คูม อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู (สาํ หรับครผู ูส อน) เพอื่ การจดั การเรยี นรูโ ดยใชก ารศึกษาทางไกลผา นดาวเทยี ม กลมุ สาระการเรียนรูสขุ ศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปท ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุงครง้ั ท่ี ๒) โครงการสวนพระองคสมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี มลู นิธกิ ารศกึ ษาทางไกลผา นดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
คูม อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู (สาํ หรับครผู ูส อน) เพอื่ การจดั การเรยี นรูโ ดยใชก ารศึกษาทางไกลผา นดาวเทยี ม กลมุ สาระการเรียนรูสขุ ศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปท ี่ ๔ (ฉบบั ปรับปรุงครง้ั ท่ี ๒) โครงการสวนพระองคสมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี มลู นิธกิ ารศกึ ษาทางไกลผา นดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
ก คำนำ ด้วยพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมุ่งหมายให้การศึกษาบ่มเพาะ สมรรถนะให้แก่ผู้เรียน เพื่อสร้างคุณลักษณะสาคัญ ๔ ประการให้กับคนไทย อันได้แก่ ๑) มีทัศนคติที่ดีและ ถูกต้อง ๒) มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง ๓) มีอาชีพ มีงานทา ๔) เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย และพระราช ปณิธานในการสืบสาน รักษา พัฒนาต่อยอดโครงการในพระราชดาริของพระราชบิดา จึงทรงพัฒนาการศึกษา ทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ NEW DLTV ในทุกด้านอาทิ ระบบออกอากาศ อุปกรณ์เทคโนโลยี บุคลากร และ กระบวนการจัดการศึกษา เพ่อื แกป้ ัญหาการขาดแคลนครใู นโรงเรียนขนาดเลก็ สรา้ งโอกาสการเข้าถึงการเรียนรู้ ตลอดชีวิตของประชาชนทุกเพศทุกวัย ผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจานวน ๑๕ ช่องสัญญาณ ไปยัง โรงเรียนต่าง ๆ และผสู้ นใจท่ัวประเทศ เพือ่ ให้ประเทศไทยเป็นสงั คมแหง่ ปญั ญามจี ิตอาสาในการสรรค์สรา้ งและ พัฒนาประเทศใหม้ ่ันคง การสอนออกอากาศทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับประถมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา เป็นการสอนออกอากาศในแนวใหม่ บันทึกเทปการสอนจากห้องเรียนต้นทางของโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครปู ลายทางสามารถดูเทปการสอนผ่านทางเว็บไซต์ www.dltv.ac.th และ Application on mobile DLTV ของมลู นิธิ และมคี ่มู อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้รายชว่ั โมงครบทงั้ ๘ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ซึ่งครูปลายทางสามารถปรบั กิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับชุมชน ท้องถิ่น วัฒนธรรม และบริบทของแตล่ ะ โรงเรยี น คู่มือครูและแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ โดยใช้กำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ระดับประถมศึกษำ ภำคเรียนที่ ๑ ฉบับนี้ เป็นกำรปรับปรุงครั้งที่ ๒ ซึ่งดำเนินกำรโดยมูลนิธิกำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ในพระบรมรำชูปถัมภ์ โดยความร่วมมือจากคณะทางาน ประกอบด้วย สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร คณาจารยจ์ ากมหาวิทยาลยั ศึกษานิเทศก์ และครผู เู้ ช่ียวชาญ ท้งั ๘ กลุม่ สาระ การเรยี นรู้ เพื่อใหค้ รปู ลายทางใชใ้ นการเตรียมการสอนล่วงหน้า รวมทัง้ สามารถจดั เตรียมเอกสาร ไดแ้ ก่ ใบงาน ใบความรู้ แบบฝกึ หดั เพอ่ื ใหก้ ารจดั การเรียนการสอนเกิดประสิทธิผลนาไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศึกษา ของโรงเรียนประถมศกึ ษาขนาดเลก็ ต่อไป นบั เป็นพระมหากรณุ าธิคุณอย่างหาทส่ี ดุ มิได้ ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรงมงุ่ มนั่ พัฒนา ยกระดับ คุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อพัฒนาสังคมไทยและยกระดับคุณภาพของคนไทยให้เข้มแข็ง สมดงั พระราชปณิธาน “...การศกึ ษาคอื ความมน่ั คงของประเทศ...” ขอพระองคท์ รงพระเจริญ มูลนธิ ิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ข
ค สารบญั คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ระดับประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้สู ุขศึกษาและพลศกึ ษา ชนั้ ประถมศึกษาที่ ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ หนา้ คานา ก หนังสอื รับรองความร่วมมือการพฒั นาค่มู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ เพือ่ การสอนออกอากาศ ทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ข สารบญั ค คาชี้แจงการรบั ชมรายออกอากาศด้วยระบบทางไกลผา่ นดาวเทยี ม จ คาชี้แจงรายวชิ า กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช คาอธบิ ายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ ณ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั ด โครงสรา้ งรายวิชาสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (สขุ ศึกษา) ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ ต หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ การเจรญิ เติบโตตามวัย ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง การเจรญิ เตบิ โตของช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย ๑๓ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา ๒๐ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เรอื่ ง พัฒนาการด้านจติ ใจและอารมณ์ ๓๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง พฒั นาการด้านสังคม ๓๘ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง ความสาคญั และหน้าทีข่ องระบบกล้ามเนือ้ ๔๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ เรอ่ื ง การปฏบิ ัติเพ่ือให้กลา้ มเนอื้ ทางานไดป้ กติ ๕๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๘ เรอื่ ง การดูแลรกั ษากลา้ มเนอ้ื เม่อื เกดิ การบาดเจบ็ ๖๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๙ เรอื่ ง ความสาคัญของระบบกระดกู และข้อตอ่ ๖๙ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ เรอื่ ง การปฏบิ ตั ติ นเพือ่ ให้กระดกู และข้อต่อทางานได้ปกติ ๗๖ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๑ เรื่อง การดูแลรกั ษากระดูกและขอ้ ต่อเมอื่ เกดิ การบาดเจบ็ ๘๓ แบบประเมินตนเอง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ ๘๘ แบบบันทกึ การเรียนรู้ (Learning Logs) ๘๙ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๒ ครอบครัวสขุ สันต์ มมี ิตรภาพทีด่ ี ๙๐ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง ครอบครัวและลักษณะของครอบครัวทดี่ ี ๙๔ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง คุณลกั ษณะของสมาชกิ ทด่ี ใี นครอบครวั ๑๐๒ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง คุณลกั ษณะของความเปน็ เพ่อื น ๑๑๓
ง สารบัญ (ต่อ) แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เรอ่ื ง พฤตกิ รรมท่เี หมาะกบั เพศของตนเองตามวัฒนธรรมไทย หนา้ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง พฤติกรรมทเ่ี ปน็ อันตรายทางเพศ ๑๑๘ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๖ เรอื่ ง วธิ ีการปฏเิ สธการกระทาทีเ่ ปน็ อันตรายทางเพศ ๑๒๕ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๗ เรอื่ ง ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งแวดลอ้ มกับสขุ ภาพ ๑๓๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘ เรอื่ ง ผลกระทบของปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม ๑๔๒ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ เรอื่ ง การจดั ส่งิ แวดลอ้ มทีถ่ กู คณุ ลักษณะ ๑๔๙ แบบประเมินตนเอง หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ ๑๕๗ แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ (Learning Logs) ๑๖๗ บรรณานกุ รม ๑๖๘ ภาคผนวก ๑๖๙ ภาคผนวก ก แบบประเมนิ รวมรายหนว่ ยการเรียนรู้ ๑๗๐ ภาคผนวก ข แผนผงั ความคดิ (Graphic Organizers) ๑๗๐ ภาคผนวก ค แบบบนั ทึกการเรียนรู้ (Learning Logs) ๑๗๕ คณะกรรมการปรับปรงุ คมู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ๑๘๔ ระดับประถมศึกษา ๑๙๐
จ คำช้ีแจง กำรรบั ชมรำยกำรออกอำกำศด้วยระบบทำงไกลผำ่ นดำวเทยี ม มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้บริการการจัดการเรียนการสอนจาก สถานีวทิ ยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม จานวน ๑๕ ช่องรายการ ทง้ั รายการสด (Live) และรายการ ยอ้ นหลัง (On demand) สามารถรับชมผ่านช่องทาง ต่อไปน้ี ๑. www.dltv.ac.th ๒. Application on mobile DLTV – ระบบ Android เข้าท่ี Play Store/Google Play พมิ พ์คาว่า DLTV – ระบบ iOS เขา้ ท่ี App Store พมิ พค์ าว่า DLTV หมำยเลขชอ่ งออกอำกำศสถำนวี ทิ ยุโทรทศั นก์ ำรศึกษำทำงไกลผำ่ นดำวเทียม ๑๕ ชอ่ งรำยกำร ชอ่ ง (DLTV) ช่อง (TRUE) รำยกำรในเวลำเรียน รำยกำรนอกเวลำ (ช่วงเวลำ ๐๘.๓๐ น. - ๑๔.๓๐ น.) (ช่วงเวลำ ๑๔.๓๐ น. - ๐๘.๓๐ น.) DLTV ๑ ชอ่ ง ๑๘๖ รายการสอนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ สถาบนั พระมหากษัตริย์ DLTV ๒ ชอ่ ง ๑๘๗ รายการสอนช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ความรู้รอบตัว DLTV ๓ ชอ่ ง ๑๘๘ รายการสอนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี DLTV ๔ ช่อง ๑๘๙ รายการสอนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม DLTV ๕ ชอ่ ง ๑๙๐ รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ศิลปวฒั นธรรมไทย DLTV ๖ ชอ่ ง ๑๙๑ รายการสอนชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ หนา้ ทีพ่ ลเมือง DLTV ๗ ชอ่ ง ๑๙๒ รายการสอนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร DLTV ๘ ชอ่ ง ๑๙๓ รายการสอนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาษาตา่ งประเทศ DLTV ๙ ช่อง ๑๙๔ รายการสอนชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ การเกษตร DLTV ๑๐ ชอ่ ง ๑๙๕ รายการสอนช้ันอนุบาลปีที่ ๑ รายการสาหรับเดก็ -การเล้ยี งดลู ูก DLTV ๑๑ ช่อง ๑๙๖ รายการสอนชั้นอนุบาลปที ี่ ๒ สขุ ภาพ การแพทย์ DLTV ๑๒ ชอ่ ง ๑๙๗ รายการสอนชั้นอนุบาลปที ่ี ๓ รายการสาหรบั ผู้สงู วัย DLTV ๑๓ ช่อง ๑๙๘ รายการของการอาชีพวังไกลกังวล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล DLTV ๑๔ ชอ่ ง ๑๙๙ รายการของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช DLTV ๑๕ ช่อง ๒๐๐ รายการพัฒนาวิชาชีพครู *หมำยเหตุ : รำยกำรสอนออกอำกำศในเวลำเรยี นระดบั ชัน้ ปฐมวยั ช่วงเวลำ ๐๘.๓๐ น. - ๑๑.๓๐ น.
ฉ กำรตดิ ตอ่ รบั ข้อมูลขำ่ วสำร ๑. มลู นธิ ิกำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ในพระบรมรำชูปถมั ภ์ เลขท่ี ๒๑๔ ถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตปอ้ มปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โทร. ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๔ โทรสาร ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๕ ๒. สถำนีวิทยโุ ทรทัศนก์ ำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทยี ม ซอยหัวหิน ๓๕ ถนนเพชรเกษม ตาบลหัวหิน อาเภอหัวหิน จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ๗๗๑๑๐ โทร. ๐๓๒ ๕๑๕๔๕๗-๘ โทรสาร ๐๓๒ ๕๑๕๙๕๑ [email protected] (ติดตอ่ เรอื่ งเว็บไซต์) [email protected] (ติดต่อเรื่องทัว่ ไป) ๓. โรงเรยี นวงั ไกลกังวล ในพระบรมรำชปู ถมั ภ์ อาเภอหวั หิน จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ๗๗๑๑๐ โทร. ๐๓๒ ๕๒๒ ๓๔๗, ๐๓๒ ๕๒๐ ๔๗๘ โทรสาร ๐๓๒ ๕๒๐ ๔๗๘ Facebook : โรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชปู ถัมภ์ Website : http://www.kkws.ac.th ๔. ชอ่ งทำงกำรตดิ ตำมขำ่ วสำร Facebook : มูลนธิ ิการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรมราชูปถมั ภ์ DLTV Website : http://www.dltv.ac.th
ช คำชแี้ จงรำยวชิ ำสขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ ระดบั ชั้นประถมศกึ ษำ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ สุขศึกษำและพลศกึ ษำ ……………………………………………………………. ๑. แนวคิดหลัก หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดสาระการเรียนรู้ จานวน ๘ กลุ่ม สาระการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยนาความรู้ด้านเนื้อหาวิชามาจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยการฝกึ ทักษะให้ผูเ้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ และเกดิ สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั นี้ ๑) ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรบั สารและส่งสาร มวี ฒั นธรรมในการใช้ภาษา ๒) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพอื่ ใชใ้ นการตดั สินใจเกีย่ วกับตนเอง สังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรม และข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม ๔) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการเข้าใจและเคารพตนเอง สามารถนา กระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องการทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความ ขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีการแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสม มีคุณธรรมด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนา ตนเอง สังคมในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน นอกจากนี้หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ มงุ่ พัฒนาผ้เู รยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมอย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลเมืองโลก ดงั นี้ ๑) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒) ซ่อื สัตย์ สจุ ริต ๓) มีวนิ ยั ๔) ใฝ่เรียนรู้ ๕) อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง ๖) มงุ่ ม่ันในการทางาน ๗) รักความเปน็ ไทย ๘) มจี ติ สาธารณะ
ซ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกาย สุขภาพ จิต มีเป้าหมายเพื่อการดารงสุขภาพ มีสุขนิสัยและรักการออกกาลังกาย พัฒนาองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเจตคติที่ดี เห็นคุณค่าด้วยการนาไปใช้สร้างเสริมสุขภาพ พัฒนาตนเอง ครอบครัวและชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ดังนั้นการจัดการเรียนรู้จึงเป็นเรื่องสาคัญเพื่อนาทางไปสู่ เป้าหมายดังกล่าว ๒. กระบวนกำรจัดกำรเรยี นรู้ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนมีความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพ เนน้ การจัดการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ใหค้ วามสาคัญของการบรู ณาการ ความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษาในส่วนของการจัดกระบวนการ เรยี นรูไ้ ดร้ ะบุให้สถานศกึ ษาและหนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้องดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑. สถำนศกึ ษำและหนว่ ยงำนทเี่ กี่ยวข้อง (๑) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจความถนัดของผู้เรียน โดยคานึงถึง ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้ เพ่อื ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา (๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รัก การอ่าน และเกดิ การใฝร่ ูอ้ ย่างตอ่ เนื่อง (๔) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมท้ัง ปลกู ฝังคุณธรรม ค่านยิ มทดี่ งี าม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (๕) สง่ เสริมสนับสนนุ ใหผ้ สู้ อนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอานวยความ สะดวก เพอื่ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทงั้ สามารถใชก้ ารวจิ ัยให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรียนรู้ ท้ังนี้ผู้สอนและผู้เรยี นอาจเรยี นร้ไู ปพร้อมกันจากสอื่ การเรียนการสอนและแหลง่ วทิ ยาการประเภทต่าง ๆ (๖) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทกุ ฝา่ ย เพ่ือร่วมกันพัฒนาผ้เู รียนตามศักยภาพ ๒) กำรจดั สภำพแวดลอ้ มส่งเสรมิ กำรเรยี นรู้ (๑) จัดสภาพแวดล้อม ห้องเรียน หรือภายนอกห้องเรียน ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ สะอาด มีความเป็น ระเบียบ ตกแต่งหอ้ งเรียนให้นา่ อยู่ มมี มุ ตา่ ง ๆ ในห้องเรียน มีท่ีเก็บวสั ดอุ ปุ กรณ์ และงา่ ยต่อการนามาใช้ มีปา้ ย นเิ ทศใหค้ วามรู้ ภายนอกห้องเรียนจัดบรรยากาศใหเ้ ปน็ ธรรมชาตินา่ อยู่ ร่มรน่ื และเหมาะกบั กจิ กรรมการเรียนรู้ ถูกสุขลักษณะและปลอดภยั (๒) จัดสภาพแวดลอ้ มหรอื ห้องใหผ้ ู้เรียนไดฝ้ ึกปฏิบตั กิ าร (๓) จดั สือ่ อปุ กรณ์ ท่ีเกี่ยวกบั การเรียนรอู้ ย่างเพียงพอ เหมาะสม
ฌ (๔) จัดหาเครื่องมือแสวงหาความรู้ หรือช่องทางเสนอข่าวสารต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับรู้ข้อมูล ขา่ วสารที่ทนั สมยั ปัจจุบันอย่เู สมอ ๓. ครผู ู้สอน การจัดการเรียนรู้ตามแนวดังกล่าว จาเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนการสอนทั้งของ ผู้เรียนและผู้สอน กล่าวคือลดบทบาทของครูผู้สอน จากการเป็นผู้บอกเล่า บรรยาย สาธิต เป็นการวางแผน จัดกจิ กรรมใหน้ ักเรียนเกิดการเรียนรู้ กจิ กรรมต่าง ๆ จะตอ้ งเนน้ ทบ่ี ทบาทของผเู้ รียนตงั้ แต่เรมิ่ คอื ร่วมวางแผน การเรยี น การวดั ผล ประเมินผล และตอ้ งคานงึ วา่ กจิ กรรมการเรียนน้ัน เน้นการพฒั นากระบวนการคิด วางแผน ลงมอื ปฏิบัติ ศกึ ษา ค้นควา้ รวบรวมข้อมลู ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ จากแหล่งเรียนรู้หลากหลาย ตรวจสอบ วิเคราะห์ การแก้ปัญหา การมีปฏิสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน การสร้างคาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่สืบค้นได้ เพื่อนาไปสู่คาตอบ ของปัญหาหรือคาถามต่าง ๆ และสร้างองค์ความรู้ ทั้งนี้กิจกรรมการเรียนรู้เหล่านี้ต้องพัฒนาผู้เรียนให้มี พัฒนาการเหมาะสมตามวยั ทัง้ ทางรา่ งกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา โดยคานงึ ถึงเร่อื งตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑. ควรให้ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลาด้วยการกระตุ้นให้ผู้เรียนลงมือ ทดลองและอภปิ รายผล โดยใชเ้ ทคนิคตา่ ง ๆ ของการสอน เช่น การนาเขา้ สู่บทเรียน การใชค้ าถาม การเสริมพลัง มาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนท์ ี่จะทาใหก้ ารเรียนการสอนนา่ สนใจและมชี ีวติ ชวี า ๒. ครูควรมีการวางแผนการใช้คาถามอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะนาผู้เรียนเข้าสู่บทเรียนและลง ข้อสรุปได้โดยที่ไม่ใช้เวลานานเกินไป ครูควรเลือกใช้คาถามที่มีความยากง่ายพอเหมาะกับความสามารถของ ผูเ้ รียน ๓. เมื่อผู้เรียนถาม อย่าบอกคาตอบทันที ควรให้คาแนะนาที่จะช่วยให้ผู้เรียนหาคาตอบได้เอง ครู ควรให้ความสนใจต่อคาถามของผู้เรียนทุก ๆ คน แม้ว่าคาถามนั้นอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กาลังเรียนอยู่ก็ตาม ครูควรจะชี้แจงให้ทราบและเบนความสนใจของผูเ้ รียนกลับมาสู่เรื่องทีก่ าลังอภิปรายอยู่ สาหรับปัญหาที่ผู้เรียน ถามมาน้นั ควรจะไดน้ ามาอภิปรายในภายหลงั ๔. การสารวจตรวจสอบซ้า เป็นสิ่งจาเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น ในการจัดการเรียนรู้ ครคู วรย้าใหผ้ ้เู รียนไดส้ ารวจตรวจสอบซา้ เพอื่ นาไปสขู่ อ้ สรุปท่ถี กู ตอ้ งและเชือ่ ถอื ได้ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษาช้นั ประถมศึกษา ใช้กระบวนการเรยี นรู้หลากหลาย ผสมผสาน เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยการจัดกิจกรรมบูรณาการแบบกลมกลืน ทั้งการปฏิบัติด้านพฤติ กรรม สุขภาพ และความเข้าใจองค์ความรทู้ ถ่ี กู ต้อง ตลอดจนการเสรมิ แรงตามวัยของผู้เรยี น เพอ่ื นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ปรับปรุงพฤติกรรมสุขภาพผู้เรียนอย่างสร้างสรรค์ปลอดภัย ตามความแตกต่างของแต่ละบุคคล และส่วนรวม ซงึ่ กจิ กรรมต่าง ๆ คานงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งกับคุณลักษณะทีม่ ุ่งหวังไปสู่เจตคติที่ดใี นการดแู ลสุขภาพจนเป็นนิสัย มคี ณุ ธรรม จริยธรรม เช่น มคี วามซ่ือสัตย์ ใฝเ่ รียนรู้ มีวินยั รับผดิ ชอบ มคี วามม่งุ ม่ันในการทางาน มจี ติ สาธารณะ เป็นตน้ ตวั อย่างกระบวนการการเรยี นรทู้ ่ีนามาประยกุ ต์ใช้ตามธรรมชาตวิ ิชา มีดังนี้ ๑. กระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดวิจารณญาณ และคิดสร้างสรรค์ ฝึกทักษะการคิด คล่อง คิดหลากหลาย วิเคราะห์ข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็นเชื่อมโยงรอบด้านที่เกี่ยวกับการดาเนินชีวิตด้าน สุขภาพอย่างปลอดภัยในชวี ติ ประจาวัน เปน็ ระบบต่อเนือ่ ง มุมมองดา้ นบวกดา้ นลบ ผลกระทบทเ่ี กดิ ข้นึ การค้นหา
ญ เหตุผลของการปฏิบัติตน และสังเคราะห์ สร้างแนวทางการแก้ปัญหาหรือพัฒนาส่งเสริมสุขภาพระดับตนเอง ครอบครัว อย่างเหมาะสม โดยการใช้เทคนิคพัฒนาความสามารถในการคิด เชน่ - แผนภาพความคิดแบบต่าง ๆ (Graphic Organizers) - เทคนิคการฝึกเปรียบเทียบข้อมูล PMI บอกข้อดี (Plus) บอกข้อเสีย (Minus) ข้อมูลที่สนใจ ศกึ ษาคน้ ควา้ ต่อ (Interesting) - เทคนคิ การตั้งคาถามโดยใชส้ ื่อสถานการณ์ปัจจุบนั ๒. การตั้งคาถามเชิงสะท้อนคดิ เทคนิคคาถาม Reflect-Connect-Apply (R-C-A) เพื่อพัฒนาด้าน ทักษะชีวติ เตรยี มพร้อมสาหรบั ใชใ้ นสถานการณใ์ หม่ทอ่ี าจต้องเผชญิ ในชวี ิตประจาวันและอนาคต โดยให้ผูเ้ รยี น ทบทวนความรู้สึก พฤติกรรมการปฏิบัติของตนเอง (R) คิดเชื่อมโยง (C) และคาถามนาไปสู่การอภิปราย เสนอ วิธกี าร แนวทาง พร้อมทัง้ นาไปปฏิบัติให้เหมาะสมกับปัจจุบนั และเตรยี มอนาคต (A) ๓. กระบวนการปฏิบัติ ได้แก่ การรับรู้ การปฏิบัติตามแบบ การปฏิบัติด้วยตนเองอย่างธรรมชาติ และนาไปใช้ในชีวิตประจาวันจนเป็นนิสยั ๔. การจัดการเรียนรู้ในแผนการจดั การเรยี นรู้ ประกอบดว้ ยขัน้ นา ขน้ั สอน และข้นั สรุป ดังน้ี ๑) ขั้นนา เป็นการเตรียมความพร้อมของผู้เรียน เช่น ทบทวน ตรวจสอบความรู้ที่เรียนผ่านมา แล้ว ด้วยคาถามเชื่อมโยง ร่วมอภิปราย การปฏิบัติตนด้านสุขภาพของตนเอง ไม่จากัดคาตอบ ครูช่วยให้ นกั เรยี นเชอ่ื มโยงคาตอบดว้ ยตวั เอง เพอ่ื นาไปสจู่ ดุ ประสงค์ ๒) ขั้นสอน เป็นขั้นที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาใหม่ มีหลากหลายวิธีการ โดยใช้กระบวนการ เรยี นรู้ท่ีกล่าวข้างตน้ เชน่ - ครใู ชส้ ่อื เหตุการณป์ ัจจบุ นั คลิป ภาพยนตรส์ น้ั ตั้งคาถามใหน้ ักเรียนคิดวิเคราะห์ ให้เวลาคิด แก่ผ้เู รียน - ครสู นใจคาตอบของผเู้ รยี น และนาคาตอบของผู้เรยี นมาเชอื่ มโยงประสบการณ์ - ผเู้ รยี นศึกษาข้อมลู เพิ่มจากใบงาน แลกเปลีย่ นประสบการณ์โดยเชื่อมโยงกับความรู้ที่จาเปน็ กบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพในชวี ิตประจาวนั เปรียบเทียบกับพฤตกิ รรมสุขภาพของตนเอง - ผู้เรียนวเิ คราะห์ ฝกึ ทักษะการสงั เกตข้อเท็จจริง หรอื ขอ้ คดิ เห็นเช่อื มโยงรอบด้านท่ีเก่ียวกับ การดาเนินผลทางบวกและลบ ชีวิตด้านสุขภาพอย่างปลอดภัยในชีวิตประจาวัน โดยใช้กิจกรรมที่เหมาะสมกับ วัย พัฒนาทักษะการคิดสร้างชิ้นงาน/ภาระงาน สรุปความรู้จากการปฏิบัติจริงเป็นแผนภาพความคิดแบบแบบ ต่าง ๆ - ผู้เรียนฝึกปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมเดี่ยว และนาเสนอผลงานหรือผลการปฏิ บัติ แลกเปลย่ี นเรียนรรู้ ะหว่างกลุ่ม ระหว่างเพ่ือน - มีการประเมินพฤติกรรมผู้เรียนระหว่างเรียน ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ตามจุดประสงค์ ด้วยวิธีการสังเกตพฤติกรรม ตรวจสอบความรู้ และให้ข้อมูลย้อนกลับเมื่อนักเรียนเข้าใจ คลาดเคลื่อน รวมทงั้ ให้แรงเสริม
ฎ ๓) ข้นั สรปุ เป็นขัน้ ตอ่ เนอ่ื งจากขน้ั สอน เช่น - ผเู้ รยี นสรปุ สง่ิ ที่ได้เรยี นรูด้ ้วยตนเองผา่ นการใชค้ าถามของครู - ครูอาจจะช่วยสรุปอีกคร้งั ดว้ ยการใชก้ ระดานหรือ Graphic Organizer - ครูใช้คาถามเชื่อมโยงกับชีวิตจริง เทคนิคคาถาม Reflect-Connect-Apply (R-C-A) เพื่อ พัฒนาด้านทักษะชวี ิต ให้ผูเ้ รียนทบทวนสิ่งท่ีได้เรียนรู้ ทบทวนการปฏิบัติตน และเน้นการนาไปใชป้ ฏิบัตใิ นชีวติ ประจาวนั ตลอดจนสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของครอบครัว ชุมชน เป็นตน้ - นกั เรยี นบนั ทกึ การเรียนรู้ หรือใชผ้ ังกราฟกิ (ตัวอยา่ งในภาคผนวก ข และ ค) ๓. ส่ือกำรจัดกำรเรียนร้/ู แหลง่ เรยี นรู้ สื่อกำรจัดกำรเรียนรู้ เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง ความรู้ ทักษะ กระบวนการ ได้ง่ายในระยะเวลาสั้น และช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดอย่างถูกต้องและรวดเร็ว สอ่ื ที่ปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรู้ มีลกั ษณะดังน้ี ๑) ใบความร/ู้ แผนภาพนาเสนอขอ้ มูล ๒) คลิป/วดิ ที ศั น์/ภาพข่าวสถานการณป์ ัจจุบนั ๓) สถานการณส์ มมติ ๔) สื่อบคุ คล แหล่งเรียนรู้ เปน็ เครือ่ งมอื สรา้ งคุณลักษณะการใฝ่รู้ที่ทุกคนตอ้ งใฝร่ ตู้ ลอดชวี ติ มีลกั ษณะดงั น้ี ๑) แหล่งเรียนรภู้ ายในโรงเรียน ๒) แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ ชุมชน ท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของ ชวี ิต ด้านรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และสังคม ๓) แหล่งเรยี นรู้ออนไลนท์ เ่ี ก่ยี วกับการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ - สานกั งานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน - สสส. - กรมควบคุมโรค - กรมอนามยั - กรมสขุ ภาพจิต - มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ - กระทรวงสาธารณสุข - กระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ฯลฯ ๔. กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดประสงค์สาคัญของการประเมินการเรียนรู้คือการช่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้สอนหรือหลักสูตรวางไว้ ปัญหาที่พบในปัจจุบันก็คือ ผู้บริหาร ผู้สอน ตลอดจนผู้ปกครองเป็นจานวนมากยังให้ความสาคัญกับการประเมินผลสรุปรวม ที่เน้นการทาข้อสอบ รวมถึง
ฏ การให้ความสาคัญกับผลลัพธ์ของการประเมินผลสรุปรวมที่ปรากฏในรูปของระดับผลการเรียน (Grade) หรือ ลาดับของผู้เรียนในชั้นเรียน (Rank) ซึ่งได้จากการเปรียบเทียบคะแนนระหว่างผู้เรียนมากกว่าการประเมิน การเรียนรู้ระหว่างเรียนที่เน้นการให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้ ของตนเองของผู้เรียนแตล่ ะคน สงิ่ ต่าง ๆ เหล่านี้ จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ วัฒนธรรมการเรียนรู้แบบท่องจาเพอ่ื สอบ หรือการ เรยี นรู้เพอ่ื แขง่ ขนั ซง่ึ ถอื เป็นการเรียนรู้แบบผิวเผินมากกว่าการเรยี นรู้เพอ่ื พฒั นาตนเองซ่งึ ผลลพั ธ์ของการเรียนรู้ จะย่ังยืนกวา่ (กศุ ลนิ มุสกิ ุล, ๒๕๕๕; ขจรศกั ด,ิ์ เพญ็ จนั ทร์ และวรรณทพิ า รอดแรงค้า, ๒๕๔๘) ในการจัดการเรียนร้เู พ่ือพฒั นาสมรรถนะดา้ นต่าง ๆ ของผเู้ รยี นน้นั จาเป็นตอ้ งมีการประเมินการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นระหว่างและสิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้การประเมินในรูปแบบที่หลากหลาย สอดคล้องตามวัตถุประสงคข์ องการเรียนรู้ รูปแบบการประเมนิ การเรยี นรู้ได้แก่ การประเมินการเรียนรู้ระหว่าง เรยี น (Formative Assessment) การประเมินการเรียนรสู้ รุปรวม (Summative Assessment) และการประเมิน การเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ในการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการประเมิน ตามสภาพจริงนั้น ผู้สอนจาเป็นต้องสะท้อนการประเมินให้ผู้เรียนรับทราบเพื่อปรับปรุงและพัฒนาตนเอง และ ผู้สอนต้องนาผลการประเมินมาพิจารณาเพื่อทบทวนและปรับแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อให้สามารถดาเนินการ แก้ไข ช่วยเหลือ หรือหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ตามแต่ละ จดุ ประสงค์การเรียนรหู้ รือเปา้ หมายของตัวชว้ี ัดต่าง ๆ (กุศลนิ มสุ ิกุล, ๒๕๕๕) กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ของผเู้ รยี น การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและการตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบความสาเร็จ นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัด เพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินการ เรยี นร้ใู นทุกระดับ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๒) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ปรากฏในแผนการจัดการเรียนรู้ ให้ความสาคัญของการประเมิน พฤติกรรมการปฏิบัติ ดงั น้ี ๑) วิธกี ำรประเมิน (๑) กำรวดั และประเมินกอ่ นเรยี น เพือ่ ตรวจสอบความพรอ้ มและความรู้เดมิ ของผู้เรียน (ผสมผสาน ในกจิ กรรมการเรียนรขู้ ัน้ นา) (๒) กำรวดั และประเมนิ ระหว่ำงเรยี น ได้แก่ ด้านความรู้ ทักษะการปฏบิ ัติ และคณุ ลกั ษณะ โดยวิธี การสังเกตพฤตกิ รรม ถามตอบพร้อมแสดงเหตุผล ตรวจชิ้นงาน การนาเสนอ (ผสมผสานในกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันสอน) จุดมงุ่ หมายของการประเมนิ ระหว่างเรียน มีดังนี้ (๒.๑) เพ่ือค้นหาและวนิ จิ ฉัยว่าผู้เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเนอ้ื หา มที กั ษะความชานาญ รวมถึง มีเจตคติทางการเรียนรู้อย่างไรและในระดับใด เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สอนสามารถวางแผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เพ่ือพัฒนาการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี นไดอ้ ยา่ งเตม็ ศักยภาพ
ฐ (๒.๒) เพ่อื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ปอ้ นกลับให้กับผูเ้ รียนว่ามผี ลการเรยี นรอู้ ย่างไร (๒.๓) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสรุปผลการเรียนรู้และเปรียบเทียบระดับพัฒนาการด้านการ เรยี นรู้ของผู้เรียนแตล่ ะคน (๓) กำรวัดและประเมนิ หลังเรียน เพอื่ ตรวจสอบความสาเรจ็ ตามจุดประสงคร์ ายแผน เป็นการพัฒนา ในจุดที่ผู้เรียนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง (ผสมผสานในกิจกรรมขั้นสรุป) และเพื่อตัดสิน ผลการจัดการเรียนรู้ เป็นการประเมินหลังจากผู้เรียนได้เรียนไปแล้ว ผลจากการประเมินประเภทนี้ใช้ประกอบ การตัดสนิ ผลการจัดการเรยี นการสอน หรอื ตดั สินใจว่าผูเ้ รียนคนใดควรจะได้รับระดบั คะแนนใด (๔) ประเมินรวบยอดเมื่อสนิ้ สดุ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ดาเนนิ การดังนี้ การประเมินโดยครูผู้สอน เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนว่าบรรลุเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ ตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด สมรรถนะ คุณลักษณะ และเจตคติหรือไม่ เช่น การทาโครงงาน การนาความรู้ไปใช้เพ่ือ พฒั นาสังคมในรูปแบบตา่ ง ๆ การประเมินโดยผู้เรียนแต่ละคน โดยกำรทำแบบบันทึกกำรเรียนรู้ (Learning Log) ควรให้ ผู้เรียนได้ประเมินการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อเปิดโอกาสได้สะท้อนคิดสิ่งที่เรียนรู้ทั้งที่ทาได้ดีแ ละยังต้องพัฒนา (ตัวอย่างแบบบันทึกการเรียนรู้ ดูภาคผนวก ค) ควรใหผ้ ู้เรยี นได้ประเมนิ การเรียนรู้ยอ่ ยหลังจบการเรียนรู้แต่ละ หน่วยการเรียนรู้ และประเมินการเรียนรู้รวมในช่วงกลางภาคเรียนและปลายภาคเรียน โดยครูสามารถเลือกใช้ ชุดคาถามและจานวนข้อใหเ้ หมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ชว่ งเวลา และธรรมชาติของแตล่ ะวิชา ท้ังนใ้ี นคร้งั แรก ครคู วรทาร่วมกับนกั เรียนเพ่ือแนะนาวธิ ีการเขียนแบบสะท้อนคิด และควรอา่ นสง่ิ ที่นกั เรียนบนั ทึกพร้อมให้ข้อมูล ย้อนกลับ เสนอแนะในเชิงบวกและสร้างสรรค์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลในแบบบันทึกเพื่อพัฒนาการสอน ของตวั เองและชว่ ยเหลอื นักเรยี นเปน็ รายบุคคลต่อไป ๒) ผู้ประเมิน ได้แก่ เพื่อนประเมินเพื่อน ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมนิ ตนเอง และผู้ปกครองร่วม ประเมิน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาได้ออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ปรากฏใน แผนการจัดการเรียนรู้ โดยให้ความสาคัญของประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติผู้เรียนด้านสุขภาพระหว่างเรียน เพ่ือพัฒนาเรยี นรขู้ องผูเ้ รียนไปสเู่ ป้าหมายของหน่วยการเรียนรทู้ ก่ี าหนด รายละเอียด ดงั น้ี ๑. วธิ ีการประเมิน ๑) ประเมินก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและความรู้เดิมของผู้เรียน (ผสมผสานในกิจกรรม การเรียนรขู้ น้ั นา) ๒) ประเมินระหว่างเรียน ได้แก่ ทักษะการปฏิบัติ และคุณลักษณะ โดยวิธีการสังเกตพฤติกรรม ถามตอบพร้อมแสดงเหตุผล ตรวจชิ้นงาน การนาเสนอ และประเมินด้านความรู้ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ คุณภาพผู้เรียนตามจุดประสงค์ ซึ่งนาไปสู่การปรับปรุง หรือส่งเสริมการเรียนรู้ต่อไป (ผสมผสานในกิจกรรม การเรียนรูข้ น้ั สอน)
ฑ ๓) ประเมินหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความสาเร็จตามจุดประสงค์รายแผน จากบันทึกการเรียนรู้ และบันทึกการปฏิบัติด้านสุขภาพของผู้เรียนรายบุคคลเพื่อพัฒนาในจุดที่ผู้เรียนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือ ปฏิบตั ไิ ม่ถูกตอ้ ง (ผสมผสานในกจิ กรรมขั้นสรุป) ๔) ประเมินรวบยอดเมื่อสิ้นสุดหน่วยการเรียนรู้ เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนบรรลุเป้าหมายของ หน่วยการเรียนรู้ ตามมาตรฐาน/ตัวชี้วัด สมรรถนะคุณลักษณะ และเจตคติ เช่น การจัดนิทรรศการ การนา ความรู้ไปใชเ้ พอ่ื พฒั นาสังคมในรปู แบบต่าง ๆ เป็นตน้ ตลอดจนปลายภาค เพ่อื การตัดสนิ ผลการเรยี น ๒. เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ มิติคุณภาพ (Rubric Score) ซึ่งได้อธิบายระดับคุณภาพปรากฏในท้ายหน่วย การเรียนร้ทู กุ หนว่ ย โดยแสดงเคร่ืองมือทีส่ ามารถนาไปใช้รายแผนการเรยี นรู้ ในภาคผนวก ก ได้แก่ แบบสังเกต พฤติกรรมการปฏบิ ัติ แบบตรวจคาตอบ แบบประเมินคุณลักษณะและเจตคติ ๓. ผปู้ ระเมิน ไดแ้ ก่ เพอ่ื นประเมินเพอื่ น ครูประเมนิ ผเู้ รียน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ๕. คำแนะนำบทบำทครูปลำยทำงในกำรจัดกำรเรียนรู้ ครูปลายทางควรมีบทบาทการสอนคขู่ นานกบั ครตู น้ ทางในการกากบั ดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ในทกุ ข้ันตอน การสอน ดังน้ี ๑) ขน้ั เตรยี มตวั กอ่ นสอน (๑) ศึกษาทาความเข้าใจคาชี้แจงและทาความเข้าใจเชื่อมโยงทั้งเป้าหมาย กิจกรรม และการวัดผล และประเมินผลระหวา่ งหน่วยการเรียนรกู้ ับแผนการจัดการเรยี นรูร้ ายชว่ั โมง (๒) ศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ หน่วยงาน องค์กรที่ให้ความรู้ที่เชื่อถือได้ รวมทั้ง เทคนิคการจัดการเรียนร้เู พ่อื พฒั นาความสามารถของผ้เู รียนอย่างรอบด้าน (๓) ปรับ/ประยุกต์หรือเพิ่มเป้าหมายทัง้ เนื้อหา ทักษะ กระบวนการ คุณลักษณะที่เป็นจดุ เน้น และ ที่เป็นปัจจุบันตามบริบทของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน รวมถึงการวัดประเมินทักษะกระบวนการเรียนรู้ ตาม ศกั ยภาพของผ้เู รยี น และตามสภาพจริง (๔) ศึกษาคลิปบทเรียนที่มีการอัพโหลดล่วงหน้าเพื่อทาความเข้าใจการจัดกิจกรรม PowerPoint และสื่อต่าง ๆ ที่ครูใช้ประกอบการสอน โดยเฉพาะแนวการจัดกิจกรรมในข้ันตอนช่วงการปฏิบัติ ทั้งด้านวิธีการ สื่อที่ใช้ และช่วงเวลาของการทาแต่ละกิจกรรม เพื่อนามาวิเคราะห์และหาแนวทางเตรียมนักเรียน/ช่วยเหลือ ส่งเสริม/อานวยความสะดวกนักเรียนตามบริบทของห้องเรียนของตนให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเต็มตามศกั ยภาพ (๕) เตรียมใบงาน (ท่คี ัดเลอื กสาหรับมอบหมายใหน้ ักเรียนไดท้ าตามเหน็ ควรและเหมาะสม) รวมท้ัง การเตรยี มอุปกรณ์ตามระบใุ นแผนฯ และ/หรอื ที่ปรากฏในคลปิ (ในกรณีมีการปรับเปลีย่ นเพม่ิ เติม) (๖) ติดตามข้อมูลรายละเอียดการจัดกจิ กรรมในช่วงการปฏิบัติตามกาหนดการสอนที่มีรายละเอียด ของสื่อการสอน ใบงาน ใบความรู้ บนเวบ็ ไซต์ www.dltv.ac.th ๒) ข้นั กำรจัดกำรเรียนรู้ (๑) สร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการทากิจกรรม เช่น กระตุ้นให้นักเรียนคิด ตอบคาถามของ ครตู ้นทาง ฟงั เฉลยและชว่ ยเสริม/อธิบาย/ในสง่ิ ท่นี ักเรยี นยังไม่เขา้ ใจ ชมเชย/ใหก้ าลังใจหากนักเรยี นทาได้ดี
ฒ (๒) ใหค้ วามชว่ ยเหลอื นกั เรียนที่ตามไมท่ นั เชน่ อธิบายเพมิ่ เตมิ เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถเรียนรู้ต่อไป อย่างมีประสิทธิภาพ (๓) กากับดูแลให้มีวินัยในการเรียน เช่น ไม่เล่นหรือพูดคุยกัน ปฏิบัติตามคาสั่งในการทากิจกรรม ฯลฯ (๔) อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ เชน่ จดั เตรยี มส่ือการเรยี นร/ู้ อปุ กรณ์ (๕) สังเกตพฤติกรรมนกั เรียน เช่น คุณลกั ษณะผ้เู รียน สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน การจดั การเรียนรู้/ การปฏิบัติงาน ความรู้ในบทเรียน และบันทึกข้อมูลตามแนวทางประเมินที่แนะนาไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เพอื่ นาขอ้ มลู ไปพัฒนานกั เรียนและใหค้ วามชว่ ยเหลอื นักเรียนทัง้ ชนั้ /กลมุ่ /รายบุคคลตามกรณี ๓) ข้นั กำรปฏิบัติ (๑) ทบทวนขั้นตอนการทากิจกรรมตามที่ครูต้นทางแนะนา และตามข้อแนะนาการปฏิบัติที่ระบใุ น PowerPoint ตรวจสอบความเข้าใจ และเตรียมนักเรยี นกอ่ นทากิจกรรม (การแบง่ กลมุ่ ฯลฯ) (๒) กากบั ใหก้ ารทากจิ กรรมเปน็ ไปตามลาดับเวลาตามแนวทางทร่ี ะบุบน PowerPoint (๓) ให้ความช่วยเหลือนักเรยี นในระหว่างการทากิจกรรม (๔) เตรียมพรอ้ มนักเรยี นสาหรับกจิ กรรมในขั้นตอนสรปุ การเรยี น (ถา้ มี) เช่น การสรุปผลปฏิบัติงาน เพื่อเทียบเคยี งกบั ผลงานทนี่ ักเรียนตน้ ทางจะนาเสนอ เปน็ ต้น ๔) ขนั้ สรุป (๑) กากับนักเรียนให้มสี ว่ นรว่ มในการเฉลยใบงาน/สรุปผลการทากจิ กรรม ฯลฯ (๒) ทบทวนประเดน็ สาคญั ทีม่ ีการสรุปทา้ ยชั่วโมง และงาน/ใบงานที่ครูต้นทางมอบหมายให้ทาเป็น การบ้าน/หรือใบงานที่ครปู ลายทางไดเ้ ลอื กมาใช้กับชั้นเรยี นของตน (๓) จัดให้นักเรียนได้ทาแบบประเมินตามระบุในหัวข้อ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (เฉพาะ หลงั จบแต่ละหน่วยการเรยี นรู้และคร่ึง/ปลายภาคเรียน) ๕) กำรบันทกึ ผลหลงั สอน (๑) บันทึกการจัดการเรียนรู้ของตนเอง โดยใช้ข้อมูลจากแบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนระหว่างเรียน และแบบประเมินตนเอง บันทึกการเรียนรู้ของนักเรียนเพื่อวิเคราะห์เทคนิค หรือวิธีการใด ที่ทาให้ผู้เรียนมีส่วน รว่ ม มคี วามรู้ มีทกั ษะ และคุณลักษณะตามจุดประสงค์ (๒) บันทึกสาเหตขุ องความสาเรจ็ อุปสรรค และ/หรือข้อจากัดที่เกิดขึน้ เช่น เทคนิค หรือวิธีการใด การบริหารจัดการชั้นเรียน การจัดบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมอย่างไร ฯลฯ ที่ทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม มีความรู้ มี ทักษะ และคณุ ลักษณะตามจุดประสงค์ โดยใช้คาถามท่ใี หไ้ ว้ใน “คาถามบันทึกผลหลงั สอนสาหรับครปู ลายทาง” (ดูภาคผนวก ค) เป็นแนวทางในการย้อนคดิ ไตร่ตรองส่ิงทีเ่ กิดขนึ้ และนาไปบันทึกผลหลังสอนของชั่วโมงนัน้ ๆ (๓) วเิ คราะหแ์ ละสรุปผลจากข้อมลู ตามปญั หา/ความสาเร็จที่เกิดขนึ้ และเสนอแนวทางการปรับปรุง เพื่อนามาพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และช่วยเหลือ/ส่งเสริมนักเรียนในการจัดการเรียนรู้ในครั้งต่อไป รวมทั้งนา ไปใช้เป็นข้อมลู เพ่อื พฒั นาเปน็ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี นตอ่ ไป
