Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-15 05:58:39

Description: 64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

Search

Read the Text Version

675 661 661 แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 32 1 ความถกู ต้องของเน้ือหา   2 ความคิดสรา้ งสรรค์   3 วิธีการนาเสนอผลงาน   4 การนาไปใช้ประโยชน์   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชือ่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

676 662 662 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็   2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ ื่น   3 การทางานตามหน้าท่ีทไี่ ดร้ บั มอบหมาย   4 ความมนี ้าใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

677 663 663 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน การมี ลาดับท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนักเรียน ความ ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ บั นา้ ใจ ในการ 15 คิดเห็น มอบหมาย ปรบั ปรงุ คะแนน ผลงาน กลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

678 664 664 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทีต่ รงกับ ระดับคะแนน คณุ ลักษณะ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ รายการประเมิน 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ ามหลักศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีเ่ กี่ยวกบั สถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามทโ่ี รงเรียน จัดข้ึน 2. ซ่อื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมูลทถ่ี กู ต้องและเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบัติในสง่ิ ทถ่ี ูกต้อง 3. มวี นิ ัย 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว มี รบั ผดิ ชอบ ความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวนั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รู้จักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏบิ ตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เช่อื ฟังคาส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ 4.4 ต้งั ใจเรยี น 5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และสงิ่ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั พอเพียง 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและร้คู ุณคา่ 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มงุ่ มนั่ ในการ 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเร็จ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของห้องเรียนและ โรงเรยี น ลงช่อื .................................................. ผ้ปู ระเมนิ ............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน 679 พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ให้ 1 คะแนน 41–50 665 665 พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้ัง 30–40 ต่ากว่า 30 ระดับคณุ ภาพ พฤติกรรมท่ีปฏิบัติบางคร้งั ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

666 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ เวลา 2 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง ทักษะด้านสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 รายวชิ าเทคโนโลยี 1 ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ 1. การรวบรวมขอ้ มลู ตามกระบวนการของ ขั้นนา 1. วดี ิทศั น์ เรอื่ ง เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี 1. ครูทบทวนความรู้เร่ืองระบบทางเทคโนโลยีจากช่วั โมงทแี่ ลว้ https://www.youtube.com/watch?v=WtWf5 2. การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ B0p8rA 3. การเลือกใช้ซอฟต์แวร์หรอื บรกิ ารบน 2. ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ อินเทอร์เน็ต 3. นาเสนอวดี ทิ ัศนท์ ่ีเกี่ยวข้องกบั เทคโนโลยกี ารส่อื สารในอดีต 2. วดี ิทศั น์ เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ จุดประสงค์การเรียนรู้ ทผ่ี า่ นมา จนมาถึงปัจจุบนั และแนวโนม้ ในอนาคต https://www.youtube.com/watch?v=w_B5K ดา้ นความรู้ จากวดี ิทัศน์ เรื่อง เทคโนโลยสี ารสนเทศ hw8_wk 1. อธิบายข้ันตอนการจดั การสารสนเทศได้ https://www.youtube.com/watch?v=WtWf5B0p8rA 3. ใบความรทู้ ่ี 3.1 การจัดการสารสนเทศ อย่างถูกต้อง 2. ใชซ้ อฟต์แวรป์ ระยกุ ตช์ ่วยในการคานวณ จากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกยี่ วกบั เทคโนโลยี 4. ใบความรู้ที่ 3.2 การเลือกใช้ซอฟต์แวร์และ และจดั เรยี งข้อมูลหรือบริการบนอินเทอร์เน็ตได้ สารสนเทศ วา่ เป็นอยา่ งไร มีแนวโน้มการพัฒนาอยา่ งไรบ้าง บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต ดา้ นทักษะและกระบวนการ (แนวตอบ : ปัจจบุ ันมีแนวโน้มเป็นการนาเทคโนโลยี 5. ใบความรทู้ ี่ 3.3 การสร้างแบบฟอร์มออนไลน์ 1. มที กั ษะในการเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ในการ คอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร มาใชใ้ นการ ดว้ ย Google Form เพอื่ เก็บรวบรวมขอ้ มูล แกป้ ญั หา ประมวลผลข้อมูลมากขึ้น เป็นต้น) ภาระงาน/ช้นิ งาน 2. ทกั ษะการทางานรว่ มกัน 3. ทักษะการนาเสนองาน 4. นาเสนอวดี ิทศั น์ทีเ่ กีย่ วข้องกับข้อมูลและสารสนเทศ จาก 1. ใบงานที่ 3.1 การเก็บรวบรวมข้อมลู วีดทิ ัศน์ เร่อื ง ข้อมูลและสารสนเทศ 2. ใบงานท่ี 3.2 การเลือกใช้ซอฟต์แวรแ์ ละบรกิ าร https://www.youtube.com/watch?v=w_B5Khw8_wk 680 666

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 667 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ ส่ือและเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง ด้านคุณลักษณะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 1. ความซือ่ สตั ย์สุจรติ จากนั้นครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกบั การจัดการ บนอนิ เทอร์เนต็ 2. มีวินัย ข้อมูลและสารสนเทศ วา่ มีขน้ั ตอนอย่างไรบ้าง (แนวตอบ : 3. ใฝ่เรียนรู้ ปจั จุบันการจัดการสารสนเทศมีขน้ั ตอนดงั นี้ 1.การเก็บรวบรวม 4. มุ่งม่นั ในการทางาน ข้อมลู 2.การตรวจสอบขอ้ มูล 3.การรวบรวมแฟ้มข้อมลู 5. มีจิตสาธารณะ 4.การจดั เรียงข้อมูล 5.การคานวณ) 5. ครูร่วมกับนักเรียนอภิปราย เร่ืองการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ว่า ถ้านักเรยี นต้องการเกบ็ ข้อมลู ทว่ั ไปของนกั เรยี นในช้ันเรยี น นกั เรยี นจะมีขัน้ ตอนการดาเนินการอยา่ งไร โดยใหน้ ักเรียนแสดง ความคดิ เหน็ อยา่ งอสิ ระ 6. ครูอธบิ ายให้นกั เรียนเข้าใจว่า ขนั้ ตอนการดาเนนิ การเกบ็ ข้อมูลท่วั ไปของนกั เรียนในช้ันเรียน เป็นการจดั การสารสนเทศ ทีต่ อ้ งมขี น้ั ตอนดาเนนิ การ และในปจั จุบันเราสามารถนา เทคโนโลยมี าประยุกตใ์ ชช้ ว่ ยในการจดั การเกบ็ ข้อมลู และ ประมวลผลขอ้ มูลได้ ขน้ั สอน 1. นกั เรยี นศึกษาเร่ือง การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ จากใบความรู้ที่ 3.1 การจัดการสารสนเทศ และศึกษาการ 681 667

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่ือง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ 668 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เรื่อง ทักษะด้านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี 1 เวลา 2 ชวั่ โมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 รวบรวมข้อมูลตามกระบวนการของเทคโนโลยี ในปัญหาตวั อย่าง (ยกตัวอยา่ งเพิ่ม เชน่ การสารวจข้อมลู ผ้มู ีรายไดน้ อ้ ย บตั ร 300, 500) ท่ีครตู ั้งขึน้ ประมาณ 10 นาที ครูและนักเรยี นรว่ มอภปิ ราย จากเนือ้ หาท่นี กั เรยี นศกึ ษา 2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม แตล่ ะกลุ่มร่วม ปฏิบตั ิใบ ใงบางนาทนี่ ท3.ี่ 13.เ1รือ่ เรง่อื กงากรเากร็บเกรบ็วบรวรบวมรขวม้อมขูลอ้ ม(1ลู 0(1น0านทาี)ท)ี 3. นกั เรยี นร่วมกนั นาเสนอ ใบงานที่ 3.1 เรอ่ื ง การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามลาดบั กลุ่ม จากนั้นครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ประเด็นเสนอแนะ พร้อมกับประเมินชน้ิ งานทสี่ มบูรณ์ท่สี ุด แล้วกล่าวชมเชย 4. ครูนาอภปิ รายเก่ยี วกับการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลในปจั จุบัน และแนวโน้มในอนาคตว่ามีการพัฒนาไปอยา่ งไร พรอ้ มกบั เปดิ โอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเหน็ อย่างอสิ ระ 5. ครูและนกั เรยี นกลุ่มเดิมร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกบั ซอฟตแ์ วร์ บนอนิ เทอร์เนต็ ทีส่ ามารถเก็บขอ้ มลู แบบออนไลน์ได้ โดยศึกษา ใบความร้ทู ี่ 3.2 เร่ือง การเลือกใชซ้ อฟตแ์ วรแ์ ละบริการบน อนิ เทอรเ์ น็ต และใบความรทู้ ่ี 3.3 เรอ่ื ง การสร้างแบบฟอร์ม ออนไลน์ดว้ ย Google Form เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล 682 668

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ 669 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เรื่อง ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี 1 เวลา 2 ชัว่ โมง ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 6. นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายกลุ่มแลกเปล่ยี นประสบการณ์ เร่อื ง การใช้ซอฟต์แวร์หรอื บริการบนอินเทอร์เน็ตในการรวบรวม ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมินผล นาเสนอ 7. สมาชกิ แต่ละกลุ่มรว่ มกันทาใบงานที่ 3.2 เรื่อง การเลือกใช้ ซอฟต์แวร์หรือบรกิ ารบนอินเทอร์เนต็ ในการรวบรวมประมวลผล สรา้ งทางเลือก ประเมินผล นาเสนอ โดยร่วมกนั แสดง ความคดิ เหน็ ภายในกลุม่ และคน้ ควา้ จากอนิ เทอร์เน็ต 8. แต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนนาเสนอหนา้ ช้ันเรียน โดยครู ตรวจสอบความถูกตอ้ งและอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ในส่วนทีบ่ กพร่อง ข้นั สรุป ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ และทบทวนหัวข้อท่ี ศกึ ษา โดยครตู ั้งคาถามในหวั ขอ้ ดงั น้ี 1. ขัน้ ตอนการจัดการสารสนเทศ มอี ะไรบ้าง 2. ถา้ ต้องการสารวบความพึงพอใจเกย่ี วกบั การจดั กิจกรรม กีฬาภายในของเพ่ือนในห้องควรจะใชก้ ารเกบ็ ขอ้ มูลแบบใด เพราะเหตุใด (แนวคาตอบ จากใบงานที่ทา) 683 669

684 670 670 การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงทต่ี ้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ 1) ด้านความรู้ความเขา้ ใจ ประเมินคาตอบจาก 1. ใบงานที่ 3.1 - นักเรียนผา่ นเกณฑ์ไมต่ ่ากวา่ (Content Understanding) ใบงาน การเก็บรวบรวม ร้อยละ 70 ในประเด็นดังตอ่ ไปน้ี 1. ใบงานท่ี 3.1 ขอ้ มูล การเก็บรวบรวม 2. ใบงานที่ 3.2 1. อธิบายข้ันตอนการจัดการ ข้อมูล การเลือกใช้ สารสนเทศได้อยา่ งถกู ต้อง 2. ใบงานท่ี 3.2 การ ซอฟตแ์ วรแ์ ละ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ บรกิ าร บน 2. ใช้ซอฟต์แวรป์ ระยุกตช์ ่วยในการ และบรกิ าร บน อนิ เทอร์เนต็ อนิ เทอร์เน็ต คานวณและจัดเรียงข้อมลู หรือ บริการบนอนิ เทอร์เน็ตได้ 2) ดา้ นทักษะและกระบวนการ 1. สงั เกตพฤติกรรม 11..แแบบบบปปรระะเเมมนิ ินผผลล นักเรยี นผ่านเกณฑไ์ มต่ ่ากว่าร้อย (Skills/Processes/Competencies) การเรยี นรแู้ ละ ททักักษษะการท�ำางาน ลระอ้ ย7ล0ะ 70 1. มที กั ษะในการเลือกใชซ้ อฟแวรใ์ น นาเสนองานของ รร่ว่วมมกกนั การแกป้ ัญหา นกั เรยี น 22..แแบบบบปปรระะเเมมินนิ 2. ทักษะการทางานร่วมกัน 2. ส มัสภัมาภษาณษณ์ ์ ททกั ักษษะการน�ำาเสนอ 3. ส อสบอถบาถมาม 3. ทกั ษะการนาเสนองาน งงาานน 353..แแบบบบปปรระะเเมมินิน ททักกั ษษะในการน�ำ เนสานเอสงนาอนงาน 3) ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1.สสงั งัเกเกตตพพฤฤตตกิ ิกรรรมม 1.แแบบบบปปรระะเมเมินิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์ไมต่ า่ กว่าร้อย (Desired Characteristics) ด้านคณุ ลักษณะ ลระอ้ ย7ล0ะ 70 1. ความซือ่ สัตย์สุจรติ อันพึงประสงค์ 2. มวี นิ ัย 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มุง่ มน่ั ในการทางาน 5. มจี ิตสาธารณะ

671 685 671 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ.........

686 672 672 ใบความรู้ที่ 3.1 เรือ่ ง การจัดการสารสนเทศ หน่วยท่ี 1 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ รายวิชราายเทวิชคาโนเโทลคยโีน1โลรยหี1สั วริชหาัส ว21103 ภาคเรยี นที่ 11 ชช้นั ้นั มมัธัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทที ี่ 1ี่ 1 จุดประสงค์ อธบิ ายข้ันตอนการจดั การสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- การจัดการสารสนเทศประกอบด้วย ข้นั ตอนหลกั ในการทางานหลายอยา่ ง ซ่งึ สามารถเปน็ ไปตามวัฏจักร การประมวลผลสารสนเทศ (information processing cycle) ดังน้ี นำเข้ำ ข้อมลู แสดงผล ประมวลผล เกบ็ รักษำ วฏัฎจักรการประมวลผลสารสนเทศ 2.2.1 การนาเข้าขอ้ มลู ประกอบดว้ ยขน้ั ตอน การรวบรวม การตรวจสอบ และจดั เตรียมขอ้ มลู ใหถ้ ูกต้อง สมบรู ณ์ และเหมาะสม การนาเข้าขอ้ มลู ประกอบด้วย 1) การรวบรวมข้อมลู การรวบรวมข้อมลู อาจเป็นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งกาเนิดข้อมูลโดยใช้วิธีสังเกตหรือสอบถาม เช่น ข้อมูลคะแนนสอบจากสมุดประจาตัวนักเรียน ใบฝากหรือถอนเงิน ข้อมูลจากการอ่านบาร์โค้ดของสินค้า หรือ รวบรวมข้อมูลจากข้อมลู ท่มี อี ยแู่ ล้ว เชน่ ข้อมลู ในวารสาร และรายงานการวจิ ยั

687 673 673 2) การตรวจสอบข้อมลู เมื่อมีการรวบรวมข้อมลู แลว้ จาเป็นตอ้ งมีการตรวจสอบข้อมูลเพอ่ื ความถูกต้อง ข้อมลู ที่เกบ็ เขา้ ระบบ ต้องมีความน่าเชอ่ื ถอื หากข้อมูลมีความผิดพลาด จะทาให้ผลลัพธจ์ ากการประมวลผลผดิ พลาดไปดว้ ย หากตรวจพบ ต้องทาการแกไ้ ข 3) การเตรยี มข้อมลู ขอ้ มูลที่มีการรวบรวมมาน้ัน อาจมีหลากหลายรูปแบบท่ีแตกต่างกันไป ทาให้การนาไปประมวลผลอาจ เกิดความผิดพลาดได้ ดังน้ันจึงควรมีการเตรียมข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบเดียวกันเพ่ือความสะดวกในการประมวลผล และให้ไดผ้ ลลัพธ์ทีถ่ ูกต้อง 2.2.2 การประมวลผลขอ้ มูล การประมวลผลข้อมูล คือ การดาเนินการตา่ งๆ กบั ข้อมูลเพอ่ื ให้ได้ผลลัพธท์ ่ีมีความหมายและมีประโยชน์ ตอ่ การนาไปใชง้ านมากยง่ิ ขึ้น ผลลัพธ์ท่ีไดจ้ ากการประมวลผลข้อมูล เรยี กวา่ สารสนเทศ ซง่ึ อาจอยู่ในรปู ของแบบฟอร์มหรือรายงานที่ สะดวกตอ่ การนาไปใช้ หรอื ยู่ในรูปแบบอเิ ล็กทรอนิกสท์ จี่ ัดเก็บอยใู่ นส่ือบนั ทึก เพื่อนาไปประมวลผลในอนาคตตอ่ ไป ในบางครง้ั เราจะพบวา่ มีการใชค้ าวา่ การประมวลผลสารสนเทศ แทนคาวา่ การประมวลผลขอ้ มลู ซึ่งมีความหมาย ท่ีไม่แตกตา่ งกนั วธิ กี ารประมวลผลข้อมลู ประกอบด้วยการทางานลกั ษณะต่างๆ ดงั นี้ 1) การจัดกลุ่มหรือจาแนกประเภท เป็นการจัดข้อมูลท่ีมีลักษณะหรือคุณสมบัติคล้ายคลึงกันไว้กลุ่ม เดียวกันเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการประมวลผล เช่น การจาแนกรายช่ือนักเรียนตามระดับช้ัน การจาแนกรายการเบิก-จ่ายเงินในบัญชีธนาคารตามประเภทของการฝาก การจัดกลุ่ม หรือจาแนกประเภทข้อมูลมี ประโยชน์ในการจดั เกบ็ ค้นหา หรอื จดั สง่ ขอ้ มลู ไปยงั ส่วนท่เี ก่ียวข้อง 2) การเรียงลาดับ เปน็ การจัดเรียงข้อมูลตัวเลขหรือตวั อักษรตามลาดับท่ีต้องการเพ่ือให้เรียกใช้งานได้ ง่าย การเรียงอาจเรียงจากมากไปหาน้อยหรือจากน้อยไปหามาก เช่น จัดเรียงเลขประจาตัวตามลาดับรายช่ือ นักเรียน จัดเรียงรายการเบิก-จ่ายเงินในบัญชีธนาคารตามวันท่ีของรายการเบิก-จ่าย จากอดีตมาถึงปัจจุบัน การจัดเรยี งข้อมลู ชว่ ยให้สามารถเรยี กใชห้ รือค้นหาขอ้ มลู ทาได้ง่าย สะดวก และประหยัดเวลา 3) การคานวณ ข้อมูลที่จัดเก็บมีท้ังข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ ข้อความ และตัวเลข ดังนั้นอาจมีความ จาเป็นต้องมีการคานวณข้อมูลท่ีได้มาเพ่ือหาผลลัพธ์แล้วนามาใช้ตามความต้องการ เช่น คานวณหาคะแนนเฉล่ีย จากคะแนนสอบกลางภาคของนกั เรยี นท้ังหมด คานวณหาดอกเบี้ยและภาษีของยอดเงนิ ฝากประจา คานวณวันและ เวลาที่จะเกดิ สรุ ยิ ปุ ราคาเตม็ ดวง 4) การค้นคืน เป็นการเรียกใช้ข้อมูลเฉพาะกลุ่มข้อมูลที่สนใจ เช่น คะแนนสอบของนักเรียนท่ีมีเลข ประจาตวั 40041113 คะแนนเฉลยี่ นักเรียนทเ่ี กิน 3.80

688 674 674 5) การรวมข้อมูล เป็นการรวมข้อมูลต้ังแต่ 2 ชุดเข้าด้วยกันอย่างมีลาดับ เช่น ข้อมูลนักเรียนเก่ากับ นักเรียนทเ่ี ขา้ เรยี นใหม่ ขอ้ มูลลกู ค้าในสาขาต่างๆ ของธนาคาร 6) วิเคราะห์แนวโน้ม เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือหาแนวโน้ม ทิศทางความเป็นไปของข้อมูลท่ีจะ เกิดข้นึ ในอนาคตตอ่ ไป เช่น การพยากรณอ์ ากาศ การพยากรณก์ ารเงนิ ตลาดหลักทรัพย์ 7) การสรปุ เป็นการรวบรวมเฉพาะใจความสาคัญของข้อมูลในรูปแบบท่กี ะทัดรดั เพื่อให้สะดวกต่อการ ทาความเข้าใจหรือนามาวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ เช่น สรุปจานวนนักเรียนที่สอบผ่าน สรุปจานวนลูกค้าที่เปิดบัญชี เพมิ่ ในเดอื นกมุ ภาพันธ์ ในการประมวลผลนัน้ ถ้าขอ้ มลู มจี านวนไม่มากและใชใ้ นงานขนาดเลก็ การประมวลผลกส็ ามารถทาด้วยมือ ได้ แต่ถ้าในงานขนาดใหญ่ มีข้อมูลมากข้ึน จะมีการนาเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นอุปกรณ์เพ่ืออานวย ความสะดวกในการทางานและช่วยใหป้ ระหยัดค่าใช้จา่ ย 2.2.3 การเก็บรกั ษาข้อมลู เพ่ือเก็บบนั ทึกผลลัพธบ์ างส่วนท่ียงั ไม่ต้องการนาไปใช้งาน ในขณะนนั้ ลงสสู่ ่อื บนั ทึกข้อมูล ตลอดจน ปรับปรงุ ข้อมูลให้มคี วามทนั สมัยอยูเ่ สมอ การเกบ็ รักษาข้อมูลทีด่ จี ะต้องคานึงถึงวิธีการนาขอ้ มูลทเ่ี ก็บรักษามาใช้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ การเก็บรักษาข้อมลู มีดังน้ี 1. การจดั เก็บขอ้ มลู ขอ้ มลู ทม่ี ีการสารวจ รวบรวม หรือประมวลผลให้เป็นสารสนเทศ จาเปน็ ต้องดาเนินการจดั เกบ็ ไว้เพ่ือใช้ใน ภายหลัง การจัดเกบ็ สมัยใหม่มักเปลยี่ นข้อมลู ให้อยู่ในรปู แบบทส่ี ามารถจดั เก็บในส่ืออิเล็กทรอนิกส์ เชน่ ฮารด์ ดิสก์ แผ่นซดี ี แผน่ ดีวีดี และหนว่ ยความจาแบบแฟลช 2. การสาเนาขอ้ มูล การจัดทาสาเนาข้อมลู จากชดุ เดมิ เพ่ือปอ้ งกนั การสูญหายหรือเสยี หายทอ่ี าจเกดิ ขึ้นกบั ขอ้ มูล และเมื่อมี ข้อมลู ที่จัดเก็บในสื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส์ตา่ งๆ การทาสาเนาจะทาได้งา่ ย และทาไดเ้ ป็นจานวนมาก อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ทาสาเนา เชน่ เครื่องพิมพ์ เครือ่ งถ่ายเอกสาร สื่อบันทกึ เชน่ แผ่นบันทกึ แผน่ ซดี ี และแผน่ ดวี ดี ี 3. การปรบั ปรุงข้อมลู การปรับปรงุ เปล่ียนแปลงข้อมลู ใหม้ คี วามทนั สมยั สอดคลอ้ งกบั เหตุการณ์และเวลาทีเ่ ปลียนแปลงไป เชน่ การเปลีย่ นทอ่ี ยู่หรือหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า การเปล่ยี นอัตราท่ใี ช้คานวณดอกเบีย้ หรือภาษี สาหรับเงนิ ฝากประจา 2.2.4 การแสดงผล การแสดงผล คือ การจัดรูปแบบของสารสนเทศที่เป็นผลลัพธ์จากการประมวลผลให้อยู่ในรูปแบบของ รายงาน ตาราง แบบฟอร์ม แผนภูมิ ฯลฯ เพ่ือให้สะดวกในการศึกษา ง่ายต่อการทาความเข้าใจและสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ของปัญหาการแสดงผลลัพธ์ มีท้ังท่ีเป็นข้อความ ภาพ เสียง วีดิทศั น์ เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี มาช่วยในการแสดงผลลัพธ์ เช่น การไฟฟ้าใช้เครื่องพิมพ์แสดงค่าไฟฟ้าประจาเดือน ห้างสรรพสินค้าให้เคร่ืองพิมพ์

689 675 675 แสดงรายการและราคาสินค้า การตรวจขอ้ สอบใช้เครื่องพมิ พแ์ สดงคะแนนทไ่ี ด้จากการตรวจ โรงเรยี นใช้เครือ่ งพมิ พ์ ทาสรุปรายงานคะแนนเฉล่ียแต่ละภาคเรียน ในปัจจุบันได้นาการสื่อสารข้อมูลมาใช้กับการจัดการสารสนเทศ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและ สารสนเทศระหว่างกันได้ ซึ่งจะส่งข้อมูลจากท่ีหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งหรือกระจายออกไปยังปลายทางจานวนมากได้ อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตส่งอีเมล์ หรือสนทนาผ่านเครือข่ายการใช้โทรศัพท์เคลื่อนท่ีฟังวิทยุหรือดู โทรทัศน์

676 690 676 ใบความรู้ที่ 3.2 เรือ่ ง การเลือกใช้ซอฟต์แวร์และบริการบนอนิ เทอร์เน็ต หน่วยท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 3 เรือ่ ง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ รายวิชราายเทวิชคาโนเโทลคยโีน1โลรยหี1สั วรชิหาสั ว21103 ภาคเรียนท่ี 11 ชชนั้ น้ั มมธั ัธยยมมศศกึ ึกษษาาปปที ีท่ี 1ี่ 1 จดุ ประสงค์ ใชซ้ อฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ช่วยในการคานวณและเรยี งข้อมูลหรือบริการบนอนิ เทตอรเ์ น็ตได้ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- การเลอื กใชซ้ อฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์มีหลายประเภทด้วยกัน ดังน้ันการเลือกใช้ซอฟต์แวร์จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสม ข้อควร พจิ ารณาในการเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ เช่น 1.การเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์ใหเ้ หมาะสมกบั งาน การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับงานต้องพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการนาซอฟต์แวร์ไปใช้งาน เพื่อจะได้ซอฟต์แวร์ท่ีตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด และเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก การทางานของซอฟต์แวร์ เช่น ในการจัดทาบัญชีและแสดงข้อมูลกราฟ ควรใช้ซอฟต์แวร์ตารางทางาน โดยเฉพาะ เพ่อื ให้การทาบญั ชเี กิดความสะดวกและรวดเร็ว 2.การเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับทรัพยากร การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับทรัพยากรหรือฮาร์ดแวร์ท่ีมีอยู่ ต้องพิจารณาคณุณลลักกษณะขัน้ ตา่ํ ของคอมพิวเตอร์ที่จาเป็นต้องมี เพื่อให้สามารถประมวลผลซอฟตแ์ วรน์ ั้นได้ โดยคอมพวิ เตอร์ทตี่ ิดตง้ั ซอฟตแ์ วร์ จะต้องมีคุณลักษณะไม่ต่าไปกว่าท่ีผู้ผลิตซอฟต์แวร์กาหนดไว้ คุณลักษณะในการพิจารณา เช่น ความเร็วของ ซีพียู ความจขุ องแรม ความละเอียดของการด์ แสดงผล 3.การเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ใหเ้ หมาะสมกบั งบประมาณ หากมีงบประมาณไม่เพียงพอ อาจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่ราคาต่ากว่าหรือไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่มี ประสทิ ธภิ าพใกลเ้ คียงกนั เช่น การใชซ้ อฟต์แวรแ์ บบรหสั เปดิ แทนซอฟตแ์ วร์ท่ีมีราคาแพง 4.การเลือกใชซ้ อฟต์แวร์โดยไม่ละเมิดลิขสิทธ์ิ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีผู้ผลิตซอฟต์แวร์ต่าง ๆ อย่างต่อเน่ือง ถ้าต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธ์ิต้อง จัดซ้อื ให้ถกู ตอ้ งตามกฎหมาย ซอฟต์แวร์อาจสามารถหาซ้ือได้จากร้านค้าท่ีขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ โดยมักจะอยู่ ในรูปของแผ่นซีดี หรือแผ่นดีวีดีที่บรรจุโปรแกรม หรืออาจดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ท่ีต้องการจากอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะได้ซอฟต์แวร์มาด้วยวิธีไหนก็ตาม ซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะต้องถูกติดต้ังลงในคอมพิวเตอร์เสียก่อน จึงจะ สามารถเรยี กใช้เพ่อื ให้ประมวลผลตามหนา้ ทีข่ องซอฟต์แวร์นั้น ๆ ได้ ซอฟตแ์ วร์แต่ละประเภทจะมกี ารปรับปรุงรนุ่งขขอองงซซออฟฟตต์แ์แววรร์ใใ์หหเ้ ปเ้ ป็นน็ ปปัจจั จจบุ บุ ันนั เสเสมมออโดโดยยมมีกกีาราปรปรบัรบัปปรุงรใงุ นใน หลาย ๆ ด้าน เช่น การเพิ่มฟังก์ชันหรือความสามารถใหม่ การปรับปรุงส่วนติดต่อกับผู้ใช้ การแก้ปัญหา ข้อผิดพลาดท่ีมีในรุ่นก่อนหน้า ดังน้ันผู้ใช้จึงควรพิจารณาว่าสมควรจะปรับปรุงรุ่นงขของซอฟตแ์ วร์หหรรอื ือไไมม่ ่ โดยพจิ ารณาจากความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์และความตอ้ งการนาไปใชง้ านใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ

691 677 677 ใบความรู้ท่ี 3.3 เรื่อง การสรา้ งแบบฟอร์มออนไลนด์ ว้ ย Google Form เพือ่ เก็บรวบรวมข้อมูล หน่วยท่ี 1 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 เรื่อง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ รายรวาชิ ยาวิชเทาคเโทนคโโลนยโีล1ยี1รหรสั หวัสชิ วา2ว12110130ภ3าภคาเรคยี เนรยีทน่ี 1ท่ีช1น้ั มชัธ้นยมมธั ศยกึมษศาึกปษีทา่ีป1ที ี่ 1 จุดประสงค์ ใช้ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ชว่ ยในการคานวณและเรียงขอ้ มูลหรือบรกิ ารบนอนิ เตอร์เน็ตได้ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เข้าไปทเ่ี วบ็ ไซต์ www.google.com แลว้ คลกิ ปมุ่ ลงชอื่ เขา้ ส่รู ะบบ ที่อย่มู ุมบนดา้ นขวาของหน้าจอ 1 2 กรอกอีเมล์ ของ gmail ลงไปในช่อง อเี มล์ เสรจ็ แลว้ กดปุ่ม ถัดไป ท่ี มุมด้านล่างขวา 3

692 678 678 4 กรอกรหัสผา่ น ลงไปในช่อง ปอ้ นรหสั ผ่าน เสรจ็ แลว้ กดปุ่ม ถดั ไป 5 จากนั้นจะกลบั มาท่ีหนา้ หลักของ Google แต่จะสังเกตได้วา่ เขา้ สู่ระบบแลว้ โดยดูท่ีมุมบนขวาของหน้าจอ จะ ปรากฏภาพ หรือ สัญลักษณ์รูปเงาคน 6 จากนนั้ คลิกท่ีปมุ่ กูเกิล้ แอป จะมกี ล่องเร่ืองมือแอปตา่ ง ๆ ปรากฏลงมาดา้ นล่าง ให้คลกิ ทีป่ ุ่ม 7

693 679 679 679 679 จากน้นั จาะกมนา้ันหจนะ้ามหาลหักนข้าอหงลักGขoอoงgleGoDorigvlee Dใหri้คveลิกทใหปี่ ค้ ุ่มลิกใหทมปี่ ุ่ม ใหม่ จะปรากจฏะปเครราื่อกงฏมเือคมร่อืางมดือังมภาพดงั ภาพ ด้านลา่ งดา้ นลา่ ง 88 99 จากนนั้ จคากลนิกทัน้ ่ี เคมลนิกู ทเ่ีพเมิ่มนเตู ิมเพ่ิมจเตะปิมรากจฏะปดรังภากาฏพดงั้าภนาลพา่ งด้านใหล้ค่าลงกิ ทใหเ่ี มค้ นลกิู ทG่เี oมoนgู leGoฟoอgรleม์ ฟอร์ม 10 10

680 694 จะได้หน้าจอหลกั ของ Google ฟอรม์ ในส่วนของการสรา้ งฟอร์ม มรี ายละเอยี ดการกรอกข้อมลู ดังภาพ 680 ประเภทของคาถามมี 9 ประเภท ซงึ่ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมดังนี้ 1. คาตอบสนั้ ๆ คือ คาถามให้ตอบเปน็ ข้อความแบบส้ันๆ 2. ยอ่ หน้า (Paragraph text) คอื คาถามให้ตอบเปน็ คาบรรยายยาว 3. หลายตัวเลอื ก (Multiple choice) คอื คาถามใหเ้ ลือกไดเ้ พยี งคาตอบเดียว 4. ช่องทาเคร่ืองหมาย (Checkboxs) คอื คาถามให้เลือกได้หลายคาตอบ 5. เล่ือนลง คือ คาถามแบบเลอื่ นลงเพื่อเลอื กมีรายการคาตอบให้เลอื กเพียงคาตอบเดียว 6. อปั โหลดไฟล์ คอื คาถาม ที่ให้อัปโหลดไฟลส์ ง่ 7. สเกลเชงิ เส้น (Scale) คอื คาถามใหต้ อบเป็นมาตราส่วนประมาณค่า เป็นรายข้อ โดยจะใหผ้ ู้ตอบ เรยี งให้คะแนนจากมากไปหานอ้ ยหรอื จากนอ้ ยไปหามาก 8. ตารางตวั เลือกหลายข้อ คือคาถามให้เลือกเป็นมาตราส่วนประมาณคา่ สามารถสรา้ งทลี ะหลายข้อ หรอื รายชุดทมี่ ลี กั ษณะแบบสอบเหมือนกนั ได้ โดยเลอื กตอบได้ 1 ตวั เลอื ก 7. ตารางกริดชอ่ งทาเครื่องหมาย คือ คาถามให้เลอื กเป็นมาตราส่วนประมาณคา่ สามารถสร้างทลี ะ หลายข้อหรอื รายชุดที่มลี ักษณะแบบสอบเหมือนกนั ได้ โดยเลอื กตอบได้มากกว่า 1 ตวั เลอื ก 8. วันที่ (Date) คือ คาถามให้ระบวุ นั ท่ี และเวลา 9. เวลา (Time) คอื คาถามให้ระบุเวลา

681 695 681 ตัวอยา่ งการสร้างแบบสอบถาม การสร้างคาถามประเภท ข้อความ กรอกข้อมลู ชอื่ แบบสอบถาม จากน้ันในคาถามข้อแรก ใส่คาถาม และเลือกประเภทของคาถาม ใน ทนี่ ้ีเลอื กเป็นประเภท คาตอบสัน้ ๆ เสรจ็ แลว้ คลกิ ปมุ่ เพื่อเพิ่มคาถามข้อต่อไป จะได้คาถามข้อทีส่ อง ขอ้ น้ีจะถามเพศ ของผ้ตู อบ จะใช้ประเภทของคาถาม เปน็ หลายตัวเลือก ดังภาพ จากนน้ั คลกิ ปุ่ม เพือ่ เพ่ิมคาถามข้อต่อไป ข้อนี้จะถามวันเดอื นปเี กิด ของผตู้ อบ จะใช้ประเภทคาถาม เป็น วันท่ี จากน้ันเลื่อนหน้าจอขึ้นมาดา้ นบน คลิกทปี่ ่มุ รปู ดวงตา เพอื่ แสดงภาพตวั อย่าง

696 682 682 จะได้แบบสอบถามเพอ่ื เก็บข้อมูลดังภาพ การดผู ลตอบกลับ หลังจากมีคนตอบแล้วใหเ้ ราเขา้ ไปที่ หนา้ จอของแบบทดสอบในฐานะผู้สรา้ ง ตรงด้านบนของหวั ข้อ แบบสอบถามจะปรากฏหวั ข้อการตอบกลับ พร้อมกับจานวนขอ้ มลู ที่ตอบกลบั ให้คลกิ ท่ี เมนู การตอบกลับ จะแสดงข้อมลู ของผูต้ อบกลบั พร้อมกบั ทาการประมวลผลข้อมลู ที่ไดใ้ ห้ ดงั ภาพดา้ นล่าง

697 683 683 ใบงานที่ 3.1 เรื่อง การจัดการสารสนเทศ หนว่ ยที่ 1 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 3 เรื่อง การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ รายวิชรายเวทชิ คาโนเทโลคยโนี 1โลรยหี1ัสรวหิชสั า วว2211110033ภภาาคคเรเรียยี นนทที่ 1ี่ 1ชช้ัน้นัมมธั ยัธมยศมกึศษกึ ษาปาทีปี่ท1่ี 1 จดุ ประสงค์ อธบิ ายขน้ั ตอนการจัดการสารสนเทศได้อยา่ งถกู ต้อง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สมาชกิ ในกลุ่ม 1.ช่อื -สกุล.................................................................................เลขท.ี่ ............ 2.ช่ือ-สกุล.................................................................................เลขที่............. 3.ช่ือ-สกุล.................................................................................เลขที่............. 4.ชื่อ-สกุล.................................................................................เลขท.ี่ ............ 5.ชอ่ื -สกลุ .................................................................................เลขที่............. 1. ให้นกั เรยี นแสดงความเห็นว่า หากตอ้ งการเกบ็ ขอ้ มูลทว่ั ไปของเพ่ือนในหอ้ ง ควรมหี ัวข้ออะไรบา้ ง แล้วสรปุ ใหเ้ หลือไม่เกิน 8 หวั ข้อ เขยี นลงในแถวท่ี 1 ของตาราง 2. ใหน้ ักเรยี นสารวจข้อมูลจากเพื่อนในกลุ่ม เขียนข้อมูลท่ีไดล้ งในตารางที่ออกแบบในข้อ 1 3. พิจารณาข้อมลู นกั เรียนที่เก็บรวบรวมในขอ้ 2 ว่าขอ้ มลู ใดสามารถนามาประมวลผลได้บา้ ง และใช้วธิ ีใดใน การประมวลผลพร้อมบอกเหตผุ ล หัวข้อข้อมูล การประมวลผล อน่ื ๆ ได้ เพราะ ไม่ได้ เพราะ 4. ใหน้ กั เรียนนาข้อมลู ที่ไดไ้ ปกรอกลงในตาราง โปรแกรมตารางทางาน ทาการประมวลผล (หาค่าเฉล่ยี ค่าสงู สุด คา่ ตา่ สุด ค่ามัธยฐาน ฐานนยิ ม) เพ่ือจัดกลมุ่ และวเิ คราะหแ์ นวโน้ม 5. นาเสนอข้อมลู ในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ กราฟ อนิ โฟกราฟฟกิ ิค ฯลฯ

684 698 684 ใบงานที่ 3.2 เร่อื ง การเลือกใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบรกิ ารบนอินเทอร์เนต็ หน่วยท่ี 1 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ รายรวายิชวาิชเาทคเทโนคโนลโยลี 1ยี1รหรหัสัสวิชวา21ว1201310ภ3าคภเารคยี เนรทยี ่ีน1ทชี่ 1ัน้ มชธั ัน้ ยมมัธศยกึ มษศาึกปษีทา่ี ป1ที ่ี 1 จดุ ประสงค์ ใช้ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ชว่ ยในการคานวณและจัดเรียงข้อมูลหรือบรกิ ารบนอนิ เทตอรเ์ น็ตได้ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สมาชิกในกลุ่ม 1.ช่อื -สกุล.................................................................................เลขท.ี่ ............ 2.ชือ่ -สกลุ .................................................................................เลขท.ี่ ............ 3.ชื่อ-สกุล.................................................................................เลขที่............. 4.ชอื่ -สกุล.................................................................................เลขท.ี่ ............ 5.ช่อื -สกลุ .................................................................................เลขท.่ี ............ หากกลมุ่ ของนักเรยี นไดร้ ับมอบหมายให้ทาการสารวจขอ้ มูลความตอ้ งการของนักเรียนในการจดั ทา เสอื้ กีฬาภายใน นกั เรียนจะต้องทาการสารวจขอ้ มลู อะไรบ้าง และจะเลอื กใช้ซอฟต์แวร์ เครอ่ื งมือ หรือ บริการใดบนอนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวม และจัดการประมวลผลขอ้ มลู นาเสนอขอ้ มูลท่ไี ด้ ให้ อธิบายอย่างละเอยี ด ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................

685 699 685 เฉลยใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง การจดั การสารสนเทศ หนว่ ยท่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ รายวริชาายวเิชทาคโเนทโคลโยนีโ1ลยรี1หสัรวหชิัสาวว221110033ภภาคาคเรเียรนียนที่ท1่ี 1ช้ันชม้นั ัธมยัธมยศมกึ ศษึกาษปาที ป่ี ที1ี่ 1 จดุ ประสงค์ อธบิ ายขั้นตอนการจัดการสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง 1. ใหน้ ักเรียนแสดงความเหน็ ว่า หากตอ้ งการเกบ็ ข้อมูลทัว่ ไปของเพ่ือนในห้อง ควรมีหวั ข้ออะไรบา้ ง แล้วสรปุ ให้เหลอื ไม่เกิน 8 หวั ข้อ เขียนลงในแถวที่ 1 ของตาราง แนวคาตอบ เลขท่ี ชอื่ – สกลุ ชอ่ื เลน่ น้าหนัก สว่ นสงู วนั เดือนปีเกิด เกรดเฉลยี่ หอ้ ง 2. ให้นกั เรยี นสารวจขอ้ มลู จากเพื่อนในกลุ่ม เขียนข้อมลู ที่ไดล้ งในตารางท่ีออกแบบในข้อ 1 แนวคาตอบ กรอกขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการสารวจลงในช่อง 3. พจิ ารณาข้อมูลนกั เรียนที่เกบ็ รวบรวมในข้อ 2 ว่าข้อมลู ใดสามารถนามาประมวลผลได้บ้าง และใชว้ ิธีใดใน การประมวลผลพร้อมบอกเหตผุ ล แนวคาตอบ หัวข้อข้อมูล การประมวลผล อืน่ ๆ ได้ เพราะ ไมไ่ ด้ เพราะ เลขท่ี สามารถใชก้ ารเรยี งลาดับตัวเลขได้ ชือ่ – สกุล สามารถใชก้ ารเรียงลาดับอักษรได้ ช่ือเลน่ ไมน่ ิยมนาชื่อเลน่ มาใช้ในการจดั เรยี ง นา้ หนกั สามารถใชก้ ารเรยี งลาดับ/หา ค่าเฉล่ยี /มากท่ีสุด/น้อยที่สดุ ส่วนสูง สามารถใชก้ ารเรียงลาดบั /หา คา่ เฉลย่ี /มากทีส่ ุด/น้อยที่สุด วนั เดอื นปีเกิด สามารถใชก้ ารเรียงลาดับได้ เกรดเฉลี่ย สามารถใชก้ ารเรยี งลาดับ/หา ค่าเฉลย่ี /มากที่สุด/น้อยทีส่ ดุ ห้อง สามารถใชก้ ารจัดกลุ่มได้ 4. ใหน้ กั เรียนนาข้อมลู ที่ได้ไปกรอกลงในตารางโดยใชโ้ ปรแกรมตารางทางาน แลว้ ทาการประมวลผล (หา (คห่าาเคฉา่ลเ่ยี ฉลคย่ี า่ ส คูง่าสสดุ ูงสคุดา่ ต คา่ ่าสตดุ ่�ำคส่าดุ มคัธย่ามฐาธั นยฐแาลนะฐานนิยม) เเพพื่ออ่ื จจดั ัดกกลล่มุ ุ่มแแลละะววิเคเิ ครราาะะหห์แ์แนนววโนโนม้ ม้

686 700 686 แนวคาตอบ ใช้ฟังกช์ น่ั ต่อไปนี้ ในการประมวลผลขอ้ มลู หาคา่ เฉลยี่ รปู แบบสูตร =average(ช(ชว่ ว่ งงขขอ้ ้อมมูลลู เรเร่ิมิม่ ตตน้ น้ ::ชช่ว่วงขอ้ มลู สิน้ สุด) หาค่าต่าสดุ รปู แบบสูตร =min(ช(ช่ว่วงงขข้ออ้มมูลูลเรเร่มิ ิ่มตตน้ น้ ::ช่วงข้อมลู สนิ้ สดุ ) หาคา่ สงู สุด รูปแบบสูตร =max(ช(ชว่ ่วงงขขอ้ ้อมมูลลูเรเิม่ร่มิตตน้ ้น::ชว่ งขอ้ มลู สนิ้ สุด) หาคา่ มัธยฐาน รูปแบบสูตร =median(ช(ชว่ ว่ งงขขอ้ อ้ มมูลูลเรเรม่ิ ิม่ ตตน้ น้ ::ชชว่ ว่ งข้อมลู สน้ิ สดุ ) หาคา่ ฐานนิยม รปู แบบสูตร =mode(ช(ชว่ ่วงงขขอ้ อ้ มมูลูลเรเริ่มิม่ ตตน้ น้ ::ชชว่ งข้อมูลสิ้นสดุ ) 5. เลือกวธิ ีการนาเสนอข้อมูลในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ กราฟ อินโฟกราฟฟกิ ิค ฯลฯ และอธิบายเหตุผลท่เี ลอื ก รปู แบบการนาเสนอดงั กลา่ ว แนวคาตอบ นาเสนอข้อมูลในรูปแบบกราฟแบบตา่ งๆ เช่น

687 701 687 เฉลยใบงานท่ี 3.2 เรือ่ ง การเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบนอินเทอรเ์ น็ต หนว่ ยท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ รายราวยิชวาิชเาทคเทโคนโนลโยลี ย1ี1รหรหัสสัวชิ วา21ว1201310ภ3าคภเารคยี เนรทยี ี่น1ทช่ี 1น้ั มชธั น้ั ยมมธั ศยึกมษศากึ ปษที า่ี ป1ีที่ 1 จดุ ประสงค์ ใชซ้ อฟตแ์ วร์ประยกุ ตช์ ว่ ยในการคานวณและจัดเรยี งข้อมูลหรือบริการบนอนิ เทตอรเ์ น็ตได้ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- กลมุ่ ของนกั เรยี นไดร้ บั มอบหมายให้ทาการสารวจขอ้ มลู ความตอ้ งการของนักเรียนในการจดั ทาเสอ้ื กีฬาภายใน นักเรียนจะต้องทาการสารวจขอ้ มูลอะไรบ้าง และจะเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ เครอ่ื งมือ หรอื บริการใด บนอินเทอร์เน็ต เพ่ือใช้ในการเก็บรวบรวม และจัดการประมวลผลขอ้ มลู นาเสนอข้อมลู ท่ีได้ และอธิบาย ขอ้ ดีของการสารวจขอ้ มูลโดยใช้ซอฟต์แวรบ์ นอินเทอร์เนต็ ขอ้ มูลที่ควรจะมใี นการสารวจ 1. ชอื่ – สกลุ 2. เลขที่ 3. หอ้ ง 4. เพศ 5. ไซซส์ของเส้ือท่ีนักเรยี นใส่ ซอฟตแ์ วร์ทจี่ ะเลือกใช้ สามารถเลือกใชซ้ อฟต์แวร์ได้อยา่ งหลากหลาย ไม่วา่ จะเป็น Google Form หรือ Microsoft Forms โดยการเก็บข้อมูลออนไลน์ เราสามารถจัดทาโดยออกแบบแบบสอบถามเพ่ือใช้งาน แล้วส่งลิงค์ แบบสอบถามไปให้เพ่ือน ๆ กรอกข้อมูล เมื่อเพื่อน ๆ ในห้องกรอกครบทุกคน เราสามารถเข้าไปดาวน์ โหลดขอ้ มูลท่ีซอฟตแ์ วรส์ รุปให้มาเป็นข้อมลู ในการจัดทาเสื้อกีฬาภายในได้ ขอ้ ดขี องการใช้แบบสอบถามออนไลน์ คอื สามารถทาไดง้ ่าย ไม่จากัดจานวนผู้ตอบ มีการสรปุ ผล ให้อตั โนมัติในรูปแบบท่ีหลากหลาย ไมส่ ิ้นเปลอื งทรพั ยากร (กระดาษ) ขอ้ มูลไม่สูญหายง่าย เพราะถูกจัดเก็บ บนระบบ คลาวด์ (Cloud)

688 702 688 แบบบันทึกการประเมนิ ผเู้ รยี น ด้านความรู้ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 รายการประเมนิ อธิบายข้นั ตอน ใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เลขท่ี ชื่อ-สกุล การจดั การ ชว่ ยในการคานวณ สารสนเทศได้ และจดั เรียงข้อมลู อยา่ งถูกต้อง หรอื บริการบน อินเตอร์เน็ตได้ 1 2 3 4 5 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 4 คะแนน ระดับ ดีมาก (………….…………………………………….) 3 คะแนน ระดับ ดี ครผู ู้สอน 2 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 คะแนน ระดับ ปรับปรงุ *เกณฑ์การผา่ น ระดับ 2 ข้ึนไป

689 703 689 แบบบันทึกการประเมินผเู้ รยี น ด้านทักษะและกระบวนการ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง ทักษะด้านสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี 1 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลขที่ ช่อื -สกลุ ทกั ษะในการ รายการประเมิน ทักษะการนาเสนอ ทางานรว่ มกัน งาน 1 ทกั ษะการเลือกใช้ 2 ซอฟต์แวรใ์ นการ 3 4 แกป้ ญั หา 5 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 4 คะแนน ระดับ ดีมาก (………….…………………………………….) 3 คะแนน ระดับ ดี ครผู สู้ อน 2 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 คะแนน ระดับ ปรบั ปรงุ *เกณฑ์การผ่าน ระดับ 2 ข้ึนไป

704 690 690 แบบบันทกึ การประเมนิ ผู้เรยี น ด้านคุณลกั ษณะ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี 1 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลขท่ี ช่อื -สกลุ รายการประเมิน มวี นิ ยั ซือ่ สตั ย์สุจรติ ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มัน่ ในการ มจี ิตสาธารณะ 1 2 ทางาน 3 4 5 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ 4 คะแนน ระดับ ดมี าก (………….…………………………………….) 3 คะแนน ระดับ ดี ครผู ูส้ อน 2 คะแนน ระดับ พอใช้ 1 คะแนน ระดับ ปรบั ปรงุ *เกณฑ์การผ่าน ระดับ 2 ขึน้ ไป

691 705 691 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทัศน์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงาน/ชิน้ งานของนักเรียนตามรายการที่กาหนด แลว้ ขดี ลงในช่องทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ 2 ความถกู ต้องของเน้ือหา 3 ความคดิ สร้างสรรค์ 4 ความตรงต่อเวลา รวม ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน ............../................./................

692 706 692 เกณฑ์ประเมินผังมโนทัศน์ ประเดน็ ทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน 1. ผลงานตรงกับ 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี ผลงานไม่สอดคล้อง กาหนด ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคล้องกบั กับจดุ ประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงคท์ ุก จุดประสงคเ์ ปน็ ส่วน จดุ ประสงคบ์ าง เน้อื หาสาระของ ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น สว่ นใหญ่ 3. ผลงานมีความคิด ผลงานไม่แสดง สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ แนวคิดใหม่ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้องเป็น ผลงานถูกต้องเปน็ ครบถ้วน สว่ นใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมีแนวคิด ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหม่แต่ยังไม่ นา่ สนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหม่และเป็น เป็นระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมีความเป็น ผลงานสว่ นใหญ่มี ผลงานมีความเปน็ ผ ล ง า น ส่ ว น ใ ห ญ่ ไ ม่ เปน็ ระรเะบเบยี ยีบบ เป็นระเบียบและมีข้อ ระเบียบแสดงออกถึง ความเปน็ ระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี บกพรอ่ งมาก ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ขอ้ บกพร่องเล็กน้อย เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

693 707 693 แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเน้อื หา   2 ความคดิ สรา้ งสรรค์   3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน   4 การนาไปใชป้ ระโยชน์   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง

694 708 694 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็   2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ น่ื   3 การทางานตามหน้าท่ีทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย   4 ความมนี ้าใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน ............/.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

695 709 695 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับ ชอ่ื –สกลุ การ ความมี การมี รวม ที่ ของนกั เรียน การแสดง การ ทางาน น้าใจ สว่ นร่วม 15 ในการ คะแนน ความ ยอมรับฟัง ตามท่ี ปรบั ปรงุ ผลงาน คิดเหน็ คนอ่ืน ไดร้ บั มอบหมาย กลุ่ม 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมิน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../............... ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง

696 710 696 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดับ คะแนน คณุ ลักษณะ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ รายการประเมิน 321 ด้าน 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมท่สี ร้างความสามคั คีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบตั ติ ามหลักศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีเกี่ยวกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ตามทโี่ รงเรียน จัดข้นึ 2. ซ่ือสัตย์ สุจรติ 2.1 ให้ข้อมูลทีถ่ ูกต้องและเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นสงิ่ ทถี่ ูกตอ้ ง 3. มีวินัย 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั รบั ผดิ ชอบ มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชวี ิตประจาวนั 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รูจ้ กั ใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชอื่ ฟังคาสงั่ สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ต้ังใจเรยี น 5. อยอู่ ย่าง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั พอเพยี ง 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณคา่ 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. ม่งุ มั่นในการ 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ทางาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสาเร็จ 7. รักความเปน็ 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทางาน 8.2 รจู้ ักการดูแลรักษาทรพั ย์สมบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียน และโรงเรยี น ลงชื่อ .................................................. ผ้ปู ระเมิน ............/.................../................

711 697 697 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง พฤติกรรมท่ีปฏิบัติบางครงั้ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 51–60 ดมี าก 41–50 ดี 30–40 พอใช้ ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรงุ

712 698 698 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ นกั ออกแบบระบบ รหสั วิชา ว21103 รายวิชา เทคโนโลยี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 เวลา 6 ช่วั โมง ............................................................................................................................. ....................................................... .1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขน้ั ตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรกู้ ารทางาน และการแก้ปญั หาได้อย่าง มปี ระสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม ตวั ชวี้ ัด ว 4.2 ม.1.1 ออกแบบอัลกอริทึมท่ีใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรืออธิบายการทางานที่พบในชีวิต จริง ว 4.2 ม.1.2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ยเพือ่ แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตรห์ รือวิทยาศาสตร์ 2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด แนวคิดเชงิ นามธรรม เปน็ การประเมนิ ความสาคญั ของปญั หา แยกแยะสว่ นทเ่ี ปน็ สาระสาคัญที่จาเป็นต้อง ใช้แกป้ ัญหาออกจากสว่ นที่ไมใ่ ช่สาระสาคัญ 3. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ 1. อธบิ ายแนวคดิ เชิงนามธรรมได้ 2. การใชแ้ นวคิดเชงิ นามธรรมเพื่อแกป้ ัญหา ทกั ษะ/ กระบวนการ 1. สามารถเขยี นแนวคดิ เชงิ นามธรรมได้ 2. สามารถใช้แนวคดิ นามธรรมเพื่อแกป้ ัญหาได้ เจตคติ 1. มีความรบั ผิดชอบ ซ่อื สตั ย์และมงุ่ มน่ั ในการทางาน

713 699 699 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 4. ทักษะกระบวนการทางานร่วมกนั 5. ทักษะการนาเสนองาน 5. คุณสมบัติอนั พึงประสงค์ 1.ซอื่ สตั ย์ 2.มีวินัย 3.ใฝเ่ รยี นรู้ 4.มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิน้ งานหรือภาระงาน - ใบความรทู้ ี่ 1.1 เร่ืองการคดิ เชงิ นามธรรม - ใบความรูท้ ี่ 1.2 เรอื่ งการใช้การคดิ เชิงนามธรรมในการแก้ปญั หา - ใบความร้ทู ี่ 2.1 เร่ืองสนุกกับการเขยี นอัลกอรทิ มึ - ใบความร้ทู ี่ 3.1 เรื่อง ผงั งาน (Flowchat) - ใบความร้ทู ่ี 3.2 เรอื่ ง การเขียนอลั กอริทมึ เพื่อแกป้ ญั หา เกณฑ์การประเมนิ ผลชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ประเด็น ระดบั คณุ ภาพ การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) เกณฑป์ ระเมินด้านความรู้ 1. การตอบ คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ คาถามจากใบงาน คาถามดา้ นความรู้ คาถามด้านความรู้ คาถามด้านความรู้ได้ คาถามด้านความรู้ ไดร้ ะหว่าง ไดร้ ะหว่าง ระหวา่ ง 50-69% ตา่ กว่า 50% 90-100% 70-89%

714 700 700 ประเด็น ระดับคณุ ภาพ การประเมิน 2. การวเิ คราะห์ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) งานและวาง แผนการทางาน วเิ คราะหง์ านได้ตรง วิเคราะห์งานได้ตรง วิเคราะหง์ านได้ตรง วเิ คราะห์งานได้ 3. การเขยี นสรปุ ประเดน็ ตามที่ ประเดน็ ตามที่ ประเดน็ ตามที่ วางแผนและเขยี น องค์ความรู้ กาหนด มีความถูก กาหนด มีความถกู กาหนด มคี วามถูก แผนงานไดช้ ดั เจน 4. การอภปิ ราย ความรู้ ต้อง วางแผนและ ต้อง วางแผนและ ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ นาไปสกู่ ารปฏบิ ัติ เขยี นแผนงานได้ เขยี นแผนงานได้ วางแผนและเขียน ได้ ชดั เจน ละเอยี ด ชดั เจน นาไปสู่ แผนงานไดช้ ดั เจน เข้าใจง่าย นาไปสู่ การปฏิบัติเพื่อ นาไปสู่การปฏบิ ัติได้ การปฏบิ ัตเิ พื่อ บรรลุเป้าหมายได้ บรรลุเปา้ หมายได้ เขียนได้ตรง เขียนได้ตรง เขยี นได้ตรงประเด็น เขยี นไดต้ รง ประเดน็ เขียนมี ประเดน็ เขยี นมี เขียนมีเหตผุ ล ประเด็นเขยี นมี เหตุผลประกอบ เหตุผลประกอบ ประกอบอยา่ ง เหตผุ ลประกอบ อยา่ งเหมาะสม ใช้ อย่างเหมาะสม ใช้ เหมาะสม ใช้ภาษาใน อยา่ งเหมาะสม ใช้ ใภชาภ้ ษาาษใานใกนากราเรขเยีขนยี น ใภชาภ้ ษาาษใานใกนากราเรขเยีขนียน การเขียนได้เหมาะสม ภาษาในการเขียน ได้เหมาะสม เขยี น ไดเ้ หมาะสม เขียน มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ได้เหมาะสม เคขาียถนูกคตำ� อ้ถงูกตล้อางยมือ คาถูกต้อง มี ลสาวยยมอื า่สนวงย่าอยา่ มนีงา่ ย มคคีววามามคคิดิดสสรรา้ ้างงสสรรรรคค์ ์ มคคีววาามมคคดิ ิดสสรร้าา้งงสสรรรรคค์ ์ เขยี นลาดับ เขียนลาดบั เหตกุ ารณ์อยา่ ง เหตุการณ์อยา่ ง ต่อเนือ่ ง ตอ่ เน่ือง และ เช่ือมโยงกันได้ดี อภปิ รายเรือ่ งที่ อภิปรายเรือ่ งท่ี อภิปรายเรือ่ งทศี่ ึกษา อภปิ รายเร่อื งที่ ศกึ ษามาได้อย่าง ศกึ ษามาได้อย่าง มาได้อย่างชัดเจน ศกึ ษามาได้อยา่ ง ชัดเจน พรอ้ มให้ ชัดเจน พรอ้ มให้ พร้อมให้เหตผุ ลที่ ชดั เจน พร้อมให้ เหตผุ ลท่ีหนักแนน่ เหตผุ ลทหี่ นักแนน่ หนักแน่น ช้ใี ห้เหน็ เหตผุ ลทีห่ นกั แน่น ชี้ให้เหน็ ช้ใี ห้เหน็ ความสาคัญของเรื่อง ช้ีให้เหน็ ความสาคัญของ ความสาคัญของ ทศ่ี กึ ษา มขี ้อมูลที่

715 701 701 ประเด็น ระดับคุณภาพ การประเมนิ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 5. ผลงานสาเรจ็ เรอ่ื งที่ศึกษา เร่อื งท่ีศึกษา เฉพาะเจาะจง ความสาคญั ของ 6. ทักษะ กระบวนการ มขี ้อมลู ท่ี มขี ้อมูลที่ สนบั สนนุ ขอ้ สรปุ เร่อื งท่ีศึกษา ทางานร่วมกัน เฉพาะเจาะจง เฉพาะเจาะจง 7. ทกั ษะ การแกป้ ัญหา สนับสนุนขอ้ สรุป สนับสนนุ ขอ้ สรุป ใช้ภาษาส่ือสารได้ ใชภ้ าษาได้ เหมาะสม เหมาะสม พดู ชดั เจน ภาษาท่ี ใช้ไม่กากวม ผลงานใช้ประโยชน์ ผลงานใช้ประโยชน์ ผลงานใชป้ ระโยชน์ ผลงานใชป้ ระโยชน์ ไดต้ ามประเภทของ ไดต้ ามประเภทของ ได้ตามประเภทของ ได้ตามประเภทของ งาน ผลงาน งาน ผลงาน งาน ผลงานเรยี บร้อย งาน ผลงาน เรยี บร้อย ประณีต เรียบรอ้ ย ประณีต สวยงาม เรยี บร้อย สวยงาม มคี วามคิด สวยงาม สร้างสรรค์ เกณฑป์ ระเมินดา้ นทักษะกระบวนการ รจู้ ักบทบาทหน้าที่ รู้จักบทบาทหน้าท่ี รู้จักบทบาทหนา้ ท่ี รจู้ ักบทบาทหนา้ ท่ี ภายในกลุ่ม ปฏบิ ัติ ภายในกลุ่ม ปฏิบตั ิ ภายในกลุ่ม ปฏบิ ัติ ภายในกลมุ่ ปฏิบัติ ตามบทบาทได้ ตามบทบาทได้ ตามบทบาทได้ ตามบทบาทได้ เหมาะสมทกุ คน มี เหมาะสมเป็นสว่ น เหมาะสมเปน็ รบั ผดิ ชอบร่วมกัน มกกีาราทรทาง�ำางนานเปเปน็ น็ ททีมมี ใหญ่ มกี ารทางาน บางครั้ง รับผดิ ชอบ ไดเ้ ปน็ บางครัง้ ทดี่ รี บั ผิดชอบ เป็นทมี ที่ดี รว่ มกัน เปน็ ผู้พดู และ ไม่ค่อยมีคุณธรรม ร่วมกนั เปน็ ผพู้ ดู รบั ผดิ ชอบร่วมกัน ผฟู้ ังท่ดี ี มีคุณธรรม ในการทางาน และผฟู้ งั ที่ดี มี เปน็ ผูพ้ ูดและผู้ฟังท่ี ในการทางาน มคคีณุ ุณธรธรมรมในใน ดี มคี ณุ ธรรมใน การทางาน การทางาน สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปัญหา สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปัญหา และอุปสรรคต่างๆ และอุปสรรคตา่ งๆ และอุปสรรคต่างๆ ที่ และอปุ สรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง ทเ่ี กิดขึ้นในระหว่าง เกดิ ขึน้ ในระหวา่ ง ท่เี กดิ ขนึ้ ในระหวา่ ง

716 702 702 ประเด็น ระดบั คณุ ภาพ การประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 8. ทกั ษะ การทางานได้ การทางานได้ การนาเสนองาน ใช้เหตผุ ลใน การทางานได้ การทางานได้ ใชเ้ หตผุ ลใน การแก้ปัญหา การแก้ปัญหา 9.ความสามารถ แสวงหาความรู้ ใช้เหตุผลใน ใชเ้ หตผุ ลใน ตัดสนิ ใจแก้ปัญหา ในการใช้ ประยุกต์ความรมู้ า ได้ เทคโนโลยี ใชใ้ นการแก้ปัญหา การแก้ปัญหา การแก้ปัญหา ตดั สนิ ใจแกป้ ญั หา เน้ือหานาเสนอ ไดเ้ หมาะสมตาม แสวงหาความรู้ แสวงหาความรู้ ไม่ครอบคลุม ถสาถนานกการารณณโ์ ดโ์ ดยย ไม่ถูกต้องตามหลัก คานึงถงึ ผลกระทบ ประยกุ ต์ความรู้มา ประยกุ ต์ความร้มู าใช้ วิชาการ ตอบข้อ ตอ่ ตนเองและผู้อน่ื คาถามได้ไมค่ รบทุก ใชใ้ นการแก้ปญั หา ในการแก้ปัญหา ประเด็น นาเสนอ เนื้อหานาเสนอ ไดไ้ มต่ ามเวลาที่ ครอบคลุมทุก ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหา ตัดสนิ ใจแก้ปัญหาได้ กาหนด ประเดน็ ถูกตอ้ ง ตามหลกั วิชาการ ได้เหมาะสมตาม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี นา่ เชอ่ื ถอื ใชค้ าพูด ได้ไมถ่ ูกตอ้ ง ไม่ นาเสนอได้ สถานการณ์ สามารถลดข้ันตอน เหมาะสม บคุ ลิกภาพดี ตอบ เนื้อหานาเสนอ เนอื้ หานาเสนอ ขอ้ คาถามไดท้ ุก ประเดน็ นาเสนอ ครอบคลุมทกุ ครอบคลุมทุก ไดเ้ หมาะสม ตรง เวลาทกี่ าหนด ประเดน็ ถูกต้อง ประเดน็ ถูกตอ้ งตาม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี ตามหลักวชิ าการ หลักวิชาการ ได้อย่างถกู ตอ้ ง หลากหลายในการ น่าเช่อื ถือ ใชค้ าพูด นา่ เช่อื ถือ ตอบข้อ ลดข้ันตอนเวลา ทรพั ยากร ในการ นาเสนอได้ คาถามได้ทุกประเด็น เหมาะสม ตอบข้อ ตรงตามเวลาที่ คาถามได้ทุก กาหนด ประเดน็ เสนอได้ เหมาะสม ตรงเวลา ท่ีกาหนด เลอื กใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กใช้เทคโนโลยไี ด้ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ใน อย่างถูกต้อง ในการ การลดขน้ั ตอนเวลา ลดข้นั ตอนเวลา แต่ ทรพั ยากร ในการ

717 703 703 ประเดน็ 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) การประเมิน ทางาน โดยไม่มี 3 (ดี) 2 (พอใช้) เวลา ทรัพยากร ใน 10. ซื่อสตั ย์ ผลกระทบกับผู้อน่ื ทางาน โดยไม่มี ใชท้ รัพยากรในการ การทางานได้ และเปน็ แบบอยา่ ง ผลกระทบกับผู้อนื่ ทางานสิน้ เปลือง 11. มีวินัย ท่ดี ีได้ 12. ใฝเ่ รยี นรู้ เกณฑป์ ระเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะ บันทกึ ข้อมูลจาก บันทึกข้อมูลจาก บนั ทึกข้อมลู จาก ทางานตรงต่อเวลา การสืบค้นและไม่ การสืบคน้ และไม่ การสืบคน้ ตรงต่อ แตค่ ัดลอกผลงาน ละเมดิ ลิขสทิ ธทิ์ าง ละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิทาง เวลา ทางานด้วย คนอืน่ มาเปน็ ของ ปัญญา และอา้ งองิ ปญั ญา ตรงต่อเวลา ตนเอง ตน แหลง่ ขอ้ มูล ตรงตอ่ ทางานด้วยตนเอง เวลา ทางานดว้ ย ตนเอง ปฏบิ ตั ติ าม ปฏิบตั ิตาม ปฏิบัติตาม ไม่ค่อยปฏบิ ตั ิตาม กฎระเบียบ กติกา กฎระเบยี บ กติกา กฎระเบียบ กติกา กฎระเบยี บ กติกา ของโรงเรียน ของ ของโรงเรียน ของ ของโรงเรียน ของ ของโรงเรยี น ของ หอ้ งเรียน ของกลุ่ม ห้องเรยี น ของกล่มุ หอ้ งเรยี น ของกลมุ่ หอ้ งเรยี น ของกลมุ่ ด้วยความเตม็ ใจ ไมก่ ่อกวนความรา ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ กอ่ กวนความรา ไมก่ ่อกวนความรา รค�ำรคาาญญใใหห้ค้ครรแู ูและ ไมก่ ่อกวนความรา ครำ�รคาาญญใหให้ค้ครรแู แู ลละะ คร�ำรคาาญญใหใหค้ ้ครรแู ูแลละะ เพ่อื นในห้องเรยี น รคำ� รคาาญญใใหห้ค้ครรูแูแลละะเเพพือ่ ื่อน เพื่อนในหอ้ งเรยี น เพ่ือนในห้องเรยี น ในห้องเรียน เปน็ บางครงั้ มคี วามกระตือรือร้น มคี วามกระตือรือรน้ มคี วามกระตือรอื รน้ ไม่มีความ อดทนเพียรพยายาม อดทน มุ่งมั่น รจู้ กั อดทน มุง่ ม่นั ใน กระตือรือร้น มงุ่ มนั่ รจู้ ักแสวงหา แสวงหาความรจู้ าก บางครง้ั ร้จู ักแสวงหา อดทน มุ่งมั่น ไม่ ความรจู้ ากแหล่ง แหลง่ เรยี นรู้อน่ื ๆ ความรู้จากแหล่ง รูจ้ กั แสวงหาความรู้ เรียนรู้อ่นื ๆ อยู่ อยูเ่ สมอๆ เรยี นรู้อน่ื ๆ จากแหล่งเรยี นรู้ เสมอๆ อืน่ ๆ

718 704 704 ประเด็น 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรุง) การประเมนิ ทางานที่ไดร้ ับ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ทางานท่ีได้รบั มอบหมายเสร็จ ทางานท่ีได้รับ ทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายไมเ่ สรจ็ 13. มุ่งมน่ั ใน ตามกาหนดเวลา มอบหมายเสรจ็ มอบหมายเสรจ็ ตาม ตามกาหนดเวลา การทางาน ผลงานมคี วาม ตามกาหนดเวลา กาหนดเวลา ผลงานมไี มม่ ีความ ถกู ต้อง ละเอยี ด ผลงานมคี วาม เปน็ บางส่วนผลงาน คเรวียาบมรเรอ้ ยี ยบร้อย ประณตี เรียบร้อย ถกู ต้อง เรียบร้อย มคี วามถูกต้อง เรยี บรอ้ ยเปน็ บาง รายการ เกณฑ์การตัดสิน หมายถึง ดีมาก คะแนน 4 หมายถึง ดี หมายถงึ พอใช้ คะแนน 3 หมายถงึ ปรบั ปรงุ คะแนน 2 คะแนน 1 เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดบั ดี ขน้ึ ไป

705 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 เรือ่ ง แนวคดิ เชงิ นามธรรมในการแกป้ ญั หา หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง นกั ออกแบบระบบ เวลา 2 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชา เทคโนโลยี 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ - ใบความรู้ท่ี 2.1 เรื่องกกาารรคคดิ ิดเเชชงิ งิ 1. แนวคิดเชิงนามธรรม ข้ันนา นามธรรม 2. ความหมายและทีม่ าของแนวคดิ เชงิ 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ ในชัว่ โมงท่แี ล้ว - ใบความรูท้ ่ี 2.2 เร่ืองกกาารรใใชช้กก้ าารร 2. ชแี้ จงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เนชาิงมนธารมรธมรรม คิดเชิงนามธรรมในการแกป้ ัญหา 3. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ จากการที่ครูนาขวดทบี่ รรจุ 3. การใชแ้ นวคดิ เชิงนามธรรมเพื่อ ภาระงาน/ชนิ้ งาน นา้ ซง่ึ มสี ี ขนาด รูปร่าง ๆ ต่างกัน มาใหน้ ักเรียนดู - ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง แนวคดิ เชิง แกป้ ัญหา 4. นักเรียนรว่ มแสดงความคดิ เหน็ จากการทค่ี รตู ั้งคาถาม “อะไร” นามธรรม จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ “ทาไม” “อยา่ งไร” เชน่ นักเรยี นคดิ ว่าสง่ิ เหล่าน้คี ืออะไร ? ทาไมขวด ดา้ นความรู้ - ใบงานที่ 2.2 เร่ืองกกาารรใใชชก้ ก้ าารคิด 1.ออธธิบิบาายยเเกกีย่ ย่ี ววกกบั ับความหมายและที่มา นา้ แต่ละขวดจงึ มีรูปรา่ งแตกต่างกนั ? ถา้ นกั เรยี นเป็นเจา้ ของ เชงิ นามธรรมในการแก้ปัญหา ผลติ ภัณฑน์ า้ ดมื่ นักเรยี นจะออกแบบขวดใหม้ รี ปู รา่ ง รปู ทรงอยา่ งไร ของแนวคคิดดิ เเชชงิ ิงนนาามมธธรรรรมมไดได้ ้ 2.บบออกกววธิ ธิ กี ีกาารรนนาำ� แแนวคิดเชงิ นามธรรมไป เพราะเหตุใด เป็นตน้ ใไชปใ้ นชก้ในารกแากร้ปแกญั ้ปหญั าไหดา้ ได้ 5. ครูเตมิ เต็มในเรอื่ งหลักการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ขนั้ สอน ด้านทักษะและกระบวนการ 11..ททักกัษษะะกกาารรคคิดิด 1. นกั เรยี นทาความเขา้ ใจในเน้อื หาเกย่ี วกบั แนวคดิ เชิงนามธรรม 22..ททกั กั ษษะะกกาารรคคดิ ดิ แแกก้ป้ปัญัญหหาา โดยศึกษาจากใบความรทู้ ่ี 2.1 เร่อื งกกาารรคคิดิดเเชชงิ งิ นนาามธรรม 719 705

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง แนวคดิ เชงิ นามธรรมในการแก้ปญั หา 706 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรอ่ื ง นักออกแบบระบบ เวลา 2 ชั่วโมง ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชา เทคโนโลยี 1 3.ทักษะการใช้เทคโนโลยี 2. นักเรยี นทาใบกิจกรรมท่ี 2.1การจาแนกสัตว์โดยใชแ้ นวคดิ เชงิ 4.ทกั ษะกระบวนการทางานรว่ มกัน นามธรรม กาหนดเวลา 5 นาทีแลว้ ร่วมกันอภปิ รายถึงเกณฑท์ ี่ใช้ใน 5.ทักษะการนาเสนองาน การจาแนกประเภทของสัตว์โดยยกตวั อย่าง หรือกรณีตวั อยา่ งให้เห็น ด้านคุณลกั ษณะ ชดั เจน 1.ซื่อสตั ย์ 3. ครูอธบิ ายถงึ ความหมายของแนวคิดเชงิ นามธรรมว่า เป็น 2. มีวินัย กระบวนการคดิ แยกคณุ ลักษณะที่สาคัญออกจากรายละเอียด หรือสงิ่ 3. ใฝเ่ รียนรู้ สทิง่ นี่ ทัก่นี เักรียเรนยี กนากล�ำงัลพังิจพาิจราณรณาาเพเพื่อ่อืใหใหไ้ ด้ได้ข้ข้ออ้ มมูลลู ทท่จี ี่จาำ� เเปป็น็น 4. มุ่งมัน่ ในการทางาน 4. ครูชใี้ ห้นกั เรยี นเห็นวา่ การดงึ คณุ ลักษณะสาคัญของสตั ว์เป็น กลุ่มต่างๆ เปน็ การแยกแยะส่วนที่เป็นสาระสาคญั ออกส่วนท่ีไม่ใช่ สาระสาคญั 5. ครแู จกใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง แนวคดิ เชงิ นามธรรม และให้ นกั เรยี นจบั กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพอ่ื ชว่ ยกนั ระดมสมองวิเคราะห์ ปัญหา และชว่ ยกันหาคาตอบ 6. นักเรียนศกึ ษา ใบความรู้ที่ 2.2 เรือ่ งการใชก้ ารคดิ เชิง นามธรรมในการแกป้ ัญหา 7. นักเรยี นทาใบกจิ กรรมที่ 2.2 เรื่องการใช้การคดิ เชิงนามธรรม ในการแกป้ ญั หา 720 706

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง แนวคดิ เชงิ นามธรรมในการแก้ปัญหา 707 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง นกั ออกแบบระบบ รายวิชา เทคโนโลยี 1 เวลา 2 ช่วั โมง ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ขั้นสรปุ 1. นักเรยี นทุกกลุม่ รว่ มกันนาเสนอผลการแกป้ ญั หาท่ีไดจ้ ากการ สงั เคราะห์ และร่วมกันอภปิ รายวา่ ข้อมลู ของแตล่ ะกลมุ่ ที่ไดศ้ กึ ษา ค้นคว้ามาครบถว้ น ถูกต้อง สมบรู ณ์หรอื ไม่ โดยครูช่วยตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งและเสนอแนะเพิ่มเติม 2. นักเรียนทาใบงานท่ี 2.2 เรอ่ื ง การคดิ เชงิ นามธรรมในการ แกป้ ัญหา เพือ่ เปน็ การทบทวนให้มีความรูค้ วามเขา้ ใจในเน้ือหายิง่ ข้ึน 3. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นสอบถามเน้ือหาเร่ือง แนวคดิ เชงิ นามธรรม ว่ามีส่วนไหนท่ยี งั ไม่เขา้ ใจและใหค้ วามรูเ้ พ่ิมเติมในสว่ นนัน้ 4. ครูมอบหมายให้นักเรียนสรุปผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) เร่ือง แนวคิดเชิงนามธรรม 5. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ออกแบบและนาเสนอ สรปุ ผลการดาเนินการศึกษาค้นควา้ ของกลุม่ เพื่อนาเสนอหน้าชน้ั เรยี น 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ประเมินทั้งงานของกล่มุ ตนเองและ ของเพือ่ น 721 707

722 708 708 การวดั และประเมนิ ผล สิ่งท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครอื่ งมือท่ีใช้ เกณฑ์ - ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง แนวคดิ - นกั เรียนทกุ คน ด้านความรู้ (K) - ตรวจใบงานหนว่ ยที่ เชิงนามธรรม ผา่ นเกณฑ์ไม่ตา่ กว่า - ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ งการใช้การ รอ้ ยละ70 -อธิบายเกย่ี วกบั ความหมาย 2.1 คดิ เชิงนามธรรมในการ แกป้ ัญหา ของแนวคดิ เชิงนามธรรมได้ - ตรวจใบงานหนว่ ยที่ - แบบประเมินผลด้านความรู้ -อธบิ ายวิธกี ารนาแนวคดิ เชิง 2.2 นามธรรมไปใช้ในการแก้ปญั หา ได้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ ผลดา้ นดา้ น - นักเรียนทกุ คน --สามารสถาเขมยี านรถแเนขวยี คนิดแนวคิดเชิง เรียนร้ขู องนักเรยี น ทักษะ/กระบวนการ ผ่านเกณฑ์ไมต่ า่ กว่า เชนงิานมาธมรธรรมรไมดไ้ ด้ รอ้ ยละ 70 --สสาามมาารรถถใชใช้แแ้นนวควดิคิดเชิง เชนิงานมาธมรธรรมรเมพเื่อพแอื่ กแป้ กัญ้ปญัหาหไาดไ้ด้ --สามารออออกกแแบบบบววิธธิ กี กี าารร แแกก้ป้ปัญญั หหาาโดโดยยกการาใรชใ้แชนแ้ วนวคิดเชิง คนิดาเชมิงธนรารมธไดรร้ มได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) - สงั เกตพฤติกรรมของ - แบบประเมนิ ผลด้าน - นกั เรียนทุกคน คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ไม่ต่ากวา่ มคี วามรับผิดชอบ ซ่ือสตั ย์และ นักเรยี น ร้อยละ 70 มุ่งมั่นในการทางาน - ตระหนกั ในคุณค่าของ ความร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยที ใ่ี ชใ้ นชีวติ ประจาวัน

723 709 709 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ .............................................................................................. ...................................................................................... ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ....................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่ือ ……………..............................................ผู้สอน (.............................................................) วนั ท่ี .......... เดือน.......... พ.ศ. ............ 9. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ...................................................................................................... .............................................................................. ลงช่ือ ……………..............................................ผ้ตู รวจ (.............................................................) วันท่ี .......... เดอื น .......... พ.ศ. ............

724 710 710 ใบความรู้ท่ี 2.1 เรอื่ ง การคดิ เชงิ นามธรรม หน่วยท่ี 2 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง นกั ออกแบบระบบ รารยาวยชิวาิชาเทเคทโคนโโนลโยลี ย1ี1รหรสั หวัสชิ าว2ว12110033ภภาาคคเรเรียียนนทท่ี ่ี22ชช้นั ัน้ มมัธัธยยมมศึกษาปีท่ี 1 จุดประสงค์ นักเรยี นอธิบายเกย่ี วกบั ความหมายและท่ีมาของแนวคิดเชงิ นามธรรมได้ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- การคดิ เชงิ นามธรรม การคิดเชิงนามธรรม คือ กระบวนการเชงิ คัดแยกคณุ ลักษณะท่ีสาคัญออกจากรายละเอียดในโจทย์ ปญั หา หรอื ในงานท่ีสนใจ เพ่ือใหไ้ ด้องค์ประกอบท่ีจาเป็นเพยี งพอต่อการพิจารณาภายใต้สถานการณท์ ่ีสนใจ เช่น แม้วา่ แมวแตล่ ะตัวจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่มันกม็ ีลักษณะเฉพาะตัวท่ีต่างกัน เช่น มตี าสเี ขียว ขนสีดา ชอบกินปลาทู ความคิดด้านนามธรรมจะคัดกรองลักษณะที่ไม่ได้ร่วมกันกับแมวตัวอื่นๆ เหล่าน้ี ออกไป เพราะรายละเอียดท่ีไม่เก่ียวข้องเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยให้เราอธิบายลักษณะพื้นฐานของแมวในการวาดภาพมันออกมา ได้ กระบวนการคัดกรองสิ่งที่ไม่เก่ียวข้องออกไป และมุ่งท่ีรูปแบบซ่ึงช่วยให้เราแก้ปัญหาได้เรียกว่าแบบจาลอง (model) เมื่อเรามคี วามคดิ ด้านนามธรรม มันจะช่วยให้เรารูว้ ่าไมจ่ าเป็นที่แมวทกุ ตวั ตอ้ งหางยาวและมขี นสั้น หรือ ทาให้เรามโี มเดลความคดิ ที่ชัดเจนขึน้ น่นั เอง การคดั เลือกคณุ ลกั ษณะทจ่ี าเปน็ และไม่จาเปน็ ตอ่ การแก้ปัญหา คือ การพิจารณาปัญหาที่อาจจะประกอบไปด้วยรายละเอียดจานวนมาก ทั้งที่จาเป็นและไม่จาเป็น ต่อการแกป้ ัญหา ดังน้ัน การแก้ปัญหาจงึ จาเป็นตอ้ งเลือกเฉพาะรายละเอียดทีจ่ าเปน็ เท่านนั้ ในการแกป้ ญั หา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook