91 3.11 การจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน กิจกรรม หมายถึง งานที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบตั เิ พื่อพฒั นา คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตา่ งๆ มี 4 ลกั ษณะ ได้แก่ 1) กิจกรรมแนะแนว 2) กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด และนักศกึ ษา วชิ าทหาร 3) กิจกรรมชมุ นุม ชมรม 4) กิจกรรมสาธารณประโยชน์ จติ อาสา แนวทางการจัดกิ จกรรมพัฒนาผู้เรี ยนจะต้องนา คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในหลักสตู รสถานศกึ ษามา เป็น ตวั ตงั ้ ทงั ้ นีเ้พื่อจะควบคมุ ไมใ่ ห้การทากิจกรรมต่างๆ โดยไม่มี ประโยชน์ ไม่สามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างแท้ จริง จากนัน้ ต้อง พิจารณาตอ่ ไปวา่ กิจกรรมตา่ งๆ สามารถบรู ณาการกับการเรียนการ สอนในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ได้หรือไม่ ถ้ าสามารถบรู ณาการได้ ให้นาไปบรู ณาการโดยไมต่ ้องนามาจดั เป็นกิจกรรม เพราะจะทาให้ เกิดความซา้ ซ้อน นอกจากนีย้ ังควรทาแผนการจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ชดั เจนโดยเฉพาะกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เพราะเป็นเงื่อนไข สาคัญของการจบการศึกษาในแตล่ ะระดบั ชนั ้ ต้องแยกผลการ ประเมินและการรายงานผลในชนั ้ ป.6 ม.3 และ ม.6 อยา่ งชดั เจน
92 การออกแบบแผนการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนควรระบุ ประเด็นหลกั ๆ อยา่ งครบวงจร ได้แก่ วตั ถปุ ระสงค์ สาระ / กิจกรรม ระยะเวลา เคร่ืองมือการประเมิน เกณฑ์การประเมินและผู้รบั ผิดชอบ ตามตารางตอ่ ไปนี ้
93 วตั ถปุ ระสงค์ สาระ / กิจกรรม ระยะเวลา เคร่ืองมอื เกณฑ์ ผ้รู บั ผิดชอบ การประเมิน การประเมนิ ต้ องสอดคล้อง เฉพาะ แผน มคี วาม ยึดศกั ยภาพ ผ้สู อนทกุ คน กบั คุณลกั ษณะ ที่ไม่สามารถ ปฏบิ ตั ิการ ครบถ้วน ของผ้เู รียน ร่วมกนั อนั พึงประสงค์ บรู ณาการกบั กจิ กรรม และชดั เจน 8 กลมุ่ สาระ ท่ีชดั เจน 93
94 3.12 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาต้องกาหนดระบบการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ให้ ชดั เจน เน้ นการวดั และประเมินผล ตามสภาพจริงท่ีผ้ ูสอนดาเนินการอย่ างต่อเน่ ืองควบค่ ูกั บก าร จัด การเรียนรู้ ด้วยการใช้วธิ กี ารประเมินอย่ างหลากหลาย เชน่ การทดสอบ การสงั เกต การสัมภาษณ์ การสอบถาม การตรวจ ผลงาน การประเมินชิน้ งาน แฟ้มสะสมผลงาน นอกจากนีค้ วร เปิดโอกาสให้มีบคุ คลหลายๆ ฝ่าย เข้ามามีสว่ นร่วมในการประเมิน เชน่ ผ้สู อน ผ้เู รียน เพื่อนประเมินเพ่ือน ผู้ปกครอง ตลอดจนบคุ คล ผู้มีสว่ นเกี่ยวข้องอื่นๆ เพ่ือให้ได้ข้อมูลรอบด้านสาหรับการประเมิน อีกทงั ้ ยังมีการประเมินตลอดชว่ งระยะเวลาการเรียนรู้ เชน่ ก่อนเรียน ระหวา่ งเรียน หลงั เรียน และตดิ ตามผลและสดุ ท้ายคอื การนาผลการ ประเมินมาพัฒนาผู้เรียนทกุ ด้านซงึ่ เรียกวา่ การประเมินแบบเสริม พลงั (empowerment evaluation)
95 3.13 การประเมนิ ทเ่ี สริมพลงั ตามสภาพจริง (Empowerment Evaluation) การประเมินผลการเรียนรู้ที่เสริมพลังตามสภาพจริ ง เป็นสว่ นหนง่ึ ของกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีจะต้องร้ อยรัดไปกับ ทุกกิจกรรมการเรียนรู้ สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ มีการ สะท้อนผลการประเมินสกู่ ารพัฒนาผู้เรียน การะประเมินผลที่เสริม พลังตามสภาพจริ ง (empowerment authentic assessment) เป็นวธิ ีการประเมินผลท่ีมีความสาคญั สาหรบั การวดั และประเมินผล การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนจากข้อมูลหลกั ฐาน เชิงประจักษ์ ซ่งึ เป็ นหลักฐานทางการเรี ยนรู้โดยตรง ( direct evidence) เช่น พฤติกรร มที่ แสด งออก ผ ลงานหรื อชิน้ งาน แฟ้มสะสมผลงาน การประเมินผลการเรียนรู้ที่เสริมพลังตามสภาพจริ ง หมายถึง กระบวนการตรวจสอบผลการเรียนรู้ท่ีเกิดขนึ ้ กับผู้เรียน 3 มิติ ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้ (learning process) ผลผลิตทางการ เรียนรู้ (learning product) และความก้ าวหน้ าทางการเรี ยน รู้ (learning progress) มงุ่ เน้นการประเมิน ความร้คู วามสามารถตาม มาตรฐานการเรียนรู้ การคิดระดบั สงู (high – order thinking) คณุ ธรรมจริยธรรมและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
96 การประเมินผลการเรียนรู้ที่เสริมพลงั ตามสภาพจริงที่กาหนด ไว้ในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั ้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 หมายถงึ การวดั และประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนดาเนินการเป็นปกตแิ ละสม่าเสมอในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้ ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เชน่ การซกั ถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิน้ งาน ภาระ งาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเอง หรือเปิ ดโอกาสให้ ผู้เรี ยนประเมิ นตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน ผู้ปกครอง และผู้มีสว่ นร่วมในการเรียนรู้เป็ นผู้ประเมิน วิธีการ และเครื่องมือที่หลากหลาย การวดั และประเมินผลตามสภาพจริงมีหลกั การ 4 ข้อ ดงั นี ้ 1) ใช้ผู้ประเมินหลายๆ ฝ่าย เชน่ ผู้เรียน เพ่ือน ตนเอง ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้อง 2) ใช้วิธีการและเครื่องมือหลายๆ ชนิด เชน่ การสงั เกต การปฏิบตั จิ ริง การทดสอบ 3) วดั และประเมินหลายๆ ครงั ้ ในชว่ งเวลาการเรียนรู้ ได้แก่ ก่อนเรียน ระหวา่ งเรียน หลงั เรียน ติดตามผล 4) สะท้อนผลการประเมินสกู่ ารปรับปรงุ และพัฒนา ผู้เรียน รวมทงั ้ การจดั การเรียนการสอนอยา่ งตอ่ เนื่อง
97 ตนเอง กอ่ น การทดสอบ เรียน การสงั เกต ระหว่างเรียน ติดตามผล เพ่ือน การรายงาน หลงั การตรวจ ผ้สู อน ตนเอง เรียน ชนิ ้ งาน ผ้เู กย่ี วข้อง หลกั การประเมินผลการเรียนรู้ท่เี สริมพลังตามสภาพจริง
98 ระบบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ท่ีจะนาไปสู่ การสรุปผลการเรียนปลายภาคเรียนควรแบง่ เป็นการประเมินระหวา่ ง เรียนและการประ เมิ น ปล าย ภ าคเรี ย น ท่ี มี ก ารประ เมิ น ครอ บคล ุม ประเด็นหลกั ได้แก่ ความรู้ ทักษะ และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ รวมทงั ้ ผลการซอ่ มเสริมในแตล่ ะหน่วย การเรียนรู้ สดั ส่วนการให้ คะแนนอาจกาหนดได้ตามจดุ เน้ นของแตล่ ะสถานศกึ ษา เช่น การประเมินระหวา่ งภาคเรียนมีนา้ หนักร้อยละ 70 และการประเมิน ปลายภาคเรียนร้อยละ 30
99 ในสว่ นของการบนั ทกึ ผลการประเมินควรบนั ทึกความรู้ ทักษะ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และการอ่าน วิเคราะห์ เขยี น แยกออกจากกนั เพื่อให้เห็นข้อมูลที่ชดั เจนสาหรับการสง่ เสริม และพฒั นาผู้เรียนเป็นรายบคุ คล ดงั แผนภาพตอ่ ไปนี ้
100 100
101 3.14 การบริหารจดั การหลกั สตู รสถานศกึ ษา สถานศกึ ษาเป็นหน่วยงานที่จะทาให้ หลกั สตู รมีความ เป็ นจริ งตรงตามความคาดหวังของหลักสูตรแกนกลาง คือ การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน หน้ าที่และภาระรับผิดชอบที่จะต้อง พฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา การจดั การเรียนการสอน ให้สอดคล้อง กับภูมิ สังคมแล้ ว การบริ หารจดั การหลักสตู รเป็ นส่ิงท่ี สาคัญ ท่ีสถานศกึ ษาจะต้องจดั ทา 1) ระบบบริหารจดั การหลกั สตู รท่ีชดั เจน 2) ระบบการนิเทศกากบั ดแู ลการเรียนการสอน 3) ระบบการบริหารงานวชิ าการ* 4) ระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน 5) ระบบสนับสนุนการเรียนรู้ 6) ระบบการวดั และประเมินผล 7) ระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา * การบริหารงานวิชาการ เป็นหัวใจของการบริหารจดั การหลกั สตู ร สคู่ ณุ ภาพการศกึ ษา ประกอบด้วย 8 ประเด็นหลกั ได้แก่ 1. หลกั สตู ร 5. โครงการวชิ าการ 2. การเรียนการสอน 6. การวิจยั และพฒั นา 3. การประเมินผลการเรียนรู้ 7. การพฒั นาบคุ ลากร 4. นวตั กรรม 8. การประเมินหลกั สตู ร
102 4. การจัดการเรียนรู้ท่เี น้นกระบวนการไปส่เู ป้าหมาย 4.1 แนวคดิ พนื ้ ฐานเก่ียวกบั การจัดการเรียนรู้ “การเรียนรู้” ไม่จากดั อยู่เฉพาะห้องส่เี หล่ยี ม การเรียนรู้มีอยู่รอบตัวจะเกิดท่ชี ุมชนหรือท่บี ้าน สามารถนาไปปรับใช้กับชีวติ ได้จริง การเรี ยนรู้ที่ แท้ จริ งเป็ นการเรียนรู้ที่ก่อให้ เกิดการ เปลีย่ นแปลงที่เกิดขนึ ้ ภายในตนเมื่อโลกภายในเปลีย่ นโลกภายนอก ก็จะเปลย่ี นไปตามกันปัญญาปฏิบตั ิ วธิ ีการสอน ไม่ตายตวั หากแต่ ไหลเลื่อนเคลือ่ นที่ เปล่ยี นแปลง เชอื่ มโยงตลอดเวลา โดยการปรบั ให้ เหมาะกบั ผ้เู รียน เป็นกระบวนการเรียนร้เู น้นให้ผู้เรียนรู้วิธีการเรียน เน้นกระบวนการคิดที่เป็ นระบบ การคิดอย่างมีวิจารณญาณการ เปล่ียนแปลงความร้สู กึ ใครค่ รวญด้านในสกู่ ารเปลี่ยนแปลงด้านนอก ผู้เรียนต้องมีโอกาสคิดใครค่ รวญ ทากิจกรรมทบทวน พิสูจน์ผลและ นาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงพ่ึงตนเองได้สร้ างสรรค์เพ่ือสว่ นรวม แนวคิดสาคญั ของการจดั การเรียนร้ดู งั นี ้ 1) การจดั การศกึ ษาและกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ ผู้เรียน เกิดการเรียนร้ตู ลอดชวี ติ
103 2) ความรู้ต้ องมาจากการปฏิ บัติจริ ง ส่วนทฤษฎี หลกั การเป็นสิ่งเสริม 3) การเรียนร้เู ริ่มท่ีตวั ผู้เรียน จากสภาพจริง 4) ค ว า ม ก้ า วห น้ าท า ง ก า ร เรี ย น รู้ ขึ ้น อ ยู่ กั บ ความสามารถของผ้ ูเรียนและเวลาท่ีเหมาะสม 5) การเรียนร้คู อื เวลาที่ผู้เรียนต้องการสิ่งนนั ้ 6) การเรียนร้ตู ้องมีจดุ มงุ่ หมาย มีระบบการดาเนินงาน ท่ีชดั เจน 7) ความสุข จะเกิ ดขึน้ ในขณะ ทากิ จกร รม ด้ วย บรรยากาศเป็นกันเองสร้างสรรคส์ งั คมแห่งการเรียนรู้ สร้างโอกาสให้ ผู้เรียนมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ กระต้นุ ให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมและ ค้นพบความรู้ ด้วยตนเอง 4.2 บทบาทผู้เออื ้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ หมายถึง การออกแบบแผนการจดั กิจกรรมและประสบการณ์การเรียนร้ซู ง่ึ สามารถบูรณาการได้ตงั ้ แต่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ หรือมากกวา่ รวมทัง้ การจดั กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน ผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้เอือ้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ (facilitator) สง่ เสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนร้ไู ด้เตม็ ตาม ศกั ยภาพของแตล่ ะบคุ คล ซง่ึ มีความแตกตา่ งกบั การสอน (teaching) ดงั นี ้
104 ผ้เู ออื ้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ บทบาทของผ้สู อน (facilitator) (teacher) 1. กระต้นุ ให้มกี ารอภิปรายแลกเปล่ียน 1. ให้ข้อมลู เนอื ้ หาสาระ เรี ยนร้ ู 2. ให้คาตอบท่ถี กู ต้อง 2. พยายามกระต้นุ ให้คิดและตงั้ คาถาม 3. การสอ่ื สารทางเดียว 3. การส่อื สารสองทางมปี ฏิสมั พันธ์ และทิศทางการเรียน กบั ผ้สู อนและผ้เู รียน 4. กาหนดงานให้ผ้เู รียน 4. ประสานงานในกจิ กรรมการเรียนรู้ 5. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ กบั ผ้เู รียน 5. ผ้เู รียนสามารถกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ 6. กาหนดกจิ กรรมการเรียนรู้ และเกณฑ์การวดั ประเมินผล และทศิ ทางการเรียนรู้ การเรียนร้ ู 6. เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนกาหนดกจิ กรรม การเรี ยนร้ ูและเกณฑ์การวดั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ ส่ิงท่ีผู้สอนจะต้ องให้ ความสาคญั ในการท่ีจะเป็ นผู้ เอือ้ อานวยความสะดวกในการเรียนร้ทู ่ีดีก็คือจะต้องปรับเปลี่ยนวิธี คิดและมมุ มองที่มีตอ่ การศกึ ษาในมิตใิ หมท่ ่ีสาคญั 3 ประเดน็ ได้แก่ 1) วฒั นธรรมการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนจากการเรียนรู้แบบ รับเป็ นแบบรุก การสร้ างความรู้ การจดั การความรู้ เป็ นความรู้ ที่มีพลงั กอ่ เกิดมาจากการเรียนร้ดู ้านใน 2) ปรับเปลี่ยนฐานคิดวา่ ทุกคนมีศกั ยภาพท่ีจะเรียนรู้ และพัฒนาได้ การจดั การศกึ ษาต้องให้ทุกคนมีพืน้ ท่ีท่ีสามารถเข้าถึง
105 การศกึ ษาได้ ทุกรูปแบบ การเรียนรู้และผู้เรียนชว่ ยเหลือตนเอง ชว่ ยเหลอื ผู้อื่นและสงั คมได้หรือไม่ 3) ปรับเปลี่ยนบรรยากาศการเรี ยนรู้ไปสู่การเรียนรู้ ในสถานการณ์จริง สามารถเรียนร้ไู ด้ทกุ เวลา ทุกสถานท่ี เรียนรู้จาก การปฏิบตั ิ เกิดการเปล่ียนแปลงไม่ยึดตาราเป็ นหลกั การจดั การ ศกึ ษาต้องมีวสิ ยั ทัศน์ที่ชดั เจน ต้องการให้บคุ คลทาอะไรได้ พฒั นาสงิ่ ใดไปแก้ไขปัญหา รวมทงั ้ ทาประโยชน์แก่สงั คม 4.3 การจดั การเรียนรู้ท่เี น้นกระบวนการไปส่เู ป้าหมาย พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542 และท่ีแก้ ไขเพิ่ มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พุทธศกั ราช 2545 มาตรา 22 เป็ นหลกั การจัดการเรี ยนรู้ว่าต้องยึดหลกั วา่ ผู้เรียนสาคัญที่สุด สามารถเรียนร้แู ละพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ มาตรา 23 เป็นเร่ืองของการบรู ณาการความรู้ คณุ ธรรมจริยธรรม กระบวนการ เรียนร้แู ละตวั ผู้เรียน มาตรา 24 เป็นเร่ืองการจดั กระบวนการเรียนรู้ โดยใช้ผลการวิจัยมาสนับสนุน และมาตรา 26 การวัดและ ประเมินผลการเรี ยนรู้ตามสภาพจริ งและใช้ ผลการประเมิ น เพ่ือพัฒนาผู้เรียน ประเดน็ หลกั ของการจดั การเรียนรู้ที่เน้ นผู้เรียน เป็นสาคญั นัน้ อยู่ท่ีเป้าหมาย นั่นคือคณุ ภาพผู้เรียน ผู้สอนจะใช้ วธิ ีการจดั การเรียนร้แู บบใดก็ได้ขนึ ้ อยู่กบั ความเหมาะสม แตส่ ิ่งท่ีต้อง ยดึ ถือไว้คอื เปา้ หมายคณุ ภาพผู้เรียนตามตวั ชวี ้ ดั 4 ประการ ได้แก่
106 1) มีวิธีคิดระดบั สงู คดิ วิเคราะห์ คดิ สังเคราะห์วิจารณญาณ ความคิดสร้ างสรรค์ 2) มีวิธีการเรียนรู้หรือเป็ นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ สามารถ สืบเสาะแสวงหาความรู้ด้ วยวิธี การต่างๆ จากแหล่งข้ อมูล ท่ีเหมาะสม 3) มีทกั ษะการแลกเปล่ยี นเรียนร้ตู ลอดจนมีทักษะ ทางสงั คม 4) มีสมรรถนะและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การพฒั นาให้ผู้เรียนบรรลศุ กั ยภาพผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจในความคิดรวบยอดหลักต่างๆ แล้วนามาเช่ือมโยง และถักทอ (weaving) กนั จนเกิดความสามารถ ในการปฏิบตั ิงาน อยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ได้ และความสามารถหลายๆ ด้านจะเช่ือมโยง และถักทอเป็นสมรรถภาพ สมรรถภาพหลายๆ ด้าน จะเช่ือมโยง และถักทอเป็นศกั ยภาพในท่ีสดุ ดงั แผนภาพตอ่ ไปนี ้ ศกั ยภาพ + … สมรรถภาพ + … เชอื่ มโยง ความสามารถ + … และถกั ทอ ความรู้ + ความเข้าใจ + … (weaving)
107 นอกจากนีส้ ิ่งที่ผู้สอนจะต้องให้ความสาคญั เป็ นอย่างย่ิง ในการจดั การเรียนร้คู ือเรื่องสทิ ธิและศกั ดิ์ศรีของผู้เรียน ได้แก่ 1) ในฐานะที่ผู้เรียนมีความเป็นมนุษย์ 2) มีความสามารถเฉพาะตน 3) มีเกียรติ ศกั ดิ์ศรี 4) มีสิทธิ หน้าท่ี ความรบั ผิดชอบ 5) มีโอกาสพฒั นาศกั ยภาพของตนเอง 6) มีโอกาสเข้าถงึ ระบบการศึกษาในบริบทสงั คม วฒั นธรรม 7) มี ก ารเรี ยน รู้ เป็ น หุ้ นส่วนร ะ หว่างผู้ ส อ น และผ้ ูเรี ยน หัวใจของการจัดการเรี ยนรู้ท่ี เน้ นผู้เรียนเป็ นสาคัญ อี กประการหนึ่งคือการดึงศักยภาพของผู้เรี ยนออกมาจาก ความโงเ่ ขลา ความเห็นแกต่ วั ความวิตกกังวล ไม่เช่ือมั่นในตนเอง ดงั รากศัพท์ของคาวา่ EDUCATION ท่ี มาจากภาษาละตินว่า EDUCA/RE แปลวา่ ดงึ ศักยภาพของผู้เรียนออกมา
108 กระบวนการเรียนรู้ หมายถึง การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ของผู้เรียนตามลาดบั ขนั ้ ตอนที่มีความผสมผสานสาระสาคญั (main concept) คณุ ธรรมจริยธรรม และทักษะทางสังคม ทาให้ เกิ ดการ เรี ยนรู้ตามผลการเรี ยนรู้ (learning outcomes) ผู้สอนต้ องใช้ กระบวนการเรี ยนรู้ต่างๆ เป็ นตัวตัง้ แล้ วออก แบบกิ จกรร ม ให้สอดคล้องกบั ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน (กระบวนการ เป็นตวั ตงั ้ กิจกรรมเป็นตวั ตาม) การใช้กระบวนการเรียนร้เู ป็นขนั ้ ตอน หลกั จะชว่ ยทาให้ผู้เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ อยา่ งเป็นระบบและเกิด การเรียนรู้ในท่ีสุด กระบวนการเรียนรู้ท่ีสาคัญมีดงั นี ้ (ศึกษา ตัวอย่างการนามาใช้ ออกแบบการจัดการเรี ยนรู้ได้ ในหัวข้ อ การออกแบบหนว่ ยการเรียนร้ดู ้วยวิธีการย้ อนกลบั เรื่องสุขภาวะดี ชีวีมีสุข) กร ะบวน ก าร ที่ใช้ ใ น การ ออ กแ บบกิจ ก ร ร มการ เ รี ยน กา ร สอน มีอ ยู่ จานวนมากซ่ึงได้มาจากการวิจัยและการปฏิบตั ิจริง ซึ่งขอยกตัวอย่างเพียง บางกระบวนการในทนี่ ี ้ ซ่ึงสามารถศึกษารายละเอียดได้ในภาคผนวก กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด 1) ขนั ้ สงั เกต / รับรู้ 2) ขนั ้ จาแนกความแตกตา่ ง 3) ขนั ้ หาลกั ษณะร่วม 4) ขนั ้ ระบชุ อ่ื ความคดิ รวบยอด 5) ขนั ้ ทดสอบและนาไปใช้
109 กระบวนการสร้ างความคิดวิจารณญาณ 1) ขนั ้ สงั เกต / รบั รู้ 2) ขนั ้ อธิบาย 3) ขนั ้ รับฟัง 4) ขนั ้ เชื่อมโยงความสมั พนั ธ์ 5) ขนั ้ วจิ ารณ์ 6) ขนั ้ สรปุ กระบวนการสร้างและการปฏิบตั ิ 1) ขนั ้ สงั เกต / รบั รู้ 2) ขนั ้ ทาตามแบบ 3) ขนั ้ ทาเองโดยไม่มีแบบ 4) ขนั ้ ฝึกให้ชานาญ กระบวนการสร้างความร้คู วามเข้าใจ 1) ขนั ้ สงั เกต / ตระหนัก 2) ขนั ้ วางแผนปฏิบตั ิ 3) ขนั ้ ลงมือปฏิบตั ิ 4) ขนั ้ พฒั นาความร้คู วามเข้าใจ 5) ขนั ้ สรปุ
110 4.4 การจัดทาหน่วยการเรียนรู้ท่สี มบรู ณ์ หนว่ ยการเรียนรู้ (unit of learning) หมายถึง ความรู้ ท่คี รบวงจรในเรื่องใดเร่ืองหน่ึงที่มาจากการนาความคิดรวบยอด หลกั ตา่ งๆ มาเชื่อมโยงกันอย่างเป็ นระบบ แล้วกาหนดหัวเรื่ อง (theme) จดั กิจกรรมการเรียนรู้อย่างสอดคล้องกับจุดประสงค์ การเรียนร้ตู ามความสนใจ ความต้องการของผู้เรียน โดยมีผู้สอน เป็นผู้เอือ้ อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ เพื่อให้ ผู้เรียนเกิดการ เรียนร้ตู ามผลการเรียนรู้ (learning outcomes) ที่กาหนด การออกแบบหน่วยการเรียนร้เู ป็นการนาคาอธิบาย สาระการเรียนร้มู าวเิ คราะห์ความคิดรวบยอดหลกั (main concept) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้ ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ เวลาเรียน และการวดั ประเมินผล โดยนามาเขยี นลงในตารางการออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ (course design / unit design)
111 การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ (unit design / unit plan) หน่วยท่ี กระบวนการ กิจกรรม ส่อื การวัด แหล่งเรยี นรู้ และประเมินผล หน่วยท่ี 1 - การแก้ปัญหา - หนงั สือเรียน - การทดสอบ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. - การสอ่ื สาร (เป็นสื่อชนดิ - การตรวจชนิ ้ งาน สอื่ ความหมาย หนึง่ เทา่ นนั้ ) - การประเมนิ ทกั ษะ - ตวั ประกอบ - การแยกตวั ประกอบ ทางคณติ ศาสตร์ - ห้องสมดุ - การแก้ปัญหา - การหา ห.ร.ม. - การเชื่อมโยง - แผนภาพ - การสอื่ สารฯ ทางคณิตศาสตร์ - แบบฝึกหดั - การเชอ่ื มโยง และ ค.ร.น. - การสงั เกตพฤติกรรม - กระบวนการคิด หนว่ ยที่ ... 111
112 หน่วยการเรียนร้ทู ี่มีประสทิ ธิภาพและสง่ ผลตอ่ การเรียนรู้ ของผู้เรียนจะมีลกั ษณะเป็นการบรู ณาการเนือ้ หาสาระเข้าด้วยกัน อย่างเป็นระบบ การเรียนร้ทู ี่เป็นองคร์ วมไมแ่ ยกสว่ น เชน่ หน่วยการ เรียนร้สู ่งิ มีชวี ิตท่ีบรู ณาการสาระสาคญั 4 ประเด็น เกี่ยวกบั พืช สตั ว์ จลุ นิ ทรีย์ ได้แก่ 1) องคป์ ระกอบ 2) การถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม 3) กระบวนการ 4) ถิ่นท่ีอยู่และระบบนิเวศน์ หน่วยการเรียนร้จู ะสอนบรู ณาการในแตล่ ะประเด็นอย่าง ผสมผสานกันทงั ้ พืช สตั ว์ และจลุ ินทรีย์ มีการวเิ คราะห์เปรียบเทียบ ความแตกตา่ ง สงั เคราะห์ลกั ษณะร่วม ทาให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ บนพืน้ ฐานของความเข้าใจ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คดิ สงั เคราะห์ นาไปสกู่ ารประยกุ ตใ์ ช้จนตกตะกอนเป็ นองค์ความรู้ ของตนเอง หน่วยการเรียนร้บู รู ณาการเรื่องส่งิ มีชวี ติ ที่บรู ณาการดงั กลา่ ว นามาเขียนเป็นผงั มโนทศั น์ (concept mapping) ดงั นี ้
113 การแบ่งเซลล์ โมเลกลุ ประชากร อวัยวะ เนือ้ เย่อื 2. การถ่ายทอด สง่ิ มชี ีวติ 1. องค์ประกอบ พนั ธกุ รรม จลุ ินทรีย์ เซลล์ พืช สัตว์ 4. ถน่ิ ทีอ่ ยู่ ระบบนเิ วศน์ ปฏิสัมพนั ธ์ การสร้ างอาหาร เซลล์ ชุมชน 3. กระบวนการ การหายใจ ระบบ ประชากร 113
114 114 จากนนั ้ จงึ นาสาระสาคญั ตา่ งๆ มาเขยี นลงในตารางการออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ เพื่อใช้เป็ นพิมพ์เขียว สาหรบั การจดั ทาหน่วยการเรียนร้ดู งั นี ้ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ส่งิ มีชีวติ สาระ สาระ คุณลกั ษณะ Main Main Main Main กระบวนการ อนั พึงประสงค์ Concept 4 Concept 1 Concept 2 Concept 3 หน่วยที่ 1 + กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ + คุณลกั ษณะ = 6 ชว่ั โมง สิง่ มชี ีวติ พชื สัตว์ จุลนิ ทรีย์ องค์ประกอบ การถ่ายทอดพันธกุ รรม กระบวนการ ระบบนิเวศน์
115 อีกตวั อยา่ งหนง่ึ ท่ีจะแสดงให้เห็นคอื หนว่ ยการเรียนร้ทู ัชมาฮาล ผ้สู อนเขียนผงั ความคิด รวบยอดเพื่อให้สงั กัปแนวหน้าหรือความคดิ รวบยอดสาหรบั ผ้เู รียน ซง่ึ ทาให้เกิดการเรียนร้ไู ด้รวดเร็วขนึ ้ ดงั นี ้ พระนางมมุ ทชั กษัตริย์ ซาเจฮาน หนิ ออ่ น เมืองชยั บรุ ะ ศลิ าแลง ฟาเตปรุ ริขรี 1 ใน 7 ส่ิงมหสั จรรย์ สุสานรักอมตะ พลอยสฟี ้า ธิเบต ของโลก พลอยสีเขียว อยี ปิ ต์ วัสดทุ ่ใี ช้ หนิ สีฟ้า คัมภยั ทัชมาฮาล ก่อสร้ าง คัมภยั โมรา ฟันนา ใช้เวลาสร้ าง 22 ปี สถาปัตยกรรม ลักษณะทาง เพชร รัสเซีย ท่สี มบูรณ์แบบ กายภาพ หินทองแดง แบกแดด ภายในมีหบี ศพจาลอง ด้านหน้ามีสระนา้ ด้านข้าง หินทราย ทาด้วยหนิ ออ่ นสีขาว มัสยิดสร้ างด้วยหนิ สแี ดง ด้านหลัง หันหน้า ใช้เป็นท่ีสวดมนต์ มแี ม่นา้ ยะมูนา เมอื งเมกะ 115
116 116 จากนนั ้ จงึ นาสาระสาคญั ตา่ งๆ มาเขยี นลงในตารางการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นพิมพ์เขียวสาหรับการจดั ทาหนว่ ยการเรียนร้ดู งั นี ้ สาระ การออกแบบหน่ วยการเรียนร้ ู ทัชมาฮาล กระบวนการ คุณลกั ษณะ สาระ อนั พึงประสงค์ Main Main Main Main Concept 1 Concept 2 Concept 3 Concept 4 หน่วยที่ 1 + กระบวนการทางประวัติศาสตร์ + คณุ ลักษณะ = 6 ชว่ั โมง ทัชมาฮาล ลกั ษณะกายภาพ วสั ดทุ ใ่ี ช้ 1 ใน 7 สงิ่ มหศั จรรย์ของโลก สถาปัตยกรรมทส่ี มบรู ณ์แบบ
117 องค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ท่สี มบูรณ์ 1. ผลการเรียนรู้ (learning outcome) สิง่ ท่ีมุง่ หวงั หรือคาดหวงั วา่ จะเกิดการเรียนรู้ที่เข้าใจอย่างลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) เขียนเป็นความเรียงท่ีสะท้อนองค์ประกอบ 3 ด้าน คือ ความคิด รวบยอดหลกั กระบวนการเรียนรู้ และคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 2. ความคดิ รวบยอดหลัก (main concept เขยี นเป็น concept mapping ที่สอดคล้องกับคากุญแจของผลการเรียนรู้) 3. หัวข้อสาระการเรียนรู้ (sub concept และ topic)เขียนเป็นข้อๆ 4. สมรรถนะ (ท่ีคาดวา่ จะเกิดขนึ ้ จากหน่วยการเรียนร้นู ี ้ โดยนามาจากสมรรถนะในใบงานที่ 1) 5. คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (โดยนามาจากผลการเรียนร้ขู องหน่วยนี)้
118 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ (learning objective) เป็นสง่ิ ที่ใกล้ตวั ผู้เรียน ที่จะต้องทากิจกรรมให้บรรลจุ ดุ ประสงค์ ที่กาหนด (on task) ประกอบด้วย 3 ด้าน คอื 1) ด้านความรู้ (knowledge) 2) ด้านทักษะ (skill) 3) ด้านคณุ ลกั ษณะ (characteristic) 7. กิจกรรมการเรียนรู้ (กิจกรรมการเรียนรู้ คือ งานที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบตั ิ ใช้กระบวนการเรียนร้เู พื่อพฒั นาความรู้ การคดิ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ อยา่ งสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ การเรียนร้ทู ่ีกาหนด) โดยเลือกออกแบบกจิ กรรมข้อ 7.1 หรือ 7.2 7.1 การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ใู นลกั ษณะแผนหน่วย ให้ระบรุ ายละเอียด วิธีดาเนินการในแตล่ ะกิจกรรม ดงั นี ้ กิจกรรมท่ี 1 เวลา ………… ชวั่ โมง กิจกรรมท่ี 2 เวลา ………… ชว่ั โมง กิจกรรมท่ี 3 เวลา ………… ชว่ั โมง
119 7.2 การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ใู นลกั ษณะแผนรวมหน่วย ให้ระบรุ ายละเอียดเป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ดงั นี ้ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 1 (เขยี นแยกเป็นรายชว่ั โมง) - ความคดิ รวบยอดหลกั / แนวคดิ สาคญั - จดุ ประสงค์ - เนือ้ หา / สาระ - กิจกรรม - สอ่ื - วิธีการวดั ประเมิน แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 2 (เขยี นแยกเป็นรายชวั่ โมง) - ความคดิ รวบยอดหลกั / แนวคดิ สาคญั - จดุ ประสงค์ - เนือ้ หา / สาระ - กิจกรรม - ส่ือ - วิธีการวดั ประเมิน
120 การออกแบบกิจกรรมมีหลกั การสาคญั คือ ทุกกิจกรรมต้องสอดรบั กบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (On task) ดงั นี ้ การออกแบบกิจกรรมตามข้อ 7 มี 2 ประเภท 7.1 แผนหนว่ ย (แผนอ้วน) กิจกรรมท่ี 1 คาบ / ช.ม. กิจกรรมที่ 2 คาบ / ช.ม. กิจกรรมที่ … คาบ / ช.ม. 7.2 แผนรวมหน่วย (แผนผอม) แผนการสอนที่ 1 คาบ / ช.ม. แผนการสอนที่ 2 คาบ / ช.ม. แผนการสอนที่ … คาบ / ช.ม.
121 8. ส่อื และแหล่งเรียนรู้ (ระบสุ อื่ ที่เป็นตวั กลางชว่ ยให้เกิดการเรียนร้ไู ด้เร็วขนึ ้ เสริมเดก็ เกง่ และชว่ ยเหลอื เดก็ ท่ีเรียนช้า) 9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (เน้นการประเมินผลตามสภาพจริง เน้นหลกั การ 3 ข้อ ดงั นี ้ 1. ใช้ผู้ประเมินหลายๆ คน 2. ใช้เคร่ืองมือหลายๆ ชนิด 3. ประเมินหลายๆ ครงั ้ 10. การออกแบบวธิ ีการวัดและประเมินผล โดยใช้จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู นข้อ 6 เป็นตวั ตงั ้ แล้วนามาจดั ทา พิมพ์เขียวของการวดั และประเมินผล ลักษณะตารางนีบ้ างครัง้ เรียกวา่ พิมพ์เขียวการวดั และประเมินผล เพราะจะชว่ ยให้ผู้สอนสร้าง เคร่ืองมือวดั และประเมินผลได้สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ มากย่ิงขนึ ้ ดงั นี ้
122 122 พิมพ์เขียวการวัดและประเมินผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เคร่ืองมอื วดั แหลง่ ข้อมลู เกณฑ์การประเมนิ
123 11. บันทึกหลังการเรียนการสอน (ระบพุ ฤตกิ รรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนในประเดน็ ตอ่ ไปนี)้ 1. ความร้ทู ี่ลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. การถักทอความรู้ (weaving)/ การสงั เคราะห์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 4. สิ่งท่ีผู้สอนคดิ วา่ เป็นจดุ แข็งของการจดั การเรียนการสอน .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 5. ส่งิ ที่ผู้สอนต้องพัฒนา .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................
124 4.5 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธกี าร ย้อนกลับ (Backward design) การออกแบบการเรียนร้ดู ้วยวธิ ีการย้ อนกลับ หมายถึง การวางแผนการจดั การเรียนรู้มุ่งเน้ นท่ีผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ฝังลกึ (deep knowledge) โดยกาหนดผลการเรียนรู้จากมาตรฐาน การเรี ยนรู้ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้หรือคาอธิบายรายวิชาของ หลกั สตู ร เพ่ือกาหนดพฤติกรรมการเรียนรู้ และเป็ นแนวทางในการ กาหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การออกแบบการวัดและประเมินผล รวมทงั ้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้อู ยา่ งเป็นขนั ้ ตอน กระชบั เกิด ประสบการณ์การเรียนร้สู อดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ขัน้ ตอการออกแบบการเรียนรู้ด้วยวธิ กี ารย้อนกลบั ขัน้ ท่ี 1 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี ้ ดั กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ขัน้ ท่ี 2 กาหนดแนวคดิ สาคญั (key concept) ของ หน่วยการเรียนรู้ ทักษะการคิด คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละผล การเรียนรู้ (learning outcome) ขัน้ ท่ี 3 การกาหนดหลกั ฐานและออกแบบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1) กาหนดหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ ผู้เรียนมีความ เข้าใจท่ีคงทน (deep knowledge)
125 2) จดั ลาดบั หลกั ฐานการแสดงออกให้เป็น ลาดบั ท่ีเหมาะสม 3) กาหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้แู ละออกแบบ การวดั และประเมินผลการเรียนร้ทู ่ีสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การ เรียนร้ ู ขัน้ ท่ี 4 การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1) ออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ทู ีส่ อดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (on task) 2) กาหนดและเลอื กส่ือการเรียนรู้ 3) จดั ทาเครื่องมือการประเมินและเกณฑ์การ ประเมิน ขัน้ ท่ี 5 การจดั กิจกรรมการเรียนร้แู ละประเมินผล ประกอบด้วย 1) ดาเนินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 2) ประเมินและสะท้อนผลการประเมิน 3) บนั ทึกหลงั การสอนและปรับปรงุ แก้ไข
126 ตวั อย่างการออกแบบการเรียนรู้ด้วยวธิ กี ารย้อนกลับ หน่วยการเรียนรู้ สขุ ภาวะดีชีวีมีสุข ชนั ้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 (บรู ณาการสาระการเรียนร้สู ขุ ศกึ ษาพลศกึ ษาและศลิ ปะ) จานวน 8 ชวั่ โมง ขัน้ ท่ี 1 วเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชวี ้ ดั สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดงั นี ้ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ดั ศ 2.1ป.5/1,พ 3.2ป5/1,พ 5.1ป5/1 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน การแก้ปัญหาและทกั ษะชวี ิต คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีวินัย จติ สาธารณะ ขัน้ ท่ี 2 กาหนดแนวคดิ สาคญั (key concept) ของหน่วย การเรียนรู้ ทักษะการคดิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และผลการเรียนรู้ (learning outcome) ดงั นี ้ 1. ปัจจยั เสี่ยง 2. ปัจจยั กาหนด 3. สารเสพติด 4. ทกั ษะการคดิ / จินตนาการและสร้างสรรค์ 5. การแก้ปัญหาและการตดั สนิ ใจ 6. รักการออกกาลงั กาย
127 ผลการเรียนรู้ (learning outcome) ร้แู ละเข้าใจปัจจยั เส่ยี ง ปัจจยั กาหนด การใช้สารเสพติด ท่ีมีอิทธิพลตอ่ ปัญหาสขุ ภาพใช้กระบวนการคิด การแก้ ปัญหาและ การตัดสินใจ รักการออกกาลังกายอย่างสร้ างสรรค์ มี วินัย และจติ สาธารณะ ผังมโนทศั น์ หน่วยการเรียนรู้สขุ ภาวะดชี ีวมี ีสขุ 8. การมีจิต 1. ปจั จยั เส่ียง 2. ปัจจยั กาหนด สาธารณะ สขุ ภาวะดี 3. สารเสพติด 7. การมีวนิ ยั ชวี ีมสี ขุ 4. ทกั ษะการคิด 6. การรักการออก 5. การแก้ปญั หา และจนิ ตนาการ กาลงั กาย และการตดั สนิ ใจ สร้ างสรรค์
128 ขัน้ ท่ี 3 การกาหนดหลกั ฐานและออกแบบการวดั และประเมินผล การเรียนรู้ ประกอบด้วย 3.1 กาหนดหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ ผู้เรียนมีความเข้าใจ ท่ีคงทน (deep knowledge) ดงั นี ้ - วิเคราะห์ปัจจยั เส่ยี ง ปัจจยั กาหนดท่ีมีผลตอ่ สขุ ภาพ - ออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ และดแู ลสขุ ภาพ - มีทักษะการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ 3.2 จดั ลาดบั หลักฐานการแสดงออกให้เป็นลาดบั อย่างเหมาะสม - ผลการวเิ คราะห์ปัจจยั เส่ยี ง ปัจจยั กาหนด ท่ีมีผลตอ่ สขุ ภาพ - การดแู ลสขุ ภาพและการออกกาลงั กาย อยา่ งสม่าเสมอ - มีทกั ษะการแก้ปัญหาและสร้างสรรคใ์ นสถานการณ์ ท่ีเผชิญ
129 3.3 กาหนดจดุ ประสงค์การเรียนร้แู ละออกแบบการวดั และ ประเมินผลการเรียนร้ทู ี่สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การเรียนร้ดู งั นี ้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) สามารถวเิ คราะห์ปัจจยั เส่ียง ปัจจยั กาหนดตอ่ การใช้ สารเสพติด สรุ า บหุ ร่ี ยาบ้า สารระเหยที่มีอิทธิพลตอ่ สขุ ภาพได้ 2) สามารถแบง่ ปันข้อมูลสารสนเทศปัญหาสขุ ภาพจาก สอ่ื ให้กับกลมุ่ สมาชกิ ได้ 3) มีวนิ ยั การออกกาลงั กายสว่ นบคุ คลและรว่ มกบั กลมุ่ 4) สามารถใช้ดนตรีรว่ มกบั กิจกรรมการออกกาลงั กาย อยา่ งสร้างสรรคไ์ ด้ 5) สามารถเลน่ เกมที่ใช้ทกั ษะการคิดและการตดั สนิ ใจได้ 6) สามารถแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ในสถานการณ์ ที่เผชญิ ได้ จากนัน้ อ อกแบบก ารวัดแ ละประเมิ นผลการเรี ยน รู้ ตามตารางพิมพ์เขียวดงั นี ้
130 130 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวดั เครื่องมือวดั แหลง่ ข้อมลู เกณฑ์การประเมิน - ผ้เู รียน 1. สามารถวเิ คราะห์ปจั จยั เส่ยี ง - การสงั เกต - แบบสงั เกต - คณุ ภาพการวเิ คราะห์ ปจั จยั กาหนดต่อการใช้ - การทดสอบ การวิเคราะห์ อยใู่ นระดบั ดีขึน้ ไป สารเสพติด สรุ า บหุ ร่ี ยาบ้า สารระเหยทม่ี อี ทิ ธพิ ล - แบบทดสอบ - การวิเคราะหส์ ถานการณ์ ต่อสขุ ภาพได้ จากแบบทดสอบ อยใู่ นระดับดีขึน้ ไป 2. สามารถแบง่ ปันข้อมลู - การสงั เกต - แบบสงั เกต - ผ้เู รียน - มีจติ อาสาอย่ใู นระดบั สารสนเทศปญั หาสขุ ภาพ การทางานกลมุ่ ดีขึน้ ไป จากสอื่ ให้กบั กล่มุ สมาชิกได้ - การรายงาน - แบบรายงาน - ชนิ ้ งาน - มวี ินยั ในตนเอง 3. มวี นิ ยั การออกกาลงั กาย ตนเอง ตนเอง - ผ้เู รียน อย่ใู นระดับดีขึน้ ไป ส่วนบคุ คลและร่วมกบั - การสงั เกต - แบบสงั เกต กลมุ่ การทางานกล่มุ - มีวินยั เพ่ือสว่ นรวม อยใู่ นระดบั ดีขึน้ ไป
131 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครื่องมือวดั แหลง่ ข้อมลู เกณฑ์การประเมิน - ผ้เู รียน - การแสดงออกและการ 4. สามารถใช้ดนตรีร่วมกบั - การสงั เกต - แบบสงั เกต กจิ กรรมการออกกาลงั กาย การปฏบิ ตั ิ - ผ้เู รียน สร้ างสรรค์ อยา่ งสร้างสรรค์ได้ - ผ้เู รียน อยใู่ นระดับดีขึน้ ไป 5. สามารถเลน่ เกมทใ่ี ช้ทกั ษะ - การสงั เกต - แบบสงั เกต - การคิดวเิ คราะห์ การคิดและการตัดสนิ ใจได้ การปฏบิ ตั ิ และการตดั สินใจ อย่ใู นระดบั ดีขึน้ ไป 6. สามารถแก้ปัญหา - การสงั เกต - แบบสงั เกต อยา่ งสร้างสรรค์ การปฏบิ ตั ิ - การแก้ปญั หา ในสถานการณท์ เ่ี ผชิญได้ อยา่ งสร้างสรรค์ อยใู่ นระดบั ดีขึน้ ไป 131
132 ฐานคดิ ของการออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ขู องหน่วย การเรียนร้สู ขุ ภาวะดชี ีวีมีสขุ ที่เน้นกระบวนการไปส่เู ป้าหมาย ประกอบด้วย กระบวนการวิเคราะห์ ได้แก่ 1) การจาแนก 2) การจดั หมวดหมู่ 3) การสรุปอย่างสมเหตผุ ล 4) การประยกุ ตใ์ ช้ในสถานการณใ์ หม่ 5) การคาดการณ์บนพืน้ ฐานข้อมลู กระบวนการสร้างค่านิยม ได้แก่ 1) ขนั ้ สงั เกต และตระหนกั 2) ขนั ้ ประเมินเชงิ เหตผุ ล 3) ขนั ้ กาหนดคา่ นิยม 4) ขนั ้ วางแผนปฏิบตั ิ 5) ขนั ้ ปฏิบตั ดิ ้วยความชน่ื ชม ทกั ษะชีวิต (life skills) ได้แก่ 1) การได้มาซงึ่ ความรู้ 2) การฝึกให้เกิดทกั ษะชีวิต 3) การสง่ เสริมและการปรับเปลีย่ นเจตคติ คา่ นิยม 4) การมีพฤตกิ รรมสขุ ภาพท่ีดี 5) การปอ้ งกันปัญหาทางสขุ ภาพ
133 ทักษะชวี ิตเป็นจดุ เช่ือมโยงระหวา่ งปัจจยั ด้านความรู้ อารมณ์ เจตคติ และค่านิยมกับพฤติกรรม สขุ ภาพท่ีดี เพ่ือนาไปสคู่ วามสามารถที่แท้จริง จะทาอะไรและทาอยา่ งไร What to do and how to do it? การได้มา การฝึก การสง่ เสริม การมี การปอ้ งกัน ซงึ่ ความรู้ ให้ เกิด และการ พฤตกิ รรม ปัญหา + ทกั ษะชวี ติ + ปรับเปลยี่ น + สขุ ภาพท่ีดี + สขุ ภาพ เจตคติ คา่ นิยม โดยนามาวิเคราะห์กับกระบวนการสร้างคา่ นิยมเพื่อเป็นข้อมูลเชิงประจกั ษ์ในการเกิดทักษะชีวิต 133
134 ขัน้ ท่ี 4 การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 4.1 ออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ทู ี่สอดคล้องกับ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (on task) 1) กระบวนการคิดวิเคราะห์ (บรรลจุ ดุ ประสงค์ ข้อท่ี 1 , 2 และ 6) 1.1 การจาแนก - ผู้เรียนแตล่ ะคนจาแนกปัจจยั เสยี่ งจาก สอ่ื ตา่ งๆ ของสารเสพติด สรุ า บหุ ร่ี ยาบ้า สารระเหย - รวมกลมุ่ 3 – 4 คน วเิ คราะห์ปัจจยั กาหนดท่ีมาจากคา่ นิยม ความเช่ือ ครอบครวั กลมุ่ เพื่อนและสงั คม 1.2 การจดั หมวดหมู่ - ร่วมกนั จดั ประเภท เกี่ยวกับปัจจยั เสย่ี ง และปัจจยั กาหนดท่ีมีอิทธิพลตอ่ สขุ ภาพ 1.3 การสรปุ อยา่ งสมเหตผุ ล - ผู้เรียนให้เหตผุ ลเพ่ือนามาเป็นข้อสรุป 1.4 การประยุกตใ์ ช้ในสถานการณ์ใหม่ - แตล่ ะกลมุ่ แก้ปัญหาจากสถานการณ์ ที่กาหนดให้ 1.5 การคาดการณบ์ นพืน้ ฐานข้อมลู - ให้กลมุ่ ใช้ข้อมลู มาวางแผนปอ้ งกัน ในสถานการณ์ท่ีจะเกิดขนึ ้ ในพนื ้ ทข่ี องผู้เรียน
135 หมายเหตุ กิจกรรมข้อท่ี 4.1 ผู้เรียนเกิดคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ด้านมีวินัยและจติ อาสา 2) กระบวนการสร้างค่านิยม (บรรลจุ ุดประสงค์ ข้อท่ี 3 , 4 และ 5) 1.1 ขนั ้ สงั เกต และตระหนัก จดุ เช่ือมของทักษะชวี ติ - ผู้เรียนศกึ ษาค้นคว้าตวั แบบ 1. เกิดความรู้ สขุ ภาพ (Healthy model) ดนตรี กิจกรรมขนั ้ ที่ 1.1 และเกมท่ีสนใจ 1.2 ขนั ้ ประเมินเชงิ เหตผุ ล + ทกั ษะชวี ิต - แบง่ กลมุ่ 3 – 4 คน ร่วมกนั 2. ฝึกฝนทักษะชวี ิต วเิ คราะห์และให้เหตผุ ล เกี่ยวกับดนตรี กิจกรรมขนั ้ ที่ 1.2 , 13 เกม และตวั แบบสขุ ภาพที่ช่ืนชอบ + ทักษะชวี ิต 1.3 ขนั ้ กาหนดคา่ นิยม - วิเคราะห์ลกั ษณะเดน่ ของดนตรี เกม และ ตวั แบบสขุ ภาพ - เลอื กสรรส่ิงที่ดจี ากดนตรี เกม และตวั แบบสขุ ภาพที่เหมาะสมกบั ตนเอง
136 1.4 ขนั ้ วางแผนปฏิบตั ิ 3. สง่ เสริมปรบั เปล่ียน - นาสิง่ ท่ีเลือกสรรดนตรี เกม คา่ นิยมและพฤตกิ รรม กิจกรรมขนั ้ ที่ 1.4 ตวั แบบสขุ ภาพ มาวางแผนการปฏิบตั ิ - ปฏิบตั ิด้วยตนเองอยา่ งสม่าเสมอ + ทักษะชีวติ และบนั ทึกผลการปฏิบตั ิ 4. มีพฤติกรรมทางสขุ ภาพ - ปฏิบตั กิ ับกลมุ่ และแลกเปล่ยี น ท่ีดี กิจกรรมขนั ้ ท่ี 1.5 เรียนร้สู ง่ิ ท่ีเกิดขนึ ้ ภายในของตน + ทกั ษะชีวติ และแสดงออกมาเป็นพฤตกิ รรม ท่ีเปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ และสง่ ผลตอ่ สขุ ภาพ 1.5 ขนั ้ ปฏิบตั ิด้วยความชื่นชม 5. การปอ้ งกนั ปัญหา - ปฏิบตั ิด้วยตนเองและกลมุ่ รวมทงั ้ สขุ ภาพ กิจกรรม บนั ทึกผลการปฏิบตั ิ ขนั ้ ที่ 1.5 - วเิ คราะห์จดุ เดน่ สิ่งที่ตนเอง ชนื่ ชอบ หมายเหตุ กิจกรรมขนั ้ ที่ 1 .1 – 1. 4 ผู้เรียนเกิดคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคด์ ้านความมีวนิ ัย กิจกรรมขนั ้ ที่ 1.5 ผู้เรียนเกิดคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงคด์ ้านจติ อาสา
137 4.2 กาหนดและเลือกส่ือการเรียนรู้ - แบบเรียนกลมุ่ สาระสขุ ศกึ ษาพลศกึ ษาชนั ้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เร่ือง สารเสพตดิ พลศกึ ษา การออกกาลงั กายที่มี รูปแบบ การเลน่ เกมที่ใช้การคดิ และการตดั สินใจ - แบบเรียนกลมุ่ สาระศิลปะ ดนตรี เรื่อง การใช้ ดนตรี รว่ มกบั กิจกรรมการแสดงออกและจินตนาการ - สื่อสิง่ พิมพ์ เก่ียวกับสารเสพตดิ สรุ า บหุ ร่ี ยาบ้า และสารระเหย จากสานกั งานสง่ เสริมสขุ ภาพ - สื่อจาก website - CD เพลง - สถานการณ์จาลอง - ตวั แบบสขุ ภาพ (healthy model) - เกม 4.3 จัดทาเคร่ืองมือการประเมินและเกณฑ์การ ประเมิน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวดั และประเมินผลในหนว่ ย การเรียนรู้ ประกอบด้วย 1. แบบสงั เกต - การแก้ปัญหา - การวเิ คราะห์
138 - การทางานกลมุ่ (ในประเด็นหลกั การมีวินยั และจติ อาสา) 2. แบบทดสอบ 3. แบบประเมินชนิ ้ งาน ขัน้ ตอนท่ี 5 การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้และประเมินผล ดงั นี ้ 5.1 ดาเนินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ - จดั การเรียนร้จู ริงกบั กลมุ่ เปา้ หมาย - ปรับกิจกรรมให้เหมาะกบั กลมุ่ เปา้ หมาย 5.2 ประเมินและสะท้อนผลการประเมิน - ประเมินและบนั ทึกการสงั เกตและการประเมิน ยอ่ ยระหวา่ งดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน - ประมวลผลแล้วนามาบนั ทึกหลงั การสอน 5.3 บนั ทกึ หลงั การสอนและปรบั ปรงุ แก้ไขตามประเด็น สาคญั ตอ่ ไปนี ้ 1. ความร้ทู ่ีลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................
139 2. การถกั ทอความรู้ (weaving)/ การสงั เคราะห์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3.คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 4. ส่ิงที่ผู้สอนคิดวา่ เป็นจดุ แข็งของการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 5. ส่งิ ที่ผู้สอนต้องพัฒนา .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... ดาเนินการสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมินผล หนว่ ยการ เรียนร้สู ขุ ภาวะดชี วี มี ีสขุ ตามพิมพ์เขยี วการวดั และประเมินผลท่ีสร้าง ไว้ในขนั ้ ตอนที่ 3 ดงั นี ้
140 แบบทดสอบ ปัจจยั ต่อการใช้สารเสพตดิ ท่มี ีอิทธิพลต่อสขุ ภาพ คาชีแ้ จง จงทาเคร่ืองหมาย หน้าตวั เลือกที่ถกู ต้อง 1. บหุ รี่เป็นปัจจยั เสยี่ งตอ่ สขุ ภาพในระยะยาวเก่ียวกบั โรคไมต่ ดิ ตอ่ เรือ้ รังโรคใด ก. ถุงลมโป่งพอง ข. โรคหัวใจ ค. หลอดเลอื ดหวั ใจตบี 2. การด่ืมนา้ อัดลมเป็นปัจจยั เสย่ี งตอ่ สขุ ภาพเก่ียวกบั โรคไม่ติดตอ่ ชนิดใด ก. ฟันผุ ข. อ้วน ค. โรคกระเพาะอาหาร 3. การไม่ออกกาลงั กายมีผลตอ่ สขุ ภาพระยะยาวอยา่ งไร ก. กล้ามเนือ้ ไม่ยืดหยุ่น ข. ความหนาแนน่ ของกระดกู ค. ระบบไหลเวียนโลหิตไมด่ ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324