ณ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน รหสั วชิ ำ พ๑๔๑๐๑ รำยวิชำ สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ (สุขศึกษำ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรสู้ ุขศึกษำและพลศกึ ษำ ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ เวลำ ๘๐ ชวั่ โมง/ปี ศึกษาการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย ศึกษาระบบอวัยวะที่มีผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกาย ระบบกล้ามเนื้อ ระบบกระดูกและข้อต่อ ครอบครัวและลักษณะของครอบครัวที่ดี คุณลักษณะของสมาชิกที่ดีในครอบครัว คุณค่าความเป็นเพศหญิงและเพศชาย พฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศ ของตนตามวัฒนธรรมไทย มารยาททางสังคมท่ีเหมาะสมกับเพศและกาลเทศะ ความสาคัญประเภทของ สิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสุขภาพ การจัดสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขลกั ษณะและเอือ้ ต่อสุขภาพ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในสาธารณะ สภาวะทางอารมณ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพ ความเครียดและการจัดการ กับความเครียด ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่พบในชีวิตประจาวัน หลักการอ่านข้อมูลฉลากผลิตภัณฑ์สุขภาพและ ฉลากอาหาร เครอ่ื งหมายบนฉลากผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพ ความสาคญั ของยาและประเภทของยา การใช้ยาอย่างถูกวิธี จุดมุ่งหมายของการปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาลเมื่อได้รับอันตรายจากการใช้ยาผิด การปฐมพยาบาลเมื่อ ได้รับอันตรายจากสารพิษและสารเคมี การปฐมพยาบาลเมื่อได้รับอันตรายจากแมลงสัตว์กัดต่อย การปฐม พยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ศึกษาการเคลื่อนไหวเบื้องต้น การเคลื่อนไหวร่างกายขั้นพื้นฐาน กิจกรรมเข้าจังหวะ กายบริหารประกอบดนตรี การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะเพลง เกมเลียนแบบ กิจกรรม แบบผลัด ข้อเสนอแนะในการเล่นเกมและกิจกรรมทางกาย คุณค่าของการเล่นเกมและกิจกรรมทางกายที่มี ต่อสุขภาพ การเล่นกีฬาพื้นฐาน คุณค่าของการเล่นกีฬา หลักการในการเล่นกีฬา การเสริมสร้างและทดสอบ สมรรถภาพทางกาย โดยเรยี นรู้จากการปฏบิ ัติ การอธิบาย การเปรยี บเทียบ การบอกและระบุ จาแนก แสดงวิธีทา การสาธิต การยกตัวอย่าง การคิดและตัดสินใจ การวิเคราะห์ การค้นหาข้อมูล การทดสอบและปรับปรุง ตลอดจนการใช้ กระบวนการกล่มุ ในการเรียนรู้ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นใฝเ่ รยี นรู้ มวี ินัย มีจติ สาธารณะ รักความเปน็ ไทย อยู่อย่างพอเพียง และเห็นคุณค่าในการ นาความรไู้ ปใชใ้ นการดาเนินชวี ติ ประจาวันได้ มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด พ ๑.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ พ ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ พ ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒ พ ๓.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ พ ๔.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ พ ๕.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ รวม ๑๘ ตวั ช้วี ดั
ด มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด รหัสวิชา พ๑๔๑๐๑ รายวิชาสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (สขุ ศึกษา) ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ภาคเรียนท่ี ๑ รวมเวลา ๒๐ ชั่วโมง จานวน ๑ หน่วยกติ สาระท่ี ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ ตัวชว้ี ัด พ ๑.๑ ป.๔/๑ อธิบายการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของร่างกายและจิตใจ พ ๑.๑ ป.๔/๒ อธิบายความสาคัญของกล้ามเนอ้ื กระดูก และขอ้ ต่อ ทมี่ ีผลต่อสุขภาพการเจรญิ เตบิ โต และพัฒนาการ พ ๑.๑ ป.๔/๓ อธบิ ายวิธีดแู ลกล้ามเนือ้ กระดกู และขอ้ ต่อให้ทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพ สาระท่ี ๒ ชีวติ และครอบครัว มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คุณคา่ ตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษา และมีทกั ษะในการดาเนนิ ชวี ิต ตัวชี้วัด พ ๒.๑ ป.๔/๑ อธบิ ายความสาคัญและความแตกตา่ งของครอบครัวทม่ี ตี ่อตนเอง พ ๒.๑ ป.๔/๒ อธบิ ายวธิ สี ร้างความสัมพนั ธภาพในครอบครัวและกลมุ่ เพอื่ น พ ๒.๑ ป.๔/๓ บอกวิธหี ลกี เล่ยี งพฤติกรรมทีน่ าไปสกู่ ารถูกลว่ งละเมิดทางเพศ
ต โครงสรา้ งรายวชิ า ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ รหสั วิชา พ๑๔๑๐๑ รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา (สขุ ศกึ ษา) รวมเวลา ๒๐ ชว่ั โมง จานวน ๑ หนว่ ยกิต หน่วย ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั ที่ เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั (ชวั่ โมง) คะแนน ๑ การเจริญเตบิ โตตามวัย พ ๑.๑ ป.๔/๑ การเจรญิ เตบิ โตของร่างกายแต่ละ ๑๑ ๓๐ พ ๑.๑ ป.๔/๒ คนมีความแตกต่างกนั ซง่ึ สามารถ พ ๑.๑ ป.๔/๓ เปรียบเทยี บนา้ หนกั และสว่ นสูง ของตนเองกบั เกณฑ์มาตรฐาน เพอ่ื จะไดป้ รับปรงุ ตนเองให้มี ความเจรญิ เตบิ โตอย่างสมวัย อาหาร การออกกาลงั กาย และ การพักผอ่ น เป็นปัจจัยสาคญั ทม่ี ี ผลต่อการเจริญเตบิ โตของ รา่ งกายรวมไปถงึ การสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกายเพือ่ ให้รา่ งกาย สขุ ภาพแขง็ แรงสมวัย ๒ ครอบครวั สขุ สันต์ พ ๒.๑ ป.๔/๑ ความแตกต่างกนั ของแตล่ ะ ๙ ๒๐ มีมิตรภาพที่ดี พ ๒.๑ ป.๔/๒ ครอบครัวย่อมมีผลต่อการดาเนิน พ ๒.๑ ป.๔/๓ ชวี ิตของสมาชิกในครอบครัว การสร้างสมั พันธภาพกบั ครอบครัวและเพอ่ื น การแสดง พฤตกิ รรมที่เหมาะสมกับเพศตาม วัฒนธรรมไทยจะช่วยให้ปลอดภัย จากสถานการณ์เสยี่ งทางเพศและ อยูร่ ่วมในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข รวมตลอดภาคเรียน ๒๐ ๕๐
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรื่อง การเจริญเติบโตตามวัย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ๑ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ การเจริญเตบิ โตตามวยั
๒ คู่มือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ การเจรญิ เตบิ โตตามวยั รหสั วิชา พ๑๔๑๐๑ รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สขุ ศกึ ษา) กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๑๐ ชัว่ โมง ……………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั สาระที่ ๑ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐานการเรียนรู้ พ ๑.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ ตวั ชีว้ ัด พ ๑.๑ ป.๔/๑ อธิบายการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของร่างกายและจติ ใจ พ ๑.๑ ป.๔/๒ อธิบายความสาคัญของกล้ามเนื้อกระดูกและข้อ ที่มีผลต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ พ ๑.๑ ป.๔/๓ อธบิ ายวธิ ีดูแลกล้ามเนื้อ กระดกู และข้อ ใหท้ างานอยา่ งมีประสิทธิภาพ ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเจริญเติบโตของร่างกายแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบน้าหนักและส่วนสูง ของตนเองกับเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อจะได้ปรับปรุงตนเองให้มีความเจริญเติบโตอย่างสมวัย อาหาร การออก กาลังกาย และการพักผ่อน เป็นปัจจัยสาคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายรวมไปถึงการสร้างเสริม สมรรถภาพทางกายเพื่อให้รา่ งกายสขุ ภาพแขง็ แรงสมวัย ๓. สาระการเรียนรู้ ความรู้ ๑. การเจริญเตบิ โตในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๒. พัฒนาการทางด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา ๓. การปฏบิ ัติตนให้เหมาะสมกบั พัฒนาการทางดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญา ๔. ระบบกล้ามเนอ้ื ๕. ระบบกระดกู และขอ้ ต่อ ทักษะ/กระบวนการ ๑. สารวจการเปลีย่ นแปลงของร่างกายตนเอง ๒. สังเกตพฒั นาการด้านรา่ งกายของเพอื่ น ๓. ชั่งน้าหนกั และวดั สว่ นสงู เจตคติ ๑. เห็นความสาคัญของพฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เร่อื ง การเจรญิ เติบโตตามวัย ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๓ ๒. เห็นคณุ คา่ ของการมสี ขุ ภาพดี ๓. เห็นความสาคญั และหน้าทข่ี องกล้ามเน้อื กระดกู และข้อ ๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. มวี ินยั ๒. ใฝเ่ รยี นรู้ ๖. การประเมนิ ผลรวบยอด ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน แผนภาพความคิด เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านตา่ ง ๆ ช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชน้ิ งานหรือภาระงาน ประเดน็ การประเมนิ ๔ (ดมี าก) ระดบั คณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรงุ ) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑. อธบิ ายการเจรญิ อธบิ ายการเจริญ อธบิ ายการเจริญ อธิบายการเจริญ อธิบายการเจริญ เติบโตและพฒั นาการ เตบิ โตและ เตบิ โตและ เตบิ โตและ เตบิ โตและ ของร่างกายชว่ งอายุ พัฒนาการทาง พฒั นาการทาง พฒั นาการทาง พฒั นาการทาง ๙-๑๒ ปี ดา้ นรา่ งกายของ ดา้ นรา่ งกายของ ด้านรา่ งกายของ ด้านร่างกายของ แตล่ ะวยั แตล่ ะวัย แต่ละวัย แต่ละวยั ไดต้ าม ไดถ้ ูกต้อง ได้ถกู ต้อง ด้วย ได้เลก็ นอ้ ย คาบอก ครบถว้ นด้วย ตนเอง ร้อยละ ตนเอง ๗๐-๘๙ ร้อยละ ๙๐ ขน้ึ ไป ๒. อธิบายความสาคัญ อธิบายความ อธิบายความ อธิบายความ อธบิ ายความ ของกลา้ มเนื้อกระดูก สาคัญของ สาคญั ของ สาคัญของ สาคัญของ และข้อทมี่ ผี ลตอ่ กล้ามเนอ้ื กระดกู กล้ามเนอื้ กระดกู กลา้ มเนอื้ กระดกู กล้ามเน้ือ กระดูก สขุ ภาพ การเจริญ และข้อ ทม่ี ีผลตอ่ และขอ้ ทม่ี ีผลต่อ และขอ้ ทมี่ ีผลต่อ และขอ้ ทมี่ ีผลตอ่ เตบิ โต และพัฒนาการ สุขภาพ การเจริญ สุขภาพ การเจรญิ สขุ ภาพ การเจริญ สขุ ภาพ การเจริญ เติบโต และ เติบโต และ เตบิ โต และ เติบโต และ พัฒนาการ พัฒนาการ
๔ คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) ประเดน็ การประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ไดถ้ ูกต้อง ไดถ้ ูกต้องดว้ ย พฒั นาการ พฒั นาการได้ ครบถ้วน ตนเอง ได้เล็กนอ้ ย ตามคาบอก ด้วยตนเอง ร้อยละ ๗๐-๘๙ รอ้ ยละ ๙๐ ขึน้ ไป ๓. อธบิ ายวธิ ดี ูแล อธบิ ายวิธีดแู ล อธบิ ายวิธดี ูแล อธิบายวิธีดแู ล อธิบายวิธดี แู ล กล้ามเนือ้ กระดูก และ กล้ามเนอ้ื กระดกู กลา้ มเน้อื กระดูก กลา้ มเนอ้ื กระดกู กล้ามเนอ้ื กระดกู ข้อให้ทางานอย่างมี และขอ้ ใหท้ างาน และข้อ ให้ทางาน และขอ้ ใหท้ างาน และขอ้ ให้ทางาน ประสทิ ธภิ าพ อย่างมปี ระสิทธ-ิ อยา่ งมีประสิทธิ- อยา่ งมีประสทิ ธ-ิ อย่างมปี ระสทิ ธิ- ภาพได้ถูกตอ้ ง ภาพได้ถูกตอ้ ง ภาพไดเ้ ล็กน้อย ภาพไดต้ ามคา ครบถ้วนด้วย ด้วยตนเอง บอก ตนเอง รอ้ ยละ ร้อยละ ๗๐-๘๙ ๙๐ ขึ้นไป เกณฑก์ ารตัดสนิ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๑๐-๑๒ คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน ๗-๙ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๔-๖ คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน ๑-๓ คะแนน เกณฑ์การผา่ น ตง้ั แต่ระดับพอใชข้ นึ้ ไป
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง การเจริญเติบโตตามวัย ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง การเจริญเติบโตของชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง การเจรญิ เตบิ โตตามวยั เวลา ๑ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ุขศึกษาและพลศึกษา รายวชิ า สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ดั สาระท่ี ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย์ มาตรฐานการเรียนรู้ พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ พ ๑.๑ ป.๔/๑ อธิบายการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของรา่ งกายและจติ ใจ ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเจริญเตบิ โตของร่างกายเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและรูปร่างตามธรรมชาตแิ ละพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี มีลักษณะทางกายที่สาคัญ คือเพศหญิงส่วนมากจะมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าเพศชาย ทั้งน้าหนักและส่วนสูง สามารถเปรียบเทียบน้าหนักและส่วนสูงของตนเองกับเกณฑม์ าตรฐาน เพื่อจะไดพ้ ัฒนา ตนเองใหม้ ีความเจรญิ เติบโตอยา่ งสมวัย ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) อธิบายข้ันตอนการชง่ั น้าหนักและวัดสว่ นสูง ๓.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) ช่งั น้าหนกั และวดั สว่ นสูง ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) เห็นความสาคัญของการช่ังน้าหนกั วัดสว่ นสงู ๔. สาระการเรียนรู้ - การช่ังน้าหนกั และวดั สว่ นสูง ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น - ความสามารถในการสอ่ื สาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปัญหา - ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝเ่ รยี นรู้ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๖ การจัดกจิ กรรมการเรียน แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรอ่ื ง กา ลาดบั รายวชิ า สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา (สขุ ศกึ ษา) หน่วยการเรยี ที่ ๑. จดุ ประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลา การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กจิ กรร ข้นั นา ๕ นาที ๑. ให้นกั เรยี นสา แปลงของร่างกาย เปรียบเทียบการเ ของร่างกายปจั จบุ ผา่ นมา ๒. ครสู มุ่ นกั เรยี น และให้เพ่อื นในห ของทง้ั ๓ คนวา่ แ มีน้าหนักและส่วน ๓. ครูใช้คาถามก ว่า “นกั เรยี นคดิ ว นา้ หนักและสว่ นส แตล่ ะคนไดอ้ ย่าง
คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ ารเจรญิ เตบิ โตของชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี ยนรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การเจรญิ เติมโตตามวยั จานวน ๑ ชว่ั โมง แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ ประเมนิ รมครู กจิ กรรมนักเรียน การเรยี นรู้ ารวจการเปลี่ยน ๑. นกั เรยี นสารวจรา่ งกาย ๑. PowerPoint แบบสังเกต ยตนเองเพ่ือ ของตนเองและเปรียบเทยี บ เร่ือง การเจริญ พฤตกิ รรม เจริญเติบโต การเจรญิ เตบิ โตของตนเอง เตบิ โตของชว่ ง บันกบั ๑ ปที ี่ ใน ๑ ปที ีผ่ า่ นมา อายุ ๙-๑๒ ปี นออกมา ๓ คน ๒. นกั เรยี นตวั แทนออกมายนื หอ้ งทายนา้ หนัก หนา้ หอ้ งเรียน และนกั เรียน แตล่ ะคน ในหอ้ งรว่ มทายนา้ หนกั ของ นสงู เท่าไร เพอื่ น กระต้นุ ความคดิ ๓. นักเรียนรว่ มกันตอบ วา่ เราจะทราบ คาถาม วา่ “นกั เรยี นคดิ วา่ สูงของเพือ่ น เราจะทราบน้าหนกั ของเพื่อน งไร” แต่ละคนได้อยา่ งไร” (แนวคาตอบ : ช่ังนา้ หนกั วดั สว่ นสูง)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ือง การเจรญิ เติบโตตามวยั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ลาดับ จุดประสงค์ ขน้ั ตอนการจดั เวลา ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กจิ กรร ๒. ด้านความรู้ ความเข้าใจ ขนั้ สอน ๔๐ ๑. ครูให้ความรู้ เ (K) นาที นา้ หนัก วัดส่วนส ๑. อธิบายขน้ั ตอน เปรยี บเทยี บกับต การชงั่ นา้ หนักและวัด มาตรฐานนา้ หนัก สว่ นสูง ของเดก็ ไทยอายุ ๒. ครูต้ังคาถาม ด้านทักษะ/ - นกั เรยี นสามารถ กระบวนการ (P) วัดสว่ นสูงท่ีถูกต้อ ๑. ชง่ั นา้ หนักและ บา้ ง วัดสว่ นสูง - นกั เรยี นจะสาม อยา่ งไรว่าตนเองม เจรญิ เตบิ โตทีเ่ หม ตนเอง ๓. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ข้นั สรปุ ๕ นาที ๑. ครูและนักเรยี เจตคติ ค่านยิ ม (A) ความรู้ ดงั นี้ การ ๑. เหน็ ความสาคญั ของ วดั สว่ นสงู การเจรญิ เตบิ โตของ
๗ แนวการจดั การเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ ประเมนิ การเรยี นรู้ รมครู กจิ กรรมนกั เรียน เร่อื ง การช่ัง ๑. นกั เรยี นตง้ั ใจฟงั ครสู อน ๑. PowerPoint - แบบสังเกต เรือ่ ง การเจรญิ พฤตกิ รรม สงู และ เตบิ โตทางดา้ น ตารางเกณฑ์ ร่างกายชว่ งอายุ กและส่วนสงู ๙-๑๒ ปี ๒. เครอ่ื งชัง่ ๙-๑๒ ปี นา้ หนักและที่ วดั สว่ นสูง ๒. นกั เรยี นตอบคาถาม ถชง่ั หนกั และ (แนวคาตอบ : ถอดรองเท้า องได้อย่างไร ก่อนข้นึ ชัง่ ยนื ตัวตรงและน่ิง ท่ีสดุ ) มารถทราบได้ (แนวคาตอบ : เปรียบเทยี บ มีรา่ งกายที่ น้าหนักและสว่ นสูงกับเกณฑ์ มาะสมกบั วยั มาตรฐาน) ยนร่วมกนั สรปุ ๑. นกั เรยี นรว่ มสรปุ ความรู้ รชัง่ นา้ หนกั และ เกีย่ วกบั เรื่อง การเจรญิ เตบิ โตทางด้านรา่ งกายช่วง อายุ ๙-๑๒ ปี
๘ ขัน้ ตอนการจดั เวลา ลาดบั จดุ ประสงค์ การเรียนรู้ ที่ใช้ กจิ กรร ที่ การเรยี นรู้ รา่ งกายตนเองในชว่ ง ๒. ครอู ธิบายเพิ่ม อายุ ๙-๑๒ ปี การเจริญเตบิ โตเร ท้ังน้าหนักและส่ว เปรียบเทียบน้าห ของตนเองกับเกณ เพอ่ื จะได้พฒั นาต ความเจรญิ เติบโต
คู่มือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) แนวการจดั การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ ประเมนิ การเรยี นรู้ รมครู กจิ กรรมนักเรียน มเติมว่า ๒. นกั เรยี นฟงั อยา่ งต้ังใจและ ร็วกว่าเพศชาย ซักถามขอ้ สงสยั ตามเวลาท่ี วนสูง สามารถ เหมาะสม หนักและส่วนสงู ณฑม์ าตรฐาน ตนเองใหม้ ี ตอย่างสมวยั
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรือ่ ง การเจริญเตบิ โตตามวยั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๙ ๘. สือ่ การเรยี นร้/ู แหลง่ เรยี นรู้ - สื่อ PowerPoint เร่ือง การเจริญเตบิ โตทางดา้ นรา่ งกายช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี - หนงั สอื เรยี นวชิ าสุขศึกษาและพลศกึ ษา ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด - ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี ๑ แบบบันทึกน้าหนักและสว่ นสงู เกณฑก์ ารประเมนิ ผลชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ประเดน็ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรุง) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ าร ปฏิบตั ิการช่ัง ปฏบิ ัติการช่งั ปฏบิ ัติการชงั่ ปฏบิ ตั กิ ารชั่ง ช่ังนา้ หนกั และวดั ส่วน น้าหนกั และวัด น้าหนกั และวัด นา้ หนักและวดั นา้ หนกั และวดั สูงได้ถกู วธิ ี สว่ นสูงไดถ้ กู วธิ ี สว่ นสงู ได้ถูกวธิ ี ส่วนสูงได้โดยมี สว่ นสงู ได้โดยมี ครบทุกข้ันตอนและ ครบทุกขั้นตอน แต่ ผ้อู ่นื คอยแนะนา ผอู้ ่ืนคอยแนะนา สามารถอ่านค่าเอง ตอ้ งใหเ้ พอื่ นช่วย บางข้นั ตอน ทกุ ข้นั ตอน ได้ อ่านคา่ ท่ไี ดใ้ ห้ ๒. นกั เรยี นบนั ทกึ บันทึกขอ้ มูลลงใน บันทกึ ข้อมูลลงใน บนั ทึกข้อมลู ลง ไมส่ ามารถบันทกึ ข้อมูลลงในแบบ แบบบันทึกได้อยา่ ง แบบบนั ทกึ ได้อย่าง ในแบบบันทกึ ได้ ข้อมูลลงในแบบ บันทึกไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ถกู ต้อง ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง แต่ไม่ครบ ด้วยตนเองโดยมี บันทกึ ได้ด้วย ด้วยตนเอง ถ้วนด้วยตนเอง ผู้อ่ืนคอยแนะนา ตนเองต้องมผี อู้ ื่น แนะนาตลอด เกณฑก์ ารตดั สนิ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๗-๘ คะแนน หมายถึง ดี คะแนน ๕-๖ คะแนน หมายถึง พอใช้ คะแนน ๓-๔ คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน ๑-๒ คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น ตัง้ แต่ระดบั พอใช้
๑๐ คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) ๑๐. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการจดั การเรียนการสอน ความสาเรจ็ ปัญหาและอปุ สรรค ข้อจากดั การใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรุงแก้ไข ลงชือ่ ผู้สอน ( ) พ.ศ. วันท่ี เดือน ๑๑. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ลงชอ่ื ผตู้ รวจ ( ) พ.ศ. วนั ท่ี เดอื น
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง การเจรญิ เติบโตตามวยั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๑๑ ใบงานท่ี ๑ แบบบนั ทึกนา้ หนักและส่วนสงู หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เร่อื ง การเจริญเตบิ โตตามวยั แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑ เรือ่ ง การเจรญิ เติบโตของช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี รายวชิ า สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สุขศึกษา) รหสั วิชา พ๑๔๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ คาช้แี จง ให้นักเรยี นบันทกึ ขอ้ มูลต่อไปนล้ี งในช่องว่าง ช่ือ ……………………………….………..... นามสกลุ ……………………………............................ เพศ……………… อายุ ………… ปี ………… เดือน ส่วนสงู …………… เซนติเมตร น้าหนกั ………… กโิ ลกรมั • นกั เรยี นมนี า้ หนกั และส่วนสูงตามเกณฑ์หรือไม่ (เปรยี บเทียบกับตารางเกณฑม์ าตรฐานน้าหนักและ ส่วนสงู ของเดก็ ไทยอายุ ๙-๑๒ ปี) น้าหนัก ส่วนสูง มากกวา่ เกณฑ์ มากกวา่ เกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ นอ้ ยกว่าเกณฑ์ นอ้ ยกวา่ เกณฑ์ • นกั เรยี นมกี ารเปลี่ยนแปลงทางดา้ นร่างกายจากชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ อยา่ งไรบา้ ง ชอื่ ……………………………….……….....……………………………......................... ชน้ั ………………... เลขที่ ..............
๑๒ คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) สือ่ สาหรับครู หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การเจรญิ เตบิ โตตามวยั แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การเจริญเติบโตของชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา (สขุ ศกึ ษา) รหัสวิชา พ๑๔๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ภาพเดก็ ผู้หญงิ และผู้ชาย อายุ ๙-๑๒ ปี (https://www.mhc8.go.th/)
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรือ่ ง การเจรญิ เตบิ โตตามวยั ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๑๓ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๒ เร่อื ง พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอื่ ง การเจรญิ เติบโตตามวยั เวลา ๑๐ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา รายวชิ า สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั สาระท่ี ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ มาตรฐานการเรยี นรู้ พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์ พ ๑.๑ ป.๔/๑ อธบิ ายการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของรา่ งกายและจิตใจ ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเจริญเติบโตของร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เพศชายและเพศหญิงอายุ ๙-๑๒ ปี มีพัฒนาการ ในด้านต่าง ๆ ควบคู่กันไป ซึ่งลักษณะทางกายที่สาคัญ คือเพศหญิงส่วนมากจะมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าเพศ ชายทั้งน้าหนักและส่วนสูง พัฒนาการด้านร่างกายในวัยนี้สามารถใช้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวได้ว่องไวกว่าเดิม จึง ต้องดูแลให้เหมาะสมเพอ่ื การเจริญเติบโตทแี่ ข็งแรงสมวัย ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) อธิบายความหมายและพัฒนาการทางด้านรา่ งกายของเพศหญิงและเพศชายชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) วิธกี ารดูแลรา่ งกายใหเ้ ติบโตสมวัย ๓.๓ ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) เหน็ ความสาคญั ของการเจรญิ เติบโตของร่างกายตนเองในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๔. สาระการเรียนรู้ - ความหมายของพัฒนาการ - พัฒนาการด้านรา่ งกายของเพศหญงิ และเพศชายช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ ๖. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝเ่ รยี นรู้ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑๔ การจัดกจิ กรรมการเรียน แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ เร รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สขุ ศึกษา) หน่วยการเรยี ลาดบั จดุ ประสงค์ ข้ันตอนการจดั เวลา ที่ การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรม ๑. ข้ันนา ๕ นาที ๑. ครูใหน้ ักเรยี นส เปรยี บเทียบการเป ร่างกายของตนเอง ต่างเพศ เชน่ น้าหน ๒. จากน้นั ใหน้ กั เร เปรยี บเทียบการเป ของรา่ งกายตนเอง ปัจจบุ ันกบั ๑ ปที ่ีผ ๒. ด้านความรู้ ความ ขั้นสอน ๒๐ นาที ๑. ครใู หค้ วามรู้ เร เข้าใจ (K) ดา้ นรา่ งกาย โดยใช ๑. อธบิ ายความหมาย PowerPoint และพฒั นาการทางด้าน ๒. ครตู งั้ คาถาม ดัง รา่ งกายของเพศหญิง ๒.๑ นักเรียนคดิ และเพศชายช่วงอายุ “พฒั นาการ” หมา ๙-๑๒ ปี อยา่ งไร
คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ ร่ือง พฒั นาการด้านรา่ งกาย ยนรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง การเจรญิ เติมโตตามวัย จานวน ๑ ชว่ั โมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สอื่ การเรียนรู้ ประเมนิ มครู กจิ กรรมนกั เรียน การเรียนรู้ สงั เกตและ ๑. นกั เรยี นสงั เกตและ ๑. PowerPoint ปลย่ี นแปลง เปรียบเทยี บการเปลี่ยนแปลง เร่อื ง พัฒนาการ งและของเพ่ือน ระหวา่ งตนเองและเพอ่ื นต่าง ด้านรา่ งกาย นัก ส่วนสงู เพศ รียน ๒. นกั เรยี นเปรยี บเทียบ ปล่ยี นแปลง การเปลยี่ นแปลงร่างกาย งระหว่าง ตนเองระหวา่ งอดตี เมื่อ ๑ ปี ผ่านมา ท่ีผ่านมากบั ปัจจบุ นั รือ่ ง พฒั นาการ ๑. นกั เรยี นฟงั อยา่ งต้ังใจ ๑. PowerPoint - แบบ ชส้ ื่อ ๒. ใบความรู้ที่ ๒ ประเมิน เร่ือง การเจริญ ผลงาน งน้ี ๒. นกั เรยี นรว่ มกันตอบคาถาม เตบิ โตทางด้าน ดวา่ คาว่า ๒.๑ นักเรียนตอบคาถาม รา่ งกายชว่ งอายุ ายความว่า (แนวคาตอบ : การเปล่ียนแปลง ๙-๑๒ ปี ไปในทางท่ดี ีข้นึ )
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การเจรญิ เตบิ โตตามวยั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ลาดับ จุดประสงค์ ขน้ั ตอนการจดั เวลา ที่ การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรม ดา้ นทักษะ/ ๒.๒ นักเรยี นคดิ กระบวนการ (P) ด้านรา่ งกายในเพศ ๑. วธิ ีการดแู ล หญิงช่วงอายุ ๙-๑๒ ร่างกายให้เติบโตสมวยั ๓. ขั้นปฏิบตั ิ ๓. ครูประมวลคาต ขน้ั สรปุ อธิบายเพิ่มเตมิ เร่ือ ๔. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ปฏบิ ตั ติ นดูแลรา่ งก เจตคติ คา่ นยิ ม (A) สมวยั ๑. เห็นความสาคญั ของ ๒๐ นาที ๔. ครชู แ้ี จงการทา การเจริญเติบโตของ เร่อื ง พฒั นาการด้า เพศชายและเพศห ๙-๑๒ ปี ๕ นาที ๑. ครูและนักเรียน ดงั นี้ พฒั นาการด้า การเปลย่ี นแปลงป การทางานของรา่ ง ขนึ้ ชว่ งอายุต้ังแต่
๑๕ แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ ประเมนิ การเรียนรู้ มครู กจิ กรรมนักเรยี น ดว่าพฒั นาการ ๒.๒ นักเรยี นตอบคาถาม ศชายและเพศ (แนวคาตอบ : เพศชายไหล่ ๒ มีอะไรบา้ ง กวา้ ง เสียงเรมิ่ แตก เพศหญิง เริ่มมหี นา้ อก สะโพกผาย เป็นตน้ ) ตอบและ ๓. นักเรียนฟังที่ครอู ธิบาย อง วิธกี าร เพิม่ เตมิ กายให้เตบิ โต าใบงานท่ี ๒ ๔. นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๒ านร่างกายของ เรอื่ ง พัฒนาการดา้ นร่างกาย หญิงในช่วงอายุ ของเพศชายและเพศหญิง ในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี นรว่ มกันสรปุ ๑. นกั เรยี นรว่ มสรปุ ดงั น้ี านร่างกาย คือ พัฒนาการดา้ นร่างกาย คือ ประสิทธภิ าพ การเปลีย่ นแปลงประสทิ ธภิ าพ งกายให้ดมี าก การทางานของร่างกายให้ดี ๙-๑๒ ปี มี มากขึ้น ช่วงอายตุ ้ังแต่ ๙-๑๒ ปี
๑๖ ลาดับ จุดประสงค์ ขนั้ ตอนการจดั เวลา ที่ การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กจิ กรรม รา่ งกายตนเองในช่วง การเคลอื่ นไหวท่ีดมี อายุ ๙-๑๒ ปี การเจรญิ เติบโตชา้ เมื่อเทยี บกบั ชว่ งท เปล่ียนแปลงไปสู่ล มากข้ึน และผหู้ ญิง ผู้ชายในวัยเดียวกัน
คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ ประเมนิ การเรยี นรู้ มครู กิจกรรมนักเรียน มากข้นึ อตั รา มกี ารเคลอ่ื นไหวทด่ี มี ากข้นึ าลงเล็กน้อย อตั ราการเจริญเตบิ โตชา้ ลง ท่ีผ่านมา รูปรา่ ง เล็กน้อยเม่อื เทยี บกับชว่ งที่ ลกั ษณะผใู้ หญ่ ผา่ นมา รปู รา่ งเปลย่ี นแปลง งโตเรว็ กว่า ไปสลู่ ักษณะผใู้ หญ่มากขึ้น น และผหู้ ญิงโตเร็วกว่าผชู้ ายใน วัยเดยี วกนั
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง การเจรญิ เตบิ โตตามวยั ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ๑๗ ๘. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ - สอ่ื PowerPoint เรื่อง พฒั นาการด้านรา่ งกาย - หนงั สอื เรียนสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ๙. การประเมนิ ผลรวบยอด - ชิน้ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง พฒั นาการทางดา้ นร่างกายชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี เกณฑ์การประเมินผลชน้ิ งานหรือภาระงาน ประเดน็ การประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรงุ ) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑. เนื้อหา เนอ้ื หาถกู ตอ้ ง เน้อื หาสอดคลอ้ ง เนอ้ื หาไม่คอ่ ย เน้ือหาสอดคล้อง สมบูรณ์ ครบถว้ น กบั หวั ข้อทีก่ าหนด สอดคลอ้ งกบั กบั หัวขอ้ แตข่ อ้ สอดคลอ้ งกับหวั ข้อ ให้ แตผ่ ดิ พลาด หัวขอ้ หรือเร่ือง ผดิ ตง้ั แต่ ๓ จุด ทีก่ าหนดให้ ไม่พบ ๑ จุด ทีก่ าหนด แต่ ข้ึนไป ขอ้ ผิดพลาด ผิดพลาด ๒ จุด ๒. ความสวยงาม ความสมบูรณ์ ความ ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ ความสมบูรณ์ เรียบรอ้ ยของใบงาน ความเรียบรอ้ ยของ ความเรียบร้อย ความเรียบร้อย มกี ารตกแต่งใบงาน ใบงาน มีการตกแต่ง ของใบงาน ของใบงาน เพม่ิ เติม ใบงาน มกี ารตกแตง่ ใบงานบา้ งบางสว่ น เกณฑก์ ารตดั สิน หมายถึง ดีมาก คะแนน ๗-๘ คะแนน หมายถึง ดี คะแนน ๕-๖ คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๓-๔ คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ คะแนน ๑-๒ คะแนน เกณฑ์การผ่าน ต้งั แตร่ ะดับ พอใช้
๑๘ คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (สขุ ศึกษา ป.๔) ๑๐. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการจดั การเรียนการสอน ความสาเรจ็ ปัญหาและอปุ สรรค ข้อจากดั การใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข ลงชือ่ ผ้สู อน ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดือน ๑๑. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผ้ทู ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ลงชื่อ ผู้ตรวจ ( ) พ.ศ. วนั ท่ี เดอื น
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง การเจริญเตบิ โตตามวัย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง พัฒนาการทาง หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรอ่ื ง แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒ เร รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) รหัสวิชา คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนเขียนพัฒนาการด้านร่างกายของเพศชายและเพศหญงิ วธิ ีการดแู ลร่างกาย ชือ่ ……………
๑๙ งดา้ นร่างกายช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ง การเจรญิ เติบโตตามวัย รื่อง พัฒนาการด้านรา่ งกาย า พ๑๔๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ยให้เตบิ โตสมวัย ………………………………………………………………………….……… ชน้ั ………….…..… เลขที่ ………….
๒๐ คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (สขุ ศกึ ษา ป.๔) แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง พัฒนาการดา้ นสตปิ ญั ญา หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรื่อง การเจรญิ เติบโตตามวยั เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนร้สู ุขศกึ ษาและพลศึกษา รายวิชา สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา (สขุ ศกึ ษา) ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั สาระที่ ๑ การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์ มาตรฐานการเรียนรู้ พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์ พ ๑.๑ ป.๔/๑ อธิบายการเจรญิ เติบโตและพฒั นาการของรา่ งกายและจติ ใจ ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเจริญเติบโตของร่างกายจะเปลีย่ นแปลงไปตามวัย เพศชายและเพศหญิงอายุ ๙-๑๒ ปี มีพัฒนาการใน ด้านต่าง ๆ ควบคู่กันไป พัฒนาการด้านสติปัญญาเป็นความสามารถในการจา การรู้จักคิด การใช้เหตุผลใน การแก้ปญั หาในช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี จงึ มคี วามสามารถในการคดิ และแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ได้ดีขน้ึ ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) อธิบายพัฒนาการดา้ นสติปญั ญาช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๓.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) มที กั ษะกระบวนการทางานกลุ่ม ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) เห็นความสาคญั ของเสรมิ สรา้ งพัฒนาการด้านสตปิ ัญญาในชว่ งอายุ ๙-๑๒ ปี ๔. สาระการเรียนรู้ - พฒั นาการดา้ นสติปัญญาช่วงอายุ ๙-๑๒ ปี ๕. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น - ความสามารถในการสือ่ สาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปัญหา - ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝเ่ รียนรู้ ๗. กิจกรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง การเจริญเติบโตตามวยั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ การจัดกิจกรรมการเรยี น แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๓ เร รายวชิ า สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา (สุขศกึ ษา) หน่วยการเรีย ลาดับ จุดประสงค์ ข้นั ตอนการจดั เวลา ที่ การเรียนรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กิจกรรมครู ๑. ขั้นนา ๕ ๑. ครแู ละนักเรียนรว่ มกัน นาที เร่อื ง พฒั นาการดา้ นร่างก ในชวั่ โมงทผี่ า่ นมา ๒. ครูใหน้ กั เรยี นกจิ กรรม ปฏิบัติโดยใชก้ ล้ามเนื้อมัด มดั ใหญม่ ี ๔ ทา่ ดงั น้ี ๒.๑ ใชก้ ลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ - ทา่ ท่ี ๑ ทา่ ศรี ษะกบั ทอ้ ง การใช้มือข้างขวาแตะศีรษ เบา ๆ ๑๐ ครงั้ เสร็จแล้วใ ลูบหน้าท้องเปน็ วงกลม ๑ จากนนั้ ใชท้ ้งั สองมือทาพร ๑๐ รอบ - ทา่ ท่ี ๒ ทา่ จมกู กบั หู เริ่ม การนามอื ขวาแตะท่ีปลาย
๒๑ นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ รอ่ื ง พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา ยนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การเจริญเตมิ โตตามวยั จานวน ๑ ชวั่ โมง แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ ประเมนิ กจิ กรรมนกั เรียน การเรยี นรู้ นทบทวน ๑. นกั เรยี นทบทวน เร่ือง พฒั นาการ ๑. PowerPoint กาย ทีเ่ รียน ด้านร่างกาย เรอ่ื ง พัฒนาการ ดา้ นสตปิ ัญญา เบรนยิม ๒. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเบรนยิม ดเลก็ และ ง เริ่มโดย ษะข้ึน-ลง ใช้มอื ซา้ ย ๑๐ รอบ รอ้ ม ๆ กนั มโดย ยจมกู มือ
๒๒ ลาดบั จดุ ประสงค์ ขั้นตอนการจดั เวลา ที่ การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ที่ใช้ กจิ กรรมครู ซา้ ยอ้อมดา้ นหน้าแตะที่หดู เมอ่ื ครูบอกวา่ “เปลี่ยน” ใ เปลย่ี นมอื ซ้ายมาแตะปลา ขวาแตะท่หี ูดา้ นซา้ ย ทาต ๓-๕ รอบ ๒.๒ ใชก้ ล้ามเน้ือมัดเล็ก - ท่าท่ี ๓ ทา่ โปง้ ก้อย เรมิ่ โ นิ้วโปง้ ขวา มือซ้ายชนู ว้ิ กอ้ บอกวา่ “เปล่ยี น” ให้นักเร มอื ขวาจากโป้งเปน็ กอ้ ย ม กอ้ ยเปน็ โปง้ ให้เร็วทส่ี ดุ ทา รอบ เริม่ จากชา้ ไปเร็ว - ท่าที่ ๔ ทา่ สตู้ ายไอเลฟิ ย มือขวาชูนว้ิ ชแ้ี ละนว้ิ กลาง มอื ซ้ายชูนิว้ หัวแม่มอื นว้ิ ช น้ิวก้อย เม่อื ครบู อกวา่ “เป ขวาจากสู้ตายเป็นไอเลฟิ ย ซ้ายจากไอเลิฟยูเปน็ ส้ตู าย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270