-๒- รายงานผลการรบั ฟังความคิดเหน็ และรายงานผลการวเิ คราะห์ผลกระทบทีอ่ าจเกดิ จากร่างพระราชบญั ญัติ สว่ นท่ี ๑ ข้อมูลพืน้ ฐานของร่างพระราชบัญญัติ ๑. รา่ งพระราชบญั ญตั ิอุทยานแหง่ ชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กฎหมายใหม่ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ยกเลิก ๒. หลกั การและเหตผุ ล ๒.๑ หลักการ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกำหนดให้ สิทธิแก่ผู้ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่ถึงยี่สิบไร่ ได้ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ เสอื่ มสภาพหรอื เปล่ียนแปลงสภาพืน้ ทไี่ ปจากเดิมหรือกระทำการใด ๆ อันเปน็ การทำลายป่าอุทยานแห่งชาติซ่ึง ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรมและไม่เป็นป่าท่ีควรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื้อที่ไม่เกินยี่สิบห้าไร่ เพ่ือ ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ก่อนหนึ่งปีก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ โดยให้ยื่นคำขอต่อ ผทู้ ้องถ่ินท่อี ุทยานแห่งชาตินัน้ ต้งั อยู่เพ่ือขอหนังสือรบั รองรบั รองการยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในท่ีดิน หนังสือรับรองการยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ไม่สามารถโอนใหแ้ กผ่ ู้อื่นได้ เว้นแต่ตกทอดให้กบั ทายาท โดยธรรม (เพิ่มมาตรา ๑๙/๑ และมาตรา ๑๙/๒) และกำหนดให้ผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนมามมาตรา ๑๙ แต่ สามารถยนื่ คำขอได้ตามมาตรา ๑๙/๑ ไม่มคี วามผิดและไม่ต้องรับโทษ ตามมาตรา ๔๑ (เพมิ่ มาตรา ๔๑/๑)) ๒.๒ เหตุผล โดยที่ปัจจุบันปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดกี ับประชาชนผู้เข้าทำการยึดถือ หรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพ หรือ เปลีย่ นแปลงสภาพพื้นท่ีไปจากเดิม โดยถือว่าเป็นการทำลายอุทยานแหง่ ชาติ ทง้ั ทปี่ ระชาชนยดึ ถือครอบครอง และทำประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติเพื่อการประกอบอาชีพหรือเป็นท่ีอยู่อาศัย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมิได้มีสภาพ เป็นป่าและเป็นป่าเสื่อมโทรมและไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษณ์เพื่อเป็นอุทยานแห่งชาติ แล้ว ควรจะช่วยเหลือ ประชาชนที่ไมม่ ีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่เพียงพอเพือ่ การดำรงชีพ และได้ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ในพืน้ ท่ี ก่อนหนึ่งปีก่อนวันที่ที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้สามารถประกอบอาชีพและอยู่อาศัยโดยไม่ถือว่าเป็นการ กระทำความผดิ ทางอาญา โดยกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ มีอำนาจพิจารณาความเหมาะสม ในการออกหนังสือรับรองการยึดถือและทำประโยชน์ในที่ดินภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด จึงจำเป็นต้อง ตราพระราชบญั ญัตนิ ี้ ๓. ผ้เู สนอร่างพระราชบัญญัติ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร ประชาชนเข้าชอื่ เสนอกฎหมาย นายวริ ัช พันธมุ ะผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกบั คณะ เปน็ ผูเ้ สนอ
-๓- สว่ นที่ ๒ การรับฟังความคิดเหน็ และสรปุ ผลการรับฟังความคดิ เหน็ ๑. ข้อมูลประกอบการรับฟังความคดิ เหน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเพิ่มเติมหลักการให้ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีแต่ไม่ถึง ๒๐ ไร่ ที่ได้แผ้วถาง เผาปา่ หรอื กระทำดว้ ยประการใด ๆ ใหเ้ ส่ือมสภาพหรอื เปล่ียนแปลงสภาพ้ืนที่ไปจากเดิม หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการทำลายอุทยานแห่งชาติที่ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพื่อ คุณภาพสิ่งแวดล้อมเนื้อที่ไม่เกิน ๒๕ ไร่ สามารถยื่นคำขอต่อผู้บริหารท้องถิ่นที่อุทยานนั้นตั้งอยู่เพื่อขอออก หนังสือรบั รองการยดึ ถอื ครอบครองและทำประโยชนใ์ นท่ดี นิ นนั้ การพิจารณาของผู้บริหารท้องถิ่นที่จะออกหนังสือรับรองการยึดถือครอบครองและทำ ประโยชนใ์ นที่ดนิ ในการพจิ ารณาผบู้ รหิ ารท้องถ่ินต้องต้องให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินทำการรังวัดท่ีดินท่ีได้ มีการยื่นคำขอ และพจิ ารณาตามหลักเกณฑด์ งั ต่อไปน้ดี ้วย ๑. ผู้ยืน่ คำขอไม่มที ี่ดนิ ทำกนิ หรอื มีแต่ไม่ถงึ ยส่ี บิ ไร ๒. เป็นผู้ยึดยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในป่าอุทยานที่ไม่มีสภาเป็นป่าหรือเป็นป่า เสือ่ มโทรม และไมค่ วรอนุรกั ษณ์เปน็ อทุ ยานแหง่ ชาติ เนอ้ื ทไ่ี ม่เกิน ๒๕ ไร่ ๓. ผู้ยื่นคำขอยึดถือครอบครองและทำประโยชน์อยู่ก่อนที่พระราชบัญญัตินี้จะใช้บังคับเป็น เวลาไมน่ อ้ ยกว่า ๑ ปี ๔. เหตุผลอื่น กรณผี บู้ รหิ ารทอ้ งถ่ินมคี ำส่ังไมอ่ นญุ าต ผยู้ นื่ คำขอมีสทิ ธิอุทธรณต์ ่อสภาทอ้ งถ่ิน ผ้ทู ่ไี ด้รบั อนญุ าตให้เข้ายึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ในท่ดี นิ ดงั กล่าวจะไม่สามารถโอนให้แก่ ผู้อื่นได้ เวน้ ตกทอดแกท่ ายาทโดยธรรม กำหนดให้มีบทนิรโทษกรรมแก่ผู้ที่ไมม่ ีทดี่ ินทำกิน หรือมแี ตไ่ ม่ถงึ ๒๐ ไร่ ทไี่ ดแ้ ผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพื้นที่ไปจากเดิม หรือกระทำการใด ๆ อัน เป็นการทำลายอุทยานแห่งชาติที่ไม่มีสภาะเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพ่ือ คุณภาพสิ่งแวดล้อมเนื้อที่ไม่เกิน ๒๕ ไร่ โดยไม่มีความผิดและไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอุทยาน แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ผู้เก่ยี วขอ้ งทไ่ี ด้รบั หรืออาจไดร้ ับผลกระทบจากรา่ งพระราชบัญญัติ ๑. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ๒. กระทรวงมหาดไทย ๓. กรมส่งเสริมการปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ๔. องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน ประกอบด้วย องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล
-๔- ๓. ประเด็นการรับฟงั ความคิดเห็น ๑. สมควรกำหนดใหผ้ ู้ทไี่ มม่ ีท่ดี ินทำกินหรอื มีแต่ไม่ถงึ ๒๐ ไร่ ท่ไี ด้แผว้ ถาง เผาป่า หรอื กระทำ ด้วยประการใด ๆ ใหเ้ สอื่ มสภาพหรอื เปลี่ยนแปลงสภาพน้ื ที่ไปจากเดิม หรอื กระทำการใด ๆ อนั เป็นการทำลาย อุทยานแห่งชาติที่ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม เนื้อที่ไม่เกิน ๒๕ ไร่ สามารถยื่นคำขอต่อผู้บริหารท้องถิ่นที่อุทยานนั้นตั้งอยู่เพื่อขอออกหนังสือรับรองการ ยึดถอื ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินนัน้ หรือไม่ ๒.สมควรกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาออกหนังสือรับรองการยึดถือครอบครอง และทำประโยชนใ์ นท่ีดินดงั กล่าวแกผ่ ขู้ ออนุญาตหรอื ไม่ ๓. สมควรกำหนดห้ามผู้ได้รับอนุญาตให้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โอนท่ดี ินนั้นแก่บุคคลอนื่ หรือไม่ ๔. สมควรกำหนดบทนริ โทษกรรมหรือไม่ ๔. ระยะเวลาและวิธีการการรับฟังความคิดเห็น ๔.๑ ระยะเวลาในการรบั ฟังความคิดเหน็ เปิดรับฟังต้งั แต่วนั ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถงึ วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา ๒๑ วนั ๔.๒ วธิ กี ารรับฟังความคิดเห็น (๑) ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th
-๕- (๒) ส่งประเด็นไปรับฟังผูท้ ีเ่ ก่ยี วข้องโดยตรง ประกอบด้วย ๑. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ๒. กระทรวงมหาดไทย ๓. กรมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนท้องถนิ่ ๔. องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั ๕. สรุปผลการรับฟงั ความคิดเห็น ๕.๑ ขอ้ มูลทั่วไปผูร้ ว่ มแสดงความคดิ เห็น จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จำนวน ๔ ราย ซ่ึงเป็นขา้ ราชการและประชาชนท่ัวไป โดยเป็นเพศชาย จำนวน ๓ คน เพศหญิง จำนวน ๑ คน มีอายุระหว่าง ๒๑ - ๓๐ ปี จำนวน ๓ คน และ อายุระหว่าง ๔๑ - ๕๐ ปี จำนวน ๑ คน และผู้แสดงความเห็นทั้ง ๔ คน จบการศึกษาใน ระดับปริญญาตรี และผู้แสดงความเห็นทั้งหมด มีความเกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติในฐานะเป็นองค์กร บริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นประเภทหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ (ฉบบั ที่ ..) พ.ศ. .... ๕.๒ ผลการรบั ฟัง ผลการรับฟังผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th และจากผลการรับจากการส่งประเด็นไปรับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง จำนวน ๑ ราย คือ องค์การบริหารส่วน จังหวัดสุโขทยั สรปุ ผลการรับฟังรายประเด็น ดังน้ี ๑. สมควรกำหนดให้ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่ถึง ๒๐ ไร่ ที่ได้แผ้วถาง เผาป่า หรือ กระทำดว้ ยประการใด ๆ ใหเ้ สื่อมสภาพหรอื เปลยี่ นแปลงสภาพ้ืนทไี่ ปจากเดิม หรอื กระทำการใด ๆ อนั เปน็ การทำลายอุทยานแห่งชาติที่ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรม ซึ่งไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพ่ือ คณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ มเน้ือที่ไมเ่ กนิ ๒๕ ไร่ สามารถยน่ื คำขอต่อผบู้ ริหารท้องถิน่ ท่อี ุทยานนน้ั ต้งั อยูเ่ พื่อขอออก หนังสอื รับรองการยดึ ถือครอบครองและทำประโยชนใ์ นทดี่ นิ น้นั หรือไม่ เห็นดว้ ย ไม่เหน็ ด้วย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๔๓ ผลจากเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของรัฐสภา มาตรา ๕๗ วางหลักการไว้ ๓ ประการ คอื www.parliament.go.th ไม่เห็นด้วย จำนวน ๒ ๑. หลักการพัฒนาอยา่ งสมดุลและยั่งยืน คน โดยไมม่ กี ารแสดงความคดิ เห็นเพิม่ เตมิ ๒. หลักการมีสว่ นรว่ มของประชาชน ๓. หลกั การกระจายอำนาจ ปัญหาการบุรุกพื้นที่อุทยานในปัจจุบัน เนื่องจาก ประชาชนขาดท่ีดินทำกิน และปัญหาการประกาศ
-๖- ไมเ่ ห็นด้วย เห็นดว้ ย พื้นที่อุทยานทับซซ้อนกับที่ดินของประชาชนที่อยู่ อาศัยและทำกินมาก่อน ร่างพระราชบัญญัติที่เสนอ นี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว และสร้างกลไกชุมชน เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วม สมดุล และยั่งยืน และจะส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความ เปน็ อยใู่ หด้ ีขนึ้ ลดขอ้ พพิ าทระหวา่ งรัฐกบั ประชาชน (อบจ.จงั หวดั สุโขทัย) ผลจากเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของรัฐสภา www.parliament.go.th เห็นด้วย จำนวน ๒ คน โดยไม่มกี ารแสดงความคดิ เห็นเพ่มิ เตมิ ๒.สมควรกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาออกหนังสือรับรองการยึดถือ ครอบครองและทำประโยชน์ในท่ดี ินดังกลา่ วแกผ่ ู้ขออนุญาตหรอื ไม่ เห็นด้วย ไม่เหน็ ดว้ ย การกำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาออก ผลจากเวบ็ ไซตก์ ารรับฟังความคดิ เหน็ ของรัฐสภา หนังสือรับรองการยึดถือครอบครองและทำ www.parliament.go.th ไม่เหน็ ด้วย จำนวน ๒ ประโยชน์ในทีด่ ินเป็นการกระจายอำนาจให้องค์การ คน โดยไม่มีการแสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติม บริหารสว่ นทอ้ งถน่ิ แตก่ ระบวนการดังกล่าวจะตอ้ งมี การรังวัดที่ดิน ซึ่งต้องมีอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ท่ีทำ ความรู้ความสารถในด้านนี้ จึงต้องคำนึงถึงความ พรอ้ มขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ด้วย (อบจ.จงั หวดั สุโขทยั ) ผลจากเวบ็ ไซตก์ ารรบั ฟังความคดิ เหน็ ของรัฐสภา www.parliament.go.th เหน็ ด้วย จำนวน ๒ คน โดยไม่มกี ารแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม
-๗- ๓. สมควรกำหนดห้ามผู้ได้รับอนุญาตให้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ดังกลา่ ว โอนทดี่ นิ นัน้ แก่บุคคลอนื่ หรอื ไม่ เห็นดว้ ย ไมเ่ หน็ ด้วย ข้อกำหนดดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการควบคุม ผลจากเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของรัฐสภา การใช้ประโยชน์ในที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติให้ www.parliament.go.th ไม่เห็นด้วย จำนวน ๒ เป็นไปอย่างเหมาะสม ป้องกันการบุกรุกพื้นที่ คน โดยไมม่ กี ารแสดงความคดิ เห็นเพม่ิ เติม อุทยานแห่งชาติอีกทางหนึ่ง (อบจ.จังหวัดสุโขทัย) ผลจากเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของรัฐสภา www.parliament.go.th เห็นด้วย จำนวน ๒ คน โดยไม่มีการแสดงความคิดเหน็ เพมิ่ เตมิ ๔. สมควรกำหนดบทนริ โทษกรรมหรือไม่ เห็นด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย การดำเนินคดีกับประชาชนทที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทับ ผลจากเวบ็ ไซตก์ ารรับฟังความคิดเหน็ ของรัฐสภา ซ้อนกับพื้นที่อุทยานควรต้องพิจารณาสิทธิของ www.parliament.go.th ไมเ่ ห็นด้วย จำนวน ๒ ประชาชนในการจัดการ บำรุง รักษา และใช้ คน โดยไมม่ ีการแสดงความคิดเห็นเพ่มิ เติม ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ตามรัฐธรรมนูญ ด้วยซึ่งที่ผ่านมารัฐมักจะเร่งรัดการดำเนินคดีกับ ประชาชน การนิรโทษกรรมแก่ประชาชนกลุ่ม ดังกล่าวจะเป็นการสร้างความยุติธรรมทางกฎหมาย ใหก้ บั ประชาชน (อบจ.จงั หวัดสุโขทัย) ผลจากเว็บไซต์การรับฟังความคิดเห็นของรัฐสภา www.parliament.go.th เห็นด้วย จำนวน ๒ คน โดยไม่มกี ารแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเตมิ
-๘- สว่ นที่ ๓ รายงานผลการวเิ คราะหผ์ ลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. ความเปน็ มา สภาพปัญหา ความจำเป็นท่ีจะต้องตราพระราชบญั ญัติ โดยทีป่ จั จุบนั ปรากฏว่าเจ้าหนา้ ท่ีได้ดำเนนิ คดีกบั ประชาชนผู้เขา้ ทำการยดึ ถือหรอื ครอบครอง ที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้เสื่อมสภาพ หรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ป่า และประชาชนใช้พ้ืนที่ป่าเพื่อการประกอบอาชีพหรือเปน็ ท่ีอยู่อาศัย ท้งั ทพ่ี ืน้ ทีด่ ังกล่าวเปน็ ป่าเส่ือมโทรมซ่ึงไม่ มีความเหมาะสมที่จะเป็นพื้นที่ป่าที่ควรอนุรักษ์เพื่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมแล้ว จึงเป็นการสมควรที่จะช่วยเหลือ ประชาชนซึ่งไม่มีที่ดินเพื่อการประกอบอาชีพและไม่มีที่อยู่อาศัย แต่ได้ยึดถือหรือครอบครอบพื้นที่ป่ามากว่า หนง่ึ ปกี อ่ นทพ่ี ระราชบัญญตั นิ ี้มผี ลใช้บังคบั ใหส้ ามารถทำประโยชน์ ประกอบอาชีพและอยู่อาศัยในพ้ืนที่น้ันได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา โดยกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าท่ี พิจารณาความเหมาะสมในการออกหนังสือรับรองการถือครองและทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อเป็นหลักฐาน ภายใตเ้ งือ่ นไขที่กฎหมายกำหนด จากการสำรวจพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๒ มีจำนวน ๑๐๒,๔๘๔,๐๗๒.๗๑ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๑.๖๘ ของประเทศ๑ และในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่มีการ สำรวจข้อมูลถือครองและใช้ประโยชน์ของประชาชนข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ พบว่าในพื้นท่ี ๒๒๗ ป่าอนุรักษ์ (อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า) ไม่มีชุมชนอยู่ในพื้นที่ป่า อนุรักษ์ ๑ แห่ง ส่วนอีก ๒๒๖ ป่าอนุรักษ์ มีจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ๔,๑๙๒ หมู่บ้าน เนื้อที่ประมาณ ๔,๒๙๕,๕๐๑.๒๔ ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ๑๒๖ แห่ง มีจำนวน ๒,๗๔๕ หมู่บ้าน เนื้อท่ี ๒,๕๕๐,๐๔๔.๑๘ ไร่ เขตรกั ษาพนั ธ์สุ ัตวป์ า่ ๖๐ แห่ง ๑,๐๐๓ หมูบ่ า้ น ๑,๔๗๑,๙๐๘.๓๗ ไร่ เขตหา้ มล่าสตั วป์ า่ ๔๐ แห่ง ๔๔๔ หมบู่ า้ น ๒๗๓,๕๔๘.๖๙ ไร่ ซง่ึ ในการพิจารณาให้สทิ ธิแกป่ ระชาชนในการใชป้ ระโยชน์ในพื้นที่ ป่านน้ั จะต้องมกี ารออกกฎ ระเบียบทม่ี เี นื้อหาให้เหมาะสมกบั บรบิ ทของแต่ละพ้นื ทใ่ี ห้มากทสี่ ุด โดยเน้ือหาใน กฎ ระเบยี บทจี่ ะตอ้ งระบหุ ลกั เกณฑ์ในการพิจารณาอย่างละเอยี ด รวมถึงมีกตกิ าการอยอู่ าศัยและทำประโยชน์ ในพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ให้สอดคล้องกับวิถีของชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบร่วมกันกับการ อนุรักษ์พื้นที่ว่าชุมชนจะอยู่ในพื้นที่อย่างยั่งยืน และบุคคลที่ผ่านหลักเกณฑ์ตามกฎหมายได้สิทธิในที่ดินจะมี หน้าที่ต้องดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติด้วย เพื่อรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพใหค้ นอยู่ ได้ ป่าอยู่ได้ และสตั วป์ ่าก็อยูไ่ ด้ ๒. ความสอดคล้องของร่างพระราชบญั ญัติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๓ สิทธิและเสรภี าพของ ปวงชนชาวไทย มาตรา ๔๓ (๒) บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิ จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม และความหลากหลาย ทางชวี ภาพอย่างสมดลุ และยงั่ ยนื ตามวิธกี ารทีก่ ฎหมาย บัญญตั ิ และหมวด ๕ หนา้ ท่ีของรฐั มาตรา ๕๗ (๒) รัฐต้องอนรุ กั ษ์ คมุ้ ครอง บำรงุ รักษา ฟ้นื ฟู บริหารจัดการ ๑ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร. (๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓). รายงานสถานการณป์ า่ ไม้ไทย ประจำปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓. สืบคน้ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔ จาก https://www.seub.or.th/document/
-๙- และใช้หรือจัดให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุล และยั่งยืน โดยต้องให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ดำเนินการและได้รบั ประโยชน์ จากการดำเนนิ การดังกลา่ วดว้ ยตามทีก่ ฎหมายบญั ญัติ แผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมปฏิรูปที่จะ สง่ ผลใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอยา่ งมนี ัยสำคัญ ในกจิ กรรมปฏริ ปู ท่ี ๑ เพ่ิมและพัฒนาพื้นที่ป่าไม้ ให้ไดต้ ามเป้าหมาย พ้นื ทีป่ ่าไมจ้ ัดเป็นพ้นื ทสี่ ีเขียวตามเปา้ หมายของยุทธศาสตร์ชาติที่มีขนาดท่ีใหญ่ที่สุดและมี ผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศมาเป็น ระยะเวลายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพื้นที่ป่าไม้ของประเทศมีอัตราการลดลง อย่างต่อเนื่อง บางแห่งมีการใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม หรือ มีการจัดสรรการใช้ประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน แม้ว่ารัฐบาลในแต่ละยุคสมัย พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวแต่กย็ ังไม่บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่กำหนดไว้ได้ท้ังหมด แผนการปฏิรูปประเทศฉบับ นี้ จงึ มีความมุ่งหวงั ท่จี ะเพิ่มและพฒั นาพืน้ ท่ีปา่ ไม้ของชาติให้มีอยา่ งนอ้ ยในอัตราร้อยละ ๔๐ ของพ้ืนท่ีประเทศ ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี และนโยบายป่าไม้แห่งชาติภายใต้บริบทของสถานการณ์ประเท ศ ในปัจจุบัน การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับการครอบครองหรือใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้ ของรัฐทุกประเภทอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตผลจากป่าไม้และ สมุนไพรและการบรกิ ารของระบบนเิ วศปา่ ไม้อย่างครบวงจร แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ สำหรับการพัฒนาประเทศในระยะ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ จะมุ่งบรรลุเป้าหมายในระยะ ๕ ปี โดยใช้ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีมาเป็นกรอบ วิสัยทัศน์ที่จะสามารถต่อยอดการพัฒนาในระยะต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวตามแผน ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนาในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ตามข้อ ๓.๑.๔ เพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้สามารถสนับสนุนการเติบโตที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อมและการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และมียุทธศาสตร์ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ข้อ ๔.๔ ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เนื่องจากสภาพ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มกำลังเป็นจดุ ออ่ นสำคญั ต่อการรักษาฐานการผลติ และการใหบ้ รกิ าร รวมทงั้ การดำรงชีวิตของคนไทย ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชวี ภาพถูกคกุ คาม ความเสย่ี งในการขาดแคลนทรัพยากรน้ำในอนาคต ปัญหาส่ิงแวดล้อม เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและชุมชนเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทาง ธรรมชาติมีความผันผวนและรุนแรงมากขึ้น และข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศทวีความเข้มข้น ซึ่งจะส่งผลต่อแนวทางการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น การพัฒนาในระยะ ตอ่ ไปจึงมุง่ เน้นการรักษาและฟื้นฟูฐานทรัพยากรธรรมชาติท่ีสอดคลอ้ งกับการเปน็ อยูข่ องสงั คมและชมุ ชน ๓. ประโยชน์ท่ีประชาชนและสงั คมจะไดร้ ับ การตรากฎหมายฉบับนี้จะทำให้มีการจัดระเบียบการทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่ ประชาชนได้เข้าไปยึดถือครอบครองไว้แล้วคนละไม่เกินยี่สิบห้าไร่ จะได้สิทธิในการมีที่ทำกินและเข้าอยู่อาศยั
- ๑๐ - โดยไม่เป็นการกระทำผดิ กฎหมาย และจะเป็นการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้กับทอ้ งถิ่นได้ทำภารกิจทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนในทอ้ งถน่ิ ได้มากขึ้น ๔. ความสมั พันธห์ รอื ความใกล้เคียงกบั กฎหมายอนื่ ร่างพระราชบญั ญัตฉิ บับนี้ มีความใกล้เคียงกับกฎหมายอนื่ ดังน้ี พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งให้ความหมายของคำว่าอุทยานแห่งชาติว่า หมายถึง อุทยานแห่งชาติ หมายความว่า พื้นที่ที่มีความโดดเด่นสวยงามทางธรรมชาติเป็นพิเศษหรือมีความ หลากหลายทางชีวภาพ ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม และสัตว์ปา่ หรือพืชปา่ ประจำถ่นิ ท่หี ายาก หรือใกล้สูญพันธ์ หรือโดดเด่นด้านธรณีวิทยา หรือมรดกทางวัฒนธรรมที่สมควรหรืออนุรักษ์ไว้เพื่อประโยชน์ ของคนในชาติหรือเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติหรือนันทนาการของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึง่ ประกาศกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา นอกจากน้ีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ยังกำหนดหลักเกณฑ์การเพิก ถอนพ้นื ทอี่ ุทยานไว้เป็นการเฉพาะ กล่าวคือ การเพิกถอนอุทยานแห่งชาติไม่ว่าทั้งหมดหรือบางสว่ น ให้กระทำ โดยพระราชกฤษฎีกา และในกรณีที่เป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติบางส่วนให้มีแผนท่ีแสดงแนวเขตที่ เปลี่ยนแปลงไปซึ่งจัดทำด้วยระบบภูมิสารสนเทศหรือระบบอื่นซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน แนบท้ายพระราช กฤษฎีกาด้วย และะจะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนท่ี เก่ียวข้อง และประชาชน เพอื่ นำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการ ดังนั้น การกำหนดให้อำนาจกับกับผู้บริหารท้องถิ่นมีอำนาจออกหนังสือรับรองการยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในพื้นที่ท่ีเข้าลักษณะตามที่กำหนดในร่างพระราชบัญญัตินี้ซึ่งยังเป็นพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติอยู่โดยที่ยังไม่ได้เพิกถอนโดยพระราชกฤษฎีกา อาจเป็นการขัดกันในตัวเองของเนื้อหา กฎหมาย ซึง่ จะสง่ ผลต่อการบังคับใช้ของพนกั งานเจ้าหน้าท่ีตามกฎหมายในอนาคต ๕. ผลกระทบโดยรวมทอ่ี าจเกิดข้นึ จากกฎหมาย ๑ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การตรากฎหมายนี้จะทำให้มีการจัดสรรพื้นที่ในท้องถิ่นให้กับ ประชาชนผูไ้ ม่มีที่ดินทำกินได้มีพ้นื ที่จำนวนไม่เกินย่ีสิบหา้ ไร่เพื่อทำการเกษตรเป็นของตัวเอง จะทำให้มีรายได้ จากการทำเกษตรที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และยังสนับสนุนพื้นที่ในการทำเกษตรแบบผสมผสานในระดับ ครัวเรือนได้ครบวงจร โดยเกษตรกรสามารถทำการแบ่งพื้นท่ีให้เป็นสัดส่วนเพื่อทำการเกษตรตามแนวหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างเหมาะสม จะเป็นส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนได้อย่างมั่นคง และย่ังยนื ๒. ผลกระทบด้านสงั คมและสิง่ แวดล้อม เชงิ บวก ๑. การตรากฎหมายนี้จะทำให้มีการนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนผู้ที่เข้าที่กระทำผิด เก่ยี วกับการกอ่ สร้าง แผว้ ถางปา่ เผาป่า หรอื กระการใด ๆ อันเป็นการทำลายปา่ หรือเขา้ ยึดถอื ทำประโยชน์ใน
- ๑๑ - พื้นที่ป่าที่ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่าเสื่อมโทรมและไม่เป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม แต่ได้ กระทำตามเงื่อนไขเพื่อให้ได้สิทธิครอบครอบพื้นที่ป่าเนื้อที่ไม่เกินยี่สิบห้าไร่และ ได้กระทำก่อนหนึ่งปีก่อน พระราชบัญญตั นิ ้ีบังคับใช้ ผูน้ ัน้ จะไมม่ ีความผดิ และไม่ต้องรับโทษ ๒. การตรากฎหมายนีจ้ ะทำให้มีพ้ืนทีป่ ่าของประเทศเพ่ิมข้ึน เพราะการจดั สรรพื้นที่ตามที่ กฎหมายกำหนดคนละไม่เกินยี่สิบห้าไร่ เป็นการตีกรอบสร้างขอบเขตการบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าที่จำกัด ทำให้กรมป่าไมซ้ ่งึ เป็นผ้รู บั ผิดชอบพืน้ ท่ีป่าไมส้ ามารถทวงคืนพ้นื ทปี่ ่าจากผูท้ ี่บุกรุกยดึ ครองพ้นื ท่ีได้จำนวนมากขึ้น เพื่อนำมาทำการฟื้นฟูสภาพป่าให้สมบูรณ์และเหมาะสมแก่การเป็นป่าที่ควรอนุรักษ์เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตอ่ ไป เชงิ ลบ ผลกระทบเชิงลบด้านพื้นที่ป่า แม้ในเชิงบวกจะเป็นการตีกรอบสร้างขอบเขตการบุกรุก ครอบครองพ้ืนทีป่ ่าท่ีจำกัด ไว้คนละไมเ่ กนิ ๒๕ ไร่ แตต่ ามรา่ งพระราชบญั ญตั นิ ี้จะมกี ารอนญุ าตให้กบั ผู้ที่บุกรุก แผ่วถาง ทำกินในพื้นที่ป่าอยู่กอ่ นเป็นระยะเวลาหนึ่งปีก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บงั คับ ซึ่งโดยกระบวนการตรา กฎหมายอาจใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี ซ่ึงหมายความว่าหากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะได้รับการพิจารณาเปน็ กฎหมายจริงในอนาคต อาจมกี ลุม่ บกุ คนอาศัยช่องวา่ งนท้ี ี่จะแผ้วถาง บกุ รุก พ้นื ที่อทุ ยานแห่งชาติเพ่ือทำกินไว้ ก่อนและรอการที่จะได้รับสิทธิตามร่างพระราชบญั ญัตินี้ กรณีเช่นนี้ก็อาจส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่พื้นท่ี ของอุทยานอาจถกู บุกรมุ ากข้นึ ๓. ผลกระทบอื่นที่สำคัญ อาจจะต้องปรับปรุงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและอาจส่งผลต่อ ภารกิจเกี่ยวกับการจัดทำกฎ ระเบยี บ หรอื ประกาศของหน่วยงานที่จะต้องปฏบิ ตั ิตามกฎหมายฉบับน้ี ซง่ึ ต้องมี การออกกฎ ระเบียบ ทไี่ ม่ซ้ำซ้อนในทางปฏบิ ตั ิกับกฎหมายอ่นื ๖. การกำหนดใหม้ ีระบบอนุญาต อนุมตั ิหรือการใช้ดลุ พินจิ ของเจา้ หนา้ ที่ มี ไม่มี รา่ งพระราชบัญญัตนิ ี้ไดก้ ำหนดใหม้ ีระบบอนุญาต อนมุ ัตหิ รอื การใช้ดลุ พนิ ิจของเจ้าหน้าที่ โดยได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาความเหมาะสมในการออกหนังสือรับรองการ ยึดถือครอบครองการทำประโยชน์ในที่ดินที่ได้มานั้น โดยให้ผู้บริหารท้องถิ่นพิจารณาอนุญาตตามหลักเกณฑ์ ดังน้ี ๑. ผ้ยู ่ืนคำขอไม่มีท่ีดินทำกินหรอื มไี ม่ถงึ ย่สี บิ ไร่ ๒. เป็นผู้ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าที่ไม่มีสภาพเป็นป่าหรือเป็นป่า เส่อื มโทรมและไมเ่ ป็นสภาพปา่ ทคี่ วรอนรุ กั ษเ์ พื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยมเี นอื้ ทไ่ี ม่เกนิ ยีส่ บิ ห้าไร่ ๓. ผู้ยื่นคำขอได้ยดึ ถือครอบครองและทำประโยชน์ในพืน้ ที่ป่านัน้ มาก่อนหน่ึงปี ก่อนวันที่ พระราชบญั ญตั ินใี้ ชบ้ ังคบั ๔. เหตผุ ลอ่นื ๆ
- ๑๒ - เปน็ การให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ซ่งึ เปน็ องค์กรที่อยู่ใกล้ชดิ ชุมชนและมีข้อมูล การยึดถือครอบครองที่ดินของประชาชนในท้องที่ สามารถทำการพิจารณาการออกหนังสือรับรองการยึดถือ ครอบครองการทำประโยชน์ในท่ดี ินไดอ้ ย่างเหมาะสมและทั่วถงึ ๗. การกำหนดใหม้ ีระบบคณะกรรมการ ไม่มี มี ๘. บทกำหนดโทษ ไม่มี โทษทางอาญา โทษทางปกครอง โทษปรับเปน็ พนิ ัย โทษอปุ กรณ์ สว่ นท่ี ๔ การเปดิ เผยรายงานผลการรบั ฟังความคิดเห็นและรายงานผลการวเิ คราะห์ผลกระทบอนั เกดิ จาก รา่ งพระราชบญั ญัติ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากร่าง พระราชบญั ญตั ิที่เสนอโดยสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรหรือผู้มีสทิ ธิเลือกตั้ง ได้เปดิ เผยรายงานผลการรับฟังความ คิดเห็นและรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติ ทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แลว้ ตง้ั แตว่ ันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการรับฟังความคดิ เห็นและวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดขน้ึ จากร่างพระราชบัญญัติทเี่ สนอโดยสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง สำนักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร
รายงานผลการรับฟงั ความคิดเห็น และรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบทอี่ าจเกดิ จากรา่ งพระราชบัญญตั ิ สว่ นท่ี ๑ ข้อมูลพืน้ ฐานของร่างพระราชบญั ญัติ ๑. รา่ งพระราชบัญญตั ิบัตรประจาตัวประชาชน (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... กฎหมายใหม่ แก้ไขเพมิ่ เติม ยกเลิก ๒. หลกั การและเหตุผล ๒.๑ หลกั การ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบัตรประจาตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ เพ่ือให้บัญญัติหลักเกณฑ์ มิให้มีการส่งมอบต้นฉบับบัตรประจาตัวประชาชนหรือมีการคัดค้านถ่ายสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน ประกอบการจัดทานิติกรรมหรือธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทานิติกรรมหรือธุรกรรมระหว่า งเอกชนหรือ การจัดทาเอกสารของทางราชการ เพ่ือเป็นการป้องกันมิให้มีการใช้ข้อมูลจากบัตรประจาตัวประ ชาชน ของบคุ คลอืน่ ในทางทผี่ ิดกฎหมายหรอื มิไดเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๑๕/๑) ๒.๒ เหตผุ ล นับแต่ที่ประเทศไทยมีการตรากฎหมายบัตรประจาตัวประชาชนข้ึนใช้บังคับ โดยมีวัตถุประสงค์ เพอื่ ใช้ในการเป็นหลักฐานแสดงตนของบุคคลผู้ปรากฏช่อื ในบัตรประจาตัวประชาชน และเพ่ือความสะดวกต่อ การพิสูจน์ยืนยันตัวตน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยปัจจุบันบรรดาภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐได้กาหนด เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการทาธุรกรรมหรือนิติกรรม ตลอดจนการยื่นคาขอจะต้องมีการจัดทาสาเนาบัตร ประจาตัวประชาชนแนบมาพร้อมกับเอกสารเหล่านั้นอยู่เสมอ แต่เน่ืองจากบรรดาข้อมูลที่ปรากฏใน บัตรประจาตัวประชาชนดังกล่าวนั้น ล้วนแต่เป็นข้อมูลสาคัญและถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลท่ีสามารถใช้ใน การดาเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ ได้ เชน่ ขอ้ มูลการเสยี ภาษี ข้อมลู แหลง่ รายได้ การใชย้ นื ยันสิทธเิ พื่อขอรับสวัสดิการ ภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล กรณีดังกล่าวก่อให้เกิดความเส่ียงให้แก่ประชาชนในการท่ีข้อมูลตามบัตรประจาตัว ประชาชนดังกล่าว เกิดการรั่วไหลหรือมีการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน นอกจากน้ี ในปัจจุบัน ภาครัฐและภาคเอกชนได้มีการพัฒนารูปแบบการจัดเกบ็ ข้อมูลและการตรวจสอบยืนยัน ตัวบุคคลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในหลายรูปแบบ และมีการตรากฎหมายที่เก่ียวข้องกับกฎหมาย การคมุ้ ครองข้อมลู ส่วนบุคคล จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ี้ ๓. ผ้เู สนอร่างพระราชบัญญัติ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ประชาชนเข้าชอ่ื เสนอกฎหมาย นายพสิ ิฐ ลอี้ าธรรม สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรกับคณะ เปน็ ผูเ้ สนอ
-๒- สว่ นที่ ๒ การรับฟังความคดิ เหน็ และสรปุ ผลการรับฟังความคิดเหน็ ๑. ข้อมูลประกอบการรบั ฟังความคดิ เหน็ ร่างพระราชบัญญัติบัตรประจาตัวประชาชน (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... มีสาระสาคัญโดยที่พระราชบัญญัติ บัตรประจาตัวประชาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ ทวิ กาหนดว่าผู้ใดเอาไปเสียหรือยึดไว้ซ่ึงบัตร หรือใบรับหรือใบแทนใบรับของผู้อ่ืน เพ่ือประโยชน์สาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ จึงเห็นสมควรแก้ไข เพิ่มเติมเป็นมาตรา ๑๕/๑ กาหนดว่าผู้ใดเอาไปหรือยึดไว้หรือมีไว้ซ่ึงต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือ ใบแทน ใบรับของผู้อื่น หรือจัดให้ผู้อ่ืนส่งมอบต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของตน เพื่อประโยชน์สาหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบหรือปราศจากเหตุอ้างตามกฎหมาย เพ่ือไม่ให้มีการส่งมอบ ต้นฉบับบัตรประจาตัวประชาชนหรือดาเนินการคัดถ่ายและส่งมอบสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน เพ่ือประกอบการกระทานิติกรรมหรือธุรกรรม รวมท้ังการห้ามมิให้ผู้ใดยึดไว้หรือมีไว้หรือครอบครองไว้ซึ่ง ต้นฉบับ หรือสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนของผู้อ่ืนไว้ เน่ืองจากในปัจจุบันข้อมูลตามบัตรป ระจาตัว ประชาชน มีความสาคัญและนามาใช้ในการทาธุรกรรมทางการเงิน ข้อมูลทางด้านภาษี และนิติกรรมสัญญา ต่าง ๆ ทั้งในภาครัฐและเอกชนอย่างแพร่หลาย จึงมีความเส่ียงหากมีการนาสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน หรือข้อมูลตามบัตรประจาตัวประชาชนของผู้อื่นไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ทาให้เกิดความเสียหาย แก่ประชาชน กรณจี ึงมคี วามจาเป็นท่ีจะต้องแกไ้ ขเพิ่มเตมิ บทบัญญตั เิ พื่อกาหนดมาตรการทางกฎหมายในเรอ่ื ง ดังกล่าวให้มีความชัดเจนครอบคลุมและสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งข้ึน อันเป็นการคุ้มครอง ปกป้องสิทธขิ องประชาชนและเพอื่ ให้สอดคล้องกับกฎหมายเก่ียวกบั ข้อมูลสว่ นบคุ คล ๒. ผูเ้ กี่ยวขอ้ งทไ่ี ด้รับหรืออาจไดร้ บั ผลกระทบจากร่างพระราชบญั ญัติ ๒.๑ กระทรวงมหาดไทย ๒.๒ สานักงานตารวจแห่งชาติ ๒.๓ หนว่ ยงานภาครัฐอ่ืน ๆ ท่ีเกย่ี วข้อง ๒.๔ ภาคเอกชน ๒.๕ ประชาชนทัว่ ไป ๓. ประเดน็ การรับฟงั ความคิดเห็น เหน็ ด้วยหรือไม่ ท่ีไม่ใหผ้ ู้ใดเอาไปหรือยึดไวห้ รอื มีไว้ซ่ึงต้นฉบับหรอื สาเนาบัตรหรือใบรบั หรอื ใบแทน ใบรับ ของผู้อ่ืน หรือจัดให้ผู้อ่ืนส่งมอบต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของตน เพ่ือประโยชน์สาหรับ ตนเองหรือผู้อน่ื โดยมชิ อบหรือปราศจากเหตุอ้างตามกฎหมาย ๔. ระยะเวลาและวธิ กี ารการรับฟังความคดิ เห็น ๔.๑ ระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็น รับฟังต้ังแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา จานวน ๒๑ วนั ๔.๒ วธิ กี ารรับฟงั ความคิดเห็น (๑) ผา่ นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th
-๓- ๕. สรปุ ผลการรบั ฟงั ความคิดเหน็ ๕.๑ ขอ้ มลู ทั่วไปผ้รู ่วมแสดงความคดิ เหน็ จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จานวน ๓ ราย ซงึ่ เปน็ ประชาชนท่วั ไป ๕.๒ ผลการรับฟัง ผลการรบั ฟังผา่ นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรฐั สภา www.parliament.go.th สรุปได้เป็น รายประเด็นดังน้ี เห็นด้วย - เนื่องจากบัตรประจาตัวประชาชนเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนของบุคคลในฐานะประชากรของรัฐ ท้ังชนิดบัตรที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ซ่ึงมีข้อมูลหรือรหัสท่ีเป็นสาคัญ หรือส่วนบุคคลบันทึกไว้บนหรือในบัตรประจาตัวประชาชน จึงไม่ควรให้ผู้ใดนาไปหรือยึดไว้ซึ่งบัตรประจาตัว ประชาชนของผู้อ่ืน
-๔- - การท่ีไม่ให้ผู้ใดเอาไปหรือยึดไว้หรือมีไว้ซ่ึงต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทน ใบรับของ ผู้อื่นหรือจัดให้ผู้อื่นส่งมอบต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของตน เพื่อประโยชน์สาหรับ ตนเองหรือผู้อ่ืนโดยมิชอบหรือปราศจากเหตุอ้างตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการกระทาอันส่อไปทางไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการนาข้อมูลจากบัตรต้นฉบับ สาเนาบัตรหรือใบแทนซ่ึงมีข้อมูลส่วนบุคคล ของเจ้าของบัตรประจาตัวประชาชนผู้นั้น ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น อันอาจก่อความเสียหายให้แก่ ผู้เป็นเจ้าของบัตรนั้นและเปน็ การกาหนดโทษถึงผ้กู ระทาน้ันได้ชัดเจนอกี ด้วย ไมเ่ หน็ ดว้ ย - ไมม่ ี ส่วนที่ ๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติ ๑. ความเป็นมา สภาพปัญหา ความจาเปน็ ทีจ่ ะต้องตราพระราชบัญญัติ นับแต่ท่ีประเทศไทยมีการตรากฎหมายบัตรประจาตัวประชาชนขึ้นใช้บังคับ โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือใช้ในการเป็นหลักฐานแสดงตนของบุคคลผู้ปรากฏชื่อในบัตรประจาตัวประชาชน และเพ่ือความสะดวก ตอ่ การพิสูจนย์ ืนยนั ตวั ตน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยปัจจุบันบรรดาภาคเอกชนและหน่วยงานภาครฐั ไดก้ าหนด เง่ือนไขที่เก่ียวข้องกับการทาธุรกรรมหรือนิติกรรม ตลอดจนการย่ืนคาขอจะ ต้องมีการจัดทาสาเนา บัตรประจาตัวประชาชนแนบมาพร้อมกับเอกสารเหล่าน้ันอยู่เสมอ แต่เนื่องจากบรรดาข้อมูลท่ีปรากฏในบัตร ประจาตวั ประชาชนดงั กล่าวนัน้ ลว้ นแต่เปน็ ข้อมูลสาคัญและถือเป็นขอ้ มูลสว่ นบุคคลที่สามารถใช้ในการดาเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ข้อมูลการเสียภาษี ข้อมูลแหล่งรายได้ การใช้ยืนยันสิทธิเพื่อขอรับสวัสดิการภาครัฐ ผ่านระบบดิจิทัล กรณดี งั กล่าวกอ่ ใหเ้ กิดความเสี่ยงใหแ้ กป่ ระชาชนในการท่ขี อ้ มูลตามบตั รประจาตัวประชาชนดังกล่าว เกิดการรั่วไหลหรือมีการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน นอกจา กน้ี ในปจั จุบัน ภาครัฐและภาคเอกชนได้มีการพัฒนารูปแบบการจัดเก็บข้อมูลและการตรวจสอบยืนยันตวั บุคคลด้วยวิธีการ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ในหลายรูปแบบ และมกี ารตรากฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลสว่ นบุคคล พระราชบัญญัติบัตรประจาตัวประชาชน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ ทวิ กาหนดว่าผู้ใดเอา ไปเสียหรือยึดไว้ซึ่งบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของผู้อื่น เพ่ือประโยชน์สาหรับตนเองหรือผู้อ่ืนโดย มิชอบ จึงเห็นสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นมาตรา ๑๕/๑ กาหนดว่าผู้ใดเอาไปหรือยึดไว้หรือมีไว้ซึ่งต้นฉบับหรือ สาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทน ใบรับของผู้อ่ืน หรือจัดให้ผู้อื่นส่งมอบต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือ ใบแทนใบรับของตน เพ่ือประโยชน์สาหรับตนเองหรือผู้อ่ืนโดยมิชอบหรือปราศจากเหตุอ้างตามกฎหมาย เพือ่ ไม่ใหม้ ีการส่งมอบต้นฉบบั บัตรประจาตัวประชาชนหรือดาเนินการคัดถ่ายและส่งมอบสาเนาบัตรประจาตัว ประชาชน เพื่อประกอบการกระทานิติกรรมหรือธุรกรรม รวมทั้งการห้ามมิให้ผู้ใดยึดไว้หรือมีไว้หรือ ครอบครองไว้ซ่ึงต้นฉบับ หรือสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนของผู้อื่นไว้ เนื่องจากในปัจจุบันข้อมูลตาม บัตรประจาตัวประชาชน มีความสาคัญและนามาใช้ในการทาธุรกรรมทางการเงิน ข้อมูลทางด้านภาษี และนิตกิ รรม สัญญาต่าง ๆ ท้ังในภาครัฐและเอกชนอย่างแพร่หลาย จึงมีความเส่ียงหากมีการนาสาเนาบัตรประจาตัว ประชาชนหรือข้อมูลตามบัตรประจาตัวประชาชนของผู้อ่ืนไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ทาให้เกิดความเสียหาย แกป่ ระชาชน กรณจี ึงมีความจาเป็นที่จะต้องแกไ้ ขเพม่ิ เติมบทบัญญตั ิเพือ่ กาหนดมาตรการทางกฎหมายในเรือ่ ง ดังกล่าวให้มีความชัดเจนครอบคลุมและสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อันเป็นการคุ้มครอง ปกปอ้ งสทิ ธขิ องประชาชนและเพื่อให้สอดคลอ้ งกบั กฎหมายเกย่ี วกบั ข้อมลู สว่ นบุคคล
-๕- ๒. ความสอดคล้องของรา่ งพระราชบญั ญัติ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ วรรคหน่ึง บญั ญตั ิวา่ “รัฐพึงจดั ให้มีกฎหมายเพยี ง เท่าท่ีจาเป็น และยกเลิกหรือปรับปรงุ กฎหมายท่ีหมดความจาเป็นหรือไม่สอดคล้องกบั สภาพการณ์ หรือที่เป็น อปุ สรรคตอ่ การดารงชีวติ หรอื การประกอบอาชีพโดยไม่ชกั ช้าเพื่อไมใ่ หเ้ ปน็ ภาระแกป่ ระชาชน...” ๓. ประโยชน์ทป่ี ระชาชนและสงั คมจะไดร้ บั เม่อื มีการยกเลกิ มาตรา ๑๕ ทวิ ของพระราชบัญญัติบตั รประจาตวั ประชาชน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยแก้ไขเพิ่มเตมิ เป็นมาตรา ๑๕/๑ ท่ีกาหนดว่าผูใ้ ดเอาไปหรือยึดไว้หรอื มีไว้ซ่งึ ต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบ รับหรือใบแทน ใบรับของผู้อ่ืน หรือจัดให้ผู้อ่ืนส่งมอบต้นฉบับหรือสาเนาบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของ ต น เพ่ื อ ป ระโย ช น์ ส าห รับ ต น เอ งห รือ ผู้ อ่ื น โด ยมิ ช อ บ ห รือ ป ราศ จาก เห ตุ อ้ างต าม ก ฎ ห ม าย เพอื่ ไม่ใหม้ ีการส่งมอบต้นฉบบั บัตรประจาตวั ประชาชนหรือดาเนินการคัดถ่ายและส่งมอบสาเนาบัตรประจาตัว ประชาชน เพ่ือประกอบการกระทานิติกรรมหรือธุรกรรม รวมทั้งการห้ามมิให้ผู้ใดยึดไว้หรือมีไว้หรือ ครอบครองไว้ซึ่งต้นฉบับ หรือสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนของผู้อื่นไว้ รวมท้ังเพ่ือกาหนดมาตรการทาง กฎหมายในเรื่องดังกล่าวให้มีความชัดเจนครอบคลุมและสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อันเป็น การคุม้ ครองปกปอ้ งสทิ ธิของประชาชนและเพื่อให้สอดคลอ้ งกับกฎหมายเกี่ยวกับขอ้ มลู สว่ นบคุ คล ๔. ความสัมพนั ธ์หรือความใกลเ้ คยี งกบั กฎหมายอื่น ร่างพระราชบัญญัติฉบับน้ี มีความใกล้เคียงกับ ๑. พระราชบญั ญัตบิ ัตรประจาตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ ๒. พระราชบัญญัตบิ ตั รประจาตวั ประชาชน (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ๓. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ บัญญัติว่า ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรอื ทาให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซ่ึงพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผูอ้ ่นื หรือประชาชน ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี และปรบั ไมเ่ กินหน่งึ แสนบาท ๕. ผลกระทบโดยรวมทอี่ าจเกิดขนึ้ จากกฎหมาย ไม่มี ๖. การกาหนดใหม้ ีระบบอนุญาต อนมุ ตั ิหรอื การใช้ดลุ พินิจของเจ้าหน้าท่ี มี ไม่มี เหตุผลและความจาเป็น
๗. การกาหนดใหม้ ีระบบคณะกรรมการ -๖- มี ไมม่ ี เหตผุ ลและความจาเปน็ ๘. บทกาหนดโทษ ไม่มี โทษทางอาญา โทษทางปกครอง โทษปรบั เปน็ พินยั โทษอุปกรณ์ เหตผุ ลและความจาเปน็ เพื่อให้มีบทลงโทษแก่ผู้กระทาความผิดและเป็นไปตามห ลักที่ว่า รัฐพึงกาหนดโทษอาญาเฉพาะ ความผิดร้ายแรง ส่วนที่ ๔ การเปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิด จากรา่ งพระราชบญั ญตั ิ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและวเิ คราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึนจากร่างพระราชบญั ญัติท่ีเสนอ โดยสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรหรอื ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ได้เปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานผล การวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติ ทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แล้ว ต้งั แตว่ ันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ คณะกรรมการรับฟังความคดิ เห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขนึ้ จากร่างพระราชบัญญัติทเ่ี สนอโดยสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรหรือผู้มสี ิทธเิ ลือกต้ัง สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
- ๑- รายงานผลการรบั ฟังความคิดเห็น และรายงานผลการวเิ คราะหผ์ ลกระทบที่อาจเกดิ จากร่างพระราชบัญญัติ ส่วนท่ี ๑ ข้อมูลพ้ืนฐานของรา่ งพระราชบญั ญัติ ๑. ร่างพระราชบัญญตั ิการอานวยความสะดวกในการพจิ ารณาอนุญาตของทางราชการ (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... กฎหมายใหม่ แก้ไขเพ่ิมเติม ยกเลิก ๒. หลักการและเหตุผล ๒.๑ หลักการ แก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของ ทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ประชาชนผู้ติดต่อราชการและผู้ย่ืนคาขอที่ได้กระทาต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือผู้พจิ ารณาอนญุ าตคาขอนัน้ ไมจ่ าเป็นต้องมีการจัดเตรยี มสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนในการยืนยันตัวตน ของผู้ติดต่อราชการหรือผู้ยื่นคาขอ เว้นแต่จะมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ บัญญัติหรือกาหนดเอาไว้เป็นอย่างอื่น ทั้งน้ี เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชนผู้ยื่นคาขอหรือผู้ท่ีติดต่อราชการ ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับ บทบัญญัติของพระราชบัญญัติบัตรประจาตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล สว่ นบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๒ (แกไ้ ขเพิม่ เตมิ มาตรา ๘) ๒.๒ เหตุผล ปจั จุบนั ประเทศไทยมีการตรากฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการดาเนินกิจกรรมของประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งมีความจาเป็นจะต้องมีการขอรับอนุญาต จากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เป็นจานวนมาก โดยในกระบวนการพิจารณาอนุญาตตามคาขอดังกล่าว มหี ลายขัน้ ตอนและเกีย่ วขอ้ งกับพนักงานเจ้าหน้าทใ่ี นหลายระดบั โดยในระยะเวลาทผี่ า่ นมาพนักงานเจ้าหน้าที่ ในหลายระดับ โดยในระยะเวลาที่ผ่านมาพนักงานเจ้าหน้าท่ีและผู้มีอานาจพิจารณาคาขอมักจะมีการแจ้งให้ ประชาชนผู้ติดต่อราชการหรือผู้ยื่นคาขอจะต้องดาเนินการคัดถ่ายสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนพร้อมท้ัง ลงชื่อรับรองสาเนาถูกต้องส่งมอบให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพ่ือประกอบการพิจารณาอนุญาตตามคาขอ โดยท่ีมิได้มีความจาเป็นแต่อย่างใด เนื่องจากเจตนารมณ์ของการมีบัตรประชาชนต้ังแต่ปี ๒๔๘๖ มีเพ่ือใช้ ในการเป็นหลักฐานแสดงตนเท่าน้ัน การขอสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนเพ่ือการดังกล่าวของพนักงาน เจ้าหน้าที่จึงเป็นการสร้างข้ันตอนในการติดต่อราชการให้แก่ประชาชนหรือผู้ติดต่อราชการโดยไม่จาเป็น อีกทั้งเป็นการเพิ่มความเส่ียงให้แก่ประชาชนหรือผู้ย่ืนคาขอในการที่ข้อมูลตามบัตรประชาชนดังกล่าวจะเกิด การร่ัวไหลหรือมีการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนหลายกรณี นอกจากนี้
- ๒- ภาครฐั ได้มีการพฒั นารปู แบบการจัดเกบ็ ข้อมูลและการตรวจสอบยนื ยันตัวบุคคลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในหลายรูปแบบ และมีการตรากฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กรณีจึงไม่มี ความจาเป็นจะต้องกาหนดเง่ือนไขท่ีจะต้องให้ผู้ยื่นคาขอดาเนินการคัดถ่ายสาเนาบัตรประชาชน เพ่อื ประกอบการย่ืนคาขอใด ๆ อกี จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบัญญัติน้ี ๓. ผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ประชาชนเขา้ ชอ่ื เสนอกฎหมาย นายพิสิฐ ลอ้ี าธรรม สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร กับคณะ เป็นผเู้ สนอ ส่วนที่ ๒ การรับฟังความคดิ เห็นและสรปุ ผลการรบั ฟังความคดิ เห็น ๑. ขอ้ มูลประกอบการรับฟังความคิดเหน็ ร่างพระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... เป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมายว่าด้วยการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ประชาชนผู้ติดต่อราชการและผู้ท่ีย่ืนคาขอที่ได้กระทาต่อพนักงานเจ้ าหน้าที่ หรือผูพ้ ิจารณาอนญุ าตคาขอนัน้ ไม่จาเปน็ ต้องมกี ารจัดเตรยี มสาเนาบตั รประจาตัวประชาชนในการยืนยันตัวตน ของผู้ติดต่อราชการหรือผู้ย่ืนคาขอ เว้นแต่จะมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ บัญญัติหรือกาหนดเอาไว้เป็นอย่างอื่น ท้ังน้ี เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชนผู้ย่ืนคาขอหรือผู้ที่ติดต่อราชการ ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับ บทบญั ญัตขิ องพระราชบัญญัตบิ ัตรประจาตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (รา่ งมาตรา ๓) ๒. ผ้เู กยี่ วข้องทไี่ ด้รับหรอื อาจได้รบั ผลกระทบจากรา่ งพระราชบัญญัติ ๒.๑ กระทรวงมหาดไทย ๒.๒ กรงุ เทพมหานคร ๒.๓ ประชาชนทัว่ ไป ๓. ประเดน็ การรบั ฟงั ความคิดเห็น ๓.๑ ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการห้ามมิให้เจ้าหน้าท่ีกาหนดเงื่อนไขให้ผู้ติดต่อราชการ หรือผู้ย่ืนคาขอจัดเตรียมและส่งมอบสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนเพื่อประกอบคาขอหรือเพ่ือการแสดงตน ในการตดิ ต่อราชการ เว้นแตจ่ ะมกี ฎหมาย กฎ ระเบียบ หรอื ข้อบงั คับใดบัญญัตหิ รอื กาหนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอ่ืน ๓.๒ ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะอนื่ ๆ (ถา้ มี)
- ๓- ๔. ระยะเวลาและวิธกี ารการรบั ฟังความคดิ เหน็ ๔.๑ ระยะเวลาในการรับฟังความคิดเห็น วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ รวมระยะเวลา จานวน ๒๓ วนั นบั จากวนั ขึน้ เวบ็ ไซต์ ถึงวนั ปดิ การรับฟงั ๔.๒ วิธกี ารรับฟงั ความคิดเห็น (๑) ผ่านระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th (๒) สง่ ประเดน็ ไปรบั ฟงั ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง (ไมม่ ี) ๕ สรุปผลการรับฟงั ความคิดเห็น ๕.๑ ข้อมลู ท่ัวไปผูร้ ว่ มแสดงความคดิ เห็น จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th จานวน ๒ ราย ประกอบดว้ ยประชาชนทั่วไป จานวน ๒ คน ๕.๒ ผลการรบั ฟัง ผลการรับฟังผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา www.parliament.go.th สามารถสรปุ ไดเ้ ปน็ รายประเดน็ ดงั ต่อไปน้ี
- ๔- ๑. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการห้ามมิให้เจ้าหน้าที่กาหนดเง่ือนไขให้ผู้ติดต่อราชการ หรือผู้ยื่นคาขอจัดเตรียมและส่งมอบสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนเพื่อประกอบคาขอหรือเพ่ือการแสดงตน ในการติดตอ่ ราชการ เวน้ แตจ่ ะมีกฎหมาย กฎ ระเบยี บ หรอื ขอ้ บังคบั ใดบัญญัตหิ รือกาหนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอนื่ เหน็ ดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย - ลดภาระแก่ประชาชน ไมม่ ี - อาจมีความซ้าซ้อนกับมาตรา ๑๑ ถึงมาตรา ๑๔ ของพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการ ภาครฐั ผา่ นระบบดจิ ทิ ลั ๒. ขอ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะอืน่ ๆ (ถา้ ม)ี ๒.๑ รัฐบาลควรเรง่ ไปสกู่ ารเป็นรฐั บาลดิจทิ ัล เพอื่ ใหก้ ารเตรียมเอกสารและหลักฐาน เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐท่ีจะดึงข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลใด และมีขั้นตอนที่ประชาชนสามารถยืนยันตัวตนว่าเป็น ผู้มีสิทธิในข้อมูลนั้น โดยท่ีประชาชนหรือบุคคลที่มีตัวตนถูกต้องตามกฎหมายไม่จาเป็นต้องส่งมอบ บัตรเอกสาร หลักฐาน หรือสาเนาอื่นใดอีกให้กับเจ้าหน้าที่ เว้นแต่มีเหตุที่อนุญาตให้กระทาได้ เช่น หลักฐาน เพือ่ ใชเ้ พิ่มชนดิ ขอ้ มลู ทีย่ ังไม่มีบนั ทึก มเี หตุสดุ วิสัยทาใหไ้ ม่สามารถดงึ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมลู ๒.๒ ไมค่ วรมกี ารกาหนดเรือ่ งการขอบตั รประชาชนไวใ้ นกฎหมายระดบั ใด ๆ แล้ว สว่ นท่ี ๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบญั ญตั ิ ๑. ความเป็นมา สภาพปัญหา ความจาเปน็ ทจ่ี ะต้องตราพระราชบญั ญัติ ปัจจุบันประเทศไทยมีการตรากฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการดาเ นินกิจกรรมของประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งมีความจาเป็นจะต้องมีการขอรับอนุญาตจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เป็นจานวนมาก โดยในกระบวนการพิจารณาอนุญาตตามคาขอดังกล่าว มหี ลายขนั้ ตอนและเกีย่ วข้องกบั พนักงานเจ้าหนา้ ทีใ่ นหลายระดบั โดยในระยะเวลาทผ่ี ่านมาพนักงานเจ้าหน้าที่ ในหลายระดับ โดยในระยะเวลาท่ีผ่านมาพนักงานเจ้าหน้าท่ีและผู้มีอานาจพิจารณาคาขอมักจะมีการแจ้งให้ ประชาชนผู้ติดต่อราชการหรือผู้ย่ืนคาขอจะต้องดาเนินการคัดถ่ายสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนพร้อมทั้ง ลงช่ือรับร องส าเน าถูกต้อง ส่งมอบให้แก่พนักงาน เจ้า หน้ า ท่ีเพ่ื อปร ะกอบกา รพิจ ารณาอนุ ญาต ตามคาขอ โดยที่มิได้มีความจาเป็นแต่อย่างใด เน่ืองจากเจตนารมณ์ของการมีบัตรประชาชนตั้งแต่ปี ๒๔๘๖ มีเพ่ือใช้ ในการเป็นหลักฐานแสดงตนเท่าน้ัน การขอสาเนาบัตรประจาตัวประชาชนเพื่อการดังกล่าวของพนักงาน เจ้าหน้าที่จึงเป็นการสร้างขั้นตอนในการติดต่อราชการให้แก่ประชาชนหรือผู้ติดต่อราชการโดยไม่จาเป็น อีกท้ังเป็นการเพ่ิมความเสี่ยงให้แก่ประชาชนหรือผู้ย่ืนคาขอในการท่ีข้อมูลตามบัตรประชาชนดังกล่าวจะเกิด การรั่วไหลหรือมีการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนหลายกรณี นอกจากน้ี ภาครัฐไดม้ ีการพัฒนารูปแบบการจดั เก็บขอ้ มลู และการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในหลายรูปแบบ และมีการตรากฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กรณีน้ีจึงไม่มี
- ๕- ความจาเป็นจะต้องกาหนดเงื่อนไขให้ผู้ย่ืนคาขอดาเนินการคัดถ่ายสาเนาบัตรประชาชนเพื่อประกอบการ ย่ืนคาขอใด ๆ อีก จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ้ี ๒. ความสอดคล้องของรา่ งพระราชบญั ญัติ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรคหน่ึง บัญญัติว่า “รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จาเป็น และยกเลิก หรอื ปรบั ปรงุ กฎหมายทห่ี มดความจาเปน็ หรอื ไมส่ อดคลอ้ งกบั สภาพการณ์ หรอื ทีเ่ ป็นอปุ สรรคต่อการดารงชีวิต หรือการประกอบอาชีพโดยไมช่ กั ชา้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแกป่ ระชาชน...” พระราชบญั ญัตบิ ัตรประจาตวั ประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ พระราชบัญญัติบัตรประจาตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ นั้น มีหลักการและเหตุผล เพ่ือกาหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุต้ังแต่สิบเจ็ดปีบริบูรณ์ต้องมีบัตรประจาตัวประชาชนไว้ใช้เป็นหลักฐาน ในการแสดงตนเพื่อประโยชน์ของผู้ถือบัตรและทางราชการเท่านั้น มิได้มีบทบัญญัติใด ๆ ท่ีกาหนดให้มีไว้เพ่ือ การติดต่อราชการ ๓. ประโยชน์ท่ปี ระชาชนและสังคมจะได้รบั เมื่อมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของ ทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่เสนอนี้จะช่วยอานวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ประชาชนหรือผู้ติดต่อ ราชการโดยไม่จาเป็น อีกท้ังยังเป็นการลดความเส่ียงให้แก่ประชาชนหรือผู้ยื่นคาขอในการที่ข้อมูลตาม บัตรประชาชนดังกล่าวจะเกิดการร่ัวไหลหรือมีการนาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ประชาชนหลายกรณี นอกจากน้ี ยังเป็นการรองรบั รฐั บาลดิจิทลั อกี ดว้ ย ๔. ความสมั พนั ธห์ รือความใกล้เคยี งกบั กฎหมายอนื่ รา่ งพระราชบญั ญัตฉิ บบั น้ีมีความใกล้เคียงกบั ๑. พระราชบญั ญัติบตั รประจาตวั ประชาชน พ.ศ. ๒๕๒๖ ๒. พระราชบัญญัติคมุ้ ครองขอ้ มูลสว่ นบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓. ประกาศกรมการปกครอง เร่ือง ยกเลิกการเรียกสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน และ สาเนาทะเบยี นบา้ น ๕. ผลกระทบโดยรวมทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากกฎหมาย ผลกระทบต่อเศรษฐกจิ ช่วยอานวยความสะดวกและลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ
- ๖- ผลกระทบตอ่ สังคม ช่วยอานวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ประชาชนหรือผู้ติดต่อราชการโดยไม่จาเป็น อีกท้ังยังเป็นการลดความเส่ียงให้แก่ประชาชนหรือผู้ย่ืนคาขอในการที่ข้อมูลตามบัตรประชาชนดังกล่าวจะเกิด การรั่วไหลหรือมีการนาไปใชผ้ ดิ วัตถปุ ระสงค์อนั กอ่ ให้เกดิ ความเสียหายแกป่ ระชาชน ๖. การกาหนดให้มีระบบอนุญาต อนุมัติ หรอื การใช้ดลุ พินิจของเจา้ หนา้ ที่ มี ไมม่ ี เหตุผลและความจาเป็น ๗. การกาหนดใหม้ รี ะบบคณะกรรมการ ไม่มี มี เหตุผลและความจาเปน็ ๘. บทกาหนดโทษ ไม่มี โทษทางอาญา โทษทางปกครอง โทษปรบั เปน็ พินัย โทษอปุ กรณ์ เหตผุ ลและความจาเปน็ ส่วนที่ ๔ การเปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจาก รา่ งพระราชบัญญัติ คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนจากร่างพระราชบัญญัติ ที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ได้เปิดเผยรายงานผลการรับฟังความคิดเห็นและ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบอันเกิดจากร่างพระราชบัญญัติทางเว็บไซต์รัฐสภา www.parliament.go.th แล้วต้ังแต่วนั ท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๕
- ๗- คณะกรรมการรับฟงั ความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากร่างพระราชบัญญตั ิทีเ่ สนอโดยสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรหรอื ผู้มสี ทิ ธเิ ลือกต้ัง สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 599
Pages: