอยู่ ๒. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเร่ือง “การเปรียบเทียบโครงสร้างทางสังคม” โดย การให้เปรียบเทียบกบั ตึกเรยี น ถงึ โครงสรา้ งของตึกมีอะไรบา้ ง และมีความสาคญั อย่างไร (แนวการตอบ : มีเสาไว้รับน้าหนักตึก มีประตูไว้เป็นทางเข้า มีหน้าต่างไว้ระบายอากาศ เป็นต้น หากไม่มีองค์ประกอบเหล่าน้ีตึกก็จะขาดคุณสมบัติที่ดีไป) เพื่อนาไปสู่ความคิด รวบยอดในประเดน็ โครงสร้างทางสังคม ว่าทกุ ๆ โครงสร้างของตึกล้วนมีประโยชน์ เมื่อ เทียบกับโครงสร้างทางสังคม ก็เหมายความว่าองค์ประกอบทางสงั คมต่อไปน้ี คือส่วน ๆ หนง่ึ ท่สี าคญั ในสงั คม และมีบทบาทต่อการดาเนนิ สังคมใหด้ ารงอยูต่ ่อไปได้ ๓. นักเรยี นอภปิ รายจากภาพ “ผู้ชมภาพยนตร์” ว่าเป็นกลุ่มสังคมหรือไม่ (แนว ทางการตอบ : อาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ ไม่เป็นกลุ่มทางสังคม เพราะคนท่ีมาชม ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ไม่รู้จักกันมาก่อน ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันที่เป็นส่วน สาคัญของการเป็นกลุ่มสังคมไป, เป็นกลุ่มทางสังคม เพราะพวกเขาอาจเป็นแฟน ภาพยนตร์เรื่องนี้โดยนัดหมายกลุ่มกันมาชมภาพยนตร์ และอาจมีกิจกรรมต่อเน่ืองไป หลงั จากชมภาพยนตร์เสรจ็ แล้วกไ็ ด)้ 22425
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๓๑ เรอ่ื ง บทบาทและความสาคัญของสถาบันทางสังคม ๒๔๓ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาพผู้ชมภาพยนตร์ ท่มี า https://www.slang-aholic.com/ articles/guidance ๔. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความหมายและความสาคัญของคาว่า “สถาบันทางสังคม” และอภิปรายถึงกลุ่มสังคม หน้าท่ี สมาชิก แบบแผนพฤติกรรม สัญลกั ษณ์และคา่ นยิ มจากแผนผัง “องค์ประกอบของสถาบันทางสงั คม” แผนผัง “องค์ประกอบของสถาบันทาง สงั คม” ๕. ครูเกริน่ นาว่า “โดยทั่วไป แล้วสังคมต่าง ๆ จะมีสถาบันพ้ืนฐานที่สาคัญอยู่ ๗ สถาบัน ได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ สถาบันการเมืองการปกครอง 24236
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓๑ เรอ่ื ง บทบาทและความสาคัญของสถาบันทางสังคม ๒๔๔ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ สถาบันส่ือมวลชน และสถาบันนันทนาการ แต่ในวันน้ีเราจะมาเรียนกันใน ๓ สถาบัน แรกท่ีใกล้ตัวเรามากท่ีสุดกันก่อนคือ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบัน ศาสนา” ๖. นักเรียนร่วมกจิ กรรม “สถาบนั ทางสงั คมของเรา” เวลาประมาณ ๑๐ นาที ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ทั้งหมดจานวน ๖ กลมุ่ และส่งตัวแทนออกมาจบั สลากเลอื ก สถาบันทางสังคมกลมุ่ ละ ๑ สถาบนั สถาบันครอบครัว สถาบันการศกึ ษา และสถาบนั ศาสนา นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภปิ รายถงึ บทบาทหน้าที่และความสาคัญของแต่ละ สถาบนั พร้อมกบั นาเสนอหน้าชน้ั เรียน โดยกาหนดประเด็นอภปิ รายดังนี้ ๑) บทบาทหน้าทแี่ ละความสาคัญของสถาบัน ๒) หากสถาบนั ทาหนา้ ท่ีบกพรอ่ ง จะสง่ ผลเสยี ตอ่ สมาชิกในสงั คม อยา่ งไร อย่ำงไร ๓) สถาบนั ท่ไี ดร้ บั มคี วามสัมพันธ์กบั สถาบันอ่ืนอยา่ งไร ๗. ครูให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ลักษณะสาคัญและความสัมพันธ์ของ สถาบันทางสังคมแต่ละสถาบัน (แนวคาตอบ : สถาบันทางครอบครัวมีความสัมพันธ์กับ สถาบันการศึกษา เช่น เมื่อผู้ปกครองส่งบุตรหลานท่ีอบรมเลี้ยงดูไปโรงเรียนเพื่อให้อยู่ ภายใต้การอบรมสั่งสอนของครู ก็จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลปฏิสัมพันธ์กันระหว่าง ผู้ปกครองและครูเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นอกจากนี้หากสมาชิกของสังคมเกิด ความกงั วลใจหรือท้อแท้ สถาบันศาสนาก็จะมาชว่ ยผอ่ นคลายความวติ กกงั วลนไี้ ด้) 222474
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๓๑ เรอ่ื ง บทบาทและความสาคัญของสถาบนั ทางสังคม ๒๔๕ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ขั้นสรปุ ๑. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายประเด็น “สถาบันทางสังคมสามารถแยกกนั ทาหนา้ ทอ่ี ยู่โดยไม่มีความสมั พันธ์กันไดห้ รือไม่” (แนวคาตอบ : สถาบันทางสงั คมทุก สถาบนั ล้วนแต่มหี นา้ ที่ตอบสนองความต้องการของสมาชกิ ในสงั คมเปน็ สาคญั ดงั นั้นจึง ไมม่ สี ถาบันทางสงั คมใดที่จะสามารถดารงอยไู่ ดเ้ พยี งลาพัง อกี ท้ังสมาชกิ ในสังคมยงั ต้อง พง่ึ พาอาศัยความเป็นสถาบนั ของสถาบันทางสงั คมแต่ละสถาบนั ตลอดชว่ งชีวติ อีกด้วย) ๒. นกั เรียนร่วมกันตอบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี “หากสถาบันทางสังคมทาหน้าท่ขี อง ตนเองได้อย่างถกู ต้องและสมบูรณ์ จะสง่ ผลตอ่ ตนเองและสังคมอยา่ งไร” (แนวคาตอบ : ประเทศชาติมีความสงบสุข) 222485
24622469 การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สง่ิ ทต่ี ้องการวัด/ประเมนิ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - การอภิปราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ ด้านความรู้ - การทากจิ กรรมในชั้น - กิจกรรมในชัน้ เรยี น ร๖อ้ ๐ยลแะล๘ะม๐ีกแาลระแมสีดง - อธิบายความหมายของ เรียน กเหำตรแุผสลดปงรเหะกตผอุ ลบประกอบ สถาบนั ทางสังคม - การทากิจกรรมในชั้น เรียนผลเปน็ ทน่ี า่ พึง พอใจ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถูกต้องของ - วิ เ ค ร า ะ ห์ บ ท บ า ท แ ล ะ - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภปิ ราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ ความสาคัญของสถาบันทาง - การทากจิ กรรมในชน้ั - กิจกรรมในชนั้ เรียน ร๖อ้ ๐ยลแะล๖๘ะ๐ม๐ีกแแาลลระะแมมสกี ีดำรงแสดง สังคม เรยี น - อธิบายลักษณะสาคัญของ กเหำตรแผุ สลดปงรเหะกตผอุ ลบประกอบ ของสถาบันทางสังคมแต่ละ - การทากิจกรรมในชนั้ สถาบัน เรียนผลเปน็ ที่นา่ พงึ - วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ พอใจ แต่ละสถาบนั ทางสงั คม ด้านคณุ ลักษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถูกต้องของ - บอกความสาคัญของการ - การอภิปราย - ประเด็นอภปิ ราย คาตอบมากกวา่ รอ้ ยละ ปกำฏริปบฏั ติบิ ตัตาิตมำมบบทบำาททแลแะล ะ - การทากจิ กรรมในช้ัน - กิจกรรมในชั้นเรียน ร๖อ้ ๐ยลแะล๘ะม๐ีกแาลระแมสีดง สถานภาพในสถาบันทาง เรียน สงั คมทตี่ นดารงอยู่ กเหำตรแุผสลดปงรเหะกตผอุ ลบประกอบ - การทากิจกรรมในชั้น ชเรั้นียเนรีผยลนเผปลน็ เปท็นี่ ทา่ พ่ีนงึ่ำ พึงอพใจอใจ
24724370 ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงช่อื ......................................ครู (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผูท้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ.............
๒๔๘ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๓๒ เรื่อง สถาบนั เศรษฐกจิ สถาบันการเมอื งการปกครอง สถาบันสื่อสารมวลชนและสถาบนั นนั ทนาการ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ตัวชี้วัด กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์ ข้นั นา ๑. ภาพเกยี่ วกับสถาบนั ทางสงั คม ๑. ครนู าภาพเกยี่ วกบั สถาบนั ทางสังคมต่าง ๆ มาใหน้ ักเรียนดู โดยใชแ้ นวคาถามดังต่อไปนี้ จานวน ๔ ภาพ บทบาท ความสาคัญและ ๑.๑ จากภาพท่ีนักเรียนได้ดูเป็นภาพอะไรบ้าง (แนวคำตอบ : ภำพท่ี ๑ ร้ำนขำย ๒. โปรแกรมนาเสนอภาพนิ่งเรอื่ ง ความสมั พันธข์ องสถาบันทาง ของ/ภำพท่ี ๒ อนเุ สำวรียป์ ระชำธปิ ไตย / ภำพที่ ๓ นักขำ่ ว/ ภำพที่ ๔ ภำพดำรำ) สถาบัน ๔ สถาบัน สงั คม ๓. ใบความรเู้ ร่อื งสถาบนั สาระสาคัญ ภาพท่ี ๑ ร้านขายของ ภาระงาน/ชนิ้ งาน ทุกสถาบนั ทางสังคมแตล่ ะ ท่มี า http://region.2p.rpdr.dg.og.oth.t/he/wewt_tn_enwews s การปฏิบตั ิกจิ กรรม “สถาบนั ของ สถาบนั ล้วนมบี ทบาท หน้าที่ .php?nid=366667700 ฉนั ” ของตนเอง หากทกุ สถาบัน สามารถทาหน้าท่ีของตนได้ ภาพที่ ๒ อนเุ สำวรยี ์ประชำธปิ ไตย อย่างถูกต้องและสมบรู ณ์และ ทมี่ า www.pooyingnaka.com/content/ ประสานประโยชน์ กจ็ ะส่งเสริม content.php?No=3669900 ใหป้ ระเทศมคี วามสงบสขุ ยงิ่ ขึ้น ขอบเขตเนือ้ หา - บทบาทของสถาบนั ทาง สังคม - ความสาคัญของสถาบนั ทางสงั คม 24381
๒๔๙ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓๒ เรื่อง สถาบนั เศรษฐกจิ สถาบนั การเมืองการปกครอง สถาบนั สือ่ สารมวลชนและสถาบนั นันทนาการ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ พลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ภาพท่ี ๓ นกั ขา่ ว ด้านความรู้ ท่ีมา http://news.mthai.com/app/uploads/ ๑. นักเรยี นสามารถอธบิ าย 2201155//0055/2/2292-945-40x5300x03.j0p0g .jpg บทบาทความสาคัญของสถาบัน ภาพที่ ๔ ดาราศลิ ปิน ทางสงั คมได้อยา่ งถูกต้อง ท่มี า https://gossipstar.mthai.com/data/topic ด้านทกั ษะ/กระบวนการ /img/img-448866555.jpg ๒.นักเรียนสามารถวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ของสถานบันทาง สั ง ค ม แ ต่ ล ะ ส ถ า บั น ไ ด้ สมเหตสุ มผล ด้านคณุ ลกั ษณะ ๑.๒ นกั เรียนคดิ วา่ ภาพทัง้ ๔ ภาพ เกีย่ วขอ้ งกับสถาบันใดบา้ ง ๓. นกั เรียนสามารถบอกคุณค่า (แนวคำตอบ : พิจำรณำคำตอบของนักเรยี น) และความสาคัญของการปฏบิ ตั ิ ๒. ครูเช่ือมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง บทบาทและความสาคัญของสถาบัน ตนตามบทบาทและสถานภาพ ทางสังคม ดังน้ี “จากภาพต่าง ๆ เหล่าน้ีนักเรียนจะเห็นนักเรียนว่า คนเราจาเป็นต้องอาศัย ในสถาบนั ทางสังคมท่ีตนดารง อยู่ร่วมกับผู้อื่นมกี ารบริโภคสินคา้ การตดิ ตามขา่ วสาร มีการทากิจกรรมตา่ ง ๆ ร่วมกัน และ อยู่ได้อยา่ งเหมาะสม มคี วามสัมพนั ธ์ตอ่ กันภายใต้กฎระเบียบของสังคม ดังนัน้ วันน้ีเราจะมาเรยี นรู้เก่ียวกบั สถาบัน เศรษฐกจิ สถาบันการเมอื งการปกครอง สถาบันสือ่ สารมวลชนและสถาบนั นันทนาการ 223429
๒๕๐ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓๒ เรื่อง สถาบันเศรษฐกจิ สถาบันการเมอื งการปกครอง สถาบนั สือ่ สารมวลชนและสถาบนั นันทนาการ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ขนั้ สอน ๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันศึกษา เรอ่ื ง “บทบาทและความสาคัญของสถาบนั ทางสังคม” จากโปรแกรม นาเสนอภาพน่ิง เร่ือง “บทบาทและความสาคัญของสถาบันทางสังคม” ๒. ครใู ห้นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรม “สถาบันของฉนั ” ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที โดยใหผ้ ้เู รียน ดาเนนิ การดังนี้ ๒.๑ ครแู บง่ กลมุ่ ผ้เู รยี นออกเปน็ ๔ กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะได้รบั บทบาทในการทาหน้าที่ ของสถาบันทางสังคมแตล่ ะสถาบัน ประกอบด้วย ๑) นกั เรยี นกลมุ่ ท่ี ๑ รบั หนา้ ท่เี ป็น สถาบนั เศรษฐกิจ ๒) นักเรยี นกลุ่มท่ี ๒ รบั หน้าทเ่ี ป็น สถาบนั การเมืองการปกครอง ๓) นักเรยี นกล่มุ ท่ี ๓ รบั หนา้ ท่ีเป็น สถาบันส่ือสารมวลชน ๔) นกั เรียนกล่มุ ท่ี ๔ รับหน้าท่ีเป็น สถาบันนันทนาการ ๒.๒ ครูให้กรณีตัวอย่างแก่นักเรียนท้ังห้อง จากน้ันให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มระดม ความคิดแก้ปัญหาดังกล่าว โดยอาศัยการทางานของสถาบันทางสงั คมที่กลุม่ ของตนเองไดร้ ับ โดยกรณีตัวอย่างมดี งั นี้ “หมู่บ้านหนองผักบุ้ง ซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควร ประสบปัญหาของการท่ี วัยรุ่นคนหนุ่มสาวเข้าไปหางานทาในเมือง ทาให้ในหมู่บ้านมีแต่คนแกแ่ ละเด็กเล็ก จนกระทั่ง วันหนึ่ง ยายแดงซึ่งเป็นหญิงชราในหมู่บ้านอยู่บ้านกับหลานอายุ ๒ ขวบ เกิดอาการเส้น เลือดในสมองแตกเน่ืองจากมีภาวะความดนั โลหิตสูง ซ่งึ เป็นโรคท่ีคนส่วนใหญ่ในหมู่บา้ นเป็น กนั ทาใหย้ ายแดงเสียชีวิต กวา่ จะพบศพกต็ กเยน็ เม่ือลูกกลบั มาจากท่ีทางานแล้ว” ๒.๓ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากกรณีตัวอย่าง ดงั กลา่ วให้เพอ่ื นฟัง 223530
๒๕๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓๒ เร่อื ง สถาบันเศรษฐกจิ สถาบนั การเมอื งการปกครอง สถาบนั ส่ือสารมวลชนและสถาบันนนั ทนาการ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ๓. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ กจิ กรรมการเรยี นรู้จากกิจกรรมดังกล่าวข้างตน้ ขั้นสรปุ ๑. ครใู ชแ้ นวคาถามกับนกั เรยี นเพ่ือสรปุ การเรยี นรู้โดยใชแ้ นวคาถามในการสรุปการ เกรำียรนเรยีู้ ดนงัรนู้ ด้ี ังน้ี ๑.๑ นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายประเดน็ “สถาบันทางสงั คมแต่ละสถาบนั สามารถดาเนินการดว้ ยสถาบันของตนเองเพียงสถาบันเดยี วไดห้ รือไม่” (แนวคำตอบ : สถำบนั ทำงสงั คมทุกสถำบนั ล้วนแต่มีหน้ำที่ตอบสนองควำมต้องกำรของสมำชกิ ในสงั คมเปน็ สำคัญ ดังน้นั จึงไม่มีสถำบนั ทำงสังคมใดทจ่ี ะสำมำรถดำรงอยู่ไดเ้ พียงลำพัง อีกทัง้ สมำชิกใน สงั คมยังต้องพึ่งพำอำศัยควำมเป็นสถำบนั ของสถำบันทำงสังคมแตล่ ะสถำบันตลอดช่วงชีวิต อกี ดว้ ย) ๑.๒ นักเรยี นร่วมกันตอบคาถามดงั ต่อไปนี้ “หากสถาบนั ทางสังคมทาหน้าท่ี ของตนเองไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและสมบรู ณ์ จะส่งผลต่อตนเองและสงั คมอย่างไร” (ประเทศชำติมี ควำมสงบสขุ ) 23541
25225325 การวัดและประเมินผล สงิ่ ทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เครือ่ งมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - อธิบายบทบาทความสาคญั - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภปิ ราย คาตอบมากกวา่ ร้อยละ ของสถาบนั ทางสงั คม - การทากิจกรรมในชน้ั - กิจกรรมในชน้ั เรยี น ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมกสี ำดรงแสดง เใรนยี ชนั้นเรียน เหตุผลประกอบ - การทากจิ กรรมในชั้น ใเรนยี ชนั้นผเลรียเปนน็ ผทลี่นเป่าพ็นึงท่ี นพ่ำอพใจึงพอใจ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคญั - ความถูกต้องของ - วิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของ - การอภิปราย - ประเดน็ อภิปราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ สถานบันทางสงั คมแตล่ ะ - การทากิจกรรมในชนั้ - กจิ กรรมในชนั้ เรยี น ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมกสี ำดรงแสดง สถาบัน เใรนียชน้ันเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากิจกรรมในชั้น เใรนียชนั้นผเลรเียปนน็ ผทล่ีนเปา่ พ็นงึที่ พนอ่ำใพจึงพอใจ ดา้ นคณุ ลักษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - บอกคุณค่าและความสาคัญ - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภิปราย คาตอบมากกว่าร้อยละ ข อ ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น ต า ม - การทากจิ กรรมในช้ัน - กจิ กรรมในชั้นเรยี น ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมกสี ำดรงแสดง บทบาทและสถานภาพใน เใรนยี ชนั้นเรียน สถาบันทางสังคมท่ีตนดารง เหตผุ ลประกอบ อยู่ - การทากิจกรรมในช้นั เใรนยี ชน้ันผเลรเียปน็นผทลนี่ เา่ปพ็นงึ ที่ พนอ่ำใพจึงพอใจ
25325336 ๘. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอ่ื ......................................ครู (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................ ................................................................... ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ..........
๒๕๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓๓ เรอื่ ง สถานภาพกบั บทบาทของพลเมอื งดีตามวิถปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ตวั ช้วี ดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๒ เหน็ คณุ ค่าในการปฏิบัตติ น ข้นั นา - ภาพการกระทาของบคุ คลใน ตาม สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรภี าพ ๑. ครูนาภาพการกระทาของบคุ คลในกจิ กรรมตา่ งๆ มาให้นกั เรยี นดู จากนน้ั ถาม หนา้ ทใ่ี นฐานะพลเมืองดีตามวิถี คาถามนักเรยี นเพ่ือนาเข้าสู่บุ ทเรยี น และใชแ้ นวคาถามดังต่อไปนี้ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ประชาธิปไตย ๑.๑ จากภาพที่นักเรยี นไดด้ ูเปน็ ภาพอะไรบ้าง (แนวคำตอบ : ภำพท่ี ๑ ครกู ำลัง - ส่อื PowerPoint เรอื่ ง สอนหนังสือนักเรยี น/ภำพที่ ๒ แมค่ ้ำขำยผัก/ ภำพที่ ๓ ตำรวจจับโจร/ภำพท่ี ๔ สาระสาคัญ นักเรยี นข่ีมอเตอร์ไซคโ์ ดยไม่สวมหมวกนิรภยั ) สถานภาพ บทบาท การที่สมาชิกในสงั คมทุกคนปฏบิ ตั ติ าม - ภาพครู สถานภาพ บทบาท ย่อมสง่ ผลใหส้ งั คมและ ภาพที่ ๑ ครกู าลงั สอนหนงั สือ สมาชิกของสงั คมน้ัน ดารงอยู่ได้อย่างปกติสุข ทีม่ า https://sites.google.com/site/ ภาระงาน/ชิ้นงาน และสงั คมมีความเจริญก้าวหนา้ By22553388009901/bth-thi-4 การปฏิบตั ิกิจกรรม “ชุมชน หรรษา” ขอบเขตเนือ้ หา - สถานภาพของพลเมืองดี - บทบาทของพลเมืองดี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ ภาพที่ ๒ แม่ค้าขายผัก ๑. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของ ท่ีมา https://mgronline.com/local สถานภาพ และบทบาทได้อย่างถูกต้อง /detail/๙96๖0๐0๐0๐00๐1๐2๑9๒19๙1๑๙๑ 23574
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓๓ เรือ่ ง สถานภาพกับบทบาทของพลเมืองดีตามวิถีประชาธปิ ไตย ๒๕๕ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ดา้ นทักษะและกระบวนการ ภาพท่ี ๓ ตารวจจบั โจร ๒. นักเรียนสามารถระบุบทบาทท่ีพึงปฏิบัติ ทมี่ า ตามสถานภาพทีต่ นดารงอยู่ไดอ้ ย่างถกู ต้อง http://tnews.teenee.com/crime/ ด้านคุณลักษณะ ๘84๔9๙8๘4๔.html ๓. นักเรียนสามารถอภิปรายคุณค่าของการ ภาพท่ี ๔ นกั เรียนมอเตอร์ไซค์โดยไมส่ วม ปฏิบัติตามสถานภาพและบทบาทของตนเอง หมวกกันนอ๊ ค ในฐานะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้ ทมี่ าhttps://www.sanook.com/news/ อย่างสมเหตสุ มผล ๑1๘8๙9๕5๕5๕5๐0 / ๑.๒ บุคคลในภาพใดท่ีถือว่าการกระทาเหมาะสม เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : ภำพที่ ๑ และ ๒ เหตผุ ลให้นกั เรยี นแสดงควำมคิดเห็น) ๑.๓ บุคคลในภาพใดถือว่าการกระทาท่ีทาอยู่ไม่เหมาะสม เพราะเหตุใด (แนว คำตอบ : ภำพท่ี ๓ และ ๔ เหตผุ ลใหน้ กั เรียนแสดงควำมคดิ เห็น) ๒. ครูเชื่อมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง ความหมาย สถานภาพ และ บทบาทดังน้ี “จากภาพท่ีนักเรียนได้ดูไปนั้นจะเห็นว่าบุคคลเหล่านที้ ่ีถือเป็นพลเมืองดี มีการปฏิบัติตนท้ังท่ีเหมาะสมและไม่เหมาะสมกับบทบาทของตนเองอย่างไร ซ่ึงใน วนั นเี้ ราจะมาเรียนรกู้ ันเกีย่ วกับสถานภาพและบทบาท” 23585
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๓๓ เร่ือง สถานภาพกบั บทบาทของพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย ๒๕๖ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขน้ั สอน ๑. ครอู ธิบายเรื่องสถานภาพ บทบาท จากส่ือ PowerPoint เรื่องสถานภาพ บทบาท ๒. นกั เรยี นร่วมกันดูภาพครู และร่วมกนั อภปิ รายในประเดน็ ๒.๑ สถานภาพบคุ คลในภาพคอื (แนวคำตอบ : ครู ) ๒.๒ บทบาทของครูมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ : สั่งสอน อบรม ให้ควำมเมตตำต่อ ศิษย์) ภาพครู ท่ีมา http://www.peopleunitynews. Com ๓. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม “ชุมชนหรรษา” ร่วมกันยกตัวอย่างสมาชิกของสถาบัน ทางสังคมหนึง่ คนต่อหนึ่งสถาบัน จากสถาบนั ทางสังคมท้ัง ๗ สถาบนั ท้ังน้ีครเู ขียนชื่อ สถาบันทางสังคมท้ัง ๗ สถาบันไว้บนกระดานด้วย โดยให้นักเรียนตอบคาถามดังนี้ (เวลาประมาณ ๕ นาท)ี ๓.๑ มีบุคคลใดบา้ งอย่ใู นสถาบนั ทางสงั คมนี้ ๓.๒ สถานภาพของบุคคลน้ันเปน็ อยา่ งไร ๓.๓ บทบาทของบคุ คลน้นั เป็นอย่างไร 23569
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๓ เรือ่ ง สถานภาพกับบทบาทของพลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย ๒๕๗ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ พลเมืองดีตามวิถีประชาธปิ ไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ จากน้ันครูสุ่มนักเรียนสถาบันละ ๑ คน ให้ตอบคาถามท่ีได้ตอบไปกิจกรรม “ชุมชนหรรษา” ๔. จากกิจกรรมให้นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของคาว่า “สถานภาพ” และ แ“ลบะทบ“าบทท”บำโดทย”คโรดสู ยังคเกรตูสพังเฤกตติกพรฤรตมิกรรารยมบรุคำคยลบแลุ ลคะลเพแลิ่มะเตเพิมม่ิคเาตติมอคบ�ำใตหอส้ บมใบหรู ส้ ณม์บรู ณ์ ๕. นักเรียนร่วมกันอภิปรายบทบาทที่นักเรียนพึงปฏิบัติ ท้ังบทบาทนักเรียน และ แพละเมพือลงเขมอื งปขรอะงเปทรศะเพทรศอ้ พมรท้อั้งมระทบง้ั รคุ ะณุ บคคุ ่าุณในคกำ่ าในรปกฏำรบิ ปัตฏิ ิบัติ ขัน้ สรุป ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียน เร่ือง ความหมาย สถานภาพ และ บทบาทของพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย โดยครใู ช้แนวคาถามดังตอ่ ไปน้ี ๑.๑ จากกิจกรรมท่ีนักเรียนได้ทาไปในวันน้ี นักเรียนสามารถบอกแนว ทางการปฏิบัติตน ในฐานะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้อย่างไร (แนว คำตอบ : กำรอยูร่ ่วมกนั ในสงั คมประชำธิปไตย สมำชิกทุกคนต้องร้จู ักและปฏิบัติ ตำมสถำนภำพและบทบำทของตนเอง หรอื คำตอบอ่นื ๆ ท่ีไปในทิศทำงเดยี วกนั ) ๑.๒ ถ้าในประเทศของเรานักเรียนส่วนมากไม่ปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท จะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ : นักเรียนแสดงควำมคิดเห็น) ๑.๓ ดังน้ัน นักเรียนสามารถสรุปการเรียนในวันน้ีได้ว่าอย่างไร (แนว คำตอบ : กำรอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมประชำธิปไตย สมำชิกทุกคนต้องรู้จักและปฏิบัติ ตำมสถำนภำพและบทบำทของตนเองในฐำนะพลเมืองดีตำมวิถีประชำธิปไตย เพอื่ ช่วยใหส้ ำมำรถอยรู่ ่วมกันในสังคมได้อยำ่ งสงบสุข) 225470
258 25481 การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ สิ่งท่ีต้องการวัด/ประเมิน - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคญั - ความถกู ต้องของ - การอภปิ ราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกวา่ ร้อยละ ด้านความรู้ - การทากิจกรรมในชัน้ - กจิ กรรมในชน้ั เรียน ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมสกี ำดรงแสดง - อธิบายความหมายของ เใรนียชน้ันเรียน เหตุผลประกอบ สถานภาพ และบทบาท - การทากจิ กรรมในชน้ั ใเรนยี ชน้ันผเลรียเปน็นผทลน่ีเป่าพ็นึงท่ี นพ่ำอพใจึงพอใจ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถูกต้องของ - ระบุบทบาทท่ีพึงปฏิบัติตาม - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภิปราย คาตอบมากกวา่ ร้อยละ สถานภาพทต่ี นดารงอยู่ - การทากิจกรรมในชั้น - กิจกรรมในชั้นเรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมสกี ำดรงแสดง เใรนียชนั้นเรียน เหตุผลประกอบ - การทากจิ กรรมในชน้ั เใรนียชนั้นผเลรีเยปนน็ ผทลน่ี เป่าพ็นงึที่ พนอ่ำพใจึงพอใจ ด้านคณุ ลกั ษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - อภปิ รายคณุ ค่าของการ - การอภิปราย - ประเดน็ อภิปราย คาตอบมากกวา่ ร้อยละ ปฏิบัติตามสถานภาพและ - การทากจิ กรรมในชั้น - กจิ กรรมในชนั้ เรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมสกี ำดรงแสดง บทบาทของตนเองในฐานะ เใรนยี ชน้ันเรียน พลเมอื งดีตามวิถี เหตุผลประกอบ ประชาธปิ ไตย - การทากิจกรรมในชัน้ เใรนยี ชน้ันผเลรเียปนน็ ผทลี่นเปา่ พ็นึงที่ พนอ่ำใพจึงพอใจ
259 224529 บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ครู (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย ....................................................................................................................................... .................................... ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ท่ี..........เดือน..........พ.ศ.............
๒๖๐ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๓๔ เรื่อง สิทธิเสรภี าพของพลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ตวั ชีว้ ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๒ เหน็ คณุ คา่ ในการปฏิบตั ติ น ขั้นนา - ภาพขา่ วการดม่ื สุราแลว้ กอ่ เหตุ ตาม สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ใี น ๑. ครนู าำ� ภาำพข่าำวกาำรดมื่ สุราำแล้วก่อเหตทุ ะเลาำะวิวาำทให้นักเรียนดู จาำกนั้นต้งั ทะเลาะวิวาท ฐานะพลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย คตาั้งคถา�ำมถำใหม้นใหกั น้ เรักยี เนรียรนว่ มรว่กมนั กแนัสแดสงคดวงคามวำคมิดคเหิด็นเหดน็ ังนดัง้ี นี้ สาระสาคญั ภาระงาน/ชิ้นงาน การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม สมาชกิ ทกุ คนตอ้ ง การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม “Yes or No” รู้จกั หนา้ ท่ี ย่อมส่งผลใหป้ ระเทศเจริญก้าวหนา้ และ ช่วยให้การอย่รู ว่ มกันในสังคมดาเนินไปได้อยา่ ง สงบสุข ขอบเขตเน้อื หา - สิทธิและเสรภี าพ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ภาพขา่ วการดมื่ สรุ าแล้วก่อเหตทุ ะเลาะวิวาท ด้านความรู้ ท่มี า http://sports.ch๗7.com/detail/238226611 ๑. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของ ๑.๑ ภาพข่าวเป็นเร่ืองเก่ียวกับอะไร (แนวคำตอบ : ผู้เรียนแสดงควำม สทิ ธิ เสรภี าพ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง คดิ เห็น) ด้านทกั ษะและกระบวนการ ๑.๒ เกิดการทะเลาะวิวาทกันน้ันเกิดจากสาเหตุใด (แนวคำตอบ : ผู้เรียน ๒. นักเรียนสามารถวิเคราะห์แนวทางการ แสดงควำมคิดเห็น) ปฏิบัติตามสิทธิ เสรีภาพของตนในฐานะพลเมืองดี ๑.๓ กำารกระทำ�าขอองงผผกู้ ู้ก่อ่อเเหหตตใุ ุในนขข่ำ่าววนนเี้ หี้เหมมำาะะสสมมหหรรือือไมไม่ เ่ พเพรำระาเะหเหตุใตดุใด (แนว ตามวิถีประชาธิปไตยจากกรณีตัวอย่างได้อย่าง ค(แำนตวอคบ�ำต: อผบู้เรีย: นผแเู้ รสยี ดนงแคสวดำงมคควิดำเมหคน็ ดิ )เห็น) ถกู ตอ้ ง 242360
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓๔ เร่ือง สทิ ธเิ สรภี าพของพลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย ๒๖๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรื่อง พลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ๒. ครูเช่ือมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง สิทธิ เสรีภาพ ของ ๓. นักเรียนสามารถบอกความสาคัญของการ พลเมืองดี ดังน้ี “จากข่าวท่ีครูนามาให้ดูน้ันจะเห็นว่าการกระทาดังกล่าวถือว่า ปฏิบัติตนตามสิทธิ เสรีภาพของตนเองในฐานะ เป็นการกระทาที่แสดงถึงการไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น ทาให้ผู้อ่ืน พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตยได้อยา่ งเหมาะสม ไดร้ ับความเดือดร้อน ดังนน้ั วันน้ีเราจะมาเรียนรู้กันว่าในฐานะท่ีเราเป็นพลเมือง คนหนง่ึ ในสงั คมนั้นควรจะปฏบิ ัติตนตามสทิ ธิ เสรภี าพ” ขนั้ สอน ๑. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม “Yes or No” โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ ๑.๑ ครูแนะนากิจกรรมให้นักเรียนทราบว่า ต่อไปครูจะนาเสนอกรณี ตัวอยต่าัวงอใยห่ำ้นงใักหเ้นรียกั นเรทียรนับรับททรารำบบวว่า่ำกกาำรรกกรระะททาำ� ไใด้ใทดำ� ทไดา้หรือไไมม่ไ่ไดด้ ้ หากนักเรียน ตอบวา่ ทาได้ให้ยกมือขวา แตห่ ากนักเรียนคดิ ว่าทาไม่ไดใ้ หย้ กมือซ้าย ๑.๒ ครูจะนาเสนอกรณีตัวอย่างเก่ียวกับการปฏิบัติตนเร่ืองสิทธิและ เสรีภาพ ตามบทบัญญัติของกฏฎหมาย ซึ่งมีทั้งกรณีท่ีปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตาม บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญ ๑) นาสิ่งของเคร่ืองใช้ของเพื่อนไปใช้ เมื่อได้รับความยินยอมจาก เจา้ ของแลว้ ๒) อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ ในกจิ กรรมกลุ่มและรับฟังความคดิ เห็น ของเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม ๓) ทารา้ ยรา่ งกายผอู้ ่ืน ๔๔)) ต้งั ใจเรียนหนงั สอื และรว่ มกจิ กรรมทางการศกึ ษา 24641
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓๔ เรอ่ื ง สทิ ธิเสรภี าพของพลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย ๒๖๒ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๕ เรอ่ื ง พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๕) พูดจาถงึ ผู้อ่ืนในทางที่ไมเ่ หมาะสม กลา่ วรา้ ยผ้อู ่นื ๖) เปดิ วิทยุ / โทรทศั น์เสียงดงั ๗) ปลูกต้นไม้เพ่ืออนุรกั ษ์ส่ิงแวดล้อม ๑.๓ การตอบคาถามแตล่ ะข้อนนั้ ครจู ะสุ่มถามนกั เรียนถึงเหตผุ ลที่เลือก คาตอบนัน้ ๆ จากนัน้ ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยคาตอบท่ถี ูกต้อง ๒. จากกิจกรรมครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของคาว่า “สิทธิ” และ “เสรีภาพ” โดยครูสังเกต พฤติกรรมรายบุคคลและเขียนคาตอบท่ีสมบูรณ์บน กระดานหนา้ ชัน้ เรียน ๓. ครูอธิบายเพ่มิ เติมว่า “สิทธิของพลเมืองเป็นสิทธิที่ไดร้ ับหรือมีอยู่ แต่การใช้ สิทธิท่ีได้รับหรือมีอยู่เป็นเสรีภาพ ดังนั้นคาว่า สิทธิและเสรีภาพจึงมาคู่กัน เสมอ” ขน้ั สรุป ๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ บทเรยี น เรื่อง สทิ ธิ เสรีภาพ ของพลเมอื งดี โดย ครูใชแ้ นวคาถามดงั ต่อไปน้ี ๑.๑ จากกิจกรรมท่ีนักเรียนได้ทาไปในวันน้ี นักเรียนสามารถบอก ประโยชน์ของการปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้อย่างไร (แนวคำตอบ : ผ้เู รยี นแสดงควำมคิดเหน็ ) 26425
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๓๔ เรือ่ ง สิทธเิ สรภี าพของพลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ๒๖๓ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรื่อง พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย เวลา ๑ ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ๑.๒ การที่เราทุกคนในสังคมรู้จักปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองดีตามวิถี ประชาธิปไตยจะส่งผลอย่างไรต่อสังคม (แนวคำตอบ : ผู้เรียนแสดงควำม คิดเห็น) ๑.๓ ดังนั้น นักเรียนสามารถสรุปการเรียนในวันน้ีได้ว่าอย่างไร (แนว (คแำนตวอคบ�ำต: อกบำร:อกยำูร่ รว่ อมยกู่รนั ่วใมนกสันงคในมสปังรคะมชปำธรปิะชไตำยธิปสไมตำยชสิกมทำุกชคิกนทจุกะคตนอ้ จงปะฏต้อิบงตั ติ ำม ปสิทฏธิบิ ัตเสิตรำีภมสำพิทธแิ เลสะรหีภนำ้พำทแ่ีขลอะงหตน้ำในทฐี่ขำอนงตะนพใลนเมฐำือนงะดพี รลวเมทือั้งดตี้อรงวเมคทำรั้งพต้อในงสิทธิ เคสำรรีภพำใพนสแิทลธะิ หเสนร้ำีภทำ่ีขพองแผลู้อะ่ืนหนเ้ำพท่ือ่ีขชอ่วงยผใู้อห่ืน้สำเพมำื่อรชถ่วอยยใหู่ร่้สวมำมกำันรใถนอสยังู่รค่วมมไกดัน้อย่ำง ใสนงสบังสคขุ ม)ได้อย่ำงสงบสุข) 26436
264 24674 การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงที่ต้องการวัด/ประเมนิ วธิ ีการ เครอื่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคญั - ความถกู ต้องของ - อธิบายความหมายของสิทธิ - การอภิปราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกวา่ รอ้ ยละ เสรภี าพ - การทากจิ กรรมในชน้ั - กิจกรรมในชนั้ เรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมสกี ำดรงแสดง เใรนยี ชนั้นเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากิจกรรมในชั้น เใรนียชน้ันผเลรเียปนน็ ผทลน่ี เปา่ พ็นึงที่ พนอ่ำใพจึงพอใจ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถูกต้องของ - วเิ คราะหแ์ นวทางการปฏบิ ัติ - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภปิ ราย คาตอบมากกวา่ รอ้ ยละ ตามสิทธิ เสรีภาพของตนใน - การทากจิ กรรมในชนั้ - กจิ กรรมในชัน้ เรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมสกี ำดรงแสดง ฐ า น ะ พ ล เ มื อ ง ดี ต า ม วิ ถี เใรนียชนั้นเรียน ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย จ า ก ก ร ณี เหตุผลประกอบ ตัวอยา่ ง - การทากจิ กรรมในชน้ั เใรนียชน้ันผเลรียเปน็นผทลน่ี เปา่ พ็นึงท่ี พน่อำพใจึงพอใจ ด้านคณุ ลักษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคญั - ความถูกต้องของ - บอกความสาคัญของการ - การอภิปราย - ประเด็นอภปิ ราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ ปกำฏรบิ ปัตฏิตบิ นตั ตติ านมตสำทิ มธสิ ทิเสธรเิ สีภราภีพำขพอขงอง - การทากิจกรรมในชน้ั - กิจกรรมในช้นั เรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมสกี ำดรงแสดง ตนเองในฐานะพลเมอื งดีตาม เใรนยี ชนั้นเรียน วิถปี ระชาธปิ ไตย เหตุผลประกอบ - การทากิจกรรมในชั้น เใรนยี ชน้ันผเลรเียปน็นผทล่นี เปา่ พ็นงึ ที่ พนอ่ำใพจึงพอใจ
265 24685 ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอ่ื ......................................ครู (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ รหิ ารหรอื ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ.............
๒๖๖ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓๕ เร่อื ง หน้าทีข่ องชนชาวไทย เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๕ เร่ือง พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวชิ า สงั คมศึกษา ตวั ชวี้ ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๒ เหน็ คุณค่าในการปฏิบัตติ นตาม ข้นั นา ๑. แหลง่ ข้อมลู จากสถาบัน สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ใี นฐานะ ๑. ครนู าวีดทีิ ัศน์เพลง “หน้าท่เี ดก็ (เด็กเอ๋ยเดก็ ดี)” ใหน้ ักเรยี นดู จากนั้นใช้ พระปกเกล้า. (๒๕๖๒). เข้าถึงเมอ่ื ๑๕ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย คาถามเพ่ือนานกั เรียนเข้าสู่บทเรียน โดยมแี นวคาถามดังนี้ มกราคม ๒๕๖๒. เข้าถึงไดจ้ าก สาระสาคญั http://wiki.kpi.ac.th/index.php? การอยรู่ ่วมกันในสงั คม สมาชกิ ทุกคนต้องรู้จกั ๒. วีดิทศั น์เพลง“หน้าทเ่ี ด็ก (เด็กเอ๋ย หน้าที่ย่อมสง่ ผลให้ประเทศเจรญิ ก้าวหน้าและชว่ ยให้ เดก็ ด)ี ” การอย่รู ว่ มกนั ในสังคมดาเนินไปได้อยา่ งสงบสุข ขอบเขตเนื้อหา ภาระงาน/ชน้ิ งาน - หน้าทขี่ องพลเมอื งดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย การเขยี นเรยี งความประมาณ ๑๐ จุดประสงค์การเรยี นรู้ บรรทดั ในหวั ข้อ “ถา้ ฉนั ตามหนา้ ท่ฉี นั ด้านความรู้ ...” ๑. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของหน้าท่ี วดี ิทศั น์เพลง “หน้าทเ่ี ดก็ (เด็กเอย๋ เด็กดี)” ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=BBfg1choSm4 ของชนชาวไทย ได้อยา่ งถูกต้อง ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๑.๑ จากเพลงหน้าทเี่ ด็ก เดก็ มีหน้าที่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ : ผ้เู รียน แสดงควำมคิดเห็นบนพืน้ ฐำนทีถ่ กู ต้อง) ๒. นักเรียนสามารถวิเคราะห์แนวทางการปฏิบัติ ตนตามหนา้ ทีข่ องชนชาวไทยได้อยา่ งถกู ต้อง ๑.๒ นักเรียนมีหน้าท่ี ท่ีนอกเหนือจากในเพลงหรือไม่ (แนวคำตอบ : ด้านคุณลกั ษณะ ผู้เรียนแสดงควำมคดิ เห็นบนพื้นฐำนทถ่ี กู ต้อง) ๓. นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของการปฏิบัติ ๑.๓ การรู้จักหน้าท่ีของตนเอง ส่งผลอย่างไรบ้างกับตัวนักเรียน (แนว ตามหน้าท่ีของตนเองท่มี ีต่อสงั คมได้อย่างเหมาะสม คำตอบ : ผ้เู รียนแสดงควำมคิดเหน็ บนพ้ืนฐำนท่ถี กู ตอ้ ง 24696
๒๖๗ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๕ เร่ือง หน้าท่ขี องชนชาวไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรือ่ ง พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ๒. ครูเชื่อมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเร่ือง “หน้าที่ของชนชาว ไทย” ว่า “จากเพลงหน้าทีเ่ ด็กได้ระบุหนา้ ที่เดก็ ไว้เพ่อื ให้เด็กได้ยึดถือปฏิบตั ิ แต่แท้จริงแล้วหน้าที่ของพลเมอื งในประเทศไทยยังมอี ีกหลายหนา้ ทที่ ่ีเราพึง ปฏิบตั ิ ดังน้ันวันน้ีเราจะมาเรียนรู้กันว่าในฐานะที่เราเป็นพลเมือง คนหนึ่ง ในสังคมนน้ั ควรจะปฏิบัติตนตามหน้าที่ทีพ่ ึงกระทาอยา่ งไรบ้าง” ขัน้ สอน ๑. ครูให้นักเรียนระบุหน้าท่ีของตนเองท่ีทาอยู่เป็นประจาคนละ ๕ หน้าที่ โดยให้เวลาคิดประมาณ ๓ นาที ๒. จากน้ันครูให้นักเรียนแลกเปล่ียนกับเพื่อนในห้อง โดยให้นักเรียนขีด ความถี่หากมีเพื่อนที่หน้าท่ีตรงกับตนเอง และเขียนเพิ่มด้วยปากกาแดงใน หน้าท่ที ่ไี ม่ตรงกับตนเอง ๓. ครูสุ่มนักเรียนนาเสนอหน้าที่ของตนเองและท่ีแลกเปลี่ยนกับเพื่อนมา ประมาณ ๓ – ๔ คน ๔. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายคามหมายของคาว่า “หน้าท่”ี (แนวกำร อภิปรำย : ๑) ตำมพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. ๒๕๔๒ หมำยถึง กจิ ท่ีจะตอ้ งทำด้วยควำมรบั ผิดชอบ แต่เม่ือนำคำวำ่ “หนำ้ ท่ี” รวม กบั คำว่ำ “ชนชำวไทย” เปน็ “หนำ้ ทข่ี องชนชำวไทย” ๒) คณิน บุญสุวรรณ ได้ให้ควำมหมำยไว้ในหนังสือปทำนุกรม ศัพท์รฐั สภำและกำรเมอื งไทย (ฉบับสมบูรณ์) ว่ำ ภำระและควำมรบั ผดิ ชอบ ท่ีรัฐธรรมนูญกำหนดบังคับให้บุคคลซึ่งเป็นชนชำวไทยต้องปฏิบัติ หรือ 26570
๒๖๘ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓๕ เรอ่ื ง หน้าที่ของชนชาวไทย เวลา ๑ ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เรื่อง พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา กระทำให้เป็นไปตำมรัฐธรรมนูญหรือกฎหมำย เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดว่ำ กำรกระทำใดเป็นหน้ำท่ีของพลเมืองแล้ว ถ้ำหำกผู้ใดไม่ปฏิบัติหรือละเว้น กำรปฏิบัตถิ ือว่ำเป็นกำรฝ่ำฝืนกฎหมำยและจะถูกลงโทษ หน้ำที่ของชนชำว ไทย ถือวำ่ เป็นภำระและควำมรับผดิ ชอบของประชำชนชำวไทยทุกคนทต่ี ้อง ยดึ ถือปฏิบัติ ) ๕. ครูให้นกั เรยี นเขยี นเรียงความประมาณ ๑๐ บรรทดั ในหัวขอ้ “ถ้าฉันตาม หนา้ ท่ฉี ัน...” ลงในกระดาษ A๔ ทค่ี รแู จกให้คนละ ๑ แผน่ จากน้นั ครสู ่มุ นาเสนอ และมอบหมายให้นากลับไปตกแต่งใหส้ วยงาม ขน้ั สรุป ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ บทเรียน เร่ือง “หน้าท่ขี องชนชาวไทย” โดย ครใู ชแ้ นวคาถามในการสรปุ บทเรยี น ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.๑ จากกิจกรรมท่ีนักเรียนได้ทาไปในวันนี้ หากนักเรียนทุกคน ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ที่จะสง่ ผลดอี ยา่ งไรบ้าง (แนวคำตอบ : ผู้เรียนแสดงควำม คิดเหน็ ) ๑.๒ และหากทุกคนในประเทศรู้จักหน้าที่และปฏิบัติตามหน้าท่ี ของตนเองจะเกดิ ผลอย่างไรบา้ ง (แนวคำตอบ : ผเู้ รยี นแสดงควำมคดิ เหน็ ) ๑.๓ หากมีบุคคลที่ไม่ทาตามหน้าท่ีของตนเองจนนาผลเสียมาสู่ สังคมวงกว้าง นักเรียนจะทาอย่างไรได้บ้าง (แนวคำตอบ : ผู้เรียนแสดง ควำมคดิ เหน็ ) 25681
269 225629 การวัดและประเมนิ ผล สงิ่ ทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถูกต้องของ - อธบิ ายความหมายของ - การอภปิ ราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ หนา้ ทข่ี องชนชาวไทย - การทากจิ กรรมในชัน้ - กจิ กรรมในชั้นเรียน ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมกสี ำดรงแสดง เรใียนนชั้นเรียน เหตุผลประกอบ - การทากจิ กรรมในชน้ั เใรนียชนั้นผเลรียเปน็นผทลี่นเป่า็นพทงึ ่ี พนอ่ำพใจึงพอใจ ด้านทักษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - วเิ คราะหแ์ นวทางการปฏบิ ัติ - การอภิปราย - ประเด็นอภปิ ราย คาตอบมากกวา่ ร้อยละ ตามหน้าทขี่ องชนชาวไทย - การทากิจกรรมในชนั้ - กิจกรรมในชน้ั เรียน ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมกสี ำดรงแสดง เรใยี นนช้ันเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากิจกรรมในชั้น เใรนยี ชนั้นผเลรเียปน็นผทล่นีเปา่ ็นพทงึ ่ี พนอ่ำใพจึงพอใจ ด้านคุณลกั ษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - บอกประโยชน์ของการ - การอภปิ ราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกว่าร้อยละ ปฏบิ ตั ติ ามหน้าที่ของตนเองท่ี - การทากิจกรรมในชน้ั - กิจกรรมในช้นั เรียน ร๖อ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมกสี ำดรงแสดง มตี อ่ สังคม เรใียนนชั้นเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากจิ กรรมในชั้น เใรนียชน้ันผเลรเียปนน็ ผทลนี่เป่า็นพทงึ ี่ พนอ่ำใพจึงพอใจ
270 225730 ๘. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ครู (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ.............
271 27541 ใบความรู้ที่ ๕ เร่อื ง หนา้ ทีข่ องพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง สิทธเิ สรีภาพและหนา้ ที่ของพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย รายวชิ า สังคมศึกษา รหสั ส๒๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ๑. หนา้ ทขี่ องพลเมอื งดี หน้าที่ หมายถึง สิง่ ทตี่ ้องทาด้วยความรบั ผิดชอบ พลเมืองในสังคมประชาธิปไตยมีหนา้ ท่ีทีต่ ้องปฏบิ ัติ เพ่ือใหส้ งั คมเกิดความสงบและคนในสังคมอย่รู ว่ มกันได้อยา่ งสันตสิ ขุ ๑.๑ หน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เม่ือได้รับสิทธิแล้วจะต้องทาหน้าที่ตามสิทธิควบคู่กันไปด้วย เพ่ือไม่ให้ เป็นการเอาเปรียบพลเมอื งคนอนื่ โดยรฐั ธรรมนญู ไดก้ าหนดหนา้ ทขี่ องพลเมืองไว้ดังนี้ ๒.๑.๑ พิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ๒.๑.๒ ป้องกนั ประเทศ รกั ษาผลประโยชนข์ องชาติ และปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ๒.๑.๓ ไปใช้สิทธเิ ลือกต้ังทัง้ ในระดบั ประเทศและระดบั ทอ้ งถ่ิน ๒.๑.๔ รบั ราชการทหาร ช่วยเหลือในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ๒.๑.๕ เสียภาษอี ากร ช่วยเหลอื ราชการ ๒.๑.๖ เขา้ รับการศกึ ษาอบรม ๒.๑.๗ พิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น และ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ๒.๑.๘ บคุ คลที่เปน็ ข้าราชการหรอื ฝา่ ยรัฐมีหน้าท่ดี าเนินการใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายเพื่อรกั ษา ประโยชน์ของส่วนรวม อานวยความสะดวก และให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนตามหลักธรรมาภิบาล ๑.๒ หน้าที่ทางการเมือง สงั คมประชาธปิ ไตยเปิดโอกาสให้พลเมืองมีส่วนร่วมในการปกครอง โดยให้ สทิ ธทิ างการเมือง โดยพลเมืองจะต้องมหี นา้ ที่ทางการเมืองดงั นี้ ๒.๒.๑ การศึกษาเร่อื งการเมอื ง ๒.๒.๒ การให้ความร่วมมอื กับรัฐบาล ๒.๒.๓ การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง ๑.๓ หน้าท่ีและความรับผิดชอบทางสังคม พลเมืองจะต้องใช้สิทธิและเสรีภาพท่ีตนมีอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายเพ่อื อยรู่ ่วมกันในสงั คมอยา่ งสงบสุข โดยปฏิบตั ดิ งั น้ี ๒.๓.๑ การเคารพในสิทธแิ ละเสรภี าพ ๒.๓.๒ การเคารพในสิทธิความเปน็ มนษุ ย์ของบคุ คลอ่นื ๒.๓.๓ การสร้างความเปน็ ประชาธิปไตยให้เกดิ ข้นึ ในสงั คม
๒๗๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓๖ เร่อื ง แนวทางส่งเสริมการปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย เวลา ๑ ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธปิ ไตย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ตัวช้ีวัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ส ๒.๑ ม.๒/๒ เห็นคุณคา่ ในการปฏิบัตติ นตาม ขั้นนา ๑. วีดทิ ศั น์ เรื่อง “ปญั หาฝุ่น PM2.5” สถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หนา้ ท่ใี น ๑. ครตู ้ังคาถามให้นกั เรยี นมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพอื่ กระตนุ้ ภาระงาน/ช้ินงาน ฐานะพลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ความสนใจของนักเรยี น ดังน้ี กจิ กรรม “เวทีประชาคม (กรณฝี ุ่นควนั )” ๑.๑ นกั เรียนเคยเขา้ รว่ มกิจกรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับประชาธปิ ไตยบา้ งหรือไม่ สาระสาคญั (แนวคำตอบ : เคย/ไมเ่ คย) การอยรู่ ่วมกันในสังคมประชาธิปไตย ๑.๒ นักเรยี นไดท้ ากิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกบั ประชาธิปไตยอะไรมาบา้ ง (แนว สมาชิกทกุ คนจะต้องปฏบิ ัติตามสทิ ธิ เสรีภาพ คำตอบ : พิจำรณำคำตอบของนักเรียน) และหน้าท่ีของตนในฐานะพลเมืองดี รวมทั้งตอ้ ง ๑.๓ กิจกรรมทีเ่ ก่ียวข้องกับประชาธปิ ไตยมีความจาเป็นหรือไม่ในสงั คม เคารพในสิทธิ เสรภี าพ ของผู้อ่ืนดว้ ย เพือ่ ช่วยให้ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : พิจำรณำคำตอบของนักเรยี น) สามารถอยู่ร่วมกนั ในสงั คมได้อยา่ งสงบสุขและมี ๒. ครูเชื่อมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเรื่อง แนวทางส่งเสริมการ ดุลยภาพ ขอบเขตเนื้อหา ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ดังนี้ “ในปัจจุบันหลาย - แนวทางส่งเสริมการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดี ตามวิถปี ระชาธปิ ไตย หน่วยงานน้ันมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการส่งเสริมให้สมาชิกใน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สังคมมีการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงเราจะมา ดา้ นความรู้ เรียนรู้กันในวันน้ีว่ามีแนวทางส่งเสริมการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในระบอบ ประชาธิปไตยได้อยา่ งไรบ้างและส่งเสรมิ ในระดับใดได้บา้ ง” ๑. นักเรียนสามารถบอกแนวทางการปฏิบัติตน ขั้นสอน เป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยในระดับ ๑. ครูเกริ่นนาว่า “การปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตยเปน็ สิ่งที่ ครอบครัว โรงเรยี น และสังคมได้อย่างเหมาะสม มีความสาคัญและมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย 27525
๒๗๓ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๓๖ เร่อื ง แนวทางส่งเสริมการปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๕ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ด้านทักษะและกระบวนการ ดังนั้นจึงต้องมีการส่งเสริมให้พลเมืองเกิดการปฏิบัติตนตามวิถีประชาธิปไตย ๒. จากกรณีศึกษาท่ีกาหนดให้นักเรียนสามารถ และกลายเป็นผ้ทู ่ีมบี ุคลกิ ภาพประชาธิปไตยในท่สี ุด” ระบุแนวทางปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองท่ีดีได้ ๒. ครูเขียนคาว่า “ระบอบประชาธิปไตย” บนกระดานพร้อมตั้งคาถามกับ อยา่ งเหมาะสม นักเรียนเพื่อให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและเขียนคาตอบ สาคัญของนกั เรียนเป็นแผนผงั ความคิดบนกระดานหน้าหอ้ งเรยี น โดยคาถาม ด้านคณุ ลักษณะ คอื “หากพูดถึงคาวา่ ระบอบประชาธิปไตย นักเรยี นนึกถงึ อะไรบ้าง” ๓. นักเรยี นสามารถบอกประโยชนท์ ่มี ีตอ่ สงั คม ๓. จากคาตอบของนกั เรียน ครูสรปุ เพ่ิมเตมิ ว่า “ระบอบประชาธิปไตยน้ันเช่ือ จากการที่พลเมืองปฏิบตั ติ นตามหน้าที่ของตนได้ ในความเป็นมนุษย์ พลเมืองทุกคนต้องเคารพในคุณค่าและเกียรติของความ อย่างเหมาะสม เป็นมนุษย์ และเชื่อว่าเป็นระบอบการปกครองท่ีดีที่สุด เพราะทาให้ทุกคนมี สิทธิและเสรีภาพและเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมปกครองตนเอง อีกท้ัง ประชาธิปไตยกย็ งั เป็นรู)ปแแบบบบกกาำรรดดาำ�เนเนินินชชวี ีวิตติ ดด้วว้ยย”” ๔. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม “เวทีประชาคม (กรณีฝุ่นควัน)” โดยมีข้ันตอน ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดังน้ี ๔.๑ ครูเปิดวีดิทศั น์ เร่อื ง “ปญั หาฝนุ่ PM2.5” ให้นักเรียนดู โดยเน้น ยย�ำ้ ใ้าหให้น้นักักเรเยีรียนจดบันทึกสาระสาคญั ของวีดิทศั น์ด้วย 227536
๒๗๔ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๓๖ เรือ่ ง แนวทางส่งเสริมการปฏิบัติตนเปน็ พลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย เวลา ๑ ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๕ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สงั คมศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ วีดิทัศน์ เรื่อง “ปัญหาฝนุ่ PM2.5” ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=U25wmdufZJA ๔.๒ ครูใหน้ กั เรยี นทุกกล่มุ เข้าร่วมประชมุ ประชาคม กลมุ่ ละประมาณ ๕ คนเพ่ือร่วมพูดคุยหาทางออกในการแก้ไขปัญหาหมอกควันร่วมกัน หัวข้อ ในการประชมุ แตล่ ะกลมุ่ ทีต่ ้องช่วยระดมความคดิ มีดงั น้ี - สาเหตกุ ารเกดิ ปญั หาหมอกควนั - แนวทางในการแก้ไขปญั หา - วิธีการแกไ้ ขปัญหา - แนวทางการปฏิบตั ติ นเองสมาชกิ ในสังคม ๕. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมและตง้ั คาถามว่า “สาหรับการสง่ เสริมการปฏบิ ัติตนเป็น พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยน้ันสามารถทาได้ในหลายระดับต้ังแต่ระดับ ครอบครัว ระดับโรงเรียน และระดับชุมชน นักเรียนลองช่วยกันยกตัวอย่าง แนวทางการส่งเสริมการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยในแต่ ระดบั วา่ จะทาอยา่ งไรได้บ้าง” 25774
๒๗๕ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๓๖ เรอ่ื ง แนวทางส่งเสริมการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย เวลา ๑ ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ข้นั สรุป ๑. ครูใช้แนวคาถามในการสรปุ กิจกรรมการเรยี นรู้และการเรียนรู้ โดยใช้แนว คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.๑ เราสามารถส่งเสริมการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถี ประชาธิปไตยได้ในระดับใดบ้าง (แนวคำตอบ : สำมำรถทำได้ทั้งในระดับ ครอบครวั โรงเรียน และชมุ ชน) ๑.๒ เมื่อสมาชิกในสังคมเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยแล้วส่งผล อย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ : ทำให้สมำชิกในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่ำงสงบสุข และเกิดสันตสิ ุข) ๑.๓ ดังนนั้ นกั เรียนสามารถสรปุ การเรยี นในวันนไี้ ด้วา่ อย่างไร (แนว คำตอบ : กำรอยู่ร่วมกันในสงั คมประชำธิปไตย สมำชกิ ทุกคนจะตอ้ งปฏบิ ัติ ตำมสิทธิ เสรภี ำพ และหนำ้ ที่ของตนในฐำนะพลเมืองดี รวมทัง้ ต้องเคำรพใน สทิ ธิ เสรีภำพ และหน้ำที่ของผอู้ ืน่ เพอื่ ชว่ ยใหส้ ำมำรถอยรู่ ่วมกันในสงั คมได้ อย่ำงสงบสุข) 25785
276 27596 การวัดและประเมนิ ผล สิ่งทตี่ ้องการวัด/ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - บอกแนวทางการปฏิบัติตน - การอภปิ ราย - ประเด็นอภิปราย คาตอบมากกวา่ รอ้ ยละ เ ป็ น พ ล เ มื อ ง ดี ต า ม วิ ถี - การทากิจกรรมในชน้ั - กจิ กรรมในชั้นเรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมสกี ำดรงแสดง ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ใ น ร ะ ดั บ ใเรนยี ชน้ันเรียน เหตผุ ลประกอบ ครอบครัว โรงเรียน และ - การทากิจกรรมในชัน้ สงั คม เใรนียชนั้นผเลรียเปน็นผทลีน่เปา่ ็นพทึง่ี พนอ่ำพใจึงพอใจ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคัญ - ความถกู ต้องของ - สามารถระบุแนวทางปฏิบัติ - การอภปิ ราย - ประเดน็ อภิปราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ ตนในฐานะพลเมืองท่ีดีจาก - การทากิจกรรมในชน้ั - กิจกรรมในชั้นเรยี น ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มกีแาลระแมสกี ำดรงแสดง กรณศี ึกษาทก่ี าหนด เใรนยี ชนั้นเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากจิ กรรมในชัน้ เใรนียชน้ันผเลรเียปน็นผทล่ีนเปา่ ็นพทงึ ี่ พนอ่ำใพจึงพอใจ ดา้ นคุณลักษณะ - การถามตอบคาถาม - คาถามสาคญั - ความถกู ต้องของ - บอกประโยชนท์ ่มี ตี ่อสงั คม - การอภิปราย - ประเดน็ อภปิ ราย คาตอบมากกว่ารอ้ ยละ จากการท่ีพลเมืองปฏบิ ตั ติ น - การทากจิ กรรมในช้ัน - กิจกรรมในชั้นเรียน ๖รอ้ ๐ยลแะล๖ะ๐มีกแาลระแมสกี ำดรงแสดง ตามหน้าทข่ี องตน เใรนยี ชนั้นเรียน เหตผุ ลประกอบ - การทากจิ กรรมในชน้ั เใรนยี ชนั้นผเลรียเปนน็ ผทลน่ีเป่า็นพทงึ ่ี พนอ่ำพใจึงพอใจ
277 227670 ๘. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ครู (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ...................................................................................................... ..................................................................... ลงชือ่ ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดือน..........พ.ศ.............
๒๗๘ 227681 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 หน่วยการเรยี นรู้ กฎหมายในชีวติ ประจาวนั รหสั วิชา ส 22101 รายวิชา สงั คมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 เวลา 11 ชัว่ โมง ๑1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด สาระท่ี 2 หน้าท่พี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสังคม มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมท่ีดีงามและธารง รักษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ติ อยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันตสิ ุข ตัวช้ีวัดที่ ม.2/1 อธิบายและปฏิบัติตนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและ ประเทศ มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบอบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจบุ นั ยึดม่ัน ศรัทธา และธารงรักษา ไว้ซ่งึ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ตัวชวี้ ัดที่ ม.2/1 อธบิ ายกระบวนการในการตรากฎหมาย 2. สาระสาคัญ /ความคิดรวบยอด การท่ีบุคคลมีความเข้าใจ และรู้จักหน้าท่ีของตนเองในฐานะพลเมืองที่ดีจะนาไปสู่การปฏิบัติตนตาม ระเบียบแบบแผนของสังคม จนทาให้สงั คมเกดิ ความเป็นระเบียบ และส่งผลให้บคุ คลสามารอยรู่ ่วมกันกับผู้อ่ืน ในสงั คมได้อย่างสนั ตสิ ุข 3. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ 1. ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฏหมาย 2. กระบวนการตรากฎหมาย และลาดับศักด์ิของกฎหมาย 3. กฎหมายอาญาเบื้องตน้ 4. กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ 1 : บคุ คลและความสามารถของบุคคล 5. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2 : ครอบครวั และมรดก 6. วธิ พี ิจารณาความอาญาและแพ่ง เบอื้ งตน้ 7. กฎหมายการปกครองสว่ นท้องถนิ่ 8. กฎหมายเกีย่ วกับบตั รประจาตัวประชาชนและทะเบยี นราษฎร 9. กฎหมายภาษีและแรงงาน 10. กฎหมายเกีย่ วกบั การอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อม 11. กฎหมายระหว่างประเทศ ทักษะและกระบวนการ 1. อภธิปรายความสาคญั ของการปฏิบัติตนตามกฎหมายทม่ี ีผลตอ่ ความสงบสขุ ของสังคม 2. ระบุผลกระทบจากการดาเนนิ ชวี ติ ทีล่ ะเมดิ กฎหมายต่อความสงบสขุ ของสังคม 3. วเิ คราะห์ปญั หาการบงั คบั ใชก้ ฎหมายของประเทศไทย
๒๗๙ 26729 เจตคติ 1. เห็นคุณค่า และความสาคัญของการปฏิบัติตนตามกฎฏหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและประเทศชาติ 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1.1 ทักษะการอธิบาย 1.2 ทกั ษะการนาเสนอ 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2.2 ทกั ษะการคดิ สงั เคราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๔3.1 ทักษะการทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื ๕4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิน้ งาน/ภาระงาน - การแต่งกลอน ๘ เกี่ยวกับปัญหาของการบงั คับใช้กฎหมายของประเทศไทย โดยใหย้ กกรณี ตตัวอวั อยย่ำง่าแงแลละะเสเสนนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา พร้อมทั้งนาเสนอกลอนดังกลา่ วให้นา่ สนใจ 7. เกณฑ์การประเมินผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเดน็ ระดบั คณุ ภาพ การ ประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) ๑. ความ ผลงานทีน่ ักเรียน ผลงานนักเรยี น ผลงานนกั เรียนท่สี ร้าง ผลงานทน่ี กั เรียนสรา้ ง สมบรู ณ์ สรา้ งขึน้ มเี นื้อหา ขาดตกเน้ือหาที่ ขึ้นมาขาดเน้อื หา ขน้ึ มาขาดตกประเดน็ ของเนื้อหา ในส่วนที่สาคญั สทาี่สคำ� ัญคญัเพเพยี งยี ง สาคญั ปานกลาง แต่ เน้อื หาทีส่ าคัญมาก ครบถว้ นทกุ หัวข้อ เลก็ น้อย ยังพอจับใจความ สาคัญของหน่วยการ เกรำียรนเรียูไ้ ดน้รไู้ ด้
๒๘๐ 26830 ประเดน็ ๔ (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ ๑ (ปรับปรุง) การ ผลงานทีน่ กั เรยี น ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ผลงานทน่ี กั เรยี นผลติ สรา้ งขนึ้ มาน้นั มี ผลงานท่ีนกั เรียน ผลงานท่นี ักเรียนผลิต ข้นึ มาน้ัน ขาด ประเมิน องคป์ ระกอบดงั น้ี ผลิตขึ้นมาน้นั ขาด ขนึ้ มานนั้ ขาด องค์ประกอบมากกว่า ๒ ๒. ความ ๑. การจัดวาง องคป์ ระกอบใด องคป์ ระกอบสาคัญ องคป์ ระกอบและ น่าสนใจ รปู แบบมคี วาม องค์ประกอบหนึง่ ๑-๒ องค์ประกอบ ภาพรวมของผลงานต่า และความ สวยงาม เปน็ กวา่ มาตรฐานท่คี วรจะ ระเบยี บงา่ ยต่อ เปน็ เปน็ การอา่ น ระเบียบ ๒. มีการแบ่ง ส่วนของเน้อื หา ตา่ ง ๆ งา่ ยต่อการ คก้นำรหคา้นแหลำะแกลาะร อก่าำนรอำ่ น ๓. การสง่ งาน ไม่เกนิ กวา่ กาหนด ทีก่ าหนดไว้ เกณฑ์การตัดสนิ คะแนน ๗-๘ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๕-๖ หมายถงึ ดี คะแนน ๔ หมายถึง พอใช้ คะแนนตา่ กว่า ๔ คะแนน หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ตัง้ แตร่ ะดับพอใช้ ข้นึ ไป
๒๘๑ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 37 เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 กฎหมายในชีวิตประจาวัน เรอ่ื ง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สงั คมศึกษา สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ 1. ภาพพฤติกรรมต่าง ๆ ของประชาชน ตัวช้วี ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ท่เี กดิ ข้ึนในสงั คม ส 2.1 ม.2/1 อธบิ ายและปฏิบตั ิตนตามกฎหมายท่ี ขั้นนา 2. Power Point เรอื่ ง กฎหมายนา่ รู้ เกย่ี วข้องกบั ตนเอง ครอบครวั ชุมชนและประเทศ 1. ครูนาภาพพฤติกรรมที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมของ 3. ใบความรู้ เรอ่ื งความหมาย ความสาคัญ ส 2.2 ม.2/1 อธบิ ายกระบวนการในการตรา ประชาชนท่ีเกดิ ขึ้นในสังคมมาใหน้ กั เรยี นดู จากน้นั ถามคาถามนกั เรียน และประเภทของกฎหมาย กำฎรหตมราำยกฎหมำย โดยสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคลและใชแ้ นวคาถามดังต่อไปนี้ ภาระงาน/ช้ินงาน การระบุประเภทของกฎหมายใน สาระสาคัญ กิจกรรม “นักกฎหมายตัวน้อย” กฎหมายเป็นรปู แบบของบรรทัดฐานทางสังคม รูปแบบหน่ึง ซง่ึ จะช่วยใหก้ าหนดกรอบและหรือใหส้ ทิ ธิ ในการดาเนนิ ชีวติ ของบุคคล เพ่อื ความเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ยของสังคม ขอบเขตเน้ือหา ที่มา : http://www.komchadluek.net/news/regional/25511668866 - ความหมายของกฎหมาย ภาพขับรถบนทางเท้า - ความสาคัญของกฎหมาย - ประเภทของกฎหมาย 28641
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 37 ๒๘๒ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 กฎหมายในชวี ิตประจาวนั เร่ือง ความหมาย ความสาคญั และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของกฎหมายได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง ด้านทกั ษะและกระบวนการ 2. นักเรียนสามารถจาแนกประเภทของกฎหมายพร้อม ยกตัวอยา่ งได้อย่างถูกตอ้ ง ด้านคณุ ลกั ษณะ 3. นักเรียนสามารถระบุความสาคัญของกฎหมายได้ อย่างถกู ตอ้ ง ที่มา : https://pantip.com/topic/3377007719199191 ภาพขบั รถย้อนศร 1.1 จากภาพดังกลา่ ว การกระทาในภาพใดเป็นการกระทาท่ี ไมถ่ ูกต้องหรือไมส่ ามารถกระทาได้ในสงั คม (แนวคาตอบ: ผเู้ รยี นแสดง ความคิดเห็น บนพืน้ ฐานของความเป็นจริง) 1.2 นักเรียนคิดว่าสิ่งใดท่ีใช้ในการตัดสินว่าการกระทาต่าง ๆ เหล่านี้สามารถทาได้หรือไม่ได้ในสังคม (แนวคาตอบ: กฎ, ข้อตกลง, ระเบียบ, กฎหมาย – พจิ ารณาคาตอบของนักเรียน) 2. ครูเช่ือมโยงคาตอบของนักเรียนเข้าสู่บทเรียนเร่ือง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย ดังนี้ “โดยปกติ 228625
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 37 ๒๘๓ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 กฎหมายในชวี ติ ประจาวนั เรือ่ ง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 บุคคลมักจะทาในสิ่งที่ตนเองต้องการตามใจชอบ แต่เม่ือบุคคลมาอยู่ ร่วมกันในสังคม หากจะทาตามใจของตนเองจนเกิดขอบเขตย่อมสร้าง ความเดือนร้อนให้แก่ผู้อ่ืน ดังนั้นจึงมีการกาหนด ขอบเขตการกระทา ต่าง ๆ ของบุคคลในสังคมข้ึนมาซ่ึงก็คือกฎหมายน่ันเอง ดังน้ันวันน้ีเรา จะมาเรียนรู้เก่ียวกับ ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของ กฎหมายกัน” ข้นั สอน 1. ครูตั้งคาถามกับนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่ากฎหมายคือ อะไร” โดยครูสุ่มนักเรียนประมาณรณ 3 - 4 คน ตอบคาถาม โดยครูจด ความหมายไว้บนกระดาน จากน้ันครูใช้ Power Point เร่ือง กฎหมาย น่ารู้ ในการให้ความรู้แก่นักเรียนในเรื่องความหมายของกฎหมาย จากน้ันเปรียบเทียบกับคาตอบบนกระดานท่ีตอบก่อนหน้า และครูให้ นักเรียนสรุปความหมายของกฎหมาย 2. ครอู ธิบายเก่ียวกบั เรือ่ งประเภทของกฎหมายโดยใช้ Power Point เร่ือง กฎหมายน่ารู้ ประกอบการอธิบายวา่ “กฎหมายมลี ักษณะ แตกต่างกัน ซ่ึงการแบ่งประเภทของกฎหมายนั้น นักนิติศาสตร์ได้ แบง่ กลมุ่ กฎหมายออกเปน็ หลายลักษณะ ไดแ้ ก่ 1) ประเภทท่แี บ่งตามลกั ษณะการใชก้ ฎหมาย 2) ประเภทที่แบ่งตามลกั ษณะการตรากฎหมาย 228636
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 37 ๒๘๔ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 กฎหมายในชวี ิตประจาวนั เรอื่ ง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 3) ประเภทที่แบ่งตามข้อความในบทบัญญัติของ กฎหมายหรือตามความสัมพนั ธข์ องผทู้ ่ีเกีย่ วข้อง” 3. ครูสุ่มนักเรียน 3 คนออกมาเติมตัวอย่างของกฎหมายตาม ประเภทของกฎหมายท่ีแบ่งตามลักษณะต่าง ๆ บนกระดานหน้า หอ้ งเรยี น ดงั นี้ 1) ประเภทที่แบ่งตามลักษณะการใชก้ ฎหมาย 2) ประเภททแ่ี บ่งตามลกั ษณะการตรากฎหมาย 3) ประเภทที่แบ่งตามข้อความในบทบัญญัติของ กฎหมายหรอื ตามความสัมพันธข์ องผทู้ ีเ่ กีย่ วข้อง 4. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมจากคาตอบของนักเรียนเก่ียวกบั การแบ่ง ประเภทของกฎหมายตามลักษณะการใช้กฎหมาย โดยใช้ Power Point เรื่อง กฎหมายน่ารู้ ว่า “สาหรับประเภทท่ีแบ่งตามลักษณะการ กใชำ้กรใฎชห้กมฎาหยมเำปย็นเปกา็นรกเำนร้นเนใหน้ ้เให็นเ้ หว็น่าวก่ำฎกหฎมหามยำถยูกถนกู านไำ� ปไใปชใ้อชย้อ่ายง่ำไงรไรซซ่ึงงึ่มมี ี2๒ ประเภท คือ 1) กฎหมายสารบัญญัติ คือ กฎหมายที่บัญญัติถึง เน้ือหาหรือเรื่องท่ัว ๆ ไป เป็นกฎหมายท่ีใชค้ วบคุมความประพฤติ รวม ไปถึงกาหนดสิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ ของพลเมืองไว้ เช่น ประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายอาญา 28674
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 37 ๒๘๕ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 กฎหมายในชวี ิตประจาวนั เร่อื ง ความหมาย ความสาคญั และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 2) กฎหมายวิธีสบัญญัติ คือ บทกฎหมายที่บัญญัติถึง กระบวนการหรือวิธีการที่จะบังคับหรือดาเนินการให้เป็นไปตาม กฎหมายสารบญั ญัติ” 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมจากคาตอบของนักเรียนเก่ียวกับการแบ่ง ประเภทของกฎหมายตามลักษณะการตรากฎหมาย โดยใช้ Power Point เรื่อง กฎหมายน่ารู้ ว่า “สาหรับประเภทท่ีแบ่งตามลักษณะการ ตกรำรากตฎรำหกมฎาหยมมำี ย3มี ป๓ระปเรภะทเภคทือ คอื 1) กฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ มี 2 ประเภท ได้แก่ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู และพระราชบัญญัติ 2) กฎหมายของฝ่ายบริหาร มี 3 ประเภท ได้แก่ พระ พรารชะกราำหชกนำ�ดหพนรดะพรารชะกรฤำชษกฎฤกี ษาฎแกี ลำะกแฎละกกรฎะทกรวะงทรวง 3) กฎหมายท้องถ่ิน เปน็ กฎหมายอันดับรองท่ีรัฐมอบ อานาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตราออกใช้บังคับในท้องถ่ินได้ ซ่ึง มีชื่อเรียกต่างกันไปตามรูปแบบปกครอง ได้แก่ ข้อบัญญัติองค์การ บริหาร ส่วนจังหวัด เทศบัญญัติ ข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตาบล ขอ้ บัญญัติกรงุ เทพมหานคร และขอ้ บัญญัตเิ มืองพัทยา” 6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมจากคาตอบของนักเรียนเก่ียวกับการ ประเภทของกฎหมายที่แบ่งตามข้อความในบทบัญญัติของกฎหมาย หรือตามความสัมพันธ์ของผู้ที่เก่ียวข้อง โดยใช้ Power Point เร่ือง กฎหมายน่ารู้ ว่า “สาหรับการแบ่งตามลักษณะของความสัมพันธ์ของ 28685
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 37 ๒๘๖ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 กฎหมายในชีวิตประจาวัน เรื่อง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 คู่กรณี เป็นการแบ่งตามข้อความในบทบัญญัติของกฎหมายมี 3 ป๓รปะเรภะทเภคทือคือ 1) กฎหมายเอกชน เป็นกฎหมายที่กาหนดถึง ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกันบนพ้ืนฐานความสัมพันธ์ระหว่าง เอกชนกับเอกชนท่ีอยู่ในฐานะเท่าเทียมกัน เมื่อมีข้อขัดแย้งหรือข้อ โต้แย้งกนั โตแ้ ยง้ กนั ก็จะต้องใช้กฎหมายเอกชนมาเป็นเครื่องมือพิจารณา หรือตัดสนิ เพอ่ื หาขอ้ ยุติ รวมทง้ั หากรฐั มีปญั หาขอ้ ขดั แย้งกับเอกชนหรือ พลเมืองของรัฐ รัฐก็ต้องถกู พิจารณาในฐานะทเ่ี ทา่ เทยี มกับเอกชน 2) กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนของรัฐในฐานะที่รัฐเป็นฝ่าย ปกครองและมีอานาจเหนือประชาชนของรฐั กฎหมายทีอ่ อกมากเ็ พ่ือใช้ บังคับและกาหนดความประพฤติของประชาชนท้ังหมด กฎหมาย มหาชน เช่น รัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง กฎหมายอาญา พระ พธระรธมรนรูญมนศญู าลศำยลุตยิธุตริธรรมรมปปรระะมมววลลกกฎหมำายยววิธิธพี ีพิจิจำราณรณำคาวคำวมาอมำญอาำญา ประมวลกฎหมำายวธิ ีพิจำารณำาควำามแพง่ เปน็ ต้น 3) กฎหมายระหว่างประเทศ เป็นกฎหมายที่กาหนด ถึงกฎเกณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างปปรระะเทเทศศ เช่น กฎหมายระหว่าง ประเทศแผนกคดีเมือง กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา และ กฎหมายระหวา่ งประเทศแผนกคดีบุคคล” 228669
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 37 ๒๘๗ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 กฎหมายในชวี ิตประจาวนั เรอื่ ง ความหมาย ความสาคญั และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สังคมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 7. ครูให้นักเรียนร่วมกิจกรรม “นักกฎหมายน้อย” โดยมี ขัน้ ตอนในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดังนี้ 7.1 ให้นักเรียนแต่ละคนอ่านคดีความต่อไปน้ี จากนั้น วิเคราะห์ว่าเก่ียวข้องกับ กฎหมายประเภทใด โดยตอบคาถามด้วยการ กยำกรมยอื กมดงัือนดี้ งั นี้ - ถา้ คาตอบ คือ กฎหมายเอกชน ยกมือขวา - ถ้าคาตอบ คือ กฎหมายมหาชน ยกมอื ซา้ ย - ถา้ คาตอบ คือ กฎหมายระหว่างประเทศ ยกมือท้ังสองข้าง 7.2 ครูนาเสนอกรณีตัวอย่างคดีความท่ีเกี่ยวข้องกับ กฎหมายประเภทที่แบ่งตามข้อความ ในบทบัญญัติของกฎหมายหรือ ตามความสัมพนั ธ์ของผ้ทู เ่ี กย่ี วข้อง ดังน้ี - กรณตี ัวอยา่ งท่ี 1 นายมังคุดทะเลาะกับนายทุเรียน นายมังคุดบันดาลโทสะใช้ไม้ตีศีรษะนายทุเรียนแตก นายทุเรียนไปแจ้ง ความต่อเจ้าหน้าที่ตารวจให้ดาเนินคดีกับนายมังคุด (แนวคำตอบ: กฎหมำยเอกชน) - กรณีตัวอย่างที่ 2 เจ้าหน้าท่ีของกรมการขนส่งทาง น้าฟอ้ งคดีต่อศาลปกครองเพื่อมคี าสงั่ ให้เอกชนร้ือถอนสะพานหรือบ้าน ทีป่ ลูกรกุ ล้าแมน่ ้า (แนวคำตอบ: กฎหมำยมหำชน) - กรณีตัวอย่างที่ 3 นาย ก. แบ่งซ้ือที่ดินของนาย ข. โดยตกลงกันว่า นาย ก. จะไม่ปลูกตึกแถวบังบ้านของนาย ข. ทางทิศ 228770
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 37 ๒๘๘ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 กฎหมายในชีวิตประจาวนั เร่อื ง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สงั คมศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เหนือ ต่อมานาย ก. ฝ่าฝืนข้อตกลง ดังน้ัน นาย ข. จึงฟ้องนาย ก. ต่อ ศาลเพ่อื ใหร้ ื้อถอนตึกแถวออก (แนวคำตอบ: กฎหมำยเอกชน) - กรณีตัวอย่างท่ี 4 ทางการไทยได้ร้องขอไปยัง ทางการอังกฤษเพ่ือให้ส่งตัวนายปิ่นซ่ึงกระทาความผิดอาญาในประเทศ ไทยรวม 45 ข้อหา ถือเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย โดยนาย ป่ิน ถูกจับตัวในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เม่ือวันที่ 11 ธันวาคม 2542 (แนวคำตอบ: กฎหมำยระหว่ำงประเทศ) - กรณีตัวอย่างที่ 5 เทศบาลเมืองนครปฐมละเลยต่อ หน้าที่ ปล่อยให้มีการประกอบกจิ การอู่เคาะพน่ สีรถยนต์ อันเป็นเหตุให้ เกิดความเดือดร้อนราคาญแก่ผู้ฟ้องคดีและประชาชนในบริเวณ ใกลเ้ คยี ง (แนวคำตอบ: กฎหมำยมหำชน) ๗.๓ ครเู ฉลยค�ำตอบพร้อมอธบิ ำยเพิ่มเติมทีละกรณี ตวั อยำ่ ง 7.3 ครูเฉลยคาตอบพร้อมอธิบายเพ่ิมเติมทีละกรณี ตัวอย่าง ข้นั สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียน เร่ือง ความหมาย ความสาคัญ และประเภทของกฎหมาย โดยครูใช้แนวคาถาม ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 กฎหมายคืออะไร (แนวคำตอบ: กฎหมำยเป็นระเบียบ หรือข้อบังคับของรัฐที่กำหนดแนวทำงกำรปฏิบัติตนของประชำชน 28781
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 37 ๒๘๙ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 กฎหมายในชีวิตประจาวัน เร่อื ง ความหมาย ความสาคญั และประเภทของกฎหมาย เวลา 1 ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม รายวชิ า สงั คมศกึ ษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 หำกฝ่ำฝืนจะต้องถูกลงโทษ โดยกฎหมำยจะมีรูปแบบและลักษณะ ที่ตำ่ งกนั ) 1.2 กฎหมายมีไว้เพื่ออะไร (แนวคำตอบ: กฎหมำยเป็น เครอื่ งมอื สำคัญที่จะทำใหม้ นุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อยำ่ งสันตสิ ุข) 1.3 ถ้าไม่มีกฎหมายสังคมจะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ: ขำด ควำมมรี ะเบยี บวนิ ัย ไมส่ ำมำรถอยู่รว่ มกันไดอ้ ยำ่ งสงบสขุ ) 227829
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305