Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทช33098 กัญชาและกัญชงศึกษา

ทช33098 กัญชาและกัญชงศึกษา

Published by maxcrs, 2020-06-14 07:45:16

Description: ทช33098 กัญชาและกัญชงศึกษา

Search

Read the Text Version

ลงิ อดั กัญชาอยา่ งเมามันในกองทัพพระราม จิตรกรรมรามเกยี รติ์ วัดพระแกว้ กรุงเทพฯ เขียนไวเ้ มื่อประมาณ ๘๐ ปกี อ่ น ขอบคุณภาพประกอบ และคาบรรยายภาพจากคุณนพิ ัทธพ์ ร เพง็ แกว้ ลงิ ในกองทัพพระรามสูบกญั ชาครกึ ครน้ื บอ้ งกัญชา มี “บวั ผนั ” (พวย) เสียบอย่ไู วใ้ สก่ ะเตน็ จดุ ไฟวาบๆ ให้สูบได้มันส์พะย่ะค่ะ จติ รกรรมที่วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ เขียนไวเ้ มือ่ เกือบ ๑๐๐ ปี ภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ียืนยันวา่ กัญชาคู่กับคนไทยมาช้านาน

หนมุ่ อัดกัญชา ในจติ รกรรมรามเกียรต์ิ วดั พระแกว้ กรงุ เทพฯเขียนไว้เม่อื ประมาณ ๘๐ ปีกอ่ น ขอบคุณภาพประกอบ และคาบรรยายภาพจากคณุ นพิ ัทธพ์ ร เพง็ แกว้ หนุ่มเมอื งเพชรกาลงั สูดควนั กญั ชาอย่างจดจอ่ ตง้ั ใจไมม่ ีว่อกแวก่ มือ ซา้ ยถอื ของแหลมคอยชว่ ยแหยพ่ วยบอ้ งไมใ่ ห้ตนั ขา้ งหนา้ วางเขียงไม้ ข่อยรอหั่นกัญชาไว้ยัดเพมิ่ ลงบ้อง ทางดา้ นขวามีอีกหนุ่มทาท่าน้าลาย หก ขณะเทน้าตาลเมาไหลพลัก่ ๆลงกะลามะพร้าว จิตรกรรมสีฝุ่นจาก ผนงั วหิ ารวดั มหาธาตุ เมอื งเพชรบรุ ี ฝีมอื ครเู ลศิ พ่วงพระเดช เขยี น ขึ้นเม่อื ๙๐ ปกี ่อน ระหว่างพ.ศ.๒๔๖๔-๒๔๖๖ สมยั รัชกาลท่ี ๖ ภาพจติ รกรรมฝาผนังทีย่ นื ยันว่ากัญชาค่กู ับคนไทยมาช้านาน

ตารับยาแผนไทย 16 ตารบั ชอื่ ตำรับยำ ทมี่ ำของตำรบั ยำ ทปี่ ระกาศกาหนดให้เป็นตารบั ยาเสพตดิ ให้ 1. ยาอัคคนิ ีวคณะ คัมภรี ์ธาตพุ ระนารายน์ โทษประเภท 5 ทมี่ กี ัญชาปรุงผสมอยู่ 2. ยาศุขไสยาศน์ คมั ภรี ธ์ าตุพระนารายน์ ทอี่ นุญาตให้เสพเพ่ือรกั ษาโรคหรือการ 3. ยาแก้ลมเนาวนารีวาโย ตารายาศิลาจารกึ ในวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม ศกึ ษาวจิ ัยได้ แนบทา้ ยประกาศกระทรวง ตารายาศลิ าจารึกในวัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม, 4. ยานา้ มนั สนนั่ ไตรภพ จารึกตารายา วดั ราชโอรสารามวรวิหาร สาธารณสุข เรอ่ื งกาหนดตารบั ยาเสพติดให้ ตารายาศิลาจารกึ ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โทษในประเภท 5 ท่ีมีกัญชาปรงุ ผสมอยู่ ที่ 5. ยาแก้ลมขึ้นเบอ้ื งสูง แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช ใหเ้ สพเพอ่ื รักษาโรคหรือการศกึ ษาวจิ ัยได้ 6. ยาไฟอาวธุ แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑ พระยาพิศณุประสาทเวช 7. ยาแก้นอนไมห่ ลับ /ยาแก้ไข้ผอมเหลือง แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๒ พระยาพิศณปุ ระสาทเวช พ.ศ. 2562 8. ยาแก้สณั ฑฆาต กลอ่ นแหง้ แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เลม่ ๒ พระยาพิศณุประสาทเวช 9. ยาอัมฤตยโ์ อสถ เวชศกึ ษา พระยาพศิ ณุประสาทเวช 10. ยาอไภยสาลี 11. ยาแก้ลมแกเ้ ส้น เวชศาสตร์วัณณนา 12. ยาแกโ้ รคจติ อายรุ เวทศึกษา (ขนุ นทิ เทสสขุ กจิ ) เล่ม ๒ 13. ยาไพสาลี อายุรเวทศึกษา (ขนุ นิทเทสสขุ กจิ ) เล่ม ๒ 14. ยาทาริดสีดวงทวารหนกั และโรคผวิ หนัง อายรุ เวทศกึ ษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เลม่ ๒ 15. ยาทาลายพระสุเมรุ คัมภรี ์แพทยไ์ ทยแผนโบราณ เลม่ ๒ ขนุ โสภติ บรรณลักษณ์ 16. ยาทพั ยาธคิ ุณ คัมภีร์แพทยไ์ ทยแผนโบราณ เลม่ ๒ ขนุ โสภิตบรรณลกั ษณ์

สารบาญสรรพคณุ ตารบั ยาผสมกัญชา 16 ตารับ ในตารับยาทีม่ เี ครื่องหมาย * หมายเปน็ ตารับยาทต่ี อ้ งใช้ดว้ ยความความระมดั ระวงั อย่างยง่ิ มีท้งั ส้นิ 6 ขนาน 1. ตารับยาศุขไสยยาศน*์ 2. ตารบั ยาแกน้ อนไม่หลบั (ยาแก้ไข้ผอมเหลือง) * 3. ตารับยาไพสาลี (เข้าทางวาตะสมฏุ ฐาน) * 4. ตารบั ยาแก้ลมแก้เสน้ * 5. ตารับยาอมั ฤตโอสถ * 6. ยาแกโ้ รคจิต* ข้อมูลโดยอาจารยแ์ พทย์แผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยธุ ยา

1. ตารับยาอัคคนี วี คณะ

1. ตารบั ยาอคั คนี ีวคณะ ข้อบง่ ใช้ แก้คลน่ื เหียนอาเจยี น ทเี่ กดิ จากไฟยอ่ ยอาหารผดิ ปกติ รูปแบบยา ยาผง, แคปซูล รสประธานตารบั ยา: รสรอ้ นมาก (ข้อมูลโดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยธุ ยา) ขนาดและวธิ ใี ช้ รับประทานครง้ั ละ 3.75 กรัม วนั ละ 1 ครง้ั กอ่ นอาหารเชา้ นา้ กระสายยาที่ใช้- น้าผึง้ รวง (ถา้ หาน้ากระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ชน้ ้าสกุ แทน) ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญงิ ต้ังครรภ์ ผ้ทู ม่ี ีไข้ และผ้ทู ่ีมีอายตุ ่ากวา่ 18 ปี ขอ้ ควรระวัง - ควรระวงั การรับประทานรว่ มกบั ยาในกลุม่ สารกนั เลอื ดเปน็ ลิม่ (anticoagulant) และยาตา้ นการจับตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelets) - ควรระวงั การใช้ในผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหติ สูง โรคหัวใจ ผปู้ ่วยโรคแผลเปื่อยเพปติก ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลยอ้ น เนอ่ื งจากเป็น ตารบั ยารสร้อน ขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ 1. ติกกะขาคนิ ี หมายถงึ ไฟย่อยอาหารกาเริบ ซึง่ มกั สมั พนั ธห์ รอื เกดิ จากปติ ตะกาเริบ 2. วสิ มามันทาคินี อนั ทพุ ล หมายถึง ไฟยอ่ ยอาหารทีม่ ีลักษณะท่ีไมส่ มา่ เสมอหรือ ไม่คงที่ เช่น บางมอ้ื กนิ อาหารได้มากเน่อื งจากไฟยอ่ ยอาหารมกี าลงั แรง แตพ่ อถงึ มื้อตอ่ ไปมีอาการเบอื่ หรอื ไม่อยากรับประทานอาหาร เนอื่ งจากไฟย่อยอาหารหรืออคั นิออ่ นกาลังลง ลกั ษณะหรืออาการขนึ้ ๆ ลง ๆ หรอื ไมแ่ นน่ อนหรือไมส่ มา่ เสมอของไฟยอ่ ยอาหารเป็นผลจาก ความผิดปกติของ “วาตะ” หรืออาจกล่าวอีกอยา่ งว่า “วาตะทาใหไ้ ฟยอ่ ยอาหารมลี กั ษณะทไ่ี ม่แนน่ อน” 3. ยามีรสรอ้ น ผูป้ ว่ ยท่ีมีภาวะโรคกระเพาะอาหารควรรับประทานหลังอาหารและแบ่งรับประทานกอ่ นอาหารเชา้ และเยน็ 4. ช่อื อื่นในตารายาเกรด็ เช่น อคั คีวัชณะ, ยาช่ืออัคควี ัฒนะ, ยาชื่ออคั นี เอกสารอา้ งอิง ๑. คมั ภรี ์ธาตพุ ระนารายน์ (ฉบับใบลาน). กรมหลวงวงสาฯ กรมหมื่นไชยนาท ประทาน พ.ศ.2459. ๒. ชยันต์ พิเชยี รสนุ ทร, แมน้ มาส ชวลติ , วเิ ชียร จีรวงส์. คาอธิบายตาราพระโอสถพระนารายณ์ ฉบับเฉลมิ พระเกยี รติ ๗๒ พรรษา มหาราชา ๕ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒. พิมพ์คร้งั ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์อมรินทรแ์ ละมลู นธิ ภิ ูมปิ ญั ญา. ๒๕๔๘. ๓. อาจารยแ์ พทย์แผนไทยคมสนั ทินกร ณ อยุธยา

2. ตารบั ยาศขุ ไสยยาศน์ * ทม่ี าของตารบั ยา คัมภีร์ธาตุพระนารายน์ สตู รตารับยา ประกอบดว้ ย ตัวยา 12 ชนิด รวมน้าหนกั 78 สว่ น ดงั นี้ “ยาศขุ ไสยาศน์ ใหเ้ อา การบูร 1 สว่ น ใบสเดา 2 ส่วน ลาดบั ตวั ยา นา้ หนักยา สหสั คณุ เทศ 3 สว่ น สมลุ แวง้ 4 ส่วน เทียนดา 5 ส่วน 1 การบรู 1 ส่วน โกฏกระดกู 6 สว่ น ลูกจนั ทน์ 7 ส่วน ดอกบนุ นาค 8 ส่วน 2 ใบสะเดา 2 สว่ น พริกไท 9 ส่วน ขิงแห้ง 10 ส่วน ดีปลี 11 ส่วน ใบกนั ชา 3 หัสคุณเทศ 3 ส่วน 12 ส่วน ทาเปนจณุ ละลายนา้ ผึ้งเม่อื จะกนิ เศกด้วยสพั พีติ 4 สมลุ แวง้ 4 ส่วน โย 3 จบ แล้วกนิ พอควร แก้สรรพโรคทั้งปวงหายสิ้น มี 5 เทยี นดา 5 ส่วน กาลังกินเข้าได้ นอนเปน็ ศขุ นักแลฯ” 6 โกฐกระดูก 6 ส่วน 7 ลูกจนั ทน์ 7 สว่ น 8 ดอกบุนนาค 8 ส่วน 9 พริกไทย 9 ส่วน 10 ขิงแหง้ 10 ส่วน 11 ดปี ลี 11 สว่ น 12 ใบกญั ชา 12 สว่ น

2. ตารบั ยาศุขไสยยาศน์ * ตารับน้ใี ช้ทดแทนยานอนหลบั /อาการตน่ื กลัว/ลดอาการวิตกกงั วล ไม่อยากอาหาร รสประธานตารบั ยา: รสสขุ ุมออกร้อน (ข้อมลู โดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยุธยา) ขอ้ บง่ ใช้ ช่วยให้นอนหลับ เจรญิ อาหาร รปู แบบยา ยาผง , แคปซลู ขนาดและวิธีใช้ รับประทานคร้งั ละ 2 กรมั วนั ละ 1 ครง้ั ก่อนนอน นา้ กระสายยาที่ใช้: นา้ ผึ้งรวง (ถ้าหาน้ากระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ช้นา้ สกุ แทน) ขอ้ หา้ มใช้ - ห้ามใช้ในหญงิ ตงั้ ครรภ์ ผทู้ ีม่ ไี ข้ และผูท้ ่มี ีอายุตา่ กว่า 18 ปี - หา้ มใช้ร่วมกับยาท่ีมีฤทธก์ิ ดระบบประสาทส่วนกลาง เชน่ ยานอนหลบั และยาต้านการชัก รวมท้ังแอลกอฮอล์ หรอื สง่ิ ทีม่ แี อลกอฮอลผ์ สมอยู่ ข้อควรระวัง - ควรระวงั การรับประทานร่วมกับยาในกลุม่ สารกนั เลือดเป็นล่ิม (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลอื ด (antiplatelets) - ควรระวงั การใชร้ ่วมกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารับนี้มีพรกิ ไทยในปริมาณสงู - ควรระวังการใชย้ าอยา่ งต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในผู้ป่วยท่ีมคี วามผดิ ปกติของตับ ไต เนือ่ งจากอาจเกดิ การสะสมของการบรู และเกดิ พษิ ได้ - ควรระวงั การใช้ในผ้ปู ว่ ยโรคความดนั โลหิตสูง โรคหัวใจ ผปู้ ่วยโรคแผลเป่อื ยเพปตกิ ผู้ปว่ ยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เน่อื งจากเป็นตารบั ยา รสร้อน - ยานีอ้ าจทาใหง้ ว่ งซึมได้ ควรหลกี เลยี่ งการขับข่ยี านพาหนะ หรือทางานเกีย่ วกับเครอ่ื งจกั รกล เอกสารอา้ งอิง ๑. คมั ภีร์ธาตพุ ระนารายน์ (ฉบบั ใบลาน). กรมหลวงวงสาฯ กรมหม่ืนไชยนาท ประทาน พ.ศ.2459. ๒. ชยันต์ พิเชยี รสุนทร, แม้นมาส ชวลิต, วเิ ชยี ร จีรวงส์. คาอธิบายตาราพระโอสถพระนารายณ์ ฉบบั เฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา มหาราชา ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒. พมิ พ์คร้ังท่ี ๒. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์อมรนิ ทรแ์ ละมลู นธิ ภิ ูมปิ ญั ญา. ๒๕๔๘.

3. ยาแกล้ มเนาวนารีวาโย

3. ยาแก้ลมเนาวนารวี าโย ขอ้ บง่ ใช้ แกล้ มเนาวนารวี าโย รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธีใช้ รบั ประทานคร้งั ละ 2 กรมั วันละ 2 คร้ัง กอ่ นอาหาร เช้าและเยน็ นา้ กระสายยาท่ีใช้: น้าผึ้งรวง (ถ้าหาน้ากระสายยาไม่ได้ ให้ใช้น้าสุกแทน) ขอ้ หา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญงิ ตั้งครรภ์ ผทู้ ี่มีไข้ และผทู้ ่ีมีอายตุ า่ กว่า 18 ปี ขอ้ ควรระวงั ควรระวงั การรับประทานร่วมกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเป็นลม่ิ (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตวั ของเกลด็ เลือด (antiplatelets) ข้อมูลเพม่ิ เตมิ ลมเนาวนารวี าโย เป็นลมทีท่ าใหม้ ีอาการเจบ็ แปล๊บทปี่ ลายมอื ปลายเทา้ คลา้ ย ปลาดกุ ยอก ต้นคอตึงแข็งเกร็ง หนั คอไม่ได้ เอกสารอ้างอิง โรงเรยี นแพทย์แผนโบราณ. ตารายาศิลาจารกึ ในวัดพระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร, พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมอื่ พ.ศ.2375 ฉบับสมบูรณ,์ 2505. หนา้ ๓๒๒.

4. ยาน้ามนั สน่นั ไตรภพ • ท่ีมาของตารบั ยา ตารายาศลิ าจารกึ ในวดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม ,จารึกตารายา วดั ราชโอรสาราวรวหิ าร. “๏ สทิ ธิการิยะ จะกลา่ วลกั ษณะกระษยั โรคอนั บงั เกิดข้ึนเป็นอปุ ปา ตกิ คอื กระษยั เหล็กนนั้ เปน็ คารบ ๓ มีประเภทกระทาให้หน้าเหน่า และทอ้ งน้อยนนั้ แข็งดจุ ดงั แผน่ ศลิ า และจะไหวตวั ไปมาก็มไิ ด้ ครั้น แกเ่ ข้าแขง็ ลามข้นึ ไปถึงยอดอก และใหบ้ รโิ ภคอาหารมไิ ด้ ให้ปวดขบ ดังจะขาดใจตายดังนี้ ฯ อน่งึ เอาใบกะเพรา ใบแมงลัก ใบเสยี้ นผี กระชาย กัญชา พรกิ ไทย หอมแดง หญ้าไซ เกลือ ลกู คดั เคา้ ยาท้งั นเี้ อาน้าสง่ิ ละทะนาน 1 นา้ มันงาทะนาน 1 หงุ ให้คงแตน่ ้ามันแลว้ จึงเอา ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู เทียนดา เทียนขาว การบูร สง่ิ ละ ๑ สลึง ทาเปน็ จุณปรุงลงในนา้ มนั น้ัน แลว้ จึงเอามาทาทอ้ งรดี เสยี ให้ได้ ๓ วนั กอ่ น แลว้ จึงกนิ น้ามนั น้อี กี ๓ วนั หายวิเศษนกั ยาน้ามันขนานนี้ ชื่อ สน่ันไตรภพ แก้กล่อนกระษยั ทงั้ ปวงหายดีนักฯ”

4. ยาน้ามนั สนั่นไตรภพ ข้อบง่ ใช้ แกก้ ษัยเหลก็ รปู แบบยา ยาน้ามัน ขนาดและวิธีใช้ - ใช้น้ามนั ทารดี ท้อง นวดคลงึ บริเวณรอบสะดอื ถึงชายโครง ทศิ ตามเข็มนาฬกิ า ๓ วันก่อน แลว้ จงึ รับประทานน้ามนั - รบั ประทานคร้ังละ 3 - 5 มิลลิลติ ร วนั ละ 1 ครัง้ กอ่ นอาหารเชา้ เป็นเวลา 3 วัน ข้อหา้ มใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตั้งครรภ์ ผูท้ ่มี ีไข้ และผ้ทู ม่ี อี ายุต่ากว่า 18 ปี ข้อควรระวัง - ควรระวังการรบั ประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกันเลอื ดเป็นลมิ่ (anticoagulant) และยาต้านการจับตวั ของเกลด็ เลอื ด (antiplatelets) - ควรระวังการใชร้ ่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนื่องจากตารบั นีม้ ีพรกิ ไทยในปริมาณสูง - ควรระวงั การใช้ในผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหติ สูง โรคหวั ใจ ผู้ปว่ ยโรคแผลเป่อื ยเพปตกิ ผปู้ ว่ ยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลยอ้ น เนอ่ื งจากเป็นตารบั ยา รสร้อน - ควรระวงั การใช้ยาอย่างตอ่ เนอ่ื ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในผูป้ ว่ ยทมี่ ีความผิดปกตขิ องตับ ไต เนอื่ งจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกดิ พษิ ได้ - ควรระวังในการทาบรเิ วณผิวที่บอบบางหรอื ผวิ หนังท่ีแตกเนื่องจากอาจทาให้เกิดการระคายเคืองได้ ข้อมลู เพ่ิมเติม กษยั เหล็ก เปน็ กษัยอนั เกดิ จากอุปปาติกะโรคชนดิ หน่ึง เกิดจากลมอัดแนน่ แขง็ เป็น ดานอย่ใู นท้องนอ้ ย ผูป้ ่วยมีอาการเจบ็ ปวดท้องแข็งลามขึ้นไปถึงยอดอก กินอาหารไมไ่ ด้ เปน็ ตน้ เอกสารอ้างองิ 1. โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ. ตารายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม (วดั โพธ์ิ) พระนคร, พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้า เจ้าอยหู่ ัวทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ให้ จารกึ ไว้เมือ่ พ.ศ.2375 ฉบับสมบูรณ์, 2505. หน้า ๓๔๘. 2. จารึกตารายาวัดราชโอรสารามวรวิหาร. กรุงเทพฯ:กรมศลิ ปากร,2545.หน้า 128.

5. ยาแกล้ มข้นึ เบื้องสงู ทมี่ าของตารับยา ตารายาศิลาจารกึ ในวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลาราม “๏ สิทธิการิยะ จะกลา่ วดว้ ยตารายาคือวเิ ศษสรรพคุณสาเรจ็ อนั อาจารยเ์ จ้าในกอ่ นประมวลไว้ ให้แก้สรรพโรคทง้ั ปวงตา่ ง ๆ สืบกันมา ฯ ในทีน่ จี้ ะว่าแต่สรรพคุณวิเศษ คอื คณะสรรพยาท่จี ะแกซ้ ง่ึ โรคสรรพลม ทงั้ ปวงอันกาเรบิ พดั ขึน้ เบื้องบนนน้ั โดยนยั ดงั นี้ ฯ ยาแกล้ มขึ้นสูง เอายาดา, กญั ชา, อุตพดิ , ดองดงึ สง่ิ ละ ๔ ส่วน กระเทยี ม ๖ สว่ น, วา่ นน้า, ชะเอมเทศ, โกฐน้าเตา้ , โกฐพุงปลา, มหาหงิ ค์ุ ส่งิ ละ ๘ ส่วน ว่านเปราะ, ผลผกั ชี ส่งิ ละ ๑๒ สว่ น ขิงแห้ง, แก่นแสมทะเล, รากสม้ ก้งุ , สะค้าน สิ่งละ ๑๖ ส่วน พรกิ ไทย, เปลือกกันเกรา ส่งิ ละ ๒๔ ส่วน ทาเป็นจณุ บดละลายน้าผ้งึ รวง ให้กนิ หนกั ๑ สลงึ แก้ลมขน้ึ สูงหาย ดีนกั ฯ”

5. ยาแก้ลมขน้ึ เบื้องสูง ข้อบง่ ใช้ แก้ลมข้นึ เบือ้ งสงู รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ีใช้ รบั ประทานครัง้ ละ 2 กรมั วันละ 2 ครง้ั ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ น้ากระสายยาที่ใช้: น้าผึ้งรวง (ถา้ หานา้ กระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ชน้ ้าสกุ แทน) ข้อหา้ มใช้ ห้ามใช้ในหญิงต้งั ครรภ์ ผทู้ มี่ ีไข้ และผูท้ ี่มอี ายตุ ่ากว่า 18 ปี ขอ้ ควรระวงั ควรระวงั การรบั ประทานรว่ มกบั ยาในกลมุ่ สารกนั เลอื ดเป็นลม่ิ (anticoagulant) และยาตา้ นการจบั ตัวของเกลด็ เลอื ด (antiplatelets) - ควรระวงั การใช้ร่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนอื่ งจากตารบั นม้ี พี รกิ ไทยในปรมิ าณสูง - ควรระวงั การใช้ในผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหติ สงู โรคหัวใจ ผปู้ ว่ ยโรคแผลเปื่อยเพปตกิ ผปู้ ่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เน่ืองจากเป็นตารับยารสรอ้ น ข้อมลู เพิม่ เตมิ 1. ลมขน้ึ เบ้อื งสูง เป็นโรคลมที่ทาใหม้ อี าการปวดศีรษะ ตาแดง หตู าฝา้ ฟาง หอู ้อื อ่อนเพลยี สวงิ สวาย เปน็ ตน้ 2. ดองดงึ จะต้องฆ่าฤทธิ์ตามกรรมวิธีกอ่ นนาไปปรงุ ยา เอกสารอา้ งองิ 1. โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ. ตารายาศิลาจารึกในวดั พระเชตพุ นวิมลมังคลาราม (วดั โพธิ์) พระนคร, พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ให้จารึกไวเ้ มอ่ื พ.ศ.2375 ฉบับสมบูรณ์, 2505. หน้า ๔๒๙. 2. พจนานกุ รมศพั ทแ์ พทยแ์ ละเภสชั กรรมแผนไทย ฉบับราชบัณฑติ ยสภา พ.ศ. 2559. หน้า 466.

6. ยาไฟอาวธุ

6. ยาไฟอาวธุ ตารับนี้แก้พษิ เสมหะ-วาตะ ใชไ้ ฟเป็นอาวธุ ประหารโรคทางปพุ โพ โลหติ ตงั รสประธานตารับยา: รสร้อนสุขมุ (ขอ้ มลู โดยอาจารยแ์ พทยแ์ ผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยธุ ยา) ข้อบง่ ใช้ แกล้ มจุกเสยี ด ปวดมวนท้อง แกด้ านเสมหะ รปู แบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ใี ช้ รับประทานครงั้ ละ 2 กรมั วันละ 2 ครัง้ ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ น้ากระสายยาที่ใช้; น้ามะนาว (ถา้ หานา้ กระสายยาไม่ได้ ใหใ้ ชน้ า้ สุกแทน) ข้อหา้ มใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ต้ังครรภ์ ผ้ทู ี่มไี ข้ และผู้ทม่ี ีอายุตา่ กวา่ 18 ปี ขอ้ ควรระวงั - ควรระวงั การรบั ประทานร่วมกบั ยาในกลมุ่ สารกันเลือดเป็นลมิ่ (anticoagulant) และยาตา้ นการจับตวั ของเกล็ดเลือด (antiplatelets) - ควรระวังการใช้ร่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนอื่ งจากตารับนี้มีพรกิ ไทยในปริมาณสูง - ควรระวงั การใชใ้ นผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหิตสงู โรคหวั ใจ ผปู้ ่วยโรคแผลเปอ่ื ยเพปตกิ ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนอ่ื งจากเป็นตารบั ยารสรอ้ น ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ดานเสมหะ หมายถงึ เสมหะทค่ี ั่งค้างในลาไส้ทาใหท้ อ้ งแข็งปวดมวน เอกสารอา้ งอิง พศิ ณปุ ระสาทเวช, พระยา. แพทยศ์ าสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๘. หน้า ๓๕๔. อาจารยแ์ พทยแ์ ผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยุธยา

7. ตารับยาแกน้ อนไมห่ ลับ(ยาแก้ไขผ้ อมเหลือง) *

7. ตารบั ยาแก้นอนไม่หลับ(ยาแกไ้ ข้ผอมเหลือง) * ตารบั นใี้ ชล้ ดปิดตังท่กี าเริบ แลใชก้ บั โบราณโรคในชอ่ งคูถเสมหะทั้งปวง (ขอ้ มูลโดยอาจารย์แพทยแ์ ผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยธุ ยา) รสประธานตารบั ยา: รสสขุ มุ ติดจะรอ้ น สุขุมรอ้ น (ขอ้ มูลโดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยธุ ยา) ขอ้ บ่งใช้ 1. แกน้ อนไม่หลับ 2. แกไ้ ขผ้ อมเหลอื ง มอี าการตัวส่นั เสียงสั่น ออ่ นเพลีย ไม่มีกาลงั รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ีใช้ รับประทานคร้ังละ 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ นา้ กระสายยาท่ีใช้; น้ามะพรา้ ว นา้ ผึง้ รวง น้าส้มซา่ นา้ ตาลทราย กระทือสด นา้ เบญจทับทมิ ต้ม (ถา้ หานา้ กระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ช้นา้ สุกแทน) ขอ้ ห้ามใช้ - ห้ามใชใ้ นหญิงตั้งครรภ์ และผู้ทม่ี ีอายตุ า่ กว่า 18 ปี - หา้ มใช้ร่วมกับยาทม่ี ฤี ทธิก์ ดระบบประสาทสว่ นกลาง เชน่ ยานอนหลบั และยาตา้ นการชัก รวมทัง้ แอลกอฮอล์ หรอื สง่ิ ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ข้อควรระวงั - ควรระวังการรับประทานร่วมกับยาในกลมุ่ สารกนั เลือดเปน็ ลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกลด็ เลือด (antiplatelets) - ควรระวังการใช้รว่ มกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนอ่ื งจากตารับน้ีมีพรกิ ไทยเปน็ สว่ นประกอบ - ยานอ้ี าจทาให้งว่ งซึมได้ ควรหลกี เลี่ยงการขบั ขย่ี านพาหนะ หรอื ทางานเกีย่ วกับเครือ่ งจักรกล - ควรระวังในผู้ท่ปี ระกอบอาชพี ทางน้าหรือผู้ท่ีรา่ งกายตอ้ งสมั ผัสความเยน็ เป็นเวลานาน เพราะจะทาใหเ้ ป็นตะครวิ ตรงบริเวณท้องได้ ข้อมูลเพิ่มเตมิ 1. ไข้ผอมเหลอื ง เกดิ จากธาตลุ มกาเรบิ สง่ ผลใหน้ อนไม่ค่อยหลับ เบ่ืออาหาร เม่อื เป็นเร้อื รัง ร่างกายผ่ายผอม ซดี เหลอื ง ออ่ นเพลีย และไม่มกี าลังซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เชน่ โรครดิ สีดวง 2. ริดสีดวง เปน็ โรคกลุ่มหน่ึง เกดิ ไดก้ ับอวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย เชน่ ตา จมูก ลาไส้ ทวารหนกั ตาราการแพทย์แผนไทยว่า มี 18 ชนิด แต่ละชนดิ มอี าการและชอื่ เรยี กแตกตา่ งกนั ไป บางชนดิ อาจมตี ่งิ หรือก้อนเนือ้ เกิดข้นึ ทอี่ วยั วะนน้ั เช่น ริดสีดวงตา รดิ สีดวงทวารหนัก เอกสารอ้างอิง พศิ ณุประสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตรส์ งเคราะห์ เล่ม ๑. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๘. หนา้ ๔๗๖. อาจารย์แพทยแ์ ผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยุธยา

8. ยาแกส้ นั ฑฆาต กล่อนแหง้

8. ยาแก้สนั ฑฆาต กล่อนแหง้ ขอ้ บง่ ใช้ บรรเทาอาการท้องผกู เปน็ พรรดึก อาการปวดเมอ่ื ยท่ัวรา่ งกาย มอื ชาเทา้ ชา ปวดศรี ษะ รูปแบบยา หนา้ มดื วงิ เวยี น จุกเสียดทอ้ ง แนน่ หนา้ อก ที่เกิดจากโทสันฑฆาตและกล่อนแหง้ ขนาดและวิธใี ช้ ยาผง, แคปซูล ข้อหา้ มใช้ รับประทานครัง้ ละ 2 กรัม วันละ 2 ครงั้ ก่อนอาหาร เช้าและเย็น ข้อควรระวงั นา้ กระสายยาทใ่ี ช้: น้าผึง้ รวง (ถา้ หานา้ กระสายยาไม่ได้ ให้ใช้น้าสุกแทน) ห้ามใช้ในหญิงตัง้ ครรภ์ ผู้ที่มีไข้ และผูท้ ม่ี อี ายุต่ากวา่ 18 ปี ขอ้ มูลเพ่ิมเติม ควรระวังการรับประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเป็นลิ่ม (anticoagulant) เอกสารอา้ งอิง และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลอื ด (antiplatelets) ควรระวังการใชร้ ว่ มกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารบั นม้ี ีพริกไทยในปริมาณสงู ควรระวังการใชย้ านี้ในผ้ปู ่วยสูงอายุ ตอ้ งฆา่ ฤทธิ์ดองดงึ กอ่ นนาไปปรุงยา พศิ ณปุ ระสาทเวช, พระยา. แพทยศ์ าสตร์สงเคราะห์ เลม่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ศุภการจารูญ ถนนอษั ฏางค์; ร.ศ. ๑๒๖. หน้า ๑๖๓.

9. ตารับยาอัมฤตโอสถ * ที่มาของตารับยา แพทยศ์ าสตรส์ งเคราะห์ เลม่ ๒ พระยาพิศณุ ประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๖ “ขนานหน่งึ ชือ่ อมั ฤตย์โอสถ แก้ลมไกษยทั้งปวงเอา สหสั คุณ ๑ แก่นแสมทเล ๑ รากสม้ กงุ้ ๑ ลูกมะตมู ๑ ลกู มะแหน ๑ ลูกพลิ ังกาสา ๑ สมอเทศ ๑ สมอไทย ๑ โกฏเขมา ๑ เทียนดา ๑ เทียนขาว ๑ ลูกจนั ทน์ ๑ ดอกจนั ทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ ดีปลี ๑ ยาท้ังน้เี อาเสมอภาค เอาเปลอื กหอยโขง่ ๑ เปลือกหอยขม ๑ เปลือกหอยแครง ๑ เบย้ี ผู้เผา ๑ เอาสิ่งละ ๓ ส่วน เอากันชา ๑๐ ส่วน เอา พรกิ ไทย ๒ เทา่ ยาทงั้ หลาย ตาผงกระสายยักยา้ ยใช้ให้ชอบโรคทั้งหลายเถิด”

9. ตารับยาอมั ฤตโอสถ * ตารับยาขนานน้ดี ตี อ่ เรอเปรี้ยวท่ีเปน็ โบราณโรคจนเข้าเขตกระษัยท้น และใชเ้ ป็นตารบั ยาล้อมในอาการกระษยั ล้นิ กระบอื รสประธานตารับ : รสรอ้ น สุขมุ (ขอ้ มลู โดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสนั ทินกร ณ อยุธยา) ข้อบ่งใช้ แก้ลมกษัย รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวธิ ีใช้ รับประทานคร้งั ละ 2 กรมั วนั ละ 2 คร้งั ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น ขอ้ ห้ามใช้ ห้ามใช้ในหญงิ ต้งั ครรภ์ ผ้ทู ม่ี ไี ข้ และผทู้ ่มี อี ายตุ ่ากว่า 18 ปี ข้อควรระวัง - ควรระวังการรบั ประทานร่วมกับยาในกลมุ่ สารกันเลอื ดเปน็ ล่มิ (anticoagulant) และยาต้านการจับตวั ของเกลด็ เลอื ด (antiplatelets) - ควรระวังการใช้ร่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนอ่ื งจากตารบั นมี้ ีพรกิ ไทยในปริมาณสูง - ควรระวงั ในผู้ป่วยโรคความดนั โลหิตสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปือ่ ยเพปตกิ โรคกระเพาะอาหารและกรดไหลยอ้ น เน่ืองจากเปน็ ตารับยารสร้อน - ควรระวงั การใช้ยานใี้ นผู้ป่วยสูงอายุ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ ลมกษยั เป็นลมทีท่ าใหผ้ อมแหง้ แรงน้อย ทาใหม้ ึนตึง มอื เทา้ อ่อนแรง เป็นต้น เอกสารอ้างองิ 1. พศิ ณปุ ระสาทเวช, พระยา. แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพศ์ ุภการจารูญ ถนนอัษฏางค์; ร.ศ. ๑๒๖. หน้า ๓72. 2. พจนานุกรมศพั ท์แพทยแ์ ละเภสชั กรรมแผนไทย ฉบบั ราชบัณฑติ ยสภา พ.ศ. 2559 หนา้ 464 3. นทิ เทส (ถมรัตน์) พมุ่ ชศู รี. อายุรเวทศกึ ษา (ขนุ นิทเทสสุขกจิ ) เล่ม ๒. กรุงเทพ ฯ: พรอ้ มจกั รการพิมพ์; ๒๕๑๖. หน้า 201.

10. ยาอไภยสาลี ทีม่ าของตารับยา เวชศึกษา แพทย์ศาสตรส์ ังเขป เลม่ ๑, ๒, ๓ พระยา พศิ ณุประสาทเวช ร.ศ. ๑๒๗ “ยาอไภยสาลี เอาลกู จนั ๑ สลงึ ดอกจนั ๒ สลึง ลกู กระวาน ๓ สลึง กานพลู ๑ บาท ลกู พลิ ังกาสา ๑ บาท ๒ สลงึ วา่ นนา้ ๑ บาท ๓ สลึง โกฐสอ ๒ บาท โกฐเขมา ๒ บาท ๑ สลงึ เทยี นเขา้ เปลอื ก ๒ บาท ๒ สลงึ เทยี นแดง ๒ บาท ๓ สลึง เทยี นขาว ๒ บาท เทียนตาตัก๊ แตน ๒ บาท ๑ สลงึ เจตมูลเพลิง ๓ บาท สมอไทย ๓ บาท ๑ สลงึ สมอเทศ ๓ บาท ๑ สลึง หัวบกุ รอ ๓ บาท ๓ สลงึ สหัศคุณเทศ ๑ ตาลึง ๒ บาท จนั ทน์เทศ ๑ ตาลงึ กัญชา ๓ บาท ๓ สลึง พรกิ ลอ่ น ๑ ตาลงึ กินเชา้ เย็นทกุ วนั แกส้ ารพดั ลม ๘๐ จาพวก แก้โลหิต ๒๐ จาพวก แก้ริดสีดวง ๒๐ จาพวก ยานี้กนิ ได้ ๓ เดอื น หายโรคาพยาธมิ ไิ ด้มเี ลย อายวุ ฒั นะทงั้ เกดิ ปัญญารู้หลักนกั ปราชญ์มากกวา่ คนทัง้ ปวง ถ้าผใู้ ดพบให้ทากนิ วเิ ศษนัก ใครกินยานดี้ ุจยาทพิ ยน์ นั้ แล ฯ”

10. ยาอไภยสาลี ขอ้ บง่ ใช้ แกโ้ รคทางลม บรรเทาอาการจกุ เสียดแนน่ รปู แบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวิธใี ช้ รับประทานครง้ั ละ 2 กรัม วันละ 2 ครงั้ ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ ขอ้ ห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตง้ั ครรภ์ ผู้ที่มีไข้ และผทู้ ีม่ อี ายุต่ากวา่ 18 ปี ขอ้ ควรระวงั - ควรระวงั การรบั ประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลอื ดเปน็ ล่มิ (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลอื ด (antiplatelets) ข้อมลู เพม่ิ เติม - ควรระวงั การใชร้ ว่ มกับยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนือ่ งจากตารบั นม้ี ีพริกไทยในปรมิ าณสงู เอกสารอา้ งอิง ยาอไภยสาลีเป็นสตู รตารบั เดยี วกันกับยาอภยั สาลี ในบญั ชยี าหลักแหง่ ชาติปี 2561 เพียงแตใ่ นบญั ชยี าหลักแห่งชาตไิ มไ่ ดใ้ สก่ ัญชาในสูตรตารบั เนือ่ งจากเสนอตารบั ยา ก่อนที่ พรบ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 7 ) พ.ศ. 2562 ประกาศใช้ พศิ ณปุ ระสาทเวช, พระยา. เวชศึกษา แพทยศ์ าสตรส์ งั เขป เลม่ ๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพไ์ ทย สพานยศเส; ร.ศ. ๑๒๗ หนา้ ๗๒.

11. ตารบั ยาแกล้ มแก้เสน้ *

11. ตารบั ยาแกล้ มแกเ้ สน้ * ตารับน้ใี ช้รับทานประกอบหตั ถการนวดดีย่ิง และใช้ได้ดกี ับผมู้ ีอาชีพในอิรยิ าบถน่งั นานๆ (ขอ้ มลู โดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสนั ทินกร ณ อยุธยา) รสประธานตารบั ยา: รสรอ้ นมาก (ขอ้ มลู โดยอาจารย์แพทยแ์ ผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยธุ ยา) ขอ้ บ่งใช้ แก้ลมในเสน้ บรรเทาอาการมือเทา้ ชา อ่อนแรง รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธใี ช้ รบั ประทานครงั้ ละ 2 กรัม วันละ 2 ครง้ั ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ นา้ กระสายยาท่ีใช้; น้าผึ้งรวง น้าส้มซ่า (ถ้าหานา้ กระสายยาไม่ได้ ให้ใช้นา้ สกุ แทน) ข้อห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ตงั้ ครรภ์ ผทู้ ม่ี ีไข้ และผทู้ ีม่ อี ายตุ า่ กว่า 18 ปี ข้อควรระวัง - ควรระวงั การรับประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกันเลือดเปน็ ลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตัวของเกล็ดเลอื ด (antiplatelets) - ควรระวงั การใชร้ ่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่อื งจากตารบั นี้มีพรกิ ไทยในปริมาณสูง - ควรระวงั การใช้ในผปู้ ว่ ยโรคความดนั โลหติ สูง โรคหวั ใจ ผปู้ ่วยโรคแผลเปอื่ ยเพปตกิ ผ้ปู ่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนือ่ งจากเป็นตารบั ยารสรอ้ น - ควรระวังการใช้ยาน้ใี นผู้ป่วยสูงอายุ ขอ้ มลู เพิม่ เติม ลมในเส้น เป็นลมที่พัดประจาอยู่ตามเสน้ ตา่ ง ๆ ในรา่ งกาย เช่น ลมจันทกระลา พดั อยู่ในเส้นอิทา ลมสญู ทกลา พัดอยูใ่ นเสน้ ปงิ คลา เมอ่ื ลมเหลา่ นผี้ ิดปกตจิ ะทาใหผ้ ู้ปว่ ยมีอาการปวดหรอื ชาตามแนวเสน้ ท่ลี มนน้ั พัดประจาหรอื บรเิ วณใกลเ้ คยี ง เป็นต้น เอกสารอ้างอิง สุ่ม วรกิจ พิศาล. เวชศาตรว์ ณั ณ์ ณา ตาราแพทย์แบบเก่า เลม่ ๕ เรียบเรียงตามตาราของทา่ นพระยาประเสริฐ สารทดารง (หนู) บดิ า. กรุงเทพฯ : พิศาลบรรณนิต;ิ์ ๒๔๖๐ หนา้ 9๗๔.

12. ยาแก้โรคจติ *

12. ยาแกโ้ รคจติ * รสประธานตารบั : สขุ มุ เยน็ (ขอ้ มูลโดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยธุ ยา) ขอ้ บ่งใช้ แก้โรคลมที่ทาใหก้ งั วล เครยี ด นอนไมห่ ลับ รูปแบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวิธีใช้ - รบั ประทานคร้งั แรก คร้ังละ 500 มลิ ลิกรมั วันละ 2 ครง้ั กอ่ นอาหาร เชา้ และเย็น - ถ้านอนไมห่ ลบั รบั ประทานคร้งั ละ 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเย็น นา้ กระสายยาท่ีใช้; นา้ รอ้ นแทรกพิมเสน (ถ้าหานา้ กระสายยาไม่ได้ ใหใ้ ชน้ ้าสกุ แทน) ข้อหา้ มใช้ - หา้ มใช้ในหญงิ ตัง้ ครรภ์ และผทู้ ่ีมอี ายตุ ่ากว่า 18 ปี - ห้ามใช้ในผทู้ ่ีใชย้ าลดความดันโลหิต ขอ้ ควรระวงั ควรระวังการใชย้ าตารบั ทม่ี ีระยอ่ มเป็นสว่ นประกอบ เนือ่ งจากสารสาคัญซ่ึงมีฤทธใิ์ นการลดความดนั คือ สาร reserpine และอลั คาลอยด์อืน่ ๆ หากได้รบั ในขนาดทสี่ ูงเกินไป มผี ลกดการทางานของประสาท ทาใหเ้ กดิ อาการวงิ เวยี นศรี ษะ ปากแห้ง คดั จมูก ทอ้ งร่วง มึนงง หนา้ มดื ใจสน่ั ซมึ มือแขนสั่น ขอ้ มูลเพ่มิ เติม 1. ยาแก้โรคจติ ตารบั น้ี เปน็ ตารับยาตามหนงั สืออายุรเวทศึกษา (ขนุ นิทเทสสุขกจิ ) เล่ม ๒ท้ังนีไ้ ม่ไดห้ มายถงึ โรคจิตในความหมาย ของการแพทย์แผนปจั จบุ ัน (โรคทางจติ เวชและไบโพล่า) 2. ระย่อมจะต้องฆา่ ฤทธิ์ตามกรรมวิธกี ่อนนาไปปรุงยา เอกสารอา้ งองิ นิทเทส (ถมรตั น์) พุ่มชศู รี. อายุรเวทศกึ ษา (ขุนนทิ เทสสขุ กจิ ) เลม่ ๒. กรุงเทพ ฯ: พรอ้ มจักรการพมิ พ;์ ๒๕๑๖. หน้า ๑๕๘.

13. ยาไพสาลี ทีม่ าของตารบั ยา อายุรเวทศกึ ษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม ๒ “ ยา ไพสาลี วา่ พระพุทธเจา้ ทรงให้พระอานนท์ทาแจกเป็นทาน เอาลกู จนั ทน์ ดอกจนั ทน์ สงิ่ ละ ๑ สลึง กระวาน ๑ สลงึ ๑ เฟอื้ ง กานพลู ๒ สลึง ดปี ลี ๒ สลึง ๑ เฟ้ือง ลูกพลิ งั กาสา ๓ สลึง วา่ นนา้ ๓ สลึง ๑ เฟื้อง เกลือสนิ เธาว์ ๑ บาท เทยี นดา ๑ เฟอื้ ง เทยี นเยาพาณี ๖ สลึง ๑ เฟื้อง การบูร ๗ สลึง สมอเทศ ๗ สลึง ๑ เฟื้อง เทียนขา้ วเปลอื ก ๖ สลึง สมอไทย ๒ บาท สมอพเิ ภก ๒ บาท ๑ เฟอ้ื ง โกฐสอ ๙ สลึง โกฐเขมา ๙ สลึง ๑ เฟื้อง บกุ รอ ๗ สลึง ขิงแห้ง ๑๐ สลึง ๑ เฟื้อง เจตมูลเพลิง ๗ สลงึ หัสคณุ เทศ ๕ บาท กัญชา ๓๐ บาท พริกไทยร่อน ๖๐ บาท ยา ทงั้ น้ที าเปน็ ผงละลายนา้ ผง้ึ น้าออ้ ยแดง นา้ นมโคกไ็ ด้ กิน หนัก ๑ สลงึ กิน ๓ เวลา แก้ สารพัดโรค ไส้เลือ่ นกลอ่ น หดื ไอ กุษฐงั เสมหะ ตามดื ตาฟาง หหู นวก หตู งึ ลมสติมกั หลงลืม เจบ็ ตะโพก จกุ เสยี ด ลมสลกั อก ข้ีเรอ้ื น คุดทะราด เป็นฝใี นเพดานและลาคอ ลมมักให้หาวเรอ ให้รากสะอกึ ลมสะแกเวยี น นอนไม่หลับ ให้ง่วงเหงาหาวนอน ลม ปวดมวนในท้อง เปน็ ปา้ งเปน็ จกุ ผามม้ามย้อย หงอย เพ้อ พูดมชิ ดั ”

13. ยาไพสาลี ข้อบง่ ใช้ แก้โรคลม แกห้ ดื ไอ มีเสมหะ รปู แบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธีใช้ รับประทานคร้งั ละ 2 กรัม วันละ 3 ครงั้ ก่อนอาหาร เชา้ กลางวนั และเย็น นา้ กระสายยาทใี่ ช้: น้าผึ้งรวง นา้ ออ้ ยแดง น้านมโค (ถา้ หาน้ากระสายยาไม่ได้ ให้ใช้น้าสุกแทน) ข้อห้ามใช้ ห้ามใชใ้ นหญงิ ต้งั ครรภ์ ผทู้ ี่มไี ข้ และผู้ที่มอี ายุตา่ กว่า 18 ปี ข้อควรระวงั - ควรระวงั การรบั ประทานรว่ มกบั ยาในกล่มุ สารกันเลอื ดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจบั ตวั ของเกล็ดเลอื ด (antiplatelets) - ควรระวังการใช้ร่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารับนี้มีพริกไทยในปริมาณสูง - ควรระวงั การใช้ในผ้ปู ่วยโรคความดันโลหติ สูง โรคหวั ใจ ผปู้ ่วยโรคแผลเปือ่ ยเพปติก ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลยอ้ น เนอื่ งจากเปน็ ตารบั ยารสร้อน - ควรระวังการใช้ยานใ้ี นผู้ปว่ ยสูงอายุ - ควรระวงั การใชย้ าอย่างตอ่ เนอื่ ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผ้ปู ว่ ยที่มีความผดิ ปกติของตบั ไต เน่ืองจากอาจเกิดการสะสมของการบรู และเกิดพิษได้ เอกสารอ้างองิ นทิ เทส (ถมรัตน์) พมุ่ ชศู รี. อายรุ เวทศกึ ษา (ขุนนิทเทสสขุ กิจ) เล่ม ๒. กรุงเทพ ฯ: พร้อมจักรการพมิ พ์; ๒๕๑๖. หนา้ ๒๒๓.

14. ตารบั ยาทารดี สดี วงทวารหนักและโรคผิวหนงั

14. ตารบั ยาทารีดสดี วงทวารหนกั และโรคผิวหนัง ตารับนด้ี ีต่อแผลผุดจากโบราณโรคเช่น ผ่ืนภูมิแพ้, แผลเริม, แผลสะเกด็ เงนิ • รสประธานตารบั ยา: รสร้อนสขุ มุ (ขอ้ มูลโดยอาจารย์แพทยแ์ ผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยุธยา) • รสของตารับยา: รสร้อนออกรสมัน มีรสเมาเบ่ือแทรก (ขอ้ มูลโดยอาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทนิ กร ณ อยุธยา) • สรรพคุณตารับ: แกพ้ ิษเสมหะทผี่ ดุ ทางตะโจผา่ นทางบุพโพ โลหติ งั แก้ฝผี ดุ ภายนอกอันเกดิ แต่เสม หงั บุพโพ โลหิตงั แกก้ ลุ่มอาการผื่นคนั ผืน่ อักเสบอนั เกดิ แต่การสะสมตวั ของกรสี ะในกรสี ังในบุพโพ โลหติ งั นัน้ ข้อมูลโดยอาจารยแ์ พทย์แผนไทยคมสนั ทนิ กร ณ อยธุ ยา

15. ยาทาลายพระสุเมรุ ทีม่ าของตารับยา คัมภรี ์แพทยไ์ ทยแผนโบราณ ขุนโสภิตบร รณลักษณ์ เล่ม ๒ “ยาทาลายพระสุเมรุ เอาลกู จันทน์ ๑ เฟอ้ื ง ดอกจนั ทน์ ๑ สลึง ลกู กระวาน ๑ สลึงเฟอ้ื ง กานพลู ๒ สลงึ เกลือสนิ เธาว์ ๓ สลงึ ดีปลี ๒ สลึงเฟ้อื ง หว้านนา้ ๓ สลงึ เฟอ้ื ง โกฐสอ ๑ บาท โกฐเขมา ๑ บาทเฟือ้ ง เทียนดา ๕ สลงึ เทียนแดง ๕ สลงึ เฟ้ือง เทยี นขาว ๖ สลึง เทียนตาตั๊กแตน ๖ สลงึ เฟอ้ื ง เทียนขา้ วเปลอื ก ๗ สลึง ขิงแห้ง ๗ สลงึ เฟอื้ ง กญั ชา ๒ บาท รากเจ็ตมูลเพลิง ๒ บาทเฟ้ือง หวั บกุ รอ ๙ สลงึ เน้ือลกู สมอไทย ๙ สลงึ เฟ้ือง เน้อื ลกู สมอเทศ ๑๐ สลึง การะบนู ๑๐ สลึงเฟอื้ ง หัศกุนเทศ ๑๐ สลึงเฟอื้ ง พรกิ ไทยลอ่ น ๕๗ บาท ๓ สลึง บด เป็นผงละลายนา้ ออ้ ยแดง หรือนา้ นมโค กนิ คร้ังละ ๑ สลึง แกล้ มจกุ เสียด ลมปะทะอก ลมตามืดหูหนกั ปวดหวั มนึ ตึง ลมเม่อื ยขบในร่างกาย ลมสะดงุ้ แลสัน่ ไปท้ังตัว ลมเปรย่ี วดา แกจ้ กุ ผามมา้ นยอ้ ย มารกะไษย ไส้ พองท้องใหญ่ ลมคลงั่ เพ้อ ลมอามะพฤกษ์อามะพาธ ลมปัตฆาต แกโ้ รค ผิวหนัง ลมชกั ปากเบยี้ วตาแหก แก้ริดสีดวงทวาร แกโ้ รคเสมหะโลหิต เร้อื รงั หายแล”

15. ยาทาลายพระสุเมรุ ข้อบ่งใช้ แก้ลมจุกเสียด ลมเมอื่ ยขบในรา่ งกาย ลมเปล่ยี วดา ลมอัมพฤกษอ์ มั พาต รปู แบบยา ยาผง, แคปซูล ขนาดและวิธีใช้ รบั ประทานคร้ังละ 2 กรมั วนั ละ 2 คร้ัง กอ่ นอาหาร เช้าและเย็น น้ากระสายยาทใี่ ช้: น้าออ้ ยแดง นา้ นมโค (ถ้าหาน้ากระสายยาไมไ่ ด้ ให้ใชน้ า้ สุกแทน) ข้อหา้ มใช้ ห้ามใช้ในหญิงตงั้ ครรภ์ ผู้ทม่ี ีไข้ และผทู้ ่ีมอี ายตุ ่ากว่า 18 ปี ขอ้ ควรระวัง - ควรระวังการรับประทานรว่ มกับยาในกลุ่มสารกนั เลือดเปน็ ลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจับตวั ของเกลด็ เลือด (antiplatelets) - ควรระวงั การใช้ยาน้ี รว่ มกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เน่ืองจากตารบั นม้ี ีพริกไทยในปรมิ าณสูง - ควรระวงั การใชใ้ นผปู้ ่วยโรคความดันเลอื ดสูง โรคหัวใจ โรคแผลเปือ่ ยเพปตกิ ผ้ปู ่วยโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากเปน็ ตารับยา รสร้อน - ควรระวังการใช้ยานใ้ี นผู้ปว่ ยสงู อายุ - ควรระวงั การใช้ยาอย่างตอ่ เนอื่ ง โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในผู้ปว่ ยท่ีมคี วามผดิ ปกตขิ องตบั ไต เน่อื งจากอาจเกิดการสะสมของการบูรและเกดิ พษิ ได้ ข้อมูลเพ่ิมเติม ลมเปลยี่ วดา เปน็ โรคลมชนดิ หน่งึ เกิดจากการกระทบกบั ความเยน็ มากจนเปน็ ตะครวิ ผปู้ ่วยมีอาการกลา้ มเนอื้ เกรง็ อยา่ งรุนแรง กระตุก ทาใหเ้ จบ็ ปวดบรเิ วณทีเ่ ป็นมาก มกั แกโ้ ดยการนวดจุดบรเิ วณตาตุ่มด้านในหรืออาจรักษาดว้ ยยาสงั ขวไิ ชย หรือยาทาลายพระสเุ มรุ เอกสารอ้างองิ ขุนโสภติ บรรณลักษณ์ (อาพัน กติ ตขิ จร). คมั ภรี ์แพทยไ์ ทยแผนโบราณ เล่ม ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพอ์ ตุ สาหกรรมการพิมพ์; ๒๕๐๔. หน้า ๒๖๘.

16. ยาทพั ยาธคิ ณุ ที่มาของตารับยา คมั ภีรแ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ ขุนโสภติ บรรณ ลกั ษณ์ เล่ม ๒ “ยาชอื่ ทพั ยาธิคณุ เอาสะคา้ น ผักแพวแดง ดองดงึ หว้านน้า ยาดา มหาหงิ คุ์ โกฐสอ โกฐจุลาลาพา โกฐพงุ ปลา กัญชา หัวอุตพดิ เนื้อฝักราชพฤกษ์ ชะเอมเทศ ดีปลี แกน่ แสมทะเล เอาสิ่งละ ๑ ส่วน พริกไทยลอ่ นเท่ายาท้ังหลาย ตาเป็นผง เอานา้ ใบกาเมง็ นา้ ลกู ประคาดีควาย เคลา้ ยาผงตากแดดให้แห้งสง่ิ ละ ๗ ครั้ง แล้วบดด้วยนา้ ผง้ึ กินหนัก 1 สลงึ แก้กล่อน ๕ ประการ ซ่งึ ให้ จุกเสยี ดแลเป็นพรรดึก แก้ลมเปน็ ก้อนในอทุ ร ใหเ้ จบ็ ทว่ั รา่ งกาย เจบ็ สะเอว มือเทา้ ตายกระด้างแลเม่ือยขบทุกข้อทุกลา ขัดแข้งขา เจ็บ ทวารหนัก เบาพิการต่าง ๆ เจบ็ ศีรษะเวยี นหน้าตา เจ็บไหล่ทง้ั สอง ปากเปรีย้ ว เสยี งแหบแหง้ ขดั สขี ้าง ขดั อก ท้องข้ึน กนิ อาหารไม่มีรส นอนไมใ่ ครห่ ลบั โรคทัง้ นเ้ี ปน็ เพราะเสมหะแห้ง บุรุษและสตรเี ป็น เหมือนกนั ”

16. ยาทัพยาธิคุณ ขอ้ บง่ ใช้ แก้กล่อนทีท่ าให้จุกเสียดเปน็ พรรดกึ เจ็บเมอื่ ยขบตามร่างกาย กนิ อาหารไม่รู้รส นอนไมห่ ลับ รูปแบบยา ยาผง, แคปซลู ขนาดและวิธใี ช้ รับประทานครง้ั ละ 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เชา้ และเยน็ น้ากระสายยาที่ใช้น้าผ้งึ รวง (ถ้าหานา้ กระสายยาไมไ่ ด้ ใหใ้ ชน้ ้าสุกแทน) ขอ้ ห้ามใช้ หา้ มใชใ้ นหญิงตั้งครรภ์ ผูท้ ่ีมีไข้ และผู้ทม่ี อี ายุตา่ กวา่ 18 ปี ข้อควรระวัง - ควรระวังการรับประทานรว่ มกบั ยาในกลุ่มสารกนั เลอื ดเปน็ ล่ิม (anticoagulant) และยาต้านการจับตวั ของเกลด็ เลือด (antiplatelets) - ควรระวงั การใช้ร่วมกบั ยา phenytoin, propranolol, theophylline และ rifampicin เนือ่ งจากตารับน้ีมพี รกิ ไทยในปริมาณสงู - ควรระวังการใชใ้ นผู้ปว่ ยโรคความดนั โลหิตสูง โรคหัวใจ ผูป้ ว่ ยโรคแผลเป่ือยเพปตกิ ผปู้ ่วยโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน เนื่องจากเปน็ ตารับยารสร้อน - ควรระวงั การใช้ยาน้ใี นผู้ป่วยสงู อายุ ขอ้ มูลเพิ่มเติม 1. กล่อน 5 ประการ ไดแ้ ก่ กล่อนดนิ กลอ่ นน้า กล่อนลม และกษัยกล่อน 2. ดองดงึ จะต้องฆา่ ฤทธ์ติ ามกรรมวธิ กี อ่ นนามาปรุงยา เอกสารอ้างองิ ขนุ โสภิตบรรณลกั ษณ์ (อาพนั กติ ติขจร). คมั ภีรแ์ พทยไ์ ทยแผนโบราณ เลม่ ๒. กรุงเทพฯ โรงพิมพ์อุตสาหกรรมการพมิ พ์; ๒๕๐๔. หน้า ๒๙๓.

คลนิ กิ กัญชาทางการแพทยแ์ ผนไทย ยาตารับแผนไทยทม่ี ีกัญชาผสม ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5

พัฒนาคลินิกการแพทย์แผนไทย วนิ จิ ฉัยและสงั่ จ่ายโดยแพทยแ์ ผนไทยที่ผา่ นการอบรม • การซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย โดยพิจารณาถึงอาการสาคัญ และเกณฑก์ ารรบั เขา้ ของผู้ป่วย • การรกั ษาท่ไี ดร้ ับมากอ่ นมาแล้วไม่ได้ผล ประวัติเจบ็ ปว่ ยใน อดีต • ประวัตดิ ้านสุขภาพของครอบครัวรวมสขุ ภาพจิต • การสนับสนนุ จากสงั คมและครอบครวั • มีระบบการบนั ทึกและติดตามผลการรกั ษา • ปรกึ ษาเภสัชกร กรณที ่มี กี ารใชร้ ่วมกบั ยาแผนปัจจบุ นั หรือมี การแพ้ยาและเกดิ ผลขา้ งเคยี งจากการใช้ยาตารับทม่ี สี ่วนผสม กัญชา 1/14/2020 Add a footer 50

คลนิ ิกกัญชาทางการแพทยแ์ ผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภยั ภเู บศร จ.ปราจนี บุรี เปดิ บรกิ าร : ทกุ วนั จันทร์ สัปดาห์ท่ี 2 และ 4 ของเดือน เวลา 08.30-16.30 น. (เรม่ิ เดือนตุลาคม 2562) จา่ ยตารับยาสมุนไพรท่ีมีกญั ชาผสม โดยแพทยแ์ ผนไทย ประยุกตท์ ผี่ า่ นการอบรมหลกั สตู รการใช้ตารับยาท่ีมีกญั ชา ปรุงผสมอยู่จาก กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื กกระทรวงสาธารณสขุ

ตารับยา “ศขุ ไสยาสน”์ สรรพคุณ : นอนไมห่ ลับ ชว่ ยใหเ้ จรญิ อาหาร ข้อบ่งใช้ : 1. มอี าการนอนไม่หลับ ท่ีมีอาการตอ่ ไปน้ี หลับยาก (ใช้เวลามากกว่า 30นาที) หรอื หลับไมส่ นทิ (ตนื่ กลางดกึ หลายครง้ั ) หรือ ตน่ื เช้ากว่าปกตแิ ละหลบั ตอ่ ไมไ่ ด้ 2. มีอาการรว่ มอนื่ ๆ เช่น อ่อนเพลยี รสู้ กึ นอนไมเ่ ต็มอ่ิม ไมส่ ดช่นื เบือ่ อาหาร เกณฑก์ ารจา่ ยยา (ต้องมอี ยา่ งนอ้ ย 2 ข้อ) : 1. มอี าการนอนไม่หลบั เร้อื รงั (ระยะเวลา >4 สัปดาห)์ ทมี่ คี ะแนนคณุ ภาพการนอน (PSQI) มากกว่า 5 2. เคยใช้ยาสมุนไพรเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลบั ต่อเน่อื งอย่างน้อย 1 เดือน แลว้ ไมไ่ ด้ผล 3. ใชย้ านอนหลับเปน็ ประจา หรือใช้แล้วไมไ่ ด้ผล

ข้นั ตอนการใหบ้ ริการคลนิ ิกกญั ชาทางการแพทยแ์ ผนไทย คัดกรองผปู้ ่วยเบ้ืองตน้ เข้ารบั บรกิ าร คลนิ ิกกญั ชาทางการแพทย์แผนไทย 1.มอี าการตามเกณฑ์การจา่ ยยาศุขไสยาสน์ 2. ไมม่ ีโรคเรือ้ รงั ข้ันรนุ แรง เช่น หัวใจลม้ เหลว เตน้ ผิดจงั หวะ หัวใจขาดเลอื ด 3. ไมม่ โี รคตดิ ต่อรา้ ยแรง/ตดิ เชื้อ/ระยะแพรก่ ระจาย 4. ไม่รับประทานยาตา้ นการแขง็ ตัวของเลอื ด (Warfarin) 5. ไม่เป็นมะเรง็ ขณะให้เคมีบาบดั หรอื ฉายแสง 6. ไม่เปน็ โรคจิตหรือญาตพิ นี่ อ้ งเปน็ หรอื ใช้ยาทางจิตเวช 7. ไม่ต้ังครรภ์/ใหน้ มบตุ ร 8. ไม่มปี ระวตั ิแพ้กัญชา/สมุนไพรในส่วนประกอบของยา สง่ เจาะเลือดตรวจ CBC,Cr,GFR,AST,ALT ซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย ตามทฤษฎกี ารแพทย์แผนไทย ประเมนิ 1.แบบประเมินคณุ ภาพการนอนหลับ (PSQI) 2.แบบประเมนิ คุณภาพชีวติ (EQ-5D-5L) 3.แบบประเมินสาหรบั ผปู้ ว่ ยประคับประคอง (ESAS ,PPS) เซน็ ยนิ ยอมเข้ารว่ มการรกั ษา

ผลการรกั ษาดว้ ยตารับยาศุขไสยาสน์ คลินิกกญั ชาทางการแพทยแ์ ผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเู บศร จากการดาเนินงานต้ังแตว่ ันท่ี 23 กันยายน 2562 รวม 1 คร้ัง จา่ ยตารับยาศุขไสยาสน์ ไปแล้วทัง้ สิ้น 4 ราย ➢ นอนหลับสนทิ ขน้ึ ➢ ความถ่ใี นการต่นื กลางดกึ ลดลง ผลการติดตามการรบั ประทานยา ➢ ตืน่ แลว้ สามารถนอนหลับตอ่ ไดไ้ มเ่ กนิ 30 นาที ➢ เนอ่ื งจากตารบั ยาเปน็ ยาร้อน ในบางรายร้สู ึกสดช่ืนข้นึ เลือดลมไหลเวียนดี มีอาการปวดเม่ือยลดลง อาการ ขนาดรับประทาน ติดตามครงั้ ที่ 1 ติดตามครั้งท่ี 2 ตดิ ตามครง้ั ท่ี 3 (หลังการใชย้ า 1 วัน) (หลังการใช้ยา 3 วัน) (หลังการใช้ยา 7 วัน) เคสที่ 1 : CA colon นอนไมห่ ลับรว่ มด้วย (U/D : ไมพ่ บ ADR อาการนอนไม่หลับดี มี ไมพ่ บ ADR อาการนอนไม่หลับดีข้ึน มีกาลัง ไมพ่ บ ADR อาการนอนไม่หลับดีขนึ้ มีกาลังมากข้นึ ไม่ปวด Gout,DLP,HT) กาลังมากขึ้น ไม่ปวด มากข้ึน ไมป่ วด เคสที่ 2 : CA breast มาดว้ ยเปลนอน นอนไม่หลับ รบั ประทาน ไมพ่ บ ADR อาการนอนไมห่ ลับคงที่ ไมพ่ บ ADR อาการนอนไมห่ ลบั ดขี นึ้ หลังจาก ไม่พบ ADR อาการนอนไม่หลบั คงที่ เบื่ออาหาร ท้องผูก (ใช้น้ามนั กญั ชาใตด้ นิ และ ครั้งละ 0.5 กรมั (รับประทานยานอนหลบั รว่ มด้วย) หยดุ รับประทานยานอนหลับ และรบั ประทาน morphine) ยาศุขไสยาสนอ์ ยา่ งเดียว วนั ละ 1 คร้ัง เคสท่ี 3 : CA colon นอนไม่หลับ ท้องผูก (ใชย้ า ก่อนนอน ไม่พบ ADR อาการนอนไม่หลบั ดีขึน้ ไมพ่ บ ADR อาการนอนไม่หลบั ดขี น้ึ ไมพ่ บ ADR อาการนอนไม่หลบั ดขี ึ้น หมอแสง รกั ษา CA) เคสท่ี 4 : Thalassemia ไม่พบ ADR อาการนอนไม่หลบั ดขี ึ้น อาการนอนไม่หลับดีข้นึ มีปสั สาวะกลางคนื ไมพ่ บ ADR อาการนอนไมห่ ลับดีขน้ึ มีปสั สาวะกลางคนื นอนไม่หลับ (SGOT 108) บอ่ ยขึน้ พบ ADR มีรอ้ นปาก ร้อนคอ หลัง ลดลง ไมม่ อี าการรอ้ นปาก รอ้ นคอ หลงั รับประทานยา รับประทานยา เนื่องจากมีการเปลี่ยนกระสายยา จากนา้ ตม้ สกุ เป็นนา้ ผงึ้

ประมาณ ก.ย. 2562 55

อภยั ภูเบศรโมเดล “ ให้คนไขไ้ ดเ้ ข้าถงึ ยาคณุ ภาพ สมเหตสุ มผล มปี ระสทิ ธภิ าพและปลอดภัย ”

องคค์ วามรู้กญั ชาอภยั ภูเบศรโมเดล โรงพยาบาลเจา้ พระยาอภยั ภเู บศร ไดพ้ ฒั นา กญั ชาทางการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื กอยา่ งครบวงจร เรยี กวา่ อภยั ภเู บศร โมเดล ทาการรวบรวมความรูใ้ นการใชไ้ วท้ งั้ จากตาราและจากการลงพนื้ สมั ภาษณผ์ รู้ ู้ จา การคน้ ควา้ ในเอกสารพบวา่ กญั ชามกี าร บรรยายสรรพคณุ ไวด้ งั นี้ 57



ในส่วนของตารับยาพ้นื บา้ น กญั ชาเขา้ ยาหลายชนิด ท่ี เด่นคือโรคนอนมิหลบั ตวั อยา่ งตารับยาเช่น

กญั ชา ใหค้ วามสุข ในรสชาติอาหาร ใบออ่ นนามาใสแ่ กงสม้ แกง กะทิ แกงมัสมน่ั เมนูผดั ในใบกัญชามีสารเมานอ้ ย (THC) สารชนิดนี้ละลายน้า ไดน้ ้อย การเอามาใสแ่ กง ใน ปรมิ าณจากดั เชน่ 1-2 ใบ สารเมาจึงจะนอ้ ยมากๆ *สารเมาในกญั ชา ละลายใน นา้ มนั ไดด้ ี การนาไปชุบแปง้ ทอด สารเมาจะถกู สกัดให้ ออกไปกบั นา้ มันทใี่ ชท้ อด

การใช้กญั ชาใน หมอพืน้ บา้ น หมอยาทางภาคใต้ ทาให้กินข้าวไดม้ าก นอนหลับสบาย : ใบกญั ชาใส่ในต้มแกง เพ่อื เพ่ิมรสชาตอิ าหาร แก้ปวดฟัน : ใชใ้ บกัญชาโดยนาใบมาขยี้พอแหลก นาไปพอกหรอื อุดบรเิ วณท่ีมอี าการ รกั ษาอาการปวดเมอ่ื ย เป็นยาแกก้ ษยั เส้น ช่วยให้ผ่อนคลาย คลายเครยี ด : นาใบไปตม้ จนเดอื ด ด่ืมอุ่นๆ แก้อาการผมรว่ ง คนั หนงั ศรี ษะ นาใบตาละเอียดผสมน้าต้มสุก นามาพอกหนงั ศรี ษะ ประมาณครึ่งชว่ั โมง นอกจากภาคใตแ้ ล้วหมอยาพ้นื บ้านในภาคอื่น ใชด้ อกกัญชาปงิ้ ไฟให้เหลอื ง กรอบ ตาผสมพรกิ แกงเผด็ ปรงุ ให้คนไข้เบอ่ื อาหาร ทาใหก้ นิ ข้าวไดม้ ากโดยไม่รตู้ ัว หมอยาบางท่านใช้นา้ จากบ้องกัญชากรอกให้คนไขอ้ หิวาต์กิน ตนื่ มาอาการทุเลาลง

องค์ความร้กู ญั ชาอภยั ภเู บศรโมเดล จกั รกฤษณ์ สงิ ห์บุตร & ชยันต์ พเิ ชยี รสนุ ทร, 2562 “กญั ชาเป็นสมุนไพรทม่ี ีการใช้ในวถิ ขี องคนไทยมานาน มีการใชใ้ บเปน็ สว่ นผสมในอาหารเพ่ือชูรส ซ่ึงมักใส่ปริมาณ ไมม่ าก เพราะรู้กนั ดีวา่ ทาให้เมา แตก่ ็มจี านวนไมน่ อ้ ยท่เี คยนากระหลี่กญั ชา (ดอกแหง้ เพศเมีย) มาสูบ” พระยาแพทยพ์ งศา วสิ ทุ ธาธบิ ดี, 2458 “ในตาราการแพทย์แผนไทยดั้งเดิม ไม่ได้ระบุรสและสรรพคุณของกัญชาไว้ แต่ปรากฏในตาราชั้นหลัง เช่น ใน หนงั สอื แพทย์ตาบล ระบุว่า กัญชามรี สเมา ทาใหใ้ จขลาด รบั ประทานน้อย ๆ เป็นยาชูกาลงั เจริญอาหาร” ในหนงั สือไมเ้ ทศเมืองไทย ระบวุ า่ กญั ชามรี สเมาเบ่ือ กล่ินเหม็นเขยี ว เจริญอาหาร ชกู าลงั แต่ทาใหใ้ จขลาด เสงี่ยม, 2522 ในหนงั สือไมเ้ ทศเมืองไทย ระบวุ า่ “กญั ชามรี สเมาเบือ่ กลนิ่ เหมน็ เขยี ว เจรญิ อาหาร ชกู าลงั แต่ทาใหใ้ จขลาด” อาพัน กติ ตขิ จร, 2504 แพทยใ์ นชนบท ใช้ดอกของกัญชาผสมรับประทานเป็นยาแก้โรคเส้นประสาทคือนอนไม่หลับ คิดมาก เบ่ืออาหาร ใช้ยาเข้าผสมกัญชาได้ผลดี บางจังหวัดใช้ดอกกัญชาป้ิงไฟพอเหลืองกรอบแล้วตาผสมกับน้าพริกแกงเผ็ด ปรุงให้ คนไข้ท่ีเบ่ืออาหารรับประทาน คัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ เล่ม 1 ระบุว่า กัญชา มีรสเมา เจริญอาหาร ชูกาลัง ทาให้ใจสะดุ้งกลวั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook