Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

Published by Monthian Khumlek, 2021-11-02 08:29:58

Description: หนังสือสอบนักวิชาการศึกษา

Search

Read the Text Version

301 การวจิ ัยในชั้นเรียน ความหมายและความสาคัญ การวิจยั ในชนั้ เรียน หมายถงึ เปน็ การวิจยั เพ่ือหานวัตกรรมสาหรับแก้ป๎ญหาหรือเพ่ือ พฒั นาการเรียนรขู้ องผู้เรียน ซึง่ เน้นในลักษณะการวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Action Research) โดยมีปญ๎ หา การเรียนรู้เปน็ จดุ เริ่มตน้ ผูส้ อนหาวิธีการ หรือนวัตกรรมเพ่อื แก้ปญ๎ หา มีการสังเกตและตรวจสอบผล ของการแก้ปญ๎ หา/การพฒั นา แล้วจงึ บนั ทึกและสะทอ้ นการแก้ป๎ญหาหรือการพัฒนาน้นั ๆ การวจิ ยั ใน ช้นั เรียนมักเปน็ การวจิ ยั ขนาดเล็ก (Small scale) ท่ดี าเนนิ การโดยผูส้ อน เปน็ กระบวนการทผ่ี ู้สอน สะท้อนการปฏิบัติงาน และเสริมพลังอานาจใหค้ รูผู้สอน สว่ นความสาคัญของการวิจัยในชัน้ เรยี นน้นั จะเหน็ ไดว้ ่าการวจิ ัยในชั้นเรยี นน้ันมุง่ แก้ปญ๎ หาและ/หรอื พัฒนางานทเี่ ก่ียวกับการเรียนการสอนในชนั้ เรียน ซ่งึ ต้องบังเกดิ ประโยชนแ์ ก่ นักเรียนให้ในการพัฒนาการเรยี นรู้อยูแ่ ลว้ และตอ้ งส่งผลต่อผลงานของครูผู้สอนและโรงเรยี นตามมา และนอกจากนก้ี ารวจิ ยั ในชั้นเรียนนี้ยังสอดคล้องกบั แนวทางของพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา มาตรา 24(5) สง่ เสริมสนบั สนุนใหค้ รผู ู้สอนสามารถจัด บรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สื่อการเรยี นรู้และมคี วามรอบรู้ รวมทัง้ สามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของ กระบวนการเรียนรู้ ทัง้ นผ้ี ู้สอนและผู้เรยี นอาจเรียนรไู้ ปพร้อมกนั จากการเรียนการสอนและแหลง่ วิทยาการประเภทตา่ งๆ มาตรา 30 ส่งเสรมิ ให้ผสู้ อนสามารถวิจยั เพอื่ พฒั นาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับ ผู้เรยี นในแตล่ ะระดบั การศึกษาในหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2544 ได้กลา่ วถึงการวิจัย ใน กระบวนการจัดการศกึ ษา ของผเู้ กีย่ วขอ้ ง ดังเช่น ศึกษา ค้นคว้า วจิ ยั เพือ่ พัฒนาสอื่ การเรียนรู้ให้ สอดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรู้ของผู้เรียน ให้ผู้สอนนากระบวนการวิจยั มาผสมผสานหรอื บูรณาการใช้ ในการจัดการเรียนรูเ้ พื่อพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รียนและเพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนร้สู ามารถใช้ กระบวนการวจิ ยั เปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ด้วย หลกั การของการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น หลกั การของการวิจยั ในชน้ั เรยี น นั้นมหี ลักการในการวิจัยในช้นั เรยี นนัน้ มหี ลกั และ วธิ กี ารที่ควรศึกษาและทาความเข้าใจดงั น้ี 1) งานวิจัยเป็นงานเสรมิ งานหลัก โดยงานหลกั คอื การสอนของผสู้ อน เพราะงานวิจยั เพื่อ พัฒนาการเรยี นรู้จะตอ้ งเกิดควบคูก่ บั การเรยี นการสอนเสมอ 2) เปน็ การทาวจิ ยั ตามสภาพความจรงิ ปญ๎ หาเป็นปญ๎ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ และต้องการแกไ้ ข 3) เปน็ การสอดแทรกให้การวิจยั เปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ 4) งานวิจยั ที่ทานม้ี ีจุดมุ่งหมายหลักเพ่อื แกป้ ญ๎ หา หรอื พฒั นาการเรยี นร้ขู องมนษุ ย์ ผู้ทา ต้องนึกถึงประโยชน์หรือคุณคา่ ต่อผเู้ รยี นเปน็ สาคญั 5) การทาวิจยั เป็นส่งิ ทีต่ ระหนกั รู้ โดยอาจารย์ผูส้ อนเอง ด้วยความรสู้ ึกห่วงใยต่อนักศึกษา ปรารถนาทจี่ ะแก้ป๎ญหาและพัฒนาผู้เรยี น สนใจสัง่ ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

302 6) ส่งิ สาคญั ประการสดุ ทา้ ย และเป็นสิง่ ทส่ี าคัญยง่ิ ตอ่ การวิจยั เพอื่ พัฒนาการเรียนการ สอน คือ งานวจิ ัยเพื่อพัฒนาการเรียนรูจ้ ะสาเร็จมิใช่อยทู่ ค่ี วามคิดอยา่ งเดยี ว แตอ่ ยทู่ ่ี การลงมือทา สดุ ท้ายอาจกล่าวได้วา่ การพฒั นาคุณภาพของผู้เรียน คณุ ภาพการเรยี นการสอนที่ตอ่ เนือ่ งจะเกดิ ขึน้ ได้ ยาก ถ้าขาดการดาเนนิ การอยา่ งเปน็ รูปธรรม ขาดการดาเนนิ การโดยใชแ้ นวคดิ ทางวทิ ยาศาสตร์ การ วจิ ัยถือเป็นเคร่อื งมือสาคัญทท่ี าให้เกดิ ความคิดในการพัฒนาการเรยี นการสอนของครู อาจารย์เกดิ ข้ึน เปน็ รูปธรรมขึ้น และเปน็ การดาเนินการเชิงวทิ ยาศาสตรท์ ่ีจะช่วยพฒั นาการเรยี นการสอนของครู อาจารยอ์ ยา่ งแทจ้ ริง ซ่งึ ผลก็คือ คุณภาพของผู้เรยี นนนั่ เอง กระบวนการข้นั ตอนการทาวิจยั ในชัน้ เรยี น ข้นั ตอนเฉพาะของการวจิ ัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยกลา่ วถงึ ขนั้ ปฏิบตั ิจรงิ ที่ปรับ จากข้ันตอนทว่ั ไป เปน็ 7 ขนั้ ดงั น้ี 1) กาหนดปญ๎ หา –ประเดน็ ป๎ญหา 2) ศึกษาข้อมลู เบ้อื งต้น –บรรยายขอ้ เทจ็ จริงเก่ียวกับปญ๎ หา 3) วางแผนปฏิบัติ –กาหนดทางเลือกหลากหลาย 4) ปฏบิ ัติตามแผน 5) สงั เกตผล 6) สรปุ ผล 7) สะทอ้ นผล การออกแบบการวจิ ยั ของครู การออกแบบการวจิ ยั ของครู จาแนกได้ 3 กลมุ่ ใหญ่ คอื 1. วิจัยเพ่ือทาความเขา้ ใจปญ๎ หา สถานการณ์ ข้อเท็จจรงิ การวิจยั ลักษณะนีเ้ ป็น การศกึ ษาข้อมลู พื้นฐานในระดบั ช้ันเรียน เชน่ ขอ้ มลู ส่วนตัว ความคดิ เห็น ความรู้สกึ ผเู้ รียน หรอื อธิบาย ความสมั พนั ธ์ของตัวแปรบางตัวทสี่ นใจ อาทิ ความฉลาดทางอารมณก์ บั ความรบั ผิดชอบ เป็นต้น วิจยั กลุ่มนีจ้ ึงมกั ปรากฏในรูปแบบการวิจยั เชิงสารวจ เชิงสหสมั พันธ์ การศึกษาเฉพาะกรณี นิเวศวิทยาในชน้ั เรยี น เป็นตน้ 2. การวิจยั เชงิ ทดลองเพ่อื แก้ปญ๎ หาหรอื พัฒนา อาทิเชน่ การวจิ ยั พฒั นานวตั กรรมการ เรียนรปู้ ระเภทวิธกี ารสอน และสอื่ ตา่ ง ๆ ซึง่ สามารถพัฒนาไปสู่การวิจยั เชิงวิชาการในลกั ษณะการวิจยั และพัฒนาได้ (Research and Development) 3. การวิจยั เชงิ ปฏิบัตกิ ารในชัน้ เรยี น (Classroom Action Research) ดาเนนิ การโดย ครูเพ่ือแกป้ ญ๎ หาในกระบวนการปฏิบตั ิ (การสอน) ซ่งึ ต้องทาอยา่ งรวดเรว็ เพือ่ นาผลไปใช้ทนั ที มีการ ดาเนินการเป็นขัน้ ตอนตอ่ เน่อื งกัน คือ วางแผน (Plan) นาแผนไปปฏบิ ตั ิ (Act) สังเกต/เก็บข้อมูล (Observe) และสะทอ้ นกลบั เพ่อื ปรับปรงุ (Reflect) และทาซา้ ขั้นตอนแรก จนกวา่ การแก้ปญ๎ หาจะ บรรลผุ ลสาเรจ็ มขี อ้ สงั เกตการวิจยั ในกลมุ่ นพ้ี บว่า สอดคลอ้ งกับกระบวนการปฏิบัติงานของครูมากท่ีสุด สนใจส่ังชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

303 การเขียนรายงานการวิจัย รายงานการวิจยั เปน็ การนาเสนอความรู้ ข้อค้นพบออกสู่สาธารณชน ซงึ่ นอกจากจะทาให้ เกิดประโยชนใ์ นวงกวา้ งแลว้ ยงั แสดงถึงความรู้ความสามารถเชงิ วิชาการของครู โดยทัว่ ไปพบว่า มีการ เขยี นใน 2 รปู แบบ คอื 1. รายงานวิจัยแบบไม่เปน็ ทางการ ซึง่ เหมาะกับครูนักวจิ ยั ในระยะเรม่ิ ต้นทย่ี ังมีทกั ษะใน การวิจัยไม่มาก มุง่ เสนอขอ้ คน้ พบตามสภาพจริงทเ่ี กดิ ข้ึน มากกว่าการยดึ รูปแบบการเขยี นรายงานวจิ ยั ท่ี เป็นสากล ไม่เน้นคาศัพทท์ างวิชาการ ประกอบด้วยประเด็นสาคญั เช่น ชอ่ื เรอ่ื ง ชอ่ื ผู้วจิ ัย ความเปน็ มา และความสาคญั ของป๎ญหาวิจยั วัตถุประสงคก์ ารวิจัย ประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการวิจยั ตวั แปรในการวจิ ยั วธิ ดี าเนนิ การวิจัย การวิเคราะหข์ อ้ มลู และผลการวิจยั การนาเสนองานวิจัยช้นั เรยี นแบบไม่เปน็ ทางการ มีข้อดใี นแง่ความตอ้ งการใช้ ผลการวิจัยอยา่ งรวดเรว็ มุ่งนาเสนอภาพความมีชีวติ ชีวาของชั้นเรียนจากผลการแก้ปญ๎ หาของครู อยา่ งไรกด็ ี ในการนาเสนอรายงานวิจยั แบบไมเ่ ปน็ ทางการนี้ มกั พบจุดอ่อนทีไ่ ม่แสดงหลกั ฐาน ขัน้ ตอน กระบวนการวจิ ัยอยา่ งชดั เจน เพอื่ ยืนยันขอ้ สรปุ จากการวจิ ยั อาจส่งผลต่อความนา่ เชื่อถอื และการนาผล วจิ ยั ไปใช้ หากครมู ีทกั ษะความชานาญมากขึน้ ควรเขยี นรายงานวิจัยในรปู แบบเปน็ ทางการ เพ่ือให้ ถกู ต้องตามหลกั การ เป็นสากลในกลุ่มวชิ าชีพมากขน้ึ ยกระดบั เป็นงานวจิ ัยเชิงวิชาการได้เช่นกัน 2. รายงานวิจัยแบบเป็นทางการ มลี กั ษณะเหมือนรายงานวิจัยเชงิ วชิ าการ ทั่วๆ ไป ทใ่ี ช้กนั ในหมู่นักวิจัย มกั นาเสนอในรูป 5 บท คือ บทท่ี 1 บทนา - ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญ๎ หาวิจัย - วตั ถุประสงค์การวิจัย - ขอบเขตการวิจัย - กลุ่มประชากร/กลุ่มตัวอย่าง - เนือ้ หา - ตวั แปร - ระยะเวลา - ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการวิจัย บทท่ี 2 เอกสารทีเ่ ก่ียวข้องกบั การวจิ ัย - แนวคิด ทฤษฎที เ่ี กยี่ วข้อง - กรอบแนวคิดในการวิจัย บทที่ 3 วิธีดาเนนิ การวิจัย - รูปแบบการวิจยั - ขนั้ ตอนการดาเนนิ การ สนใจส่งั ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

304 - เคร่อื งมอื การวิจยั - การเก็บรวบรวมขอ้ มลู - วิธีวเิ คราะห์ข้อมลู บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ - สรุปผลการวิจยั - อภิปรายผลการวิจัย - ขอ้ เสนอแนะ บรรณานกุ รม ภาคผนวก สนใจสงั่ ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

305 แนวขอ้ สอบการวิจยั อยา่ งงา่ ย 1. \"การหาคาตอบที่อยากรู้ ท่สี งสัย ทเ่ี ป็นปญั หาข้อข้องใจ และมีกระบวนการข้ันตอนอย่างเปน็ ระบบ\" สอดคลอ้ งกับข้อใด ก. การสารวจ ข. การคดิ เปน็ ค. การทดสอบ ง. การวิจัยอยา่ งงา่ ย 2. ท่านคดิ ว่าการเรียนรเู้ รื่อง \"วจิ ยั อยา่ งง่ายมีความสาคัญในเรอ่ื งใดมากทส่ี ุด ก. ช่วยให้เป็นนักวจิ ยั ที่ดใี นอนาคต ข. ช่วยให้รจู้ ักวธิ กี ารหาคาตอบทเ่ี ชื่อถอื ได้ ค. ช่วยใหม้ องเห็นแกน่ ของสงั คมชดั เจนข้ึน ง. ชว่ ยใหร้ ้จู กั การแยกคนดแี ละคนเลวในสงั คมได้ 3. หัวข้อใดของการเขียนโครงการวจิ ยั ทแี่ สดงถงึ สิง่ ท่ตี ้องการศกึ ษาหาความรู้ ก. ชื่อโครงการวิจยั ข. วิธีดาเนนิ การวิจยั ค. วัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย ง. ความเปน็ มาและความสาคญั ของการวิจยั 4. ข้อใดให้ความหมายของค่าเฉลีย่ ไดถ้ ูกต้อง ก. เป็นการนาคา่ ของข้อมลู ทงั้ หมดมารวมกนั แลว้ หารด้วยจานวนข้อมลู ท่มี อี ยู่ ข. เป็นการแจงนับจานวนของสิ่งที่เราตอ้ งการศกึ ษาวา่ มจี านวนเทา่ ใด ค. เป็นความคงเสน้ คงวาของคะแนนในการวดั แต่ละครัง้ ง. เป็นการคานวณทเ่ี ข้าใจงา่ ยเรยี กกนั วา่ เปอรเ์ ซน็ ต์ 5. จากหัวข้อการวิจัยเรือ่ ง “การศกึ ษาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนสาระทกั ษะการเรยี นรูข้ องนกั ศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลแสนสบาย ควรเลือกใช้สถิติข้อใด ในการนาเสนอขอ้ มูลราย หอ้ ง ก. ค่าเฉลีย่ ข. คา่ ความถี่ ค. คา่ สัดสว่ น ง. ค่าอัตราส่วน 6. ขอ้ ใดเป็นเคร่อื งมือการวิจัยทเ่ี หมาะสมสาหรับข้อมลู เชิงคณุ ภาพมากท่ีสุด ก. แบบสารวจ ข. แบบทดสอบ ค. แบบสอบถาม ง. แบบสมั ภาษณ์ 7. ถ้าต้องการสารวจความคดิ เห็นของลูกคา้ เก่ยี วกับรสชาติในร้านอาหาร ควรเลือกใชเ้ ครอื่ งมอื การ วจิ ยั ข้อใด ก. แบบฝึกหัด ข. แบบสังเกต ค. แบบทดสอบ ง. แบบสอบถาม สนใจสั่งชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

306 8. ขอ้ ใดเป็นองคป์ ระกอบของการเขยี นโครงการวจิ ยั ท่ีสื่อความหมายกะทดั รดั มีความเฉพาะเจาะจง ในส่ิงท่ีจะศกึ ษา ก. ชื่อโครงการวิจัย ข. วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย ค. ความเป็นมาและความสาคัญ ง. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รับ 9. ขอ้ ใดจัดทาขึน้ เพอื่ ใช้เป็นแนวทางในการดาเนินการตามแผนทกี่ าหนดไว้ก่อนการทาวจิ ยั จรงิ ก. โครงการวิจยั ข. โครงการนาร่อง ค. โครงการทดสอบ ง. โครงการประเมนิ 10. “สังคมปจั จุบันการได้อยบู่ ้าน อยอู่ อฟฟิศไม่ต้องเผชญิ ปญั หาจราจร ตากลม ตากแดด น่ันคอื นพิ พาน” จากการวเิ คราะห์ศักยภาพ ข้อความขา้ งต้นสอดคล้องกบั อาชพี ใหม่ข้อใด ก. อตุ สาหกรรม : โฮมสเตย์ ข. พาณชิ ยกรรม : วิสาหกิจชมุ ชน ค. ความคิดสรา้ งสรรค์ : ซิลค์สกรนี ง. บรหิ ารจัดการและการบรกิ าร : ฟูดแพนดา้ 11. การเขยี นรายงานการวิจัยเรอ่ื ง “ความพึงพอใจของผูซ้ ้ือสินค้าในตลาดสด” ข้อใดเขยี น องคป์ ระกอบสัมพันธก์ นั มากทส่ี ุด ก. เครื่องมอื ท่ีใช้ : แบบสอบถาม ข. สถติ ิที่ใช้ : ค่าอตั ราสว่ นในการวิเคราะห์ข้อมูล ค. สง่ิ ทศี่ ึกษา : ระดับความคดิ เห็นของผู้ขาย ง. วัตถปุ ระสงค์ : เพ่อื ศกึ ษาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของผู้ใช้บริการ 12. การประกอบอาชพี ใหป้ ระสบผลสาเรจ็ จะต้องศกึ ษาลกั ษณะภมู ิอากาศ ภูมิประเทศ และทาเล ท่ตี ง้ั เก่ียวข้องกบั ศักยภาพหลักข้อใด ก. ศักยภาพของพืน้ ท่ี ข. ศกั ยภาพของบคุ ลากร ค. ศกั ยภาพของทรัพยากรมนุษย์ ง. ศกั ยภาพของศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี 13. ศักยภาพตามธรรมชาติของแตล่ ะพน้ื ที่ท่ีสง่ ผลตอ่ การประกอบธรุ กิจโฮมสเตย์ สอดคล้อง ศกั ยภาพหลกั ในขอ้ ใด ก. ภูมิอากาศ ข. ลักษณะภูมิประเทศ ค. ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี ง. ทรัพยากรมนษุ ยใ์ นแตล่ ะพนื้ ท่ี 14. การเลอื กใชศ้ ักยภาพหลกั ของพน้ื ทีป่ ระจาทอ้ งถน่ิ โดยพจิ ารณาจากคา่ เฉลีย่ ของอณุ หภูมิ ปริมาณน้าฝน ทิศทางลม ใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของพ้ืนทใ่ี นข้อใด ก. ภูมิอากาศ ข. ภูมิประเทศ ค. ทรพั ยากรมนษุ ย์ ง. ทรัพยากรธรรมชาติ 15. ปรีญานุช มีพ้นื ท่จี านวน 1 ไร่ ปลูกพืชหมุนเวยี น 1 สว่ น มบี ่อปลา 1 ส่วน ปลูกขา้ ว 1 สว่ น ปลูกไมย้ นื ตน้ 1 ส่วน ปรีชา อยูใ่ นกลุม่ อาชีพใด ก. เกษตรกรรม ข. พาณิชยกรรม สนใจสั่งช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

307 ค. อุตสาหกรรม ง. ความคดิ สรา้ งสรรค์ 16. ชนาธิป มฝี มี ือในการแกะสลักวสั ดอุ อกแบบเคร่อื งโลหะและรปู ภัณฑ์อัญมณี จดั อยใู่ นกลุ่มอาชีพ ใหมด่ า้ นใด ก. อุตสาหกรรม ข. พาณชิ ยกรรม ค. ความคิดสรา้ งสรรค์ ง. บรหิ ารจัดการและการบริการ 17. “การศึกษาเปน็ เคร่อื งมือสาคัญในการพฒั นาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านยิ ม และคุณธรรมของบคุ คล เพอ่ื ให้เป็นพลเมอื งที่ดี มีคณุ ภาพ และมีประสิทธภิ าพในการพัฒนาประเทศ กย็ อ่ มทาได้โดยสะดวก และราบรื่นไดผ้ ลแน่นอนและรวดเรว็ ” ขอ้ ความน้ี กล่าวถึงเรื่องใด ก. เปาู หมายของการศึกษา ข. ความหมายของการศกึ ษา ค. ความสาคัญของการศกึ ษา ง. แนวการจัดการศกึ ษา 18. การบรหิ ารจัดการกลุม่ ท่ีดมี ีความสาคญั ต่อกลุ่มอยา่ งไร ก. กลมุ่ มรี ายได้เพ่ิมมากขน้ึ ทุกเดอื น ข. กลุม่ เขม้ แข็งและดารงอยู่ได้ในชมุ ชนอย่างยงั่ ยืน ค. กลุ่มมีผลิตภณั ฑ์หลากหลายและจาหน่ายในราคาถกู ง. กลมุ่ มผี ลติ ภณั ฑ์ทันสมยั ตามความสนใจของผรู้ บั บริการ 19. ขอ้ ใดกลา่ วถึงความหมายของการวิจยั ได้ถูกต้องท่ีสุด ก. เป็นการศึกษาส่ิงทีอ่ ยากรู้หรือมขี ้อสงสัยอย่างเปน็ ระบบ ข. เปน็ การเรยี นร้สู ิ่งตา่ ง ๆ โดยอาศัยประสบการณท์ ี่มีอยู่ ค. เปน็ การประดิษฐ์สอื่ การเรียนร้โู ดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ง. เปน็ การศึกษาความร้จู ากทฤษฎีของนักวชิ าการทเ่ี ขียนไว้ 20. การทาวจิ ยั อย่างงา่ ยเปน็ ประโยชน์สาหรบั บุคคลใดมากทีส่ ุด ก. ผู้วิจัย ข. ผู้ให้ทนุ วจิ ัย ค. ผชู้ ว่ ยนกั วิจัย ง. ผสู้ นับสนุนการวิจยั 21. “ส่ิงทต่ี ้องการรู้จากการทาวจิ ัย” จะเขียนในหวั ขอ้ ใดของการทาวิจยั อยา่ งงา่ ย ก. คาถามการวิจัย ข. ช่ือโครงการวจิ ัย ค. วัตถุประสงคก์ ารวิจยั ง. การเผยแพรผ่ ลงานวิจัย 22. คา่ กลางของข้อมลู ทค่ี านวณโดยการนาค่าของข้อมูลท้งั หมดมารวมกัน แล้วหารด้วยจานวน ขอ้ มลู ท่ีมีอยู่ คอื สถิติในข้อใด ก. คา่ เฉลีย่ ข. คา่ รอ้ ยละ ค. ค่าความถ่ี ง. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 23. ขอ้ สอบวิชาทักษะการเรียนรู้ จานวน 60 ข้อ แดงสอบได้ 36 ข้อ คิดเป็นรอ้ ยละเท่าไร ก. 55 ข. 60 สนใจส่ังชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

308 ค. 65 ง. 70 24. ขอ้ ใดเป็นเครอื่ งมือการวจิ ยั ทใี่ ช้การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยเฝูาดูพฤติกรรมของสิง่ ที่ตอ้ งการ ศกึ ษา ก. แบบสังเกต ข. แบบทดสอบ ค. แบบสอบถาม ง. แบบสมั ภาษณ์ 25. จากวัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั “เพ่ือศึกษาการอ่านคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษจากบทเรียนสาเรจ็ รูปของ นกั ศึกษาระดบั ม.ตน้ ” ข้อใดสรุปผลการวจิ ยั ได้ถูกตอ้ ง ก. นักศกึ ษาระดับ ม.ตน้ อ่านคาศัพทภ์ าษาอังกฤษจากบทเรยี นสาเร็จรูปอยูใ่ นระดบั ดี ข. นักศกึ ษาระดับ ม.ต้น ฝึกฝนการอ่านคาศัพท์ภาษาอังกฤษจากบทเรียนสาเร็จรูป ค. นักศึกษาระดบั ม.ตน้ อา่ นคาศัพท์ภาษาไทยจากบทเรยี นสาเร็จรปู ไดพ้ อประมาณ ง. นักศึกษาระดับ ม.ต้น พากเพยี รอา่ นคาศพั ท์ภาษาไทยและภาษาองั กฤษไปพร้อม ๆ กัน 26. การวิเคราะห์เร่ือง “การปั่นจกั รยานอยา่ งไร ให้รา่ งกายแขง็ แรง” ขอ้ ใดเขยี นวตั ถุประสงคข์ อง การวิจัย ไดถ้ ูกตอ้ ง ก. เพื่อศกึ ษาวิธกี ารปน่๎ จักรยานทีท่ าให้ร่างกายแข็งแรง ข. เพ่ือศึกษาวธิ ีการป๎่นจักรยานใหป้ ลอดภัยบนท้องถนน ค. เพอ่ื ศึกษาชนดิ และราคาของจกั รยานที่ป๎น่ แล้วทาใหร้ า่ งกายแข็งแรง ง. เพือ่ ศกึ ษาระยะทางและสภาพถนนในการปน่๎ จกั รยานท่ีทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง 27. หากทา่ นตอ้ งการสารวจการประกอบอาชพี ของชุมชนในหมู่บา้ นแห่งหน่ึง ควรใช้เคร่ืองมอื การ วิจยั ใด ก. แบบทดสอบ ข. แบบสอบถาม ค. แบบบันทกึ พฤตกิ รรม ง. แบบประเมินความพงึ พอใจ 28. ข้อใดเป็นหวั ข้อสดุ ท้ายของโครงการวจิ ัย ก. ชือ่ โครงการวิจัย ข. วิธีดาเนนิ การวิจยั ค. ปฏทิ นิ ปฏบิ ตั งิ าน ง. ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ 29. ขอ้ ใดเป็นการสรุปผลการวิจัยทีถ่ ูกต้อง ก. สรุปตามช่ือโครงการวจิ ัย ข. สรปุ ตามวัตถุประสงค์การวิจัย ค. สรุปตามข้อเสนอแนะการวิจัย ง. สรปุ ตามความเปน็ มาของการวิจยั 30. สตารท์ อพั (Startup) เป็นการพัฒนาศกั ยภาพหลักดา้ นใด ก. ทรพั ยากรมนุษย์ ข. ทรัพยากรธรรมชาติ ค. ศลิ ปวฒั นธรรม ง. ภูมิประเทศและทต่ี ง้ั 31. ถา้ ต้องการใหผ้ ลติ ภณั ฑข์ องตนเองเปน็ ที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ควรใช้วิธกี ารใดเหมาะสมทส่ี ุด ก. เปิดหน้ารา้ นจาหน่าย ข. ร่วมออกรา้ นของสว่ นราชการ สนใจสง่ั ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

309 ค. เปดิ ตลาดออนไลน์ ง. ร่วมลงทนุ กับเพ่อื นหลายคนช่วยกนั จาหนา่ ย 32. ภาคเหนอื มีอุณหภูมิตา่ พืน้ ทส่ี ่วนใหญ่เป็นภูเขา ควรประกอบอาชีพใด ก. ปลกู ทเุ รียน ข. เลี้ยงปลาในกระชัง ค. ปลูกไม้เมืองหนาว ง. ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม 33. การท่องเท่ยี วเชงิ นเิ วศ จัดเป็นการวิเคราะหศ์ ักยภาพหลกั ของพน้ื ที่ตามขอ้ ใด ก. ศักยภาพของพนื้ ทตี่ ามภมู อิ ากาศ ข. ศกั ยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแตล่ ะพื้นที่ ค. ศักยภาพของทรพั ยากรธรรมชาตใิ นแต่ละพืน้ ที่ ง. ศักยภาพของศิลปวัฒนธรรมประเพณแี ละวิถีชีวิตในแตล่ ะพนื้ ที่ 34. บุคคลใดเลือกใช้แหล่งเรยี นรู้ในชุมชน เพ่ือพัฒนาอาชพี ของตนได้เหมาะสมทสี่ ุด ก. ภานุ ศึกษาการทานา้ ส้มควันไมส้ มุนไพรไล่แมลงจากภมู ิป๎ญญาท้องถ่ิน ข. อาคม ศกึ ษาการนวดแผนไทยจากตาราฤาษดี ดั ตนในห้องสมุดโรงเรียน ค. นเรศ ศึกษาการปลกู กล้วยน้าหว้าปากช่อง 50 จากสานกั งานเกษตรจงั หวดั ง. พรพรรณ ศึกษาวิธกี ารทาขนมจ่ามงกฎุ จากรายการสดุ ยอดเชฟกระทะเหล็กทางโทรทศั น์ 35. ปญั หาข้อใดควรแกไ้ ขเป็นลาดับแรกดว้ ยการพัฒนาคณุ ธรรมร่วมกนั ของคนในชมุ ชน ก. ดมื่ สุรา ข. สบู บุหร่ี ค. ยาเสพติด ง. สนิ คา้ ราคาตกต่า 36. “ชุมชนโนนสะอาด ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมต้องใช้น้าชลประทานร่วมกัน ปนี ้ีเกดิ ปัญหาคลองส่งนา้ มขี ยะและวัชพชื ขวางทางนา้ ” จากข้อความข้างตน้ ข้อใดเปน็ กระบวนการคดิ แก้ปัญหาทเ่ี หมาะสมทส่ี ุด ก. ประชุมผู้ใช้น้าเพือ่ สาเหตแุ ละกาหนดวิธีการแก้ป๎ญหา ข. ของบประมาณจากภาครฐั ในการกาจัดขยะ ค. ระดมคนในชมุ ชนรว่ มขุดลอกคลอง ง. แจ้งกรมชลประทาน 37. เกษตรกรมปี ญั หากาหนดราคาเองไมไ่ ด้ขึ้นอย่กู บั พ่อคา้ คนกลางและการตลาด ถ้าท่านเปน็ เกษตรกรควรทาอย่างไรเหมาะสมทสี่ ดุ ก. ผลิตใหน้ อ้ ยลง ข. รวมกล่มุ ผู้ผลติ ข้นึ ราคา ค. เปล่ยี นไปปลูกพชื ชนดิ อ่ืน ง. รวมกลุ่มผู้ผลิตสรา้ งเครือข่ายขายใหก้ บั ผู้บรโิ ภคโดยตรง สนใจส่ังช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

310 38. วิธกี ารแกป้ ัญหาการใช้สารเคมเี บอ้ื งตน้ ในชมุ ชน ข้อใดเหมาะสมที่สุด ก. ใช้สารเคมรี าคาแพงปราบศตั รูพืช ข. ปลูกพืชทดแทนให้มปี ริมาณมากขึ้น ค. ผลติ ตะไคร้หอมและยาสูบให้เป็นยาปอู งกันศัตรพู ืช ง. เพิ่มคุณภาพของสารเคมีเพอ่ื ปราบศตั รูพืชให้หมดไป 39. “โลกกาลงั เผชญิ กบั วิกฤตภยั ธรรมชาตแิ ละความขาดแคลนทรัพยากร เพราะมนษุ ยไ์ ดท้ าลาย สมดลุ ของโลกอย่างต่อเน่อื ง” เราจะทาใหโ้ ลกกลบั คืนสสู่ มดลุ ไดต้ ามข้อใด ก. ดาเนนิ ชวี ิตตามวตั ถนุ ยิ ม ข. กาหนดบทลงโทษต่อผทู้ าลายสิ่งแวดล้อม ค. ดาเนนิ ชวี ิตอย่างมสี ติ ร้กู ิน ร้ใู ชไ้ ม่เบียดเบยี นสง่ิ แวดลอ้ ม ง. ใชท้ รัพยากรธรรมชาติให้ตอบสนองความสะดวกสบายของมนุษย์ 40. ข้อใดคือความหมายของการวิจัยที่ถูกต้องที่ ก. การพิสจู น์หาคาตอบอะไรบางอยา่ ง ข. การหาคาตอบทสี่ งสยั ทีเ่ ป็นปญ๎ หาข้างใน ค. การศึกษาค้นคว้าหาความจรงิ อยา่ งมีระบบตามหลกั วชิ าการ ง. การพิสูจน์หาความจรงิ ทีเ่ ป็นประเดน็ สงสัยเพ่ือใหไ้ ดค้ าตอบ 41. ขอ้ ใดเปน็ ประโยชน์ของการวจิ ยั ตอ่ สงั คมที่เกดิ จากการคดิ ค้นเครอ่ื งหยอดเมล็ดข้าวโพด ก. ช่วยในการทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ข. ช่วยฝึกการเปน็ คนช่างคิด ช่างสังเกต ค. ช่วยให้เกดิ นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐใ์ หม่ ๆ ง. ช่วยในการจดบนั ทกึ และเขยี นอยา่ งเป็นระบบ 42. ขอ้ ใดเรียงลาดบั ข้ันตอนการทาวจิ ยั ได้ถกู ต้อง ก. กาหนดปญ๎ หาวจิ ัย เขียนโครงการ แก้ไขโครงการ ดาเนินงานตามแผน สรปุ ผล ข. เขียนโครงการวิจัย เขียนรายงานดาเนนิ การตามแผน กาหนดปญ๎ หา สรุปผล ค. กาหนดป๎ญหาวิจัย เขียนโครงการ ดาเนินการตามระบบ เขยี นรายงานวิจยั เผยแพรผ่ ลงาน ง. เขียนโครงการวิจัย เขียนรายงานดาเนนิ การตามแผน กาหนดป๎ญหา สรุปผล เผยแพร่ผลการวจิ ยั 43. คา่ กลางของขอ้ มูลทค่ี านวณทั้งหมดมารวมกัน แลว้ หารดว้ ยจานวนขอ้ ทีม่ อี ยู่ตรงกบั สถิติในขอ้ ใด ก. ค่าเฉลีย่ ข. คา่ รอ้ ยละ ค. คา่ ความถี่ ง. คา่ สัดส่วน สนใจส่งั ชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

311 44.จากการสารวจนกั ศกึ ษา กศน.ตาบล แหง่ หนง่ึ มจี านวนนักศึกษา 40 คน ถ้าต้องการทราบวา่ เรียนในห้องเป็นเพศหญิงคนและเพศชายกคี่ นควรใชส้ ถิติข้อใด ก. ค่าความถี่ ข. คา่ รอ้ ยละ ค. คา่ สดั สว่ น ง. ค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน 45. เคร่ืองมอื การวิจยั ขอ้ ใด ที่ให้ผู้ตอบเขียนคาตอบได้อย่างอสิ ระตามความเป็นจริง ก. แบบสงั เกต ข. แบบสัมภาษณ์ ค. แบบสอบถามปลายปดิ ง. แบบสอบถามปลายเปิด 46. ถ้าตอ้ งการสร้างบา้ นจะต้องมีแบบแปลนพมิ พเ์ ขยี วควบคุมโดยเจ้าของบา้ น แตถ่ ้าจะทาวจิ ยั ผวู้ ิจยั จะต้องมสี ง่ิ ใดไว้เปน็ แบบการดาเนินงาน ก. โครงการวจิ ัย ข. สรุปผลการวิจยั ค. สมมตฐิ านการวิจัย ง. วตั ถุประสงคข์ องการวิจัย 47. “การศึกษาการขายสินคา้ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ (e - commerce)” เป็นหวั ข้อการวิจัยท่เี หมาะสม กบั การพฒั นาอาชีพในกลุม่ อาชีพใด ก. พาณชิ ยกรรม ข. อุตสาหกรรม ค. ความคิดสร้างสรรค์ ง. การบริหารจดั การและบรกิ าร 48. จากขอ้ ความ “ผลการวจิ ัยคร้งั นี้ สถานศกึ ษาควรนาไปพิจารณาจัดหาแหล่งค้นคว้าทีอ่ ยู่ใน บริเวณใกลเ้ คยี งสถานทพี่ บกลุ่มทน่ี ักศกึ ษา สว่ นใหญส่ ะดวกมาใช้บรกิ าร”อยูใ่ นหวั ขอ้ ใดของการ เขียนรายงานการวจิ ัย ก. ขอ้ เสนอแนะ ข. สรุปผลการวจิ ัย ค. ทางานในโรงงาน ง. ความเป็นมาของการวจิ ยั 49. “ย่เี ป็ง” เกีย่ วขอ้ งกับศักยภาพหลกั ของพนื้ ที่ตามข้อใด ก. ศกั ยภาพของพน้ื ท่ีตามหลักภูมอิ ากาศ ข. ศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติในแต่ละพ้ืนที่ ค. ศักยภาพของภมู ิประเทศและทาเลทตี่ งั้ ของแตล่ ะพื้นที่ ง. ศกั ยภาพของศิลปวฒั นธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของแตล่ ะพ้ืนที่ 50. ภาคเหนอื มีลักษณะเปน็ ทร่ี าบเนินภเู ขาและมีอากาศเย็น ส่วนภาคใตเ้ ป็นพื้นทีค่ าบสมทุ รมีฝนตก ชุกตลอดท้ังปี เกษตรกรควรปลกู พชื ชนดิ ใดจึงจะเหมาะสมทสี่ ุด ก. ภาคเหนอื : ปลกู กาแฟ ภาคใต้ : ปลูกยางพารา ข. ภาคเหนอื : ปลูกยางพารา ภาคใต้ : ปลูกออ้ ย ค. ภาคเหนอื : ปลูกมะพร้าว ภาคใต้ : ปลูกปาลม์ น้ามัน ง. ภาคเหนือ : ปลูกอ้อย ภาคใต้ : ปลกู ยางพารา สนใจส่งั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

312 51. ตาบลเฉลิมพระเกียรตมิ ดี นิ อุดมสมบรู ณ์มีแหล่งนา้ และลักษณะภูมปิ ระเทศเปน็ ท่รี าบลมุ่ ประชาชนในพ้ืนทีค่ วรประกอบอาชพี ในข้อใด ก. ค้าขาย ข. ปลูกพชื เกษตรกรรม ค. ทาทีพ่ กั แบบโฮมสเตย์ ง. ทางานในโรงงานอุตสาหกรรม 52. ข้อใดไมใ่ ชค่ วามหมายของการวจิ ัยอยา่ งง่ายตามบรบิ ทของ กศน. ก. การหาวิธีการพัฒนาการจดั การเรียนรโู้ ดยมุ่งผลสมั ฤทธ์ใิ ห้เกิดกบั ผู้เรยี น กศน. ข. การค้นหาป๎ญหาของผู้เรยี น กศน.และลงมือแก้ปญ๎ หาอยา่ งเป็นระบบ ค. การพัฒนานวัตกรรมเพอ่ื แก้ป๎ญหาการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน กศน. ง. การพิสูจน์ความจรงิ ของป๎ญหาการจัดการเรยี นรู้ 53. ขอ้ ใดกล่าวถงึ การวิจยั อยา่ งง่ายตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ไดถ้ ูกต้องทสี่ ดุ ก. การวจิ ัยอย่างง่ายเป็นตัวชว้ี ัดหนงึ่ ในการประเมินวิทยฐานะครู ข. ครูทกุ คนตอ้ งดาเนนิ การวิจัยอย่างงา่ ยเพ่อื พัฒนาตนเอง ค. การวิจัยอยา่ งง่ายเปน็ สว่ นหนึง่ ของการจัดการเรยี นรู้ ง. ครูมอื อาชีพต้องเช่ยี วชาญการวิจัยอยา่ งง่าย 54. ข้อใดเป็นปัญหาท่ีครู กศน. สามารถนามาวเิ คราะหแ์ ละกาหนดเปน็ หวั ข้อการวจิ ยั ได้ ก. ในแต่ละรายวชิ าทตี่ อ้ งลงทะเบยี นเรียนมีเน้ือหามากเกนิ ไป ข. ผู้เรียนแกโ้ จทย์ป๎ญหาเกีย่ วกับร้อยละไม่ได้ ค. ครู กศน. มีภารกจิ เรง่ ด่วนอยเู่ สมอ ง. ผู้เรยี นลงทะเบยี นแล้วไมม่ าเรียน 55. การวจิ ยั อยา่ งง่ายจดั เป็นการวิจัยรูปแบบใด ก. การวจิ ัยเพ่อื พัฒนาเครือ่ งมือ ข. การวิจยั เพื่อสรา้ งทฤษฎี ค. การวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัติการ ง. การวิจัยเชิงปรมิ าณ 56. ลกั ษณะสาคัญของการวจิ ัยอยา่ งงา่ ยตามบริบทของ กศน. เป็นอยา่ งไร ก. ต้องใชป้ ระสบการณข์ องครผู ู้สอนมากาหนดวงจร PAOR ข. ตอ้ งจัดทาโครงร่างการวจิ ยั ไวอ้ ย่างชดั เจน ค. ต้องอ้างองิ ผลการวิจัยของผอู้ ่นื เสมอ ง. ตอ้ งใชง้ บประมาณในการวิจยั 57. ประโยชน์สงู สุดของการวิจยั อย่างง่าย คือขอ้ ใด ก. ทาใหเ้ กดิ การพฒั นาระบบการจดั การเรียนรู้ทผ่ี ู้เรยี นจะไดร้ บั การพัฒนาอย่างเตม็ ศักยภาพ ข. เป็นการเพ่ิมพูนขอ้ มูลพ้ืนฐานสาหรบั การวางแผนการจดั การเรยี นรู้ ค. ส่งเสรมิ การใช้ทฤษฎกี ารศกึ ษาทตี่ รงกบั สภาพป๎ญหาของผู้เรียน ง. การประยกุ ตใ์ ช้เครือ่ งมอื วิจยั เพ่อื ดาเนินงานโครงการตา่ ง ๆ สนใจส่ังชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

313 58. การเขียนความจริงเกี่ยวกับปัญหา ครผู ้สู อนควรเขยี นอยา่ งไร ก. เขยี นเฉพาะความจริงที่ไดพ้ จิ ารณาแล้วว่าเกยี่ วข้องกับปญ๎ หาจรงิ ๆ ข. เขียนความจริงที่เก่ยี วขอ้ งที่นกึ ไดใ้ นขณะน้ันและเขยี นเปน็ ขอ้ ๆ ค. เขียนเฉพาะความจรงิ ที่สามารถตรวจสอบได้ ง. เขยี นความจรงิ ที่คาดคะเนว่าเปน็ เช่นน้นั 59. การเขยี นความจรงิ เกย่ี วกบั ปญั หาและคาอธิบายเกย่ี วกบั สาเหตขุ องปญั หาเพอื่ อะไร ก. แสวงหาปญ๎ หาและสาเหตุแท้และออกแบบวิธกี ารแก้ป๎ญหา ข. เป็นแนวทางวิเคราะห์ขอ้ มูลการวจิ ยั ค. กาหนดวตั ถุประสงค์ของการวิจัย ง. ใชต้ ้งั ชอ่ื เรื่องการวิจัย 60. การเลอื กปญั หาทจี่ ะนามาเปน็ หัวขอ้ วิจยั อย่างงา่ ยเพือ่ แก้ปญั หาหรอื พัฒนาผเู้ รยี น ควรให้ นา้ หนัก ความสาคญั ในขอ้ ใดมากทสี่ ุด ก. ควรเลือกเรอื่ งทค่ี รูผสู้ อน มคี วามร้พู ้ืนฐานดีพอทีจ่ ะทาวจิ ยั เรือ่ งน้นั ข. ควรเลือกเร่ืองที่ผ้เู รยี นใหค้ วามสนใจ ค. ควรเลอื กเร่อื งทไี่ มม่ ีใครทามากอ่ น ง. ควรเลอื กเรอ่ื งท่คี รูสนใจ 61. กรณที ่ีครผู ู้สอนพบวา่ “นักศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูลไมเ่ ปน็ ” สาเหตแุ ทข้ องปัญหาตรงกบั ข้อใด ก. ครผู ูส้ อนไม่มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาไปศึกษา คน้ ควา้ ข้อมูล ข. ห้องสมุดมีหนังสือไม่ตรงกับความต้องการของนกั ศึกษา ค. นกั ศกึ ษาไมร่ ู้เทคนคิ การคน้ ควา้ ข้อมูลจากส่ือต่าง ๆ ง. นกั ศกึ ษาไมช่ อบค้นคว้า 62. หากครูผู้สอนต้องการขอ้ มลู เกย่ี วกับครอบครวั และสง่ิ แวดล้อมของผ้เู รยี น จะเลือกทาตามขอ้ ใด เพอ่ื จะไดข้ ้อมูลที่ดีทีส่ ดุ ก. การสัมภาษณโ์ ดยใช้แบบสมั ภาษณ์ไมม่ ีโครงสรา้ ง ข. การสมั ภาษณ์โดยใช้แบบสมั ภาษณ์มีโครงสรา้ ง ค. การสังเกตแบบไม่มีสว่ นรว่ ม ง. การสงั เกตแบบมีสว่ นร่วม 63. “ในการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ าภาษาไทย ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ครผู ูส้ อนให้นักศกึ ษาอา่ นคา ทค่ี วบกล้าด้วย คว พบว่า มีนักศกึ ษา 3 คน ออกเสียง คาว่า “ควาย” เป็น “ฟาย” และคาว่า“เคว้ง ควา้ ง” เปน็ เฟูงฟูาง” ข้อความนจี้ ะนาไปเขียนไวใ้ นส่วนใดของรายงานการวจิ ยั อยา่ งง่าย ก. ความเปน็ มาและความสาคัญของป๎ญหา ข. วิธีดาเนนิ การวิจัย สนใจสัง่ ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

314 ค. ขอ้ เสนอแนะ ง. ผลการวิจยั 64. หวั ข้อใดเป็นส่วนสาคัญทขี่ าดไม่ไดใ้ นรายงานการวจิ ยั อย่างงา่ ย ก. สารบัญ ข. สมมติฐานของการวจิ ัย ค. เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง ง. วัตถุประสงคข์ องการวิจัย 65. เครื่องมือทใี่ ช้ในการวิจยั จะปรากฏอยู่ส่วนใดของการเขียนรายงานการวิจยั อยา่ งงา่ ย ก. วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั ข. วิธีดาเนนิ การวิจยั ค. เอกสารอา้ งองิ ง. ชือ่ เรอ่ื ง 66. การสรุปผลการวิจัยท่ีถูกต้อง ตรงกับข้อใด ก. สรุปผลในประเดน็ ท่ีเก่ยี วข้องกบั สถานศึกษา ข. สรุปผลการวิจัยทส่ี ามารถอธบิ ายได้ ค. สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคก์ ารวิจัย ง. สอดคลอ้ งกับมาตรฐานการวิจยั 67. ขอ้ ใดเป็นหวั ใจของรายงานการวจิ ัยอยา่ งงา่ ย ก. ความเปน็ มาและความสาคัญของป๎ญหา ข. วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย ค. ข้อเสนอแนะ ง. ผลการวิจยั 68. “การฝกึ ทักษะการใชอ้ ินเทอร์เนต็ แบบเพอื่ นชว่ ยเพ่อื นโดยการจบั คูฝ่ ึกปฏบิ ตั ิ ช่วยพัฒนาผเู้ รียน ใหม้ ีทักษะในการสบื ค้นข้อมูลทางอนิ เทอร์เน็ตได้ดขี ึน้ โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ทักษะการ สบื คน้ ข้อมูลทางอินเทอรเ์ น็ต ท้ังน้ีอาจเนื่องมาจากผูเ้ รยี นกล้าถามเพอ่ื นและส่อื สารด้วยภาษาที่ เข้าใจง่ายทาให้ผเู้ รยี นมน่ั ใจและสนใจจะคน้ คว้ามากขน้ึ ” ขอ้ ความน้ี ควรปรากฏอยู่สว่ นใดของ รายงานการวจิ ัยอย่างง่าย ก. กรอบความคิดการวิจยั ข. การอภปิ รายผล ค. ขอ้ เสนอแนะ ง. ผลการวิจัย 69. ขอ้ ใดเป็นการเผยแพรผ่ ลงานวิจยั อยา่ งงา่ ยในวงกวา้ ง ก. การจดั เวทนี าเสนองานวิจัย ข. การเผยแพรด่ ้วยโปสเตอร์ ค. การรายงานวิจัยฉบบั เต็ม ง. การเผยแพร่ทางเว็บไซต์ 70. ข้อใดคือความหมายของการวิจัย ก. กระบวนการแก้ปญ๎ หา ข. กระบวนการพฒั นาผลงาน ค. กระบวนการพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน ง. กระบวนการพัฒนาผลงานการวจิ ยั 71. การแจงนบั จานวนของสง่ิ ท่ีเราตอ้ งการศกึ ษาว่ามีจานวนเทา่ ใด คือสถติ ิในขอ้ ใด ก. ความถ่ี ข. รอ้ ยละ ค. ค่าเฉลีย่ ง. ค่านา้ หนกั สนใจส่ังชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

315 72. จากการสารวจนกั ศึกษา กศน. ตาบลแห่งหนง่ึ มีจานวน 60 คน เปน็ นกั ศึกษาชาย 36 คน เปน็ นกั ศกึ ษาหญิง 24 คน คิดเปน็ รอ้ ยละเท่าไร ก. นักศึกษาชาย = 57% และนกั ศึกษาหญิง = 43% ข. นกั ศกึ ษาชาย = 60% และนกั ศึกษาหญิง = 40% ค. นกั ศึกษาชาย = 58% และนกั ศกึ ษาหญิง = 42% ง. นักศกึ ษาชาย = 55% และนักศึกษาหญิง = 45% 73. เครือ่ งมือการวิจยั มคี วามสาคญั อยา่ งไร ก. ทาให้เกดิ ความรู้ทางวิชาการใหม่ ๆ ข. ช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจ ค. ช่วยเกบ็ รวบรวมข้อมลู สง่ิ ทีต่ ้องการศกึ ษา ง. ช่วยให้ทราบผลและข้อบกพร่องจากการดาเนินงาน 74. แบบสอบถามมีกีล่ ักษณะ อะไรบ้าง ก. 2 ลกั ษณะ แบบปรนัย และแบบอัตนยั ข. 2 ลกั ษณะ แบบปลายเปิด และแบบปลายปิด ค. 2 ลักษณะ แบบมโี ครงสร้าง และแบบไมม่ ีโครงสร้าง ง. 2 ลักษณะ แบบเปน็ ทางการ และแบบไม่เปน็ ทางการ 75. การวางแผนการวจิ ัยควรคานึงถึงขอ้ ใดมากทส่ี ดุ ก. มีที่ปรึกษาในการวิจยั ข. คน เวลา และงบประมาณ ค. สามารถตอบคาถามตามวตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัยได้ ง. สามารถดาเนินงานโดยใชร้ ะยะเวลาและเงินนอ้ ยที่สดุ 76. ข้อใดไมใ่ ชห่ ัวข้อท่นี ามาเขยี นโครงการวจิ ัย ก. ผรู้ ับผดิ ชอบ งบประมาณ ข. วัตถุประสงค์ของการวิจัย ค. ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รบั ง. ความเปน็ มาและความสาคญั 77. “การออกแบบ Animation เพ่อื ธุรกจิ ” เป็นหัวข้อการวิจยั ทเี่ หมาะสมกบั การพัฒนางานอาชพี ในกลุม่ อาชีพใหม่ด้านใด ก. อุตสาหกรรม ข. พาณิชยกรรม ค. ความคิดสร้างสรรค์ ง. บรหิ ารจดั การและการบรกิ าร 78. ขอ้ ใดเป็นการวิเคราะห์ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแต่ละพน้ื ทีข่ องการประกอบอาชีพโฮมสเตย์ ก. มโี ปรแกรมนา่ สนใจในการศกึ ษาธรรมชาติและพักผอ่ นที่ดี ข. มีแหลง่ ท่องเทีย่ วเป็นจุดสนใจชวนให้ผูค้ นมาเที่ยวและพกั คา้ งคนื ค. อยใู่ นพน้ื ที่ทม่ี ีการประชาสัมพนั ธท์ ี่ดจี ากองค์กรท่องเทยี่ ว สนใจส่ังชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

316 ง. มคี วามรว่ มมอื จากชมุ ชนในการเป็นมิตรกบั แขกทม่ี าใช้บรกิ าร 79. เม่อื ต้องการเผยแพรง่ านวิจยั โดยมกี ารร่วมแสดงความคิดเหน็ ควรใช้วิธีการใด ก. นาเสนอในกลุ่ม ข. ติดบอร์ดของสถานศกึ ษา ค. จัดสง่ ใหห้ น่วยงานตา่ ง ๆ ง. นารายงานการวจิ ยั ขน้ึ เวบ็ ไซต์ 80. การวจิ ัยในชนั้ เรียน หมายถงึ อะไร ก. การใช้วิธไี สยศาสตรเ์ พอ่ื ทาให้การสอนดีข้นึ ข. การใช้วธิ วี ิทยาศาสตร์คน้ คว้าเพ่ือสร้างความรใู้ หมท่ างการศึกษา ค. การคน้ คว้าวธิ ีการเรยี นโดยใช้วธิ ีวทิ ยาศาสตรค์ น้ ควา้ ง. การค้นควา้ วิธกี ารพัฒนาการสอน 81. จดุ มุ่งหมายของการวิจัยในชน้ั เรยี น คือข้อใด ก. ประเมนิ ตัดสินผู้เรยี น ข. แกป้ ๎ญหาผ้เู รยี น ค. พัฒนาผู้เรยี น ง. ถกู ท้ัง ข และ ค 82. ข้อใดไม่ใชจ่ ุดมงุ่ หมายของการวิจัยในช้นั เรียน ก. พัฒนาผ้เู รียน ข. แก้ปญ๎ หาผู้เรียน ค. ประเมนิ ตัดสินผู้เรียน ง. หาสาเหตุของพฤตกิ รรม 83. ข้ันตอนแรกในการทาวจิ ัยในชัน้ เรยี นคือขนั้ ตอนใด ก. รวบรวมข้อมูล ข. กาหนดป๎ญหา ค. ตงั้ สมมตุ ิฐาน ง. วิเคราะห์ป๎ญหา 84. การวิจัยในชน้ั เรยี นจดั เปน็ การวจิ ัยรปู แบบใด ก. การวิจยั เชงิ ปฏิบัติการ ข. การวิจยั เชงิ ปริมาณ ค. การวิจยั เพ่อื สรา้ งทฤษฎี ง. การวจิ ัยเพ่ือพฒั นาเคร่ืองมอื 85. การวิจยั ในชั้นเรียน ตรงกบั ความหมายขอ้ ใด ก. เป็นการวจิ ยั การศกึ ษาทอ่ี ยูท่ ้ังในและนอกช้นั เรยี น ข. เป็นการวิจัยเฉพาะการเรียนการสอนท่ีอยใู่ นชั้นเรยี น ค. เปน็ การวิจยั ของครูท่ีจดั การเรยี นการสอนทัง้ ในและนอกชั้นเรยี น ง. เปน็ การวจิ ัยของสถานศึกษาที่จดั การเรียนการสอน สนใจส่ังชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

317 เฉลยแนวขอ้ สอบ 1.ง 2.ข 3.ค 4.ก 5.ก 6.ข 7.ง 8.ข 9.ก 10.ง 11.ก 12.ก 13.ข 14.ก 15.ก 16.ค 17.ค 18.ข 19.ก 20.ก 21.ค 22.ก 23.ข 24.ก 25.ก 26.ก 27.ข 28.ง 29.ข 30.ก 31.ค 32.ค 33.ค 34.ก 35.ค 36.ก 37.ง 38.ค 39.ค 40.ค 41.ก 42.ค 43.ก 44.ก 45.ง 46.ก 47.ก 48.ก 49.ง 50.ก 51.ข 52.ง 53.ค 54.ข 55.ค 56.ก 57.ก 58.ก 59.ก 60.ก 61.ค 62.ก 63.ก 64.ง 65.ข 66.ค 67.ง 68.ข 69.ง 70.ข 71.ก 72.ข 73.ค 74.ข 75.ค 76.ก 77.ค 78.ง 79.ง 80.ข 81.ง 82.ค 83.ข 84.ก 85.ข สนใจสงั่ ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

318 การจดั ทาแผนงาน โครงการ แผนปฏิบัติการ ตามพระราชกฤษฎกี าว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองทีด่ ี พ.ศ. 2546 มาตรา 9 และมาตรา 16 ได้กาหนดใหใ้ นแต่ละปีงบประมาณ สว่ นราชการจะต้องจดั ทาแผนปฏิบัติ ราชการประจาปี เพื่อใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธิต์ อ่ ภารกิจของรัฐ ประกอบกบั คณะรัฐมนตรมี มี ตเิ ม่ือวันท่ี 1 สงิ หาคม 2560 เหน็ ชอบแนวทางการจดั ทางบประมาณ และการปรบั ปรงุ ปฏิทินงบประมาณรายจ่าย ประจาปงี บประมาณ ทกุ ส่วนราชการจัดทาแผนปฏบิ ตั งิ านและแผนการใชจ้ ่ายงบประมาณประจาปี งบประมาณ เบ้อื งต้นให้สอดคลอ้ งกับ กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) นโยบายความม่ันคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2558 - 2564) และนโยบายรัฐบาล (พลเอก ประยุทธ์จนั ทรโ์ อชา) นโยบายกระทรวงศึกษาธกิ าร นโยบายสานักงาน กศน. และนโยบายสายนกั งาน กศน.จงั หวดั นนั้ การจัดทาแผนงาน ความหมายการวางแผน “การวางแผน” (Planning) มาจากคาในภาษาละตินว่า “แพลนัม” (Planum) หมายถึง พื้นทร่ี าบหรือพมิ พเ์ ขียว คาภาษาอังกฤษใช้ “Planning” ซง่ึ หมายถงึ กระบวนการวเิ คราะหแ์ ละการ ตดั สินใจ ของผู้บริหารที่จะกาหนดวิธกี ารไวล้ ่วงหน้าอยา่ งเปน็ ระบบเพือ่ ใช้เป็นแนวทางปฏบิ ัติให้ บรรลผุ ลตามเปูาหมายและวตั ถุประสงค์ท่กี าหนดไวอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยนาเอาขอ้ มลู ข่าวสาร (Information) ในอดีตมากาหนดหรอื พยากรณ์อนาคต ดงั นั้นแนวคิดของการวางแผนจงึ มีลักษณะเปน็ “ศาสตร์” ทีต่ ้องใช้ขอ้ มูลเชงิ ประจักษ(์ Empirical Information) ท่ีมคี วามแมน่ ตรง และเช่อื ถือไดแ้ ละ จะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบทช่ี ดั เจน และมคี วามตอ่ เน่อื งกันตามลาดับ ทัง้ นเ้ี พือ่ ใหผ้ ู้ใช้แผน มี ความรแู้ ละความเขา้ ใจทีจ่ ะสามารถนาแผนไปปฏิบตั ิใหบ้ รรลุผลสาเร็จได้ การวางแผน (Planning) หมายถึง กระบวนการที่องค์การหรอื หน่วยงานดาเนนิ การเพือ่ ให้ ได้ผลทต่ี ้องการในอนาคต โดยการตัดสนิ ใจล่วงหน้าในการเลอื กวธิ ที างานทด่ี ีทส่ี ดุ มีประสทิ ธภิ าพมาก ท่สี ดุ ให้บรรลผุ ลตามท่ตี ้องการภายในเวลาทีก่ าหนด และเป็นกระบวนการทตี่ อ้ งดาเนินการอยา่ ง ตอ่ เนอื่ ง ตลอดจนสามารถปรับปรงุ แก้ไขได้อยูเ่ สมอ ประโยชนข์ องการวางแผน การวางแผนทุกระดบั จะมปี ระโยชน์ท้งั ต่อผู้บริหาร และผู้ปฏิบตั ดิ งั น้ี 1. ปูองกนั มิให้เกิดปญ๎ หาและความผิดพลาดหรือลดความเสียงทีอ่ าจจะเกดิ ขึ้นในการ ปฏบิ ัติงานในอนาคต 2. ทาใหอ้ งคก์ ารมีกรอบหรือทิศทางในการปฏิบัติงานทีช่ ดั เจนวา่ จะทาอะไร ท่ีไหน เม่อื ไร อย่างไรและใครทา ทาใหน้ กั บริหารมีความมันใจในการปฏิบตั งิ านใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ได้ง่าย สนใจสง่ั ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

319 3. ชว่ ยใหเ้ กิดการประหยัดทรัพยากรทางการบริหาร เช่น คน เงนิ วสั ดุอุปกรณ์ เวลา ฯลฯ 4. ชว่ ยใหก้ ารปฏิบัติงานรวดเรว็ มีประสทิ ธิภาพ เพราะมแี ผนเป็นแนวทาง “เปรยี บเสมอื น เรือทมี่ หี างเสือ” 5. ชว่ ยใหก้ ารปฏิบัติงานเป็นระบบ นกั บรหิ ารสามารถควบคมุ ติดตามการปฏิบัตงิ านไดง้ ่าย องค์ประกอบของการวางแผน องค์ประกอบของการวางแผนท่สี าคัญ คอื 1. การกาหนดจุดหมายปลายทาง (Ends) ทต่ี ้องการบรรลุ ซึ่งมีหลายระดบั คอื 1) จุดมุ่งหมายหรอื เปาู ประสงค์ (Goals) เป็นการแสดงถึงความคาดหวงั ทีต่ อ้ งการให้ เกิดขน้ึ ในชว่ งระยะเวลาข้างหน้า ซึง่ มักจะมองในรูปของผลลัพธ์ (Outcomes ) ในอนาคตกาหนดอย่าง กวา้ งๆ 2) วตั ถปุ ระสงค์ (Objective) เปน็ องคป์ ระกอบที่เปน็ ผลมาจากการแปลงจุดมงุ่ หมาย (Goal) ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมมากขึน้ เพื่องา่ ยในการนาไปปฏิบัติวัตถปุ ระสงค์จงึ เป็นการกาหนดผลผลิต (Output) ท่คี าดหวังให้เกิดข้นึ อย่างกว้าง ๆ แต่ชัดเจน และสามารถปฏิบตั ิได้ 3) เปาู หมาย (Targets) เป็นองคป์ ระกอบที่เป็นผลมาจากการแปลงวัตถปุ ระสงค์ให้ เปน็ รปู ธรรมในการปฏบิ ัตมิ ากขึน้ เปูาหมายจงึ เปน็ การกาหนดผลลัพธ์สดุ ทา้ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการปฏิบัติ ตามแผน โดยจะกาหนดเปน็ หน่วยนับท่ีวัดผลได้เชงิ ปรมิ าณ และกาหนดระยะเวลาท่ีจะบรรลุผลสาเรจ็ นั้นด้วย 2. วิธีการและกระบวนการ (Means and Process) เปน็ องค์ประกอบท่เี กิดจากการนา ขอ้ มูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์และกาหนดเป็นทางเลอื ก (Alternative) สาหรบั เปน็ แนวทางปฏิบัติ หรือ กลวธิ ี (Strategy) ใหบ้ รรลุจุดหมายทกี่ าหนดไว้จากน้ันจะถ่ายทอดออกมาเปน็ แผนงาน (Programs) และโครงการ (Projects) ท่ีเชอื่ มโยงกนั โดยท่ัวไปจะประกอบดว้ ย 2 องคป์ ระกอบหลกั คอื 1) กลวิธีการปฏบิ ัติหรอื มาตรการ (Strategy) เปน็ การกาหนดแนวทางปฏิบัติให้บรรลุ จดุ หมาย (Ends) ที่กาหนดไว้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2) แผนงาน (Programs) และโครงการ(Projects) เป็นการกาหนดแนวทางการกระทา ท่ีเป็นรูปธรรมในการปฏิบัตมิ ากขนึ้ ซ่งึ โดยท่ัวไปจะมีประเด็นในการเขียนทช่ี ดั เจน ครอบคลุม และ เช่อื มโยงนอยา่ งเป็นระบบ 3. ทรพั ยากร (Resources) และค่าใชจ้ า่ ย (Cost) เป็นองค์ประกอบทส่ี าคัญอย่างหนงึ่ ใน การวางแผนและการนาแผนไปปฏบิ ัตซิ ่ึงได้แก่ คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ ซ่งึ ผู้วางแผนจะต้องระบใุ หช้ ัดเจน และมีความเป็นไปได้ “มิใชเ่ ขยี นแผนแบบวาดวิมานในอากาศ”หรอื “เขยี นแผนแบบเพอ้ ฝ๎น” 4. การนาแผนไปปฏบิ ัติ (Implementation) เป็นองค์ประกอบท่ีแสดงถึงกรรมวิธใี นการ ตดั สนิ ใจเลอื กแผนงานและโครงการไปปฏบิ ัตใิ หเ้ กดิ ผลสาเร็จตามจุดหมาย (Ends) ทีกาหนดไว้ ซ่งึ ข้ัน ตอนน้ี จะตอ้ งอาศัยกลยทุ ธ์หลายอย่างทงั กลยุทธ์ภายในองค์การและกลยุทธภ์ ายนอกองค์การ สนใจส่ังช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

320 5. การประเมินผลแผน (Evaluation) เป็นองคป์ ระกอบท่ีแสดงถึงการตรวจสอบการ ควบคมุ และการวดั ผลการปฏิบตั ติ ามแผนเพ่อื ใหท้ ราบถงึ ความกา้ วหน้าหรือข้อบกพร่องหรือขอ้ จากัด ของแผนนั้น ๆ เพอื่ จะได้ปรบั ปรงุ แผนใหส้ ามารถนาไปปฏิบัตไิ ด้บรรลตุ ามเปูาหมายและวตั ถุประสงคท์ ี่ กาหนดไว้ ระดับของการวางแผน ถ้าจะแบ่งระดบั ของการวางแผนตามลกั ษณะของการบรหิ ารงานในองคก์ าร สามารถแบง่ ออกเปน็ 3 ระดับ คอื 1. การวางแผนระดับนโยบาย (Policy Planning) เป็นแผนระดบั สูงสุดขององคก์ าร มกั จะ ระบุแนวทางอย่างกว้างๆ ซึ่งเปน็ พืน้ ฐานทจี่ ะกอ่ ให้เกดิ แผนชนดิ อ่ืนๆ สว่ นใหญ่จะเป็นแผนระยะยาว (Long - Range Plan) เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบับที่ 12 2. การวางแผนกลยุทธ์(Strategic Planning) เปน็ การวางแผนหลอมรวมครอบคลุม กจิ กรรมท้ังหมดขององคก์ าร หรอื แผนงานใหญ่ขององค์การ โดยจะระบไุ ว้“อยา่ งกว้าง” และ “มอง ไกล” ไปพรอ้ มๆ กัน ซ่ึงมกั จะเปน็ แผนระยะยาว 5 - 10 ปี ซึ่งจะตอ้ งสอดคล้องกบั แผนระดับนโยบาย 3. แผนปฏบิ ัติการ หรอื แผนดาเนินงาน (Operation Plan) เป็นการวางแผนทีก่ าหนด จุดม่งุ หมายระยะสนั้ ระยะเวลา ไม่เกิน 1 ปี ซ่งึ ถ่ายทอดมาจากแผนกลยทุ ธ์องค์ประกอบของแผนปฏิบัติ การจะประกอบด้วย วตั ถุประสงค์เปาู หมาย กิจกรรม ข้ันตอนการปฏิบตั ิงบประมาณ ผรู้ ับผิดชอบในการ ดาเนินงาน แผนปฏิบัตกิ าร แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื แผนใชป้ ระจา (Standing Plans) และแผนใช้ เฉพาะครง้ั (Single - use Plans) การวางแผนโครงการ การวางแผนโครงการ : Project planning คือ ความพยายามท่ีจะคาดคะเนเวลาและ คา่ ใช้จา่ ย ที่จะใช้ในการดาเนนิ งานโครงการใดโครงการหน่ึง รวมทงั้ ผลประโยชนท์ จี่ ะได้รบั จากโครงการ จะรวมถงึ ขน้ั ตอนการทางาน กิจกรรมทจ่ี ะตอ้ งทา เวลาท่ใี ช้ในแต่ละกิจกรรม รวมท้งั บุคคลากรท่ี เหมาะสมในแตล่ ะกจิ กรรมด้วย แต่ละโครงการควรจะวางแผนในรายละเอียดใหม้ าก ก่อนทจ่ี ะเริม่ ทางานจริง และเม่อื ดาเนนิ งานจริงๆแลว้ ควรจะติดตามและควบคุม ให้เปน็ ไปตามแผนทวี่ างไว้ดว้ ย แผนงานของโครงการวเิ คราะห์และออกแบบ จะประกอบแผนงานต่อไปน้คี ือ การวิเคราะห์ การออกแบบการพัฒนาโปรแกรม เตรยี มเอกสาร ฝกึ อบรม และการนาระบบมาใชง้ านจรงิ แต่ละ กจิ กรรมก็จะประกอบด้วย งานย่อยแยกไปอกี ในหัวข้อน้ไี ดแ้ ก่ การคาดคะเนเวลา และการเตรียมตาราง การทางาน คาดคะเนค่าใชจ้ า่ ย ผลประโยชน์ทีจ่ ะได้รบั สนใจสง่ั ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

321 ลกั ษณะของแผนงาน ลักษณะของแผนโดยท่ัวไป จะต้องประกอบดว้ ยสง่ิ ตอ่ ไป 1. วัตถปุ ระสงค์ เปน็ การกาหนดไวล้ ่วงหน้าจะมกี ารปฏิบัติอะไรและอย่างไร เปน็ การชี้ทาง ใหเ้ ห็นและเปน็ การปูองกันการเข้าใจผิดและหลงทาง วตั ถุประสงค์จะตอ้ งกาหนดไวแ้ จ่มแจง้ ชดั เจน โดย ใหท้ กุ ฝาุ ยมสี ่วนรว่ ม ตอ้ งมีการจัดเรยี งลาดบั วัตถุประสงค์ และมกี ารปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะๆ ไป 2. มาตรฐานในการบรหิ าร เปน็ การกาหนดความตอ้ งการ ความสมดุลย์และความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งทรัพยากรท้งั หลาย มาตรฐานเปน็ เครอื่ งกาหนดหลกั เกณฑ์สาหรบั การควบคุม การกาหนดอาจ เขยี นเป็นคาอธบิ าย หรอื โดยการบอกกล่าวด้วยคาพูดให้ถือปฏบิ ัติตาม 3. งบประมาณ ไดแ้ ก่ แผนกการรับและแผนการจ่าย ซ่ึงกาหนดข้นึ สาหรับส่ิงทจี่ ะเกิดขึน้ ใน อนาคตและเปน็ สิ่งท่ีชว่ ยกาหนดเปน็ เปาู หมายของแต่ละกจิ กรรม และใชเ้ ป็นแผนการควบคมุ ได้ 4. แผนงาน เปน็ แผนเบ็ดเตลด็ ซึ่งรวมการใช้ทรัพยากรตา่ งๆ และการจัดเรยี งลาดับของ กิจกรรมซึ่งจะตอ้ งทาตามกาหนดระยะเวลาเพ่ือให้บรรลุวตั ถุประสงค์ 5. นโยบาย หมายถงึ การตกลงข้นั ต้นในการกาหนดแนวทางอย่างกว้างในการปฏบิ ตั ิงานให้ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ นโยบายทด่ี ีจะตอ้ งกาหนดไวอ้ ยา่ งกว้างๆ และสอดคล้องกันและแสดงให้เห็นถึงการ พฒั นาองค์การในทีส่ ุด 6. วิธปี ฏิบัติ หมายถึง กระบวนการของงานทง้ั หลายซึง่ เกี่ยวข้องกัน มกี ารจัดเรียงลาดบั พรอ้ มท้งั กาหนดวิธีปฏิบตั ิ ตลอดจนจดั สายทางเดินของงานไว้ดว้ ย วิธีปฏิบัติควรจะแนน่ อนม่ันคง จะ เปลี่ยนแปลงต่อเม่ือมเี หตกุ ารณก์ ระทบต่อการดาเนนิ งานเกิดขนึ้ เทา่ นน้ั 7. วิธกี าร หมายถึง ขน้ั ตอนของวิธีปฏิบตั ิงานอย่างหนึง่ และเปน็ การกาหนดวา่ งานขนั้ น้ี จะตอ้ งปฏิบัตอิ ย่างใด โดยพิจารณาถงึ วตั ถุประสงค์ ค่าใชจ้ า่ ย เวลา เงิน และกาลงั การจาแนกแผนตามลักษณะการใช้ โดยปกติหน่วยงานต่างๆ จะมีแผนทีใ่ ช้อยู่ 2 ประเภท คอื 1) แผนท่ีมีวตั ถปุ ระสงค์เดียว (Single-Purpose planning) เปน็ แผนทใ่ี ช้สาหรับเปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิเฉพาะงานหรอื เฉพาะ ความรับผิดชอบหรือเป็นไปตามสภาวการณ์ คร้ันเมือ่ งานสาเร็จลุล่วงไปแลว้ หรือสภาวการณ์ เปลย่ี นแปลงไป แผนน้นั ก็จะถกู ยกเลิกไม่ใชอ้ กี ตอ่ ไป หรืออาจเรยี กว่า “แผน ชัว่ คราว” เช่น แผนลด ค่าเงินบาท แผนปูองกนั น้าทว่ ม โครงการแพทยอ์ าสาสมัครเคลอื่ นท่ีและอ่นื ๆ เปน็ ตน้ 2) แผนท่ีใชอ้ ย่าง ตอ่ เน่อื ง (Continuous-Use Planning) เปน็ แผนทใี่ ชส้ าหรบั เป็นแนวทางในการปฏิบตั งิ านอยา่ ง ต่อเนื่องและเป็นประจาด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน แมจ้ ะมผี ลกระทบต่างๆ เกิดข้ึนในขณะดาเนนิ งาน แผนชนดิ นี้จะไมเ่ ปล่ยี นโครงสร้างแต่จะปรบั ปรุงรายละเอยี ดใหส้ ามารถดาเนินการตอ่ ไปได้ หรือ อาจ เรยี กไดว้ า่ “แผนถาวร” หรอื “แผนงานหลกั ”ได้แก่นโยบายตา่ งๆ เช่น นโยบายการพัฒนา ชนบท นโยบายการปูองกันและปราบปรามการทจุ รติ นโยบายเพม่ิ อตั ราการอ่าน เปน็ ต้น 4.5 จ าแนกตาม ระดบั การบริหารงานหน่วยงาน แผนประเภทนี้ อาจแบ่งได้เป็น 3 ระดบั ดังนี้ สนใจส่งั ช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

322 แผนกลยทุ ธ์ (Strategic Planning) เป็นแผนที่ถกู จัดทาขน้ึ โดยผ้บู ริหารระดบั สูง เพ่ือให้ สอดคล้องกบั เปน็ หมายกลยทุ ธข์ องหน่วยงานแล้วประสานไปยงั ผู้บรหิ ารระดับกลาง และระดบั ล่าง ทาใหก้ ารวางแผนกลยุทธ์มีลักษณะการบริหารแบบลงล่าง (Top-Dow Planning) ท่ผี บู้ ริหาร ระดับสูงมีบทบาทสาคัญท่ีสุด การวางแผนกลยุทธจ์ ะกลา่ วถึงขอบเขตกวา้ งๆ ของการจดั กจิ กรรมของ หนว่ ยงาน ซึ่งตอ้ งครอบคลมุ ทรพั ยากรท้ังหมดท่ีหน่วยงานมอี ยตู่ ลอดจนการพยากรณ์สภาวะแวดล้อม ท้งั ภายในและภายนอก เปูาหมาย ของการวางแผนกลยทุ ธ์ โดยทั่วไปจะมุ่งเน้นให้หน่วยงานเจรญิ เตบิ โต และดารงอยไู่ ดใ้ นอนาคตกบั การช่วยเพ่ิมประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลในการดาเนินงานของหนว่ ยงาน แผนยทุ ธวธิ ี (Tactical Planning) เป็นแผนทเี่ กิดจากการกระทาร่วมกันระหว่าง ผู้บริหาร ระดับสูงกับผู้บรหิ ารระดบั กลางเพอื่ ใหห้ นว่ ยงานธรุ กิจกา้ วไปสผู่ ลสาเร็จที่วางไว้ ซึง่ เปน็ ไปตาม เปาู หมายยทุ ธวธิ ี และสอดคล้องกบั แผนกลยทุ ธ์ แผนยทุ ธวิธี จะมีลกั ษณะเฉพาะเจาะจงและเป็น กิจกรรมท่ีตอ้ งกระทาโดย หน่วยงานย่อยซ่งึ อยภู่ ายในหน่วยงาน การวางแผนยทุ ธวิธีตอ้ งอยู่ภายใต้ ขอบเขตกาหนดของแผนกลยทุ ธ์ แต่ แผนยทุ ธวิธจี ะทาหนา้ ทีใ่ นการผสมผสานสอดคลอ้ งระหว่างแผน กลยทุ ธ์ ซึ่งถูกสร้างข้ึนโดยผบู้ ริหารระดับสงู กับแผนปฏบิ ัติการ ซ่งึ เป็นแผนระดบั ล่างและมกั เปน็ แผน ระยะส้ันเข้าด้วยกนั โดยเนน้ ให้ครอบคลมุ ในส่ิงท่ีมี ความสาคญั ทัง้ หมด เชน่ ค่าใช้จา่ ย รายได้ เวลา และ เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช้ แผนปฏิบัตกิ าร (Operational Plans) ใชอ้ ธบิ ายเปูาหมายในการปฏบิ ัตงิ านของ หน่วยงานใน ลักษณะทเ่ี ป็นหนา้ ทีเ่ ฉพาะของหน่วยงาน หรอื มีลักษณะท่เี ปน็ งานทต่ี ้องทาเปน็ ประจาวนั ตอ่ วนั การวางแผน ปฏิบตั ิการเปน็ หน้าทข่ี องผู้บรหิ ารระดับลา่ งท่ีจะต้องกระทาตามเปูาหมายปฏบิ ัติการ และใหส้ อดคล้องกบั แผน ยุทธวธิ ี และแผนกลยทุ ธ์ แผนปฏิบัติการจึงมลี ักษณะการวางแผนระยะสน้ั ซ่งึ มักเกี่ยวขอ้ งกบั ปจ๎ จยั ต่างๆ ภายในหน่วยงาน ซึง่ เป็นทรพั ยากรท่ีผบู้ รหิ ารสามารถควบคุมได้ การเขยี นโครงการ ความหมายของโครงการ คาวา่ “โครงการ” ภาษาองั กฤษใช้คาว่า “Project” ซ่ึงหมายถึง แผนงานยอ่ ยท่ี ประกอบด้วยกจิ กรรม หรืองานหลายงานท่ีระบุรายละเอียดชัดเจน อาทิ วัตถปุ ระสงค์ เปาู หมาย ระยะเวลาดาเนินการ วิธีการหรอื ขั้นตอนในการดาเนนิ งาน พน้ื ทีใ่ นการดาเนินงาน งบประมาณท่ใี ช้ใน การดาเนนิ งานตลอดจน ผลลพั ธท์ คี่ าดวา่ จะได้รบั แผนงานท่ปี ราศจากโครงการย่อมเปน็ แผนงานท่ไี ม่ สมบูรณ์ ไมส่ ามารถนาไปปฏิบตั ใิ หเ้ ป็น รปู ธรรมไดด้ งั น้นั การเขียนโครงการข้นึ มารองรับแผนงานยอม เป็นสิ่งสาคัญและจาเปน็ ยิ่งเพราะจะทาให้งา่ ยในการปฏิบัตแิ ละงา่ ยต่อการตดิ ตามและประเมินผลเพราะ ถา้ โครงการบรรลุผลสาเรจ็ นัน้ หมายความวา่ แผนงานและนโยบายน้นั บรรลุผลสาเร็จด้วยโครงการจงึ เปรียบเสมือนพาหนะทีน่ าแผนปฏบิ ัตกิ ารไปสูก่ ารดาเนินงานใหเ้ กดิ ผล เพ่อื ไปสู่จุดหมายปลายทางตามท่ี สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

323 ต้องการ อีกทงั้ ยังเป็นจดุ เช่ือมโยงจากแผนงานไปส่แู ผนเงนิ และแผนคนอกี ดว้ ย ดังนนั้ โครงการจึงมี ความสัมพนั ธ์กับแผนงาน (Program) และนโยบาย (Policy) โครงการ คอื การวางแผนลว่ งหนา้ ทีจ่ ดั ทาขึน้ อย่างมีระบบประกอบด้วยกจิ กรรมย่อยหลาย กิจกรรมทีต่ ้องใชท้ รัพยากรในการดาเนนิ งาน และคาดหวงั ทีจ่ ะได้ผลตอบแทนอยา่ งคุ้มคา่ แต่ละ โครงการมีเปูาหมายเพือ่ การผลิตหรอื การใหบ้ ริการเพื่อเพ่ิมพูนสมรรถภาพของแผนงาน โครงการ หมายถงึ แผนงานย่อย แผนการดาเนินงานหรอื กจิ กรรมท่ีจะนาไปปฏบิ ัตไิ ด้โดยมี วตั ถุประสงค์ในการดาเนินงานอย่างชัดแจง้ มรี ะยะเวลาเร่ิมต้น มีระเบียบแบบแผนในการปฏิบตั ิเพ่อื เป็น แนวทางการปฏบิ ัติ ให้เป็นไปตามเปาู หมายทกี่ าหนด ลักษณะสาคญั ของโครงการ โครงการหนงึ่ ๆ จะต้องประกอบด้วยคุณลักษณะสาคัญ คอื 1. ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย ๆ ทเี่ ก่ียวข้องและสอดคล้องกันภายใต้วตั ถุประสงค์เดยี วกนั 2. มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ (Objective) ท่ีชดั เจน วดั ไดแ้ ละปฏิบัติได้ ทง้ั นีเ้ พ่ือเป็น แนวทางในการดาเนินงานและติดตามประเมินผลได้โครงการหนงึ่ ๆ อาจมมี ากกวา่ หน่ึงวตั ถปุ ระสงค์ ก็ ได้ กล่าวคือ มวี ัตถุประสงค์หลักและวัตถุประสงค์รอง และต้องกาหนดวัตถุประสงคท์ ส่ี มารถปฏบิ ัตไิ ด้ มิใช่วตั ถุประสงคท์ ่ีเลือ่ นลอย/เพอ้ ฝ๎นหรอื เกนิ ความเปน็ จรงิ 3. มีการกาหนดจดุ เริม่ ตน้ และจดุ ส้ินสุดของกิจกรรม (Scheduled Beginning and Terminal Points) การเขียนโครงการโดยทัว่ ไปจะตอ้ งมีการกาหนดระยะเวลา ว่าจะเร่มิ ต้นเมอ่ื ไรและ สน้ิ สดุ เมือ่ ไร ถ้าหากมีการดาเนินกิจกรรมไปเรื่อย ๆ ไม่มีการกาหนดขอบเขตของเวลา (Time Boundary) ไว้จะไม่ถอื วา่ เป็นงานโครงการ เพราะมลี กั ษณะเปน็ งานประจา (Routine) หรอื งานปกติ 4. มสี ถานทีต่ ้งั (Location) ของโครงการ ผเู้ ขยี นโครงการตอ้ งระบใุ หช้ ัดเจนวา่ โครงการนี้ พืน้ ท่ีดาเนินการหรอื หวั งานอยทู่ ใ่ี ด เพอ่ื สะดวกในการดาเนินงาน ถา้ เลอื กสถานท่ีต้งั โครงการไม่ เหมาะสมแล้ว ย่อมทาให้เสียคา่ ใช้จ่ายหรอื ลงทนุ มาก ผลประโยชนต์ อบแทนท่ีได้อาจไมค่ ุ้มคา่ การ ตดิ ตามและการประเมนิ ผลโครงการก็อาจทาไดย้ าก 5. มบี ุคลากรหรือองคก์ รทเี่ ฉพาะเจาะจง (Organization) งานโครงการจะต้องมีหน่วยงาน หลักรับผดิ ชอบ ส่วนหนว่ ยงานอ่นื ถือวา่ เป็นหน่วยงานเสรมิ หรอื รว่ มมอื ดาเนนิ งานเท่าน้นั และควรระบุ บคุ ลากรผู้รบั ผดิ ชอบโครงการน้นั ใหช้ ัดเจนเพือ่ เป็นหลกั ประกนั วา่ บุคคลจะปฏิบตั อิ ย่างจริงจงั และจรงิ ใจ 6. มีการใชท้ รพั ยากรใหเ้ กดิ ประโยชน์ (Resource) การเขยี นโครงการจะต้องระบุแหล่ง ทรพั ยากร โดยเฉพาะแหล่งงบประมาณใหช้ ัดเจน เช่น งบประมาณแผน่ ดนิ หรือเงินกู้ หรือเงินทนุ สารอง หรือเงนิ บริจาค เปน็ ต้น และจะตอ้ งระบุเงนิ ทใี่ ช้ ถา้ เปน็ หมวดวัสดุ หมวดคา่ ใชส้ อย หมวดคา่ ตอบแทน หมวดคา่ ครุภัณฑ์ หมวดคา่ ท่ีดินและสิ่งกอ่ สรา้ ง เปน็ ต้น ทัง้ นจี้ ะทาให้งา่ ยในการดาเนินการและควบคมุ ตรวจสอบการใชง้ บประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสดุ ได้ สนใจสั่งช้ือเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

324 ลกั ษณะของโครงการท่ีดี 1. สามารถแก้ไขป๎ญหาของหน่วยงานหรือองค์กรได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2. สามารถสนองตอบต่อความตอ้ งการของกลุ่ม ชุมชน นโยบายของหน่วยงาน และ นโยบายของประเทศชาติได้ 3. รายละเอยี ดของโครงการตอ้ งเขา้ ใจงา่ ยมกี ารใช้ภาษาทเี่ ข้าใจกนั ท่ัวไป 4. มวี ตั ถุประสงคแ์ ละเปูาหมายที่ชัดเจน และมีลกั ษณะเฉพาะเจาะจง 5. รายละเอียดของโครงการตอ้ งเก่ียวเนื่องสัมพนั ธก์ ัน ต้งั แตป่ ระเด็นแรกถึงประเด็นสุดทา้ ย 6. กาหนดการใชท้ รัพยากรอย่างชดั เจนและเหมาะสม 7. มวี ธิ ีการตดิ ตามและประเมินผลท่ชี ัดเจน 8. กาหนดข้ึนจากขอ้ มูลทมี่ ีความเป็นจรงิ และได้รับการวเิ คราะห์อยา่ งรอบคอบ 9. ต้องไดร้ บั การสนับสนุนด้านทรัพยากร หรือค่าใชจ้ ่ายอย่างเหมาะสม การเขยี นขอ้ เสนอโครงการ 1. ช่อื โครงการ เป็นการระบเุ พื่อให้ทราบถึงแนวทางปฏิบตั ิและการคาดหวังผลตอบแทนท่ี สืบเนือ่ งจากการปฏิบัติโครงการตลอดจนทศิ ทางของการดาเนินโครงการนัน้ 2. หลักการและเหตผุ ล เป็นการระบุถงึ สภาพปญ๎ หาและความจาเป็นในการจดั ทาโครงการ ขึน้ มาเพ่อื แก้ไขปญ๎ หาดังกล่าว 3. วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ เปน็ การแสดงใหเ้ ห็นถงึ สิ่งหรือผลงานทเี่ ป็นจุดหมายปลายทางท่ี ตอ้ งการจะใหเ้ กดิ ข้นึ จาการปฏิบัติงานนัน้ การกาหนดวตั ถุประสงคท์ ีด่ จี ะเปน็ การชว่ ยใหก้ ารกาหนด ขั้นตอนสาหรบั ปฏิบตั เิ ปน็ อยา่ งรัดกมุ การกาหนดวัตถุประสงคท์ ่ดี ีควรประกอบด้วยองคป์ ระกอบที่ เรียกวา่ “SMART” 1) S = Sensible (เป็นไปได้) วัตถุประสงค์ที่ดีตอ้ งมีความเปน็ ไปได้ 2) M = Measurable ( วดั ได)้ วตั ถุประสงค์ทด่ี จี ะตอ้ งสามารถวัดและประเมินผลได้ 3) A = Attainable (ระบสุ ่ิงท่ตี อ้ งการ) วัตถุประสงคท์ ่ีดจี ะต้องระบุสิง่ ที่ตอ้ งการ ดาเนินงานอยา่ งชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากทีส่ ดุ 4) R = Reasonable (เปน็ เหตุเป็นผล) วัตถปุ ระสงค์ทดี่ ีตอ้ งมคี วามเปน็ เหตุเป็นผลใน การปฏบิ ตั ิงาน 5) T = Time ( เวลา) วัตถุประสงค์ท่ดี ีต้องมีขอบเขตของเวลาที่แน่นอนในการ ปฏบิ ัติงาน 4. กล่มุ เปูาหมาย ระบุกล่มุ เปูาหมายและจานวนใหช้ ัดเจน ใครคอื ผ้ทู ี่จะได้รับผลดีจาก โครงการนี้ จานวนผู้ที่ไดร้ ับผลดีจากโครงการนี้ 5. สถานที่ดาเนนิ การ ระบสุ ถานที่ดาเนินการโครงการ ระบุพืน้ ท่ี โดยระบุหมู่บา้ น ตาบล อาเภอ จงั หวัด สนใจสั่งช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

325 6. ระยะเวลาดาเนนิ การโครงการ เป็นการกาหนดชว่ งเวลาการปฏิบัติโครงการตง้ั แต่ระยะ เร่มิ ตน้ ปฏิบัติโครงการจนถึงการส้ินสุดโครงการนัน้ 7. วธิ ดี าเนนิ การ ควรแสดงถงึ กิจกรรมและกระบวนการปฏิบัตงิ านทสี่ อดรับกับ วตั ถปุ ระสงค์ แสดงรายละเอียดกจิ กรรมเพยี งพอและมกี าหนดระยะเวลาของแต่ละกจิ กรรมที่ สมเหตุสมผล และควรมีกิจกรรมต่อเนือ่ ง หากเป็นโครงการทีม่ กี ารฝึกอบรม ดงู าน จะตอ้ งมีกจิ กรรม ตอ่ เนือ่ งที่จะสง่ ผลตอ่ การคมุ้ ครอง การสง่ เสรมิ และการสนบั สนนุ ผสู้ ูงอายุ และมกี าหนดการการ ฝกึ อบรม หัวขอ้ ทจี่ ะฝกึ อบรม การเขียนวธิ ดี าเนนิ การ ให้แจกแจงดังนี้ - ขัน้ เตรียมการ - ขั้นดาเนนิ งาน - กิจกรรมท่ีจะดาเนนิ งานตามโครงการ 8. งบประมาณ งบประมาณหรอื ค่าใช้จ่ายของโครงการนบั เป็นทรพั ยากรท่สี าคญั ตอ่ การ ปฏิบัตโิ ครงการ โดยทว่ั ไปมอี งค์ประกอบ ดงั น้ี 1. ยอดรวมคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ โครงการ 2. ค่าใชจ้ า่ ยของแตล่ ะกจิ กรรมหรือแตล่ ะชว่ งเวลาพร้อมทั้งรายละเอียดคา่ ใช้จ่าย 9. การประเมนิ โครงการ เปน็ กระบวนการในการเกบ็ รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู ของการ ดาเนนิ โครงการและพิจารณาบง่ ช้ีให้ทราบถงึ จุดเด่นหรอื จดุ ด้อยของโครงการนน้ั 10. ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ เปน็ ผลทเี่ กิดขึ้นจากการท่ีโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ ผลที่ เกดิ ขึน้ จากการปฏบิ ตั โิ ครงการ สามารถแสดงใหเ้ ห็นผลท่เี ปน็ ประโยชน์ทางตรง ทางอ้อม 11. เจ้าของโครงการหรือผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบวา่ หน่วยงานใด เปน็ เจ้าของหรือรับผิดชอบโครงการ โครงการย่อยบางโครงการระบุเปน็ ชอื่ บคุ คลผูร้ ับผิดชอบเป็นราย โครงการได้ 12. การประเมินผล บอกแนวทางว่าการตดิ ตามประเมินผลควรทาอยา่ งไรในระยะเวลาใด และใชว้ ิธกี ารอย่างไร จงึ จะเหมาะสม ซงึ่ ผลของการประเมินสามารถนามาพิจารณาประกอบการ ดาเนนิ การ เตรยี มโครงการทค่ี ลา้ ยคลงึ หรือเกีย่ วขอ้ งในเวลาต่อไป การบรหิ ารโครงการ ความหมายของการบริหารโครงการ หากกลา่ วถงึ คานิยามหรือความหมายของ “การ บรหิ ารโครงการ (Project Management)” แลว้ จะ หมายถงึ การจัดการ (หรอื บริหาร) โครงการทต่ี อ้ ง อาศยั พ้นื ฐานของกระบวนการจดั การไม่ว่าจะเป็นการ วางแผน (Planning) การจัดองคก์ าร (Organizing) การนา (Leading) หรือการจงู ใจ (Motivating) และการควบคมุ (Controlling) ทรพั ยากรต่าง ๆ เพื่อใหส้ าเร็จตามเปาู หมายหรือวตั ถุประสงค์ทวี่ างไว้ หรอื อาจกลา่ วได้ วา่ การบรหิ าร โครงการ คือการบริหารจัดการทรัพยากรทเ่ี รามีอยู่ให้สาเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงคท์ ี่วางไว้ ซ่ึงการดาเนิน สนใจสงั่ ช้อื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

326 กิจกรรมใด ๆ ในป๎จจบุ นั มักต้องเตรียมแผนบริหารโครงการ ต้ังแต่กระบวนการเรมิ่ ต้นไปจนถึง กระบวนการสุดทา้ ยใหส้ ัมพนั ธก์ ันกับระยะเวลาในการดาเนินงาน การบริหารโครงการจงึ มีความแตกตา่ ง จากการบรหิ ารงานตามปกตทิ ั่วไปหลายประการ เช่น ใช้ชว่ งระยะเวลาและทรพั ยากรอย่างจากดั มี ทีมงาน หมุนเวียนยดื หยนุ่ ไดโ้ ดยอาศยั ความรู้ความชานาญของบคุ ลากรในแตล่ ะด้าน ระยะเวลาการ ทางานเป็นแบบ ช่ัวคราว ซึง่ มโี อกาสเกดิ ความขดั แยง้ ระหวา่ งการทางานสูง ดงั นัน้ การบริหารโครงการ จงึ ควรทาการศกึ ษา ข้อมูลเบ้ืองต้น ศึกษาความเป็นไปได้ พัฒนาระบบบรหิ ารโครงการต่อไป ความสาคัญของโครงการ 1. ชว่ ยชใี้ หเ้ หน็ ถึงป๎ญหาและภมู ิหลังของการทางาน 2. ช่วยให้การปฏบิ ัตงิ านตามแผนเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ 3. ชว่ ยให้แผนงานมคี วามชดั เจน 4. ช่วยให้แผนงานมีทรพั ยากรใชเ้ พยี งพอ เหมาะสมกับการปฏิบัติจรงิ 5. ช่วยให้แผนงานมคี วามเป็นไปได้สูง 6. ช่วยลดความขดั แยง้ และขจัดความซา้ ซอ้ นในหน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ 7. ช่วยสร้างทศั นคติทีด่ ตี ่อบคุ ลากรในหน่วยงาน 8. สรา้ งความมน่ั คงให้กบั แผนงาน 9. สามารถควบคุมการทางานไดส้ ะดวก ไม่ซ้าซอ้ น ขน้ั ตอนการบริหารโครงการ 1. วางแผนโครงการ 2. ดาเนนิ งานตามโครงการ 3. ตดิ ตามและประเมินผลโครงการ การบรหิ ารโครงการสมัยใหม่ (Modern Project Management) 1. วิเคราะหจดุ อ่อน จุดแข็ง ภายในองค์กร รวมถงึ โอกาสและอุปสรรค ที่มีผลกระทบ ต่อองคก์ ร 2. บรหิ ารโครงการ วิเคราะห์ป๎จจัยท่ีมผี ลเกี่ยวขอ้ งกับการบริหารโครงการ เชน่ วิเคราะหผ์ ้แู ข่งขัน ด้านเศรษฐกจิ เทคโนโลยี และพฤตกิ รรมของผู้บริโภค (ผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี ) 3. ดาเนนิ การประเมนิ โครงการ เพ่อื นาผลมาปรับเป็นกลยุทธ์ ในการดาเนินงาน แผนปฏบิ ัติการ แนวคดิ ของการจัดทาแผนปฏิบตั กิ าร แผนปฏิบตั ิการ คอื เครอ่ื งคา้ ประกันวา่ เปูาหมายในการทางานในแต่ละปี มีโอกาสบรรลุ เปาู หมายตามทีก่ าหนดไว้ เปน็ ส่งิ ทย่ี ืนยนั วา่ เปูาหมายที่ต้ังไว้น้ันมีความเป็นไปได้ เพราะมแี ผนงาน สนใจสง่ั ชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

327 รองรับที่ชัดเจน และถ้าแผนปฏิบัตกิ ารดาเนินการไดส้ าเร็จกจ็ ะส่งผลต่อความสาเร็จของเปาู หมายที่ กาหนดไว้ การจดั ทาแผนปฏิบตั กิ าร แผนปฏิบัตกิ ารประจาปีเปน็ แผนปฏิบัติราชการประจาปขี องสว่ นราชการ ท่ีแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ภารกิจที่จะดาเนนิ การในปใี ดปีหนึ่งทีก่ าหนด ภายใต้แผนปฏบิ ตั ิราชการของสว่ นราชการนั้น โดยจะมี สาระสาคัญเช่นเดยี วกับแผนปฏิบัติราชการประจาปที ่ีละเอียดและชัดเจนขนึ้ เพอ่ื นาไปเปน็ แนวทางใน การปฏิบัตงิ านและเป็นกรอบในการจัดทาคาของบประมาณรายจ่ายประจาปรี วมถงึ การรายงานผลการ ปฏิบัตงิ านราชการเมื่อสิน้ ปีงบประมาณ ซ่ึงมีรายละเอียดโครงการ/กิจกรรม ผู้รับผิดชอบ งบประมาณ ตวั บง่ ชี้ความสาเรจ็ ของการดาเนนิ งานตามโครงการ/กิจกรรม และค่าเปูาหมายของตัวบง่ ช้ีท่ีกาหนดว่า จะต้องทาให้ได้ วัตถุประสงค์ของการจดั ทาแผนปฏิบตั กิ าร 1. เพือ่ ใหม้ น่ั ใจวา่ มแี นวทางในการสร้างความสาเรจ็ ให้กับเปาู หมายทกี่ าหนดไว้ได้ 2. เพื่อปูองกนั และลดความเส่ียงท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นในการทางานไวล้ ่วงหนา้ 3. เพื่อลดความขัดแยง้ ในการทางานทตี่ ้องเกย่ี วขอ้ งกับหลายหน่วยงาน 4. เพื่อลดความผิดพลาดและลดความซา้ ซอ้ นในการทางาน 5. เพอ่ื จัดลาดบั ความสาคญั และเร่งด่วนของการทางานไว้ล่วงหนา้ 6. เพ่ือใช้ในการมอบหมายงานใหก้ ับผู้ปฏิบัติงานท่เี กีย่ วข้องไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมาก ยงิ่ ขึ้น เพราะทุกคนจะทราบวา่ ใครจะต้องทาอะไร เมือ่ ไร อย่างไร 7. เพือ่ ใชใ้ นการกาหนดงบประมาณค่าใช้จา่ ยประจาปี 8. เพ่ือให้แผนท่วี างไวม้ ีความเป็นไปไดแ้ ละใกล้เคยี งกับการทจ่ี ะปฏิบัตจิ รงิ ใหม้ ากที่สุด การจัดทาแผนปฏบิ ัตกิ าร เมอ่ื สถานศกึ ษาไดรบั จัดสรรงบประมาณ ประจาปงบประมาณใหมซึง่ เรม่ิ ตงั้ วันที่ 1 ตุลาคม ของ ทกุ ปสถานศึกษาจะตองจัดทาแผนปฏิบัตงิ านประจาปงบประมาณ เพือ่ เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการของหน่วยงาน ในแผนปฏบิ ัตงิ านประจาปงบประมาณ หน่วยงานจะตองวิเคราะห รายละเอยี ดการดาเนนิ งาน ๓ ดาน คอื 1. วิเคราะหแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมท่ีกาหนดพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาระยะ 3 - 5 ป มากาหนดเปนแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรม ทจ่ี ะตองพฒั นาในรอบปงบประมาณตามสัดสวนงบประมาณ ท่ีไดรบั จดั สรร 2. วิเคราะหภารกิจงานประจาตามโครงสราง มากาหนดกจิ กรรมที่จะดาเนินการในรอบ ปงบประมาณ ตามสดั สวนงบประมาณท่ีไดรบั จัดสรร สนใจสัง่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

328 3. วเิ คราะหงานตามนโยบายของหนวยงานระดับเหนือ มากาหนดเปนกิจกรรมในงาน ประจาหรอื งานพัฒนา ตามสัดสวนงบประมาณทไ่ี ดรบั จดั สรรในการจัดทาแผนปฏบิ ตั งิ านประจาป งบประมาณ สถานศึกษาจะตองแตงตัง้ คณะทางานที่ ประกอบดวยบุคลากรจากทุกฝายทปี่ ฏบิ ตั งิ าน เพือ่ รวมกนั วิเคราะหรวบรวมขอมูลผลจากการวิเคราะห มาสงั เคราะหเปนแผนปฏบิ ตั ิงานประจาปงบประมาณ แลวนาเสนอคณะกรรมการใหความเห็นชอบกอน ท่จี ะนาไปใชในการบรหิ ารจดั การศึกษาของโรงเรียนตอไป การวางแผนกลยุทธ์(Strategic Planning) การวางแผนยุทธศาสตร์ หรอื การวางแผนกลยทุ ธ์ (Strategic Planning) เป็นกระบวนการ ตัดสินใจเพอ่ื กาหนดทศิ ทางในอนาคตขององค์กร โดยกาหนดสภาพการณ์ในอนาคตที่ต้องการบรรลุ และกาหนดแนวทางในการบรรลุสภาพการณท์ ีก่ าหนดบนพ้ืนฐานข้อมูลทร่ี อบด้านอย่างเปน็ ระบบการ กาหนดแนวทางทีจ่ ะบรรลสุ ภาพการณใ์ นอนาคตทีต่ อ้ งการใหเ้ กดิ จะตอ้ งต้ังอยู่บนพน้ื ฐานของข้อมูลที่ รอบดา้ น คอื จะตอ้ งคานงึ ถงึ ท้งั สภาพการณท์ ี่ต้องการใหเ้ กดิ ศักยภาพหรอื ขีดความสามารถขององค์กร และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตา่ งๆ ท้งั ด้านเศรษฐกจิ สังคม การเมืองและส่งิ แวดล้อม การกาหนดแนวทางที่จะบรรลุสภาพการณใ์ นอนาคตท่ีต้องการใหเ้ กิดจะตอ้ งเป็นระบบ คือ แนวทางที่กาหนดขึน้ จะตอ้ งดาเนนิ ไปอยา่ งเป็นขั้นเป็นตอน การวางแผนยทุ ธศาสตร์จะต้องตอบคาถามหลัก 3 ประการ คอื 1. องคก์ รกาลงั จะกา้ วไปทางไหน (Where are you going?) 2. สภาพแวดลอ้ มเปน็ อยา่ งไร (What is the environment?) 3. องค์กรจะไปถงึ จุดหมายได้อย่างไร (How do you get there?) กระบวนการการวางแผนยุทธศาสตร์ (Strategic Planning Processes) มีขัน้ ตอน ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) กาหนดวิสยั ทัศน์ (Vision) 2) กาหนดภารกจิ หลักหรือพันธกิจ (Mission) 3) กาหนดเปูาประสงค์หรือจุดมุ่งหมายเพ่ือการพฒั นา (Goal) 4) กาหนดประเด็นยทุ ธศาสตร์หรอื ยุทธศาสตร์ (Strategy) 5) กาหนดกลยทุ ธ์หรอื แนวทางการพฒั นา การกาหนดวิสัยทศั น์ ( Vision) วิสยั ทัศน์ (Vision) หมายถึง สภาพการณ์ท่ีเราปรารถนาใหเ้ กดิ ขึน้ ในอนาคต (ตอ้ งการเปน็ อะไร) วิสยั ทศั น์ทีด่ ี มลี ักษณะ ดังน้ี 1. เปน็ ขอ้ ความท่เี ข้าใจง่าย แสดงใหเ้ หน็ ถึงจดุ มุ่งหมายและทิศทาง 2. มีความเปน็ ไปได้ในการบรรลถุ ึง ภายในระยะเวลาทกี่ าหนด สนใจสัง่ ชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

329 3. สรา้ งแรงบันดาลใจ (ท้าทาย เร้าใจ) 4. สอดคล้องกับขนมธรรมเนยี ม ประเพณีและวฒั นธรรมอันดีงามของสังคม 5.วดั ผลสาเรจ็ ได้ 6. เปน็ ท่ยี อมรับของผทู้ ี่เกี่ยวข้อง ในการกาหนดวิสัยทัศนน์ ้นั จะตอ้ งศกึ ษาวิเคราะหถ์ งึ จดุ แขง็ จุดออ่ น โอกาส อุปสรรค ดงั น้ี วเิ คราะห์ จุดแขง็ จดุ อ่อน โอกาส อุปสรรค (SWOT analysis) – จุดแขง็ (Strength-S) – จุดอ่อน (Weakness-W) – โอกาส (Opportunity-O) – อปุ สรรค (Threat-T) จุดแขง็ หมายถึง ทรัพยากรด้านต่างๆ ทีไ่ ดเ้ ปรียบหรอื ส่วนท่ีเขม้ แขง็ ภายในองคก์ ร ที่ สามารถใช้ประโยชนเ์ พอ่ื ผลักดนั ให้องค์การสามารถดาเนินงานบรรลุวตั ถปุ ระสงค์และภารกจิ ของ องคก์ าร เชน่ ด้านโครงสร้าง ดา้ นระบบงาน ด้านบุคลากร ด้านงบประมาณ ด้านวัสดอุ ปุ กรณ์ ดา้ น กฎหมาย จุดออ่ น หมายถึง ข้อเสยี เปรียบ ขอ้ ผิดพลาดในองค์การที่เปน็ ขอ้ ด้อยหรอื เป็นขอ้ จากัด ต่างๆ ท่สี ง่ ผลทาให้ไมบ่ รรลุวตั ถุประสงคแ์ ละภารกิจขององค์การ เชน่ ด้านโครงสรา้ ง ด้านระบบงาน ด้านบุคลากร ดา้ นงบประมาณ ดา้ นวัสดอุ ุปกรณ์ ดา้ นกฎหมาย โอกาส หมายถึง สถานการณ์หรือปจ๎ จยั ท่ีเกิดจากสภาพแวดล้อมทม่ี ีลกั ษณะเกื้อกูลตอ่ การ บรรลุวัตถุประสงคแ์ ละภารกจิ ขององค์การ เชน่ สภาพแวดล้อมภายนอกทัว่ ไป ไดแ้ ก่ ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านสงั คม ด้านการเมอื ง ด้านเทคโนโลยี เปน็ ต้น สภาพแวดล้อมการดาเนินงานได้แก่ ด้านลูกค้า ดา้ น สถานภาพการแขง่ ขนั ดา้ นผู้สนับสนุนป๎จจยั ด้านแรงงาน ดา้ นสถานการณ์นานาชาติ เป็นต้น อุปสรรค หมายถงึ สถานการณห์ รือป๎จจัยทเ่ี กิดจากสภาพแวดลอ้ มภายนอกที่มลี กั ษณะเปน็ อปุ สรรคขัดขวาง หรือทาใหเ้ กิดผลเสียหาย ผลกระทบในทางลบต่อการบรหิ ารงานขององคก์ าร เชน่ สภาพแวดล้อมภายนอกทั่วไป ไดแ้ ก่ ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการเมอื ง ดา้ นเทคโนโลยี เปน็ ตน้ สภาพแวดลอ้ มการดาเนนิ งาน ได้แก่ ดา้ นลกู ค้า ดา้ นสถานภาพการแข่งขนั ด้านผ้สู นบั สนุนป๎จจยั ดา้ น แรงงาน ด้านสถานการณน์ านาชาติ เปน็ ต้น วงจรบริหารงานคณุ ภาพ PDCA PDCA คอื วงจรการบรหิ ารงานคณุ ภาพ ย่อมาจาก 4 คา ได้แก่ Plan (วางแผน), Do (ปฏบิ ตั ิ), Check (ตรวจสอบ) และ Act (การดาเนินการใหเ้ หมาะสม) ซึ่งวงจร PDCA สามารถ ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ ับทกุ ๆ เรื่อง นับต้งั แตก่ จิ กรรมส่วนตวั เช่น การปรงุ อาหาร การเดนิ ทางไปทางานในแต่ ละวัน การต้งั เปาู หมายชีวติ และการดาเนินงานในระดับบริษทั ซึ่งรายละเอยี ดในแต่ละขั้นตอนมดี ังนี้ สนใจสงั่ ชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

330 1. P = Plan ( ข้ันตอนการวางแผน ) ข้ันตอนการวางแผนครอบคลมุ ถงึ การกาหนดกรอบหวั ขอ้ ท่ีต้องการปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลง ซ่งึ รวมถงึ การพัฒนาสงิ่ ใหม่ ๆ การแกป้ ญ๎ หาทีเ่ กดิ ข้นึ จากการปฏิบัตงิ าน ฯลฯ พร้อมกับ พิจารณาว่ามีความจาเปน็ ต้องใช้ข้อมูลใดบา้ งเพอ่ื การปรับปรุงเปลยี่ นแปลงน้นั โดยระบุวธิ ีการเก็บข้อมูล และกาหนดทางเลือกในการปรบั ปรงุ ให้ชัดเจน ซ่งึ การวางแผนจะชว่ ยใหก้ จิ การสามารถคาดการณ์สง่ิ ท่ี เกิดขึน้ ในอนาคต และชว่ ยลดความสูญเสียตา่ ง ๆ ที่อาจเกดิ ขนึ้ ได้ ทั้งในดา้ นแรงงาน วัตถดุ ิบ ช่ัวโมงการ ทางาน เงิน และเวลา 2. D = Do ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ ( ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิ ) ข้ันตอนการปฏบิ ัติ คอื การลงมือปรับปรงุ เปลีย่ นแปลงตามทางเลอื กทไี่ ด้ กาหนดไว้ในขนั้ ตอนการวางแผน ซึ่งในขน้ั ตอนน้ีต้องมีการตรวจสอบระหว่างการปฏิบตั ิดว้ ยวา่ ไดด้ าเนนิ ไปในทิศทางท่ตี งั้ ใจหรือไม่ เพ่อื ทาการปรับปรุงเปล่ยี นแปลงให้เปน็ ไปตามแผนการท่ีไดว้ างไว้ 3. C = Check ( ขนั้ ตอนการตรวจสอบ ) ขั้นตอนการตรวจสอบ คือ การประเมินผลทไี่ ด้รับจากการปรับปรงุ เปลย่ี นแปลง เพ่ือใหท้ ราบว่า ในขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ านสามารถบรรลุเปูาหมายหรือวตั ถปุ ระสงค์ที่ได้กาหนดไวห้ รือไม่ แตส่ ิ่งสาคญั ก็คือ ต้องรู้ว่าจะตรวจสอบอะไรบา้ งและบอ่ ยครง้ั แคไ่ หน เพอ่ื ให้ข้อมูลที่ไดจ้ ากการ ตรวจสอบเป็นประโยชน์สาหรับขน้ั ตอนถัดไป 4. A = Action ขัน้ ตอนการดาเนนิ งานให้เหมาะสม(ขน้ั ตอนการดาเนินงานให้ เหมาะสม ) ขน้ั ตอนการดาเนนิ งานให้เหมาะสมจะพิจารณาผลทไี่ ด้จากการตรวจสอบ ซง่ึ มีอยู่ 2 กรณี คือ ผลทเี่ กดิ ข้นึ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือไม่เป็นไปตามแผนทว่ี างไว้ หากเป็นกรณีแรก กใ็ หน้ า แนวทางหรอื กระบวนการปฏิบตั ิน้นั มาจดั ทาใหเ้ ป็นมาตรฐาน พรอ้ มทงั้ หาวิธีการทจี่ ะปรบั ปรุงให้ดี ยิ่งขึ้นไปอีก ซึง่ อาจหมายถงึ สามารถบรรลเุ ปาู หมายได้เรว็ กว่าเดมิ หรอื เสยี คา่ ใช้จ่ายนอ้ ยกวา่ เดิม หรือ ทาให้คณุ ภาพดยี ิ่งขน้ึ ก็ไดแ้ ตถ่ า้ หากเปน็ กรณีท่สี อง คอื ผลทีไ่ ดไ้ มบ่ รรลวุ ัตถุประสงค์ตามแผนทว่ี างไว้ ควรนาข้อมลู ท่รี วบรวมไวม้ าวิเคราะห์และพิจารณาว่าควรจะดาเนินการอย่างไร เชน่ มองหาทางเลือก ใหมท่ ่ีนา่ จะเปน็ ไปได้ ใชค้ วามพยายามใหม้ ากขน้ึ กว่าเดิม ขอความชว่ ยเหลอื จากผู้รู้ หรือเปลยี่ น เปาู หมายใหม่ เปน็ ตน้ ประโยชนข์ อง PDCA 1. การวางแผนงานก่อนการปฏิบตั ิ จะทาให้เกดิ ความพรอ้ มเม่อื ได้ปฏบิ ัติงานจริงการ วางแผนงานควรวางใหค้ รบ 4 ขัน้ ดังนี้ 1) ขน้ั การศึกษา คอื การวางแผนศึกษาข้อมูล วิธกี าร ความตอ้ งการของตลาด ข้อมูล ดา้ นวตั ถดุ บิ ด้านทรพั ยากรที่มีอย่หู รอื เงนิ ทุน สนใจสงั่ ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

331 2) ข้ันเตรียมงาน คอื การวางแผนการเตรียมงานด้านสถานท่ี การออกแบบผลิตภัณฑ์ ความพรอ้ มของพนักงาน อุปกรณ์ เครื่องจกั ร วัตถดุ บิ 3) ขนั้ ดาเนนิ งาน คอื การวางแนวทางการปฏิบตั ิงานของแต่ละสว่ นแต่ละฝุาย เช่น ฝุายผลิต ฝาุ ยขาย 4) ข้นั การประเมนิ ผล คือ การวางแผนหรอื เตรียมการประเมินผลงานอย่างเป็นระบบ เช่น ประเมินจากยอดการจาหน่าย ประเมนิ จากการตชิ มของลกู ค้า เพอ่ื ให้ผลทีไ่ ด้จากการประเมนิ เกิด การเทยี่ งตรง 2. การปฏบิ ัตติ ามแผนงาน ทาให้ทราบข้นั ตอน วธิ กี าร และสามารถเตรยี มงานลว่ งหนา้ หรือทราบอุปสรรคลว่ งหนา้ ด้วย ดงั นน้ั การปฏิบตั งิ านกจ็ ะเกดิ ความราบร่ืน และเรยี นร้อย นาไปสู่ เปูาหมายท่ีไดก้ าหนดไว้ 3. การตรวจสอบ ให้ได้ผลทเ่ี ทยี่ งตรงเช่อื ถอื ได้ ประกอบดว้ ย 1) ตรวจสอบจากเปูาหมายที่ไดก้ าหนดไว้ 2) มีเครือ่ งมือท่เี ช่อื ถอื ได้ 3) มีเกณฑก์ ารตรวจสอบท่ชี ัดเจน 4) มีกาหนดเวลาการตรวจท่แี น่นอน 5) บคุ ลากรทที่ าการตรวจสอบต้องได้รบั การยอมรับจากทกุ หนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อ การตรวจสอบไดร้ ับการยอมรบั การปฏิบัติงานข้ันต่อไปกด็ าเนินงานตอ่ ไปได้ 4. การปรบั ปรุงแกไ้ ข ข้อบกพร่องทเ่ี กดิ ข้นึ ไม่ว่าจะเปน็ ขัน้ ตอนใดกต็ าม เม่อื มกี ารปรับปรุง แกไ้ ขคณุ ภาพก็จะ เกิดขน้ึ ดังนนั้ วงจร PDAC จงึ เรียกวา่ วงจรบริหารงานคณุ ภาพ สนใจสั่งชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

332 แนวขอ้ สอบการจดั ทาแผนงาน โครงการ แผนปฏิบตั กิ าร 1. แผนแม่บทยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี เริม่ ตัง้ แต่ ปี พ.ศ. ใด จนถงึ ปี พ.ศ. ใด ก. ปี พ.ศ. 2550 จนถึง ปี พ. ศ. 2569 ข. ปี พ.ศ. 2555 จนถงึ ปี พ.ศ. 2574 ค. ปี พ.ศ. 2560 จนถงึ ปี พ.ศ. 2579 ง. ปี พ.ศ. 2561 จนถึง ปี พ.ศ. 2580 2. ความสมเหตสุ มผลทางด้านปทั สถานเกยี่ วขอ้ งกับการวางแผนในเรอื่ งใด ก. การวางแผนทีเ่ น้นเนือ้ หา ข. การวางแผนท่เี นน้ การตดั สนิ ใจ ค. การวางแผนทีเ่ นน้ การควบคมุ ง. การวางแผนที่เนน้ การมีสว่ นร่วม 3. ความสามารถในการผลติ หรือใหบ้ รกิ าร โดยมตี ้นทุนต่อหนว่ ยตา่ สุด ถอื วา่ เป็นเกณฑป์ ระเภทใด ก. ประสิทธิผล ข. ประสทิ ธภิ าพ ค. ความเหมาะสม ง. ความเปน็ ธรรม 4. ความสามารถในการบรรลวุ ัตถุประสงค์หรือเปูาหมายของนโยบาย ถือวา่ เป็นเกณฑ์ประเภทใด ก. ประสทิ ธิผล ข. ประสทิ ธภิ าพ ค. ความเหมาะสม ง. ความเป็นธรรม 5. สว่ นใดของโครงการทสี่ าคญั ที่สดุ ก. ระยะเวลาและงบประมาณ ข. หลักการและเหตุผล ค. วิธีดาเนินงาน ง. วัตถปุ ระสงค์และเปูาหมาย 6. การแบง่ งานออกเปน็ กลมุ่ ใหญ่ๆ โดยรวมงานท่มี ีลกั ษณะเดยี วกันหรือวัตถปุ ระสงค์เดียวกนั เรยี กวา่ ก. กิจกรรม (activity) ข. แผนงาน (program) ค. โครงการ (project) ง. แผน (plan) 7. ขอ้ มลู พ้ืนฐานสาหรับการวางแผนต้องคานึงถึงอะไรมากทสี่ ดุ ก. สภาพทางสงั คม ข. ทศั นคตขิ องประชาชน ค. ขอ้ มูลภายในองค์การ ง. สภาพทางเศรษฐกจิ 8. ข้อใดเปน็ ขั้นเตรียมการก่อนการวางแผนจะต้องตัง้ หนว่ ยงานหรอื บคุ คลรับผิดชอบในการวางแผน กาหนดวธิ ีการวางแผน ก. วเิ คราะห์ป๎ญหา ข. รวบรวมข้อมูลต่างๆ ค. ประชุมแจ้งผู้เกยี่ วข้อง ง. จัดเตรยี มงบประมาณ 9. แผนระยะสน้ั (Short Plan) เปน็ แผนงานกิจกรรมเฉพาะอย่างมุ่งให้เกดิ ผลในอนาคตอันใกล้ ควร มีระยะเวลาไม่เกินเทา่ ใด ก. 1 เดือน ข. 3 เดอื น ค. 6 เดอื น ง. 1 ปี สนใจสง่ั ชอื้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

333 10. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชน์หรือความสาคัญของแผน ก. ลดความซา้ ซ้อนของงาน ข. ช่วยแบง่ เบาภาระของผบู้ ริหารใหล้ ดน้อยลง ค. แผนทีด่ ีจะตอ้ งชัดเจนวา่ ใคร ทาอะไร ที่ไหน อย่างไร ง. ประหยัดและระดมทรพั ยากรขององคก์ รมาใชอ้ ย่างทัว่ ถึง 11. แผนกลยทุ ธ์ (Strategic Plan) มีลกั ษณะเหมอื นแผนอะไร ก. แผนงานโครงการ ข. แผนปฏิบัตกิ าร ค. ปฏทิ ินปฏบิ ัตงิ าน ง. แผนแมบ่ ท 12. ข้อใดเปน็ คากลา่ วที่ถกู ต้องเก่ยี วกบั แผน (Plan) ก. แผนเปน็ เรื่องของกิจกรรม ข. แผนเปน็ เรื่องของสมมติฐานในอนาคต ค. แผนเปน็ เรอ่ื งเกี่ยวกบั การตดั สินใจของผ้บู รหิ าร ง. แผนเปน็ เรอ่ื งของทกุ คนในองค์การ 13.การพจิ ารณาตดั สนิ ใจในเร่ืองใดๆ จะต้องพจิ ารณาอะไร เป็นอันดบั แรก ก. เลอื กทางปฏบิ ัตทิ ่ดี ที ่สี ุด ข. วเิ คราะห์ป๎ญหา ค. รวบรวมขอ้ มลู ง. พจิ ารณาทางปฏบิ ัตหิ ลายๆทาง 14. PACA หมายถงึ ข้อใด ก. วงจรคณุ ภาพ ข. วงจรการปฏิบตั ิงาน ค. วงจรการดาเนินกจิ กรรม ง. วงจรการผลิตสนิ ค้า 15. การวางแผน กาหนดเปูาหมาย เตรียมดาเนนิ งาน หมายถงึ ขอ้ ใด ก. Plan ข. Do ค. Cheak ง. Act 16. การทางานตามข้นั ตอนการจดั การ PDCA ดว้ ยการตรวจสอบผลคณุ ลักษณะดา้ นคุณภาพ เปรยี บเทยี บกบั เปูาหมายที่จัดตั้งไว้ เรยี กว่า ก. ข้นั ตอนการวางแผน ข. ขัน้ ตอนการลงมือปฏิบตั ิตามแผน ค. ขนั้ ตอนการตรวจสอบผลการปฏิบัติตามแผน ง. ขน้ั ตอนการแกไ้ ขปรบั ปรงุ ขอ้ บกพรอ่ ง 17. หลักการของการวิเคราะห์ Stakeholder Needs คือข้อใด ก. การมสี ่วนร่วม ข. การสรา้ งความเข้มแข็งของภาครัฐ ค. การวิเคราะห์ความคุ้มค่า ง. การกระจายนโยบาย 18. ความหมายของ weakness ในวิธกี าร SWOT Analysis คืออะไร ก. จดุ ออ่ นภายใน/ภายนอก องค์กรทอ่ี าจทาให้องค์กรไมบ่ รรลุเปูาหมาย ข. จดุ อ่อนภายในองคก์ รทอี่ าจทาให้องค์กรไม่บรรลเุ ปาู หมาย ค. จุดออ่ นภายนอกองค์กรท่อี าจทาใหอ้ งค์กรไมบ่ รรลุเปูาหมาย ง. บุคลากรภายในองคก์ รมีความสามารถไม่เพยี งพอ สนใจสั่งชื้อเอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

334 19. หลักการคดิ เชงิ ระบบ (System Thinking)ข้อใดไม่ทีถ่ ูกต้องทส่ี ุด ก. P : Planning ข. D : Doing ค. C : Checking ง. A : Acting 20. ขน้ั ตอนการบรหิ ารเชงิ กลยทุ ธ์ ในข้อใดต่อไปนไ้ี ม่ถูกต้อง ก. การวางแผนกลยุทธ์ ข. การนาแผนกลยทุ ธไ์ ปปฏิบัติ ค. การติดตาม ควบคุมประเมินผลกลยุทธ์ ง. การควบคุม ประเมนิ ผล กลยุทธ์ 21. การวิเคราะห์สภาพหนว่ ยงาน หรือ องค์กร ( SWOT Analysis ) จุดแขง็ ภายในองคก์ รตรงกับ ขอ้ ใด ก. Strengths ข. Weaknesses ค. Opportunity ง. Threats 22. SWOT Analysis หมายถึงข้อใด ก. การประเมนิ ประสิทธภิ าพขององค์กร ข. การควบคุมสถานการณ์ทัง้ ภายในและภายนอกองค์กร ค. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพขององค์กร ง. การจัดการองค์ความร้ใู นองค์กร 23. ขัน้ ตอนแรกของการจัดทาแผนกลยุทธ์ คือขอ้ ใด ก. การกาหนดสถานภาพขององคก์ ร ข. การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ ม ค. การกาหนดวสิ ยั ทัศน์ ง. การกาหนดภารกิจ 24. ข้อใดให้ความหมายของคาวา่ โครงการไดถ้ ูกต้องทส่ี ดุ ก. แผนงานท่ีจดั ทาข้นึ อยา่ งมรี ะบบ ข. แผนการใชเ้ งนิ งบประมาณ ค. แผนการดาเนนิ งานตามข้ันตอน ง. แผนการใชท้ รัพยากร 25. ขอ้ ใดไม่ใชล่ ักษณะของโครงการทด่ี ี ก. มีวตั ถุประสงคท์ ชี่ ดั เจน ข. เป็นการริเร่มิ หรอื พัฒนางาน ค. เปน็ การดาเนนิ งานทผ่ี า่ นมา ง. มรี ะยะเวลากาหนดแน่นอน 26. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ความสาคัญของโครงการไมถ่ กู ต้อง ก. การปฏิบตั ิงานชัดเจน ข. สรา้ งอคติต่อบุคคลภายในหนว่ ยงาน ค. การปฏิบตั ิเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ง. ลดความขดั แยง้ และความซา้ ซ้อนในหน้าที่ 27. การเขยี นเปาู หมายของโครงการ หมายถงึ ในลักษณะใด ก. เจตนาของผู้เขยี นโครงการ ข. บอกหนา้ ทีแ่ ละความรับผิดชอบ ค. อธิบายความเปน็ มาของโครงการ ง. กาหนดทศิ ทางในการปฏิบัตงิ าน 28. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งระบุชื่อผู้ดาเนินโครงการ ก. ตรวจสอบความชดั เจนได้ ข. ตรวจสอบความถกู ต้องได้ สนใจสงั่ ชือ้ เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567

335 ค. ตรวจสอบความรับผดิ ชอบได้ ง. ตรวจสอบความสามารถได้ 29. การวางแผนเพอ่ื เขยี นโครงการควรเรม่ิ จากขอ้ ใด ก. เลอื กเรือ่ งหรือปญ๎ หา ข. พจิ าณาความจาเป็นของป๎ญหา ค. พิจารณาความเป็นไปได้ ง. พิจารณาแนวทางปฏบิ ัติ 30. ส่วนประกอบใดของโครงการท่จี าเป็นนอ้ ยที่สดุ ก. ชื่อโครงการ ข. วตั ถปุ ระสงค์ ค. วิธีดาเนนิ งาน ง. ปญ๎ หาและอุปสรรค เฉลยแนวขอ้ สอบ 1.ง 2.ข 3.ข 4.ก 5.ข 6.ข 7.ค 8.ข 9.ง 10.ค 11.ง 12.ง 13.ค 14.ก 15.ก 16.ค 17.ก 18.ข 19.ง 20.ค 21.ก 22.ค 23.ข 24.ก 25.ค 26.ข 27.ง 28.ค 29.ข 30.ง สนใจสั่งชอ้ื เอกสาร 0933298140 Line : NFE4567


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook