๒ การกระทาในลักษณะท่เี ปน็ การเหยียดหยาม สร้างความเกลียดชัง หรือเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ทางเชื้อชาติตอ่ กลุ่มชาติพนั ธต์ุ ามวรรคหนึง่ ให้หมายความรวมถึงการกระทาหรอื งดเวน้ กระทาการ ที่แม้จะมิได้ มุ่งหมายให้เป็นการเหยียดหยาม สร้างความเกลียดชัง หรือเลือกปฏิบัติทางเช้ือชาติต่อกลุ่มชาติพันธ์ุโดยตรง แต่ผลของการกระทานนั้ ทาใหก้ ลุ่มชาตพิ ันธ์ุต้องเสียสทิ ธทิ คี่ วรไดร้ ับเพราะเหตุแห่งการเปน็ กลุม่ ชาติพันธ์ุด้วย มาตรา ๑๐ ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางส่ือมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด อันเป็น การเหยียดหยาม สร้างความเกลียดชัง หรือเลือกปฏิบัติโดยทางเช้ือชาติต่อกลุ่มชาติพันธ์ุ ที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่ เกียรตยิ ศ ช่อื เสยี ง ศักดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ หรือสทิ ธขิ องกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ มาตรา ๑๑ กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะวัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม และจารตี ประเพณีอนั ดีงาม กลุ่มชาติพันธ์ุมีสิทธิใช้ อนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาด้านภาษาของกลุ่มชาติพันธ์ุ ตลอดจน มีหลกั สูตรการศกึ ษาท่เี หมาะสมกบั วถิ ชี ีวิตและวฒั นธรรม มาตรา ๑๒ กลุ่มชาติพันธ์ุมีสิทธิจัดการ บารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชีวภาพอยา่ งสมดลุ และยั่งยืน ตามวถิ ีชีวิตและวัฒนธรรม มาตรา ๑๓ กลุ่มชาตพิ นั ธุม์ ีสทิ ธไิ ดร้ ับการสง่ เสรมิ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต มาตรา ๑๔ กลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิได้รับการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อประโยชน์ของชุมชน และกิจกรรมท่ีอาจมีผลกระทบต่อชุมชนและวิถีชาติพันธ์ุ รวมท้ังได้รับการคุ้มครองในการเข้าร่วมและดาเนิน กจิ กรรม มาตรา ๑๕ กลุ่มชาติพันธ์ุมีสิทธิได้รับการส่งเสริมในการมีส่วนร่วมในกระบวนการทางสังคม โดยไดร้ ับการจัดสรรท่คี านงึ ถึงสัดสว่ นของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ มาตรา ๑๖ กลุ่มชาติพันธ์ุได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองในการเข้าถึงเข้าถึงสิทธิข้ันพื้นฐานและ สิทธิมนษุ ยชน มาตรา ๑๗ กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการคุ้มครอง มีสิทธิครอบครองและสิทธิในการจัดการ พ้ืนที่ชุมชน และชุมชนทอ้ งถ่ินด้ังเดมิ พื้นท่อี ยอู่ าศยั พ้ืนทท่ี ากนิ พนื้ ที่ทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ หมวดคณะกรรมการส่งเสริมและคมุ้ ครองกลุ่มชาติพันธ์ุ มาตรา ๑๘ ใหม้ คี ณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกลุม่ ชาติพันธุแ์ ห่งชาติ ประกอบดว้ ย (๑) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรฐั มนตรีทีน่ ายกรฐั มนตรีมอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ (๒) รฐั มนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม(๔) เลือกกันเอง ๑ คน เป็นรองประธานกรรมการ (๓) กรรมการโดยตาแหน่ง จานวน ๗ คน ได้แก่ ปลัดสานักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง มหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแล ะ สิ่งแวดล้อม ปลดั กระทรวงวัฒนธรรม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนษุ ย์ เปน็ กรรมการ (๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๗ คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากการสรรหาของสภากลุ่ม ชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง แบ่งเป็นผู้มีความรู้ความเช่ียวชาญและประสบการณ์ด้านกลุ่มชาติพันธ์ุ จานวน ๕ คน และผแู้ ทนองคก์ รท่ีทางานด้านกลุม่ ชาติพนั ธุ์ จานวน ๒ คน (๕) กรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุ จานวน ๗ คน ซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งต้ังจากการสรรหาของ สภากลมุ่ ชาตพิ ันธแ์ุ ละชนเผา่ พื้นเมอื ง
๓ ให้อธิบดีเป็นกรรมการและเลขานุการ และมีอานาจแต่งต้ังข้าราชการในกรมจานวนไม่เกินสองคน เป็นผูช้ ่วยเลขานุการ มาตรา ๑๙ ให้กรมพัฒนาสังคมและสวสั ดกิ ารทาหนา้ ทีเ่ ปน็ สานกั งานเลขานุการของคณะกรรมการ มาตรา ๒๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุมีวาระการดารงตาแหน่ง คราวละสามปี เม่ือครบกาหนดตามวาระในวรรคหน่ึง หากยังมิได้มีการแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการ ผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุขึ้นใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุซึ่งพ้นจากตาแหน่ง ในวาระนนั้ อยู่ในตาแหน่งเพื่อดาเนนิ งานต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุ ซ่งึ ได้รับตาแหน่งใหมเ่ ขา้ รบั หน้าท่ี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งพ้นจากตาแหน่งเพราะครบวาระอาจ ได้รับการแตง่ ต้งั อีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกนั มาตรา ๒๑ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๘ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการผู้แทนกลมุ่ ชาตพิ ันธพุ์ น้ จากตาแหนง่ เมอ่ื (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรใี หอ้ อกเพราะบกพร่องหรอื ไม่สุจรติ ต่อหนา้ ที่ (๔) เปน็ บคุ คลลม้ ละลาย คนไร้ความสามารถหรอื คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ มาตรา ๒๒ ในกรณีท่ีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์พ้นจากตาแหน่ง ก่อนครบวาระ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งบุคคลซ่ึงมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันเป็นกรรมการแทน และให้ผู้ท่ีได้รับ แต่งตัง้ ใหด้ ารงตาแหน่งแทนอยใู่ นตาแหนง่ เท่ากบั วาระทีเ่ หลอื อยขู่ องกรรมการซงึ่ ตนแทน ในระหวา่ งทยี่ ังไมไ่ ดแ้ ตง่ ตง้ั กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือกรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์แทนตาแหน่งท่ีว่าง ให้คณะกรรมการประกอบดว้ ยกรรมการเทา่ ทเี่ หลืออยู่ มาตรา ๒๓ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวน กรรมการทั้งหมดจึงเปน็ องคป์ ระชุม ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ในกรณีท่ีประธานกรรมการไม่มาประชุม หรือไม่อาจ ปฏิบัติหน้าท่ีได้ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในท่ีประชุม หากรองประธานไม่มาประชุมหรือไม่อาจ ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ไดใ้ ห้กรรมการซ่ึงมาประชมุ เลอื กกรรมการคนหนงึ่ เปน็ ประธานในท่ีประชมุ การวินิจฉัยช้ีขาดของท่ีประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเทา่ กันให้ประธานในท่ีประชมุ ออกเสยี งเพิม่ ขน้ึ อีกเสยี งหนึ่งเปน็ เสียงช้ีขาด ใหม้ ีการประชมุ คณะกรรมการไม่น้อยกวา่ ปลี ะสามครง้ั มาตรา ๒๔ คณะกรรมการมีหน้าทีแ่ ละอานาจ ดงั ต่อไปน้ี (๑) กาหนดนโยบาย มาตรการ ระเบียบและแผนปฏิบัติงานเพื่อส่งเสริมและคุ้มครอง กลุม่ ชาตพิ ันธ์ุในทกุ หน่วยงานทง้ั ภาครัฐและเอกชน ท้งั ในส่วนกลาง ส่วนภมู ภิ าค และสว่ นท้องถนิ่ (๒) เสนอแนะนโยบาย และข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ตอ่ คณะรัฐมนตรีเพื่อใหเ้ ป็นไปตามวัตถุประสงค์แห่งพระราชบัญญตั นิ ี้ (๓) เสนอความเหน็ และให้คาปรึกษาต่อรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบาย กฎหมาย โครงการ หรอื การดาเนินการอน่ื ใดท่อี าจมผี ลกระทบต่อกลมุ่ ชาติพนั ธุ์
๔ (๔) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการหรือ ตามทีค่ ณะรฐั มนตรมี อบหมาย (๕) ติดตาม ประเมินผลและตรวจสอบการดาเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมและ คุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์กรุงเทพมหานครและคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัด รวมทั้ง ใหค้ าแนะนาและเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาตพิ ันธุ์ในกรุงเทพมหานครและระดบั จงั หวดั (๖) ดาเนนิ การอ่ืนใดทเี่ กยี่ วกับการสง่ เสริมและคุ้มครองกล่มุ ชาติพันธุ์ มาตรา ๒๕ คณะกรรมการมีอานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทางานเพื่อปฏิบัติการตามท่ี คณะกรรมการมอบหมาย ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๒๓ มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการหรือ คณะทางาน โดยอนุโลม มาตรา ๒๖ ใหม้ คี ณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกล่มุ ชาติพนั ธุ์กรุงเทพมหานคร ประกอบดว้ ย (๑) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าราชการ กรงุ เทพมหานครมอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ (๒) ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๔) เลอื กกันเอง ๑ คน เป็นรองประธานกรรมการ (๓) กรรมการโดยตาแหน่ง จานวน ๗ คน ได้แก่ ผู้แทนกรมการพัฒนาชุมชน ผู้แทน กรมการปกครอง ผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้แทนสานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสานักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม ผู้แทนศนู ยม์ านุษยวิทยาสิรินธร ผู้แทนกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นกรรมการ (๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๗ คน ซ่ึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งต้ังจาก ผู้มีความรคู้ วามเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านกลุ่มชาติพันธ์ุ จานวน ๕ คน และ ผ้แู ทนองค์กรทท่ี างานดา้ นกลมุ่ ชาติพันธุ์ จานวน ๒ คน (๕) กรรมการผู้แทนกลุ่มชาติพันธ์ุ จานวน ๗ คน ซ่ึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่งตง้ั ใหผ้ ู้อานวยการสานักพัฒนาสังคม เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้คณะกรรมการส่งเสริมและ คมุ้ ครองกรุงเทพมหานครแต่งตงั้ ขา้ ราชการในสานักจานวนไมเ่ กินสองคนเป็นผู้ชว่ ยเลขานกุ าร มาตรา ๒๗ ใหม้ คี ณะกรรมการสง่ เสริมและคมุ้ ครองกลมุ่ ชาติพนั ธุจ์ งั หวดั ประกอบดว้ ย (๑) ผวู้ า่ ราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ (๒) รองผ้วู ่าราชการจงั หวัดซึ่งไดร้ ับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นรองประธาน กรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๔) เลือกกันเอง ๑ คน เป็นรองประธาน กรรมการ (๓) กรรมการโดยตาแหน่ง จานวน ๗ คน ได้แก่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พัฒนาการจังหวัด ยุติธรรมจังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อมจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด พัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ จงั หวดั เปน็ กรรมการ
๕ (๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๗ คน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งต้ังจากผู้มีความรู้ ความเช่ียวชาญและประสบการณ์ด้านกลุ่มชาติพันธุ์ จานวน ๕ คน และผู้แทน องคก์ รทท่ี างานดา้ นกลุ่มชาติพนั ธ์ุ จานวน ๒ คน (๕) กรรมการผูแ้ ทนกลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ จานวน ๗ คน ซ่ึงผู้ว่าราชการจังหวัดแตง่ ตั้ง ใ ห้ ผู้ อ า น ว ย ก า ร ศู น ย์ ป ร ะ ส า น ง า น ส่ ง เ ส ริ ม แ ล ะ คุ้ ม ค ร อ ง ก ลุ่ ม ช า ติ พั น ธุ์ จั ง ห วั ด เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดแต่งตั้ง ข้าราชการในจังหวดั จานวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ชว่ ยเลขานกุ าร มาตรา ๒๘ ให้นาบทบัญญัติมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ มาใช้บังคับในการดารง ตาแหน่ง การพ้นจากตาแหน่ง การแต่งตั้งกรรมการแทน และการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ โดยอนุโลม เว้นแต่อานาจของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๑ (๓) และมาตรา ๒๒ ใหเ้ ป็นอานาจของผ้วู า่ ราชการกรุงเทพมหานครหรือผวู้ ่าราชการจงั หวดั แลว้ แต่กรณี มาตรา ๒๙ ใหน้ าบทบัญญัติมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๕ มาใช้บังคับกับการประชุมและการแต่งต้ัง คณะอนุกรรมการหรือคณะทางานของคณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์กรุงเทพมหานครและ คณะกรรมการสง่ เสริมและค้มุ ครองกลุ่มชาตพิ นั ธจ์ุ งั หวัด โดยอนุโลม มาตรา ๓๐ คณะกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธ์ุกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการ ส่งเสรมิ และคมุ้ ครองกลุ่มชาตพิ นั ธจ์ุ งั หวดั มหี นา้ ทแ่ี ละอานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการเก่ียวกับกาหนดนโยบาย มาตรการ ระเบียบและ แผนปฏิบตั งิ านเพอื่ สง่ เสริมและคุ้มครองกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ (๒) ใหค้ าปรกึ ษา แนะนา และประสานงาน แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในการ ดาเนินการทเ่ี ก่ยี วกับกลุม่ ชาตพิ นั ธุ์หรืออาจมีผลกระทบต่อกลุ่มชาติพนั ธ์ุ (๓) สารวจและจัดทาข้อมูลพ้ืนฐานกลุ่มชาติพันธ์ุ รวมท้ังจัดทาแผนส่งเสริมและ ค้มุ ครองกลมุ่ ชาติพันธุ์ระดบั จงั หวัด (๔) ปฏิบัติการอื่นใดตามท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่หรือตามที่ คณะกรรมการมอบหมาย (๕) ดาเนนิ การอื่นใดท่เี ก่ียวกับการส่งเสรมิ และคุ้มครองกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ มาตรา ๓๑ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติน้ี ให้กรรมการและอนุกรรมการเป็น เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา (ยังอยู่ในระหวา่ งยกร่าง)
ก สารบัญ หน้า ๑. บทนำ ๑ ๑) คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ไดม้ ีมติเลอื กตั้ง ๒ ๒) คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ไดม้ ีมติตัง้ ที่ปรกึ ษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามญั ๓ ๓) การแตง่ ต้ังผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามญั ๔ ๒. บทสรุปผู้บรหิ าร ๔ ๓. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ ๗ ๓.๑ กลุม่ ลุม่ น้ำเจ้าพระยาใหญ่ ๗ ๓.๒ กลุ่มลุ่มน้ำป่าสัก ๓๐ ๓.๓ กล่มุ ลุ่มนำ้ โขง เลย ชี มลู สงคราม ๔๓ ๓.๔ กลุ่มลมุ่ น้ำภาคตะวนั ออก ๕๙ ๓.๕ กล่มุ ลมุ่ น้ำภาคตะวันตก ๖๘ ๓.๖ กลุ่มลุ่มน้ำภาคใต้ ๘๑ ๔. แผนทพี่ ้นื ที่ประสบปญั หาดา้ นนำ้ และพ้นื ท่ีรองรับการพฒั นา ๑๐๔ ๕. การเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๑๑๕ ๕.๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปศึกษาดงู าน เรอ่ื ง การบรหิ ารจดั การแหลง่ นำ้ และ แนวทางการบรรเทาปญั หาภัยแล้งในเขตพ้ืนที่อำเภอสีคิ้ว ในวันศุกร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ จงั หวัดนครราชสีมา ๑๑๕ ๕.๒ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ไดเ้ ดินทางไปศึกษาดูงาน เรอ่ื ง การบรหิ ารจัดการทรพั ยากรนำ้ ในวันศุกรท์ ี่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ เขื่อนสริ ินธร จังหวดั อุบลราชธานี ๑๑๘ ๕.๓ คณะกรรมาธิการวิสามัญไดเ้ ดินทางไปศึกษาดูงาน เร่ือง การบรหิ ารจัดการทรัพยากรนำ้ ในบรเิ วณพ้ืนท่ตี ื้นเขินและแนวทางการผลักดันการรุกล้ำน้ำเค็มออกจากน้ำจดื ในวันพุธท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยาถึงจงั หวัดสมทุ รปราการ ๑๒๒ ๖. ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญเพื่อแกป้ ัญหาการบริหารจดั การน้ำ ๑๒๕ ๖.๑ ประเด็นบทบาทหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานกำกบั การแก้ปญั หาด้านน้ำของประเทศ ๑๓๒ ๖.๒ ประเดน็ การถ่ายโอนภารกจิ กอ่ สรา้ ง ดแู ล และบำรุงรักษาแหล่งนำ้ ใหก้ ับองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ๑๓๒ ๖.๓ ประเด็นสถานการณท์ รพั ยากรน้ำบาดาลของประเทศและการเตมิ น้ำใตด้ ิน ๑๓๓ ๖.๔ ประเดน็ การผลักดนั การรกุ ลำ้ ของนำ้ เค็ม ๑๓๔ ๖.๕ ประเด็นน้ำอปุ โภคบริโภค ๑๓๔ ๖.๖ ประเดน็ การประเมินผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มและสขุ ภาพและการมสี ว่ นร่วมของประชาชน ๑๓๔ ๗. ฝนหลวง ๑๓๕
ข รายนามคณะกรรมาธิการวิสามัญพจิ ารณาศกึ ษาแนวทางการบรหิ ารจดั การลุม่ น้ำทงั้ ระบบ ๑๓๗ สภาผู้แทนราษฎร รายนามทปี่ รึกษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศกึ ษาแนวทางการบรหิ ารจดั การ ลุ่มนำ้ ท้งั ระบบ สภาผ้แู ทนราษฎร ๑๓๙ รายนามคณะอนุกรรมาธกิ ารในคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พจิ ารณาศึกษาแนวทางการบรหิ ารจัดการ ลุม่ น้ำท้ังระบบ สภาผูแ้ ทนราษฎร ๑๔๐ QR CODE รายงานของคณะอนุกรรมาธกิ ารในคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาแนวทาง การบรหิ ารจัดการลุม่ น้ำทง้ั ระบบ สภาผู้แทนราษฎร ๑๔๓
๑ 1. บทนำ ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผูแ้ ทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธกิ าร วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ป่าสัก (นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้ สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการผันนำ้ โขง กก อิง น่าน เจ้าพระยา ป่าสัก ท่าจีน แม่กลอง (นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล สงคราม ป่าสัก เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง (นายรังสิกร ทิมาตฤกะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการผันนำ้ โขง ชี มูล สงคราม แม่น้ำลำพะยังและลำน้ำปาว เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง (นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ในบรเิ วณแมน่ ้ำโขง แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และลำน้ำเสียว ทั้งระบบ (นางผอ่ งศรี แซ่จงึ และนางสาวสกุณา สาระนันท์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการผันน้ำลุ่มน้ำ เมย กก ปิง วัง ยม และน่าน (พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และนายภาคภูมิ บูลย์ประมุข เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการน้ำบริเวณลุ่มน้ำชีและลำน้ำ สาขาแบบบูรณาการ (นายฉลาด ขามช่วง กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง (นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ และนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล สงคราม ป่าสัก กก อิง น่าน เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง (นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ และนายกิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการพัฒนาและบูรณาการลุ่มแม่น้ำสงครามอย่างเป็นระบบ (นายเกษม อุประ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาและหาแนวทาง ในการจัดทำโครงการก่อสร้างฝายกักเกบ็ น้ำในแม่น้ำลำพะยัง ตัง้ แตบ่ ริเวณตำบลคมุ้ เก่า อำเภอเขาวง จงั หวดั กาฬสินธ์ุ จนถงึ บรเิ วณอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอด็ (นายประเสริฐ บุญเรอื ง เป็นผเู้ สนอ) ญตั ติ เรอื่ ง ขอให้สภาผแู้ ทนราษฎร ต้งั คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการสร้างฝายกักเก็บน้ำลำเซบายและลำห้วยโพง (นายธนกร ไชยกุล เป็นผู้เสนอ) ญตั ติ เรือ่ ง ขอให้สภาผูแ้ ทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามญั พจิ ารณาศึกษาการบรหิ ารจดั การและบูรณาการ พื้นที่หนองหารลุม่ น้ำกำ่ ลุ่มน้ำอูน และลุ่มน้ำสงคราม จังหวัดสกลนคร และจังหวัดนครพนม (นายประสงค์ บูรณ์พงศ์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ไข ปัญหา ขาดแคลนนำ้ อปุ โภค บรโิ ภค ทำการเกษตรตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหิน ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ (นายสาคร เกี่ยวข้อง เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณา ศึกษาโครงการผนั น้ำในลุ่มน้ำฝั่งตะวันตก ได้แก่ จงั หวัดเพชรบุรี จังหวดั ราชบุรี และจังหวัดกาญจนบรุ ี (นายสุชาติ อุสาหะ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา โครงการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา – พัทลุง และการผันน้ำมาใช้ประโยชน์ (นายนริศ ขำนุรักษ์ เป็นผู้เสนอ) และญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการพฒั นาและการบริหาร จัดการน้ำอย่างเป็นระบบของลุ่มน้ำโขง เลย ลำพะเนียง ห้วยหลวง ชี และมูล (นายขจิตร ชัยนิคม และนางเทียบจุฑา ขาวขำ เป็นผู้เสนอ) และลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาศกึ ษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มนำ้ ทัง้ ระบบ ตามข้อบังคบั การประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๔๙ และข้อ ๕๐
๒ ทง้ั น้ี ท่ปี ระชมุ สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาญัตตดิ ่วน เรอ่ื ง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษา ปัญหาการบรหิ ารจดั การน้ำในแมน่ ำ้ โขง (นายสทุ ศั น์ เงินหม่นื และนายอสิ สระ สมชัย เปน็ ผู้เสนอ) และญตั ติ เรือ่ ง ขอให้ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มายังอ่างเก็บน้ำลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนนำ้ อุปโภคบริโภคและการเกษตรกรรม (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นผู้เสนอ) และลงมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ โดยได้ กำหนดระยะเวลาพจิ ารณาศึกษาไว้ ๙๐ วนั เน่อื งจากคณะกรรมาธิการวิสามญั พิจารณาแลว้ พบวา่ ขอ้ มูลเก่ียวกับการบริหารจดั การล่มุ น้ำทัง้ ระบบ มีจำนวนมาก และจำเป็นต้องรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ ต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาศึกษามีความรอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ คณะกรรมาธิการวสิ ามญั จงึ ขอขยายระยะเวลาการพจิ ารณาศึกษาออกไปอีก ๙๐ วนั ตามขอ้ บงั คับการประชุม สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๖ ซึ่งในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๕ (สมยั สามัญประจำปคี รั้งทส่ี อง) วันพุธท่ี ๕ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ ท่ีประชมุ เหน็ ชอบให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก ๙๐ วนั ได้ตามทรี่ อ้ งขอ (ขยายระยะเวลาครงั้ ท่ี ๑) อยา่ งไรก็ตามสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ส่งผลให้การเดินทางไปศึกษาดูงานยังไม่ครอบคลุมทุกพ้ืนที่ ดังน้ัน เพื่อให้การพิจารณาศึกษา มีความรอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสดุ ในการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ คณะกรรมาธิการวสิ ามัญ จึงขอขยาย ระยะเวลาการพิจารณาศึกษาออกไปอีก ๙๐ วัน (ขยายระยะเวลาครั้งที่ ๒) ตามข้อบังคับการประชุม สภา ผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๑๐๖ ในระยะเวลาต่อมา คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพจิ ารณาแล้วว่า ข้อมลู เก่ียวกับ การบริหารจัดการลุ่มนำ้ ท้ังระบบมีจำนวนมาก และต้องรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบท่ีเกิดกับ ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำต่าง ๆ รวมทั้ง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ส่งผลให้การเดินทางไปศึกษาดูงานยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาศึกษามีความรอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ คณะกรรมาธิการวิสามัญจึงขอขยายระยะเวลาการ พิจารณาศกึ ษาออกไปอกี ๙๐ วนั (ขยายคร้งั ท่ี ๓) ตามข้อบังคับการประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๑๐๖ บดั น้ี คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ ไดด้ ำเนนิ การพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ เสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว ซงึ่ ปรากฏผล ดังน้ี ๑) คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมตเิ ลอื กต้งั (๑) นายธรรมนสั พรหมเผา่ เปน็ ประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒) นายวีระกร คำประกอบ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คนท่หี นึง่ (๓) นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คนทีส่ อง (๔) นายอิสสระ สมชยั เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามญั คนที่สาม (๕) นายคำพอง เทพาคำ เป็นรองประธานคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั คนท่สี ี่ (๖) นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ คนทห่ี า้ (๗) นายสุรทิน พิจารณ์ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ คนทีห่ ก (๘) นายบญุ สิงห์ วรินทร์รักษ์ เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามญั คนที่เจด็ (๙) นายสุทัศน์ เงินหมน่ื เป็นทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๑๐) นายพรพจน์ เพญ็ พาส เป็นทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๑) นายปลอดประสพ สุรสั วดี เป็นทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๒) นายประสงค์ บูรณ์พงศ์ เป็นท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๑๓) พลเรือเอก พเิ ชฐ ตานะเศรษฐ เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๑๔) นายชมุ ลาภ เตชะเสน เป็นท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั
๓ (๑๕) นายสุทัศน์ วสี กลุ เปน็ ทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๑๖) นายศกั ดา คงเพชร เป็นทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๑๗) นายไตรรงค์ ติธรรม เปน็ ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๘) นายอนันต์ ศรพี ันธุ์ เป็นท่ปี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๑๙) นายสพุ จน์ โตวิจกั ษณช์ ัยกลุ เปน็ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๒๐) นายวชั รพล โตมรศักด์ิ เป็นผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๒๑) นางผ่องศรี แซจ่ ึง เป็นผู้ชว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๒๒) นางทัศนาพร เกษเมธกี ารุณ เปน็ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๒๓) นายกฤติเดช สันติวชริ ะกุล เปน็ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๒๔) นายสาคร เกี่ยวขอ้ ง เป็นผู้ชว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๒๕) นายกติ ตศิ ักด์ิ คณาสวสั ด์ิ เป็นผู้ชว่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒๖) นายธนสั ถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๒๗) นายจาตรุ งค์ เพง็ นรพฒั น์ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๒๘) นายธนยศ ทมิ สวุ รรณ เป็นโฆษกคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๒๙) นายโกศล ปัทมะ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๓๐) นายอนุชา น้อยวงศ์ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๑) ผูช้ ่วยศาสตราจารยส์ ิตางศ์ุ พิลัยหล้า เปน็ โฆษกคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๒) นายชัยวฒุ ิ ผ่องแผว้ เปน็ โฆษกคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๓๓) นายประทวน สุทธอิ ำนวยเดช เปน็ โฆษกคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๓๔) นางสาวกัลยา รุ่งวิจติ รชัย เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ อนึง่ ในคราวประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีที่ ๑ คร้ังที่ ๑๒ (สมัยสามัญประจำปีครงั้ ที่สอง) เมื่อวันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ที่ประชุมได้มีมติตั้ง นายสุรชาติ ศรีบุศกร เป็นกรรมาธิการวิสามัญแทน นายภดู ิท อนิ สุวรรณ์ ซงึ่ ไดแ้ จ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญ และเน่ืองจากสมาชิกภาพ ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ พันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ สิ้นสุดลง ตามมาตรา ๑๐๑ (๑๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงเป็นผลให้ตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญว่างลง ต่อมา ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เมื่อวันพุธที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง ร้อยตำรวจเอก อรุณ สวัสดี เป็นกรรมาธิการวิสามัญแทน และนางสาวโยธากาญจน์ ฟองงาม ได้แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญ ให้มีผลตั้งแต่ วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญไม่ประสงค์ให้สภาตั้งกรรมาธิการวิสามัญแทน ตำแหน่งทว่ี ่าง ๒) คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญได้มีมติต้งั ท่ปี รึกษาประจำคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๑) นายสมศักดิ์ คณุ เงนิ (๒) นายนิยม เวชกามา (๓) นางบุญรื่น ศรีธเรศ (๔) นายสุรชาติ ชาญประดษิ ฐ์ (๕) นายวัฒนา สทิ ธวิ ัง (๖) นายชยันต์ เมอื งสง (๗) นายสเุ มธ สายทอง
๔ (๘) นายชายธนัญชา วาจรัต (๙) นาวาเอก ธีรวัฒน์ แสนใจรกั ษ์ (๑๐) นางสาวสุวิภา กุศลจูง (๑๑) นายวุฒริ กั ษ์ เดชะพงษพ์ ันธุ์ (๑๒) นายจักรพงศ์ ช่นื ดวง ๓) การแต่งตงั้ ผชู้ ่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแต่งตั้ง นางสาวพรรณทิภา นิลโสภณ วิทยากรเชี่ยวชาญ กลุ่มงานบริการเอกสารอ้างอิง สำนักกรรมาธิการ ๓ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เป็น ผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมาธิการวิสามัญ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคส่ี 2. บทสรุปผบู้ ริหาร พื้นที่ประเทศไทยประกอบด้วย ๒๕ ลุ่มน้ำหลักมีพื้นที่ประมาณ ๕๑๔,๐๐๘ ตารางกิโลเมตร หรือ ๓๒๑.๒ ล้านไร่ สภาพพื้นที่ตั้งอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ๒ ชนิด ได้แก่ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยระหว่างกลางเดือน พฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม มีปริมาณฝนรายปีเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ ๑,๔๕๕ มิลลิเมตร มีความผันแปร ตามพื้นท่รี ะหว่าง ๙๐๐-๔,๐๐๐ มิลลิเมตรต่อปี ปริมาณน้ำท่าธรรมชาติเฉลี่ยของประเทศไทยมีจำนวน ๓,๔๙๖ ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปีซ่ึงถือวา่ เปน็ ค่าเฉลี่ยที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ รวมความจุ ๘๑,๓๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๘ ของปริมาณน้ำท่าธรรมชาติ จำแนกเป็นแหลง่ เก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ๗๓,๔๘๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ขนาดกลาง ๔,๒๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และขนาดเล็ก ๓,๖๙๓ ล้านลูกบาศก์เมตร มปี รมิ าณน้ำทนี่ ำไปใชป้ ระโยชน์ได้ปลี ะประมาณ ๖๕,๐๐๐ ลา้ นลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณนำ้ ส่วนนี้มากกว่ารอ้ ยละ ๙๐ มาจากอ่างเกบ็ น้ำขนาดใหญ่ เช่น เข่ือนภมู ิพล เขื่อนสริ กิ ิติ์ เขือ่ นศรนี ครินทร์ และเข่ือนวชิราลงกรณ ปริมาณน้ำผวิ ดนิ ตามธรรมชาติ คิดจากปรมิ าณนำ้ บนผวิ ดินที่เกิดจากฝน หกั การซึมลงใตด้ ิน และการ ระเหยแล้ว มีปริมาณรวมทั่วประเทศ ๒๘๕,๒๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นปริมาณน้ำท่าไหลออกนอกลุ่มน้ำที่ เหลือจากการเก็บกักและการใช้ประโยชน์แล้ว จำนวน ๒๒๔,๐๒๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๙ ของน้ำท่าธรรมชาติ โดยล่มุ น้ำที่มปี รมิ าณน้ำท่าสูง ได้แก่ ลุม่ น้ำโขง (อีสาน) ภาคใต้ฝง่ั ตะวนั ออกและแม่กลอง ตามลำดับ ในขณะที่ลุ่มน้ำที่มีปริมาณน้ำท่าน้อยที่สุด ได้แก่ ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำวัง และลุ่มน้ำโตนเลสาป ตามลำดับ สำหรับลุ่มน้ำที่มีปริมาณน้ำท่ารายปีต่อพื้นที่ลุ่มน้ำมากที่สุด ได้แก่ ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และน้อยที่สุด ไดแ้ ก่ ลมุ่ นำ้ วงั ปริมาณน้ำบาดาลในประเทศไทยมีแอ่งน้ำบาดาลทั้งหมด ๒๗ แอ่งน้ำบาดาล มีปริมาณการกักเก็บ ในชัน้ นำ้ บาดาลรวมประมาณ ๑.๑๓ ลา้ นล้านลกู บาศกเ์ มตรมศี ักยภาพทจ่ี ะพัฒนาข้นึ มาใชไ้ ด้ โดยไม่กระทบต่อ ปริมาณน้ำบาดาลที่มีอยู่ได้รวมปีละ ๔๕,๓๘๕ ล้านลูกบาศก์เมตร อยา่ งไรก็ตามในการพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้นั้น มีขอ้ จำกัดในเรอื่ งของความคุ้มทุน เน่อื งจากมคี ่าใชจ้ ่าย (ค่าไฟฟ้า/ค่านำ้ มนั /ค่าบำรงุ รักษา) ในการสบู น้ำ อีกทั้ง ก่อนทำการเจาะบ่อน้ำบาดาล จำเป็นต้องมีการสำรวจเพื่อให้สามารถกำหนดจุดในการเจาะบ่อน้ำบาดาลที่มี ปริมาณและคุณภาพน้ำบาดาลที่ดี โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นหินแข็งและพื้นที่น้ำเค็มซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการ ดำเนนิ การสำรวจค่อนขา้ งสงู
๕ การใช้น้ำ ประเทศไทยมีประมาณ ๑๔๗,๗๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร (พ.ศ. ๒๕๕๘) สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำ ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ แหล่งเก็บกักน้ำ อาคารพัฒนาแหล่งน้ำ แหล่งน้ำ/ลำนำ้ ธรรมชาติและน้ำบาดาล เป็นต้น จำนวน ๑๐๒,๑๔๐ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ที่เหลือยงั ไม่สามารถจดั สรรน้ำให้กบั พ้ืนทีก่ ารเกษตรนอกเขตชลประทาน และน้ำ อุปโภคบางสว่ นอีกประมาณ ๔๘,๙๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร การใชน้ ำ้ แยกออกเป็น 4 ดา้ น คอื 1) การใช้น้ำเพื่อการเกษตร มีการใช้น้ำมากกว่าร้อยละ ๗๕ ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด โดยการใช้ น้ำภาคการเกษตรนี้แยกเป็น ในเขตชลประทานทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๓๒.๗๕ ล้านไร่ รวมทั้งปีเฉล่ีย ๖๕,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และพื้นที่นอกเขตชลประทานมีทั้งสิ้น ๑๑๗ ล้านไร่ ซึ่งต้องการปริมาณน้ำเพ่ือ ป้องกนั ผลผลติ เสียหายในชว่ งฝนทง้ิ ช่วงอีกประมาณปีละ ๔๘,๙๖๑ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร (คดิ เฉพาะการเพาะปลกู ฤดูฝน เท่านั้น) พื้นที่การเกษตรของประเทศไทยมีจำนวน ๑๔๙.๒ ล้านไร่ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นท่ี การเกษตรมากที่สุดคือ ๖๓.๖ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๔๓ ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ รองลงมา คือ พื้นท่ี ภาคกลาง มีพื้นที่การเกษตรรวม ๒๗.๒ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๘ ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ ใน พ.ศ. ๒๕๖๐ มีการพัฒนาพื้นที่ชลประทานรวม ๓๒.๗๕ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๒๒ ของพื้นที่การเกษตร ที่เหลืออีก ๑๑๗ ลา้ นไร่ หรอื กวา่ รอ้ ยละ ๗๘ เปน็ พ้ืนที่ปลกู พืชโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก ซง่ึ มีความเส่ยี ง ต่อการขาดแคลนน้ำมาจาก ความผนั แปรของสภาพลม ฟ้า อากาศ อกี ทัง้ ในบางพื้นท่ียังมีสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการลำเลียงน้ำ จากแหล่งน้ำมาใช้ประโยชน์อีกด้วย 2) การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยว ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๘) มีความต้องการน้ำอุปโภค บริโภค ๔,๗๘๓ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งในอนาคต (พ.ศ. ๒๕๘๐) คาดการณ์ความต้องการน้ำ จำนวน ๕,๙๙๑ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี 3) การใชน้ ้ำเพอ่ื อุตสาหกรรม ปัจจบุ ัน (พ.ศ. ๒๕๕๘) ภาคอตุ สาหกรรมมีความต้องการ ๑,๙๑๓ ล้าน ลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ความต้องการน้ำในอนาคต (พ.ศ. ๒๕๘๐) จำนวน ๓,๔๘๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่หลักที่มีโรงงานและกลุ่มอุตสาหกรรม คือ กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่ในภาค ตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของประเทศ สำหรับในภาคอื่น ๆ อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็น อตุ สาหกรรมตอ่ เนอื่ งจากภาคเกษตรและการผลติ เพ่ือใช้ในท้องถ่ิน ๔) การใชน้ ำ้ เพ่ือรักษาระบบนเิ วศ ปริมาณความตอ้ งการน้ำเพื่อการรักษาระบบนเิ วศในฤดแู ล้ง รวมทั้ง ประเทศปลี ะมากกว่า ๒๗,๐๙๐ ล้านลกู บาศกเ์ มตร การใช้น้ำส่วนใหญ่เป็นการใช้น้ำจากน้ำผิวดิน สำหรับการใช้น้ำบาดาลในประเทศไทย มีทั้งการใช้น้ำ ในด้านอุปโภค-บริโภค เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม โดยแบ่งน้ำบาดาลออกเป็น ๒ ระดับ คือ ระดับตื้น ที่มี ความลึกไมเ่ กิน ๑๕ เมตร จะมีการทำบ่อน้ำตน้ื เพ่ือสูบน้ำขึน้ มาใช้ และนำ้ บาดาลระดับลกึ ท่ตี ้องทำการเจาะบ่อ น้ำบาดาล โดยข้อมูลบ่อน้ำตื้นในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๗ มีทั้งสิ้น ๑.๙๒ ล้านบ่อ ส่วนบ่อน้ำบาดาลในส่วน ภาครัฐและเอกชน ที่สามารถใช้การได้มีจำนวน ๑๙๘,๘๖๔ บ่อ โดยในแต่ละปีจะมีปริมาณการใช้น้ำบาดาล ในประเทศ ๑๔,๗๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็นการใช้น้ำด้านการเกษตรมากที่สุดปีละ ๑๒,๗๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่ออุปโภคบริโภคปีละ ๑,๒๒๓ ล้านลูกบาศก์เมตร และในภาคอุตสาหกรรมปีละ ๗๗๗ ล้านลูกบาศก์เมตร (ทมี่ า: กรมทรพั ยากรน้ำบาดาล เมษายน ๒๕๖๐) ปญั หาทรพั ยากรนำ้ ในประเทศไทย ประกอบด้วยการขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม น้ำเสีย และน้ำเค็ม ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย โดยจำแนกเป็นพื้นที่ประสบปัญหาด้านน้ำรวม ๓๔.๖๒ ล้านไร่ ประกอบด้วยพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง ๒๕ พื้นท่ี รวม ๑๖.๕๑ ล้านไร่ พื้นที่เสีย่ งภยั น้ำท่วม ๑๘ พื้นท่ี รวม ๑๑.๒๔ ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง ๘ พื้นท่ี รวม ๖.๘๗ ล้านไร่ พนื้ ทีน่ ำ้ เค็มรุกลำ้ ๒ พ้ืนที่ รวม ๐.๐๐๑ ลา้ นไร่ ดงั น้ี
๖ ภาคเหนือ มีพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วม 2.65 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงน้ำแล้ง 3.77 ล้านไร่ พื้นที่เส่ียงน้ำท่วมและ น้ำแลง้ 0.49 ล้านไร่ รวมพนื้ ทเี่ สี่ยงภยั 6.92 ล้านไร่ ภาคกลาง มีพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วม 5.30 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงนำ้ แลง้ 6.98 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและ นำ้ แล้ง 0.58 ล้านไร่ รวมพ้นื ท่ีเสีย่ งภยั 12.86 ลา้ นไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วม 2.66 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงน้ำแล้ง 8.69 ล้านไร่ พื้นท่ี เสยี่ งนำ้ ท่วมและนำ้ แล้ง 0.5 ลา้ นไร่ รวมพนื้ ท่ีเสย่ี งภัย 11.86 ลา้ นไร่ ภาคตะวนั ออก มีพ้ืนท่ี เสีย่ งนำ้ ท่วม 1.42 ลา้ นไร่ พ้ืนทเ่ี ส่ียงน้ำแล้ง 0.67 ล้านไร่ พ้ืนที่เส่ียงน้ำท่วม และนำ้ แลง้ 0.09 ล้านไร่ รวมพ้ืนทีเ่ สย่ี งภัย 2.17 ล้านไร่ ภาคใต้ มีพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วม 1.22 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงน้ำแล้ง 0.04 ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและน้ำแล้ง 0.02 ลา้ นไร่ รวมพน้ื ทเ่ี สยี่ งภัย 1.29 ลา้ นไร่ ทงั้ น้ภี าพรวมของปัญหาทรพั ยากรนำ้ ในประเทศไทย ดังน้ี 1. ปัญหาการขาดแคลนน้ำในรอบ ๔๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งหลายครั้ง ภัยแล้ง ครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๒๒, พ.ศ. ๒๕๓๗ และ พ.ศ. ๒๕๔๒ เกิดเป็นบริเวณกว้างในเกือบทุกภาคของ ประเทศ ช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๗) มีพื้นที่แล้งซ้ำซากเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากฝนตกน้อยกว่า ปกติหรือฝนตกไม่เป็นไปตามฤดูกาล สำหรับปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค พบว่าหมู่บ้านท้ัง ประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๖๐) จำนวน ๗๕,๐๓๒ หมู่บ้าน มีปัญหาหมู่บ้านที่ไม่มีระบบประปา ๒๕๖ หมู่บ้าน ระบบประปาชำรุดและขาดประสทิ ธิภาพ ๒๐,๐๓๔ หมูบ่ า้ น 2. ปัญหาน้ำท่วม ในรอบ ๓๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประสบปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกจังหวัดของ ประเทศถึง ๑๓ ครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชวี ติ ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เช่น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึง ๑.๔๔ ล้านล้านบาท พื้นที่น้ำท่วมขัง ซ้ำซาก ของทั้งประเทศ ระดบั ปานกลาง คือ ๔-๕ คร้ังในรอบ ๙ ปี และระดับสงู คือ มากกวา่ ๕ คร้งั ในรอบ ๙ ปี รวมทง้ั ส้ิน ๑๐ ล้านไร่ พื้นที่เสี่ยงต่อดินโคลนถล่ม รวมทั้งสิ้นกว่า ๖,๐๔๒ หมู่บ้าน มีสาเหตุจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำ และจาก สภาพทางกายภาพของลุ่มนำ้ ทเ่ี ป็นภเู ขาสงู ชนั และพ้นื ท่ีป่าตน้ นำ้ ตอนบนถูกทำลาย 3. ปัญหาคุณภาพน้ำผิวดิน ประเทศไทยมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ ๒๒ ของแหล่งน้ำ หลักทั่วประเทศ (จำนวน ๕๒ แหล่งน้ำ) สาเหตุสำคัญของปัญหาคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมมาจากการระบาย น้ำเสียจากชุมชน การชะหน้าดินที่มีปุ๋ยตกค้างจากการเกษตร และการปศุสัตว์ โดยปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๗) มีปริมาณน้ำเสียจากชุมชนเกิดขึ้น ๑๐.๓ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ระบบบำบัดน้ำเสียรองรับน้ำเสีย ทเ่ี กิดขึน้ ได้เพยี งร้อยละ ๓๑ พ้นื ที่ทมี่ นี ้ำเสยี ชมุ ชนเกิดข้นึ มากท่ีสดุ คอื กรุงเทพมหานคร
๗ ๓. ขอ้ สงั เกตของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั กลมุ่ ลุ่มน้ำ เจ้าพระยา ๓.๑ กลุ่มลุ่มน้ำเจา้ พระยาใหญ่ ๑) ข้อสังเกต ใหญ่ ผกู้ ำหนดนโยบาย (Policy Maker) คณะรฐั มนตรี ปัจจุบันลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ในสภาพที่ขาดแคลนปริมาณน้ำ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ในอนาคต 20 ปี จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่ม ปริมาณน้ำเติมใหก้ ับลุ่มนำ้ เจา้ พระยา ดงั น้ี ๑. รัฐบาลจะต้องเรง่ ดำเนินการแก้ไขปัญหาภยั แลง้ และการขาดแคลนน้ำในลุ่มนำ้ ปิงตอนลา่ ง และลุ่มน้ำ เจา้ พระยาอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเพ่มิ ปรมิ าณนำ้ ต้นทุนใหอ้ ่างเขื่อนภูมิพลอยา่ งน้อย 4,000 ล้านลกู บาศก์เมตรต่อปี ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนภาคการเกษตรกรรม การอุปโภคบรโิ ภค การอุตสาหกรรม ใหม้ ีปริมาณน้ำใช้อย่างเพียงพอและมน่ั คงด้วยการดำเนินโครงการ ดังน้ี ระยะแรก ดำเนินโครงการเพ่ิมปริมาณน้ำตน้ ทุนให้เขื่อนภูมิพล ด้วยโครงการผันน้ำแนวส่ง น้ำยวม-ภูมิพล ปริมาณน้ำ 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำยวมก่อนไหลลงสู่ น้ำเมย ที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และตั้งสถานสี บู น้ำข้ามภูเขา ส่งน้ำลงสู่แม่น้ำปิง เพื่อเก็บในเขื่อนภูมิพล ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และดำเนินการออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปจั จบุ ันอยใู่ นขน้ั ตอนการขออนุมัติรายงานประเมนิ ผลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม (EIA) จากหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง ระยะที่สอง ดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล ด้วยโครงการผันน้ำแนว สง่ นำ้ สาละวนิ -ยวม โดยสูบน้ำจากแม่นำ้ สาละวนิ มาเติมในเข่ือนน้ำยวม ท่ีสรา้ งในระยะแรก ปริมาณนำ้ 2,200 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตรตอ่ ปี ทั้งนี้ เห็นควรที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลทั้งสอง โครงการโดยเรว็ ด้วยการเพิ่มปรมิ าณน้ำเตมิ ให้เขื่อนภูมพิ ล 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อเป็นการแก้ไข ปัญหาภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ทำให้ประชาชนทั้งลุ่มน้ำ เจา้ พระยาไม่มีปัญหาความเดือดรอ้ นจากการขาดแคลนน้ำดา้ นการเกษตร และการอุปโภคบริโภคอีกต่อไป โครงการผันน้ำดังกล่าว จะทำให้โครงการชลประทานลุ่มน้ำปิงตอนล่างในพื้นที่จังหวัดตาก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิจิตรบางส่วน จังหวัดนครสวรรค์ และที่ราบภาคกลางทั้งหมด พื้นท่ี ชลประทานรวม 1.351 ล้านไร่ ได้แก่ โครงการท่อทองแดง วังบัว วังไทร วังยาง หนองขวัญ คลองกระถิน พื้นท่ี ชลประทานในจังหวัดนครสวรรค์ 337,016 ลา้ นไร่ และพืน้ ท่ชี ลประทานโครงการเจ้าพระยา 7.027 ล้านไร่ จะไมม่ ปี ญั หาการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรอีกต่อไป
๘ กลุ่มลุม่ นำ้ เจ้าพระยา ใหญ่ ๒. รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ในลำน้ำยม โดยการก่อสร้าง อาคารบังคับน้ำในลำน้ำยมที่มีลักษณะเป็นประตูน้ำขนาดเล็ก อาศัยความจุของลำน้ำในแต่ละช่วงของอาคาร บังคบั น้ำเป็นที่ชะลอน้ำ โดยไมใ่ ห้ทว่ มพื้นท่พี กั อาศยั ของราษฎรรมิ นำ้ และใชก้ ารเชอ่ื มโยงข้อมลู โทรมาตรในลำน้ำยม มาบรหิ ารจัดการประตรู ะบายน้ำเหล่าน้ดี ว้ ยระบบ AI ซึง่ จากการพจิ ารณาเบื้องต้นมีจำนวน ๑๒ แหง่ อยู่ในเขต จังหวัดพะเยา จงั หวดั แพร่ และจงั หวดั สุโขทัย โดยจะมคี วามจตุ ้ังแต่ ๒ - ๓๐ ลา้ นลกู บาศก์เมตร ซึง่ รวมทงั้ ๑๒ แห่ง ความจุรวมประมาณ ๑๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนั้น เห็นควรเร่งดำเนินการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำตาม ลำน้ำสาขา ซึ่งมีโครงการที่มีศักยภาพตามผลการศึกษาของกรมชลประทาน จำนวน ๗๓ แห่ง และแหล่งน้ำ ตามหนองบึงตา่ ง ๆ มีความจเุ ก็บกักรวมมากกวา่ ๗๐๐ ล้านลูกบาศกเ์ มตร เช่น อ่างเกบ็ นำ้ น้ำปี้ จงั หวัดพะเยา ความจุ ๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำแม่สะกึ๋น ๒ จังหวัดแพร่ ความจุ ๒๐ ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำแม่ตีบ จังหวัด ลำปาง ความจุ ๕๙.๗ ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำแม่อ้อน ๒ จังหวัดลำปาง ความจุ ๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นต้น จะทำให้มีอาคารบังคับน้ำในลุ่มน้ำยม รวมความจุทั้งสิ้นกว่า ๘๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ในการบริหาร จัดการเพ่อื แก้ปัญหานำ้ ท่วมน้ำแลง้ ของแม่น้ำยมได้ ๓. บริเวณตน้ นำ้ ของลมุ่ น้ำนา่ น มกี ารบุกรกุ ทำลายป่า ซึง่ เป็นต้นน้ำลำธาร แมก้ ระท่งั พื้นท่ีที่อยู่ ในเขตป่าสงวนเพื่อการอนุรักษ์ หรืออยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ เช่น ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่แต่เดิมเคยถูกดูดซับไว้ในดินลดลง ทำให้ปริมาณน้ำในลำธารต่าง ๆ ช่วงฤดูแล้งมีปริมาณ ลดลงกว่าในอดีต ดังนั้น รัฐบาลควรเรง่ ฟืน้ ฟูป่าตน้ น้ำโดยเร่งดว่ น ๔. ลุ่มน้ำวัง แม้มีเขื่อนกิ่วลม กิ่วคอหมาบริเวณตอนบนของลุ่มน้ำแล้ว แต่ยังขาดการบริหาร จดั การและอาคารบังคับน้ำในบริเวณลุ่มน้ำตอนล่าง จึงเหน็ ควรเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในลำน้ำวัง ตอนล่าง
๙ ๕. ถงึ แม้ว่าจะมีการเตมิ นำ้ ให้กับเข่อื นภมู ิพลตามข้อเสนอที่ ๑ แล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันโดยเฉพาะ กลมุ่ ลุ่มน้ำ ฤดูแล้ง จะมีการใช้ปริมาณน้ำมากถึง ๓,๔๖๒ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ในการผลักดันน้ำเค็ม เพื่อไม่ให้กระทบ เจ้าพระยา กับการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภค บริโภค ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งศึกษาแนวทางการก่อสร้างประตูน้ำ หรือฝายพับได้ เพื่อป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยามากเกินไปจนกระทบต่อการผลิตน้ำประปา ใหญ่ เพ่ืออุปโภค บริโภค และจะเปน็ การลดการใชน้ ้ำจืดผลกั ดนั น้ำเค็ม ซ่งึ ปจั จุบันใช้ปรมิ าณน้ำมากถึง ๓,๔๖๒ ล้าน ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ปี หน่วยงานปฏิบัติ (Operator) กรมชลประทาน ๑. กรมชลประทานควรพิจารณาการพัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่น้ำยมตอนบน ๔ แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่สกึ๋น ๒ ห้วยเป้า ห้วยโป่ง ห้วยแม่เต้นตอนบน ซึ่งเป็นการจัดการน้ำชุมชนขนาดเล็กตามแนวทาง สะเอียบโมเดล ๒. กรมชลประทานควรพิจารณาพัฒนาอ่างเกบ็ น้ำในพืน้ ท่ีที่มศี ักยภาพเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ และช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม เช่น อ่างเก็บน้ำวังชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ประตูระบายน้ำโพธ์ิ ประทบั ช้าง และประตูระบายนำ้ บา้ นวงั จิก จงั หวดั พิจติ ร ๓. กรมชลประทานควรพิจารณาพัฒนาพื้นที่แก้มลิง พื้นที่ลุ่มต่ำ เหนือจังหวัดนครสวรรค์ และแหลง่ นำ้ ธรรมชาติ เพ่อื รองรับน้ำหลาก ๔. ลำน้ำสะแกกรังบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี มีคุณภาพน้ำต่ำเนื่องจากปริมาณน้ำ ในช่วงฤดูแล้งมีปริมาณน้อย จึงเห็นควรให้กรมชลประทานตั้งสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ ๑ ตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหคีรี จงั หวัดนครสวรรค์ บรเิ วณปากคลองหอมจนั ทร์ซงึ่ จะไปบรรจบกบั แม่น้ำตากแดดเกดิ เปน็ แม่น้ำสะแกกรงั ๕. กรมชลประทานควรเรง่ ดำเนนิ การก่อสรา้ งประตูระบายน้ำเขาชนกัน อำเภอแม่วงก์ จงั หวดั นครสวรรค์ ๖. เนื่องจากสภาพลำน้ำกกในช่วงฤดูแล้งมีปริมาณน้ำน้อย ให้กรมชลประทานพิจารณานำน้ำ จากแมน่ ้ำโขงมาเตมิ ใหล้ ำน้ำกก ๗. เขื่อนกิ่วลมมีปริมาณผักตบชวาจำนวนมหาศาล สะสมในลำน้ำวังยาวมากกว่า ๕ กิโลเมตร แม้จะมีการใช้งบประมาณ ปีละ ๑๐ ล้านบาท เพ่ือกำจัด แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้ เพราะไม่แก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งมี สาเหตุจากการอนุญาตให้มีการเลี้ยงปลากระชังบริเวณเหนือเขื่อนนับร้อยกระชัง อันเป็นเหตุให้อาหารปลา ที่เหลือ และมูลปลา กลายเป็นอาหารของผักตบชวา ทำให้เกิดการขยายพื้นที่ของผักตบชวา ปีละ ๑ กิโลเมตร ตามลำน้ำวัง จึงเห็นสมควรให้ยกเลิกการอนุญาตการเลี้ยงปลาในกระชังดังกล่าวโดยด่วน เพื่อมิให้เกิดการแพร่พันธุ์ ของผักตบชวาในลำน้ำวัง และลำน้ำเจ้าพระยา แม้คณะกรรมาธิการวิสามัญจะได้แจ้งให้กับอธิบดีกรมชลประทาน และผู้อำนวยการเข่ือนก่วิ ลมให้ทราบแล้ว กม็ ิได้ดำเนนิ การแก้ไขแต่ประการใด
๑๐ กลมุ่ ล่มุ นำ้ เจ้าพระยา ใหญ่ กรมชลประทาน และกรมเจ้าท่า - กรมชลประทานและกรมเจ้าท่า ควรร่วมกันพิจารณาดำเนินการขุดลอกตะกอนในแหล่งน้ำ และทางน้ำธรรมชาติโดยเฉพาะในลำน้ำยม และนำดินไปเสริมเป็นคันประคอง เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ลุ่ม บริเวณสองฝั่งริมน้ำยม ท่จี ะทำอาคารบังคบั นำ้ ในลำน้ำ กรมชลประทาน และกรมส่งเสรมิ การปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ - กรมชลประทาน และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ควรร่วมกันพิจารณาดำเนินการ จัดสรา้ งระบบปอ้ งกนั น้ำทว่ มชุมชน ไดแ้ ก่ เทศบาลตำบลลาดยาว จังหวดั นครสวรรค์ เทศบาลเมอื งอุทยั ธานี กรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธุ์พืช และกรมป่าไม้ ๑. พื้นที่ทั้งลุ่มน้ำยมตอนบน ลุ่มน้ำยมตอนกลาง และลุ่มน้ำยมตอนล่าง ควรมีการบริหารจัดการนำ้ ในแตล่ ะพ้นื ทใ่ี ห้ดที ีส่ ดุ ซ่งึ ใช้วธิ ธี รรมชาตเิ พือ่ ป้องกนั ปัญหาภัยแลง้ ตามมา โดยวธิ ีการที่สำคัญ คอื ๑) การสรา้ งฝายชะลอน้ำตามร่องนำ้ ตา่ ง ๆ ท่อี ยู่บนเขา ๒) การพัฒนาปลกู ต้นไมต้ า่ ง ๆ ซง่ึ มรี ากไมเ้ ป็นตัวอุ้มนำ้ ๒. พนื้ ทข่ี องลำน้ำยมเป็นร่องเขา การแก้ไขปัญหาควรทำฝายเป็นแบบขนั้ บนั ได รวมท้งั การฟื้นฟูป่าไม้ และควรมีการรักษาความสมดุลในระบบนิเวศของป่าไม้ อีกทั้ง มีการพัฒนาการเก็บน้ำไว้ในดินและการเก็บดนิ ไว้ในป่าอย่างถูกตอ้ ง กรมโยธาธิการและผังเมอื ง กรมเจา้ ทา่ และทอ้ งถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า และท้องถิ่น ต้องร่วมกันพิจารณาดำเนินการก่อสร้างระบบ ปอ้ งกันนำ้ ทว่ ม และเขอื่ นป้องกนั ตลิ่งริมแม่นำ้ นา่ น แมน่ ้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสกั
๑๑ ๒) สรปุ การเดนิ ทางศกึ ษาดงู าน ลำดบั ที่ สถานทศี่ กึ ษาดูงาน วันที่ หนา้ ๑ - โครงการก่อสร้างอโุ มงคผ์ นั น้ำแมย่ วม ทที่ ำการอุทยาน วนั อาทิตยท์ ่ี ๑๙ ๑๔๘ ๒ แห่งชาตแิ ม่เงา อำเภอสบเมย จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน มกราคม ๒๕๖๓ ๑๔๙ ๓ - สำรวจพนื้ ที่จดุ บรรจบแม่นำ้ ยวมและแมน่ ำ้ เงา รวมถึง ๑๕๐ พน้ื ที่ทน่ี ้ำท่วมถงึ เม่ือมกี ารกอ่ สรา้ ง ๑๕๑ ๔ - สำรวจพืน้ ที่ ณ แม่น้ำสาละวนิ ๑๕๒ ๕ - โครงการฝายแม่ลาย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ วันจันทรท์ ี่ ๒๐ มกราคม ๑๕๓ ๖ อำเภอแมอ่ อน จงั หวัดเชียงใหม่ ๒๕๖๓ ๑๕๔ กลุม่ ลุ่มน้ำ - รบั ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การบรหิ ารจัดการน้ำใน เจ้าพระยา พ้นื ทคี่ วามรับผิดชอบของสำนกั งานชลประทานที่ ๑ ๑๕๕ ๑๕๖ ใหญ่ ๑๕๗ - ศึกษาดูงานประตูน้ำแม่ปิง ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง ๑๕๘ จงั หวดั เชียงใหม่ ๑๕๙ - โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปาน อันเนื่องมาจาก วันองั คารท่ี ๒๑ มกราคม ๑๖๐ พระราชดำริ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำเภอเมืองปาน ๒๕๖๓ ๑๖๑ จังหวัดลำปาง - โครงการซ่อมแซมฝายทุ่งโปง่ อำเภอเมืองปาน จังหวัด ๑๖๒ ลำปาง ๑๖๓ - ศึกษาดูงาน เขื่อนกิ่วคอหมา พร้อมรับฟังสรุปบรรยาย จงั หวดั ลำปาง ๑๖๕ - ศึกษาดูงานเข่ือนก่วิ ลม จังหวัดลำปาง - ศกึ ษาดูงานและประชมุ ที่สำนักงานชลประทานที่ ๒ - สำรวจจุดทางออกอุโมงค์ส่งน้ำแม่ตื่น อำเภอแม่สอด วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ จงั หวัดตาก ๒๕๖๓ - รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่มีการ กอ่ สรา้ งอุโมงค์ส่งนำ้ แมต่ ื่น - สำรวจท่ีต้งั สถานีสบู นำ้ เมย/หว้ ยขะเเนง/คลองชักน้ำ/ วันเสาร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ จุดบรรจบน้ำเมย และห้วยขะแนง อำเภอแม่ระมาด ๒๕๖๓ จงั หวัดตาก - ศึกษาดูงานฝายเชียงราย รับฟังบรรยายสรุปโครงการ วันพุธที่ ๑๘ มีนาคม ผันน้ำ กก อิง นา่ น ๒๕๖๓ - ศึกษาดูงาน ณ บ้านเมืองชุมพื้นที่ที่คาดว่าได้รับ ผลกระทบจากโครงการผนั น้ำ กก องิ นา่ น รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ ณ ที่ว่าการ เทศบาลเมอื งชมุ - ศกึ ษาดงู าน ณ บรเิ วณปลายอโุ มงค์ผนั น้ำ บ้านไม้ยา อำเภอพญาเมง็ ราย จังหวัดเชียงราย
๑๒ ลำดับที่ สถานท่ีศึกษาดูงาน วนั ท่ี หนา้ ๗ - ศึกษาดูงาน ณ ประตูระบายน้ำน้ำอิง อำเภอเทิง ๑๖๖ จังหวดั เชียงราย ๑๖๗ ๘ - ประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้นำท้องถิ่นและ ๙ ประชาชนในพนื้ ที่ ทีค่ าดวา่ จะได้รบั ผลกระทบ ๑๖๘ ณ องค์การบริหารสว่ นตำบลเวียง อำเภอเทงิ ๑๐ จังหวดั เชยี งราย ๑๖๙ - ศึกษาสภาพปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการก่อสร้าง วันพฤหัสบด ี ที ่ ๑๙ กลุ่มลุ่มน้ำ อ่างเก็บน้ำแม่เมาะ รับฟังบรรยายสรุป ณ อาคาร มนี าคม ๒๕๖๓ ๑๗๐ เจา้ พระยา เอนกประสงค์วัดพระธาตุดอยหยวก อำเภอปง จังหวัด ๑๗๑ พะเยา ใหญ่ ๑๗๒ ๑๗๓ - รบั ฟงั บรรยายสรปุ รบั ฟงั ความคดิ เห็นจากหน่วยงานที่ ๑๗๔ เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ ณ หอประชุมอำเภอ ๑๗๕ เชียงม่วน จงั หวัดพะเยา ๑๗๖ - ศึกษาดูงานบริเวณสถานที่ก่อสร้างอ่างเกบ็ น้ำป๋ี ๑๗๗ อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ๑๗๘ - รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับ ๑๗๙ โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลำน้ำยม องค์การบริหาร ๑๘๐ ส่วนตำบลเตาปูน ๑๘๑ - รับฟังบรรยายสรุปโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำยาว วันศุกร์ที่ ๒๐ มีนาคม (ตะวนั ตก) อำเภอสองแคว จังหวดั น่าน ๒๕๖๓ - ศึกษาดูงานบริเวณพื้นที่ที่จะก่อสร้างอ่างน้ำยาว (ตะวนั ตก) อำเภอสองแคว จงั หวัดนา่ น - รับฟังบรรยายสรุปและศึกษาดูงาน จงั หวัดกาญจนบุรี วันอังคารที่ ๒ มิถุนายน - ศึกษาดูงานประตูระบายน้ำปากคลอง สำนักงาน ๒๕๖๓ ชลประทานที่ ๑๓ - ศึกษาดูงานประตูระบายน้ำสองพ่นี ้อง (ปตร.) บางสาม สำนักงานชลประทานท่ี ๑๒ - ศึกษาดูงานประตูระบายน้ำคลองพระยาบรรลือ สำนักงานชลประทานที่ ๑๑ - ศึกษาดูงานประตูระบายน้ำสีหนาท สำนักงาน ชลประทานท่ี ๑๑ - ศึกษาดูงานประตูระบายน้ำบางบัวทอง สำนักงาน ชลประทานที่ ๑๑ - รบั ฟังบรรยายสรุป สำนกั งานชลประทานที่ ๑๒ ตำบล วันอังคารท่ี ๑๖ ชัยนาท อำเภอเมือง จงั หวดั ชยั นาท มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการประตูระบายน้ำบรมธาตุ ตำบลชัยนาท อำเภอเมือง จงั หวดั ชยั นาท
๑๓ ลำดบั ที่ สถานท่ศี กึ ษาดงู าน วันท่ี หน้า - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการประตูระบายน้ำพลเทพ ๑๘๒ ๑๑ ตำบลท่าเสา อำเภอเมอื ง จงั หวัดชยั นาท ๑๘๓ ๑๒ - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการประตูระบายนำ้ มโนรมย์ ๑๘๔ ๑๓ ตำบลวดั โคก อำเภอมโนรมย์ จงั หวดั ชัยนาท ๑๘๕ - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการประตูระบายน้ำมโนรมย์ ๑๘๖ ตำบลวดั โคก อำเภอมโนรมย์ จงั หวดั ชัยนาท ๑๘๗ - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการประตูระบายน้ำช่องแค ๑๘๘ ตำบลสรอ้ ยทอง อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ ๑๘๙ กลุ่มลุ่มน้ำ - รับฟังบรรยายสรุป ณ สำนักงานชลประทานที่ ๑๐ เจา้ พระยา ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จงั หวัดลพบรุ ี ๑๙๐ ๑๙๒ ใหญ่ ๑๙๓ - ศกึ ษาดูงาน ณ พ้ืนท่ีจดุ สบู นำ้ จากคลองชยั นาท – ๑๙๔ ปา่ สัก อำเภอพระพุทธบาท จังหวดั สระบุรี - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่เขื่อนพระรามหก ตำบลท่าหลวง ๑๙๕ อำเภอท่าเรือ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ๑๙๖ - รับฟังบรรยายสรุป และความเห็นของประชาชนใน วันอาทิตยท์ ี่ ๒๘ ๑๙๗ พืน้ ทเี่ กยี่ วกบั โครงการอ่างเกบ็ นำ้ คลองชมพู มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ๑๙๘ ณ องค์การบรหิ ารสว่ นตำบลหนองพระ ตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จงั หวดั พิษณโุ ลก ๑๙๙ - ศึกษาดูงาน ณ พื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อ ทองแดง สำนกั งานชลประทานที่ ๔ จังหวัดกำแพงเพชร - ศกึ ษาดงู านพ้ืนทีฝ่ ายกึ่งถาวรหนองวัวดำ ตำบลโกสัมพี วนั จันทร์ท่ี ๒๙ มิถนุ ายน อำเภอโกสมั พนี คร จังหวัดกำแพงเพชร ๒๕๖๓ - ศกึ ษาดงู านพ้ืนท่ีฝายกง่ึ ถาวรหนองวัวดำ ตำบลโกสัมพี อำเภอโกสัมพนี คร จงั หวดั กำแพงเพชร - ศึกษาดูงานพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังยาง หนองขวัญ ตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง จังหวัด กำแพงเพชร - ดูงานพื้นที่บึงบอระเพ็ด ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วนั อาทติ ย์ที่ ๑๙ ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมือง จงั หวัดนครสวรรค์ กรกฎาคม ๒๕๖๓ - ศกึ ษางานพน้ื ทีจ่ ดุ บรรจบแมน่ ำ้ ยมกบั แม่น้ำน่าน ตำบล เกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ - ศึกษาดูงานพื้นที่จุดบรรจบแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ - ศกึ ษาดูงานและรับฟงั ความคดิ เหน็ จากประชาชน เรอื่ ง ฝายกัน้ แม่นำ้ นา่ น เทศบาลตำบลบางไผ่ อำเภอบางมูลนาก จงั หวัดพจิ ติ ร - ศกึ ษาดูงานโครงการประตูระบายน้ำบ้านวังจิก อำเภอโพธ์ิประทับช้าง จงั หวัดพจิ ติ ร
๑๔ ลำดับท่ี สถานท่ศี กึ ษาดงู าน วนั ที่ หนา้ ๑๔ - ศึกษาดูงานโครงการประตูระบายน้ำโพธิ์ประทับช้าง ๒๐๐ ๑๕ ตำบลไผท่ า่ โพธิ์ อำเภอโพธ์ิประทบั ชา้ ง จังหวัดพิจิตร ๒๐๑ ๑๖ - ศึกษาดูงานฝายยางพญาวัง ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพธ์ิ ๒๐๓ ทะเล จังหวัดพิจิตร ๒๐๔ ๑๗ - ประชุมร่วมกบั ผู้ว่าราชการจังหวดั นครสวรรค์ วนั จันทร์ท่ี ๒๐ ๒๐๕ และหวั หน้าส่วนราชการในจงั หวดั นครสวรรค์ กรกฎาคม ๒๕๖๓ - ศกึ ษาดงู านปรบั ปรงุ คลองบางประมุง (บรเิ วณเทศบาล ๒๐๖ ตำบลบางมะฝอ่ ) อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ - ประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนใน ๒๐๗ กลมุ่ ลมุ่ นำ้ พน้ื ที่ เพอ่ื รับฟงั สภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำ ๒๐๘ เจา้ พระยา และสภาพปัญหานำ้ ท่วมที่เกิดข้นึ ๒๐๙ - รบั ฟังบรรยายสรปุ และความเห็นของประชาชน วันอาทติ ยท์ ี่ ๑๖ ใหญ่ ๒๑๐ เกี่ยวกับการบริหารจัดการลุม่ น้ำ ณ ที่ว่าการอำเภอสอง สิงหาคม ๒๕๖๓ ๒๑๑ จังหวดั แพร่ ๒๑๒ - ศึกษาดูงานพื้นที่ฝายกั้นแม่น้ำยม ตำบลต้นหนุน ๒๑๓ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ - ศึกษาดูงานพื้นที่จุดฝายชั่วคราวในพื้นที่ อำเภอหนอง ๒๑๔ มว่ งไข่ จังหวดั แพร่ - รับฟังบรรยายสรุป และความเห็นของประชาชน ๒๑๕ เกี่ยวกับการบริหารจัดการลุ่มน้ำ ณ ศาลากลางจังหวัด ๒๑๗ แพร่ - รับฟังบรรยายสรุป และความเห็นของประชาชน วันจันทร์ที่ ๒๐ สงิ หาคม เกีย่ วกับการบริหารจัดการลุ่มนำ้ ณ เทศบาลตำบล ๒๕๖๓ ปากกลาง อำเภอลอง จังหวัดแพร่ - ศึกษาดูงานจุดทีค่ าดว่าจะก่อสร้างอาคารบงั คบั นำ้ บ้านหาดออ้ น ต.วังชิ้น อ.วงั ชิน้ จ.แพร่ - รบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี น - ศึกษาดูงานพื้นที่จุดที่คาดว่าจะก่อสร้างอาคารบังคับ แม่น้ำยม บ้านเกาะน้อย ตำบลหาดเส้ยี ว อำเภอศรีสัชนาลยั จังหวัดสุโขทยั - ศึกษาดูงานพื้นที่จุดที่คาดว่าจะก่อสร้างอาคารบังคับ แม่น้ำยม บ้านบานช่ือ ตำบลหาดเสยี้ ว อำเภอศรีสชั นาลยั จงั หวัดสโุ ขทัย - ศึกษาดูงานโครงการบางระกำโมเดล อำเภอบางระกำ จงั หวดั พิษณุโลก - ศึกษาดูงาน รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการบริหาร วนั อาทติ ย์ที่ ๓๐ จัดการน้ำของเขื่อนภูมิพล ตำบลบ้านนา อำเภอสามเงา สงิ หาคม ๒๕๖๓ จังหวัดตาก
๑๕ ลำดบั ท่ี สถานท่ศี กึ ษาดูงาน วนั ที่ หนา้ ๑๘ - รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ วนั จนั ทรท์ ่ี ๓๑ สิงหาคม ๒๑๘ น้ำ ปัญหาภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำ ปัญหาน้ำท่วม ๒๕๖๓ ๒๑๙ การบริหารจัดการนำ้ ณ เขอื่ นภูมิพล ๒๒๐ - พบปะประชาชน รับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ ๒๒๑ กลุม่ ลมุ่ น้ำ สถานการณ์นำ้ ปญั หาภัยแลง้ ปญั หานำ้ ท่วม ๒๒๒ เจา้ พระยา ณ เขือ่ นภูมพิ ล - ศึกษาดูงานบริเวณพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอให้มีการ ใหญ่ กอ่ สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยฉลอม ตำบลท้องฟ้า อำเภอบา้ นตาก จงั หวดั ตาก - ศึกษาดูงาน ณ บริเวณพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอให้มีการ ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำแม่วัง บ้านท่าไผ่ ตำบลยกบัตร อำเภอสามเงา จังหวดั ตาก - ศึกษาดูงาน ณ บริเวณพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอให้มีการ ก่อสรา้ งอาคารบังคับนำ้ แม่วัง บ้านท่าไผ่ ตำบลยกบตั ร อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ๓) ภาพการลงพน้ื ท่ศี ึกษาดงู าน โครงการผนั น้ำจากแม่นำ้ ยวม- แม่นำ้ เงา เขอ่ื นภูมพิ ลซง่ึ มีความจุเก็บกักนำ้ ไดป้ ระมาณ 13,462 ล้านลกู บาศกเ์ มตร แต่จากสถติ ิที่ผ่านมา จะมีเพียงไม่กี่ปีที่เขื่อนภูมิพลจะมีปริมาณน้ำล้นผ่านทางระบายน้ำล้น การเติมน้ำลงในเขื่อนภูมิพล จึงเป็น สิ่งจำเป็น โดยเขื่อนจะมีช่องว่างที่สามารถรองรับน้ำได้เฉลี่ย ปีละ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการเพ่ิม ปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิพล โดยการสร้างประตูกั้นน้ำบริเวณจุดบรรจบแม่น้ำยวมกับแม่น้ำเงา บริเวณ บ้านสบเงา อำเภอสบเมย จงั หวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้ 68.74 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร มีการสร้าง สถานีสูบน้ำบ้านสบเงา และอุโมงค์ส่งน้ำมีความยาวขนาด 61.52 กิโลเมตร สามารถผันน้ำได้เฉลี่ยปีละ
๑๖ 1,795 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้เงินลงทุนโครงการประมาณ 71,110 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำยวมได้มีการกำหนด ระดับเก็บกักอ่างเก็บนำ้ ท่ี 139.00 เมตร ในขณะทร่ี ะดับตล่ิงบ้านทา่ เรืออยู่ทร่ี ะดบั 142.00 เมตร จากระดับน้ำทะเล ปานกลาง โดยในช่วงฤดูฝนจะทำให้น้ำสูงขึ้นประมาณ ๒ – ๓ เมตร จากสภาพปกติ การสร้างประตูน้ำและอ่างกักเก็บน้ำ จึงไม่มีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณริมแม่น้ำทั้งสอง การสูบน้ำจะดำเนินการในช่วงฤดูฝน คือประมาณเดือนพฤษภาคม – พฤศจิกายน เพอื่ เตมิ นำ้ ให้กบั อา่ งเก็บน้ำเข่ือนภูมิพล กลุ่มล่มุ น้ำ เจา้ พระยา ใหญ่ โครงการผนั น้ำจากแม่น้ำสาละวิน ในช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำจำนวนมากจะไหลลงแม่น้ำเมยและไหลต่อไปลงแม่น้ำสาละวิน โดยไม่มี การเก็บกักน้ำไว้สำหรับนำมาใช้ประโยชน์ แนวคิดการผันน้ำจากแมน่ ้ำสาละวินซึ่งเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำ 12๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี โดยในฤดูฝนบริเวณพื้นที่ริมชายฝั่งแม่น้ำสาละวิน บริเวณบ้านแม่สามแลบ
๑๗ อำเภอสบเมย จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน จะมีนำ้ ทว่ มตลงิ่ ประมาณ ๓ เมตร การดำเนนิ การโครงการระยะท่ี ๒ เพอื่ ผันน้ำให้ เขื่อนภูมิพล โดยการสูบน้ำจากแม่น้ำสาละวินไปให้กับลุ่มน้ำยวมซึง่ สามารถสบู น้ำไดห้ ลายพันล้านลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี จากนน้ั จงึ ผนั นำ้ จากแม่น้ำยวมให้กับเขื่อนภูมิพล จะสรา้ งความม่ันคงด้านนำ้ ให้กบั พ้ืนท่ที ้ายเข่ือนลุ่มเจ้าพระยา ตอนล่าง และกรงุ เทพมหานคร กลมุ่ ลุ่มน้ำ เจ้าพระยา ใหญ่ เขือ่ นก่วิ ลมมีปริมาณผกั ตบชวาจำนวนมหาศาล สะสมในลำนำ้ วังยาวมากกว่า ๕ กโิ ลเมตร เขื่อนก่ิวลม ตั้งอยู่ อำเภอเมือง จงั หวัดลำปาง เป็นเขอ่ื นขนาดใหญ่ปิดก้ันลำน้ำวัง มคี วามจุที่ระดับเก็บกัก 112 ลา้ นลูกบาศก์เมตร ทางดา้ นเหนือของเขื่อนก่วิ ลม มีเขอ่ื นก่วิ คอหมาปิดก้ันลำน้ำวงั อยู่ในเขตอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ความจุที่ระดับเก็บกัก 170 ล้านลูกบาศก์เมตร ในการบริหารจัดการน้ำในลำน้ำวังจะใช้เขื่อนทั้ง 2 แหง่ น้ี เปน็ เครื่องมอื ในการบรหิ ารจัดการรว่ มกัน และจากการท่อี นญุ าตให้มีการเลีย้ งปลากระชังในเข่ือน ซึง่ เป็น การเพม่ิ ไนโตรเจนในนำ้ เป็นผลใหม้ ผี กั ตบชวายาวหลายกโิ ลเมตร
๑๘ กลุ่มลุ่มน้ำ เจา้ พระยา ใหญ่ ตน้ แมน่ ้ำนา่ น อำเภอสองแคว จังหวดั น่าน ต้นน้ำของแม่น้ำน่านในบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน มีการบุกรุก ทำลายป่า ทำไรเ่ ล่อื นลอยเป็นจำนวนมากจนทำให้ต้นไม้บนภเู ขาถูกทำลายเปน็ จำนวนมากกลายเป็นเขาหวั โล้น
๑๙ กลมุ่ ลุ่มน้ำ เจ้าพระยา ใหญ่ คณะกรรมาธิการวสิ ามัญและผู้นำท้องถนิ่ ในเขตสะเอียบ และเตาปนู อำเภอสอง จังหวดั แพร่ มคี วามเหน็ ร่วมกันสร้างฝายกกั เก็บน้ำในลำน้ำยม จำนวน ๑๒ ตวั
กล่มุ ลุ่มน้ำ ๒๐ เจ้าพระยา การสรา้ งฝายกกั เก็บน้ำในลำนำ้ ยม จำนวน ๑๒ ตัว การแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำยมที่เกิดทั้งปัญหา ภัยแล้งและอุทกภัย เนื่องจากไม่สามารถสร้างเขื่อน ใหญ่ กักเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้ จึงต้องเปลี่ยนวิธีเป็นการสร้างประตูน้ำขนาดเล็กหรือฝายขนาดเล็กในลำน้ำยม จำนวน ทั้งสิ้น ๑๒ ตัว กั้นแม่น้ำยม ซึ่งได้มีการพูดคุยกับแกนนำของชาวบ้านตำบลสะเอียบ และบ้านเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ชาวอำเภอเชียงม่วง อำเภอปง จังหวัดพะเยา ที่ได้คัดค้านการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ณ ที่ว่าการศาลากลาง จังหวดั แพร่ เมื่อวันอาทติ ย์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทกุ ฝา่ ยเหน็ พอ้ งตอ้ งกันว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ปัญหาภัยแล้ง ในลำน้ำยม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจังหวัดสุโขทัยตอนล่าง สามารถกระทำได้ด้วยการก่อสร้างประตูน้ำขนาด เล็กจำนวน ๑๒ ตัว ตั้งแต่อำเภอเชียงม่วง อำเภอปง จังหวัดพะเยา บ้านสะเอียบ และบ้านเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ จนถึงอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยในการก่อสร้างประตูน้ำนั้น จำนวน ๘ ตัว จะมีลักษณะเป็น ประตูน้ำเปิด - ปิด ได้ด้วยคอมพิวเตอร์ และจำนวน ๒ ตัว จะเป็นแบบฝายพับได้ในเขตอำเภอเชียงม่วน อำเภอปง จังหวัดพะเยา และอกี ๒ ตวั ในอำเภอศรสี ชั นาลัย จงั หวัดสุโขทัย แม้จะเกบ็ กกั น้ำได้ไม่เท่ากับอา่ งเก็บน้ำขนาดใหญ่ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะช่วยชะลอน้ำผ่อนบรรเทาความเดือดร้อนได้ระดับหนึ่ง โดยการสร้างจะไม่ให้มีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน และในเขตป่าก็จะไม่ให้น้ำท่วมป่าเช่นกัน ส่วนพื้นที่การเกษตรก็อาจมี น้ำท่วมบ้าง โดยจะใช้วิธีการขุดลอกในลำน้ำยมมาเสริมผนังกันน้ำในเขตฝาย แม้จะท่วมแถวริมตลิ่งบ้างแต่น้ำ จะท่วมไมน่ าน เกษตรกรอาจจะปรบั เปล่ยี นการปลูกพืชบางชนดิ เพ่ือใหส้ ามารถทนต่อนำ้ ทว่ มไดด้ ี รบั หนงั สอื รอ้ งเรยี นจากประชาชนในพ้ืนที่ ในการลงพื้นที่ศึกษาดูงานจุดที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ บ้านหาดอ้อน ตำบลวังช้ิน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ มีชาวบ้านอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้มีการก่อสร้าง ประตูน้ำ ฝายกักเก็บน้ำแม่น้ำยมเพื่อชะลอความเร็วน้ำไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งตรงกับความเห็นของ คณะกรรมาธิการวสิ ามัญที่ประสงค์ใหส้ ร้างฝายขนาดเล็ก จำนวน ๑๒ ตวั เพอ่ื ชะลอความเร็วน้ำและกักเก็บน้ำไว้ ใชใ้ นชว่ งฤดแู ลง้
๒๑ กลุ่มลมุ่ น้ำ เจ้าพระยา ใหญ่ สถานีสบู น้ำดิบสำแล การประปานครหลวง เปน็ จดุ เร่มิ ต้นของการรับน้ำดบิ จากแมน่ ้ำเจ้าพระยาเขา้ ส่คู ลองประปาตะวันออก สถานสี บู นำ้ ดิบสำแล การประปานครหลวง การประปานครหลวงมีหน้าที่จัดสรรน้ำให้ผู้อุปโภค บริโภคได้ใช้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยมี คณุ ภาพตามเกณฑม์ าตรฐานท่กี ำหนด การประปานครหลวงมแี หลง่ นำ้ ดิบ ๒ แหล่ง แหล่งท่ี ๑ แม่น้ำเจ้าพระยา ระบบผลิตและสูบส่งน้ำประปา เร่มิ จากแมน่ ้ำเจ้าพระยา สถานีสบู น้ำดิบสำแล คลองประปาตะวันออก โรงผลิตน้ำบางเขน โรงผลติ นำ้ สามเสน โรงผลิตน้ำธนบรุ ี สถานีสูบจ่ายน้ำฝั่งตะวันออก สำนักงานประปาสาขา ผู้ใชน้ ้ำ แหล่งที่ ๒ แมน่ ้ำแมก่ ลอง ระบบผลิตและสูบส่งน้ำประปา เริ่มจากแม่น้ำแม่กลอง จุดรับน้ำดิบท่าม่วง คลองประปา ตะวันตกระยะที่ ๒ คลอง By Pass บางเลน คลองประปาตะวันตกระยะที่ ๑ โรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ สถานีสูบจ่ายน้ำ ฝัง่ ตะวันตก สำนกั งานประปาสาขา ผใู้ ช้นำ้ การประปานครหลวงได้พัฒนาเครื่องมือและแนวทางการผลักดันการรุกล้ำน้ำเค็มออกจากน้ำจืดบริเวณ ล่มุ แม่น้ำเจ้าพระยาทมี่ ีประสิทธภิ าพสูงมากขึ้น สามารถลดผลกระทบจากการรุกล้ำน้ำเค็มลงได้มากกว่าท่ผี ่านมา
๒๒ ๔) แผนท่ีกล่มุ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กล่มุ ลุ่มน้ำ เจ้าพระยา ใหญ่ แผนท่แี สดงขอบเขตล่มุ นำ้ สาละวนิ
๒๓ กลุม่ ลมุ่ น้ำ เจา้ พระยา ใหญ่ แผนทแี่ สดงขอบเขตลุ่มนำ้ กก
๒๔ กลมุ่ ลุ่มนำ้ เจา้ พระยา ใหญ่ แผนท่ีแสดงขอบเขตลุม่ นำ้ ปิง
๒๕ กลมุ่ ลมุ่ น้ำ เจา้ พระยา ใหญ่ แผนทแี่ สดงขอบเขตลุ่มนำ้ วัง
๒๖ กลุ่มลุม่ นำ้ เจา้ พระยา ใหญ่ แผนท่ีแสดงขอบเขตล่มุ นำ้ ยม
๒๗ กลมุ่ ลมุ่ น้ำ เจา้ พระยา ใหญ่ แผนทแี่ สดงขอบเขตลุ่มนำ้ น่าน
๒๘ กล่มุ ลุม่ น้ำ เจ้าพระยา ใหญ่ แผนที่แสดงขอบเขตลุ่มนำ้ เจ้าพระยา
๒๙ กลมุ่ ลมุ่ นำ้ เจ้าพระยา ใหญ่ แผนทแ่ี สดงขอบเขตลุ่มนำ้ สะแกกรงั
กลุ่มลมุ่ น้ำ ๓๐ ปา่ สัก ๓.๒ กลมุ่ ลมุ่ น้ำปา่ สกั ๑) ขอ้ สงั เกต ผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) คณะรฐั มนตรี รัฐบาลควรสร้างเขื่อนประตูน้ำเพื่อกันน้ำทะเลหนุนสูง จุดที่ ๑ แม่น้ำเจ้าพระยา จุดที่ ๒ แมน่ ้ำบางปะกง จุดที่ ๓ แม่นำ้ แมก่ ลอง จุดที่ ๔ แมน่ ำ้ ทา่ จีน หน่วยงานปฏิบัติ (Operator) กรมชลประทาน ๑. ควรดำเนินการขุดลำน้ำเลยให้ลึกและกว้างที่สุด เพื่อรองรับน้ำจากแม่น้ำโขง โครงการโขง เลย ชี มูล ปา่ สกั เจาะอุโมงค์ผันน้ำความยาว ๖๔ กโิ ลเมตร งบประมาณ ๗ หมน่ื ลา้ นบาท จากจังหวัดเลยผ่าน จังหวัดเพชรบูรณ์ มาเติมน้ำให้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี น้ำส่วนที่เกินจากการเก็บกักน้ำในเขื่อน ป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ผันไปเขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และส่วนหน่ึงผันน้ำไปอ่างเก็บนำ้ ที่อยู่ รอบเขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี และบริเวณใกล้เคียง จะทำให้สามารถแก้ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตรและ อุปโภค บริโภค ของจังหวัดลพบุรีได้อย่างมาก ส่วนที่ระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไหลลงแม่น้ำป่าสักสู่เขื่อน พระรามหก อำเภอท่าเรือ จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา เพอื่ สง่ น้ำไปช่วยการเกษตร การอปุ โภค และการบริโภค พื้นท่ี ลุม่ นำ้ เจ้าพระยาตอนลา่ งและลมุ่ น้ำบางปะกงบางสว่ น ในเขตจงั หวดั สระบุรี จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวัดปทมุ ธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร จะมีน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภค และการบรโิ ภคได้อยา่ งเพียงพอ ๒. บริเวณปากน้ำคาน อำเภอท่าลี่ และปากน้ำหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ควรก่อสร้าง ประตรู ะบายนำ้ เปน็ ช่วง ๆ เพื่อชะลอน้ำไหลลงแม่น้ำโขง ทำใหส้ ามารถกกั เก็บนำ้ ไดม้ ากขนึ้ ๓. หากดำเนนิ การก่อสรา้ งอ่างเกบ็ นำ้ บริเวณต้นน้ำชี หมบู่ า้ นโหลน่ ตำบลนางแดด อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ทางตะวันออกของสันเขาไหลลงสู่แม่น้ำชี ไหลออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทางตะวันตก ของสันเขาไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักลงสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี จะทำให้มีปริมาณน้ำ เพม่ิ ข้นึ และสามารถบรหิ ารจัดการนำ้ ใหม้ ีประสิทธิภาพมากขนึ้ ๔. อ่างเก็บน้ำเขาพังเหย ตำบลหนองแวง อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำมาก แต่ไม่มีอาคารเกบ็ กักนำ้ ทำให้น้ำไหลลงทั้งหมด เป็นเหตใุ หม้ ีปรมิ าณน้ำน้อยไม่มีนำ้ ใช้ ถ้าจะสร้างเขือ่ นกักเกบ็ น้ำชะลอนำ้ มากเพื่อกระจายน้ำเข้าสู่พื้นทีเ่ พาะปลูก และการอุปโภค บริโภค และปล่อยให้ไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จงั หวัดลพบุรี ก่อให้เกิดประโยชนท์ ้ัง ๒ จงั หวัด (จังหวัดนครราชสมี า และจังหวัดลพบรุ )ี ๕. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเฉลี่ยต่อปี ๒,๔๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ เขื่อนสามารถเก็บกักได้สูงสุดที่ปริมาตรน้ำ ๙๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร จึงมีส่วนเกิน ๑,๔๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ควรดำเนินการดังน้ี ๕.๑ ถ้าจะผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไปยังเขื่อนลำตะคอง จำนวน ๑๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมาที่เกิดขึ้นเกือบทุกปี เนื่องจากอ่างเก็บน้ำลำตะคองมีความจุ ๓๑๔ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร และทีผ่ ่านมาจากสถติ ินำ้ ท่ไี หลลงสู่เข่ือนลำตะคองตัง้ แต่ก่อสร้างเข่ือนมา พ.ศ. ๒๕๑๒ มีน้ำไหลลงเข่ือนเต็มความจุเพียง ๖ ปีเท่านั้น ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ดำเนินการศกึ ษา ทางเลอื กในการผันน้ำ ๖ แนวทาง เพื่อเตมิ นำ้ ให้กบั เข่ือนลำตะคอง ซง่ึ จะเปน็ ประโยชน์อยา่ งมากกับพี่น้องชาว จังหวดั นครราชสีมา หากไม่รีบดำเนนิ การในอนาคตจะเกิดปัญหาวิกฤตเร่ืองภยั แลง้ อยา่ งแนน่ อน ๕.๒ ควรศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดระบบบริหารจัดการน้ำเขาใหญ่ เพื่อเติมน้ำให้กับ ลุ่มนำ้ มลู ตอนบน (จังหวดั นครราชสีมา จงั หวดั บรุ ีรมั ย์ และจงั หวัดสุรนิ ทร)์
๓๑ ๕.๓ ศกึ ษาความเป็นไปไดใ้ นการผนั น้ำจากลุ่มน้ำป่าสักในช่วงฤดนู ้ำหลากโดยผ่านลุ่มน้ำลำเชียงไกร กลมุ่ ลุ่มน้ำ ซง่ึ เป็นลุ่มนำ้ สาขาของลมุ่ น้ำมูล ลุ่มน้ำลำเชยี งไกรมีปริมาณฝนตกนอ้ ย (เงาฝน) เพ่ือแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ ปา่ สัก อุปโภค บริโภค และนำ้ เพ่ือการเกษตรในบริเวณลุ่มนำ้ ลำเชยี งไกร ๖. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ถ้าจัดสรรงบประมาณ ขุดลอกหน้าดินออก ได้ไม่น้อยกว่า ๔๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร จะสามารถเพมิ่ ความจุของนำ้ ในเขอ่ื นปา่ สักชลสทิ ธ์ิ ได้อกี ทางหน่งึ อกี สว่ นหน่ึงบริเวณ ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จงั หวดั ลพบรุ ี มตี ะกอนดนิ จำนวนมาก ถ้าขุดตะกอนดินออกจะจุนำ้ ได้เพิ่มขึ้น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะใช้น้ำได้ทั้งฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออกเมื่อขยายอ่างจะสามารถส่งน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำ เขาน้อย หมู่ที่ ๕ ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี อ่างห้วยส้ม ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ส่งน้ำไปยังตำบลช่องสาริกา ตำบลชอนน้อย ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี อ่างซับเหล็ก ตำบลนคิ มสร้างตนเอง อำเภอเมอื งลพบุรี จงั หวดั ลพบุรี สามารถสง่ น้ำไปยงั ตำบลนิคมสร้างตนเอง ตำบลกกโก ตำบลท่าศาลา ตำบลโคกลำพาน ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลตะลุง ตำบลงิ้วราย ตำบลโก่งธนู ตำบลดอนโพธิ์ อำเภอเมอื งลพบุรี จงั หวัดลพบุรี ๗. ยกระดับเก็บกักน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จาก ระดับเก็บกักน้ำ +๔๓ เมตร (รทก.) เปน็ +๔๓.๕๐ เมตร (รทก.) จะเก็บนำ้ ได้อกี ประมาณ ๑๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และจะแก้ปญั หาโดยจัดซ้ือท่ีดิน พื้นท่นี ำ้ ทว่ มบรเิ วณก่อนลงอ่างเก็บนำ้ เขอื่ นป่าสักชลสทิ ธ์ทิ ท่ี ่วมเปน็ ประจำเมื่อถงึ ฤดูนำ้ หลาก ๘. บริเวณคลองพุทรา อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ถ้าก่อสร้างอาคารบังคับน้ำเป็นช่วง ๆ พื้นท่ี ตำบลบางคู้ ตำบลโพธิ์ตลาดแก้ว อำเภอท่าวุ้ง ๒ จุด อีก ๑ จุด บริเวณแม่น้ำลพบุรี ตำบลงิ้วราย ตำบลโก่งธนู อำเภอเมอื งลพบุรี จะทำใหน้ ำ้ ในแม่น้ำลพบรุ ีมีปริมาณเพ่มิ มากขึ้น แม่นำ้ ดงั กลา่ วคือ แมน่ ำ้ ลพบุรซี งึ่ แยกสาขามาจากแมน่ ้ำเจา้ พระยาทต่ี ำบลบางพุทรา อำเภอเมือง จังหวดั สิงห์บรุ ี จากนั้นไหลผ่านอำเภอทา่ วงุ้ อำเภอเมอื งลพบุรี อำเภอบา้ นแพรก อำเภอบางปะหันและออกไปสู่ แม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีความยาวประมาณ ๘๕ กิโลเมตร (ช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดลพบุรี ประมาณ ๔๕ กิโลเมตร) ช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไหลหลากเข้าสู่แม่น้ำลพบุรีที่ตำบลบางพุทรา ทำให้พื้นที่ชุมชนริมแม่น้ำลพบุรีในเขตอำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าวุ้ง อำเภอเมืองลพบุรี ต้องประสบปัญหา น้ำทว่ มขงั อยูเ่ ป็นประจำและชว่ งฤดูแล้งน้ำในแมน่ ้ำเจ้าพระยาท่ีตำบลบางพุทราจะมีระดับต่ำ เน่ืองจากน้ำท้าย เขื่อนเจ้าพระยาจะเป็นการระบายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ทำให้ไม่มีน้ำจาก แม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าสู่แม่น้ำลพบุรีได้ ต่อมาสำนักงานชลประทานที่ ๑๐ ได้วางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำ ในแม่น้ำลพบุรีเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อสร้างประตูระบายน้ำ ปากแม่น้ำลพบุรี กลางแม่น้ำลพบุรี (โพธ์ิเก้าตน้ ) ปลายแม่น้ำลพบรุ ี ปลายคลองบางแก้ว และปากคลองบางพระครูในการควบคุม และบริหารจดั การนำ้ ของแมน่ ำ้ ลพบรุ ี ซ่งึ สามารถแกไ้ ขปญั หาอุทกภยั ใหแ้ กพ่ ืน้ ทอี่ ำเภอเมืองสงิ ห์บรุ ี และอำเภอทา่ วงุ้ อำเภอเมืองลพบุรี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนปัญหาการขาดแคลนน้ำในแม่น้ำลพบุรี สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูแล้ง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาในตำบลบางพุทรา มีระดับต่ำกว่าธรณี ประตูระบายน้ำปากแม่น้ำลพบุรี เท่าที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาโดยระบายน้ำจากคลองชัยนาท ป่าสัก ผ่านทาง อาคารทิ้งน้ำ (Wasteway) กองขยะและประตูระบายน้ำวัดมณีชลขันธ์ (ประตูระบายน้ำปากคลองระบายใหญ่ ชัยนาท–ป่าสัก) ลงสู่แม่น้ำลพบุรี และปริมาณน้ำไม่สามารถเอ่อล้นขึ้นไปทางบางคู้และอำเภอท่าวุ้งได้ เพราะปริมาณน้ำมีจำกัดและสภาพท้องลำน้ำมีระดับสูงกว่า ขณะนี้สำนักงานชลประทานที่ ๑๐ ได้พิจารณา ความเหมาะสมเบ้ืองต้น เพื่อแก้ไขปญั หาการขาดแคลนน้ำในพ้นื ที่ดังกลา่ วน้ี ๘.๑ กอ่ สร้างสถานีสบู นำ้ ดว้ ยไฟฟ้าปากแม่น้ำลพบุรี ตำบลมว่ งหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสงิ ห์บรุ ี จำนวน ๒ เคร่อื ง ๆ ละ ๓ ลูกบาศกเ์ มตร/วินาที วงเงนิ งบประมาณ ๔๕ ล้านบาท แผนดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๖๕
กลุ่มลมุ่ นำ้ ๓๒ ป่าสัก ๘.๒ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าปากแม่น้ำลพบุรี วงเงิน งบประมาณ ๔๐ ลา้ นบาท แผนดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ๘.๓ ปรับปรุงอาคารบังคับน้ำปลายคลองระบาย ๑ ซ้าย ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี วงเงินงบประมาณ ๓๐ ลา้ นบาท แผนดำเนินการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ๙. แม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก เช่อื มดว้ ยคลองชัยนาท-ป่าสกั มีประตูระบายนำ้ มโนรมย์ อำเภอมโนรมย์ จงั หวดั ชยั นาท ซ่ึงใช้มาเปน็ ระยะเวลานาน ตั้งแตส่ ร้างเขอื่ นเจ้าพระยา สภาพปัจจบุ นั เปล่ียนแปลงไปเนื่องจาก มีระดับธรณปี ระตูคอ่ นขา้ งสูง สมควรปรบั ปรงุ ให้มปี ระสิทธิภาพมากขึ้น ๑๐. แมน่ ้ำบางขาม ตำบลบางขาม อำเภอบา้ นหมี่ จงั หวดั ลพบุรี ใชอ้ าคารบังคับน้ำท่ีมีอยู่ในการ บรหิ ารจดั การ ปัจจุบัน มนี ำ้ นอ้ ย จำเปน็ จะต้องขดุ ลอกตลอดทัง้ แม่น้ำ สมควรสรา้ งสถานีสูบนำ้ ๒ แห่ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี จัดทำประตูระบายน้ำระหว่างตำบลโคกสลุดกับตำบลมุจลินทร์เพ่ือส่งน้ำไปยังตำบลบางลี่ ตำบลบางคู้ เข้าสู่ตำบลบางขันหมาก ตำบลพรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี บรรจบกับเขื่อนกั้นน้ำบริเวณ วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบลพรหมมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรีจะทำให้สามารถส่งน้ำไปยังแม่น้ำลพบุรี และคลองชัยนาท-ป่าสัก สถานที่จุดตำบลหนองกระเบียน ตำบลหนองเมือง ควรสร้างสถานีสูบน้ำไปสู่ตำบลดอนดงึ และสร้างอ่างเก็บน้ำเขาดอนดึง จะทำใหป้ ระชาชนอำเภอหนองม่วง อำเภอโคกสำโรง อำเภอบา้ นหมี่ จงั หวัดลพบุรีได้ ใชน้ ำ้ เพอื่ การอปุ โภคบรโิ ภคจากอ่างเกบ็ นำ้ เขาดอนดึง อย่างทั่วถึง แห่งที่ ๑ ก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองบางพระครู ฝั่งขวา ท้องที่ ตำบลตาลเอน อำเภอบางปะหัน ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ๒,๕๐๐ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลตาลเอน ตำบลบ้านขล้อ ตำบลทางกลาง อำเภอบางปะหัน ตำบลหวั ไผ่ ตำบลมหาราช อำเภอมหาราช จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา แห่งที่ ๒ ก่อสร้างสถานีสูบน้ำแม่น้ำลพบุรี ฝั่งซ้าย ท้องที่ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ๓,๐๐๐ ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ตำบลบางปะหัน ตำบลเสาธง ตำบลทางกลาง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๑. พื้นที่ตำบลมะนาวหวาน ตำบลน้ำสุด และตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เกิดภัยแล้งเป็นประจำเกือบทุกปี ทั้ง ๆ ที่มีสระขนาดใหญ่ อยู่ที่ถ้ำตะเพียนทอง ตำบลห้วยขุนราม จังหวัดลพบุรี และตดิ กับเข่ือนป่าสกั ชลสิทธิ์ ควรผันน้ำจากเขอ่ื นป่าสกั ชลสิทธ์ผิ า่ นตำบลมะนาวหวาน ตำบลน้ำสุด ไปสระเก็บน้ำท่ี ตำบลหว้ ยขุนราม จะแกป้ ัญหาภยั แล้งท้ัง ๓ ตำบลนี้ได้ ๑๒. ควรปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตลพบรุ ี อำเภอโคกสำโรง จงั หวดั ลพบรุ ี เพอ่ื กระจายน้ำเข้าสพู่ ื้นทเ่ี กษตร ตำบลเพนียด ตำบลคลองเกตุ ตำบลห้วยโปร่ง ตำบลหลุมข้าว ตำบลสะแกราบ และตำบลดงมะรุม และปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (ไพศาลี) เพื่อกระจายน้ำเข้าสู่พื้นที่เกษตร อำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง อำเภอโคกสำโรง อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ๑๓. บริเวณคลองชัยนาท - ป่าสัก ควรก่อสร้างสถานีสบู น้ำบริเวณอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพอื่ สบู น้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก เข้าสพู่ ้นื ท่ีเกษตร ๒ อำเภอ คอื อำเภอพระพทุ ธบาท และอำเภอหนองโดน จงั หวดั สระบุรี ๑๔. การแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกเข้ามาในเขตแม่น้ำเจ้าพระยาที่ผ่านมานั้น โดยรัฐบาลได้นำ นโยบายแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยนำน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและนำน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปล่อยน้ำมา ผลักดันน้ำเค็มเพื่อไม่ให้น้ำเค็มรุกเข้ามาถึงเขตอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเหตุทำให้ เกษตรกรในภาคกลางไม่สามารถจะมีน้ำใช้เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ สาเหตุดังกล่าวทำให้เกษตรภาคกลาง เสียโอกาสในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม
๓๓ กลมุ่ ลมุ่ น้ำ ป่าสัก แผนผังเกย่ี วกับการบริหารจัดการน้ำลุม่ น้ำเจ้าพระยา ปา่ สกั และลมุ่ น้ำใกล้เคียง ในการศึกษาแนวทางในการผนั น้ำขา้ มลมุ่ น้ำ เพ่อื ชว่ ยเหลือประชาชนในทุกพ้ืนท่ีอยา่ งเทา่ เทยี มกัน
๓๔ ๒) สรปุ การเดนิ ทางศึกษาดูงาน กล่มุ ล่มุ น้ำ ลำดบั สถานท่ศี ึกษาดงู าน วนั ท่ี หน้า ป่าสกั ครง้ั ที่ ๑ จังหวดั เลย และจังหวดั เพชรบรู ณ์ ระหวา่ งวนั ท่ี 5-7 มีนาคม ๒๕๖๓ 2 – 49 ศาลากลางจังหวดั เลย วนั ที่ 5 มีนาคม ๒๕๖๓ 2 – 59 ๑ โครงการประตรู ะบายน้ำศรีสองรกั วันที่ 6 มนี าคม ๒๕๖๓ ๒ อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน วนั ท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ 2 – 61 จังหวดั เลย ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2 – 61 ๓ ปากแม่นำ้ เลย อำเภอเชียงคาน จงั หวัดเลย ๒๕๖๓ 2 – 63 ๔ ท่วี า่ การอำเภอดา่ นซ้าย จงั หวัดเลย วนั ที่ 10 กรกฎาคม ๒๕๖๓ 2 – 65 ๕ อ่างเก็บนำ้ นางวั่ อำเภอเขาค้อ 2 – 68 ๖ จังหวัดเพชรบูรณ์ วันที่ 11 กรกฎาคม ๒๕๖๓ 2 – 70 ๗ ศาลากลางจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ๘ อ่างเก็บนำ้ น้ำทนิ อำเภอเมือง 2 – 71 คร้ังท่ี ๒ จงั หวดั เพชรบูรณ์ 2 – 73 ฝายคลองหว้ ยหวาย ตำบลสระกรวด 2 – 75 ๑ อำเภอศรเี ทพ จงั หวดั เพชรบูรณ์ 2 – 77 ๒ จงั หวัดลพบรุ ี จังหวดั ชยั นาท 2 – 78 ๓ จังหวดั สิงห์บุรี จงั หวัดสระบุรี จังหวัด 2 – 79 ๔ พระนครศรอี ยุธยา จงั หวัดชัยภูมิ 2 – 83 ๕ และจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา 2 – 87 ๖ ศาลากลางจงั หวดั ลพบรุ ี 2 – 90 ๗ แม่นำ้ ลพบรุ ี บรเิ วณตำบลงว้ิ ราย ๘ อำเภอเมืองลพบรุ ี จงั หวัดลพบุรี ๙ ประตูระบายน้ำโพธ์ิเก้าตน้ อำเภอเมืองลพบรุ ี จงั หวดั ลพบรุ ี เทศบาลตำบลโพธ์ติ ลาดแกว้ อำเภอท่าวงุ้ จังหวัดลพบรุ ี ปากแม่นำ้ ลพบุรี บริเวณคลองพทุ รา อำเภอเมือง จงั หวดั สิงหบ์ รุ ี ประตูระบายน้ำมโนรมย์ (ปากคลองชยั นาท- ป่าสกั ) อำเภอมโนรมย์ จงั หวัดชัยนาท อ่างเก็บนำ้ หบุ ดงลาน ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต จังหวดั ชัยภมู ิ อ่างเก็บน้ำกดุ ตาเพชร ตำบลกดุ ตาเพชร อำเภอลำสนธิ จงั หวดั ลพบรุ ี ประตูระบายน้ำลำสนธิ ตำบลนาโสม อำเภอชยั บาดาล จังหวัดลพบุรี
๓๕ ลำดบั สถานท่ศี กึ ษาดูงาน วนั ที่ หน้า กลมุ่ ลุม่ น้ำ 10 อา่ งเก็บน้ำมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วนั ที่ 12 กรกฎาคม ๒๕๖๓ 2 – 91 ปา่ สัก 11 ตำบลเพนยี ด อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี 2 – 92 12 อ่างเก็บนำ้ ซับเหล็ก ตำบลนิคมสรา้ งตนเอง ระหว่างวันที่ 11-13 กันยายน 2 – 92 13 อำเภอเมือง จังหวัดลพบรุ ี ๒๕๖๓ 2 – 93 14 อ่างเก็บนำ้ ห้วยขุนราม อำเภอพฒั นานคิ ม วนั ที่ 11 กันยายน ๒๕๖๓ 2 – 93 ครงั้ ที่ ๓ จงั หวดั ลพบุรี วันท่ี 12 กนั ยายน ๒๕๖๓ สถานทผ่ี นั น้ำขน้ึ เขาพระ ตำบลโคกสลุง 2 – 97 ๑ อำเภอพฒั นานิคม จังหวดั ลพบรุ ี วันท่ี 13 กันยายน ๒๕๖๓ 2 – ๑๐๗ ๒ สถานทีผ่ ันน้ำขน้ึ เขาพระยาเดินธง ตำบล 2 – 111 ๓ โคกสลงุ อำเภอพฒั นานิคม จงั หวดั ลพบรุ ี 2 – 113 ๔ จงั หวดั เลย จังหวดั ชยั ภมู ิ จังหวัด 2 – 119 ๕ เพชรบรู ณ์ จังหวดั นครราชสมี า และ 2 – 124 ๖ จงั หวัดสระบรุ ี 2 – 130 7 โครงการชลประทานเลย อำเภอเมอื ง จงั หวดั เลย ปากน้ำคาน อำเภอท่าลี่ จังหวดั เลย ปากนำ้ หมนั อำเภอด่านซ้าย จงั หวัดเลย ต้นน้ำชี หมูบ่ า้ นโหล่น ตำบลนางแดด อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภมู ิ จดุ หวั งานอา่ งเก็บนำ้ เขาพังเหย ตำบลหนองแวง อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา อ่างเก็บน้ำมวกเหลก็ ตำบลคำพราน อำเภอวงั ม่วง จงั หวดั สระบุรี
๓๖ ๓) ภาพการลงพน้ื ท่ีศึกษาดูงาน กล่มุ ลมุ่ นำ้ ปา่ สกั ศกึ ษาดงู านบรเิ วณปากแม่น้ำเลยทีไ่ หลลงส่แู มน่ ำ้ โขงที่อำเภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และการก่อสรา้ งโครงการประตรู ะบายนำ้ ศรสี องรักษ์อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดเลย ศึกษาดูงานปากนำ้ คานทีไ่ หลลงสแู่ มน่ ำ้ เหอื ง และปากน้ำหมัน เพือ่ ศกึ ษาความเป็นไปได้ในการบรหิ าร จดั การน้ำต้นทุน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 459
Pages: