Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 2 (5) เรื่องที่ค้างพิจารณา

เล่ม 2 (5) เรื่องที่ค้างพิจารณา

Published by agenda.ebook, 2022-02-03 03:47:20

Description: (5) เรื่องที่ค้างพิจารณา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 29 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

รายงานผลการรับฟังความคดิ เหน็ และรายงานผลการวิเคราะห์ ผลกระทบท่ีอาจเกดิ จากรา่ งพระราชบัญญัติ สว่ นท่ี ๑ ข้อมูลพ้ืนฐานของร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. ร่างพระราชบัญญตั แิ ก้ไขเพิม่ เตมิ พระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... … กฎหมายใหม่ 5 แก้ไขเพิ่มเติม … ยกเลกิ ๒. หลกั การและเหตุผล ๒.๑ หลกั การ แก้ไขเพ่ิมเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช กําหนดการประมง (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ดงั ต่อไปน้ี (๑) แก้ไขเพ่ิมเติมบทนิยามคําว่า “ประมงพื้นบ้าน” และ “ประมงพาณิชย์ขนาดเล็ก” (รา่ งมาตรา ๓ และรา่ งมาตรา ๔) (๒) แก้ไขเพิ่มเติมวาระการดํารงตําแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คณะกรรมการนโยบายการประมงแหง่ ชาติ (ร่างมาตรา ๕) (๓) แก้ไขเพ่ิมเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการประมงประจําจังหวัดโดยให้ นายอําเภอในเขตท้องท่ีท่ีมีการประมงเลือกตัวแทนเป็นกรมการ โดยในจังหวัดท่ีมีอาณาเขตติดต่อกับชายฝ่ัง ทะเลและแม่น้ําโขงกําหนดให้มีกรรมการโดยตําแหน่งเพิ่มขึ้นอีกหน่ึงคน และกําหนดสิทธิในการลงมติของ นายอาํ เภอเฉพาะเร่อื งที่เกีย่ วขอ้ งกบั ท้องที่อําเภอของตน (รา่ งมาตรา ๖ ร่างมาตรา ๗ และร่างมาตรา ๘) (๔) ยกเลิกการห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทําการประมงพื้นบ้านทําการประมงในทะเล นอกชายฝัง่ (รา่ งมาตรา ๙) (๕) แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตทําการประมงพ้ืนบ้านและการ ประมงพาณิชย์ (รา่ งมาตรา ๑๐) (๖) แก้ไขเพิ่มเติมการห้ามผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทําการประมงในเขตสิบสองไมล์ ทะเลนับจากแนวชายฝง่ั ทะเลในเวลากลางคืน (รา่ งมาตรา ๑๑) (๗) แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของเจ้าของเรือท่ีจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย ประเภทการใช้ทําการประมงซ่ึงมีขนาดตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนด โดยให้ติดตั้งอุปกรณ์ติดตามเรือประมง และดแู ลรักษาอุปกรณ์ใหส้ ามารถใชง้ านได้ (ร่างมาตรา ๑๒) (๘) แก้ไขเพ่ิมเติมข้อยกเว้นในการขนถ่ายสัตว์นํ้าในทะเล โดยเพ่ิมการขนถ่านสัตว์น้ําใน ทะเลไปยงั เรือประมงตามหลักเกณฑ์ทีอ่ ธิบดีประกาศกําหนด (รา่ งมาตรา ๑๓) (๙) แก้ไขเพิ่มเติมอํานาจของคณะกรรมการมาตรการทางปกครองในกรณีผู้ทําการ ประมงฝ่าฝืนกฎหมายอยา่ งรุนแรง (รา่ งมาตรา ๑๔) (๑๐) แกไ้ ขเพิม่ เตมิ ลกั ษณะของการกระทําท่ีถือว่าเป็นการทําประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างร้ายแรง (ร่างมาตรา ๑๕)

๒ (๑๑) แก้ไขเพ่ิมเติมโทษกรณีผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง หรือ มาตรา ๑๑/๑ วรรคหนง่ึ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยแรงงาน (รา่ งมาตรา ๑๖) (๑๒) แก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษปรับของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ มาตรา ๔๓ หรือมาตรา ๕๒ โดยให้พจิ ารณาถงึ ความร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทําความผิด ความเสียหายท่ีเกิดแก่ทรัพยากรสัตว์น้ํา และส่ิงแวดลอ้ มและขนาดเรือประมง รวมถึงให้พจิ ารณาจากเจตนากระทําความผิด (รา่ งมาตรา ๑๗) (๑๓) แก้ไขเพม่ิ เติมอตั ราโทษของผู้ฝ่าฝนื มาตรา ๔๒ (รา่ งมาตรา ๑๘) (๑๔) แก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๘๑ (๑) หรือมาตรา ๘๘ (๑) หรือ (๗) และกําหนดให้ผู้สั่งลงโทษใช้ดุลยพินิจพิจารณาโทษโดยคํานึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งกรณีด้วย (รา่ งมาตรา ๑๙) (๑๕) แก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดไว้ในมาตรา ๘๑ (๒) หรือ (๓) มาตรา ๘๒ หรือมาตรา ๘๘ (๒) (๓) หรือ (๔) หรือทํารายงานอันเป็นเท็จ หรือไม่นําเรือกลับ เข้าทา่ เทยี บเรอื ประมงตามมาตรา ๘๑ (๕) หรอื มาตรา ๘๘ (๖) และกาํ หนดให้ผูส้ ง่ั ลงโทษใชด้ ุลยพินิจพิจารณา โทษโดยคาํ นงึ ถงึ พฤตกิ ารณ์และความร้ายแรงแหง่ กรณีดว้ ย (รา่ งมาตรา ๒๐) (๑๖) แก้ไขเพิม่ เติมอัตราโทษตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน กรณีเจ้าของเรือประมงใช้คน ประจําเรือที่ไม่มีหนังสือคนประจําเรือหรือไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๘๓ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๘๓/๑ (ร่างมาตรา ๒๑) (๑๗) แก้ไขเพ่ิมเติมให้ผู้สนับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทําความผิดต้อง ระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น เว้นแต่เป็นกรณีท่ีผู้กระทําการดังกล่าวเป็นคนประจําเรือไม่ต้อง รับผิด (รา่ งมาตรา ๒๒) (๑๘) แก้ไขเพ่ิมเติมการริบทรัพย์สินท่ีใช้ในการทําประมง หรือท่ีได้มาโดยการทําประมง โดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๔ โดยตัดเรือประมงออกจากประเภทของทรัพย์สินท่ีให้ริบ (รา่ งมาตรา ๒๓) ๒.๒ เหตุผล โดยที่กฎหมายว่าด้วยการประมงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการท่ี จํากดั สทิ ธใิ นการทาํ ประมง อาทิ จาํ กัดการทาํ ประมงพ้ืนบ้านให้อยู่เฉพาะในเขตทะเลชายฝั่ง กําหนดคุณสมบัติ ผู้มีสิทธิขอรับใบอนุญาตที่ไม่เอื้อต่อการทําประมง จํากัดการใช้เครื่องมือในการทําประมงในเวลากลางคืน กาํ หนดให้การขนถา่ ยสัตว์นาํ ในทะเลทาํ ได้เฉพาะเรอื ขนถา่ ยสัตวน์ ้าํ ที่จดทะเบียนเท่านั้น นอกจากนี้ บทบัญญัติ ท่ีเกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการประมงประจําจังหวัดยังคงมีสัดส่วนท่ีไม่เหมาะสมอาจทําให้เกิดการ ได้เปรียบเสียเปรียบในการลงมติในเรื่องต่าง ๆ หรือเร่ืองอํานาจคณะกรรมการมาตรการทางปกครองในกรณีผุ้ ทําการประมงฝ่าฝืนกาํ หมายอย่างร้ายแรง รวมถึงการบรหิ ารจัดการทําประมง การควบคุมและเฝ้าระวังการทํา ประมง ตลอดจนมาตรการคุ้มครองแรงงาน ยังไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน อีกท้ังบท กําหนดโทษที่ใช้บังคับอยู่มุ่งพิจารณาเฉพาะขนาดของเรือประมงเป็นสําคัญ แต่มิได้คํานึงถึงความร้ายแรงของ พฤติการณ์ในการกระทําความผิดและความเสียหายท่ีเกิดแก่ทรัพยากรสัตว์นํ้าและสิ่งแวดล้อม จึงสมควรแก้ไข เพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าว เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการทําประมงพื้นบ้านให้สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจและสงั คมในปจั จุบัน จงึ จําเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญัตินี้ ๓. ผเู้ สนอร่างพระราชบญั ญตั ิ … ประชาชนเขา้ ชื่อเสนอกฎหมาย 5 สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร นางกันตวรรณ ตันเถยี ร สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร กบั คณะ เปน็ ผ้เู สนอ

๓ ส่วนท่ี ๒ การรับฟังความคิดเห็นและสรุปผลการรับฟังความคดิ เห็น ๑. ข้อมลู ประกอบการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการประมงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการที่จํากัดสิทธิ ในการทําประมง อาทิ จํากัดการทําประมงพ้ืนบ้านให้อยู่เฉพาะในเขตทะเลชายฝั่ง กําหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ ขอรับใบอนุญาตที่ไม่เอื้อต่อการทําประมง จํากัดการใช้เครื่องมือในการทําประมงในเวลากลางคืน กําหนดให้ การขนถ่ายสตั ว์นาํ ในทะเลทาํ ไดเ้ ฉพาะเรอื ขนถ่ายสัตว์น้ําท่ีจดทะเบียนเท่าน้ัน นอกจากน้ี บทบัญญัติที่เก่ียวกับ องค์ประกอบของคณะกรรมการประมงประจําจังหวัดยังคงมีสัดส่วนท่ีไม่เหมาะสมอาจทําให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบในการลงมติในเร่ืองต่าง ๆ หรือเรื่องอํานาจคณะกรรมการมาตรการทางปกครองในกรณีผู้ทําการ ประมงฝา่ ฝืนกําหมายอยา่ งรา้ ยแรง รวมถึงการบริหารจดั การทาํ ประมง การควบคุมและเฝ้าระวังการทําประมง ตลอดจนมาตรการคุ้มครองแรงงาน ยังไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน อีกทั้งบทกําหนด โทษท่ีใช้บังคับอยู่มุ่งพิจารณาเฉพาะขนาดของเรือประมงเป็นสําคัญ แต่มิได้คํานึงถึงความร้ายแรงของ พฤติการณ์ในการกระทําความผิดและความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพยากรสัตว์นํ้าและส่ิงแวดล้อม จึงสมควรแก้ไข เพ่ิมเติมบทบัญญัติดังกล่าว เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการทําประมงพ้ืนบ้านให้สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจบุ นั จึงจําเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ้ี สาระสําคญั แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราช กาํ หนดการประมง (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ดงั ต่อไปนี้ ๑) แกไ้ ขเพิ่มเตมิ บทนิยามคําว่า “ประมงพื้นบ้าน” และ “ประมงพาณชิ ยข์ นาดเล็ก” ๒) แก้ไขเพ่ิมเติมวาระการดํารงตําแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบาย การประมงแห่งชาติ ๓) แกไ้ ขเพมิ่ เติมองคป์ ระกอบของคณะกรรมการประมงประจําจงั หวดั โดยใหน้ ายอําเภอในเขต ท้องท่ีที่มีการประมงเลือกตัวแทนเป็นกรมการ โดยในจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับชายฝ่ังทะเลและแม่นํ้าโขง กาํ หนดให้มีกรรมการโดยตําแหน่งเพมิ่ ข้นึ อีกหนึง่ คน และกําหนดสิทธิในการลงมติของนายอําเภอเฉพาะเร่ืองท่ี เกีย่ วขอ้ งกบั ทอ้ งทอี่ ําเภอของตน ๔) ยกเลิกการห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทําการประมงพื้นบ้านทําการประมงในทะเลนอก ชายฝั่ง ๕) แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตทําการประมงพื้นบ้านและการประมง พาณชิ ย์ ๖) แกไ้ ขเพิ่มเติมการหา้ มผใู้ ดใช้เครื่องมอื อวนล้อมจับทําการประมงในเขตสิบสองไมล์ทะเลนับ จากแนวชายฝง่ั ทะเลในเวลากลางคนื ๗) แก้ไขเพ่ิมเติมหน้าท่ีของเจ้าของเรือที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยประเภทการ ใช้ทําการประมงซึ่งมีขนาดตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด โดยให้ติดตั้งอุปกรณ์ติดตามเรือประมง และดูแล รักษาอปุ กรณใ์ ห้สามารถใชง้ านได้ ๘) แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ขอ้ ยกเวน้ ในการขนถ่ายสตั ว์นํ้าในทะเล โดยเพิ่มการขนถ่านสัตว์น้ําในทะเลไป ยังเรือประมงตามหลกั เกณฑท์ ่ีอธิบดีประกาศกําหนด

๔ ๙) แก้ไขเพิม่ เตมิ อํานาจของคณะกรรมการมาตรการทางปกครองในกรณีผู้ทําการประมงฝ่าฝืน กฎหมายอยา่ งรนุ แรง ๑๐) แก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของการกระทําที่ถือว่าเป็นการทําประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่าง รา้ ยแรง ๑๑) แก้ไขเพ่ิมเติมโทษกรณีผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑/๑ วรรคหนง่ึ โดยให้เปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ด้วยแรงงาน ๑๒) แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษปรับของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ มาตรา ๔๓ หรือมาตรา ๕๒ โดยให้ พิจารณาถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทําความผิด ความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพยากรสัตว์น้ําและ สง่ิ แวดล้อมและขนาดเรอื ประมง รวมถึงใหพ้ จิ ารณาจากเจตนากระทาํ ความผิด ๑๓) แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ อัตราโทษของผ้ฝู า่ ฝนื มาตรา ๔๒ ๑๔) แก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๘๑ (๑) หรือมาตรา ๘๘ (๑) หรือ (๗) และ กําหนดให้ผสู้ งั่ ลงโทษใช้ดลุ ยพินจิ พิจารณาโทษโดยคาํ นงึ ถงึ พฤตกิ ารณแ์ ละความร้ายแรงแหง่ กรณีดว้ ย ๑๕) แก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ีกําหนดไว้ในมาตรา ๘๑ (๒) หรือ (๓) มาตรา ๘๒ หรือมาตรา ๘๘ (๒) (๓) หรือ (๔) หรือทํารายงานอันเป็นเท็จ หรือไม่นําเรือกลับเข้าท่าเทียบ เรือประมงตามมาตรา ๘๑ (๕) หรือมาตรา ๘๘ (๖) และกําหนดให้ผู้ส่ังลงโทษใช้ดุลยพินิจพิจารณาโทษโดย คํานึงถึงพฤตกิ ารณแ์ ละความรา้ ยแรงแห่งกรณีด้วย ๑๖) แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน กรณีเจ้าของเรือประมงใช้คนประจํา เรือท่ไี ม่มหี นังสอื คนประจาํ เรือหรือไม่ได้รบั อนญุ าตตามมาตรา ๘๓ หรอื ฝา่ ฝนื มาตรา ๘๓/๑ ๑๗) แกไ้ ขเพิ่มเติมใหผ้ ้สู นับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทําความผิดต้องระวางโทษ เชน่ เดียวกับตวั การในความผดิ นนั้ เว้นแต่เปน็ กรณที ่ผี ู้กระทําการดังกลา่ วเปน็ คนประจาํ เรอื ไม่ตอ้ งรับผิด ๑๘) แก้ไขเพ่ิมเติมการริบทรัพย์สินท่ีใช้ในการทําประมง หรือที่ได้มาโดยการทําประมงโดยฝ่า ฝนื กฎหมายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๔ โดยตัดเรอื ประมงออกจากประเภทของทรัพย์สนิ ท่ใี หร้ บิ ๒. ผ้เู ก่ียวข้องท่ีไดร้ บั หรอื อาจได้รับผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติ หนว่ ยงานของรฐั ๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. กระทรวงการตา่ งประเทศ ๓. กระทรวงคมนาคม ๔. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ๕. กระทรวงแรงงาน ๖. กองทัพเรอื ๗. สํานกั งานตาํ รวจแห่งชาติ ๘. กรมการปกครอง ๙. สภาเกษตรกรแห่งชาติ ภาคเอกชน ๑ สภาหอการคา้ แห่งประเทศไทย ๒. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภาคประชาสงั คม ๑. สมาคมการประมงแหง่ ประเทศไทย ๒. สมาคมการประมงนอกนา่ นนาํ้ ไทย

๕ ๓. สมาคมรักษ์ทะเลไทย ๔. สมาคมผผู้ ลิตปลาป่นไทย ๕. สมาคมอาหารแช่เยอื กแข็งไทย ๖. สมาคมก้งุ ไทย ๗. สมาคมเพาะเลยี้ งสตั วน์ า้ํ ไทย ๓. ประเด็นการรบั ฟังความคิดเหน็ ๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคําว่า “ประมงพ้ืนบ้าน” และ “ประมง พาณิชยข์ นาดเลก็ ” ๒. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมวาระการดํารงตําแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายการประมงแหง่ ชาติ ๓. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการประมงประจํา จังหวัดโดยให้นายอําเภอในเขตท้องท่ีที่มีการประมงเลือกตัวแทนเป็นกรมการ โดยในจังหวัดท่ีมีอาณาเขต ติดต่อกับชายฝ่ังทะเลและแม่น้ําโขงกําหนดให้มีกรรมการโดยตําแหน่งเพิ่มข้ึนอีกหนึ่งคน และกําหนดสิทธิใน การลงมติของนายอําเภอเฉพาะเร่ืองที่เก่ยี วข้องกบั ทอ้ งท่อี าํ เภอของตน ๔. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการยกเลิกการห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตทําการประมงพื้นบ้าน ทาํ การประมงในทะเลนอกชายฝัง่ ๕. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาต ทําการประมงพืน้ บ้านและการประมงพาณชิ ย์ ๖. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมการห้ามผู้ใดใช้เคร่ืองมืออวนล้อมจับทําการประมง ในเขตสบิ สองไมล์ทะเลนบั จากแนวชายฝงั่ ทะเลในเวลากลางคืน ๗. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมหน้าที่ของเจ้าของเรือท่ีจดทะเบียนตามกฎหมายว่า ด้วยเรือไทยประเภทการใช้ทําการประมงซึ่งมีขนาดตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด โดยให้ติดตั้งอุปกรณ์ ติดตามเรอื ประมง และดูแลรกั ษาอุปกรณใ์ หส้ ามารถใช้งานได้ ๘. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมข้อยกเว้นในการขนถ่ายสัตว์นํ้าในทะเล โดยเพิ่ม การขนถา่ นสตั ว์น้าํ ในทะเลไปยงั เรือประมงตามหลักเกณฑ์ทอ่ี ธบิ ดีประกาศกําหนด ๙. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอํานาจของคณะกรรมการมาตรการทางปกครองใน กรณีผทู้ าํ การประมงฝ่าฝืนกฎหมายอยา่ งรุนแรง ๑๐. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของการกระทําท่ีถือว่าเป็นการทําประมง โดยฝา่ ฝนื กฎหมายอยา่ งรา้ ยแรง ๑๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมโทษกรณีผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนมาตรา ๑๑ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๑๑/๑ วรรคหนงึ่ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยแรงงาน ๑๒. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษปรับของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ มาตรา ๔๓ หรือมาตรา ๕๒ โดยให้พิจารณาถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทําความผิด ความเสียหายที่เกิดแก่ ทรัพยากรสัตวน์ ํา้ และส่งิ แวดลอ้ มและขนาดเรือประมง รวมถึงให้พจิ ารณาจากเจตนากระทําความผิด ๑๓. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ อัตราโทษของผูฝ้ ่าฝนื มาตรา ๔๒ ๑๔. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๘๑ (๑) หรือมาตรา ๘๘ (๑) หรือ (๗) และกาํ หนดให้ผู้ส่ังลงโทษใช้ดุลยพินิจพิจารณาโทษโดยคํานึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรง แห่งกรณดี ้วย

๖ ๑๕. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กําหนด ไว้ในมาตรา ๘๑ (๒) หรือ (๓) มาตรา ๘๒ หรือมาตรา ๘๘ (๒) (๓) หรือ (๔) หรือทํารายงานอันเป็นเท็จ หรอื ไมน่ ําเรอื กลบั เขา้ ท่าเทยี บเรือประมงตามมาตรา ๘๑ (๕) หรือมาตรา ๘๘ (๖) และกําหนดให้ผู้ส่ังลงโทษใช้ ดลุ ยพนิ จิ พิจารณาโทษโดยคาํ นึงถงึ พฤติการณ์และความรา้ ยแรงแห่งกรณีดว้ ย ๑๖. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน กรณีเจ้าของเรือประมงใช้คนประจําเรือท่ีไม่มีหนังสือคนประจําเรือหรือไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๘๓ หรือ ฝ่าฝืนมาตรา ๘๓/๑ ๑๗. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมให้ผู้สนับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจาก การกระทําความผิดต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดน้ัน เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้กระทําการดังกล่าว เปน็ คนประจาํ เรอื ไมต่ ้องรบั ผิด ๑๘. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมการริบทรัพย์สินที่ใช้ในการทําประมง หรือที่ได้มา โดยการทําประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๔ โดยตัดเรือประมงออกจากประเภทของ ทรัพย์สินที่ใหร้ ิบ ๑๙. ท่านมคี วามคดิ เห็นในประเดน็ อนื่ ๆ เก่ียวกับร่างพระราชบญั ญัตนิ ี้หรือไม่ อยา่ งไร ๔. ระยะเวลาและวธิ ีการการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ๔.๑ ระยะเวลาในการรบั ฟงั ความคดิ เห็น ต้ังแต่วันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ถึงวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา จาํ นวน ๕๙ วัน ๔.๒ วธิ กี ารรบั ฟังความคดิ เหน็ (๑) ผ่านระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th

๗ (๒) สง่ ประเดน็ ไปรบั ฟงั ผทู้ ่เี ก่ยี วขอ้ งโดยตรง ประกอบดว้ ย หน่วยงานของรัฐ ๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. กระทรวงการต่างประเทศ ๓. กระทรวงคมนาคม ๔. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ๕. กระทรวงแรงงาน ๖. กองทพั เรอื ๗. สาํ นกั งานตาํ รวจแห่งชาติ ๘. กรมการปกครอง ๙. สภาเกษตรกรแห่งชาติ ภาคเอกชน ๑ สภาหอการคา้ แหง่ ประเทศไทย ๒. สภาอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย ภาคประชาสงั คม ๑. สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ๒. สมาคมการประมงนอกนา่ นนาํ้ ไทย ๓. สมาคมรกั ษ์ทะเลไทย ๔. สมาคมผผู้ ลิตปลาปน่ ไทย ๕. สมาคมอาหารแชเ่ ยอื กแข็งไทย ๖. สมาคมกุ้งไทย ๗. สมาคมเพาะเล้ียงสัตวน์ ํ้าไทย ๕. สรุปผลการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ๕.๑ ขอ้ มลู ทวั่ ไปผูร้ ว่ มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th ผู้เข้าชม จํานวน ๒๖๓ ราย ผแู้ สดงความคดิ เหน็ จาํ นวน ๑ ราย จากการส่งประเด็นไปรับฟังผู้ท่ีเกี่ยวขอ้ งโดยตรง ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน ที่ได้แสดงความคิดเห็นมี จํานวน ๕๖ ราย ประกอบดว้ ย ๑. กระทรวงแรงงาน ๒. สํานกั งานตํารวจแห่งชาติ ๓. สภาเกษตรกรแห่งชาติ ๔. กรมการปกครอง ๕. สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ๖. สมาคมการประมงนอกนา่ นน้าํ ไทย ๗. สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และสมาชกิ จํานวน ๔๙ องคก์ ร - สมาคมอวนล้อมจบั (ประเทศไทย) - สมาคมเรอื ประมงจังหวดั พังงา - สมาคมชาวประมงเรอื อวนซั้งและเรอื รว่ มปากนํา้ ชุมพร

๘ - สมาคมชาวประมงปากตะโก - สมาคมการประมงจังหวดั ตราด - สมาคมชาวประมงบางสะพาน - สมาคมประมงระนอง - สหกรณ์ประมงบางจะเกร็ง-บางแก้ว จาํ กดั - สมาคมชาวประมงรว่ มใจ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด - กล่มุ เกษตรกรทาํ ประมงบางเสร่ - สมาคมชาวประมงอําเภอทา่ ใหม่ - สมาคมอวนล้อมจับปลากะตกั - สมาคมประมงระยอง - สมาคมประมงปากนาํ้ ชมุ พร - สมาคมประมงแหลมสงิ ห์ - สมาคมชาวประมงปากนํ้าประแส - สมาคมประมงทา่ เรอื แกลง - สมาคมประมงอวนลากสรุ าษฎร์ธานี - สมาคมชาวประมงด่านสวี - สมาคมชาวประมงปากนํา้ หลังสวน - สมาคมการประมงคลองด่าน - สมาคมชาวประมงสุราษฎรธ์ านี - สหกรณ์ประมงพญาตานี - สมาคมประมงชลบรุ ี - สมาคมชาวประมงหวั หนิ - สมาคมชาวประมงประจวบคีรขี นั ธ์ - สหกรณ์การประมงบ้านแหลม จาํ กัด - สมาคมประมงปราณบรุ ี - สมาคมชาวประมงอาํ เภอบา้ นแหลม - สมาคมการประมงแสมสาร - สมาคมประมงปะทวิ คลองบางสน - สมาคมการประมงจังหวดั ตราด - สมาคมชาวประมงปากตะโก - สมาคมชาวประมงบางสะพาน - สมาคมประมงอาํ เภอขนอม - สมาคมประมงเรอื ลากคู่สมทุ รสงคราม - สหกรณ์ประมงแมก่ ลอง จาํ กัด - สมาคมการประมงทะเลไทย - สมาคมประมงสงขลา - สมาคมชาวประมงปากพนัง - สมาคมการประมงจงั หวัดปตั ตานี - สมาคมการประมงสมุทรสาคร

๙ - สมาคมการประมงสมทุ รปราการ - สมาคมการประมงกันตัง - สมาคมประมงคลองวาฬจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ์ - สมาคมชาวประมงจงั หวัดกระบี่ - สมาคมชาวประมงจังหวดั ภเู กต็ - สมาคมประมงจงั หวัดสตลู - สมาคมประมงสมทุ รสงคราม ๕.๒ ผลการรบั ฟงั ผลการรับฟังผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th และ จากการส่งประเด็นไปรบั ฟังผูท้ เ่ี กี่ยวขอ้ งโดยตรง สรุปไดเ้ ปน็ รายประเดน็ ดงั น้ี ๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคําว่า “ประมงพ้ืนบ้าน” และ “ประมงพาณิชยข์ นาดเลก็ ” เห็นด้วย ไม่เหน็ ด้วย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ไมเ่ หน็ ด้วย เนอ่ื งจาก แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคม ๑) นิยามคําว่า “ประมงพ้ืนบ้าน” ตามร่างดังกล่าว การประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๙ ไม่ครอบคลุมถึงการทําประมงที่ใช้เคร่ืองมือโดยไม่ องคก์ ร) ใช้เรือประมงดังที่กําหนดไว้เดิม ดังนั้น ข้อความอัน ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น อาจจํากัดสิทธิดังกล่าวของชาวประมงท่ีใช้เคร่ืองมือ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา โดยไมใ่ ช้เรอื ประมงได้ www.parliament.go.th) ๒) นิยามคําว่า “ประมงพาณิชย์ขนาดเล็ก” ตาม ร่างดังกล่าว เห็นว่าการกําหนดขนาดเรือประมงท่ีมี ขนาดตั้งแต่ห้าตันกรอสขึ้นไป อาจทําให้ไป หมายความรวมถึงเรือประมงท่ีเป็นการทําประมง พ้ืนบ้านได้ ซ่ึงเดิมกําหนดไว้ให้การประมงพาณิชย์ ต้องมีขนาดสิบตันกรอสขึ้นไป อันอาจเป็นภาระ ให้แก่ชาวประมงพ้ืนบ้านเดิมที่มีขนาดเรือห้าตัน กรอสได้ อีกทั้งยังเป็นการเพ่ิมภาระให้กาเจ้าหน้าที่ ผ้บู งั คับใช้กฎหมายในเขตทะเลของหน่วยงานต่าง ๆ ในการแยกแยะเรือท่ีใช้ในการทําประมงพาณิชย์กับ การประมงพาณชิ ยข์ นาดเลก็ อกี ดว้ ย (กรมการปกครอง)

๑๐ ๒. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมวาระการดํารงตําแหน่งของกรรมการ ผู้ทรงคุณวฒุ ใิ นคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ เหน็ ดว้ ย ไมเ่ ห็นด้วย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๙ องค์กร) ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๓. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการประมง ประจําจังหวัดโดยให้นายอําเภอในเขตท้องท่ีที่มีการประมงเลือกตัวแทนเป็นกรมการ โดยในจังหวัดที่มี อาณาเขตติดต่อกับชายฝ่ังทะเลและแม่น้ําโขงกําหนดให้มีกรรมการโดยตําแหน่งเพิ่มข้ึนอีกหนึ่งคน และ กาํ หนดสทิ ธิในการลงมตขิ องนายอาํ เภอเฉพาะเรื่องท่เี กย่ี วข้องกับทอ้ งทอี่ ําเภอของตน เห็นด้วย ไมเ่ ห็นด้วย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ๑. ไมเ่ ห็นดว้ ย เน่อื งจาก แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคม ๑) การให้นายอําเภอเข้าไปเป็นคณะกรรมการ การประมงแห่งประเทศไทย และสมาชิก จํานวน ๔๘ ในตําแหน่งจึงเป็นการสนับสนุนให้นายอําเภอ องค)์ สามารถมีข้อสั่งการและประสานงานเร่ืองต่าง ๆ ๒. เหน็ ดว้ ยกับกรณที ่ีเสนอใหจ้ ังหวดั ท่มี ีอาณาเขตติดต่อ จากคณะกรรมการประมงประจําจังหวัดไปยัง กับชายทะเลและแม่นํ้าโขง ให้มีผู้แทนกองทัพเรือเป็น หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่าง กรรมการโดยตําแหน่งเพ่ิมขึ้นอีกหน่ึงคน มีความ ดีและเหมาะสม ไม่มีเหตุจําเป็นที่จะต้องเลือก เหมาะสมแลว้ (กรมการปกครอง) ตวั แทนเข้าไปเปน็ กรรมการแตอ่ ย่างใด ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น ๒) การจํากัดสิทธิในการลงมติของนายอําเภอ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา โดยการกําหนดให้นายอําเภอมีสิทธิลงมติได้เฉพาะ www.parliament.go.th) เร่ืองท่ีเก่ียวกับท้องท่ีอําเภอของตนนั้น เห็นว่าพระ ราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม ได้กําหนดให้นายอําเภอในเขตท้องที่ที่มี การประมงเป็นคณะกรรมการประมงจังหวัดแล้ว ย่อมมีเหตุผลเช่ือมโยงท่ีจะต้องผูกพันอํานาจหน้าที่ ในการพจิ ารณาและเสนอแนวทางในการพัฒนาหรือ แก้ไขปัญหาการประมงหรือร่วมดําเนินการอื่น ๆ ตลอดจนการลงมติในเขตพ้ืนที่จังหวัดในรูปแบบ คณะกรรมการดังกล่าวทุกกรณีที่เข้าสู่วาระการ พิจารณาด้วย การกําหนดสิทธิมิให้นายอําเภอ ร่วมตัดสินใจจึงขัดแย้งกับแนวปฏิบัติท่ัวไปในการ ดําเนินการในรูปของคณะกรรมการ (กรม การปกครอง)

เหน็ ดว้ ย ๑๑ ไม่เห็นดว้ ย ๒. ไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายอําเภอที่อาจจะมีเขต ติดต่อกับชายทะเลไม่ได้เป็นกรรมการ (สมาคม ประมงสมุทรสงคราม) ๔. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กบั การยกเลกิ การห้ามมใิ หผ้ ูไ้ ดร้ บั ใบอนญุ าตทาํ การประมงพ้ืนบ้าน ทาํ การประมงในทะเลนอกชายฝ่งั เหน็ ด้วย ไม่เหน็ ดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะกระทบกระทั่งกับประมง แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคม พาณิชย์ในพื้นท่ีนอกเขตทะเลชายฝั่ง (สมาคม การประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๘ ประมงสมุทรสงคราม) องค์กร) ๒. เห็นด้วยกับหลักการ เนื่องจากการยกเลิกการห้าม มิให้ผู้ได้รับอนุญาตทําการประมงพื้นบ้านทําการประมง ในเขตทะเลนอกชายฝ่ังจะเป็นการช่วยให้ชาวประมงที่ ทําการประมงพื้นบ้านสามารถออกทําประมงในเขต ทะเลโดยไม่จํากัดแต่เพียงเฉพาะเขตทะเลชายฝ่ัง สอดคล้องกับการพัฒนารายได้ของชาวประมงพื้นบ้าน (กรมการปกครอง) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๕. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตทํา การประมงพื้นบ้านและการประมงพาณชิ ย์ เหน็ ดว้ ย ไม่เห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ๑. ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเห็นว่า ควรยกเลิกมาตรานี้ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง (สมาคมประมงสมุทรสงคราม) และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก ๒. ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากเห็นว่าผู้ท่ีเคยถูกเพิกถอน ๔๗ องคก์ ร) ใบอนุญาตยังไม่พ้นห้าปี ควรปรับเหลือสองปี หรือ ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น ให้อยู่ในช่วงขอใบอนุญาตในรอบปีการประมงถัดไป จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา (สมาคมประมงจังหวดั สตลู ) www.parliament.go.th)

๑๒ ๖. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมการห้ามผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทําการ ประมงในเขตสบิ สองไมล์ทะเลนับจากแนวชายฝงั่ ทะเลในเวลากลางคนื เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ๑. ไม่เห็นด้วย โดยควรคงไว้ตามร่างเดิม เนอื่ งจาก แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง ๑) มีประกาศรัฐมนตรี ในปี ๒๕๓๔ เร่ือง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก ห้ามใช้เครื่องมืออวนล้อมจับท่ีมีขนาดช่องตาเล็ก จํานวน ๓๘ องคก์ ร) กว่า ๒.๕ เซนติเมตร ทําการประมงในเวลากลางคืน ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น ใชบ้ งั คบั อยแู่ ล้ว จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา ๒) เพ่ือเป็นการอนุรักษ์สัตว์นํ้าวัยอ่อนและวัย www.parliament.go.th) เจริญพันธุ์ เนื่องจากอวนขนาดช่องตาอวน ๒.๕ เซนติเมตร กรมประมงเห็นว่ามีความเหมาะสมใน การทําประมง หากใช้ขนาดตาอวนตํ่ากว่า ๒.๕ เซนติเมตร โดยไม่กําหนดเวลาทําประมงจะทําให้ เกิดความสูญเสียทรัพยากรสัตว์นํ้าวัยอ่อนท่ีมีคุณค่า ทางเศรษฐกิจ ถือเป็นการทําลายพันธุ์สัตว์น้ําอย่าง ร้ายแรง ๓) อาจเกิดความไม่เท่าเทียมกันจากการบังคับ ใช้กฎหมาย ๔) อาจเกิดความไม่เท่าเทียมในการใช้ทรัพยากร ซ่ึงอวนล้อมจับทําการประมงในเวลากลางคืนใช้ ขนาดตาอวน ๒.๕ เซนติเมตร และใช้เครื่องมือทํา การประมงที่มีขนาดใหญ่ ทําให้ลูกปลาจะติดอวนได้ น้อย หากเป็นอวนล้อมปลากะตักซึ่งมีขนาด ๐.๖ เซนติเมตร มาจับปลาในเวลากลางคืนอาจส่งผล กระทบต่อลูกปลาซึงเป็นการทําลายทรัพยากรสัตว์ น้ํา (สมาคมประมงอวนล้อม (ประเทศไทย), สมาคมชาวประมงเรืออวนซั้งและเรือร่วมปากน้ํา ชุมพร, สมาคมชาวประมงจังหวัดภูเก็ต, สมาคม ชาวประมงจังหวัดกระบ่ี, สมาคมประมงคลอง วาฬจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, สมาคมการประมง กันตัง, สมาคมชาวประมงร่วมใจปากนํ้าชุมพร, สมาคมประมงปราณบุรี, สมาคมชาวประมงปาก ตะโก, สมาคมการประมงจังหวัดตราด, สมาคม ชาวประมงบางสะพาน, สมาคมประมงระยอง และสมาคมเรอื ประมงจังหวดั พงั งา) ๒. ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบทบัญญัติตามร่างดังกล่าว ยังขาดความชัดเจน และกรณีการห้ามใช้เครื่องมือ ใดเครื่องมอหนึ่ง ควรให้อํานาจคณะกรรมการ ประมงจังหวดั น้ัน ๆ ไปกําหนด เนื่องจากบริบทของ

เห็นด้วย ๑๓ ไม่เหน็ ด้วย พื้นท่ีมีความแตกต่างกัน และการกําหนด ๑๒ ไมล์ ทะเลกับเรือประมงทั้งประเทศก่อให้เกิดความไม่ เป็นธรรมต่อชาวประมง (สมาคมการประมง จงั หวัดปตั ตานี) ๓. ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากควรให้คณะกรรมการ ประมงจังหวัดน้ัน ๆ เป็นเป็นผู้กําหนด และควร กําหนดชนิดอวนล้อมจับที่ต้องใช้ตามกฎหมายน้ี ด้วย (สมาคมประมงระนอง) ๔. ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากจังหวัดสตูลมีพื้นท่ีทํา ประมงจํากัด เพราะบริเวณทะเลมีพ้ืนท่ีเป็นเกาะ จํานวนมาก และเห็นว่าควรคงไว้ตามร่างเดิม (สมาคมประมงจังหวดั สตลู ) ๗. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมหน้าท่ีของเจ้าของเรือท่ีจดทะเบียนตาม กฎหมายว่าด้วยเรือไทยประเภทการใช้ทําการประมงซึ่งมีขนาดตามท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนด โดยให้ ติดตัง้ อุปกรณต์ ดิ ตามเรอื ประมง และดูแลรกั ษาอุปกรณ์ให้สามารถใช้งานได้ เหน็ ด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ - แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และกรมการ ปกครองและสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและ สมาชกิ จํานวน ๔๙ องค์กร) ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๘. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมข้อยกเว้นในการขนถ่ายสัตว์นํ้าในทะเล โดยเพ่มิ การขนถา่ นสัตว์นํา้ ในทะเลไปยังเรือประมงตามหลักเกณฑ์ทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกําหนด เหน็ ด้วย ไม่เหน็ ดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ - แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จาํ นวน ๔๙ องค์กร) ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th)

๑๔ ๙. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอํานาจของคณะกรรมการมาตรการ ทางปกครองในกรณีผทู้ าํ การประมงฝ่าฝนื กฎหมายอยา่ งรุนแรง เห็นด้วย ไม่เห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากเห็นว่า ควรยกเลิกมาตรานี้ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง (สมาคมประมงสมทุ รสงคราม) และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จาํ นวน ๔๘ องคก์ ร) ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๐. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะของการกระทําที่ถือว่าเป็นการ ทําประมงโดยฝา่ ฝืนกฎหมายอย่างรา้ ยแรง เหน็ ด้วย ไม่เห็นด้วย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ - แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมการ ประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก ๔๙ องค์กร) ๒. เห็นด้วยกับหลักการ เน่ืองจากท่ีผ่านมาจะเห็นได้ว่า ชาวประมงหลายรายมีการรายงานการทําประมง หรือ แสดงเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่ง ในบางครั้งแม้เป็นเอกสารอันเป็นเท็จแต่ก็ขาดเจตนาใน การกระทําความผิด ซ่ึงเมื่อถูกจับกุมดําเนินคดีก็ต้องตก เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา การแก้ไขจึงเป็นประโยชน์ต่อ ชาวประมงท่ีไม่ได้มีเจตนากระทําความผิดในฐาน ความผิดน้ี (กรมการปกครอง) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมโทษกรณีผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืน มาตรา ๑๑ วรรคหนงึ่ หรือมาตรา ๑๑/๑ วรรคหนึง่ โดยให้เปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน เห็นด้วย ไม่เหน็ ด้วย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว แต่ควรพิจารณาอ้างอิง ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากการแก้ไขดังกล่าวส่งผลให้ผู้ อัตราโทษในมาตรา ๑๒๔ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครอง ประกอบกิจการโรงงานได้รับโทษน้อยลงกว่าเดิม แรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ในมาตรา ๔๔ มาตรา ๔๙ มาตรา จะทําให้มีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทําความผิดตาม ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ เช่นเดียวกับพระราชกําหนด กําหมายอื่นด้วย เช่น ความผิดฐานบังคับใช้แรงงาน การประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย (สมาคมอาหารแช่เยือก หรือความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติ แขง็ ไทย) ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว แต่การนํากฎหมายว่า นอกจากนี้อาจทําให้ผู้ประกอบการขาดความเกรง

๑๕ เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นด้วย ด้วยแรงงานมาอนุโลมใช้เฉพาะในส่วนอัตราโทษ กลัวเม่ือต้องได้รับโทษจากฐานความผิดดังกล่าว สําหรับผู้ฝ่าฝืนกระทําความผิดในมาตราดังกล่าว อาจส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการ อาจเกิดความไม่ชัดเจนว่าจะต้องนํากฎหมายแรงงานใด ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เส่ือม มาใช้ และมีบทกําหนดโทษเท่าใด จึงควรกําหนดให้ ประสทิ ธิภาพได้ (กรมการปกครอง) ชัดเจน (กระทรวงแรงงาน) ๓. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมการ ประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๙ องค์กร) ๔. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๒. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษปรับของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๓๘ มาตรา ๔๓ หรอื มาตรา ๕๒ โดยให้พิจารณาถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทําความผิด ความเสียหาย ท่ีเกิดแก่ทรัพยากรสัตว์นํ้าและสิ่งแวดล้อมและขนาดเรือประมง รวมถึงให้พิจารณาจากเจตนากระทํา ความผิด เห็นด้วย ไมเ่ ห็นดว้ ย ๑. เหน็ ด้วยกับหลกั การดังกล่าว แตม่ ปี ระเดน็ วา่ ใครเป็น ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอัตราโทษปรับยังคงสูงเกินไป ผู้พิจารณาถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทํา ซึ่งควรกําหนดโทษปรับไม่เกินหน่ึงล้านบาท ความผิด ซึ่งผู้พิจารณาจะต้องชัด และพิจารณาโดย (สมาคมประมงสมุทรสงคราม) ปราศจากอคตใิ ด ๆ (สมาคมการประมงนอกน่านน้าํ ไทย) ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๘ องคก์ ร) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๓. ท่านเหน็ ดว้ ยหรือไม่กบั การแกไ้ ขเพิ่มเติมอตั ราโทษของผ้ฝู ่าฝืนมาตรา ๔๒ เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว แต่ผู้พิจารณาถึงความ ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากอัตราโทษปรับยังคงสูงเกินไป ร้ายแรงของพฤติการณ์ในการกระทําความผิดควรมี ซึ่งควรกําหนดโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท ความชัดเจน (สมาคมการประมงนอกนา่ นนาํ้ ไทย) (สมาคมประมงสมทุ รสงคราม) ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก

๑๖ เห็นด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย จาํ นวน ๔๘ องคก์ ร) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๔. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๘๑ (๑) หรือ มาตรา ๘๘ (๑) หรือ (๗) และกําหนดให้ผู้สั่งลงโทษใช้ดุลยพินิจพิจารณาโทษโดยคํานึงถึงพฤติการณ์และ ความรา้ ยแรงแห่งกรณดี ้วย เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว มาตรา ๘๑ (๔) และ ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากอัตราโทษปรับยังคงสูงเกินไป มาตรา ๘๘ (๗) มีอัตราโทษปรับที่สูงเกินไป ไม่ควรปรับ ซ่ึงควรกําหนดโทษปรับไม่เกินหน่ึงล้านบาท เกินกว่าหน่ึงแสนบาท เนื่องจากไม่เกี่ยวกับการประมง (สมาคมประมงสมทุ รสงคราม) (สมาคมการประมงนอกน่านนาํ้ ไทย) ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๘ องคก์ ร) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๕. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษของผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ท่ี กําหนดไว้ในมาตรา ๘๑ (๒) หรือ (๓) มาตรา ๘๒ หรือมาตรา ๘๘ (๒) (๓) หรือ (๔) หรือทํารายงานอัน เปน็ เทจ็ หรอื ไม่นาํ เรอื กลบั เข้าทา่ เทียบเรือประมงตามมาตรา ๘๑ (๕) หรือมาตรา ๘๘ (๖) และกําหนดให้ ผสู้ ง่ั ลงโทษใชด้ ลุ ยพนิ ิจพิจารณาโทษโดยคํานงึ ถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งกรณดี ว้ ย เห็นด้วย ไม่เห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว มาตรา ๘๑ (๕) ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอัตราโทษปรับยังคงสูงเกินไป หรือมาตรา ๘๘ (๖) มีอัตราโทษปรับสูงเกินไป (สมาคม ซึ่งควรกําหนดโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท การประมงนอกน่านน้าํ ไทย) (สมาคมประมงสมุทรสงคราม) ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๘ องค์กร) ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th)

๑๗ ๑๖. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราโทษตามกฎหมายว่าด้วยแรงงาน กรณีเจ้าของเรือประมงใช้คนประจําเรือที่ไม่มีหนังสือคนประจําเรือหรือไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๘๓ หรือฝา่ ฝนื มาตรา ๘๓/๑ เหน็ ด้วย ไม่เห็นดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว แต่การนํากฎหมายว่า ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวอาจ ด้วยแรงงานมาอนุโลมใช้เฉพาะในส่วนอัตราโทษ ทําให้เจ้าของเรือประมงได้รับโทษน้อยลงกว่า สําหรับผู้ฝ่าฝืนกระทําความผิดในมาตราดังกล่าวอาจ บทบัญญัติเดิม อาจทําให้สุ่มเส่ียงต่อการกระทํา เกิดความไม่ชัดเจนว่าจะต้องนํากฎหมายแรงงานใดมา ค ว า ม ผิ ด ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ป้ อ ง กั น แ ล ะ ใช้ และมีบทกําหนดโทษเท่าใด จึงควรกําหนดให้ชัดเจน ปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่ึงส่วนใหญ่ (กระทรวงแรงงาน) แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไม่มีหนังสือคนประจํา ๒. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ เรือ มักจะมีความอ่อนด้อยในด้านต่าง ๆ ที่ แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมการ เสียเปรียบเจ้าของเรือประมงหรือผู้ควบคุมเรือได้ ประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๙ นอกจากนี้อาจทําให้เจ้าของเรือหรือผู้ควบคุมเรือ องคก์ ร) ขาดความเกรงกลัวต่อการกระทําความผิดดังกล่าว ๓. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น (กรมการปกครอง) จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๗. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมให้ผู้สนับสนุนหรือได้รับผลตอบแทนจากการ กระทําความผิดต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดน้ัน เว้นแต่เป็นกรณีท่ีผู้กระทําการดังกล่าว เปน็ คนประจําเรือไม่ต้องรับผดิ เห็นด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ - แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, กรมการปกครอง และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จาํ นวน ๔๙ องค์กร) ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน (ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ข อ ง รั ฐ ส ภ า www.parliament.go.th) ๑๘. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมการริบทรัพย์สินท่ีใช้ในการทําประมง หรือ ที่ได้มาโดยการทําประมงโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๔ โดยตัดเรือประมงออกจาก ประเภทของทรัพยส์ ินท่ีใหร้ ิบ เห็นด้วย ไม่เหน็ ดว้ ย ๑. เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว (สํานักงานตํารวจ ไม่เหน็ ดว้ ย เนือ่ งจากเพ่ือป้องกันผู้กระทําความผิดท่ี แห่งชาติ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคม อาจนําเรือประมงท่ีใช้กระทําความผิดกลับมาแปลง การประมงแห่งประเทศไทยและสมาชิก จํานวน ๔๙ สภาพ เปล่ียนชื่อทางทะเบียนเรือหรือกระทําการ องค์กร) อื่นใด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการกระทําความผิด ๒. เห็นด้วย จํานวน ๑ คน แต่ร่างมาตรา ๑๕ แก้ไข ครั้งต่อไป ประกอบกับการกําหนดให้ริบเรือประมง

๑๘ เพิ่มเติมมาตรา ๑๑๔ ความใน (๗) ควรมีการแก้ไข ได้นั้นย่อมส่งผลให้เจ้าของเรือเกิดความเกรงกลัว จํานวนการกระทําความผิดภายในหนึ่งปี ควรลดเหลือ ต่อการกระทําความผิด จึงควรคงไว้ตามร่างเดิม ๒ ครั้ง จะมีความเหมาะสมมากข้ึน (ผู้ร่วมแสดงความ (กรมการปกครอง) คิดเห็นจากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๑๙. ทา่ นมีความคดิ เห็นในประเด็นอ่นื ๆ เกยี่ วกับร่างพระราชบัญญตั ินี้หรือไม่ อยา่ งไร ๑) ควรพิจารณาเก่ียวกับการใช้อํานาจของเจ้าหน้าท่ีตามมาตรา ๑๐๕ กรณีมีหลักฐาน อนั ควรเชอื่ ได้วา่ ผู้ใดกระทาํ ความผดิ หรอื เกี่ยวข้องกับการกระทาํ ความผิด ใหม้ ีความเหมาะสมมากข้นึ ๒) ควรพิจารณาอัตราโทษปรับในมาตราต่าง ๆ ให้เหมาะสมมากขึ้น เน่ืองจากปัจจุบัน ยังมอี ตั ราโทษทีส่ ูงเกนิ ไป ๓) ไม่ควรกําหนดโทษทางปกครอง เน่ืองจากชาวประมงจะถูกคําส่ังกักเรือจนกว่าคดีจะถึง ท่สี ดุ สง่ ผลให้ชาวประมงเกดิ ความเดือดรอ้ นในการประกอบอาชีพในระหว่างการตอ่ สู้คดี ๔) ควรยกเลิกเอกสารด้านแรงงานตามมาตรา ๘๒ และให้ไปใช้กฎหมายของกรมเจ้าท่า แทนจะมีความเหมาะสมมากกวา่ ๕) การแก้ไขมาตรา ๘๑ (๓) ให้แจ้งการเข้า – ออก ท่าเทียบเรือประมง ควรให้ดําเนินการ แจ้งเฉพาะกรณีเรอื ประมงออกทําการประมง ส่วนที่ ๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญตั ิ ๑. ความเป็นมา สภาพปญั หา ความจําเปน็ ท่ีจะต้องตราพระราชบญั ญตั ิ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการประมงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการที่จํากัดสิทธิใน การทําประมง อาทิ จํากัดการทําประมงพ้ืนบ้านให้อยู่เฉพาะในเขตทะเลชายฝ่ัง กําหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิ ขอรับใบอนุญาตท่ีไม่เอื้อต่อการทําประมง จํากัดการใช้เครื่องมือในการทําประมงในเวลากลางคืน กําหนดให้ การขนถ่ายสตั วน์ ําในทะเลทาํ ได้เฉพาะเรือขนถ่ายสัตว์นํ้าที่จดทะเบียนเท่านั้น นอกจากนี้ บทบัญญัติที่เกี่ยวกับ องค์ประกอบของคณะกรรมการประมงประจําจังหวัดยังคงมีสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมอาจทําให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบในการลงมติในเร่ืองต่าง ๆ หรือเรื่องอํานาจคณะกรรมการมาตรการทางปกครองในกรณีผู้ทําการ ประมงฝา่ ฝนื กาํ หมายอยา่ งร้ายแรง รวมถึงการบริหารจดั การทําประมง การควบคุมและเฝ้าระวังการทําประมง ตลอดจนมาตรการคุ้มครองแรงงาน ยังไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน อีกท้ังบทกําหนด โทษที่ใช้บังคับอยู่มุ่งพิจารณาเฉพาะขนาดของเรือประมงเป็นสําคัญ แต่มิได้คํานึงถึงความร้ายแรงของ พฤติการณ์ในการกระทําความผิดและความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพยากรสัตว์น้ําและสิ่งแวดล้อม จึงสมควรแก้ไข เพ่ิมเติมบทบัญญัติดังกล่าว เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการทําประมงพื้นบ้านให้สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกจิ และสงั คมในปจั จุบนั จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี

๑๙ ๒. ความสอดคล้องของรา่ งพระราชบญั ญตั ิ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔๐ บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ การจํากัดเสรีภาพตามวรรคหน่ึงจะกระทํามิได้เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติ แหง่ กฎหมายที่ตราข้ึนเพ่ือรักษาความม่ันคงหรือเศรษฐกิจของประเทศ การแข่งขันอย่างเป็นธรรม การป้องกัน หรือขจัดการกีดกันหรือการผูกขาด การคุ้มครองผู้บริโภค การจัดระเบียบการประกอบอาชีพเพียงเท่าท่ีจําเป็น หรอื เพ่อื ประโยชน์สาธารณะอยา่ งอนื่ การตรากฎหมายเพื่อจัดระเบียบการประกอบอาชีพตามวรรคสอง ต้องไม่มีลักษณะเป็นการ เลอื กปฏิบัติหรือก้าวก่ายการจดั การศกึ ษาของสถาบนั การศกึ ษา มาตรา ๔๓ บุคคลและชุมชนยอ่ มมีสิทธิ (๑) อนุรักษ์ฟ้ืนฟูหรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีต ประเพณีอนั ดีงามทงั้ ของท้องถ่นิ และของชาติ (๒) จัดการ บํารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติส่ิงแวดล้อม และความ หลากหลายทางชวี ภาพอยา่ งสมดลุ และยงั่ ยืนตามวธิ ีการที่กฎหมายบัญญตั ิ (๓) เข้าชื่อกันเพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้ดําเนินการใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชนหรือชุมชน หรืองดเว้นการดําเนินการใดอันจะกระทบต่อความเป็นอยู่อย่างสงบสุขของประชาชน หรอื ชุมชนและไดร้ บั แจง้ ผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว ทั้งนหี้ นว่ ยงานของรัฐตอ้ งพิจารณาข้อเสนอแนะน้ันโดยให้ ประชาชนทีเ่ ก่ียวข้องมีสว่ นรว่ มในการพจิ ารณาดว้ ยตามวิธกี ารที่กฎหมายบญั ญัติ (๔) จดั ให้มีระบบสวัสดกิ ารของชมุ ชน สิทธิของบุคคลและชุมชนตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึงสิทธิท่ีจะร่วมกับองค์กรปกครอง สว่ นท้องถ่นิ หรอื รฐั ในการดาํ เนินการดังกล่าวดว้ ย แผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย มีเป้าประสงค์เพ่ือให้เกิดผลอันพึงประสงค์ในการมี กฎหมายท่ีดีและมีเพียงเท่าท่ีจําเป็นตามหลักการของมาตรา ๒๕๘ ค. ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยกําหนดกิจกรรมปฏิรูปประเทศท่ีจะส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสําคัญ จํานวน ๕ กิจกรรม ได้แก่ ๑) มีกลไกยกเลิกหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่สร้างภาระหรือเป็นอุปสรรคต่อการดํารงชีวิต หรือการประกอบอาชีพของประชาชน เพ่ือขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ๒) จัดให้ มีกลไกทางกฎหมายเพ่ือให้มีการพิจารณาปรับเปล่ียนโทษทางอาญาที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงให้เป็นโทษปรับ เป็นพินัยเพ่ือลดผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ๓) จัดให้มีกลไกกําหนดให้ส่วนราชการหรือ หน่วยงานของรฐั ซึ่งมีหนา้ ทคี่ วบคมุ กาํ กบั ดูแล และบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย นาํ เทคโนโลยมี าใช้ในการ ดาํ เนินการเพือ่ เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ๔) จดั ใหม้ กี ลไกชว่ ยเหลือประชาชนในการจัดทําและ เสนอร่างกฎหมาย และ ๕) จัดทําประมวลกฎหมายเพื่อรวบรวมกฎหมายเร่ืองเดียวกันไว้ด้วยกันเพ่ือความ สะดวกในการใช้งาน ทั้งนี้ ในการดําเนินการดังกล่าวจะส่งผลประโยชน์ในการลดภาระของการดํารงชีวิตหรือ การประกอบอาชีพให้กับประชาชนและภาคธุรกิจโดยรวม รวมท้ัง สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ จัดทําและเสนอร่างกฎหมาย ตลอดจนประชาชนสามารถเขา้ ถึงกฎหมายได้โดยสะดวกและเข้าใจเนอื้ หาสาระ ของกฎหมายไดโ้ ดยงา่ ย

๒๐ ๓. ประโยชนท์ ่ีประชาชนและสังคมจะไดร้ ับ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการทําประมงพ้ืนบ้านให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและ สังคมในปจั จุบนั ๔. ความสัมพนั ธ์หรือความใกลเ้ คียงกบั กฎหมายอน่ื ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีความสอดคล้องกบั พระราชกําหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ เนอ่ื งจากเปน็ กฎหมายหลกั ทีใ่ ช้บังคับอยู่ ๕. ผลกระทบโดยรวมท่อี าจเกิดขึ้นจากกฎหมาย ไม่มี ๖. การกาํ หนดใหม้ ีระบบอนญุ าต อนุมัติหรอื การใชด้ ลุ พนิ ิจของเจา้ หน้าท่ี 5 มี … ไมม่ ี เหตุผลและความจําเปน็ - ๗. การกําหนดให้มรี ะบบคณะกรรมการ … ไม่มี 5 มี เหตผุ ลและความจาํ เปน็ - ๘. บทกําหนดโทษ … ไมม่ ี 5 โทษทางอาญา 5 โทษทางปกครอง … โทษปรับทางพนิ ัย … โทษอปุ กรณ์ เหตผุ ลและความจําเปน็ -

๒๑ สว่ นที่ ๔ การเปดิ เผยรายงานผลการรบั ฟังความคิดเห็นและรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจาก ร่างพระราชบญั ญตั ิ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร รั บ ฟั ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ล ะ วิ เ ค ร า ะ ห์ ผ ล ก ร ะ ท บ ที่ อ า จ เ กิ ด ข้ึ น จ า ก ร่างพระราชบัญญัติท่ีเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ได้เปิดเผยรายงานผลการรับฟัง ความคิดเห็นและรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติ ทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แล้วตั้งแตว่ นั ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการรบั ฟังความคดิ เหน็ และวิเคราะหผ์ ลกระทบทอี่ าจเกิดขนึ้ จากรา่ งพระราชบญั ญตั ทิ ่เี สนอโดยสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรือผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั สาํ นักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร



































-๒- รายงานผลการรบั ฟงั ความคดิ เห็น และรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกดิ จากรา่ งพระราชบัญญัติ ส่วนท่ี ๑ ข้อมูลพนื้ ฐานของร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. ร่างพระราชบัญญตั ิวนิ ยั การเงนิ การคลงั ของรัฐ (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. ....  กฎหมายใหม่  แก้ไขเพิ่มเตมิ  ยกเลกิ ๒. หลักการและเหตผุ ล ๒.๑ หลักการ ให้การกู้เงินของรัฐบาลท่ีนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการ บริหารหน้สี าธารณะใหก้ ระทาไดโ้ ดยตราขึ้นเป็นพระราชบัญญตั ิงบประมาณรายจ่ายเพม่ิ เติม และต้องเป็นกรณี ที่มีความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วนอย่างต่อเน่ืองเพ่ือแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๕๓ วรรคแรก) ๒.๒ เหตุผล โดยทรี่ ฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติใหร้ ฐั ต้องรกั ษาวินัยการเงินการ คลังอย่างเคร่งครัด เพ่ือให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพ มั่นคงและย่ังยืน โดยการกู้เงินของ รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐจาเป็นต้องพิจารณาถึงความสามารถในการก่อหน้ีของรัฐบาลแบบเป็นภาพรว ม และเคร่งครัด ท้ังนี้ เพื่อเป็นการคงไว้ซึ่งวินัยการเงินการคลังของรัฐบาลและหลีกเล่ียงผลกระทบหรือความ เสียหายอันอาจเกิดข้ึนต่อระบบการเงินการคลังท่ีมาจากการก่อหน้ีที่ก่อให้เกิดภาระเกินควร จึงเป็นการ สมควรใหก้ ารกู้เงินของรัฐบาลทน่ี อกเหนือจากท่ีบญั ญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหน้ีสาธารณะ ต้องตรา ข้นึ เปน็ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพมิ่ เติม และตอ้ งเป็นกรณที ่ีมีความจาเป็นทจ่ี ะต้องดาเนินการโดย เรง่ ดว่ นและอย่างตอ่ เนอื่ งเพ่ือแก้ไขปญั หาวิกฤติของประเทศเทา่ นัน้ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ินี้ ๓. ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ  สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร  ประชาชนเข้าชอื่ เสนอกฎหมาย นายพสิ ิฐ ล้ีอาธรรม สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร กบั คณะเป็นผเู้ สนอ

-๓- ส่วนท่ี ๒ การรบั ฟังความคิดเหน็ และสรปุ ผลการรบั ฟังความคดิ เห็น ๑. ข้อมูลประกอบการรับฟังความคดิ เห็น การกู้เงินของรัฐบาลตามพระราชบัญญัติการบริหารหน้ีสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๒๐ ท่ีให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินได้เฉพาะเพื่อการกู้เงินมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณในกรณีท่ีมีรายจ่าย สูงกว่ารายได้ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อปรับโครงสร้างหน้ีสาธารณะ และเพ่ือให้หน่วยงานอ่ืนกู้ต่อ แต่การกู้เงินของรัฐบาลท่ีนอกเหนือไปจากเง่ือนไขตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะน้ันจะต้อง เป็นไปตามมาตรา ๕๓ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงนิ การคลงั ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่กาหนดให้การกู้เงินของ รัฐบาลนอกเหนือจากท่ีบัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทาได้ก็ แต่โดยอาศัยอานาจตามกฎหมายท่ีตราข้ึนเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่มีความจาเป็นที่จะต้องดาเนินการ โดยเร่งด่วนและอย่างต่อเน่ืองเพ่ือแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ โดยไม่อาจต้ังเป็นงบประมาณรายจ่าย ประจาปีไดท้ ัน ท่ีผ่านมารัฐบาลมีการกู้เงินตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการตรากฎหมายขนึ้ เปน็ การเฉพาะ เช่น พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลงั กเู้ งินเพ่ือ แก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินหนึ่งล้านล้านบาท และพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพ่ือ แก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโร นา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินห้าแสนล้านบาท และก่อนหน้านั้นหลายรัฐบาลก็มีการตรากฎหมายกู้เงินใน กรณีพิเศษ เช่น พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความม่ันคงทาง เศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จานวน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง) หรือพระราชกาหนดให้อานาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้าและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ จานวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (พ.ร.ก.บริหารจัดการน้า) ซึ่งเป็นการกู้เงินมาใช้นอกงบประมาณรายจ่ายประจาปีเป็น จานวนครั้งละมาก ๆ โดยไม่ผ่านตามระบบกฎหมายวิธีงบประมาณที่จะส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของ ประเทศเพ่มิ สูงขนึ้ ดังนั้น เพ่ือวางหลักเกณฑ์การก่อหนี้และการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐท่ีต้องกระทาด้วย ความรอบคอบและคานึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการชาระหน้ี ท่ีจะต้องรักษาเสถียรภาพและความ ยั่งยืนทางการเงินการคลังตลอดจนความน่าเชื่อถือของประเทศ จึงได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติวินัย การเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่มีสาระสาคัญ คือ ให้การกู้เงินของรัฐบาลที่นอกเหนือจากท่ี บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหน้ีสาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทาได้ก็แต่โดยตราขึ้นเป็น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เฉพาะกรณีท่ีมีความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วนและ อย่างตอ่ เนือ่ งเพอ่ื แก้ไขปัญหาวกิ ฤติของประเทศ โดยไมอ่ าจต้งั งบประมาณรายจ่ายประจาปไี ด้ทัน

-๔- ๒. ผู้เกยี่ วขอ้ งที่ได้รับหรืออาจได้รบั ผลกระทบจากรา่ งพระราชบัญญัติ ๒.๑ กระทรวงการคลัง ๒.๒ สานักงบประมาณ ๒.๓ นกั วิชาการ/ผ้เู ชยี่ วชาญดา้ นการเงนิ การคลัง ๒.๔ ประชาชนทั่วไป ๓. ประเดน็ การรบั ฟังความคิดเห็น ๓.๑ ทา่ นเห็นดว้ ยหรือไม่กบั การกาหนดให้การกเู้ งนิ ของรัฐบาลที่นอกเหนือจากที่ได้บัญญัติไว้ ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหน้ีสาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทาได้ก็โดยแต่การตราขึ้นเป็น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม และเฉพาะกรณีท่ีมีความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วน และอย่างตอ่ เนอื่ งเพ่อื แก้ไขปญั หาวิกฤติของประเทศโดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจา่ ยประจาปีได้ทัน ๔. ระยะเวลาและวธิ กี ารการรับฟงั ความคิดเห็น ๔.๑ ระยะเวลาในการรบั ฟังความคดิ เหน็ รบั ฟังต้ังแตว่ ันท่ี ๒๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ รวมระยะเวลาจานวน ๒๗๖ วัน ๔.๒ วธิ ีการรับฟังความคดิ เห็น (๑) ผ่านระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th สรปุ ได้ ดังน้ี

-๕- ๕. สรปุ ผลการรับฟังความคิดเห็น ๕.๑ ข้อมลู ท่วั ไปผู้รว่ มแสดงความคิดเห็น จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จานวน ๒ ราย ซง่ึ เป็นขา้ ราชการ นักศกึ ษาและประชาชนทวั่ ไป ๕.๒ ผลการรบั ฟงั ผลการรบั ฟังผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th สรุป ไดเ้ ป็นรายประเด็นดังนี้ ๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกาหนดให้การกู้เงินของรัฐบาลที่นอกเหนอื จากท่ีได้บัญญัติไว้ ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทาได้ก็โดยแต่การตราข้ึนเป็น พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และเฉพาะกรณีท่ีมีความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วน และอยา่ งตอ่ เนื่องเพอ่ื แก้ไขปญั หาวิกฤติของประเทศโดยไม่อาจต้ังงบประมาณรายจา่ ยประจาปไี ดท้ ัน เห็นด้วย ๑ ราย ไมเ่ ห็นด้วย ๑ ราย ความคิดเหน็ อน่ื /ข้อเสนอแนะ - การดาเนินการทางการเงินของรัฐบาลควรมคี วามโปรง่ ใสและตรวจสอบไดใ้ นทกุ ข้นั ตอน และการเบิกงบประมาณควรตอ้ งผ่านมติความเห็นชอบของทุกฝ่ายก่อนดาเนินการ - การดาเนินการใดๆ ท่ีเกย่ี วข้องกับการเงิน งบประมาณตา่ งๆ รัฐบาลจะต้องแจกแจงถึงที่มา ทไี่ ป แต่ตวั กฎหมาย ณ ปัจจบุ ันเอื้อให้มีชอ่ งว่างในการหลบเลย่ี งโดยไม่ขดั ต่อกฎหมาย - การดาเนินงานดา้ นงบประมาณควรมกี ารตรวจสอบจากฝ่ายนิตบิ ญั ญตั ิทุกครงั้ รวมถงึ ต้องมี ความโปร่งใสเพ่ือใหป้ ระชาชนทุกคนสามารถรบั รู้ทุกข้นั ตอนได้ สว่ นที่ ๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอนั เกดิ จากร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. ความเป็นมา สภาพปัญหา ความจาเป็นทีจ่ ะต้องตราพระราชบญั ญัติ การกู้เงินของรัฐบาลท่ีนอกเหนือไปจากเง่ือนไขตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหน้ีสาธารณะ นัน้ จะตอ้ งเปน็ ไปตามมาตรา ๕๓ ของพระราชบญั ญตั ิวินัยการเงนิ การคลังของรฐั พ.ศ. ๒๕๖๑ ทกี่ าหนดให้การ กู้เงินของรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังกระทาได้โดยอาศัยอานาจตามกฎหมายที่ตราข้ึนเป็นการเฉพาะ และ เฉพาะกรณีท่ีมีความจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเน่ืองเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของ ประเทศ ซ่ึงไม่อาจต้งั เป็นงบประมาณรายจา่ ยประจาปีได้ทนั

-๖- ที่ผ่านมารัฐบาลมีการกู้เงินตามมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยการตรากฎหมายข้นึ เป็นการเฉพาะ เช่น พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกูเ้ งินเพื่อ แก้ไขปัญหา เยียวยา และฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโร นา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินหน่ึงล้านล้านบาท และพระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ แก้ไขปัญหา เยียวยา และฟ้ืนฟูเศรษฐกิจและสังคมท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโร นา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินห้าแสนล้านบาท และก่อนหน้าน้ันหลายรัฐบาลก็มีการตรากฎหมายกู้เงินใน กรณีพิเศษ เช่น พระราชกาหนดให้อานาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความม่ันคงทาง เศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ จานวน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง) หรือพระราชกาหนดให้อานาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้าและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ จานวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท (พ.ร.ก.บริหารจัดการน้า) ซ่ึงเป็นการกู้เงินมาใช้นอกงบประมาณรายจ่ายประจาปีเป็น จานวนคร้งั ละมาก ๆ ทจ่ี ะสง่ ผลให้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศเพิม่ สูงข้นึ อยา่ งต่อเน่ือง ดังนั้น เพ่ือวางหลักเกณฑ์การก่อหน้ีและการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐที่ต้องกระทาด้วย ความรอบคอบและคานึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการชาระหนี้ ท่ีจะต้องรักษาเสถียรภาพและความ ยั่งยืนทางการเงินการคลังตลอดจนความน่าเช่ือถือของประเทศ จึงได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติวินัย การเงินการคลงั ของรฐั (ฉบบั ที่ ..) พ.ศ. ... ที่มสี าระสาคญั คือ ให้การกเู้ งนิ ของรฐั บาลที่นอกเหนือจากที่บัญญัติ ไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะให้กระทาได้โดยตราข้ึนเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย เพ่ิมเติม และต้องเป็นกรณีที่มีความจาเป็นที่จะต้องดาเนินการโดยเร่งด่วนอย่างต่อเน่ืองเพ่ือแก้ปัญหาวิกฤติ ของประเทศ (แกไ้ ขเพ่มิ เติมมาตรา ๕๓ วรรคแรก) ๒. ความสอดคล้องของรา่ งพระราชบัญญัติ  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๖๒ ท่ีบัญญัติว่า “รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมี เสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษี ให้เกิด ความเป็นธรรมแก่สังคม กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับกรอบการ ดาเนินการ ทางการคลังและงบประมาณของรัฐ การกาหนดวินัยทางการคลังด้านรายได้และรายจ่ายท้ังเงิน งบประมาณ และเงินนอกงบประมาณ การบริหารทรัพย์สินของรัฐและเงินคงคลัง และการบริหารหน้ี สาธารณะ”  แผนปฏริ ูปประเทศเร่ือง การปฏิรูปประเทศดา้ นเศรษฐกจิ ทีเ่ ก่ียวกับการปฏริ ูปหน่วยงาน การคลังและงบประมาณ เพื่อให้วงจรการดาเนินนโยบาย เศรษฐกิจมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพและยั่งยนื ในระยะยาว จาเป็นต้องปฏิรูปหน่วยงบประมาณ เพ่ือให้ กระบวนการจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับทิศ ทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

-๗-  แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๑๒ สาหรับการพัฒนาประเทศในระยะ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ จะมุ่งบรรลุเป้าหมายในระยะ ๕ ปี โดยใช้ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี มาเป็นกรอบ วิสัยทัศน์ที่จะสามารถต่อยอดการพัฒนาในระยะต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวตามแผน ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี โดยมีหลักการสาคัญของแผนพัฒนาฯ ที่เก่ียวกับการคลังและงบประมาณของรัฐ คือ การปฏิรูปด้านการคลังและงบประมาณ ประกอบด้วย การขยายฐานภาษี การปรับระบบการจัดทาคาขอ งบประมาณ การจัดสรรงบประมาณ การจัดทางบประมาณบูรณาการ ท้ังเชิงประเด็นพัฒนาและเชงิ พื้นที่ การ ติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ และกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ จัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียม และลดความซ้าซ้อนของสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการสังคม รวมท้ังสร้างความ ยั่งยนื ทางการคลังของระบบการคมุ้ ครองทางสงั คม ๓. ประโยชน์ทป่ี ระชาชนและสงั คมจะได้รบั เมื่อมีการตรากฎหมายน้ีทาใหก้ ารกู้เงินของรัฐบาลท่ีนอกเหนือจากท่ีบัญญัติไว้ในกฎหมายว่า ด้วยการบรหิ ารหนี้สาธารณะใหก้ ระทาไดโ้ ดยตราขนึ้ เปน็ พระราชบัญญตั งิ บประมาณรายจา่ ยเพม่ิ เติม ทาให้การ ใชจ้ ่ายเงนิ ภาครฐั ผ่านกระบวนการจดั ทางบประมาณรายจ่ายของแผน่ ดนิ ซึง่ จะทาใหม้ รี ะบบการตรวจสอบการ ใชเ้ งินของภาครฐั ที่รัดกมุ มากยง่ิ ขน้ึ ท่จี ะสง่ ผลตอ่ การบรหิ ารจัดการจานวนหน้ีสาธารณะของรัฐให้อยูใ่ นระดับที่ เหมาะสมกับฐานะทางการเงินการคลงั ของประเทศ ๔. ความสมั พนั ธ์หรือความใกลเ้ คียงกบั กฎหมายอื่น รา่ งพระราชบัญญตั ฉิ บบั น้ี มีความใกลเ้ คยี งกับกฎหมายอืน่ ดงั น้ี ๑. พระราชบญั ญตั ิการบรหิ ารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. พระราชบญั ญตั ิ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๕. ผลกระทบโดยรวมที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย ๑ ผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ - เป็นการวางหลักเกณฑ์การก่อหน้ีและการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐที่ให้มีกฎเกณฑ์การ กระทาดว้ ยความรอบคอบและคานึงถึงความคุ้มคา่ และความสามารถในการชาระหนี้ ทีจ่ ะตอ้ งรักษาเสถียรภาพ และความยั่งยืนทางการเงินการคลังตลอดจนความน่าเชื่อถือของประเทศ ซ่ึงการมีกฎหมายฉบับน้ีเก่ียวข้อง กับการควบคุมการก่อหนี้สาธารณะของรัฐท่ีจะส่งผลต่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและ มนั่ คงอย่างย่งั ยืน ๒ ผลกระทบดา้ นสงั คม (ไมม่ )ี ๓ ผลกระทบอื่นท่ีสาคัญ อาจจะต้องปรับปรุงกฎหมายอ่ืนท่ีเก่ียวข้องและอาจส่งผลต่อ ภารกจิ เก่ยี วกับการจัดทากฎ ระเบียบ หรือประกาศของหน่วยงานท่ีออกตามกฎหมายฉบับนี้ ซ่ึงตอ้ งมีการออก กฎ ระเบยี บ ทไี่ ม่ซา้ ซอ้ นในทางปฏบิ ัติกบั กฎหมายอืน่

-๘- ๖. การกาหนดใหม้ รี ะบบอนุญาต อนมุ ตั ิหรอื การใชด้ ลุ พินจิ ของเจ้าหนา้ ที่  มี  ไมม่ ี ๗. การกาหนดใหม้ ีระบบคณะกรรมการ  ไมม่ ี  มี ๘. บทกาหนดโทษ  ไม่มี  โทษทางอาญา  โทษทางปกครอง  โทษปรบั เปน็ พินัย  โทษอุปกรณ์ สว่ นที่ ๔ การเปดิ เผยรายงานผลการรับฟังความคิดเหน็ และรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอนั เกดิ จาก ร่างพระราชบญั ญัติ คณะกรรมการรบั ฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกดิ ข้ึนจากร่างพระราชบัญญัตทิ ี่เสนอ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ได้เปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานผล การวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติ ทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แล้ว ตัง้ แตว่ นั ท่ี ๒๕๖๔ คณะกรรมการรับฟังความคดิ เหน็ และวเิ คราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น จากร่างพระราชบัญญัตทิ ี่เสนอโดยสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรหรือผู้มสี ิทธเิ ลือกต้ัง สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook