Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-01-24 08:08:00

Description: เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 22-23 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 29-30 มกราคม 2563 จำนวน 4 เรื่อง

Search

Read the Text Version

The Administrative Court Annual Report 2018 ๑.เปรยี บเทยี บงบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปีพ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๑สำ� นกั งานศาลปกครอง ๑. ภาพรวมงบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๑ สำ� นกั งานศาลปกครอง ล้านบาท ๒,๙๔๕.๕๒๙๒ ลา้ นบาท ๓,๐๐๐ ๒,๖๖๗.๐๖๖๔ ล้านบาท ๒,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ลดลง ๒๗๘.๔๖๒๘ ล้านบาท (รอ้ ยละ ๙.๔๕) ปีงบประมาณ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ภาพรวมงบประมาณรายจา่ ยประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๑ สำ� นกั งานศาลปกครอง จำ� แนกรายแผนงาน หนว่ ย : ล้านบาท ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ แผนงานบคุ ลากรภาครฐั ๑,๘๗๒.๒๐๕๓ ๒,๐๕๗.๗๑๔๖ แผนงานพ้นื ฐานดา้ นการปรับสมดลุ ๑,๐๖๗.๔๓๗๙ ๕๙๗.๕๔๔๓ และพฒั นาระบบบริหารจดั การภาครฐั ๕.๘๘๖๐ ๑๑.๘๐๗๕ แผนงานบรู ณาการปฏิรูปกฎหมาย ๒,๖๖๗.๐๖๖๔ ๒,๙๔๕.๕๒๙๒ และพัฒนากระบวนการยุติธรรม รวมท้งั ส้นิ 34

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ๒. สรปุ ผลการดำ� เนนิ งานตามขอ้ สงั เกตของสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ (จากการชแ้ี จง รายงานการปฏบิ ตั งิ านของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๐) ส�ำนักงานศาลปกครองได้ช้ีแจงรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๐ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๒ เปน็ พเิ ศษ เมอ่ื วนั ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ สถาบนั พระปกเกลา้ อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ชน้ั ๕ ศนู ยร์ าชการเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษา โดยสรปุ ประเดน็ ขอ้ สงั เกตและขอ้ แนะนำ� ของสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตไิ ด้ ดงั น้ี ประเดน็ ขอ้ ซักถาม การตอบข้อซกั ถาม/ ขอ้ ๑ในปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๐ศาลปกครอง การด�ำเนนิ งานตามข้อสงั เกต ชนั้ ตน้ พจิ ารณาคดไี ดแ้ ลว้ เสรจ็ ทง้ั หมด๘,๐๑๓คดี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ศาลปกครองชั้นต้น แยกเป็นคดีมีท่ีมีการอุทธรณ์ค�ำพิพากษา พิจารณาคดีได้แล้วเสร็จท้ังหมด ๘,๐๑๓ คดี เป็นคดี ศาลปกครองชั้นต้นและคดีท่ีไม่มีการอุทธรณ์ ทมี่ กี ารอทุ ธรณค์ ำ� พพิ ากษา จำ� นวน ๓,๒๒๘ คดี คดิ เปน็ จ�ำนวนก่ีคดี ร้อยละ ๔๐.๒๘ และเป็นคดีท่ียังไม่เข้าสู่กระบวนการ ข้อ ๒ การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง อทุ ธรณ์ จ�ำนวน ๔,๗๘๕ คดี คดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๙.๗๒ ช้ันต้นและศาลปกครองสูงสุดมีเจ้าพนักงาน คดปี กครอง ทำ� หนา้ ทช่ี ว่ ยเหลอื คดหี รอื ไม่ หากมี อัตราส่วนของพนักงานคดีปกครองท่ีท�ำงานช่วยเหลือ มีอัตราส่วนต่อตุลาการศาลปกครองอย่างไร ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น จะมีอัตราส่วนพนักงาน และมอี ตั ราเพยี งพอหรอื ไม่ คดีปกครอง ๓ คน ต่อตุลาการศาลปกครองช้ันต้น ๑ ทา่ น และอตั ราสว่ นของพนกั งานคดปี กครองทท่ี ำ� งาน ขอ้ ๓ ศาลปกครองมผี ลการดำ� เนนิ งานดา้ นการ ช่วยเหลือตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีอัตราส่วน ไกลเ่ กล่ยี คดีพพิ าทมากน้อยเพียงใด พนักงานคดีปกครอง ๕ คน ต่อตุลาการศาลปกครอง สูงสุด ๑ ท่าน ผลการด�ำเนินงานในเรื่องของการไกล่เกล่ียคดีพิพาท ขณะนี้ประกาศราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ส�ำนักงานศาลปกครองได ้ ด�ำเนินการในเรื่องของการศึกษามาตรการเกี่ยวกับ คดีปกครองมาอย่างต่อเน่ือง โดยมอบหมายให้ ส�ำนักวิจัยและวิชาการของส�ำนักงานศาลปกครอง ให้ศึกษาระบบวิธีการไกล่เกล่ียข้อพิพาทคดีปกครอง และผลการศึกษาดังกล่าวพบว่า การเปิดโอกาสและ ส่งเสริมให้คู่กรณีมีทางเลือกในการระงับข้อพิพาท ทางปกครองไดอ้ กี ทางหนง่ึ ดว้ ยความสมคั รใจของคกู่ รณี และรักษาไว้ซ่ึงสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างกัน จะส่งผลต่อ การลดปรมิ าณคดีท่ีเข้าสู่ศาลปกครองได้ 35

The Administrative Court Annual Report 2018 ประเด็นข้อซกั ถาม การตอบข้อซักถาม/ ข้อ ๔ การฟ้องคดีปกครองมีหลักการให้ การด�ำเนินงานตามขอ้ สังเกต ประชาชนสามารถย่ืนฟ้องคดีได้ด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์ ส�ำนักงานศาลปกครองได ้ จากข้อมูลสถิติการยื่นฟ้องคดีของประชาชนต่อ ด�ำเนินการจัดเก็บสถิติการฟ้องคดีด้วยตนเอง ศาลปกครองในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พบว่า ของประชาชนและการฟ้องคดีโดยทนายความ มคี ดรี บั เขา้ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำ� นวนทงั้ สน้ิ ไว้หรือไม่ และในกรณีท่ีประชาชนฟ้องคด ี ๖,๙๓๗ คดี เป็นคดีท่ีประชาชนยื่นฟ้องคดีด้วยตนเอง ดว้ ยตนเองมปี ญั หาหรอื อปุ สรรคหรอื ไมอ่ ยา่ งไร จำ� นวน ๕,๓๐๐ คดี คิดเปน็ ร้อยละ ๗๖.๔๐ และเปน็ คดที ่ีย่ืนฟ้องทางไปรษณีย์ จำ� นวน ๑,๖๓๗ คดี คิดเปน็ ข้อ ๕ เพราะเหตุใดการพิจารณาคดีของ ร้อยละ ๒๓.๖๐ และในกรณีที่ประชาชนย่ืนฟ้องคดี ศาลปกครองแผนกคดีส่ิงแวดล้อมสามารถ ด้วยตนเอง ส�ำนักงานศาลปกครองได้จัดเตรียม พิจารณาพิพากษาคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว และ พนกั งานคดปี กครองคอยใหค้ ำ� ปรกึ ษา แนะนำ� เกยี่ วกบั เป็นคดีประเภทใดมากท่ีสุด และจากสถิติ ข้ันตอนกระบวนการการยื่นฟ้องคดี เพื่อให้ประชาชน คดสี ง่ิ แวดลอ้ ม ในปี ๒๕๕๗ กบั ปี ๒๕๖๐ มสี ถติ ิ สามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว คดีพิจารณาแล้วเสร็จลดลง เหตุใดจึงมีจ�ำนวน และทว่ั ถึงมากย่ิงขนึ้ คดีที่พจิ ารณาลดลงดงั กลา่ ว ขอ้ ๖ ตามทม่ี าตรา ๒๕๘ ง. ของรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่ศาลปกครองได้เปิดแผนกคดีสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย ก�ำหนดให้มีการปฏิรูป ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นมา คดีสงิ่ แวดลอ้ มทเี่ ข้ามาส ู่ ประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมโดยให้ม ี การพิจารณาของศาลปกครองมีความสลับซับซ้อน การก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนินงานในทุกขั้นตอน มากยิ่งขน้ึ จงึ ตอ้ งใชค้ วามเชย่ี วชาญของตุลาการ และ ของกระบวนการท่ีชัดเจนเพ่ือให้ประชาชน ใชร้ ะยะเวลาในการพจิ ารณาเพม่ิ ขนึ้ ทงั้ นี้ ศาลปกครอง ไดร้ บั ความยตุ ธิ รรมโดยไมล่ า่ ชา้ มกี ลไกชว่ ยเหลอื และส�ำนักงานศาลปกครองจะน�ำข้อสังเกตดังกล่าว ประชาชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึง ไปศึกษาเพื่อวิเคราะห์เหตุแห่งการพิจารณาคด ี กระบวนการยตุ ธิ รรมได้ ตลอดทง้ั การสรา้ งกลไก สงิ่ แวดลอ้ มตอ่ ไป เพื่อให้มีการบังคับตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเหลื่อมล้�ำและความไม่เป็นธรรม ศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครองได้เล็งเห็น ในสังคม ตลอดจนเสริมสร้างและพัฒนา ถึ ง ค ว า ม ส� ำ คั ญ ข อ ง ก า ร อ� ำ น ว ย ค ว า ม ยุ ติ ธ ร ร ม วัฒนธรรมขององค์กรในกระบวนการท่ีท�ำให้ แกป่ ระชาชนโดยสะดวกและรวดเรว็ โดยมคี ำ� สง่ั แตง่ ตงั้ การอ�ำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนโดย คณะอนุกรรมการบริหารศาลปกครองพิจารณา 36 ก�ำหนดกรอบระยะเวลาการด�ำเนินคดีปกครอง เพ่ือ ท�ำหน้าที่พิจารณาก�ำหนดกรอบระยะเวลาการด�ำเนิน คดปี กครองใหเ้ ปน็ ไป โดยสอดคลอ้ งกบั รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยและกฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง

รายงานการปฏิบตั งิ านของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ประเด็นขอ้ ซักถาม การตอบขอ้ ซักถาม/ สะดวกและรวดเรว็ ศาลปกครองและสาํ นกั งาน การด�ำเนนิ งานตามขอ้ สังเกต ศาลปกครองจะมีวิธีการพิจารณาด�ำเนินการ ในเบื้องต้นให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ ป ั ญ ห า อุ ป ส ร ร ค น อ ก เ ห นื อ จ า ก เ ร่ื อ ง ป ริ ม า ณ ค ดี ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยดงั กลา่ ว และอตั รากำ� ลงั นน้ั พบวา่ สำ� นกั งานศาลปกครองไมไ่ ดร้ บั อย่างไร การสนับสนุนงบประมาณในเร่ืองของการพัฒนา ขอ้ ๗ ศาลปกครองและสาํ นกั งานศาลปกครอง บุคลากรมากเท่าที่ควร กล่าวคือ งบประมาณในการ มีปัญหาอุปสรรคในด้านอ่ืน นอกจากปัญหา ฝึกอบรม การเพ่ิมพูนทักษะ ทั้งในส่วนของตุลาการ อุปสรรคเกี่ยวกับปริมาณคดีและอัตราก�ำลัง และในส่วนของพนักงานคดีปกครอง รวมถึงเจา้ หนา้ ท ี่ หรอื ไม่ ศาลปกครองในสายสนับสนุน โดยศาลปกครอง และสํานักงานศาลปกครองได้มุ่งเน้นการพัฒนาเพิ่ม ข ้ อ ๘ การรายงานผลการปฏิบัติงาน ประสิทธิภาพของบุคลากรควบคู่กับการเพิ่มปริมาณ ของศาลปกครองและสํานักงานศาลปกครอง ของบุคลากร เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่าง ประจ�ำปีงบประมาณควรท่ีจะมีการรายงานถึง มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น โดยที่ผ่านมาส�ำนักงาน ปัญหาอุปสรรคในการด�ำเนินงานและแนวทาง ศาลปกครองได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก หรอื ขอ้ เสนอแนะในการแก้ไขด้วย ภายนอก เช่น จากมลู นธิ ติ า่ งๆ มาสนบั สนนุ การพัฒนา บุคลากร แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้น หากศาลปกครอง และสำ� นกั งานศาลปกครองใชบ้ คุ ลากรทมี่ อี ยทู่ ง้ั ตลุ าการ พนักงานคดีปกครอง และเจ้าหน้าท่ีของศาลอย่าง เต็มศักยภาพและความรู้ โดยมีการเพ่ิมพูนความรู้ ความเช่ียวชาญในแต่ละเร่ืองให้มากย่ิงขึ้น จะท�ำให้ งบประมาณทศี่ าลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ลงทุนจากการฝึกอบรม การสัมมนา สามารถท่ีจะ เกิดประโยชนไ์ ด้มากย่งิ ขน้ึ และเปน็ มูลค่าเพ่ิมท่ีดี ส�ำนักงานศาลปกครองจะรวบรวมประเด็นปัญหา และอุปสรรคในการด�ำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติไว้ในรายงานการปฏิบัติงานฯ ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 37

The Administrative Court Annual Report 2018 ส่วนท่ี ๒ ผลการด�ำเนนิ งานที่สำ� คญั ๑ ๒ ๓ การพิจารณาพิพากษาคดี การบังคบั คดปี กครอง การวางหลกั กฎหมายและแนวทาง ดว้ ยความถกู ต้อง รวดเร็ว การปฏบิ ัติราชการที่ดี และเป็นธรรม ๔ ๕๖ การเสริมสร้างโอกาสในการเขา้ ถงึ การเสริมสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ ผลการสำ� รวจความเชอ่ื มนั่ ของประชาชน ความยุตธิ รรมทางปกครอง แกท่ กุ ภาคสว่ นในสงั คม ตอ่ การอำ� นวยความยตุ ธิ รรมของ ศาลปกครอง ๗ ๘๙ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การเสริมสร้างความรว่ มมือ การเสริมสรา้ งวฒั นธรรม เพ่อื การบรหิ ารจัดการคดี ทางวชิ าการและความสัมพนั ธ์ ศาลปกครอง (TRUST) ระหว่างประเทศ ๑๐ ผลการประเมนิ คณุ ธรรมและความโปรง่ ใสในการดำ� เนนิ งานของหนว่ ยงานภาครฐั (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑

รายงานการปฏิบตั ิงานของศาลปกครองและสำ� นักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ๑. การพจิ ารณาพพิ ากษาคดดี ว้ ยความถูกตอ้ ง รวดเร็ว และเป็นธรรม ศาลปกครองตระหนักเป็นอย่างดีว่า “ความยุติธรรมท่ีล่าช้าก็คือความอยุติธรรม” (justice delayed is justice denied) จงึ ไดท้ มุ่ เทสรรพกำ� ลงั อยา่ งเตม็ ความสามารถในการจดั การคดคี วามตา่ งๆ ใหไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยที่จะให้ความส�ำคัญกับดุลยภาพระหว่างความเป็นธรรมกับความทันต่อสถานการณ์ โดยให้ความส�ำคัญกับทุกคดีท่ีเข้าสู่ศาลปกครองเพ่ือให้ทุกคดีได้รับการด�ำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพือ่ ใหป้ ระชาชนเกดิ ความเชื่อมน่ั และศรัทธาตอ่ การอ�ำนวยความยตุ ธิ รรมของศาลปกครอง ผลการดำ� เนินงานด้านการพิจารณาพพิ ากษาคดีปกครอง ๑. ผลการด�ำเนนิ งานดา้ นการพจิ ารณาพพิ ากษาคดีปกครองในภาพรวม ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาลปกครองมจี ำ� นวนตลุ าการศาลปกครองทง้ั สน้ิ ๒๓๐ คน รบั ผดิ ชอบคดี ท้ังหมด จ�ำนวน ๓๓,๓๑๐ คดี โดยเรง่ รดั พจิ ารณาพิพากษาคดไี ด้แล้วเสรจ็ จำ� นวน ๙,๙๗๙ คดี คดิ เป็นรอ้ ยละ ๒๙.๙๖ และมคี ดที ่ีอยู่ระหว่างการพจิ ารณา ณ วนั ท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๒๓,๓๓๑ คดี โดยแบ่งเปน็ คดที อี่ ยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณาของศาลปกครองสงู สดุ จำ� นวน ๑๑,๙๖๓ คดี และเปน็ คดที อ่ี ยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณา ของศาลปกครองชนั้ ตน้ จำ� นวน ๑๑,๓๖๘ คดี สถติ ิคดีประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดใี นความรบั ผดิ ชอบ คดแี ลว้ เสร็จ ทัง้ หมด ๙,๙๗๙ ๓๓,๓๑๐ คดี คดี 39

ศาลปกครอง มุ่งม่นั พัฒนา เพื่อ ศาลปกครอง ก้าวสู่ การเป็น อิเลก็ ทรอ นกิ ส์

รายงานการปฏบิ ตั งิ านของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ๒. ผลการด�ำเนนิ งานด้านการพิจารณาพิพากษาคดขี องศาลปกครองสงู สดุ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาลปกครองมีจ�ำนวนตุลาการในศาลปกครองสูงสุด จ�ำนวน ๔๓ คน รับผิดชอบคดีในศาลปกครองสูงสุด จ�ำนวนทั้งหมด ๑๔,๘๑๒ คดี โดยในจ�ำนวนคดีดังกล่าวเป็นคดีรับเข้า ในปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๑จำ� นวน๔,๑๗๒คดีและคดคี า้ งของปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๐จำ� นวน๑๐,๖๔๐คดี สามารถพิจารณาได้แล้วเสร็จทั้งหมดจ�ำนวน ๒,๘๔๙ คดี คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๒๓ และมีคดีที่อยู่ระหว่าง การพจิ ารณา จ�ำนวน ๑๑,๙๖๓ คดี คิดเปน็ ร้อยละ ๘๐.๗๗ ของคดใี นความรับผดิ ชอบของศาลปกครองสูงสุด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในจำ� นวนนเ้ี ปน็ คดีฟอ้ งตรงจำ� นวน ๓๔๑ คดี คดิ เปน็ ร้อยละ ๒.๓๐ คดอี ทุ ธรณ์ ค�ำพพิ ากษาจ�ำนวน ๑๑,๙๒๔ คดี คดิ เป็นร้อยละ ๘๐.๕๐ และเป็นคดีคำ� รอ้ งอทุ ธรณ์ค�ำสง่ั จ�ำนวน ๒,๕๔๗ คดี คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๗.๒๐ ของคดีท่อี ยูใ่ นความรับผดิ ชอบทง้ั หมดของศาลปกครองสูงสดุ สถติ ิคดขี องศาลปกครองสงู สุด ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คำ� รอ้ งอทุ ธรณ์คำ� สงั่ คดแี ล้วเสรจ็ ๒,๕๔๗ คดี ร้อยละ ๑๙.๒๓ (๒,๘๔๙ คด)ี อุทธรณ์ค�ำพิพากษา ๑๑,๙๒๔ คดี คดีค้าง รอ้ ยละ ๘๐.๗๗ ฟ้องตรง (๑๑,๙๖๓ คดี) ๓๔๑ คดี คดีในความรับผิดชอบ ๑๔,๘๑๒ คดี ตลุ าการ ตอ่ ๓๔๔ ศาลปกครองสูงสุด คดี ๑ คน 41

The Administrative Court Annual Report 2018 ในจ�ำนวนคดีแล้วเสร็จของศาลปกครองสูงสุดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๒,๘๔๙ คด ี ศาลปกครองสงู สุดสามารถเร่งรดั พิจารณาคดใี หเ้ ป็นไปตามกรอบเวลามาตรฐาน (ภายใน ๒ ปี นับแตค่ ดเี ข้าสู่ การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด) ไดถ้ ึง ๑,๗๒๗ คดี คิดเป็นรอ้ ยละ ๖๐.๖๒ โดยจำ� แนกเปน็ คดีทีแ่ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๑ ปี จ�ำนวน ๑,๐๘๒ คดี และคดีที่แล้วเสร็จโดยใช้เวลาในการพิจารณาคดีมากกว่า ๑ ปี แต่ไม่เกิน ๒ ปี ๖๔๕ คดี คดีทแี่ ล้วเสร็จโดยใชเ้ วลามากกว่า ๒ ปี แตไ่ มเ่ กนิ ๓ ปี จำ� นวน ๒๗๖ คดี คดีทแี่ ล้วเสรจ็ โดย ใช้เวลาในการพิจารณาคดีมากกวา่ ๓ ปี แต่ไม่เกิน ๔ ปี จำ� นวน ๒๑๒ คดี และคดที ีแ่ ล้วเสรจ็ โดยใชเ้ วลาในการ พิจารณาคดมี ากกว่า ๔ ปี จ�ำนวน ๖๓๔ คดี สถิตคิ ดีของศาลปกครองสงู สดุ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดแี ล้วเสรจ็ ภายใน ๑ ปี ๑,๐๘๒ คดี คดีแล้วเสร็จภายใน ๑ ปี แต่ไม่เกนิ ๒ ปี ๖๔๕ คดี คดีแลว้ เสร็จภายใน ๑ ปี ไมเ่ กิน ๓ ปี ๒๗๖ คดี คดีแลว้ เสรจ็ ภายใน ๑ ปี ไมเ่ กิน ๔ ปี ๒๑๒ คดี คดแี ลว้ เสร็จมากกวา่ ๔ ปี ๖๓๔ คดี ๓. ผลการด�ำเนนิ งานด้านการพจิ ารณาพพิ ากษาคดขี องศาลปกครองช้นั ตน้ ในปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๑ศาลปกครองชนั้ ตน้ มจี ำ� นวนตลุ าการในศาลปกครองชน้ั ตน้ จำ� นวน๑๘๗คน รับผิดชอบคดีในศาลปกครองช้ันต้น จ�ำนวนท้ังหมด ๑๘,๔๙๘ คดี โดยในจ�ำนวนคดีดังกล่าวเป็นคดีรับเข้าใน ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๗,๖๔๒ คดี และคดคี า้ งของปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำ� นวน ๑๐,๘๕๖ คด ี สามารถพิจารณาได้แล้วเสร็จทั้งหมดจ�ำนวน ๗,๑๓๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๕๔ และมีคดีที่อยู่ระหว่าง การพิจารณาจ�ำนวน ๑๑,๓๖๘ คดี คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๔๖ ของคดีในความรับผิดชอบของศาลปกครองสูงสุด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในจ�ำนวนนี้เป็นคดีท่ีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง จำ� นวน ๔,๖๔๘ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๘๙ และเป็นคดที ีอ่ ยรู่ ะหวา่ งการพิจารณาของศาลปกครองในภูมภิ าค จ�ำนวน ๖,๗๒๐ คดี คดิ เปน็ ร้อยละ ๕๙.๑๑ ของคดที ีอ่ ย่รู ะหว่างการพิจารณาของศาลปกครองช้ันต้นทัง้ หมด 42

รายงานการปฏบิ ตั งิ านของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ สถิติคดีของศาลปกครองชั้นต้นประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดีค้าง คดรี บั เข้า ของปีงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๗,๖๔๒ ๑๐,๘๕๖ คดี คดี คดใี นความรับผดิ ชอบ ของศาลปกครองช้ันต้น ๑๘,๔๙๘ คดี คดแี ล้วเสรจ็ คดคี ้าง ๗,๑๓๐ ๑๑,๓๖๘ คดี คดี ตุลาการศาลปกครองชน้ั ต้น ๑ คน ตอ่ ๙๙ คดี ๓.๑ ลกั ษณะคดีท่ีเข้าสู่การพจิ ารณาของศาลปกครองช้ันตน้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๑) จำ� แนกตามชอ่ งทางการฟอ้ งคดี แมว้ า่ ศาลปกครองจะเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนสามารถยน่ื ฟอ้ งคดี ต่อศาลปกครองได้โดยสะดวกทางไปรษณีย์ก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีส่วนใหญ่มักน�ำคดีมายื่นฟ้องต่อ ศาลปกครองด้วยตนเอง โดยมีมากถึง ๕,๙๔๓ คดี คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๗๗ ของคดีที่ย่ืนฟ้องต่อศาลปกครอง ชนั้ ต้นทงั้ หมดในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในขณะทม่ี กี ารยืน่ ฟ้องทางไปรษณีย์เพยี ง ๑,๖๙๙ คดี หรอื คิดเป็น รอ้ ยละ ๒๒.๒๓ ของคดที ยี่ นื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองชน้ั ตน้ ทง้ั หมด หากพจิ ารณาสดั สว่ นชอ่ งทางการฟอ้ งจำ� แนกตาม 43

The Administrative Court Annual Report 2018 พน้ื ท่เี ปน็ รายภาค พบวา่ พ้ืนทที่ ม่ี กี ารยน่ื ฟ้องคดีดว้ ยตนเองมากท่สี ดุ คอื ภาคกลาง โดยมสี ัดสว่ นการยื่นฟ้องคด ี ดว้ ยตนเองรอ้ ยละ ๗๙.๘๔ สำ� หรบั พน้ื ทที่ ม่ี สี ดั สว่ นการยน่ื ฟอ้ งทางไปรษณยี ม์ ากทสี่ ดุ คอื ภาคเหนอื รอ้ ยละ๓๖.๖๘ และยน่ื ฟ้องด้วยตนเองรอ้ ยละ ๖๓.๓๒ จากจำ� นวนคดรี ับเขา้ ๙๘๗ คดี ดงั นั้น เพอื่ ใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถึง ศาลปกครองไดโ้ ดยสะดวก รวดเรว็ และทว่ั ถงึ มากยง่ิ ขนึ้ นอกจากสำ� นกั งานศาลปกครองจะจดั ใหม้ กี ารใหค้ วามร ู้ กบั ประชาชนในการยน่ื ฟ้องตอ่ ศาลปกครองทางไปรษณยี ์แล้ว ยังมีความจำ� เป็นอย่างยงิ่ ทจ่ี ะต้องเร่งด�ำเนินการ เปิดที่ท�ำการศาลปกครองช้ันต้นในภูมิภาคให้ครอบคลุมพ้ืนที่ต่างๆ รวมถึงการพัฒนาช่องทางการให้บริการ ผ่านระบบอิเลก็ ทรอนิกส์เพ่อื อำ� นวยความสะดวกในการย่นื ฟอ้ งคดใี ห้กบั ประชาชน สถิติคดีรับเข้าของศาลปกครองช้นั ตน้ จ�ำแนกตามช่องทางการฟ้องคดี และพนื้ ทีเ่ ปน็ รายภาค ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ภาคเหนือ คดรี บั เขา้ ๙๘๗ คดี ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ยื่นฟ้องด้วยตนเอง ๖๒๕ คดี คดีรบั เขา้ ๒,๒๓๗ คดี (๖๓.๓๒%) ย่ืนฟ้องด้วยตนเอง ๑,๘๙๓ คดี ยน่ื ฟอ้ งทางไปรษณยี ์ ๓๖๒ คดี (๘๔.๖๒%) (๓๖.๖๘%) ยื่นฟ้องทางไปรษณีย์ ๓๔๔ คดี (๑๕.๓๘%) ภาคกลาง คดรี บั เข้า ๓,๑๙๙ คดี ย่นื ฟอ้ งด้วยตนเอง ๒,๕๕๔ คดี ภาคตะวันออก (๗๙.๘๔%) คดรี ับเข้า ๔๖๖ คดี ยื่นฟ้องทางไปรษณยี ์ ๖๔๕ คดี (๒๐.๑๖%) ย่นื ฟอ้ งด้วยตนเอง ๓๕๓ คดี (๗๕.๗๕%) ยน่ื ฟ้องทางไปรษณีย์ ๑๑๓ คดี (๒๔.๒๕%) ภาคใต้ คดีรับเขา้ ๗๕๓ คดี ยื่นฟ้องด้วยตนเอง ๕๑๘ คดี (๖๘.๗๙%) ย่ืนฟอ้ งทางไปรษณยี ์ ๒๓๕ คดี (๓๑.๒๑%) 44

รายงานการปฏบิ ตั ิงานของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ (๒) จ�ำแนกตามพื้นที่มูลคดีเกิด ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดีท่ีเข้าสู่การพิจารณาของ ศาลปกครองช้ันต้นส่วนใหญ่ยังคงเป็นคดีที่มีพื้นที่มูลคดีเกิดในภาคกลาง โดยมีจ�ำนวน ๓,๒๔๐ คดี คิดเป็น รอ้ ยละ ๔๒.๐๑ รองลงมาคือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ จ�ำนวน ๒,๒๔๗ คดี คิดเป็นรอ้ ยละ ๒๙.๑๔ ภาคเหนือ จ�ำนวน ๙๙๘ คดี คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๙๔ ภาคใต้ จ�ำนวน ๗๕๔ คดี คิดเปน็ ร้อยละ ๙.๗๘ และภาคตะวันออก จ�ำนวน ๔๗๓ คดี คิดเปน็ รอ้ ยละ ๖.๑๓ ของคดที รี่ ับเข้าสกู่ ารพจิ ารณาทั้งหมด ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ๙๙๘ คดี ๒,๒๔๗ คดี ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก ๓,๒๔๐ คดี ๔๗๓ คดี ภาคใต้ ๗๕๔ คดี หมายเหต:ุ ในแตล่ ะคดอี าจมพี นื้ ทมี่ ลู คดเี กดิ มากกวา่ ๑ภาคดงั นนั้ ผลรวมของจำ� นวนคดจี ำ� แนกตามภาค ทีเ่ ปน็ พน้ื ทมี่ ลู คดีเกิดจะมจี �ำนวนมากกวา่ จำ� นวนคดรี บั เขา้ จริง 45

The Administrative Court Annual Report 2018 สถติ ิคดรี ับเขาŒ ของศาลปกครองชั้นตŒน จําแนกตามประเภทเรื่องทีฟ่ ‡อง ประจาํ ป‚งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (๓) จําแนกตามประเภทเร่ืองที่ฟอง จากจํานวนคดีท่ีมีการย่ืนฟองตอศาลปกครองชั้นตน ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พบวา ประเภทเรื่องท่ีมีผูนํามาย่ืนฟองมากที่สุด ๕ ลําดับแรก คือ การบริหาร งานบุคคล วินัยฯ จํานวน ๑,๘๘๓ คดี คิดเปนรอยละ ๒๔.๕๕ รองลงมาคือ การเวนคืนอสังหาริมทรัพยฯ จาํ นวน๑,๔๗๑คดีคดิ เปน รอ ยละ๑๙.๑๘การพสั ดุสญั ญาทางปกครองจาํ นวน๑,๒๑๗คดีคดิ เปน รอ ยละ๑๕.๘๖ การควบคุมอาคาร ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม จํานวน ๙๓๗ คดี คิดเปนรอยละ ๑๒.๒๑ และ การคมนาคม พาณิชย อุตสาหกรรม จาํ นวน ๓๗๓ คดี คดิ เปน รอ ยละ ๔.๘๖ การบริหารงานบุคคล วินัย สทิ ธิประโยชน และองคก รวิชาชีพ ๒๔.๕๕% การเวนคืนอสงั หาริมทรพั ย ๐๒ ๐๑ ละเมิด/รบั ผดิ อยา‹ งอ่นื ๐๓ การพัสดุ สัญญาทางปกครอง ๑๙.๑๘% ๑๕.๘๖% การควบคมุ อาคาร ๐๔ ๐๕ การคมนาคม พาณชิ ย อุตสาหกรรม ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลŒอม ๑๒.๒๑% ๔.๘๖% การศึกษา ศาสนา วฒั นธรรม ๐๖ ๐๗ การปกครอง ๔.๕๔% การบรหิ ารราชการแผ‹นดนิ ๔.๒๑% ทด่ี ิน สาธารณสมบัติของแผ‹นดิน ๐๘ ๓.๓๐% ๐๙ อน่ื ๆ ๑๑.๒๙% ๔๖

รายงานการปฏบิ ัตงิ านของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ สถติ คิ ดีรับเข้าของศาลปกครองช้ันต้น จำ� แนกตามหน่วยงานผถู้ กู ฟ้องคดี มากทส่ี ุด ๑๐ อนั ดับแรกในระดับกระทรวง ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๔) จ�ำแนกตามหน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดีในระดับกระทรวงและระดับกรม คดีที่มีผู้เดือดร้อนเสียหาย น�ำมายืน่ ฟ้องต่อศาลปกครองในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เปน็ คดที ่ียนื่ ฟ้องหน่วยงานระดบั กระทรวง จ�ำนวน ๕,๔๘๓ คดี โดยกระทรวงทถ่ี ูกฟอ้ งคดีมากทส่ี ุด ๕ ลำ� ดับแรก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย จ�ำนวน ๑,๗๓๓ คด ี รองลงมาคอื กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจำ� นวน๑,๒๕๖คดีกระทรวงคมนาคม๖๘๒คดีสำ� นกั นายกรฐั มนตร/ี หนว่ ยงาน ในบังคับบัญชานายกรฐั มนตรี จำ� นวน ๔๒๙ คดี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำ� นวน ๓๒๘ คดี กระทรวงศึกษาธิการ สำ� นกั นายกรฐั มนตรี/ กระทรวงการคลงั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ ๑,๒๕๖ คดี หน่วยงานในบงั คับ ๓๒๖ คดี ทรพั ยากรธรรมชาติ ๒๑๖ คดี บัญชานายกรฐั มนตร ี และสิง่ แวดล้อม ๔๒๙ คดี ๒๕๑ คดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตร กระทรวงพลังงาน ๑,๗๓๓ คดี ๖๘๒ คดี และสหกรณ ์ ๑๕๐ คดี ๓๒๘ คดี กระทรวงยุตธิ รรม ๑๑๒ คดี สถติ คิ ดรี ับเข้าของศาลปกครองชัน้ ตน้ จ�ำแนกตามหน่วยงานผถู้ กู ฟอ้ งคดี มากทีส่ ดุ ๑๐ อนั ดับแรกในระดบั กรม ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กรมท่ีดนิ ส�ำนกั งาน กรมการปกครอง กรมทางหลวง มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ๗๑๑ คดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ๖๑๕ คดี ๓๑๗ คดี ๒๕๔ คดี ๗๐๐ คดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สำ� นกั งาน สำ� นักงานต�ำรวจแห่งชาต ิ สำ� นักงานคณะกรรมการ ส�ำนกั งานคณะกรรมการ ๒๔๐ คดี ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๒๑๗ คดี การอดุ มศึกษา การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ๒๒๒ คดี ๒๐๑ คดี ๑๗๒ คดี 47

The Administrative Court Annual Report 2018 หน่วยงานระดับกรมท่ีถูกฟ้องคดีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีจ�ำนวน ๓,๖๔๙ คดี โดยหน่วยงาน ระดับกรมที่ถูกฟ้องคดีมากท่ีสุด ๓ ล�ำดับแรก ได้แก่ กรมที่ดิน จ�ำนวน ๗๑๑ คดี รองลงมา คือ ส�ำนักงาน ปลัดกระทรวงมหาดไทย จำ� นวน ๗๐๐ คดี และกรมการปกครอง จำ� นวน ๖๑๕ คดี ๓.๒ คดแี ล้วเสร็จของศาลปกครองชั้นต้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดแี ล้วเสรจ็ จำ� แนกตามระยะเวลาที่ใชใ้ นการพจิ ารณาพิพากษาคดี ในจำ� นวนคดีแลว้ เสรจ็ ของศาลปกครองชัน้ ต้นในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๗,๑๓๐ คดี ศาลปกครองชั้นต้นสามารถเร่งรัดพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกรอบเวลามาตรฐาน ภายใน ๑ ปี นับแต่คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้นได้ถึง ๓,๐๖๗ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๐๒ คดีที่แล้วเสร็จ โดยใชเ้ วลามากกวา่ ๑ ปี แตไ่ ม่เกิน ๒ ปี จ�ำนวน ๑,๕๑๖ คดี คิดเปน็ ร้อยละ ๒๑.๒๖ คดที ่แี ล้วเสรจ็ โดยใช้เวลา ในการพิจารณาคดีมากกว่า ๒ ปี แต่ไมเ่ กิน ๓ ปี จ�ำนวน ๑,๓๕๘ คดี คิดเป็นรอ้ ยละ ๑๙.๐๕ คดที ่แี ลว้ เสรจ็ โดยใชเ้ วลาในการพจิ ารณามากกวา่ ๓ ปี แตไ่ มเ่ กนิ ๔ ปี จำ� นวน ๖๘๒ คดี คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙.๕๗ และคดที แี่ ลว้ เสรจ็ โดยใชเ้ วลาในการพิจารณาคดีมากกว่า ๔ ปี จำ� นวน ๕๐๗ คดี คดิ เป็นร้อยละ ๗.๑๑ ของจ�ำนวนคดแี ลว้ เสรจ็ ของศาลปกครองชัน้ ตน้ ภายใน มากกว่า ๑ ปี มากกวา่ ๒ ปี มากกวา่ ๓ ปี มากกว่า ๑ ปี ไมเ่ กนิ ๒ ปี ไมเ่ กิน ๓ ปี ไม่เกนิ ๔ ปี ๔ ปี ๓,๐๖๗ ๑,๕๑๖ ๑,๓๕๘ ๖๘๒ ๕๐๗ คดี คดี คดี คดี คดี ๔. ผลการดำ� เนนิ งานด้านการพิจารณาพิพากษาคดขี องแผนกคดีสิ่งแวดลอ้ ม นบั ตง้ั แตเ่ ปดิ ทำ� การแผนกคดสี ง่ิ แวดลอ้ มเมอ่ื วนั ท่ี ๒ สงิ หาคม ๒๕๕๔ ศาลปกครองมคี ดเี ขา้ สกู่ ารพจิ ารณา ทั้งสิ้น จ�ำนวน ๖,๔๘๘ คดี พิจารณาคดีได้แล้วเสร็จจ�ำนวน ๕,๕๗๙ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๙๙ และมีคดที ่ีอยรู่ ะหว่างการพิจารณาจำ� นวน ๙๐๙ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๔.๐๑ ของคดีทศี่ าลปกครองรบั เขา้ สู่ การพิจารณาในแผนกคดสี ่งิ แวดลอ้ ม 48

รายงานการปฏิบตั งิ านของศาลปกครองและสำ� นักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาลปกครองมคี ดที รี่ บั ผดิ ชอบในแผนกคดสี งิ่ แวดลอ้ ม จำ� นวน ๑,๑๘๐ คดี สามารถพิจารณาคดีแล้วเสร็จ จ�ำนวน ๒๗๑ คดี คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๙๗ และมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา จ�ำนวน ๙๐๙ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๗.๐๓ ของคดีในความรับผิดชอบของแผนกคดีสิ่งแวดล้อมท้ังหมด โดยเปน็ คดที อี่ ยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณาในศาลปกครองสงู สดุ จำ� นวน๕๐๑คดีและเปน็ คดที อ่ี ยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณา ในศาลปกครองช้นั ตน้ จ�ำนวน ๔๐๘ คดี คดีรับเข้า คดีแลว้ เสร็จ และคดคี า้ งของแผนกคดสี ิ่งแวดลอ้ ม นบั ตงั้ แตเ่ ปดิ ท�ำการจนถงึ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๑ (จ�ำแนกตามปงี บประมาณ) ปีงบประมาณ รับเขา้ แล้วเสร็จ ๒๕๕๔ ๔๘ คดี ๔ คดี ปงี บประมาณ รับเขา้ แล้วเสร็จ ๒๕๕๕ ๒,๕๘๘ คดี ๑๔๑ คดี ปงี บประมาณ รับเขา้ แล้วเสรจ็ ๒๕๕๖ ๒,๑๑๖ คดี ๑,๗๒๖ คดี ปีงบประมาณ รับเข้า แล้วเสรจ็ ๒๕๕๗ ๓๒๒ คดี ๔๘๐ คดี ปีงบประมาณ รบั เขา้ แลว้ เสรจ็ ๒๕๕๘ ๔๒๘ คดี ๑,๒๐๔ คดี ปงี บประมาณ รบั เขา้ แลว้ เสรจ็ ๒๕๕๙ ๓๖๔ คดี ๑,๒๕๔ คดี ปงี บประมาณ รับเขา้ แล้วเสรจ็ ๒๕๖๐ ๒๙๕ คดี ๔๙๙ คดี ปงี บประมาณ รบั เขา้ แล้วเสรจ็ ๒๕๖๑ ๓๒๗ คดี ๒๗๑ คดี 49

The Administrative Court Annual Report 2018 คดีรับเขา้ คดีแล้วเสร็จ และคดีค้างของแผนกคดสี ง่ิ แวดลอ้ ม จำ� แนกช้ันศาล ตัง้ แตเ่ ปดิ ท�ำการแผนกคดีจนถงึ วนั ที่ 30 กนั ยายน 2561 ศาลปกครอง คดีรบั เข้า คดแี ลว้ เสรจ็ คดีค้าง จ�ำนวน ร้อยละ จำ� นวน ร้อยละ ศาลปกครองสูงสดุ ๑,๒๗๐ ๕๐๑ ๓๙.๔๕% MENU ศาลปกINคFรอOงช้ันตน้ ABOU๕T,๒๑๘ ๗๖๙ ๖๐.๕๕% ๔๐๘sign in ๗.๘SIG๒N%UP ๔,๘๑๐ ๙๒.๑๘% ๙๐๙ ๑๔.๐๑% รวม ๒ ช้นั ศาล ๖,๔๘๘ ๕,๕๗๙ ๘๕.๙๙% คดีในความรับผิดชอบของแผนกคดีสง่ิ แวดล้อม ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ump et, consectetuer onummy nibh eet dolore magna wisi enim. คดคี ้าง ปี ๒๕๖๐ ๘๕๓ คดี คดีรับเข้า ๓๒๗ คดี คดีแลว้ เสรจ็ คดใี นความรบั ผิดชอบ ๒๗๑ คดี ๑,๑๘๐ คดี ๕. ผลการดำ� เนนิ งานดา้ นการพจิ ารณาพพิ ากษาคดขี องแผนกคดบี รหิ ารงานบคุ คล นบั ตงั้ แตเ่ ปดิ ทำ� การแผนกคดบี รหิ ารงานบคุ คลเมอื่ วนั ท่ี๑๐มนี าคม๒๕๕๗จนถงึ วนั ท่ี๓๐กนั ยายน๒๕๖๑ มคี ดเี ขา้ สกู่ ารพจิ ารณาจำ� นวนทงั้ สน้ิ ๙,๕๑๘ คดี โดยเปน็ คดที เ่ี ขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของศาลปกครองสงู สดุ จำ� นวน ๓,๑๑๙ คดี และศาลปกครองชั้นต้นจ�ำนวน ๖,๓๙๙ คดี สามารถพิจารณาคดีแล้วเสร็จจ�ำนวน ๕,๐๔๐ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๒.๙๕ และมีคดีค้างจ�ำนวน ๔,๔๗๘ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๗.๐๕ ของคดีรับเข้าใน แผนกคดบี ริหารงานบุคคลทัง้ หมดนบั ตั้งแตเ่ ปิดท�ำการ 50

รายงานการปฏบิ ัตงิ านของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ หากพิจารณาผลการด�ำเนินงานของแผนกคดีบริหารงานบุคคลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พบว่า ศาลปกครองมคี ดีทร่ี ับผดิ ชอบในแผนกคดีบริหารงานบุคคล จำ� นวน ๖,๑๐๐ คดี สามารถพจิ ารณาคดแี ล้วเสรจ็ จำ� นวน ๑,๖๒๒ คดี คดิ เปน็ ร้อยละ ๒๖.๕๙ และมีคดีที่อยรู่ ะหวา่ งการพิจารณา จ�ำนวน ๔,๔๗๘ คดี หรือคิดเปน็ ร้อยละ ๗๓.๔๐ ของคดีในความรับผิดชอบของแผนกคดีบริหารงานบุคคลทั้งหมด โดยเป็นคดีที่อยู่ระหว่าง การพิจารณาในศาลปกครองสงู สดุ จ�ำนวน ๒,๐๕๐ คดี และเป็นคดที ่ีอย่รู ะหว่างการพิจารณาในศาลปกครอง ช้ันตน้ จ�ำนวน ๒,๔๒๘ คดี ชัน้ ศาล คดคี ้างของปี คดรี ับเข้า ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดีค้าง งบประมาณ ๖๐ ศาลปกครองสูงสุด ๑,๐๕๔ คดใี นความ คดีแลว้ เสรจ็ ๒,๐๕๐ ศาลปกครองชั้นต้น ยกมา ๑,๗๐๑ รับผิดชอบ จ�ำนวน รอ้ ยละ ๒,๔๒๘ รวม ๒ ชั้นศาล ๒,๗๕๕ ๒,๓๔๗ ๒๙๗ ๑๒.๖๕% ๔,๔๗๘ ๑,๒๙๓ ๓,๗๕๓ ๑,๓๒๕ ๓๕.๓๑% ๒,๐๕๒ ๖,๑๐๐ ๑,๖๒๒ ๒๖.๕๙% ๓,๓๔๕ ๖. ผลการด�ำเนินงานด้านการพิจารณาพิพากษาคดีของแผนกคดีวินัยการคลัง และการงบประมาณ เพื่อให้การด�ำเนินกระบวนพิจารณาคดีปกครองเกี่ยวกับวินัยการคลังและการงบประมาณเป็นไป โดยรวดเร็ว ทันต่อการแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายท่ีอาจเกิดข้ึน อันจะเป็นประโยชน์ ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ ประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีประกาศลงวันท่ี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ให้จัดตั้งแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น โดยเปดิ ท�ำการเมอ่ื วนั ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อทำ� หน้าท่พี จิ ารณาพิพากษาคดีปกครองเกีย่ วกบั วนิ ัยการคลงั และการงบประมาณในเขตอ�ำนาจของศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองชั้นต้น โดยแผนกวินัยการคลัง และการงบประมาณจะประกอบด้วยองค์คณะและตุลาการผู้แถลงคดีที่มีความเชี่ยวชาญคดีวินัยการคลัง และการงบประมาณตามท่ีประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศก�ำหนด กรณีเป็นแผนกวินัยการคลัง และการงบประมาณในศาลปกครองสูงสุด และตามที่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นประกาศก�ำหนด กรณีเป็น แผนกวินยั การคลังและการงบประมาณในศาลปกครองชนั้ ตน้ โดยนับตั้งแตเ่ ปิดท�ำการมคี ดีเข้าสกู่ ารพจิ ารณา จ�ำนวนทั้งส้ิน ๖๙ คดี สามารถพิจารณาพิพากษาคดีแล้วเสร็จ จ�ำนวน ๓๐ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๓.๔๘ และมคี ดีค้างจำ� นวน ๓๙ คดี หากพิจารณาผลการด�ำเนินงานของแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พบวา่ ศาลปกครองมคี ดที รี่ บั ผดิ ชอบในแผนกคดวี นิ ยั การคลงั และการงบประมาณ จำ� นวน ๕๖ คด ี สามารถพิจารณาคดีแล้วเสร็จ จ�ำนวน ๑๗ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๓๖ และมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา จ�ำนวน ๓๙ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๙.๖๔ ของคดีในความรับผิดชอบของแผนกคดีวินัยการคลัง และการงบประมาณท้ังหมด โดยเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลปกครองสูงสุด จ�ำนวน ๒๒ คดี และเปน็ คดที ีอ่ ยู่ระหว่างการพจิ ารณาในศาลปกครองชนั้ ต้น จ�ำนวน ๑๗ คดี 51

The Administrative Court Annual Report 2018 ชั้นศาล คดคี ้างของปี คดีรบั เขา้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ คดคี า้ ง งบประมาณ ศาลปกครองสงู สุด ๖๐ ยกมา ๒๐ คดีในความ คดีแล้วเสร็จ ๒๒ ศาลปกครองชัน้ ตน้ ๑๓ รบั ผดิ ชอบ จ�ำนวน ร้อยละ ๑๗ รวม ๒ ชั้นศาล ๓ ๓๓ ๓๙ ๒๐ ๒๓ ๑ ๔.๓๕% ๓๓ ๑๖ ๔๘.๔๘% ๒๓ ๕๖ ๑๗ ๓๐.๓๖% ๗. ผลการด�ำเนินงานด้านการพิจารณาพิพากษาคดีของแผนกคดีบริหารราชการ แผ่นดนิ ในศาลปกครองสงู สดุ นับตั้งแต่เปิดท�ำการแผนกคดีบริหารราชการแผ่นดินเม่ือวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ จนถึงวันท ี่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มคี ดีเข้าสู่การพิจารณาจำ� นวนท้งั สิน้ ๑,๑๙๒ คดี โดยแบง่ เปน็ ประเภทฟอ้ งตรง ๒๙ คดี อทุ ธรณค์ ำ� พพิ ากษา ๖๑๓ คดี และคำ� รอ้ งอทุ ธรณค์ ำ� สง่ั ๕๕๐ คดี สามารถพจิ ารณาคดแี ลว้ เสรจ็ จำ� นวน ๔๐๖ คด ี หรือคิดเปน็ รอ้ ยละ ๓๔.๐๖ และมีคดคี า้ งจำ� นวน ๗๘๖ คดี หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ ๖๕.๙๔ ของคดีรับเขา้ ในแผนก คดบี รหิ ารราชการแผน่ ดินในศาลปกครองสงู สุดทัง้ หมดนบั ตงั้ แต่เปดิ ทำ� การ ประเภทคำ� ฟอ้ ง คดีรบั เขา้ คดแี ล้วเสร็จ คดคี า้ ง จำ� นวน ร้อยละ จำ� นวน รอ้ ยละ ฟ้องตรง ๒๙ อทุ ธรณ์คำ� พิพากษา ๖๑๓ ๑๘ ๖๒.๐๗% ๑๑ ๓๗.๙๓% คำ� รอ้ งอทุ ธรณค์ �ำสัง่ ๕๕๐ ๔๓ ๗.๐๑% ๕๗๐ ๙๒.๙๙% รวม ๑,๑๙๒ ๓๔๕ ๖๒.๗๓% ๒๐๕ ๓๗.๒๗% ๔๐๖ ๓๔.๐๖% ๗๘๖ ๖๕.๙๔% ๘. ผลการด�ำเนินงานด้านการพิจารณาพิพากษาคดีของแผนกคดีละเมิดและ ความรบั ผิดอย่างอน่ื ในศาลปกครองสูงสุด นบั ตง้ั แตเ่ ปดิ ทำ� การแผนกคดลี ะเมดิ และความรบั ผดิ อยา่ งอนื่ เมอื่ วนั ท่ี ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๐ จนถงึ วนั ท่ ี ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มีคดีเข้าสู่การพิจารณาจ�ำนวนท้ังสิ้น ๒,๕๒๙ คดี โดยแบ่งเป็นประเภทฟ้องตรง ๑ คดี อุทธรณ์ค�ำพิพากษา ๒,๐๖๖ คดี และค�ำร้องอุทธรณ์ค�ำสั่ง ๔๖๒ คดี สามารถพิจารณาคดีแล้วเสร็จ จ�ำนวน ๒๖๙ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐.๖๔ และมีคดีค้างจ�ำนวน ๒,๑๖๗ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๖๙ ของคดีรับเข้าในแผนกคดีละเมิดและความรับผดิ อยา่ งอ่นื ในศาลปกครองสงู สุดทั้งหมดนบั ต้ังแต่เปิดทำ� การ 52

รายงานการปฏิบตั ิงานของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ๒. การบังคบั คดีปกครอง มาตรา ๗๗ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ส�ำนักงานศาลปกครองมีอ�ำนาจหน้าท่ีด�ำเนินการบังคับให้เป็นไปตามค�ำบังคับของศาลปกครอง ซงึ่ ตามกฎหมายดงั กลา่ วกำ� หนดใหน้ ำ� บทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการบงั คบั คดตี ามคำ� พพิ ากษาหรอื คำ� สงั่ และบทบญั ญตั ิ ว่าด้วยคา่ ฤชาธรรมเนยี มตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ และคา่ ธรรมเนยี มเจ้าพนกั งานบงั คบั คดี ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลมกับการบังคับคดีปกครอง ทั้งนี้ เท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งกับ พระราชบญั ญตั นิ แ้ี ละหลกั กฎหมายทวั่ ไปวา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง ซงึ่ ในการดำ� เนนิ การตามอำ� นาจหนา้ ที่ ดงั กลา่ วสำ� นกั งานศาลปกครองโดยสำ� นกั บงั คบั คดปี กครองและสำ� นกั งานศาลปกครองในภมู ภิ าคจะดำ� เนนิ การ บังคับคดีตามประเภทของค�ำบังคับ โดยการติดตามผล และรายงานผลการด�ำเนินการต่อศาล การบังคับคดี ตามหมายบังคับคดีในการยึดทรัพย์สิน การอายัดสิทธิเรียกร้อง หรือการขายทอดตลาด แล้วแต่กรณ ี ท้ังนี้ ส�ำนักงานศาลปกครองได้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบงานด้านการบังคับคดีปกครองอย่างต่อเน่ือง มกี ารจดั ฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ทที่ ป่ี ฏบิ ตั งิ านดา้ นการบงั คบั คดขี องศาลปกครองทวั่ ประเทศ การดำ� เนนิ การเพอื่ แกไ้ ข เพมิ่ เตมิ ระเบยี บกฎหมายในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั การบงั คบั คดปี กครองเพอ่ื ใหก้ ารบงั คบั คดเี ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธิผล ๑. สถติ ิการบงั คับคดปี กครองในภาพรวม ต้งั แต่เปิดท�ำการ - ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๑   คดที ด่ี �ำเนินการแลว้ เสร็จ    คดที อี่ ย่รู ะหว่างด�ำเนนิ การ ๑๑,๐๕๕ คดี ๒,๙๓๑ คดี กลุ่ม ๑ กล่มุ ๒ (๗๙.๐๔%) (๒๐.๙๖%) ๑,๔๓๔ คดี ๑,๔๙๗ คดี ๑๐.๒๖% ๑๐.๗๐% คดีรับเข้าด�ำเนนิ การท้ังหมด ๑๓,๙๘๖ คดี   กลุม่ ที่ ๑    กลุม่ ท่ี ๒ คดีดำ� เนนิ การแล้วเสร็จ ๑๑,๐๕๕ คดี คดีอยรู่ ะหว่างด�ำเนนิ การ ๒,๙๓๑ คดี หมายเหตุ กลุม่ ที่ ๑ หมายถงึ คดที ่ีศาลสงั่ ให้เอกชนใช้เงนิ (รอผ้ฟู อ้ งคดีดำ� เนนิ การ) กลมุ่ ที่ ๒ หมายถึง คดีอืน่ ๆ ยกเวน้ กลมุ่ ๑ 53

The Administrative Court Annual Report 2018 ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มจี �ำนวนคำ� พิพากษาและค�ำสงั่ ของศาลปกครองทีเ่ ข้าส่กู ระบวนการ บังคับคดีทั้งหมด ๑,๓๙๔ คดี ด�ำเนินการบังคับคดีแล้วเสร็จ ๑,๐๔๕ คดี หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๔.๙๖ ท้ังน้ี หากนบั ตง้ั แต่ศาลปกครองเปิดท�ำการจนถงึ วนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ มจี ำ� นวนคำ� พพิ ากษาและค�ำส่งั ของ ศาลปกครองที่เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีทั้งหมด ๑๓,๙๘๖ คดี ด�ำเนินการบังคับคดีแล้วเสร็จ ๑๑,๐๕๕ คด ี หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๙.๐๔ ของคดีท่ีเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีท้ังหมด และมีคดีคงเหลือสะสมอยู่ระหว่าง ดำ� เนินการ ๒,๙๓๑ คดี หรือคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๐.๙๖ ๒. การขอใหศ้ าลมคี �ำสัง่ ให้มกี ารปฏบิ ตั ติ ามค�ำบงั คบั ของศาลปกครองชั้นต้นก่อนคดีจะถึงทีส่ ุด ตามมาตรา ๗๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้กรณีที่เป็นค�ำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ให้รอการปฏิบัติตามค�ำบังคับคดี ไว้จนกว่าจะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์ หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ให้รอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีการอุทธรณ์และเป็นคดีท่ีก�ำหนดในระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด คู่กรณีฝ่ายชนะคดีอาจยื่นค�ำขอต่อศาลปกครองช้ันต้นหรือศาลปกครองสูงสุด แล้วแต่กรณี โดยชี้แจงเหตุผล อันสมควรที่ขอให้มีการปฏิบัติตามค�ำบังคับ และให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาค�ำขอและมีค�ำสั่งตามที่ เห็นสมควร ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ก�ำหนดโดยระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ในศาลปกครองสงู สดุ ซงึ่ ตอ่ มาทปี่ ระชมุ ใหญต่ ลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ ไดอ้ อกระเบยี บวา่ ดว้ ยการกำ� หนดคดี หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขในการขอบงั คับคดตี ามคำ� พิพากษาศาลปกครองชนั้ ต้น พ.ศ. ๒๕๖๐ ก�ำหนดคด ี หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการขอบังคับคดีตามค�ำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นโดยไม่ต้องรอจนกว่า คดีจะถึงท่ีสุด ซ่ึงภายหลังจากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว คู่กรณีฝ่ายชนะคดีได้ย่ืนค�ำขอให้มีการบังคับคดี กอ่ นคดจี ะถงึ ทสี่ ดุ และศาลปกครองสงู สดุ ไดม้ คี ำ� สง่ั ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามคำ� บงั คบั ศาลปกครองชนั้ ตน้ กอ่ นคดจี ะถงึ ทสี่ ดุ ในหลายคดี เชน่ คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๑๒๗๙-๑๒๘๐/๒๕๕๕ หมายเลขแดงท่ี ๒๐๑๘/๒๕๖๐ หมายเลขแดงท่ี ๒๐๕๑/๒๕๖๐ และหมายเลขแดงท่ี ๒๑๗๘/๒๕๖๐ ๓. ตัวอยา่ งคดที ีไ่ ดด้ ำ� เนนิ การบงั คบั คดเี สรจ็ สน้ิ ณ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๑ คำ� บังคับใหเ้ พกิ ถอนค�ำสงั่ (๑) คดศี าลปกครองสงู สุด หมายเลขแดงที่ อ.๙๙๔/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้เพิกถอนค�ำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (อธิบดีกรมที่ดิน) ตามหนงั สอื กรมทดี่ นิ ท่ี มท ๐๕๐๕.๓/๑๑๗๖๔ ลงวนั ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เรอื่ ง ขอใหช้ ดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทน และค�ำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๒ (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ตามหนังสือส�ำนักงาน ปลดั กระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๒๐๘.๑/๕๕ ลงวนั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เฉพาะสว่ นของคำ� สง่ั และคำ� วนิ จิ ฉยั ท่ีให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กรมท่ีดินเกินกว่าเงินจ�ำนวน ๙๐,๗๘๗.๔๕ บาท โดยให้มีผล ยอ้ นหลงั ไปถงึ วนั ทผี่ ถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี๑และผถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี๒มคี ำ� สงั่ และคำ� วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณด์ งั กลา่ วตอ่ มาศาลปกครอง สูงสดุ มีค�ำพพิ ากษายนื ตามค�ำพพิ ากษาของศาลปกครองชั้นต้น ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ด�ำเนินการให้เป็นไปตามค�ำพิพากษาของศาลปกครอง สูงสุด โดยได้ด�ำเนนิ การเพิกถอนคำ� สง่ั เฉพาะสว่ นตามค�ำพพิ ากษาของศาลปกครองสงู สุดและแจ้งใหผ้ ฟู้ ้องคด ี ทราบเรียบร้อยแล้ว 54

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ (๒) คดศี าลปกครองสูงสุด หมายเลขแดงที่ อ.๑๐๔๐/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษายกฟอ้ ง กรณที ผ่ี ฟู้ อ้ งคดฟี อ้ งขอใหเ้ พกิ ถอนคำ� สงั่ ของผถู้ กู ฟอ้ งคดี (กรมบญั ชกี ลาง) ทป่ี ฏเิ สธในการจา่ ยเงนิ บำ� เหนจ็ ตกทอดใหแ้ กผ่ ฟู้ อ้ งคดี ตอ่ มาศาลปกครองสงู สดุ มคี ำ� พพิ ากษา กลับค�ำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้เพิกถอนค�ำส่ังของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่จ่ายเงินบ�ำเหน็จตกทอด ส่วนท่ีกันไว้ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือ ที่ กค ๐๔๒๐.๖/๕๗๒ ลงวันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ต้ังแต่วันท ่ี มีคำ� ส่ังดังกลา่ ว ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้ด�ำเนินการให้เป็นไปตามค�ำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยไดด้ �ำเนินการจา่ ยบ�ำเหนจ็ ตกทอดใหแ้ กผ่ ้ฟู ้องคดีเป็นท่เี รียบรอ้ ยแลว้ (๓) คดีศาลปกครองสงู สดุ หมายเลขแดงท่ี อ.๑๑๘๐/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาเพกิ ถอนคำ� สง่ั ของผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๑ (นายทะเบยี นสมาคมการคา้ ประจ�ำกรงุ เทพมหานคร) ทไ่ี ม่รบั จดทะเบยี นกรรมการผ้ฟู ้องคดี จ�ำนวน ๑๔ คน ตามหนงั สือสำ� นักงานทะเบยี น สมาคมการค้าประจ�ำกรุงเทพมหานคร ท่ี พณ ๐๘๐๗/๑๖๙๒ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑ นับแต่วันท่ีม ี คำ� สง่ั ไมร่ บั จดทะเบยี นเปน็ ตน้ ไปโดยมขี อ้ สงั เกตเกย่ี วกบั แนวทางหรอื วธิ กี ารดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามคำ� พพิ ากษา ให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ พิจารณาจดทะเบียนตั้งหรือเปลี่ยนตัวกรรมการ ตามค�ำขอที่ ๗๕๕๑๐๔๒๕๐๐๐๒ ลงวนั ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๑ ของผ้ฟู ้องคดตี ามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบญั ญตั สิ มาคมการคา้ พ.ศ. ๒๕๐๙ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบัญญัตสิ มาคมการค้า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยพลัน ต่อมาศาลปกครองสูงสดุ มีคำ� พพิ ากษายืนตามคำ� พิพากษาของศาลปกครองชัน้ ตน้ ในชนั้ บงั คบั คดี ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๑ ไดด้ ำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามคำ� พพิ ากษาของศาลปกครองสงู สดุ โดยมคี ำ� สง่ั รบั จดทะเบยี นกรรมการจำ� นวน๑๔คนตามคำ� ขอที่๗๕๕๑๐๔๒๕๐๐๐๒เมอ่ื วนั ท่ี๒๕ธนั วาคม๒๕๖๐ เป็นท่เี รียบรอ้ ยแลว้ (๔) คดีศาลปกครองสูงสดุ หมายเลขแดงที่ อ.๑๓๐๗/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาเพกิ ถอนเอกสารประกวดราคาซอ้ื ดว้ ยวธิ กี ารทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เลขที่ ๒๕ ตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดี (กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ) ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ในส่วนท่ีก�ำหนดรายละเอียดหรือคุณลักษณะเฉพาะในข้อ ๒.๑๔.๑ ของถังบรรจุน้�ำ (WATER TANK) โดยให้มีผลย้อนหลังต้ังแต่วันที่มีเอกสารประกวดราคาดังกล่าว ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีค�ำพิพากษายืน ตามคำ� พพิ ากษาของศาลปกครองช้ันตน้ ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้ด�ำเนินการให้เป็นไปตามค�ำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และได้มีการแจ้งเวียนผลค�ำพิพากษาให้หน่วยงานในสังกัดท่ีมีหน้าท่ีเก่ียวกับการก�ำหนดรายละเอียด หรือคุณลกั ษณะในการจัดซื้อจดั จ้างพสั ดุทราบเพ่ือเปน็ แนวทางในการดำ� เนินการในส่วนทเ่ี กี่ยวข้องต่อไป คำ� บังคับใหก้ ระท�ำการ (๑) คดศี าลปกครองสูงสุด หมายเลขแดงท่ี อ.๗๓๐/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดี (เทศบาลเมอื งไรข่ งิ ) รอ้ื ถอนถนนคอนกรตี ทงั้ หมด ทสี่ รา้ งบนทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี๖๓๗๗๘และเลขที่๒๓๐๑๓ตำ� บลไรข่ งิ อำ� เภอสามพรานจงั หวดั นครปฐมของผฟู้ อ้ งคดี และปรบั ปรงุ ทดี่ นิ ทง้ั สองแปลงของผฟู้ อ้ งคดใี หม้ สี ภาพดงั เดมิ โดยคา่ ใชจ้ า่ ยของผถู้ กู ฟอ้ งคดี และใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคด ี 55

The Administrative Court Annual Report 2018 ชดใชค้ ่าเสียหายแก่ผู้ฟอ้ งคดีเปน็ รายเดอื นๆ ละ ๒,๒๙๑ บาท นบั ตง้ั แตว่ นั ฟอ้ งเปน็ ต้นไปจนกวา่ จะดำ� เนนิ การ รื้อถอนถนนคอนกรีต และปรับปรุงท่ีดินทั้งสองแปลงของผู้ฟ้องคดีให้มีสภาพดังเดิม ท้ังน้ี ให้ด�ำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วนั นับแตว่ นั ท่คี ดีถึงทีส่ ุด ตอ่ มาศาลปกครองสงู สดุ มคี �ำพิพากษายืนตามคำ� พิพากษา ของศาลปกครองชัน้ ต้น ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้น�ำเงินค่าเสียหายรายเดือนๆ ละ ๒,๒๙๑ บาท นับแต่วันท ่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ (วันฟอ้ ง) ถงึ วนั ท่ี ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เปน็ เงินจ�ำนวน ๑๔๔,๒๑๙.๖๗ บาท มาวาง ชำ� ระหนต้ี ามคำ� พพิ ากษา และผฟู้ อ้ งคดไี ดร้ บั เงนิ จำ� นวนดงั กลา่ วไปเรยี บรอ้ ยแลว้ และผถู้ กู ฟอ้ งคดไี ดด้ ำ� เนนิ การ รอ้ื ถอนถนนคอนกรตี ทงั้ หมดทสี่ รา้ งบนทด่ี นิ โฉนดเลขที่ ๖๓๗๗๘ และเลขที่ ๒๓๐๑๓ ตำ� บลไรข่ งิ อำ� เภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม ของผฟู้ อ้ งคดแี ละปรบั ปรงุ ทด่ี นิ ทง้ั สองแปลงของผฟู้ อ้ งคดใี หม้ สี ภาพดงั เดมิ เปน็ ทเี่ รยี บรอ้ ยแลว้ (๒) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๑๔๕๙/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ย้ายต�ำแหน่งที่ต้ังเสาโครงสร้างล�ำดับท่ี P-BS๑๖-๒๓L เพื่อรองรับทางเดินรถไฟฟ้าตามโครงการรถไฟฟ้า สายสนี ำ�้ เงนิ ชว่ งหวั ลำ� โพง - บางแค และชว่ งบางซอ่ื -ทา่ พระ จากตำ� แหนง่ เดมิ ทอ่ี ยบู่ นทางเทา้ สาธารณะระหวา่ ง ที่ดินของผู้ฟ้องคดีกับถนนเพชรเกษม ไปทางทิศตะวันตกบริเวณที่เป็นล�ำกระโดงสาธารณะเดิม ห่างจากท่ีดิน ของผฟู้ อ้ งคดไี ปตามแนวทางเทา้ สาธารณะเปน็ ระยะ ๑.๑๐ เมตร และหา่ งจากแนวเขตทเ่ี ปน็ ทางเขา้ ออกระหวา่ ง ทดี่ นิ ของผรู้ ้องสอดกับถนนเพชรเกษมไปตามแนวทางเท้าสาธารณะเปน็ ระยะประมาณ ๒.๔๐ เมตร ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้ก่อสร้างเสาโครงสร้างล�ำดับท่ี P-BS๑๖-๒๓L (เสาพิพาท) ในบริเวณท่ีเป็นล�ำกระโดงสาธารณะเดิม ห่างจากท่ีดินของผู้ฟ้องคดีไปตามแนวทางเท้าสาธารณะเป็นระยะ ๑.๑๐ เมตร และห่างจากแนวเขตท่ีเป็นทางเข้าออกระหว่างที่ดินของผู้ร้องสอดกับถนนเพชรเกษมไปตาม แนวทางเท้าสาธารณะเปน็ ระยะประมาณ ๒.๔๐ เมตรแลว้ (๓) คดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๑๕๔๑/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี (กระทรวงอุตสาหกรรม) ค�ำนวณเงินบ�ำนาญ ของผู้ฟ้องคดีให้ถูกต้องตามสิทธิของผู้ฟ้องคดี ตามพระราชบัญญัติบ�ำเหน็จบ�ำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบ�ำเหน็จบ�ำนาญตามพระราชบัญญัติบ�ำเหน็จบ�ำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ แล้วส่งเรื่องไปยังกรมบัญชีกลางหรือส�ำนักงานคลังเขตเพ่ือด�ำเนินการตรวจสอบ และเบิกจ่ายเงินบ�ำนาญใหแ้ กผ่ ู้ฟอ้ งคดี ทงั้ นี้ ให้แลว้ เสร็จ ภายใน ๓๐ วนั นับแต่วันที่ค�ำพิพากษาถงึ ทส่ี ดุ ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้ด�ำเนินการค�ำนวณเงินบ�ำนาญของผู้ฟ้องคดีใหม่ตามสิทธิ และสง่ เรอ่ื งไปยงั กรมบัญชกี ลางเพอื่ ดำ� เนนิ การตรวจสอบและเบกิ จ่ายเงินบ�ำนาญให้แก่ผ้ฟู ้องคดแี ลว้ (๔) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๒๕๘/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง)ดำ� เนนิ การแกไ้ ขรายการจดทะเบยี นกรรมสทิ ธริ์ วมเฉพาะสว่ น(ไมม่ คี า่ ตอบแทน)ตามคำ� สง่ั ศาลแพง่ กรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ ๓๘๙๗ - ๓๘๙๙/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ซึ่งจดทะเบียน เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ในโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๒๐๓๒๗ แขวงบางนา เขตพระโขนง กรงุ เทพมหานคร ใหถ้ กู ตอ้ ง ตรงกบั คำ� พพิ ากษาศาลแพง่ กรงุ เทพใต้คดหี มายเลขแดงท่ี๓๘๙๗ - ๓๘๙๙/๒๕๔๘ลงวนั ท่ี๓๑พฤษภาคม๒๕๔๘ โดยใหแ้ ก้ไขในโฉนดทด่ี นิ ฉบับสำ� นักงานที่ดนิ และเจา้ ของท่ีดนิ ใหถ้ ูกตอ้ งตรงกนั ทั้งน้ี ภายในก�ำหนดสามสิบวนั 56

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ นับแต่วันท่ีคดีถึงท่ีสุด โดยมีข้อสังเกตเก่ียวกับแนวทางหรือวิธีการด�ำเนินการให้เป็นไปตามค�ำพิพากษา คือ แก้ไขประเภทการจดทะเบยี นจาก “กรรมสิทธิ์รวมเฉพาะสว่ น (ไม่มคี ่าตอบแทน) ตามค�ำส่ังศาลแพง่ กรงุ เทพใต ้ คดีหมายเลขแดงที่ ๓๘๙๗ - ๓๘๙๙/๒๕๔๘ ลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘” เป็น “โอนตามค�ำส่ังศาล ตามคำ� พพิ ากษาศาลแพง่ กรงุ เทพใต้คดหี มายเลขแดงท่ี ๓๘๙๗ - ๓๘๙๙/๒๕๔๘ ลงวนั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘” และแก้ไขบันทึกในรายการจดทะเบียนจาก “นาย ส. ให้นาย ว. ถือกรรมสิทธ์ิรวมเฉพาะส่วนของตนจ�ำนวน ๙๐ สว่ นในจ�ำนวน ๑๒๑.๖๕ ส่วนเทา่ นนั้ สว่ นของผูอ้ ื่นคงเดมิ ” เป็น “นาย ส. โอนท่ีดนิ จำ� นวน ๙๐ ตารางวา ซึง่ เป็นที่ดินเปลา่ ทางทศิ เหนอื ตดิ ซอยลาซาลอยูน่ อกรัว้ อะพาร์ตเมนตแ์ ก่นาย ว.” ในชนั้ บงั คบั คดี ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๑ ไดด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขรายการจดทะเบยี นกรรมสทิ ธริ์ วมเฉพาะสว่ น (ไม่มีค่าตอบแทน) ตามค�ำส่ังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงท่ี ๓๘๙๗ - ๓๘๙๙/๒๕๔๘ ลงวันท ี่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ซงึ่ จดทะเบยี นเมื่อวันท่ี ๑๑ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ในโฉนดที่ดนิ เลขท่ี ๒๐๓๒๗ แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ให้ถกู ตอ้ งตรงกับคำ� พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงท่ี ๓๘๙๗ -  ๓๘๙๙/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ โดยได้แก้ไขในโฉนดทดี่ ินฉบับสำ� นกั งานทด่ี นิ และเจา้ ของท่ดี นิ ให้ถูกตอ้ งตรงกันแล้ว (๕) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ บ.๗๗/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (คณะกรรมการบริหาร มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร)์ ในคราวการประชุมคร้ังท่ี ๕/๒๕๕๘ เมอ่ื วนั ที่ ๒ มนี าคม ๒๕๕๘ ท่ไี มว่ า่ จ้างผูฟ้ ้อง คดเี ป็นพนกั งานมหาวทิ ยาลยั สายวิชาการ ตำ� แหนง่ อาจารย์ คณะสงั คมสงเคราะหศ์ าสตร์ โดยให้มผี ลนบั แต่ วนั ทค่ี ดถี งึ ทสี่ ดุ และมขี อ้ สงั เกตและแนวทางเกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามคำ� พพิ ากษาวา่ ใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๒ ด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีไปท�ำสัญญาจ้างเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ ตำ� แหนง่ อาจารย์ ตามทีส่ อบคดั เลอื กได้ภายใน ๖๐ วันนับแต่วันทค่ี ดถี งึ ที่สุด ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๒ ได้ด�ำเนินการแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีรายงานตัวเข้าเป็นพนักงาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพ่ือปฏิบัติงานที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และผู้ฟ้องคดีได้เข้ารายงานตัวแสดง ความประสงคร์ ับการจา้ งเปน็ พนักงานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรเ์ รยี บร้อยแลว้ (๖) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๔๑๗/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้อ�ำนวยการเขตลาดกระบัง) ปฏิบัติหน้าท ่ี ตามท่ีมาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ก�ำหนดให้ต้องปฏิบัติ ท้งั นี้ ภายใน ๖๐ วนั นับแต่วันท่ีคดีถงึ ที่สุด ในชน้ั บงั คบั คดีผถู้ กู ฟอ้ งคดมี หี นงั สอื แจง้ เจา้ ของอาคารใหด้ ำ� เนนิ การรอื้ ถอนและแกไ้ ขอาคารเลขท่ี๙ ซอยลาดกระบงั ๑๔ ถนนลาดกระบงั แขวงลาดกระบงั กรงุ เทพมหานคร ใหถ้ กู ตอ้ งตามคำ� สง่ั เจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ตามหนงั สอื ที่ กท ๕๓๐๓/๓๓๑๗ ลงวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ และเจา้ ของอาคารดงั กลา่ วไดแ้ กไ้ ขอาคารขา้ งตน้ ใหเ้ ปน็ ผนังทบึ เรียบรอ้ ยแล้ว (๗) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๒๓๗๐/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี (นายกเทศมนตรีต�ำบลหนองม่วง) มีค�ำส่ังให ้ ผู้ร้องสอดระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร ห้ามมิให้ผู้ร้องสอดหรือบุคคลใดใช้อาคารในส่วนท่ีก่อสร้าง โดยผดิ กฎหมาย ใหผ้ รู้ อ้ งสอดยน่ื คำ� ขออนญุ าตดดั แปลงอาคารและแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงอาคารสว่ นทชี่ ดิ เขตทดี่ นิ ใหม้ ี 57

The Administrative Court Annual Report 2018 ระยะหา่ งไมน่ อ้ ยกวา่ ๕๐เซนตเิ มตรโดยใหท้ ำ� เปน็ ผนงั ทบึ ใหถ้ กู ตอ้ งภายในระยะเวลาทก่ี ำ� หนดแตต่ อ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๐ วนั ตามมาตรา ๔๐ มาตรา ๔๑ แหง่ พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และหากผรู้ อ้ งสอดไมป่ ฏบิ ตั ิ ตามค�ำส่ังของผู้ถูกฟ้องคดี ให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีค�ำส่ังให้ผู้ร้องสอดร้ือถอนอาคารส่วนที่ก่อสร้างฝ่าฝืนกฎหมาย ตามมาตรา ๔๒ แหง่ พระราชบญั ญตั เิ ดยี วกนั ทงั้ นี้ ใหด้ ำ� เนนิ การใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๙๐ วนั นบั แตว่ นั ทคี่ ดถี งึ ทส่ี ดุ ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีค�ำส่ังให้ผู้ร้องสอดระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร ห้ามใช้ อาคารหรือบุคคลใดใช้อาคารในส่วนท่ีก่อสร้างโดยผิดกฎหมาย และมีค�ำส่ังให้ผู้ร้องสอดย่ืนค�ำขออนุญาต ดดั แปลงและแกไ้ ขเปลีย่ นแปลงอาคารสว่ นทีช่ ดิ เขตทดี่ ินตามมาตรา ๔๐ และมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญตั ิ ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ต่อมา ผู้ร้องสอดได้ยื่นค�ำขออนุญาตดัดแปลงอาคารฯ และได้ด�ำเนินการแก้ไข เปลย่ี นแปลงอาคารส่วนทชี่ ดิ เขตท่ดี นิ ให้มรี ะยะหา่ งไมน่ ้อยกว่า ๕๐ เซนตเิ มตรเรียบร้อยแล้ว (๘) คดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๖๔/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (ผู้ก�ำกับการสถานีต�ำรวจภูธรบ้านโป่ง) ด�ำเนินการให้เจ้าหน้าที่ต�ำรวจสายตรวจ ตรวจในท้องที่ต�ำบลคุ้งพยอมท่ีติดตั้งตู้แดงไว้อย่างสม่�ำเสมอ ตามค�ำส่ังสถานีต�ำรวจภูธรบ้านโป่งที่ก�ำหนดให้เจ้าหน้าที่ต�ำรวจปฏิบัติหน้าท่ีสายตรวจและประกาศส�ำนักงาน ต�ำรวจแห่งชาติ เร่ือง ให้ใช้คู่มือการปฏิบัติในการจัดและควบคุมสายตรวจ (ฉบับปรับปรุง ปี ๒๕๔๓) ท้ังน ้ี ใหด้ �ำเนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๗ วนั นับแต่วนั ทีค่ ำ� พพิ ากษาถึงท่สี ุด ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๓ ได้ด�ำเนินการให้เจ้าหน้าท่ีต�ำรวจสายตรวจตรวจในท้องท่ี ตำ� บลคงุ้ พยอมทตี่ ดิ ตงั้ ตแู้ ดงไวอ้ ยา่ งสมำ่� เสมอ และผฟู้ อ้ งคดไี ดแ้ จง้ ยนื ยนั วา่ ปจั จบุ นั เจา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจสายตรวจ สถานตี �ำรวจภูธรบ้านโปง่ ไดป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีตามค�ำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว (๙) คดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๖๒๖/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดที งั้ สอง(ศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ศรสี ะเกษ(ผอู้ ำ� นวยการ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาศรสี ะเกษ เขต ๑ เดมิ ) และ คณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ศรสี ะเกษ (อ.ก.ค.ศ. เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาศรสี ะเกษ เขต ๑ เดมิ )) รว่ มกนั พจิ ารณาดำ� เนนิ การเพอ่ื แตง่ ตงั้ ผฟู้ อ้ งคดี ให้ดำ� รงต�ำแหนง่ ผู้อำ� นวยการสถานศึกษา โดยการเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณาเปน็ การเฉพาะราย ตามอ�ำนาจหน้าท่ี ทีก่ ฎหมายก�ำหนด ท้ังนี้ ใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ นั ทีค่ �ำพิพากษาถงึ ทสี่ ดุ ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท้ังสองได้เสนอเรื่องให้ ก.ค.ศ. พิจารณาเพ่ือแต่งตั้งผู้ฟ้องคดี ให้ด�ำรงต�ำแหน่งผ้อู �ำนวยการสถานศกึ ษาเป็นการเฉพาะราย และตอ่ มา ผถู้ ูกฟ้องคดที ี่ ๑ ไดม้ ีคำ� สัง่ ส�ำนักงาน ศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ศรสี ะเกษท่ี๕๑๗/๒๕๖๑ลงวนั ท่ี๒กรกฎาคม๒๕๖๑ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดไี ปดำ� รงตำ� แหนง่ ผอู้ ำ� นวยการ สถานศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นหนองทมุ่ สำ� นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาศรสี ะเกษ เขต ๑ โดยใหม้ ผี ลตง้ั แต่ วนั ท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เปน็ ต้นไป และผ้ฟู ้องคดีได้รบั แจง้ คำ� ส่งั ดงั กลา่ วเรยี บร้อยแลว้ ค�ำบงั คบั ใหห้ น่วยงานชดใช้เงิน (๑) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๑๗๙๕/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดี(กรงุ เทพมหานคร)ชำ� ระเงนิ จำ� นวน๖๕,๘๐๐บาท พรอ้ มดอกเบยี้ ในอตั รารอ้ ยละ ๗.๕ ตอ่ ปี ของตน้ เงนิ จำ� นวนดงั กลา่ ว นบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี ๙ สงิ หาคม ๒๕๕๗ เปน็ ตน้ ไป จนกวา่ จะชำ� ระเสรจ็ แกผ่ ฟู้ อ้ งคดี แตด่ อกเบย้ี นบั ตง้ั แตว่ นั ที่๙สงิ หาคม๒๕๕๗ถงึ วนั ฟอ้ งตอ้ งไมเ่ กนิ ๑๘,๕๐๐บาท ทง้ั นี้ ภายในหกสิบวนั นับแตว่ ันที่คดถี ึงท่ีสุด 58

รายงานการปฏิบัตงิ านของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้น�ำเงินจ�ำนวน ๘๓,๐๖๕.๗๔ บาท (จ�ำนวนเงินที่ต้องช�ำระ ตามค�ำพิพากษา ๖๕,๘๐๐ บาท และดอกเบี้ยรวม ๑๗,๒๖๕.๗๔ บาท) มาวางช�ำระหน้ีตามค�ำพิพากษา และผูฟ้ ้องคดีได้รับเงนิ จ�ำนวนดังกล่าวไปเรยี บร้อยแลว้ (๒) คดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๒๙๕/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๒ (บริษัท บ. จ�ำกัด) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (กรุงเทพมหานคร) รว่ มกนั หรอื แทนกันชดใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนให้แก่ผูฟ้ ้องคดีเปน็ เงิน จำ� นวน ๓๔,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบ้ียในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินค่าสินไหมทดแทนที่ผู้ฟ้องคดีพึงได้รับดังกล่าว ทั้งน ี้ นับแต่วันย่ืนฟ้องคดี (วันท่ี ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗) จนกว่าจะช�ำระเสร็จ โดยให้ด�ำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน ๓๐ วนั นบั แต่วันท่ีคดถี งึ ทสี่ ุด ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๒ ได้น�ำเงินจ�ำนวน ๔๒,๙๙๑.๓๗ บาท (ค่าสินไหมทดแทน ตามคำ� พพิ ากษา ๓๔,๐๐๐ บาท และดอกเบยี้ ๘,๙๙๑.๓๗ บาท) มาวางชำ� ระหนต้ี ามคำ� พพิ ากษาและผฟู้ อ้ งคด ี ได้รับเงินจำ� นวนดังกลา่ วไปเรียบร้อยแล้ว (๓) คดศี าลปกครองสงู สุด หมายเลขแดงท่ี อ.๑๔๒๑/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (กรุงเทพมหานคร) จ่ายเงินค่าทดแทน ท่ีดินจ�ำนวน ๑๖,๓๒๙,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจ�ำ ของธนาคารออมสนิ ในแตล่ ะชว่ งเวลา แตไ่ มเ่ กนิ รอ้ ยละ๗.๕ตอ่ ปีของเงนิ คา่ ทดแทนทดี่ นิ จำ� นวนดงั กลา่ ว นบั แตว่ นั ท่ี ๒ มนี าคม ๒๕๔๘ เป็นตน้ ไป จนกวา่ จะช�ำระเสร็จให้แกผ่ ฟู้ ้องคดีทง้ั สอง โดยใหช้ ำ� ระใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ นั ทีค่ ดถี ึงท่สี ดุ ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีค�ำพิพากษายืนตามค�ำพพิ ากษาของศาลปกครองชัน้ ตน้ ในชน้ั บังคับคดี ผูถ้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๒ ไดน้ �ำเงินจ�ำนวน ๒๑,๙๒๒,๐๖๗.๔๒ บาท (ค่าทดแทนทด่ี นิ จำ� นวน ๑๖,๓๒๙,๖๐๐ บาท และดอกเบยี้ จ�ำนวน ๕,๕๙๒,๔๖๗.๔๒ บาท) มาวางช�ำระหน้ตี ามค�ำพิพากษา และผู้ฟ้องคดไี ดร้ บั เงนิ จ�ำนวนดังกลา่ วไปเรยี บร้อยแล้ว (๔) คดศี าลปกครองสูงสดุ หมายเลขแดงท่ี อ.๒๐๐/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) โดยผถู้ ูกฟ้องคดที ี่ ๒ (ผ้วู า่ การการทางพเิ ศษแห่งประเทศไทย) ช�ำระค่าทดแทนที่ดนิ เพมิ่ ให้แก่ผูฟ้ ้องคดีเปน็ เงนิ ๖๒,๕๔๒.๙๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจ�ำของธนาคารออมสิน แตไ่ มเ่ กนิ รอ้ ยละ๕ตามคำ� ขอของผฟู้ อ้ งคดีจากตน้ เงนิ จำ� นวน๖๒,๕๔๒.๙๘บาทนบั แตว่ นั ท่ี๒๔พฤศจกิ ายน๒๕๔๘ เป็นตน้ ไป จนกวา่ จะชำ� ระเสรจ็ โดยชำ� ระใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๔๕ วนั นบั แต่วนั ทคี่ ดีถึงท่สี ดุ ตอ่ มาศาลปกครอง สงู สุดมคี �ำพพิ ากษายนื ตามค�ำพิพากษาของศาลปกครองช้นั ตน้ ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ ได้น�ำเงินจ�ำนวน ๘๓,๔๓๗.๖๘ บาท (ค่าทดแทนที่ดินเพิ่ม ๖๒,๕๔๒.๙๘ บาท และดอกเบ้ยี ๒๐,๘๙๔.๗๐ บาท) มาวางชำ� ระหน้ตี ามคำ� พพิ ากษาและผู้ฟ้องคดไี ดร้ บั เงิน จ�ำนวนดงั กลา่ วไปเรียบรอ้ ยแล้ว (๕) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๒๕๙/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดี (การทางพเิ ศษแหง่ ประเทศไทย) ชำ� ระคา่ ทดแทน ท่ีดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเพิ่มอีก จ�ำนวน ๗๐๒,๕๒๕ บาท พร้อมดอกเบ้ียของเงินจ�ำนวนดังกล่าวในอัตราสูงสุด 59

The Administrative Court Annual Report 2018 ของดอกเบยี้ เงนิ ฝากประเภทฝากประจำ� ของธนาคารออมสนิ ตามทป่ี ระกาศกำ� หนดในแตล่ ะชว่ งเวลา ตงั้ แตว่ นั ท่ี ๒๑ มนี าคม ๒๕๕๖ เปน็ ตน้ ไปจนกวา่ จะชำ� ระเสรจ็ โดยช�ำระให้แล้วเสรจ็ ภายในหกสิบวนั นบั แตว่ นั ทค่ี ดถี งึ ที่สดุ ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้น�ำเงินจ�ำนวน ๗๘๙,๓๙๖.๑๗ บาท (ค่าทดแทนท่ีดินเพ่ิม ท่ตี ้องชำ� ระตามคำ� พิพากษาจำ� นวน ๗๐๒,๕๒๕ บาท และดอกเบยี้ จ�ำนวน ๘๖,๘๗๑.๑๗ บาท) มาวางชำ� ระหน้ี ตามคำ� พพิ ากษาและผู้ฟ้องคดีไดร้ ับเงนิ จ�ำนวนดังกลา่ วไปเรียบรอ้ ยแล้ว (๖) คดีศาลปกครองสูงสุด หมายเลขแดงท่ี อ.๒๔๕/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดี(กองทพั เรอื )คนื เงนิ คา่ ปรบั จำ� นวน๙๖๐,๗๘๔บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยให้ด�ำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันท่ีคดีถึงที่สุด ต่อมาศาลปกครองสูงสุด มีคำ� พิพากษายืนตามคำ� พิพากษาของศาลปกครองช้ันตน้ ในช้นั บังคบั คดี ผูถ้ กู ฟอ้ งคดีไดน้ ำ� เงนิ จำ� นวน ๙๖๐,๗๘๔ บาท มาวางชำ� ระหนตี้ ามค�ำพิพากษา และผ้ฟู ้องคดีได้รับเงนิ จำ� นวนดังกลา่ วไปเรียบร้อยแลว้ (๗) คดศี าลปกครองสูงสุด หมายเลขแดงท่ี อ.๒๐๘๙/๒๕๕๙ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี (องค์การคลังสินค้า) ช�ำระเงินจ�ำนวน ๕๔,๓๓๖,๗๔๔ บาท แก่ผู้ฟ้องคดี ภายในก�ำหนด ๙๐ วัน นับแต่วันท่ีคดีถึงท่ีสุด พร้อมดอกเบ้ียในอัตรา รอ้ ยละ ๗.๕ ตอ่ ปี นบั แตว่ ันฟอ้ ง (ฟ้องวนั ที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๘) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำ� ระเสร็จ กับให้ชำ� ระเงนิ เปน็ รายเดอื นในอตั ราเดอื นละ ๑,๓๐๔,๕๕๖ บาท นบั ตงั้ แตเ่ ดอื นกนั ยายน ๒๕๔๘ เปน็ ตน้ ไป จนกวา่ ผถู้ กู ฟอ้ งคด ี จะขนย้ายข้าวเปลือกออกจากคลังสินค้าของผู้ฟ้องคดี ต่อมาศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้ค�ำพิพากษา ศาลปกครองชน้ั ตน้ เปน็ ใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดชี ำ� ระเงนิ จำ� นวน๕๑,๓๙๙,๕๐๑.๓๔บาทแกผ่ ฟู้ อ้ งคดีภายในกำ� หนด๙๐วนั นบั แต่วันท่คี ดีถึงที่สดุ พร้อมดอกเบ้ยี ในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นบั แต่วนั ฟอ้ ง (ฟ้องวันที่ ๙ กนั ยายน ๒๕๔๘) เปน็ ตน้ ไปจนกว่าจะชำ� ระเสรจ็ นอกจากทแี่ กใ้ หเ้ ปน็ ตามค�ำพิพากษาศาลปกครองชั้นตน้ ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีได้น�ำเงินมาวางต่อศาลจ�ำนวน ๑๔๔,๙๔๘,๗๐๔.๕๗ บาท และค่าฝากเก็บจำ� นวน ๔๖,๓๘๙,๐๙๕.๐๓ บาท ผู้ฟ้องคดีได้รับเงนิ ไปเรียบร้อยแลว้ ค�ำบังคับให้หน่วยงานส่งมอบทรพั ยส์ นิ (๑) คดศี าลปกครองสูงสดุ หมายเลขแดงท่ี อ.๔๐๓/๒๕๖๑ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีท้ังสอง (กรมศิลปากรและอธิบดีกรมศิลปากร) คืนหลักประกันซอง จ�ำนวนเงิน ๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผู้ฟ้องคดีภายในหกสิบวันนับแต่วันท่ีคดีถึงท่ีสุด ต่อมา ศาลปกครองสูงสุดมีค�ำพิพากษาแก้ค�ำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ผู้ฟ้องคดีช�ำระเบ้ียปรับให้แก ่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี ๑ (กรมศลิ ปากร) เปน็ เงนิ จำ� นวน ๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท สำ� หรบั หลกั ประกนั ซองตามหนงั สอื คำ้� ประกนั ของธนาคารกสิกรไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีนครินทร์ กม.๙ เลขที่ ๕๗-๔๑-๔๐๘๔-๐ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จ�ำนวนเงิน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหผ้ ้ถู กู ฟอ้ งคดีที่ ๑ คนื ให้ผู้ฟ้องคดี เม่อื ผ้ถู กู ฟ้องคดที ี่ ๑ ได้รับช�ำระค่าปรบั เป็นเงินจ�ำนวน ๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท จากผฟู้ อ้ งคดีครบถว้ นแล้ว ในชน้ั บงั คบั คดี ผฟู้ อ้ งคดไี ดช้ ำ� ระเบยี้ ปรบั ใหแ้ กผ่ ถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่๑ เปน็ เงนิ จำ� นวน๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท และผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ ได้คืนหลักประกันซองตามหนังสือค้�ำประกันของธนาคารกสิกรไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขาถนนศรีนครินทร์ กม.๙ เลขที่ ๕๗-๔๑-๔๐๘๔-๐ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จ�ำนวนเงิน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผฟู้ ้องคดีเรยี บร้อยแล้ว 60

รายงานการปฏบิ ตั ิงานของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ (๒) คดศี าลปกครองสงู สุด หมายเลขแดงที่ อ.๑๒๘๑/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี๑(สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (โรงเรียนเมืองอ�ำนาจเจริญ) ร่วมกันหรือแทนกันช�ำระเงินจ�ำนวน ๗๘๖,๒๔๐ บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกวา่ จะช�ำระเสรจ็ ให้แกผ่ ูฟ้ ้องคดี และคืนแผน่ ยางสงั เคราะห์ (EVA) อุปกรณ์กีฬา และหนังสือประเภทต่างๆ ตลอดจนวสั ดคุ รภุ ณั ฑก์ ฬี าทง้ั หมดใหแ้ กผ่ ฟู้ อ้ งคดี ทง้ั น้ี ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ นั ทคี่ ดถี งึ ทสี่ ดุ ตอ่ มา ศาลปกครอง สงู สดุ มคี ำ� พพิ ากษาแกค้ ำ� พพิ ากษาของศาลปกครองชน้ั ตน้ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๑ และผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๒ ไมจ่ ำ� ตอ้ ง ใชเ้ งนิ ตามควรคา่ แหง่ การงาน จำ� นวน ๗๘๖,๒๔๐ บาท ใหแ้ กผ่ ฟู้ อ้ งคดี พรอ้ มดอกเบยี้ ในอตั รารอ้ ยละ ๗.๕ ตอ่ ป ี ของตน้ เงนิ ดงั กลา่ ว นบั ตง้ั แตว่ นั ฟอ้ งเปน็ ตน้ ไป จนกวา่ จะชำ� ระเสรจ็ ใหแ้ กผ่ ฟู้ อ้ งคดี นอกจากทแี่ ก้ ใหเ้ ปน็ ไปตาม ค�ำพพิ ากษาของศาลปกครองชัน้ ต้น ในชน้ั บงั คบั คดี ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี ๒ ไดแ้ จง้ ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดมี ารบั แผน่ ยางสงั เคราะห์ (EVA) อปุ กรณก์ ฬี า และหนงั สอื ประเภทตา่ งๆ คนื แลว้ แตผ่ ฟู้ อ้ งคดไี ดม้ หี นงั สอื แสดงเจตนามอบทรพั ยส์ นิ ดงั กลา่ วทมี่ สี ทิ ธไิ ดร้ บั ตาม คำ� พพิ ากษาให้แกผ่ ถู้ กู ฟ้องคดที ี่ ๒ (๓) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๑๕๕๔/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พิพากษาใหผ้ ู้ถกู ฟ้องคดี (องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลมาบไพ) คืนหนังสือ คำ้� ประกนั ของธนาคารกรงุ ไทยจำ� กดั (มหาชน)สาขาวภิ าวด-ี รงั สติ ๕เลขที่ค.วด๕.๐๐๐๑๕/๒๐๐๐๑๙/๐๘๑๓/๕๗ ลงวนั ท่ี ๑๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๗ จ�ำนวนเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ใหแ้ ก่ผู้ฟอ้ งคดีในวันเดียวกันกบั วันที่ผถู้ กู ฟ้องคด ี ได้รบั ช�ำระเงินจ�ำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท โดยใหค้ ืนใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๖๐ วนั นบั แต่วนั ทคี่ ดถี ึงที่สดุ ในชั้นบงั คับคดี ผ้ฟู อ้ งคดีไดช้ �ำระเงินคา่ เบีย้ ปรับจ�ำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้ถกู ฟอ้ งคดีแลว้ และผู้ถูกฟ้องคดีได้คืนหนังสือค�้ำประกันของธนาคารกรุงไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขาวิภาวดี - รังสิต ๕ เลขท่ี ค.วด๕. ๐๐๐๑๕/๒๐๐๐๑๙/๐๘๑๓/๕๗ ลงวนั ท่ี ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จำ� นวนเงนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ผู้ฟอ้ งคดเี รยี บร้อยแลว้ ค�ำบังคบั ให้เอกชนชดใช้เงิน (๑) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๑๖๐๑/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีท้ังสอง (นางสาว น. และนาง ส.) ร่วมกัน หรอื แทนกนั ชดใชเ้ งินจ�ำนวน ๕๒๒,๘๖๕.๓๕ บาท พร้อมดอกเบยี้ ในอัตราร้อยละ ๑๕ ตอ่ ปี ของตน้ เงนิ จ�ำนวน ๔๒๗,๙๗๔.๓๒ บาท นบั ถดั จากวนั ฟอ้ งเปน็ ต้นไปจนกวา่ จะช�ำระเสร็จให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยใหช้ ำ� ระให้แลว้ เสรจ็ ภายใน ๖๐ วนั นบั แต่วันท่ีคดถี งึ ทสี่ ุด ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ ได้ช�ำระหนี้ตามค�ำพิพากษาให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจ�ำนวน ๕๖๙,๐๓๔ บาท และผู้ฟ้องคดีได้รับเงนิ จำ� นวนดังกลา่ วไปเรยี บรอ้ ยแล้ว (๒) คดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงท่ี ๑๕๐๒/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมีค�ำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ (นางสาว ช.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (นาง ญ.) ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๕ (นาย ป.) และผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๖ (นาย ส.) รว่ มกนั หรอื แทนกนั ชดใชเ้ งนิ จำ� นวน ๓๘๖,๑๓๑.๓๖ บาท พรอ้ มดอกเบย้ี ในอตั รารอ้ ยละ๗.๕ตอ่ ปีของตน้ เงนิ จำ� นวน๓๔๐,๕๗๔.๓๘บาทนบั แตว่ นั ถดั จากวนั ฟอ้ งเปน็ ตน้ ไป จนกว่าจะช�ำระเสร็จใหแ้ ก่ผู้ฟ้องคดี โดยให้ชำ� ระใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๖๐ วัน นับแตว่ ันท่ีคดถี งึ ทส่ี ดุ 61

The Administrative Court Annual Report 2018 ในชั้นบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ช�ำระหนี้ตามค�ำพิพากษาให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจ�ำนวน ๔๔๑,๔๑๖.๓๘ บาท และผูฟ้ ้องคดีไดร้ ับเงนิ จ�ำนวนดงั กล่าวไปเรยี บรอ้ ยแล้ว (๓) คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ ๒๐๒๙/๒๕๖๐ ศาลปกครองกลางมคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดที ง้ั สอง (นาย อ. และนาย ส.) รว่ มกนั หรอื แทนกนั ชดใช้เงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจ�ำนวน ๑๖๙,๐๘๕.๐๗ บาท พร้อมดอกเบ้ียในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจ�ำนวน ๑๔๕,๑๔๔.๕๐ บาท นับแตว่ ันฟอ้ งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำ� ระเสรจ็ แก่ผู้ฟอ้ งคดี โดยใหช้ ำ� ระ ให้เสร็จสิ้นภายใน ๖๐ วนั นับแต่วันท่ีคดถี งึ ที่สดุ ในช้ันบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี ๑ ได้ช�ำระหนี้ตามค�ำพิพากษาให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจ�ำนวน ๑๘๙,๖๔๒.๔๕ บาท และผู้ฟ้องคดีได้รบั เงนิ จ�ำนวนดังกล่าวไปเรยี บร้อยแล้ว ๔. การใช้มาตรการปรับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีไม่ปฏิบัติตามค�ำบังคับ หรอื ปฏิบตั ลิ า่ ชา้ เกินสมควร ตามมาตรา ๗๐ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้ค�ำพิพากษาศาลปกครองมีผลผูกพันคู่กรณีที่จะต้องปฏิบัติตามค�ำบังคับ นับแต่วันท่ี ก�ำหนดในค�ำพิพากษาจนถึงวันที่ค�ำพิพากษาน้ันถูกเปล่ียนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย โดยในชั้นบังคับคดี หากปรากฏว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐมิได้ปฏิบัติตามค�ำบังคับให้ถูกต้องครบถ้วน หรอื ปฏบิ ตั ลิ า่ ชา้ เกนิ สมควร ศาลปกครองอาจมคี ำ� สงั่ ใหห้ นว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ชำ� ระคา่ ปรบั ต่อศาลตามจ�ำนวนท่ีสมควรได้ ประกอบกับระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วย หลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขในการปรบั หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทม่ี ไิ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามคำ� บงั คบั ของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วนหรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอื่ นไขในการปรบั หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ดงั กลา่ ว ซงึ่ ในชว่ งระยะเวลาทผี่ า่ นมา พบวา่ มีหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่ปฏิบัติตามค�ำบังคับหรือค�ำส่ังของศาลปกครองหรือปฏิบัติ ล่าช้าเกนิ สมควร และศาลมคี ำ� สัง่ ให้หน่วยงานทางปกครองชำ� ระค่าปรบั ต่อศาลแลว้ เช่น คดศี าลปกครองกลาง หมายเลขด�ำท่ี ส.๑/๒๕๕๕ และหมายเลขด�ำที่ บ.๒๕๓/๒๕๖๐ ทั้งน้ี เพื่อให้ค�ำพิพากษาหรือค�ำสั่ง ของศาลปกครองมผี ลบงั คบั แกค่ กู่ รณฝี า่ ยแพค้ ดี และสามารถแกไ้ ขเยยี วยาความเดอื ดรอ้ นเสยี หายใหแ้ กค่ กู่ รณี ฝ่ายชนะคดีได้อย่างแท้จริง ซ่ึงภายหลังจากศาลใช้มาตรการดังกล่าวท�ำให้จ�ำนวนคดีท่ีหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่ปฏิบัติตามค�ำบังคับ หรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควรมีจ�ำนวนลดลง ส่งผลให้คู่กรณี ฝ่ายชนะคดีและประชาชนทั่วไปในกรณีท่ีเป็นคดีเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะได้รับการแก้ไขเยียวยาโดยผล ของคำ� พิพากษาหรอื คำ� ส่ังของศาลปกครองได้อยา่ งรวดเร็ว ๓. การวางหลักกฎหมายและแนวทางการปฏบิ ตั ิราชการท่ดี ี การวเิ คราะหเ์ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดปี กครองนน้ั มวี ตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะเสนอแนะแนวทางการแกไ้ ขหรอื ปอ้ งกนั เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดที จ่ี ะนำ� เขา้ มาสกู่ ารพจิ ารณาของศาลปกครอง ซงึ่ อาจจะมาจากสาเหตขุ องการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ของเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั หนว่ ยงานทางปกครอง หรือความบกพรอ่ งของตวั บทกฎหมายทอ่ี าจจะเป็นสาเหตุที่ทำ� ให้ เกดิ ขอ้ พพิ าทคดที างปกครองได้ ตามมาตรา ๗๗ (๕) แห่งพระราชบัญญตั ิจดั ต้ังศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ทกี่ �ำหนดวา่ 62

รายงานการปฏิบัตงิ านของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ “ส�ำนักงานศาลปกครองมีอ�ำนาจหน้าที่ดังต่อไปน้ี (๕) วิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครอง เพอื่ เสนอแนะแนวทางการปรบั ปรงุ วธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง” อนั จะนำ� ไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ ง หลักธรรมาภิบาลและหลักความยุติธรรมทางปกครอง จึงกล่าวได้ว่าส�ำนักงานศาลปกครองรับผิดชอบ ในการวิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครองเพ่ือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจทางด้านสิทธิและหลักกฎหมาย ปกครองให้แก่ประชาชน ข้าราชการ เสนอแนะแนวทางในการฟ้องคดีไม่ให้เกิดขึ้นมาซ�้ำอีก ลดปริมาณ คดีพิพาทท่ีจะน�ำเข้ามาสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาลปกครอง นอกจากน้ีส�ำนักงานศาลปกครองยังได้ม ี การวางหลกั กฎหมายและแนวทางปฏบิ ตั ริ าชการทดี่ ี เพอื่ เผยแพรอ่ งคค์ วามรทู้ างดา้ นคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลปกครอง ให้แก่ภาครัฐและเอกชน รวมท้ังลดปริมาณคดีทางปกครองในอนาคต สถติ ิภาพรวมของการวเิ คราะหเ์ หตุแหง่ การฟอ้ งคดี ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ในรอบปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ถือว่าเป็นปีท่ี ๑๗ ของการเปิดท�ำการศาลปกครองเป็นต้นมา ศาลปกครอง ไดด้ ำ� เนนิ การพจิ ารณาคดพี พิ าทระหวา่ งหนว่ ยงานทางปกครองและเอกชนเปน็ จำ� นวนมาก กรณพี พิ าทดงั กลา่ ว เม่ือศาลปกครองได้ท�ำการวางหลักค�ำวินิจฉัยให้แล้วก็จะเป็นแนวทางปฏิบัติราชการที่ดีส�ำหรับหน่วยงาน จะได้ถอื ปฏิบัติต่อไป เพ่ือรักษาผลประโยชน์ของสว่ นรวม และในขณะเดียวกนั กเ็ ปน็ การปอ้ งกนั ความเดือดร้อน เสยี หายของประชาชนทจ่ี ะตามมาไปพรอ้ มกัน ส�ำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๑ มีคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดทุกแผนกและอุทธรณ ์ ตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ ณสน้ิ เดอื นธนั วาคม๒๕๖๑จำ� นวนทงั้ สน้ิ ๓,๙๘๐คดีพบวา่ สาเหตขุ องปญั หาทนี่ ำ� คดพี พิ าท มาสูศ่ าลปกครองจะเกดิ จากมลู เหตุแหง่ การฟ้องคดี ๔ ลกั ษณะ ดังต่อไปน้ี ๑. ปญั หาคดพี พิ าทมาจากเหตแุ หง่ การฟอ้ งคดที เ่ี จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั หรอื หนว่ ยงานทางปกครองปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ตามกฎหมายท่ีหากไม่ค�ำนึงถึงข้อทุจริตในการปฏิบัติหน้าท่ีโดยตรงแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติหน้าท ่ี ของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั หรอื หนว่ ยงานทางปกครองอาจจะคลาดเคลอ่ื นจากแนวปฏบิ ตั ิ หรอื ไมส่ อดคลอ้ งกบั ปญั หา ท่ีเกดิ ขนึ้ ๒. ปัญหาคดีพิพาทที่เกิดมาจากความบกพร่องของข้อกฎหมายที่บัญญัติ อาจจะขาดความชัดเจน หรอื ไมส่ อดคลอ้ งกบั ปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ จงึ ทำ� ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั หรอื หนว่ ยงานทางปกครองไมส่ ามารถนำ� ไปปฏบิ ตั ิ ให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ไดอ้ ย่างแท้จริง ๓. ปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ มาจากหนว่ ยงานทางปกครองยงั ขาดมาตรฐานในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี มส่ ามารถกำ� หนด ระเบยี บขอ้ บงั คับภายในใหเ้ หมาะสม สอดคลอ้ งกบั ตัวบทกฎหมายตามหลกั การบริหารทด่ี ีได้ ๔. กรณีสุดท้าย เหตุแห่งการฟ้องคดีน้ัน อาจจะมาจากตัวผู้ฟ้องคดีท่ีขาดความรู้ความเข้าใจในเร่ือง ของกฎหมาย หรือสทิ ธหิ นา้ ท่ขี องตนเอง จากขอ้ มลู ทน่ี ำ� มาวเิ คราะหใ์ นรายละเอยี ดแหง่ คดพี บวา่ สว่ นทเี่ ปน็ ปญั หาพบมากทสี่ ดุ คอื เหตแุ หง่ การฟอ้ ง คดีพิพาท จากข้อ ๑ - ๓ ซ่ึงมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของประเภทแห่งคดี เพ่ือความชัดเจน ของการสรปุ การวเิ คราะหร์ ายงานในรอบปี ๒๕๖๑ จึงขอสรปุ บทวเิ คราะหเ์ หตแุ หง่ การฟ้องคดปี กครอง ออกเปน็ ๔ กลุ่ม ดงั ตอ่ ไปนี้ 63

The Administrative Court Annual Report 2018 ๑ บทสรุปวเิ คราะห์ ๒ บทสรุปวิเคราะห์ เหตุแห่งการฟอ้ งคดี เหตแุ ห่งการฟอ้ งคดี ประเภทงานบริหารบุคคลและวนิ ัย ประเภทที่ดิน บทสรปุ วเิ คราะห ์ ๓ บทสรปุ วิเคราะห ์ ๔ เหตุแห่งการฟ้องคดี เหตุแหง่ การฟอ้ งคด ี ประเภทละเมิด ประเภทคดพี พิ าท หรือความรับผดิ ชอบอย่างอ่ืน เกีย่ วกับสญั ญาทางปกครอง ๑. บทสรุปวเิ คราะห์เหตุแหง่ การฟ้องคดี ประเภทงานบรหิ ารบคุ คลและวนิ ัย จากข้อมูลสถิติของค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในเรื่องของงานบุคคลนั้น มีหน่วยงานท่ีถูกฟ้องคดี มากทีส่ ดุ จ�ำนวน ๓ ลำ� ดับ ดงั นี้ ๑. กระทรวงศึกษาธิการ จ�ำนวน ๑๑๓ คดี โดยส่วนใหญ่เป็นข้อพิพาทของข้าราชการครู บุคลากร ทางการศกึ ษาขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศกึ ษาและพนกั งานมหาวทิ ยาลยั ซง่ึ กฎหมายทใ่ี ชอ้ า้ งองิ มากทส่ี ดุ ได้แก่ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และพระราชบัญญัติ ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ สว่ นกฎทใ่ี ชอ้ า้ งองิ ในแตล่ ะคดจี ะเปน็ กฎทอี่ อกโดย หน่วยงานทางปกครองแต่ละแห่งซึ่งอาศัยอ�ำนาจของพระราชบัญญัติท่ีจัดต้ังหน่วยงานทางปกครองนั้น เช่น ระเบียบหรือข้อบังคับมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ออกมาใช้บังคับกับบุคลากรในมหาวิทยาลัยน้ัน หรือกฎ ท่อี อกโดยองคก์ รกลางในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เชน่ กฎที่ออกโดย คณะกรรมการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพ่อื ใชใ้ นการบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการดังกล่าว ๒. องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ จำ� นวน ๔๙ คดี โดยสว่ นใหญ่เปน็ ขอ้ พพิ าทของพนักงานส่วนท้องถิน่ ที่เกิดข้ึนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทเทศบาล และองค์การบริหารส่วนต�ำบล ซ่ึงกฎหมายที่ใช้ อ้างองิ มากท่สี ุด ได้แก่ พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถ่นิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนกฎท่ีใช้อ้างอิง ในแต่ละคดีนั้นจะเป็นกฎท่ีออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองในแต่ละจังหวัด เช่น ประกาศคณะกรรมการเทศบาลของจังหวัดต่างๆ ประกาศคณะกรรมการส่วนต�ำบลของจังหวัดต่างๆ เพื่อใชใ้ นการบรหิ ารงานบุคคลของพนักงานส่วนทอ้ งถน่ิ ในจังหวัดน้นั ๆ ๓. ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ จ�ำนวน ๒๗ คดี โดยส่วนใหญ่เป็นข้อพิพาทของข้าราชการต�ำรวจ ซึ่งกฎหมายที่ใช้อ้างอิงมากที่สุด ได้แก่ พระราชบัญญัติต�ำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ส่วนกฎท่ีใช้อ้างอิง ในแต่ละคดีน้ันจะเป็นกฎที่ออกโดยคณะกรรมการข้าราชการต�ำรวจ (ก.ตร.) ซ่ึงเป็นองค์กรกลางในการบริหาร งานบคุ คลของข้าราชการต�ำรวจ เช่น กฎ ก.ตร. ว่าดว้ ยคุณสมบัติและลกั ษณะตอ้ งหา้ มของการเปน็ ขา้ ราชการ ตำ� รวจ พ.ศ. ๒๕๔๗ 64

รายงานการปฏิบัตงิ านของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ เหตุแห่งการฟอ้ งคดใี นเรื่องของการบริหารงานบคุ คลและวินัยนั้น สามารถแยกพิจารณาได้ดงั นี้ ๑. เหตุแห่งการฟ้องคดีที่เกิดจากหน่วยงานทางปกครอง อันเนื่องมาจากหน่วยงานทางปกครอง ไม่บังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังเช่น ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๖๕๑/๒๕๖๑ กรณีพิพาทท่ีเกิดข้ึนนั้นพบว่า การแต่งต้ังอธิการบดี (รวมถึงรักษาราชการแทนอธิการบดี) ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนั้น กฎหมายไม่ได้ก�ำหนดคุณสมบัติในประเด็นเร่ืองอายุไว้โดยชัดแจ้งจึงต้องตีความ โดยเทียบเคียงจากกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติบ�ำเหน็จบ�ำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศกึ ษาพ.ศ.๒๕๔๗คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๖๘๗/๒๕๖๑ ในการใช้ดุลพินิจออกค�ำสั่งทางปกครองนั้น กรณีท่ีกฎหมายให้อ�ำนาจดุลพินิจแก่หน่วยงาน ทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ทจี่ ะออกคำ� สงั่ ใหพ้ นกั งานสว่ นตำ� บลผนู้ นั้ ประจำ� สำ� นกั งานเลขานกุ าร ก.อบต. จงั หวดั ได้ ในกรณที ม่ี คี วามจำ� เปน็ เรง่ ดว่ นเพอ่ื ประโยชนแ์ กท่ างราชการหรอื กรณมี คี วามขดั แยง้ ระหวา่ งพนกั งาน ส่วนต�ำบลกับผู้บริหาร อบต. ซึ่งการท่ีจะใช้ดุลยพินิจออกค�ำสั่งเช่นว่านั้นได้จะต้องพิจารณาถึงเจตนารมณ์ ของกฎหมายเปน็ สำ� คญั ประกอบกบั ตอ้ งพจิ ารณาตามขอ้ เทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณข์ องบคุ คลดว้ ยรวมถงึ ตอ้ งพจิ ารณา จากขอ้ เทจ็ จริง พยานหลักฐานอย่างรอบด้านใหข้ อ้ เทจ็ จรงิ ทีไ่ ดเ้ ปน็ ทย่ี ตุ ิ ๒. เหตุแห่งการฟ้องคดีท่ีเกิดจากปัญหาการวางแนวปฏิบัติภายในของฝ่ายปกครองที่อาจจะยัง ไม่มีกรอบของการปฏิบัติงานท่ีชัดเจน จึงท�ำให้เกณฑ์การปฏิบัติหน้าท่ีของหน่วยงานท่ีเจ้าหน้าที่จ�ำเป็นต้องใช้ ดุลยพินิจประกอบการพิจารณายังไม่มีความเป็นมาตรฐานในท�ำนองเดียวกัน ดังจะเห็นได้จาก ค�ำพิพากษา ของศาลปกครองสูงสุดท่ี ๗๒๘/๒๕๖๑ และคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อบ ๓๗/๒๕๖๑ ๒. บทสรปุ วเิ คราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดี ประเภทท่ดี ิน จากการศกึ ษาคำ� พพิ ากษาของศาลปกครองสงู สดุ พบวา่ การกระทำ� ทางปกครองทเ่ี ปน็ เหตแุ หง่ การพพิ าท จนมกี ารน�ำคดเี ขา้ สกู่ ารพิจารณาพพิ ากษาของศาลปกครองมหี ลากหลายประการ เชน่ ค�ำส่งั ไม่ออกโฉนดทด่ี ิน (ค�ำพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๑๘๕/๒๕๖๑) ค�ำส่ังยกเลกิ ใบไตส่ วน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสงู สุด ที่ อ.๗๒๖/๒๕๖๑) ค�ำสั่งไม่รับค�ำขอออกโฉนดท่ีดิน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๗๕๑/๒๕๖๑) การเพิกถอนโฉนดท่ีดินบางส่วน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๖๓/๒๕๖๑) หรือการเพิกถอน การอนญุ าตให้ใช้ประโยชนจ์ ากพนื้ ที่ (ค�ำพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๙๕๖/๒๕๖๑) กรณีการตรวจสอบ หรือการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน จะมีข้อพิพาทเก่ียวกับการฟ้องขอให้ศาลมีค�ำพิพากษาหรือค�ำส่ังให้ เพิกถอนค�ำสั่งยกเลิกใบไต่สวน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๘๕๙/๒๕๖๑) หรือเพิกถอนค�ำส่ัง ไม่ออกโฉนดที่ดิน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๑๘๕/๒๕๖๑) สว่ นขอ้ พพิ าทอนื่ ๆ จะเปน็ ลกั ษณะการฟอ้ งขอใหศ้ าลมคี ำ� พพิ ากษาหรอื คำ� สง่ั ใหเ้ พกิ ถอนหนงั สอื อนญุ าต ใหใ้ ชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ นิ (คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๙๕๖/๒๕๖๑) การคดั คา้ นการรงั วดั (คำ� พพิ ากษา ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๑๐๒/๒๕๖๑) ค�ำส่ังไม่รับค�ำขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการท�ำประโยชน์ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๗๕๑/๒๕๖๑) ค�ำส่ังยกเลิกค�ำขอน�ำรังวัด (ค�ำพิพากษาศาลปกครอง สงู สดุ ที่ อ.๔๐๐/๒๕๖๑ และ อ.๔๙๒/๒๕๖๑) เหตุแห่งการฟ้องคดีมาจากกรณีที่ประชาชนขาดความเข้าใจในกฎหมาย ดังเช่น ค�ำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๙๒/๒๕๖๑ ท่ีถือว่าแม้บิดาของผู้ฟ้องคดีครอบครองและท�ำประโยชน์โดยไม่แจ้ง 65

The Administrative Court Annual Report 2018 การครอบครองท่ีดินไว้ ดังนั้น แม้ว่าครอบครองและท�ำประโยชน์ในท่ีดินแปลงดังกล่าวต่อเนื่องตลอดมา จนถึงปัจจุบันก็ตาม ก็ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ท่ีจะออก น.ส. ๓ ก. ได้ การท่ีเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดสตูลมีค�ำสั่ง ไมร่ ับคำ� ขอเอกสารสิทธิในท่ีดิน (น.ส. ๓ ก.) ของเจ้าพนักงานทีด่ ิน จึงเป็นการกระท�ำท่ีชอบดว้ ยกฎหมายแล้ว คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๗๘๐/๒๕๖๑ทวี่ า่ ขอ้ เทจ็ จรงิ คดตี อ้ งรบั ฟงั เปน็ ทย่ี ตุ ติ ามคำ� พพิ ากษาของศาล จงั หวัดกาฬสนิ ธุ์วา่ การออกโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๖๘๐๖๐ ในสว่ นท่อี อกทบั ที่ดนิ ของ นาง พ. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีซ่ึงเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวจึงย่อมต้องผูกพันตามค�ำพิพากษาถึงที่สุดตามมาตรา ๑๔๕ แห่ง ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความแพง่ ผฟู้ อ้ งคดีจงึ ไมอ่ าจกลา่ วอา้ งได้วา่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี ๒ (เจ้าพนกั งานทีด่ ิน จงั หวัดกาฬสินธ์ุ สาขายางตลาด และเจา้ หนา้ ท่ีของผถู้ กู ฟอ้ งคดที ี่ ๑ ดำ� เนินการออก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๙๑๑๒ ไมช่ อบด้วยกฎหมายทับทด่ี นิ ของผฟู้ ้องคดีตามโฉนดท่ดี นิ เลขท่ี ๖๘๐๖๐ ได้อีกต่อไป จากทีก่ ล่าวมาสามารถแบง่ ข้อสรปุ ในเรอ่ื งของแนวทางการวินจิ ฉัยคดีปกครองได้ ดงั ต่อไปนี้ ๑. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระท�ำการโดยไม่ชอบ ดว้ ยกฎหมายหรอื ออกคำ� สั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ๑.๑ กรณกี ารตรวจสอบหรอื การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ จะเหน็ ไดว้ า่ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคด ี ประเภทนี้อาจเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของประชาชนผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในท่ีดินพิพาทใน การขอออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ ของตนอยา่ งไรกต็ ามตอ้ งยอมรบั ประการหนงึ่ วา่ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดที เ่ี กดิ ขนึ้ ส่วนหนึ่งมาจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น การรงั วดั ทดี่ นิ ผดิ พลาดคลาดเคลอ่ื นทำ� ใหเ้ กดิ การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ทบั ทขี่ องบคุ คลอน่ื การตรวจสอบ หรือการรับฟังข้อเท็จจริงในการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไม่ครบถ้วน การขาดการด�ำเนินงานที่รวดเร็ว ปลอ่ ยเนิน่ ชา้ จนทำ� ใหก้ ารแก้ไขปัญหาในการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดินมีความยงุ่ ยากมากขึ้น ๑.๒ กรณกี ารใชป้ ระโยชน์ในทด่ี นิ เหน็ ได้ว่า เหตุแหง่ การฟ้องคดีประเภทนี้อาจเกดิ จากการขดั กนั ของการใช้ประโยชน์ในที่ดินระหว่างประชาชนด้วยกันเอง และการขัดกันของการใช้ประโยชน์ในที่ดินระหว่าง รัฐกับประชาชน ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวอาจเกิดความเข้าใจท่ีคลาดเคล่ือนของประชาชนว่าตนเองสามารถ ใชป้ ระโยชนจ์ ากพน้ื ทไี่ ดเ้ นอื่ งจากครอบครองมาแตเ่ ดมิ ซง่ึ เปน็ ปญั หาเกยี่ วกบั กฎหมายทใี่ ชบ้ งั คบั กบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ที่เกิดข้ึนมีความลักลั่นต่อกัน ประกอบกับการด�ำเนินงานของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการด�ำเนินการก�ำหนดเขตพื้นที่พิเศษต่างๆ ไม่สามารถช้ีแจงให้ประชาชนเข้าใจให้ถูกต้องหรืออาจเกิด ข้อผิดพลาดในข้ันตอนการก�ำหนดหรือท�ำแผนท่ีก�ำหนดพ้ืนที่พิเศษได้ เนื่องจากไม่ได้มีการเดินส�ำรวจพื้นที่ ทจ่ี ะกำ� หนดเขตทด่ี นิ อยา่ งละเอยี ดเพราะขาดแคลนบคุ ลากร งบประมาณ หรอื อปุ กรณ์ จนทำ� ใหก้ ารกำ� หนดพนื้ ที่ ตามเอกสารคลาดเคลื่อนได้ ๒. คดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐละเลยต่อหน้าท่ีตามที่ กฎหมายก�ำหนดให้ตอ้ งปฏิบัติ หรอื ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีดังกลา่ วลา่ ช้าเกินสมควร ๒.๑ กรณกี ารตรวจสอบหรอื การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ เหตแุ หง่ การนำ� คดปี กครองเกย่ี วกบั ที่ดินในข้อพิพาทที่เก่ียวกับการละเลยหรือไม่กระท�ำตามหน้าท่ีตามกฎหมายของหน่วยงานทางปกครอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐมาฟ้องร้องต่อศาลปกครอง อาจเกิดจากปัจจัยท่ีประชาชนยังมีความเข้าใจคลาดเคล่ือน ในหน้าท่ีตามกฎหมายของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ประกอบกับความเข้าใจในการครอบ 66

รายงานการปฏิบตั งิ านของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ครองทด่ี นิ ของตนเองกบั หลกั เกณฑท์ างกฎหมายทไี่ มส่ อดคลอ้ งกนั นอกจากน้ี อาจเกดิ จากกรณที ห่ี นว่ ยงานทาง ปกครองและเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ดำ� เนนิ การตรวจสอบสทิ ธใิ นทดี่ นิ ลา่ ชา้ และมหี ลายหนว่ ยงานทต่ี อ้ งรบั ผดิ ชอบรว่ ม กนั เชน่ อำ� เภอกบั ส�ำนักงานท่ีดนิ ท�ำใหม้ รี ะยะเวลาในการด�ำเนนิ งานและการแกไ้ ขปญั หาทนี่ านจนไม่สามารถ จัดการกับขอ้ พพิ าททเี่ กิดขึ้นไดภ้ ายในฝา่ ยปกครอง ๒.๒ กรณีการใช้ประโยชน์ในท่ีดิน เหตุแห่งการฟ้องคดีพิพาทส่วนใหญ่จะเก่ียวกับการละเลย หรือการไม่กระท�ำการตามหน้าท่ีตามกฎหมายของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีเก่ียวกับที่ดิน อาจเกดิ จากหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ไมส่ ามารถแกไ้ ขหรอื ไมด่ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรค ท่ีทำ� ใหป้ ระชาชนไมส่ ามารถใชป้ ระโยชนใ์ นทด่ี นิ ทเี่ ปน็ ที่สาธารณประโยชนไ์ ด้ ซ่ึงจะสังเกตไดว้ ่า เมอ่ื พบเจอกบั ข้อขัดข้องในการใช้ประโยชน์จากท่ีดินดังกล่าว ประชาชนจะร้องเรียนหรือแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานของรฐั ทม่ี คี วามใกลช้ ดิ กบั ประชาชนมากทส่ี ดุ เพอื่ ใหแ้ กไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว หากองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถ่ินสามารถระงับข้อพิพาทในเบื้องต้นภายในหน่วยงานของตน ก็จะสามารถลดจ�ำนวนคดีที่เข้ามาสู่ การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองได้ ๓. คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การกระทำ� ละเมดิ ของหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั อนั เกดิ จาก การใช้อ�ำนาจตามกฎหมายหรอื จากคำ� สง่ั ทางปกครองหรือค�ำส่งั อ่นื ๓.๑ กรณีตรวจสอบหรือการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน เหตุแห่งการฟ้องคดีเกี่ยวกับการกระท�ำ ละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐอันเกิดจากการใช้อ�ำนาจตามกฎหมายหรือจากค�ำสั่ง ทางปกครอง หรอื คำ� สงั่ อน่ื กรณกี ารออกเอกสารสทิ ธใิ นทดี่ นิ หรอื การตรวจสอบเอกสารสทิ ธใิ นทดี่ นิ โดยสว่ นใหญ ่ เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ซ่ึงอาจมีผลมาจากการขาดความรู้ความ เข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่ดินเป็นกฎหมายพิเศษท่ีมีความซับซ้อนและถูกบัญญัติหลักเกณฑ์ต่างๆ ไว้ในกฎหมายหลายฉบับ ท้ังกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติและกฎหมายล�ำดับรอง นอกจากน้ี อาจจะ เป็นกรณีที่ขาดระบบการตรวจสอบหรือควบคุมความถูกต้องในการปฏิบัติงานเนื่องจากงานออกเอกสารสิทธิ หรือตรวจสอบเกี่ยวกับท่ีดินเป็นงานท่ีมีจ�ำนวนมาก มีการปฏิบัติงานหลายขั้นตอน และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ รว่ มปฏิบัติงานหลายฝ่าย จนท�ำใหเ้ กิดขอ้ บกพร่องหรือข้อผิดพลาดในการบรหิ ารงานได้ ๓.๒ กรณกี ารใชป้ ระโยชนใ์ นทด่ี นิ เมอ่ื ศกึ ษาแนวคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลปกครองสงู สดุ ไดม้ คี �ำพพิ ากษา ในกรณีพิพาทเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินในลักษณะต่างๆ แล้ว พบว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีประการหนึ่ง เปน็ กรณเี นอ่ื งจากความรคู้ วามเขา้ ใจทคี่ ลาดเคลอ่ื นของประชาชนในสทิ ธหิ รอื ขอ้ จำ� กดั ของตนในการใชป้ ระโยชน ์ ในท่ีดินอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ และอาจเกิดจากความซับซ้อนยุ่งยากในการระบุต�ำแหน่งที่ดินท่ีมี ความใกลช้ ดิ และอาจเปน็ ผนื เดยี วกนั มากอ่ นระหวา่ งทดี่ นิ ของเอกชนกบั ทด่ี นิ อนั เปน็ ทส่ี าธารณประโยชน์ รวมทง้ั เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดอี กี ประการอาจเกดิ จากขอ้ บกพรอ่ งในการตรวจสอบพนื้ ทก่ี อ่ นดำ� เนนิ การ และการตรวจสอบ บทบญั ญัตแิ ห่งกฎหมายทต่ี อ้ งบังคับใชก้ ับกรณีนั้นๆ กอ่ นด�ำเนินการใหค้ รบถ้วนของเจา้ หน้าทีข่ องรฐั ๓. บทสรุปวิเคราะหเ์ หตแุ ห่งการฟอ้ งคดปี ระเภทละเมิดหรือความรับผิดอยา่ งอ่นื ในการวิเคราะห์คร้ังนี้ได้จ�ำแนกกลุ่มคดีพิพาทท่ีเกี่ยวกับการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืน ของหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐออกเป็น ๓ กลุ่ม ดงั นี้ 67

The Administrative Court Annual Report 2018 ๑. การกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืนของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใชอ้ �ำนาจตามกฎหมาย ๒. การกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืนของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อนั เกดิ จากกฎ คำ� สงั่ ทางปกครอง หรือคำ� ส่ังอืน่ ๓. การกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืนของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ อนั เกิดจากการละเลยต่อหนา้ ท่ีตามทก่ี ฎหมายกำ� หนดใหต้ ้องปฏบิ ัตหิ รือปฏิบตั หิ นา้ ทด่ี งั กล่าวล่าชา้ เกินสมควร ๑. เหตุแห่งการฟ้องคดีในเร่ืองการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืนของหน่วยงาน ทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั อนั เกดิ จากการใชอ้ ำ� นาจตามกฎหมาย ปญั หาทเี่ ปน็ เหตแุ หง่ การนำ� คดี มาฟ้องต่อศาลจึงมีสาเหตุมาจากการตีความกฎหมายของหน่วยงานทางปกครองเป็นหลัก ศาลจะพิจารณา จากกฎหมายท่ีให้อ�ำนาจและหนา้ ท่แี กห่ นว่ ยงานทางปกครอง หรือเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั เปน็ ส�ำคญั และต่อมากจ็ ะ พิจารณาว่าหน่วยงานทางปกครองได้ใช้อ�ำนาจตามที่กฎหมายก�ำหนดอย่างถูกต้องและเหมาะสมแล้วหรือไม่ ซ่ึงจากเหตุแห่งการฟ้องคดีท้ังหมดท่ีกล่าวมาข้างต้น พบว่า ปัญหาที่น�ำมาสู่ศาลส่วนใหญ่จะพิพาทกันในเรื่อง การใชอ้ ำ� นาจโดยหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เกดิ จากการทกี่ ฎหมายกำ� หนดหลกั เกณฑไ์ วอ้ ยา่ งกวา้ งทำ� ใหห้ นว่ ยงาน ทางปกครองไม่สามารถบรรลุวัตถปุ ระสงคใ์ นการบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรณีการทีจ่ ะก�ำหนดคา่ ทดแทนให้แก่ ผถู้ กู เวนคนื เปน็ ตน้ แตจ่ ากคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลปกครองสงู สดุ สว่ นมากจะพบวา่ หนว่ ยงานทางปกครองเขา้ ใจถงึ อำ� นาจทตี่ นมคี ลาดเคลอื่ นไปหรอื เกดิ จากการทหี่ นว่ ยงานทางปกครองตคี วามเจตนารมณข์ องกฎหมายหรอื ไมไ่ ด ้ คำ� นงึ ถงึ เหตปุ จั จยั อนื่ ๆ หรอื สว่ นไดเ้ สยี ทรี่ ฐั จะไดร้ บั ทำ� ใหเ้ กดิ ประเดน็ พพิ าทขน้ึ สกู่ ารพจิ ารณาพพิ ากษาของศาล ดังน้ัน ปัญหาท่ีเป็นเหตุแห่งการน�ำคดีมาฟ้องต่อศาลจึงมีสาเหตุมาจากการตีความกฎหมายของหน่วยงาน ทางปกครองเปน็ สำ� คญั ๒. เหตุแห่งการฟ้องคดีเรื่องการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืนของหน่วยงานทาง ปกครองหรือเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั อนั เกดิ จากกฎ ค�ำสง่ั ทางปกครอง หรอื ค�ำสง่ั อนื่ ค�ำวนิ ิจฉัยในรอบปี ๒๕๖๑ คําพิพากษาของศาลปกครองจะมีผลพิจารณาเก่ียวกับการแบ่งสัดส่วนของความรับผิดของความเดือดร้อน เสียหายเป็นหลัก ดังจะเห็นได้จาก ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๐/๒๕๖๑ อ.๒๕๑/๒๕๖๑ อ.๘๓๑/๒๕๖๑ อ.๘๔๒/๒๕๖๑ อ.๙๐๙/๒๕๒๑ และ อ.๑๐๐๔/๒๕๖๑ ๓. เหตุแห่งการฟ้องคดีเร่ืองการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายก�ำหนดให้ต้อง ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ลักษณะคดีส่วนมากเป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนค�ำสั่ง ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยมีเจ้าหน้าท่ีผู้กระท�ำละเมิดเป็นฝ่ายผู้ฟ้องคดี และมีหน่วยงานของรัฐ ที่เสียหายเป็นฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี เหตุตามกรณีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องค�ำส่ังเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนไม่ชอบด้วยกฎหมายมากที่สุด คือ เหตุที่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้กระท�ำละเมิดในการปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความ จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานของรัฐหรือกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี ตีความกฎหมายท่ีให้อ�ำนาจปฏิบัติหน้าที่แก่เจ้าหน้าท่ีได้ไม่ชัดเจนเพียงพอ หรืออาจเป็นกรณีท่ียังให้ น�้ำหนักความร้ายแรงของการกระท�ำที่จะเป็นการกระท�ำละเมิดอย่างร้ายแรงคลาดเคลื่อน ซ่ึงอาจแก้ไขได้ โดยการศกึ ษาจากแนวคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งพพิ าทและบทบญั ญตั กิ ฎหมายดงั กลา่ ว หรือรวบรวมบรรทัดฐานจากการใช้ดุลพินิจของศาลในการวินิจฉัยว่า การกระท�ำใดถือเป็นการกระท�ำละเมิด 68

รายงานการปฏิบัตงิ านของศาลปกครองและสำ� นักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ อย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนั้น หากตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรือหน่วยงานทางปกครองมีความรู้ความเข้าใจในอ�ำนาจหรือบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายของตนเป็นไปใน แนวทางเดยี วกนั กจ็ ะสามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทไี่ ดส้ มเจตนารมณข์ องกฎหมายทใ่ี หอ้ ำ� นาจและกรณดี งั กลา่ วกจ็ ะไมเ่ กดิ ความเสียหายแก่ทางราชการ หน่วยงานของรัฐจึงควรให้ความส�ำคัญกับการให้ความรู้และการตีความการ ใช้อ�ำนาจท่ีถูกต้องให้แก่เจ้าหน้าท่ีในสังกัด ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ควรหมั่นศึกษาแนวทางเกี่ยวกับ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องตนเพม่ิ เตมิ ประกอบกนั เพอื่ ใหห้ นว่ ยงานของรฐั บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคใ์ นการบรกิ ารสาธารณะ ตามอำ� นาจหน้าทีไ่ ด้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และสามารถลดขอ้ พิพาทที่จะขึ้นสู่ศาลได้อีกทางหน่งึ ด้วย กล่าวโดยสรุป เหตุแห่งการออกค�ำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นวัตถุแห่งการฟ้องคดีพิพาท ทเ่ี กย่ี วกบั ละเมดิ หรอื ความรบั ผดิ อยา่ งอน่ื สว่ นใหญเ่ ปน็ กรณที เี่ กดิ จากขอ้ พพิ าททเ่ี หตแุ หง่ การฟอ้ งคดมี าจาก ขอ้ กฎหมายมขี อ้ สงั เกตเกยี่ วกบั เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดีทจี่ ะนำ� เสนอ๓ประการดว้ ยกนั คอื ๑)ปญั หาของการออกคำ� สงั่ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนท่ีมีกฎหมายบัญญัติให้อ�ำนาจเจ้าหน้าที่กระท�ำการโดยตรง ๒) ปัญหาการออกค�ำส่ัง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีมีกฎหมายบัญญัติให้อ�ำนาจเจ้าหน้าที่ในการก�ำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา และ ๓) ปัญหาการออกค�ำส่ังชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีเจ้าหน้าท่ีกระท�ำละเมิดต่อบุคคลภายนอก และหนว่ ยงานของรฐั ตน้ สงั กดั ไดช้ ดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนแกบ่ คุ คลภายนอกแลว้ จงึ ใชส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ งใหเ้ จา้ หนา้ ที่ ชดใช้คา่ สินไหมทดแทนแก่ตน ดงั จะไดอ้ ธิบายต่อไปน้ี ๑. ปญั หาของการออกค�ำสงั่ ชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนทีม่ ีกฎหมายบัญญัตใิ ห้อำ� นาจเจา้ หนา้ ท่ี กระทำ� การโดยตรง จากการศกึ ษาพบวา่ กฎหมายทเ่ี ปน็ บทบญั ญตั ใิ หอ้ �ำนาจกระทำ� การโดยตรงแกเ่ จา้ หนา้ ทซี่ งึ่ มปี ระเดน็ ปัญหาข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของศาลปกครองนั้น ส่วนมากเป็นกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการพัสดุ วิธีการ งบประมาณ การรบั เงนิ การเบกิ จา่ ยเงิน การฝากเงนิ การเก็บรกั ษาเงนิ และการตรวจเงิน รวมถึงกฎหมายทีเ่ ป็น บทบัญญตั อิ ำ� นาจหน้าท่ีโดยท่ัวไปของเจ้าหนา้ ท่ใี นตำ� แหน่งนั้น ได้แก่ ๑.๑ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ • หน้าท่ีในฐานะกรรมการตรวจการจ้าง ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุ ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖๕ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ท่ี อ. ๑๐๑/๒๕๒๑, อ. ๘๕๓/๒๕๖๑) • หน้าท่ีในฐานะคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วย การพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖๔ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. ๓๑๓/๒๕๖๑) • หน้าที่ในฐานะคณะกรรมการจดั ซื้อโดยวิธีพเิ ศษ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วย การพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนทอ้ งถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๒๑ วรรคสอง และข้อ ๕๐ (๖) (คำ� พิพากษา ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๓๔๐/๒๕๖๑, อ. ๔๗๙/๒๕๖๑, อ. ๘๗๗/๒๕๖๑, อ. ๘๗๖/๒๕๖๑, อ. ๘๗๘/๒๕๖๑) • หน้าที่ในฐานะประธานกรรมการก�ำหนดราคากลาง ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ขอ้ ๒๐ (๓) (คำ� พพิ ากษาศาลปกครอง สูงสุดท่ี อ. ๕๒๑/๒๕๖๑) 69

The Administrative Court Annual Report 2018 • หน้าที่ในฐานะควบคุมงาน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วย การบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖๖ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๑๒๓/๒๕๖๑) ๑.๒ ระเบยี บสำ� นักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ • หนา้ ทใ่ี นฐานะควบคมุ งาน ตามระเบยี บสำ� นกั นายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ขอ้ ๗๓ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. ๖๘๓/๒๕๖๑) • หน้าท่ีในฐานะกรรมการเปิดซองสอบราคา ตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ พสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๔๒ วรรคหนึ่ง (คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. ๒๓๑/๒๕๖๑, อ. ๘๑๑/๒๕๖๑) • หนา้ ท่ีในฐานะกรรมการตรวจการจ้าง ตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ขอ้ ๗๒ (คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. ๘๕๒/๒๕๖๑) ๑.๓ ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยการรบั เงนิ การเบกิ จา่ ยเงนิ การฝากเงนิ การเกบ็ รกั ษา เงินและการตรวจเงนิ ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ • หน้าท่ีในฐานะกรรมการรับ-จ่ายเงิน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบกิ จ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรกั ษาเงนิ และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ พ.ศ. ๒๕๔๗ (ค�ำพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๒๗๙/๒๕๖๑) • หนา้ ทใ่ี นฐานะผตู้ รวจฎกี าตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการรบั เงนิ การเบกิ จา่ ยเงนิ การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๒๐ (คำ� พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. ๘๘๐/๒๕๖๑) ๑.๔ ขอ้ บัญญตั ิกรงุ เทพมหานคร เร่อื ง การพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๒ • หน้าท่ีในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ตามข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เร่อื ง การพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้อ ๔๖ (ค�ำพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๗๔๔/๒๕๖๑) ๑.๕ ระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิด ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ • หน้าที่ในฐานะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง ตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย หลักเกณฑ์ การปฏิบตั ิเก่ยี วกับความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจ้าหน้าท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ (คำ� พพิ ากษาศาลปกครอง สงู สดุ ที่ อ. ๖๓๙/๒๕๖๑) ๑.๖ ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๑ • หน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าท่ีงบประมาณ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการ งบประมาณ ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ พ.ศ. ๒๕๔๑ ขอ้ ๘ ขอ้ ๑๖ และขอ้ ๒๓ (คำ� พพิ ากษาศาลปกครอง สูงสุดท่ี อผ. ๒๔/๒๕๖๑) ๑.๗ พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ • หน้าที่โดยทั่วไปของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการด�ำเนินการตรวจสอบ สอบสวน หรือควบคุมดูแลการบริหารราชการขององค์กรท่ีอยู่ใต้การควบคุมดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 70

รายงานการปฏบิ ัตงิ านของศาลปกครองและสำ� นักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๑๒๓ (ค�ำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๔๙๙/๒๕๖๑) ๑.๘ พระราชบญั ญัตศิ ุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ • หน้าท่ีในฐานะศุลการักษ์และนายตรวจศุลกากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๙ มาตรา ๓ ตามประมวลระเบยี บปฏบิ ตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ขอ้ ๐๘ ๐๕ ๐๑ ขอ้ ๐๘ ๐๕ ๐๕ และขอ้ ๐๘ ๑๑ ๑๔ ตามค�ำส่ังกองตรวจสินค้าขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ เร่อื ง การตรวจ และบรรจุสนิ คา้ เข้าคอนเทนเนอร์ และตามค�ำสง่ั ท่วั ไปกรมศุลกากร ท่ี ๔๖/๒๕๓๐ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐ เรอื่ ง ให้ใชป้ ระมวลระเบยี บปฏิบตั ศิ ุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. ๑๙/๒๕๖๑, อ. ๕๖/๒๕๖๑, อ. ๕๑๓/๒๕๖๑, อ. ๕๗๐/๒๕๖๑, อ. ๖๒๕/๒๕๖๑, อ. ๙๔๖/๒๕๖๑) ๒. ปัญหาการออกคำ� ส่งั ชดใช้คา่ สินไหมทดแทนกรณมี กี ฎหมายบัญญัติ ใหอ้ ำ� นาจเจา้ หน้าที่ ในการก�ำกับดแู ลผู้ใต้บงั คบั บญั ชา เชน่ ๒.๑ ผู้ฟ้องคดีเป็นนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลมีอ�ำนาจหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบ ในการบริหารราชการขององค์การบรหิ ารส่วนต�ำบล และเปน็ ผูบ้ งั คบั บญั ชาของพนักงานสว่ นตำ� บลและลูกจ้าง ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหาร สว่ นต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ และมหี น้าทีร่ ับผดิ ชอบในการบรหิ ารราชการ ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลให้เป็นไปตามกฎหมาย ในการส่ัง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการ ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลตามมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้พิจารณาลงลายมือช่ือในเช็ค ทีม่ ไิ ดเ้ ขียนส่งั จา่ ยในนามเจา้ หนีโ้ ดยตรง และมไิ ด้ขีดคร่อมเชค็ หรอื ขดี ฆา่ คำ� วา่ “หรอื ผถู้ ือ” ออก ตามขอ้ ๖๙ (๑) ของระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการรบั เงนิ การเบกิ จา่ ยเงนิ การฝากเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการตรวจเงนิ ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ พ.ศ. ๒๕๔๗ และขอ้ ๙ วรรคหนึง่ (๒) ของหลักเกณฑ์วา่ ด้วยการรับเงนิ เป็นเชค็ หรือตั๋วแลกเงิน วิธีการเขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน และการมอบฉันทะในการรับเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ จงึ เปน็ ชอ่ งทางใหห้ วั หนา้ สว่ นการคลงั ผจู้ ดั ทำ� เชค็ ซง่ึ เปน็ ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชานำ� เชค็ พพิ าท ไปสลกั หลงั แลว้ เบิกถอนเงนิ ไปเปน็ ประโยชน์ส่วนตน (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๑๐/๒๕๖๑) ๒.๒ ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองคลัง ได้รับมอบหมายให้ท�ำหน้าที่เหรัญญิก การฌาปนกจิ สงเคราะห์ และเปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาของผฟู้ อ้ งคดที ่ี ๒ และนาง ส. ผฟู้ อ้ งคดที ี่ ๒ ดำ� รงตำ� แหนง่ หวั หนา้ ฝ่ายการเงนิ ได้รบั มอบหมายใหท้ �ำหน้าท่ีในฝ่ายเหรัญญกิ และเป็นผบู้ ังคบั บญั ชาของนาง ส. ส่วนผู้ฟอ้ งคดที ี่ ๓ ด�ำรงต�ำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ได้รับมอบหมายให้ท�ำหน้าท่ีรองประธานกรรมการการ ฌาปนกจิ สงเคราะห์ ผฟู้ อ้ งคดที งั้ สามจงึ มหี นา้ ทใ่ี นการมหี นา้ ทค่ี วบคมุ การรบั และการจา่ ยเงนิ และเปน็ ผมู้ อี ำ� นาจ ในการลงนามในใบเบิกเงินของการฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่ควบคุมการรับเงินของนาง ส. ผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างใกล้ชิด และไม่ก�ำหนดให้มีขั้นตอนการตรวจสอบหรือดูแลมิให้เกิดความเสียหายเป็นเหตุให้นาง ส. ใช้ โอกาสในการปฏิบัตหิ น้าที่รบั เงินพรอ้ มออกใบเสร็จรบั เงนิ และน�ำเงินฝากธนาคารแตเ่ พียงผ้เู ดียว (คำ� พิพากษา ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๑๒๖/๒๕๒๑) ๒.๓ ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้บังคับบัญชามีหน้าที่กล่ันกรองให้ความเห็นตามล�ำดับสายงานและ ควบคมุ กำ� กบั ดูแลการปฏบิ ัติงานของผูใ้ ต้บงั คับบญั ชา ซง่ึ กรณีนี้คณะกรรมการจดั ซ้ือที่ดินโดยวิธีพเิ ศษได้เสนอ ความเห็นควรอนุมัติจัดซื้อท่ีดินทิ้งขยะของเทศบาล แต่ผู้ฟ้องคดีมิได้ใช้ความระมัดระวังในการพิจารณา 71

The Administrative Court Annual Report 2018 ความเหมาะสมของราคาทด่ี นิ ทจี่ ะจดั ซอื้ เพอ่ื รกั ษาประโยชนข์ องทางราชการ และเมอ่ื พบความผดิ ปกตกิ ไ็ มเ่ สนอ ให้มีการทบทวนราคาท่ีจัดซ้ือตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการ สว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ.๒๕๓๕เปน็ เหตใุ หเ้ ทศบาลตอ้ งซอื้ ทดี่ นิ ในราคาทส่ี งู เกนิ สมควร(คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๔๗๙/๒๕๖๑) ๒.๔ ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านสินเชื่อได้ปฏิบัติหน้าท่ี พนักงานผู้บริหารระดับกลางเป็นผู้ตรวจสอบ Credit Scoring และ Pre - Checking และให้ความเห็นชอบ Pre - Checking มหี นา้ ทต่ี รวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ทผ่ี จู้ ดั ทำ� ไดเ้ สนอเรอ่ื งมาใหพ้ จิ ารณาและเปน็ ผบู้ รหิ าร ท่เี ห็นลักษณะการท�ำงานโดยรวมและระบบสอบทานซึ่งกันและกนั แต่ละหน้าท่ี ตลอดจนตรวจสอบการท�ำงาน ทุกขั้นตอนในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาว่าปฏิบัติงานเป็นไปตามคู่มือปฏิบัติงานหรือไม่ ด้วยคุณวุฒิและประสบการณ์ในระดับของผู้ฟ้องคดีย่อมต้องสังเกตเห็นถึงความบกพร่องและความผิดปกติ ของการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งจากเล่มประเมินราคาหลักประกันปลอมซ่ึงมีข้อพิรุธอย่างย่ิง คือ ลายมือชื่อของผู้มีอ�ำนาจลงนามในเล่มประเมินราคามีความแตกต่างจากตัวอย่างลายมือชื่อท่ีเคยให้ไว้กับ คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แต่กลับไม่มีการตรวจสอบติดตามผลการปฏิบัติงานของพนักงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจนท�ำให้กระบวนการรับซื้อสินเชื่อกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และไม่สามารถ ติดตามเรียกรอ้ งคืนได้ (คำ� พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๓๓๖/๒๕๖๑) ๒.๕ ผฟู้ อ้ งคดดี ำ� รงตำ� แหนง่ ปลดั เทศบาล ในฐานะผบู้ งั คบั บญั ชาชนั้ ตน้ ของนาง ร. เจา้ หนา้ ทพ่ี สั ด ุ มหี นา้ ทค่ี วบคมุ และตรวจสอบความถกู ตอ้ งในการปฏบิ ตั งิ านใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายและระเบยี บของทางราชการ ก่อนน�ำเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เม่ือนาง ร. ได้จัดท�ำสัญญาจ้างโดยก�ำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของผู้รับจ้าง มากกว่าระยะเวลาท่ีตกลงกันในใบเสนอราคา จ�ำนวน ๕๕ วัน เสนอต่อผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้บังคับบัญชา ตามล�ำดับช้ัน ก่อนเสนอต่อนายกเทศมนตรีเพ่ือลงนามในสัญญา ผู้ฟ้องคดีมิได้ใช้ความละเอียดรอบคอบ ในการตรวจความถูกต้องของสัญญาเป็นเหตุให้เทศบาลไม่สามารถเรียกร้องค่าปรับจากการส่งมอบงานล่าช้า เปน็ จ�ำนวน ๕๕ วัน จากผูร้ ับจ้างได้ (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๖๓๒/๒๕๖๑) ๓. ปญั หาการออกคำ� สงั่ ชดใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนกรณเี จา้ หนา้ ทก่ี ระทำ� ละเมดิ ตอ่ บคุ คลภายนอก และหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกแล้วจึงใช้สิทธิเรียกร้อง ใหเ้ จา้ หน้าทีช่ ดใช้ค่าสินไหมทดแทนแกต่ น เชน่ ๓.๑ ผู้ฟอ้ งคดีเปน็ พนักงานขบั รถยนต์ได้รับมอบหมายใหข้ ับรถยนต์ตู้เพอื่ นำ� ผูบ้ ัญชาการเรือนจำ� จังหวัดหนองคายไปปฏิบัติราชการท่ีอ�ำเภอเมืองขอนแก่น ในระหว่างการเดินทางได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์ ของบคุ คลภายนอก เปน็ เหตใุ หร้ ถยนตข์ องทางราชการและของบคุ คลภายนอกไดร้ บั ความเสยี หายโดยหนว่ ยงาน ต้นสังกัดได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายแทนผู้ฟ้องคดี แล้วจึงมีค�ำส่ังให้ผู้ฟ้องคดีชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนดงั กลา่ วแกห่ นว่ ยงานตน้ สงั กดั อนั เปน็ การใชส้ ทิ ธไิ ลเ่ บย้ี กบั เจา้ หนา้ ทซ่ี งึ่ ไดก้ ระทำ� หนา้ ทดี่ ว้ ยความจงใจ หรอื ประมาทเลนิ เล่ออยา่ งรา้ ยแรง (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๒๑๓/๒๕๖๑) ๓.๒ ผฟู้ อ้ งคดเี ปน็ นกั วชิ าการสตั วบาลปฏบิ ตั กิ ารไดร้ บั อนญุ าตใหท้ ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ พนกั งานขบั รถยนต์ ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการ ในระหว่างการเดินทางได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์ของบุคคลภายนอก เป็นเหตุให้รถยนต์ของทางราชการและของบุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย โดยหน่วยงานต้นสังกัด ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายแทนผู้ฟ้องคดี แล้วจึงมีค�ำส่ังให้ผู้ฟ้องคดี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 72

รายงานการปฏิบตั งิ านของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ดังกล่าวแก่หน่วยงานต้นสังกัด อันเป็นการใช้สิทธิไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ซึ่งได้กระท�ำหน้าที่ด้วยความจงใจ หรือประมาทเลนิ เล่ออยา่ งร้ายแรง (ค�ำพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๗๓๑/๒๕๖๑) ๔. บทสรปุ วเิ คราะหเ์ หตุแหง่ การฟอ้ งคดปี ระเภทคดีพพิ าทเกี่ยวกบั สัญญา ทางปกครอง สามารถพจิ ารณาเหตุแห่งการฟอ้ งคดีปกครองได้ดังต่อไปน้ี ๑. เหตุแห่งการฟ้องคดีเก่ียวกับการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงาน ทางปกครองในฐานะคูส่ ัญญา ปญั หาสว่ นใหญ่ของการพจิ ารณาเร่อื งสญั ญาจ้างกอ่ สรา้ งเปน็ กรณีท่ีผู้รับจ้าง ไม่สามารถท�ำงานให้เป็นไปตามที่ก�ำหนดไว้สัญญาได้น้ัน ซึ่งมีทั้งกรณีที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เกิดจาก ความบกพรอ่ งของผรู้ บั จา้ งทมี่ ไิ ดศ้ กึ ษาขอ้ กำ� หนดและรายละเอยี ดขอ้ ตกลงอยา่ งครบถว้ นกอ่ นลงนามทำ� สญั ญา กบั หนว่ ยงานผู้วา่ จ้าง เชน่ คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๕๙๑/๒๕๖๑ ผ้วู ่าจา้ งไมส่ ามารถสง่ มอบพ้ืนท่ี ก่อสร้างบางส่วนตามโครงการใหแ้ กผ่ รู้ บั จา้ งจนกระท่ังสิน้ สดุ ระยะเวลาตามสัญญา ต่อมาผูร้ ับจา้ งและผวู้ ่าจา้ ง ได้หารือเกี่ยวกับการย้ายสถานที่ก่อสร้างบางส่วนท่ีประชาชนคัดค้านไปยังสถานท่ีแห่งใหม่ เมื่อปัญหาพ้ืนท่ี กอ่ สรา้ งบางสว่ นตามสญั ญาจา้ ง ไมส่ ามารถดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งตามสญั ญาได้ เปน็ ความผดิ หรอื ความบกพรอ่ ง ของฝา่ ยผวู้ า่ จา้ งหรอื พฤตกิ ารณอ์ นั หนงึ่ อนั ใดทผ่ี รู้ บั จา้ งไมต่ อ้ งรบั ผดิ ชอบตามกฎหมาย ทำ� ใหผ้ รู้ บั จา้ งไมส่ ามารถ ทำ� งานใหแ้ ลว้ เสรจ็ ตามเงอื่ นไขและกำ� หนดเวลาแหง่ สญั ญาจา้ งได้ ผวู้ า่ จา้ งจงึ ตอ้ งขยายเวลาการกอ่ สรา้ งใหแ้ ก่ ผู้รับจ้างเท่ากับระยะเวลานับจากวันสิ้นสุดสัญญาถึงวันท่ีผู้ว่าจ้างส่งมอบสถานที่แห่งใหม่ให้แก่ผู้ฟ้องคด ี บวกกบั ระยะเวลาทจ่ี ำ� เปน็ ในการกอ่ สรา้ งงานสว่ นทเี่ หลอื หรอื คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ. ๓๔๑/๒๕๖๑ การท่ีผู้ถูกฟ้องคดีมิได้ด�ำเนินการขออนุญาตเจาะน�ำบาดาลให้ถูกต้องจนเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีต้องหยุดงาน ดงั กลา่ วเปน็ เวลา ๕๕ วนั จงึ เปน็ ความบกพรอ่ งของผถู้ กู ฟอ้ งคดี ผถู้ กู ฟอ้ งคดจี งึ ไมอ่ าจปรบั ผฟู้ อ้ งคดใี นชว่ งเวลา ดังกล่าวได้ หรือเป็นกรณีเกี่ยวกับการชดใช้ค่าชดเชยงานก่อสร้าง ก็จ�ำเป็นต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขท่ีปรากฏ ตามขอ้ สญั ญา คำ� พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๒๗๖/๒๕๖๑ ในกรณกี ารเรยี กร้องคา่ K จึงให้ผรู้ ับจ้าง เรียกร้องภายใน ๙๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานงวดสุดท้ายแล้วตามเงื่อนไขในสัญญาจ้าง และวา่ จา้ งยงั ใหก้ ารยนื ยนั ในคดนี ด้ี ว้ ยวา่ การขอรบั เงนิ ชดเชยคา่ งานกอ่ สรา้ ง (คา่ K) จำ� นวนดงั กลา่ วของผรู้ บั จา้ ง ไมเ่ ขา้ เงอ่ื นไขในสญั ญาจา้ ง ถอื วา่ ผวู้ า่ จา้ งปฏเิ สธสทิ ธติ ามสญั ญาของผรู้ บั จา้ งทจี่ ะไดร้ บั เงนิ ชดเชยคา่ งานกอ่ สรา้ ง (คา่ K) จำ� นวน ๔๔๔,๕๙๕.๑๑ บาท ส�ำหรับงานท้ัง ๑๑ งวด ท่ผี รู้ ับจ้างได้สง่ มอบและเบิกค่าก่อสร้างไปแลว้ เป็นเงิน ๒๕,๐๑๖,๐๒๐ บาท โดยผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้โต้แย้งว่าการค�ำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) จำ� นวนดงั กลา่ วของผ้ฟู ้องคดีไมถ่ ูกต้องตามทีก่ �ำหนดไวอ้ ยา่ งไร จึงต้องฟงั ว่า เงนิ จำ� นวนดงั กล่าวเป็นเงินชดเชย ค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ท่ีผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับตามสัญญาพิพาท ผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องช�ำระเงินชดเชยค่างาน ก่อสรา้ ง (ค่า K) จำ� นวน ๔๔๔,๕๙๕.๑๑ บาท ใหแ้ กผ่ ูฟ้ อ้ งคดี ๒. เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดใี นกรณสี ญั ญารบั ทนุ เหน็ ไดว้ า่ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดมี ไิ ดเ้ กดิ จากปญั หา ในเร่ืองการตีความกฎหมายหรือกฎหมายมีความบกพร่องแต่อย่างใด แต่กรณีพิพาทท่ีเกิดข้ึนในศาลส่วนใหญ่ เกดิ จากการทผ่ี รู้ บั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญา ทงั้ ทผี่ รู้ บั ทนุ การศกึ ษาแตล่ ะรายตา่ งไดท้ ราบถงึ สิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบตามที่ก�ำหนดไว้ในสัญญารับทุนการศึกษาและลาศึกษาต่ออย่างครบถ้วน ตั้งแต่ขณะท�ำสัญญา จึงอาจกล่าวได้ว่า สาเหตุส่วนหนึ่งของการผิดสัญญารับทุนการศึกษาและลาศึกษาต่อ เกดิ จากการทผี่ ูร้ ับทนุ การศึกษาและลาศึกษามไิ ด้ใสใ่ จในบทบาทหนา้ ทข่ี องตนในการท่ีจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ ห้เป็นไป ตามวัตถปุ ระสงคท์ ี่แทจ้ รงิ ของสญั ญา เชน่ คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๒๗/๒๕๖๑, อ. ๓๓๐/๒๕๖๑ 73

The Administrative Court Annual Report 2018 กรณีที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้รับทุนไม่ส�ำเร็จการศึกษา ค�ำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๑๖๕/๒๕๖๑, อ. ๗๐๗/๒๕๖๑ สำ� เรจ็ การศกึ ษาแลว้ แตไ่ มก่ ลบั มาปฏบิ ตั ริ าชการชดใชท้ นุ หรอื คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๑๘๑/๒๕๖๑, อ. ๓๕๘/๒๕๖๑, อ. ๓๘๙/๒๕๖๑ กลับมาปฏิบตั ริ าชการชดใช้ทุนไปบา้ งแล้วแตย่ ังไมค่ รบ ตามระยะเวลาท่กี ำ� หนดไวใ้ นสญั ญา ๓. เหตุแหง่ การฟอ้ งคดเี กยี่ วกบั สญั ญาจา้ งพนกั งานรัฐ เหตุแหง่ การฟอ้ งคดสี ว่ นใหญเ่ กดิ จาก กรณไี ม่ปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย เช่น คำ� พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๔๒๘/๒๕๖๑ การทีผ่ ูถ้ กู ฟ้องคดที ่ี ๒ เลิกจ้างผู้ฟ้องคดีโดยไม่มีเหตุจ�ำเป็นและสมควรตามกล่าวอ้างว่า ไม่มีความจ�ำเป็นต้องจ้างพนักงานจ้าง ตามภารกจิ จงึ ขอยบุ ตำ� แหนง่ ดงั กลา่ วตอ่ ก.ท.จ.ลำ� พนู ดงั ทป่ี รากฏตามแผนอตั รากำ� ลงั ๓ปีซงึ่ เปน็ เอกสารทไ่ี มไ่ ด้ จดั ใหม้ ีการประชมุ จรงิ ดังกลา่ วข้างตน้ การบอกเลิกจงึ ไมต่ อ้ งดว้ ยข้อ ๕๖ ของประกาศคณะกรรมการพนักงาน เทศบาลจงั หวดั ลำ� พูน เรอื่ ง มาตรฐานทว่ั ไปเก่ยี วกบั พนกั งานจา้ ง ลงวนั ที่ ๙ สงิ หาคม ๒๕๔๗ การบอกเลิกจ้าง ผฟู้ อ้ งคดี จึงเปน็ การเลิกจ้างโดยไม่ชอบ คำ� พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๒๐/๒๕๖๑ การท่ผี ูถ้ กู ฟอ้ งคดี ทัง้ สองมิได้ดำ� เนินการตามวธิ ีการทก่ี ำ� หนดไวใ้ นข้อ ๕๖ ของประกาศดงั กล่าว และประกาศคณะกรรมการกลาง พนักงานเทศบาลข้างต้น ประกอบกับผู้ฟ้องคดีไม่เลือกแนวทางเยียวยาอันเป็นเพียงข้อเสนอทางเลือก ของฝา่ ยปกครองมใิ ชก่ ารบงั คบั วา่ ตอ้ งเลอื กตามแนวทางเยยี วยานเ้ี ทา่ นนั้ การบอกเลกิ สญั ญาจา้ งของผถู้ กู ฟอ้ งคดที ่ี๑ จึงไม่ชอบ ดังนั้น วิธีท่ีจะป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการจ้างบุคลากรของรัฐท่ีจะเกิดข้ึนอีกในอนาคตอาจกระท�ำได ้ โดยการจดั ทำ� คมู่ อื เกย่ี วกบั การจา้ งบคุ ลากรของรฐั สำ� หรบั หนว่ ยงานการปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหใ้ ชเ้ ปน็ มาตรฐานกลาง จัดให้มีเจ้าหน้าที่กฎหมายท่ีมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารสัญญาจ้างบุคลากรคอยให้ค�ำแนะน�ำ ผู้บริหารหน่วยงานในการพิจารณาและตัดสินใจเกี่ยวกับสัญญา และจัดให้มีการอบรมสัมมนาโดยหน่วยงาน ทมี่ ีความรคู้ วามชำ� นาญในเร่ืองการจา้ งบคุ ลากรของรัฐให้แกห่ นว่ ยงานตา่ งๆ โดยเฉพาะหนว่ ยงานการปกครอง ส่วนท้องถน่ิ ๔. เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดเี กยี่ วกบั การพสั ดุ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดสี ว่ นใหญจ่ ะเปน็ กรณที เี่ กดิ จากเหตุ หลายประการ ทงั้ ในสว่ นของการไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบยี บทกี่ ำ� หนด อนั เปน็ ชว่ งเวลากอ่ นทจ่ี ะเกดิ สญั ญา โดยกอ่ นทหี่ นว่ ยงานทางปกครองกบั เอกชนจะเขา้ ทำ� สญั ญาการยน่ื “หลกั ประกนั ซอง”เงอ่ื นไขในประกาศประกวดราคา เช่น การก�ำหนดเวลา และสถานที่ในการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบางคร้ังเป็นเร่ืองของ การตีความกฎหมายที่ศาลจะวางหลักในการปฏิบัติราชการไว้ และศาลก็จะน�ำหลักกฎหมายตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้ในการพิจารณาตีความเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น คำ� พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๗๐๐/๒๕๖๑ ขอ้ กำ� หนดท่ีมลี ักษณะเป็นการก�ำหนดค่าเสยี หายไวล้ ่วงหน้า เม่ือลูกหนี้ไม่ช�ำระหน้ีหรือไม่ช�ำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร ซึ่งเป็นทั้งการลงโทษลูกหน้ีและเป็นการประกัน ความเสยี หายใหแ้ กเ่ จา้ หนจี้ ากการทลี่ กู หนผ้ี ดิ สญั ญาไมช่ ำ� ระหน้ี จงึ มเี จตนารมณห์ รอื ความประสงคเ์ ชน่ เดยี วกบั การกำ� หนดเบยี้ ปรบั ในสญั ญาทางแพง่ ประกอบกบั การกำ� หนดเบย้ี ปรบั ในสญั ญาทางปกครองนนั้ ไมม่ กี ฎหมาย ก�ำหนดหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะ ดังนั้น ศาลปกครองย่อมสามารถน�ำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณชิ ย์บรรพ๒หน้ีลกั ษณะ๒สญั ญาหมวด๓มดั จำ� และกำ� หนดเบยี้ ปรบั มาใชบ้ งั คบั กบั ขอ้ กำ� หนดเกย่ี วกบั การวางหลักประกันซองและการริบหลักประกันซองซ่ึงเป็นข้อพิพาทในคดีน้ีได้โดยอนุโลมใช้ในฐานะที่เป็น บทกฎหมายทใ่ี กลเ้ คยี งอยา่ งยงิ่ คำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่อ.๔๐๓/๒๕๖๑ตามสญั ญาหลกั ประกนั ซองดงั กลา่ ว เป็นกรณีทีผู้ฟ้องคดีตกลงให้ผู้ถูกฟ้องคดีริบหลักประกันที่วางไว้ หากผู้ฟ้องคดีผิดเงื่อนไขโดยไม่สามารถ 74

รายงานการปฏิบัตงิ านของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ลงทะเบียนเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาตามวัน เวลา และสถานท่ีที่ก�ำหนด อันเป็นข้อตกลงท่ีมีลักษณะเป็น การกำ� หนดคา่ เสยี หายไวล้ ว่ งหนา้ ขอ้ ตกลงดงั กลา่ วจงึ มลี กั ษณะเปน็ เบยี้ ปรบั ตามมาตรา๓๗๙แหง่ ประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ ในสว่ นของคดพี พิ าทเกย่ี วกบั สญั ญาทางปกครองจงึ มขี อ้ เสนอแนะจากการวเิ คราะหเ์ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดี ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. คดพี พิ าทเก่ยี วกบั สัญญาจา้ งก่อสรา้ ง จากการศึกษาค�ำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาจ้างก่อสร้าง พบว่า คดีพิพาทส่วนใหญ่แล้วเป็นกรณีท่ีผู้รับจ้างไม่สามารถท�ำงานให้เป็นไปตามท่ีก�ำหนดไว้ในสัญญาได้น้ัน ซง่ึ มที ง้ั กรณที ่ีเกดิ จากภัยธรรมชาติ เกดิ จากความบกพร่องของผูร้ ับจ้างทมี่ ิไดศ้ ึกษาขอ้ กำ� หนดและรายละเอียด ขอ้ ตกลงอยา่ งครบถว้ นกอ่ นลงนามทำ� สญั ญากบั หนว่ ยงานผวู้ า่ จา้ ง ทำ� ใหค้ าดการณง์ บประมาณและระยะเวลา การท�ำงานผิดพลาด เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างไม่สามารถท�ำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานของงานหรือไม่แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนดไว้ รวมถึงการขาดเงินทุนหมุนเวียนในการท�ำงานเป็นเหตุให้ระยะเวลาการท�ำงาน ตอ่ ล่าช้าออกไป ทำ� ใหผ้ ู้รบั จา้ งตกเปน็ ฝ่ายผดิ สัญญา มหี นา้ ทตี่ ้องช�ำระคา่ ปรบั และคา่ เสยี หายใหแ้ กผ่ ู้วา่ จา้ ง ท้ังนี้ ข้อพิพาทท่ีเกิดข้ึนยังได้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการท�ำงานของหน่วยงานทางปกครอง ในการบริหารสัญญา เห็นได้จากกรณีท่ีมีข้อโต้แย้งเก่ียวกับระยะเวลาการท�ำงานของผู้รับจ้างนั้น ส่วนหนึ่ง เกดิ จากความบกพรอ่ งของหนว่ ยงานทางปกครองในฐานะผวู้ า่ จา้ งทม่ี กี ารแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงแบบแปลนทก่ี ำ� หนด ไว้ในสัญญา หรือกรณีท่ีผู้ว่าจ้างไม่สามารถส่งมอบพื้นที่การท�ำงานให้แก่ผู้รับจ้างได้ นอกจากนี้ ตามระเบียบ ส�ำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ก�ำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาใช้สิทธ ิ บอกเลกิ สญั ญาไดใ้ นกรณมี เี หตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว้ า่ ผรู้ บั จา้ งไมส่ ามารถท�ำงานใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในระยะเวลาทก่ี �ำหนด และกรณีที่คู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาและต้องมีการปรับตามสัญญา หากวงเงินค่าปรับจะเกิน ร้อยละสิบของวงเงินค่าจ้าง ให้ส่วนราชการพิจารณาด�ำเนินการบอกเลิกสัญญา เว้นแต่ คู่สัญญาจะยินยอม เสยี คา่ ปรับให้แก่ทางราชการโดยไมม่ ีเงอื่ นไขใดๆ ทง้ั สิ้น ใหห้ ัวหน้าสว่ นราชการพจิ ารณาผ่อนปรนการบอกเลกิ สญั ญาไดเ้ ทา่ ทจี่ ำ� เปน็ แตจ่ ากการศกึ ษาคำ� พพิ ากษาของศาลปกครองสงู สดุ พบวา่ มคี ดจี ำ� นวนมากทหี่ นว่ ยงาน ทางปกครองมิได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาแม้จะปรากฏว่าได้ล่วงเลยระยะเวลาสิ้นสุดสัญญาเป็นเวลานานแล้ว จงึ เหน็ ไดว้ า่ ในระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ านตามสญั ญานนั้ ฝา่ ยผวู้ า่ จา้ งมไิ ดต้ ดิ ตามความคบื หนา้ ของการทำ� งานเทา่ ทค่ี วร เพราะหากไดม้ กี ารตดิ ตามความคบื หนา้ ของการทำ� งานโดยตลอดแลว้ กค็ งจะปรากฏถงึ เหตอุ นั เชอ่ื ไดว้ า่ ผรู้ บั จา้ ง จะไมส่ ามารถท�ำงานใหแ้ ลว้ เสรจ็ ได้ และใชส้ ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาในเวลาอนั สมควรได้ ทงั้ นี้ แมว้ า่ การทผ่ี รู้ บั จา้ ง ทำ� งานไมแ่ ลว้ เสรจ็ ภายในกำ� หนดระยะเวลาตามสญั ญา หนว่ ยงานผวู้ า่ จา้ งจะมสี ทิ ธเิ รยี กเอาคา่ ปรบั และคา่ เสยี หาย จากความล่าช้าของงานดังกล่าวเป็นรายวันได้ก็ตาม แต่การที่ผู้ว่าจ้างปล่อยเวลาให้เวลาให้เนิ่นนานออกไป โดยไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา จนมีค่าปรับจ�ำนวนสูง ศาลก็จะได้ใช้ดุลพินิจลดค่าปรับลงตามสมควร เพราะถอื วา่ ความเสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ นน้ั สว่ นหนงึ่ มาจากความบกพรอ่ งของผวู้ า่ จา้ ง ดงั นนั้ หนว่ ยงานทางปกครอง จงึ ควรมคี วามเครง่ ครดั ในการตรวจสอบความคบื หนา้ ของงานอยา่ งสมำ�่ เสมอ เพราะความลา่ ชา้ ในการตดั สนิ ใจ บอกเลิกสัญญา นอกจากหน่วยงานทางปกครองจะไม่ได้รับประโยชน์จากค่าปรับที่เรียกได้จากผู้รับจ้างแล้ว ยงั สง่ ผลใหก้ ารจัดทำ� บรกิ ารสาธารณะต้องหยดุ ชะงกั ลงชัว่ คราวอกี ดว้ ย 75

The Administrative Court Annual Report 2018 ๒. คดีพพิ าทเกี่ยวกับสญั ญารับทนุ การศึกษาและลาศึกษาต่อ จากการศกึ ษาคดพี พิ าทเกย่ี วกบั สญั ญารบั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ พบวา่ ประเดน็ ขอ้ พพิ าทในคด ี มกั สบื เนอ่ื งมาจากการทผี่ รู้ บั ทนุ การศกึ ษาประพฤตผิ ดิ สญั ญาทนุ และปฏเิ สธทจี่ ะชดใชค้ า่ ปรบั ตามสญั ญาเปน็ เหตุ ใหห้ นว่ ยงานทางปกครองผใู้ หท้ นุ ตอ้ งนำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลเพอื่ ขอใหศ้ าลมคี ำ� พพิ ากษาหรอื คำ� สง่ั ผรู้ บั ทนุ ชดใชท้ นุ คืนพร้อมเบี้ยปรับอันเนื่องมาจากการผิดสัญญา ซึ่งในการพิจารณาคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญารับทุนการศึกษา และลาศกึ ษาตอ่ นน้ั ศาลจะพจิ ารณาจากขอ้ เทจ็ จรงิ ประกอบกบั ขอ้ ก�ำหนดในสญั ญาเพอ่ื วนิ จิ ฉยั วา่ ผรู้ บั ทนุ การ ศกึ ษาเปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญาตามทห่ี นว่ ยงานทางปกครองกลา่ วอา้ งหรอื ไม่ และตอ้ งรบั ผดิ ตอ่ หนว่ ยงานผใู้ หท้ นุ เพยี งใด โดยท่ีศาลจะได้น�ำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้วินิจฉัยในประเด็นพิพาทเกี่ยวกับ การลดเบย้ี ปรบั การคดิ ดอกเบย้ี ในหนเ้ี งนิ ทต่ี อ้ งชดใช้ และความรบั ผดิ ของผคู้ ำ้� ประกนั จงึ เหน็ ไดว้ า่ เหตแุ หง่ การ ฟอ้ งคดมี ไิ ดเ้ กดิ จากปญั หาในเรอื่ งการตคี วามกฎหมายหรอื กฎหมายมคี วามบกพรอ่ งแตอ่ ยา่ งใด แตก่ รณพี พิ าท ทเี่ กดิ ขนึ้ ในศาลสว่ นใหญแ่ ลว้ ลว้ นแตเ่ กดิ จากการทผ่ี รู้ บั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญาทง้ั สนิ้ ท้ังที่ผู้รับทุนการศึกษาแต่ละรายต่างได้ทราบถึงสิทธิ หน้าท่ีและความรับผิดตามท่ีก�ำหนดไว้ในสัญญารับทุน การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ อยา่ งครบถว้ นตงั้ แตข่ ณะทำ� สญั ญา จงึ อาจกลา่ วไดว้ า่ สาเหตสุ ว่ นหนงึ่ ของการผดิ สญั ญา รบั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ เกดิ จากการทผี่ รู้ บั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษามไิ ดใ้ สใ่ จในบทบาทหนา้ ทข่ี องตน ในการทจี่ ะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ ของสญั ญารบั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ เทา่ ทค่ี วร เนื่องจากสัญญารับทุนการศึกษาและลาศึกษาต่อมีความแตกต่างจากสัญญากู้ยืมเงินกันในทางแพ่งท่ีมี วัตถุประสงค์เพียงให้ผู้กู้ยืมเงินต้องชดใช้เงินคืนตามสัญญาเท่าน้ัน แต่ในขณะท่ีสัญญารับทุนการศึกษา และลาศึกษาต่อมีเง่ือนไขพิเศษที่ก�ำหนดให้ผู้รับทุนต้องกลับมารับราชการหรือท�ำงานในหน่วยงานของรัฐ ตามระยะเวลาที่ก�ำหนด กล่าวคือ วัตถุประสงค์หลักของสัญญารับทุนการศึกษาและลาศึกษา คือ การให้ผู้รับ ทุนการศึกษาน�ำความรู้ท่ีได้รับกลับมาไปใช้ในการพัฒนาการจัดท�ำบริการสาธารณะด้านต่างๆ ของหน่วยงาน ผู้ให้ทุน อันเป็นการให้ผู้รับทุนการศึกษาเข้าร่วมด�ำเนินการจัดท�ำบริการสาธารณะกับหน่วยงาน ซ่ึงนอกจาก ผรู้ บั ทนุ การศกึ ษาจะมหี นา้ ทใ่ี นการศกึ ษาเลา่ เรยี นดว้ ยความตงั้ ใจเพอ่ื ใหส้ �ำเรจ็ การศกึ ษาตามทไ่ี ดร้ บั ทนุ ไปแลว้ ผรู้ บั ทนุ การศกึ ษาเองกย็ งั อยใู่ นฐานะเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ซงึ่ มหี นา้ ทส่ี ำ� คญั ในการปฏบิ ตั งิ านดว้ ยความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ และตั้งใจให้สมกับความคาดหวังของหน่วยงานทางปกครองผู้ให้ทุนและเพ่ือประโยชน์ต่อราชการในการจัดท�ำ บริการสาธารณะ แต่จากการศึกษาค�ำพิพากษาในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาให้ทุนการศึกษาและลาศึกษาต่อ กลับพบว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีล้วนแล้วเกิดจากฝ่ายผู้รับทุนการศึกษาประพฤติผิดสัญญาท้ังสิ้น ดังน้ัน ผู้รับทุนการศึกษาจึงควรตระหนักเสมอว่าเม่ือตนได้รับโอกาสจากหน่วยงานผู้ให้ในการเพ่ิมองค์ความรู ้ และศักยภาพของตนมากกว่าบุคลากรอ่ืนในหน่วยงานแล้ว ก็ควรที่จะน�ำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ จากโอกาสดังกล่าวกลับมาพัฒนาและขับเคลื่อนงานขององค์กรให้เดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคท์ แี่ ทจ้ รงิ ของสญั ญา ซงึ่ จะสง่ ผลใหป้ รมิ าณคดพี พิ าทเกย่ี วกบั สญั ญาใหท้ นุ การศกึ ษา และลาศกึ ษาต่อลดลง นอกจากน้ี เนอ่ื งจากโดยสว่ นใหญแ่ ลว้ สญั ญารบั ทนุ การศกึ ษาและลาศกึ ษาตอ่ จะมขี อ้ กำ� หนดเกย่ี วกบั หน้าที่ของผู้รับทุนการศึกษาในท�ำนองเดียวกันว่า เมื่อผู้รับทุนการศึกษา (ผู้ให้สัญญา) ตามสัญญาส�ำเร็จ การศึกษาแลว้ ผรู้ ับทุนการศึกษาจะต้องเข้ารบั ราชการอยูใ่ นหนว่ ยงานผูใ้ ห้ทุน (ผรู้ ับสญั ญา) หรอื หน่วยงานอน่ื ตามที่ราชการเห็นสมควรไม่นอ้ ยกว่าสองเท่าของระยะเวลาท่ไี ด้รบั ทุนตามสัญญา ถ้าผูร้ ับทนุ การศกึ ษาไม่ยอม 76

รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและส�ำนกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ เขา้ รับราชการอยูใ่ นหน่วยงานทกี่ �ำหนด หรือไมป่ ระพฤติตามสญั ญาประการหนึ่งประการใด ผูร้ บั ทนุ การศกึ ษา ยินยอมรับผิดใช้ทุนท่ีผู้รับสัญญาได้จ่ายไปแล้วทั้งส้ินกับใช้เงินอีกสองเท่าของจ�ำนวนทุนดังกล่าวให้เป็น เบี้ยปรับแก่ผู้รับสัญญาด้วยทันที และถ้าผู้ให้สัญญารับราชการไม่ครบก�ำหนดเวลาตามที่ก�ำหนดแห่งสัญญา ผู้รับทุนการศึกษายินยอมรับผิดชดใช้ทุนท่ีผู้รับสัญญาได้จ่ายไปแล้ว รวมทั้งเบี้ยปรับทันที โดยลดลงตามส่วน จ�ำนวนเวลาท่ีผู้รับทุนการศึกษารับราชการชดใช้ไปบ้างแล้ว เว้นแต่ในกรณีซ่ึงผู้ให้ทุนการศึกษาจะใช้ดุลพินิจ พิจารณาเห็นว่ามีเหตุผล แต่โดยท่ีข้อเท็จจริงในคดีส่วนใหญ่แล้ว หน่วยงานผู้ให้ทุนการศึกษาจะใช้ดุลยพินิจ พิจารณาว่ามีเหตุผล แต่โดยท่ีข้อเท็จจริงในคดีส่วนใหญ่แล้ว หน่วยงานผู้ให้ทุนการศึกษาจะเรียกให ้ ผู้รับทุนการศึกษาชดใช้ทุนคืนพร้อมค่าปรับเต็มจ�ำนวนตามสัญญาซ่ึงเป็นจ�ำนวนเงินมาก ผู้รับทุนการศึกษา จงึ เลอื กทจี่ ะปฏเิ สธไมช่ ดใชเ้ งนิ ตามทหี่ นว่ ยงานผใู้ หท้ นุ เรยี กใหช้ ดใช้เพอื่ ใหห้ นว่ ยงานผใู้ หท้ นุ นำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาล แลว้ ใหศ้ าลเปน็ ผวู้ นิ จิ ฉยั วา่ ผรู้ บั ทนุ การศกึ ษาซงึ่ เปน็ ฝา่ ยผดิ สญั ญาจะตอ้ งรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ ใหแ้ กห่ นว่ ยงานผใู้ หท้ นุ เพียงใด เพราะแม้ว่าในสัญญาจะได้ให้ผู้รับทุนต้องรับผิดชดใช้ทุนตามจ�ำนวนท่ีได้รับพร้อมค่าปรับอีกหนึ่ง หรอื สองเทา่ ของจำ� นวนทนุ ทไ่ี ดร้ บั ไป แตโ่ ดยทคี่ า่ ปรบั ตามสญั ญาถอื เปน็ เบย้ี ปรบั ทศี่ าลสามารถใชด้ ลุ พนิ จิ กำ� หนด จำ� นวนเบย้ี ปรบั ใหมไ่ ดห้ ากเหน็ วา่ เบย้ี ปรบั ตามทก่ี ำ� หนดในสญั ญาและทผี่ รู้ บั ทนุ ตอ้ งรบั ผดิ ชดใชน้ นั้ เปน็ จำ� นวนสงู เกินสว่ น เป็นเหตใุ ห้ในคดีพพิ าทส่วนใหญ่มักมีขอ้ โต้แยง้ เก่ียวกับความเหมาะสมกับจำ� นวนค่าปรบั ทก่ี �ำหนดไว ้ ตามสัญญาว่าสูงเกินส่วนหรือไม่ และมีเหตุอันสมควรท่ีจะลดค่าปรับเพียงใด ด้วยเหตุนี้ อาจกล่าวได้ว่า คำ� พพิ ากษาของศาลมสี ว่ นสำ� คญั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาของผรู้ บั ทนุ การศกึ ษาอนั เปน็ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี เพราะหากศาลใช้ดุลพินิจลดเบ้ียปรับให้แก่ผู้รับทุนการศึกษาในหลายๆ คดี อาจส่งผลให้ผู้รับทุนการศึกษา ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาหรือปฏิบัติงานชดใช้ทุนจงใจกระท�ำผิดสัญญาหรือเลือกท่ีจะปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าปรับ ตามสัญญาให้แก่หน่วยงานผู้ให้ทุน และให้หน่วยงานผู้ให้ทุนน�ำคดีมาฟ้องต่อศาล เพื่อที่ตนจะได้หยิบยก ขอ้ อา้ งตา่ งๆ เพอ่ื ใหศ้ าลเปน็ ผพู้ จิ ารณาลดเบยี้ ปรบั ลง แตห่ ากศาลไดว้ างบรรทดั ฐานในการพจิ ารณาลดเบยี้ ปรบั ให้แก่ผู้รับทุนการศึกษาไว้อย่างชัดเจนว่า กรณีใดบ้างที่ศาลจะได้พิจารณาลดเบี้ยปรับให้ ก็อาจจะส่งผลให ้ คดีพิพาทเกย่ี วกบั สัญญารบั ทนุ การศกึ ษาและลาศึกษาตอ่ มีปรมิ าณลดลงได้ ๓. คดีพิพาทเก่ยี วกับสญั ญาจ้างพนกั งาน ในคดีพิพาทเก่ียวกับการจ้างบุคลากรของรัฐ เหตุแห่งการพิพาทส่วนใหญ่เกิดจากการท่ีหน่วยงาน ทางปกครองบอกเลิกสัญญาก่อนครบก�ำหนดระยะเวลาตามสัญญา ซ่ึงไม่เป็นไปตามท่ีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ก�ำหนดไว้ในเร่ืองการจ้างพนักงาน จึงเห็นได้ว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาจ้างบุคลากรของรัฐน้ัน เกดิ จากความเขา้ ใจคลาดเคล่อื นของหน่วยงานทางปกครอง ในกฎหมาย กฎ ระเบยี บ เกยี่ วกบั การจา้ งบุคลากร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ถูกฟ้องคดีในประเภทนี้คือหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีมีการบริหารจัดการบุคลากร แยกต่างหากออกจากราชการส่วนกลางตามหลักการกระจายอ�ำนาจ ดังนั้น วิธีที่จะป้องกันปัญหาเก่ียวกับ การจา้ งบคุ ลากรของรฐั ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ อกี ในอนาคตอาจกระทำ� ไดโ้ ดยการจดั ทำ� คมู่ อื เกย่ี วกบั การจา้ งบคุ ลากรของรฐั สำ� หรบั หนว่ ยงานการปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหใ้ ชเ้ ปน็ มาตรฐานกลาง จดั ใหม้ เี จา้ หนา้ ทกี่ ฎหมายทมี่ คี วามเชย่ี วชาญ เฉพาะด้านการบริหารสัญญาจ้างบุคลากรคอยให้ค�ำแนะน�ำผู้บริหารหน่วยงานในการพิจารณาและตัดสินใจ เก่ียวกับสัญญา และจัดให้มีการอบรมสัมมนาโดยหน่วยงานท่ีมีความรู้ความช�ำนาญในเร่ืองการจ้างบุคลากร ของรัฐใหแ้ กห่ น่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานการปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นเปน็ ประจ�ำ เพ่ือพฒั นาประสิทธิภาพ ในการจ้างบุคลากรของรัฐใหม้ ีมาตรฐานที่ดยี ่ิงขนึ้ ต่อไป 77

The Administrative Court Annual Report 2018 ๔. คดพี พิ าทเกีย่ วกบั พสั ดุ ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการพัสดุ เหตุแห่งการพิพาทส่วนใหญ่เกิดจากการท่ีเอกชนไม่สามารถเข้าร่วม เสนอราคาได้ภายในระยะเวลาและสถานท่ีทก่ี �ำหนดในเอกสารประกอบการจดั ซ้ือจดั จ้าง ซ่งึ เปน็ การผดิ สญั ญา หลักประกันซอง การพิจารณาพิพากษาของศาลในประเด็นว่าเอกชนผู้เข้าร่วมการเสนอราคาผิดสัญญา หลักประกนั ซองหรอื ไม่ ศาลจะพจิ ารณาจากข้อกำ� หนดของเอกสารประกอบการยื่นเสนอราคา และกฎระเบยี บ ท่ีเก่ียวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นส�ำคัญ ส่วนการพิจารณาในประเด็นว่าจ�ำนวนเงินหลักประกันซอง ท่ีมีสถานะเป็นเบ้ียปรับสูงเกินส่วนหรือไม่ ศาลจะหยิบยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้ใน การวินิจฉัยข้อพิพาท เมื่อเหตุแห่งการพิพาทส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการไม่เข้าเสนอราคาในกระบวนการจัดซ้ือ จัดจา้ งในเวลา และสถานทีท่ ีก่ �ำหนดไว้ โดยมีเหตผุ ลหลายประการต่างกนั ไป จงึ เหน็ ได้ว่าเหตแุ ห่งการฟ้องคด ี เก่ียวกับการพัสดุนั้น เกิดจากการขาดการวางแผนท่ีดีของเอกชนผู้เข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างท้ังในการเดินทาง และการขาดความเข้าใจในการใช้ระบบจัดซ้ือจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของเอกชนผู้เข้าร่วมเสนอราคา เปน็ สว่ นใหญ่ สำ� หรบั ความบกพรอ่ งทเี่ กดิ จากหนว่ ยงานทางปกครองนนั้ เกดิ ขนึ้ เพยี งเลก็ นอ้ ย เชน่ ความบกพรอ่ ง ในเรื่อง Username และ Password Login เข้าสู่ระบบการจัดซ้ือจัดจ้างด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนของ บทบญั ญัติแห่งกฎหมายและกฎท่ีเก่ียวข้องนนั้ ไมป่ รากฏวา่ มขี ้อบกพรอ่ งแต่ประการใด รายละเอียดการวางหลกั กฎหมาย และแนวทางการปฏบิ ตั ิราชการท่ีดี

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและสำ� นักงานศาลปกครอง ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ๔. การเสรมิ สรา้ งโอกาสในการเขา้ ถึงความยุติธรรมทางปกครอง ๑. การดำ� เนนิ การก่อสรา้ งอาคารศาลปกครองถาวรในภูมิภาค ศาลปกครองได้มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการปรับปรุงการเข้าถึงบริการของศาลปกครอง รวมทั้งยกระดับ คุณภาพของบริการต่างๆ เพ่ือให้ประชาชนได้รับความสะดวก และประทับใจต่อบริการของศาลปกครอง การพิจารณาพิพากษาคดีในศาลปกครองช้ันต้นเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งข้ึน รวมท้ังเป็นการรักษาผลประโยชน์ แก่ประชาชน หน่วยงานทางปกครอง เจ้าหน้าท่ีของรัฐและเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทางปกครองของประชาชนได้อย่างครอบคลุมท่ัวถึง จึงเร่งด�ำเนินการก่อสร้างที่ท�ำการศาลปกครองถาวร ในภมู ภิ าคเพมิ่ เตมิ อกี ๖แหง่ แบง่ เปน็ อาคารทท่ี ำ� การทดี่ ำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ ไดแ้ ก่ศาลปกครองสพุ รรณบรุ ี ศาลปกครองยะลา และศาลปกครองภูเก็ต ท่ีอยู่ระหว่างการจัดหาสถานท่ีด�ำเนินการก่อสร้างอาคารที่ท�ำการ ได้แก่ ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ศาลปกครองแพร่ และศาลปกครองสกลนคร ซึ่งหากการด�ำเนินการ กอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ สมบรู ณ์ จะทำ� ใหป้ ระชาชนในพนื้ ทด่ี งั กลา่ วไดร้ บั ความสะดวกในการเดนิ ทางมาตดิ ตอ่ ราชการ หรอื ยนื่ ฟ้องคดีตอ่ ศาลปกครองมากย่ิงข้นึ ทีท่ ำ� การศาลปกครองท่ีด�ำเนินการก่อสรา้ งแลว้ เสร็จ ศาลปกครองสพุ รรณบุรี ศาลปกครองภเู ก็ต ศาลปกครองยะลา หมายเหตุ : ศาลปกครองสุพรรณบุรี เปิดทำ� การเมอื่ วันที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๑ 79 ศาลปกครองภูเก็ต เปิดท�ำการเมือ่ วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ศาลปกครองยะลา เปิดทำ� การเม่อื วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๒

The Administrative Court Annual Report 2018 ๒. การปรบั ปรงุ และพัฒนาระบบการส่อื สารประชาสัมพันธ์เชิงรกุ เป็นการด�ำเนินงานโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทั้งภายใน และภายนอกองค์กรเชิงรุกให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงไป ของสงั คมทข่ี อ้ มลู ขา่ วสารลน่ื ไหลไปอยา่ งรวดเรว็ ในปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๑สำ� นกั งานศาลปกครองไดด้ ำ� เนนิ การ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลปกครองและคดีปกครอง ในรูปแบบวธิ ีการตา่ งๆ อยา่ งต่อเน่อื ง โดยแบ่งออกเป็นกิจกรรม/โครงการต่างๆ ดงั น้ี ๑. การเผยแพรบ่ ทความทางวชิ าการเกย่ี วกบั ศาลปกครองและคดปี กครองทางชอ่ งทางตา่ งๆ ไดแ้ ก่ หนงั สอื พมิ พท์ ้องถิ่น LOREM LIPOSRUEMM IPNSLUOMREMLEILOPNOSRLUROEMERMMEWDMIPOIIPSEPLSUOSUURMMMSIDTWOASLMOERTSIT ANSMo1. E1T:12:2014 11:1N2:o2.014DOLOR SIT AMETDOLOR SIT AMET DODLOORLOSRITSAITMAETMETLLOLLOLORLLOOLRLOEOLRROOERMOREREMERREMEMRMIEEMPMEIMMSPMIIPPIUSIPIPSSIPIUIMPSPSPUUSMSUSUSUMMDUUMUMMODMMMDDLODDDOOODDDLOOOLROOLOOLLOOLRSLOOLLROOIROOTRRSRRSRIRASTSSIITSMSSITISTATIIITTIEATMTAATAMAAAMMEAMMMEMTEMETEEETTELTETTLTOTLLOLRLOOLOROLEORREOMRREERMEREMMEMIMEMPIMPSIIPPISIUPPISUSPIMSSPUUSMUUSMUMUDMMMDMODDODDLODOLOODOLOOLRLOOLOROLOLRSORROSRITRSIRSTSISTAIISTITSATIMATIMTAAMEAAMMETAMETMEEMTETTETETLTLOLOLOLROLROELROELROMELROMELRLOMELRLOOMELROMLIEOLROMPIERLROOMPIELRROSMPEIELROSRMPELRIUMOSMIEPRUOESMPIERULMMPSIERMTUSMMPIELROLUSMMPIELLUOSMMPOIEILURSMLPPOOIMDIUSMMPIRODLPOREUSPSMIDRROLUOPSEMIDSMEUROUSRPMILOEEDIOMUSPUMLRDMLPEOUOESMMMLDMRUOLSIOOMELMDMSMUOOPMRLLDOEUIOOMMRUDRLPLISOOOEMDILRMTDPIORPLMOOLREUDDSIPMMOODRLRPOLSOSEOOSIMDULSRSMRPOLOOOEDSULRIIMUOSLORLDTPUODLRIMEOSSIMOULTOLRRILMOPOMEOLSSIMDTURIMOSOROOLPOLMETRASIMSORUIRLPRAIODOMESOTSIMRLULTRAIRMSOPDDEMRSTIMAIUMSOOORDSLPRDTEIMSMISMUAOROSTAOIPEDIMSEMSMRLIORSTUATIEOIPDMTSMTSIMAIELMOULTROIPTSTAEDMMLISLTSOUITOSAAOPMDTMRISIELTOLOSAEUMIAOTPIDMLRSAIEMTMROULATOTIOTPLEMDRRSMAMOTSULTOLEOMLAODMMARSTERSUELOIAOOSMTODMLARETERSULSTOMITOMELREMIOTEDMRSTLELRTOIMTORIOEDMMTTELRATLTOISOELMEEOLRDETTRAOELMOSEOLRLOMITADOTMRAELRMTOSLTOAOOMITDIERRALTLORMSMOPOIMIEERRLMMLTPORIESRAOOMIEELSTMPIEROLTROSAIELISMEEPETOMMRPEULTROSSMAIEIEOTTUMMRRSMPTIOASTIUESRMLMTPIERTSUEARSMPIULIOIMMELRETSSMPAIPTIMLULEIOMESMPOITTSAMMPUIRSPLSOIOMDEMTTUSLSMPIRDSAOIMREUEUTSTMADLOPIIRROUSEMEUDTTMPEAIMOLUODRMMMSEPEEIOUTMRALMLODMSMPOMEMTLUMRDAMOSLEOOEMMELUDSIMROOLOETLUDPDMMMEOOILTRLURODEMDIPOOMLESILRTRDOPOMIOOEPMLREDOPSMITROOUOLELRSPSIMDOOSRLTRLULPSOSEDOORIMMULRSILOSUDLPOOEOTUSLRIIMMSDEOORULOPTOLRISMSIMORMUOTRRIMPMLSOEOSIODITRMRAULSRPTEOMRAISIMDLSURSOTPRAIOEMLSMSDIMDUOTAISMSRPIIDOEMSOMTDAIUPMTSRLIOOTDMAIESMIMSRUTOLTOASPIEOMRDMSITUTAIEMLAOLOPSDMUTSTIAEIMLRSLAOOPTOATDMEIMSIMSULRTOMAOTOEPIMDSMTUATLEROIMROSDMTSATEEMURLROOSTAEIDMMERULTTOTAEOSDMIMSTRAELMTOTOSSITDMEMRILOOTSATEIMTDIRTLOTSEAOTIDTLMRETOSAOITDEMAROLTSTAOIAMERTLTOSAOIMRMELTTOSMAIMERLTTOSAIEMERTSTOAEIMERTTTSAITMERTTSAIMETTSAIMETTSAIAMETTAIAMETMTAAMEMTALMEMTELALOMELTEOTLOLMEOTETRLLOOETLRTRLOOEELRTORLELROLEMOTLELRRLOOOEMMELROROLMOEEARMOMRRELAROEMRMEARRMOEMEIIEIMRMREPMPPIEEMIMMMPRIEEPMESSSIMMPIEPSMEPTSEMIUIUUSTIPPSIMUILSUPTIIPPMUMMIPSSPIUOUPSMPMSISUUSSMLPIMSUIRSMUUPPOUUDSMMDUUEDMSDDMSMUMMRODMDOMUMUDOOOEMDDLOOLDMDMDOLMDLOLDOODIOLODLOOOPOODOLROOOLORDLRSOOIRLLRLOLOPDOLRRULOSOOOLRSSOLROSOISRMOSRRRLTIOUSRSITRIRSTILOTIRISTMRTSTSOIASSSDIRTASSAITIIIAIMSTTRTSTATAIIOMDAMTTAISMIAMTEMTAALMAAIOAEMETTAMASEOMMEMTMTAEMALEITMEMTARTLETOTMMEEEETLLEOTMELTETTRLOOTTSLELETORTLALEOOITTRRLSETOOLLRTMRLLOEELRRMIOOLEOLTROERRMOAMEERELOOMRMEREERRMMOMTEARIEMRMERPMEEIMIEMRMPEMEPSIIMEMMPPIIESLMTUPSMPIEISIMSPOUIIPUPSSTMPIIPIUUSPPPIMUSRSIUSMPSILPUMSSISMPUUEMUOPULSMDSUUUSMMODMMSUMUMRDOUDMMMDUODRMEMDOLMODDMOEDMDLOOOIDDLDDPLOMOOLODDOLOROLODOSOOODROLILLOOOLPRURILOOLOSLOOLRORPSLLOROSOMIOLRRLTSSROSOURISRROTRSORUIISRMTTRISSASITRIRSTMSSADITIISMTTITSASAISITMAITDTOSSAIITAIMEMDTTATIAIMOMELTTTAAMOMEAEMTOALAEMMETATAELMOMERTTEMOTMEEMTTREETTERETTESTSTTISTITIT ภ า ย ใ ต ้ กิ จ ก ร ร ม ร ว ม พ ลั ง ส ร ้ า ง เ ค รื อ ข ่ า ย สื่ อ ม ว ล ช น ในศาลปกครองภูมิภาค (เครือข่ายหนังสือพิมพ์ในเขตอ�ำนาจ ศาลปกครองภูมิภาค) โดยได้รับความอนุเคราะห์จากหนังสือพิมพ์ ท้องถิ่นในพ้ืนที่จังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ สงขลา ขอนแก่น พษิ ณโุ ลก ระยอง อดุ รธานี เพชรบุรี นครสวรรค์ อุบลราชธานี เป็นต้น โดยเผยแพร่จำ� นวนรวมทั้งสิ้น ๙๘ คร้ัง หนงั สือพมิ พส์ ว่ นกลาง NEWS • หนังสอื พิมพ์ไทยโพสต์ เผยแพรจ่ �ำนวน ๑๐ คร้งั BREAKING NEWS • หนังสือพมิ พ์เดลนิ วิ ส์ เผยแพรจ่ �ำนวน ๑๖ คร้ัง • หนงั สอื พมิ พฐ์ านเศรษฐกิจ เผยแพรจ่ �ำนวน ๑๕ ครัง้ • หนงั สือพมิ พค์ มชดั ลกึ เผยแพร่จ�ำนวน ๕ ครั้ง • หนงั สือพมิ พ์ อปท.นิวส์ เผยแพร่จ�ำนวน ๕ คร้งั เว็บไซตส์ ่อื มวลชน • เวบ็ ไซต์คม ชัด ลึก (www.komchadluek.net) เผยแพรจ่ �ำนวน ๖ คร้ัง • เว็บไซต์ (www.mgronline.com) ในเครือหนังสือพมิ พ์ผูจ้ ดั การ เผยแพร่จำ� นวน ๖ ครง้ั 80

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและส�ำนักงานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ๒. การขอความอนเุ คราะหว์ าง Banner สาระดๆี จากศาลปกครองทางหนา้ เวบ็ ไซตข์ องหนว่ ยงาน สว่ นกลางตา่ งๆ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ส�ำนักงานศาลปกครองได้ด�ำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบ การสอ่ื สารประชาสมั พนั ธเ์ ชงิ รกุ โดยมกี จิ กรรมทสี่ ำ� คญั คอื การเพมิ่ รปู แบบและชอ่ งทางการเผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ ผลการดำ� เนนิ งานของศาลปกครองและคดปี กครองผา่ นทางสอื่ ประเภทตา่ งๆ ซง่ึ ไดพ้ จิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เวบ็ ไซต์ ของหน่วยงานภาครัฐเป็นช่องทางการเผยแพร่ที่ดีช่องทางหนึ่ง จึงได้ด�ำเนินการส�ำรวจและจัดท�ำฐานข้อมูล เว็บไซตข์ องหนว่ ยงานภาครฐั ทเี่ ปดิ รับการเชื่อมโยงเวบ็ ไซตก์ บั หนว่ ยงานภาครัฐอน่ื ๆ ซงึ่ มจี �ำนวนรวม ๔๒ แห่ง จากนั้นจึงได้จัดท�ำหนังสือไปถึงหัวหน้าหน่วยงานดังกล่าวเพ่ือขอความอนุเคราะห์วาง Banner “สาระดีๆ จากศาลปกครอง”ทางหนา้ เวบ็ ไซตข์ องหนว่ ยงานโดยเปน็ ลงิ ก์(Link)เชอื่ มเขา้ สหู่ นา้ บทความทางวชิ าการเกย่ี วกบั ค�ำสั่ง/ค�ำพิพากษาของศาลปกครอง (อุทาหรณ์จากคดีปกครอง) ที่จัดท�ำขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับศาลปกครองและคดีปกครองให้กับหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าท่ีของรัฐ และเพ่ิมช่องทาง การเผยแพร่แนวค�ำวินิจฉัยของศาลปกครอง เพ่ือให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ศึกษาเรียนรู้และน�ำไปเป็นบรรทัดฐาน ในการปฏบิ ัตริ าชการทด่ี ี 81

The Administrative Court Annual Report 2018 กระทรวงการตา่ งประเทศ (www.mfa.go.th) กระทรวงสาธารณสุข (www.moph.go.th) ๓. การเสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ศาลปกครองและคดปี กครองทางเครอื ขา่ ยสถานวี ทิ ยุ ซง่ึ มีโฆษกและรองโฆษกศาลปกครองสับเปล่ียนหมุนเวียนเป็นวทิ ยากรให้ความรู้ จำ� นวน ๕ สถานี ดังนี้ ๑. สถานีวทิ ยุ สวพ. ๙๑ รายการ “กฎหมายชายคา ปัญหาชาวบา้ น โดยศาลปกครอง” ออกอากาศ ทกุ วนั เสาร์ เวลา ๑๕.๑๕ - ๑๕.๔๕ น. ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีการออกอากาศทง้ั สิน้ ๕๑ ตอน ๒. สถานีวิทยุศึกษา FM ๙๒.๐ MHz. รายการ “หยิบมาเล่าเอามาฝาก” ออกอากาศทุกวันศุกร ์ เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๐๐ น. ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีการออกอากาศทง้ั สน้ิ ๕๑ ตอน 82

รายงานการปฏบิ ัติงานของศาลปกครองและสำ� นกั งานศาลปกครอง ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ๓. สถานีวิทยุในเครือข่ายสมาคมช่อสะอาด รายการ “ศาลปกครองพบประชาชน” ออกอากาศ ทุกวนั จนั ทร์และองั คาร เวลา ๑๙.๓๐ - ๒๐.๐๐ น. ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีการออกอากาศทั้งสิ้น ๙๑ ตอน ๔. สถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา FM ๘๗.๕ MHz. รายการ “๓๐ นาทีคดีปกครอง” ออกอากาศ ทุกวนั องั คาร เวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๐๐ น. ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีการออกอากาศทั้งส้นิ ๕๒ ตอน ๔. การเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับศาลปกครองสู่สถาบันการศึกษาผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีของศาลปกครอง วิธีพิจารณา คดีปกครอง ลักษณะคดีปกครอง และเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติราชการจากค�ำวินิจฉัยของศาลปกครอง ให้แก่นิสิตนักศึกษาของสถาบันต่างๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวทิ ยาลยั ปทุมธานี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏจนั ทรเกษม รวมทง้ั ส้ิน ๖๗๑ คน ๕. การผลติ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ ไดแ้ ก่ หนงั สอื รู้ไวก้ อ่ นไปศาลปกครอง และเอกสารเพอ่ื การประชาสมั พนั ธ์ ภายใน “ศาลปกครองแหง่ ความเชอื่ มัน่ ” (ACT INSIGHT) โดยเผยแพรท่ างเวบ็ ไซตศ์ าลปกครอง และการสแกน QR Code ๖. การเผยแพร่ข่าวสารผ่าน Facebook และ Line ส�ำนักงานศาลปกครอง โดยข้อมูลข่าวสาร ท่จี ะเผยแพร่ผา่ นช่องทางดงั กล่าว แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. เนอื้ หาประเภทขา่ วสาร (News) คอื การรายงานขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ หรอื กจิ กรรมสำ� คญั ทเ่ี กย่ี วกบั ศาลปกครอง เพื่อแจ้งข่าวสารที่ส�ำคัญเกี่ยวกับศาลปกครอง (Inform) ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ ซึ่งอาจ นำ� เสนอในรูปแบบของภาพข่าวกจิ กรรม/Press Release/สรปุ คำ� พพิ ากษารายสปั ดาห์/โปสเตอรป์ ระชาสัมพนั ธ์ ต่างๆ โดยทั่วไปการโพสต์เนื้อหาประเภทข่าวสารจะสัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอาจจะมีการโพสต ์ เพ่ือประชาสัมพันธ์ก่อนการจัดกิจกรรม หรือโพสต์เพ่ือรายงานข่าวหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก�ำหนดเวลา การโพสตจ์ ึงต้องพจิ ารณาตามความเหมาะสม ๒. เนื้อหาประเภทความรู้ (Knowledge) คือ การให้ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองต่างๆ เกี่ยวกับ ศาลปกครองและคดปี กครอง เพอื่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจใหแ้ กก่ ลมุ่ เปา้ หมาย ซง่ึ อาจนำ� เสนอไดใ้ นหลากหลาย รปู แบบ แลว้ แตค่ วามเหมาะสมของเน้อื หา เช่น infographic คลิปเสียง คลิปวดิ ีโอ Link เปน็ ต้น การนำ� เสนอ เนื้อหาประเภทความรู้ความสามารถก�ำหนดแผนการโพสต์ได้ล่วงหน้า เพ่ือความสะดวกในการบริหารจัดการ เนอ้ื หา ให้ Facebook มกี ารเคลอ่ื นไหวของขอ้ มลู อยา่ งสมำ่� เสมอ และสรา้ งการจดจำ� ใหแ้ กก่ ลมุ่ เปา้ หมาย เนอื้ หา ประเภทความรู้สามารถจ�ำแนกได้เป็นประเภทย่อยๆ ไดแ้ ก่ ความรูท้ ่ัวไปเกี่ยวกับศาลปกครองและคดปี กครอง อุทาหรณ์คดีปกครอง เป็นต้น โดย Facebook ของส�ำนักงานศาลปกครองมีจ�ำนวนสมาชิกที่ได้ติดตามข้อมูล จ�ำนวน ๑๙,๒๙๕ ราย และ Line Official มสี มาชกิ จำ� นวน ๔,๘๓๗ คน 83


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook