Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

Published by Monthian Khumlek, 2021-11-02 08:29:58

Description: หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

Search

Read the Text Version

201 110. ความสามารถที่เกิดการเรยี นรู้ การฝึกฝนและสร้างประสบการณ์ เชื่อมโยงกับวถิ ีชีวิตและ สิง่ แวดล้อมเก่ยี วข้องกบั เรอ่ื งใดมากท่สี ุด ก. พฒั นาอาชีพ ข. วิชาชีพระยะสัน้ ค. ทักษะชีวติ ง. การศึกษาตามอัธยาศัย 111. ข้อใดไม่ใชร่ ปู แบบการจดั กิจกรรมการศึกษาตลอดชวี ิต ก. การศกึ ษาวิสามัญ ข. การศกึ ษาทางดา้ นอาชีพ ค. การให้ความรู้ ง. การศึกษาตอ่ เน่อื ง 112. การเรยี นรคู้ าหลัก ของหลักสตู รการรหู้ นังสือไทย จานวนกีค่ า ก. 700 คา ข. ไม่น้อยกว่า 700 คา ค. 800 คา ง. ไม่น้อยกวา่ 800 คา 113. เวลาเรยี นตลอดหลกั สูตรการร้หู นงั สอื ไทย จานวนเท่าใด ก. 100 ชั่วโมง ข. ไมน่ อ้ ยกวา่ 100 ชัว่ โมง ค. 200 ชวั่ โมง ง. ไม่น้อยกวา่ 200 ช่วั โมง 114. ข้อใดไมส่ อดคล้องกับวตั ถุประสงคข์ องการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย ก. เพ่ือเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชวี ิตสาหรับประชาชนทั่วไป ข. เพื่อเปน็ ศูนยข์ อ้ มูล ขา่ วสาร ความร้ชู ุมชน ค. เพือ่ เป็นศูนย์การฝึกอาชีพให้กบั ประชาชน ง. เพอ่ื เปน็ แหลง่ ศึกษาค้นควา้ และบรกิ ารการเรียนรขู้ องนักศกึ ษา และบุคลากร กศน. 115. ขอ้ ใดคือกลุ่มเปูาหมายของการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย ก. ประชาชนอายุต้ังแต่ 15 ปขี นึ้ ไป ข. ประชาชนอายตุ ้ังแต่ 18 ปีขนึ้ ไป ค. ประชาชนอายตุ ัง้ แต่ 20 ปีขึน้ ไป ง. ประชาชนท่วั ไปทกุ เพศ ทกุ วัย 116. ข้อใดไมถ่ ูกต้องเก่ยี วกบั การศกึ ษาตามอัธยาศยั ก. ผูเ้ รยี นไดเ้ รียนรดู้ ้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม โอกาส ข. สถานศึกษา ตอ้ งจัดการศึกษา ท้งั ใน ระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ค. ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มเป็นแหล่งเรียนรู้ ง. จดั การเรยี นรทู้ กุ ท่ี ทุกเวลา 117. ขอ้ ใดไมใ่ ช่กิจกรรมสง่ เสริมการศึกษาตามอัธยาศยั ก. การสง่ เสรมิ การอา่ น ข. หอ้ งสมดุ ประชาชน ค. ศนู ย์วิทยาศาสตรน์ ่ารู้ ง. บทเรียนคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง เส้นจานวน สนใจสัง่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

202 118. จากทฤษฏี Andragogy เป็นทฤษฏที ี่พัฒนาขน้ึ มาจากการศึกษาเก่ียวกับการเรยี นรู้ของผ้ใู หญ่ เปน็ ทฤษฏีทีส่ อดคล้องกบั ข้อใด ก. ผ้ใู หญส่ ามารถเรยี นรูไ้ ดด้ ้วยตัวเอง ข. ผู้ใหญ่มีสภาวะการเรยี นรู้ทแี่ ตกต่าง ค. ผู้ใหญม่ ีความรู้ความสามารถเป็นพ้ืนฐานอยูแ่ ลว้ ง. ผู้ใหญ่ไม่สามารถเรียนร่วมกบั เดก็ ได้ 119. หลักการออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ต้องคานงึ ถึงข้อใด ก. ผ้ใู หญ่ต้องการที่จะรู้เหตุผลวา่ ทาไม ข. ผใู้ หญ่ตอ้ งการเรียนรจู้ ากประสบการณ์จรงิ ที่ประสบอยู่ ค. ผู้ใหญม่ ุ่งท่จี ะเรยี นรู้เพอื่ แก้ป๎ญหา หรอื นาไปใชไ้ ดจ้ ริง ง. ทุกข้อที่กลา่ วมา 120. หลักการจัดการเรยี นรู้ใหก้ ับผู้ใหญ่ (Andragogy) เป็นทฤษฏขี องใคร ก. Knowles ข. John B.Watson ค. Thorndike ง. Pavlov 121. ขอ้ ใดหมายถึงขอ้ มูล ก. สิ่งต่างๆ ทีเ่ รารบั รู้ได้ ข. สิง่ ท่ีถูกต้องและเชือ่ ถือได้ ค. ข้อเท็จจรงิ ท่แี สดงในหนงั สอื เรียน ง. ขอ้ เท็จจริงท่ีไดร้ ับการยนื ยันว่าถกู ต้องแล้ว 122. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ ักษณะของข้อมลู ที่ดี ก. มีความถกู ตอ้ ง ข. มีความทันสมัย ค. มีความสวยงาม ง. มคี วามน่าเช่ือถือ 123. สารสนเทศคอื ข้อใด ก. การสรุปข้อมลู ข. การประมวลผล ค. ตวั เลขในภาพรวม ง. ขอ้ มูลท่ีจัดกระทาแลว้ 124. ระบบสารสนเทศใดเปน็ แหลง่ ข้อมูลสาคัญเบื้องต้นของระบบอน่ื ก. TPS ข. OIS ค. DSS ง. ESS 125. การจัดทาระบบสารสนเทศ เริม่ จากขั้นตอนใด ก. ลงมอื ปฏิบตั งิ าน ข. กาหนดรูปแบบของสารสนเทศ ค. ออกแบบองค์กรที่รบั ผดิ ชอบงานสารสนเทศ ง. กาหนดข้อมูลสารสนเทศทจ่ี าเปน็ ต่อการวางแผน สนใจส่ังชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

203 126. ปัจจยั ปูอนทม่ี ีความสาคญั ต่อการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาคอื ขอ้ ใด ก. หลักสตู ร ข. งบประมาณ ค. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ง. ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 127. สถานท่จี ัดการศกึ ษาศึกษาของสถานประกอบการเรยี กว่าอะไร ก. ศนู ย์เรยี นรู้ ข. ศูนย์การเรยี น ค. โรงเรียนโรงงาน ง. แหล่งเรียนรู้สถานประกอบการ 128. ขอ้ ใดกลา่ วถึงขอ้ มลู ทุติยภูมไิ ด้ถูกต้อง ก. ตรงตอ่ ความตอ้ งการมากทีส่ ดุ ข. เปน็ ขอ้ มูลท่ผี อู้ ่ืนรวบรวมแลว้ บนั ทกึ ไว้ ค. เปน็ การแบ่งข้อมูลตามระบบคอมพิวเตอร์ ง. สามารถรวบรวมได้โดยการบนั ทึกจากแหล่งข้อมลู นนั้ โดยตรง 129. ข้อใดเป็นองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ก. ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ขอ้ มลู ข. ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ ขอ้ มูล บคุ ลากร ค. ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ ขอ้ มลู ขัน้ ตอนการปฏิบัตงิ าน ง. ฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ ขอ้ มูล บุคลากร ข้ันตอนการปฏิบตั ิงาน 130. ข้อใดเขียนคาวา่ ระบบสารสนเทศ ไดถ้ ูกตอ้ ง ก. Techno Information ข. Information system ค. Technology Information ง. Information Technology 131. PACA หมายถงึ ขอ้ ใด ก. วงจรคณุ ภาพ ข. วงจรการปฏบิ ตั ิงาน ค. วงจรการดาเนินกิจกรรม ง. วงจรการผลิตสินคา้ 132. การวางแผน กาหนดเปาู หมาย เตรียมดาเนนิ งาน หมายถงึ ขอ้ ใด ก. Plan ข. Do ค. Cheak ง. Act 133. การทางานตามขัน้ ตอนการจัดการ PDCA ด้วยการตรวจสอบผลคณุ ลักษณะดา้ นคุณภาพ เปรยี บเทียบกบั เปูาหมายทีจ่ ดั ต้ังไว้ เรยี กวา่ ก. ข้ันตอนการวางแผน ข. ข้นั ตอนการลงมือปฏิบัติตามแผน ค. ขน้ั ตอนการตรวจสอบผลการปฏิบตั ิตามแผน ง. ขนั้ ตอนการแกไ้ ขปรบั ปรุงขอ้ บกพรอ่ ง 134. หลักการของการวเิ คราะห์ Stakeholder Needs คือข้อใด ก. การมสี ่วนร่วม ข. การสรา้ งความเขม้ แข็งของภาครฐั ค. การวเิ คราะห์ความคมุ้ คา่ ง. การกระจายนโยบาย สนใจสง่ั ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

204 135. ความหมายของ weakness ในวธิ กี าร SWOT Analysis คืออะไร ก. จุดออ่ นภายใน/ภายนอก องคก์ รทอี่ าจทาใหอ้ งคก์ รไมบ่ รรลเุ ปูาหมาย ข. จดุ ออ่ นภายในองคก์ รทอี่ าจทาใหอ้ งค์กรไม่บรรลุเปูาหมาย ค. จดุ ออ่ นภายนอกองค์กรที่อาจทาให้องค์กรไมบ่ รรลุเปูาหมาย ง. บุคลากรภายในองค์กรมคี วามสามารถไม่เพยี งพอ 136. หลักการคดิ เชิงระบบ (System Thinking)ข้อใดไมท่ ี่ถกู ตอ้ งท่สี ุด ก. P : Planning ข. D : Doing ค. C : Checking ง. A : Acting 137. ขัน้ ตอนการบริหารเชงิ กลยุทธ์ ในข้อใดต่อไปน้ไี ม่ถูกต้อง ก. การวางแผนกลยทุ ธ์ ข. การนาแผนกลยุทธไ์ ปปฏิบตั ิ ค. การติดตาม ควบคุมประเมินผลกลยทุ ธ์ ง. การควบคุม ประเมินผล กลยุทธ์ 138. การวเิ คราะหส์ ภาพหนว่ ยงาน หรอื องคก์ ร ( SWOT Analysis ) จดุ แขง็ ภายในองคก์ รตรงกบั ข้อใด ก. Strengths ข. Weaknesses ค. Opportunity ง. Threats 139. SWOT Analysis หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การประเมนิ ประสิทธภิ าพขององค์กร ข. การควบคุมสถานการณท์ ง้ั ภายในและภายนอกองคก์ ร ค. การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มและศกั ยภาพขององค์กร ง. การจดั การองคค์ วามรู้ในองค์กร 140. ขั้นตอนแรกของการจัดทาแผนกลยทุ ธ์ คือข้อใด ก. การกาหนดสถานภาพขององคก์ ร ข. การวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อม ค. การกาหนดวิสัยทัศน์ ง. การกาหนดภารกิจ สนใจส่ังช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

205 เฉลยแนวข้อสอบ 1.ค 2.ค 3.ก 4.ง 5.ง 6.ข 7.ก 8.ข 9.ก 10.ค 11.ง 12.ข 13.ค 14.ง 15.ข 16.ข 17.ข 18.ง 19.ข 20.ง 21.ค 22.ก 23.ข 24.ข 25.ค 26.ก 27.ค 28.ก 29.ก 30.ง 31.ง 32.ก 33.ก 34.ง 35.ข 36.ง 37.ก 38.ค 39.ก 40.ง 41.ค 42.ง 43.ก 44.ง 45.ค 46.ง 47.ง 48.ค 49.ง 50.ก 51.ก 52.ค 53.ก 54.ค 55.ค 56.ข 57.ข 58.ค 59.ก 60.ค 61.ก 62.ก 63.ข 64.ก 65.ข 66.ค 67.ข 68.ก 69.ง 70.ก 71.ง 72.ก 73.ข 74.ข 75.ง 76.ค 77.ง 78.ข 79.ก 80.ง 81.ก 82.ก 83.ง 84.ง 85.ก 86.ข 87.ก 88.ง 89.ง 90.ง 91.ข 92.ข 93.ง 94.ข 95.ค 96.ง 97.ข 98.ก 99.ง 100.ง 101.ค 102.ง 103.ข 104.ค 105.ง 106.ง 107.ข 108.ง 109.ข 110.ง 111.ง 112.ง 113.ง 114.ค 115.ง 116.ข 117.ง 118.ก 119.ง 120.ก 121.ง 122.ค 123.ง 124.ก 125.ง 126.ก 127.ข 128.ข 129.ง 130.ข 131.ก 132.ก 133.ค 134.ก 135.ข 136.ง 137.ค 138.ก 139.ค 140.ข สนใจสง่ั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

206 หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศกั ราช 2555) หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช 2555) ** กระทรวงศึกษาธกิ าร ได้ประกาศใหใ้ ช้หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษา ขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เมือ่ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 นารอ่ งทดลองใช้ ปีการศึกษา 2552 และใชพ้ ร้อมกนั ทัว่ ประเทศตั้งแตป่ กี ารศึกษา 2553 เป็นต้นมา **การปรับปรุงหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุงพุทธศักราช 2555) เนอื่ งจากตอ้ งปรบั ปรงุ แก้ไขการลงทะเบียนเรียน วิธกี ารจดั การเรยี นรู้ ใหม้ ีประสิทธภิ าพถูกต้อง เปน็ แนวทางเดียวกัน **การปรับปรงุ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) จากเดมิ จานวนไม่น้อยกวา่ 100 ช่ัวโมง ตั้งแตภ่ าคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2556 ประกาศสานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาให้เพม่ิ จานวนชัว่ โมง กพช. เปลี่ยนเปน็ เงอ่ื นไขในการจบหลักสตู ร เป็นจานวนไม่น้อยกว่า 200 ชว่ั โมง และไม่ให้นาช่วั โมง กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นมาร่วมด้วย ** เปน็ หลักสูตรที่ มุง่ จัดการศึกษา 1) เพอื่ ตอบสนองอดุ มการณก์ ารจัดการศกึ ษาตลอดชีวิต 2) เพ่อื สร้างสงั คมไทยใหเ้ ป็นสังคมแหง่ การเรียนรู้ตามปรัชญา “คดิ เปน็ ” 3) เพ่อื สรา้ งคณุ ภาพชวี ติ และสังคม (เพ่ิม การดารงชวี ิตตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง) ** ปรชั ญาแนวคิดความเช่ือพื้นฐาน ปรชั ญา “คิดเปน็ ” หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ยดึ หลัก “คิดเป็น” (KIDPEN) เป็นปรัชญาพื้นฐาน ของ กศน. เปน็ กระบวนการคดิ ท่ีเกิดข้นึ จากหลักการและ แนวคิดของ ดร.โกวทิ วรพพิ ัฒน์ นักการศกึ ษาไทย ท่ีกลา่ วไวว้ า่ “การจัดการศกึ ษาตอ้ งการสอนคนให้ คดิ เป็น ทาเปน็ แก้ป๎ญหาเปน็ ” ** กระบวนการเรยี นรู้ตามปรัชญา “คิดเป็น” ผูเ้ รยี นสาคญั ทสี่ ุด โดยครูเปน็ ผอู้ านวยการ เรยี นรู้ กระตนุ้ ให้ผเู้ รียนคิดวิเคราะห์ปญ๎ หาหรือความต้องการ นามาใชใ้ นการตดั สนิ ใจ จะต้องนา ขอ้ มลู อย่างนอ้ ย 3 ดา้ น มาประกอบในการคดิ คอื สนใจสัง่ ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

207 **1)ขอ้ มลู ของตนเอง **2)ขอ้ มลู ของสภาพแวดลอ้ มในชุมชน **3)ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ** แล้วนามาวิเคราะห์หาทางเลือกในการตัดสนิ ใจทเ่ี หมาะสม มีความพอดีระหวา่ งตนเอง และสงั คม “คิดเป็น” มีความเชอ่ื ว่ามนุษยท์ ุกคนต้องการความสขุ แต่ความสขุ ของแตล่ ะคนแตกตา่ ง กนั เนอ่ื งจากมนุษยม์ คี วามแตกตา่ งกนั ในดา้ นต่าง ๆ สาเหตขุ องปัญหา ปญั หา ตนเอง สังคม วิชาการ ความสขุ ไมพ่ อใจ วธิ ที างแก้ปัญหา พอใจ ปฏิบตั ิ ประเมินผล รูปภาพ : แสดงขนั้ ตอนปรชั ญา คิดเป็น **หลกั การ (4 ข้อ) 1. เป็นหลักสตู รทีม่ ีโครงสรา้ งยดื หยนุ่ ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาเรียน และ การจัดการเรยี นรู้ โดยเน้นการบรู ณาการเนอ้ื หาให้สอดคลอ้ งกับวิถชี วี ิต ความแตกตา่ งของบุคคล ชุมชนและสังคม 2. สง่ เสรมิ ใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัย 3. เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนได้พฒั นาและเรยี นรู้อย่างตอ่ เน่ืองตลอดชวี ิต โดยตระหนักวา่ ผูเ้ รียนมี ความสาคญั สามารถพัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ 4. ส่งเสริมให้ภาคเี ครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา สนใจสัง่ ชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

208 ** สรปุ หลกั การ มี 4 ขอ้ คอื 1) โครงสร้างยดื หยุ่นสอดคล้องวิถีชีวิต ความแตกต่างของบคุ คล 2) เทียบโอนผลการเรยี น 3) ไดพ้ ัฒนาเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เนอื่ ง 4) ภาคีเครอื ขา่ ยมสี ว่ นร่วม ** จดุ หมาย (7 ข้อ) 1. มีคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ มทดี่ งี าม และสามารถอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งสนั ตสิ ุข 2. มีความรู้พน้ื ฐานสาหรับการดารงชวี ติ และการเรยี นรอู้ ยา่ งต่อเนอ่ื ง 3. สามารถประกอบสมั มาอาชีพให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนดั และตามทนั ความ เปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คมและการเมือง 4. มีทักษะการดาเนนิ ชีวติ ทดี่ ี และสามารถจัดการกบั ชีวติ ชมุ ชน สังคมได้อยา่ งมคี วามสุขตาม แนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 5. เขา้ ใจประวตั ิศาสตร์ ภูมิใจในความเปน็ ไทย โดยเฉพาะภาษา ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี กฬี า ภูมปิ ญ๎ ญาไทย ความเป็นพลเมอื งดี ปฏิบัตติ ามหลักธรรมของศาสนายึดมัน่ ในวถิ ชี ีวิต และการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ 6. จติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 7. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะแสวงหาความรู้ สามารถเขา้ ถึงแหล่งเรียนรู้และบูรณา การความรูน้ ามาใช้พัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ** สรุปจดุ ม่งุ หมาย มี 7 ข้อคือ 1) มคี ณุ ธรรมอยสู่ นั ติสุข 2) มีความรพู้ ้ืนฐาน 3) ประกอบอาชพี ถนดั และทนั การเปลี่ยนแปลง 4) มีทักษะชีวติ ตามเศรษฐกิจพอเพยี ง 5) เปน็ ไทยและปกครองระบบประชาธปิ ไตย 6) อนุรักษ์สิง่ แวดลอ้ ม 7) บุคคลแหง่ การเรียนรู้ ** กลมุ่ เปูาหมาย : เป็นประชาชนที่ไมไ่ ด้อยู่ในระบบโรงเรียน ** ระดับการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1) ระดับประถมศกึ ษา 2) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 3) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สนใจสั่งชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

209 *** (โดยแต่ละระดับใชเ้ วลาเรียน 4 ภาคเรยี น ยกเว้นกรณีทมี่ ีการเทียบโอน ทง้ั นี้ต้องลงทะเบยี นเรียนในสถานศึกษาอย่างนอ้ ย 1 ภาคเรยี น) ** สาระการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 5 สาระดงั นี้ 1. สาระทักษะการเรยี นรู้ เป็นสาระเก่ยี วกับการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การใช้แหล่งเรยี นรู้ การจดั การความรู้ การคดิ เปน็ และการวจิ ยั อยา่ งงา่ ย 2. สาระความร้พู ้ืนฐาน เป็นสาระเกี่ยวกับภาษาและการส่ือสาร(ภาษาไทยและ ภาษาตา่ งประเทศ) คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชพี เป็นสาระเกย่ี วกบั การมองเห็นช่องทางและการตดั สินใจประกอบ อาชพี ทักษะในอาชีพ การจดั การอาชีพอย่างมคี ณุ ธรรม และการพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามม่ันคง 4. สาระทักษะการดาเนินชวี ิต เป็นสาระเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สขุ ศึกษา พลศกึ ษา และศิลปศกึ ษา (กญั ชา กัญชงฯ) 5. สาระการพฒั นาสงั คม เป็นสาระเกี่ยวกบั ภมู ิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี หนา้ ท่ีพลเมอื ง และการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม ลูกเสอื ** โครงสร้างหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2555) : หนว่ ยกติ เวลาเรยี น 40 ช่วั โมงต่อภาคเรียน มีคา่ เท่ากบั 1 หน่วยกติ สาระการเรียนรู้ ประถม มธั ยมต้น มัธยมปลาย บังคับ เลอื ก บงั คับ เลือก บังคับ เลอื ก ทักษะการเรียนรู้ (ทร) 5 5 5 ความรู้พ้ืนฐาน (พ...) 12 16 20 การประกอบอาชพี (อช) 8 8 8 ทักษะการดาเนนิ ชวี ิต (ทช) 5 5 5 การพัฒนาสงั คม (สค) 6 6 6 รวม 36 12 40 16 44 32 48 หนว่ ยกิต 56 หนว่ ยกิต 76 หนว่ ยกติ กจิ กรรพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) 200 ชม. 200 ชม. 200 ชม. ****หมายเหตุ**** : วิชาเลือกในแต่ละระดบั สถานศกึ ษาต้องจัดให้ผูเ้ รยี น **เรยี นรจู้ ากการโครงงาน จานวนอยา่ งนอ้ ย 3 หน่วยกติ และทากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ 200 ชั่วโมง สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

210 ** การกาหนดรหสั วชิ า ตวั อักษร ตวั เลข หลักท่ี 1-2 หลักที่ 3 หลกั ที่ 4 หลกั ที่ 5-7 ทร (ทกั ษะการเรยี นร)ู้ 0 รายวิชาทเี่ รยี นได้ทัง้ 1 รายวชิ าบงั คบั ลาดบั ที่ ความรูพ้ น้ื ฐาน 3 ระดบั 2 รายวชิ าเลอื กที่ - พท (ภาษาไทย) 1 ระดับประถมศกึ ษา ส่วนกลางพฒั นา (เลือก - พต (ต่างประเทศ) 2 ระดับมัธยมศึกษา บังคบั ) - พค (คณิตศาสตร์) ตอนตน้ 3 รายวชิ าเลอื กที่ - พว (วทิ ยาศาสตร)์ 3 ระดับมัธยมศกึ ษา สถานศึกษาพฒั นา อช (การประกอบอาชีพ) ตอนปลาย (เลอื กเสรี) ทช (ทักษะการดาเนินชีวติ ) สค (การพัฒนาสงั คม) **ตัวอยา่ ง เชน่ ทช33098 รายวชิ ากญั ชาและกัญชงศึกษาเพอื่ ใช้เปน็ ยาอย่างชาญฉลาด จานวน 3 หน่วยกติ 120 ชั่วโมง ทช 3 3 098 098 อยู่หลักท่ี 5-7 : ลาดับทร่ี ายวิชา 3 อยู่หลกั ท่ี 4 : รายวชิ าเลือกท่ีสถานศกึ ษาพัฒนา 3 อยหู่ ลักที่ 3 : ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ทช อยหู่ ลักที่ 1-2 : สาระทักษะการดาเนินชีวิต ** รายวิชาเลือก รายวิชาเลอื ก เลือกมี 2 ประเภทคือ รายวชิ าเลือกบังคับและรายวิชาเลือกเสรี 1) รายวชิ าเลอื กบงั คับ ใหส้ ถานศกึ ษาจัดใหผ้ ้เู รยี นเลือกลงทะเบยี นรายวิชาเลือกบงั คบั 2 รายวิชา ทกุ ระดับการศกึ ษา รายวิชาเลอื กบังคับที่กาหนดไวใ้ นป๎จจุบนั มีดงั นี้ 1.1 วชิ าการใช้พลังงานไฟฟาู ในชวี ิตประจาวนั (พว) 1.2 วชิ าการเงนิ เพือ่ ชวี ิต (สค) 1.3 วิชาการเรยี นรู้สภู้ ัยธรรมชาติ (สค) 1.4 วิชาวสั ดุศาสตร์ (พว) 1.5 วชิ าลกู เสือ กศน. (สค) 1.6 วชิ าประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย (สค) สนใจสั่งชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

211 2) รายวิชาเลือกเสรี เป็นวิชาท่สี ถานศึกษาพัฒนาข้ึนเองโดยใหย้ ึดหลกั การในการพัฒนา เพ่ือพฒั นาโปรแกรมการเรยี น หรอื เลอื กรายวชิ าที่มีอยแู่ ล้ว เพ่ือเปน็ การกาหนดทศิ ทางและเปูาหมาย การเรยี นของผเู้ รียน **ปรบั แก้ไขคมู่ ือการดาเนินงาน หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ พ.ศ. 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2555) **การลงทะเบยี นเรยี นรายวชิ า 1.1 ระดับประถมศึกษา ลงทะเบยี นเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ 48 หน่วยกิต ใหล้ งทะเบยี นเรยี นได้ภาคเรยี นละไม่เกิน 14 หนว่ ยกติ 1.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ลงทะเบียนเรียนไม่นอ้ ยกวา่ 56 หน่วยกิต ใหล้ งทะเบยี นเรียนได้ภาคเรยี นละไมเ่ กิน 17 หน่วยกติ 1.3 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ลงทะเบยี นเรียนไมน่ อ้ ยกว่า 76 หนว่ ยกิต ให้ลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรยี นละไมเ่ กิน 23 หน่วยกติ **กรณีที่นกั ศกึ ษาจะต้องจบหลกั สตู รแต่มีจานวนหนว่ ยกิตท่ีตอ้ งลงทะเบยี นเรยี นเกินกวา่ จานวนหน่วยกติ ทกี่ าหนด ให้ลงทะเบียนเรยี นในแต่ละภาคเรียน เนอื่ งจากมีการเทียบโอนผลการเรียน และหรือนักศึกษาท่ีมกี ารสอบซอ่ ม ให้สถานศกึ ษาจดั ให้ลงทะเบยี นเรยี นเพม่ิ เตมิ ในภาคเรียนสดุ ทา้ ยได้ ไม่เกิน 3 หนว่ ยกติ จากทก่ี าหนดในแตล่ ะระดับการศึกษา **การลงทะเบียนนักศึกษา ใชโ้ ปรแกรมทะเบียนนกั ศกึ ษาสายสามญั (ITW51)และ โปรแกรมทะเบียนนกั ศกึ ษาสายสามัญ ITW ออนไลน์ (http://edu.nfe.go.th) ให้ตรงกับฐานขอ้ มลู ใน เว็บไซต์ mis.nfe.go.th **การบรหิ ารงานทะเบียน หวั หนา้ สถานศกึ ษาแตง่ ตงั้ นายทะเบยี น ตอ้ งมีคุณสมบัตคิ ือ เปน็ บคุ คลท่มี ีความรู้ ความสามารถ เปน็ ขา้ ราชการครู บุคลากรทางการศึกษา หรือหากไมม่ ีขา้ ราชการครู บคุ ลากรทางการ ศกึ ษา ให้แตง่ ต้งั พนกั งานราชการ 1. การกาหนดรหัส รหัสสถานศกึ ษา กาหนดไว้ 10 หลกั ตามมาตรฐานกระทรวงศกึ ษาธิการ     ลาดับท่ี รหัสอาเภอ/เขต รหัสจังหวดั รหสั สังกัด สนใจสง่ั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

212 รหสั ประจาตัวนักศกึ ษา       ภาคเรียน รหสั อตั โนมัติ ลาดบั ที่การสมัคร ระดับการศึกษา ปีการศึกษา 2. การทาบตั รประจาตัวนักศกึ ษา หลงั จากบนั ทกึ ประวัตสิ ่วนตัวนกั ศกึ ษาแล้ว สถานศึกษาตอ้ งทาบตั รประจาตัวนกั ศกึ ษาให้ นกั ศึกษาใชใ้ นการตดิ ตอ่ กบั สถานศึกษา และตรวจสอบข้อมลู การลงทะเบยี นผลการเรยี นได้ด้วยตนเอง และเพือ่ ใหส้ ถานศกึ ษาตรวจสอบขอ้ มูลได้สะดวกเพ่ิมข้ึน **ด้านหน้าของบตั ร 1)ระดบั การศึกษาและช่อื กลุ่ม 2)รหสั ประจาตัวนกั ศึกษา 3)รปู หนา้ ตรง ขนาด 3x4 เซนตเิ มตร จานวน 1 รูปและลายมือช่อื 4)ชอื่ -สกลุ นกั ศกึ ษา 5)ลายมือช่ือหวั หน้าท่ี สถานศึกษา 6)ลายมอื ชอื่ นักศกึ ษา **ดา้ นหลงั ของบัตร 1)เลขประจาตังประชาชน 2)ช่ือสถานศึกษา 3)วนั ออกบัตร 4) วันหมดอายุ 4)รหัสสถานศกึ ษา 5)แถบบาร์โค้ด 3. การบนั ทกึ ข้อมลู นกั ศึกษา 1) ข้อมูลการขึ้นทะเบยี นนกั ศึกษา ให้บนั ทึกรหัสประจาตัว เลขประจาตวั ประชาชนและ บันทึกข้อมลู ประวัตสิ ่วนตัว ประวตั กิ ารศกึ ษา โดนสถานศึกษาแต่งตัง้ ผู้รบั ผิดชอบดาเนินการบันทึกอยา่ ง ละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ ดาเนนิ การใหเ้ สร็จภายใน 30 วันหลังจากการปิดรบั สมัคร แล้วตดิ ประกาศ แจ้งให้ผเู้ รยี นทราบ 2) ข้อมลู การลงทะเบยี นเรยี นของนักศึกษา ให้บนั ทึกรายละเอียดข้อมลู การลงทะเบียน รายวชิ าบังคับ รายวชิ าเลอื ก กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตและผลการเรียนของผู้เรียน โดยสถานศกึ ษา แต่งตัง้ ผรู้ ับผิดชอบ ให้เสรจ็ ส้ินภายหลงั การลงทะเบียนเรียนภายใน 30 วัน แลว้ รายงานหัวหนา้ สถานศึกษาทราบ และติดประกาศแจ้งใหผ้ ู้เรียนทราบ **การเทยี บโอนผลการเรยี น สถานศกึ ษาตอ้ งจัดใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบโอน ความรแู้ ละประสบการณ์ของผู้เรยี น ให้เป็นสว่ นหนึ่งของผลการเรยี นตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 โดยสถานศกึ ษาตอ้ งจัดทาระเบยี บหรือแนวปฏิบัตกิ าร เทียบโอนให้สอดคล้องกบั แนวทางการเทยี บโอนท่ีสานักงาน กศน. กาหนด โดยกาหนดวิธีการเทยี บโอน ดังนี้ สนใจส่ังชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

213 **1) การเทียบโอนผลการเรยี นจากหลกั ฐานการศึกษาทจี่ ัดการศึกษาเป็นระดับ ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนปลายหรือเทยี บเท่า **2) การเทียบโอนผลการเรียนจากการศกึ ษานอกระบบประเภทการศกึ ษาต่อเนือ่ ง **3) การเทียบโอนผลการเรยี นจากหลักสตู รตา่ งประเทศ **4) การเทยี บโอนผลการเรยี นจากความรู้และประสบการณก์ ล่มุ เปาู หมายเฉพาะ **5) การเทียบโอนผลการเรียนจากการประเมนิ ความรแู้ ละประสบการณ์ **หนว่ ยกิต **ใช้เวลาเรียน 40 ช่วั โมง มคี า่ เท่ากับ 1 หนว่ ยกติ **วชิ าเลอื กในแต่ละระดบั สถานศกึ ษาต้องจัดให้ผเู้ รยี น เรียนรู้จากการทาโครงงานจานวนอย่างนอ้ ย 3 หนว่ ยกิต **ปรับเกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล (60 ตอ่ 40) **คะแนนสอบปลายภาคเรยี นในรายวชิ าบังคบั ทกุ ระดับการศึกษา ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนน สอบปลายภาคอย่างน้อยรอ้ ยละ 30 ของคะแนน (ไม่นอ้ ยกวา่ 12 คะแนนจากคะแนนเตม็ 40) **กาหนดระยะเวลาเรยี นมาเปน็ เกณฑใ์ นการมสี ิทธิเขา้ สอบปลายภาคเรียน โดยกาหนดให้ ผเู้ รียนท่เี รียนโดยวิธีการเรียนรแู้ บบ กศน. ตอ้ งมีเวลาเรยี นในการพบพบกลุ่มหรือพบครูไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 ของเวลาเรียนตามแผนการเรียนรู้ของผู้เรยี นตกลงร่วมกับครู จึงจะมีสิทธเิ ข้าสอบ ถ้าผเู้ รยี น มรี ะยะเวลาในการพบกลมุ่ หรอื พบครูไม่ถงึ ร้อยละ 75 แต่ถึงรอ้ ยละ 50 ให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของ ผู้บริหารสถานศกึ ษาพจิ ารณาใหเ้ ขา้ สอบปลายภาคเรยี น (ถา้ ไม่อนญุ าตใหเ้ ข้าสอบผเู้ รยี นผู้เรยี นจะได้ ระดบั ผลการเรยี นเปน็ “0”) (ยกเว้นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาทางไกล (ประกาศ 8 ตุลาคม 2555) ** กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.) **ตามจดุ มุ่งหมายของหลกั สตู รกาหนดให้ผู้เรยี นต้องทากจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต จานวนไม่น้อยกว่า 200 ชัว่ โมง เปน็ เงอ่ื นไขในการจบหลักสูตร โดยเนน้ ให้ผู้เรยี นน้าข้อมูล ความรู้และ ประสบการณ์ มาฝึกทกั ษะการคดิ การวางแผนปฏิบตั กิ าร ท่ีจะส่งผลตอ่ การจดั กจิ กรรมการพัฒนา ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสงั คม เพ่ือใหด้ ารงอย่ใู นสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ **องค์ประกอบกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ 1)ความรู้พ้ืนฐาน 2)กิจกรรมโครงการ **ลักษณะกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1)กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีม่งุ การพฒั นาทกั ษะชีวติ ของตนเองและครอบครัว 2)กจิ กรรมการเรยี นรทู้ มี่ ุ่งพฒั นาชุมชน และสังคม ** การจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) ประกอบดว้ ย 1) ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา 2) ครูและบุคลากรท่เี กี่ยวขอ้ ง 3) ผูเ้ รยี น สนใจสั่งชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

214 4) ชุมชน/ภาคีเครือข่าย 5) คณะกรรมการประเมนิ กจิ กรรม **กระบวนการดาเนนิ งานกจิกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) กระบวนการดาเนนิ งานกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ มีดังน้ี 1. ผูเ้ รียนลงทะเบียนกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 2. ครใู หค้ วามรพู้ ้ืนฐาน และให้แนวทางการทากิจรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ 3. ผเู้ รียนยื่นคารอ้ งขอทากจิ กรรม และเสนอโครงการตามแบบทกี่ าหนด 4. ประสานงานกบั บคุ คลและหน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งในการทากจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ 5. สถานศกึ ษาแตง่ ต่ังคณะกรรมการประเมนิ โครงการ 6. ผเู้ รียนดาเนินการตามโครงการทไ่ี ดร้ ับอนมุ ตั พิ ร้อมบันทกึ การปฏบิ ัติงานเปน็ รายบุคคล โดยอยใู่ นการกากบั ดแู ลของครทู ป่ี รึกษาโครงการ 7. คณะกรรมการประเมนิ โครงการ นิเทศตดิ ตามผลการดาเนินงานและประเมนิ ผล 8. ผเู้ รยี นจดั ทาเอกสารรายงานผลการดาเนนิ งานตามโครงการสง่ สถานศกึ ษาเมอ่ื ส้นิ สดุ โครงการ 9. คณะกรรมการประเมนิ ค่าผลสาเร็จของโครงการเป็นจานวนชวั่ โมงกจิ กรรม 10. สถานศึกษาและผูเ้ รียนบันทกึ ผลจานวนชวั่ โมงที่ทากิจกรรม กพช. ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน ** บทบาทหนา้ ทข่ี องผู้บรหิ ารสถานศึกษา 1) จัดใหม้ แี ผนส่งเสริมสนับสนนุ 2) ประชุมชีแ้ จงให้ครแู ละบุคลากรเข้าใจ 3) อานวยความสะดวก 4) แต่งต้ังคณะกรรมการ 5) อนุมัตหิ รอื มอบหมาย 6) นเิ ทศติดตาม 7) อนมุ ตั ิผล ** การวัดและประเมนิ ผล มี 2 ระดบั คอื 1) การประเมนิ ผลใน“ระดับสถานศกึ ษา” เป็นการวัดและประเมินผลการเรียนเป็นรายวิชา ประเมนิ กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ และประเมินคุณธรรม 2) การประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบ “ระดบั ชาติ” สถานศกึ ษาตอ้ งจัดให้ผเู้ รยี นเข้า รบั การประเมนิ ในภาคเรยี นสุดทา้ ยกอ่ นสอบปลายภาคของภาคเรียนน้ัน ๆ โดยไม่มีผลต่อการไดห้ รอื ตก ของผูเ้ รยี น สนใจสัง่ ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

215 ** การประเมนิ ผลโครงการ ผเู้ รยี นต้องไดค้ ะแนนรวมไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 70 จึงจะถือวา่ ผ่าน ** เกณฑ์การผ่านกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) 1) ผู้เรียนต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรูแ้ ละปฏบิ ตั โิ ครงการรวม ไมน่ ้อยกว่า 200 ชว่ั โมง 2) โครงการต้องบรรลวุ ัตถุประสงค์ โดยมีชิ้นงาน รอ่ งรอย หรอื เอกสารรายงานมาแสดง ** กรอบการวัดและประเมนิ ผลการเรียน 1) การวดั และประเมินผลการเรยี นเป็นรายวชิ า 2) การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต 3) การประเมินคณุ ธรรม **4) การประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ (N-NET : Non-Formal National Education Test) โดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) ชอ่ื ย่อ “สทศ.” ***และในกรณไี ม่สามารถมาสอบ N-NET ได้ สานกั งาน กศน. จัดให้มีศูนย์ทดสอบด้วยระบบ อิเล็กทรอนกิ ส์ กศน.อาเภอ (E-Exam : Non-Formal Education Electronic Examination Centre ) เพ่อื จดั ให้มีการสอบด้วยระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ** การติดตามและประเมินผล แบง่ ออกเปน็ 3 ระยะคอื 1) กอ่ นดาเนนิ โครงการ 2) ระหว่างดาเนนิ โครงการ 3) เสร็จส้ินโครงการ ** แนวทางการประเมินคุณธรรม จานวน 11 คณุ ธรรม แบ่งออกเปน็ 4 กลมุ่ **กลุ่มคุณธรรมเพอ่ื การพฒั นาตนเอง 1) สะอาด 2) สุภาพ 3) กตญั ํกู ตเวที **กลมุ่ คณุ ธรรมเพอื่ การพฒั นาการทางาน 4) ขยนั 5) ประหยัด 6) ซอ่ื สัตย์ **กลุ่มคุณธรรมเพอ่ื การพฒั นาการอยรู่ ว่ มกันในสงั คม 7) สามคั คี 8) มนี า้ ใจ 9) มีวนิ ัย **กลมุ่ คณุ ธรรมเพือ่ พฒั นาประเทศชาติ 10) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และรกั ความเปน็ ไทย 11) ยดึ ม่ันในวถิ ีชวี ิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมขุ สนใจส่ังชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

216 **เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาควบคมุ และบงั คับแบบ ประกอบด้วย **1)ระเบยี นแสดงผลการเรียน (กศน.1) 2)ประกาศนียบตั ร (กศน.2) 3)แบบรายงานผสู้ าเร็จการศึกษา (กศน.3) **แบบ กศน.1, กศน.2 และ กศน.3 เป็นเอกสารท่สี ว่ นกลางจัดทาโดยกาหนดควบคมุ และ บงั คบั แบบ สถานศกึ ษาไมส่ ามารถจดั ทาขน้ึ เองได้ : ผอ.กศน.จงั หวัด มีอานาจสั่งซ้ือตามแบบกระทรวง ศกึ ษากาหนดจากองค์การค้าครุ ุสภา ** ตวั อยา่ ง การแสดงเอกสารระเบียนแสดงผลการเรียน เช่น  ระดับประถมศึกษา กศน.1-ถ  ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น กศน.1-ต  ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กศน.1-ป *****เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทสี่ ถานศึกษาดาเนนิ การเอง **** เช่น แบบบนั ทึกผลพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น (กศน.4) แบบรายงานสรุปผลการเรียน (กศน.5) ใบรับรองผลการเรยี น (กศน.6) **การกรอกระเบียนแสดงผลการเรียน **การลงนามในเอกสาร (กศน.1) ใหน้ ายทะเบยี นและผู้อานวยการลงนามในเอกสาร ด้วย “หมึกสีนา้ เงิน” ประทับตราประจา สถานศึกษา โดยใช้ “หมึกสีแดงชาด” **การกรอกรายการประกาศนยี บัตร (กศน.2) ** ใหก้ รอกด้วยการเขยี นหรอื พิมพด์ ้วย “หมกึ สีดา” ห้ามใช้ปากกาลูกล่ืน ตัวเลขทุกแหง่ ให้ใชเ้ ลขไทย **การจบหลักสตู ร **1) ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ การเรียนรู้รายวิชาในแต่ละระดับการศกึ ษา ตามโครงสร้าง 1.1 ระดับประถมศึกษา ไมน่ ้อยกวา่ 48 หนว่ ยกติ แบ่งเป็นวชิ าบังคบั 36 หน่วยกิต และวิชาเลอื กไม่นอ้ ยกว่า 12 หน่วยกติ 1.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไมน่ ้อยกวา่ 56 หนว่ ยกติ แบง่ เป็นวิชาบังคับ 40 หนว่ ยกิต และวิชาเลอื กไมน่ อ้ ยกวา่ 16 หน่วยกิต 1.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่นอ้ ยกวา่ 76 หนว่ ยกติ แบ่งเปน็ วิชาบงั คบั 44 หน่วยกติ และวิชาเลือกไมน่ อ้ ยกวา่ 32 หนว่ ยกติ **2) ผ่านเกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต(กพช.) ไม่น้อยกวา่ 200 ชั่วโมง **3) ผ่านการประเมนิ คุณธรรม ในระดับพอใชข้ นึ้ ไป สนใจสง่ั ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

217 **4) เข้ารับการประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ (N-NET) โดย สถาบัน ทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) ตัวยอ่ สทศ. (ไมน่ าผลคะแนนการสอบมาเป็นเกณฑ์ การจบหลักสูตร) **การรายงานข้อมูลผเู้ รยี น - รายงานผลู้ งทะเบียนเรยี นแตล่ ะภาคเรยี น ไปยงั สานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. - รายงานผู้จบหลกั สูตรในแต่ละภาคเรยี น ดาเนินการหลงั จากอนุมัติผลการจบหลักสูตร ภายใน 30 วนั และควรจัดทาสาเนาไฟล์ข้อมลู ส่งให้สานกั งาน กศน. จังหวัด/กทม. เพอ่ื เกบ็ ไว้เป็น ขอ้ มลู อกี ทางหนึง่ - รายงานข้อมลู สารสนเทศการจดั การศกึ ษา (รายงานผลการประเมนิ ตนเอง SAR : Self Assessment Report) **การลงทะเบียนรกั ษาสถานภาพ ในกรณีที่ผเู้ รยี นไมส่ ามารถลงทะเบียนเรยี นในภาคเรยี นใดจะต้องลงทะเบยี นรกั ษาสถานภาพ การเป็นนกั ศกึ ษาทุกภาคเรยี น หากไมส่ ามารถลงทะเบียนรักษาสถานภาพในภาคเรยี นใดไดจ้ ะต้อง ลงทะเบียนรกั ษาสถานภาพเป็นนกั ศึกษาย้อนหลังทกุ ภาคเรียนท่ไี มไ่ ดล้ งทะเบียนและใหเ้ ป็นไปตามวัน เวลา วธิ ีการทส่ี ถานศึกษากาหนด ทงั้ น้ีต้องไมเ่ กนิ 6 ภาคเรียนตดิ ตอ่ กัน หากพ้นจากระยะเวลา ดังกลา่ วจะต้องขึน้ ทะเบียนเป็นนักศึกษาใหม่ รายวิชาใดทผ่ี เู้ รียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามที่หลกั สูตรกาหนด สามารถเกบ็ ผลการเรียน สะสมได้ 5 ปี นับจากวนั ที่อนุมตั ิผลการเรียน **การพน้ สภาพนกั ศึกษา 1. สาเรจ็ การศกึ ษา 2. ลาออก 3. ตาย 4. ออกตามวินัยวา่ ด้วยการลงโทษนักศึกษา **5. ไมล่ งทะเบยี นรกั ษาสภาพนกั ศึกษาติดต่อกนั 6 ภาคเรียน 6. ขาดคุณสมบัติการเปน็ นกั ศกึ ษา ตามระเบยี บทสี่ ถานศกึ ษากาหนด สนใจสั่งช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

218 แนวข้อสอบ หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 1. กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใหใ้ ชห้ ลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 เมอ่ื ใด ก. วนั ที่ 17 กนั ยายน พ.ศ. 2551 ข. วนั ท่ี 18 กนั ยายน พ.ศ. 2551 ค. วนั ที่ 19 กนั ยายน พ.ศ. 2551 ง. วนั ที่ 20 กนั ยายน พ.ศ. 2551 2. หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปน็ หลักสตู รท่ี มุง่ จดั การศึกษา ตามข้อใด ก. เพื่อจัดการศึกษาสาหรบั ผูด้ ้อยโอกาส ขาดโอกาสและพลาดโอกาสทางการศกึ ษา ข. เพอื่ สร้างสงั คมไทยให้เปน็ สังคมแหง่ การเรียนรู้ตามปรัชญา “คิดเป็น” ค. เพื่อเสริมสร้างใหผ้ ้เู รยี นไดพ้ ฒั นาและเรียนรอู้ ยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดชีวิต ง. สง่ เสริมใหภ้ าคีเครอื ข่ายมีสว่ นร่วมในการจัดการศึกษา 3. หลกั แนวคิดและปรชั ญาพืน้ ฐาน ของ กศน. คอื ข้อใด ก. คิดเป็น ข. หลกั ธรรมมาภบิ าล ค. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ง. หลักปรัชญาคดิ เป็นและหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4. หลกั ปรชั ญา “คิดเป็น”เปน็ กระบวนการคิดทเี่ กดิ ข้ึนจากหลกั การและแนวคดิ ของใคร ก. นายประเสริฐ บุญเรอื ง ข. ดร.รุง่ แกว้ แดง ค. ดร.โกวทิ วรพิพฒั น์ ง. ดร.อาทร จนั ทวิมล 5. ปรชั ญาแนวคิดความเช่อื พ้ืนฐาน ปรชั ญา “คิดเป็น” มคี วามเช่ือตามขอ้ ใด ก. เชอื่ ว่ามนุษยท์ ุกคนตอ้ งการความสุข ข. เชือ่ วา่ มนษุ ย์ทุกคนมคี วามเทา่ เทียมกัน ค. เชอื่ ว่ามนุษยท์ ุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้ ง. เชอื่ ว่ามนษุ ย์ทกุ คนมคี วามสมบรู ณท์ ัง้ ทางด้านร่างการและจติ ใจ 6. ข้อใดไม่ใช่จุดหมายของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ก. มีความอตุ สาหะ ข. มีคณุ ธรรม ค. มีความรพู้ น้ื ฐาน ง. บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ สนใจส่ังช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

219 7. ข้อใดไม่ใช่หลักการของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ก. หลกั สตู รมีโครงสร้างทย่ี ดื หยนุ่ ข. ภาคีเครอื ขา่ ยมสี ่วนร่วมในการจดั การศึกษา ค. ส่งเสรมิ ให้มีการเทียบโอนผลการเรยี น ง. มที กั ษะชีวิตตามเศรษฐกิจพอเพียง 8. ขอ้ ใดคอื ระดับการศึกษา ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ก. ระดบั ประถมศกึ ษา ระดบั มัธยมศกึ ษา ข. ระดบั การศึกษาภาคบังคบั ระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน ค. ระดับประถมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศึกษาปที่ ี่ 3 ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ง. ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 9. กรณีที่มกี ารเทียบโอน ท้งั นต้ี ้องลงทะเบยี นเรียนในสถานศกึ ษาอยา่ งน้อยกีภ่ าคเรยี น ก. 1 ภาคเรียน ข. 2 ภาคเรียน ค. 3 ภาคเรยี น ง. 4 ภาคเรยี น 10. ข้อใดไม่ใชส่ าระการเรยี นรตู้ ามโครงสรา้ งหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ก. สาระทักษะการเรยี นรู้ ข. สาระการพัฒนาสังคมและชุมชน ค. สาระความรูพ้ ้นื ฐาน ง. สาระการประกอบอาชพี 11. หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้สาระการ เรียนรู้ใด โดยให้ผเู้ รยี นเกิดกระบวนการเรยี นรู้และการจัดการความรู้ ก. สาระทกั ษะการเรียนรู้ ข. สาระความรพู้ ืน้ ฐาน ค. สาระการประกอบอาชีพ ง. สาระทักษะการดาเนินชวี ิต 12. หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระการเรยี นรใู้ ด มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ กระบวนการเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ก. สาระทักษะการเรยี นรู้ ข. สาระความรพู้ นื้ ฐาน ค. สาระการประกอบอาชพี ง. สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต 13. สาระการเรยี นรขู้ องหลักสูตรการศึกษานอกระบบและการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 มกี ่ีสาระ ก. 2 สาระ ข. 3 สาระ ค. 4 สาระ ง. 5 สาระ สนใจส่ังช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

220 14. โครงสร้างหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ในระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ในสาระความรพู้ ืน้ ฐาน กาหนดใหเ้ รยี นในรายวชิ าบงั คบั จานวนกหี่ น่วยกติ ก. 12 ข. 16 ค. 20 ง. 24 15. ตามโครงสร้างหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 กาหนดใหน้ กั ศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนต้นต้องเรียนรายวชิ าบงั คบั ทั้งหมดกห่ี น่วยกิต จึงจะ สามารถจบหลกั สูตร ก. 36 ข. 38 ค. 40 ง. 44 16. จานวนหน่วยกติ ระดบั ประถมศึกษา, ม.ตน้ , ม.ปลาย ตามลาดบั คอื ข้อใด ก. 32 – 56 - 67 ข. 32 – 56 - 76 ค. 48 – 56 - 67 ง. 48 – 56 – 76 17. วิชาเลือกในแตล่ ะระดับสถานศกึ ษาต้องจัดให้ผเู้ รียนเรยี นรู้จากการโครงงานจานวนอยา่ งนอ้ ยกี่ หน่วยกิต ก. 1 หน่วยกิต ข. 2 หน่วยกิต ค. 3 หนว่ ยกติ ง. 4 หนว่ ยกติ 18. ในการกาหนดรหสั วชิ า หลักที่ 4 ในความหมาย “เลข 3” หมายถึงข้อใด ก. บังคับ ข. เลือกสถานศกึ ษา ค. เลือกกลาง ง. เลอื กท้องถ่ิน 19.รายวชิ าเลอื กบงั คับ ใหส้ ถานศกึ ษาจดั ใหผ้ เู้ รียน เลอื กลงทะเบียน รายวชิ าเลือกบงั คบั จานวนกรี่ ายวชิ า ทุกระดับการศกึ ษา ก. 1 รายวิชา ข. 2 รายวชิ า ค. 3 รายวิชา ง. 4 รายวิชา 20. รายวิชาเลือกบงั คับมีจานวน ทัง้ หมดกี่รายวชิ า ก. 4 รายวิชา ข. 5 รายวชิ า ค. 6 รายวิชา ง. 7 รายวชิ า 21. การลงทะเบยี นเรียนรายวชิ า ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ลงทะเบียนภาคเรียนละไมเ่ กิน 22 หนว่ ยกิต ข. ลงทะเบยี นภาคเรียนละไมเ่ กิน 23 หน่วยกิต ค. ลงทะเบยี นทั้งหมดไม่น้อยกวา่ 24 หนว่ ยกิต ง. ลงทะเบียนท้งั หมดไมน่ ้อยกวา่ 25 หนว่ ยกติ สนใจสง่ั ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

221 22. คะแนนสอบปลายภาคเรียนในรายวิชาบังคับทุกระดับการศึกษา ผู้เรียนต้องได้คะแนนสอบ ปลายภาคอย่างน้อยร้อยละเท่าใด ก. รอ้ ยละ 30 ข.ร้อยละ 40 ค.รอ้ ยละ 50 ง. รอ้ ยละ 60 23. กรณที ีน่ ักศึกษาจะต้องจบหลักสูตร แตม่ จี านวนหน่วยกิต ท่ตี ้องลงทะเบยี นเรียนเกินกว่าจานวน หน่วยกิตท่ลี งทะเบียนได้ในแต่ละภาคเรยี น ให้สถานศึกษาจดั ให้ลงทะเบยี นเรยี นเพิ่มเติมในภาคเรยี น สดุ ทา้ ยได้ไม่เกนิ จานวนกห่ี น่วยกิต ก. 1 หนว่ ยกติ ข. 2 หนว่ ยกติ ค. 3 หน่วยกติ ง. 4 หน่วยกติ 24. การเทียบโอนผลการเรยี นจะกระทาได้เมอ่ื ใด ก. ภาคเรยี นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา ข. ทุกภาคเรยี นท่ีนกั ศกึ ษาลงทะเบียน ค. ภาคเรียนแรกทลี่ งทะเบยี นเป็นนกั ศกึ ษา ง. ทกุ ขอ้ ทีก่ ลา่ วมา 25. การเทียบโอน หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 มีจานวนก่ีวธิ ี ก. 3 วธิ ี ข. 4 วิธี ค. 5 วิธี ง. 6 วธิ ี 26. ขอ้ ใดไมส่ อดคล้องการเทยี บโอน หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ก. การเทยี บโอนผลการเรียนจากหลกั สูตรตา่ งประเทศ ข. การเทียบโอนผลการเรยี นจากการประเมินความรแู้ ละประสบการณ์ ค. การเทยี บโอนผลการเรียนจากการศึกษานอกระบบประเภทการศกึ ษาต่อเน่อื ง ง. การเทียบโอนผลการเรียนจากการศกึ ษานอกระบบประเภทการศกึ ษาตามอัธยาศยั 27. เกณฑ์การวดั และประเมินผล ตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง 2555) คือข้อใด ก. 30 : 70 ข.40 : 60 ค. 60 : 40 ง.70 : 30 28. ในการสอบปลายภาคเรียนในรายวิชาบังคับทกุ ระดับการศกึ ษา ผู้เรยี นต้องได้คะแนนสอบปลาย ภาคอย่างน้อยจานวนกีค่ ะแนนจงึ จะถอื ว่าสอบผ่าน ก. 12 คะแนน ข.16 คะแนน ค. 20 คะแนน ง. 24 คะแนน สนใจส่งั ชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

222 29. การกาหนดระยะเวลาเรียนมาเป็นเกณฑ์ในการมีสิทธิเข้าสอบปลายภาคเรียน โดยกาหนดให้ ผูเ้ รียนท่เี รยี นโดยวิธกี ารเรียนร้แู บบ กศน. ต้องมีเวลาเรียนในการพบพบกลุ่มหรือพบครูไม่น้อยกว่า รอ้ ยละเทา่ ใด ก. รอ้ ยละ 60 ข.ร้อยละ 70 ค.ร้อยละ 75 ง. ร้อยละ 80 30. ถา้ ผ้เู รยี นมรี ะยะเวลาในการพบกลุ่ม หรือพบครูไม่ถึงร้อยละ 75 แต่ถึงร้อยละ 50 ให้อยู่ในดุลย พนิ ิจของใครจงึ จะมสี ทิ ธิเขา้ สอบปลายภาคเรียน ก. ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอ/เขต ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. ครู กศน. ท่รี ับผิดชอบนักศกึ ษา ง. นายทะเบียน 31. การประเมินผลโครงการผเู้ รียนตอ้ งได้คะแนนรวมไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละเทา่ ใด จึงจะถือว่า” ผา่ น” ก. ร้อยละ 60 ข.ร้อยละ 70 ค.รอ้ ยละ 75 ง. รอ้ ยละ 80 32. ใครไม่มสี ่วนเกย่ี วขอ้ งกับการจัดกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต ก. ผบู้ ริหารสถานศึกษา ข. คณะกรรมการสถานศึกษา ค. ผ้เู รียน ง. ชุมชน/ภาคเี ครอื ข่าย 33. การวัดผลและประเมินผล ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 มจี านวนก่ีระดับ ก. 2 ระดบั ข. 3 ระดับ ค. 4 ระดับ ง. 5 ระดบั 34. ข้อใดไมใ่ ชก่ ระบวนการดาเนินงานกจิ กรรม กพช. ก. สถานศกึ ษาลงทะเบียนกิจกรรม กพช. ข. ผู้เรยี นยื่นคาร้องขอทากิจกรรม กพช. ค. สถานศึกษาแตง่ ต้งั คณะกรรมการประเมินโครงการ ง. คณะกรรมการ นเิ ทศ ตดิ ตามผลการดาเนนิ งานและประเมินผล 35. การจดั ใหม้ ีวธิ ีเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เน้นการฝึกปฏิบัติจริง โดยกาหนดให้ผู้เรียนต้องเรียนรู้ และ ปฏิบตั กิ ิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) ตลอดหลกั สตู รตามข้อใดถกู ต้องทสี่ ุด ก. 100 ช่ัวโมง ข. ไม่น้อยกวา่ 100 ชว่ั โมง ค. 200 ชัว่ โมง ง. ไม่นอ้ ยกว่า 200 ชว่ั โมง 36. ผู้เรยี นตอ้ งเรยี นรูส้ ามารถทากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ (กพช.) ตลอดหลกั สตู รตามขอ้ ใด ก. ภาคเรยี นละ 50 ชว่ั โมง ข. ภาคเรยี นละ 100 ชัว่ โมง ค. ภาคเรยี นละ 150 ชว่ั โมง ง. ภาคเรียนเดยี ว 200 ชวั่ โมงได้ สนใจส่ังช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

223 37. แบบประเมนิ ตนเองกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คือ แบบใด ก. กพช.1 ข. กพช.2 ค. กพช.3 ง. กพช.4 38. การประเมินคุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ คอื ข้อใด ก. O-NET ข. A-NET ค. N-NET ง. E-NET 39. ศนู ยท์ ดสอบด้วยระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ สานกั งาน กศน. คอื ข้อใด ก. O- Exam ข. A- Exam ค. N- Exam ง. E- Exam 40. ขอ้ ใดมีคุณสมบัติทจี่ ะเขา้ รับการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ (N-net) ก. นาย ก สอบได้คะแนนสงู สุดในระดบั ช้นั ข. นาย ข เรียนภาคเรียนสดุ ทา้ ยก่อนจบการศึกษา ค. นาย ค เรยี นภาคเรียนที่ 1 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ง. นาย ง เรยี นภาคเรยี นที่ 1 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 41. การประเมินคณุ ธรรม มที ัง้ หมดกก่ี ลุ่มคณุ ธรรม ก. 3 ข. 4 ค. 5 ง. 7 42. การประเมินคุณธรรม ทัง้ หมดก่ีขอ้ ก. 6 ข้อ ข. 9 ขอ้ ค. 11 ขอ้ ง. 12 ข้อ 43. ข้อใดอยู่ในกลุ่มคุณธรรม ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้ นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ก. กลุ่มคณุ ธรรมเพ่อื พฒั นาประเทศชาติ ข. กลุ่มคุณธรรมเพอื่ การพฒั นาตนเอง ค. กลุม่ คณุ ธรรมเพือ่ การพัฒนาตนเอง ง. กลมุ่ คณุ ธรรมเพ่ือการพฒั นาสงั คมชุมชน 44. ขอ้ ใดคือ กลุ่มคณุ ธรรมเพอ่ื การพฒั นาตนเอง ก. กตัญํกู ตเวที ข. ซอื่ สตั ย์ ค. มีวินัย ง. ประหยดั 45. ข้อใดคือกลมุ่ คณุ ธรรมเพื่อพฒั นาประเทศชาติ ก. สร้างความปรองดองสมานฉนั ท์ ข. สรา้ งเสริมประชาธปิ ไตย ค. มีความรู้รักสามคั คี ง. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และรักความเป็นไทย สนใจสง่ั ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

224 46. ข้อใดคือกลุม่ คณุ ธรรมเพื่อพัฒนาการทางาน ก. ขยนั ข. สะอาด ค. สุภาพ ง. กตัญํูกตเวที 47. ขอ้ ใดไม่สอดคล้องกับคณุ ธรรมเพอ่ื พฒั นาการอยรู่ ว่ มกันในสงั คม ก. ความเสยี สละ ข. ความสามัคคี ค. ความมวี นิ ยั ง. ความมนี า้ ใจ 48. การประเมินคณุ ธรรม ผ้เู รียนจะต้องมผี ลการประเมนิ ระดับใดขนึ้ ไป จงึ จะผา่ นการประเมิน ก. ปรับปรุง ข. พอใช้ ค. ดี ง. ดมี าก 49.ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ก. ผ่านเกณฑก์ ารประเมินการเรยี นรรู้ ายวิชาในแตล่ ะระดับการศึกษา ข. ผ่านเกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ ไม่นอ้ ยกวา่ 200 ชวั่ โมง ค. ผ่านการประเมินคณุ ธรรม ในระดับดีข้นึ ไป ง. เข้ารับการประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ 50. เอกสารหลักฐานการศึกษาใดทีส่ ถานศึกษาดาเนินการเอง ก. ประกาศนยี บตั ร ข. ระเบยี นแสดงผลการเรยี น ค. แบบบันทกึ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ง. แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา 51. ขอ้ ใดไมใ่ ชห่ ลักฐานการศึกษาควบคุมและบงั คับแบบ ก. กศน.1 ข. กศน.2 ค. กศน.3 ง. กศน.4 52. ข้อใดไมใ่ ชห่ ลักฐานการศึกษาควบคมุ และบังคับแบบ ก. ประกาศนียบัตร ข. ระเบียนแสดงผลการเรยี น ค. แบบรายงานผู้สาเร็จการศกึ ษา ง. แบบบนั ทึกการพฒั นาคุณภาพชีวิต 53. เอกสารหลักฐานการศึกษาควบคมุ และบังคับแบบ กศน.2 เรยี กวา่ อะไร ก. ประกาศนยี บตั ร ข. ระเบียนแสดงผลการเรียน ค. แบบรายงานผู้สาเร็จการศกึ ษา ง. แบบบันทึกการพฒั นาคุณภาพชีวิต 54. หลกั ฐานการศึกษา กศน. 4 คือข้อใด ก. ประกาศนยี บตั ร ข. ระเบียนแสดงผลการเรยี น ค. แบบรายงานผูส้ าเร็จการศกึ ษา ง. แบบบนั ทึกการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต สนใจสั่งช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

225 55. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาควบคมุ และบงั คับแบบ ใครมอี านาจสง่ั ซ้อื ตามแบบกระทรวงศกึ ษา กาหนดจากองค์การค้าคุรุสภา ก. นายทะเบียน ข. ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ/เขต ค. ผู้อานวยการ สานักงาน กศน.จงั หวดั /กทม. ง. เลขาธกิ าร กศน. 56. การลงนามในเอกสาร (กศน.1) ใหน้ ายทะเบียนและผู้อานวยการลงนามในเอกสาร ดว้ ย ก. หมึกสดี า ข. หมกึ สแี ดง ค. หมกึ สนี า้ เงนิ ง. หมกึ สีใดกไ็ ด้ 57. การรายงานผู้จบหลักสูตรในแต่ละภาคเรียน ต้องดาเนินการหลังจากอนุมัติผลการจบหลักสูตร ภายในก่วี นั ก. 15 วัน ข. 20 วัน ค. 30 วัน ง. 45 วัน 58. การลงทะเบยี นนกั ศึกษา ได้กาหนดรหัสประจาตวั นักศึกษาไวก้ ีห่ ลัก ก. 10 หลกั ข. 11 หลัก ค. 12 หลกั ง. 13 หลกั 59. ข้อใดไม่ใชเ่ กณฑ์การจบหลกั สตู ร ก. ผา่ นการประเมินกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ข. ผา่ นการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ค. เข้ารับการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ ง. ได้รับการตัดสินผลการเรียนผา่ นครบตามโครงสรา้ งหลักสูตร 60. พระภิกษุ สามเณร ทีส่ อบไล่ได้นักธรรมช้ันเอก สามารถเข้าศึกษา หลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ในระดับใด ก. ประถมศึกษา ข. มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ค. มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ง. ทั้ง 3 ระดบั 61. นกั ศึกษาทขี่ าดการลงทะเบยี นรกั ษาสภาพกี่ภาคเรยี นตดิ ตอ่ กนั จึงถอื วา่ พ้นสภาพการเป็น นักศึกษา ก. 4 ภาคเรยี น ข. 6 ภาคเรียน ค. 8 ภาคเรยี น ง. 10 ภาคเรียน 62. กรณที มี่ กี ารหมดอายขุ องรายวิชาทีม่ ีเกรดแลว้ แสดงว่ารายวชิ านัน้ มอี ายุเกนิ ก่ปี ี ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี สนใจสัง่ ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

226 63. ในกรณที ม่ี เี หตจุ าเปน็ ตอ้ งขยายเวลารับสมัครนกั ศกึ ษา สถานศึกษาสามารถดาเนนิ การไดภ้ าค เรียนละกีค่ ร้งั ๆละกี่วัน ก. ภาคเรียนละ 1 ครงั้ ๆละไม่เกนิ 10 วัน ข. ภาคเรียนละ 1 ครง้ั ๆละไมเ่ กนิ 15 วัน ค. ภาคเรียนละ 2 ครงั้ ๆละไมเ่ กิน 10 วนั ง. ภาคเรยี นละ 2 ครัง้ ๆละไม่เกิน 15 วนั 64. การขยายเวลารบั สมัครนักศกึ ษา สถานศกึ ษาตอ้ งจัดทาเป็น ก. คาส่งั ข. ระเบียบ ค. ประกาศ ง. หนังสอื แจ้งเวียน 65. เปรียญธรรม 3 ประโยค สามารถเทยี บเทา่ วฒุ ิการศึกษา ตามข้อใด ก. ประถมศึกษา ข. มธั ยมศึกษาตอนต้น ค. มัธยมศึกษาตอนปลาย ง. ไม่สามรถเทียบได้เพราะเปน็ วฒุ ทิ างธรรม 66. ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินตามทหี่ ลักสตู รกาหนด สามารถเก็บผลการเรียนสะสมไดก้ ี่ปี นบั จากวนั ทอี่ นมุ ัติผลการเรยี น ก. 2 ปี ข. 3 ปี ค. 4 ปี ง. 5 ปี 67. ขอ้ ใดเป็นเหตใุ หน้ ักศึกษาหมดสภาพการเปน็ นักศึกษา ต้องข้ึนทะเบยี นนกั ศึกษาใหม่ ก. นายพที เป็นนกั ศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ไมไ่ ด้ลงทะเบียนมาแลว้ 2 ภาคเรียน ตดิ ต่อกนั ข. นางสาวขวัญฤดี เปน็ นักระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ไมไ่ ดล้ งทะเบยี นมาแล้ว 4 ภาคเรยี น ตดิ ต่อกัน ค. นายดามิด เป็นนักศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไมไ่ ด้ลงทะเบียนมาแล้ว 6 ภาคเรยี น ติดต่อกัน ง. ถกู ทกุ ข้อ 68. “สถานศกึ ษาต้องจัดใหผ้ เู้ รียนเขา้ รบั การประเมินในภาคเรยี นสุดทา้ ยกอ่ นสอบปลายภาคของ ภาคเรยี นนั้น ๆ โดยไมม่ ีผลตอ่ การไดห้ รือตกของผเู้ รียน” ข้อความดงั กลา่ วเป็นการวดั และ ประเมินผลระดบั ใด ก. ระดบั หอ้ งเรยี น ข. ระดับสถานศกึ ษา ค. ระดับชาติ ง. ถูกทุกข้อ สนใจสัง่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

227 69. ข้อใดกล่าวไม่ถูกตอ้ ง เกยี่ วกบั วธิ ีการเทยี บโอนผลการเรยี น ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ก. การเทียบโอนผลการเรยี นจากหลกั ฐานการศกึ ษาทจี่ ดั การศึกษาเปน็ ระดบั ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนปลายหรอื เทียบเท่า ข. การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษานอกระบบประเภทการศึกษาตลอดชีวติ ค. การเทียบโอนผลการเรยี นจากความรู้และประสบการณ์กลมุ่ เปาู หมายเฉพาะ ง. การเทยี บโอนผลการเรียนจากหลกั สูตรตา่ งประเทศ 70. แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศึกษา คอื เอกสารหลักฐานใด ก. กศน.1 ข. กศน.2 ค. กศน.3 ง. กศน.4 เฉลยแนวข้อสอบ 1.ข 2.ข 3.ง 4.ค 5.ก 6.ก 7.ง 8.ง 9.ก 10.ข 11.ก 12.ง 13.ง 14.ค 15.ค 16.ง 17.ค 18.ข 19.ข 20.ค 21.ข 22.ก 23.ค 24.ค 25.ค 26.ง 27.ค 28.ก 29.ค 30.ก 31.ข 32.ข 33.ก 34.ก 35.ง 36.ง 37.ข 38.ค 39.ง 40.ข 41.ข 42.ค 43.ง 44.ก 45.ง 46.ก 47.ก 48.ข 49.ค 50.ค 51.ง 52.ง 53.ก 54.ง 55.ค 56.ค 57.ค 58.ก 59.ข 60.ข 61.ข 62. ค 63.ข 64.ค 65.ข 66.ง 67.ค 68.ค 69.ข 70.ค สนใจสง่ั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

228 หลกั สูตรและการพฒั นาหลกั สตู ร ********************* **หลกั สูตรแกนกลาง หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานพทุ ธศักราช 2551 วัตถุประสงค์ เพื่อ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และศกั ยภาพในการประกอบอาชพี (KPA : ความรู้ กระบวนการ คุณธรรม) ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ มอี านาจยกเลิกเปล่ยี นแปลง หลกั สูตรแกนกลาง โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการส่งเสริม สนบั สนนุ และประสานคสามรว่ มมอื การศกึ ษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั (21 คน) ผู้กาหนดหลกั สูตรคือคณะกรรมการสง่ เสรมิ ฯ (21 คน) ผูป้ ระกาศใช้คือกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่มิ ใช้นาร่องภาคละ 2 แหง่ ในปีการศกึ ษา 2552 และท่ัวไปใชป้ ี การศกึ ษา 2553 **หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐานพทุ ธศักราช 2551 เปน็ หลกั สูตรอิง มาตรฐาน คอื หลกั สูตรท่มี มี าตรฐานการเรียนรเู้ ป็นเปูาหมาย เปน็ กรอบทศิ ทาง ในการกาหนดเน้อื หา ทักษะ/กระบวนการ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพอ่ื พัฒนาผเู้ รยี น ให้มีความระดับรู้ ความสามารถ บรรลมุ าตรฐานตามที่รัฐบาลประกนั สทิ ธแิ ละโอกาสการเรยี นรู้ **ความหมายของหลักสตู รสถานศกึ ษา หลกั สูตรสถานศึกษา (School-Based Curriculum) หมายถงึ แผนหรือแนวทางหรือ ขอ้ กาหนดของการจดั การการศึกษาทจ่ี ะพัฒนาให้ผ้เู รียนมคี วามรู้ความสามารถ ซ่ึงจดั ทาโดยคณะบคุ คล ของสถานศึกษาและผู้เก่ียวข้อง เพือ่ พฒั นาผู้เรียน และชุมชน สงั คม ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการ เรยี นรู้ และสง่ เสริมให้ผู้เรียนรู้จกั ตนเอง มีชวี ิตอยูใ่ นชมุ ชน สังคมอยา่ งมคี วามสขุ ซ่งึ ต้องไมข่ ดั ตอ่ ความ ม่นั คงของชาติ และสทิ ธิมนุษยชน **ความสาคญั ของหลกั สูตรสถานศกึ ษา 1. เปน็ ข้อกาหนดที่ทุกคนในสถานศึกษาต้องปฏิบัตเิ พ่ือพัฒนาผ้เู รยี นใหม้ ีคุณภาพตาม มาตรฐานทกี่ าหนด และพัฒนาใหส้ อดคล้องกับความถนัด ความสนใจ ความต้องการของผู้เรยี น สถานศกึ ษา และเปน็ ไปตามสภาพ ป๎ญหาของชมุ ชน สงั คม 2. เปน็ เอกสารทบี่ คุ คลภายนอกหรอื หน่วยงานต่างๆ ใช้ประโยชน์ในกรณีที่ตอ้ งการศึกษา เกยี่ วกบั การจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา 3. เปน็ เอกสารท่ีใชป้ ระกอบการประเมินคุณภาพภายนอก เพ่ือประเมนิ ใหส้ อดคล้องกับสภาพ จรงิ ในการปฏิบัติงานของสถานศึกษา **กรอบการพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา เป็นการดาเนินงานร่วมกันระหวา่ งสถานศึกษา ชมุ ชน ภาคี เครือข่าย โดยยึดหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 เปน็ ฐาน สนใจสง่ั ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

229 เพ่อื พัฒนาผูเ้ รียนให้มคี วามสามารถในการเรยี นรู้ สอดคล้องกับเปาู หมายการพัฒนาของจังหวดั อาเภอ ชุมชน ให้เปน็ ไปตามปรชั ญาของการศึกษานอกโรงเรียน “คดิ เป็น” และวิสยั ทศั น์ของสถานศึกษา ดว้ ย การวเิ คราะหส์ ภาพ ป๎ญหา ความตอ้ งการการพฒั นาเพ่ือกาหนดทศิ ทาง และบง่ ชใี้ ห้เหน็ อตั ลักษณ์ของ การพฒั นากาลงั คน นาไปส่กู ารจัดทาแผนการเรียนร้ทู ี่เหมาะสม **การจดั ทาหลกั สูตรสถานศกึ ษา 1. วิเคราะหห์ ลกั สูตร 2. วเิ คราะหส์ ภาพปญ๎ หาและความตอ้ งการของผู้เรียน ชมุ ชน 3. กาหนดโครงสร้างหลกั สูตรและหนว่ ยการเรยี นรู้ของสถานศกึ ษา 4. จัดทาแผนการเรียนร้รู ่วมกนั กับผู้เรยี นและผทู้ ี่เก่ียวขอ้ ง 5. รปู แบบกระบวนการเรียนรู้ กศน. ONIE MODEL 4 ข้ันตอน 5.1 ขั้นกาหนดสภาพป๎ญหา/ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 5.2 ขั้นแสวงหาขอ้ มลู และจดั การเรียนรู้ (NEW ways of learning : N) 5.3 ขน้ั ปฏบิ ัติ (Implementation : I) 5.4 ขนั้ ประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation : E) **รูปแบบการพฒั นาหลกั สูตร (6 ขนั้ ตอน) 1) วิเคราะห์ข้อมูล SWOT 2) กาหนดวัตถปุ ระสงค์(จุดม่งุ หมาย) 3) จดั ทาเนอื้ หา 4) การจดั การเรยี นรู้หรือการนาหลักสูตรไปใช้ 5) การวัดผลและประเมินผล 6) การปรบั ปรุงหรือเปล่ียนแปลงหลักสูตร **การพฒั นาหลกั สตู รเปรยี บกับวงจรคณุ ภาพของเดมม่ิง (Deming Cycle – PDCA) P : Plan หมายถึง วางแผน, D : Do หมายถึง ปฏิบตั ิตามแผน, C : Check หมายถงึ ตรวจสอบ/ประเมนิ ผลและนาผลประเมนิ มาวิเคราะห์, A : Action หมายถึง ปรับปรงุ แก้ไขดาเนนิ การใหเ้ หมาะสมตามผลการประเมิน **การบริการหลกั สูตร เพือ่ เตรียมความรู้ ทกั ษะและคณุ ลกั ษณะของผู้เรียนให้สอดคล้องและตรง ประเด็นกบั การศกึ ษาต่อและการประกอบอาชีพในอนาคต สนใจสง่ั ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

230 **หลกั สูตรสถานศึกษา บุคลากรสถานศึกษาเป็นผู้จดั ทาสาระของหลกั สูตรสถานศกึ ษาต้อง สอดคล้องกบั สภาพป๎ญหาของชมุ ชน ผ้พู ัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา คอื คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตร และวิชาการของสถานศกึ ษา (ผอ.แตง่ ตง้ั ) พฒั นาเสร็จตอ้ งขออนุมตั หิ ลกั สูตรสถานศึกษากบั คณะกรรมการสถานศึกษาก่อนนาไปใช้ ผอู้ นมุ ัติ คือ ผอ.กศน.อาเภอ หัวใจของหลกั สูตร คือ การจัดทาหนว่ ยการเรียนรู้ **สรุปหลักสตู ร คือ 1) หลกั สตู รกศน.51 เป็นหลักสตู รองิ มาตรฐาน 2) หลักสตู รอิงมาตรฐาน เปน็ หลักสูตรทม่ี ีมาตรฐานเป็นเปูาหมายสิ่งทีค่ าดหวังในการ พฒั นาผเู้ รียน 3) การพฒั นาหลักสตู ร จะตอ้ งเช่ือมโยงกบั มาตฐานการเรียนรู้ **การบริหารหลกั สูตรสถานศึกษา คือ สถานศึกษาชแี้ จง สร้างความเขา้ ใจใหผ้ ู้เกย่ี วขอ้ ง ไดท้ ราบและขอความเห็นจากคณะกรรมการสถานศกึ ษา **การพฒั นาหลักสูตร คือการจดั ทา ปรับปรงุ เปลีย่ นแปลง เพอ่ื ใหเ้ หมาะกบั ความต้องการ ของบุคคลและสงั คม **การพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษาเป็นแนวคิดภายใต้กรอบการบริหารงานทใ่ี ช้โรงเรยี น เปน็ ฐาน (SBM : School Based Management) การยึดโรงเรียนเปน็ ฐาน 4 หลัก คอื 1) หลักกระจายอานาจ 2) หลักมสี ่วนรว่ ม 3) หลกั คืนอานาจการจดั การศึกษาใหป้ ระชาชน 4) หลกั บริหารตนเอง ตรวจสอบ ถ่วงดุล สนใจส่งั ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

231 แนวข้อสอบการพฒั นาหลักสตู ร 1. ผู้ใดมีอานาจ ยกเลิก เปลีย่ นแปลง หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ก. เลขาธกิ าร กศน. ข. ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ ง. คณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัย 2. ผู้ใดเปน็ ผกู้ าหนด หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ก. เลขาธกิ าร กศน. ข. ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ค. รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการ ง. คณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั 3. คณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั มจี านวนก่คี น ก. 19 คน ข. 20 คน ค. 21 คน ง. 22 คน 4. KPA มคี วามหมายตรงตามขอ้ ใด ก. ความรู้ คณุ ธรรม จริยธรรม ข. ความรู้ กระบวนการ คุณธรรม ค. ความรู้ กระบวนการ จรยิ ธรรม ง. ความรู้ การพฒั นา การนาไปใช้ 5. หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เร่ิมใช้พร้อมกัน ทว่ั ไปในปีใด ก. 2551 ข. 2552 ค. 2553 ง. 2555 6. ขนั้ ตอนแรกของการจดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษาคือข้อใด ก. กาหนดโครงสรา้ งหลกั สตู รและหน่วยการเรียนรูข้ องสถานศกึ ษา ข. วเิ คราะห์สภาพป๎ญหาและความตอ้ งการของผู้เรยี น ชุมชน ค. จัดทาแผนการเรียนร้รู ่วมกันกบั ผู้เรยี นและผทู้ ีเ่ กีย่ วขอ้ ง ง. วิเคราะห์หลักสูตร สนใจส่ังช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

232 7. รปู แบบกระบวนการเรียนรู้ กศน. คือข้อใด ก. PDCA ข. ONIE ค. OOCC ง. NFEA 8. รปู แบบกระบวนการเรียนรู้ กศน. ONIE มี 4 ข้นั ตอน ตวั อกั ษร “ I ” หมายถึงขอ้ ใด ก. ขั้นปฏิบัติ ข. ขนั้ ประเมินผลการเรยี นรู้ ค. ขนั้ กาหนดสภาพปญ๎ หา ง. ขั้นแสวงหาขอ้ มูลและจัดการเรียนรู้ 9. กระบวนการเรยี นรู้ กศน. ONIE MODEL ขนั้ ตอนใดหมายถึง การแสวงหาขอ้ มลู และจัดการ เรียนรู้ ก. Evaluation ข. Orientation ค. Implementation ง. New way of learning 10. รูปแบบการพัฒนาหลกั สูตร มจี านวนกี่ข้นั ตอน ก. 4 ขนั้ ตอน ข. 5 ขัน้ ตอน ค. 6 ข้ันตอน ง. 7 ขน้ั ตอน 11. ขนั้ ตอนแรกของการพัฒนาหลกั สตู ร คือขอ้ ใด ก. กาหนดวัตถุประสงค์(จดุ มุง่ หมาย) ข. วิเคราะหข์ อ้ มูล SWOT ค. จัดทาเน้อื หา ง. รวบรวมข้อมูล 12. การพฒั นาหลกั สูตร จะต้องเชื่อมโยงและสอดคลอ้ งกบั ข้อใด ก. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข. มาตรฐานการเรียนรู้ ค. ผู้เรยี น ง. บริบทของสถานศึกษา 13. ใครเปน็ ผู้เหน็ ชอบหลกั สตู รสถานศึกษา ก. เลขาธกิ าร กศน. ข. ผู้อานวยการ สานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. ค. ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ/เขต ง. คณะกรรมการสถานศึกษา 14. ใครเป็นผอู้ นุมตั หิ ลกั สตู รสถานศึกษา ก. เลขาธิการ กศน. ข. ผอู้ านวยการ สานักงาน กศน.จงั หวัด/กทม. ค. ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ/เขต ง. คณะกรรมการสถานศึกษา 15. การพัฒนาหลักสูตร คอื การจดั ทา ปรับปรงุ เปล่ยี นแปลง เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั ข้อใด ก. บริบทชุมชน ข. บริบทสถานศึกษา ค. ความตอ้ งการของบคุ คลและสงั คม ง. สอดคล้องกบั นโยบายรัฐบาล 16. ข้อใดไม่สอดคล้องกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาภายใต้แนวคิดกรอบการบริหารงานท่ีใช้ โรงเรียนเป็นฐาน (SBM : School Based Management) การยดึ โรงเรียนเปน็ ฐาน ก. หลกั มีส่วนรว่ ม ข. หลกั ความค้มุ คา่ ค. หลกั กระจายอานาจ ง. หลักคนื อานาจการจัดการศึกษาใหป้ ระชาชน สนใจสัง่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

233 17. ผพู้ ัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา คอื คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา ใครเป็นผแู้ ตง่ ต้ัง ก. เลขาธิการ กศน. ข. ผอู้ านวยการ สานกั งาน กศน.จังหวดั /กทม. ค. ผู้อานวยการ กศน.อาเภอ/เขต ง. คณะกรรมการสถานศกึ ษา 18. หวั ใจของหลักสตู ร คอื ขอ้ ใด ก. การจัดทาจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข. การจัดทามาตรฐานการเรียนรู้ ค. การจัดทาหน่วยการเรียนรู้ ง. การจดั แผนการเรียนรู้ 19. ใครเป็นผจู้ ดั ทาสาระของหลกั สูตรสถานศึกษา ก. บคุ ลากรในสถานศึกษา ข. คณะกรรมการสถานศกึ ษา ค. นายทะเบียนสถานศกึ ษา ง. คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการของสถานศึกษา 20. สาระของหลกั สตู รสถานศึกษา ตอ้ งสอดคล้องกบั ข้อใด ก. สภาพป๎ญหาของนักศึกษา ข. สภาพปญ๎ หาของสถานศกึ ษา ค. สภาพปญ๎ หาของชมุ ชน ง. สภาพปญ๎ หาของประเทศชาติ เฉลยข้อสอบ 1.ข 2.ง 3.ค 4.ข 5.ค 6.ง 7.ข 8.ก 9.ง 10.ค 11.ข 12.ข 13.ง 14.ค 15.ค 16.ข 17.ก 18.ค 19.ก 20.ค สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

234 การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย (Informal Education) ******************************* พระราชบัญญัตสิ ่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั พ.ศ.2551 ได้ให้ คาจากดั ความ ของการศึกษาตามอัธยาศยั ไวว้ ่า “การศึกษาตามอัธยาศัย” หมายความวา่ กิจกรรม การเรยี นรู้ในวิถีชีวติ ประจาวนั ของบุคคลซึ่งบุคคลสามารถเลือกท่จี ะเรยี นรูได้อย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการโอกาสความพรอม และศักยภาพในการเรยี นรูของแต่ละบคุ คล เปูาหมายของการจดั การศกึ ษาตามอัธยาศัย เพือ่ ตอบสนองความต้องการการเรยี นรู้ตามความสนใจ ความถนดั และศักยภาพของแต่ละ บคุ คลให้สามารถศึกษาได้อย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวิต **รูปแบบการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย **การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยไม่มรี ูปแบบการศกึ ษา หรือการเรยี นรู้ท่ีตายตัว ไม่มี หลกั สตู รเป็นตัวกาหนดกรอบกจิ กรรม หรือขอบข่ายสาระการเรียนรู้ การเรยี นรขู้ นึ้ อยกู่ บั ความ ตอ้ งการ และแรงจงู ใจใฝุรขู้ องแต่ละบุคคล 1. จดั กิจกรรมในแหล่งการเรยี นรู้ประเภทต่างๆ เช่นหอ้ งสมดุ ประชาชน การเรียนรดู้ ้วย ระบบคอมพิวเตอรอ์ อนไลน์ พิพิธภณั ฑ์ การจัดกิจกรรมการเรยี นรจู้ ากภมู ิปญ๎ ญาชาวบา้ น การจัดกลุ่ม เสวนา หรือการอภปิ ราย กจิ กรรมทางศาสนาและวฒั นธรรม กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นการเผยแพร่ ข่าวสารข้อมลู และความรู้ต่างๆ ฯลฯ 2. ส่งเสรมิ สนับสนุน และพฒั นาการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ไดแ้ ก่ สนบั สนนุ สอ่ื แก่ หน่วยงานและแหล่งความรตู้ ่างๆ 3. ส่งเสรมิ ใหห้ น่วยงานเครอื ขา่ ยจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย เชน่ ห้องสมดุ ในสถานที่ ราชการ สถานประกอบการ ฯลฯ 4. ส่งเสรมิ สนับสนนุ การพัฒนากลุม่ ตา่ งๆ ตามความต้องการและความสนใจ เชน่ กลุ่ม ดนตรี กลมุ่ ส่ิงแวดล้อม พฒั นาชุมชน ฯลฯ **หลกั การจัดการศึกษาตามอัธยาศยั 1) จัดให้สนองกลมุ่ เปาู หมาย ทกุ เพศและวยั ตามความสนใจและความต้องการ 2) จดั ให้สอดคล้องกบั วิถีชีวิต 3) จัดโดยวิธหี ลากหลายโดยใชส้ ื่อต่างๆ 4) จัดใหย้ ืดหยุ่น โดยไม่ยดึ รปู แบบใดๆ 5) จัดให้ทันต่อเหตุการณ์ 6) จดั ไดท้ ุกกาลเทศะ 7) จดั บรรยากาศ สถานการณ์ และสภาพแวดล้อมใหเ้ ออ้ื ตอ่ การเรียนรูต้ ลอดชวี ิต สนใจส่ังชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

235 สรุป การศึกษาตามอธั ยาศยั เน้นท่ผี เู้ รียนทต่ี ้องการเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง แต่ องคก์ รทางการศึกษา และผทู้ ม่ี ีสว่ นเก่ยี วข้องในการจดั การศกึ ษาจะต้องจัดหาและเตรยี มแหลง่ เรยี นรูไ้ ว้ ใหพ้ ร้อม ให้มีกิจกรรมหลากหลายสาหรบั ให้บริการแกผ่ ทู้ ดี่ อ้ งการแสวงหาความร้ตู ามอัธยาศัยอย่าง ครบถ้วน ทันต่อเหตกุ ารณ์ และทนั สมัยอยู่ตลอดเวลา โดยความรว่ มมือขององคก์ รต่างๆ ในสงั คมในรปู ของภาคเี ครือขา่ ย เพื่อสรา้ งสังคมแหง่ การเรยี นรูแ้ ละการพฒั นาที่ย่ังยนื ** อาสาสมคั รส่งเสริมการอ่าน **อาสาสมคั รส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั เรยี กชอื่ โดยยอ่ วา่ อาสาสมัคร กศน. (Non-Formal and Informal Education Voluteer : NIEV) อาสาสมคั ร กศน. หมายถึง บคุ คลท่ีมคี วามรู้ ความสามารถและสมคั รใจทางานเพือ่ สงั คมในด้านการศกึ ษา โดยไมร่ ับ ค่าตอบแทนในหมวดเงินเดอื นและได้รับการฝึกอบรมก่อนไดร้ บั การแต่งตัง้ ใหเ้ ป็นอาสาสมัคร กศน. *วตั ถปุ ระสงค์ 1) เพอื่ ใหค้ นทีม่ ีความรู้ความสามารถและจิตอาสาในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้ ประสบการณเ์ ฉพาะดา้ น ได้มีส่วนรว่ มในการส่งเสรมิ สนบั สนุนการจดั การศึกษาให้แก่ประชาชนใน ชุมชนได้อย่างทั่วถงึ 2) เพ่ือช่วยบรรเทาภาวะขาดแคลนบุคลากรท่มี ีความรเู้ ฉพาะด้านทางการศึกษา ใน ชุมชน 3) เพ่ือเสริมสร้างการเรียนร้ตู ลอดชีวิตของประชาชน **คณุ สมบตั ทิ ่ัวไปของ อาสาสมคั ร กศน. 1) อายุไม่ตา่ กว่า 18 ปีบริบูรณ์ 2) เป็นผ้ทู ่ีสมคั รใจและเสยี สละเพื่อช่วยงานการศึกษาตลอดชวี ติ ของประชาชน 3) เป็นผู้มภี มู ิลาเนาหรือมีถนิ่ ท่ีอยู่ประจาในหมบู่ ้านหรือชุมชน 4) เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและสามารถอา่ นออกเขยี นได้ 5) เป็นบุคคลที่กรรมการหมบู่ า้ นหรือประชาชนรบั รองว่าเปน็ ผูท้ ม่ี คี วามประพฤติ อย่ใู นกรอบศลี ธรรมอันดี ได้รบั ความไว้วางใจและยกย่องจากประชาชน **กรณีที่คุณสมบัติไมค่ รบ ให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของคณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั /กรุงเทพมหานคร โดยยึดประโยชน์ของชมุ ชนเปน็ หลัก คณุ ลกั ษณะของอาสาสมคั ร กศน. 1) มีจิตบริการ 2) ให้บริการประชาชนอย่างมีคุณภาพ 3) ใหค้ วามสาคญั แก่ผู้พลาดโอกาส ขาดโอกาส และด้อยโอกาส โดยการให้ความ ช่วยเหลอื ดูแลดว้ ยความห่วงใย จริงใจ สนใจสงั่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

236 4) พร้อมรบั การตรวจสอบจากทุกฝุาย 5) รักษาเอกลกั ษณข์ องความเปน็ ไทย **การคดั เลอื กอาสาสมัคร ในการคัดเลือกอาสาสมคั ร กศน. ให้กาหนดตามจานวน หลงั คาเลอื นในชมุ ชน โดยจานวนไม่เกนิ 50 หลงั คาเรือนให้มอี าสาสมัคร กศน.ได้ไม่เกิน 1 คน สาหรับ ในพืน้ ทที่ มี่ จี านวนหลังคาเรือนเกิน 50 หลังคาเรือน ให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจ ของ กศน.อาเภอ/เขต และให้รายงานต่อ สานักงาน กศน.จงั หวดั /กรุงเทพมหานคร แลว้ แตก่ รณี ทราบ **บทบาทของ กศน.อาเภอ/เขต 1) กาหนดจานวนอาสาสมัคร กศน. อาเภอ/เขต และรายงานสานักงาน กศน. จังหวดั / กรงุ เทพมหานคร 2) กศน.อาเภอ/เขต ร่วมกับชมุ ชนดาเนนิ การสรรหาและคดั เลอื กผทู้ ี่มีคุณสมบัติ เพ่อื เข้า รับการอบรมและรายงานสานักงาน กศน.จงั หวัด/กรุงเทพมหานคร 3) แตง่ ต้ังผมู้ ีคุณสมบัตคิ รบหรอื ผทู้ ่ไี ด้รบั การยกเวน้ เปน็ อาสาสมคั ร กศน. 4) มอบหมายภารกิจหน้าท่ีใหก้ บั อาสาสมคั ร กศน. และกากับติดตามผลการปฏบิ ัตงิ าน ของอาสาสมคั ร กศน. 5) สง่ เสรมิ สนับสนนุ และเสริมสรา้ งศกั ยภาพในการปฏบิ ัติงานแก่อาสาสมคั ร กศน. 6) จดั ทารายงานผลการปฏบิ ัตงิ านของอาสาสมคั ร กศน. ให้สานักงาน กศน.จงั หวัด/เขต และคณะกรรมการทเี่ กยี่ วขอ้ ง *บทบาทหน้าที่ของ ครู กศน. 1) รว่ มกบั อาสาสมัคร กศน.สารวจขอ้ มูลเกยี่ วกับ 1) จดั รวมกลมุ่ เปูาหมาย 50 หลงั คาเรอื น 2) ศกึ ษาสภาพปญั หาและความตอ้ งการของกลุม่ เปาู หมาย/ชมุ ชน 3) วเิ คราะห์ขอ้ มูล และจดั ลาดบั ความสาคญั ของป๎ญหา 2) ร่วมกับอาสาสมคั ร กศน. จัดทาแผนงาน/โครงการ ให้สอดคล้องกับสภาพปญ๎ หา และ ความตอ้ งการของกล่มุ เปูาหมาย/ชมุ ชน(แผนชุมชน) แผนงาน/โครงการแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แผนงาน/โครงการสาหรับกลมุ่ เปูาหมายท่วั ไป และแผนงาน/โครงการสาหรับกลุ่มเปาู หมายเฉพาะ 3) ร่วมกับอาสาสมคั ร กศน. ปฏิบัติงานจัดการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของกลุ่มเปูาหมาย การปฏบิ ตั ิงานมี 3 ขน้ั ตอน 3.1) เตรยี มกลุ่มเปูาหมายให้มคี วามเขา้ ใจ 3.2) ดาเนนิ การจัดกจิ กรรมใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงค์และเปูาหมายที่ 3.3) สง่ เสรมิ การพัฒนาคุณภาพการจัดกิจกรรม กศน. ใหด้ ยี ่งิ ข้ึน 4) รว่ มกับ อาสาสมัคร กศน. นิเทศ เยีย่ มเยยี น กลุม่ เปาู หมาย 5) ร่วมกบั อาสาสมัคร กศน. ในการประเมินโครงการ/กจิ กรรม สนใจสง่ั ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

237 **บทบาทหน้าทขี่ อง อาสาสมัคร กศน. 1) เสนอความต้องการในการเรยี นรขู้ องประชาชน โดยประสานกับ ครู กศน. ตาบล 2) ประชาสัมพนั ธ์ สอื่ สาร เผยแพรข่ อ้ มูล เพ่ือสรา้ งโอกาสการเรียนรใู้ ห้แกป่ ระชาชน 3) สง่ เสริม สนบั สนนุ และรว่ มจัดกิจกรรม กศน. 4) ร่วมกบั ครู กศน. ตาบล ในการติดตามผล การจัดกิจกรรม กศน. ในชุมชน 5) ส่งเสริม สนับสนนุ การรวบรวมขอ้ มลู พนื้ ฐานด้านการศึกษาของประชาชนใน ชุมชน **จรรยาบรรณ ของ อาสาสมคั ร กศน 1) เป็นผู้มีอุดมการณ์ ถอื ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน 2) เปน็ ผูบ้ าเพ็ญประโยชน์แก่ชุมชนอยา่ งเปน็ ธรรมและทัว่ ถงึ 3) มคี วามเสียสละ ซอ่ื สัตย์สุจรติ สามัคคีและศรทั ธาในการปฏิบัติงาน 4) เป็นผใู้ ฝรุ ูใ้ ฝุเรียนและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา **สิทธิประโยชน์ ของอาสาสมคั ร กศน. 1) สทิ ธิในการเขา้ ร่วมโครงการและรับบริการจากกิจกรรมตา่ ง ๆของหน่วยงาน/ สถานศกึ ษา สังกดั สานักงาน กศน. ทกุ รูปแบบ สาหรับตนเองและครอบครวั (ครอบครัว หมายถึง สามี หรอื ภรรยาและบุตร) โดยไมเ่ สียคา่ ใชจ้ ่าย 2) สทิ ธิในการเบกิ ค่าใชจ้ า่ ยในการปฏิบัติงาน มีดังน้ี 2.1) การจา้ งดาเนินงานท่เี ก่ียวขอ้ งกับภารกจิ ของงาน กศน. (ไม่ใช่ภารกิจของครู กศน.) หรอื งานทีเ่ ป็นนโยบายเรง่ ด่วนของรฐั บาล 2.2) การเป็นวทิ ยากรสอนวชิ าชีพ/สอนเสรมิ 2.3) การเขา้ รบั การอบรม สัมมนา ท่ี สานักงาน กศน. ดาเนนิ การ 2.4) การได้รบั การคดั เลือกไปศึกษาดงู านทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ภารกิจ 3) มีสิทธิแตง่ เคร่อื งแตง่ กายตามท่ีกาหนด 4) มีสิทธิได้รบั ประกาศเกียรติคุณ จากสานกั งาน กศน. กรณีมีผลงานดเี ดน่ อยา่ งตอ่ เน่อื ง สมา่ เสมอ ตามเกณฑ์การคดั เลือก ที่ กาหนด 5) มีสทิ ธิได้รบั ข่าวสารขอ้ มูล กิจกรรม/โครงการ กศน. 6) มีสิทธิในการออกเสยี งคดั เลอื กกรรมการเครอื ข่ายอาสาสมคั ร กศน. ในระดบั ตา่ ง ๆ 7) มสี ทิ ธิสมคั รในการเขา้ รบั การคัดเลอื กเป็นคณะกรรมการเครือขา่ ยอาสาสมัคร กศน. ในระดับตา่ ง ๆ 8) มีสทิ ธิไดร้ ับการจารกึ ชื่อในทาเนยี บอาสาสมคั ร กศน. 9) มีสทิ ธไิ ด้รบั เงินสงเคราะห์ตาม พ.ร.บ สงเคราะหผ์ ู้ประสบภยั เนอื่ งจากช่วยเหลอื ราชการ การปฏิบัตงิ านของชาติ หรือการปฏิบัตหิ นา้ ท่มี นษุ ยธรรม พ.ศ. 2497 สนใจสงั่ ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

238 **การกาหนดค่าตอบแทนอาสาสมคั ร กศน. 1) มสี ิทธิเบกิ ค่าใชจ้ ่ายในการเดินทางไปราชการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใชจ้ ่ายใน การเดนิ ทางไปราชการที่กระทรวงการคลงั กาหนด ภายในวงเงินงบประมาณท่ไี ดร้ ับการจัดสรร 2) สิทธิในการเบิกคา่ ใชจ้ า่ ยในการฝกึ อบรมประเภทบคุ คลภายนอก 3) การจ้างดาเนินงานตามระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยการพสั ดุ สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

239 แนวขอ้ สอบการศึกษาตามอัธยาศัย 1. การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย มีความหมายตามข้อใด ก. การจดั การศึกษาในรปู แบบการศึกษานอกระบบทเี่ ป็น หลักสูตรระยะส้ัน ทจ่ี ัดตามความ ตอ้ งการ ของกลุม่ เปาู หมายท่ีมีเนอ้ื หาเกยี่ วกบั อาชีพ ทกั ษะชวี ติ การพฒั นาสังคมและชมุ ชน ซง่ึ รวมถึง การจัดการเรียนร้ตู ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ การใช้เทคโนโลยี ซึง่ นาไปสูก่ ารพัฒนา คณุ ภาพชวี ิต ข. กิจกรรมการเรียนรใู้ นวิถี ชีวติ ประจาวนั ของบุคคลซง่ึ บุคคลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อยา่ ง ตอ่ เน่ืองตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพในการเรียนรู้ของ แต่ละบุคคล ค. เป็นการศึกษาท่ีบรู ณาการความรู้และทักษะจากการศึกษาทผ่ี ู้เรียนมอี ยหู่ รือไดร้ ับจากการ เขา้ รว่ มกจิ กรรมการศกึ ษานอกระบบ แลว้ นาไปใชใ้ ห้เปน็ ประโยชนต์ ่อการพฒั นาสงั คมและชุมชนอย่าง ยงั่ ยืนโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีรูปแบบ การเรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย และใช้ชุมชนเปน็ ฐานในการพฒั นาการเรยี นรู้ของคนในชมุ ชน เช่น ประชาธิปไตย การใชเ้ ทคโนโลยที ่เี หมาะสม เป็นต้น ง. การศึกษาทีใ่ ห้ความสาคญั กบั การพัฒนาคน เพ่ือใหม้ คี วามรู้ เจตคตแิ ละทักษะทจี่ าเป็นสาหรับ การดารงชีวติ ในสงั คมปจ๎ จุบนั เพื่อใหบ้ ุคคลสามารถเผชญิ สถานการณต์ า่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ และเตรยี มความพรอ้ มกับการปรับตวั ในอนาคต 2. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งเก่ยี วกบั หลกั การและแนวคดิ การส่งเสรมิ การศึกษาตามอัธยาศยั ก. การจัดอบรมฝกึ อาชีพใหก้ ับประชาชนทั่วไป ข. การพฒั นาแหล่งการเรียนรู้ให้มคี วามหลากหลาย ค. การจดั อบรมหรือแนวทางการเรียนร้ทู ีเ่ ปน็ คณุ ประโยชน์ต่อผู้เรียน ง. เขา้ ถึงแหลง่ การเรียนร้ทู ่สี อดคล้องกับความสนใจ และวถิ ชี ีวติ ของผู้เรียนทกุ กล่มุ เปาู หมาย 3. เปาู หมายของการจดั การตามอัธยาศยั คือข้อใด ก. ผเู้ รยี นสามารถนาความรทู้ ่ีได้รับไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างย่ังยืนโดยยึด หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ข. การพัฒนาแหลง่ การเรียนรใู้ ห้มีความหลากหลาย ทั้งส่วนที่เป็นภูมิป๎ญญาท้องถ่ิน และส่วนท่ีเป็น เทคโนโลยมี าใช้ในการศึกษา ค. ผ้เู รียนสามารถนาความรูท้ ไ่ี ดร้ บั มาใช้ประโยชน์และเทียบโอนผลการเรียนกับการศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ ง. ทกุ ข้อที่กล่าวมา สนใจสงั่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

240 4. ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” แหง่ แรกจัดต้งั ขึ้น พ.ศ. ใด ก. 2532 ข. 2533 ค. 2534 ง. 2535 5. หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” และหอ้ งสมดุ ประชาชน ซึ่งตั้งอย่ใู นอาเภอใดใหเ้ ปน็ สว่ น งานหนึ่งของศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอนั้นๆ ยกเว้นข้อใด ก. หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารอี าเภอหนองกี่” ข. ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารอี าเภอธาตุพนม” ค. หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารอี าเภอปากชอ่ ง” ง. ห้องสมุดประชาชน “เฉลมิ ราชกมุ ารอี าเภอศรีมโหสถ” 6. ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารีอาเภอปากช่อง” เปน็ สว่ นงานหนึง่ ของหน่วยงานใด ก. กศน.อาเภอปากช่อง ข. สานกั งาน กศน.จังหวัดนครราชสีมา ค. สถาบันการศกึ ษาและพัฒนาต่อเนอื่ งสิรินธร ง. องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั นครราชสมี า 7. ขอ้ ใดไมส่ อดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ก. เพื่อเปน็ แหล่งการเรยี นรูต้ ลอดชีวิตสาหรับประชาชนทั่วไป ข. เพ่ือเปน็ ศนู ยข์ อ้ มลู ข่าวสาร ความรู้ชุมชน ค. เพื่อเปน็ ศูนย์การฝกึ อาชพี ใหก้ บั ประชาชน ง. เพ่ือเปน็ แหลง่ ศึกษาค้นควา้ และบริการการเรียนรู้ของนักศกึ ษา และบุคลากร กศน. 8. ขอ้ ใดคือกลมุ่ เปาู หมายของการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยที่กล่าวถูกต้องท่ีสุด ก. ประชาชนอายตุ ัง้ แต่ 15 ปีข้นึ ไป ข. ประชาชนอายุตง้ั แต่ 18 ปขี ึน้ ไป ค. ประชาชนอายตุ ง้ั แต่ 20 ปีข้นึ ไป ง. ประชาชนทัว่ ไปทกุ เพศ ทกุ วัย 9. ขอ้ ใดไม่ถกู ต้องเกย่ี วกับการศึกษาตามอัธยาศยั ก. ผู้เรียนได้เรียนร้ดู ้วยตนเองตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพรอ้ ม โอกาส ข. สถานศึกษา ต้องจดั การศึกษา ทงั้ ในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ค. ธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อมเป็นแหล่งเรยี นรู้ ง. จัดการเรยี นรูท้ ุกท่ี ทุกเวลา 10. แหล่งเรียนรูก้ ารศึกษาตามอธั ยาศัยทอ่ี ย่ใู กลบ้ ้านท่สี ดุ คือข้อใด ก. ศูนย์วิทยาศาสตรเ์ พื่อการศึกษาอุบลราชธานี ข. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรยี นกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) ค. กศน.ตาบล (ศูนยก์ ารเรยี นชุมชน) สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

241 ง. สถาบันสง่ เสรมิ และพัฒนานวตั กรรมการเรยี นรู้ 11. ข้อใดไมใ่ ชก่ ิจกรรมสง่ เสรมิ การศึกษาตามอัธยาศยั ก. การส่งเสริมการอ่าน ข. หอ้ งสมดุ ประชาชน ค. ศูนยว์ ิทยาศาสตรน์ ่ารู้ ง. บทเรยี นคณิตศาสตร์ เรอื่ ง เส้นจานวน 12. ข้อใดคือ เปูาหมายของการส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การศึกษาตามอัธยาศัย ก. ได้รบั ความรแู้ ละทักษะพื้นฐานในการแสวงหาความรทู้ จ่ี ะเออื้ ตอ่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ข. ไดเ้ รียนรู้สาระท่สี อดคล้องกบั ความสนใจและความจาเป็นในการยกระดับคณุ ภาพชีวิต ค. นาความรู้ท่ีไดร้ ับไปใช้ประโยชนแ์ ละเทียบโอนผลการเรียนกับการศึกษาในระบบและการศึกษา นอกระบบ ง. ถกู ทุกขอ้ 13. ข้อใดไม่ใชค่ ุณสมบตั ทิ ่ัวไปของ อาสาสมัคร กศน. ก. อายไุ มต่ า่ กวา่ 20 ปบี รบิ รู ณ์ ข. เป็นผู้มภี มู ลิ าเนาหรือมถี ิน่ ทอ่ี ยปู่ ระจาในหมบู่ ้านหรือชุมชน ค. เปน็ ผมู้ ีความรู้ความสามารถและสามารถอ่านออกเขียนได้ ง. เป็นผ้ทู ีส่ มัครใจและเสยี สละเพือ่ ชว่ ยงานการศกึ ษาตลอดชีวิตของประชาชน 14. วันรกั การอ่าน ตรงกับวันใดของทุกปี ก. 4 มีนาคม ข. 2 เมษายน ค. 8 กนั ยายน ง. 11 พฤศจกิ ายน 15. อาสาสมคั ร กศน. 1 คน รบั ผิดชอบกลุ่มเปูาหมายในชุมชนจานวนเทา่ ใด ก. ไมเ่ กนิ 30 หลงั คาเรือน ข.ไมเ่ กิน 40 หลังคาเรือน ค. ไม่เกิน 50 หลงั คาเรอื น ง. ไม่เกิน 60 หลงั คาเรือน เฉลยขอ้ สอบ 1.ข 2.ก 3.ค 4.ค 5.ค 6.ค 7.ค 8.ง 9.ข 10.ค 11.ง 12.ง 13.ก 14.ข 15.ค สนใจส่งั ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

242 การศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Education) ****************************** เปูาหมายและแนวคิดสาคญั ของการศึกษาตลอดชีวติ 1. เพอ่ื ให้บคุ คลพฒั นาเติมเตม็ ตามขดี ความสามารถของตนเองและเป็นสมาชกิ ท่ีดีในสังคม ท่ีตนอาศัยอยู่ 2. เป็นการศกึ ษาทง้ั ชวี ติ อย่างต่อเน่อื งตงั้ แต่เกดิ จนตาย 3. บุคคลมีอิสรภาพทีจ่ ะเลือกเรยี นรู้จากการศึกษารูปแบบตา่ ง ๆ ที่เหมาะสม 4. มงุ่ พัฒนาใหบ้ คุ คลไดพ้ ัฒนาตนให้ทันตอ่ การเปล่ียนแปลงของโลกเพ่อื การทางานและ การอยู่รว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ขุ 5. การศกึ ษาท่ีจัดใหแ้ กท่ ุกกล่มุ อายุตั้งแตว่ ัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ 6. การจัดการศกึ ษาท่บี รกิ ารให้ครอบคลุมทวั่ ถงึ ทกุ คนในแตล่ ะช่วงวัย ตลอดชีวติ 7. การจดั กจิ กรรมการศกึ ษาท่ีต่อเนอ่ื ง สอดคลอ้ งกับชีวติ จริง 8. กลมุ่ เปาู หมายสามารถนาความร้ทู ไี่ ดร้ บั นาไปใชป้ ระโยชน์ไดใ้ นการดาเนนิ ชวี ิตและ การปรับตัวให้เข้ากับการเปลย่ี นแปลง **รูปแบบการจดั กจิ กรรมการศึกษาตลอดชวี ิต **1. การศกึ ษาวิชาสามัญ ซงึ่ ครอบคลุมตั้งแตก่ ารสอนอ่านเขยี นเพ่อื การอา่ นออกเขียนได้ การศึกษาท่ีเทียบเทา่ ระดบั ประถมศึกษามัธยมศกึ ษาตอนตน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย และการศึกษาใน ระดบั อดุ มศึกษา **2. การศกึ ษาทางดา้ นวิชาชพี ซ่ึงมีการจดั อบรมวิชาชพี ทง้ั ระยะส้นั และระยะยาวใน หลายสาขาอาชีพแบบมีประกาศนยี บตั ร และไม่มปี ระกาศนยี บตั ร **3. การใหค้ วามร้ทู ัว่ ไปท่เี ปน็ ประโยชนต์ ่อการดาเนินชีวติ ประจาวันด้วยการอบรมโดย วิทยากร และโดยสื่อต่างๆ การจัดกจิ กรรมจะมีความยืดหยนุ่ ในเรื่องกฎ ระเบียบต่าง ๆ โดยรบั ผู้เรยี นไมจ่ ากัดเพศ อายุ พน้ื ฐานการศึกษา อาชพี ความสนใจ มีความยืดหย่นุ ในเรื่องเวลาเรยี น สถานทีเ่ รยี น กจิ กรรมการเรียนรู้ มุ่งสนองความต้องการของผู้เรียนในแต่ละชมุ ชนและสงั คม การเรียนรู้ไมจ่ าเป็นต้องเกดิ ขึน้ ที่สถานศกึ ษา ไม่จากดั เวลา โดยมีการวัดและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ และพฒั นาการของผูเ้ รยี น **การจัดการศึกษาตลอดชวี ิต การศึกษาตลอดชีวิตเปน็ รปู แบบของการศกึ ษาท่ีเกิดขึ้นตลอดชวี ิต นบั ตั้งแต่วยั แรกเกดิ จนกระทั่งส้นิ ชีวติ ทีค่ รอบคลุมการจัดการศึกษา 3 รปู แบบ คอื **1) การศกึ ษาในระบบ (Formal Education)ท่มี ีโครงสรา้ งชดั เจนแนน่ อน มกี ารแบง่ ชน้ั เรียนตามอายุ จดั การเรียนการสอนตามลาดับชน้ั มหี ลักสูตร เวลาเรยี นที่แนน่ อน มกี ารวดั ผล ประเมินผลเพอ่ื รบั ประกาศนยี บัตร สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

243 **2) การศึกษานอกระบบ (Non-Formal Education) ทมี่ กี ารจัดกิจกรรมการศึกษานอก ระบบ มกี ระบวนการจดั การเรียนรูท้ ่ียดื หยนุ่ สอดคล้องกับสภาพความต้องการของกลุ่มเปูาหมายท่ี หลากหลาย เนน้ การจดั การเรียนรู้เรอ่ื งทเี่ ป็นสภาพปจ๎ จุบัน เพื่อการแกป้ ญ๎ หาชีวิตประจาวนั มีเวลาเรยี น ทย่ี ดื หยุน่ **3) การศกึ ษาตามอธั ยาศัย (Informal Education) ท่ีเปน็ การศกึ ษาที่เกิดข้ึนตามวถิ ชี ีวิต เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ การทางาน บคุ คล ครอบครัว สือ่ ชุมชน แหล่งความรู้ต่าง ๆ เพือ่ เพ่มิ พนู ความรู้ ทักษะ และการพฒั นาคุณภาพชวี ิต โดยการศึกษาตามอธั ยาศยั มีลกั ษณะสาคัญ คอื ไม่มี หลักสูตร ไมม่ เี วลาเรียนที่แนน่ อน ไมจ่ ากดั อายุ ไม่มีการลงทะเบยี น และไมม่ กี ารสอบ การเรยี นสว่ น ใหญ่เปน็ การเรียนเพอ่ื ความร้แู ละนันทนาการ อกี ทง้ั ไม่จากัดเวลาเรียนสามารถเรียนไดต้ ลอดเวลา และ เกิดขน้ึ ในทกุ ช่วงวยั ตลอดชีวิต ** อายุ 0 – 3 ปี หรอื วยั แรกเกิด บุคคลจะได้รับการศึกษาตามอธั ยาศัยเป็นสว่ นใหญ่ อาจมกี ารศกึ ษานอกระบบบา้ งเล็กน้อย ** อายุ 3 – 6 ปี หรือวยั กอ่ นวยั เรียน บุคคลยงั คงไดร้ ับการศกึ ษาตามอัธยาศัยเปน็ หลัก แตอ่ าจจะมกี ารศึกษานอกระบบบา้ ง (กรณีศูนย์เด็กเลก็ ในชุมชน) หรือการศกึ ษาในระบบบ้าง (กรณชี ัน้ เดก็ เลก็ ในโรงเรยี นประถมศึกษาหรอื โรงเรยี นอนุบาล) ** อายุ 6 ปขี ึน้ ไป ถงึ 22 ปี โดยประมาณ หรอื วยั เรยี น การศึกษาที่ได้รับเปน็ หลกั คือ การศกึ ษาในระบบ อาจจะมีการศึกษานอกระบบบ้างสาหรบั คนท่ไี ม่อาจศกึ ษาในระบบไดแ้ ละยงั คงไดร้ ับ การศึกษาจากสงั คมและสิ่งแวดล้อมที่เปน็ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั อยู่บา้ ง ** อายุ 22 ปีข้นึ ไป ถึง 60 ปี โดยประมาณ หรอื วยั ทางาน การศกึ ษาทีบ่ คุ คลในวยั นจี้ ะ ไดร้ บั เป็นหลัก คือ การศึกษาตามอัธยาศยั และอาจมกี ารศึกษานอกระบบบา้ ง ** อายุ 60 ปขี ึน้ ไป หรอื วัยสูงอายุ การศึกษา การเรยี นรู้ท่บี คุ คลในวัยนจ้ี ะได้รับ คอื การศึกษาตามอธั ยาศัย และอาจมีการศึกษานอกระบบเสริมบา้ งการจัดกิจกรรมการศกึ ษาตลอดชวี ิต มี 3 รูปแบบ ดังนี้ 1). การศึกษาพ้ืนฐาน ให้มีความรู้ความสามารถตามที่สงั คมคาดหวัง 2). การศึกษาดา้ นวชิ าชพี เพ่ือมที ักษะในการประกอบอาชีพและสามารถดารงชีวิตในสงั คม 3). การศกึ ษาตามอธั ยาศัย จากประสบการณ์ บุคคล แหลง่ เรียนรู้เพือ่ เพิม่ พนู ความรู้ ทกั ษะ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิตบุคคลจะเกิดกระบวนการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวิตโดยการบรู ณาการ การเรียนรทู้ งั้ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั นน่ั คอื การเรยี นรูจ้ ากครอบครัว สู่การ เรียนรู้จากสถาบันการศกึ ษา ชุมชน และสังคม เพือ่ นาความรู้ไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ การประกอบอาชพี และในการปรบั ตัวใหท้ นั กบั การเปล่ียนแปลงของโลก สนใจสัง่ ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

244 แนวข้อสอบการศึกษาตลอดชวี ิต 1. การศึกษาตลอดชีวิต คอื ข้อใด ก. การศกึ ษาในระบบท่ีจดั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ข. การศึกษานอกระบบที่จดั การศึกษากบั กลมุ่ เปูาหมายพิเศษ ค. การศึกษาตามอธั ยาศัยสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนร้ดู ว้ ยตนเอง จากแหล่งเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ง. การศึกษาทผี่ สมผสาน ระหว่างการศกึ ษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั 2.ข้อใดไม่ใชร่ ูปแบบการจดั กจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชวี ิต ก. การศึกษาวิสามญั ข. การศึกษาทางด้านอาชพี ค. การใหค้ วามรู้ ง. การศึกษาต่อเนื่อง 3. ขอ้ ใดคือเปาู หมายและแนวคิดสาคัญของการศกึ ษาตลอดชวี ิต ก. เป็นการศกึ ษาทงั้ ชีวติ อย่างต่อเนื่องตัง้ แตเ่ กดิ จนตาย ข. การศกึ ษาท่จี ดั ใหแ้ ก่ทุกกลุ่มอายุตั้งแตว่ ัยเดก็ จนถึงวยั สูงอายุ ค. การจดั กิจกรรมการศึกษาทต่ี อ่ เนื่อง สอดคลอ้ งกับชวี ิตจรงิ ง. ทุกขอ้ ทกี่ ลา่ วมา 4. อายุ 60 ปีข้นึ ไป หรือวยั สูงอายุ การศึกษา การเรียนรู้ทบี่ คุ คลในวัยนจ้ี ะไดร้ บั คอื การศกึ ษาตาม อธั ยาศยั และอาจมีการศกึ ษานอกระบบเสริมบ้างการจดั กจิ กรรมการศกึ ษาตลอดชีวิตมี 3 รูปแบบ ยกเวน้ ข้อใด ก. การศึกษาพนื้ ฐาน ใหม้ ีความร้คู วามสามารถตามทส่ี ังคมคาดหวัง ข. การศกึ ษาดา้ นวิชาชีพ เพื่อมที กั ษะในการประกอบอาชพี และสามารถดารงชีวิตในสังคม ค. การศึกษาตามอัธยาศยั ง. การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาสงั คมชุมชน 5. อายุ 22 ปขี ึน้ ไป ถงึ 60 ปี โดยประมาณ หรือวยั ทางาน การศกึ ษาท่ีบคุ คลในวัยนจี้ ะได้รับเป็น หลัก คือ ก. การศึกษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ง. การศึกษาต่อเนอ่ื ง เฉลยข้อสอบ 1.ง 2.ง 3.ง 4.ง 5.ค สนใจส่งั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

245 สือ่ การเรียนการสอน ความหมายของสอื่ การเรยี นการสอน สือ่ การสอน (Instructional Media) หมายถึงตัวกลางหรอื ช่องทางถ่ายทอดองค์ความรู้ ทกั ษะประสบการณ์ จากแหลง่ ความรูไ้ ปสู่ผเู้ รียน และทาใหเ้ กิดการเรียนรอู้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ โดย สอ่ื การเรียนกน็ บั ได้วา่ เป็นเครอ่ื งมอื ท่ีช่วยให้ผู้เรยี นผสู้ อนได้แสดงบทบาทและเกดิ ความเข้าใจในวิชาท่ี เรียนทส่ี อนกนั ได้มากข้นึ สื่อการสอน เป็นอปุ กรณ์ วสั ดุและวิธกี ารสอื่ ถ่ายทอดความรู้ความเขา้ ใจใหแ้ ก่ผอู้ ่ืนเพอื่ ความ เข้าใจง่ายและความสะดวกสบายมากข้นึ อย่างทเ่ี ราๆเคยเหน็ กนั มา ตวั อยา่ งเชน่ กระดานไวท์บอร์ดหรือ กระดานดากถ็ อื ว่าใช่ แมแ้ ต่หนังสอื เรียน ชที ต่างๆ ก็ถอื ว่าเปน็ สอ่ื การสอนชนิดหนงึ่ จากน้ีเราจะมา จาแนกประเภทกันอย่างง่ายๆ แบ่งไดเ้ ปน็ 4 ประเภท 1. สอื่ ประเภทวัสดุ ซ่ึงไดแ้ ก่ สไลด์ ซที หนงั สือเรียน สิ่งพิมพต์ า่ งๆ 2. ส่อื ประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ หนุ่ จาลอง ลูกโลก กระดาน เครอ่ื งเล่นเสยี ง โทรทศั น์ อุปกรณ์ในห้องปฏบิ ตั ิการ 3. สอ่ื ประเภทเทคนคิ หรือวิธีการ ไดแ้ ก่ การสาธิต การอภปิ รายกล่มุ การฝึกปฏิบตั ิงาน การเสนองานหน้าชน้ั การจัดนทิ รรศการ 4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่ การใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน พรเี ซนต์ แอนิเมช่ัน การ์ตนู แอพลิเคชน่ั หรือเกมส์รว่ มถึงการใช้อินเตอรเ์ นต็ ในปจ๎ จบุ นั รปู แบบส่ือการสอนกเ็ ร่ิมเปลย่ี นไปเรื่อยๆตามยคุ สมยั การใช้กระดานดาและไวท์ บอรด์ เร่มิ ลดน้อยลงเปล่ยี นมาใชก้ ารนาเสนอผา่ นคอมพวิ เตอร์(presentation) แทนซง่ึ กส็ ะดวกสบาย และสอ่ื สารกนั ไดง้ า่ ยกวา่ ในบางองค์กรหรอื โรงเรียนกอ็ าจจะแจกไฟล์กันทางอีเมลเ์ พ่อื ใหก้ ลบั ไปศึกษา ต่อทบ่ี ้านเองไดอ้ กี ดว้ ย การแบง่ ประเภทของสือ่ การเรียนการสอน 1. สอื่ ไมใ่ ช้เครอื่ งฉายเป็นส่อื ทีใ่ ชก้ ารทางทัศนะโดยไม่ต้องใชเ้ คร่ืองฉายรว่ มด้วย แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) สอื่ ภาพ (illustrative materials) เปน็ สื่อท่สี ามารถถ่ายทอดเนอ้ื หา เชน่ ภาพกราฟกิ กราฟ แผนที่ ของจริงของจาลอง 2) กระดานสาธิต (demonstration boards) ใชใ้ นการนาเสนอเน้อื หา เชน่ กระดาน ชอลก์ กระดานนเิ ทศ กระดานแมเ่ หล็ก กระดานผ้าสาลี ฯลฯ 3) กิจกรรม(activities) สนใจสงั่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

246 2. สอ่ื แบ่งตามประสบการณ์การเรยี นรู้ ข้นั ที่1 ประสบการณต์ รง (Direct Purposeful Experience) เป็นประสบการณท์ ี่เปน็ รากฐานของประสบการณท์ ัง้ ปวงเพราะไดเ้ รยี นร้จู ากประสบการณจ์ ริง ได้เหน็ ไดย้ ินเสยี ง ได้สัมผสั ดว้ ย ตนเอง เชน่ การเรยี นจากของจริง (Real object) ได้ร่วม กจิ กรรมการเรียนด้วยการลงมือกระทา เปน็ ตน้ ข้ันท่ี 2 ประสบการณจ์ าลอง (Contrived Simulation Experience) จากข้อจากดั ทีไ่ ม่ สามารถจัดการเรยี นการสอนจากประสบการณ์จริงใหแ้ ก่ผเู้ รียนได้ เช่น ของจริงมีขนาดใหญ่หรือเลก็ เกินไป มคี วามซับซอ้ น มอี ันตราย จงึ ใชป้ ระสบการณ์จาลองแทน เชน่ การใชห้ ุน่ จาลอง (Model) ของ ตัวอยา่ ง (Specimen) เปน็ ตน้ ขน้ั ที่ 3 ประสบการณ์นาฏการ (Dramatized Experience) เปน็ ประสบการณ์ท่จี ัดขน้ึ แทนประสบการณ์จรงิ ท่เี ป็นอดีตไปแล้ว หรือเป็นนามธรรมทยี่ ากเกนิ กว่าจะเข้าใจและไม่สามารถ ใช้ ประสบการณจ์ าลองได้ เช่น การละเลน่ พนื้ เมอื ง ประเพณตี ่างๆ เปน็ ต้น ขน้ั ที่ 4 การสาธติ (Demonstration) คอื การอธิบายข้อเท็จจรงิ ความจริง และ กระบวนการทส่ี าคญั ด้วยการแสดงใหเ้ ห็นเปน็ ลาดบั ข้นั การสาธิตอาจทาได้โดยครูเปน็ ผู้สาธิต นอกจากนอี้ าจใช้ภาพยนตร์ สไลด์และฟิลม์ สตริป แสดงการสาธติ ในเนือ้ หาท่ีตอ้ งการสาธติ ได้ ขัน้ ที่ 5 การศึกษานอกสถานที่ (Field Trip) การพานกั เรียนไปศกึ ษายงั แหล่งความรนู้ อก ห้องเรยี น เพ่ือเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นรู้หลายๆด้าน ได้แก่ การศกึ ษาความรจู้ ากสถานทส่ี าคัญ เชน่ โบราณสถาน โรงงาน อุตสาหกรรม เป็นต้น ขน้ั ท่ี 6 นทิ รรศการ (Exhibition) คือ การจัดแสดงสิง่ ต่างๆ รวมท้งั มีการสาธิตและการฉาย ภาพยนตร์ประกอบเพ่อื ให้ประสบการณ์ในการเรียนรู้แกผ่ ู้เรียนหลายด้าน ได้แก่ การจดั ปาู ยนทิ รรศการ การจดั แสดงผลงานนักเรยี น ขั้นที่ 7 ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ (Motion Picture and Television) ผูเ้ รยี นได้เรียนด้วย การเหน็ และได้ยนิ เสยี งเหตุการณแ์ ละเร่อื งราวตา่ งๆ ได้มองเห็นภาพในลักษณะการเคลื่อนไหวเหมอื น จริง ไปพร้อมๆกนั ขั้นที่ 8 การบันทึกเสยี ง วิทยุ และภาพน่ิง (Recording, Radio and Picture) ไดแ้ ก่ เทป บนั ทึกเสียง แผน่ เสียง วทิ ยุ ซ่ึงตอ้ งอาศยั เรื่องการขยายเสยี ง ส่วนภาพนงิ่ ได้แก่ รปู ภาพทัง้ ชนิดโปรง่ แสงที่ใชก้ บั เคร่ืองฉายภาพข้ามศีรษะ(Overheadprojector) สไลด์ (Slide) ภาพนิ่งจากคอมพิวเตอร์ และภาพบันทึกเสียงที่ใช้กบั เคร่ืองฉายภาพทึบแสง(Overhead projector) ขั้นท่ี 9 ทศั นสัญลักษณ์ (Visual Symbol) มคี วามเปน็ นามธรรมมากขน้ึ จาเป็นทจี่ ะตอ้ ง คานึงถึงประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นพนื้ ฐาน ในการเลือกนาไปใช้ ส่ือท่จี ัดอยใู่ นประเภทนี้ คือ แผนภูมิ แผนสถติ ิ ภาพโฆษณา การต์ ูน แผนท่ี และสญั ลกั ษณ์ตา่ งเป็นต้น สนใจส่งั ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

247 ขัน้ ที่ 10 วจนสัญลักษณ์ (Verbal Symbol) เป็นประสบการณ์ขัน้ สุดทา้ ย ซง่ึ เปน็ นามธรรม ทีส่ ุด ไมม่ ีความคลา้ ยคลงึ กันระหวา่ งวจนสัญลักษณก์ ับของจรงิ ได้แก่ การใชต้ วั หนังสอื แทนคาพดู 3. ส่ือแบ่งตามทรัพยากรการเรียนรู้ ได้จาแนกสือ่ การเรียนการสอนตามทรพั ยากรการเรยี นรู้ 4 รปู แบบ โดยแบ่งได้เปน็ สอ่ื ที่ ออกแบบข้ึนเพื่อ จดุ ม่งุ หมายทางการศึกษา 1) คน (people) ได้แก่ ครู ผบู้ ริหารผแู้ นะนาการศึกษา ผู้ชว่ ยสอน หรือผู้ท่อี านวยความ สะดวกดา้ นตา่ งๆเพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ ส่วน“คน” ตามความหมายของการประยุกต์ใช้ ไดแ้ ก่คนที่ ทางานหรอื มคี วามชานาญงานในแต่ละสาขาซง่ึ มอี ยู่ในวงสังคมทั่วไป คนเหล่านเ้ี ปน็ “ผ้เู ช่ยี วชาญ” 2) วัสดุ(materials) สื่อต่างๆที่เป็นทรัพยากรในการเรียนการสอนนนั้ จะมีลกั ษณะ เชน่ เดียวกับวัสดุทใ่ี ชใ้ นการศึกษาดงั กล่าวเพยี งแตว่ า่ เนอ้ื หาท่ีบรรจุในวัสดุส่วนมากจะอยใู่ นรูปของการ ใหค้ วามบันเทิง เชน่ คอมพวิ เตอร์หรือภาพยนตร์สารคดีชีวติ สัตว์ส่งิ เหลา่ นถี้ กู มองไปในรปู แบบของความ บนั เทิงแต่สามารถให้ความรู้ในเวลาเดยี วกนั หลกั การเลอื กสือ่ การสอน 1. เลือกส่ือการสอนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ผูส้ อนควรศึกษาถงึ วตั ถุประสงคก์ าร เรยี นรทู้ ี่หลกั สูตรกาหนดไว้ วัตถปุ ระสงค์ในท่ีนหี้ มายถงึ วัตถปุ ระสงคเ์ ฉพาะในแตล่ ะส่วนของเน้อื หาย่อย 2. เลอื กสือ่ การสอนท่ตี รงกับลักษณะของเนื้อหาของบทเรยี น เนอื้ หาของบทเรยี นอาจมีลกั ษณะ แตกต่างกนั ไป เชน่ เปน็ ข้อความ เป็นแนวคิด เป็นภาพนงิ่ /ภาพเคล่ือนไหว เป็นเสียง เปน็ สี ซ่ึงการเลือก ส่อื การสอนควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะของเนือ้ หา 3. เลือกสื่อการสอนให้เหมาะสมกบั ลักษณะของผูเ้ รยี น ลกั ษณะเฉพาะตัวต่างๆ ของผเู้ รียนเป็น สิ่งทีม่ อี ทิ ธพิ ลต่อการรบั ร้สู ่อื การสอน ในการเลือกส่อื การสอนต้องพจิ ารณาลักษณะตา่ งๆ ของผูเ้ รยี น เชน่ อายุ เพศ ความถนดั ความสนใจ ระดับสติปญ๎ ญา วัฒนธรรมและประสบการณ์เดมิ 4. เลอื กสอ่ื การสอนให้เหมาะสมกบั จานวนของผเู้ รียน และกิจกรรมการเรียนการสอนในการ สอนแตล่ ะครง้ั จานวนของผ้เู รียนและกจิ กรรมท่ีใช้ในการเรียนสอน ในหอ้ งกเ็ ป็นสง่ิ สาคญั ท่ตี ้องนามา พจิ ารณาควบคกู่ ันในการใช้สอ่ื การสอน เชน่ การสอนผูเ้ รยี นจานวนมาก จาเป็นตอ้ งใช้วิธกี ารสอนแบบ บรรยาย 5. เลือกสื่อการสอนท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม สภาพแวดลอ้ มในทนี่ อ้ี าจไดแ้ ก่ อาคาร สถานที่ ขนาดพื้นที่ แสงไฟฟูา เสยี งรบกวน อุปกรณอ์ านวยความสะดวก หรือ บรรยากาศ ส่ิงเหล่านี้ ควรนามาประกอบการพจิ ารณาเลอื กใช้สอ่ื การสอน ตัวอยา่ งเชน่ การสอนผเู้ รียนจานวนมากซึง่ ควรจะ ใช้เครอื่ งฉายและเคร่อื งเสียง แต่สถานทีส่ อนเป็นลานโลง่ มหี ลังคา ไม่มีผนงั ห้อง สนใจสงั่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

248 ขัน้ ตอนการใชส้ ือ่ การสอน 1. ขั้นนาส่บู ทเรียน เพ่ือกระตนุ้ ให้เรยี นเกิดความสนใจในเนอ้ื หาทก่ี าลังจะเรียนส่อื ทใ่ี ช้ในขน้ั นจี้ ึง เป็นส่อื ท่ีแสดงเนื้อหากว้างๆ หรือเนอื้ หาที่เก่ียวกบั การเรียนในครง้ั ก่อนยงั มใิ ช่สอื่ ทเี่ น้นเนอื้ หาเจาะลกึ จรงิ อาจเปน็ สื่อทเ่ี ปน็ แนวป๎ญหาหรือเพื่อให้ผูเ้ รียนคดิ และควรเป็นสื่อทีง่ ่ายตอ่ การนาเสนอใน ระยะเวลาอันสัน้ เชน่ ภาพ บัตรคา หรอื เสียง เป็นตน้ 2. ข้ันดาเนนิ การสอนหรอื ประกอบกจิ กรรมการเรยี น เป็นขน้ั ตอนท่สี าคัญเพราะจะใหค้ วามรู้ เนอ้ื หาอยา่ งละเอยี ดเพื่อสนองวัตถุประสงคท์ ่ีตั้งไว้ ผสู้ อนจงึ ตอ้ งเลือกสือ่ ใหต้ รงกบั เนอ้ื หาและวิธีการ สอนหรอื อาจจะใชส้ ่ือประสมกไ็ ด้ ตอ้ งมกี ารจดั ลาดบั ขน้ั ตอนการใช้สอื่ ให้เหมาะสมและสอดคลอ้ งกับ กจิ กรรมการเรยี น การใช้สื่อในขนั้ นี้จะตอ้ งเป็นส่อื ที่เสนอความร้อู ยา่ งละเอียดถกู ตอ้ งและชดั เจนแก่ ผเู้ รียน เช่น ของจริง แผ่นโปร่งใส กราฟ วีดิทศั น์ แผน่ วีซดี ี หรือการทศั นศึกษานอกสถานท่เี ปน็ ต้น 3. ขนั้ วเิ คราะหแ์ ละฝกึ ปฏิบตั ิ เปน็ การเพม่ิ พูนประสบการณต์ รงแกผ่ ้เู รยี นเพ่ือให้ผเู้ รียน ได้ ทดลองนาความรู้ด้านทฤษฏหี รือหลกั การท่เี รียนมาแลว้ ไปใชแ้ กป้ ญ๎ หาในขั้นฝึกหัดโดยการลงมือฝกึ ปฏบิ ัติเอง ส่ือในขนั้ น้ีจึงเป็นสือ่ ที่เป็นประเดน็ ป๎ญหา เทปเสยี ง สมุดแบบฝึกหัด ชุดการเรยี น หรือ บทเรยี นซีเอไอ เป็นต้น 4. ขัน้ สรปุ บทเรยี น เปน็ การเนน้ ย้าเน้ือหาให้มีความเขา้ ใจที่ตรงตามวัตถปุ ระสงคท์ ่วี างไว้ ขั้น สรปุ น้ีควรใชเ้ พียงระยะเวลาน้อย เชน่ แผนภมู ิ โปรง่ ใส กราฟ เป็นตน้ 5. ขน้ั ประเมินผู้เรียน เปน็ การทดสอบว่าผเู้ รียนสามารถเรียนรหู้ รอื เข้าใจสิ่งท่ีเรยี นไปถกู ต้องมาก นอ้ ยเพยี งใด และบรรลุตามวัตถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมท่ตี ้ังไว้หรือไม่ สอ่ื ในขั้นประเมนิ นมี้ ักจะเปน็ คาถามจากเนอื้ หาบทเรียนโดยอาจมภี าพประกอบดว้ ยกไ็ ด้ อาจนาบตั รคาหรอื สือ่ ที่ใชข้ ัน้ กิจกรรมการ เรียนมาถามอกี คร้ังหน่ึง และอาจเป็นการทดสอบโดยการปฏบิ ัติจากส่ือหรอื การกระทาของผ้เู รยี นเพือ่ ทดสอบดวู า่ ผู้เรียนสามารถมที กั ษะจากการฝกึ ปฏบิ ัติอย่างถกู ตอ้ งครบถ้วนตามวตั ถุประสงค์ที่ตง้ั ไว้ หรือไม่ การวัดและการประเมนิ สือ่ การเรยี นการสอน เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการวดั และประเมินผลสือ่ การเรียนการสอนมีหลายรปู แบบ ผู้กระทาการวัดและ ประเมนิ ผลอาจเลือกใชต้ ามความเหมาะสม ที่นยิ มกนั มากได้แก่ แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบ ตรวจสอบรายการ (Checklist) เปน็ ตน้ ข้นั ตอนของการวัดและการประเมนิ ส่ือการเรียนการสอน 1. การตรวจสอบโครงสรา้ งภายในส่ือ (Structural basis) สง่ิ ท่ปี รากฏในส่ือ ซง่ึ สามารถสัมผัสไดด้ ้วยประสาทสมั ผสั ตา หู จมกู ล้นิ และกาย การ ตรวจสอบท่ีสาคญั ในขั้นน้ปี ระกอบด้วยสองส่วนคอื ลักษณะสอื่ และเนื้อหาสาระในส่ือ สนใจสงั่ ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

249 1.1 ลกั ษณะส่อื ป๎จจัยหลักท่ีมผี ลต่อการผลิตสื่อใหม้ ลี ักษณะต่างๆ คือ ลกั ษณะเฉพาะตาม ประเภทของสื่อ การออกแบบ เทคนิควิธี และความงาม ดังนน้ั ในการตรวจสอบลกั ษณะสื่อ ผู้ตรวจสอบ จะมงุ่ ตรวจสอบทั้งส่ีประเด็นข้างตน้ เปน็ หลัก 1) ลกั ษณะเฉพาะตามประเภทของส่ือ สือ่ แต่ละประเภทมีลกั ษณะและ คุณสมบัติเฉพาะ เช่น ส่อื สาหรับการศึกษารายบุคคล 2) มาตรฐานการออกแบบ (Design Standards)เป็นการสรา้ งสรรคส์ ิง่ ใหม่ เพ่อื ประโยชนข์ องการสือ่ สาระการเรียนการสอน และตอ้ งไม่เป็นการออกแบบทที่ าใหก้ ารสือ่ สารคลุมเครอื และสับสนจนเป็นอปุ สรรคตอ่ การสอื่ ความเขา้ ใจ 3) มาตรฐานทางเทคนิควธิ ี (Technical standards) เปน็ เทคนคิ วธิ กี ารทช่ี ่วยใหก้ าร เสนอสาระเปน็ ไปอยา่ งชดั เจน ไมค่ ลุมเครือหรือไม่ซ่อนเรน้ สาระเพ่อื ใหม้ ีการเดาในดา้ นการนาเสนอต้อง นา่ สนใจ ต่นื หู ต่ืนตา 1.2 เน้ือหาสาระ การออกแบบและการใช้เทคนคิ วธิ กี ารดาเนนิ การเพือ่ เสนอสาระให้ ปรากฏตาม ลักษณะประเภทของสือ่ เนอ้ื หาท่ปี รากฏในสื่อจะต้องครบถ้วนและถูกตอ้ ง เข้าใจง่าย ไม่ สับสน การเลือกสอ่ื การเลอื กสื่อท่ีเหมาะสมน้ันตอ้ งพิจารณาตามหลกั 3 ประการ ดังนี้ 1. การเลือกสือ่ ที่มอี ยูแ่ ลว้ ตรวจสอบดูว่ามสี ิง่ ใดที่จะใช้เป็นสือ่ ได้บา้ ง โดยเลือกให้ตรงกับ ลักษณะผู้เรยี นและวัตถปุ ระสงค์ 2. การดดั แปลงสื่อทีม่ ีอยู่แลว้ ให้ใชไ้ ดด้ ีและเหมาะสมมากยิ่งขน้ึ ทั้งนย้ี อ่ มขึน้ กบั เวลาและ งบประมาณในการดดั แปลงส่ือดว้ ย 3. การออกแบบผลิตส่ือใหม่ ถา้ ไมม่ ีสือ่ ตามท่ตี ้องการเหลืออยู่ ข้อคานึงถึงการออกแบบผลติ ส่ือใหม่ 1. จดุ มุ่งหมาย ต้องพจิ ารณาว่าต้องการให้ผูเ้ รยี นไดเ้ รียนอะไร 2. ผู้เรียน ควรได้พิจารณาผู้เรยี นทงั้ โดยรวมวา่ เปน็ ใคร มีความรพู้ ้ืนฐานและทกั ษะอะไรมาก่อน 3. คา่ ใช้จ่าย มงี บประมาณเพียงพอหรอื ไม่ 4. ความเช่ียวชาญด้านเทคนคิ ถา้ ตนเองไม่มีทักษะจะหาผู้เช่ยี วชาญแต่ละด้านมาจากแหล่งใด 5. เคร่ืองมอื อุปกรณ์ มีเคร่ืองมืออปุ กรณ์ทจี่ าเป็นพอเพยี งตอ่ การผลติ หรือไม่ 6. สิง่ อานวยความสะดวก มีอยแู่ ลว้ หรอื สามารถจะจดั หาอยา่ งไร 7. เวลา มีเวลาพอสาหรับการออกแบบหรอื ไม่ สนใจสงั่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

250 นวัตกรรมการศกึ ษา ความหมายของนวตั กรรม “นวัตกรรม” หมายถึงความคิด การปฏิบัติ หรือสงิ่ ประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ท่ียังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือ เป็นการพฒั นาดัดแปลงมาจากของเดมิ ท่มี ีอยแู่ ลว้ ให้ทนั สมยั และใชไ้ ด้ผลดียิง่ ขน้ึ เมอ่ื นา นวตั กรรมมาใช้ จะชว่ ยใหก้ ารทางานนัน้ ได้ผลดมี ีประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลสงู กว่าเดมิ ทัง้ ยังช่วย ประหยัดเวลาและ แรงงานได้ด้วย “นวัตกรรม” (Innovation) มีรากศัพทม์ าจาก innovare ในภาษาลาตนิ แปลว่า ทาส่ิงใหม่ ขนึ้ มา ความหมายของนวัตกรรมในเชงิ เศรษฐศาสตรค์ ือ การนาแนวความคิดใหมห่ รือการใชป้ ระโยชน์ จากส่งิ ท่ีมอี ยแู่ ล้วมาใช้ในรปู แบบใหม่ เพือ่ ทาให้เกดิ ประโยชนท์ างเศรษฐกจิ หรอื กค็ อื ”การทาในส่งิ ท่ี แตกตา่ งจากคนอ่นื โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ (Change) ท่เี กิดขึ้นรอบตวั เราใหก้ ลายมาเปน็ โอกาส (Opportunity) และถา่ ยทอดไปสู่แนวความคดิ ใหม่ที่ทาใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คม” แนวความคิดนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาในชว่ งตน้ ศตวรรษที่ 20 โดยจะเห็นได้จากแนวคิดของนกั เศรษฐ อุตสาหกรรม เช่น ผลงานของ Joseph Schumpeter ใน The Theory of Economic Development,1934 โดยจะเน้นไปท่ีการสร้างสรรค์ การวิจยั และพฒั นาทางวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี อนั จะนาไปสูก่ ารไดม้ าซ่งึ นวตั กรรมทางเทคโนโลยี (Technological Innovation) เพอื่ ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นหลกั นวัตกรรมยังหมายถึงความสามารถในการเรียนรู้และนาไปปฎบิ ัตใิ ห้ เกดิ ผลไดจ้ ริงอีกด้วย คาว่า “นวัตกรรม” เปน็ คาทค่ี อ่ นข้างจะใหมใ่ นวงการศึกษาของไทย คาน้ี เปน็ ศัพท์บญั ญัติของ คณะกรรมการพิจารณาศพั ท์วิชาการศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธิการ มาจากภาษาอังกฤษวา่ Innovation มาจากคากริยาว่า innovate แปลว่า ทาใหม่ เปลย่ี นแปลงให้เกิดสิง่ ใหม่ ในภาษาไทยเดมิ ใช้คาวา่ “นวกรรม” ต่อมาพบวา่ คานีม้ ีความหมายคลาดเคลอื่ น จงึ เปลีย่ นมาใช้คาว่า นวตั กรรม (อ่านวา่ นะ วัด ตะ กา) หมายถึงการนาสิ่งใหมๆ่ เข้ามาเปล่ียนแปลงเพิ่มเตมิ จากวิธีการทท่ี าอยูเ่ ดิม เพ่อื ใหใ้ ชไ้ ดผ้ ลดี ยิ่งขน้ึ ดงั นัน้ ไม่วา่ วงการหรือกิจการใด ๆ กต็ าม เมือ่ มกี ารนาเอาความเปลยี่ นแปลงใหม่ๆ เข้ามาใช้เพ่ือ ปรับปรงุ งานให้ดีขึน้ กว่าเดมิ ก็เรยี กได้ว่าเป็นนวัตกรรม ของวงการน้นั ๆ เช่นในวงการศกึ ษานาเอามาใช้ ก็เรียกวา่ “นวตั กรรมการศึกษา” (Educational Innovation) สาหรับผู้ที่กระทา หรือนาความ เปล่ยี นแปลงใหม่ ๆ มาใชน้ ี้ เรียกวา่ เปน็ “นวตั กร” (Innovator) (boonpan edt01.htm) นวัตกรรม แบง่ ออกเปน็ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มีการประดิษฐ์คิดคน้ (Innovation) หรอื เปน็ การปรงุ แต่งของเกา่ ใหเ้ หมาะสมกับ กาลสมยั ระยะท่ี 2 พฒั นาการ (Development) มกี ารทดลองในแหลง่ ทดลองจัดทาอยูใ่ นลักษณะ ของโครงการทดลองปฏบิ ัติกอ่ น (Pilot Project) ระยะท่ี 3 การนาเอาไปปฏิบตั ใิ นสถานการณท์ ่ัวไป ซ่งึ จดั ว่าเปน็ นวัตกรรมขน้ั สมบูรณ์ สนใจส่ังช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook