-1- รายงานผลการรบั ฟง ความคิดเห็น และรายงานผลการวเิ คราะหผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากรางพระราชบัญญตั ิ สวนท่ี ๑ ขอมูลพ้ืนฐานของรา งพระราชบญั ญัติ ๑. รา งพระราชบัญญตั ิสภาชนเผาพน้ื เมอื งแหง ประเทศไทย พ.ศ. .... กฎหมายใหม แกไขเพิ่มเติม ยกเลิก ๒. หลกั การและเหตุผล ๒.๑ หลกั การ ใหมีกฎหมายวาดวยสภาชนเผา พ้นื เมอื งแหงประเทศไทย ๒.๒ เหตุผล โดยที่รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พันธกรณีระหวางประเทศท่ีประเทศไทยเปนภาคี และ รวมรับรองปฏิญญาสหประชาชาติวาดวยสิทธิชนเผาพ้ืนเมือง ซ่ึงท่ีประชุมสมัชชาใหญแหงสหประชาชาติให การรับรองเมือ่ วันที่ ๑๓ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถือเปนพันธะของรฐั บาลท่ีจะตองใหก ารสงเสริม คมุ ครอง และ ปกปอ งสิทธขิ องชนเผา พน้ื เมอื งทม่ี ีอยใู นประเทศของตน กลุมประชากรชนเผาพ้ืนเมอื งในประเทศไทย เปนชุมชนชาติพนั ธุทองถ่ินด้ังเดมิ ทีต่ ั้งถิน่ ฐานอยใู น แถบอุษาคเนยมายาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย มีอัตลักษณเฉพาะแตกตา งกันไป กระจายตัว อยูตามภูมิภาคตาง ๆ กลุมประชากรเหลานี้มีองคความรูและภูมิปญญา รวมท้ังมีความมุงมั่นที่จะอนุรักษ พัฒนาและสืบทอดวิถีชีวิต อัตลักษณและระบบแบบแผนภูมิปญญาของตนเอง แตกลุมคนเหลานี้สวนใหญยังเปนผู ดอยหรือขาดโอกาสจากกระบวนการพัฒนาของรฐั ทําใหถูกจํากัดสิทธิในการพัฒนา ซ่ึงกอใหเกิดความเหล่ือม ลาํ้ และไมเปนธรรมในการดาํ รงวิถชี ีวติ ดวยสถานการณปจ จุบันทีม่ ีการเปล่ียนแปลงของโลก จึงเกิดการรวมตัว กันของชนเผาพ้ืนเมืองเพื่อแกไขปญหาและกําหนดวิถีชีวิตของตนเอง จึงเห็นพองกันวาจักตองมีกลไกในการ สงเสริม ประสานงาน และแกไขปญหาของตนเองไดอยางทั่วถึงทุกดานและสนองตอบตอวิถีวัฒนธรรมท่ี หลากหลาย ทั้งยังสอดคลองกับเจตนารมณของมาตรา ๔๓ และมาตรา ๗๐ ตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ จงึ มคี วามจาํ เปนท่ีตอ งตราพระราชบัญญตั ินี้ ๓. ผูเสนอรางพระราชบัญญัติ ประชาชนเขาชอื่ เสนอกฎหมาย สมาชกิ สภาผแู ทนราษฎร นายศักดด์ิ า แสนม่ี กบั ประชาชนผูมีสิทธิเลอื กตง้ั จาํ นวน ๑๒,๘๘๘ คน เปนผเู สนอ
-2- สวนท่ี ๒ การรบั ฟงความคิดเห็นและสรปุ ผลการรับฟงความคดิ เหน็ ๑. ขอมูลประกอบการรบั ฟงความคิดเหน็ โดยที่รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พันธกรณีระหวางประเทศที่ประเทศไทยเปนภาคี และรวม รับรองปฏิญญาสหประชาชาติวาดวยสิทธิชนเผาพื้นเมือง ซึ่งท่ีประชุมสมัชชาใหญแหงสหประชาชาติใหการ รับรอง เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถือเปนพันธะของรัฐบาลที่จะตองใหการสงเสริม คุมครอง และ ปกปองสิทธขิ องชนเผา พ้นื เมอื งที่มีอยูในประเทศของตน กลุมประชากรชนเผาพ้ืนเมืองในประเทศไทย เปนชุมชนชาติพันธุทองถิ่นดั้งเดิมที่ตั้งถิ่นฐานอยูในแถบ อุษาคเนยมายาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีอัตลักษณเฉพาะแตกตางกันไป กระจายตัวอยู ตามภูมิภาคตาง ๆ กลุมประชากรเหลานี้มีองคความรูและภูมิปญญา รวมทั้งมีความมุงมั่นท่ีจะอนุรักษ พัฒนา และสืบทอดวิถีชีวิต อัตลักษณและระบบแบบแผนภูมิปญญาของตนเอง แตกลุมคนเหลาน้ีสวนใหญยังเปน ผูด อยหรือขาดโอกาสจากกระบวนการพัฒนาของรัฐ ทําใหถ ูกจํากัดสทิ ธใิ นการพฒั นา ซึ่งกอ ใหเกิดความเหลื่อมล้ํา และไมเ ปนธรรมในการดาํ รงวิถชี ีวติ ดว ยสถานการณปจ จบุ ันท่ีมีการเปลย่ี นแปลงของโลก จึงเกดิ การรวมตวั กัน ของชนเผาพ้ืนเมืองเพื่อแกไขปญหาและกําหนดวิถีชีวิตตนเอง จึงเห็นพองกันวาจักตองมีกลไกในการสงเสริม ประสานงาน และแกไขปญหาของตนเองไดอยางท่ัวถึงทุกดานและสนองตอบตอวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งยังสอดคลองกับเจตนารมณของ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๗๐ ตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ๒. ผูเกีย่ วขอ งท่ไี ดร ับหรอื อาจไดร บั ผลกระทบจากรางพระราชบญั ญัติ ๑. กระทรวงมหาดไทย ๒. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมัน่ คงของมนุษย ๓. คณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหง ชาติ ๔. นกั วชิ าการดา นกฎหมาย ๕. ประชาชนทัว่ ไป ๓. ประเดน็ การรับฟง ความคิดเหน็ ๑. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหมีสภาชนเผาพ้ืนเมืองแหงประเทศไทย รวมท้ังการ กาํ หนดองคประกอบของสมาชิก ตามรางมาตรา ๖ ๒. ทานเหน็ ดว ยหรอื ไมกบั การกําหนดคุณสมบัตแิ ละลักษณะตอ งหา มของสมาชกิ สภาชนเผา พน้ื เมือง แหง ประเทศไทย ตามรา งมาตรา ๗ ๓. ทา นเหน็ ดว ยหรอื ไมกับการกําหนดใหส มาชกิ สภาชนเผา พ้ืนเมืองแหงประเทศไทยมวี าระการดาํ รง ตาํ แหนง ๔ ป นับแตว ันประกาศรายชอื่ สมาชิกในราชกิจจานเุ บกษา และอาจไดร บั การคดั เลือกใหมได ตามรางมาตรา ๘ ๔. ทา นเหน็ ดว ยหรอื ไมก ับการกําหนดใหส มาชิกสภาชนเผาพื้นเมอื งแหง ประเทศไทยพน ตาํ แหนง ตามรางมาตรา ๙ ๕. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดบทบาทหนาที่ของสมาชิกสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย ตามรา งมาตรา ๑๐ ๖. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดหนาท่ีและอํานาจของสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย ตามราง มาตรา ๑๑
-3- ๗. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดโครงสรางการบริหารสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย ตามราง มาตรา ๑๒ ๘. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหคณะกรรมการมีการประชุมตามภารกิจอยางนอยสามเดือน ตอครั้ง ประธานสภาเปนผูเรียกประชุมคณะกรรมการ ทั้งนี้องคประชุม และการลงมติของที่ประชุม คณะกรรมการใหใชหลักการฉันทามติหรือรูปแบบอ่ืน ๆ ตามท่ีประชุมคณะกรรมการบริหารสภาเห็นสมควร ตามรา งมาตรา ๑๕ ๙. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหประธานสภามีหนาท่ีและอํานาจ ตามรางมาตรา ๑๖ ดงั ตอ ไปนี้ ๙.๑ ดําเนินการประชุมและมีอํานาจออกคําสั่งใด ๆ ตามความจําเปนในการประชุมสภา และ คณะกรรมการ ใหเ ปนไปตามขอบังคบั ของสภา ๙.๒ เปนผแู ทนสภาในการตดิ ตอ ประสานงานในนามของสภากบั บคุ คลและหนวยงานภายนอก ๙.๓ ปฏบิ ัติงานอื่น ๆ ตามทไ่ี ดรับมอบหมายจากสภา ๑๐. ทา นเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดให รองประธานสภามหี นาท่แี ละอํานาจแทนประธานสภา ในกรณี ท่ีประธานสภาไมสามารถทําหนาที่ได ทั้งน้ีใหรองประธานสภาตามลําดับความอาวุโสเปนผูปฏิบัติหนาที่แทน ประธานสภา หรือปฏบิ ัติการตามทป่ี ระธานสภามอบหมาย ตามรา งมาตรา ๑๗ ๑๑. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดให เลขานุการสภามีหนาท่ีและอํานาจจัดเตรียมการประชุม จัดทํารายงานการประชมุ ตดิ ตอ ประสานงาน และรบั ผดิ ชอบงานธุรการของสภา ตามรา งมาตรา ๑๘ ๑๒. ทานเห็นดวยหรอื ไมก บั การกาํ หนดใหมีการประชมุ สภาสมัยสามญั ปล ะสองครงั้ ตามรา งมาตรา ๑๙ ๑๓. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดให การลงมติใหถือหลักฉันทามติ ยกเวนเปนเรื่องเกี่ยวกับ การเงิน แผนงาน โครงการ หรือเรื่องอ่ืนใดที่มีลักษณะเปนงานประจํา ใหถือเสียงขางมากเปนประมาณ โดย สมาชิกหนึ่งคนใหมีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน และในกรณีที่คะแนนเสียงเทากันใหประธานในท่ีประชุมเปนผู ตัดสินช้ีขาด ในการพิจารณาวาเร่ืองใดยกเวนไมตองใชหลักฉันทามติ ใหประธานนําเร่ืองดังกลาวมาหารือกับ คณะผอู าวโุ สเพอื่ หาขอ ยตุ ิ ความเห็นของคณะผอู าวโุ สถือเปนทีส่ ุด ตามรางมาตรา ๒๐ ๑๔. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหส ภาชนเผาพื้นเมอื ง คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และ คณะทํางานที่สภาแตงตั้งสามารถเชิญขาราชการ พนักงาน หรือลูกจางของหนวยราชการ หนวยงานของรัฐ รฐั วิสาหกิจ หรือราชการสวนทองถิ่น หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาใหขอเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นหรือให จัดสงเอกสาร หรือขอมูลเพื่อประกอบการพิจารณาไดตามที่เห็นสมควร ใหขาราชการ พนักงาน หรือลูกจาง ของหนวยราชการ หนวยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชการสวนทองถ่ิน ใหความรวมมือแกสภาชนเผา พน้ื เมอื ง คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทํางานทสี่ ภาชนเผาพ้นื เมอื งแตง ตงั้ ตามรางมาตรา ๒๑ ๑๕. ทา นเห็นดวยหรอื ไมกับการกาํ หนดใหสมาชิก คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะผูอาวุโส และ คณะทํางานที่สภาแตงตั้ง ไดรับเบี้ยประชุมและใหมีสิทธิ์เบิกคาใชจายในการดําเนินงานตามที่กําหนดใน พระราชกฤษฎกี าทีเ่ ก่ียวขอ ง ตามรา งมาตรา ๒๒ ๑๖. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหคณะกรรมการบริหารสภา หรือสํานักงานสภา อาจพิจารณา เชิญผูอาวุโสที่เปนผูทรงภูมิปญญาของชนเผาพ้ืนเมือง นักพัฒนา หรือนักวิชาการดานชาติพันธุและชนเผา พ้ืนเมือง นักพัฒนา หรือนักวิชาการดานชาติพันธุและชนเผาพ้ืนเมือง จํานวน ๑๕ คน เสนอใหท่ีประชุมสภา รับรองเปนคณะผูอ าวุโสของสภา ตามรางมาตรา ๒๔ ๑๗. ทานเหน็ ดว ยหรือไมก ับการกาํ หนดคุณสมบัตขิ องผูอาวุโสจะตอ งเปน ผูรู ผูมคี วามเชีย่ วชาญเก่ยี วกับ ชาตพิ ันธุและชนเผาพื้นเมือง หรือปราชญชาวบา น มีความประพฤตดิ ี เปนแบบอยางและไดรับการยอมรับจาก
-4- กลุมชาติพันธุหรือเครือขายชนเผาพ้ืนเมือง มีความเสียสละ และมีจิตอาสา เปนชนเผาพ้ืนเมือง หรือผูที่ทํา คุณประโยชนใหก บั กลุมชาตพิ ันธุและชนเผาพืน้ เมือง ตามรา งมาตรา ๒๕ ๑๘. ทานเห็นดว ยหรือไมก บั การกําหนดบทบาทหนาทขี่ องคณะผูอาวุโส ตามรางมาตรา ๒๖ ดังน้ี ๑) ใหคําปรึกษาหารือ ใหความคิดเห็นและขอเสนอแนะแกสมาชิกสภา คณะกรรมการ คณะอนกุ รรมการ คณะทํางาน และสาํ นักงานสภา ในเรื่องตา ง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ ง ๒) ใหความคดิ เหน็ และขอเสนอแนะตอแผนงานและแผนงบประมาณของสภา ๓) ไกลเกลี่ยกรณีท่ีเกิดขอพิพาทหรือมีความคิดเห็นที่แตกตางไมสามารถหาขอยุติตามท่ีสมาชิก คณะกรรมการ และเจาหนา ท่ีสาํ นักงานสภารองขอ ๔) เขา รว มประชุมสภา การประชมุ กรรมการบริหารสภา และการประชมุ สาํ นักงานสภาตามท่ีรองขอ ๕) กํากับ ติดตาม และประเมินผลการดําเนินงานตามท่ีไดรับมอบหมายจากสภาหรือ คณะกรรมการ และรายงานตอ คณะกรรมการหรอื ท่ีประชมุ สภา ๑๙. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหสํานักงานสภาชนเผาพ้ืนเมืองแหงประเทศไทยมีหนาที่ ตามราง มาตรา ๒๘ ดังนี้ ๑) จัดทําแผนงาน โครงการตามมติของสภา เพ่ือเสนอคณะกรรมการพิจารณาดําเนินการและ เสนอตอ สภา ตามมาตรา ๑๑ ๒) อํานวยความสะดวกแกส มาชิกสภา คณะกรรมการบริหารสภา คณะผอู าวุโส และรับผิดชอบใน งานธรุ การและการดาํ เนินจัดประชมุ ของสภาชนเผา พื้นเมืองแหงประเทศไทย ๓) จัดทํารายงานประจําปเก่ียวกับผลงานและอุปสรรคในการดําเนินงานของสภา เพื่อเสนอตอ สมาชิกสภา คณะรฐั มนตรีและรฐั สภา ๔) ประสานงาน ใหค วามรวมมอื และบรกิ ารทางวิชาการใหแ กสภาและภาคีทเ่ี กีย่ วขอ ง ๕) ประชาสัมพันธและเอื้ออํานวยกระบวนการขึ้นทะเบียนและจัดทําคูมือหลักเกณฑการสรรหา สมาชกิ ตามท่ีไดรับมอบหมายจากสภาชนเผาพื้นเมืองแหง ประเทศไทย ๖) จัดใหมีฐานขอมูลประชากรชนเผาพ้ืนเมืองในประเทศไทยในดานตาง ๆ ท้ังในระดับกลุมชาติ พันธุแ ละในภาพรวม ๗) ปฏิบตั ิการอ่ืนใดตามทสี่ ภาชนเผา พ้ืนเมืองแหงประเทศไทยมอบหมาย ๒๐. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหมีเลขาธิการสํานักงาน เปนผูควบคุมดูแลโดยท่ัวไปซึ่งกิจการ ของสํานักงาน และมีอํานาจกําหนดระเบียบท่ีเก่ียวของในการบริหารจัดการสํานักงาน โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการ ใหเลขาธิการสํานักงานเปนเลขานุการสภาโดยตําแหนง คุณสมบัติ การสรรหาและการแตงตั้ง เลขาธิการสาํ นกั งานสภา ใหเ ปน ไปตามหลกั เกณฑและวธิ ีการท่สี ภากําหนด ตามรา งมาตรา ๒๙ ๒๑. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหจัดตั้งกองทุนสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย มีฐานะ เปนนิติบุคคล เพ่ือสงเสริมสิทธิและคุมครองวิถีชีวิตของชนเผาพื้นเมืองในประเทศไทย ตามรางมาตรา ๓๐ โดยมีวตั ถปุ ระสงค ดังตอ ไปน้ี ๑) คุมครอง สงเสรมิ และสนบั สนุนการฟน ฟูอัตลักษณ ภาษา มรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม พื้นท่ี ทางจติ วิญญาณของชนเผา พ้นื เมือง ๒) สงเสริมและสนับสนุนการศึกษา วิจัย และจัดกระบวนการเรียนรูเพ่ือพัฒนาศักยภาพแกนนํา ชมุ ชน องคกร และเครอื ขา ยของชนเผาพ้นื เมืองในประเทศไทย ๓) คุมครอง สงเสริม และสนับสนุนเรื่องอาชีพ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม และกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของชนเผา พืน้ เมอื งทส่ี อดคลอ งกับวถิ ีวัฒนธรรมตนเอง
-5- ๔) สงเสริมและสนับสนุนการขจัดการเลือกปฏิบัติ การจัดการความขัดแยง การแลกเปล่ียนเรียนรู ระหวา งวัฒนธรรมและการอยูร ว มกันอยางสนั ตวิ ฒั นธรรม ๕) เพ่อื สนับสนุนการดาํ เนนิ งานของสภาชนเผา พนื้ เมืองแหงประเทศไทย ตามมาตรา ๑๑ กองทุน ประกอบดว ยเงนิ และทรพั ยสนิ ดงั ตอ ไปนี้ (๑) เงนิ หรือทรัพยสินท่มี ีผูบรจิ าคใหเพือ่ สมทบกองทุนโดยไมมีเงื่อนไข (๒) ดอกผลหรือรายไดอ ืน่ (๓) เงนิ และทรัพยส นิ อนื่ ทตี่ กเปนของกองทนุ ๒๒. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดองคประกอบของคณะกรรมการกองทุน ตามรางมาตรา ๓๑ โดยกาํ หนดใหคณะกรรมการกองทนุ ประกอบดว ย กรรมการสภาที่คดั เลือกกันเอง จํานวน ๗ คน ผูแทนสํานัก นายกรัฐมนตรี จํานวน ๑ คน ผูแทนสํานักงบประมาณ จํานวน ๑ คน และผูเช่ียวชาญดานบริหารจัดการกองทุน และดานชนเผาพนื้ เมอื ง ดา นละ ๑ คน การแตง ตงั้ วาระการดาํ รงตําแหนง และการพน จากตาํ แหนง ของคณะกรรมการกองทุน ตามวรรคหนง่ึ ให เปนไปตามระเบียบท่สี ภาชนเผาพ้นื เมอื งแหงประเทศไทยกาํ หนด ๒๓. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดการดําเนินดานการเงินของสภา ตามรางมาตรา ๓๒ ใหอยู ภายใตการตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ของสาํ นักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผนดิน เงินและทรัพยส ินตามมาตรา ๓๐ วรรคสองใหสง เขา กองทนุ ๒๔. ทา นเห็นดวยหรอื ไมกับการกําหนดใหบรรดาอสังหาริมทรัพยท่ีกองทุนไดมาตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง โดยมีผูบริจาคใหหรือไดมาโดยการซื้อดวยเงินรายไดของกองทุน หรือแลกเปล่ียนกับทรัพยสินของกองทุน ให เปน กรรมสิทธ์ิของกองทุน ตามรา งมาตรา ๓๓ ๒๕. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหจัดทํางบดุล รายงานการเงินของกองทุนที่ผูตรวจสอบบัญชี รบั รองแลวเสนอตอคณะกรรมการบรหิ ารสภาและทีป่ ระชมุ สภา ตามรางมาตรา ๓๔ ๒๖. ทา นเห็นดวยหรอื ไมกับการกําหนดบทเฉพาะกาลใหในวาระเริ่มแรกใหสํานักงานเลขาธิการสภาท่ีมีอยู ดําเนินการเลือกสมาชิกสภาภายใน ๙๐ วัน และใหดําเนินการจัดต้ังสํานักงานตามพระราชบัญญัตินี้ภายใน ๑ ป นับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ รวมถึงดําเนินการรวบรวมจัดทําทะเบียนประชากรชนเผาพื้นเมือง ตามรา งมาตรา ๓๕ ๒๗. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดบทเฉพาะกาลใหโครงสรางและการบริหารจัดการสภา อาจมี การแกไขและปรับปรุงใหเหมาะสมกับสถานการณและขอเท็จจริงของสมาชิกในภูมิภาค โดยใหเปนไปตามมติ ของทปี่ ระชุมสภา ตามรา งมาตรา ๓๖ ๒๘. ขอคดิ เหน็ และขอเสนอแนะอนื่ ๆ (ถา มี) ๔. ระยะเวลาและวิธกี ารการรับฟงความคิดเห็น ๔.๑ ระยะเวลาในการรับฟงความคิดเห็น วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา จาํ นวน ๕๓ วัน นบั จากวนั ขน้ึ เว็บไซต ถงึ วันปด การรับฟงความคดิ เหน็ ๔.๒ วธิ กี ารรับฟงความคิดเห็น (๑) ผา นระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th
-6- (๒) สงประเด็นไปรบั ฟง ผูทีเ่ ก่ยี วของโดยตรง ประกอบดวย ๑. รัฐมนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย ๒. รัฐมนตรวี า การกระทรวงการพฒั นาสังคมและความมัน่ คงของมนุษย ๓. ประธานกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง ชาติ ๔. คณบดคี ณะนิติศาสตร จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย ๕. คณบดคี ณะนติ ิศาสตร มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร ๕ สรุปผลการรบั ฟง ความคดิ เห็น ๕.๑ ขอมูลท่ัวไปผูรว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จาํ นวน ๒ ราย โดยเปน ประชาชนท่ัวไป จากการสง ประเด็นไปรบั ฟงผูท ีเ่ ก่ียวของโดยตรง สว นราชการ หนวยงานของรัฐ องคก รเอกชน ท่ีไดแ สดงความคดิ เห็น จาํ นวน ๒ หนว ยงาน ไดแ ก กระทรวงมหาดไทย สํานักงานคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง ชาติ
-7- ๕.๒ ผลการรบั ฟง ความคดิ เหน็ ๑. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหมีสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย รวมท้ัง การกําหนดองคประกอบของสมาชิก ตามรางมาตรา ๖ เห็นดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เหน็ ดว ย จํานวน ๒ คน ดงั นี้ - สภานจี้ ะชว ยเปด พืน้ ทสี่ าํ หรับชนเผา พนื้ เมอื งกลมุ ตา ง ๆ ไดมารวมคดิ รวมวางแผน และรวมกํากับ ตดิ ตามกจิ กรรมการพัฒนาและแกปญหาที่แตละกลุม หรอื หลายกลมุ ประสบรว มกนั ถอื เปน พ้นื ทีแ่ ลกเปล่ียน เรียนรรู ะหวางกัน สภาจึงมีลักษณะเปน กลไกจัดการ ตนเองดานการพฒั นาบนฐานวฒั นธรรมของชนเผา พ้นื เมืองกลุมตา ง ๆ - การเปดรับสมาชกิ สภาแตล ะครง้ั ไมจาํ เปน ตองมี การลงทนุ ดว ยการหาเสียงเพราะใชวิธปี รึกษาหารือกัน ภายในกลุม หรอื เครอื ขายของกลมุ แลวสรรหาผแู ทน ไมเกิน ๕ คนตอกลุมโดยตองมีสัดสว นหญิง ชาย และ เยาวชนเขาสสู ภา จงึ ไมใหค วามสาํ คญั วาประชากร กลุม ใดมากกวา จะตองไดจ าํ นวนตวั แทนมากกวา อนั เปน การใชพ วกมากเขา ขมกลุมท่มี ีประชากรนอ ยกวา (ผูรวมแสดงความคดิ เห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๒. ทานเหน็ ดวยหรือไมกับการกําหนดคุณสมบตั แิ ละลักษณะตอ งหา มของสมาชิกสภาชนเผา พื้นเมอื งแหงประเทศไทย ตามรางมาตรา ๗ เห็นดว ย ไมเหน็ ดว ย ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดังน้ี - จะเปน สภาของประชาชนโดยตรงทีส่ มาชกิ ตอง ปลอดจากนักการเมอื ง และผูบรหิ ารและนกั ปกครอง ของรัฐเปนการปอ งกันมิใหส ภานี้ถกู ดงึ ดูดเขา สูวงั วน ของการตอสูทางการเมืองและการเลือกขาง (ผูรว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี
-8- ไมเห็นดว ย เหน็ ดวย สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๓. ทา นเหน็ ดว ยหรือไมก บั การกําหนดใหส มาชกิ สภาชนเผา พน้ื เมอื งแหงประเทศไทยมีวาระ การดํารงตําแหนง ๔ ป นับแตวันประกาศรายชื่อสมาชิกในราชกิจจานุเบกษา และอาจไดรับการคัดเลือกใหมได ตามรางมาตรา ๘ เหน็ ดวย ไมเ ห็นดว ย ๑. เหน็ ดว ย จาํ นวน ๒ คน ดงั นี้ - ระยะเวลา ๔ ป เปน ชวงเวลาทเี่ หมาะสมที่ สมาชกิ สภาจะใชเวลาเรียนรแู ละผลักดันกิจกรรมดาน การพัฒนารว มกัน หากสมาชิกคนใดทําหนาท่ีไดด กี ลุม ยังสามารถสงกลบั เขา สสู ภาไดอ ีกหนง่ึ สมัย (ผรู ว มแสดงความคิดเห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๔. ทา นเหน็ ดว ยหรือไมกับการกาํ หนดใหส มาชิกสภาชนเผา พ้ืนเมอื งแหง ประเทศไทยพนตาํ แหนง ตามรางมาตรา ๙ เห็นดวย ไมเห็นดวย ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดังน้ี - เงอื่ นไขในการพนตําแหนงเปนมาตรฐานทใ่ี ชกัน โดยทว่ั ไป (ผูรว มแสดงความคิดเห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๕. ทานเหน็ ดวยหรือไมก ับการกําหนดบทบาทหนาท่ีของสมาชิกสภาชนเผาพน้ื เมืองแหงประเทศไทย ตามรางมาตรา ๑๐ เหน็ ดวย ไมเห็นดวย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดังน้ี - การเปนสมาชิกสภามิใชเปนเพียงการเขารวม
-9- ไมเหน็ ดวย เห็นดว ย ประชุมเทาน้ัน แตควรมีหนาที่อื่น ๆ ท่ีพึงกระทําดวย เชน ทําหนาท่ีเปนสะพานเช่ือมระหวางสภากับกลุม ของตนเอง หรือรวมในการรณรงคและเผยแพร กิจกรรมที่สภาสงเสริมและสนับสนุนนอกหองประชุม เปนตน (ผู ร ว ม แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เห็ น จ า ก ร ะ บ บ เ ท ค โ น โ ล ยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๖. ทานเหน็ ดวยหรอื ไมก บั การกาํ หนดหนาที่และอาํ นาจของสภาชนเผาพน้ื เมอื งแหง ประเทศไทย ตามรา งมาตรา ๑๑ เหน็ ดวย ไมเหน็ ดว ย ๑. เห็นดว ย จํานวน ๒ คน ดงั น้ี - อุดมการณข องสภาน้ีคือการรวมพลงั ความคดิ และแรงกายรวมผลกั ดนั กิจกรรมการพฒั นาและแกไข ปญหารวมกัน โดยมีหนว ยงานทีเ่ ก่ยี วของของรัฐคอย ชว ยใหค ําปรึกษาแนะนาํ กจิ กรรมตาง ๆ ท่สี ภา สนับสนนุ (ผูรว มแสดงความคิดเห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๗. ทานเหน็ ดว ยหรือไมก ับการกําหนดโครงสรางการบริหารสภาชนเผาพนื้ เมืองแหงประเทศไทย ตามรา งมาตรา ๑๒ เห็นดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดงั น้ี - สมาชิกสภาทเ่ี ปนตวั แทนมาจากทุกกลมุ ของชน เผาพ้นื เมืองท่ีไดขนึ้ ทะเบยี นไวแลวนบั เปนกลไก ตดั สินใจสูงสดุ ของสภา โดยมีคณะกรรมการบริหาร สภาเปน ผูกํากับดูแลอยางใกลชิดแทนสมาชกิ ท้งั หมด ของสภา ทง้ั นี้ สํานักงานเลขาฯ ของสภามหี นาทเี่ ปน
- 10 - ไมเ หน็ ดว ย เหน็ ดวย ผูรับสนองขอ คิดเหน็ (ผูรวมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๘. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหคณะกรรมการมีการประชุมตามภารกิจอยางนอย สามเดือนตอคร้ัง ประธานสภาเปนผูเรียกประชุมคณะกรรมการ ทั้งนี้องคประชุม และการลงมติของท่ี ประชุมคณะกรรมการใหใชหลักการฉันทามติหรือรูปแบบอ่ืน ๆ ตามท่ีประชุมคณะกรรมการบริหารสภา เหน็ สมควร ตามรางมาตรา ๑๕ เหน็ ดว ย ไมเ หน็ ดว ย ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดงั นี้ - เหน็ ดวยกบั การประชมุ ๓ เดือนตอ ครง้ั (ผูร ว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๙. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหประธานสภามีหนาที่และอํานาจ ตามรางมาตรา ๑๖ ดังตอ ไปน้ี ๙.๑ ดําเนินการประชุมและมีอํานาจออกคําส่ังใด ๆ ตามความจําเปนในการประชุมสภา และคณะกรรมการ ใหเ ปน ไปตามขอบงั คับของสภา ๙.๒ เปนผูแทนสภาในการติดตอประสานงานในนามของสภากับบุคคลและหนวยงาน ภายนอก ๙.๓ ปฏบิ ัติงานอื่น ๆ ตามท่ีไดร บั มอบหมายจากสภา เหน็ ดวย ไมเหน็ ดวย ๑. เห็นดว ย จํานวน ๒ คน ดังน้ี - บทบาทเหลานโี้ ดยทว่ั ไป เปน อาํ นาจหนาที่ที่ผู ปฏบิ ัตติ อ งทําอยูแ ลว อันเปน เสมอื นสญั ลกั ษณของ องคกรหรือภาวะผูนาํ ท่ีเปน ประชาธปิ ไตย (ผูรวมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th)
- 11 - ๑๐. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดให รองประธานสภามีหนาที่และอํานาจแทน ประธานสภา ในกรณีที่ประธานสภาไมสามารถทําหนาที่ได ทั้งนี้ใหรองประธานสภาตามลําดับความ อาวุโสเปน ผูป ฏบิ ตั ิหนาท่ีแทนประธานสภา หรอื ปฏบิ ัตกิ ารตามท่ปี ระธานสภามอบหมาย ตามรา งมาตรา ๑๗ เหน็ ดวย ไมเ หน็ ดวย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดงั นี้ - เมื่อประธานสภามอบหมายงานใหผ รู บั มอบจึง ควรมีการเตรียมการใหพรอมในการเขารว มกจิ กรรม น้นั ๆ เมือ่ รองประธานสภาไดรับมอบอํานาจหนาที่จึง สมควรทีจ่ ะดาํ เนินการใหเต็มศักยภาพ (ผรู ว มแสดงความคดิ เห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๑๑. ทา นเหน็ ดว ยหรอื ไมกับการกําหนดให เลขานุการสภามีหนาทแี่ ละอํานาจจดั เตรียมการ ประชุม จัดทาํ รายงานการประชุม ตดิ ตอประสานงาน และรบั ผดิ ชอบงานธรุ การของสภา ตามรางมาตรา ๑๘ เหน็ ดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เห็นดวย จํานวน ๒ คน ดังนี้ - เปน บทบาทหนา ท่ีของผทู ําหนาที่เลขานุการอยู แลว การจัดเตรียมสถานทีป่ ระชุม วสั ดอุ ปุ กรณ ความ รบั ผดิ ชอบดานงานธุรการ สารบัญ ตดิ ตอตา ง ๆ โดยทั่วไปควรเปนหนาท่ีของเลขานุการอยูแลว (ผูรว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๑๒. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหมีการประชุมสภาสมัยสามัญปละสองคร้ัง ตามราง มาตรา ๑๙ เห็นดวย ไมเ หน็ ดว ย ๑. เหน็ ดวย จํานวน ๒ คน ดังน้ี - การประชุมสภาเพยี งปละครง้ั อาจเน่ินนานไปบาง อาจทําใหต องมกี ารรองขอเพื่อเปดประชุมวิสามัญ
- 12 - ไมเหน็ ดวย เห็นดว ย (ผรู ว มแสดงความคิดเห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๑๓. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดให การลงมติใหถือหลักฉันทามติ ยกเวนเปนเรื่อง เกี่ยวกับการเงิน แผนงาน โครงการ หรือเรื่องอื่นใดท่ีมีลักษณะเปนงานประจํา ใหถือเสียงขางมากเปน ประมาณ โดยสมาชิกหนึ่งคนใหมีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน และในกรณีที่คะแนนเสียงเทากันใหประธาน ในท่ีประชุมเปน ผูตัดสินชี้ขาด ในการพิจารณาวาเรอ่ื งใดยกเวนไมตอ งใชห ลกั ฉันทามติ ใหประธานนําเรอื่ ง ดงั กลาวมาหารอื กบั คณะผอู าวโุ สเพ่อื หาขอยุติ ความเหน็ ของคณะผูอ าวุโสถอื เปน ท่สี ุด ตามรา งมาตรา ๒๐ เห็นดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดงั น้ี - หลกั การฉันทามตเิ ปน เครอื่ งมือใหม เพื่อ หลีกเล่ียงภาวะเสียงสว นใหญ เสียงสว นนอ ย ซึ่งมกี าร แพชนะกนั อยตู ลอด และเปน เหตใุ หส ะสมความไม พอใจมากข้ึน (ผูรว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๑๔. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหสภาชนเผาพ้ืนเมือง คณ ะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทํางานที่สภาแตงตั้งสามารถเชิญขาราชการ พนักงาน หรือลูกจางของหนวย ราชการ หนวยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรอื ราชการสวนทองถ่ิน หรือบุคคลหน่ึงบุคคลใดมาใหขอเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็นหรือใหจัดสงเอกสาร หรือขอมูลเพ่ือประกอบการพิจารณาไดตามท่ีเห็นสมควร ให ขาราชการ พนกั งาน หรอื ลูกจางของหนว ยราชการ หนวยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรอื ราชการสวนทอ งถิ่น ใหความรวมมือแกสภาชนเผาพ้ืนเมือง คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทํางานที่สภาชนเผา พ้นื เมืองแตงตง้ั ตามรางมาตรา ๒๑ เห็นดว ย ไมเห็นดว ย ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดังน้ี - สภาอาจมีความจําเปนตองไดขอ มลู ทเ่ี ปนจริงและ นาเชอื่ ถอื ได ซง่ึ จะมผี ลอยางยิ่งตอ การวางแผนและ การแกป ญหา โดยใชขอ มลู ทจ่ี ําเปนจากฝายท่ี เก่ียวของ
- 13 - ไมเ หน็ ดวย เห็นดวย (ผูร ว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๑๕. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหสมาชิก คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะผูอาวุโส และคณะทํางานที่สภาแตงตั้ง ไดรับเบี้ยประชุมและใหมีสิทธิ์เบิกคาใชจายในการดําเนินงานตามท่ี กําหนดในพระราชกฤษฎีกาที่เกย่ี วขอ ง ตามรางมาตรา ๒๒ เหน็ ดว ย ไมเ หน็ ดวย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดังน้ี - สมาชิกสภาชนเผา พ้นื เมืองสวนใหญเ ปนชาวบา น ท่ีอาจมิไดมีฐานะรํ่ารวย หากตองแบกรับคาใชจา ยเปน สวนตัว อาจสรา งความเดอื ดรอนใหแ กค รอบครวั ได (ผรู วมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๑๖. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหคณะกรรมการบริหารสภา หรือสํานักงานสภา อาจพิจารณาเชิญผูอาวุโสที่เปนผูทรงภูมิปญญาของชนเผาพ้ืนเมือง นักพัฒนา หรือนักวิชาการดานชาติ พันธุและชนเผาพ้ืนเมือง นักพัฒนา หรือนักวิชาการดานชาติพันธุและชนเผาพื้นเมือง จํานวน ๑๕ คน เสนอใหท ปี่ ระชมุ สภารับรองเปน คณะผูอาวุโสของสภา ตามรา งมาตรา ๒๔ เห็นดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เห็นดวย จํานวน ๒ คน ดังน้ี - ผูอาวุโสทงั้ ทเ่ี ปนนักวิชาการและผรู ูชนเผา พื้นเมืองยอมสัง่ สมทงั้ ความรแู ละประสบการณม าก พอที่จะชว ยใหคาํ ปรึกษาแนะนําที่เปนประโยชนจริง (ผูรวมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th)
- 14 - ๑๗. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดคุณสมบัติของผูอาวุโสจะตองเปนผูรู ผูมีความ เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชาติพันธุและชนเผาพื้นเมือง หรือปราชญชาวบาน มีความประพฤติดี เปนแบบอยาง และไดรับการยอมรับจากกลุมชาติพันธุหรือเครือขายชนเผาพื้นเมือง มีความเสียสละ และมีจิตอาสา เปน ชนเผาพื้นเมอื ง หรอื ผูทีท่ ําคุณประโยชนใ หก ับกลมุ ชาติพันธแุ ละชนเผาพนื้ เมือง ตามรา งมาตรา ๒๕ เห็นดว ย ไมเห็นดวย ๑. เห็นดวย จํานวน ๒ คน ดงั นี้ - บทบาทของคณะผูอาวุโสมคี วามสําคญั ทส่ี มาชิก จะตองพึง่ พาท้ังความรแู ละประสบการณ (ผรู ว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๑๘. ทานเห็นดวยหรือไมก ับการกําหนดบทบาทหนาท่ีของคณะผูอาวโุ ส ตามรา งมาตรา ๒๖ ดังน้ี ๑) ใหค าํ ปรึกษาหารือ ใหความคิดเหน็ และขอเสนอแนะแกสมาชกิ สภา คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทํางาน และสาํ นักงานสภา ในเร่ืองตา ง ๆ ทเี่ กีย่ วขอ ง ๒) ใหค วามคิดเหน็ และขอเสนอแนะตอ แผนงานและแผนงบประมาณของสภา ๓) ไกลเกล่ียกรณีท่ีเกิดขอพิพาทหรือมีความคิดเห็นท่ีแตกตางไมสามารถหาขอยุติ ตามทส่ี มาชกิ คณะกรรมการ และเจา หนา ทสี่ าํ นกั งานสภารอ งขอ ๔) เขารวมประชุมสภา การประชุมกรรมการบริหารสภา และการประชุมสํานักงานสภา ตามท่ีรองขอ ๕) กํากับ ติดตาม และประเมินผลการดําเนินงานตามท่ีไดรับมอบหมายจากสภาหรือ คณะกรรมการ และรายงานตอ คณะกรรมการหรอื ทีป่ ระชมุ สภา เหน็ ดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เหน็ ดว ย จํานวน ๒ คน ดงั น้ี - ผอู าวโุ สนาจะใหค าํ ปรึกษาไดด ีจากประสบการณ ของแตล ะคน รวมท้ังมักจะไดรบั ความเชอ่ื ใจจาก สมาชกิ สภาทีอ่ อนวัยกวา (ผรู ว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th)
- 15 - ๑๙. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหสํานักงานสภาชนเผาพ้ืนเมืองแหงประเทศไทยมี หนา ท่ี ตามรา งมาตรา ๒๘ ดงั น้ี ๑) จัดทําแผนงาน โครงการตามมติของสภา เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณา ดาํ เนนิ การและเสนอตอสภา ตามมาตรา ๑๑ ๒) อํานวยความสะดวกแกสมาชิกสภา คณะกรรมการบริหารสภา คณะผูอาวุโส และ รบั ผดิ ชอบในงานธรุ การและการดาํ เนนิ จัดประชมุ ของสภาชนเผาพืน้ เมืองแหงประเทศไทย ๓) จัดทํารายงานประจําปเก่ยี วกับผลงานและอุปสรรคในการดําเนินงานของสภา เพ่ือ เสนอตอ สมาชิกสภา คณะรัฐมนตรแี ละรฐั สภา ๔) ประสานงาน ใหความรวมมือ และบริการทางวิชาการใหแกสภาและภาคีที่ เก่ียวขอ ง ๕) ประชาสัมพันธและเอ้ืออํานวยกระบวนการข้ึนทะเบียนและจัดทําคูมือหลักเกณฑ การสรรหาสมาชิกตามทีไ่ ดรับมอบหมายจากสภาชนเผา พื้นเมอื งแหงประเทศไทย ๖) จัดใหมีฐานขอ มูลประชากรชนเผาพ้ืนเมืองในประเทศไทยในดานตา ง ๆ ท้ังในระดับ กลมุ ชาติพนั ธแุ ละในภาพรวม ๗) ปฏิบตั กิ ารอื่นใดตามที่สภาชนเผาพื้นเมืองแหง ประเทศไทยมอบหมาย เห็นดว ย ไมเ หน็ ดว ย ๑. เหน็ ดว ย จาํ นวน ๒ คน ดงั น้ี - สํานักงานเลขาฯ นอกจากบทบาทหนา ที่งาน บริการใหแ กสภาและคณะกรรมการแลว ยงั ตอง ประสานงานกบั ฝา ยตา ง ๆ เพื่อการรวมงานในลักษณะ พหภุ าคอี ีกดว ย (ผรู วมแสดงความคดิ เห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๒๐. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหมีเลขาธิการสํานักงาน เปนผูควบคุมดูแล โดยทั่วไปซ่ึงกิจการของสํานักงาน และมีอํานาจกําหนดระเบียบที่เกี่ยวของในการบริหารจัดการสํานักงาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ใหเลขาธิการสํานักงานเปนเลขานุการสภาโดยตําแหนง คุณสมบัติ การสรรหาและการแตงต้ังเลขาธิการสาํ นักงานสภา ใหเ ปนไปตามหลักเกณฑแ ละวิธีการท่สี ภากําหนด ตาม รางมาตรา ๒๙ เห็นดวย ไมเห็นดวย ๑. เหน็ ดว ย จํานวน ๒ คน ดงั น้ี - โดยทัว่ ไปเลขาธกิ ารยอ มเปนหัวหนา สํานกั งานอยู
- 16 - ไมเหน็ ดว ย เหน็ ดวย แลว จึงควรควบคุมการดาํ เนินงานของทีมเลขาฯ ให ผลิตงานมีคณุ ภาพและตรงเวลา รวมทั้งการดแู ลความ เรยี บรอยของสาํ นักงาน (ผรู วมแสดงความคดิ เห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๒๑. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหจัดตั้งกองทุนสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย มีฐานะเปนนิติบุคคล เพื่อสงเสริมสิทธิและคุมครองวิถีชีวิตของชนเผาพื้นเมืองในประเทศไทย ตามราง มาตรา ๓๐ โดยมีวตั ถปุ ระสงค ดงั ตอไปนี้ ๑) คุมครอง สงเสริมและสนับสนุนการฟนฟูอัตลักษณ ภาษา มรดกภูมิปญญาทาง วฒั นธรรม พ้ืนที่ทางจติ วญิ ญาณของชนเผาพ้ืนเมือง ๒) สงเสริมและสนับสนุนการศึกษา วิจัย และจัดกระบวนการเรียนรูเพ่ือพัฒนา ศักยภาพแกนนํา ชุมชน องคกร และเครือขา ยของชนเผา พนื้ เมืองในประเทศไทย ๓) คุมครอง สงเสริม และสนับสนุนเรื่องอาชีพ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอม และกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิตของชนเผาพื้นเมืองทส่ี อดคลอ งกบั วิถีวัฒนธรรมตนเอง ๔) สงเสริมและสนับสนุนการขจัดการเลือกปฏิบัติ การจัดการความขัดแยง การ แลกเปล่ียนเรยี นรูระหวางวัฒนธรรมและการอยรู วมกนั อยางสันติวัฒนธรรม ๕) เพอ่ื สนบั สนนุ การดําเนนิ งานของสภาชนเผาพืน้ เมืองแหง ประเทศไทย ตามมาตรา ๑๑ กองทนุ ประกอบดวยเงนิ และทรัพยส นิ ดงั ตอไปน้ี (๑) เงนิ หรอื ทรัพยส ินท่มี ีผบู ริจาคใหเ พอ่ื สมทบกองทุนโดยไมมเี งือ่ นไข (๒) ดอกผลหรอื รายไดอืน่ (๓) เงนิ และทรพั ยส นิ อ่ืนทตี่ กเปนของกองทนุ เหน็ ดวย ไมเหน็ ดวย ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดงั น้ี - สภาจําเปน ตอ งมีงบประมาณเพอื่ ใชขับเคลือ่ น งานดา นตา ง ๆ ของสภา (ผูร ว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th)
- 17 - ๒๒. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดองคประกอบของคณะกรรมการกองทุน ตามราง มาตรา ๓๑ โดยกําหนดใหคณะกรรมการกองทุน ประกอบดวย กรรมการสภาท่ีคัดเลือกกันเอง จํานวน ๗ คน ผูแทนสํานักนายกรัฐมนตรี จํานวน ๑ คน ผูแทนสํานักงบประมาณ จํานวน ๑ คน และผูเช่ียวชาญดาน บรหิ ารจัดการกองทุนและดานชนเผาพน้ื เมือง ดา นละ ๑ คน การแตงตั้ง วาระการดํารงตําแหนง และการพนจากตําแหนงของคณะกรรมการกองทุน ตามวรรคหนึง่ ใหเปน ไปตามระเบียบท่สี ภาชนเผา พ้นื เมอื งแหงประเทศไทยกาํ หนด เหน็ ดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เหน็ ดวย จํานวน ๒ คน ดังนี้ - กองทุนตองยึดหลกั ของความโปรง ใส คณะกรรมการกองทุนจึงควรสรรหาจากผูมีความ ซือ่ สัตยและผูมีความรแู ละประสบการณดานการเงิน (ผูร ว มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๒๓. ทา นเห็นดวยหรือไมกับการกาํ หนดการดําเนนิ ดานการเงินของสภา ตามรา งมาตรา ๓๒ ใหอ ยภู ายใตการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินของสํานักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผน ดนิ เงนิ และทรพั ยส ินตามมาตรา ๓๐ วรรคสองใหส งเขากองทุน เห็นดวย ไมเหน็ ดวย ๑. เห็นดว ย จํานวน ๒ คน ดังน้ี - เปนการแสดงความจริงใจท่ีไมมีเจตนาฉอฉลแอบ แฝงอยูในการดูแลและบริหารการเงิน (ผูร ว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th)
- 18 - ๒๔. ทานเหน็ ดวยหรือไมกับการกาํ หนดใหบรรดาอสังหาริมทรพั ยที่กองทุนไดมาตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง โดยมีผูบริจาคใหหรือไดมาโดยการซ้ือดวยเงินรายไดของกองทุน หรือแลกเปล่ียนกับทรัพยสิน ของกองทุน ใหเปน กรรมสิทธิ์ของกองทุน ตามรา งมาตรา ๓๓ เหน็ ดว ย ไมเ ห็นดว ย ๑. เหน็ ดวย จาํ นวน ๒ คน ดงั นี้ - จะชว ยใหก องทุนสามารถเตบิ โตได (ผูร วมแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๒๕. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดใหจัดทํางบดุล รายงานการเงินของกองทุนที่ ผูต รวจสอบบัญชีรับรองแลว เสนอตอคณะกรรมการบริหารสภาและที่ประชุมสภา ตามรา งมาตรา ๓๔ เห็นดว ย ไมเ ห็นดวย ๑. เหน็ ดว ย จํานวน ๒ คน ดงั น้ี - เพื่อใหคณะกรรมการบริหารกองทุนไดทราบ สถานะทางการเงินอยูต ลอด (ผรู วมแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๒๖. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดบทเฉพาะกาลใหในวาระเร่ิมแรกใหสํานักงาน เลขาธิการสภาท่ีมีอยู ดําเนินการเลือกสมาชิกสภาภายใน ๙๐ วัน และใหดําเนินการจัดต้ังสํานักงานตาม พระราชบัญญัตินี้ภายใน ๑ ป นับแตวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ รวมถึงดําเนินการรวบรวมจัดทํา ทะเบียนประชากรชนเผาพ้ืนเมือง ตามรางมาตรา ๓๕ เหน็ ดวย ไมเ หน็ ดวย ๑. เห็นดว ย จาํ นวน ๒ คน ดังนี้ - เปน เวลาทเี่ หมาะสมสําหรับกิจกรรมนนั้ ๆ (ผรู วมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th)
- 19 - ๒๗. ทานเห็นดวยหรือไมกับการกําหนดบทเฉพาะกาลใหโครงสรางและการบริหารจัดการ สภา อาจมกี ารแกไขและปรับปรุงใหเหมาะสมกับสถานการณและขอเท็จจรงิ ของสมาชิกในภูมิภาค โดยให เปน ไปตามมติของท่ีประชุมสภา ตามรางมาตรา ๓๖ เหน็ ดว ย ไมเ หน็ ดวย ๑. เหน็ ดว ย จาํ นวน ๒ คน ดังนี้ - เน่อื งจากเปนความคิดริเร่มิ ซ่งึ อาจตองมีการ ปรับเปลีย่ นบางเรอ่ื งใหส ามารถรักษาประสิทธิภาพ ของการทํางานไวได (ผรู ว มแสดงความคดิ เห็นจากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) ๒๘. ขอ คดิ เหน็ และขอ เสนอแนะอนื่ ๆ ๑. เห็นดวย จาํ นวน ๒ คน ดงั น้ี - การจดั ตง้ั สภาชนเผา พนื้ เมืองจะชวยผอ นปรนภาระของหนว ยงานของรฐั บาลลง ไดม ากในงานดา นการพัฒนา - เหน็ ดวยกบั รา ง พ.ร.บ.ชุดนเี้ ปนอยางยิ่ง (ผูรว มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th) ๒. เห็นดวยในหลักการของรางพระราชบัญญตั ิสภาชนเผาพ้ืนเมืองแหงประเทศไทย พ.ศ. .... เน่ืองจากเปนรางกฎหมายท่ีจะทําใหมีกลไกในการสงเสริม ประสานงานและแกไขปญหาของชนเผาพื้นเมืองไดอยาง ท่ัวถึงทุกดานและสนองตอบตอวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลาย อันสอดคลองกับหลักการตามมาตรา ๔๓ และมาตรา ๗๐ ของรัฐธรรมนญู แหง ราชอาณาจักรไทย (กระทรวงมหาดไทย) ๓. ประเด็นภาพรวม โดยทีป่ จ จบุ ันมีรางกฎหมายวาดวยการสงเสริมและคมุ ครองวิถีชีวิตกลมุ ชาติพนั ธุใน ลักษณะคูขนานกนั ทง้ั ฝายบรหิ าร ฝายนิติบัญญัติ และภาคประชาชนจาํ นวนหลายฉบบั ซึ่งแตละฉบับมีรปู แบบ รายละเอียดที่ทั้งเหมือนและแตกตางกัน ดังน้ัน จึงเห็นวาหากมีการพิจารณารางกฎหมายดังกลาวท้ังหมด รวมกัน เพื่อบัญญัติเปนกฎหมายในการสงเสริมและคุมครองวิถีชีวิตกลุมชาติพันธุในระดับพระราชบัญญัติท่ีมี ลักษณะเปนกฎหมายกลาง นาจะเกิดผลดีที่เปนรูปธรรมและมีความเปนเอกภาพในการบังคับใชกฎหมายท้ัง ดานการสงเสรมิ และคุมครองควบคูกนั อยางบรู ณาการและเปนไปในทิศทางเดยี วกัน หมายเหตุ : รางกฎหมายที่เกี่ยวของกับการสงเสริมและคุมครองวิถีชีวิตกลุมชาติพันธุท่ีสืบคนไดในปจจุบัน ไดแ ก ๑) รางพระราชบัญญัติสงเสริมและคุมครองวิถีชีวิตกลุมชาติพันธุ พ.ศ. .... ฉบับศูนย มานุษยวทิ ยาสิรนิ ธร ๒) รา งกฎหมายฉบับคณะอนุกรรมาธกิ ารดานผูสูงอายุ ผพู ิการ กลุม ชาตพิ นั ธใุ น คณะกรรมาธกิ ารเด็ก เยาวชน สตรี ผสู งู อายุ ผูพ กิ าร กลุมชาตพิ นั ธุฯ สภาผูแทนราษฎร ๓) รา งกฎหมายฉบบั กลมุ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เปนธรรม (P-Move)
- 20 - ๔) รางกฎหมายฉบบั ของพรรคกาวไกล (นายณฐั พล สืบศกั ด์วิ งศ กบั คณะ) และ ๕) รา งกฎหมายของกลมุ สภาชนเผา พน้ื เมืองแหงประเทศไทย ซงึ่ เปนฉบับท่สี าํ นักงาน เลขาธกิ ารสภาผูแ ทนราษฎรไดข อความเหน็ มายงั คณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหงชาติ (สํานักงานคณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแหงชาติ) ๔. ประเด็นความเห็นตอหลักการและเหตุผลของรางพระราชบัญญัติสภาชนเผาพื้นเมือง แหงประเทศไทย พ.ศ. .... - รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๐ ไดบัญญัติ รับรองใหรัฐพึงสงเสริมและใหความคุมครองชาวไทยกลุมชาติพันธุตาง ๆ ใหมีสิทธิดํารงชีวิตในสังคมตาม วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตด้ังเดิมตามความสมัครใจไดอยางสงบสุขไมถูกรบกวน เทาที่ไมเปนการขัดตอ ความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเปนอันตรายตอความมั่นคงของรัฐ หรือสุขภาพอนามัย รวมถึง มาตรา ๔๓ บุคคลและชุมชนยอมมีสิทธิอนุรักษ ฟนฟู หรือสงเสริมภูมิปญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม และจารีตประเพณอี ันดีงามท้งั ของทอ งถนิ่ และของชาติ ซ่ึงเจตนารมณของรฐั ธรรมนูญดังกลา ว สอดคลองกับหลักการของรางพระราชบัญญัติสภาชนเผาพื้นเมืองแหงประเทศไทย พ.ศ. .... โดยการจัดทําราง กฎหมายเพ่ือใหเปนไปตามเจตนารมณของรัฐธรรมนูญดังกลาวน้ัน มีวัตถุประสงคเพ่ือคุมครองสิทธิของชาว ไทยใหเสมอภาคกันโดยไมถูกเลือกปฏิบัติทางดานนโยบายและกฎหมายและมาตรการตาง ๆ ท่ีอาจไม สอดคลองกับวิถีวัฒนธรรมและสงเสริมใหกลุมชาติพันธุไดมีสวนรวมในกลไกกระบวนการตาง ๆ ของรัฐอยาง เปนรูปธรรม นอกจากน้ีรางกฎหมายยังเปนไปตามขอ ๒๗ ของกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและ สิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights; ICCPR) ที่รัฐตองประกันสิทธิ ที่จะมีวัฒนธรรม ความเช่ือ และภาษาของตนเองตลอดจนกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on Economic Social and Cultural Rights; ICESCR) ที่รัฐตองประกันสิทธิของบุคคลภายในเขตอํานาจรัฐในการมีมาตรฐานชีวิตท่ีดีพอเพียงมีสุขภาวะดานกายและจิตใจ สิทธิในการศึกษาและสิทธิในวัฒนธรรมเทาท่ีดีที่สุดเทาที่จะเปนไปได โดยไมถูกเลือกปฏิบัติ ตามพันธกรณีที่ ประเทศไทยตองปฏบิ ตั ติ าม หมายเหตุ : กติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ค.ศ. ๑๙๖๖ (International Covenant on Civil and Political Rights ๑๙๖๖ : ICCPR) ขอ ๒๗ ในรัฐทั้งหลายซึ่งมีชนกลุมนอยทาง เผาพันธุ ศาสนา หรือภาษาอยูบุคคลผูเปนชนกลุมนอยดังกลาวจะไมถูกปฏิเสธสิทธิในอันท่ีจะมีวัฒนธรรมของ ตนเอง หรือนับถือและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของตนเอง หรือใชภาษาของตนเอง ภายในชุมชนรวมกับ สมาชกิ อนื่ ๆ ของชนกลุม นอยดว ยกัน - กติการะหวา งประเทศวาดว ยสิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on Economic Social and Cultural Rights; ICESCR) ขอบทที่ ๒ (๒) ขอ ๑๑ ขอ ๑๒ ขอ ๑๓ และขอ ๑๕ (สาํ นกั งานคณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหงชาติ) ๕. ประเด็นการเชอื่ มโยงกลไกภาครฐั ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีของกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิ ทางการเมือง ค.ศ. ๑๙๖๖ (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) และกติกา ระหวางประเทศวาดวยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on Econocmic, Social and Cultural Rights: ICESCR) มีพันธกรณีตองปฏิบัติตามมาตรฐานซึ่งกําหนดไวในกติกาดังกลาว (รายละเอียดตามขอ ๒) ซึ่งเปนมาตรฐานข้ันต่ําและตองดําเนินการอยางคอยเปนคอยไปใหมีความกาวหนา
- 21 - อาทิ การใหสิทธิพิเศษบางประการ (special rights) เพื่อใหชนกลุมนอยสามารถรักษาอัตลักษณ ภาษา ลักษณะและขนบธรรมเนียมของตนเองได เพื่อชวยใหไดมาซ่ึงความเทาเทียมโดยไมมีการเลือกปฏิบัติ แตมิใช เปนการมอบอภสิ ทิ ธ์ิ (privileges) เหนือกลมุ บคุ คลอน่ื ในสังคม รวมถึงการไดรบั ประโยชนจากบริการตา ง ๆ ได รวมท้งั การมสี วนรวมในชีวิตการเมอื งและเศรษฐกจิ ตามที่พึงไดรบั (Entitlement) โดยนโยบายและมาตรการที่ รัฐกําหนดขนึ้ ควรขจัดอุปสรรคและสงเสรมิ ใหชนกลุมนอยสามารถใชส ิทธิหรือเสรภี าพไดเชนเดียวกับบุคคลอ่ืน และรัฐพึงเคารพในการแสดงออกถึงอัตลักษณทางวัฒนธรรมและภาษา ตลอดจนสามารถรักษาและพัฒนา (preserve and develop) อัตลักษณของกลุมชาติพันธุ เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๗ วรรคสี่ บัญญัติใหมาตรการท่ีรัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือสงเสริมให บุคคลสามารถใชสทิ ธหิ รือเสรีภาพไดเชนเดียวกับบคุ คลอื่น หรือเพอ่ื คุมครองหรอื อาํ นวยความสะดวกใหแกเด็ก สตรี ผูสูงอายุ คนพิการ หรือผูดอยโอกาส ยอมไมถือวาเปนการเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรม ประกอบกับ มาตรา ๗๐ ซ่ึงบัญญัติใหรัฐพึงสงเสริมและใหความคุมครองชาวไทยกลุมชาติพันธุตาง ๆ นั้น เห็นวาเปนการ กําหนดหลักการหรือมาตรฐานท่ีสอดคลองกันสํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติพิจารณาใน หลักการแลวเห็นวา การท่ีกลุมชาติพันธุจะสามารถใชสิทธิตาง ๆ ตามท่ีพันธกรณีระหวางประเทศและ รัฐธรรมนูญกําหนดไวได นอกจากการรวมกลุมท่ีเขมแข็งแลว จําเปนจะตองมีกลไกการดําเนินการท่ีเช่ือมโยง และสามารถเขาไปมีสวนรวมในการขับเคล่ือนนโยบายตาง ๆ จากภาครัฐดวย เพื่อใชเปนชองทางในการ แสดงอัตลักษณและสะทอนปญหาท่ีอาจเกิดจากการเขาไมถ ึงสิทธิตา ง ๆ ดังน้ัน รางพระราชบัญญัติสภาชนเผา พื้นเมืองแหงประเทศไทย พ.ศ. .... ควรมีบทบัญญัติที่เช่ือมโยงกับกลไกของรัฐในระดับตาง ๆ อยางนอยใน ระดับทอ งถน่ิ (สาํ นกั งานคณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแหงชาติ) ๖. ประเด็นพนื้ ท่คี ุมครองวถิ ีชีวติ กลุมชาตพิ ันธุ สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติพิจารณาแลว เห็นวา เพื่อการสงเสริม และคุมครองวิถีชวี ิตกลุมชาติพันธุใหเกิดผลอยา งเปนรูปธรรม ควรบัญญัติใหมีการจัดสรรพ้ืนท่ีคุมครองวิถีชีวิต กลุมชาติพันธุเพื่อประโยชนในการคุมครองวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ในการสงเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีบน ฐานเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรม โดยสมาชิกของชุมชนกลุมชาติพันธุท่ีอยูอาศัยในพื้นที่มีสิทธิในการใชประโยชน จากที่ดนิ และทรพั ยากรธรรมชาติเพอ่ื การทํากินตามวิถีชีวิตวฒั นธรรม อยูบ นพ้ืนฐานของความสมดุลและยง่ั ยืน โดยใหชุมชนเปนแกนหลักในการจัดการรวม (Co – management) เพ่ือสงเสริมความรวมมือและการ เคารพอตั ลกั ษณข องกลมุ ชาตพิ นั ธุที่มวี ถิ ีชีวิตผูกพันธุก บั พน้ื ท่ี (สํานกั งานคณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแหงชาติ) ๗. ประเดน็ การสง เสริมสนบั สนนุ การตั้งสถานศึกษา รางมาตรา ๑๑ (๑๑) เกี่ยวกบั การสง เสริมสนับสนนุ การตัง้ สถานศกึ ษา รวมทั้ง พฒั นา หลกั สูตรวิถวี ัฒนธรรมน้ัน ถือเปน วธิ ีการสง เสริมการพฒั นาทางวฒั นธรรมและภาษาซง่ึ เปน สว นสาํ คัญท่สี ง เสริม ใหช าวไทยกลมุ ชาติพนั ธุสามารถดาํ รงชีวติ ตามวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวติ ดั้งเดิมไดอยา งสงบสุข สอดคลอง ตามมาตรา ๗๐ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงเห็นวาเปนหนาที่ที่รัฐควร สนับสนุนใหม ีการดาํ เนนิ การไดจรงิ (สํานักงานคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหงชาต)ิ
- 22 - สวนท่ี ๓ รายงานผลการวิเคราะหผ ลกระทบอันเกิดจากรางพระราชบญั ญตั ิ ๑. ความเปนมา สภาพปญหา ความจาํ เปนที่จะตองตราพระราชบัญญัติ โดยท่ีรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พันธกรณีระหวางประเทศที่ประเทศไทยเปนภาคี และรวม รับรองปฏิญญาสหประชาชาติวาดวยสิทธิชนเผาพ้ืนเมือง ซ่ึงที่ประชุมสมัชชาใหญแหงสหประชาชาติใหการ รับรอง เมื่อวันท่ี ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ถือเปนพันธะของรัฐบาลท่ีจะตองใหการสงเสริม คุมครอง และ ปกปองสทิ ธิของชนเผา พ้นื เมืองทมี่ อี ยใู นประเทศของตน กลุมประชากรชนเผาพื้นเมืองในประเทศไทย เปนชุมชนชาติพันธุทองถิ่นดั้งเดิมที่ต้ังถิ่นฐานอยูในแถบ อุษาคเนยมายาวนาน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย มีอัตลักษณเฉพาะแตกตางกันไป กระจายตัวอยู ตามภูมิภาคตาง ๆ กลุมประชากรเหลาน้ีมีองคความรูและภูมิปญญา รวมทั้งมีความมุงม่ันที่จะอนุรักษ พัฒนา และสืบทอดวิถีชีวิต อัตลักษณและระบบแบบแผนภูมิปญญาของตนเอง แตกลุมคนเหลาน้ีสวนใหญยังเปน ผดู อยหรือขาดโอกาสจากกระบวนการพัฒนาของรัฐ ทําใหถ ูกจํากัดสทิ ธิในการพัฒนา ซ่งึ กอ ใหเกิดความเหลื่อมล้ํา และไมเ ปนธรรมในการดาํ รงวิถีชีวิต ดวยสถานการณป จ จบุ ันที่มีการเปล่ยี นแปลงของโลก จึงเกิดการรวมตัวกัน ของชนเผาพ้ืนเมืองเพื่อแกไขปญหาและกําหนดวิถีชีวิตตนเอง จึงเห็นพองกันวาจักตองมีกลไกในการสงเสริม ประสานงาน และแกไขปญหาของตนเองไดอยางทั่วถึงทุกดานและสนองตอบตอวิถีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ท้ังยังสอดคลองกับเจตนารมณของ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๗๐ ตามรัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ จงึ มีความจําเปนตอ งตราพระราชบัญญตั นิ ี้ ๒. ความสอดคลองของรางพระราชบัญญัติ รฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ “มาตรา ๔๓ บุคคลและชมุ ชนยอมมีสิทธิ (๑) อนรุ ักษ ฟน ฟู หรือสงเสรมิ ภมู ปิ ญ ญา ศลิ ปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณี อนั ดงี ามทัง้ ของทอ งถนิ่ และของชาติ (๒) จัดการ บํารุงรักษา และใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดลอม และความ หลากหลายทางชวี ภาพอยางสมดุลและยั่งยนื ตามวธิ ีการที่กฎหมายบัญญัติ (๓) เขาช่ือกันเพ่ือเสนอแนะตอหนวยงานของรัฐใหดําเนินการใดอันจะเปนประโยชนตอ ประชาชนหรือชุมชน หรืองดเวนการดําเนินการใดอันจะกระทบตอความเปนอยูอยางสงบสุขของประชาชน หรือชุมชน และไดรบั แจง ผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว ท้ังน้ี หนว ยงานของรัฐตองพิจารณาขอเสนอแนะน้ันโดย ใหประชาชนทเี่ กยี่ วของมีสว นรว มในการพิจารณาดว ยตามวิธีการทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิ (๔) จดั ใหมรี ะบบสวสั ดิการของชุมชน สิทธิของบุคคลและชุมชนตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึงสิทธิท่ีจะรวมกับองคกรปกครอง สวนทอ งถน่ิ หรอื รัฐในการดาํ เนนิ การดงั กลา วดวย” “มาตรา ๗๐ รัฐพึงสงเสริมและใหความคุมครองชาวไทยกลมุ ชาติพันธุตา ง ๆ ใหมีสิทธดิ ํารงชีวิต ในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจไดอยางสงบสุข ไมถูกรบกวน ท้ังนี้ เทาทีไ่ มเปนการขัดตอ ความสงบเรียบรอ ยหรอื ศีลธรรมอนั ดีของประชาชน หรอื เปนอันตรายตอความมั่นคงของ รฐั หรอื สขุ ภาพอนามยั ”
- 23 - ๓. ประโยชนที่ประชาชนและสงั คมจะไดรบั รางพระราชบัญญัติสภาชนเผาพ้ืนเมืองแหงประเทศไทย พ.ศ. .... จะสงเสริมใหมีกลไกในการสงเสริม ประสานงาน และแกไขปญหาของชนเผาพื้นเมืองไดอยางทั่วถึงทุกดานและสนองตอบตอวิถีวัฒนธรรมท่ี หลากหลาย ๔. ความสัมพันธหรือความใกลเคียงกบั กฎหมายอ่นื - ๕. ผลกระทบโดยรวมท่อี าจเกิดข้ึนจากกฎหมาย ๕.๑ ผลกระทบตอเศรษฐกิจ - ๕.๒ ผลกระทบตอสังคม เชิงบวก รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๐ ไดบัญญัติรับรองใหรัฐพึง สงเสริมและใหความคมุ ครองชาวไทยกลุมชาติพันธุตาง ๆ ใหมีสิทธิดาํ รงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจไดอยางสงบสุข ไมถูกรบกวนเทาที่ไมเปนการขัดตอความสงบเรียบรอย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเปนอันตรายตอความมั่นคงของรัฐ หรือสุขภาพอนามัย รวมถึง มาตรา ๔๓ บุคคลและชมุ ชนยอมมีสทิ ธิอนรุ ักษ ฟนฟู หรอื สง เสริมภมู ิปญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม และจารีต ประเพณีอันดีงามท้ังของทองถ่ินและของชาติ ซ่ึงการจัดทํารางกฎหมายเพื่อใหเปนไปตามเจตนารมณของ รัฐธรรมนูญดังกลาวน้ัน มีวัตถุประสงคเพื่อคุมครองสิทธิของชาวไทยใหเสมอภาคกันโดยไมถูกเลือกปฏิบัติ ทางดา นนโยบายและกฎหมายและมาตรการตาง ๆ ท่อี าจไมสอดคลอ งกบั วิถวี ฒั นธรรมและสงเสริมใหกลุมชาติ พันธุไดมีสวนรวมในกลไกกระบวนการตาง ๆ ของรัฐอยางเปนรูปธรรม นอกจากนี้รางกฎหมายยังเปนไปตาม ขอ ๒๗ ของกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ที่รัฐตองประกันสิทธิที่จะมีวัฒนธรรม ความเชื่อ และภาษาของตนเอง ตลอดจนกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights: ICESCR) ท่ีรัฐตองประกันสิทธิของบุคคลภายในเขตอํานาจรัฐใน การมีมาตรฐานชีวิตที่ดีพอเพียง มีสุขภาวะดานกายและจิตใจ สิทธิในการศึกษาและสิทธิในวัฒนธรรมเทาที่ดี ท่สี ุดเทาทเ่ี ปนไปได โดยไมถูกเลอื กปฏิบัติ ตามพนั ธกรณีทีป่ ระเทศไทยตอ งปฏบิ ตั ติ าม ๕.๓ ผลกระทบตอ สง่ิ แวดลอ มหรอื สุขภาวะ - ๕.๔ ผลกระทบอืน่ ทสี่ าํ คัญ -
- 24 - ๖. การกําหนดใหมรี ะบบอนุญาต อนุมัติหรือการใชดลุ พินจิ ของเจา หนา ท่ี มี ไมมี เหตุผลและความจําเปน ๗. การกาํ หนดใหมรี ะบบคณะกรรมการ มี ไมมี เหตผุ ลและความจาํ เปน การกําหนดใหมคี ณะกรรมการ เชน คณะกรรมการบรหิ ารสภาชนเผา พน้ื เมอื งแหงประเทศไทยใหมี หนาท่ีและอาํ นาจในการบรหิ ารและดําเนินงานตาง ๆ ตามทปี่ ระชมุ สภาไดใหความเหน็ ชอบแลว เปนตน ๘. บทกําหนดโทษ ไมม ี โทษทางอาญา โทษทางปกครอง โทษปรับเปนพินัย โทษอุปกรณ เหตผุ ลและความจาํ เปน สวนที่ ๔ การเปดเผยรายงานผลการรับฟงความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะหผลกระทบอันเกิดจาก รา งพระราชบัญญัติ คณะกรรมการรับฟงความคิดเห็นและวิเคราะหผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนจากรางพระราชบัญญัติ ท่ีเสนอโดยสมาชิกสภาผูแทนราษฎรหรือผูมีสิทธิเลือกต้ัง ไดเปดเผยรายงานผลการรับฟงความคิดเห็นและ รายงานผลการวิเคราะหผลกระทบอันเกิดจากรางพระราชบัญญัติทางเว็บไซตรัฐสภา www.parliament.go.th แลว ตั้งแตวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔
- 25 - คณะกรรมการรับฟงความคิดเห็นและวเิ คราะหผลกระทบท่ีอาจเกิดข้นึ จากรางพระราชบัญญัตทิ ่ีเสนอโดยสมาชิกสภาผแู ทนราษฎรหรือผูมสี ิทธิเลือกตั้ง สาํ นกั งานเลขาธิการสภาผแู ทนราษฎร
-1- รายงานผลการรับฟงั ความคิดเห็น และรายงานผลการวเิ คราะห์ผลกระทบทอ่ี าจเกิดขึ้นจากร่างพระราชบญั ญตั ิ สว่ นที่ ๑ ข้อมูลพ้ืนฐานของร่างพระราชบัญญัติ ๑. ร่างพระราชบญั ญตั ิการเลอื กต้งั สมาชิกสภาทอ้ งถิ่นหรือผ้บู ริหารท้องถ่ิน (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... กฎหมายใหม่ แก้ไขเพิ่มเตมิ ยกเลกิ ๒. หลักการและเหตุผล ๒.๑ หลกั การ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ เกีย่ วกับการรณรงค์หาเสยี งเลือกตงั้ ให้กบั ผู้สมัครรับเลอื กต้ังเปน็ สมาชกิ สภาท้องถิ่น หรอื ผบู้ ริหารท้องถน่ิ (แก้ไขเพ่มิ เตมิ มาตรา ๓๔) ๒.๒ เหตผุ ล แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร ทอ้ งถ่ิน พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้ขา้ ราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวฒุ ิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น สามารถช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมคั รรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาทอ้ งถ่ินหรือ ผู้บริหารท้องถนิ่ ได้ โดยไมถ่ อื ว่าเปน็ การกระทำทีเ่ ป็นคณุ หรือเป็นโทษแกผ่ สู้ มัครรับเลือกตั้งดังกลา่ ว เว้นแต่เป็น การดำเนินการโดยมิชอบด้วยหน้าที่และอำนาจอันเป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัคร ท้ังน้ีการให้สิทธิบุคคลดังกล่าว ตามนยั น้ีถือวา่ เป็นการช่วยพัฒนาระบอบประชาธิปไตยต้งั แต่ฐานรากขน้ึ มาได้ เพราะหลักปรัชญาทางการเมือง และการปกครองทั่วไปถือว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเวทีสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบ ประชาธิปไตยแก่ประชาชน เป็นการสร้างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งซึ่งจะมีผลต่อการเมือง ระดับประเทศให้มีความเข้มแข็ง อันมีผลทำให้ประเทศชาติเจริญ ประชาชนม่ังคั่ง ดังเช่นนานาอารยประเทศ ทง้ั หลาย ทั้งน้ีการกระทำการของบุคคลดังกล่าว ถ้าเป็นไปโดยมิชอบด้วยหน้าท่ีและอำนาจอันเป็นการ กล่ันแกล้งผู้สมัครใด หรือดำเนินการใด ๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใดโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังหรือกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือ คณะกรรมการการเลอื กตั้งประจำองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินทีค่ ณะกรรมการการเลือกตง้ั มอบหมาย มอี ำนาจ สัง่ ให้ยตุ ิหรือระงบั การกระทำน้นั ได้ ๓. ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร ประชาชนเขา้ ช่อื เสนอกฎหมาย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรกบั คณะ เปน็ ผู้เสนอ
-2- ส่วนที่ ๒ การรับฟังความคิดเห็นและสรปุ ผลการรบั ฟังความคดิ เห็น ๑. ข้อมูลประกอบการรบั ฟังความคดิ เห็น โดยที่กฎหมายว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินมีบทบัญญัติที่ก่อให้เกิด ปัญหาความไม่ชัดเจนในทางปฏิบัติ กล่าวคือ การห้ามมิให้ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นดำเนินการใด ๆ ท่ีเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับ เลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เช่น การช่วยรณรงค์หาเสยี งเลอื กตัง้ เปน็ ต้น ถือได้ว่าเป็น บทบัญญัติท่ีไม่เอ้ือต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคการเมื อง เน่ืองจากพรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถิ่นในนามพรรคได้ แต่เม่ือพิจารณาถึงมาตรา ๓๔ ท่ีห้ามมิให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครสมาชิกสภา ทอ้ งถ่ินหรือผู้บรหิ ารท้องถิ่น อันจะถอื ว่าเป็นการดำเนนิ การใด ๆ ที่เปน็ คุณหรอื โทษแก่ผ้สู มัครแล้ว ย่อมเปน็ ส่ิง ที่ขัดแย้งกนั เป็นอย่างมาก เพราะเม่ือพรรคการเมืองสามารถส่งผสู้ มัครในนามพรรคได้ ก็ย่อมสามารถที่จะช่วย รณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้งได้เช่นกัน บทบัญญัตดิ ังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและสภาพความเป็นจริง ที่ส่งเสริมให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีส่วนร่วมกับการปกครองส่วนท้องถิ่น บทบัญญัติมาตรา ๓๔ จึงถือ ได้ว่าเป็นการปิดก้ันการมีส่วนร่วมของประชาชนและพรรคการเมือง ไม่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระบอบ ประชาธปิ ไตย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี ๒. ผู้เกยี่ วขอ้ งที่ได้รับหรืออาจไดร้ บั ผลกระทบจากร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. กระทรวงมหาดไทย ๒. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ๓. คณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ ๔. นกั วชิ าการดา้ นกฎหมาย ๕. ประชาชนทั่วไป ๓. ประเด็นการรบั ฟังความคิดเห็น ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมให้ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผ้บู ริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถ่ินสามารถดำเนินการใด ๆ ที่มีผลต่อผู้สมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภา ท้องถิน่ หรือผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินได้ โดยไม่ถือว่าเปน็ การกระทำทเี่ ป็นคณุ หรือเป็นโทษแกผ่ ้สู มัครรับเลือกตงั้ ดังกล่าว ๔. ระยะเวลาและวธิ ีการการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ๔.๑ ระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็น วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา จำนวน ๓๑ วนั นบั จากวันขนึ้ เวบ็ ไซต์ ถึงวนั ปิดการรับฟงั ความคดิ เหน็ ๔.๒ วิธีการรับฟงั ความคดิ เห็น (๑) ผา่ นระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th
-3- (๒) ส่งประเด็นไปรับฟงั ผทู้ เี่ กยี่ วข้องโดยตรง ประกอบด้วย ๑. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ๒. ประธานกรรมการการเลอื กตง้ั ๓. ประธานกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแหง่ ชาติ ๔. คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ๕. คณบดีคณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ๕ สรุปผลการรบั ฟังความคิดเห็น ๕.๑ ขอ้ มลู ท่ัวไปผูร้ ว่ มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จำนวน ๔ ราย โดยเป็นขา้ ราชการ/รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๒ คน ประชาชน ๒ คน
-4- จากการส่งประเดน็ ไปรับฟงั ผทู้ ีเ่ กี่ยวขอ้ งโดยตรง สว่ นราชการ หนว่ ยงานของรัฐ องค์กรเอกชน ท่ีไดแ้ สดงความคดิ เห็น จำนวน ๓ หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงาน คณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ ๕.๒ ผลการรับฟังความคดิ เห็น ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพ่ิมเติมให้ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ิน หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นสามารถดำเนินการใด ๆ ท่ีมีผลต่อผู้สมัครรับ เลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำท่ีเป็นคุณหรอื เป็นโทษ แก่ผสู้ มคั รรบั เลอื กตัง้ ดังกล่าว เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย ๑. เหน็ ดว้ ย จำนวน ๓ คน ดงั นี้ ๑. ไมเ่ หน็ ดว้ ย จำนวน ๑ คน (ไมร่ ะบุเหตุผล) - เห็นด้วยกบั การแก้ไขเพิ่มเติมใหข้ ้าราชการการเมือง (ผรู้ ว่ มแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยี สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชิกวฒุ ิสภา ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถ่นิ สารสนเทศของรฐั สภา หรอื สมาชกิ สภาท้องถน่ิ สามารถดำเนินการใด ๆ ทมี่ ีผล www.parliament.go.th) ต่อผ้สู มคั รรับเลือกตงั้ เป็นสมาชิกสภาทอ้ งถิ่นหรือ ผูบ้ รหิ ารทอ้ งถ่ินได้ โดยไม่ถอื วา่ เปน็ การกระทำที่เปน็ คณุ ๒. บทบัญญัติมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติ การเลอื กต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผบู้ รหิ าร หรอื เปน็ โทษแกผ่ สู้ มคั รรับเลอื กตัง้ ดังกล่าว ท้องถน่ิ พ.ศ. ๒๕๖๒ บัญญตั ิหา้ มข้าราชการ (ผูร้ ว่ มแสดงความคิดเหน็ จากระบบเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th) การเมือง สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร สมาชิก วฒุ ิสภา ผบู้ ริหารท้องถ่ิน สมาชิกสภาท้องถิ่น ๒. การท่ีร่างมาตรา ๓๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้ หรอื เจ้าหน้าท่ีอื่นของรฐั กระทำการใด ๆ โดยมิ เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั ต้องไม่มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งในการชว่ ย ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจอันเปน็ การกลั่นแกล้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสยี งทั้งในทางทเี่ ปน็ คุณหรอื เปน็ ผู้สมคั รใด หรอื ดำเนินการใด ๆ ทีเ่ ปน็ คณุ หรือ โทษนั้น มีความเห็นสอดคลอ้ งกับหลักการดังกลา่ ว อัน เปน็ โทษแกผ่ สู้ มัครใด เพื่อมิใหเ้ กดิ การไดเ้ ปรียบ เปน็ หลกั ประกันทางกฎหมาย เพอ่ื ให้การเลอื กต้งั เปน็ ไป เสยี เปรียบทางการเมอื งในการหาเสียงเลือกตัง้ จงึ ได้กำหนดห้ามบุคคลท่ดี ำรงตำแหน่งทาง อย่างสุจริตและเทยี่ งธรรม การเมืองดงั กล่าว ซ่ึงสังกัดพรรคการเมืองให้ (สำนกั งานคณะกรรมการสทิ ธิมนุษชนแห่งชาต)ิ ความช่วยเหลอื ในการหาเสยี งเลือกตั้งอันเป็น การกระทำทเ่ี ปน็ คณุ หรือเปน็ โทษแกผ่ ู้สมัครรับ เลือกตั้ง อย่างไรกต็ าม พรรคการเมืองหรือ สมาชกิ ของพรรคการเมืองท่ีมิได้มีตำแหน่ง ดังกล่าวขา้ งต้นสามารถให้ความชว่ ยเหลอื ผสู้ มคั รรับเลอื กตั้งในการหาเสยี งเลอื กตงั้ ได้ โดย การหาเสียงเลือกต้งั ของผ้สู มัครรับเลือกต้ังทีน่ ำ ขอ้ มูลเกี่ยวกับพรรคการเมอื งหรอื นำภาพของ บคุ คลเพื่อใชใ้ นการหาเสียงเลือกต้ัง จะต้องไดร้ ับ
เห็นด้วย -5- ไมเ่ หน็ ด้วย ความยินยอมจากพรรคการเมืองหรอื บุคคลนั้น ทง้ั นี้ ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตง้ั ว่า ด้วยวิธกี ารหาเสยี งและลักษณะต้องหา้ มในการ หาเสียงเลอื กตั้งสมาชกิ สภาท้องถ่ินหรือผบู้ รหิ าร ท้องถนิ่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ขอ้ ๗ ประกอบ ขอ้ ๙ จงึ เห็นวา่ บทบัญญตั ิมาตราดังกล่าวข้างต้นมคี วาม เหมาะสมแล้ว (กระทรวงมหาดไทย) ๓. ควรคงมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติการ เลอื กต้งั สมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินหรอื ผู้บรหิ ารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ไว้ เพ่ือเปน็ การควบคุมและปอ้ งกัน มิให้ข้าราชการการเมือง สมาชกิ สภาผู้แทน ราษฎร สมาชิกวุฒสิ ภา ผู้บรหิ ารทอ้ งถ่ิน สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ หรือเจา้ หน้าท่ีอ่นื ของรัฐมีพฤติการณ์ ใด ๆ ทจ่ี ะส่งผลกระทบต่อการเลอื กตัง้ สมาชิก สภาทอ้ งถน่ิ หรือผบู้ ริหารท้องถ่ิน (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตงั้ ) ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม ๑. มาตราดังกล่าว ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการการเลือกต้ังหรือผู้อำนวยการ การเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่คณะกรรมการ การเลือกตั้งมอบหมายส่ังให้ยุติหรือระงับการกระทำได้เพียงเท่านั้น โดยไม่ได้กำหนดบทกำหนดโทษไว้ในกรณีท่ี ผไู้ ด้รบั คำส่งั ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคำส่งั ดังกลา่ ว จงึ เห็นควรใหม้ ีบทกำหนดโทษไวส้ ำหรบั ผ้ทู ่ไี ม่ปฏิบัตติ ามคำสง่ั ดงั กลา่ วด้วย (สำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตั้ง) ๒. กรณีของร่างมาตรา ๓๔ วรรคหน่ึง ที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถ่ิน สามารถช่วยหาเสียง เลือกต้ังให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็น คุณหรือโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกต้ังน้ัน จำเป็นต้องมีหลักประกันท่ีชัดเจนว่า บุคคลดังกล่าวถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มและรณรงค์ในการชว่ ยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้ง ต้องมีความโปร่งใสในบทบาทหนา้ ท่ีของตน และการใช้ทรัพยากรในการหาเสยี งเลือกต้ัง กล่าวคือ ต้องไม่ใช้อำนาจในความเปน็ เจ้าหนา้ ที่ของรฐั หรือการใช้ ทรัพยากรของรัฐอันอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ การแทรกแซงความเป็นอิสระของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ท่ีจะเป็น อุปสรรคต่อการเลือกตง้ั ทีบ่ ริสุทธ์ิและยตุ ธิ รรม (genuine election) (สำนกั งานคณะกรรมการสิทธมิ นุษชนแหง่ ชาติ)
-6- สว่ นท่ี ๓ รายงานผลการวเิ คราะหผ์ ลกระทบอันเกดิ จากร่างพระราชบญั ญัติ ๑. ความเปน็ มา สภาพปัญหา ความจำเป็นทจ่ี ะต้องตราพระราชบญั ญัติ โดยที่กฎหมายว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินมีบทบัญญัติท่ีก่อให้เกิด ปัญหาความไม่ชัดเจนในทางปฏิบัติ กล่าวคือ การห้ามมิให้ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นดำเนินการใด ๆ ท่ีเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับ เลือกต้งั เป็นสมาชิกสภาท้องถน่ิ หรือผู้บรหิ ารท้องถ่ิน เช่น การชว่ ยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นต้น ถือไดว้ ่าเป็น บทบัญญัติที่ไม่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองสามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ินในนามพรรคได้ แต่เม่ือพิจารณาถึงมาตรา ๓๔ ท่ีห้ามมิให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ินหรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครสมาชิกสภา ทอ้ งถ่ินหรือผ้บู รหิ ารท้องถิน่ อันจะถือว่าเป็นการดำเนนิ การใด ๆ ท่ีเปน็ คณุ หรือโทษแก่ผสู้ มัครแล้ว ย่อมเป็นสิ่ง ทขี่ ัดแย้งกนั เปน็ อย่างมาก เพราะเม่ือพรรคการเมืองสามารถส่งผ้สู มัครในนามพรรคได้ ก็ย่อมสามารถที่จะช่วย รณรงค์ในการหาเสียงเลือกตง้ั ได้เช่นกัน บทบัญญัติดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและสภาพความเป็นจริง ท่ีส่งเสริมให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีส่วนร่วมกับการปกครองส่วนท้องถิ่น บทบัญญัติมาตรา ๓๔ จึงถือ ได้ว่าเป็นการปิดก้ันการมีส่วนร่วมของประชาชนและพรรคการเมือง ไม่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระบอบ ประชาธปิ ไตย จงึ จำเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั นิ ้ี ๒. ความสอดคล้องของร่างพระราชบัญญัติ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ “มาตรา ๒๕๒ สมาชิกสภาทอ้ งถ่ินตอ้ งมาจากการเลอื กต้งั ผบู้ ริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตงั้ หรือมาจากความเหน็ ชอบของสภาท้องถิ่นหรือในกรณี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ จะให้มาโดยวิธีอ่ืนก็ได้แต่ต้องคำนึงถึงการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนด้วย ทงั้ น้ี ตามที่กฎหมายบญั ญตั ิ คณุ สมบตั ขิ องผู้มสี ทิ ธิเลือกต้ังและผ้มู สี ิทธสิ มัครรับเลอื กต้งั และหลกั เกณฑ์และวิธีการเลอื กตั้ง สมาชิกสภาท้องถิน่ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบัญญตั ิ ซ่ึงต้องคำนงึ ถึงเจตนารมณ์ในการ ป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ ตามแนวทางทบ่ี ัญญตั ิไว้ในรัฐธรรมนูญดว้ ย” พระราชบัญญัติการเลือกต้งั สมาชิกสภาทอ้ งถิ่นหรือผบู้ ริหารท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๕ “มาตรา ๒๙ ในกรณีที่มีข้อเท็จจริงปรากฏแก่คณะกรรมการการเลือกต้ังว่าข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒสิ ภา ผู้บริหารทอ้ งถ่ิน สมาชิกสภาทอ้ งถิ่น หรือเจา้ หน้าทอ่ี ่ืนของรัฐกระทำ การใด ๆ โดยมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่อันเป็นการกล่ันแกล้งผู้สมัครใด ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังมีอำนาจ หรือมอบหมายให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือคณะกรรมการการเลือกต้ังประจำองค์กร ปกครองสว่ นท้องถ่ินสั่งใหย้ ุตหิ รือระงับการกระทำน้นั ได้” พระราชบัญญตั ิการเลือกต้งั สมาชกิ สภาทอ้ งถ่ินหรอื ผูบ้ ริหารทอ้ งถ่ิน พ.ศ. ๒๕๖๒ “มาตรา ๓๔ ในกรณีปรากฏขอ้ เท็จจริงว่า ข้าราชการการเมือง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชิก วุฒิสภา ผู้บริหารท้องถ่ิน สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าท่ีอื่นของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมิชอบด้วยหน้าท่ี และอำนาจอันเป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัครใด หรือดำเนินการใด ๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใด ให้
-7- คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้อำนวยการการเลือกต้ังประจำจังหวัด หรือ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทคี่ ณะกรรมการการเลือกตง้ั มอบหมาย มอี ำนาจ สัง่ ให้ยุติหรือระงับการกระทำนัน้ ได้ ให้กรรมการการเลือกตั้งท่ีพบเห็นการกระทำตามวรรคหน่ึง มีอำนาจสั่งให้ระงับการกระทำนั้นได้ แลว้ รายงานให้คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ทราบ” ๓. ประโยชน์ทป่ี ระชาชนและสงั คมจะไดร้ ับ รา่ งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ิน (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... จะมีความสอดคล้อง กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีส่วนร่วมกับ การปกครองส่วนท้องถนิ่ จึงสง่ เสริมการมีสว่ นรว่ มในระบอบประชาธปิ ไตย ๔. ความสัมพนั ธห์ รอื ความใกล้เคยี งกับกฎหมายอนื่ - มาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น บทบัญญัติเดิมของมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม โดยมีการแก้ไขเพ่ิมเติมสาระสำคัญของบทบัญญัติมาตราดังกล่าวให้มีความชัดเจนในทาง ปฏิบัติมากข้ึน และบัญญัติเพิ่มเติมการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใด รวมท้ัง บัญญัติ เพ่ิมเติมให้กรรมการการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการเลือกต้ังหรือกรรมการการเลือกตั้งที่ พบเห็นการกระทำดังกล่าวมีอำนาจสั่งให้ระงับการกระทำนั้นได้ แล้วรายงานให้คณะกรรมการการเลือกต้ังทราบ ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภา ท้องถน่ิ หรือผบู้ รหิ ารท้องถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๕ และท่ีแก้ไขเพม่ิ เตมิ - ร่างพระราชบัญญตั ิฉบับนี้ เปน็ การแก้ไขเพิม่ เติมมาตรา ๓๔ แหง่ พระราชบญั ญัติการเลอื กตง้ั สมาชิกสภา ท้องถนิ่ หรือผบู้ ริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ๕. ผลกระทบโดยรวมที่อาจเกดิ ขน้ึ จากกฎหมาย ๕.๑ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ - ๕.๒ ผลกระทบต่อสังคม เชิงบวก ร่างพระราชบัญญัติการเลือกต้ังสมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถ่ิน (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวฒุ ิสภา ผู้บริหาร ท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นสามารถดำเนินการใด ๆ ที่มีผลต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำท่ีเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกต้ังดังกล่าว จะมี ความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนและพรรคการเมือง มีส่วนรว่ มกับการปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น จึงส่งเสริมการมีสว่ นรว่ มในระบอบประชาธปิ ไตย เชิงลบ กตกิ าระหว่างประเทศว่าด้วยสทิ ธิพลเมืองและสทิ ธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ข้อ ๒๕ ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีท่ีต้องปฏิบัติตาม กำหนดใหป้ ระชาชนมสี ิทธิและโอกาสในการมีส่วนร่วมในการบรหิ ารภาครัฐโดยตรงหรอื ผ่านทางผแู้ ทนซง่ึ ได้รับ
-8- เลือกมาอย่างเสรีโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติและถูกจำกัดโดยไม่มีเหตุอันควร หรืออาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ ระหวา่ งสิทธิมนุษยชนกับการเลือกตัง้ คือ การท่บี ุคคลมสี ิทธิท่ีจะมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ ซ่ึงรวมถึงสิทธิ ในการลงคะแนนเสียงหรือลงสมัครรับเลือกต้ังอันเป็นหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยท่ีอยู่ บนพื้นฐานเจตนารมณ์ของประชาชน และการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม (genuine election) ดังกล่าว เป็นองค์ประกอบท่ีจำเป็นในการสร้างสภาพแวดล้อมในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประกอบกับ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๑๔ มีเจตนารมณ์เพื่อให้การปกครองส่วน ท้องถ่ินเป็นไปตามหลักแห่งการปกครองตนเอง มีความโปร่งใส และให้ประชาชนในท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการ ได้มาซ่ึงสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถ่ิน อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนึงถึงหลักการเช่ือมโยงระหว่างสิทธิ มนุษยชนและการเลือกต้ัง ซ่ึงระบุวา่ กระบวนการจัดการเลือกตัง้ ต้องดำเนินการอย่างเปน็ ธรรมและมีความเป็น กลางภายใต้กรอบของกฎหมายท่ีรับรองผลการใช้สิทธิออกเสียง การใช้สิทธิของประชาชนต้องไม่มีการใช้ อิทธิพล หรือการบังคับใด ๆ ท่ีอาจบิดเบือนหรือยับยั้งการแสดงออกอย่างเสรีของผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ซ่ึงผู้มีสิทธิ เลือกตั้งสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ ปราศจากความรุนแรงหรือการคุกคามของความรุนแรง การบังคับ ชักจูง หรือการแทรกแซงใด ๆ ในส่วนของการลงคะแนนต้องเป็นการลงคะแนนโดยลับ มีความปลอดภัย และมีความถูกต้องของกระบวนการลงคะแนน เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างเป็นอิสระ อีกทั้งการเลือกต้ังต้องเป็นไปตามวาระ ในระบอบประชาธิปไตยท่ีมีความเสมอภาคและเป็นการให้โอกาสที่ เท่าเทียมกันแก่ทุกฝ่าย รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกต้ังสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารท่ีครบถ้วนจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น มาตรา ๓๔ ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติห้ามข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภา ท้องถ่ินหรือเจ้าหน้าท่ีอ่ืนของรัฐกระทำการใด ๆ โดยมิชอบด้วยหน้าที่และอำนาจอันเป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัครใด หรือดำเนินการใด ๆ ท่ีเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครใด เพ่ือมิให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองใน การหาเสียงเลือกตั้ง จึงได้กำหนดห้ามบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าว ซ่ึงสังกัดพรรคการเมืองให้ ความช่วยเหลือในการหาเสียงเลอื กตงั้ อันเป็นการกระทำท่ีเปน็ คุณหรือเปน็ โทษแก่ผู้สมคั รรับเลือกตั้ง ๕.๓ ผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มหรอื สขุ ภาวะ - ๕.๔ ผลกระทบอน่ื ท่สี ำคญั - ๖. การกำหนดให้มรี ะบบอนุญาต อนุมัติหรอื การใช้ดุลพินิจของเจา้ หนา้ ท่ี มี ไมม่ ี เหตุผลและความจำเป็น
๗. การกำหนดใหม้ รี ะบบคณะกรรมการ -9- มี ไมม่ ี เหตผุ ลและความจำเปน็ ๘. บทกำหนดโทษ ไมม่ ี โทษทางอาญา โทษทางปกครอง โทษปรับเป็นพินยั โทษอปุ กรณ์ เหตุผลและความจำเป็น ส่วนที่ ๔ การเปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจาก ร่างพระราชบญั ญัติ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนจากร่างพระราชบัญญัติ ท่ีเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ได้เปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แลว้ ต้งั แตว่ ันท่ี ๒๑ ธนั วาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการรับฟังความคิดเหน็ และวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดข้นึ จากร่างพระราชบัญญัติท่เี สนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 599
Pages: