Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

Published by supattra8669, 2021-10-10 19:01:55

Description: สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

Search

Read the Text Version

ดา้ นทักษะกระบวนการ นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น (P) ปฏบิ ัตทิ กั ษะ ปฏบิ ตั ิทักษะ ปฏบิ ัติทักษะ ปฏบิ ตั ทิ ักษะ ปฏบิ ตั ิทกั ษะ นกั เรยี นสามารเลน่ การเล่น การเล่น การเล่น การเล่น การเล่น ประเภทเดีย่ วและประเภท แบดมนิ ตัน แบดมนิ ตันได้ แบดมนิ ตันได้ แบดมนิ ตนั ได้ แบดมนิ ตัน คไู่ ด้ ได้ท้ัง ทง้ั ประเภทคู่ ท้งั ประเภทคู่ ทงั้ ประเภทคู่ ได้ทงั้ ประเภทคู่ และประเภท และประเภท และประเภท ประเภทคู่ และประเภท เด่ยี วตาม เดยี่ ว และ เด่ียวได้ และ และประเภท เด่ยี วตาม กติกาและ สามารถแกไ้ ข สามารถแกไ้ ข เด่ยี ว กติกาและ แกไ้ ข สถานการณ์ สถานการณ์ ค่อนข้างได้ แกไ้ ข สถานการณ์ ตา่ งๆได้เม่ือ ต่างๆได้ แตไ่ ม่ สถานการณ์ ตา่ งๆได้ เม่ือ อยใู่ นเกมการ บางครั้งเม่ือ สามารถ ต่างๆได้ดี อยู่ในเกมการ แขง่ ขนั อยูใ่ นเกมการ แกไ้ ข เม่ืออยูใ่ น แขง่ ขัน ปานกลาง แข่งขนั สถานการณ์ เกมการ ดี พอใช้ ตา่ งๆเมอื่ อยู่ แขง่ ขัน ในเกมการ ดีมาก แข่งขัน ปรับปรุง ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรียน ประสงค์ (A) แสดงออก แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออก นกั เรยี นแสดงออกถงึ ความ ทาง พฤติกรรมที่ดี พฤติกรรมที่ดี พฤตกิ รรมทีด่ ี ทาง กระตอื รอื ร้น การจดั พฤติกรรมท่ี ได้ 4 ขอ้ ดี ได้ 3 ขอ้ ปาน ได้ 2 พอใช้ พฤตกิ รรมท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน ดี ได้ 5 ขอ้ กลาง ดี ได้ 1 ข้อ ดีมาก ปรบั ปรุง คะแนนรวม/คะแนนเต็ม 15 คะแนน

เกณฑก์ ารวดั ผลและการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมินผล เกณฑใ์ ห้คะแนน 8 คะแนนขน้ึ ไป ผ่าน 7 คะแนนลงมา ไมผ่ า่ น 13 – 15 อยู่ในเกณฑ์ ดมี ากการประเมิน 10 – 12 อย่ใู นเกณฑ์ ดี 7 – 9 อยใู่ นเกณฑ์ ปานกลาง 4 – 6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 0 – 3 อยใู่ นเกณฑ์ ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ ผลด้านความรู้ คำช้แี จง: สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน ที่ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ เกณฑก์ าร ชือ่ - สกลุ ดา้ นความรู้ (K) กระบวนการ (P) ประสงค์ (A) ประเมนิ 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. ลงชอื่ .......................................... ผู้ประเมนิ ( ........................................... ) ......... / ................. / ..........

บนั ทกึ หลงั การสอน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เร่อื ง ประเภทของการแข่งขนั แผนการเรยี นรูท้ ่ี 17 ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนว/ทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชือ่ )........................................................ครูผูส้ อน (นางสาวสุพตั รา อำขำ) นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู ........../........../.......... ความคดิ เห็นของอาจารย์ท่ปี รึกษา/ครูพเ่ี ลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอ่ื )........................................................ผู้ตรวจ (นายอธวิ ัฒน์ มณีจกั ร) อาจารยท์ ปี่ รึกษา/ครูพ่ีเล้ียง ........../........../..........

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 18 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 วชิ า แบดมินตัน (พ 32101) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 เร่ือง การแข่งขนั เวลา 50 นาที ผสู้ อน นางสาวสุพัตรา อำขำ โรงเรียน นวมนิ ทราชูทศิ พายัพ สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเลน่ เกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทกั ษะในการเคลื่อนไหว กจิ กรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา ตัวชว้ี ัด พ 3.1.3 เลน่ กฬี าไทย กฬี าสากลประเภทบุคคล/คู่ กฬี าประเภททีมได้อย่างนอ้ ย 1 ชนดิ สาระสำคญั หลังจากนักเรียนได้เรียนครบทุกทักษะรวมถึงกติกาและประเภทของการแข่งขันกีฬาแบดมินตันแล้ว ต้องมีการทดสอบแข่งขัน เพื่อสำรวจความรู้องค์รวมและพัฒนาการของนักเรียน นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ กฎกติกาการเล่นแบดมินตันและสามารถนำองค์ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการแข่งขันได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นรู้ เขา้ ใจ และสามารถอธบิ ายความรู้ทง้ั หมดทีเ่ รยี นได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารใชท้ ักษะในการแขง่ ขนั ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย (P) 3. นกั เรยี นแสดงออกถึงความกระตือรอื รน้ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน (A) สาระการเรยี นรู้ การเลน่ หรอื การแขง่ ขันของกีฬาแบดมินตนั การเลน่ ประเภทคู่ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมัน่ ในการปฏบิ ัติ

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทักษะปฏิบัติทางพลศึกษา 5 ขั้นตอน (ขั้นนำ ขั้นอธิบายสาธิต ขั้นฝึกปฏิบัติ ข้ัน นำไปใช้ ข้ันสรปุ ) กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขน้ั นำหรอื อบอุ่นร่างกาย ( 5 นาที ) 1.1 ครูเป่านกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน ให้หัวหน้าห้องนำกล่าวนักเรียนทำ ความเคารพ จากนน้ั ให้น่ังลง รูปที่ 1 = ครู = นกั เรยี น 1.2 ครูเชค็ ช่ือจำนวนนกั เรยี นท่มี าเรียนทั้งหมด มาเรยี นและขาดเรียน นกั เรยี นท่ีเจ็บป่วยน้ันออกมา โดยให้ไปพกั หรอื รักษาตวั ทีห่ อ้ งพยาบาล 1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3 รอบสนามเป็นแถวตอนเรียงเดียวจากนั้นให้กลับมาต้ัง แถวเหมือนเดิม 1.4 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริหารโดยใหผ้ ู้เรียนจดั แถวกลับสู่ รปู แบบเดิมคอื 6 แถวตอน 2. ขนั้ อธิบายสาธิต ( 10 นาที ) 2.1 ครอู ธบิ ายเกณฑ์และวธิ ีการเกบ็ คะแนน และสาธิตขัน้ ตอนและหลักการเลน่ คู่ 2.2 ครูอธบิ ายและสาธิตขนั้ ตอนและหลักการเลน่ คู่โดยให้ผเู้ รยี นออกมาร่วมสาธิตกบั ครู 2.3 ครูอธบิ ายและสาธิตขนั้ ตอนและหลักการเล่นคู่ให้ผู้เรียนออกมาสาธติ กนั เอง

3. ขน้ั ฝกึ ปฏิบตั ิ ( 10 นาที ) 3.1 ครใู หน้ ักเรียนจับคฝู่ กึ ซ้อมฝกึ ซอ้ มเพื่อการแข่งขันประเภทคู่ รูปที่ 2 = นกั เรยี น = ลกู แบดมินตัน 3.2 ให้นักเรียนส่งตัวแทนของแต่ละคู่มาจับฉลาก เพื่อแข่งขันประเภทคู่ การจับฉลากจะมีเลขซ้ำกัน2 ใบ คไู่ หนจบั ฉลากไดเ้ ลขซำ้ กนั จะเป็นค่แู ขง่ กัน 4. ข้นั ใช้ ( 20 นาที ) 4.1 ให้นักเรียนทดสอบแข่งขันประเภทคู่ เรียงตามเลขในฉลากที่จับได้ เกณฑ์และวิธีการเก็บคะแนน ดงั นี้ แข่งขนั ตัดสินแพ้ชนะในเกม 1 เกม เกมละ 15 แตม้ ทมี ทช่ี นะได้ 20 คะแนน และทมี ท่แี พไ้ ด้ 18 คะแนน รูปท่ี 5 = ครู = นกั เรยี น = ลูกแบดมนิ ตนั

5. ขนั้ สรุป (5 นาที ) 5.1 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปในคาบเรียน โดยมคี รคู อยชแี้ นะและตอบคำถาม 5.2 ครูกล่าวสิ้นสุดการเรียนการสอน และให้นักเรียนเตรียมตัวสอบปลายภาคเรียนในวิชา แบดมินตนั 5.3 สำรวจเครื่องแต่งกาย ความสะอาด ความพร้อมในด้านต่าง ๆของผู้เรียน ก่อนที่จะสั่งเลิกแถว เพอ่ื ให้ผเู้ รียนไดไ้ ปเรียนในรายวชิ าตอ่ ไป สอ่ื การเรยี นการสอน 1. นกหวดี 2. ลกู แบดมินตัน 3. ไม้แรก็ เกตหรอื ไม้แบดมินตัน 4. ฉลากเพื่อจบั คู่แข่งขนั การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เคร่ืองมอื การวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกต 1.2 สอบถาม 2. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล 2.1 ต้ังคำถาม 2.2 ถามสังเกตพฤตกิ รรม 3. เกณฑก์ ารวดั ผลและการประเมินผล จดุ ประสงค์ 5 ระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน 1 การมี 432 การมี ด้านความรู้ (K) ปฏิกริ ยิ า การมีปฏิกิริยา การมีปฏกิ ิริยา การมปี ฏกิ ริ ยิ า ปฏิกิรยิ า นกั เรยี นรู้ เขา้ ใจ และ ถามตอบได้ ถามตอบได้ 3 ถามตอบได้ 2 ถามตอบได้ 1 ถามตอบ สามารถอธิบายความรู้ 4 ข้อ ดีมาก ข้อ ดี ขอ้ ปานกลาง ข้อ พอใช้ ไมไ่ ด้ ท้งั หมดทเี่ รียนได้ ปรับปรงุ

จดุ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนน 1 54 3 2 นกั เรยี น ปฏิบตั ทิ ักษะ ด้านทกั ษะกระบวนการ นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น การเลน่ แบดมินตัน (P) ปฏิบตั ทิ ักษะ ปฏบิ ตั ิทักษะ ปฏบิ ัตทิ กั ษะ ปฏบิ ตั ทิ ักษะ ประเภทคู่ ค่อนถกู ตอ้ ง นกั เรยี นสามารใชท้ ักษะใน การเลน่ การเล่น การเล่น การเลน่ แตไ่ ม่ สามารถ การแขง่ ขันไดอ้ ยา่ ง แบดมนิ ตัน แบดมนิ ตนั แบดมนิ ตัน แบดมนิ ตนั แก้ไข หลากหลาย ประเภทคู่ ประเภทคู่และ ประเภทคู่ ประเภทคู่ สถานการณ์ ตามกติกา ตามกติกาและ และสามารถ และสามารถ ต่างๆเมื่ออยู่ ในเกมการ และแกไ้ ข แกไ้ ข แก้ไข แก้ไข แข่งขัน ปรับปรุง สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ ต่างๆได้ดี ตา่ งๆได้ เม่อื ต่างๆได้เมอ่ื ต่างๆได้ เมอ่ื อยใู่ น อยู่ในเกมการ อยูใ่ นเกมการ บางครัง้ เม่ือ เกมการ แข่งขนั แขง่ ขัน อยู่ในเกมการ แข่งขัน ดี ปานกลาง แข่งขนั ดมี าก พอใช้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึง นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น ประสงค์ (A) แสดงออก แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออก นกั เรยี นแสดงออกถงึ ความ ทาง พฤติกรรมท่ดี ี พฤตกิ รรมทดี่ ี พฤตกิ รรมท่ดี ี ทาง กระตือรอื รน้ การจดั พฤติกรรมท่ี ได้ 4 ขอ้ ดี ได้ 3 ขอ้ ปาน ได้ 2 พอใช้ พฤตกิ รรมที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน ดี ได้ 5 ข้อ กลาง ดี ได้ 1 ขอ้ ดีมาก ปรับปรุง คะแนนรวม/คะแนนเตม็ 15 คะแนน

เกณฑก์ ารวดั ผลและการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมินผล เกณฑใ์ ห้คะแนน 8 คะแนนขน้ึ ไป ผ่าน 7 คะแนนลงมา ไมผ่ า่ น 13 – 15 อยู่ในเกณฑ์ ดมี ากการประเมิน 10 – 12 อย่ใู นเกณฑ์ ดี 7 – 9 อยใู่ นเกณฑ์ ปานกลาง 4 – 6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 0 – 3 อยใู่ นเกณฑ์ ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ ผลด้านความรู้ คำช้แี จง: สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน ที่ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ เกณฑก์ าร ชือ่ - สกลุ ดา้ นความรู้ (K) กระบวนการ (P) ประสงค์ (A) ประเมนิ 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. ลงชอื่ .......................................... ผู้ประเมนิ ( ........................................... ) ......... / ................. / ..........

บนั ทกึ หลังการสอน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 เร่อื ง การแข่งขนั แผนการเรยี นรูท้ ี่ 18 ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนว/ทางแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )........................................................ครผู ้สู อน (นางสาวสพุ ัตรา อำขำ) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วิชาชพี ครู ........../........../.......... ความคิดเห็นของอาจารย์ทป่ี รึกษา/ครพู ่ีเลย้ี ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)........................................................ผู้ตรวจ (นายอธิวฒั น์ มณีจกั ร) อาจารยท์ ่ีปรึกษา/ครูพ่เี ลี้ยง ........../........../..........

โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รายวิชา เซปกั ตะกร้อ ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ผู้สอน นางสาวสพุ ตั รา อำขำ โรงเรียน นวมินทราชูทิศ พายัพ หน่วย แผนการ เวลา การ จัดการเรียนรู้ เร่ือง/เนือ้ หา ( 18 ) เรยี นรู้ ท่ี ชวั่ โมง ท่ี หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 กีฬาประเภทคู่ : เซปักตะกรอ้ 5 1 -2 เน้อื หาทฤษฎี : เซปักตะกร้อ 2 1 ประวตั ิและความสำคญั ของกฬี าเซปักตะกรอ้ 1 2 การทดสอบสมรรถภาพ 1 3 - 7 ทักษะพ้นื ฐาน : เซปกั ตะกรอ้ 5 3 - การสร้างความคนุ้ เคยกับลกู ตะกรอ้ 1 4 - ทักษะการเดาะลกู ตะกรอ้ ดว้ ยขา้ งเท้าดา้ นใน 1 5 - ทักษะการเดาะลูกตะกรอ้ ดว้ ยหลังเทา้ 1 6 - ทกั ษะการเดาะลูกตะกร้อด้วยเข่า 1 7 การสอบทกั ษะปฏิบัตคิ ร้ังที่ 1 : ทักษะพื้นฐาน 1 8 -10 ทักษะเบ้อื งตน้ : เซปกั ตะกรอ้ 3 8 - การรบั -ส่งลกู ตะกร้อด้วยข้างเทา้ ดา้ นใน (ระดับเหนือศรี ษะ) 1 9 - การรบั -สง่ ลกู ตะกร้อดว้ ยขา้ งเทา้ ดา้ นใน (ระดบั ไม่เกินศรี ษะ) 1 10 การสอบทักษะปฏิบตั ิคร้งั ที่ 2 : ทกั ษะเบอื้ งต้น 1 11 -17 ทกั ษะข้ันสงู : เซปกั ตะกร้อ 8 11 - ทกั ษะการเสริ ฟ์ ลูก 1 12 - รูปแบบการเล่นลูกหนา้ ตาขา่ ย 1

หนว่ ย แผนการ เร่อื ง/เนื้อหา เวลา การเรยี นรู้ จัดการเรยี นรู้ ( 18 ) รูปแบบการเล่นลกู สกัดก้นั ชั่วโมง ท่ี ท่ี กฎกติกาการเล่นกฬี าเซปกั ตะกรอ้ การสอบทกั ษะปฏิบัตคิ ร้ังท่ี 2 : ทักษะขั้นสงู 1 13 1 14 - การแข่งขนั ประเภททมี เด่ยี ว 1 15 - การแข่งขันประเภททมี คู่ 1 16 สรุป เนอื้ หาหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 การแข่งขัน : เซปกั ตะกร้อ 1 17 1 18 สอบปลายภาค

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 วชิ า เซปกั ตะกรอ้ (พ.30215) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 เร่อื ง ประวัตแิ ละความสำคัญของกฬี าเซปกั ตะกรอ้ เวลา 50 นาที ผู้สอน นางสาวสพุ ัตรา อำขำ โรงเรยี น นวมนิ ทราชูทศิ พายพั สาระที่ 3 การเคลอ่ื นไหว การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทกั ษะในการเคล่อื นไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกฬี า มาตรฐาน พ 3.2 รกั การออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ตั เิ ป็นประจำอย่างสมำ่ เสมอ มี วินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มนี ำ้ ใจนกั กีฬา มีจิตวิญญาณในการแขง่ ขัน และชืน่ ชมในสนุ ทรยี ภาพของการกีฬา ตัวช้ีวัด พ 3.1.3 เลน่ กีฬาไทย กีฬาสากลประเภทบคุ คล/คู่ กีฬาประเภททีมได้อยา่ งนอ้ ย 1 ชนดิ พ 3.2.2 อธิบายและปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิ กฎ กติกา กลวิธีต่างๆ ในระหว่างการเล่น การแข่งขันกีฬากับ ผูอ้ ื่นและนำไปสรปุ เป็นแนวปฏบิ ัตแิ ละใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั อย่างตอ่ เนอื่ ง สาระสำคญั ตะกรอ้ เปน็ กีฬาไทยทเี่ ลน่ กันแพรห่ ลายมานานนบั ศตวรรษ ไมว่ า่ จะเปน็ ตามชนบท ในวัด ในวงั ในเมอื งจะ พบเห็นการเล่นตะกร้อเสมอ เพราะตะกร้อไม่ต้องใช้บริเวณพื้นที่กว้างขวางเหมือนกีฬาประเภทอื่นๆ อุปกรณ์ก็หา ได้ง่าย ทง้ั ผูเ้ ลน่ ก็ไม่จำกัดรูปรา่ ง เพศหรือวัย ตลอดจนไม่จะกดั ผ้เู ล่นตายตัว อาจยดื หยุน่ ได้ตามความเหมาะสมการ เล่นตะกร้อจึงได้รับความนิยมตลอดมาซึ่งผู้เล่นจะได้รับประโยชน์จากการเล่นทั้งทางตรงและทางอ้อม กีฬาเซปัก ตะกร้อจึงได้รับความนิยมเล่นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย อารมณ์ จิตใจใหแ้ ขง็ แรง ซง่ึ ไดร้ บั การบรรจเุ ข้าแขง่ ขนั ในกฬี าซีเกมสแ์ ละกีฬาเอเชี่ยนเกมส์

จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายประวตั ิและความสำคญั ของกฬี าเซปกั ตะกรอ้ ได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถนำเสนอประวัตแิ ละความสำคญั ของกฬี าเซปกั ตะกรอ้ ได้ (P) 3. นกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม (A) สาระการเรียนรู้ 1. ขอบข่ายเนือ้ หาของรายวิชา การวัดและประเมนิ ผล 2. ข้อตกลงต่างๆ ในการเรียนวิชาเซปกั ตะกรอ้ 3. ประวัตแิ ละความสำคญั ของกฬี าเซปักตะกรอ้ 4. เพือ่ ให้รูถ้ งึ คุณค่าและประโยชนข์ องกฬี าเซปกั ตะกรอ้ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่นั ในการปฏบิ ตั ิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการใชท้ กั ษะกระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทกั ษะปฏบิ ตั ิทางพลศึกษา 5 ขัน้ ตอน ( ขน้ั นำ/ข้ันเตรยี ม ขัน้ อธบิ าย/สาธติ ข้นั ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ขนั้ ใช้ ข้นั สรปุ ) กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขนั้ นำ/ขัน้ เตรียม ใช้เวลาประมาณ (10 นาท)ี 1.1 ให้นกั เรยี นจดั แถวตอนลึก 6 แถวๆละ 4 คน จากน้นั ให้นักเรยี นทั้งหมดนั่งลง ดังรปู ที่ 1 (รูปท่ี 1) = ครู = นกั เรียน

1.2 ครูเช็คชื่อจำนวนนักเรียนที่มาเรียนทั้งหมด ว่ามีใครมาเรียนและขาดเรียนบ้างหรือมีใครเจ็บป่วยจน ไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวที่ห้อง พยาบาล 1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3 รอบสนามโดยวิ่งวนด้านซ้ายเป็นแถวตอนเรียงเดียวจากนั้น ใหก้ ลับมาต้งั แถวเหมือนเดมิ 1.4 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริหารโดยให้ผู้เรียนจัดแถวกลับสู่ รูปแบบเดิมคือ 6 แถวตอน จากนน้ั ให้ผู้เรยี นทำท่าต่อไปน้ี หมนุ คอ ไหล่ แขน อก เอว เขา่ ขอ้ เทา้ ขอ้ มอื เปน็ ต้น 2. ขั้นอธบิ าย/สาธติ ใช้เวลาประมาณ (10 นาที) 2.1 ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับวิชาที่จะเรียน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬาเซปักตะกร้อ อธิบายถึงการวัด และประเมินผล การปฏบิ ัตติ วั ในการเรียน มารยาทต่างๆ ในการเรยี นการสอนวชิ าเซปักตะกรอ้ 2.2 ครูอธิบายถงึ ความหมายและประวัตขิ องกีฬาเซปกั ตะกรอ้ 2.3 ครูอธิบายถงึ คุณคา่ และความสำคัญของกฬี าเซปกั ตะกร้อ 3. ขั้นฝกึ ปฏิบัติ ใชเ้ วลาประมาณ (20 นาท)ี 3.1 ให้นักเรียนศึกษาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ คุณค่าและประโยชน์ของ กฬี าเซปกั ตะกร้อ 4. ขน้ั ใช้ ใชเ้ วลาประมาณ ( 10 นาที ) 4.1 ครูให้ตัวแทนของแต่ละแถวออกมาอธิบายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ความสำคัญ คุณค่าและ ประโยชน์ของกฬี าเซปกั ตะกรอ้ 5. ขั้นสรปุ ใช้เวลาประมาณ (10 นาที) 5.1 ครสู ั่งให้นักเรียนชดิ แถวโดยมรี ะยะหา่ ง 1 ชว่ งแขน แล้วใหน้ กั เรยี นทงั้ หมดนง่ั ลง 5.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปเนอื้ หาทั้งหมดท่เี รียนมา โดยมคี รคู อยช้แี นะและตอบคำถาม 5.3 มอบหมายงานเพอื่ การทำกจิ กรรมในครัง้ ตอ่ ไปและ สำรวจเครื่องแต่งกาย ความสะอาด ความพร้อม ในด้านต่าง ๆของผ้เู รยี น กอ่ นท่ีจะสงั่ เลกิ แถว เพอื่ ให้ผู้เรยี นไดไ้ ปเรยี นในรายวชิ าตอ่ ไป

สอ่ื การเรยี นการสอน 1. ใบความร้พู ้นื ฐานเก่ียวกบั เร่อื งประวัตคิ วามเป็นมา 2. นกหวีด การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครือ่ งมือการวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกต 1.2 สอบถาม 2. วิธีการวดั และประเมนิ ผล 2.1 ตั้งคำถาม 2.2 สงั เกตพฤตกิ รรม 3. เกณฑ์การวัดผลและการประเมินผล จุดประสงค์ ระดับคณุ ภาพ/ระดับคะแนน 3 21 ด้านความรู้ (K) อธิบายไดถ้ ูกตอ้ งครบ อธบิ ายได้ถูกตอ้ งบาง อธิบายได้ยงั ไมช่ ัดเจน นักเรียนสามารถอธิบายประวัตแิ ละ ตรงตามประเดน็ ท่คี รสู อน ประเด็นท่คี รสู อน ความสำคญั ของกฬี าเซปกั ตะกร้อ (K) ปฏบิ ัตไิ ดถ้ กู ต้องครบถว้ น ปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้องแต่ยงั ไม่ ปฏิบัติได้ยังไม่ถกู ต้อง ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ตามข้อกำหนดท่ีครูให้ไว้ ครบ ตามขอ้ กำหนดที่ครู ตามขอ้ กำหนดทีค่ รู ใหไ้ ว้ ให้ไว้ นักเรียนสามารถนำเสนอประวตั ิและ สนใจในการเรียนใหค้ วาม ความสำคัญของกฬี าเซปกั ตะกร้อ รว่ มมือดีมาก สนใจในการเรียน แต่ สนใจในการเรียนน้อย ไมใ่ ห้ความร่วมมอื ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงค์ (A) 9 คะแนน นกั เรียนใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม คะแนนรวม/คะแนนเต็ม 8 - 9 คะแนน ระดับ 3 ดี 3 – 4 คะแนน ระดบั 1 ปรบั ปรงุ 5 - 7 คะแนน ระดบั 2 พอใช้ หมายเหตุ เกณฑก์ ารผ่านไดร้ ะดบั 2 ขนึ้ ไป

บนั ทกึ หลงั การสอน ผลการสอน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ปัญหา/อปุ สรรค .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ………………….………………….ผ้สู อน (นางสาวสุพตั รา อำขำ) ............./.............../............. ลงชื่อ......................................ครพู ีเ่ ล้ียง (นายอธวิ ฒั น์ มณีจักร) ............./.............../.............

ใบความรู้ ประวตั กิ ีฬาเซปักตะกร้อ ความเปน็ มาตะกรอ้ กตกิ าและวิธีการเล่น ประวตั กิ ฬี าตะกรอ้ ต่างประเทศ กฬี าเซปกั ตะกรอ้ การแข่งขันตะกร้อตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามมี าตั้งแตส่ มยั ใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรงุ รัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นท่ีใกลเ้ คียงก็มีการเล่นตะกรอ้ คนเล่นไม่จำกดั จำนวน เล่นเป็น หมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อ พลาสตกิ การเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่นได้ออกกำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความว่องไว ความสังเกต มีไหวพริบทำ ให้มีบคุ ลกิ ภาพดี มีความสงา่ งาม และการเล่นตะกรอ้ นบั ไดว้ า่ เป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึง่ ในการคน้ ควา้ หาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนน้ั ยงั ไมส่ ามารถหาข้อสรุปได้อย่าง ชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากทีใ่ ด จากการสนั นษิ ฐานคงจะไดห้ ลายเหตผุ ลดงั นี้ - ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซ่ึง ทางพม่าเรยี กวา่ “ชิงลง” - ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำวา่ Raga หมายถงึ ตะกรา้ - ทางฟิลปิ ปินส์ ก็นยิ มเลน่ กนั มานานแล้วแต่เรียกวา่ Sipak - ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้ายกีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะ ศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่น ตะกร้อขนไก่นไ้ี ปเผยแพร่ แต่เรยี กว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลกู ขนไก่ - ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกตา่ งไป คือใช้ดินเหนียวห่อ ด้วยผ้าสำลีเอาหางไกฟ่ า้ ปัก - ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่าง กลมกลืนและสวยงามทง้ั ดา้ นทักษะและความคิด ประวตั กิ ฬี าตะกรอ้ ในประเทศไทย ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ ลงไปในสิ่งกลมๆทส่ี านด้วยหวายให้ชา้ งเตะ แต่สิง่ ที่ชว่ ยสนบั สนนุ ประวัติของตะกร้อไดด้ ี คือ ในพระราชนิพนธเ์ ร่ือง อิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดา ราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอา

หวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มี หลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่าง ๆ ซึ่งการเล่น ตะกร้อของประเทศอื่น ๆ นั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทยเรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่าง ต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภท สังเคราะห์ ( พลาสตกิ ) ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ ว่า “ลูกกลมสานดว้ ยหวายเปน็ ตา สำหรับเตะ” ววิ ัฒนาการการเลน่ กฬี าตะกร้อ การเล่นตะกร้อได้มีวิวัฒนาการในการเล่นมาอย่างต่อเนื่อง ในสมัยแรกๆ ก็เป็นเพียงการช่วยกันเตะลูก ไม่ให้ตกถึงพ้ืนตอ่ มาเมื่อเกิดความชำนาญและหลีกหนีความจำเจ ก็คงมีการเร่ิมเล่นด้วยศีรษะ เข่า ศอก ไหล่ มีการ จัดเพิ่มท่าให้ยากและสวยงามขึ้นตามลำดับ จากนั้นก็ตกลงวางกติกาการเล่นโดยเอื้ออำนวยต่อผู้เล่นเป็นส่วนรวม อาจแตกต่างไปตามสภาพภูมิประเทศของแตล่ ะพ้ืนที่ แต่คงมคี วามใกล้เคยี งกนั มากพอสมควร การกอ่ ตัง้ สมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย ประวัตติ ะกร้อไทย ในช่วงที่ พลโทผเชิญ นิมิบุตร ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการ เปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การพัฒนากีฬาเซปักตะกร้อภายในประเทศไทยอย่างมากมายหลายประการ ซึ่งเหตุการณ์ ที่สำคัญได้แก่ ปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นว่า สมาคมกีฬาไทยฯ มีความรับผิดชอบ กีฬาไทย หลายประเภท ดูแลไม่ทั่วถึง ไม่สามารถพัฒนากีฬาเซปักตะกร้อให้ กา้ วหน้า ประโยชนข์ องกฬี าเซปกั ตะกรอ้ ตะกร้อเปน็ กีฬาไทยท่ีเล่นกันแพร่หลายมานานนับศตวรรษ ไมว่ า่ จะเป็นตามชนบท ในวดั ในวงั ในเมืองจะ พบเห็นการเล่นตะกร้อเสมอ เพราะตะกร้อไม่ต้องใช้บริเวณพื้นที่กว้างขวางเหมือนกีฬาประเภทอื่นๆ อุปกรณ์ก็หา ไดง้ า่ ย ท้งั ผู้เล่นก็ไมจ่ ำกดั รปู ร่าง เพศหรอื วัย ตลอดจนไม่จะกัดผู้เล่นตายตัว อาจยืดหย่นุ ไดต้ ามความเหมาะสมการ เล่นตะกร้อจึงได้รับความนิยมตลอดมาซึ่งผู้เล่นจะได้รับประโยชน์จากการเล่นทั้งทางตรงและทางอ้อมนับอเนก ประการดังน้ี 1. ตะกร้อเป็นกีฬาที่ประหยัด ลงทุนน้อยแต่เล่นได้หลายคน คุ้มค่าเงิน สามารถร่วมทุนกันคนละเล็กละ นอ้ ยหรือผลัดกนั ซ้อื กไ็ ด้ ทง้ั ลกู ตะกร้อกม็ ีความทนทาน โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ถ้ารู้จกั ใช้และรจู้ กั เก็บรักษาใหด้ ี 2. การเลน่ ตะกรอ้ เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำใหจ้ ิตใจสดชนื่ แจ่มใสและทสี่ ำคัญผู้ที่เล่นตะกร้อ ยงั ได้ชอื่ วา่ เป็นผ้หู น่ึงท่สี ง่ เสรมิ กฬี าศลิ ปะและวัฒนธรรมไทย ซ่ึงถือได้วา่ เปน็ การรักษาเอกลกั ษณข์ องชาติอีกดว้ ย

3. การเล่นตะกร้อยังเป็นพื้นฐานของการเล่นกีฬาปะเภทอื่นได้เป็นอย่างดี เพราะทำให้ผู้เล่นรู้จักวิธีการ ครอบครองลูก รู้จังหวะเข้าออก จังหวะการเตะ โดยให้มีความสัมพันธ์ระหว่างมือ เท้า อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหว สอดคล้องกัน สร้างความแขง็ แกร่งของกล้ามเน้ือ กอ่ ให้เกิดความแข็งแรงและความอดทนอีกด้วย 4. การเล่นตะกร้อสามารถเล่นคนเดียวก็ได้ หรือถ้ามีผู้เล่นมากขึ้นก็สามารถปรับการเล่นได้ตามความ เหมาะสม อันตรายจากการเล่นตะกร้อนั้นมีน้อยมาก เพราะจะไม่มีการปะทะหรือถูกต้องตัวกันระหว่างผู้ เล่น ด้วยกันเอง หรือแม้แต่อุปกรณ์การเล่น ก็มิได้ทำให้เกิดอันตราย ถ้าผู้เล่นรู้จักสังเกตว่ามีอุปกรณ์ใดชำรุดก็ ปรับเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้พร้อมก่อนที่จะเล่น การเคลื่อน ที่ด้วยความระมัดระวังก็จะทำให้เกิดการหกล้มเสีย หลักได้ยาก และการเล่นตะกร้อนั้นสามารถใช้อวัยวะได้หลายส่วน ทำให้ไม่เกิดการบอบช้ำเฉพาะส่วนใดส่วนหน่ึง ของรา่ งกายอีกด้วย 5. การเลน่ ตะกรอ้ เป็นการฝกึ ใหเ้ กิดความคล่องแคล่วว่องไว ปราดเปรียว เพราะต้องมีความระมัดระวังตัว และเตรียมตัวพร้อมที่จะเข้าเล่นลูกในลักษณะต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวก็ต้องกระทำด้วยความรวดเร็ว กระฉบั กระเฉง เพ่ือให้ทันกับจงั หวะทีจ่ ะเลน่ ลูก 6. การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์เยือกเย็น สุขุม รอบคอบ เพราะการเล่นหรือการเตะลูก แต่ละครั้งจะต้องอาศยั สมาธิ และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ถ้าหากใจร้อนหรือลุกลี้ลุกลน การเตะแต่ละคร้ังกจ็ ะเสยี ไป ทำใหเ้ ล่นผิดพลาดไดบ้ ่อย ๆ ถา้ เปน็ การแข่งขนั ก็จะพ่ายแพ้แกค่ แู่ ขง่ ขนั ไดง้ ่าย 7. การเล่นตะกร้อเป็นการฝึกการตัดสินใจ เพราะก่อนการเล่นลูกทุกครั้งจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับ ทิศทาง ความเรว็ ความแรงและลักษณะการหมนุ ของลูก ซง่ึ จะเป็นสิ่งที่ชว่ ยในการตัดสินใจว่าต้องเล่นลูกด้วยท่าใด สง่ ลูกไปยงั ทศิ ทางใด การกะระยะส่งลกู เป็นต้น 8. การเล่นตะกร้อจะช่วยประสานหน้าที่ของอวัยวะในร่างกายให้มีระบบการทำงานดีขึ้น และเป็นการฝึก ประสาทได้เป็นอย่างดี เพราะการเล่นลูกแต่ละครั้งต้องอาศัยระหว่างความสัมพันธ์ ระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ และอวัยวะต่าง ๆ เพื่อทำให้การเตะและการเล่นลูกเป็นไปอย่างราบร่ืน นิ่มนวลและได้จังหวะ ทั้งจะต้องมีปฏิภาณ ไหวพริบ มีการแก้ไขปัญหาตลอดเวลาที่เลน่ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในการเลน่ เพ่อื แขง่ ขัน จะต้องมีการวางแผนการเล่น โดยอาศยั ปัจจัยหลายประการ เนือ่ งจากการแข่งขันจะชีไ้ ด้ว่าใครมีเชาวป์ ญั ญา ปฏิภาณไหวพรบิ ดกี วา่ หรือมากกวา่ กนั 9. การเล่นตะกร้อก่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งผู้เล่นและผู้ชม การร่วมวงเล่นตะกร้อมักจะมีการส่งเสียงแสดงความดีใจพอใจตลอดเวลาในการเล่น หรือการเตะทา่ พลิกแพลงต่าง ๆ ของผู้เข้าร่วมวงอยู่เสมอ จึงก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างผู้เล่นด้วยกัน รู้จักหน้าที่รับผิดชอบและให้โอกาสแก่ ผ้อู ื่น เกิดมนษุ ย์สมั พนั ธท์ ี่ดมี ีความเขา้ อกเขา้ ใจ รู้นสิ ัยใจคอกันดีขึ้น ยอมรบั ผดิ และให้อภัยกนั เสมอ นับเป็นการชว่ ย สง่ เสรมิ ให้เข้าสงั คมได้ดียง่ิ ข้ึนอีกดว้ ย

10. การเล่นตะกร้อนั้นเล่นได้ไม่จำกัดเวลา คือจะเล่นเวลาใดก็ได้ตามความประสงค์ของผู้เล่น ทั้ง ระยะเวลาในการเล่นก็ไม่กำหนดขนึ้ อย่กู ับความเหมาะสมและความพอใจของผเู้ ลน่ 11. กีฬาตะกร้อเล่นได้ไม่จำกัดสถานที่ อาจจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง ทั้งสภาพของสนามก็ไม่เป็น อุปสรรคมากมายนัก ขนาดของสนามก็ยืดหยุ่นได้ไม่ตายตวั เหมอื นกีฬาอนื่ ๆ 12. ตะกร้อเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับบุคคลทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นกีฬาที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป สามารถปรบั การเล่นตามความสามารถและกำลังของผู้เล่นได้ ทงั้ ในดา้ นทักษะก็มีหลายระดับชั้น ซึ่งดูเหมือนจะท้า ทายและจูงใจผ้เู ลน่ ไมร่ จู้ บส้ิน ผู้เลน่ สามารถพัฒนาทักษะไปตามวยั นอกจากน้ันอาจเล่นเพื่อความสวยงาม เพ่ือการ ออกกำลงั กาย เพือ่ การแสดง หรือเพือ่ การแข่งขนั กไ็ ด้



แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 วิชา เซปักตะกรอ้ (พ.30215) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 เรอื่ ง การทดสอบสมรรถภาพ เวลา 50 นาที ผู้สอน นางสาวสุพัตรา อำขำ โรงเรยี น นวมินทราชทู ิศ พายัพ สาระท่ี 3 การเคล่ือนไหว การออกกำลังกาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เขา้ ใจ มีทักษะในการเคล่ือนไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกมและกีฬา ตัวช้ีวดั พ 3.1.1 วิเคราะหค์ วามคิดรวบยอดเก่ียวกับการเคลอ่ื นไหวรูปแบตา่ งๆ ในการเล่นกฬี า พ 3.1.2 ใชค้ วามสามารถของตน เพอื่ เพ่ิมศักยภาพของทีม คำนึงถงึ ผลท่เี กิดต่อผู้อน่ื และสงั คม สาระสำคญั การทดสอบสมรรถภาพทางกายมีความจำเป็นต่อการเรียนพลศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการ จดั การเรยี นการสอน เพราะนักเรียนแตล่ ะคนมสี มรรถภาพทางกายท่ีแตกต่างกนั นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ในการทดสอบสมรรถภาพตามท่ีครูกำหนดให้ และสามารถทดสอบได้อย่างถูกต้อง ปลอดภยั และมีสมรรถภาพ ตามเกณฑ์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายวิธีการทดสอบสมรรถภาพ ประโยชน์และความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพ รวมท้งั บอกรูปแบบและขนั้ ตอนของการทดสอบสมรรถภาพได้ (K) 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั ิการทดสอบได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและมีสมรรถภาพตามเกณฑ์ (P) 3. นกั เรียนมคี วามสนใจและมคี วามกระตือรือร้นในการทำกจิ กรรม (A)

สาระการเรยี นรู้ ประโยชน์และความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพในการการวิ่งเก็บของเพื่อความคล่องแคล่ว ว่องไว และลุก – น่ัง 30 วินาทเี พ่อื ความแขง็ แรงและความอดทนของกล้ามเน้อื คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มั่นในการปฏิบตั ิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการและทกั ษะในการดำเนนิ ชวี ิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝกึ ทักษะปฏบิ ัตทิ างพลศึกษา 5 ขน้ั ตอน (ขั้นนำ ขัน้ อธิบายสาธติ ข้ันฝึกปฏิบตั ิ ขัน้ นำไปใช้ ข้ันสรปุ ) กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำหรืออบอุ่นรา่ งกาย ( 5 นาที ) 1.1 ครูเป่านกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน ให้หัวหน้าห้องนำกล่าวนักเรียนทำ ความเคารพ จากน้ันให้น่งั ลง รูปที่ 1 = ครู = นกั เรยี น

1.2 ครูเช็คชอ่ื จำนวนนกั เรียนทม่ี าเรียนทัง้ หมด วา่ มใี ครมาเรยี นและขาดเรียนบา้ งหรือมใี ครเจ็บป่วย จนไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวท่ี ห้องพยาบาล 1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3 รอบสนามโดยวิ่งวนด้านซ้ายเป็นแถวตอนเรียงเดียว จากนัน้ ใหก้ ลับมาตงั้ แถวเหมือนเดมิ 1.4 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริหารโดยให้ผู้เรียนจัดแถวกลับสู่ รูปแบบเดิมคือ 6 แถวตอน จากนน้ั ให้ผู้เรยี นทำท่าต่อไปน้ี หมุนคอ ไหล่ แขน อก เอว เข่า ขอ้ เท้า ขอ้ มือ เปน็ ต้น 2. ขั้นอธิบายสาธิต ( 10 นาที ) 2.1 ครูอธิบายและสาธติ รปู แบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวิ่งเก็บของและลกุ – น่ัง 30 วินาที 2.2 ครอู ธิบายและสาธิตรูปแบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวง่ิ เกบ็ ของและลกุ – น่ัง 30 วินาที โดยให้ผ้เู รยี นออกมารว่ มสาธติ กับครู 2.3 ครอู ธบิ ายและสาธิตรูปแบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวิ่งเก็บของและลกุ – นงั่ 30 วินาที โดยให้ผเู้ รยี นออกมาสาธิตกนั เอง 3. ขน้ั ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ( 5 นาที ) 3.1 ให้นกั เรียนจับคู่ ชาย-ชาย, หญงิ -หญิง โดยเลือกเพอ่ื นทมี่ ีขนาดร่างกายใกล้เคยี งกนั 3.2 ให้นักเรียนแต่ละคู่ลองฝึกปฏิบัติการวิ่ง วิธีการวิ่งเก็บของจะวิ่งทีละ 2 คนละที่ โดยวางไม้ทั้งสอง ท่อนกลางวงกลมที่อยู่ตรงข้ามกับเส้นเริ่ม นักเรียนยืนให้ปลายเท้าข้างหนึ่งอยู่ชิดเส้นเริ่ม เมื่อ ได้รบั คำส่งั วา่ ไปใหน้ กั เรยี นวงิ่ ไปหยิบท่อนไม้ท่อนหนึง่ มาวางท่ีวงกลมหลังเสน้ เร่มิ แลว้ กลับตัวว่ิง ไปหยบิ ทอ่ นไม้อีกท่อนหน่ึงมาวางไวเ้ ช่นเดียวกับท่อนแรกแล้วว่งิ เลยไป ห้ามโยนทอ่ นไม้ หากวาง ไมเ่ ข้าในวงกลม ใหเ้ ริ่มใหม่ 3.3 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคู่ลองฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารลุก – นั่ง ให้ผรู้ ับการทดสอบคนแรกนอนหงายบนเบาะเข่างอ ตั้งเป็นมุมฉาก เท้าแยกห่างกันประมาณ 30 องศาประสานนิ้วมือรองท้ายทอยไว้ ผู้ทดสอบคน ที่ 2 คุกเข่าที่ปลายเท้าของผู้ทดสอบ(หันหน้าเข้าหากัน)มือทั้งสองกำและกดข้อเท้าของผู้รับการ ทดสอบไว้ให้หลงั ติดพื้นเมือ่ ผูใ้ ห้สัญญาณบอก \"เริ่มต้น\" พร้อมกับจับเวลา ผู้รับการทดสอบลุกข้ึน น่งั ให้ศอกท้งั สองแตะเขา่ ท้ังสองแล้วกลับนอนลงในท่าเดิมจนนิ้วมือจรดเบาะจงึ กลับลกุ ข้นึ นัง่ ใหม่

4. ขนั้ ใช้ ( 25 นาที ) 4.1 ทดสอบสมรรถภาพทางกาย วิง่ เก็บของทีละคู่ โดยให้นกั เรยี นหญิงทดสอบกอ่ นนกั เรยี นชาย รูปที่ 2 4.2 ทดสอบสมรรถภาพ ลุก – นั่ง 30 วินาที ซึ่งครูเป็นผู้กำหนดเวลาในการทดสอบ ให้นักเรียนทำ การทดสอบพรอ้ มกัน 5 คู่ โดยใหน้ ักเรยี นชายทดสอบกอ่ น และนกั เรยี นหญงิ ตามลำดับ รูปท่ี 3 5. ข้ันสรุป ( 5 นาที ) 5.1 ครูส่ังให้นกั เรียนชดิ แถวโดยมีระยะหา่ ง 1 ชว่ งแขน แล้วให้นกั เรียนท้ังหมดนั่งลง 5.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เน้ือหาทั้งหมดทีเ่ รียนมา โดยมีครคู อยช้ีแนะและตอบคำถาม 5.3 มอบหมายงานเพือ่ การทำกิจกรรมในครั้งต่อไปและ สำรวจเครื่องแต่งกาย ความสะอาด ความพรอ้ มในด้านต่าง ๆของผู้เรยี น กอ่ นทีจ่ ะส่ังเลิกแถว เพื่อให้ผู้เรยี นได้ไปเรียนใน รายวิชาตอ่ ไป

สื่อการเรยี นการสอน 1. นกหวดี 2. นาฬิกาจับเวลา 3. เทปวดั 4. ทางว่ิงเรียบขนานกัน 4 เส้น หา่ งกนั 10 เมตร 5. วงกลม 4 วง 6. ทอ่ นไม้ 4 ท่อน 7. เบาะยิมนาสติก 5 เบาะ การวัดผลและการประเมินผล 1. เครื่องมอื การวัดและประเมนิ ผล 1.1 คำถาม , สังเกต 1.2 แบบประเมนิ สมรรถภาพ ว่งิ เก็บของ 1.3 แบบประเมนิ สมรรถภาพ ลุก – นง่ั 30 วินาที 2. วธิ กี ารวัดและประเมินผล 2.1 ตั้งคำถาม 2.2 สงั เกตพฤติกรรม 2.3 เปรียบเทียบคา่ สมรรถภาพของนักเรยี นกบั เกณฑ์

3. เกณฑ์การวัดผลและการประเมินผล จุดประสงค์ ระดับคณุ ภาพ/ระดบั คะแนน 1 32 ด้านความรู้ (K) อธิบายได้ถูกต้องครบ อธิบายได้ถกู ต้อง อธบิ ายไดย้ งั ไม่ นกั เรยี นอธบิ ายวิธกี ารทดสอบ ตรงตามประเด็นที่ครู บางประเด็นทค่ี รู ชัดเจน สอน สมรรถภาพ ประโยชนแ์ ละความสำคญั สอน ของการทดสอบสมรรถภาพ รวมทั้ง ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถรวิ่ง นักเรยี นสามารถวง่ิ นักเรียนเก็บของได้ นักเรยี นชาย เก็บของได้เวลาดีทส่ี ดุ เกบ็ ของได้เพอใช้ เวลาคอ่ นข้างตำ่ สามารถปฏิบตั ิการทดสอบว่งิ เก็บของ และลกุ -นงั่ 30 ไดอ้ ย่างถูกต้อง และสามารถ และสามารถ และสามารถ ปลอดภัยและมสี มรรถภาพตามเกณฑ์ ปฏบิ ัตกิ ารลุก-นั่ง 30 ปฏบิ ตั กิ ารลุก-นงั่ ปฏิบัตกิ ารลุก-น่ัง นักเรยี นหญิง วนิ าที ได้อย่างถูกตอ้ ง 30 วนิ าที ได้ถูกต้อง 30 วินาที คอ่ นขา้ ง สามารถปฏบิ ัตกิ ารทดสอบวง่ิ เกบ็ ของ และลกุ -นงั่ 30 ไดอ้ ย่างถูกต้อง นกั เรียนชาย ทำได้ 29 นกั เรยี นชาย ทำได้ ถูกต้อง นักเรยี น ปลอดภัยและมีสมรรถภาพตามเกณฑ์ ชาย ทำได้ 20-21 ครงั้ ข้ึนไป 22-26 ครง้ั ครง้ั นักเรยี นหญิง ทำได้ นักเรยี นหญงิ ทำได้ นักเรียนหญงิ ทำ ได้ 12-13 คร้งั 21 ครงั้ ข้นึ ไป 14-18 คร้ัง ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ สนใจในการเรยี นให้ สนใจในการเรยี น สนใจในการเรยี น ประสงค์ (A) ความรว่ มมือดมี าก แตไ่ ม่ให้ความ นอ้ ย นักเรียนแสดงออกถึงความสนใจ ใฝ่รู้ ร่วมมอื ใฝเ่ รยี น มีความเป็นผู้นำและผู้ตามทดี่ ี คะแนนรวม/คะแนนเตม็ 9 คะแนน 8 - 9 คะแนน ระดบั 3 ดี 3 – 4 คะแนน ระดบั 1 ปรบั ปรุง 5 - 7 คะแนน ระดับ 2 พอใช้ หมายเหตุ เกณฑ์การผ่านได้ระดับ 2 ขนึ้ ไป

บันทกึ หลังการสอน ผลการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา/อปุ สรรค ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ .................................................................................. .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ลงช่ือ………………….………………….ผสู้ อน (นางสาวสุพัตรา อำขำ) ............./.............../............. ลงชอื่ ......................................ครูพี่เลย้ี ง (นายอธิวฒั น์ มณจี ักร) ............./.............../.............



แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 วิชา เซปักตะกร้อ (พ.30215) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 เรอื่ ง การสรา้ งความคนุ้ เคยกับลูกตะกรอ้ เวลา 50 นาที ผสู้ อน นางสาวสพุ ตั รา อำขำ โรงเรยี น นวมินทราชทู ิศ พายัพ สาระท่ี 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเลน่ เกม และการเลน่ กีฬา ปฏบิ ตั ิเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มี วินยั เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี ำ้ ใจนกั กฬี า มีจติ วิญญาณในการแขง่ ขนั และชน่ื ชมในสนุ ทรียภาพของการกีฬา ตวั ชีว้ ัด พ 3.1.3 เลน่ กฬี าไทย กฬี าสากลประเภทบุคคล/คู่ กฬี าประเภททีมได้อย่างนอ้ ย 1 ชนดิ พ 3.2.2 อธิบายและปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิ กฎ กติกา กลวิธีต่างๆ ในระหว่างการเล่น การแข่งขันกีฬากับ ผอู้ ่ืนและนำไปสรุปเปน็ แนวปฏบิ ัตแิ ละใช้ในชวี ติ ประจำวนั อยา่ งต่อเน่ือง สาระสำคัญ การสร้างความคุ้นเคยกับลูกตะกร้อ เป็นการเตรียมร่างกายเพื่อให้พร้อมก่อนที่จะมีการเล่นกีฬาเซปัก ตะกร้อได้อย่างปลอดภัย การสร้างความคุ้นเคยเป็นการทำความรู้จักกับอุปกรณ์ การสัมผัสอย่างใกล้ชิด รู้ทิศทาง ของลูกตะกร้อ ขนาดและน้ำหนกั ของลกู ตะกร้อ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายถึงการสร้างความคุน้ เคยกบั ลกู ตะกร้อได้ 2. นักเรยี นสามารถปฏิบัติการสรา้ งความคนุ้ เคยกับลูกตะกร้อได้ 3. นกั เรียนให้ความรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

สาระการเรยี นรู้ การสร้างความคุน้ เคยกับลกู ตะกรอ้ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการปฏบิ ตั ิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการและทกั ษะในการดำเนนิ ชีวิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝกึ ทกั ษะปฏิบัตทิ างพลศึกษา 5 ขั้นตอน ( ข้นั นำ/ขัน้ เตรยี ม ขน้ั อธิบาย/สาธิต ขั้นฝึกปฏิบัติ ข้ันใช้ ขน้ั สรุป ) กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นนำ/ขั้นเตรียม ใช้เวลาประมาณ (10 นาที) 1.1 ครูเปา่ นกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน จากนนั้ ให้นักเรยี นท้ังหมดนั่งลง ดังรปู ท่ี 1 (รูปท่ี 1) = ครู = นกั เรียน 1.2 ครูเช็คชอ่ื จำนวนนักเรยี นที่มาเรียนทง้ั หมด ว่ามีใครมาเรยี นและขาดเรยี นบ้างหรอื มใี ครเจ็บปว่ ยจนไม่ สามารถทจ่ี ะเรียนได้ทำการแยกนกั เรียนท่เี จ็บป่วยนัน้ ออกมาโดยใหไ้ ปพกั หรือรกั ษาตัวที่หอ้ งพยาบา 1.3 อบอ่นุ ร่างกายให้ผู้เรยี นว่ิงรอบสนาม 3 รอบสนามโดยว่งิ วนดา้ นซ้ายเปน็ แถวตอนเรยี งเดียวจากน้นั ให้ กลบั มาตงั้ แถวเหมอื นเดิม

1.4 ยืดเหยียดกล้ามเน้ือดว้ ยทา่ กายบรหิ ารโดยให้ผูเ้ รียนจดั แถวกลับสู่ รปู แบบเดมิ คือ 6 แถวตอน จากนัน้ ใหผ้ ู้เรยี นทำทา่ ต่อไปน้ี หมนุ คอ ไหล่ แขน อก เอว เข่า ข้อเทา้ ข้อมอื เป็นตน้ 2. ข้นั อธบิ าย/สาธติ ใชเ้ วลาประมาณ (10 นาที) 2.1 ครอู ธิบายและสาธิตทกั ษะการสร้างความคุ้นเคยกบั ลูกตะกร้อ 2.2 ครูอธบิ ายและสาธติ ทักษะการสรา้ งความคุ้นเคยกับลูกตะกรอ้ โดยใหผ้ เู้ รียนออกมาสาธติ ร่วมกบั ครู 2.3 ครูอธิบายและสาธิตทกั ษะการสร้างความคุ้นเคยกับลูกตะกรอ้ โดยใหผ้ เู้ รียนออกมาร่วมสาธิตกันเอง 3. ขน้ั ฝกึ ปฏบิ ตั ิ ใช้เวลาประมาณ (20 นาท)ี 3.1 ครูให้นักเรียนทั้งหมดจัดแถวในรูปแบบวงกลม ยืนในท่าเตรียมพร้อม พร้อมกับลูกตะกร้อคนละลูก ยืนแยกเท้าห่างกนั 1 ช่วงไหล หงายมือทั้งสองขา้ งออกข้างลำตัวข้อศอกงอเล็กน้อย สะบัดข้อมือส่ง ลูกตะกร้อข้ามศีรษะไปยังมืออีกข้างหนึ่ง ทำข้างละ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยน โดยทำตามคำสั่งของครูและ ฟงั สัญญาณนกหวีด ให้นกั เรียนปฏิบัตติ ามพรอ้ มกนั ดงั รปู ที่ 2 (รปู ท่ี 2) = ครู = นกั เรียน

3.2 ครูใหน้ กั เรยี นท้งั หมดยนื ในทา่ เตรียมพร้อม จากน้นั โยนตะกรอ้ ขึ้นในอากาศ ปลอ่ ยใหต้ กถึงพ้ืน 1 ครั้ง เมื่อลูกกระดอนขึ้นให้ใช้มือรับไว้ ทำคนละ 10 ครั้ง โดยทำตามคำสั่งของครูและฟังสัญญาณนกหวีด ใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิตามพรอ้ มกัน ดังรปู ท่ี 3 (รูปท่ี 3) = ครู = นกั เรยี น 3.3 ครใู ห้นักเรยี นท้ังหมดจัดแถวในรูปแบบสเ่ี หล่ียมเปดิ หนง่ึ ด้าน ยืนในท่าเตรียมพร้อมจากนนั้ โยนตะกร้อ ขึ้นเหนือศีรษะให้เลยไปข้างหลังเล็กน้อยแล้วรับด้วยมือทั้งสองข้าง ทำคนละ 10 ครั้ง โดยทำตาม คำสงั่ ของครแู ละฟงั สญั ญาณนกหวีด ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั ติ ามพร้อมกนั ดงั รปู ท่ี 4 (รปู ที่ 4) = ครู = นกั เรยี น

3.4 ครูให้นักเรียนทั้งหมดยืนในท่าเตรียมพร้อม จากนั้นโยนตะกร้อขึ้นตรง ๆ ด้วยมือข้างเดียวแล้วยกขา ข้างหนึ่งเหยียดตึงไปข้างหน้า ตบมือใต้ขา 1 ครั้ง หงายมือและชูมือขึ้นทั้งสองข้างรับลูกเหนือศีรษะ ทำคนละ 10คร้ัง โดยทำตามคำส่ังของครูและฟังสัญญาณนกหวีด ให้นกั เรียนปฏิบัติตามพร้อมกัน ดัง รปู ท่ี 5 ( รปู ที่ 5 ) = ครู = นกั เรียน 3.5 ให้นักเรียนจัดแถวรูปแบบหน้ากระดาน 2 แถว ยืนให้ตรงคู่ของตนเอง ห่างกัน 2 เมตร ใช้ตะกร้อลูก ตะกร้อ 1 ลูก/คู่ โดยจะปฏิบัติด้วยการนั่งลงแล้วเหยียดขาตามสบายหันหน้าเข้าหากัน แล้วส่งลูก ตะกร้อด้วยสองมือไปที่หน้าแข้งของคู่ คนรับใช้ขาระหว่างข้อเท้ากับเข่าหนีบรับลกู แล้วจับลูกส่งกลับ ไปใหใ้ นลกั ษณะเดยี วกัน ปฏิบตั คิ นละ 10 ครั้ง แล้วสลับกบั ดังรปู ที่ 6 ( รปู ท่ี 6 ) = ครู = ลกู ตะกรอ้ = นักเรยี น = ทศิ ทางการเคลื่อนท่ี

4. ขน้ั ใช้ ใช้เวลาประมาณ ( 10 นาที ) 4.1 ใหน้ กั เรียนจัดแถวรูปแบบหนา้ กระดาน 2 แถว ใช้ตะกร้อลูกตะกรอ้ 1 ลูก/แถว โดยใหใ้ ช้ทกั ษะการส่ง ลูกตะกร้อสองมือ ดว้ ยการนำลกู ตะกร้ออ้อมขาท้งั สองขา้ งแลว้ ส่งลอดขาของตนเอง ส่งต่อไปให้เพ่ือน จนถึงคนสุดท้ายของแถว แล้วสง่ กลบั มาให้กับคนแรก แถวไหนสง่ เสรจ็ กอ่ นแลว้ นั่งลงจะเป็นผู้ชนะ ดัง รปู ที่ 7 ( รปู ท่ี 7 ) = ครู = ลูกตะกรอ้ = นกั เรยี น = ทิศทางการเคลอ่ื นท่ี 5. ขน้ั สรปุ ใชเ้ วลาประมาณ (10 นาท)ี 5.1 ครูสง่ั ให้นักเรียนชดิ แถวโดยมีระยะหา่ ง 1 ช่วงแขน แล้วใหน้ ักเรียนทัง้ หมดนั่งลง 5.2 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เน้ือหาทง้ั หมดท่เี รียนมา โดยมีครคู อยชี้แนะและตอบคำถาม 5.3 มอบหมายงานเพอ่ื การทำกิจกรรมในครัง้ ตอ่ ไปและ สำรวจเคร่อื งแต่งกาย ความสะอาด ความพร้อม ในดา้ นต่าง ๆของผู้เรยี น กอ่ นทจ่ี ะสง่ั เลกิ แถว เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนได้ไปเรยี นในรายวชิ าต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. นกหวดี /นาฬิกาจับเวลา/ลานกิจกรรม 2. ลกู ตะกร้อ 3. กรวย/มารค์ เกอร์ การวัดผลและการประเมินผล 1. เคร่อื งมือการวัดและประเมนิ ผล 1.1 สอบคำถาม 1.2 สงั เกต

2. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล 2.1 ตงั้ คำถาม 2.2 สังเกตพฤตกิ รรม 3. เกณฑก์ ารวดั ผลและการประเมินผล จดุ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน 3 21 ดา้ นความรู้ (K) อธบิ ายได้ถูกต้องครบ อธบิ ายได้ถูกต้องบาง อธบิ ายไดย้ ังไม่ นกั เรียนสามารถอธิบายถึงการสรา้ ง ตรงตามประเดน็ ท่คี รู ประเดน็ ที่ครูสอน ชดั เจน ความค้นุ เคยกบั ลูกตะกร้อ (K) สอน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ปฏิบตั ิไดถ้ ูกต้อง ปฏบิ ตั ิได้ถูกตอ้ งแต่ ปฏบิ ัติได้ยังไม่ นักเรียนสามารถปฏิบัติการสร้าง ครบถว้ นตาม ยังไมค่ รบ ตาม ถกู ต้องตามข้อ ความคุ้นเคยกบั ลูกตะกร้อ (P) ข้อกำหนดท่คี รูให้ไว้ ข้อกำหนดที่ครูให้ไว้ กำหนดที่ครูใหไ้ ว้ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ สนใจในการเรยี นให้ สนใจในการเรียน แต่ สนใจในการเรยี น ประสงค์ (A) ความร่วมมอื ดมี าก ไม่ใหค้ วามรว่ มมือ น้อย นกั เรยี นใหค้ วามร่วมมอื ในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม (A) 9 คะแนน คะแนนรวม/คะแนนเต็ม ความหมายระดับคณุ ภาพ 8 - 9 คะแนน ระดับ 3 ดี 3 – 4 คะแนน ระดบั 1 ปรับปรุง 5 - 7 คะแนน ระดบั 2 พอใช้ หมายเหตุ เกณฑก์ ารผา่ นไดร้ ะดบั 2 ขึ้นไป

บนั ทึกหลังการสอน ผลการสอน ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................................................................. ....... ปัญหา/อปุ สรรค ............................................................................................................ ........................................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ........................................................................................................ ............................................................................ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ....................................................... ......................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงชอื่ ………………….………………….ผสู้ อน (นางสาวสพุ ัตรา อำขำ) ............./.............../............. ลงชื่อ......................................ครพู ่เี ลย้ี ง (นายอธิวัฒน์ มณีจกั ร) ............./.............../.............

ใบความรู้แบบฝกึ ทกั ษะพืน้ ฐาน การสร้างความคุ้นเคยกับลกู ตะกร้อ แบบฝึกที่ 1 ยนื แยกเท้าห่างกัน 1 ชว่ งไหล หงายมอื ทั้งสองข้างออกข้างลำตัว ขอ้ ศอกงอเล็กน้อย สะบัดข้อมือ ส่ง ลูกตะกรอ้ ข้ามศรี ษะไปยังมืออีกข้างหนึ่ง แบบฝึกท่ี 2 โยนตะกรอ้ ขึน้ ในอากาศปลอ่ ยให้ตกถึงพืน้ 1 คร้ัง เมอ่ื ลกู กระดอนข้ึนใหใ้ ชม้ อื รับไว้ ทำเช่นนี้หลาย ๆ คร้งั เพื่อฝกึ ความสมั พันธข์ องตา และมือใหท้ ำงานประสานกันไดเ้ ปน็ อย่างดี

แบบฝึกท่ี 3 โยนตะกรอ้ ข้นึ เหนอื ศรี ษะให้เลยไปขา้ งหลงั เล็กนอ้ ยแล้วรบั ดว้ ยมอื ท้งั สองข้าง แบบฝึกที่ 4 ก้มโยนตะกร้อให้ลอดระหว่างขาตนเองจากข้างหลังให้ลูกข้ามศีรษะมาข้างหน้าแล้วรับไว้ ทำเช่นนี้ หลาย ๆ ครั้งดงั ภาพ

แบบฝกึ ท่ี 5 ยนื ตรง มือซ้ายทุ่มลูกตะกร้อลงสู่พน้ื ขณะทีล่ ูกกระดอนขึ้น ใหย้ กขาขวาเหยยี ดตึงข้ามลูกแล้ววางเท้า ลงจับลูกดว้ ยมือขวา ทมุ่ ลกู ดว้ ยมือขา้ งขวา ยกขาซ้ายเหยยี ดตึงข้ามลูกแลว้ วางเท้าลงจับลูกดว้ ยมือซ้าย ทำสลับกัน ไปมาดังภาพ แบบฝึกท่ี 6 ยืนตรง แลว้ โยนตะกร้อขึน้ ตรง ๆ ดว้ ยมอื ข้างเดียวแล้วหมุนตวั กลับหลงั หันคร่ึงรอบ เหยยี ดแขน ชูมือ ขน้ึ ทง้ั สองข้างรับลกู เหนือศีรษะ

แบบฝึกที่ 7 ยืนตรง โยนตะกร้อขึ้นตรง ๆ ด้วยมือข้างเดียวแล้วยกขาข้างหนึ่งเหยยี ดตงึ ไปข้างหนา้ ตบมือใต้ขา 1 ครั้ง หงายมือและชมู อื ขึ้นท้ังสองขา้ งรบั ลูกเหนือศรี ษะ แบบฝกึ ท่ี 8 จบั ค่นู ่ังเหยียดขาตามสบายหันหนา้ เข้าหากนั ห่างกันประมาณ 2 เมตร ส่งลูกตะกร้อด้วยสองมือระดับ อกกันไปมาระหว่างคูข่ องตนเอง ประมาณ 20 – 30 ครั้งดงั ภาพ

แบบฝกึ ที่ 9 จับค่นู งั่ เหยียดขาตามสบายหนั หน้าเข้าหา ห่างกนั ประมาณ 2 เมตร ส่งลกู ตะกรอ้ ดว้ ยสองมอื ไปท่ีหน้า แข้งของคู่ คนรับใช้ขาระหว่างข้อเท้ากับเข่าหนีบรับลูกแล้วจับลูกส่งกลับไปให้ในลักษณะเดียวกัน ทำแบบน้ี ประมาณ 20 – 30 ครง้ั ดงั ภาพ แบบฝึกท่ี 10 จับคู่แล้วถอื ตะกร้อในมือคนละ 1 ลกู ยืนหา่ งจากคู่ประมาณ 2 เมตร สง่ ลกู ตะกร้อด้วยสองมือไปให้ คู่รับลูกแล้วจบั ลกู สง่ กลับไปให้ในลกั ษณะเดยี วกนั ทำแบบนีป้ ระมาณ 20 – 30 คร้ังดังภาพ



แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 4 กล่มุ สาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 วิชา เซปกั ตะกร้อ (พ.30215) ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 เรื่อง ทกั ษะการเดาะลกู ตะกร้อด้วยขา้ งเทา้ ด้านใน เวลา 50 นาที ผ้สู อน นางสาวสพุ ัตรา อำขำ โรงเรยี น นวมนิ ทราชูทศิ พายัพ สาระท่ี 3 การเคล่ือนไหว การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มที กั ษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกมและกฬี า มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ตั เิ ป็นประจำอย่างสมำ่ เสมอ มีวินยั เคารพสิทธิ กฎ กติกา มนี ำ้ ใจนักกฬี า มจี ติ วิญญาณในการแขง่ ขนั และชืน่ ชมในสุนทรยี ภาพของการกีฬา ตัวชว้ี ดั พ 3.1.3 เล่นกฬี าไทย กฬี าสากลประเภทบคุ คล/คู่ กฬี าประเภททีมได้อย่างน้อย 1 ชนิด พ 3.2.2 อธบิ ายและปฏิบตั ิเก่ยี วกับสทิ ธิ กฎ กติกา กลวธิ ตี ่างๆ ในระหว่างการเลน่ การแขง่ ขันกีฬากับ ผู้อ่ืนและนำไปสรปุ เป็นแนวปฏบิ ัติและใชใ้ นชีวติ ประจำวันอย่างต่อเน่ือง สาระสำคัญ การเล่นลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านในมีความสำคัญมาก เพราะการเล่นนั้นจะต้องมีทั้งการรุกและรับ การเล่นด้วยข้างเท้าด้านในนี้จะช่วยให้เราสามารถรับลูกตะกร้อที่ฝ่ายตรงข้ามเสิร์ฟมา หรือเราจะโต้กลับไป ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ การเล่นลูกตะกร้อด้วยขา้ งเทา้ ดา้ นในน้ันจงึ มปี ระโยชน์อย่างมากสำหรบั การเล่นตะกรอ้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธิบายทักษะการเล่นลกู ตะกร้อด้วยขา้ งเทา้ ดา้ นในได้ 2. นักเรยี นสามารถปฏิบัติการเล่นลูกตะกร้อดว้ ยขา้ งเท้าด้านในได้ 3. นกั เรยี นให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

สาระการเรียนรู้ 1. เพ่อื ให้รู้ถึงความสำคญั และประโยชน์ของการเล่นลกู ตะกร้อด้วยขา้ งเทา้ ดา้ นใน 2. ทกั ษะการเลน่ ลกู ตะกร้อดว้ ยข้างเทา้ ด้านใน (ลกู แป) 3. ปฏิบัตทิ ักษะการเล่นลูกตะกร้อด้วยข้างเทา้ ด้านในไปใชใ้ นการเลน่ กฬี าเซปักตะกร้อ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ ม่นั ในการปฏิบตั ิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการใชท้ ักษะกระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทักษะปฏบิ ตั ิทางพลศึกษา 5 ขัน้ ตอน ( ข้ันนำ/ขนั้ เตรยี ม ขนั้ อธบิ าย/สาธิต ขัน้ ฝกึ ปฏบิ ัติ ขัน้ ใช้ ขนั้ สรุป ) กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนำ/ขั้นเตรยี ม ใช้เวลาประมาณ (10 นาท)ี 1.1 ครูเป่านกหวดี เรยี กนักเรยี นจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นทั้งหมดนงั่ ลง ดงั รูปท่ี 1 (รูปที่ 1) = ครู = นกั เรยี น 1.2 ครเู ช็คชอ่ื จำนวนนกั เรียนท่ีมาเรียนท้งั หมด วา่ มีใครมาเรียนและขาดเรยี นบ้างหรือมีใครเจ็บป่วย จนไมส่ ามารถทจี่ ะเรียนไดท้ ำการแยกนักเรยี นทีเ่ จบ็ ปว่ ยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวที่ หอ้ งพยาบา

1.3 อบอ่นุ รา่ งกายให้ผูเ้ รียนวง่ิ รอบสนาม 3 รอบสนามโดยวิ่งวนดา้ นซา้ ยเป็นแถวตอนเรยี งเดียว จากน้นั ให้กลับมาต้ังแถวเหมือนเดิม 1.4 ยืดเหยยี ดกล้ามเนื้อดว้ ยทา่ กายบรหิ ารโดยให้ผเู้ รยี นจดั แถวกลับสู่ รูปแบบเดิมคือ 6 แถวตอน จากนน้ั ใหผ้ ู้เรยี นทำท่าตอ่ ไปนี้ หมุนคอ ไหล่ แขน อก เอว เขา่ ขอ้ เท้า ข้อมือ เปน็ ตน้ 2. ข้ันอธบิ ายสาธิต ใชเ้ วลาประมาณ (10 นาท)ี 2.1 ครอู ธิบายและสาธติ ทกั ษะการเล่นลกู ตะกร้อดว้ ยข้างเท้าด้านใน 2.2 ครูอธบิ ายและสาธติ ทกั ษะการเล่นลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน โดยให้ผเู้ รียนออกมารว่ มสาธติ ร่วมกบั ครู 2.3 ครูอธบิ ายและสาธติ ทกั ษะการเลน่ ลูกตะกร้อด้วยขา้ งเทา้ ด้านใน โดยให้ผเู้ รียนออกมาร่วมสาธิต กันเอง 3. ข้ันฝึกปฏิบัติ ใช้เวลาประมาณ (20 นาที) 3.1 ครูให้ผู้เรียนทั้งหมดยืนในท่าเตรียมพร้อม แล้วฝึกการยกเท้าขึ้นแปสัมผัสลูกตะกร้อด้วยข้างเท้า ด้านในโดยที่ยังไม่ใช้ลูกตะกร้อ ทำคนละ 5 ครั้ง โดยทำตามคำสั่งของครูและฟังสัญญาณนกหวดี ใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติตามพรอ้ มกนั ดังรปู ที่ 2 (รปู ที่ 2) = ครู = นกั เรียน

3.2 เมือ่ นกั เรยี นฝึกทา่ ทางและรจู้ ังหวะในการยกเทา้ ข้ึนแปสัมผสั ลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน โดยท่ี ไม่ใช้ลูกตะกร้อถูกต้องแล้ว จากนั้นให้นักเรียนฝึกกับลูกตะกร้อ มือถือลูกตะกร้อไว้ระดับอก กะ ระยะให้พอดี แล้วปล่อยตะกร้อลงมา ใช้เท้าข้างที่ถนัดขึ้นแปสัมผัสลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านใน 1 ครั้ง แล้วใชม้ อื จับ หากเมื่อนักเรยี นมคี วามคุ้นเคยกบั ทกั ทักษะ ดงั รปู ที่ 3 (รปู ที่ 3) = ครู = นกั เรยี น 3.3 ให้นกั เรยี นจับคู่กนั 2 คน/ลกู ตะกร้อ 1 ลูก โดยให้นกั เรียนจัดแถวหนา้ กระดาน 2 แถว ยืนห่าง กันประมาณ 2 เมตร แล้วขยายแถว 2 ช่วงแขน จากนั้นโยนลูกตะกรอ้ ขึ้นระดับอกแล้วใช้เท้าข้างที่ถนัดขึน้ แป สัมผัสลูกตะกร้อด้วยข้างเท้าด้านในส่งไปให้คู่ที่อยู่ตรงหน้า คู่รับไว้แล้วทำเช่นเดียวกัน ทำคนละ 5 ครั้ง ให้ นักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามพรอ้ มกัน ดังรูปที่ 4 (รปู ท่ี 4) = ครู = ลูกตะกรอ้ = นกั เรยี น = ทิศทางของลูกตะกรอ้ = ทิศทางการรับ-สง่ ตะกร้อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook