Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรแกนกลาง_1539205573

หลักสูตรแกนกลาง_1539205573

Description: หลักสูตรแกนกลาง_1539205573

Search

Read the Text Version

191 กระบวนการฟั ง 1) ได้ยินได้ยินแหลง่ ของเสียง ประสาทหูจะรบั เสียง 2) รับรู้ สมองจาแนกเสียงไปตามลกั ษณะโครงสร้าง ไวยากรณ์ของแตล่ ะเสยี ง 3) ขนั ้ เข้าใจ สมองทาความเข้าใจ วเิ คราะห์ ตีความท่ีได้ฟั งออกมาเป็ นความหมาย 4) ขนั ้ พิจารณา สารท่ีได้รบั มาเชือ่ ถือได้ หรือไม่เป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองหรือไม่ 5) การนาไปใช้ นาสิ่งท่ีมีความร้คู วามเข้าใจไปใช้ ให้ เกิดประโยชน์ด้านใดด้านหนง่ึ กระบวนการอา่ น 1) เตรียมการอ่าน 2) การอา่ น 3) แสดงความคดิ เห็น 4) อา่ นสารวจ 5) การขยายความคิด

192 กระบวนการอา่ น (2) 1) การรบั รู้คา - ร้จู กั และจารปู คาได้ สามารถอ่านออกเสียงได้ 2) การเข้าใจประโยคหรือสารที่อ่าน - การแปลความ การตีความได้ 3) การตอบสนองตอ่ สาร เมื่อเข้าใจสาระ - มีความคดิ เห็นด้วย ไมเ่ ห็นด้วย พอใจ ไม่พอใจ 4) การบรู ณาการความคิด - การรวบรวมสรปุ ความคิดมาผสมผสาน เปรียบเทียบกับประสบการณ์เก่า - สมองจะเลอื กรบั และจดจาเฉพาะสิ่งที่ ต้องการ กระบวนการกลมุ่ 1) ขนั ้ กาหนดเปา้ หมาย 2) ขนั ้ วางแผน 3) ขนั ้ ค้นหาคาตอบ 4) ขนั ้ ประเมินผล 5) ขนั ้ ประยุกตใ์ ช้

193 กระบวนการสร้ างผลงานจิตกรรม 1) การเตรียมเฟรม 2) การร่างภาพ 3) การเขียนภาพลายเส้น 4) ระบายสใี นกลมุ่ นา้ หนักสี 5) ปิดทองคาเปลวในสว่ นที่ต้องการ 6) แต้มสีโดยรวมขนั ้ ตอนสดุ ท้าย กระบวนการเทคโนโลยี ประกอบด้วย 1) การกาหนดปัญหา 2) รวบรวมข้อมลู 3) แสวงหาวธิ ีการแก้ปัญหา 4) เลือกวธิ ีการ 5) ออกแบบและปฏิบตั กิ าร 6) ทดสอบ 7) ปรบั ปรงุ แก้ไข 8) ประเมินผล กระบวนการทางาน ประกอบด้วย 1) การวเิ คราะห์งาน 2) การวางแผนการทางาน 3) การปฏิบตั ติ ามขนั ้ ตอน 4) การประเมินผล

194 กระบวนการสร้างทกั ษะการปฏิบตั ิ 1) ขนั ้ สงั เกต / รบั รู้ 2) ขนั ้ ทาตามแบบ 3) ขนั ้ ทาเองโดยไม่มีแบบ 4) ขนั ้ ฝึกให้ชานาญ กระบวนการสร้างและการปฏิบตั ิ 1) ขนั ้ สงั เกต / รับรู้ 2) ขนั ้ ทาตามแบบ 3) ขนั ้ ทาเองโดยไม่มีแบบ 4) ขนั ้ ฝึกให้ชานาญ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1) การตงั ้ คาถาม / การกาหนดปัญหา 2) การสร้างสมมติฐาน 3) การเก็บรวบรวมข้อมลู 4) การวเิ คราะห์และแปลความหมาย 5) การลงข้อสรปุ และการสอ่ื สาร

195 องคป์ ระกอบของดนตรี (element of music) 1) ทานอง 2) จงั หวะ 3) เสยี งประสาน 4) สสี นั ของเสยี ง 5) เนือ้ ดนตรี ทัศนธาตุ ปัจจยั การมองเห็นสว่ นท่ีประกอบกนั เป็นภาพ 1) จดุ 2) เส้น 3) นา้ หนกั ที่ร่าง 4) รปู ทรง 5) รูปร่าง 6) สี 7) ลกั ษณะพืน้ ผิว องคป์ ระกอบของนาฏศลิ ป์ 1) จงั หวะ 2) ทานอง 3) การเคลอ่ื นไหว 4) อารมณ์ความร้สู กึ

196 5) ภาษาทา่ 6) นาฏศพั ท์ 7) รปู แบบการแสดง 8) การแตง่ กาย 9) การตบี ท กระบวนการทางประวตั ศิ าสตร์ 1) การรวบรวมและคดั เลอื กหลกั ฐาน 2) การวเิ คราะห์และประเมินคณุ คา่ หลกั ฐาน 3) การตคี วามหมายหลกั ฐาน 4) การสงั เคราะห์ข้อมูล เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ หมายถงึ ส่ิงท่ีใช้ในการศึกษา ข้อมูลทางภูมิศาสตร์เก่ียวกบั - ข้อมลู ตาแหนง่ ที่ตงั ้ - การกระจาย - ขอบเขต - ความหนาแน่นของข้อมลู - ปรากฏการณต์ า่ งๆ ข้อมูลบางประเภทต้องอาศยั การวดั ด้วยอุปกรณ์ ข้อมลู บางประเภทต้องออกไปเก็บทพี่ ืน้ ที่แล้วนามาสรปุ สงั เคราะห์

197 เครื่องมือทางภูมิศาสตร์แบง่ เป็น 2 กลมุ่ 1. เคร่ืองมือประเภทที่ให้ข้อมลู ได้แก่ แผนที่ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม และอินเทอร์เน็ต 2. เคร่ืองมือประเภทที่เป็นอปุ กรณใ์ ช้วดั ข้อมลู เชงิ ภูมิศาสตร์ เครื่องย่อขยายแผนที่ กล้องวดั ระดบั กล้องสามมิติ กล้องสามมิตแิ บบพกพา เคร่ืองมือวดั ลกั ษณะอากาศแบบตา่ งๆ เชน่ เทอร์โมมิเตอร์ บาโรมิเตอร์ เครื่องวดั นา้ ฝน ตัวอย่างเคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ แผนท่ี (Maps) รูปถา่ ยทางอากาศ (Aerial Photography) ภาพจากดาวเทียม (Satellite Imagery) อินเทอร์เน็ต (Internet) เคร่ืองมือวดั พืน้ ที่ (Plonimeter) เคร่ืองย่อขยายพืน้ ท่ี (Patograph) กล้องวดั ระดบั (Telescope) กล้องสามมิติหรือสเตริโอสโคป (Stereoscope) บารอมิเตอร์ (Barometer) แอโรเวน (Aerovane) เครื่องวดั ทิศทางลม เครื่องวดั นา้ ฝน (Rain Gange) ไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer) เครื่องวดั ความชนื ้

198 3) กระบวนการทางเจตคติ (Affective) กระบวนการสร้ างความตระหนัก 1) ขนั ้ สงั เกต / รบั รู้ 2) ขนั ้ วจิ ารณ์ 3) ขนั ้ สรปุ กระบวนการสร้ างเจตคติ 1) ขนั ้ สงั เกต / รบั รู้ 2) ขนั ้ วเิ คราะห์ 3) ขนั ้ สรปุ กระบวนการสร้างคา่ นิยม 1) ขนั ้ สงั เกต และตระหนกั 2) ขนั ้ ประเมินเชิงเหตผุ ล 3) ขนั ้ กาหนดคา่ นิยม 4) ขนั ้ วางแผนปฏิบตั ิ 5) ขนั ้ ปฏิบตั ิด้วยความชืน่ ชม

199 9 รสแห่งวรรณคดี 1) ความรัก ความยินดี 2) ความร่ืนเริง 3) ความสงสาร 4) ความเกรีย้ วกราด 5) ความกล้าหาญ 6) ความกลวั หรือทุกขเวทนา 7) ความเกลียดชงั 8) ความประหลาดใจ 9) ความสงบสนั ติ

200 ภาคผนวก ข ตวั อย่างหน่วยการเรียนรู้จากการทาใบงานท่ี 4

201 สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชัน้ ม.3 ภาคเรียนท่ี 1หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง การทางานบ้าน เวลา 4 คาบ/ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ (learning outcomes) ร้แู ละเข้าใจการทางานบ้าน ขนั ้ ตอนการทางาน อุปกรณ์อานวย ความสะดวก กระบวนการคิดวิเคราะห์ มีวนิ ยั และรับผิดชอบในการ ทางาน 2. ความคิดรวบยอดหลัก (main concept) บริเวณภายใน บริเวณภายนอก รบั ผิดชอบ การทา ขนั้ ตอนการทางาน มวี ินยั งานบ้าน อปุ กรณอ์ านวย กระบวนการ ความสะดวก คิดวิเคราะห์

202 3. หวั ข้อสาระการเรียนรู้ (sub concept และ topic)เขยี นเป็นข้อๆ 3.1 การทางานบ้าน 3.2 บริเวณภายใน - การทาความสะอาดห้อง - ห้องนอน - ห้องครวั - ห้องนา้ - ห้องพกั ผอ่ น และ - เครื่องนุง่ ห่มและของใช้ 3.3 บริเวณภายนอก - พืน้ ท่ีรอบบ้าน - สนาม - ต้นไม้ - ทางเดิน 3.4 อุปกรณ์อานวยความสะดวก - ไม้กวาด - ถงั - ไม้ถบู ้าน - กะละมัง - ไม้ขนไก่ - นา้ ยาทาความสะอาด - ผ้าขรี ้ ิว้

203 3.5 ขนั ้ ตอนการทางาน - การเตรียมอุปกรณเ์ คร่ืองใช้ - วางแผนการทางาน - ศกึ ษาวิเคราะห์ลกั ษณะของท่ีจะดแู ลทาความสะอาด - ดาเนินตามขนั ้ ตอนที่วางแผน - สงั เกตดแู ลความสะอาดและความเรียบร้อย 4. สมรรถนะ 4.1 ความสามารถในการคดิ 4.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 มีวนิ ัย 5.2 มีความรับผิดชอบในการทางาน 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ 6.1 สามารถอธิบายขนั ้ ตอนการทาความสะอาดบ้านทงั ้ บริเวณ ภายในและภายนอกได้ 6.2 วิเคราะห์ลกั ษณะอปุ กรณท์ ี่ใช้ทาความสะอาดแตล่ ะบริเวณ พืน้ ท่ีได้ 6.3 แสดงขนั ้ ตอนการทาความสะอาดบ้านได้อยา่ งมีความ รบั ผิดชอบ

204 6.4 มีวนิ ยั ในการดแู ลและจดั เก็บอุปกรณ์หลังทาความสะอาด บ้านเสร็จ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการวิเคราะห์ 7.1 การจาแนก 1) ผู้สอนให้ผู้เรียนดสู ภาพวิถีชวี ติ ภายในบ้านและนอก บ้านทัว่ ๆ ไป 2) ผู้เรียนตงั ้ คาถามเกี่ยวกบั เหตผุ ลและความจาเป็น และประโยชน์ในการทางานบ้าน 3) ผู้เรียนวเิ คราะห์ประเดน็ ท่ีสอดคล้องกันและจดั เป็น กลมุ่ และอภิปรายเกี่ยวกับข้อดแี ละข้อเสยี 7.2 การจดั หมวดหมู่ 4) แบง่ กลมุ่ ผู้เรียนตามความสนใจท่ีจะทางานบ้าน แตล่ ะประเภท 5) แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการทางานบ้านตามที่เลอื ก 6) วิเคราะห์อปุ กรณ์ที่จะใช้ให้เหมาะสมกบั พืน้ ที่ 7.3 การสรุปอยา่ งสมเหตสุ มผล 7) ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนร้แู ละสรุปขนั ้ ตอนและพืน้ ท่ี

205 7.4 การประยุกตใ์ ช้ในสถานการณใ์ หม่ 8) ผู้สอนให้สถานการณ์จาลองในการทางานบ้าน 9) แตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาและวเิ คราะห์สถานการณ์จาลอง 10) วางแผนการทางานรว่ มกันของแตล่ ะกลมุ่ 11) ทางานตามขนั ้ ตอนท่ีวางไว้ 12) สรปุ ประเมินผลการทางาน กิจกรรมข้อที่ 1 – 6 บรรลจุ ดุ ประสงคข์ ้อที่ 1 และ 2 7.5 การคาดการณ์บนพืน้ ฐานของข้อมูล 13) แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการทางาน โดยใช้ห้องเรียน ห้องปฏิบตั กิ าร และบริเวณโรงเรียน 14) ปฏิบตั ิตามขนั ้ ตอนท่ีวางแผน 15) ประเมินสรปุ ผลการทางาน 16) แตล่ ะกลมุ่ นามาแลกเปล่ยี นเรียนร้รู ว่ มกนั 17) ปรับปรงุ ข้อเสนอแนะของแตล่ ะกลมุ่ กิจกรรมข้อท่ี 7 – 16 บรรลจุ ดุ ประสงคข์ ้อที่ 3 และ 4 8. ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 รูปภาพบ้าน 8.2 อุปกรณท์ าความสะอาด 8.3 ห้องเรียน

206 8.4 ห้องปฏิบตั กิ าร 8.5 บริเวณโรงเรียน 8.6 แหลง่ สืบค้นทาง Internet 9. วธิ ีการวดั ประเมินผล 9.1 การทดสอบ 9.2 การสงั เกต 9.3 การตรวจผลงาน 10. การออกแบบวิธีการและเคร่ืองมือประเมนิ ผล (โดยยึดจดุ ประสงค์การเรียนรู้) และนามาทาพิมพ์เขยี ว การวดั และประเมินผลดงั นี ้

207 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เคร่ืองมอื วดั แหลง่ ข้อมลู เกณฑ์การประเมนิ 1. สามารถอธิบายขนั้ ตอนการทา การทดสอบ แบบทดสอบ ผ้เู รียน 70% ความสะอาดบ้านทงั้ บริเวณ การทดสอบ แบบทดสอบ ผ้เู รียน 70% ภายในและภายนอกได้ การสงั เกต แบบสงั เกต ผ้เู รียน 70% 2. วเิ คราะหล์ กั ษณะอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ทา การตรวจผลงาน แบบประเมนิ ผลงาน ผลงาน 80% ความสะอาดแต่ละบริเวณพืน้ ที่ได้ 70% การสงั เกต แบบสงั เกต ผ้เู รียน 3. แสดงขนั้ ตอนการทาความสะอาด บ้านได้อย่างมคี วามรับผดิ ชอบ 4. มีวนิ ยั ในการดูแล และจดั เก็บอปุ กรณ์ หลงั ทาความสะอาดบ้านเสร็จ 207

208 11. บนั ทึกหลังการเรียนการสอน (ระบพุ ฤติกรรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนในประเด็นตอ่ ไปนี)้ 1. ความร้ทู ี่ลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. การถักทอความรู้ (weaving)/ การสงั เคราะห์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 4. สง่ิ ท่ีผู้สอนคดิ วา่ เป็นจดุ แข็งของการจดั การเรียนการสอน .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 5. สง่ิ ที่ผู้สอนต้องพัฒนา .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... ..

209 บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ หมายถึง การระบุพฤติกรรมของ ผู้เรียนท่ีเกิดขนึ ้ หลงั จากได้ผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอน แตล่ ะหนว่ ยท่ีเป็นภาพรวม เพ่ือเป็นฐานข้อมูล (based – line data) ในการพัฒนาผู้เรียน การปรับปรุงการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ของครู รวมทงั ้ เป็นแนวทางให้ครทู าวจิ ยั ในชนั ้ เรียน ความหมายของหัวข้อบนั ทึกหลังการสอน 1. ความรู้ท่ลี กึ ซึง้ (deep knowledge) หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจท่ีเป็ นความคิดรวบยอดหลกั (main concept) ซึ่งเกิด ขนึ ้ กบั ผ้เู รียนจากการประเมินหรือการทดสอบ เม่ือได้เรียนรู้ในแตล่ ะ หน่วย ตามเกณฑ์ท่ีครกู าหนด 2. กระบวนการคิดท่นี าความรู้ไปใช้หรือถกั ทอความรู้ / การสังเคราะห์ (weaving) หมายถึง ความสามารถของผู้เรียน ในด้านกระบวนการคิด การนาความรู้ไปใช้ โดยวัดและประเมิน จากการสงั เกตการณ์ทางานหรือการทากิจกรรม 3. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หมายถงึ ผลการประเมิน ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ที่กาหนดไว้ ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ ที่มีข้อมูลมาจากเครื่องมือการประเมินที่เป็นระบบและชดั เจน 4. แ น ว ท าง ก า ร พั ฒ น า ผู้ เ รี ย น แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง แผนการสอน หมายถงึ การระบสุ ภาพและประเดน็ ท่ีเป็นจดุ เดน่ ของ การสอนของครู และประเด็นของการวิธีการพัฒนาผู้เรียนและ แผนการสอน

210 4.1 ส่ิงท่ีผู้สอนคิดวา่ เป็นจดุ แข็งของการเรียนการสอน ท่ีชว่ ยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนร้ไู ด้รวดเร็วและชดั เจน 4.2 สิ่งท่ีผู้สอนต้องพัฒนา จดุ อ่อนของการออกแบบ และการดาเนินกิจกรรม รวมทงั ้ วิธีการประเมิน แนวทางการบนั ทกึ หลังการสอน 1. ความรู้ท่ลี กึ ซึง้ (deep knowledge) ระบผุ ลท่ีผู้เรียนผา่ นการประเมินด้านความคดิ รวบยอดหลกั (main concept) ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด 2. กระบวนการคดิ ท่นี าความรู้ไปใช้หรือถกั ทอความรู้ / การสังเคราะห์ (weaving) ระบกุ ารใช้กระบวนการคิดของผู้เรียนท่ีนาไปใช้ในการ ทางาน หรือการปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ 3. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระบพุ ฤตกิ รรมของคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ท่ีกาหนดไว้ ในหน่วยการเรียนรู้ ซง่ึ มีข้อมูลมาจากผลการประเมินที่ชดั เจน 4. แนวทางการพฒั นาผู้เรียนและปรับปรุงแผนการสอน ระบสุ ภาพและประเด็นที่เป็ นจดุ เด่นของการสอนของครู และประเด็นของวิธีการพัฒนาผ้ ูเรียนและแผนการสอน

211 แบบประเมินความมีวนิ ัย คาชแี ้ จง 1. แบบประเมินนีม้ ีผู้ประเมิน 3 ฝ่าย คือ ตนเอง เพื่อน และครู ข้อมูลการประเมินมาจาก 3 ฝ่าย เพ่ือพิจารณาในการตดั สินผลการประเมิน 2. จงเขียนระดบั คะแนนลงในชอ่ งผลการประเมิน ดงั นี ้ 1 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมเม่ือได้รบั คาสงั่ 2 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมเมื่อได้รบั การกระต้นุ 3 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมด้วยตนเอง ผลการประเมิน ช่อื – สกลุ ตงั้ ใจ ปฏิบตั ิงาน อดทน รับผดิ ชอบ รวม ในการ บรรลุ ตอ่ สิ่งยวั่ ยุ ตอ่ ตนเอง เรียนรู้ เป้าหมาย และสว่ นรวม

212 แบบประเมินความรับผิดชอบ คาชแี ้ จง เขยี นคะแนนความรับผิดชอบในการทางานแตล่ ะด้าน ลงในชอ่ งผลการประเมิน 1 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมเมื่อได้รับคาสงั่ 2 คะแนน หมายถึง แสดงพฤตกิ รรมเมื่อได้รับการกระต้นุ 3 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมด้วยตนเอง ผลการประเมิน ช่ือ – สกุล ตงั้ ใจ ทางาน ปฏิบตั งิ าน งานเสร็จ รวม ทางาน เป็น เตม็ ความ ตรงเวลา ท่ีได้รับ ขนั้ ตอน สามารถ มอบหมาย

213 แบบประเมินการคดิ วิเคราะห์ คาชีแ้ จง 1. แบบสงั เกตนีใ้ ช้สงั เกตพฤตกิ รรมของผู้เรียนเกี่ยวกบั การคิดวเิ คราะห์ ซงึ่ ใช้ประเมินระหวา่ ง การเรียนร้แู ละหลงั การเรียนรู้ โดยผู้เรียน เพ่ือน ผู้สอน และผู้เก่ียวข้อง 2. จงใสต่ วั เลขในชอ่ งผลการประเมินที่สงั เกตพบจากพฤตกิ รรมของผู้เรียน ผลการประเมนิ ช่ือ – สกลุ การ การจดั การสรุป การประยกุ ต์ใช้ การคาดการณ์ รวม จาแนก หมวดหมู่ อย่างสมเหตสุ มผล ในสถานการณ์ใหม่ บนพืน้ ฐานข้อมลู 213

214 214 เกณฑ์การประเมินการคดิ วิเคราะห์

215 แบบทดสอบความเข้ าใจในการทางานบ้าน คาชแี ้ จง จงตอบคาถามและให้เหตผุ ลเกี่ยวกับการทางานบ้าน ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. ระบคุ วามแตกตา่ งระหวา่ งบริเวณภายในและบริเวณภายนอก ของบ้าน .................................................................................................... .................................................................................................... 2. เพราะเหตใุ ดการทางานบ้านจงึ เป็นหน้าท่ีความรับผิดชอบ ของสมาชกิ ในบ้านทุกคน .................................................................................................... .................................................................................................... 3. จงอธิบายถึงประโยชน์และข้อจากดั ของขนั ้ ตอนการทางานบ้าน .................................................................................................... .................................................................................................... 4. จงวิเคราะห์ข้อดีข้อเสยี ของการใช้อปุ กรณ์อานวยความสะดวก ทาความสะอาดบ้าน .................................................................................................... ....................................................................................................

216 สาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาพลศึกษา ระดบั ชัน้ ป.6 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง ลกู แป เวลา 2 คาบ/ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ (learning outcomes) เข้าใจหลกั การและวิธีการฝึกเพ่ือเสริมทักษะในการเลน่ ลกู แป โดยใช้กระบวนการสร้างทกั ษะปฏิบตั ิ มีวนิ ัย เคารพกตกิ า 2. ความคิดรวบยอดหลัก (main concept) ลกู แป วิธีการเตะ เคารพกติกา เซปักตระกร้ อ ทกั ษะปฏิบตั ิ มวี ินยั อปุ กรณ์

217 3. หัวข้อสาระการเรียนรู้ (sub concept และ topic)เขยี นเป็นข้อๆ 3.1 ลกู แป - วธิ ีการเลน่ - การใช้เท้าข้างด้านใน - การสง่ ลกู - การเปิดลกู - การตงั ้ ลกู - การโต้เพื่อแก้ไข 3.2 ทกั ษะการฝึก - การเดาะ - การเตะโต้ - การพกั หรือตงั ้ ลกู 4. สมรรถนะ 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1 มีวินัย 5.2 เคารพกฎกติกา

218 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ 6.1 อธิบายวธิ ีการเลน่ และกฎกติกาได้ 6.2 สามารถใช้เท้าด้านใน ในการสง่ ลกู การเปิดลกู การตงั ้ ลกู และการโต้เพื่อแก้ ไขได้ 6.3 มีวนิ ยั ในการฝึกการเดาะ การเตะโต้ การพักลกู หรือการตงั ้ ลกู 7. กจิ กรรมการเรียนการสอน กระบวนการสร้างทกั ษะการปฏบิ ัติ 7.1 ขนั ้ สงั เกต / รับรู้ 1) สารวจความพร้อมของอุปกรณ์ สนามฝึก อปุ กรณ์ ในการฝึกคือลกู ตะกร้อ 2) ผู้สอนสาธิตการอบอุ่นรา่ งกายให้ผู้เรียนดู แล้วให้ผู้เรียนปฏิบตั ิ จานวน 5 ทา่ 3) ผู้สอนแนะนาเก่ียวกับกตกิ า การใช้ การเลน่ และการเก็บลกู ตะกร้อ 4) ผู้สอนสาธิตการฝึกทกั ษะลกู แป แล้วหวั หน้าห้อง นาลกู ตะกร้อมาแจกเพื่อนคนละ 1 ลกู กิจกรรมข้อ 1) – 4) บรรลจุ ดุ ประสงคข์ ้อท่ี 1

219 7.2 ขนั ้ ทาตามแบบ 5) ผู้เรียนฝึกทักษะเดาะลกู ตะกร้อตามความถนดั 6) ผู้สอนสาธิตการเตะลกู แป แล้วให้ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิ ไปพร้อมๆ กัน 7.3 ขนั ้ ทาเองโดยไม่มีแบบ 7) ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ิด้วยตนเอง ผู้สอนคอยสงั เกต และชว่ ยเหลือผู้เรียนเป็นรายบคุ คล 7.4 ขนั ้ ฝึกให้ชานาญ 8) ผู้เรียนปฏิบตั ิทกั ษะการเตะลกู แปด้วยตนเอง โดยมีเพื่อนคอยชว่ ยเหลอื 9) ผู้สอนและผู้เรียนอบอนุ่ ร่างกายหลงั การฝึก และเก็บอปุ กรณก์ ารฝึก กิจกรรมข้อ 5) – 9) บรรลจุ ดุ ประสงค์ข้อท่ี 2 และ 3 8. ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 8.1 ลกู ตะกร้อ 8.2 สนามฝึก 8.3 สถานท่ีที่เหมาะสมสาหรับการฝึก 8.4 แบบฝึกทักษะการเตะลกู แป

220 9. วิธีการวัดประเมินผล 9.1 การทดสอบ 9.2 การประเมินทกั ษะ 9.3 การสงั เกต 10. การออกแบบวิธกี ารและเคร่ืองมือประเมนิ ผล (โดยยดึ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้) และนามาทาพิมพ์เขยี ว การวดั และประเมินผลดงั นี ้

221 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครื่องมือวดั แหล่งข้อมลู เกณฑ์การประเมนิ 1. อธบิ ายการเล่น และกฎกติกาได้ การทดสอบ แบบทดสอบ ผ้เู รียน 70% 2. สามารถใช้เท้าด้านใน ในการส่งลกู การประเมินทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะ ผ้เู รียน 70% การเปิดลกู การตงั้ ลกู และการโต้ เพื่อแก้ไขได้ 3. มีวนิ ยั ในการฝึกการเดาะ การเตะโต้ การสงั เกต แบบสงั เกต ผ้เู รียน 70% การพักลกู หรือการตงั้ ลกู 221

222 11. บนั ทึกหลงั การเรียนการสอน (ระบพุ ฤตกิ รรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนในประเด็นตอ่ ไปนี)้ 1. ความร้ทู ี่ลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. การถกั ทอความรู้ (weaving)/ การสงั เคราะห์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 4. ส่ิงที่ผู้สอนคดิ วา่ เป็นจดุ แข็งของการจดั การเรียนการสอน .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 5. ส่ิงที่ผู้สอนต้องพัฒนา .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................

223 แบบประเมินทกั ษะการเล่นลูกด้วยข้างเท้าด้านใน (ลูกแป) คาชแี ้ จง เขียนคะแนนทกั ษะการใช้ข้างเท้าด้านในเตะตะกร้อ ลงในชอ่ งผลการประเมิน คะแนน ทกั ษะท่ีปรากฏ 1 ปฏิบตั ิทกั ษะการเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านในได้ 2 ปฏิบตั ิทกั ษะการเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านในได้ถูกต้อง 3 ปฏิบตั ิทกั ษะการเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านในได้ถูกต้อง วอ่ งไว 4 ปฏิบตั ทิ กั ษะการเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านในได้ถกู ต้อง วอ่ งไว และตอ่ เนื่อง ชอื่ – สกลุ ปฏิบตั ไิ ด้ ผลการประเมิน ปฏิบตั ไิ ด้ รวม (1) ปฏิบตั ิได้ ปฏิบตั ไิ ด้ ถกู ต้องว่องไว ถูกต้อง ถกู ต้อง และตอ่ เนื่อง (2) ว่องไว (4) (3)

224 แบบประเมินความมีวนิ ัย คาชแี ้ จง 1. แบบประเมินนีม้ ีผู้ประเมิน 3 ฝ่าย คอื ตนเอง เพ่ือน และครู ข้อมูลการประเมินมาจาก 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาในการตดั สินผลการประเมิน 2. จงเขยี นระดบั คะแนนลงในชอ่ งผลการประเมิน ดงั นี ้ 1 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมเม่ือได้รบั คาสงั่ 2 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤตกิ รรมเมื่อได้รับการกระต้นุ 3 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมด้วยตนเอง ผลการประเมิน ชอื่ – สกุล ตงั้ ใจ ปฏิบตั ิงาน อดทน รบั ผดิ ชอบ รวม ในการ บรรลุ ตอ่ ส่งิ ยว่ั ยุ ตอ่ ตนเอง เรียนรู้ เปา้ หมาย และส่วนรวม

225 แบบทดสอบเร่ืองการเล่นลูกด้วยข้างเท้าด้านใน (ลกู แป) คาชแี ้ จง จงตอบคาถามและให้เหตผุ ลเกี่ยวกบั การเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านในดงั ตอ่ ไปนี ้ 1. ระบวุ ิธีการเลน่ และกฎกติกาของเซปักตะกร้อ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. ระบขุ นั ้ ตอนและประโยชน์ของการอบอุ่นร่างกายกอ่ นและหลงั การฝึก .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. แสดงความคดิ เห็นท่ีมีตอ่ การเลน่ ลกู ด้วยข้างเท้าด้านใน (ลกู แป) .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................

226 สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ระดับชัน้ ม.1 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง สมบตั ขิ องจานวนนับ เวลา 6 คาบ/ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ (learning outcomes) เข้ าใจในสาระสาคัญของสมบัติของจานวนนับ มี ทักษ ะ กระบวนการแก้ปัญหา มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรบั ผิดชอบ 2. ความคดิ รวบยอดหลัก (main concept) ตัวประกอบของจานวนนบั จานวนเฉพาะ รบั ผิดชอบ สมบตั ิ การแยกตัวประกอบ ของจานวนนบั ตวั หารร่วมมาก การคิดสร้ างสรรค์ ตวั คณู ร่วมน้อย การแก้ปัญหา

227 3. หัวข้อสาระการเรียนรู้ (sub concept และ topic)เขยี นเป็นข้อๆ สมบตั ขิ องจานวนนับ - ตวั ประกอบของจานวนนับ - จานวนเฉพาะ - การแยกตวั ประกอบ - ตวั หารรว่ มมากและตวั คณู ร่วมน้อย 4. สมรรถนะ 4.1 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.2 การคิดสร้างสรรค์ 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีความรบั ผิดชอบ 6. จุดประสงค์การเรียนรู้ 6.1 บอกตวั ประกอบของจานวนนบั ท่ีกาหนดให้ได้โดยใช้ กระบวนการแก้ ปัญหา 6.2 บอกจานวนนับท่ีเป็นจานวนเฉพาะได้โดยใช้กระบวนการ แก้ ปัญหา 6.3 ใช้กระบวนการแก้ปัญหาเก่ียวกบั การแยกตวั ประกอบ ของจานวนนบั ได้

228 6.4 หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจานวนนับที่กาหนดให้ได้ อยา่ งมีความรบั ผิดชอบ 6.5 มีความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ในการแก้โจทย์ปัญหา 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการแก้ปัญหา 7.1 แสดงความเข้าใจปัญหา 1) ผู้สอนอธิบายและยกตวั อยา่ งเกี่ยวกบั ตวั ประกอบ ของจานวนนบั จานวนคู่ จานวนคี่ 2) แบง่ ผู้เรียนเป็นกลมุ่ ละ 3 คน ร่วมกนั ศกึ ษาวธิ ีการ แยกตวั ประกอบของจานวนนบั และแสดงการแยกตวั ประกอบของ จานวนนบั ตามที่กาหนดให้ 3) ผู้เรียนศกึ ษาเก่ียวกบั การหาตวั หารรว่ มมาก(ห.ร.ม.) และตวั คณู รว่ มน้อย (ค.ร.น.) แล้วสรุปเป็นความคดิ รวบยอด โดยมี ผู้สอนคอยให้ความชว่ ยเหลอื 7.2 การวางแผนและลงมือปฏิบตั ิ 4) ผู้เรียนศกึ ษาวิเคราะห์โจทย์ปัญหา เกี่ยวกับ ตวั หารร่วมมาก และตวั คณู ร่วมน้อย และแลกเปล่ียนเรียนรู้ ภายในกลมุ่ เพ่ือวางแผนแก้โจทย์ปัญหา และดาเนินการแก้โจทย์ ปัญหา จากโจทย์ท่ีกาหนดให้

229 7.3 ใช้ความพยายามในการทางาน 5) ผู้เรียนศกึ ษาค้นคว้าจากเอกสารและใบความรู้ เพิ่มเตมิ และแสดงการแก้โจทย์ปัญหาท่ียากขนึ ้ ด้วยวธิ ีการ ที่สร้างสรรค์ แล้วนามาแลกเปลย่ี นเรียนร้กู ับกลมุ่ เพ่ือน และทาแบบฝึกหดั เพิ่มเติม 7.4 อธิบายวธิ ีการแก้ปัญหา 6) ผู้เรียนแลกเปลย่ี นเรียนร้ภู ายในกลมุ่ และระหวา่ ง กลมุ่ เพื่อเรียนร้วู ธิ ีการแก้โจทย์ปัญหา การทาแบบฝึกหัดของแตล่ ะ กลมุ่ เก่ียวกบั วิธีคิด การสบื ค้นข้อมูลมาใช้ในการแก้ปัญหา การวางแผนการแก้ปัญหา การสรปุ ผลการแก้ปัญหา 7.5 แสดงผลการทางานได้อย่างชดั เจน 7) ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาผลข้อเสนอแนะจากกลมุ่ มาแก้ไขข้อผิดพลาดในการทางานและโจทย์แบบฝึกหดั แลกเปล่ยี น เรียนรู้ เพื่อความเข้าใจที่ชดั เจนของตนเองและภายในกลมุ่ 8) ผู้เรียนและผู้สอนรว่ มกันสรุปสาระสาคญั ของบทเรียนเพ่ือความเข้าใจที่ชดั เจน

230 8. ส่อื การเรียนรู้ 8.1 ใบความร้เู ร่ืองสมบตั ขิ องจานวนนับ 8.2 เอกสารสถานการณโ์ จทย์ปัญหาเรื่องสมบตั ขิ องจานวนนบั 8.3 แบบฝึกหัดเรื่องสมบตั ขิ องจานวนนบั 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การทดสอบ 9.2 การประเมินการแก้ปัญหา 9.3 การประเมินความคิดสร้างสรรค์ 9.4 การสงั เกตความรับผิดชอบ 10. การออกแบบวธิ ีการและเคร่ืองมือประเมินผล (โดยยดึ จดุ ประสงค์การเรียนรู้) และนามาทาพิมพ์เขยี ว การวดั และประเมินผลดงั นี ้

231 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมือวดั แหลง่ ข้อมลู เกณฑ์การประเมนิ ผ้เู รียน 70% 1. บอกตัวประกอบของจานวนนบั การทดสอบ แบบทดสอบ ที่กาหนดให้ได้ โดยใช้กระบวนการ ผ้เู รียน 70% แก้ปัญหา การประเมินการแก้ปัญหา แบบประเมนิ การแก้ปัญหา ผ้เู รียน 70% ผ้เู รียน 70% 2. บอกจานวนนบั ทเ่ี ป็นจานวนเฉพาะ การทดสอบ แบบทดสอบ ชนิ ้ งาน 80% ได้ โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา การประเมินการแก้ปัญหา แบบประเมินการแก้ปัญหา 3. ใช้กระบวนการแก้ปญั หาเกี่ยวกบั การแยกตัวประกอบของจานวนนบั ได้ การทดสอบ แบบทดสอบ 4. หา ห.รม. และ ค.ร.น. ของจานวนนบั การทดสอบ แบบทดสอบ ที่กาหนดให้ได้อย่างมคี วามรบั ผิดชอบ การสงั เกต แบบสงั เกต 5. มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ความรับผดิ ชอบ ความรบั ผดิ ชอบ การประเมนิ ความคิด แบบประเมินความคิด สร้ างสรรค์ สร้ างสรรค์ 231

232 11. บันทกึ หลงั การเรียนการสอน (ระบพุ ฤติกรรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนในประเด็นตอ่ ไปนี)้ 1. ความร้ทู ี่ลกึ ซงึ ้ (deep knowledge) .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 2. การถักทอความรู้ (weaving)/ การสงั เคราะห์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 4. ส่ิงท่ีผู้สอนคดิ วา่ เป็นจดุ แขง็ ของการจดั การเรียนการสอน .................................................................................................... .................................................................................................... .................................................................................................... 5. ส่ิงที่ผู้สอนต้องพฒั นา .................................................................................................... .................................................................................................... ....................................................................................................

233 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เร่ือง สมบตั ิของจานวนนับ คาชแี ้ จง จงวงกลมล้อมรอบตวั เลือกที่สดุ เพียงตวั เลือกเดยี ว 1. จานวนในข้อใดตอ่ ไปนีเ้ป็นตวั ประกอบของ 10 ก. 2 ข. 4 ค. 6 ง. 8 2. จานวนในข้อข้อใดตอ่ ไปนเี ้ป็นจานวนเฉพาะทม่ี ากท่สี ดุ ก. 3 ข. 5 ค. 7 ง. 9 3. ไก่และหมูนับหัวรวมกันได้ 12 หวั นบั ขารวมกันได้ 36 ขา มีไก่และหมอู ย่างละก่ีตวั ก. ไก่ 5 ตวั หมู 7 ตวั ข. ไก่ 7 ตวั หมู 5 ตวั ค. ไก่ 6 ตวั หมู 6 ตวั ง. ไก่ 4 ตวั หมู 8 ตวั 4. มีเชอื กอยู่ 3 เส้น ยาวเส้นละ 16 , 32 และ 72 เซนตเิ มตร ตามลาดบั ถ้าจะแบง่ เป็นท่อนสนั ้ ๆให้เทา่ ๆกนั และยาวที่สดุ เทา่ ที่จะยาวได้ จะได้เชือกทอ่ นละกี่เซนตเิ มตร ก. 4 เซนติเมตร ข. 6 เซนติเมตร ค. 8 เซนติเมตร ง. 10 เซนติเมตร

234 แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา คาชแี ้ จง เขียนคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาแตล่ ะด้าน ลงในชอ่ งผลการประเมิน 1 คะแนน หมายถงึ ลงมือปฏิบตั ิได้เม่ือมีตวั อย่าง 2 คะแนน หมายถึง ลงมือปฏิบตั ไิ ด้เม่ือได้รับคาแนะนา 3 คะแนน หมายถงึ ลงมือปฏิบตั ิอยา่ งเป็นระบบได้ด้วยตนเอง ผลการประเมิน ช่อื – สกลุ วิเคราะห์ วางแผน ดาเนนิ การ ตรวจสอบ รวม ปัญหา แก้ปัญหา แก้ปัญหา ผลการ แก้ปัญหา

235 แบบประเมินความรับผิดชอบ คาชแี ้ จง เขยี นคะแนนความรบั ผิดชอบในการทางานแตล่ ะด้าน ลงในชอ่ งผลการประเมิน 1 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมเม่ือได้รบั คาสงั่ 2 คะแนน หมายถงึ แสดงพฤติกรรมเมื่อได้รับการกระต้นุ 3 คะแนน หมายถึง แสดงพฤติกรรมด้วยตนเอง ผลการประเมิน ชือ่ – สกลุ ตงั้ ใจ ทางาน ปฏิบตั ิงาน งานเสร็จ รวม ทางาน เป็น เต็มความ ตรงเวลา ทไี่ ด้รับ ขนั้ ตอน สามารถ มอบหมาย

236 แบบประเมินความคดิ สร้างสรรค์ คาชแี ้ จง เขียนคะแนนความคิดสร้างสรรค์แตล่ ะด้าน ลงในชอ่ งผลการประเมิน ให้ 1 คะแนน เมื่อ ปฏิบตั ิข้อ (1) และ (2) ได้ ให้ 2 คะแนน เม่ือ ปฏิบตั ขิ ้อ (1) (2) และ (3) ได้ ให้ 3 คะแนน เมื่อ ปฏิบตั ิข้อ (1) (2) (3) และ (4) ได้ ชือ่ – สกุล ผลการประเมิน รวม (1) (2) (3) (4) วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ทบทวน ตกแต่ง และจดั กลุม่ สร้างแนวคดิ แนวคิดใหม่ ให้สมบรู ณ์ ใหม่

237 สาระการเรียนรู้ ศาสนา ระดับชัน้ ม.1 ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง ประเพณีวนั ออกพรรษา เวลา 3 คาบ/ช่ัวโมง 1. ผลการเรียนรู้ (learning outcomes) ร้แู ละเข้าใจพุทธประวตั ิสาระสาคัญวนั ออกพรรษา หลกั ธรรม ป ว า ร ณา ห น้ า ที่ ช า ว พุ ท ธ เ ก่ี ย ว กั บ ป ร ะ เ พ ณี วัน ส า คั ญ ทางพระพทุ ธศาสนา กระบวนการสร้างความร้คู วามเข้าใจ มีวนิ ัย ใฝ่รู้ และจติ อาสา 2. ความคิดรวบยอดหลัก (main concept) ประเพณี พระสงฆ์ พระธรรม ปวารณา วนั ออกพรรษา พระพุทธ ประเพณี กระบวนการ วนั ออกพรรษา สร้ างความร้ ู ความเข้ าใจ ประวตั ิ มีวนิ ยั ใฝ่รู้ วนั ออกพรรษา จิตอาสา

238 3. หัวข้อสาระการเรียนรู้ (sub concept และ topic)เขียนเป็นข้อๆ 3.1 พระพทุ ธ - สรุปพุทธประวตั ิ - วนั ออกพรรษา - การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา 3.2 พระธรรม - ปวารณา - การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นวา่ กลา่ วตกั เตอื นตนเองได้ - ทาน - ศีล - ภาวนา 3.3 พระสงฆ์ - หน้าท่ีชาวพุทธ - มารยาทชาวพุทธ - การทาบญุ ตกั บาตรเทโว - การถือศลี ภาวนา - การสวดมนต์ 4. สมรรถนะ 4.1 การคดิ อย่างเป็นระบบ 4.2 การใช้ทกั ษะชวี ติ

239 5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.1 มีวนิ ัยใฝ่รู้ 5.2 มีจิตอาสา 6. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 6.1 สรุปพทุ ธประวตั ิเก่ียวกบั วนั ออกพรรษาและการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาได้ 6.2 อธิบายการประยุกตห์ ลกั ธรรมปวารณาในการดาเนินชวี ิตได้ 6.3 ให้เหตผุ ลการทาบญุ ตกั บาตรได้อย่างเป็นระบบ 6.4 มีวินยั ในการรกั ษาศีลห้า 7. กิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการสร้ างความร้ ูความเข้ าใจ 7.1 ขนั ้ สงั เกตและสร้างความตระหนัก 1) ผู้สอนฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับประเพณีวนั ออกพรรษา ให้ ผ้ ูเรียนชม 2) ให้ผู้เรียนสงั เกตแผนผงั สรุปเก่ียวกับพทุ ธประวตั ิ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา 3) ผู้เรียนสืบค้นข้อมลู จาก internet เกี่ยวกบั ประเพณี วนั ออกพรรษา นามาแลกเปลย่ี นเรียนรู้

240 7.2 ขนั ้ วางแผนปฏิบตั ิ 4) แบง่ กลมุ่ ผู้เรียน วางแผนการปฏิบตั เิ ก่ียวกับประเพณี วนั ออกพรรษา 5) แสดงบทบาทการเปิดโอกาสให้เพื่อนวา่ กลา่ วตกั เตือน 7.3 ขนั ้ ลงมือปฏิบตั ิ 6) แตล่ ะกลมุ่ อภิปรายเก่ียวกบั อานิสงของการทาบญุ วนั ออกพรรษา ในหวั ข้อ ทาน ศีล ภาวนา 7) ร่วมกันสวดมนต์แผ่เมตตา 7.4 ขนั ้ พฒั นาความร้คู วามเข้าใจ 8) แตล่ ะกลมุ่ วางแผนที่จะจดั เตรียมของไปทาบญุ ที่วดั ใกล้เคียงกบั โรงเรียนหรือที่บ้าน 9) รว่ มกันสรุปผลการไปทาบญุ 7.5 ขนั ้ สรุป 10) แลกเปลยี่ นเรียนรู้ สรุปประเด็นเก่ียวกบั หลกั ธรรม ปวารณาท่ีใช้กับชีวิตประจาวนั 11) รว่ มกันสวดมนต์และแผ่เมตตา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook