Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

Published by elibraryraja33, 2021-08-15 05:58:39

Description: 64-08-15-คู่มือและแผนการเรียนรู้เทคโนโลยี ม.1-2

Search

Read the Text Version

575 แบบประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทตี่ 7องการใหเ7 กิดขนึ้ ในตวั ผ7เู รยี น ทกั ษะการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระดบั คุณภาพ พฤตกิ รรม/การแสดงออก (Engineering Design) สร7างแนวคิดที่เปÄนไปได7 5 หาคำตอบท่เี ปxนไปไดแ. รกเริม่ สรา. งขอ. ทางเลือกการ ออกแบบอยAางกว.างๆ ไว. โดยใช.ความคดิ สร.างสรรคU อยAางมาก โดยอยาA งนอ. ย 5 ข.อ 4 หาคำตอบท่ีเปxนไปไดแ. รกเริม่ สรา. งขอ. ทางเลือกการ ออกแบบอยAางกวา. งๆ ไว. โดยใชค. วามคิดสรา. งสรรคU อยาA งมากจำนวน 4 ข.อ 3 หาคำตอบที่เปนx ไปได.แรกเรม่ิ สร.างข.อทางเลือกการ ออกแบบอยAางกว.างๆ ไว. โดยใชค. วามคดิ สรา. งสรรคU จำนวน 3 ขอ. 2 หาคำตอบทเ่ี ปนx ไปได.แรกเรม่ิ สร.างข.อทางเลอื กการ ออกแบบอยAางกว.างๆ ไว. โดยใชค. วามคดิ สร.างสรรคU จำนวน 2 ข.อ 1 หาคำตอบทเ่ี ปนx ไปไดแ. รกเรม่ิ สรา. งขอ. ทางเลอื กการ ออกแบบอยAางกวา. งๆ ไว. โดยใชค. วามคดิ สร.างสรรคU จำนวน 1 ข.อ ประเมนิ แนวคิด 5 ประเมนิ ขอบเขตแนวคดิ นั้นจะสามารถตอบสนองความ ต.องการ ลกั ษณะ และสมรรถนะของแตAละแนวทางการ ออกแบบครบถ.วน มกี ารประมาณการคAาใช.จAายการผลติ ระบุความนAาจะเปxนของระยะการใชง. านกAอนการชำรุด 4 ประเมนิ ขอบเขตแนวคดิ นน้ั จะสามารถตอบสนองความ ตอ. งการ ลักษณะ และสมรรถนะของแตลA ะแนวทางการ ออกแบบครบถว. น มีการประมาณการคAาใช.จAายการผลติ แตAไมAระบุความนาA จะเปนx ของระยะการใชง. านกAอนการ ชำรุด 3 ประเมนิ ขอบเขตแนวคิดนั้นจะสามารถตอบสนองความ ตอ. งการ ลักษณะ และสมรรถนะของแตAละแนวทางการ ออกแบบครบถว. น แตไA มAมีการประมาณการคAาใชจ. าA ย การผลติ 24

576 แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการที่ต7องการใหเ7 กิดข้ึนในตวั ผเู7 รียน ทกั ษะการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ระดับคณุ ภาพ พฤติกรรม/การแสดงออก (Engineering Design) 2 ประเมินขอบเขตแนวคดิ น้ันจะสามารถตอบสนองความ ตอ. งการ ลกั ษณะ และสมรรถนะของแตลA ะแนวทางการ ออกแบบในบางสวA น 1 ประเมินขอบเขตแนวคิดนัน้ ไมตA รงประเดน็ เลอื กวิธที เี่ หมาะสม 5 ตดั สินใจเลือกวธิ ที ี่เหมาะสมที่สดุ จากขอ. เลอื กที่มีอยAู มี การกำหนดเกณฑกU ารเลอื กตามสภาพแวดลอ. ม โดยการ เนน. ให.ตอบสนองผ.ใู ช. 4 ตดั สนิ ใจเลือกวธิ ีท่เี หมาะสมทีส่ ดุ จากข.อเลอื กทม่ี อี ยูA มี การกำหนดเกณฑUการเลือกตามสภาพแวดล.อม โดยไมA เน.นใหต. อบสนองผใ.ู ช. 3 ตดั สินใจเลอื กวิธีทเ่ี หมาะสมทสี่ ดุ จากขอ. เลอื กท่ีมอี ยูA โดย ไมAมีการกำหนดเกณฑกU ารเลอื กตามสภาพแวดล.อม 2 ตัดสนิ ใจเลือกวิธจี ากขอ. เลอื กที่มีอยAู 1 ตัดสนิ ใจเลือกวธิ โี ดยไมคA ำนงึ ถงึ วิธที ม่ี อี ยAู สอื่ สารระหวeางการออกแบบ 5 แสดงความคิดเห็น อธิบายปากเปลาA ใช.ตาราง กราฟ การวาดภาพ หรอื แบบจำลอง มกี ารอภปิ รายรAวมกัน แปลความและตีความหมายขอ. ความ และมกี าร ประยุกตUใช.ขอ. มูล 4 แสดงความคิดเหน็ อธิบายปากเปลAา ใชต. าราง กราฟ การวาดภาพ หรือแบบจำลอง มกี ารอภิปรายรAวมกัน แปลความและตคี วามหมายขอ. ความ แตไA มAมีการ ประยกุ ตUใช.ขอ. มลู 3 แสดงความคดิ เห็น อธิบายปากเปลAา ใชต. าราง กราฟ การวาดภาพ หรอื แบบจำลอง มีการอภปิ รายรAวมกนั แตA ไมมA กี ารแปลความและตีความหมายขอ. ความ 2 แสดงความคิดเห็น อธบิ ายปากเปลาA ใช.ตาราง กราฟ การวาดภาพ หรอื แบบจำลอง แตAไมAมีการอภิปราย รวA มกนั 1 แสดงความคดิ เห็น อธิบายปากเปลAาเทาA นัน้ 25

577 แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการท่ตี อ7 งการใหเ7 กดิ ขึ้นในตวั ผูเ7 รยี น ทกั ษะการออกแบบเชิงวิศวกรรม ระดบั คุณภาพ พฤตกิ รรม/การแสดงออก (Engineering Design) ปฏิบตั ิให7เหน็ ผลจริง 5 ออกแบบวิธกี ารหรือสร.างช้นิ งานหรอื สรา. งแบบจำลอง ของสิ่งท่ีออกแบบสำหรบั ใช.แกป. ญç หา ทีเ่ หมาะสมกบั บรบิ ทและสถานการณUขณะนั้น โดยคำนงึ ถึงตน. ทนุ คาA ใชจ. าA ย ความปลอดภัย จรรยาบรรณ และระเบยี บ กฎหมาย 4 ออกแบบวิธีการหรอื สร.างชน้ิ งานหรอื สร.างแบบจำลอง ของส่ิงท่ีออกแบบสำหรับใชแ. ก.ปçญหา ทเี่ หมาะสมกับ บริบทและสถานการณUขณะน้นั โดยไมคA ำนึงถึงตน. ทนุ คาA ใช.จาA ย ความปลอดภัย จรรยาบรรณ และระเบียบ กฎหมาย 3 ออกแบบวธิ กี ารหรอื สรา. งชนิ้ งานหรอื สรา. งแบบจำลอง ของสงิ่ ทอี่ อกแบบสำหรับใชแ. ก.ปçญหา ทีไ่ มAเหมาะสมกับ บริบทและสถานการณUขณะน้นั 2 ออกแบบวธิ ีการหรือสรา. งชนิ้ งานหรือสร.างแบบจำลองท่ี นอกเหนือจากการออกแบบไว. 1 ออกแบบวธิ กี ารแตยA ังไมมA กี ารสร.างชิ้นงานหรือสรา. ง แบบจำลอง แบบประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการที่ต7องการใหเ7 กิดขนึ้ ในตัวผู7เรียน ทักษะประสบการณAเชิงการรู7 ระดับคุณภาพ พฤตกิ รรม/การแสดงออก (Metacognitive Experience) การวางแผน 5 มกี ารกำหนดเปåาหมายหรอื จุดประสงคU เลือกวิธีการ (Planning) เรยี งลำดบั ข้นั ตอนของการเรยี นรก.ู ารปฏิบตั ิหรอื การ ทดลอง มีการคาดคะเนหรอื ทำนายผลลAวงหน.า มกี าร รวบรวมหรือบอกแนวทางตAางๆ เพื่อทีจ่ ะให.การเรยี นรู. บรรลุผล มกี ารจัดหมวดหมAปู çญหาและอุปสรรคทอ่ี าจ เกิดขึน้ 4 มกี ารกำหนดเปåาหมายหรือจดุ ประสงคU เลอื กวิธีการ เรียงลำดบั ขั้นตอนของการเรียนร.กู ารปฏบิ ตั หิ รอื การ 26

578 แบบประเมินทักษะและกระบวนการท่ตี 7องการให7เกดิ ข้นึ ในตัวผู7เรียน ทักษะประสบการณเA ชิงการร7ู ระดบั คุณภาพ พฤตกิ รรม/การแสดงออก (Metacognitive Experience) ทดลอง มีการคาดคะเนหรือทำนายผลลวA งหน.า มีการ รวบรวมหรอื บอกแนวทางตAางๆ เพื่อท่จี ะให.การเรยี นร.ู บรรลผุ ล แตAไมมA ีการจัดหมวดหมปAู ญç หาและอุปสรรคท่ี อาจเกดิ ข้ึน 3 มีการกำหนดเปåาหมายหรือจุดประสงคU เลือกวธิ กี าร เรียงลำดบั ข้ันตอนของการเรียนรูก. ารปฏิบตั ิหรอื การ ทดลอง มกี ารคาดคะเนหรือทำนายผลลAวงหน.า แตไA มมA ี การรวบรวมหรอื บอกแนวทางตAางๆ เพอ่ื ทีจ่ ะให.การ เรยี นรูบ. รรลุผล 2 มีการกำหนดเปาå หมายหรือจุดประสงคU เลือกวธิ กี าร เรยี งลำดบั ข้ันตอนของการเรียนรก.ู ารปฏิบัตหิ รอื การ ทดลอง แตไA มAมีการคาดคะเนหรือทำนายผลลAวงหนา. 1 มกี ารเลือกวิธีการ แตAไมเA รียงลำดับข้ันตอนของการ เรยี นรูก. ารปฏิบัติหรือการทดลอง การกำกับควบคุมตนเอง 5 มีการทบทวนกจิ กรรม มกี ารแลกเปลี่ยนเรียนรูก. บั (Monitoring & Maintaining) ผเ.ู รียนด.วยกันเพ่อื รวบรวมข.อมลู มกี ารกำหนด จดุ ประสงคUเอง ปฏบิ ตั หิ น.าทีต่ ามทไ่ี ด.รับมอบหมายจาก กลุAม กำกับหน.าที่ของตนเองให.เปนx ไปตามขัน้ ตอน เขียนความร.ูสึกท่ีเกดิ ขึน้ จากการเรียนรู. ตัดสินใจและ เลอื กวิธปี ฏบิ ตั ขิ น้ั ตอA ไปได.อยาA งเหมาะสม อธบิ าย กระบวนการคิดที่ใช. เขียนปçญหาและขอ. ผิดพลาดของ การเรียนร.ู ทราบวธิ ที ่จี ะขจดั ปญç หาและขอ. ผดิ พลาดน้นั 4 มีการทบทวนกิจกรรม มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรู.กับ ผู.เรยี นดว. ยกันเพอ่ื รวบรวมขอ. มูล มีการกำหนด จุดประสงคเU อง ปฏบิ ตั หิ น.าทตี่ ามที่ไดร. บั มอบหมายจาก กลAุม กำกบั หน.าท่ขี องตนเองใหเ. ปนx ไปตามขนั้ ตอน เขียนความรู.สึกท่ีเกิดขึน้ จากการเรียนร.ู ตดั สินใจและ เลือกวิธีปฏบิ ัติขัน้ ตอA ไปไดอ. ยาA งเหมาะสม แตAไมอA ธิบาย กระบวนการคดิ ทใี่ ช. ไมAเขียนปญç หาและขอ. ผิดพลาดของ 27

579 แบบประเมนิ ทักษะและกระบวนการที่ตอ7 งการให7เกดิ ข้นึ ในตัวผเ7ู รียน ทักษะประสบการณAเชงิ การรู7 ระดับคณุ ภาพ พฤตกิ รรม/การแสดงออก (Metacognitive Experience) การเรยี นร.ู ไมAทราบวิธที ี่จะขจัดปçญหาและขอ. ผิดพลาด นน้ั 3 มกี ารทบทวนกิจกรรม มกี ารแลกเปลย่ี นเรยี นรกู. ับ ผเ.ู รียนด.วยกันเพอื่ รวบรวมข.อมูล มกี ารกำหนด จดุ ประสงคUเอง ปฏบิ ตั ิหน.าทตี่ ามทีไ่ ด.รับมอบหมายจาก กลมAุ กำกบั หน.าทีข่ องตนเองใหเ. ปนx ไปตามข้นั ตอน เขยี นความรส.ู ึกท่เี กดิ ข้นึ จากการเรียนรู. แตAไมAมีตัดสนิ ใจ และเลือกวธิ ปี ฏบิ ตั ขิ ้ันตอA ไปไดอ. ยาA งเหมาะสม 2 มกี ารทบทวนกิจกรรม มีการแลกเปล่ียนเรียนร.กู ับ ผเ.ู รียนดว. ยกนั เพ่อื รวบรวมขอ. มูล 1 มเี พียงการทบทวนกิจกรรมการเรยี นร.ูบ.าง การประเมนิ ผล 5 สรุปความร.ทู ไ่ี ดร. บั มีการแปลความหรือตีความหมาย (Evaluating) ของข.อมลู สรปุ วธิ ีทีจ่ ะเปนx ประโยชนUตAอไปในอนาคต มี การประเมินความสำเร็จตามวตั ถปุ ระสงคU เรียงลำดับ ปญç หาและข.อผดิ พลาดทพ่ี บ นำวธิ ีท่ไี มเA หมาะสมออก มี การพจิ ารณาผลลพั ธทU ่ีไดอ. ยAางละเอยี ดและเพยี งพอ 4 สรปุ ความรท.ู ี่ได.รับ มีการแปลความหรอื ตคี วามหมาย ของขอ. มลู สรปุ วธิ ีทจ่ี ะเปxนประโยชนUตAอไปในอนาคตมี การประเมนิ ความสำเร็จตามวตั ถปุ ระสงคU เรยี งลำดับ ปญç หาและขอ. ผดิ พลาดที่พบ นำวิธที ไ่ี มAเหมาะสมออก แตAไมมA ีการพจิ ารณาผลลพั ธทU ่ีได.อยAางละเอียดและ เพยี งพอ 3 สรปุ ความร.ูทไี่ ดร. บั มกี ารแปลความหรอื ตคี วามหมาย ของข.อมูล แตไA มAได.สรปุ วธิ ีท่ีจะเปนx ประโยชนตU Aอไปใน อนาคต 2 สรปุ ความรู.ทีไ่ ดร. บั แตไA มAมีการแปลความหรือ ตีความหมายของข.อมลู 1 รู.วาตนมขี .อผดิ พลาด 28

580 3. คณุ ลักษณะอันพึงประสงคA (Desired Characteristics) คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคA ทำบeอยๆ มกั ทำบeอยๆ ทำบางครัง้ ไมคe อe ยทำ แทบไมeทำ หรอื ทำเปÄน (4) (3) (2) เลย ประเมนิ ระหวeางเรยี น (1) ความซือ่ สัตยสU จุ ริต ประจำ มีวนิ ยั (5) ใฝเn รียนร.ู มAงุ มั่นในการทำงาน มจี ติ สาธารณะ รวม ประเมนิ ปลายภาคเรยี น รักชาติ ศาสนU กษัตริยU อยูอA ยAางพอเพยี ง รักความเปนx ไทย รวม ประเมนิ ภาพรวม ตลอดภาคเรยี น 29

581 ตัวอยาe งตารางคะแนนการวัดและประเมินผลการเรยี นรู7 แผนการจัดการเรียนร7ูที่ 1 เรื่อง ..................................................วิชา.................................ช้ัน........... เลข ชื่อ-สกลุ ความร7คู วามเข7าใจ ทักษะและกระบวนการ คณุ ลกั ษณะ คะแนน ที่ เน้ือหา ทางวทิ ยาศาสตรA รวม 1 1 2 3 รวม ก ข ค ง จ รวม a b c d e รวม 2 3 4 5 ..... 40 ตวั อยาe งการกำหนดหวั ขอ7 สำหรบั ประเมนิ ผลการเรยี นรู7 หมายเหตุ ด7านความร7คู วามเข7าใจเนื้อหา 1. หมายถงึ เรอ่ื ง(เนือ้ หายอe ย)............................................................ 2. หมายถึง เรอื่ ง(เน้ือหายeอย)............................................................ 3. หมายถึง เร่ือง(เนอ้ื หายeอย)............................................................ ทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตรA ก หมายถึง ทกั ษะการสงั เกต ข หมายถึง ทกั ษะการทดลอง ค หมายถึง ทกั ษะการคำนวณ ง หมายถึง ทักษะการวัด จ หมายถงึ ทกั ษะการตคี วามหมายข7อมูล คุณลักษณะอันพงึ ประสงคA a หมายถึง ซอื่ สตั ยAสุจรติ b หมายถงึ มวี ินยั c หมายถงึ ใฝáเรยี นร7ู d หมายถงึ มeุงมั่นในการทำงาน e หมายถึง มีจิตสาธารณะ 30

582 เครือ่ งมือรวบรวมข7อมูลทักษะ/กระบวนการ/สมรรถนะของผ7เู รียน ทกั ษะการคดิ อยาe งมวี ิจารณญาณ แบบสอบถาม การพิจารณาข.อมูลดว. ยเหตผุ ล การวเิ คราะหUแยกแยะขอ. มลู การแยกแยะขอ. เท็จจรงิ กับความคิดเหน็ การตัดสนิ ใจเลอื กโดยใช.ขอ. มลู การตีความหมายและลงข.อสรปุ อยAางสมเหตุสมผล แบบสังเกต การพิจารณาขอ. มูลด.วยเหตุผล การวเิ คราะหUแยกแยะข.อมูล การแยกแยะขอ. เทจ็ จริงกับความคิดเห็น การตัดสินใจเลือกโดยใช.ขอ. มลู การตคี วามหมายและลงข.อสรุปอยAางสมเหตุสมผล แบบสมั ภาษณA การพิจารณาขอ. มูลด.วยเหตุผล การวิเคราะหแU ยกแยะข.อมูล การแยกแยะขอ. เทจ็ จรงิ กับความคดิ เหน็ การตัดสินใจเลอื กโดยใชข. .อมลู การตีความหมายและลงขอ. สรปุ อยาA งสมเหตสุ มผล 31

569 569 รายวรชิ าายเวทชิคโานเทโลคยโีนมโัธลยยมี ศมกึ .1ษาปีที่ 1 (หนา้ ปกค่ัน)

570 584 570 คาชแี้ จงสาหรับครู ประกอบการใช้แผนการเรียนร้กู ลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว212103 รายวิชา เทคโนโลยี 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 รวมเวลา 40 ชวั่ โมง จานวน 1.0 หน่วยกติ คำแนะนำสำหรับกำรใชแ้ ผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ สำหรบั ครผู ู้สอนทน่ี ำไปใช้ 1.ศึกษำมำตรฐำน ตัวชว้ี ดั คำอธบิ ำยรำยวิชำ 2.ศกึ ษำโครงสร้ำงรำยวชิ ำ 3.ศึกษำกำหนดกำรสอนรำยช่ัวโมง 4.ศึกษำและทำควำมเข้ำใจแผนกำรสอนรำยช่วั โมง 5.ศึกษำแนวกำรจัดกจิ กรรมและจัดเตรยี มส่ือรำยชวั่ โมงให้พรอ้ ม 6.กำรเข้ำถึงสื่อกำรสอนทำงอินเทอรเ์ น็ต ควรตรวจสอบกำรเข้ำถงึ ขอ้ มูล หำกไมส่ ำมำรถเข้ำถงึ ข้อมูล ได้ ให้ใชร้ ปู ภำพหรือสื่อกำรสอนทมี่ ีควำมใกล้เคยี งแทนได้ หำกในบทเรียนมกี ำรใช้วีดีทัศน์ ผูส้ อนควรดำวน์ โหลดวีดิทัศนท์ จ่ี ดั เตรียมใหใ้ นแตล่ ะบทเรียนมำสำรองไว้ในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ให้เรยี บร้อยกอ่ นทำกำรสอน 7.ควรเตรยี มศึกษำเนือ้ หำเพ่ิมเตมิ ในแตล่ ะบทเรยี นก่อนกำรสอน เพื่อให้สำมำรถปรบั เปล่ียน สถำนกำรณต์ ัวอย่ำงในแตล่ ะบทเรยี น 8.แผนกำรจดั กำรเรยี นรูน้ ส้ี ำมำรถปรับเปลย่ี นไดต้ ำมบริบทและควำมเหมำะสม

585 รหัสวชิ า ว21103 รายวิชา เทคโนโลยี 1 คำอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต แ แปปลลงงขขอองงเเศศททึกึกคคษษโโนานาแโแโลนลนยยววี คี คริดริดะะหบหบลุปลุปักัญักขญั ขหอหองาางเหทหเรทครือคือโคนคโวนโวลาโามยลมตใียตนอ้ีใ้อชนงงกีวชกติาีวารปิตรใรใปนนะรชจชะวี ำวี จติ วิต�ำปนัปวรรันะะจจวำ� ำิเวววคนัเิันรคารระาวรหะบวห์สรบส์วารมเาวหเมหตวตเิุหคหุวรริเรือาคอื ะปรปหาัจัจะข์จจหอ้ัยยั์ขมททอู้ลี่สสี่ม่ง่งแลู ผผนลลวตแตค่นออ่ ดิ กวกทคาาี่เรรดิกเเทย่ีปปวเ่ี ลลกขย่ีี่ย่ีย้อนนวง ขกอ้ ับงปกัญบั ปหัญากหาารกอาอรอกอแกบแบบวบิธีกวธิาีกราแรกแ้ปกัญ้ปหญั าหาตัดตสัดินสในิ นใเนลเือลกือขก้อขมอ้ ูมลทลู ที่จ�่ีจำเำปเป็นน็ นน�ำเำสเสนนออแแนนววททาางงกกาารรแแกก้ป้ปัญัญหหาาใใหห้้ผผู้อู้อื่น่ืน เเขขา้ า้ ใใจจวาวงาแงผแนผนดำ�ดเำนเนินินกากราแรกแ้ปกป้ญั ัญหหาาเลอื เลกอืใชก้วใชสั ว้ดัสุอดปุ ุ กอรณปุ ก์ เรคณรอ่ื์ งเมคอืร่ือกงลมไอืก ไกฟลฟไา้กหรไฟืออฟเิา้ ลก็หหทรรือรืออออิเนลิเนลก็ กิก็ทสทร์เอรพนออ่ื ิกนแสนก์ ิก้ปสญั ์เพห่ือา ไแดก้อ้ปยัญ่างหถาูกไดต้อยงา่ เงหถมกู าตะอ้ สงมแลเะหปมลาะอสดมภแัยลกะาปรคลัดอเดลภือยั กกคาุณรคลดักเษลณอื กะคทุณี่จ�ำลเักปษ็นณต่อะทกา่จี ราํ แเปก็น้ปตัญอ่ หกาารขแั้นกตป้ อญั นหกาารแกข้ปนั ัญตอหนา กาารรเแขกยี ป้นญัรหหสั าจำ� ลอกงาแรลเขะยี ผนงั รงาหนสั จกำาลรอเขงยีแนลอะอผกงั งแาบนบแกลาะรเเขขยี ียนนโอปอรกแแกบรมบอแยลา่ ะงเงขา่ ยี ยนทโม่ีปกี ราแรกใรชมง้ อานยตา่ งวั งแา่ ปยรทเ่มี งีกอ่ื านรไใขชแง้ าลนะ กตาวั รแวปนรซ้�ำ เเงพื่อ่ือนแไขก้ปัญแหลาะทกางรควนณซิต้ำศาสเตพรือ่ ์หแรกือ้ปวญั ิทหยาาทศาางสคตณรติ ์กศาารสรตวรบห์ รรวือมวขิท้อยมาูลศปาสฐตมรภก์ ูมาิ รกรวาบรปรวรมะขมอ้วมลูลผปลฐขม้อภมมูลิ กกาารรปสรระ้ามงวทลาผงลเลขือ้อกมแลู ละปกราะรสเมริน้างผทลาเงพเื่อลตอื ักดแสลินะใจปรซะเอมฟินตผ์แลวเพร์แ่อื ลตะดั บสรนิ ิกใจารบซนอฟินตเท์แอวรแ์เนล็ตะทบ่ีรใชิก้ใานรบกานรอจินัดเกทาอรรข์เน้อ็ตมทูลี่ แใชนใ้วนทกาางรกจาัดรกใชา้งราขน้อนมเูลทคโนโแลนยวีสทาารงสกนาเรทใศชง้ าใหน้ปนเทลเคทอโคดนโภโนลัยโยลีสกยาาสีรราสจรนัดสเทกนศาเทรอศัตลักษใณห้ป์ กลอารดพภิจยั ารณากาครวจาดัมกเหามรอาตัะสลมักขษอณง์ เกนาื้อรหพาจิ าขรอ้ ณตากลคงวแาลมะเหข้อมกาะำ� หสมนขดอกงาเรนใ้ือชห้ส่ือาแขล้อะตแกหลลงง่ แขล้อะมขลู อ้ กาํ หนดการใช้สือ่ และแหลง่ ขอ้ มลู ฝกึ กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ นฐฐาานนแแลละะกกาารรเเรรยี ยี นนรรแู้ ู้แบบบบใใชชโ้ คโ้ ครรงงงาานนเปเปน็ ็นฐฐาานนเนเน้ นใน้หใผ้ หเู้ ร้ผยี ูเ้ รนียไดนล้ไดงม้ลอืง ปมฏือิบปฏัติบฝตั ึกิ ทักฝษึกะทกกั าษระคกิดาวริเคิดรวาิเะคหร์ากะาหร์ จ�ำแกนารกจำกแานรกเผชิญกสาถรเาผนชกิญาสรณถา์ นทกักาษรณะก์ ระทบักวนษกะการแะบก้วปนัญกหาารแวกา้ปงญั แหผนา วกาางรแเผรยีนนกราู้รแเรลียะนร�ำู้เแสลนะอนผำา่ เนสกนาอรผทา่ ำ� นกกิจากรรทรำมกโิจคกรงรงรามนโครงงาน เพพอื่ ื่อใใหห้ผ้ผเู้ รู้เยีรนียมนีคมวีคาวมารมู้ รู้ ควคาวมามเขเข้าา้ ใใจจ ความคสวัมามพสันัมธพ์ขนั อธง์ขคอวงาคมวราู้วมิทรู้วยิทายศาาศสาตสรต์ทร์ที่มม่ีผผี ลลตต่อ่อกกาารพัฒนา เทคโนโลยีและการพัฒนาเทคโนโลยยีทีท่สี ่ีส่ง่งผผลลใใหห้ม้มีกีกาารรคคิดิดคคน้ ้นคคววาามมรรู้ทู้ทาางวงวทิ ิทยยาศาศาสาสตตร์ทร์ทกี่ า้ี่กว้าหวนหา้น้า ผลของเทคโนโลยี ต่อชีวิต สสังงัคคมมแแลละะสส่ิง่งิ แแววดล้อม ตลอตดลจอนดนจน�ำคนวำาคมวรามู้ครวคู้าวมาเมข้เาขใา้จใจนใวนิชวาชิ วาิทวิทยายศาศาสาสตตรร์แ์แลละะเทเทคคโโนนโโลลยยีไี ปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อสังคมและการด�ำรงชวี ิต สสาามมาารรถถพพัฒฒั นนาากกรระะบบววนนคคิดิดแแลละะจจินนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการตัดสินใจ เปเป็น็นผผู้ทู้ท่ีม่มี ีจีจิติตววิทิทยยาาศศาาสสตตรร์ ์ มมีคีคุณณุ ธธรรรรมม จริยธรรม คา่ นิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละ เเททคคโโนนโโลลยยอีอี ยย่าา่ งงสสรรา้้างงสสรรรรคค์์ รหัสตัวช้วี ดั ว 4.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ว 4.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 รวมท้ังหมด 9 ตัวช้ีวัด

586 572 572 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชี้วัด รหัสวิชำ ว21103 รำยวชิ ำเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 1 ปกี ำรศึกษำ 2562 รวมเวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต สำระท่ี 4 เทคโนโลยี มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ว 4.1 กำรออกแบบและเทคโนโลยี เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิด สร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบต่อ ชีวิต สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม ตัวชวี้ ดั ม.1/1 อธบิ ายแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีในชวี ิตประจาวนั และวิเคราะห์สาเหตุ หรือปจั จยั ทส่ี ่งผล ต่อการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี ม.1/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจาวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดท่ี เกี่ยวขอ้ งกับปญั หา ม.1/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่จาเป็น นาเสนอแนวทางแกไ้ ขปัญหาใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ วางแผนและดาเนนิ การแก้ปัญหา ม.1/4 ทดสอบ ประเมินผล และระบุข้อบกพร่องที่เกิดข้ึนพร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแกป้ ญั หา ม.1/5 ใช้ความรู้ และทักษะเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อ แก้ปัญหาหรอื พฒั นางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภยั มำตรฐำน ว 4.2 วทิ ยำกำรคำนวณ เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ อย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมีจริยธรรม

587 573 573 ตัวชว้ี ดั ม.1/1 ออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิงนามธรรมเพ่ือแก้ปัญหาหรืออธิบายการทางานท่ีพบ ในชีวิตจริง ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพ่ือแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ ม.1/3 รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิประมวลผลประเมินผลนาเสนอข้อมูลและสารสนเทศตาม วัตถุประสงคโ์ ดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ นต็ ที่หลากหลาย ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ใชส้ ื่อและแหล่งขอ้ มลู ตามข้อกาหนดและข้อตกลง

588 574 574 โครงสรำ้ งรำยวิชำ รหัสวิชำ 21103 รำยวชิ ำ เทคโนโลยี 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 1 ภำคเรียนท่ี 1 ปกี ำรศกึ ษำ 25621 รวมเวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต หน่วยท่ี ช่อื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิด เวลำ น้ำหนกั ตัวชีว้ ัด รวบยอด (ชั่วโมง) คะแนน 1 ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื ว 4.1 เทคโนโลยี เปน็ สง่ิ ที่มนษุ ย์ 6 10 สแอื่ลแะเลทะคเทโนคโโลนยโี ลยี ม. 1/1 สร้างหรอื พฒั นาขน้ึ ซ่ึงอาจเปน็ ได้ ว 4.2 ทั้งชิ้นงานหรอื วธิ กี าร เพอ่ื ใช้ ม.1/3 แก้ปญั หา สนองความตอ้ งการ ว 4.2 หรอื เพมิ่ ความสามารถ ในการ ม.1/4 ทางานของมนุษย์ เทคโนโลยี มกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตัง้ แต่อดตี จนถงึ ปัจจบุ นั ซง่ึ สาเหตุหรอื ปจั จัยมาจากหลาย ด้าน เชน่ ปญั หา ความตอ้ งการ ความมกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆ เศรฐกิจ สังคมระบรบะบทบางทาง เทคโนโลยี เปน็ ระบบท่ี ประกอบดว้ ยการทางานร่วมกนั นขององค์ประกอบเทคโนโลยี ซง่ึ องค์ประกอบทางเทคโนโลยที ่ี ทาให้เกดิ ระบบทางเทคโนโลยมี ี 4 องคป์ ระกอบหลกั ประกอบไป ด้วยตวั ป้อน(input) กรระะบบววนน การ (process) แลละะผผลลผผลลติ ิต (output) ทสี่ ัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยี อาจมีขอ้ มลู ยอ้ นกลับ (feedback) ผลกระทบ ของการพฒั นาเทคโนโลยี เช่น ดา้ นสงิ่ แวดล้อมเทคโนโลยที าให้ การคมนาคมมคี วาม สะดวกสบายและใชเ้ ช้ือเพลงิ มากขึ้น ทาใหเ้ กิดแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์มากข้นึ จน กลายเป็นภาวะโลกรอ้ น

589 575 575 หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคัญ/ควำมคิด เวลำ นำ้ หนกั ตวั ชีว้ ัด รวบยอด (ชัว่ โมง) คะแนน การรวบรวมจากแหล่งขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ประมวลผล สรา้ ง ทางเลือก ประเมินผล จะทาใหไ้ ด้ สารสนเทศเพอื่ ใช้ในการแก้ปญั หา หรอื การตดั สินใจได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ การประมวลผลเปน็ การกระทา กบั ข้อมลู เพือ่ ให้ไดผ้ ลลัพธท์ ่ีมี ความหมายและมปี ระโยชน์ตอ่ การ นาไปใช้งานสามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เชน่ คานวณอตั ราส่วน คานวณ ค่าเฉล่ีย การใช้ซอฟแวร์หรือบริการบน อินเทอรเ์ น็ตที่หลากหลายในการ รวบรวมประมวลผล สรา้ ง ทางเลือก ประเมนิ ผลนาเสนอ จะ ชว่ ยให้แก้ปญั หาไดอ้ ย่างรวดเรว็ ถูกต้อง และแมน่ ยา ความปลอดภัยของ เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ นโยบาย ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิและมาตรการ ทางเทคนคิ ทีน่ า�ำมาใช้ป้องกนั การใช้ งานจากบุคคลภายนอก การ กเปาลรเย่ี ปนลแยี่ ปนลแงปกลางรขกโามรยขโหมรยือการ หทราือควกาามรเทสยี�ำคหวาายมตเอ่ สเยีทหคาโนยตโล่อยี เสทาครโสนนโเลทยศีสารสนเทศ วธิ กี ารป้องกนั และการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศจากภยั คุกคามต่างๆ มีหลายวธิ เี ช่น หม่ัน หตมรว่ันจตสรอวบจแสลอะบอแพั ลเะดอตพั เดท ระบบปฏิบตั กิ ารใหเ้ ป็นเวอรช์ ัน่ ปจั จุบันและควรใช้ระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ที่มีลิขสทิ ธิ์ ไม่ เปิดเผยขอ้ มูลส่วนตวั ผ่านสื่อสังคม ออนไลน์ เช่น เลขที่บตั รประชาชน

590 576 576 หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคญั /ควำมคดิ เวลำ นำ้ หนกั ตวั ช้ีวดั รวบยอด (ชัว่ โมง) คะแนน 2 นกั ออกแบบน้อย ว 4.2 ประวัตกิ ารทางาน เบอร์โทรศัพท์ 6 10 ม.1/1 หมายเลขบตั รเครดิต 10 ม.1/2 4 แนวคดิ เชิงนามธรรม เปน็ การ 3 กระบวนการออกแบบเชิง ว 4.1 กปารระะเปมรนิ ะเคมวินาคมวสาามคสัญ�ำขคอญั งของ เวชิศิงววกิศรวรกมรรม ม. 1/2 รายละเอียดของปญั หา แยกแยะ ม. 1/3 สว่ นสว่ นที่เป็นสาระสาคญั อยออกก ม. 1/4 จากส่วนที่ไมใ่ ช่สาระสาคญั ม.1/5 คอมพิวเตอร์อลั กอรทิ มึ เปน็ แก่นของวิทยาการคอมพวิ เตอร์ เปน็ ศาสตร์ทท่ี าใหส้ ามารถ ประมวลผลแบบทลี ะขนั้ ตอน ซง่ึ ทา ซใหงึ่ ทค้ �ำอใมหพค้ วิอเมตพอวิรเส์ ตาอมรา์สราถมปาระถมวลผล ปเพระอ่ื มแวกล้ไขผปลเญั พห่ือาแดกว้ไขยปเคัญรห่อื งา ดคว้ อยมเคพริวอ่ืเตงคออร์มพวิ เตอร์ การออกแบบอัลกอริทมึ เพอื่ แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่ายอาจใช้ แนวคิดเชิงนามธรรมในการ กอาอรกอแอบกบแเบพบอื่ ใเพห่ือ้กใาหรก้แากร้ปแญั กห้ปาัญมหี ามี ประสิทธภิ าพ กระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรม มาเพอ่ื แกป้ ัญหาหรือ สนองความตอ้ งการจากมนษุ ย์ กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม การเลือกใชว้ สั ดุ เคร่อื งมอื และอปุ กรณใ์ นการสรา้ งสรรค์ เทคโนโลยโี ดยวสั ดแุ ตล่ ะ ประเภทมีสมบัตขิ ้อจากดั ในการ ใช้ทแี่ ตกต่างกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก จงึ ตอ้ งมีการวเิ คราะห์ สมบตั ิของวสั ดุ เพ่ือเลือกใช้ให้ เหมาะสมกับลักษณะของงาน และเกดิ ประโยชน์กบั ผู้ใชง้ าน อย่างแทจ้ รงิ

591 577 577 หน่วยท่ี ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคัญ/ควำมคิด เวลำ นำ้ หนกั 4 โปรแกรมเมอร์นอ้ ย ตวั ชีว้ ดั รวบยอด (ช่วั โมง) คะแนน 5 วศิ วกรน้อย ว 4.2 การออกแบบโปรแกรมที่มกี าร 14 10 ม.1/2 ใช้ตวั แปร เง่อื นไข วนซา้ 10 20 ว 4.1 การออกแบบอลั กอริทึม เพื่อ ม.1/5 20 เแพกือ่ ป้ แัญกหไ้ ขาทปาญั งคหณาทติ ศางาคสตณริต์ ศาสตร์ 20 สอบกลำงภำค 100 สอบปลำยภำค วทิ ยาศาสตร์อยา่ งง่าย อาจใช้ รวมตลอดภำคเรยี น แนวคิดเชงิ นามธรรมในการ ออกแบบเพ่อื ให้การแก้ไขปัญหามี ประสทิ ธภิ าพ การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ข้ันตอน จะชว่ ยใหแ้ ก้ปญั หาไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ ซอฟแวร์ทใ่ี ช้ในการเขียน โปรแกรม เช่น Scratch ,code.org,microbit,blockly,pyt hon ,java ,c ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมสมาการเคลอื่ นที่ โปรแกรมคานวณหาพื้นท่ี โปรแกรม การสร้างชนิ้ งานอาจใช้ความรู้ เรื่องกลไก ไฟฟา้ อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น LED บซั เซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟา้ กากราสรรสา้ รง้าชง้ินชงนิ้ างนาน หรือพฒั นา้วิธีการมหี ลลาายย ประเภท ตอ้ งเลอื กใชใ้ หถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั รวมทงั้ รู้จักเกบ็ รกั ษา 40

578 592 578 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ เทคโนโลยีในชวี ติ ประจาวนั รหสั วชิ า ว21103 รายวชิ า เทคโนโลยี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 6 ช่ัวโมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวช้ีวัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่าง มีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทันและมจี รยิ ธรรม ตวั ชี้วดั ว 4.1 ม.1/1 อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวันและวิเคราะห์สาเหตุหรอื ปัจจัยท่ี สง่ ผลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอข้อมูล และสารสนเทศตาม วตั ถุประสงค์ โดยใช้ซอฟแวร์ หรอื บริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่หลากหลาย ว 4.2 ม.1/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิ ในการเผยแพร่ผลงาน 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยเี ป็นสิ่งท่ีมนุษยส์ ร้างหรือพฒั นาข้ึน ซง่ึ อาจเป็นได้ท้ังชิ้นงานหรอื วิธีการ เพื่อใช้แกป้ ัญหา สนองความต้องการหรือเพิ่มความสามารถ ในการทางานของมนุษย์ เทคโนโลยีมีความสาคัญในการแก้ปัญหา หรือสนองความต้องการของมนษุ ย์ ช่วยเพม่ิ ความสามารถในการทางานของมนุษย์ ชว่ ยให้มนษุ ย์ทางานได้ดีข้ึน รวดเร็วข้ึน เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซ่ึงสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลาย ด้าน เชน่ ปัญหา ความตอ้ งการ ความก้าวหน้าของศาสตรต์ ่างๆ เศรษฐกจิ สงั คม สง่ ผลกระทบตอ่ การดารงชีวติ ของมนุษย์หลายด้าน ระบบทางเทคโนโลยีมี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมูลย้อนกลับ (feedback) ซ่ึงใน ปบัจนจุบันมีข้อมูลจานวนมาก จึงต้องมีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการจัดการสารสนเทศ ผู้ใช้ต้อง คานึงถึงความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องรู้จักปกป้องความเป็นส่วนตัว และอัตลักษณ์ ไม่ละเมิด ความเปน็ สว่ นตัวผู้อ่นื ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง ข้อกาหนดในการใช้สื่อหรอื แหลง่ ข้อมลู ต่างๆ

593 579 579 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยี 2. ความสาคญั ของเทคโนโลยี 3. การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี 4. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งไรใหป้ ลอดภยั 5. อธิบายและวเิ คราะห์ระบบทางเทคโนโลยไี ด้ 6. การจดั การสารสนเทศ 7. การใชซ้ อฟตแ์ วรใ์ นการทางาน ทกั ษะ/กระบวนการ 1. ทกั ษะในการทางานร่วมกนั 2. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 3. ทักษะการศึกษาและสืบคน้ ข้อมูล 4. ทกั ษะการนาเสนองาน 5. ทักษะในการแสวงหาความรู้ / การเขียนสรุปสาระสาคัญ เจตคติ 1. เหน็ คุณค่าของการนากระบวนการเทคโนโลยมี าใชใ้ นชีวติ ประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ 2. เหน็ ความสาคัญของแกกาป้รแญั กห้ปาญัหรหือาสหนรอื งสคนวอางมคตวอ้ างมกตาอ้รใงนกงาารนในทง่ีผาลนติ ทโดี่ผยลใชิต้คโวดายมคใชิดค้สรว้างมสครรดิ คส์ ร้างสรรค์ 3. เห็นประโยชน์ในการนาซอฟตแ์ วร์มาใช้ในการทางาน โดยอยา่ งมีความสุข และภาคภมู ิใจ ในผลงาน 4. ลดการใชท้ รพั ยากรหรือเลือกใชเ้ ทคโนโลยีที่ไม่มผี ลกระทบตอ่ ส่ิงแวดล้อม 5. เห็นคุณคา่ ของการแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ขัน้ ตอนไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 6. มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในการสอื่ สารผ่านเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ 4.สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

594 580 580 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ซ่อื สัตย์สุจรติ 2. มีวินัย 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน 6. การประเมินผลรวบยอด ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน 1. ใบงานที่ 1.1 ความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยี 2. ใบงานที่ 1.2 การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี 3. ใบงานที่ 1.3 ใช้เทคโนโลยอี ย่างไรใหป้ ลอดภัย 4. ใบงานที่ 1.4 สรุปเป็นองค์ความรูโ้ ดยใช้ mind map (decomposition) 5. ใบงานที่ 2.1 ระบบทางเทคโนโลยี 6. ใบงานที่ 2.2 การวเิ คราะห์ระบบทางเทคโนโลยี 7. ใบงานที่ 3.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 8. ใบงานท่ี 3.2 การเลือกใชซ้ อฟต์แวรแ์ ละบริการบนอนิ เทอร์เน็ต เกณฑก์ ารประเมินผลชนิ้ งานหรือภาระงาน ประเด็นการประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง) 3 (ดี) 2 (พอใช้) เกณฑ์การประเมินดา้ นความรู้ 1.การวิเคราะห์งาน วเิ คราะห์งานไดต้ รง วเิ คราะห์งานได้ตรง วเิ คราะห์งานได้ตรง วิเคราะหง์ านไดต้ าม และวางแผนการ ทางาน ประเดน็ ตามท่ี ประเดน็ ตามท่ี ประเดน็ ตามที่ ประเด็น วางแผน กาหนดมมีคคี ววาามม กาหนด กาหนด และเขียนแผนงานยัง ถูกต้อง วางแผน มคี วามถูกตอ้ ง มีความถูกตอ้ ง ไมช่ ัดเจนทจี่ ะนาไปสู่ และเขยี นแผนงาน วางแผนและเขยี น วางแผนและเขยี น การปฏิบัตไิ ด้ เปน็ ขั้นตอนได้ แผนงานเปน็ แผนงานยังไม่ ชดั เจน ละเอียด ข้นั ตอนนาไปสู่ ชดั เจน เข้าใจง่าย สามารถ การปฏิบัตไิ ด้ นาไปสู่การปฏิบตั ิ และ บรรลุ เป้าหมายได้

595 581 581 ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 2. การตอบคาถาม ตอบคาถามได้ตรง ตอบคาถามได้ตรง ตอบคาถามได้ตรง ตอบคาถามไมต่ รงตรง เขียนสรุปองค์ความรู้ ประเดน็ มีเหตุผล ประเดน็ ประกอบอยา่ ง ประเดน็ มเี หตุผล ประเดน็ บางสว่ น เขยี นอธบิ ายไมม่ ี เหมาะสมใใชช้ภภ้ าาษษาา เหตผุ ลใใชช้ภ้ภาาษษาาในใน ในการเขียนได้ ประกอบอยา่ ง มเี หตผุ ลประกอบ การเขยี นไม่ เหมาะสม ถูกต้อง เหมาะสมเปน็ ส่วน ไมค่ รบประเด็นใใชช้ ้ ลายมือสวย อา่ น เหมาะสม งา่ ย มีความคิด ใหญ่ใใชชภ้ ้ภาาษษาาใในนกกาารร ภาษาในการเขยี น สร้างสรรค์ เขยี น เขยี นได้เหมาะสม มี เหมาะสมเป็น ลาดบั เหตกุ ารณ์ ตอ่ เน่อื ง และ ความคิดสรา้ งสรรค์ บางส่วน เขยี นลาดบั เช่ือมโยงได้ดี เหตกุ ารณย์ ังขาด การตต่ออ่ เนเนื่อ่ืองง 3. สรุปและเขียน สรปุ การศกึ ษาและ สรุปการศกึ ษาและ สรปุ การศกึ ษาและ สรุปการศึกษาและ แผนภาพความคิด สบื คน้ ได้ตรง สืบค้นได้ตรง สืบค้นไดต้ รง สบื คน้ ได้ไมต่ รง ประเด็นแล้วนาสู่ ประเดน็ แล้วนาสู่ ประเด็นกกาารรเขเขยี ยี นน ประเดน็ การเขียน การเขยี นแผนภาพ การเขยี นแผนภาพ แผนภาพความคิด แผนภาพความคิดได้ ความคดิ ได้ถูกต้อง ความคิดไดถ้ ูกต้อง ได้ตรงกบั เน้ือหา ผลงานไมส่ วยงาม ตรงเนอื้ หา ผลงาน ตรงเนอื้ หา สวยงาม มี ผลงานสวยงาม ผลงานไมส่ วยงาม ความคิดสรา้ งสรรค์ 4. การอธบิ ายความรู้ เขยี นอธิบายเรื่องที่ เขยี นอธบิ ายเร่ืองท่ี เขยี นอธบิ ายเร่ืองที่ เขยี นอธิบายเร่ืองที่ ศึกษามาไดอ้ ยา่ ง ศกึ ษามาได้อยา่ ง ศกึ ษามาได้อยา่ ง ศึกษา พรอ้ มให้ ชดั เจน พรอ้ มให้ ชัดเจน พรอ้ มให้ ชดั เจน พรอ้ มให้ เหตุผล ชีใ้ หเ้ ห็น เหตผุ ลทหี่ นกั แน่น เหตผุ ลทีห่ นกั แน่น เหตผุ ลท่หี นกั แนน่ ความสาคญั ของเร่ือง ชีใ้ ห้เห็น ช้ีให้เห็น ชใ้ี หเ้ ห็น ทศ่ี ึกษา แต่มีข้อมูล ท่ไี มเ่ ฉพาะเจาะจง

596 582 582 ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรบั ปรุง) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 5. ข้นั ตอนการ เขียนขน้ั ตอนการ เขยี นข้นั ตอนการ เขยี นขนั้ ตอนการ ไมส่ ามารถเขียน แกป้ ญั หา แกป้ ญั หาได้ แก้ปญั หาได้ แก้ปัญหาไดแ้ ต่ไม่ ขั้นตอนการ ครบถ้วนและ ครบถ้วนและ เป็นไปตามขั้นตอน แก้ปญั หาตาม ถูกต้องตามขนั้ ตอน ถูกต้องตามขัน้ ตอน ข้ันตอนได้ เปน็ ลาดบั ชดั เจน 6.การวิเคราะห์และ จากสถานการณ์ จากสถานการณ์ จากสถานการณ์ จากสถานการณ์ กาหนดรายละเอียด ปัญหาที่กาหนดให้ ปัญหาทก่ี าหนดให้ ปญั หาทกี่ าหนดให้ ปัญหาทกี่ าหนดให้ ของปัญหา สามารถวเิ คราะห์ สามารถวิเคราะห์ สามารถวิเคราะห์ ไม่สามารถวเิ คราะห์ สง่ิ ที่ตอ้ งการคือ ส่งิ ท่ตี ้องการคือ ส่งิ ที่ตอ้ งการคือ ส่งิ ทตี่ อ้ งการคืออะไร อะไร ขอ้ มูลที่ อะไร ขอ้ มลู ท่ี อะไร ขอ้ มลู ที่ ขอ้ มูลที่กาหนดให้คอื กาหนดใหค้ ืออะไร กาหนดใหค้ ืออะไร กาหนดให้คืออะไร อะไร เง่อื นไขคือ เง่อื นไขคืออะไร ได้ เง่ือนไขคืออะไร ได้ เง่ือนไขคืออะไร แต่ อะไรไไดด้ ้ ถูกต้องทง้ั หมดและ ถกู ต้อง ยังไม่ชัดเจน ชัดเจนทุกประเด็น 7. บอกวธิ กี าร สามารถบอกวธิ ีการ สามารถบอกวธิ ีการ สามารถบอกวธิ ีการ ไม่สามารถบอก แลกเปล่ยี นข้อมลู แลกเปลีย่ นข้อมลู แลกเปลีย่ นขอ้ มลู แลกเปลีย่ นขอ้ มลู วธิ กี ารแลกเปลย่ี น- ขา่ วสารจากผูส้ ่งผา่ น ส่ือกลางไปยังผูร้ ับ ขา่ วสารจากผู้ ข่าวสารจากผู้ ข่าวสารจากผู้ ขอ้ มลู ข่าวสารจากผู้ สง่ ผ่านสอ่ื กลางไป ส่งผ่านส่อื กลางไป ส่งผ่านส่อื กลางไป ส่งผา่ นสือ่ กลางไปยัง ยังผรู้ ับได้อยา่ ง ยังผรู้ ับไดอ้ ย่าง ยังผรู้ ับไดอ้ ย่าง ผรู้ บั ได้ ถูกต้อง 3 วิธี ถกู ต้อง 2 วธิ ี ถกู ต้อง 1 วธิ ี 8. การจาแนกเนื้อหา - จาแนกกลุ่ม - จาแนกกลมุ่ - จาแนกกลุ่ม - ไม่จาแนกกลมุ่ ความคดิ ไดช้ ดั เจน ความคดิ ได้ชดั เจน ความคดิ ได้ ความคิดได้ชดั เจน - เหน็ ภาพรวม - เห็นภาพรวม - เนือ้ หาไม่กระชับ - เนอื้ หาไม่กระชับ กว้างๆของหวั ขอ้ กว้างๆของหวั ข้อ ส้นั ไมไ่ ด้ใจความ ไมไ่ ดใ้ จความ ใหญ่ ใหญ่ - ขาดความสัมพนั ธ์ - ไม่มคี วามสัมพนั ธ์ - เนอ้ื หากระชับส้ัน - เน้อื หากระชับส้นั ของเน้ือหา ของเนื้อหา ได้ใจความ

597 583 583 ประเด็นการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) - มคี วามสมั พันธ์ - มคี วามสัมพันธ์ ของเนื้อหา ของเน้ือหา - จับประเดน็ ได้ ชัดเจน - เข้าใจง่าย 9. อธิบายลกั ษณะของ สามารถอธบิ าย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย ไม่สามารถอธิบาย เทคโนโลยกี ารรับส่ง ลักษณะของ ลกั ษณะของ ลักษณะของ ลักษณะของ ข้อมลู ภายในเครอื ข่าย เทคโนโลยีการรับสง่ เทคโนโลยกี ารรบั สง่ เทคโนโลยีการรบั ส่ง เทคโนโลยกี ารรับสง่ คอมพิวเตอร์ ข้อมลู ภายใน ขอ้ มลู ภายใน ขอ้ มูลภายใน ขอ้ มลู ภายใน เครอื ข่ายได้ อย่าง เครอื ข่ายได้อย่าง เครือข่ายได้ถูกต้อง เครอื ข่าย ถูกต้อง 3 แบบ ถูกต้อง 2 แบบ 1 แบบ 10. นาเสนอเน้อื หาใน เนอ้ื หาสาระถกู ต้อง เน้อื หาสาระถูกต้อง เนอื้ หาสาระถูกต้อง เน้ือหาสาระถูกต้อง ผลงานได้ถูกต้อง ครบถ้วน รายละเอียด รายละเอยี ด รายละเอียดไม่ รายละเอียด ครอบคลุม ครอบคลุมเปน็ ครอบคลุม ครอบคลุม ส่วนมาก สอดคล้อง 11. การนาเสนอมี นาเสนอ นาเสนอ นาเสนอ นาเสนอ ความน่าสนใจ กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน ท่ีเลือกไดถ้ ูกต้อง ท่ีเลอื กไดถ้ ูกต้อง ทเี่ ลือกไดถ้ ูกต้อง ทเ่ี ลือกไม่ได้ และครบถ้วน ตาม และครบถว้ น ข้นั ตอน

598 584 584 ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) เกณฑ์การประเมินด้านทักษะและกระบวนการ 1.ทักษะในการ เขยี นสรปุ สาระสาคัญ เขียนสรุป เขียนสรุป เขียนสรุป แสวงหาความรู้ / การ สาระสาคัญได้ไมต่ รง เขยี นสรปุ สาระสาคัญ ได้ครบและตรง สาระสาคญั ไดค้ รบ สาระสาคญั ได้ตรง ประเด็น ใช้ภาษาในการเขยี น ประเด็นเขเขยี ยีนนมมี ี และตรงประเดน็ ประเดน็ ไมเ่ หมาะสม เขียน ถกู บ้าง ผิดบ้างเป็น เหตผุ ลประกอบอย่าง เขียนมีเหตผุ ล เขยี นมีเหตุผล บางคา เหมาะสม ใช้ภาษา ประกอบอย่าง ประกอบอยา่ ง ในการเขียนได้ เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เขียนคา ใชภ้ าษาในการ ใชภ้ าษาในการ ถกู ต้อง ลายมอื สวย เขยี นได้เหมาะสม เขียนได้เหมาะสม อ่านงา่ ย มีความคดิ เขยี นคาถูกต้อง เขยี นผิดเป็นบาง สรา้ งสรรค์ คา 2. ทกั ษะการคิด วเิ คราะหข์ ัน้ ตอน วเิ คราะห์ข้ันตอน วิเคราะห์ขั้นตอน วิเคราะห์ขั้นตอน วิเคราะห์ กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน ท่ีเลือกไดถ้ ูกต้อง กระบวนการทางาน กระบวนการ ที่เลอื กไม่ถูกต้อง และครบถว้ น ตาม ข้นั ตอน ท่ีเลอื กไดถ้ ูกต้องแต่ ทางานทเี่ ลือกได้ ไม่เปน็ ลาดบั ถกู ต้อง บางสว่ น 3. ทักษะกระบวนการ การแบ่งหนา้ ที่ ความ การแบ่งหน้าท่ี การแบ่งหน้าที่ การแบ่งหน้าที่ ความ ทางานร่วมกัน ความรับผดิ ชอบ รับผิดชอบชดั เจน รบั ผดิ ชอบชดั เจน ความรบั ผดิ ชอบ ชัดเจน รว่ มคดิ วางแผน ร่วมมือ รว่ มวางแผน ทางาน แตข่ ขาาดด รว่ มคิด ร่วมวางแผน ชัดเจน ร่วมคดิ รว่ มมอื ทางาน ความรบั ผดิ ชอบ ไม่ ชว่ ยเหลอื เออ้ื รว่ มมอื ทางาน ร่วมวางแผน อาทรในการ ตรงตอ่ เวลา ทางาน มคี วาม ชว่ ยเหลือเอ้อื อาทรใน รว่ มมอื ทางาน รบั ผดิ ชอบ ตรง ตอ่ เวลา การทางานมคี วาม ช่วยเหลือเออื้ อาทร รบั ผิดชอบ ตรงตอ่ ในการทางาน มี เวลา รบั ฟังความ ความรับผดิ ชอบ คิดเห็นซึ่งกันและกัน ตรงตอ่ เวลา รับฟัง และร่วมภูมิใจใน ความคดิ เห็นซึ่งกนั ผลงาน และกัน

599 585 585 ประเดน็ การประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 4. การศกึ ษาและ ศึกษาและสบื คน้ ศกึ ษาและสืบค้น ศกึ ษาและสบื ค้น ศกึ ษาและสบื ค้น สืบคน้ ขอ้ มูล ขอ้ มูลไดต้ รง ข้อมูลไดต้ รง ข้อมลู ไดต้ รง ขอ้ มูลไม่ตรงประเดน็ ประเด็นที่กาหนด ประเด็นที่กาหนด ประเดน็ ตามที่ เนือ้ หา ไม่ถกู ต้องและ เน้อื หาถูกต้องและ เนอื้ หาถูกต้องและ กาหนดบางส่วน ไมค่ รบถว้ น เนือ้ หาถูกตอ้ งแต่ไม่ ไมร่ ะบุแหลง่ อ้างอิง ครบถว้ น มีการ ครบถว้ น ไม่มีการ ครบถว้ น ขาด กาหนดแหล่งอ้างอิง กาหนดแหล่ง ไดช้ ดั เจน อ้างองิ ที่ชดั เจน เน้อื หาบางสว่ น ไม่ ระบุแหล่งอ้างอิง 5. การนาเสนอ เน้อื หานาเสนอ เนือ้ หานาเสนอ เนอื้ หานาเสนอ เนือ้ หานาเสนอไม่ หนา้ ช้นั เรยี น ครอบคลุมทุก ครอบคลุมทุก ครอบคลุมทกุ ครอบคลุม ตามหลัก ประเด็น ถูกต้อง ประเด็น ถกู ตอ้ ง ประเดน็ ถกู ตอ้ ง วชิ าการ ตอบขอ้ ตามหลักวิชาการ ตามหลกั วิชาการ ตามหลักวิชาการ คาถามได้ไม่ครบทกุ นา่ เช่อื ถอื ใชค้ าพูด นา่ เช่อื ถือ พูด นา่ เช่ือถอื ตอบข้อ ประเดน็ นาเสนอได้ นาเสนอได้ นาเสนอได้ คาถามได้ทุก ไมต่ รงเวลาที่กาหนด เหมาะสม เหมาะสม ตอบข้อ ประเด็น ตรงเวลาที่ บคุ ลิกภาพดี ตอบ คาถามไดท้ ุก กาหนด ข้อคาถามได้ทุก ประเด็น เสนอได้ ประเดน็ นาเสนอได้ เหมาะสม ตรงเวลา เหมาะสม ตรงเวลา ทก่ี าหนด ท่ีกาหนด 6. การนาเสนอผลงาน มีความพร้อมในการ มีการเตรียมส่ือการ มกี ารเตรยี มสื่อการ มกี ารเตรียมสื่อการ นาเสนอผลงานโดย กนาารเนสนำ� เอสผนลองผาลนงดาี นดี กนาารเนสำ�นเอสผนลองผาลนงาแนต่ กนารเสนน�ำอเสผนลองาผนลงแาตน่ มกี ารเตรยี มสื่อมา แต่ลาดบั การ แลตาล่ ด�ำับดกบั ากรานรานเส�ำนเสอนอ แขตาด่ขลาาดดลบั ำ� ขดน้ับตขอนั้ นตใอนน อย่างดี มกี าร นาเสนองานมีการ งานมขี ข้ออ้ ผผิดดิ พพลลาาดด ใกนากรนารานเส�ำนเสอนงาอนงาน จดั ลาดบั การ ตดิ ขดั บางครั้ง การ บอ่ ยครัง้ เน้ือหาที่ นาเสนอชดั เจน มุ่ง นาเสนอยังม่งุ เน้น นาเสนอตรงกบั มน่งุานเสำ� นเสอนเนอ้ือเนห้อืาหท่ีาที่ เนอื้ หาทต่ี รงกับ วตั ถปุ ระสงค์บางข้อ ตรงกบั วตั ถปุ ระสงค์ วตั ถุประสงค์

600 586 586 586 586 ประเดน็ การประเมนิ ระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพ ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ ) 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) เกณฑ์การประเมนิ ด้านเจตคติ 1.เห็นคุณค่าของการ นากระบวนการ เกณฑน์กาากรประรบะเวมนินกดา้ารนเจตคตนิากระบวนการ ไมน่ ากระบวนการ 1น.าเหกรน็ ะคบุณวคน่ากขาอรงการ นเทาคกโรนะโบลวยนมี กาาใชรใ้ น นเทาคกโรนะโบลวยนีมกาาใชร้ใน นเทาคกโรนะโบลวยนมี กาาใชรใ้ น เไทมคน่ โานกโรละยบีมวานใกชา้ในร นเทาคกโรนะโบลวยนีมกาาใชรใ้ น เชทีวคติ โปนรโะลจยามี วานั ใชไดใ้ น้ เชทีวคิตโปนรโะลจยาีมวานั ใชไดใ้ น้ ชเทวี คติ โปนรโะลจยามี วานั ใชไดใ้ น้ ชเทีวคิตโปนรโะลจยามี วาันใชได้ใน้ เชทีวคิตโปนรโะลจยาีมวานั ใชอใ้ยน่าง ชอวียิต่างปถรูกะตจ้อาวงนั ตไาดม้ ชอวียติา่ งปถรูกะตจ้อาวงตนั าไดม้ บชวีาติงโปอรกะาจสาวันได้ ชวี ิตประจาวนั ได้ ชสรีวา้ติ งปสรระรจคา์ วนั อย่าง อหยลา่ักงกถาูกรต้อง ตาม อหยลา่กั งกถาูกรต้องตาม บางโอกาส สร้างสรรค์ หกรละกั บกวานรการ หกรละักบกวานรการ กเทรคะโบนวโนลกยาี ร กเทรคะโบนวโนลกยาี ร เสทาคมโานรโถลเยปีน็ เทคโนโลยี สตาวั มอายร่าถงไเปด้น็ 2. เหน็ ความสาคญั นตวัาอกยระ่าบงไวดน้ การ นากระบวนการ นากระบวนการ นากระบวนการ 2ข.อเงหแ็นกค้ปวญั าหมาสหาครือญั แนกากป้ รัญะหบาวสนรก้าางร นแกาก้ปรัญะหบาวสนรก้าางร นแกากป้ รัญะหบาวสนรกา้ างรชั้นิ แนกา้ปกญั ระหบาวสนร้ากงาชรั้นิ ขสอนงอแงกค้ปวาัญมหตา้อหงรกือารใน ชแกิน้ ป้งาัญนหทามี่ สีครว้าางมคดิ แชก้นิ ป้งาัญนหทาีม่ สีครวา้ างมคิด แงากนป้ แัญตหไ่ มาไ่สดร้ใ้าชง้ช้ัน แงากน้ปญัแตหไ่ ามส่สรม้าบงชรู นั้ณ์ สงานนอทงผ่ีคลวาติ มโดตย้อใงชก้ ารใน สชริ้นา้งงาสนรทรี่มคีค์แวลาะมคิด ชสรน้ิ า้งงาสนรทรี่มคีคแ์ วตา่ไมมค่ ิด งคาวนาแมตค่ไดิ มส่ไรดา้ ้ใงชส้ รรค์ งขาานดคแวตา่ไมมค่สิดมบรู ณ์ คงาวนาทมคผี่ ิดลิตสรโดา้ ยงสใชร้รค์ แสปรา้ลงกสใรหรมค่แ์ ละ สแปร้าลงกสใรหรมค่์แตไ่ ม่ ความคิดสร้างสรรค์ ขสารด้างคสวรารมคค์ ดิ 3ค.วาลมดคกดิารสใรชา้ ท้งสรัพรรยคา์กร เแลปอื ลกกใใชหว้ มสั ่ดุ ทม่ี ี เแลปือลกกใใชหว้ มสั ่ดุ ทมี่ ี เลอื กใชว้ ัสดุ ท่ีมี สเลรือา้ กงสใชร้วรสัคด์ ุ ไมม่ ผี ล ห3.รลอื ดเลกือากรใใชชเ้ท้ ทรคัพโยนาโลกยรี คเลวอื ากมใคชุ้มว้ คสั ่าดุมที ่ีมี คเลวอื ากมใคชุ้ม้วคัส่าดุมที ีม่ ี เคลวือากมใคชุ้ม้วคสั า่ดุไทม่มีม่ ีผี ล กเลรอื ะกบทใทบชต้วัสอ่ ดุ ไมม่ ีผล ทหร่ไี มอื ่มเลีผอื ลกกใรชะเ้ ททบคโตน่อโลยี ปควราะมโยคชมุ้ นคใ์ า่ ช้สมอี ย คปวราะมโยคชมุ้ นคใ์ า่ ชส้มอี ย กครวะามบทคทบมุ้ตคอ่ ่า ไม่มีผล สก่งิรแะวบดทลต้ออ่ มมาสร้าง สทงิ่่ไี มแว่มดีผลล้อกมระทบตอ่ แปลระะโสยาชมนาใ์รชถ้สอย ไปมรม่ ะีผโยลชกนระใ์ ชทบส้ ทบอตย่อ กสง่ิรแะวบดทลตอ้ อ่ มมาสรา้ ง ชสิ่ง้ินแงวาดนล้อมมาสร้าง สิ่งแวดลอ้ ม นแลาไะปสใาชมป้ ารระถโยชน์ ไสมิ่งม่แีผวดลลกอ้ระมบมทาต่อ ชสง่ิน้ิ แงวาดนลอ้ มมาสรา้ ง ชน้ิ งาน นไดาจ้ ไปริงใชไ้ปมร่มะผี โลยกชรนะ์ สสงิร่ แ้างวชดน้ิลงอ้ ามนมา ช้ินงาน ทไบดบท้จตรอ่ งิ สไิ่งมแ่มวผี ดลลก้อรมะ สร้างช้ินงาน มบาทสตรอ่ ้าสงง่ิชแน้ิ วงดาลน้อม 4. เหน็ ประโยชนใ์ น มเหา็นสปร้ารงะชโย้นิ ชงานนใ์ น เห็นประโยชนใ์ น เห็นประโยชน์ใน ไม่เหน็ ประโยชนใ์ น ก4.ารเหนน็าซปอรฟะโตย์แชวนร์ใ์มนาใช้ เกหา็นรนปารซะอโยฟชตน์แใ์ วนร์มา กเหา็นรนปารซะอโยฟชตน์แใ์ วนร์ กเหาน็รนปารซะอโยฟชตน์แ์ใวนร์ กไมา่เรหน็นาปซรอะฟโตยแ์ชวนร์ใ์มนา ใกนากรนาราทซาองฟาตนแ์ โวดรยม์ าใช้ กใชาใ้รนนกาาซรอทฟาตงา์แนวรม์ า กมาารใชนใ้ านซกอาฟรตทแ์าวงารน์ มกาารใชน้ใานซกอาฟรตท์แาวงารน์ กใชา้ใรนนกาาซรอทฟาตงา์แนวรไ์มมา่มี อในยกา่ างรมทีคาวงาามนสุขโดแยละ ใโอดชยใ้ยา่นองกยมา่าีครงวทมาาีคมงวาสานขุมสขุ ตมง้ัาใใจชท้ในากงาานรททากุ งคารนงั้ มมคาี ใวชา้ใมนตกง้ั าใรจทในางกาานร ใคชวใ้ านมกตาง้ั รใทจใานงากนารไม่มี อภยาค่างภมมู ีคใิ วจาในมสผขุลงแาลนะ แโดลยะอแยส่าดงงมอีคอวกาถมงึ สุข ตทง้ัาใงจาทนาองยา่านงทมกุี ครัง้ มทีคางวาานมใตน้ังบใจาใงนเวกลาาร คทวาางามนตั้งทใจาใงนานกอารยา่ ง ภาคภูมิใจในผลงาน แคลวาะมแสภดาคงอภอูมกใิ ถจึง ทควาางามนสอุขย่างมี ททาางงาานนใอนยบ่างามงเี วลา ทไมา่มงีาคนวาทมาสงขุ านอยา่ ง ในผลงาน ความสขุ ทควางาามนสอขุ ยใ่นางบมาี งครั้ง ไมม่ ีความสุข

587 650817 ประเดน็ การประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 587 587 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ ) ประเด็นการประเมนิ คผลวางมา4นภา(ดคีมภาูมกใิ )จใน 3 (ดี) ระดบั คณุควภาามพ2สุข(พใอนใบชา้)งครง้ั 1 (ปรบั ปรุง) 5.เห็นคุณค่าของการ คนวาาหมลภักากคาภรมู แิใลจะใน นาหลักการ และ คนวาาหมลสกั ุขกาใรนบแาลงะครั้ง ไม่นาหลักการ และ แก้ปญั หาอยา่ งเป็น ผวธิลีกงารนของการ วิธกี ารของการ วิธีการของการ วิธกี ารของการ 5ข.้ันเหต็นอนคุณไปคป่ารขะอยงุกกตา์ใรช้ กนแาการหป้ แลญั กกั ห้ไกขาาปอรัญยแา่ หงลาเะปน็ กนแาการห้ปแลัญกัก้ไหขกาปาอรัญยแ่าหงลาเะปน็ กนแาการห้ปแลญั กกั ห้ไกขาาปอรัญยแ่าหงลาเะปน็ กไแมาก่นรป้ แาญั หกห้ไลขาักปอกยญัาา่รหงแเาปลน็ ะ ใแนกช้ปวี ัญิตหปารอะยจา่ งวเนั ปน็ อวขยธิ้ันกีา่ตงาอเรปนขน็ไอปขงก้นั าตรอนไป อขวยธินั้ า่ กี ตงาอเรปนข็นไอปขงน้ักตารอนไป อวขยธิั้นีกา่ ตงาอเรปนข็นไอปขงกัน้ าตรอนไป อขวธิยน้ั กีา่ตางอเรนปขไ็นอปขงกน้ั าตรอนไป ขัน้ ตอนไปประยุกตใ์ ช้ ปแรกะป้ ยัญุกหตา์ใอชยใ้ นา่ งเปน็ ปแปรกระะป้ ยยญั กุ กุ หตต์ใา์ใชอชใ้ย้ในนา่ งเปน็ ปแรกะป้ ยญั กุ หตาใ์ อชย้ใน่างเป็น ปแกระ้ปยญั กุ หตา์ใอชยใ้ น่างเป็น ในชวี ิตประจาวัน ชขวี้นั ติ ตปอรนะไจปำ�าวนั อยา่ ง ชขชีวัน้ีวติ ติ ปปอรรนะะไจจป�ำาววนั นั อย่าง ชขีวน้ั ิตตปอรนะไจปำ�าวันอยา่ ง ชขีวนั้ ิตปอรนะไจปาำ� วันอย่าง อปถยูกรา่ะตงย้อถกุงกู ทตต์ใงั้ ช้อห้ใงมนทดง้ั หมด อถปยูกรา่ ะตงย้อถุกงูกเตตปใ์ ้อ็นชงใ้สเน่วปนน็ ส่วน อปถยกูรา่ะตงย้อถกุงูกบตตใ์า้อชงสใ้งนบ่วนางสว่ น อถปยูกรา่ะตงย้อถุกงูกตตใ์ ช้อ้ใงน ชวี ิตประจาวนั อยา่ ง ชใหีวญิตป่ ระจาวันอยา่ ง ชีวิตประจาวนั อย่าง ชีวิตประจาวนั อย่าง 6. คณุ ธรรมจริยธรรม ใถชูก้เตค้อรงือทขั้ง่าหยมด ใถชูก้เตค้อรงือเขป่าน็ ยสว่ น ถใชูก้เตค้อรงอื บขา่ งยสว่ น ถใชูก้เตค้อรงอื ข่าย ในการสื่อสารผา่ น อนิ เทอรเ์ น็ตในการ ใอหนิ ญเท่ อร์เนต็ ในการ อินเทอรเ์ นต็ ในการ อนิ เทอร์เน็ตในการ 6เค.รคอื ุณขธ่ายรรอมนิ จเทรยิอธรร์เนรม็ต ใสนชื่อกเ้ สคาารรรอื สดข่ือว้ า่ สยาครวดาว้มย ใสนชอ่ื เ้กสคารรอื สดข่ือ้วา่ สยาครวดาม้วย ในใสช่อืกเ้ สาครารสือดื่อข้วส่ายาครวดา้วมย ใใสนชื่อกเ้ สาคราสรืออื่ขไสมา่ าย่สรุภไามพส่ ภุ าพ ในการส่ือสารผา่ น คอสวุภินาเามทพสอไภุรม์เานล่ พต็ะใเไมนมิดก่ าร คอสวุภนิ าเามทพสอภุไรมา์เนพล่ ต็ะไใเมมนล่ ิดกะาเรมดิ คอสวภุนิ าเามทพสอภุ ไรมา์เนพ่ลต็ะไใเมนล่ิดกะาเรมดิ อละินเมทิดอแรลเ์ นะ็ตกใ่อนใกหาเ้ กริด เครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต ลกสะอื่ เนสกมาวกิดรนวดนก้วอ่ ยหกครววอื นามหรือ กสอ่ื กนสาวกรนวดนห้วยหรคอืรวอื าม สหอ่ืรอืสการ่อดให้วยเ้ กคดิ วคามวาม สคื่อวาสมาเรสไียมห่สาุภยาแพก่ สกุภอ่ ใาหพเ้ กไิดมค่ลวะาเมิด สกภุอ่ ใาหพเ้ กไดิมคล่ วะาเมิด เสคสุภวียาาหมพาเสยไยีมแห่ลกาะ่ผยเอู้ มแนื่ ดิกผ่ ูอ้ ่นื ลผอู้ะเื่นมดิ และก่อให้เกิด คเกสวอ่ ียานหมกาเวสยนยี แหกหา่ผรยอู้ื แน่ื ก่ผู้อ่นื กเคสวอ่ ียานหมกาเวสยนียแหกหาผ่ รยอู้ื แ่นื กผ่ อู้ ืน่ หรอื ก่อใหเ้ กดิ ความ ความเสียหายแก่ เกป่อน็ ใหแบ้เกบิดอคยว่าางมท่ดี ี กอ่ ใหเ้ กิดความ เสียหายแก่ผ้อู ื่น ผูอ้ น่ื เแสกียผ่ หู้อาื่นยไแดก้ ผ่ ูอ้ ่ืน เสียหายแกผ่ ้อู ่นื เปน็ แบบอยา่ งที่ดี แก่ผ้อู ่ืนได้

602 588 588 ประเดน็ การประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นสมรรถนะ 1.ความสามารถในการ พดู และเขียน พูดและเขียน พูดและเขียน พูดและเขียน ส่ือสาร ถา่ ยทอดความรู้สกึ ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ถ่ายทอดความรูส้ กึ และทัศนะจากสารที่ ได้รับไไดด้ไ้ไมม่ ่ และทศั นะจากสาร และทศั นะจากสาร และทศั นะจากสาร สมเหตุสมผล และ เลือกรบั ข้อมูล ทไ่ี ด้รบั ได้อย่าง ท่ไี ดร้ บั ไดอ้ ย่าง ทไี่ ด้รบั ได้อยา่ ง ข่าวสารโดยใชว้ ิธกี าร สอื่ สารได้ไม่ถูกตอ้ ง สมเหตุสมผล สมเหตุสมผล สมเหตุสมผล ไม่เหมาะสม คล่องแคล่วชดั เจน คลอ่ งแคลว่ ชัดเจน คลอ่ งแคลว่ ชดั เจน ถกู ต้องตามหลัก ถูกต้องตามหลัก และเลอื กรับข้อมลู ภาษา จนทาให้ผู้อนื่ ภาษา และเลอื กรบั ขา่ วสารโดยใช้ คล้อยตามและเลือก ขอ้ มลู ข่าวสารโดย วธิ ีการส่ือสารได้ รับข้อมลู ข่าวสาร ใช้วธิ กี ารส่อื สารได้ อย่างถูกต้อง โดยใชว้ ิธีการส่ือสาร อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมครบถว้ น ได้อย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสมครบถว้ น เหมาะสมครบถว้ น อยา่ งมจี ติ สานึกต่อ อยา่ งมจี ติ สานึกต่อ ตนเองและสังคม ตนเองและสงั คม ทุกครง้ั 2.ความสามารถในการ เขยี นแผนภาพ เขยี นแผนภาพ เขยี นแผนภาพ เขยี นแผนภาพ คิด ความคิด การ ความคิด การ ความคดิ การ ความคดิ การ ปฏบิ ัติงานท่เี ลือกได้ ปฏบิ ัตงิ านทเ่ี ลือกได้ ปฏบิ ตั งิ านท่เี ลือกได้ ปฏิบัตงิ านทเ่ี ลอื กไม่ ถกู ต้อง ครบถ้วน ถกู ต้องและ ถูกต้องบางประเดน็ ถูกต้อง ตามข้ันตอนทุก ครบถว้ น ประเดน็

603 589 589 ประเด็นการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรุง) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 3.ความสามารถในการ แกป้ ัญหาใน แกป้ ญั หาใน แก้ปญั หาใน ไมส่ ามารถแก้ปัญหา ระหวา่ งการ ระหวา่ งการ ระหว่างการ แก้ปัญหา ระหวา่ งการ ปฏบิ ตั งิ านได้ตาม ปฏิบัติงานไดต้ าม ปฏิบตั ิงานได้ สถานการณ์ เกดิ สถานการณ์ ปฏบิ ัติงานไดต้ าม ผลดีต่อการ ปฏบิ ัติงาน สถานการณ์ เกดิ ผลดีต่อการ ปฏิบัติงาน ได้รับ การยอมรบั จาก เพื่อนร่วมงาน 4.ความสามารถในการ เลอื กใช้เทคโนโลยี เลือกใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กใชเ้ ทคโนโลยี เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีได้ ใช้เทคโนโลยี ได้อย่างถูกตอ้ ง ได้อยา่ งถูกตอ้ ง ใน ไดอ้ ย่างถูกต้อง ใน ไมถ่ ูกต้อง ไม่ หลากหลายในการ การลดขนั้ ตอนเวลา การลดข้ันตอนเวลา สามารถลดขั้นตอน ลดขั้นตอนเวลา ทรัพยากร ในการ แตใ่ ชท้ รพั ยากรใน เวลา ทรพั ยากร ใน ทรพั ยากร ในการ ทางาน โดยไม่มี การทางาน การทางานได้ ทางาน โดยไม่มี ผลกระทบกับผอู้ ืน่ สิ้นเปลือง ผลกระทบกับผู้อนื่ และเป็นแบบอย่าง ทดี่ ีได้ 5.ความสามารถในการ เลอื กใชว้ ัสดุ เลือกใช้วสั ดุ เลอื กใชว้ ัสดุ ไม่สามารถเลอื กใช้ ใช้ทักษะชวี ติ อปุ กรณ์และ อปุ กรณ์และ อุปกรณ์และ วสั ดุอุปกรณ์และ ปฏิบัตงิ านได้ตาม ปฏิบัตงิ านได้ตาม ปฏบิ ตั ิงานไดต้ าม ปฏิบัติงานได้ตาม กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน ในแต่ละประเภท ในแตล่ ะประเภท ในแต่ละประเภท ในแต่ละประเภทของ ของงาน ของงาน ของงานแตย่ ังมี งาน ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ผิดพลาด เพอ่ื นรว่ มงานให้ การยอมรบั

604 590 590 ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรบั ปรุง) 3 (ดี) 2 (พอใช้) เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ซอื่ สตั ยส์ ุจริต มีความซื่อสตั ย์ตอ่ ความซื่อสตั ย์ต่อ ความซือ่ สตั ยต์ ่อ ความซ่ือสตั ย์ต่อการ การทางานไม่ การทางานไม่ การทางานไม่ ทางานดดูผูผลลงงาานนขขอองง ผอู้ ื่นเปน็ ตัวอยา่ ง คดั ลอกผลงานของ คัดลอกผลงานของ คดั ลอกผลงานของ ผู้อน่ื และมี ผอู้ ืน่ และมี ผอู้ ื่น ความคิดสรา้ งสรรค์ ความคดิ สร้างสรรค์ ทาชิน้ งานสวยงาม 2. การมีวินัย ปฏบิ ตั ติ าม ปฏิบัตติ าม ปฏบิ ตั ติ าม ไม่ค่อยปฏบิ ัตติ าม กฎระเบยี บ กติกา กฎระเบียบ กติกา กฎระเบยี บ กติกา ของโรงเรยี น ของ ของโรงเรยี น ของ กฎระเบยี บ กติกา ของโรงเรยี น ของ ห้องเรียน ของกล่มุ ห้องเรียน ของกลุม่ หอ้ งเรียน ของกลุม่ ด้วยความเต็มใจ ไม่ ไม่ก่อกวนความ ของโรงเรยี น ของ ก่อกวนความราคาญ กอ่ กวนความ ราคาญให้ครูและ ใหค้ รแู ละเพอื่ นใน ราคาญให้ครูและ เพอ่ื นในห้องเรียน ห้องเรียน ของกลุ่ม ห้องเรียน เพือ่ นในห้องเรยี น เปน็ บางคร้ัง ได้เปน็ สว่ นใหญ่ ไมก่ ่อกวนความ ราคาญให้ครูและ เพอื่ นในหอ้ งเรียน 3. การใฝเ่ รียนรู้ มคี วาม มคี วาม มคี วาม ไม่มีความ กระตือรือรน้ กระตือรือรน้ กระตือรือรน้ กระตือรอื ร้น ขาด อดทน เพียร อดทน รู้จักแสวงหา อดทน ใน ความอดทน พยายาม ความร้จู ากแหลง่ บางครัง้ รู้จัก ไอมดร่ ทูจ้ นัก ไม่รู้จกั มงุ่ ม่นั รู้จักแสวงหา เรยี นรูอ้ ่นื ๆ แสวงหาความรูจ้ าก แสวงหาความรจู้ าก ความรูจ้ ากแหล่ง อยู่เสมอๆ แหลง่ เรยี นร้อู ่ืนๆ เรียนรูอ้ น่ื ๆ อยู่ แหลง่ เรียนรอู้ ่นื ๆ เสมอ

605 591 591 ประเดน็ การประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 4.มงุ่ มน่ั ในการทางาน ทางานที่ไดร้ บั ทางานท่ีไดร้ บั ทางานท่ีไดร้ ับ ทางานที่ไดร้ บั รมบัอมบอหบมหายมเาสยรเ็จสตรา็จม รมับอมบอหบมหายมเาสยรเ็จสตราจ็ ม รมับอมบอหบมหามยเาสยรเ็จสตร็จาม รมับอมบอหบมหามยาไมย่เไสมร่เสจ็ ร็จ ตกาหมนกำ�ดหเวนลดาเวลา ตกามหกน�ำดหเวนลดาเวลา ตกาามหกนำ� ดหเวนลดาเวลา ตตาามมกก�ำาหหนนดเวลา ผลงานมคี วาม ผลงานมีความ ผลงานมคี วาม ผลงานไม่มีความ คถวูกาตม้อถงกู ลตะอ้ เงอลียะดเอยี ด คถวูกาตม้อถงูกตเรอ้ ยี งบเรียอ้ บยรอ้ ย ถคกูวาตม้อถงูกแตตอ้ ย่งังแไตมย่ ังไม่ เครวยี าบมรเ้อรียบร้อย ประณตี เรยี บร้อย เรยี บร้อย เกณฑ์คุณภาพ คะแนน 10 -12 หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก คะแนน 7-9 หมายถึง ระดบั คุณภาพ ดี คะแนน 4-6 หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนน 0-3 หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรงุ เกณฑ์การตดั สิน ตัง้ แต่ระดบั ........ด.ี ...............

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง เทคโนโลยีในชวี ิตประจาวนั หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เวลา 2 ชัว่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ รายวชิ า เทคโนโลยี 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 592 ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ 1. ความหมายและความสาคัญของ ขน้ั นา 1. ส่ือวีดทิ ัศน์ เรอ่ื ง เทคโนโลยีเปลย่ี นโลก 1. ครชู แ้ีแผจนงจกุดารปจรัดะกสงาครเก์ ราียรนเรรยี ู้ทนี่ ร1ู้ เร่ือง เทคโนโลยีในชวี ิตประจาวันhttp://youtube.com/watch?v=7xQey6UGD เทคโนโลยี หนว่2.ยการเปรียลน่ียนรทู้ แ่ีปล1งของเทคโนโลยี 2. นักเรยี เนร่ือดงูส่ือทวีดกั ทิษัศะนด์า้ เนร่ือสงารสส่ือนเทเทคศโนสโลอ่ื ยแเีลปะลเย่ีทนคโลนกโลยี เวลา 2 ช่วั โมง zM กลุ่ม3ส.าใรชะ้เทกคารโนเรโียลนยรสี ู้ารวสิทนยเาทศศาใสหตป้ รล์ อดภยั 3. ครูและนักเรียนร่วรมากยันวชิสานทเนทาคเกโนย่ี โวลกยบั ี ป1ระเดน็ 2. ใบความรู้ที่ 1.1 เรอ่ื งชคน้ัวามมธั หยมมาศยึกแษลาะปที ี่ 1 ขอบเขตเนื้อหา กทจิ ่ชี กมรใรนมวกีดาทิ รัศเรนยี ์ นรู้ สค่อื ว/าแมหสลาคง่ เญั รยีขนองรเู้ ทคโนโลยี ขขน้ั ัน้ นสาอน 13.. สใบือ่ วคดีวทิามศั รนู้ท์ เี่ ร1่ือ.2ง เรทื่อคงโกนาโรลเยปเี ลป่ยี ลนีย่ แนปโลกงของ 1. ความหมายและความสาคัญของ 11..คครรนู ชู าี้แนจกั งเจรดุ ยี ปนรระว่ สมงกคันก์ อาภรเิปรรียานยรเู้กี่ยวกบั เทคโนโลยโี ดยใช้คาถามดงั นี้ hเทttคpโ:น//โyลoยuี tube.com/watch?v=7xQey6UGD เทคโนโลยี 2.-นเักทเครโยี นนโดลูสยอื่คี วอื ีดอิทะัไศรน์ เรอ่ื ง ส่ือเทคโนโลยเี ปลยี่ นโลก zM4. ใบความรทู้ ่ี 1.3 เรอ่ื งการใชเ้ ทคโนโลยี 2. การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี 3.-คเรทูแคลโะนนโลกั ยเรีมียคี นวรา่วมมสกาันคสัญนตทอ่ นชาีวเติ กอ่ียยวา่กงบั ไรประเดน็ สา2ร.สในบเคทวศาใมหรป้ ทู้ ลี่ อ1ด.1ภเัยร่อื งคคววาามมหหมมาายยแแลละะ 3. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภยั ท่ีชมใ-นเทวดีคทิโนศั โนล์ ยมี ีการเปลย่ี นแปลงอย่างไร คภวาารมะสงาคนญั /ชข้ินองาเทนคโนโลยี ข้นั ส-อนเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อการดารงชวี ติ ประจาวันและสังคมอยา่ งไร 31.. ใใบบคงวานามทรี่ ้ทู1.่ี 1.ค2วเารม่ือหงกมกาารยรเแปเปลละลย่ี ค่ยี นวนแาแปมปลสลงาขงคขอญั องง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ โด1ย. เคปรดิ ูนโาอนกักาเสรใียหนน้ รักว่ เมรกียันอไดภต้ ิปอรบาคยเากถีย่ าวมกบั เทคโนโลยโี ดยใชค้ าถามดงั นี้ 606 ด้านความรู้ เขทอคงโเนทโคลโยนี โลยี 592 592 2-.เทครคชู โน้แี จโลงยราคี ยอื ลอะะเไอรยี ดของใบความรู้ท่ี 1.1 และ 42.. ใใบบคงวานามทร่ี ู้ท1.ี่ 21.ก3าเรรเือ่ปงลกยี่กานารรแใชใปชเ้ ลท้เทงคขคโอนโนงโลโลยยี ี 1.อธบิ ายความหมายและความสาคัญของ แลว้ -ใหเท้นคกั โเนรโยี ลนยศีมกึ คี ษวาาใมบสคาวคาัญมตรู้พ่อชรอ้วี มิตอทยาใา่ บงไงรานที่ 1.1 เรื่อง ความหมาย และ-คเวทาคมโสนาโคลัญยีมขีกอางรเทเปคลโนี่ยนโลแยปี ลโดงยอกยา่ หงไนรดเวลาในการทากิจกรรม สาร3ส. นใบเทงศานใหทป้ ่ี 1ล.อ3ดกภายั รใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีได้ ประ-มเาทณคโ5นโ-ล1ย0ีมนีผาลทกี ระทบต่อการดารงชีวิตประจาวันและสงั คมอย่างไร ภอายร่าะงงใหานป้ /ลชอ้ินดงภาัยน โดยเปดิ โอกาสให้นักเรียนได้ตอบคาถาม 2.วิเคราะหป์ จั จัยทีม่ ีผลต่อการเปลีย่ นแปลง 14.. ใใบบงงาานนทท่ี ี่ 11..14 คสวราปุ มเหปมน็ าอยงแคลค์ ะวคามวารมูโ้ ดสยาใคชญั ้ จขดุ อปงเรทะคสโงนคโ์กลายรแี เลระียผนลรกู้ ระทบท่ีเกิดขึ้นได้ 2. ครชู ้ีแจงรายละเอยี ดของใบความรู้ที่ 1.1 และ ของเทคโนโลยี ดา้ น3ค.อวภามปิ รู้ายแนวโน้มของเทคโนโลยใี นอนาคต แลว้ ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้พรอ้ มทาใบงานท่ี 1.1 เรื่อง ความหมาย และความสาคญั ของเทคโนโลยี โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม 2. ใบงานที่ 1.2 การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี 1.อธิบายความหมายและความสาคญั ของ ประมาณ 5 -10 นาที 3. ใบงานท่ี 1.3 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งใหป้ ลอดภัย เทคโนโลยีได้ 4. ใบงานที่ 1.4 สรปุ เปน็ องค์ความรู้โดยใช้ 2.วิเคราะหป์ จั จัยทีม่ ผี ลต่อการเปล่ียนแปลง ของเทคโนโลยีและผลกระทบท่ีเกิดขึ้นได้ 3.อภิปรายแนวโนม้ ของเทคโนโลยใี นอนาคต

593 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง เทคโนโลยีในชีวิตประจาวนั หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง ทักษะดา้ นสารสนเทศ ส่ือและเทคโนโลยี เวลา 2 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ และผลกระทบ รายวชิ า เทคโนโลยี 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 4.อภิปรายวธิ กี ารป้องกันและการแก้ปัญหา 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายตอบคาถาม mind map (decomposition) ในการใช้เทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภยั ตามใบงานที่ 1.1 แลว้ ร่วมกนั สรุปเรื่องความหมาย ด้านทกั ษะและกระบวนการ 1. ทักษะในการทางานร่วมกัน และความสาคัญของเทคโนโลยี 2. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ทักษะการศึกษาและสืบค้นข้อมูล 4. ให้นักเรียนแบ่งกล่มุ ออกเป็น 5 กลมุ่ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาใบ 4. ทักษะการนาเสนองาน 5. ทกั ษะในการแสวงหาความรู้ / การเขยี น ความรู้ที่ 1.2 และทาใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง สรปุ สาระสาคญั การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี โดยกาหนดเวลา ดา้ นคุณลักษณะ ประมาณ 15 - 20 นาที โดยแตล่ ะกลมุ่ จะเลอื กหวั ข้อมาวิเคราะห์และ 1. ซอ่ื สัตย์สุจรติ 2. มีวินยั อภปิ รายรว่ มกันเก่ียวกับ 3. ใฝเ่ รียนรู้ 4. มงุ่ มัน่ ในการทางาน สาเหตขุ องการเปล่ยี นแปลงจากอดตี สูป่ จั จุบนั และคาดการณก์ าร กเปาลรเ่ียปนลแยี่ ปนลแงปทลจ่ี งะทเกจ่ี ิดะใเนกอดิ นขานึ้ คใตนอนาคต ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาเสนอขอ้ มูลการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยี ลงในกระดาษบปรู๊ฟ 5. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียนตามประเด็นตามประเด็น ตอ่ ไปนี้ - ใหอ้ ธบิ ายสาเหตุที่ทาใหเ้ กิดเทคโนโลยี - ให้วิเคราะห์การเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยี - ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี 607 593

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 เร่ือง เทคโนโลยใี นชวี ิตประจาวัน 594 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง ทกั ษะด้านสารสนเทศ ส่ือและเทคโนโลยี รายวชิ า เทคโนโลยี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 - แนวโนม้ ของเทคโนโลยใี นอนาคต 6. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์ประเดน็ ทีแ่ ต่ละกลุม่ นาเสนอ โดย ครูอาจเขยี นบทสรุปลงในกระดาน 7. ให้แต่ละกลมุ่ ศกึ ษาใบความรู้ท่ี 1.3 ประมาณ 5 -10 นาที 8. ให้แตล่ ะกลุม่ ระดมความคดิ แล้วรว่ มกันปฏบิ ัตใิ นงานท่ี 1.3 เรื่อง การใช้เทคโนโลยอี ย่างปลอดภยั ตามสถานการณท์ ่ีกาหนดให้ และนาเสนอหน้าชั้นเรยี น 9. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั วิเคราะหป์ ระเด็นท่ีแต่ละกล่มุ นาเสนอ โดย ครูอาจเขียนบทสรปุ ลงในกระดาน ข้นั สรุป 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายสรปุ เกี่ยวกับเรอื่ ง - ความหมายของเทคโนโลยแี ละความสาคัญของเทคโนโลยี - การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยผี ลกระทบ - การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั 2. ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรู้โดยทาใบงานที่ 1.4 สรุปเปน็ องค์ความรู้โดย ใช้ mind map (decomposition) มานาเสนอหนา้ ช้ันเรียนในช่ัวโมง ตอ่ ไป 608 594

595 609 595 การวดั และประเมินผล ส่ิงทตี่ ้องการวัด วธิ กี าร เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ 1. ด้านความรู้ (K) ประเมนิ คาตอบจากใบ 1. ใบงานที่ 1.1 นกั เรยี นทกุ คนผา่ นเกณฑ์ 1 . อ 1ธ.ิบอายธิบควาายมคหวมามายหแมลาะยและ งาน ความสา�ำคญั ของเทคคโโนนโโลลยยไี ไีดด้ ้ 1. ใบงานท่ี 1.1 2. ใบงานที่ 1.2 ไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ 70 2.ววิเคเิ ครราาะะหหป์ ป์ จั ัจจัยยัทที่มมี่ผผีลลตต่ออ่ 2. ใบงานที่ 1.2 3. ใบงานที่ 1.3 การเปล่ียนแปลงขอองง 4. ใบงานที่ 1.4 3. ใบงานท่ี 1.3 เทคโนโลยแี ละผลกกรระะททบบทท่ี ่ีเกิด 4. ใบงานที่ 1.4 ขเก้นึ ดิ ไขด้นึ ได้ 3.ออภภิปิปรราายยแแนนววโนโน้ม้มขขอองง เทคโนโลยใี นอนาคคตตแแลละะผลก รผะลทกบระทบ 4.ออภภปิ ปิ รราายยววิธธิีกกีาารรปปอ้ ้องกงกนั นั แแลละะกกาารรแแกกป้้ปัญญั หหาาใในนกกาารรใใชช้ ้ เเททคคโโนนโโลลยยีอีอยย่าา่ งงปปลลออดดภภัยยั 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ สงั เกตพฤตกิ รรม ทกั ษะ 1.แแบบบบปปรระะเมเมนิ นิ ผผลล - นักเรยี นทกุ คนผ่านเกณฑ์ (P) กระบวนการการเรยี นรู้ ทกั ษะการท�ำางานร่วม ไมต่ า่ กวา่ ร้อยละ 70 1. ทักษะในการทางาน ของนักเรียน กรัน่วม กัน ร่วมกนั 2.แแบบบบปปรระะเมเมินนิ ผผลล 2. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ทกั ษะการศึกษาและ 3. แแบบบบปปรระะเมเมินินผผลล สบื คน้ ข้อมูล ทกั ษะการศกึ ษาและ 4. ทกั ษะการนาเสนองาน สบื ค้นขอ้ มูล 5. ทักษะในการแสวงหา 4.แแบบบบปปรระะเมเมินินททกั ักษษะะ ความรู้ / การเขยี นสรุป การนำ�าเสนองาน 5.แแบบบบปปรระะเมเมนิ ินททกั ักษษะะ สาระสาคัญ ในการแสวงหาความรู้/ กคาวราเมขรียู้/นกสารเุปขสยี านรสะรปุ สำ�าคระญั สาคัญ

596 610 596 สิ่งทีต่ ้องการวัด วิธีการ เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึง - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ผล - นักเรยี นทกุ คนผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ (A) ของนักเรยี น ด้านคุณลักษณะ ไม่ต่ากว่าร้อยละ 70 1. ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ อนั พึงประสงค์ 2. มวี นิ ัย 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 8. บนั ทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................... ....................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.........

595797 611 595797 ใบใบควคาวมามรู้ทรู้ท่ี 1่ี .11.1เรเอ่ืรงอ่ื ง เทเทคโคนโนโลโยลใียนีในชชีวติีวปติ ประรจะาจวาันวนั หหนน่วย่วทยท่ี 1่ี 1 แผแผนนกากราจรดัจดักากราเรรเียรนียนรทู้รู้ท่ี 1ี่ 1เรเื่อรง่ืองเทเทคโคนโนโลโยลีใยนีในชชวี ิตวี ปติ ประรจะาจวาันวนั รายราวรยาชิ วยาชิวเิชาทาคเทโเทนคโคนลโนยโลีโ1ยลี1ยรี1หรสัหรวหัสชิัสวา2วว12211013003ภ3ภาภคาาเครคเยีรเรนยี ยี นทนที่ 1ท่ี 1ี่ ช1ชน้ั ช้นัมนั้ มธั มยธั ธัมยยมศมกึศศษึกกึ ษาษปาาปีทปที่ 1ีท่ี 1ี่ 1 จุดจปดุ ประรสะงสคง์ค์อธอบิธิบายาคยวคาวมาหมหมามยาแยลแะลคะวคาวมาสมาสคาัญคญั ขอขงอเงทเทคโคนโนโลโยลไียดไี ้ด้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ hhtttptp:/://y/oyouututubbe.ec.ocomm/w/watacthch?v?=v=7x7QxQeye6yU6UGGDDzMzM แอแปอปพพลิเลคเิ ชคชนั ันDDLTLTVV กากราเรดเนิดนิททางามงามเารเยีรนยี นขอขงอนงนักเักรเยีรนียนในในแตแล่ตะล่ วะนัวนั นนกั เักรเียรนียน ไดไ้พดพ้บบกบักับสิง่สต่งิ ่าตง่าๆงๆมามกามกามยาทยทั้งสัง้ ่งิสทิ่งท่ีเก่เี ดิกขดิ ึน้ขึน้เอเงอตงาตมาธมรธรมรชมาชตาิตเิชเ่นช่น แสแงสแงดแดดต้นตน้ไมไ้มก้ ้อกน้อนหหนิ ินดินดนิ แมแ่นม่นา้ า้ ภภเู ขเู าขาสตัสวัต์ตว่าต์ งา่ ๆงๆนนอกอก จาจกานกน้ั ้ันเรเารยาังยไังดไ้พด้พบบกับกับสิ่งสท่ิงที่ไมี่ไ่มได่ไ้ดเก้เิดกิขดึ้นข้ึนเอเงอตงาตมาธมรธรมรชมาชตาิหติหรือรสือ่ิงสิ่ง ทท่ีม่ีมนนุษุษย์สย์รส้ารง้าขงึ้นขึ้น เชเ่นช่นแปแปรงรสงีฟสีฟันันชุดชุดนนักัเกรเียรนียนรอรงอเงทเท้า ้ากรกะรเะปเป๋า ๋า อุอปุปกกรณรณ์เค์เครื่อร่ืองเงขเีขยียนน นนาฬาฬิกิกาา โทโทรศรัศพัพทท์ ์ รถรถจัจกักรยรยานานยยนนต์ต์ นนักัเกรเียรีนยนลอลงอพงพิจิาจราณรณาดาูวด่าูวก่าากราเรรเียรีนยนปปัจจั ุบจุบันันนักัเกรเียรีนยนใชใ้อชุ้ปอุปกรกณรณ์ ์ หหรือรือสิ่สงข่ิงขอองใงดใดบบ้า้งาใงนในกิกจิจกกรรมรมกการาเรรเียรียนนขขอองนงนักักเรเียรียนน หหากาก พพิจาิจราณรณาแาลแ้วลเ้วรเารไาดไ้เดก้เ่ียกี่วยขว้อข้งอกงับกับส่ิงสขิ่งอขงอเงคเรค่ือรื่งอใงชใ้ตช่้ตาง่าๆงๆมมากามกมายาย เชเ่นช่นใชใ้โชท้โทรศรัพศัพทท์มื์อมถือือถโือดโยดกยากราเรขเ้าขไ้าปไปศกึศษึกษาจาาจกาแกหแหล่งลเ่งรเียรนียนรู้ตร่าู้ตง่าๆงๆ ดูหดูหนนังฟังฟังเังพเพลงลงถ่าถย่าภยภาพาพดูแดผูแนผนทที่ ี่ใชใ้ใชน้ในกากราตริดติตด่อต่สอ่ือส่ืสอาสรารใชใ้ช้ หหรือรือสสร้ารง้าแงแออปปพพลิลเคิเคชั่ชน่ันต่ตาง่าๆงๆ ในในด้ดาน้านกการาศรึศกึกษษาา จะจเะหเห็น็นว่าว่า สงิ่สข่งิ อขงอเงคเรคื่อรงือ่ ใงชใต้ช่า้ตง่าๆงๆเปเปน็ น็ส่ิงสทิ่งที่มนมี่ นุษุษย์สยร์สา้รงา้ ขงึน้ข้ึนเพเพือ่ ใือ่ ชใ้ปช้ประรโะยโชยนชนใ์ น์ใน กากราแรกแ้ปก้ปัญัญหหาหาหรือรสือนสนองอคงวคาวมามต้อต้งอกงากราทรทั้งส้ังิ้นส้ินซึ่งซส่ึง่ิงสข่ิงอขงอเงคเรคื่อรง่ือใงชใ้ช้ ทท่มี น่มี นุษุษย์สยร์ส้ารง้าขง้นึขนึ้ทท้งั ใ้ังนในอดอีตดีตปปจั จั ุบจบุันันแลแะลจะะจเะกเดิกขดิ ึ้นข้ึนในในอนอนาคาตคตนน้วี ่า้วี ่า “เ“ทเทคโคนโนโลโยลี”ยี”

598 612 598 ความหมายของเทคโนโลยี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่า เป็นวิทยาการท่ี เก่ียวกับศิลปะ ในการนาเอาวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ให้ความหมายของเทคโนโลยีว่า “เทคโนโลยีเป็นส่ิงที่มนุษย์สร้างหรือพัฒนาข้ึน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งชิ้นงานหรือวิธีการ เพื่อใช้แก้ปัญหา สนอง ความต้องการหรือเพิม่ ความสามารถในการทางานของมนษุ ย์” ความสาคญั ของเทคโนโลยี ปปจั ัจจจบุ บุ นั ันรระะบบบบเทเทคคโนโนโลโลยยเี ปเี ป็น็นสสงิ่ สิ่งสาคำ� คัญัญคควาวมากม้ากวา้ หวนห้านทา้ าทงาดง้าดนา้ วนทิ วยทิ ายศาาศสาตสรต์แรลแ์ ะลเทะคเทโนคโลนยโลี ยที า ทให�ำใ้ หม้ ีการ พมัฒีกานราพคฒั ิดนคาน้ คสิดง่ิ คอ้น�ำนสิง่วอยาคนววายมคสวะาดมวสกะสดบวากยสตบอ่ ากยาตร่อดก�ำารรงดชาีวรติ งเชปีวน็ติ อเปัน็นมอานักม าเกทคเโทนคโลโนยโีไลดยเ้ ขีได้าม้เขาา้ เมสารเิมสปรัจิมจัยพ้นื ฐาน กปาจั รจดัยำ� พรน้ืงชฐวีาตินไกดาเ้รปดน็ าอรงยชา่ วีงิตดไ ี ดก้เาปร็นตอดิ ยต่าอ่ งสดอื่ี สกาารรกตนัดิ ไตด่อส้ สะื่อดสวากร ก รันวไดดเ้สระว็ ดตวลกอดรเวลดาเร ว็จตะลเหอน็ดวเวา่ ลชาวี ติ จปะจั เจหบุ็นนัวา่เกย่ี วขอ้ ง กชบัวี ติเทปคจั โจนบุ โนัลยเกีเย่ีปวน็ ขอ้อันงมกาับกเ ท ซคงึ่ โสนรโุปลยไดีเป้ด็นงั นอี้นั มาก ซึง่ สรปุ ได้ดังนี้ 1. เป็นพ้ืนฐานปจั จยั จาเปน็ ในการดาเนนิ ชวี ติ ของมนษุ ย์ 2. เปน็ ปัจจัยหลกั ทีจ่ ะมีสว่ นร่วมในการพฒั นา 3. สร้างคณุ ภาพชีวิตท่ีดี 4. เกดิ การส่ือสารไร้พรมแดน 5. การทางานรวดเรว็ คลอ่ งตัว 6. ป้องกันความเสยี หายของชวี ติ และทรพั ย์สิน 7. เป็นเร่อื งราวของมนุษย์ และธรรมชาติ ประโยชนข์ องเทคโนโลยี จากความจาเป็นของมนุษย์ในยุคแรกทาให้เกิดเทคโนโลยีข้ึน เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีได้กลายมา เป็นส่วนหน่ึงของชีวิตมนุษย์ จนกระทั่งปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการอานวยความสะดวกและ สนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น ดังสรุปประโยชน์ของเทคโนโลยีดังนี้ (สถาบันส่งเสริมการสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)) 1. ช่วยในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของมนุษย์ เช่น การนาส่ิงของกลับมาใช้ซ้า (reuse) หรือแปรรูปแล้วนากลับมาใช้ใหม่ (recycle) เพ่ือช่วยแก้ปัญหาปริมาณขยะท่ีเพิ่มมากข้ึน การนา เทคโนโลยีฝนหลวงมาช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง การใช้กังหันน้าชัยพัฒนาแก้ปัญหาน้าเสีย นอกจากน้ีเทคโนโลยี ยังช่วยให้มนุษย์มีส่ิงของเคร่ืองใช้ท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิต ได้แก่ อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและ ยารักษาโรค 2. ช่วยเพ่ิมความสามารถในการทางานของมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์ทางานได้ดีขึ้น (better) รวดเร็วข้ึน (faster) และมีค่าใช้จ่ายถูกลง (cheaper) เช่น การใช้เครื่องคิดเลขเพ่ือช่วยในการคานวณ การใช้รอกช่วยยกของ การใช้กล้องจุลทรรศน์เพ่ือศึกษาส่ิงมีชีวิตขนาดเล็ก การใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน ในการผลติ สนิ คา้ ผลกระทบของเทคโนโลยี

ยารักษาโรค 2. ช่วยเพิ่มความสามารถในการทางานของมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์ทางานได้ดีขึ้น (better) 613 599 รวดเร็วขึ้น (faster) และมีค่าใช้จ่ายถูกลง (cheaper) เช่น การใช้เครื่องคิดเลขเพื่อช่วยในการคานวณ การใช้รอกช่วยยกของ การใช้กล้องจุลทรรศน์เพ่ือศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก การใช้เคร่ืองจักรแทนแรงงานคน ในการผลติ สินค้า 599 ผลกระทบของเทคโนโลยี 1. มนษุ ยไ์ มช่ อบการเปล่ยี นแปลง เคยทาอะไรแบบใด มักจะชอบทาแบบนนั้ ไมช่ อบการเปลย่ี นแปลง แตเ่ ทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ ไปเปล่ยี นแปลง บุคคลท่ีรับการเปล่ียนแปลงไม่ได้ จงึ เกิดความวติ กกังวล จนกลาย เป็นความเครียด 2. ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรม หรือการแลกเปล่ียนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลก ทาให้พฤติกรรมท่ี แสดงออกด้านการแต่งกาย และการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป การมอมเมาเยาวชนในรูปของเกมอิเล็คทรอนิคส์ ส่งผลกระทบ ต่อการพฒั นาอารมณ์และจิตใจของเยาวชน เกิดการกลืนวฒั นธรรมดั้งเดมิ ซ่ึงแสดงถึงเอกลักษณ์ ของสงั คมนัน้ 3. ก่อให้เกิดผลด้านศีลธรรม บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สาคัญมากย่ิงขึ้น ด้วยเหตุน้ีเยาวชนคนรุ่น ใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือจะได้เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศให้ก้าวหนา้ และเกดิ ประโยชนต์ ่อประเทศต่อไป 4. การมีส่วนร่วมของคนในสังคมลดน้อยลง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทาให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในการส่ือสารและการทางาน แต่ในอีกด้านหนึ่งการมีส่วนร่วมของกิจกรรมทางสังคมท่ีมีการพบปะ สงั สรรค์กันจะน้อยลง ผคู้ นมกั อยแู่ ต่ท่บี า้ นหรือที่ทางานของตนเองมากขึน้ 5. การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลโดยการเผยแพร่ข้อมูลหรือรชูปนภาพต่อสาธารณชนซึ่งข้อมูล บางอย่างอาจไม่เป็นความจริงหรือยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกต้องออกสู่สาธารณะชน ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อ บคุ คลโดยไม่สามารถป้องกันตนเองได้ การละเมดิ สิทธิส่วนบคุ คล 6. เกิดช่องว่างทางสังคม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะเก่ียวข้องกับการลงทุน ผู้ใช้จึงเป็นชนชั้น ในอีกระดับหน่ึงของสังคม ในขณะที่ชนชั้นระดับรองลงมามีจานวนมากกลับไม่มีโอกาสใช้และผู้ยากจนก็ไม่มี โอกาสรู้จกั กบั เทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. อาชญากรรมบนเครือข่าย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้น เช่น ปัญหาอาชญากรรม ตัวอย่างเช่น อาชญากรรมในรูปของการขโมยความลับ การขโมยข้อมูลสารสนเทศ การใหบ้ รกิ ารสารสนเทศที่มกี ารหลอกลวง รวมถงึ การบอ่ นทาลายข้อมูลและไวรสั 8. ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ จากการจ้องมองคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน มีผลเสีย ต่อสายตา ซึ่งทาให้สายตาผิดปกติ เวียนศีรษะ นอกจากน้ันยังมีผลต่อสุขภาพจิต เกิดโรคทางจิตประสาท แนวโนม้ เทคโนโลยใี นอนาคต ในโลกยุคปจั จุบันทีเ่ ทคโนโลยมี ีความก้าวหนา้ และพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทาให้ แนวโน้มในอนาคตจะมีเทคโนโลยีเกิดขึน้ มากมาย เมื่อทุกอยา่ งเชื่อมต่อกบั อนิ เทอร์เนต็ การดาเนนิ ชวี ิตของผูค้ นเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ ไม่วา่ จะเป็นเทคโนโลยีในด้าน เศรษฐกจิ การศกึ ษา งานบริการ กล่มุ อาหารเทคโนโลยชี วี ภาพ ด้านการการแพทย์ ดา้ นสขุ ภาพ ดา้ นการสือ่ สาร เคร่ืองมืออุปกรณ์ต่างๆ ปญั ญาประดิษฐ์ และด้านอนื่ ๆ ซง่ึ ทุกกลุ่มล้วนใช้ เทคโนโลยีดา้ นตา่ งๆ ชว่ ยในการทางาน นักเรียนคดิ ว่าในอนาคตแนวโนม้ ของเทคโนโลยีจะ เปน็ อยา่ งไร และนักเรยี นจะปรับตัวอยา่ งไรใจอนาคต แนวโนม้ เทคโนโลยีแหง่ อนาคต ตวั อยา่ งเทคโนโลยแี บบช้ินงาน http://gg.gg/bar4d

614 600 600 ตวั อย่างการใช้เทคโนโลยดี ้านการสอ่ื สาร ปจั จุบนั ไดม้ กี ารใช้ E-mail มาใชใ้ นการสง่ จดหมายซ่ึงสะดวกรวดเร็ว เช่นเดยี วกนั กบั การส่ือสารการ ทางโทรศัพท์ท่ีในอดีตผูต้ ดิ ต่อส่ือสารจะได้ยนิ แคเ่ สียงพดู คยุ กันกนั แต่ในปัจจุบันจะมีการโทรแบบวิดี ีโอทเี่ หน็ หน้าและได้ยินเสยี งผ้ตู ิดต่อในเวลาเดยี วกันท่เี รยี กว่า “วิดี ีโอคอล” ตวั อยา่ งการใชเ้ ทคโนโลยอี ากาศยานไรค้ นขับหรอื โดรน (Drone) โดรน (Drone) อากาศยานไร้คนขับ กาลังเข้ามามีอิทธิพลใน ปัจจุบัน เช่น การใช้โดรนเพ่ือบันทึกภาพหรือเหตุการณ์จากมุมสูง การ สารวจพ้ืนท่ีการเกษตร การเก็บข้อมูลสภาพอากาศ สภาพการจราจร และการลาเลียงขนส่ง เป็นต้น ตามปกติหลักการทางานของโดรนใช้ เพ่อื เป็นตวั ตรวจจับ ขนส่ง วิจัย โจมตี ค้นหาและช่วยเหลือ ตวั อย่างการใชเ้ ทคโนโลยี VR (Virtual Reality ) เทคโนโลยี VR เป็นเทคโนโลยีท่ีถูกสร้างข้ึนเพ่ือ จาลองสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งจาก สภาพแวดล้อมจริง และจากในจินตนาการ ขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดย ไม่ได้จาลองเพียงภาพและเสียงเท่าน้ัน แต่ยังรวมถึงประสาทสัมผัสด้านอ่ืนด้วย ด้วย การใส่อุปกรณ์นาเข้าเช่น ถุงมือ เมาส์ เพื่อการรับรู้ถึงแรงป้อนกลับจากการสัมผัสส่ิง ต่างๆ ในโลกเสมือนจริงที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เช่น หากสัมผัสเก้าอ้ี จะตอ้ งรับรถู้ งึ มวลความแขง็ ของเก้าอี้ และอณุ หภูมขิ องวสั ดุเป็นต้น แนะนาคณุ ครู : ในการใช้เทคโนโลยี VR นัน้ จะตอ้ งตดิ ตง้ั แอปพลเิ คชั่น Google Street View ท่ีสมาร์ทโฟน ก่อน จงึ จะสามารถใช้งานเทคโนโลยี VR ได้ ตามข้นั ตอนตามคู่มอื การตดิ ตั้ง ดังนี้

601 615 601 คู่มอื การติดตัง้ แอปพลเิ คชั่น Google Street View Google Street View คืออะไร Google Street View เป็นเทคโนโลยีท่ีมีบทบาทสาหรับ กูเกิล แผนท่ี และ กูเกิล เอิร์ธ ท่ีให้มุมมอง ภาพแบบพาโนรามาจากตาแหน่งต่างๆ ตามถนนหลายแห่งบนโลก สาหรับสถานที่ท่ีมีให้บริการ รูปของ สตรีตวิว จะปรากฏหลังจากขยายภาพจากมุมท่ีสูงในแผนท่ีและภาพถ่ายดาวเทียม และโดยการลากไอคอน \"เพ็กแมน\" ลงบนสถานท่ีในแผนที่ การใช้แป้นพิมพ์หรือเมาส์ทาให้ทิศทางการดูท้ังแนวนอนและแนวต้ัง รวมถึงระดับ การขยาย สามารถเลือกได้ เส้นทบึ หรือเส้นประในภาพ แสดงให้เหน็ เส้นทางตัวอย่างและมีลูกศรช่วยเช่ือมโยง ไปยังภาพถัดไปในแต่ละทศิ ทางบริเวณทางแยกและจุดตัดของเส้นทางลูกศรมากมายถกู แสดงขึ้น ในการใช้แผน ท่ีของ กูเกิล ผใู้ ชส้ ามารถเปิดสเตโรสโกปกิ โหมด 3 มติ ิ โดยการคลิกขวาบนพนื้ ถนนเพ่อื ใหแ้ สดงผลเปน็ มมุ มอง ระบบภาพสามมิติของภาพพ้ืนถนน อย่างไรก็ตามโหมดนี้แนะนาให้ผู้ใช้สวมใส่แว่นตาสีแดง หรือสีเขียวอมน้า เงนิ เพอื่ ใหก้ ารแสดงภาพระบบ 3 มิติมีประสิทธภิ าพ การเขา้ ใชง้ าน Google Street View การสมคั รเขา้ ใช้ งาน Google Street View สามารถใช้ ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android รวมทั้ง หน้า สาหรับ Android ไปดาวนโ์ หลดที่ play store สาหรบั ระบบ iOS ไปดาวนโ์ หลดที่ App store 1. พมิ พ์ Google Street View แล้วเลอื กตดิ ต้ัง 2. เปิดแอป Google Street View ในโทรศัพท์หรอื แท็บเลต็ Android จะปรากฏดังภาพ

616 602 602 3. คน้ หาสถานที่หรือที่อยู่ใน Google Street View 4. แตะที่ไอคอน เพ่อื สรา้ งภาพ จะปรากฏจุด ให้แตะท่ีจุดคจนรบคจรนบครบ 5. จะปรากฏภาพใหแ้ ตะท่ีไอคอน 6. นาภาพที่ได้ไปใช้กบั อุปกรณ์ สาหรบั ดภู าพเปน็ VR

603 617 603 ตัวอย่างเทคโนโลยีแบบวธิ กี าร ตัวอยา่ งเทคโนโลยีแบบวธิ กี าร : วิธกี ารทางานรว่ มกนั โดยใช้ Word Online เราสามารถทางานรว่ มกันไดห้ ลายคนในไฟลเ์ ดยี วกันโดยใช้ Word Online ซ่งึ เปน็ แอปที่ ให้บรกิ ารบน Outlook.com แชร์ใหค้ ณะทำงำนทำง E-mail คณะทำงำนสำมำรถเขำ้ มำพิมพเ์ อกสำรร่วมกนั ไดพ้ มิ พต์ อบโตก้ นั งานร่วมกนั ได้

604 618 604 ตวั อย่างเทคโนโลยีแบบวธิ ีการ : วธิ ีการทางานรว่ มกนั โดยใช้ Google doc เราสามารถทางานร่วมกันได้หลายคนในไฟล์เดียวกนั โดยใช้ Google doc ซึ่งเป็นแอปที่ ใหบ้ รกิ ารบน Google สามารถทางานรว่ มกันได้และสนทนาตอบโต้กนั ได้

605 619 605 ใบความรู้ท่ี 1.2 เรื่อง การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี หน่วยท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 1 เรื่อง เทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน รายราวยชิ วาิชเาทคเทโนคโลนยโลี 1ยี1รหรสัหวัสิชวา2ว12110130ภ3าภคาเรคยี เรนยี ทน่ี ท2ี่ ช2้นั ชมั้นัธมยธัมยศมึกศษกึ าษปาที ปี่ ีท1ี่ 1 จดุ ประสงค์ 1.วเิ คราะหป์ จั จยั ที่มผี ลต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยแี ละผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ ได้ 2.อภิปรายแนวโนม้ ของเทคโนโลยใี นอนาคตและผลกระทบ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เทคโนโลยีเปล่ียนโลก เทคโนโลยีเปลยี่ นโลก http://gg.gg/bbq5s (IoT) http://gg.gg/bbq4t ปจั จุบันเทคโนโลยีเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ เช่น เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวกับการสอ่ื สาร ท่ใี ชก้ ารส่ง E-mail แทนการส่งไปรษณีย์ การใช้สมาร์ตโฟนในการโทรวีดิ โี อคอลทสี่ ามารถมองเห็นหนา้ ผูต้ ิดตอ่ กันได้ การใช้ Map ในสมาร์ตโฟนแทนการใช้แผนท่ีในกระดาษ การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ การทาธุรกรรมการเงินต่างๆ ในสมาร์ตโฟน การศึกษาข้อมูลต่างๆ จากสมาร์ตโฟน การจองต๋ัวเคร่ืองบินผ่านอินเตทอร์เน็ต การทางาน ร่วมกันด้วยระบบออนไลน์ การสั่งการให้สิ่งของเคร่ืองใช้ต่างๆ ผ่านสมาร์ตโฟน ซึ่งจะเห็นว่าเทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงไปมาก ทาให้การดารงชวี ิตของมนุษย์สะดวก รวดเร็ว การทางานทุกอย่างคล่องตัว เมอ่ื เทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงมนุษย์จึงต้องรู้จักปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี ทาความเข้าใจกับสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลให้ เทคโนโลยีเกิดการเปล่ียนแปลง เพ่ือเป็นแนวทางในสร้างและการเลือกใช้เทคโนโลยี สามารถคาดการณ์ แนวโนม้ เทคโนโลยีท่ีจะเกิดขน้ึ ในอนาคต การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ในอดีตมนุษย์รู้จักประดิษฐ์ส่ิงของเคร่ืองใช้หรือคิดวิธีการเพ่ือใช้ในการดารงชีวิต ซึ่งสิ่งของเคร่ืองใช้ หรอื วิธีการน้นั ไดร้ ับการพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื งให้เหมาะสมกับแตล่ ะยุคสมัย เช่น การทานาหวา่ นในอดีตมนษุ ย์ใช้ แรงงานคนในการเดินหว่านตามพ้ืนที่นา ใช้เวลาในการหว่านนาน ต่อมามีการประดิษฐ์เครื่องหว่านข้าว เคร่ืองหว่านข้าวทาให้หว่านข้าวได้เร็วขึ้น ใช้เวลาน้อยลง วิถีการทานาหว่านจึงเปลี่ยนแปลงไป จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยเี หล่านี้ทาใหม้ นษุ ยส์ ามารถทางานไดส้ ะดวก รวดเรว็ และมคี ุณภาพชีวิตดีขน้ึ

606 620 606 อุปกรณ์ต่างๆ หรือวิธีการที่เราใช้ในชีวิตประจาวันก็มีระบบที่เป็นอัตโนมัติ มีข้ันตอนการทางานท่ีไม่ ยุง่ ยาก งานเสร็จเรว็ และมปี ระสิทธภิ าพ หากศกึ ษาย้อนกลับไปในอดีตจะพบวา่ มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ด้าน เช่น วิธีการใช้งาน ความสะดวกสบายในการใช้งาน วัสดุและวิธีการผลิต ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยกี ารสือ่ สารทเ่ี ป็นโทรศพั ทม์ ือถือ จากตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของโทรศัพท์มือถือจุดเร่ิมต้นของโทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์ สื่อสารอิเล็กคทรอนิคกส์ลักษณะเดียวกบั โทรศพั ท์บา้ นแตไ่ ม่ต้องใชส้ ายโทรศัพท์ จึงทาให้สามารถพกพาไปที่ต่างๆ ได้ โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสสถถาานนฐี ีฐาานน โดยเครือข่ายของ โทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเช่ือมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของ ผู้ให้บริการอ่ืนๆ โทรศัพท์ มือถือในปัจจุบันนอกจากจะมีคุณสมบัติในการสื่อสารทางเสียงแล้วยังมี ความสามารถอ่ืนอีก เช่น สนับสนุนการส่ือสารด้วยข้อความ เช่น SMS ,การเช่ือมต่อกับอินเทอร์เน็ต, การ ส่ือสารด้วยแบบMultimedia รวมไปถึงความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชั่นของจาวามีคุณสมบัติท่ี ตอบสนองความสนองความต้องการของมนษุ ย์ มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ เร่ิมต้งั แต่ยคุ แรก ระบบยังเป็นระบบแออะนาะล็อก (Analog) และมีการแบง่ ความถี่ออกมาเป็นช่องเล็กๆ ใน ยุคนเ้ี ราสามารถใช้งานางด้าน Voice ได้เพียงอยา่ งเดยี ว แต่อย่างไรกต็ าม ในยุคนี้ผใู้ ช้ก็ยังไม่ไดม้ ีความต้องการท่ี จะใชบ้ ริการประเภทอื่น ที่มา : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html เนื่องจากผู้ใช้มีความต้องการและความหลากหลายด้าน การบริการมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุจาก แบบอะนาล็อกมาเป็นแบบ digital ทาให้ผ้ใู ช้สามารถใช้งานทางด้าน ข้อมูลได้นอกเหนือจากบริการเสียง ทาให้ยุคน้ีกลายเป็นยุคเฟ่ืองฟู ของโทรศพั ท์มือถือ และเพราะการใหบ้ รกิ ารทางด้านข้อมลู ทาให้เกิด บริการอ่ืนๆ ท่ีตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็น Download Ringtone Wallpaper Graphic ต่างๆ แต่บริการในยุคนี้ยังมีข้อจากัดในเรื่อง ของความเร็วในการรับส่งข้อมูลทีย่ งั อยู่ระดับต่า ทีม่ า : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

607 621 607 หลังจากนั้นเป็นยุคที่อยู่ระหว่าง 2G และ 3G ซ่ึงก็ คือ 2.5G ใน 2.5G นี้เป็นยุคท่ีมีการนาเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) มาใช้ เพื่อเพ่ิมความเร็วใน การรับส่งข้อมูลให้มากกว่ายุค 2G เทคโนโลยี GPRS สามารถ ส่งข้อมูลได้ท่ีความเร็วสูงสุดถึง 115 kbps แต่ ความเร็ว ของ GPRS ในการใช้งานจริงจะถูกจากัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านนั้ ซ่ึงในยุค 2.5G น้ันจะเป็นยคุ ท่เี ร่มิ มกี ารใช้บริการ ในส่วนของข้อมูลมากข้ึน และการส่งข้อความก็พัฒนา จาก SMS มาเป็น MMSโทรศัพท์มือถือก็เร่ิมเปลี่ยนจากจอขาว ดามาเป็นจอสี เสียงเรียกเข้าจากเดิมที่เป็นเพียง Monotone ก็เปลี่ยนมาเปน็ Polyphonic รวมไปถึง True tone ต่างๆ ดว้ ย ทีม่ า : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html ยุค 3G (Third Generation) เทคโนโลยีการสื่อสารในยุค ที่ 3 นั้นจะเป็นเทคโนโลยีท่ีผสมผสานการรับส่งข้อมูล และ เทคโนโลยีท่ีอยู่ในปัจจุบันเข้าด้วยกัน รวมทั้งส่งผ่านข้อมูลในระบบ ไร้สาย (Wireless) ท่ีความเร็วทส่ี งู กวา่ ยคุ 2.75G นอกจากน้ี 3G ยัง สามารถให้บริการมัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีประสิทธิภาพ มากย่ิงข้ึน การรับส่งข้อมูลแอปพพพลลิเิเคคชชนั ่ัน (Application) รวมท้ัง บริการระบบเสียงดีขึ้น เช่น การรับส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ การใช้ บริการ Video/Call Conference ดาวน์โหลดเพลง ชมภาพยนตร์ แทบ่ีมบาส:ั้นhๆttpด:Tู /TV/VmทSSoมี่ttrbาreeial:aemhmptihtninpogg:ตn//ตา่emงา่2ๆง5oๆไ5bดไ5ดi้l.e้bplohgosnpeo2t5.c5o5m.bl/o2g0s1p2o/t0.c9o/bmlo/2g0-p1o2/s0t.9h/tbmlolg-post.html 4G ระบบโทรศัพท์มือถือท่ีกาลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและ ทดสอบ เชื่อกันว่าโทรศัพท์มือถือในยุคน้ีจะสามารถสนับสนุน แอปพลิเคชั่นท่ีต้องการแบนด์วิธสูงเช่น ความจริงเสมือน 3 มิติ (3D virtual reality) ห รื อ ร ะ บ บ วิ ดี โ อ ที่ โ ต้ ต อ บ ไ ด้ ( interactive video) เปน็ ตน้ ทม่ี า : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

608 622 608 การวเิ คราะห์การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี การศึกษาและวิเคราะห์การเปล่ียนแปลงของส่ิงของเครื่องใช้หรือวิธกี ารนั้น ทาให้เราเรียนรู้ถึงสาเหตุ หรือปัจจัยที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้ส่ิงของเคร่ืองใช้หรือวิธีการสามารถแก้ปัญหาหรือสนอง ความต้องการ หรือเพิ่มความสามารถในการทางานของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงส่ิงของเครื่องใช้หรือวิธีการ สะท้อนให้เห็นถึงองค์ความร้ทู ี่มนุษย์ค้นพบมากขึ้น และนามาประยกุ ต์ใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเน่ือง และสง่ ผลต่อการดารงชวี ิตและสังคมของมนุษย์อย่างชัดเจน ดังตวั อย่างต่อไปนี้ เทคโนโลยีท่ีเป็นสิ่งของเคร่ืองใช้หรือวิธีการมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงนั้น เกิดข้ึนได้จากหลายสาเหตุปัจจัย นอกจากสาเหตุหรือปัจจัยที่เก่ียวข้องกับการแก้ปัญหา การสนอง ความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของความรู้ในศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์แล้ว ยังมีสาเหตุหรอื ปจั จัยอน่ื ๆ ที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมทีเ่ ปล่ียนแปลงก็มีส่วนทาให้เทคโนโลยีเกิดการ เปล่ียนแปลงตามไปด้วย เช่น ฐานะทางการเงินของผู้ซื้อหรือผู้บริโภค ความนิยมแพร่หลายของเทคโนโลยี สง่ ผลให้ผู้ผลิตต้องคานึงถึงต้นทุนและการกาหนดราคาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต รวมถงึ ลกั ษณะของผลติ ภัณฑ์จงึ ตอ้ งเปล่ยี นแปลงตามไปด้วย ในทานองเดียวกันเทคโนโลยีท่ีเปลี่ยนแปลงไปก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการของมนุษย์ การดาเนินชีวิตในสังคมและเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอระบบสัมผัส ส่งผลให้ มนุษยเ์ ปลี่ยนมาใช้อปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ท่ีใช้ระบบหน้าจอสัมผัสมากข้ึน เทคโนโลยีการสือ่ สารด้วยเครือข่าย อนิ เทอร์เนต็ ความเร็วสงู ทาให้เราสามารถติดตอ่ สอ่ื สารกนั ได้สะดวกและรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นส่ิงของเคร่ืองใช้หรือวิธีการ กลายเป็นสิ่งจาเป็นและส่งผลกระทบ อย่างย่ิงต่อรูปแบบการดารงชีวิตของมนุษย์ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ดังน้ันการสร้างหรือเลือกใช้ เทคโนโลยีควรคานึงถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดจากเทคโนโลยีน้ันๆ โดยเฉพาะผลกระทบต่อธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม เราจึงควรเลือกใช้เทคโนโลยีให้ถูกต้อง เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม สาเหตุและปัจจยั ท่ที าใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีสาเหตุหรือปั จจัยหลายด้าน เช่น การแก้ปัญหา ความต้องการ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่างๆ เศรษฐกิจ สังคม การเปล่ียนแปลงอาจเป็นการ ปรับปรุงกระบวนการผลิต ลักษณะทางกายภาพ วัสดุ หน้าที่ใช้ สอย ระบบกลไกการทางาน การใช้งาน รวมถึงประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของส่ิงของเครื่องใช้หรือวิธีการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ แก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของมนุษย์ให้มากที่สุด การ เรียนรู้สาเหตุและปัจจัยท่ีส่งผลให้เทคโนโลยีเกิดการเปลี่ยนแปลง น้ัน ช่วยให้เราเข้าใจแนวทางการออกแบบและสร้างเทคโนโลยีท่ี เหมาะสม รวมถงึ การเลอื กใชแ้ ละพฒั นาเทคโนโลยตี ่อไปในอนาคต

609 623 609 ใบความรู้ท่ี 1.3 เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภยั หนว่ ยท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง เทคโนโลยใี นชีวติ ประจาวัน รายรวาชิ ยาวเชิ ทาคเโทนคโลโนยีโ1ลยรี1หสัรหวิชัสาวว221110033ภภาาคคเรเรียยีนนทที่ 2่ี 2ชชัน้ ้นั มมัธธัยยมมศศึกกึษษาาปปที ที ่ี 1ี่ 1 จดุ ประสงค์ อภปิ รายวธิ กี ารป้องกันและการแก้ปัญหาในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปั จ จุ บั น เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ มี บ ท บ า ท ต่ อ ก า ร ด า ร ง ชีวิตประจาวันของทุกเพศทุกวัย และทุกอาชีพ ทุกคนต้องปรับตัว ในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยีสารสนเทศในยุคที่สัญญาณอินเทตอร์เน็ตครอบคลุมเกือบ ทุกพื้นที่ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศก็เปรียบเสมือนดาบสอง คม ท ท่ีมีม่ทที้ังผง้ั ผลลดดีแีแลละะผผลลเเสีย ผผู้ใู้ใชช้ง้งานนตต้อ้องรงเู้รทู้เทา่ ท่าทันัแนลแะลสะาสมาามราถรใชถ้ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างปลอดภัยมีจริยธรรมในการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ภยั คกุ คามจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและวิธกี ารป้องกนั เทคโนโลยีสารสนเทศมีประโยชน์แต่ขณะเดียวกันก็ยังแฝงไว้ซ่ึงภัยมาด้วยเช่นกัน การเชื่อมต่อ อินเทตอร์เน็ตช่วยให้สามารถติดต่อส่ือสารกันได้ท่ัวโลกอย่างสะดวกและรวดเร็ว ถือว่าเป็นสังคมท่ีอยู่ร่วมกัน เป็นมิติท่ีซ้อนๆ กันย่อมมีท้ังคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป เราต้องใช้ความระมัดระวังมีจริยธรรมในการใช้งาน หากขาดความระมัดระวังอาจจะทาให้เกิดปัญหาจากการคุกคามหรืออาจถูกหลอกลวงได้ ดังนั้นการใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศจงึ ต้องใช้อยา่ งเหมาะสมและรู้จักวิธีการป้องกันตนเองด้วย 1.1 วิธกี ารคกุ คามทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ภัยคุกคามมีหลายวิธีโดยมีต้ังแต่ใช้ความรู้ข้ันสูงด้านไอที ไปจนถึงวิธีวิธีท่ีไม่จาเป็นต้องใช้ความรู้ ทางดา้ นเทคนิค ดังน้ี 1. การคุกคามโดยใช้หลักจิตวิทยา เป็นการคุกคามที่ใช้การหลอกลวงเพื่อให้ไดข้ ้อมูลท่ีต้องการ เช่น การสร้างหน้าเว็บไซต์เลียนแบบเว็บไซต์ท่ีโด่งดัง เพ่ือหลอกให้ผู้ใช้เข้าใจผิด แล้วหลงให้รหัสผ่ าน การป้องกันคือผ้ใู ช้ต้องมีความระมัดระวังให้มัน่ ใจว่าเป็นเวบ็ ไซต์ทเ่ี ชื่อถือได้หรือไม่กอ่ นกรอกข้อมูลต่างๆ ลงไป 2. การคกุ คามดว้ ยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ข้อมลู และเนื้อหาท่ีมอี ยู่ในแหล่งต่างๆ บนอินเตอรเ์ น็ต มีจานวนมาก ทาให้ข้อมูลอาจจะไม่ได้รับการตรวจสอบ และในบางแหล่งข้อมูลอาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ซึ่งการคุกคามแบบน้สี ง่ ผลเสียต่อวัยเดก็ และวัยรนุ่ เป็นอย่างมาก

610 624 610 3. การคุกคามโดยใช้โปรแกรม เป็นการคุกคามโดยการใช้เคร่อื งมือทางด้านไอที เพื่อก่อปัญหา ให้กบั ผูใ้ ช้อน่ื ๆ ซงึ่ เครือ่ งมอื ดังกล่าวเรียกว่า มลั แวร์ (Malicious Software: Malware) มีหลายประเภท เช่น 3.1 ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นโปรแกรมท่เี ขยี นด้วยเจตนาร้าย อาจทาให้ ผูใ้ ชง้ านเกิดความราคาญ หรอื เกดิ ความเสียหายต่อระบบของผู้ใช้ ไวรัสคอมพิวเตอรม์ ักติดมากับไฟล์งานตา่ งๆ และจะทางานเมอ่ื มีการเปดิ ไฟล์งานนั้นๆ 3.2 เวิร์ม (Worm) มีการเรียกเป็นภาษาไทยว่า “หนอนอินเทตอร์เน็ต” เป็นโปรแกรมท่ี สามารถทาสาเนาตัวเอง (copy) และแพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืนๆ ได้ ทาให้คอมพิวเตอร์และ ระบบเครือข่ายเสียหาย ต้องอัปเดตโปรแกรมท่ีใช้ทั้งหมดให้ทันสมัยอยู่เสมอ หากคอมพิวเตอร์ทางานช้าลง , คอมพวิ เตอร์ไมส่ ามารถทางานได้ และควรหลกี เลยี่ งการเปดิ เมลท์ ่ีเราไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจ 3.3 ม้าโทรจัน (Trojan Horse Virus) คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกบรรจุเข้าไปใน คอมพิวเตอร์ เพ่ือลอบเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์เคร่ืองน้ัน เช่น ข้อมูลช่ือผู้ใช้ รหัสผ่าน เลขท่ีบัญชีธนาคาร ส่วนใหญแ่ ฮกเกอร์จะส่งโปรแกรมเข้าไปในคอมพิวเตอร์เพื่อดกั จบั ขอ้ มูลดังกล่าว แล้วนาไปใช้ในการเจาะระบบ และเพื่อโจมตคี อมพวิ เตอร์ 3.4 สปายแวร์ (Spyware) เป็นโปรแกรมเล็กๆ ท่ีถูกเขียนข้ึนมาสอดส่อง (สปาย) การใช้ งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ อาจจะเพ่ือโฆษณาสินค้าต่างๆ สปายแวร์บางตัวกส็ ร้างความราคาญเพราะจะ เปิดหน้าตา่ งโฆษณาบอ่ ยๆ แต่บางตัวทาใหผ้ ใู้ ช้ใช้อินเตอร์เน็ตไมไ่ ดเ้ ลย 3.5 โปรแกรมโฆษณา (Advertising Supported Software: Adware) คือโปรแกรมที่ สามารถทางาน แสดง หรือดาวน์โหลดส่ือโฆษณาโดยอัตโนมัติ ไปยังคอมพิวเตอร์ท่ีได้รับการติดตั้งโปรแกรม ชนิดนีไ้ ว้ 3.6 โปรแกรมเรยี กค่าไถ่ (Ransomware) เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งทม่ี ีลักษณะการทางานท่ี แตกต่างกับมัลแวร์ประเภทอื่นๆ คือไม่ได้ถูกออกแบบมาเพ่ือขโมยข้อมูลของผู้ใช้ แต่จะทาการเข้ารหัสหรือ ลอ็ คไฟล์ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผใู้ ช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ใดๆ ได้เลยหากไฟล์เหล่านั้นถูก เข้ารหัส ซึ่งการถูกเข้ารหัสก็หมายความว่าจะต้องใช้คีย์ในการปลดล็อคเพื่อกู้ข้อมูลคืนมา ผู้ใช้งานจะต้องทา การจา่ ยเงนิ ตามขอ้ ความ “เรยี กคา่ ไถ”่ ทป่ี รากฏ 3.7 ระเบิดเวลา (logic bomb) เป็นโปรแกรมอันตรายท่ีจะเร่ิมทางานโดยมีตัวกระตุ้น บางอย่างหรือกาหนดเง่ือนไขการทางานบางอย่างข้ึนมา เช่น แอบส่งข้อมูลออกไปยังเคร่ืองอื่น หรือลบ ไฟลข์ อ้ มูลท้งิ 3.8 ประตูกล (backdoor/trapdoor) เป็นโปรแกรมท่ีมีการเปิดช่องโหว่ไว้เพ่ือให้ผู้ไม่ ประสงค์ดี สามารถเข้าไปคุกคามระบบสารสนเทศหรือเครื่อง คอมพิวเตอร์ผ่านทางระบบเครือข่ายโดยที่ไม่มีใครรับรู้ บริษัทรับจ้าง พัฒนาระบบสารสนเทศบางแห่งอาจจะติดตั้งประตูกลไว้เพื่อดึงข้อมูล หรอื ความลบั ของบริษัทโดยทีผ่ วู้ า่ จา้ งไม่ทราบ 1.2 วิธกี ารป้องกนั ภัยคุกคาม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook