Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-11-27 15:37:59

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

๘๗ กรมชลประทาน และเทศบาลตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จงั หวัดพงั งา กลมุ่ ลมุ่ น้ำ - กรมชลประทานร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ควรพิจารณา ภาคใต้ ดำเนินการประสานเจ้าของที่ดิน เพื่อพัฒนาอาคารบังคับน้ำคลองบางน้ำจืดพร้อมระบบส่งน้ำ เนื่องจากเกาะยาวน้อย ยังไมม่ โี ครงการพฒั นาแหลง่ นำ้ เพอ่ื สนับสนุนการอุปโภค-บริโภค และการทอ่ งเทยี่ ว กรมชลประทาน และศนู ย์อำนวยการบรหิ ารจังหวดั ชายแดนภาคใต้ - กรมชลประทาน พิจารณาดำเนินการประสานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อกำหนดรปู แบบการมสี ่วนรว่ มของประชาชนในพนื้ ทโี่ ครงการพฒั นาลมุ่ น้ำสายบรุ ใี หช้ ัดเจน การประปาส่วนภูมิภาค ๑. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาเร่งรัดขอรับจัดสรรงบประมาณดำเนินการโครงการผันน้ำ จากเขื่อนรัชชประภาไปเกาะสมุย ในระยะที่ ๒ เพื่อให้มีปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการบนพื้นที่เกาะสมุย จงั หวัดสรุ าษฎรธ์ านี ๒. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาดำเนินการโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำ พื้นท่ี หาดไร่เลย์อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เพื่อบริการจ่ายน้ำประปาให้ครอบคลุมผู้ใช้น้ำ ทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว ในรปู แบบที่มีความเหมาะสม ๓. การประปาส่วนภูมิภาคควรพจิ ารณาดำเนินการวางแผนการผลติ และจ่ายน้ำไปยงั เกาะลนั ตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบ่ี ๔. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาวางแผนการผลิตและจ่ายน้ำบนพื้นที่เกาะที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนการอปุ โภคบรโิ ภค และการท่องเทย่ี ว ๕. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาดำเนินการปรับปรุงสระเก็บน้ำสำรองที่ปากพนัง หรือสระเก็บน้ำ ๓๐๐ ไร่ มีความจุประมาณ ๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหา เรื่องน้ำเค็มหนุนเข้ามาในสระเก็บน้ำ และมีปัญหาสาหร่ายเกิดขึ้นในสระเก็บน้ำ ส่งผลให้มีปัญหาด้านคุณภาพน้ำ ไม่สามารถนำไปผลิตน้ำประปาได้ พรอ้ มทัง้ วางแผนการเตมิ นำ้ ในสระเกบ็ นำ้ ดงั กลา่ วดว้ ย ๖. การประปาส่วนภมู ิภาคควรพจิ ารณาดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ กรณีมคี า่ ความเค็มสงู เกินมาตรฐานแทนการเล่ือนจุดสูบน้ำดิบ ๗. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาดำเนินการประเมินการใช้น้ำโครงการพังงา -ภูเก็ต ของพื้นที่อำเภอเมืองพังงา และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ให้รองรับการใช้น้ำในอนาคต และพิจารณา การกระจายน้ำในพน้ื ที่ ๒ อำเภอใหท้ วั่ ถึง โดยต้องไมม่ ีปญั หาขาดแคลนน้ำประปา ๘. การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาดำเนินการโครงการส่งน้ำจากจังหวัดพังงาไปจังหวัดภูเก็ต ตามแผนที่ปรับใหม่ ทั้งนี้ให้รับเงื่อนไขของจังหวัดพังงาที่ต้องการให้มีการกระจายน้ำตลอดแนวท่อในพื้นท่ี จังหวัดพังงาให้เพียงพอก่อนที่จะนำน้ำส่วนเกินส่งไปยังจังหวัดภูเก็ต และออกแบบให้สามารถรองรับ ความต้องการใช้น้ำท่เี พิ่มข้นึ ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินตลอดตามแนวทอ่ ท่ีผ่านทั้งหมด การประปาสว่ นภมู ิภาค และองค์การบรหิ ารส่วนตำบลอา่ วนาง อำเภอเมืองกระบ่ี จงั หวดั กระบี่ - การประปาส่วนภูมิภาครว่ มกับองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พฒั นาโรงผลิตน้ำ RO บนเกาะพพี ี เพื่อสนับสนุนการอปุ โภค-บริโภค และการท่องเที่ยว การประปาสว่ นภมู ิภาค และกรมชลประทาน ๑. การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับกรมชลประทานควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำน้ำ จากอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มาผลิตน้ำประปาช่วยเหลืออำเภอเมืองกระบี่ เนื่องจาก

กล่มุ ลุม่ นำ้ ๘๘ ภาคใต้ ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งทุกปี เพราะต้องส่งน้ำไปพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น อ่าวนาง คลองม่วง หาดทับแขก และเขตเทศบาลเมอื งกระบ่ี ๒. การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับกรมชลประทานควรพิจารณาดำเนินการเรื่องตำแหน่งสถานีสูบน้ำ ประปาของแม่นำ้ บางนรา ๓. การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับกรมชลประทานควรพิจารณาดำเนินการพัฒนาโครงการระบบประปา เพอ่ื พฒั นาเมอื งต้นแบบ “สามเหล่ียม มั่นคง ม่ังคงั่ ยั่งยนื ” อำเภอหนองจกิ จงั หวัดปัตตานี การประปาสว่ นภูมภิ าค และกระทรวงมหาดไทย ๑. การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามภารกิจ พจิ ารณาดำเนินการศึกษา วางแผน และจดั หาการผลิตน้ำระบบ RO การผลติ นำ้ จืดจากน้ำทะเล โดยการลงทุน ร่วมกับภาคเอกชน ๒. การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับกระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการชี้แจงเหตุผลการดำเนิน โครงการ สร้างความเข้าใจต่อประชาชนจังหวัดพังงา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการ ดำเนินโครงการส่งน้ำจากจังหวัดพังงาไปจังหวัดภูเก็ต ให้ประชาชนเห็นว่าเป็นการนำน้ำส่วนเกินของจังหวัดพังงา ไปชว่ ยจังหวดั ภเู ก็ต กรมเจา้ ทา่ ๑. กรมเจ้าท่าขอรับจัดสรรงบประมาณขุดลอกร่องน้ำปากแม่น้ำกระบี่ ซึ่งมีเรือประมงใช้ประโยชน์ เพื่อการระบายน้ำและการท่องเที่ยว และขุดลอกร่องน้ำคลองสน ตำบลอ่าวนาง เพื่อการท่องเที่ยวแก่เรือนำเที่ยว สำหรบั ใช้รับสง่ และเป็นเกราะกำบงั คลื่นลม ประมาณ ๑,๐๐๐ ลำ ๒. กรมเจา้ ท่าพิจารณาดำเนินการตามแผนการขุดลอกของกรมเจ้าทา่ ทส่ี ามารถดำเนินการได้ทันที พร้อมทั้งกำจัดต้นลำพบู ริเวณทะเลสาบสงขลาบางสว่ น เพอื่ ไม่ให้กดี ขวางทางน้ำ และลดการสะสมของตะกอนดิน ๓. กรมเจ้าท่าพิจารณาศึกษาการขุดลอกตะกอนดินในทะเลสาบสงขลา และการขุดลอกชายฝ่ัง ทะเลสาบสงขลาฝั่งตะวันออก เนื่องจากมีความตื้นเขิน กำจัดวัชพืชปกคลุม ต้นลำพูกีดขวางทางน้ำ เพือ่ การคมนาคม การอนุรักษ์ ฟ้นื ฟู และการกกั เก็บนำ้ ๔. กรมเจ้าท่า พิจารณาดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณขุดลอกตะกอนที่ทับถมปากแม่น้ำ ปตั ตานี ทสี่ ะสมค้างอยเู่ ดมิ และตามแผนงานรายปีของกรมเจา้ ท่า และเพอื่ รกั ษาร่องน้ำเดินเรอื และการระบายน้ำ กรมทรพั ยากรนำ้ ๑. กรมทรัพยากรนำ้ ควรพิจารณาดำเนินการจดั หาแหล่งน้ำบนเกาะสุกร จงั หวัดตรงั ๒. กรมทรัพยากรน้ำควรพิจารณาดำเนินการพัฒนาระบบธนาคารน้ำใต้ดิน (วอเตอร์แบงก์) บนพืน้ ทเ่ี กาะที่มศี กั ยภาพ เพอ่ื เปน็ การแกไ้ ขปญั หาน้ำอปุ โภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ๓. กรมทรัพยากรน้ำควรพิจารณาเสนอผลการศึกษาการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาทั้งระบบ เพื่อความมั่นคง มั่งค่งั และยง่ั ยนื ตอ่ คณะรัฐมนตรเี พือ่ เห็นชอบการดำเนนิ การตามผลการศกึ ษาต่อไป กรมทรัพยากรนำ้ และกรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพันธพ์ุ ืช ๑. กรมทรัพยากรน้ำร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ควรพิจารณาทำฝายต้นน้ำ เพอ่ื ชะลอการไหลของน้ำ ในพน้ื ที่อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ๒. กรมทรพั ยากรน้ำร่วมกับกรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธพุ์ ชื จดั หาแหล่งนำ้ พร้อมระบบส่ง น้ำในพ้ืนทีต่ ำบลเขาตอ่ อำเภอปลายพระยา จงั หวัดกระบ่ี และการจดั การพน้ื ทีป่ ่าต้นน้ำบรเิ วณพืน้ ทต่ี น้ น้ำ

๘๙ กรมโยธาธกิ ารและผังเมือง กลุม่ ลมุ่ น้ำ - กรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณาดำเนนิ การพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำในพ้นื ท่ี ภาคใต้ ชุมชนจังหวัดนราธิวาส จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ระบบป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก (ระยะที่ ๒) ความยาว ๕,๑๔๙ เมตร และระบบป้องกันน้ำท่วมและระบายน้ำเทศบาลตำบลตากใบ ความยาว ๑,๕๓๐ เมตร กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตว์ปา่ และพันธพุ์ ืช ๑. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ควรพิจารณาดำเนินการพัฒนาสร้างคันต่าง ๆ ในป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามแผนงานของกรมฯ เพื่อรักษาระดับน้ำให้เพิ่มขึ้น โดยต้อง พจิ ารณาการควบคมุ น้ำเขา้ -ออกรว่ มดว้ ย ๒. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาดำเนินการจัดการมีส่วนร่วมเพ่ือสร้างการ รับรใู้ ห้ประชาชนในพน้ื ทตี่ ระหนักรู้ รกั ษาปา่ พรโุ ต๊ะแดง ๓. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาดำเนินการจัดทำแนวเขตป่าพรุโต๊ะแดง ใหช้ ดั เจนโดยเรว็ กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่ และพันธพ์ุ ชื กรมชลประทาน กรมทรพั ยากรน้ำ และสถานปี อ้ งกนั ไฟป่า - กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุพ์ ืชเปน็ หน่วยงานหลกั ร่วมกับกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และสถานปี อ้ งกนั ไฟปา่ พิจารณาดำเนนิ การแก้ไขปัญหาไฟไหมป้ ่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ รักษาระดับน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทดี่ ำเนนิ การศึกษาไว้แลว้ กรมปา่ ไม้ และกรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั วป์ ่า และพันธุพ์ ืช - กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาดำเนินการปรับปรุง แก้ไข วิธีการ ลดขั้นตอนการปฏิบัติในการอนุญาตเข้าศึกษา วิจัย การเพิกถอนพื้นที่ และการอนุญาตการใช้พื้นท่ี ใหม้ คี วามกระชบั และใชร้ ะยะเวลาสั้น กรมทรพั ยากรนำ้ บาดาล ๑. กรมทรัพยากรน้ำบาดาลพิจารณาดำเนินการพัฒนาน้ำบาดาลในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นท่ี ท่มี ีศกั ยภาพนำ้ บาดาล ใน ๑๔ จังหวดั ภาคใต้ ๒. กรมทรัพยากรน้ำบาดาลพจิ ารณาดำเนนิ การพฒั นาน้ำบาดาลเพ่ือการเกษตรพลังงานแสงอาทิตย์ หมบู่ ้านละ ๑ โครงการ ในพื้นทีค่ าบสมุทรสทิงพระ จงั หวดั สงขลา ๓. กรมทรพั ยากรน้ำบาดาลพจิ ารณาศกึ ษาการเติมน้ำใต้ดนิ บนเกาะยาว และเกาะสำคัญ กรมทรพั ยากรน้ำบาดาล และองค์การบริหารสว่ นตำบลสโุ สะ อำเภอปะเหลยี น จังหวัดตรงั - กรมทรัพยากรน้ำบาดาลร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลสุโสะ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พิจารณาดำเนินการจัดหาพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาบ่อน้ำบาดาลเพิ่มเติมบนเกาะมุก และเกาะสำคัญใหป้ ระชาชนมีน้ำใชอ้ ยา่ งเพยี งพอ สำนักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม - สำนกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม (สผ.) พิจารณาดำเนนิ การปรบั ปรุง ขั้นตอน วิธีการศึกษารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ให้มีความละเอียดชัดเจน ตรงตามความต้องการของ คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) เพื่อให้การพิจารณามีความกระชับ ใช้ระยะเวลาสัน้

๙๐ สำนักงานการปฏิรูปทดี่ นิ เพ่ือเกษตรกรรม ๑. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมควรพิจารณาดำเนินการปรับปรุงระเบียบการให้เช่า พ้นื ท่ี สำหรบั ประกอบกจิ การที่พกั เพอ่ื การท่องเที่ยวบนเกาะพยาม จังหวัดระนอง เพื่อการยงั ชีพ ๒. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมควรพิจารณาดำเนินการสนับสนุนหรือจัดหาที่ดิน เพ่อื พฒั นาแหล่งกกั เก็บน้ำบนเกาะพยาม จังหวัดระนอง เพ่ิมเติม กลุม่ ลุม่ นำ้ กรมพฒั นาทีด่ นิ ภาคใต้ - กรมพัฒนาท่ีดินควรพิจารณาดำเนินการสนับสนุนแหล่งน้ำในไร่นา เพ่ือแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้ อยา่ งรวดเรว็ หากเกษตรกรบนเกาะพยาม จังหวดั ระนอง รว่ มลงรายชอ่ื ยนื่ รอ้ งขอโครงการ การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย กรมชลประทาน และการประปาส่วนภมู ิภาค - การไฟฟา้ ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรว่ มกับกรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค พิจารณา ดำเนินการวิเคราะห์ศักยภาพน้ำต้นทุน ความต้องการน้ำ และสมดุลน้ำ เพื่อจัดสรรน้ำให้กับโครงการพัฒนา แหล่งน้ำตอนล่าง และกิจกรรมอ่ืน ๆ ด้านท้ายน้ำของเข่ือนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ โครงการ ผันน้ำจากเขอื่ นรัชชประภาไปเกาะสมุย โครงการพฒั นาล่มุ น้ำตาปี-พุมดวง หน่วยบญั ชาการทหารพัฒนา - หน่วยบัญชาการทหารพฒั นา พจิ ารณาขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาลเพิม่ เตมิ เพือ่ แก้ไขปญั หาน้ำอุปโภค บริโภคในพืน้ ที่ ๓ จังหวดั ชายแดนใต้ องค์การจัดการนำ้ เสีย และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ - องค์การจัดการน้ำเสีย ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบพื้นที่เกาะต่าง ๆ ที่สำคัญ พจิ ารณาวางแผนและพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย เพ่อื ป้องกนั แหล่งท่องเท่ียวเสื่อมโทรม รวมถึงวางแผนการนำน้ำเสีย ที่บำบัดแลว้ มาใชซ้ ำ้ จงั หวดั นครศรธี รรมราช และกรมชลประทาน - จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมชลประทาน บูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ ๕ ปี (๒๕๖๕–๒๕๖๙) ตามแผนแม่บทลุ่มน้ำปากพนัง โดยให้สามารถดำเนินการ เชือ่ มโยงไปถึงลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา จังหวัดพงั งา และกรมทรัพยากรนำ้ - จังหวัดพังงาร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำ แก้ไขปัญหาการชักน้ำจากบริเวณพื้นที่ต้นน้ำเชื่อมต่อ โครงการอนรุ ักษ์ฟ้ืนฟูแหล่งน้ำบ้านใหญ่ ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จงั หวดั พงั งา ซ่งึ ดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ตดิ ปัญหาเร่ืองพ้ืนท่ชี ักน้ำอยูใ่ นพ้นื ท่ีของกรมป่าไม้ ปจั จบุ นั อยู่ในขน้ั ตอนการขอใช้พืน้ ที่ปา่ เทศบาลนครภเู ก็ต - เทศบาลนครภูเก็ต ควรพิจารณาดำเนินการโครงการบำบัดน้ำเสียมาผลิตน้ำประปา จังหวัดภูเก็ต (ปรมิ าณนำ้ เพ่ิม ๕.๑๑ ล้านลกู บาศกเ์ มตร) เทศบาลนครยะลา ๑. เทศบาลนครยะลาพิจารณาดำเนินการเร่งรัดขอรับจัดสรรงบประมาณ เพื่อก่อสร้างคลองระบายน้ำ เสน้ ทางเลยี บทางรถไฟ ความยาวอกี ๔ กิโลเมตร ๒. เทศบาลนครยะลาพิจารณาดำเนินการประสานทำความร่วมมือกับกรมชลประทาน จัดหาแหล่งน้ำ เพื่อการประปา เนือ่ งจากเทศบาลนครยะลาไม่มีงบประมาณในการจดั หาแหลง่ น้ำดว้ ยตนเอง

๙๑ หนว่ ยงานราชการในอำเภอเกาะยาว จังหวดั พงั งา กลมุ่ ลมุ่ น้ำ ๑. หน่วยงานราชการในอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา ภาคใต้ ดา้ นทรพั ยากรนำ้ ในระยะเร่งด่วน และเสนอของบประมาณผา่ นจงั หวดั พงั งา ๒. จังหวัดที่มีพื้นที่เกาะ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ บนพ้ืนท่ีเกาะแบบบูรณาการพิเศษ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ในอำเภอเกาะยาว - องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในอำเภอเกาะยาว ควรพิจารณาพัฒนาสระเก็บน้ำเช่ือมต่อกันเป็นสระพวง เพือ่ เปน็ การกระจายนำ้ รอบเกาะยาวนอ้ ย และเกาะยาวใหญ่ จงั หวดั พงั งา องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ๑. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรพิจารณาดำเนินการพัฒนาแก้มลิงรอบบริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบ สงขลา โดยใช้โมเดล ๑ ตำบล ๑ แกม้ ลงิ ๒. องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ พิจารณาดำเนินการพฒั นาบ่อนำ้ บาดาลของโรงเรียนเกาะยาววิทยา หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง ๑. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่ได้รับความเห็นชอบจาก ภาคประชาชนท้ัง ๗ โซนดว้ ย เนื่องจากเครือข่ายภาคประชาชนในเขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แบง่ ออกเป็น ๗ โซน ประกอบด้วย ๑) พรุควนเคร็ง ๒) ป่าต้นน้ำ ๓) คาบสมุทรสทิงพระ ๔) ทะเลน้อย ๕) ทะเลสาบฝั่งตะวันตก ๖) ทะเลสาบตอนลา่ ง ๗) ชมุ ชนเมืองในล่มุ นำ้ อตู่ ะเภา โดยมคี วามตอ้ งการพฒั นาแหลง่ นำ้ ทีแ่ ตกตา่ งกนั สำหรับ สภาพปัญหาของโซนทะเลสาบคือ ปัญหาน้ำหลากส่วนเกินที่ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา ส่งผลกระทบกับ ทะเลสาบสงขลา ไดแ้ ก่ ปริมาณนำ้ สว่ นเกนิ ตะกอนดิน และน้ำเสีย ๒. หน่วยงานที่เกีย่ วข้อง พิจารณาดำเนินการแผนหลักและแผนปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ตามผลการศึกษาของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยจัดเป็นแนวทางการแก้ไข ปญั หาระยะยาว ๓. หน่วยงานท่ีรับผิดชอบการอนุญาตเกี่ยวกับการจัดต้ังโรงผลิตน้ำระบบ RO การผลิตน้ำจืดจาก น้ำทะเล พจิ ารณาดำเนินการปรับปรุง แก้ไขวิธีการ ลดข้นั ตอนการปฏิบตั กิ ารขออนญุ าตให้ใช้ระยะเวลาสั้นและ กระชับ เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝ่ัง และหนว่ ยงานด้านสิง่ แวดล้อมที่ประกาศเปน็ พน้ื ท่อี นรุ กั ษต์ ามกฎหมาย ๔. หน่วยงานเจ้าของโครงการ พิจารณาดำเนินการประสานกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก่อนการดำเนินการสำรวจ ออกแบบ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะติดปัญหาเรื่องพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งน้ี เพื่อให้สามารถพัฒนา แหลง่ นำ้ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการ และแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นของประชาชนไดอ้ ย่างรวดเร็ว ๕. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณาดำเนินการ ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อดูดซับ และชะลอน้ำหลาก ซ่งึ เป็นการแกไ้ ขปัญหาที่ต้นเหตุ ๖. หน่วยงานเจ้าของโครงการ พิจารณาให้ความสำคัญกับภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการกำหนดแนวทางพัฒนา การจัดทำแผนปฏิบัติการ การศึกษาความเป็นไปไดข้ องโครงการ การศึกษาผลกระทบ การออกแบบ การกอ่ สร้าง และการบำรงุ รกั ษา ๗. หน่วยงานเจ้าของโครงการ พิจารณาดำเนินการประสานหน่วยงานกลางหรือ มหาวิทยาลัย ในพื้นที่หรือที่มีความเชี่ยวชาญ มาทำการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้าใจ กรณีประชาชนคัดค้านโครงการ พฒั นาลุ่มน้ำสายบุรี

กลมุ่ ลมุ่ น้ำ ๙๒ ภาคใต้ ๘. หน่วยงานที่ถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พิจารณาดำเนินการสำรวจ ประเมิน ความพร้อม และจัดอบรมด้านการใช้งานและบำรุงรักษาเพื่อเตรียมความพร้อม ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ทไ่ี ดร้ ับการถ่ายโอนภารกจิ น้นั ๆ พร้อมท้งั สนับสนุนองค์ความรู้งานดา้ นแหล่งนำ้ อยา่ งต่อเน่ือง ๙. หนว่ ยงานผลิตน้ำประปา เช่น การประปาส่วนภมู ิภาค หรอื องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น ๑) พิจารณาดำเนินการปรับวิธีการใช้น้ำจากแหล่งต้นทุนน้ำ โดยในฤดูฝนให้ใช้น้ำจากแหล่งน้ำ ธรรมชาติเป็นหลัก ส่วนในฤดูแลง้ ให้ใช้นำ้ จากอา่ งเก็บน้ำหรอื แหลง่ กกั เกบ็ นำ้ อ่นื ๆ ๒) พจิ ารณาดำเนินการจดั หาแหล่งนำ้ สำรองของตนเองเพิ่มเตมิ ๑๐. หน่วยงานที่เกีย่ วข้องพิจารณาออกกฎหมายหรือข้อกำหนด ห้ามมิให้มีการถมดินในพื้นทีล่ ุม่ ต่ำ กรณีตัวอย่าง ทุ่งท่านางหอมเป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่หน่วงน้ำก่อนไหลลงทะเลสาบสงขลา แต่ปัจจุบนั มถี นนลพบรุ ีราเมศวร์ ทำให้กดี ขวางทางน้ำ และมกี ารถมดนิ ทำใหน้ ำ้ ท่วมพ้นื ท่ดี ้านบนมากขนึ้ ๑๑. หน่วยงานที่เกีย่ วข้องตระหนกั ถึงความสำคญั ของการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้มากขึน้ ๒) สรุปการเดินทางศึกษาดงู าน ลำดบั สถานทศี่ ึกษาดงู าน วนั ท่ี หนา้ คร้งั ท่ี จงั หวดั ภเู ก็ต และจังหวัดกระบ่ี ระหว่างวันที่ ๗–๙ ๘ – ๑๓๖ ๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๓๗ ๑ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต วนั ท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๓๗ ๒ อา่ งเก็บน้ำคลองกะทะ ๘ – ๑๓๘ ๓ บริษัท อาร์ อี คิว เวอรเ์ ตอร์ เซอร์วิสเซส ๘ – ๑๔๐ จำกดั ๘ – ๑๔๒ ๔ ศาลากลางจังหวดั กระบี่ วันที่ ๘ มนี าคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๔๔ ๕ โรงแรมรายาวดี รสี อร์ท หาดไร่เลย์ ๘ – ๑๔๕ ๖ โรงแรมพพี ี ไอส์แลนด์ คาบาน่า ๗ โรงสบู นำ้ แรงตำ่ คลองกระบ่ีใหญ่ วนั ที่ ๙ มนี าคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๔๗ ๘ หอ้ งประชมุ องค์การบรหิ ารส่วนตำบล ๘ – ๑๔๗ ศาลาดา่ น ๘ – ๑๔๘ ครง้ั ที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จงั หวดั พัทลุง ระหว่างวันท่ี ๒๗–๒๙ ๘ – ๑๔๘ ๒ และจังหวดั สงขลา มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๔๙ ๑ ประตูระบายน้ำอุทกวภิ าชประสิทธิ วันที่ ๒๗ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๔๙ ๒ ศาลากลางจงั หวัดนครศรธี รรมราช ๘ – ๑๕๐ ๓ ประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หวั ตรุด ๔ ศูนย์บญั ชาการกองอำนวยการควบคุมไฟปา่ พรคุ วนเคร็ง สำนักบริหารพน้ื ท่ีอนรุ ักษ์ที่ ๕ ๕ อ่างเก็บนำ้ หว้ ยน้ำใส ๖ คลองลำเบต็ /ประตรู ะบายนำ้ คลองนาท่อม ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๗ โครงการส่งนำ้ และบำรุงรกั ษาระโนด- กระแสสินธุ์

๙๓ ลำดับ สถานที่ศึกษาดูงาน วนั ที่ หนา้ กลุม่ ลุม่ น้ำ ๘ คลอง ร.๑/ประตรู ะบายนำ้ บางหยี ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๐ ภาคใต้ ๙ โครงการอนุรักษ์ฟนื้ ฟูพรุบางกลำ่ ระหว่างวันที่ ๓๑-๒ ๘ – ๑๕๑ สงิ หาคม ๒๕๖๓ ครั้งที่ จังหวดั ระนอง และจังหวัดชุมพร วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๘ – ๑๕๒ ๓ ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๒ ๑ ศาลากลางจังหวัดระนอง วนั ที่ ๑ สงิ หาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๓ วนั ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๔ ๒ นธิ ิพร รีสอร์ท เกาะพยาม ระหว่างวนั ที่ ๒๙–๓๑ ๘ – ๑๕๔ ๓ อ่างเก็บน้ำอา่ วใหญ่ เกาะพยาม สิงหาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๕ ๔ อา่ งเก็บนำ้ คลองหาดสม้ แป้น วันที่ ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๖๓ ๕ ศูนยเ์ รยี นรูโ้ ครงการพัฒนาพ้ืนท่หี นองใหญ่ ๘ – ๑๕๖ ๖ พ้ืนท่กี ่อสรา้ งประตรู ะบายนำ้ ปากคลอง วันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๖ วนั ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๗ ขดุ ใหม่เชื่อมคลองชุมพร-คลองนาคราช ระหว่างวนั ท่ี ๑๑–๑๓ ๘ – ๑๕๗ ครงั้ ที่ จังหวัดยะลา จังหวัดปตั ตานี และจังหวัด กันยายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๘ วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๕๙ ๔ นราธวิ าส ๘ – ๑๕๙ ๑ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวดั ชายแดน วันท่ี ๑๒ กันยายน ๒๕๖๓ วันที่ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๖๓ ๘ – ๑๖๐ ภาคใต้ (ศอ.บต.) ๒ สะพานเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา ๘ – ๑๖๐ ๘ – ๑๖๑ มหาราชนิ ี ๘ – ๑๖๒ ๓ สถานสี บู น้ำ เทศบาลนครยะลา ๘ – ๑๖๒ ๔ โครงการชลประทานปตั ตานี ๘ – ๑๖๓ ๕ ปากแม่น้ำปัตตานี ๖ ป่าพรสุ ริ ินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง) ๗ โครงการส่งนำ้ และบำรุงรักษาบางนรา ครง้ั ที่ จังหวดั สุราษฎร์ธานี และจงั หวดั พังงา ๕ ๑ สถานีสูบน้ำและผลติ นำ้ ส่งไปเกาะสมุย การประปาส่วนภมู ภิ าคสาขาสุราษฎรธ์ านี (ชน้ั พิเศษ) ๒ เข่อื นรชั ชประภา ๓ สถานีสบู น้ำโครงการพังงา-ภูเก็ต การประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา ๔ ทว่ี า่ การอำเภอเกาะยาว (เกาะยาวน้อย) ๕ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหลง่ น้ำบา้ นใหญ่ ๖ อา่ งเก็บน้ำบ้านหนิ กอง

๙๔ ๓) ภาพการลงพนื้ ทีศ่ ึกษาดูงาน กลุม่ ลมุ่ น้ำ ภาคใต้ ล่มุ น้ำภาคใตฝ้ ่งั ตะวันตก คณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการกลุ่มลุ่มน้ำ ภาคใต้ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ โรงสูบน้ำ แรงต่ำ คลองกระบี่ใหญ่ จังหวัดกระบ่ี เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ คลองกระบี่ใหญ่มีปริมาณน้ำลดลง เพราะมีการใช้น้ำปลายคลองมากขึ้นและฝนตกน้อยประกอบกับ สภาพน้ำในคลองบริเวณหน้าฝายเป็นน้ำกร่อย เพราะน้ำทะเลรุกตัวทำให้ปริมาณน้ำดิบที่ใช้ในการผลิต น้ำประปามีปริมาณลดลง จึงควรวางท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองแห้งมาเติมน้ำในคลองกระบี่ใหญ่ ในช่วงที่น้ำขาดแคลน และหากปริมาณน้ำในคลองกระบี่ใหญ่มีปริมาณมาก ควรมีระบบสูบกลับไปเติม อ่างเกบ็ น้ำคลองแหง้

๙๕ กลุม่ ลมุ่ น้ำ ภาคใต้ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝง่ั ตะวันออก คณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการกลุ่มลุ่มน้ำ ภาคใต้ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยพื้นที่อำเภอเมืองและพื้นที่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพ ภูมิอากาศ (Climate change) ทำให้อาจเกิดปัญหาภัยแลง้ ตามมาในอนาคต และส่งผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อม ในระยะยาว จงึ ควรใหห้ นว่ ยงานเจา้ ของโครงการพจิ ารณาถึงเร่ืองดังกล่าวอยา่ งละเอยี ดรอบคอบ

๙๖ กลุ่มลมุ่ นำ้ ภาคใต้ ลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา คณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการกลุ่มลุ่มน้ำ ภาคใต้ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ ท่าเรือคลองรี อำเภอสทิงพระ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ จากสภาพ ปัญหาทะเลสาบสงขลาตื้นเขินจากการทับถมของตะกอน การแพร่ขยายของต้นลำพู ทำให้กีดขวางการระบายน้ำ และตะกอนทับถมมากขึ้น ทั้งปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มทำให้ไม่สามารถนำน้ำไปใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตรได้ จึงจำเป็นต้องขุดลอกตะกอนดินในทะเลสาบสงขลา ขุดลอกชายฝั่งทะเลสาบสงขลา ฝั่งตะวันออก เพื่อกำจัดวัชพืชปกคลุม ต้นลำพูกีดขวางทางน้ำ และเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำและการระบายน้ำ นอกจากน้ี ควรพิจารณาหาพ้นื ท่ีกักเก็บน้ำ ๑๐๐ ลา้ นลกู บาศก์เมตร เพ่อื แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำบริเวณ คาบสมุทรสทิงพระ และพิจารณาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างฝายพับได้ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร ซึ่งเป็นจดุ ที่แคบทส่ี ดุ เพอื่ ควบคุมและบรหิ ารจดั การน้ำเคม็ และน้ำกร่อย

๙๗ กลมุ่ ลุ่มน้ำ ภาคใต้ ลมุ่ น้ำปัตตานี คณะกรรมาธิการวสิ ามัญและคณะอนกุ รรมาธิการพจิ ารณาศึกษาแนวทางการบริหารจดั การกลมุ่ ลุ่มนำ้ ภาคใต้ ล่องเรอื ศกึ ษาดูงาน ณ ปากแมน่ ำ้ ปตั ตานี เมอ่ื วนั ท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ แม่นำ้ ปตั ตานีมสี ภาพลำน้ำตื้นเขินจาก การทับถมของตะกอน โดยเฉพาะบริเวณปากแม่น้ำปัตตานีมีปริมาณตะกอนสะสมเป็นจำนวนมากทำให้เรือ ขนาดใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าได้ กรมเจ้าท่าจึงควรพิจารณาดำเนินการขุดลอกตะกอนที่ทับถมบริเวณ ปากแมน่ ้ำปัตตานี เพ่อื รกั ษาร่องนำ้ เดินเรือและการระบายน้ำ

๙๘ กลุ่มลมุ่ นำ้ ภาคใต้ ลมุ่ นำ้ ตาปี คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญและคณะอนกุ รรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการกลมุ่ ลุ่มนำ้ ภาคใต้ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ เขื่อนรัชชประภา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นให้ การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาเร่งรัดขอรับจัดสรรงบประมาณดำเนินการโครงการผันน้ำจากเขื่อนรัชชประภา ไปเกาะสมุย และให้กรมชลประทานพิจารณาดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบนเกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพะงัน และพัฒนาโครงการสถานีสูบน้ำคลองพระแสงพร้อมระบบส่งน้ำ อำเภอบ้านตาขุน เพื่อเสริมศักยภาพ โครงการพัฒนาลุ่มนำ้ ตาปี – พุมดวง

๙๙ ๔) แผนท่กี ลมุ่ ลมุ่ นำ้ ภาคใต้ กลุ่มลมุ่ น้ำ ภาคใต้ แผนท่ีแสดงขอบเขตลุ่มน้ำภาคใตฝ้ ั่งตะวันออก

๑๐๐ กลมุ่ ล่มุ น้ำ ภาคใต้ แผนทแ่ี สดงขอบเขตล่มุ นำ้ ตาปี

๑๐๑ กลมุ่ ลมุ่ น้ำ ภาคใต้ แผนทีแ่ สดงขอบเขตลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

๑๐๒ กลมุ่ ลุ่มนำ้ ภาคใต้ แผนท่แี สดงขอบเขตลุม่ นำ้ ปัตตานี

๑๐๓ กลมุ่ ลมุ่ น้ำ ภาคใต้ แผนทีแ่ สดงขอบเขตลุ่มนำ้ ภาคใตฝ้ ่งั ตะวันตก

๑๐๔ ๔. แผนทพี่ น้ื ทีป่ ระสบปญั หาดา้ นน้ำและพนื้ ที่รองรบั การพฒั นา ภาพแผนที่พนื้ ท่ีประสบปัญหาดา้ นนำ้ และพ้นื ที่รองรบั การพฒั นา

๑๐๕ ภาพแสดงตำแหนง่ ทีต่ ั้งโครงการตามขอ้ เสนอของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั

๑๐๖ ตัวอย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ชื่อโครงการ จงั หวัด ประปาเกาะพพี ี กระบ่ี พัฒนาลุ่มนำ้ สาขาคลองกระบ่ีใหญ่ กระบี่ พัฒนาแหล่งน้ำเกาะลันตา กระบ่ี วางทอ่ ขยายเขตประปาอา่ วนาง กระบ่ี แหล่งนำ้ เกาะพีพี กระบ่ี อา่ งเก็บน้ำเกาะลนั ตา กระบี่ ระบบป้องกนั น้ำทว่ มและเขอื่ นปอ้ งกันตลงิ่ แมน่ ำ้ เจา้ พระยา กรุงเทพมหานคร ผนั นำ้ เข่ือนศรนี ครนิ ทร์ กาญจนบรุ ี เพิ่มประสทิ ธภิ าพคลองจรเขส้ ามพนั กาญจนบรุ ี อาคารทดนำ้ บ้านชุกกระเพรา กาญจนบรุ ี อาคารทดน้ำบ้านดา่ นมะขามเต้ยี กาญจนบุรี อ่างเก็บนำ้ ห้วยกระพรอ้ ย กาญจนบรุ ี แก้ไขน้ำท่วมแม่นำ้ ชีตอนล่าง กาฬสนิ ธ์ุ จัดหาพืน้ ที่ทำกินในเขตชลประทาน กาฬสินธุ์ พฒั นาลำน้ำยงั กาฬสินธ์ุ แกไ้ ขนำ้ ท่วมแม่นำ้ ชีตอนลา่ ง ขอนแก่น จดั หาพ้ืนทที่ ำกนิ ในเขตชลประทาน ขอนแกน่ อา่ งเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ จนั ทบรุ ี อา่ งเก็บนำ้ บา้ นเนินสมบูรณ์ จันทบุรี อ่างเก็บน้ำหนองประแกต จนั ทบรุ ี เข่ือนกนั้ แม่นำ้ บางปะกงกนั น้ำเคม็ ฉะเชงิ เทรา เพ่ิมปรมิ าณเก็บกักอ่างเกบ็ นำ้ คลองสยี ัด ฉะเชงิ เทรา อา่ งเก็บน้ำบา้ นหนองกระทิง ฉะเชงิ เทรา อ่างเก็บน้ำบ้านห้วยกระจกเคียน ฉะเชิงเทรา ป้องกนั น้ำทว่ มชุมชน บา้ นสวน ชลบรุ ี ผนั นำ้ อ่างเก็บน้ำประแส-หนองค้อ ชลบุรี

๑๐๗ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามญั (ต่อ) ชอ่ื โครงการ จงั หวัด ระบบรบั นำ้ บรรเทาน้ำทว่ มพัทยา ชลบรุ ี ปรบั ปรงุ ประตรู ะบายนำ้ มโนรมย์ ชยั นาท ระบบปอ้ งกันน้ำท่วมและเขือ่ นป้องกันตลิ่งแมน่ ำ้ เจา้ พระยา ชยั นาท ขดุ ลอกต้นน้ำชี บา้ นโหลน่ ชัยภมู ิ จดั หาพื้นที่ทำกินในเขตชลประทาน ชยั ภูมิ อ่างเก็บนำ้ เขาพงั เพย ชัยภมู ิ นำน้ำจากแม่น้ำโขงเตมิ ใหแ้ ม่น้ำกก เชียงราย พฒั นาแหล่งนำ้ เกาะสุกร ตรงั อา่ งเก็บน้ำบ้านเขาพลู บนเกาะลิบง ตรัง ขดุ ลอกท้ายน้ำแม่น้ำสงครามเพื่อรบั น้ำโขง นครพนม ประตรู ะบายน้ำแม่นำ้ สงคราม นครพนม แก้ไขนำ้ ท่วมแมน่ ้ำมลู นครราชสมี า จัดหาพน้ื ท่ที ำกนิ ในเขตชลประทาน นครราชสมี า ผันน้ำลำเชียงไกร-แมน่ ำ้ มูล นครราชสีมา ขุดแพรกเขตห้ามลา่ สตั ว์ป่าบ่อลอ้ นครศรธี รรมราช ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสทิ ธิ นครศรธี รรมราช ประตรู ะบายน้ำชะอวด-แพรกเมือง นครศรธี รรมราช อา่ งเก็บนำ้ หว้ ยนำ้ ใส นครศรธี รรมราช แกม้ ลิงระบายน้ำ นครสวรรค์ ประตูระบายน้ำเขาชนกัน นครสวรรค์ ปอ้ งกนั นำ้ ท่วมชุมชน เทศบาลตำบลลาดยาว นครสวรรค์ ระบบป้องกนั น้ำท่วมและเขอื่ นป้องกนั ตลิง่ แม่น้ำเจา้ พระยา นครสวรรค์ สบู น้ำแมน่ ำ้ เจา้ พระยา-เติมให้แม่นำ้ สะแกกรงั นครสวรรค์ ระบบปอ้ งกนั น้ำทว่ มและเขือ่ นป้องกันตลิ่งแม่นำ้ เจา้ พระยา นนทบุรี โครงการพรุบาเจาะไม้แก่น นราธวิ าส ประตูระบายน้ำ นราธวิ าส

๑๐๘ ตัวอย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (ต่อ) ชอ่ื โครงการ จงั หวดั อา่ งเก็บนำ้ ใกล้บ้าน นราธิวาส ฟนื้ ฟปู า่ ตน้ น้ำ ดอยภคู า นา่ น ระบบป้องกนั นำ้ ท่วมและเขอื่ นปอ้ งกนั ตลิ่งแมน่ ้ำนา่ น น่าน แก้ไขน้ำท่วมแมน่ ้ำมลู บุรีรัมย์ จดั หาพน้ื ท่ีทำกนิ ในเขตชลประทาน บรุ ีรมั ย์ ระบบปอ้ งกนั น้ำทว่ มและเข่อื นปอ้ งกนั ตลงิ่ แมน่ ้ำเจา้ พระยา ปทุมธานี กอ่ สรา้ งเขื่อนป้องกันตล่ิงแมน่ ้ำกุยบุรี ประจวบคีรีขนั ธ์ ก่อสรา้ งเข่อื นป้องกนั ตล่งิ แม่น้ำกยุ บรุ ี ๒ ประจวบครี ีขันธ์ ขุดบ่อบาดาลพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติกยุ บุรี ประจวบคีรขี ันธ์ คลองผนั นำ้ บางสะพาน ประจวบครี ขี นั ธ์ จดั หานำ้ สามร้อยยอด ประจวบครี ขี ันธ์ จัดหานำ้ ห้วยทราย ประจวบคีรขี นั ธ์ ซ่อมแซมระบบคลองสง่ น้ำอ่างคลองบงึ ประจวบคีรขี ันธ์ บึงบัวสามรอ้ ยยอด ประจวบคีรขี ันธ์ ประตูระบายน้ำบางสะพาน ประจวบครี ขี นั ธ์ ปรบั ปรุงทอ่ ส่งน้ำอา่ งหิน ประจวบคีรขี ันธ์ ผนั นำ้ เขือ่ นปราณบึงบวั ประจวบคีรขี นั ธ์ ฝายสำนักสงฆพ์ ุทธสิงขร ประจวบครี ีขันธ์ พฒั นาคลองกยุ บุรี ประจวบคีรขี ันธ์ พฒั นาแหลง่ น้ำ ต.เกาะหลัก ประจวบคีรขี นั ธ์ พฒั นาแหล่งน้ำบ้านหนองขาม ประจวบคีรขี นั ธ์ พัฒนาแหลง่ นำ้ หว้ ยทราย ประจวบครี ขี ันธ์ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพการระบายน้ำบางสะพาน ประจวบครี ขี นั ธ์ เพิ่มประสิทธิภาพคลองบางสะพาน ประจวบครี ีขนั ธ์ รว้ั ป้องกนั ช้างปา่ บ้านยางชมุ ประจวบครี ีขนั ธ์

๑๐๙ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (ต่อ) ชอ่ื โครงการ จังหวดั รั้วปอ้ งกนั ชา้ งป่าหนองพลับ ประจวบคีรีขนั ธ์ รั้วป้องกนั ช้างปา่ หว้ ยสตั ว์ใหญ่ ประจวบครี ขี นั ธ์ แหล่งนำ้ บ้านหนิ เทิน ประจวบคีรขี นั ธ์ อาคารบังคบั นำ้ บ้านวังปลา ประจวบครี ขี นั ธ์ อา่ งเก็บน้ำปราณบุรี ประจวบครี ีขันธ์ อา่ งเก็บนำ้ คลองลอย ประจวบครี ีขนั ธ์ อ่างเก็บนำ้ บา้ นยา่ นซื่อ ประจวบคีรขี นั ธ์ อ่างเก็บน้ำปา่ ละอู ประจวบคีรีขันธ์ อา่ งเก็บนำ้ หว้ ยแดง ประจวบคีรขี ันธ์ อา่ งเก็บนำ้ หว้ ยหนองกระชิด ประจวบคีรขี ันธ์ ประตูระบายน้ำ ปตั ตานี ระบบป้องกนั น้ำท่วมและเข่ือนปอ้ งกนั ตลง่ิ แมน่ ้ำเจา้ พระยา พระนครศรีอยธุ ยา อา่ งเก็บนำ้ แม่ป้ี พะเยา ฝายตน้ นำ้ เกาะยาว พังงา พฒั นาแหลง่ น้ำเกาะยาวน้อย พงั งา พัฒนาแหลง่ น้ำเกาะยาวใหญ่ พังงา อา่ งเก็บน้ำบา้ นหินกอง พงั งา การเก็บกักนำ้ ในทะเลสาบสงขลา พัทลุง ขดุ ลอกชายฝง่ั ทะเลสาบสงขลาตะวนั ออก พัทลุง คันกน้ั นำ้ เค็มทะเลสาบสงขลา พัทลุง ประตรู ะบายน้ำบา้ นวงั จกิ พิจติ ร ประตูระบายน้ำโพธปิ ระทับชา้ ง พิจติ ร ระบบปอ้ งกนั นำ้ ทว่ มและเขอ่ื นป้องกนั ตลงิ่ แมน่ ้ำนา่ น พษิ ณโุ ลก อ่างเก็บนำ้ เนนิ มะปรางค์ พษิ ณุโลก อา่ งเก็บนำ้ วังชมพู พษิ ณโุ ลก ขดุ ลอกอา่ งเกบ็ นำ้ แมป่ ระจัน เพชรบรุ ี

๑๑๐ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (ต่อ) ชือ่ โครงการ จงั หวดั ทอ่ ส่งน้ำแกง่ กระจาน-หว้ ยตะแปด เพชรบรุ ี เพม่ิ ประสิทธภิ าพแกง่ กระจาน เพชรบุรี เพ่มิ ประสทิ ธิภาพอ่างเกบ็ น้ำพวง เพชรบุรี อา่ งเก็บน้ำบ้านสะแกงาม เพชรบุรี อ่างเก็บนำ้ คลองอา้ ยแดง เพชรบุรี อา่ งเก็บน้ำหบุ เฉลา เพชรบุรี อ่างเก็บนำ้ พุกระทอ้ น เพชรบรุ ี อ่างเก็บนำ้ หนองเปราะ เพชรบรุ ี อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งดำ เพชรบรุ ี จัดหาพื้นที่ทำกินในเขตชลประทาน เพชรบูรณ์ ประตนู ำ้ ขนาดเลก็ เก็บน้ำในลำนำ้ สาขาลำน้ำยม ๗๓ แหง่ แพร่ อา่ งเก็บนำ้ แม่สะกึน๋ แพร่ แก้ไขน้ำท่วมแมน่ ำ้ ชีตอนล่าง มหาสารคาม จัดหาพ้ืนทท่ี ำกินในเขตชลประทาน มหาสารคาม พัฒนาลำเตา มหาสารคาม จัดหาพ้นื ทที่ ำกินในเขตชลประทาน มกุ ดาหาร ผนั น้ำยวมตอนล่าง-ภูมิพล แมฮ่ ่องสอน แกไ้ ขนำ้ ทว่ มแม่นำ้ ชตี อนลา่ ง ยโสธร จดั หาพน้ื ทที่ ำกินในเขตชลประทาน ยโสธร ประตรู ะบายน้ำ ยะลา ประตูระบายน้ำกรงปินัง ยะลา สถานีสูบน้ำยะลา ยะลา อา่ งเก็บนำ้ บา้ นไบก์ ยะลา อ่างเก็บน้ำเบตง ยะลา อ่างเก็บนำ้ ยะรม ยะลา อา่ งเก็บนำ้ ลำพะยา ยะลา

๑๑๑ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (ต่อ) จังหวดั รอ้ ยเอด็ ชอ่ื โครงการ ร้อยเอด็ แกไ้ ขน้ำทว่ มแม่นำ้ ชีตอนลา่ ง ร้อยเอด็ จัดหานำ้ ต้นทนุ พืน้ ที่ทุง่ กลุ าร้องไห้ รอ้ ยเอด็ จดั หาพ้นื ที่ทำกินในเขตชลประทาน ร้อยเอ็ด พัฒนาลำพลบั พลา รอ้ ยเอด็ พฒั นาลำเสียวน้อย ระนอง พฒั นาลำเสียวใหญ่ ระนอง แก้มลิง เกาะพยาม ระนอง แก้มลิงอ่าวเขาควาย ระนอง สถานีสบู นำ้ เกาะพยาม ระยอง อา่ งเก็บน้ำอา่ วใหญ่ บนเกาะพยาม ระยอง พฒั นากลมุ่ บ่อนำ้ บาดาลสำหรับภาคอตุ สาหกรรม ระยอง ระบบป้องกันนำ้ ทว่ มระยอง ราชบรุ ี อ่างเก็บน้ำคลองโพล้ ราชบรุ ี ขดุ ลอกอา่ งเกบ็ น้ำห้วยท่าเคย ราชบุรี ซอ่ มท่อส่งหว้ ยทา่ เคย ราชบรุ ี ซอ่ มทำนบดนิ ห้วยท่าเคย ราชบรุ ี ซอ่ มฝายพรอ้ มระบบสง่ ห้วยท่าเคย ราชบุรี ซ่อมระบบสง่ นำ้ ห้วยท่าเคย ราชบุรี ซอ่ มอาคารส่งน้ำหว้ ยทา่ เคย ราชบรุ ี ปรบั ปรงุ ระบบส่งน้ำหว้ ยทา่ เคย ราชบุรี ฝายนำ้ ลน้ ลำภาชี หมู่ 3 ราชบุรี ฝายน้ำลน้ ลำภาชี หมู่ 8 ราชบรุ ี ฟน้ื ฟูลำภาชี หมู่ 4 ราชบุรี ฟืน้ ฟหู ้วยบ่อ อาคารทดน้ำบ้านครเู ทียน

๑๑๒ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (ต่อ) ช่อื โครงการ จังหวดั อาคารทดน้ำบา้ นดา่ น ราชบรุ ี อาคารทดน้ำบ้านท่าตะครอ้ ราชบุรี อาคารทดน้ำบา้ นสวนผ้ึง ราชบุรี อ่างเก็บน้ำหนองตาดัง้ ราชบุรี อา่ งเก็บน้ำหว้ ยท่าเคย ราชบุรี อ่างเก็บน้ำหบุ ไทร ราชบุรี ขุดลอกเขื่อนป่าสกั ลพบุรี ผนั น้ำเขื่อนป่าสัก-หว้ ยขุนราม ลพบุรี ยกระดับเก็บกักน้ำเขื่อนปา่ สัก ลพบรุ ี สถานสี บู นำ้ บางขาม ลพบรุ ี ฝายต้นนำ้ แมน่ ้ำยม ลำปาง ยกเลิกการเลี้ยงปลากระชงั ในแม่นำ้ วัง ลำปาง อาคารบังคับน้ำแม่วังตอนล่าง ลำปาง อา่ งเก็บน้ำแมเ่ ต้น ลำปาง อา่ งเก็บนำ้ แมส่ ะกึน๋ ลำปาง อ่างเก็บน้ำแม่อ้อน ลำปาง อ่างเก็บน้ำห้วยเป้า ลำปาง อา่ งเก็บน้ำหว้ ยโป่ง ลำปาง ขุดลอกแมน่ ้ำเลย เลย โครงการโขง เลย ชี มูล เลย จัดหาพน้ื ทท่ี ำกนิ ในเขตชลประทาน เลย ประตูระบายน้ำปากน้ำคาน เลย ประตูระบายน้ำปากนำ้ หมนั เลย แก้ไขนำ้ ท่วมแม่น้ำมลู ศรสี ะเกษ จดั หาพนื้ ทที่ ำกนิ ในเขตชลประทาน ศรสี ะเกษ พัฒนาหว้ ยขยุง ศรีสะเกษ

๑๑๓ ตัวอย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญ (ต่อ) ชือ่ โครงการ จงั หวัด พฒั นาห้วยสำราญ ศรีสะเกษ ขดุ ลอกหว้ ยตามาย ศรีสะเกษ จัดหาพืน้ ท่ที ำกนิ ในเขตชลประทาน สกลนคร ทำฝายขน้ั บันไดแมน่ ำ้ สงคราม ผนั น้ำสกลนคร-บึงกาฬ-อุดรธานี สกลนคร แกม้ ลิงคาบสมุทรสทงิ พระ สงขลา ฟนื้ ฟลู ่มุ น้ำทะเลสาบสงขลา สงขลา ประตรู ะบายน้ำหรอื ฝายป้องกันน้ำเค็มเขา้ แม่นำ้ เจา้ พระยา สมทุ รปราการ แกม้ ลิงทุ่งหิน สมทุ รสงคราม ขดุ ลอกร่องน้ำปากคลองมาบ สมทุ รสงคราม ผันนำ้ เข่อื นป่าสัก-ลำตะคอง สระบรุ ี อา่ งเก็บนำ้ คลองพุทรา สิงห์บรุ ี ระบบป้องกนั นำ้ ท่วมและเขื่อนปอ้ งกันตลงิ่ แม่นำ้ เจ้าพระยา สิงห์บรุ ี สูบนำ้ ด้วยไฟฟ้าปากแม่น้ำลพบรุ ี สิงหบ์ ุรี ผนั นำ้ ลำตะเพินบน สุพรรณบรุ ี ปรบั ปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคเกาะสมุย สุราษฎรธ์ านี ผนั น้ำรชั ชประภา-ภเู กต็ สุราษฎร์ธานี พฒั นาแหล่งนำ้ เกาะพะงนั สุราษฎรธ์ านี พัฒนาแหลง่ นำ้ บนเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี พัฒนาแหล่งนำ้ บนเกาะสมยุ สรุ าษฎร์ธานี แก้ไขน้ำท่วมแม่น้ำมลู สุรินทร์ จดั หาพื้นทที่ ำกนิ ในเขตชลประทาน สุรินทร์ พัฒนาลำเซบก อำนาจเจริญ จดั หาพื้นทที่ ำกินในเขตชลประทาน อดุ รธานี ระบบป้องกนั นำ้ ทว่ มและเข่อื นป้องกนั ตลงิ่ แม่น้ำน่าน อุตรดติ ถ์ ระบบปอ้ งกันนำ้ ท่วมและเขอ่ื นป้องกนั ตลิ่งแม่นำ้ เจา้ พระยา อุทัยธานี แกไ้ ขนำ้ ท่วมแม่น้ำชตี อนลา่ ง อบุ ลราชธานี

๑๑๔ ตวั อย่างโครงการตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามญั (ต่อ) ช่อื โครงการ จังหวัด แก้ไขน้ำทว่ มแม่น้ำมูล อบุ ลราชธานี จัดหาพื้นทที่ ำกินในเขตชลประทาน อุบลราชธานี พัฒนาลำเซบาย อุบลราชธานี พฒั นาลำโดมน้อย อบุ ลราชธานี พฒั นาลำโดมใหญ่ อุบลราชธานี

๑๑๕ ๕. การเดนิ ทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลเรื่องนี้จากเอกสาร ข้อมูล คำชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเดินทางไปศึกษาดูงาน รวมทั้งรายละเอียดจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดยนำมา ประกอบการพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติเดินทาง ไปศึกษาดูงาน จำนวน ๓๔ ครั้ง โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการร่วมกันเดินทางไปศึกษาดูงาน จำนวน ๓๑ ครั้ง และคณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติเดินทางไปศึกษาดูงาน จำนวน ๓ ครั้ง สำหรับผลการเดินทาง ศึกษาดงู านของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั กลา่ วโดยสรปุ ได้ ดังน้ี ๕.๑ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปศึกษาดูงาน เรื่อง การบริหารจัดการแหล่งน้ำและ แนวทางการบรรเทาปัญหาภยั แล้งในเขตพ้นื ทีอ่ ำเภอสีคิว้ ในวันศกุ ร์ท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ จงั หวัดนครราชสีมา คณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมปรึกษาหารือกับส่วนราชการและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพ ปัญหาและอุปสรรคการจัดการลุ่มน้ำต่าง ๆ ของจังหวัดนครราชสีมา ณ โรงเรียนหนองน้ำใส ตำบลหนองน้ำใส อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยมีผู้แทนของหน่วยงานราชการเข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ ๘ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมา ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จงั หวดั นครราชสีมา และนายอำเภอสคี ้วิ สรปุ สาระสำคัญได้ ดังนี้ ที่ตั้งของตำบลหนองน้ำใส ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอสีคิ้ว และตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ จังหวัดนครราชสีมา มีระยะทางห่างจากที่ว่าการอำเภอสีคิ้ว ระยะทางประมาณ ๓๗ กิโลเมตร และระยะทาง ห่างจากจังหวัดนครราชสีมา ประมาณ ๘๒ กิโลเมตร มีพื้นที่เป็นที่ราบสูงสลับเชิงเขา เนื้อที่ประมาณ ๑๐๑ ตารางกิโลเมตร มีหมู่บ้านในเขตการปกครองทั้งสิ้น ๑๘ หมู่บ้าน ๒๑ ชุมชน สำหรับปัญหาภัยแล้งได้มี การพิจารณาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยวิธีการขุดเจาะบ่อนำ้ บาดาล จากสภาพปัญหาท่ีเกดิ ขึ้นมพี ื้นที่สามารถ เก็บกักแหล่งน้ำได้ท่ีบ้านคลองแจ้งสามารถจัดทำอ่างเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ เพื่อนำน้ำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ภายใน ๔ ตำบล คือ ตำบลหนองน้ำใส ตำบลคลองไผ่ ตำบลหนองหญ้าขาว ตำบลดอนเมือง ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่โดยใช้ งบประมาณจำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ส่วนพื้นที่อ่างเก็บกักนำ้ ขุนนิยมบรรณาสาร ตำบลหนองน้ำใส เป็นอ่างเก็บกักน้ำ ขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันมีความตื้นเขินต้องการงบประมาณในการขุดลอกอ่างกักเก็บน้ำซึ่งเป็นปัญหาที่มี ความจำเป็นเรง่ ด่วน ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ตำบลหนองน้ำใส ตำบลคลองไผ่ ตำบลหนองหญ้าขาว ตำบลดอนเมือง เป็นตำบลที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน หากจะแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยหลักจะ ขึ้นอยู่กับตำบลหนองน้ำใสเพราะเป็นที่ตั้งของเขื่อนลำตะคอง ดังนั้น หากตำบลหนองน้ำใสมีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เช่น ฝาย หรือโครงการแก้มลิง จะสามารถแก้ไขปัญหาภัยแล้งได้ อำเภอสีคิ้วได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ สำหรับใช้บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวนเงินประมาณ ๑๒๐ ล้านบาท ดังน้ัน หากตำบลหนองน้ำใสสร้างแหลง่ เก็บกกั น้ำ จะช่วยแก้ไขปัญหาภยั แล้งได้ สว่ นการแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้าประชาชนต้องการให้มีการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล สำหรับโครงการที่ประชาชนในตำบลหนองน้ำใส ขอรบั การสนับสนุน ดังนี้ ๑. โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำขุนนิยมบรรณาสาร หมู่ ๑๘ บ้านทรัพย์ทวี จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พ้นื ทป่ี ระมาณ ๑๐๐ ไร่

๑๑๖ ๒. โครงการกอ่ สรา้ งอา่ งเกบ็ น้ำโปรง่ ใสกระทิง หมู่ ๙ บ้านคลองแจ้ง จำนวนเงิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พื้นทีป่ ระมาณ ๒๐๐ ไร่ กักเก็บน้ำไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า ๓ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร ๓. โครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ (แบบทางน้ำล้น) และขุดลอกหน้าฝาย จุดที่ ๑ หมู่ ๖ บ้านคลองไทร จำนวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท กอ่ สรา้ งฝายกวา้ ง ๖ เมตร ยาว ๒๗ เมตร ขุดลอกหนา้ ฝาย ๒๐๐ เมตร ๔. โครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ (แบบทางน้ำล้น) จุดที่ ๒ หมู่ ๖ บ้านคลองไทร จำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ก่อสร้างฝายกว้าง ๔ เมตร ยาว ๑๘ เมตร สูง ๓ เมตร หนา ๐.๑๕ เมตร ๕. โครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ (แบบทางน้ำล้น) คุ้มห้าอ่าง จุดที่ ๓ หมู่ ๖ บ้านคลองไทร จำนวนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท กอ่ สรา้ งฝายกว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๐๐ เมตร ลกึ ๑๐ เมตร ๖. โครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ (แบบทางน้ำล้น) คุ้มห้าอ่าง จุดที่ ๔ หมู่ ๖ บ้านคลองไทร จำนวนเงนิ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ก่อสร้างฝายกว้าง ๔ เมตร ยาว ๑๘ เมตร สงู ๓ เมตร หน่วยงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแนวทางการบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ในเขตพน้ื ทอ่ี ำเภอสีค้วิ แสดงความคดิ เห็น สรปุ ได้ ดังนี้ ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ แสดงความเห็นว่า งบประมาณรายจ่ายงบกลางของ จังหวัดนครราชสีมาได้รับจำนวนเงินประมาณ ๔๘ ล้านบาท ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติต้องการ รายชื่อประชาชนและพืน้ ทีส่ ำหรับการขุดเจาะบอ่ นำ้ บาดาล นายอำเภอสีคิ้ว แสดงความเห็นว่า ที่ดินในตำบลหนองน้ำใสบางพื้นที่เป็นที่ดินราชพัสดุ ที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ และที่ดินของกรมราชทัณฑ์ ส่วนพ้ืนทีส่ นั ภเู ขาเปน็ พ้ืนท่ขี องกรมป่าไม้ ดังน้นั เรอ่ื งของการขุดเจาะ บ่อน้ำบาดาลทางเทศบาลได้เสนอเรื่องไปยังกรมธนารักษ์และได้รับการอนุญาตแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการ พิจารณาของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลซึ่งในระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓ จะเข้าไปดำเนินการ ในพื้นที่หมู่ ๖ คลองไทร หมู่ ๘ โนนกระทินศรีประทาน สำหรับหมู่อื่น ๆ ที่ยังมิได้ดำเนินการยื่นคำขอขุดเจาะ บ่อนำ้ บาดาลจะต้องย่นื เร่ืองมาขออนุญาตตามข้ันตอนของทางราชการก่อน ซึ่งจะตอ้ งใช้ระยะเวลาพจิ ารณาประมาณ ๓ เดือน แต่ในช่วงเวลานั้นจะผ่านพ้นจากภัยแล้งเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน ช่วงนี้เป็นฤดูร้อนปริมาณน้ำมีน้อยตำบลหนองน้ำใส จึงประสบกับปัญหาภัยแล้ง เพราะตำบลหนองน้ำใสอยู่บนพื้นที่สูงการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเมื่อดำเนินการจะ ไม่คอ่ ยพบแหลง่ น้ำใต้ดนิ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา แสดงความเห็นว่า ในพื้นที่ตำบลหนองน้ำใส ตำบลคลองไผ่ ตำบลหนองหญ้าขาว และตำบลดอนเมือง ได้มีการดำเนินการโครงการชลประทานขนาดเล็ก กล่าวคือ งานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อแก้ไขปัญหาหรือบรรเทาความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องน้ำสำหรับ การอุปโภคบริโภค และการเกษตร ซึ่งเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชนในชนบท หรือพื้นที่ที่ห่างไกล โดยการก่อสร้างอาคารชลประทานขนาดเล็กประเภทต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและปัญหา ที่เกิดขึ้นตามความต้องการของประชาชน ส่วนการดำเนินงานใน พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๔ ได้กำหนดโครงการ เกี่ยวกับการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำไว้ จำนวน ๖ โครงการ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ตำบลหนองหญ้าขาวที่มีความ เชื่อมโยงระหว่างอ่างเก็บน้ำและอ่างรับน้ำ สำหรับพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโครงการขนาดกลางใช้เงินงบประมาณ จำนวน ๓๖๐ ล้านบาท และจะดำเนินการใน พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๒๐ ล้านบาท สว่ นใน พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๒๔๐ ลา้ นบาท จากลักษณะของพื้นท่ี ๔ ตำบล คอื ตำบลหนองนำ้ ใส ตำบลคลองไผ่ ตำบลหนองหญา้ ขาว ตำบลดอนเมือง หากจะพัฒนาเป็นโครงการแหล่งกักเก็บน้ำขนาดกลางนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะมีปัญหาเรื่องพื้นที่ ปัญหาลักษณะ ภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นต้นน้ำ หากจะมีการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลพบปัญหาเอกสารสิทธิ์ของประชาชนส่วนใหญ่ เปน็ ท่ีดนิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ ปัญหาการถา่ ยโอนภารกิจโครงการชลประทานขนาดเล็ก และปญั หาลกั ษณะของลำน้ำ การพฒั นาแหล่งน้ำท่ีสามารถจะดำเนนิ การได้ คอื การพัฒนาเชงิ ระบบมีความเชื่อมโยง สว่ นใหญท่ ป่ี ระชาชนร้องขอให้

๑๑๗ ดำเนินการ คือ การขุดลอกสระ ขุดลอกลำห้วย ส่วนแหล่งกักเก็บน้ำที่ประชาชนต้องการให้ดำเนินการก่อสร้าง เพ่ิมขึ้นน้ันเป็นบริเวณพ้นื ทีต่ น้ นำ้ การกอ่ สรา้ งเป็นไปไดย้ าก ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา แสดงความเห็นว่า กรณีที่ดินเป็นของกรมธนารักษ์ประชาชน ยังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นท่ีดังกล่าวได้ แต่ถ้าเปลี่ยนมาให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมก็สามารถ ดำเนินการได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหารเป็นหลัก หากสิ่งใดที่เป็นสิทธิประโยชน์ต่อประชาชน เกษตรกร ชมุ ชนท้องถิน่ ทางหน่วยงานราชการยนิ ดที ่ีจะให้การสนบั สนุน ธนารักษ์พื้นที่นครราชสีมา แสดงความเห็นว่า ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้มีการยื่นคำขอ ดำเนินการจัดทำระบบประปาซึ่งตามกฎกระทรวงจะต้องเช่าในการดำเนินการทำกิจการประปา ดังนั้น จึงแจ้ง องค์การบริหารส่วนตำบลว่า ให้เปลี่ยนหนงั สอื ใหม่โดยให้เขียนว่าขอดำเนนิ การเพราะปัญหาภัยแล้ง เพื่อให้ใช้ พื้นท่ีบริเวณดังกล่าวได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าเช่า จากนั้น องค์การบริหารส่วนตำบลแจ้งกลับมาเมื่อต้นเดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และได้พิจารณาอนุมัติเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ จะเห็นได้ว่าเป็นความเข้าใจที่มี ความคลาดเคลื่อนกันจึงทำให้เสียเวลาในการดำเนินงาน ส่วนเรื่องแหล่งกักเก็บน้ำที่อยู่ในที่ราชพัสดุได้มีการ ดำเนินการไปเรยี บร้อยแลว้ ไม่มปี ัญหา แตถ่ ้ามีการขุดลอกและนำดินออกไปจะต้องดำเนนิ การตามระเบียบทาง ราชการนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน สำหรับการจะเปลี่ยนจากที่ราชพัสดุให้เป็น ส.ป.ก. ๔ -๐๑ ต้องให้เป็น นโยบายของรัฐบาล แต่ขอใหข้ ้อสังเกตว่า คณุ สมบัติของผู้มีสิทธยิ ื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในทด่ี ิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ ตอ้ งเป็นเกษตรกรและท่ีสำคัญคือไมส่ ามารถโอนใหผ้ ู้อ่ืนได้ แต่ที่ราชพสั ดุสามารถโอนสิทธิการเช่าได้ จึงขอฝาก ให้พจิ ารณาตามข้อเท็จจรงิ นี้ ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา แสดงความเห็นว่า ในส่วน ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินงานเกี่ยวกับปัญหาของประชาชนที่มีความยากจน หากประชาชนประสบปัญหาทางสังคมสามารถยื่นเรื่องมาที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดได้ ซ่ึงหนว่ ยงานพรอ้ มทจ่ี ะใหค้ วามช่วยเหลือประชาชน ผู้แทนสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา แสดงความเห็นว่า สำนักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาพร้อมให้ความสนับสนุนเคร่ืองสูบน้ำ รถขนส่งน้ำ อุปโภคบริโภคใหก้ ับประชาชน แต่เนื่องจากหน่วยงานไม่ได้รบั งบประมาณสนับสนุนจึงต้องขอรับเงินสนับสนนุ จากผวู้ า่ ราชการจงั หวัดสำหรับใช้ดำเนินการในพนื้ ท่ี ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั ๑. ควรมีการวางแผนเรื่องการบริหารจัดการแหล่งน้ำร่วมกันแบบบูรณาการทั้งจังหวัด เพอื่ เปน็ การแกไ้ ขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว ๒. การขุดเจาะบอ่ นำ้ บาดาลบางพืน้ ท่นี นั้ อาจมีปัญหา เน่ืองจากการขดุ เจาะบางครัง้ อาจไมพ่ บแหล่งน้ำ ๓. การแก้ไขปัญหาระยะสั้นท่เี ห็นผลควรดำเนินการ เช่น การขนนำ้ มาใช้ในการอปุ โภคบรโิ ภค ๔. อำเภอจะต้องพจิ ารณารว่ มกบั จังหวดั วา่ จะต้องมีการสร้างแหล่งกกั เกบ็ น้ำจำนวนเท่าไร ๕. ควรดำเนนิ การพิจารณาวา่ จะวางระบบชลประทานอยา่ งไร โดยจดั ทำเปน็ แผนแมบ่ ทการบริหาร จดั การแหล่งน้ำท้ังระบบ

๑๑๘ สภาพทั่วไปของพื้นท่แี หลง่ กักเก็บนำ้ หว้ ยถำ้ เสอื หมู่ ๙ บ้านสม้ กบงาม ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสมี า ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งน้ำ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปดูพื้นที่ห้วยถ้ำเสือ หมู่ ๙ บ้านส้มกบงาม ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสำรวจพื้นที่แหล่งกักเก็บน้ำบริเวณโดยรอบห้วยถ้ำเสือ โดยมีความเห็นว่า ควรดำเนินการ ขุดลอกห้วยถ้ำเสือให้มีความลึกเพิ่มขึ้นจากเดิมลึก ๓ เมตร ให้มีความลึกเพิ่มขึ้นเป็น ๖ เมตร เพื่อเป็นแหล่ง กักเก็บนำ้ ให้กับประชาชนในพ้ืนที่ใช้สำหรบั การอปุ โภคบริโภคตอ่ ไป ๕.๒ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปศึกษาดูงาน เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในวนั ศุกรท์ ี่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ณ เข่อื นสริ นิ ธร จังหวัดอบุ ลราชธานี คณะกรรมาธิการ วิสามัญ ร่วมปรึกษาหารือกับส่วนราชการและรับทราบข้อมูล เกี่ยวกับ สภาพปัญหาและอุปสรรคการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีผู้แทนส่วนราชการร่วม ปรึกษาหารือและบรรยายสรุปข้อมลู ประกอบด้วย ผวู้ ่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผวู้ า่ ราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ ๗ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ ๘ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต ๑๑ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค ๓ ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรนำ้ ภาค ๑๑ ผอู้ ำนวยการโรงไฟฟ้าพลังนำ้ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ และกรมฝนหลวงและ การบนิ เกษตร รวมท้ัง หนว่ ยงานต่าง ๆ ท่เี กีย่ วข้อง รว่ มปรกึ ษาหารือและบรรยายสรุปข้อมูล ดงั นี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกรโดยการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เป็นต้นไป เพราะตั้งแต่ปลาย พ.ศ. ๒๕๖๒ เกิดสถานการณ์ภัยแล้งจึงได้ ดำเนินการจัดทำฝนหลวงแต่สามารถดำเนินการได้เป็นกลุ่มโดยมีพื้นที่ครอบคลุม ๓ – ๕ กิโลเมตร โดยไม่สามารถ ดำเนินการใหฝ้ นตกเปน็ บริเวณกว้างได้ การต้งั หน่วยปฏิบตั กิ ารฝนหลวงในแตล่ ะภมู ิภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้งั หน่วยปฏิบตั ิการ จำนวน ๔ หนว่ ยปฏิบตั ิการ ดังน้ี

๑๑๙ หนว่ ยที่ ๑ จังหวดั อุดรธานี โดยใชเ้ คร่อื งบินของกองทัพอากาศ หน่วยท่ี ๒ จังหวดั ขอนแกน่ โดยใชเ้ ครือ่ งบนิ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร หน่วยที่ ๓ จงั หวดั นครราชสีมา โดยใช้เคร่อื งบินของกองทัพอากาศและเคร่ืองบนิ ของ กรมฝนหลวงและการบนิ เกษตร หนว่ ยท่ี ๔ จังหวดั สรุ นิ ทร์ โดยใชเ้ คร่ืองบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดอุบลราชธานีตามแผนหลักประจำปีแล้ว จะมีการตั้งหน่วยปฏิบัติการเดือนมิถุนายน แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปีนี้ทุกภูมิภาคประสบปัญหาภัยแล้ง จึงมีการจัดสรรเครื่องบินของกองทัพอากาศ จำนวน ๖ ลำ กองทัพบก ๑ ลำ มาช่วยปฏิบัติการในการจัดทำฝนหลวง โดยจังหวัดอุบลราชธานีช่วงนี้ได้ นำเคร่อื งบินจากหนว่ ยงานท่ี ๔ จังหวัดสรุ นิ ทรม์ าชว่ ยในการดำเนนิ การจัดทำฝนหลวง เดือนกรกฎาคมน้ีเป็นช่วงฤดูฝน แต่ฝนทิ้งช่วง กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงช่วยดำเนินการจัดทำฝนหลวง แต่เครื่องบินมีจำนวนจำกัด และมี ระยะเวลาการใช้งานมากแล้ว สภาพเครื่องบินเก่าผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับฝนหลวงมีความเสี่ยงภัยในการทำงานมาก ดังนั้น นักบินท่ีปฏิบัติการฝนหลวงควรได้รับการดูแลด้านสวัสดิการและเงินเดือนให้มีความเหมาะสมกับการเสี่ยงภยั ในการปฏิบัติหนา้ ที่ให้มากกว่าน้ี และควรผลักดันให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับเครื่องบิน ในการจัดทำ ฝนหลวง เพื่อช่วยในการบรรเทาปัญหาภยั แลง้ หากพิจารณาเขื่อนที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ ๗ ประกอบด้วย จงั หวดั อบุ ลราชธานี จงั หวดั ยโสธร จังหวดั อำนาจเจริญ จังหวดั มุกดาหาร และจังหวัดนครพนม พบว่า มีปริมาณน้ำ อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถึงดีมาก เนื่องจากมีการบริหารจดั การทรพั ยากรน้ำด้วยการประชุมร่วมกับผูท้ ี่มีความต้องการ ใช้น้ำในการเพาะปลกู เขื่อนสิรินธรมีประวัติการก่อสร้างเข่ือนเริ่มต้ังแตเ่ ดอื นมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑ และมีการวางศลิ าฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เชิญพระนามของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขนานนามว่า เขื่อนสิรินธร การก่อสร้างตัวเขื่อนและ ระบบส่งไฟฟ้า ระยะแรกแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๔ หลังจากนั้น เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ สำนักงาน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้มอบเขื่อนสิรินธรให้อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย (กฟผ.) คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู าน ณ เขอ่ื นสิรนิ ธร

๑๒๐ เขื่อนสิรินธรเป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่มีความสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะให้ ประโยชน์ทางด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งด้านการชลประทาน การป้องกันอุทกภัย และการท่องเที่ยว ลักษณะของเขื่อนสิรินธร เป็นเขอื่ นประเภทหนิ ถมแกนดินเหนียวสร้างปิดก้ันแม่น้ำลำโดมน้อย ซงึ่ เป็นสาขาของแม่นำ้ มลู ตัวเขื่อนมีความสูง ๔๒ เมตร ยาว ๙๔๐ เมตร สันเขื่อน กว้าง ๗.๕ เมตร พื้นที่ขอบเขื่อนที่ระดับ เก็บกักน้ำปกติ ๒๘๘ ตารางกิโลเมตร มีปริมาณเก็บกักน้ำ จำนวน ๑,๙๖๖.๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับเก็บกักน้ำ ปกติสูงสุด ๑๔๒.๒ เมตร ระดับน้ำทะเลปานกลาง ปริมาณน้ำปัจจุบัน ๑,๐๓๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น ร้อยละ ๕๒.๕๔ และมีปริมาณน้ำที่ใช้การได้ ๒๐๑.๗๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น ร้อยละ ๑๐ ซึ่งมีปริมาณ มากกว่า พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๖๖ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีกำลังผลิตรวม ๓ x ๑๒ เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้า เฉลีย่ ๙๐ Mkwh/ปี โรงไฟฟ้า ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ๓ เครื่อง ขนาดกำลังผลิต เครื่องละ ๑๒,๐๐๐ กิโลวัตต์ รวมกำลงั ผลติ ทง้ั สน้ิ ๓๖,๐๐๐ กโิ ลวัตต์ สำนักงานชลประทานที่ ๗ กำหนดมาตรการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแม่น้ำชี และแม่น้ำมูล สรปุ ได้ ดงั น้ี แม่น้ำชี มีการชะลอน้ำจากแม่น้ำชีตอนบนที่เขื่อนมหาสารคาม ควบคุมการระบายน้ำจาก อา่ งเกบ็ นำ้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จำนวน ๒๓ แหง่ ท้ายเขื่อนมหาสารคาม รวมทงั้ ไดด้ ำเนินการ ประชาสัมพนั ธ์แจง้ เตอื นภัยในพนื้ ทด่ี า้ นท้ายน้ำ แม่น้ำมูล มีการชะลอน้ำที่เขื่อนราษีไศลให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านท้ายน้ำ และติดตาม ผลด้านสถานการณ์น้ำตลอดเวลา ปรับลดการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก จำนวน ๕๗ แห่ง และมีการชะลอน้ำที่เขื่อนลำเซบาย อำนาจเจริญ เขื่อนลำโดมใหญ่ และลำน้ำสาขาอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านท้ายน้ำ และติดตามผลตลอดเวลา โดยมีการเฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำที่สถานี M ๗ รวมทัง้ ดำเนนิ การประชาสมั พันธ์แจ้งเตือนพนื้ ที่ดา้ นท้ายน้ำ มาตรการการเตรยี มการรับมือปัญหาอุทกภยั ของสำนกั งานชลประทานท่ี ๗ ๑. การกำหนดพื้นที่ โดยการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก พื้นที่ เกษตรเสี่ยงภัยน้ำท่วม โดยการกำหนดปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของ อ่างเก็บน้ำ กำหนดปริมาณน้ำในลำน้ำ และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมทั้ง กำหนดพื้นที่ทางการเกษตรและ ชมุ ชนพ้ืนท่ีเสีย่ งภัย ๒. การกำหนดบุคลากร โดยการกำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่าง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบ รวมทั้ง ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กำหนดผู้ที่มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำ วิเคราะห์คาดการณ์น้ำ ในลำน้ำ ๓. การจัดสรรทรัพยากรน้ำ เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกล รถขุด รถแทร็คเตอร์ หรือเครื่องมือ ต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ให้เพียงพอ โดยเฉพาะจุดเสี่ยงภัยน้ำท่วม ได้มีการเตรียมให้มีความพร้อม สำหรบั การใช้งานตลอดเวลาตามแผนงานที่ได้วางไว้ และมกี ารเตรยี มสำรองไวท้ ีส่ ว่ นกลาง แนวทางการระบายนำ้ และผนั น้ำ จงั หวดั อบุ ลราชธานี ประกอบด้วยโครงการและแผนงานต่าง ๆ ดงั น้ี ๑. โครงการผันน้ำโดยมีแนวทางผันน้ำเป็นคลองผันน้ำและคลองชลประทานเพื่อบรรเทา อุทกภัยจากแม่น้ำมูลตอนล่าง และในเขตเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ เพื่อผันน้ำโดยเร่ง การระบายน้ำจากแมน่ ้ำมลู เพ่ือลำเลียงนำ้ ออ้ มผา่ นจงั หวัดอุบลราชธานี ผา่ นหว้ ยผับนำนำ้ ไปสูเ่ ข่ือนลำโดมใหญ่

๑๒๑ ๒. แผนงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแบบประชารัฐ โครงการกระเพาะหมูทองคำปากกุดหวาย เพื่อให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่บริเวณปากกุดหวาย ได้มีส่วนร่วมในทุก ขั้นตอนกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาแม่น้ำมูลบริเวณปากกุดหวายร่วมกันค้นหาที่มาของปัญหา เรื่องน้ำ ความต้องการใช้น้ำทั้งในปัจจุบันและอนาคต และการหารูปแบบและวิธีดำเนินการแก้ปัญหาแบบ บูรณาการในทุกมิติโดยชุมชนทั้งลุ่มน้ำนั้นเอง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งด้าน ปริมาณและคณุ ภาพอย่างยัง่ ยืน ปราศจากข้อขดั แยง้ ในชมุ ชนล่มุ นำ้ ทง้ั ระยะสั้นและระยะยาว ๓. แผนงานโครงการแกม้ ลงิ โดยมแี ผนงานหรือโครงการ ประมาณ ๓๗ โครงการ เช่น แก้มลิง บึงสวะพร้อมอาคารประกอบ (ระยะที่ ๒) แก้มลิงลำห้วยยาง (ห้วยคำเนียม) พร้อมอาคารประกอบพื้นที่รับ ผลประโยชน์ ๑,๐๐๐ ไร่ ความจุ ๐.๑๔ ลา้ นลกู บาศก์เมตร เป็นต้น ๔. โครงการแหลง่ น้ำทเ่ี พม่ิ น้ำ (แกม้ ลงิ หนองชา้ งใหญ)่ เกดิ ขึน้ จากสภาพปัญหาเกษตรบางส่วน ด้านเหนืออ่างเก็บน้ำมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตร อ่างเก็บน้ำหนองช้างใหญ่ก่อสร้างมาเป็นระยะ เวลานาน เกิดตะกอนเป็นจำนวนมาก มปี ริมาณความจุ ๗.๖๗ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร ใน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับผลกระทบ จากพายุโพดุลท่ีมีปริมาณนำ้ ๒๓ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร จงึ เกดิ นำ้ ทว่ มขงั ในพื้นที่ จึงมแี ผนงานปรับปรุงประสิทธิภาพ การเก็บกักอา่ งเกบ็ น้ำหนองชา้ งใหญ่ พ.ศ. ๒๕๖๓ – พ.ศ. ๒๕๖๔ ทีต่ ำบลยางสกั กระโพหลุม่ อำเภอมว่ งสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ คือ ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จาก ๑๕.๓๓ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น ๒๓ ล้านลูกบาศก์เมตร จากเดิมปริมาณน้ำ ๗.๖๗ ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ จำนวน ๑๘,๕๐๐ ไร่ จากเดิม ๓,๕๐๐ ไร่ เพิ่มขึ้น ๑๕,๐๐๐ ไร่ พื้นที่ชลประทาน จำนวน ๑๒,๓๐๐ ไร่ จากเดิม ๔,๓๐๐ ไร่ เพิ่มขึ้น ๘,๐๐๐ ไร่ ครัวเรือนได้ประโยชน์ จำนวน ๒,๐๐๐ ครัวเรือน และเป็นแหล่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ใหก้ ับพน้ื ที่ชมุ ชนและพ้ืนทีช่ ุมชนใกล้เคยี ง รวมทงั้ เปน็ แหลง่ เพาะพนั ธ์ุสัตว์น้ำของชุมชน ๕. การจราจรทางน้ำ โดยมีการศึกษาและจัดทำระยะเวลาเดินทางของน้ำในแม่น้ำชี และแม่น้ำมูลตอนล่าง เพ่อื สำหรบั การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีความสอดคลอ้ งและเหมาะสม ส่วนสำนักงานชลประทานที่ ๘ ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ และจงั หวดั ศรีสะเกษ ปรมิ าณนำ้ เกบ็ กกั ณ วนั ท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ดังน้ี - อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๕ แหง่ ปริมาตรน้ำกักเก็บ ๑,๐๐๗ ลา้ นลกู บาศก์เมตร ปริมาตรน้ำใช้การ ๙๖๖ ลา้ นลูกบาศก์เมตร ปรมิ าตรน้ำปัจจบุ นั ๑๘๖ ลา้ นลูกบาศก์เมตร คดิ เปน็ ร้อยละ ๑๙ ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๑๔๕ ล้านลกู บาศกเ์ มตร คิดเป็นร้อยละ ๑๕ - อา่ งเกบ็ นำ้ ขนาดกลาง ๗๑ แหง่ ปริมาตรน้ำกักเก็บ ๘๕๙ ลา้ นลูกบาศก์เมตร ปรมิ าตรน้ำใช้การ ๗๙๘ ล้านลูกบาศกเ์ มตร ปริมาตรน้ำปจั จบุ นั ๒๑๒ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร คิดเป็นรอ้ ยละ ๒๕ ปริมาตรนำ้ ใชก้ ารได้ ๑๕๑ ล้านลกู บาศก์เมตร คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๙ - อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ๔๒ แห่ง ปริมาตรน้ำกักเก็บ ๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาตรน้ำใช้การ ๑๙ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร ปรมิ าตรน้ำปัจจุบัน ๕ ล้านลกู บาศก์เมตร คดิ เป็นร้อยละ ๒๘ ปรมิ าตรน้ำใช้การได้ ๕ ลา้ นลูกบาศก์เมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๘ รวมทั้งสำนักงานชลประทานท่ี ๘ ปรมิ าตรน้ำกักเกบ็ ๑,๘๘๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาตรน้ำใช้การ ๑,๗๘๓ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ปรมิ าตรน้ำปัจจุบัน ๔๐๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเปน็ รอ้ ยละ ๒๑

๑๒๒ ปรมิ าตรน้ำใชก้ ารได้ ๓๐๒ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร คดิ เป็นร้อยละ ๑๗ แผนการจดั สรรและเพาะปลกู พืชฤดูฝน พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนกั งานชลประทานท่ี ๘ สรุปได้ ดังน้ี ๑. การอปุ โภค บริโภค จำนวน ๗๙ ล้านลกู บาศก์เมตร ๒. ระบบนเิ วศและอ่ืน ๆ จำนวน ๑๔๐ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ๓. การเกษตรกรรม จำนวน ๘๐๘ ล้านลกู บาศกเ์ มตร ๔. การอุตสาหกรรม จำนวน ๑๒ ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร กลา่ วโดยสรุปวา่ จากการเดนิ ทางไปศึกษาดงู านในพนื้ ท่จี ังหวัดอุบลราชธานีของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พบวา่ สถานการณข์ องเขื่อนในพ้ืนท่ีอ่นื มีความนา่ เป็นห่วงเพราะว่ามีปรมิ าณน้ำน้อย มีเพียง ๓ เขื่อนที่มีปริมาณ น้ำในเกณฑ์ดี คือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนลำปาว และเขื่อนจุฬาภรณ์ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญมีความห่วงใยจึงขอ ความอนุเคราะห์จากกรมชลประทานพิจารณาสั่งการสำนักงานชลประทานในท้องถิ่นดำเนินการวางแผนเพื่อบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำ จากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่อยู่ในพื้นที่พบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ในเขตชลประทาน รวมทั้งได้รับฟังสภาพปัญหาน้ำขาดแคลนจากผู้แทนจากผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้ข้อมูลว่า นำ้ เพอ่ื การอุปโภคบริโภคยังอยู่ในสภาวการณ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ทพ่ี บปญั หาคือการขาดแคลนน้ำเพื่อ การเกษตรไม่ว่าจะเป็นในพื้นท่ีเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีความ หว่ งใยในสถานการณ์น้ำท่วมดว้ ย ๕.๓ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปศึกษาดูงาน เรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในบรเิ วณพนื้ ทีต่ ื้นเขนิ และแนวทางการผลกั ดันการรุกลำ้ น้ำเค็มออกจากนำ้ จืด ในวันพธุ ท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยาถึงจงั หวัดสมุทรปราการ คณะกรรมาธิการวิสามัญรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในบริเวณพื้นท่ี ตื้นเขินและแนวทางการผลักดันการรุกล้ำน้ำเค็มออกจากน้ำจืด โดยมีผู้แทนส่วนราชการร่วมปรึกษาหารือและ บรรยายสรุปข้อมูล ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา และบำรุงรักษาทางนำ้ ที่ ๑ กล่าวโดยสรุปได้ ดงั น้ี การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในบริเวณพื้นที่ตื้นเขิน คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไป ศึกษาดูงานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก โดยแม่น้ำป่าสักมีสัดส่วนการขนส่ง ทางลำน้ำสูงสุดของประเทศ ประมาณ ๓๐ ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ ๖๐ ของประเทศ รองรับการขนส่งสินค้า จากถนนที่มาจากทางภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือเชื่อมโยงการขนสง่ สินค้าชายฝั่งและต่างประเทศ สภาพร่องน้ำปัจจุบันตื้นเขินและแคบ เป็นอปุ สรรคต่อการเดินเรือจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อเพ่ิมศักยภาพด้วยการสร้าง เขื่อนป้องกันตลิ่งก่อนการขุดลอก รวมทั้ง แก้ปัญหาสิ่งกีดขวางและที่จอดเรือในลำน้ำ โครงการพัฒนา ประสิทธิภาพการเดินเรือในแม่น้ำป่าสักมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เรือขนาด ๒,๕๐๐ ตัน เดินเรือได้สะดวกจาก จุด บรรจบแมน่ ำ้ เจา้ พระยาขน้ึ ไปถึงเขตอำเภอนครหลวง ทกี่ โิ ลเมตรท่ี ๒๓ จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจากการ พฒั นาจะสามารถเพมิ่ การขนส่งทางนำ้ เป็น ๖๔.๖๔ ลา้ นตัน ใน พ.ศ. ๒๕๙๔ ปัญหาการเดินเรือที่พบ คือ เรือติดพื้นที่บริเวณน้ำต้ืนเขินในช่วงฤดนู ้ำนอ้ ย ความกว้างตอม่อ สะพานแคบไม่เพียงพอต่อการเดินเรือส่วนทาง ความสูงช่องลอดสะพานไม่เพียงพอต่อการเดินเรือลอดผ่านในฤดูน้ำหลาก พื้นที่อันตรายทำให้การเดินเรือไม่มีความปลอดภัย การจอดเรือไม่เป็นระเบียบ จอดเรือทิ้งร้าง ทำให้กีดขวางทาง เดินเรอื การเดินเรอื แออัด การควบคมุ สอดส่องดแู ลไม่ทวั่ ถึง การบริหารจัดการการเดนิ เรอื ไม่เปน็ ระบบ เกิดอุบัติเหตุ การจราจรทางน้ำ โครงการพัฒนาประสิทธิภาพการเดินเรือในแม่น้ำป่าสัก จะดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกัน ตลิ่งพังความยาว ๒๕ กิโลเมตร ขุดลอกร่องน้ำลึก ๖.๖ เมตร วัตถุประสงค์ เพื่อให้เรือขนาด ๒,๕๐๐ ตัน

๑๒๓ สามารถเดินเรือได้สะดวก ตั้งแต่กิโลเมตรที่ ๐+๐๐๐ ถึง กิโลเมตรที่ ๒๓+๐๐๐ เริ่มตั้งแต่วัดพนัญเชิงวรวิหาร อำเภอพระนครศรอี ยุธยา ถงึ วดั พระนอน อำเภอนครหลวง จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา สรุปได้ ดังนี้ ๑. การพัฒนาระบบการจัดการการจราจรทางน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการติดตั้ง ระบบจัดการจราจรและศูนย์ควบคุมการจราจรทางน้ำ ก่อสร้างที่ผูกเรือในแม่น้ำป่าสัก และที่ผูกเรือในแม่น้ำ เจ้าพระยาบริเวณวัดไก่เตี้ย ติดตั้งหลักกันตอม่อสะพาน ติดตั้งป้ายจราจรทางน้ำ จัดทำหมายสีแสดงความสูง ช่องลอดสะพานที่ระดับน้ำตา่ ง ๆ งานแกไ้ ขส่ิงกดี ขวางทางเดินเรือ ๒. การพัฒนาทางเดินเรือกโิ ลเมตรท่ี ๐ – ๒๓ โดยการขดุ ลอกสำหรับการเดนิ เรือ ๒,๕๐๐ ตัน ช่วงกิโลเมตรที่ ๐ – ๑๓ ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งจุดที่มีการขุดลอก และบริเวณที่กัดเซาะรุนแรง ก่อสร้าง เคร่อื งปอ้ งกันเขอ่ื นป้องกนั ตลงิ่ เดิมในจุดที่ขดุ ลอก ปรับปรงุ สะพานทางหลวงหมายเลข ๓๒ ประโยชนข์ องโครงการ ๑. เพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการขนสง่ สินค้าทางนำ้ ในแมน่ ้ำปา่ สักให้เป็นไปตามมาตรฐาน ๒. เกิดการเติบโตของการขนส่งสินค้าจากปริมาณการขนส่งใน พ.ศ. ๒๕๖๐ ประมาณ ๓๒.๗๑ ลา้ นตนั เพิ่มขน้ึ เปน็ ๖๔.๖๔ ลา้ นตนั ใน พ.ศ. ๒๕๙๔ ๓. ผลประโยชน์ทางตรง รวมมูลค่า จำนวน ๓๑,๖๘๖.๙๑ ล้านบาท ประกอบด้วย การประหยัด ค่าใช้จ่ายขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการ จำนวน ๓๐,๔๒๔.๐๒ ล้านบาท การประหยัดความสูญเสียด้าน อบุ ตั ิเหตตุ อ่ ปรมิ าณสินคา้ จากการขนส่ง จำนวน ๑,๒๖๒.๘๙ ล้านบาท ๔. ผลประโยชน์ทางอ้อม รวมมูลค่า จำนวน ๑๒,๗๑๔.๘๒ ล้านบาท ประกอบด้วย การประหยัด เงินตราจากการลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน ๕,๙๕๗.๘๔ ล้านบาท การประหยัดค่าใช้จ่ายด้าน สงิ่ แวดลอ้ ม จำนวน ๙.๓๕ ล้านบาท การประหยดั ค่าใช้จ่ายด้านอุบัติเหตุต่อชีวติ และทรัพย์สิน จำนวน ๔๖.๗๖ ลา้ นบาท การประหยัดค่าใชจ้ า่ ยในการซ่อมบำรงุ ถนน จำนวน ๖,๗๐๐.๘๗ ล้านบาท จากนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เดินทางไปรับทราบข้อมูลของแนวทางการผลักดันการรุกล้ำ น้ำเค็มออกจากน้ำจืด ของการประปานครหลวง สถานีสูบน้ำดิบสำแล จังหวัดปทุมธานี และรับฟังการบรรยาย จากผอู้ ำนวยการฝ่ายทรพั ยากรนำ้ และสิง่ แวดลอ้ ม การประปานครหลวง กลา่ วโดยสรปุ ได้ ดงั นี้ การประปานครหลวงเป็นหน่วยงานกลางที่ดำเนนิ การปรับปรงุ คุณภาพน้ำที่ได้รับการจัดสรร มาให้มคี ณุ ภาพและจ่ายน้ำท่ีมีคณุ ภาพให้กับผู้ใช้น้ำในพนื้ ที่ใหบ้ ริการของการประปานครหลวง ครอบคลุมพื้นที่ ๓ จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ปัจจุบันมีผู้ใช้น้ำจากการประปานครหลวง จำนวน ๒.๔ ล้านราย การประปานครหลวงมีหน้าที่จัดสรรน้ำให้ผู้อุปโภค บริโภค ได้ใช้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด การประปานครหลวงมีแหล่งน้ำดิบ ๒ แหล่ง ประกอบด้วย แหล่งที่ ๑ แมน่ ้ำเจา้ พระยา และแหล่งที่ ๒ แมน่ ้ำแมก่ ลอง

๑๒๔ สถานสี ูบน้ำดบิ สำแล การประปานครหลวง ปัจจุบันปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำกักเก็บ ในเขื่อนหลักมีปริมาณน้อยลง โดยเฉพาะเขื่อนฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำให้บางครั้งไม่สามารถระบายน้ำให้ เพียงพอต่อการผลักดันน้ำเค็มส่งผลให้น้ำเค็มรุกสงู ถึงสถานีสูบน้ำดบิ สำแลของการประปานครหลวง ก่อให้เกิด ปัญหาน้ำดิบที่ใช้สำหรับผลิตน้ำประปามีความเค็มสูงขึ้น ดังนั้น การประปานครหลวงในฐานะหน่วยงานจดั หา และให้บริการน้ำประปาที่ได้มาตรฐานเพื่อการอุปโภค บริโภค จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานบริหารจัดการน้ำของประเทศ แต่เนื่องจากปัญหาภัยแล้งเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ รวมทั้ง การประปานครหลวงมีข้อจำกัดด้านแหล่งน้ำดิบที่มีเพียง ๒ แหล่ง ซึ่งปัจจุบันไม่เชื่อมโยงถึงกัน และ มีความต้องการใช้น้ำดิบจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยามากถึง ๔.๖ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งผลให้ไม่สามารถหา แหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนได้ นอกจากนี้ระบบผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวงได้รับการออกแบบตาม มาตรฐานสำหรับการรองรับน้ำดิบผิวดินที่เป็นน้ำจืด จึงไม่สามารถจำกัดค่าความเค็มได้ ส่งผลให้การแก้ไข ปัญหาที่ผา่ นมายงั ไม่มปี ระสิทธิภาพเพียงพอ ส่งผลกระทบให้ในบางช่วงเวลาคุณภาพน้ำประปาไม่ไดม้ าตรฐาน ตามทกี่ ำหนด ซง่ึ อาจมผี ลกระทบต่อสขุ ภาพของผู้ใช้นำ้ จำนวนมาก และสรา้ งความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้น การประปานครหลวงจึงได้พัฒนาเครื่องมือและแนวทางการผลักดัน การรุกล้ำน้ำเค็มออกจากน้ำจืดบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น สามารถลดผลกระทบลง

๑๒๕ ได้มากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งการพัฒนาเครื่องมอื จำเป็นต้องบูรณาการข้อมูลหลายด้านทัง้ ข้อมูลย้อนหลังและข้อมลู ปัจจบุ ันจากทงั้ ภายในและภายนอกองคก์ ร เช่น ขอ้ มูลทีไ่ ด้จากเคร่ืองวดั ปริมาณและคุณภาพนำ้ ท่ตี ิดตั้งในแหล่ง น้ำดบิ เพื่อจดั ทำเป็นแบบจำลองคาดการณ์คา่ ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาแบบอตั โนมัตลิ ว่ งหน้า ระยะเวลา ๑ – ๓ วัน โดยใช้เครื่องมือ LSTM (Long short – term memory) ซึ่งมีค่าสัมประสิทธ์ิแสดงการตัดสินใจสูงประมาณ ๐.๙๔ เพื่อเป็นเครื่องมือใช้ในการวางแผนบริหารจัดการสูบน้ำดิบที่มีค่าความเค็มเหมาะสมเข้าสู่คลองประปา ซงึ่ การประปานครหลวงกำหนดเกณฑม์ าตรฐานไมเ่ กิน ๐.๒๕ กรัมต่อลติ ร โดยสามารถลดจำนวนชัว่ โมงที่น้ำดบิ มีค่าความเค็มเกินเกณฑ์มาตรฐานในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จาก ๑๗๒ ชั่วโมง เหลือเพียง ๗๒ ชั่วโมง หรือคดิ เปน็ ลดลงร้อยละ ๕๘ และโรงงานผลิตน้ำจะต้องปรบั อัตราการผลติ น้ำประปาใหเ้ หมาะสมกับอัตราการ สบู นำ้ ดิบของสถานีสูบน้ำดิบสำแลโดยไมส่ ง่ ผลต่อผใู้ ช้น้ำ นอกจากนเี้ ครื่องมอื ดงั กล่าวยงั สามารถใชก้ ำหนดเวลา และวางแผนการผลักดันน้ำเค็มให้ลงห่างจากสถานีสูบน้ำดิบสำแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเรียกว่า ปฏบิ ัติการ Water Hammer Flow Operation in Cho Praya River ซึ่งดำเนินการร่วมกบั กรมชลประทาน โดยใชม้ วลน้ำ ก้อนใหญ่ปะทะลิ่มความเค็มที่รุกสูงขึ้นมา โดยเพิ่มการระบายน้ำ ผันน้ำ และเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ในช่วงเวลาน้ำลง ปิดช่วงเวลาน้ำขึ้น พร้อมกับการประปานครหลวงหยุดสูบน้ำดิบเข้าในคลองประปา และปรับเพิ่ม ลดกำลังการผลิตน้ำประปาให้เหมาะสม ซึ่งเครื่องมือและวิธีการดังกล่าวทำให้การแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดผลกระทบลงได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายหลังการรับฟังการบรรยาย คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้เดินทางโดยเรือเพื่อไปศกึ ษาดูงานการรกุ ล้ำของนำ้ เค็มบรเิ วณปากแมน่ ำ้ เจา้ พระยา จงั หวดั สมุทรปราการ ๖. ขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั เพ่อื แก้ปัญหาการบรหิ ารจัดการน้ำ ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ ๕๑๔,๐๐๘ ตารางกิโลเมตร หรือ ๓๒๑.๒ ล้านไร่ อยู่ภายใต้อิทธิพล ของมรสุม ๒ ชนิด ได้แก่ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีปริมาณฝนรวม ตลอดปีเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ ๑,๔๕๕ มิลลิเมตร เกิดเป็นปริมาณน้ำท่ารวมประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณน้ำท่าธรรมชาติเฉลี่ย ๓,๔๙๖ ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี โดยมีการพัฒนา แหล่งเก็บกักน้ำ รวมความจุ ๘๑,๓๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๘ ของปริมาณน้ำท่าธรรมชาติ จำแนกเป็นแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ๗๓,๔๘๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ขนาดกลาง ๔,๒๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และขนาดเลก็ ๓,๖๙๓ ล้านลูกบาศกเ์ มตร มีปริมาณน้ำทน่ี ำไปใชป้ ระโยชน์ได้ปลี ะประมาณ ๖๕,๐๐๐ ลา้ นลูกบาศก์เมตร ซึ่งปรมิ าณน้ำส่วนนม้ี ากกวา่ รอ้ ยละ ๙๐ มาจากอา่ งเก็บน้ำขนาดใหญ่ เช่น เขอื่ นภมู พิ ล เขือ่ นสริ กิ ติ ิ์ เข่อื นศรนี ครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ ปริมาณน้ำผิวดินตามธรรมชาติ คิดจากปริมาณน้ำบนผิวดินที่เกิดจากฝนเมื่อหักน้ำจากการ ซึมลงใตด้ นิ และการระเหยแลว้ มีปริมาณรวมทว่ั ประเทศ ๒๘๕,๒๒๗ ล้านลกู บาศก์เมตร เป็นปรมิ าณนำ้ ทา่ ไหล ออกนอกลุ่มน้ำที่เหลือจากการเก็บกักและการใช้ประโยชน์แล้ว จำนวน ๒๒๔,๐๒๔ ลา้ นลกู บาศก์เมตร คิดเป็นร้อย ละ ๗๙ ของน้ำท่าธรรมชาติ โดยลุม่ น้ำทีม่ ีปริมาณน้ำท่าสูง ได้แก่ ลุ่มน้ำโขง (อีสาน) ภาคใต้ฝ่ังตะวันออกและแม่กลอง ตามลำดับ ในขณะที่ลุ่มน้ำที่มีปริมาณน้ำท่าน้อยที่สุด ได้แก่ ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง ลุ่มแม่น้ำวัง และลุ่มน้ำโตนเลสาป ตามลำดับ สำหรับลุ่มน้ำที่มีปริมาณน้ำท่ารายปีต่อพื้นที่ลุ่มน้ำมากที่สุด ได้แก่ ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และน้อยทีส่ ุด ได้แก่ ลุม่ น้ำวัง ปริมาณน้ำบาดาลในประเทศไทยมีแอ่งน้ำบาดาลทั้งหมด ๒๗ แอ่งน้ำบาดาล มีปริมาณการกักเก็บ ในช้ันนำ้ บาดาลรวมประมาณ ๑.๑๓ ล้านลา้ นลกู บาศก์เมตรมีศกั ยภาพที่จะพัฒนาขึน้ มาใช้ได้ โดยไม่กระทบต่อ ปรมิ าณน้ำบาดาลท่ีมีอยู่ได้รวมปีละ ๔๕,๓๘๕ ล้านลกู บาศก์เมตร อย่างไรก็ตามในการพัฒนาน้ำบาดาลข้ึนมาใช้นั้น มีขอ้ จำกัดในเรื่องของความคุ้มทนุ เนอ่ื งจากมีค่าใช้จ่าย (ค่าไฟฟ้า/ค่านำ้ มนั /ค่าบำรุงรักษา) ในการสบู นำ้ อีกทั้ง ก่อนทำการเจาะบ่อน้ำบาดาล จำเป็นต้องมีการสำรวจเพื่อให้สามารถกำหนดจุดในการเจาะบ่อน้ำบาดาลที่มี

๑๒๖ ปริมาณและคุณภาพน้ำบาดาลที่ดี โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นหินแข็งและพื้นที่น้ำเค็มซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการ ดำเนนิ การสำรวจคอ่ นข้างสงู ในอดตี ประเทศไทยเคยมนี ้ำใช้อย่างไม่จำกัด แตส่ ถานการณป์ ัจจบุ ัน ซ่ึงประชากรเพ่มิ จำนวนมากขึ้น ทุกที มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยา่ งรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมีมากขึน้ ตัวเลขความต้องการใช้นำ้ ท่ี ประเมินเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่าประเทศไทยมีความต้องการใช้น้ำประมาณ ๑๔๗,๗๔๙ ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ จารีตประเพณี การทำเกษตรกรรมและน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ในขณะที่พื้นที่ป่าต้นน้ำลดลง มีการชะล้างพังทลายของดินในหลายพื้นที่ ส่งผลต่อเนื่องให้แหล่งน้ำตื้นเขิน เก็บกักน้ำได้น้อยลงและเกิดภาวะขาดแคลนน้ำที่รุนแรงขึ้น ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ได้นำมาสู่ปัญหาน้ำหลากท่วมในฤดูฝน ทำความเสียหายแก่ชุมชนและพื้นที่เพาะปลูกหลายพื้นที่ นอกจากน้ี การขยายตัวของชุมชนและอุตสาหกรรมยังส่งผลให้เกิดปัญหามลภาวะทางน้ำอย่างน่าวิตก ซึ่งล้วนแต่มี ผลกระทบต่อเนอ่ื งไปถงึ การใช้ประโยชน์น้ำในทกุ มติ ิ ปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในประเทศไทยมีทั้งปัญหาที่เกิดจากความไม่สมดุลของทรัพยากร ทั้งด้าน ปริมาณและดา้ นคุณภาพ และปัญหาอันเกดิ จากการบรหิ ารจดั การ กลา่ วคอื ปัญหาจากความไมส่ มดุลของทรัพยากรนำ้ ไดแ้ ก่ ๑) ปญั หาขาดแคลนน้ำ - การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นปัญหาที่เกิดจากปริมาณน้ำไม่เพียงต่อความต้องการใช้น้ำ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ. ๒๕๕๘) ได้วิเคราะห์ว่าใน พ.ศ. ๒๕๕๗ มีความต้องการอุปโภคบริโภค ๖,๗๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และในอนาคตความต้องการใช้น้ำใน พ.ศ. ๒๕๗๐ จะสูงถึง ๘,๒๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร จากการสำรวจข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน (กชช.๒ค.) จากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พบว่าจำนวนหมู่บ้านทั้งประเทศไทยใน พ.ศ. ๒๕๕๗ มีทั้งหมด ๗๔ ,๙๖๕ หมู่บ้าน มีหมู่บ้านที่ไม่มีระบบน้ำประปา ๗,๘๖๐ หมู่บ้าน กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ รองลงมาคอื ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวนั ออก ตามลำดับ - การขาดแคลนน้ำภาคการเกษตร ภาคการเกษตรมีการใช้น้ำมากกว่าร้อยละ ๗๕ ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด โดยการใช้น้ำ ภาคการเกษตรนีแ้ ยกเปน็ ในเขตชลประทานท่วั ประเทศ จำนวนทง้ั ส้ิน ๓๒.๗๕ ลา้ นไร่ รวมทง้ั ปเี ฉลยี่ ๖๕,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร และพื้นที่นอกเขตชลประทานมีทั้งสิ้น ๑๑๗ ล้านไร่ ซึ่งต้องการปริมาณน้ำเพื่อป้องกัน ผลผลิตเสยี หายในชว่ งฝนท้ิงช่วงอีกประมาณปลี ะ ๔๘,๙๖๑ ลา้ นลกู บาศก์เมตร (คดิ เฉพาะการเพาะปลูกฤดูฝน เท่าน้ัน) พื้นที่การเกษตรของประเทศไทยมีจำนวน ๑๔๙.๒ ล้านไร่ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นท่ี การเกษตรมากที่สุดคือ ๖๓.๖ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๔๓ ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศ รองลงมา คือ พื้นที่ ภาคกลาง มีพื้นที่การเกษตรรวม ๒๗.๒ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๘ ของพื้นที่การเกษตรทั้งประเทศใน พ.ศ. ๒๕๖๐ มีการพัฒนาพื้นที่ชลประทานรวม ๓๒.๗๕ ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ ๒๒ ของพื้นที่การเกษตร ที่เหลืออีก ๑๑๗ ล้านไร่ หรือกว่ารอ้ ยละ ๗๘ เป็นพื้นท่ีปลกู พืชโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก ซึ่งมีความเสีย่ งต่อการขาดแคลนนำ้ มาจาก ความผนั แปรของสภาพลม ฟา้ อากาศ อกี ทัง้ ในบางพื้นทยี่ ังมสี ภาพภูมิประเทศไม่เอ้ืออำนวยต่อการลำเลียงน้ำ จากแหลง่ น้ำมาใช้ประโยชน์อีกด้วย แนวโนม้ ปรมิ าณการใชน้ ำ้ บาดาลในภาคการเกษตรมเี พิ่มมากข้ึน โดยเฉพาะในพนื้ ท่ภี าคเหนือ ตอนล่างต่อภาคกลาง บริเวณลุ่มเจ้าพระยาตอนบน ครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี มีอัตราการใช้น้ำสูงถึง ๗,๘๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจาก

๑๒๗ มีการทำนาเฉลี่ยปีละ ๓ ครั้ง ทำให้เกิดการใช้น้ำบาดาลเกินสมดุลถึงปีละ ๘๒๐ ล้านลูกบาศก์เมตร การใช้ น้ำบาดาลเกินสมดลุ นอกจากจะมีผลใหร้ ะดับนำ้ บาดาลลดลงในบางพน้ื ทแี่ ล้วยังมคี วามเส่ยี งต่อการเกิดดินทรุดอีกด้วย - การขาดแคลนนำ้ ภาคอตุ สาหกรรม เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๘ มกี ารประเมินความตอ้ งการใชน้ ้ำอตุ สาหกรรม ๑,๙๑๓ ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดการณ์ความต้องการน้ำในอนาคต (พ.ศ. ๒๕๘๐) จำนวน ๓,๔๘๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ พื้นที่หลัก ที่มีโรงงานและกลุ่มอุตสาหกรรม คือ กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่ในภาคตะวันออก ซ่งึ เป็นพน้ื ท่ีอุตสาหกรรมหลักของประเทศ สำหรบั ในภาคอ่ืน ๆ อตุ สาหกรรมส่วนใหญเ่ ปน็ อุตสาหกรรมต่อเน่ือง จากภาคเกษตรและการผลติ เพ่ือใช้ในท้องถนิ่ สว่ นใหญ่ภาคเอกชนเปน็ ผู้จัดหานำ้ เอง โดยใช้น้ำบาดาลเป็นหลัก ปัจจุบันนคิ มอตุ สาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดปทุมธานีได้เปล่ียนมาใช้น้ำ จากลำน้ำธรรมชาติมากขึ้น จึงต้องมีแหล่งกักเก็บนำ้ สำหรับใช้ในฤดูแล้ง และมีพื้นที่บางสว่ นอยู่ในพื้นที่บริการ ของการประปาจึงได้ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำประปามากขึ้น ทำให้ตัวเลขความต้องการน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ไม่ชัดเจนนัก ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมภาคตะวันออกนัน้ มพี ื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญอ่ ยู่ในจงั หวัดชลบรุ ี และระยอง มีการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลางและมีการสูบและผันน้ำจากแม่น้ำเพ่ื อรองรับ ภาคอตุ สาหกรรม มีระบบทอ่ ส่งน้ำดบิ เพอื่ ส่งน้ำสำหรับการอุปโภคและท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม นอกจากน้ี ยังมีนิคมอุตสาหกรรมบางส่วนที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ซ่ึงใชน้ ำ้ จากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง รว่ มกับภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภค - การขาดแคลนนำ้ ภาคบริการและการท่องเทีย่ ว การขยายตัวภาคบริการและการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ พศ. ๒๕๕๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๗ แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตั้งแต่ปลาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทำให้การท่องเที่ยวหดตัวลง การใช้น้ำในภาคบริการและการท่องเที่ยว จึงลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญและเตรียมความพร้อมด้านแหล่งนำ้ เพ่ือสนับสนุนการใช้น้ำสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับท้องถ่ิน อาทิ เกาะภเู ก็ต เกาะสมยุ เกาะพพี ี เพ่ือรองรับการฟืน้ ตัวเมือ่ มกี ารเปิดประเทศใหเ้ ดินทางได้อยา่ งเสรีดังเช่นในอดตี ๒) ปญั หานำ้ ท่วมและอุทกภัย ในรอบ ๓๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประสบปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกจังหวัดของประเทศถึง ๑๓ ครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เช่น ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ มีความเสียหาย ทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึง ๑.๔๔ ล้านล้านบาท พื้นที่น้ำท่วมขัง ซ้ำซาก ของทั้งประเทศ ระดับปานกลาง คือ ๔ - ๕ คร้งั ในรอบ ๙ ปี และระดับสงู คือ มากกวา่ ๕ ครงั้ ในรอบ ๙ ปี รวมท้งั สน้ิ ๑๐ ลา้ นไร่ พ้ืนท่ีเส่ียงต่อ ดินโคลนถล่ม รวมทั้งสิ้นกว่า ๖,๐๔๒ หมู่บ้าน มีสาเหตุจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำ และจากสภาพทาง กายภาพของลุ่มนำ้ ท่ีเปน็ ภูเขาสงู ชันและพืน้ ทีป่ ่าต้นน้ำตอนบนถูกทำลาย ๓) ปญั หาคุณภาพน้ำเสอื่ มโทรม ปัจจุบันแม่น้ำหลายสายของประเทศไทยประสบปัญหาด้านคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในฤดูแล้งซึ่งปริมาณน้ำไหลน้อย และหลายพื้นที่ยังมีปัญหาด้านคุณภาพน้ำบาดาลอีกด้วย จากการตรวจวัด คุณภาพน้ำผิวดิน พ.ศ. ๒๕๕๗ พบว่า ประเทศไทยมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ ๒๒ ของแหล่งน้ำ หลกั ทว่ั ประเทศ (จำนวน ๕๒ แหล่งน้ำ) สาเหตุสำคัญของปญั หาคุณภาพน้ำเส่ือมโทรมมาจากการระบายน้ำเสีย จากชมุ ชน การชะหนา้ ดินที่มีปยุ๋ ตกค้างจากการเกษตร และการปศุสัตว์ ท้งั น้ี พ้ืนที่ท่มี ีน้ำเสียชุมชนเกิดขึ้นมาก ทส่ี ดุ คือ กรุงเทพมหานคร และภาคกลางมคี ณุ ภาพนำ้ เสอื่ มโทรมมากกวา่ ภาคอน่ื ๆ

๑๒๘ ๔) ปัญหาน้ำเคม็ รุกลำ้ การรุกล้ำของน้ำเค็มก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืช การประปา การอุตสาหกรรม ตลอดจนการอุปโภคบริโภค โดยในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน มีปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลักดันน้ำเค็ม ๑,๒๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี จากเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และกรณีเกิดภัยแล้งจะมีการใช้น้ำจากแม่กลอง ผ่านคลองจรเข้สามพนั มาคลองพระยาบันลือ ลงมาแม่นำ้ เจา้ พระยา โดยมีการใชน้ ำ้ แมก่ ลองเพื่อผลักดันน้ำเค็ม ประมาณ ๑,๕๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี จากเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำ ปราจนี บุรี แมน่ ำ้ บางปะกง ใชน้ ้ำเพือ่ ผลกั ดนั น้ำเค็ม ๑๐๐ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตรต่อปี จากเขอื่ นขุนด่านปราการชล เข่ือนคลองสยี ัด และเขื่อนพระปรง ปัญหาการบรหิ ารจัดการ ๑) ปัญหาด้านนโยบายและการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี แม้ว่ารัฐบาลแต่ละสมัยได้กำหนดนโยบายด้านทรัพยากรน้ำไว้บ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน ไม่เป็น รูปธรรมเพียงพอทีจ่ ะนำไปสู่การปฏิบตั ิได้ เพราะมงุ่ ให้ความสำคญั กบั การพฒั นาหรือจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมเป็นหลัก ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดสรรน้ำบนพื้นฐานของความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม การบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำจึงยังอยู่ในวงแคบ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐไม่กี่หน่วยงาน โดยที่ภาคประชาชน ไม่มีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนรว่ มในกระบวนการตดั สนิ ใจวางแผนดว้ ย นอกจากน้ี ปัจจยั ความไมแ่ น่นอนของสภาพ ภูมิอากาศ ทำให้การบริหารจัดการน้ำมีความซับซ้อนมากขึ้น สภาพปัญหาแปรเปลี่ยนตลอดเวลา และมี ขอ้ จำกดั ตอ่ การบูรณาการแผนงานรว่ มกันระหว่างหน่วยงานราชการด้วย ปัจจุบนั รัฐบาลให้ความสำคญั เร่ืองการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุล ระหว่างการอนุรักษก์ ับการใชป้ ระโยชน์อย่างยั่งยืน โดยกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจดั การทรัพยากรน้ำของ ประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๙) ไว้ ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 การจัดการนำ้ อปุ โภคบรโิ ภค มีเปา้ ประสงค์คือ เพื่อจัดหานำ้ อปุ โภคบริโภคให้แก่ ชุมชน ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ชุมชนเมือง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีเป้าหมาย พัฒนาประปาหมู่บ้าน 7,490 หมู่บ้าน ปรับปรุงประปาหมู่บ้าน 9,093 หมู่บ้าน ชุมชนเมืองมีระบบประปา เพ่มิ ขน้ึ 255 เมือง และขยายเขตประปา 688 แห่ง ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม มีเป้าประสงค์ คอื เพอื่ จดั หาน้ำต้นทนุ สร้างความมั่นคงในภาคการผลิตเกษตร ภาคอตุ สาหกรรม และภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำได้ไม่น้อยกว่า 9,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่ชลประทานไม่น้อยกว่า 8.7 ลา้ นไร่ จดั หาแหล่งน้ำใหพ้ ื้นทีเ่ กษตรนำ้ ฝน 2,700 ลา้ นลกู บาศกเ์ มตร ขดุ สระน้ำในไรน่ า 270,000 บ่อ พัฒนานำ้ บาดาลเพอื่ การเกษตร 1.04 ลา้ นไร่ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย มีเป้าประสงค์คือ เพื่อลดความเสียหายจาก อทุ กภยั ของชมุ ชนเมืองและพนื้ ทเ่ี ศรษฐกจิ สำคัญ บรรเทาความเสยี หายและสนบั สนุนการปรบั ตัวในพื้นที่เกษตร ลดความเสียหายจากดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน โดยมีเป้าหมาย ปรับปรุงเพิ่มอัตราการไหลมากกว่าร้อยละ 10 ในลำน้ำสายหลัก 870 กิโลเมตร ลดความเสียหายจากน้ำล้นตลิ่งในลุ่มน้ำวิกฤติ 10 ลุ่มน้ำ และพัฒนาพื้นที่ รบั นำ้ นองในพื้นทลี่ ่มุ น้ำเจา้ พระยา ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการคุณภาพน้ำ มีเป้าประสงค์คือ เพื่อให้แหล่งน้ำมีคุณภาพอยู่ในระดับ พอใชข้ ึน้ ไป โดยมีเป้าหมายพฒั นาระบบบำบัดน้ำเสีย 201 แห่ง เพมิ่ ประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย 47 แหง่

๑๒๙ ยุทธศาสตร์ที่ 5 การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน พ้ืนที่ปา่ ต้นน้ำ มเี ป้าประสงค์คือ เพือ่ ปรบั สมดลุ ระบบนิเวศ โดยมเี ปา้ หมายฟ้นื ฟพู ื้นทป่ี า่ ต้นนำ้ 4.77 ลา้ นไร่ ยุทธศาสตร์ที่ 6 การบริหารจัดการ ด้วยปัญหาทรัพยากรน้ำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดจากการ บริหารที่ไม่มีเอกภาพ ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์นี้จึงมีเป้าประสงค์ คือ สร้างการ บริหารที่มีเอกภาพโดยผลักดันให้มีองค์กร กฎหมาย และนโยบายขับเคลื่อน มีระบบข้อมูลสนับสนุนการ ตัดสินใจในการวางแผน มีแผนประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และมีการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน ทั้งนี้ ในการผลักดันยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็น รูปธรรม และสามารถประเมินผลสัมฤทธิ์ของแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ยังประสบปัญหา ในการขับเคล่อื น ดงั นี้ - ปญั หาด้านการจดั การองคก์ ร o กลไกการทำงานระหว่างหน่วยงานยังไม่เป็นระบบและมีเอกภาพเท่าที่ควร แม้ปัจจุบันมี หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลนโยบายด้านน้ำของประเทศ คือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แต่ยังไม่อาจกำกับดูแลและบูรณาการทำงานของหน่วยงานระดับปฏิบัติด้านน้ำของประเทศที่มีมากกว่า ๓๐ หน่วยงาน กระจายอยู่ในกระทรวงต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากยังขาดอนุบัญญัติที่จะสามารถบังคับใช้ ขาดอำนาจหน้าที่ที่จะสั่งการได้ ทำใหก้ ารดำเนินงานของหน่วยงานยังเป็นแบบตา่ งคนต่างทำ อีกทัง้ หน่วยงาน ยังมีพันธกิจที่ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญและเร่งรัดการปฏิบัติงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญตั ทิ รัพยากรนำ้ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ o กลไกคณะกรรมการระดับนโยบายที่มีอยู่ไม่สามารถผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันประเทศไทยมีองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่สำคัญคือ คณะกรรมการ ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นองค์กรหลักในการประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและ ประชาชน ผ่านตัวแทนของ “คณะกรรมการลุ่มน้ำ” อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีการแบ่งลุ่มน้ำใหม่เป็น ๒๒ ลุ่มน้ำหลัก ๓๕๓ ลุ่มน้ำสาขา จึงต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำชุดใหม่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการวางแผนบริหารจัดการน้ำระดับลุ่มน้ำ ท่ีสอดคลอ้ งกบั ยุทธศาสตร์การบรหิ ารจัดการน้ำของประเทศ และผลกั ดันแผนไปสกู่ ารปฏิบัติ ดงั นัน้ รัฐบาลควร ให้ความสำคญั และเร่งรดั ให้มีการแตง่ ตั้งคณะกรรมการลมุ่ นำ้ โดยเร็ว o กลไกคณะกรรมการในระดับพื้นที่ไม่สามารถผลักดันให้มีแผนงาน / โครงการในพื้นที่ (Bottom up) ได้ รัฐบาลจะต้องผลักดันให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์แปลงไปสู่การปฏิบัติ ผ่านแผนงานระดับกระทรวง/กรม ภูมิภาค/จังหวัดและท้องถิ่น โดยบูรณาการแผนของหน่วยงานร่วมกับ แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอแผนงาน/โครงการท่ีตอบสนองความ ต้องการของชุมชน หากโครงการใดที่เกินขีดความสามารถของท้องถิ่น ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดจัดทำ แผนพัฒนาทอ้ งถิ่นภายในจงั หวัด เปน็ ต้น o ปัญหาอันเนื่องมาจากการถ่ายโอนกระจายอำนาจ ปัญหาในการดำเนินงานเกี่ยวกับ การบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่และท้องถิ่นส่วนหนึ่งเกิดจากการถ่ายโอนภารกิจด้านน้ำจากหน่วยงานหลักไปสู่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยไม่ได้คำนึงถึงศักยภาพของท้องถิ่น ทำให้ท้องถิ่นที่ยังขาดความพร้อม ทั้งในด้านบุคลากร และงบประมาณ ไม่สามารถดำเนินการเพอื่ แก้ปัญหาดา้ นนำ้ ในทอ้ งถ่ินไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ

๑๓๐ ๒) ปัญหาดา้ นงบประมาณ - การจัดสรรงบประมาณใหห้ นว่ ยงานตา่ ง ๆ ยดึ ตามทหี่ นว่ ยงานเคยได้รับ การจัดสรรงบประมาณส่วนใหญ่เป็นการจัดสรรงบประมาณรายกระทรวงและกรมต่าง ๆ โดยยึดจาก กรอบงบประมาณเดิม ธรรมเนยี มปฏิบตั ิเดมิ ๆทีเ่ คยปฏิบตั มิ า โดยไมพ่ ิจารณาจากปญั หาท่ีแทจ้ ริงในภาพรวมด้านทรัพยากรน้ำ ของประเทศ ทำใหก้ ารแกไ้ ขปญั หาของแตล่ ะหนว่ ยงานในแตล่ ะพน้ื ที่ไมส่ มบรู ณ์หรือไม่ครบถว้ น - การตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผล การใช้งบประมาณทำได้ค่อนข้างยาก ไม่มีประสิทธิผลที่ชัดเจน จากปัญหาการขาดการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ และปัญหาการ จัดสรรงบประมาณทำให้มีการใช้งบประมาณเพื่องานประเภทเดียวกันแต่ต่างหน่วยงานซ้ำซ้อนกัน และขาด งบประมาณสำหรับการดำเนินการในงานบางประเภท ซึ่งการติดตาม ตรวจสอบ การดำเนินงาน ในลักษณะนี้ทำได้ยาก ขาดตัวชวี้ ดั ในการประเมนิ ผลประสิทธิภาพการใช้งบประมาณใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุด เปน็ เรื่องที่ทำได้ยากเช่นกัน ๓) ปญั หาดา้ นกฎหมายและกฎระเบียบท่เี ก่ียวขอ้ ง - กฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับพระราชบญั ญตั ทิ รพั ยากรนำ้ พ.ศ. ๒๕๖๑ แม้ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คือ พระราชบัญญัติ ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการ ตราอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ อาทิ ระเบียบการแต่งตั้งกรรมการลุ่มน้ำ การคิดอัตราค่าน้ำ การออก ใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ ๒ และ ๓ การอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ รวมทั้ง การแบ่งอำนาจหน้าที่ขององค์กร ที่เกี่ยวขอ้ งไม่ให้ทบั ซ้อนกัน เป็นต้น ทำให้หน่วยงานปฏิบัติบางหน่วยงานยงั มีพันธกิจที่ทับซ้อน และสำนักงาน ทรพั ยากรน้ำแหง่ ชาติ (สทนช.) ไม่อาจกำกับดแู ลการทำงานของหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องด้านน้ำได้อย่างเตม็ ที่ - กฎหมายบางส่วนลา้ สมยั ไม่สามารถบังคบั ใชไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านน้ำภายใต้หน่วยงานปฏิบัติมีมากกว่า ๕๐ ฉบับ ซึ่งในแต่ละกิจกรรม ของการจัดการทรัพยากรน้ำต้องมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ โดยมีหน่วยงานปฏิบัติงานภายใน กรอบที่กฎหมายแต่ละฉบับกำหนดไว้ จึงเป็นปัญหาทางกฎหมายที่มีลักษณะกระจายตัวกัน นอกจากนี้ กฎหมายหลายฉบับยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนใหส้ อดคลอ้ งกับการเปลี่ยนแปลงสภาพทางสังคม ที่มีจำนวนประชากร เพิม่ มากขน้ึ มกี ารเคลือ่ นย้ายเข้าสู่เมืองมีการใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมทำให้เกิดการ เติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดปัญหาการปล่อยของเสียลงในแม่น้ำลำคลอง น้ำเน่าเสีย เกิดปัญหาความขัดแยง้ ระหว่างผู้ใชน้ ำ้ ในกิจกรรมต่าง ๆ ในหลาย ๆ ทอ้ งที่ ในขณะท่ีกฎหมายทเ่ี ก่ียวข้องกับน้ำ บางฉบับมีผลบังคับใช้นานกว่า ๕๐ – ๖๐ ปี โดยไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาให้เหมาะสม จึงทำให้การ บังคับใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เกิดช่องว่างทางกฎหมาย ทำให้การจัดการทรัพยากรน้ำไม่บรรลุผลสัมฤทธิ์ตาม เป้าหมายเทา่ ที่ควร ๔) ปัญหาดา้ นข้อมูลเพ่ือการบรหิ ารจัดการนำ้ และการเขา้ ถึงข้อมลู ของประชาชน หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างก็ดำเนินการ ในกิจกรรมที่อาจมีลักษณะงานเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน จึงทำให้มีข้อมูลเก่ียวกับการทำงานที่แต่ละ หน่วยงานตา่ งจัดทำข้นึ มีความซ้ำซ้อน ซ่งึ นอกจากจะเป็นข้อมลู ท่ไี ม่สอดคล้องกันแล้ว ยังยากตอ่ การชวี้ ัดความถูกต้อง ของขอ้ มูลจากแตล่ ะแหล่งข้อมูลด้วย แม้ปัจจุบัน รัฐบาลมีความพยายามในการจัดทำคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ แต่ยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเชิงพื้นที่ อาทิ จำนวนขนาดและการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำขนาดเล็กในชุมชน ปัญหาและจำนวนที่ชัดเจนของระบบประปาหมู่บ้านหรือที่ดำเนินการโดยท้องถิ่นที่ใช้งานได้และที่มีปัญหา ซึ่งเป็นอุปสรรคของการกำหนดพื้นที่และงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเข้าถึง

๑๓๑ ข้อมูลของประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำหรับการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะ อย่างยิง่ ในภาวะวกิ ฤติ สง่ ผลโดยตรงต่อการวิเคราะห์สถานการณเ์ พอื่ การเตรียมรับมือกับภัยพบิ ัตทิ ี่อาจเกิดข้นึ ๕) ปัญหาดา้ นการประเมนิ ผลกระทบส่งิ แวดล้อมและสุขภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีการจัดทำรายงานการประเมินผล กระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) เพื่อให้มีการ พิจารณาโครงการอย่างรอบด้าน และเป็นกลไกที่มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน เนื่องจาก กระบวนการจัดทำรายงาน EIA หรือ EHIA จะต้องจัดให้มีการประชุมรับฟงั ความคดิ เห็นของประชาชน โดยอยู่ ในความรับผิดชอบของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) พิจารณารายงาน และต้องเสนอรายงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณา ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาอนุมัติ โครงการ กระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการจะทำให้การพิจารณาโครงการต้องพิจารณาตามหลักวิชาการ อย่างรอบด้านและทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งและความล่าช้าของโครงการ รวมท้งั มมี าตรการในการแกไ้ ขผลกระทบท่ีอาจจะเกิดขึน้ อยา่ งชดั เจนหากว่ามีการดำเนนิ โครงการ ที่ผ่านมาในการจัดทำรายงาน EIA และรายงาน EHIA ดำเนินการโดยหน่วยงานเจ้าของโครงการ ว่าจ้างบรษิ ัทที่ปรึกษาให้เป็นผู้จัดทำรายงาน ทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพของรายงาน จนถึงขั้นมีการฟอ้ งร้อง ดำเนินคดี นอกจากนั้น ยังเกิดความขัดแย้งเมื่อบริษัทที่ปรึกษาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เนื่องจากไม่ได้เป็นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอยกเว้นการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไม่ต้องปฏิบัติ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการรบั ฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 และสำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังได้ออกประกาศเรื่องแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ซึ่งกระบวนการ ดังกล่าวได้กำหนดให้มีการจัดประชุมรับฟังความเห็น แต่ไม่มีคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นที่ไม่ใช่เป็น ผู้มีส่วนได้เสีย และยังดำเนินการโดยบริษัทที่ปรึกษา อีกทั้งมีการแจกสิ่งของเพื่อจูงใจให้คนเข้าร่วม ขณะที่ ผู้ได้รับผลกระทบถูกกีดกัน ทำให้การจัดประชุมรับฟังความเห็นแทนที่จะทำให้เกิดกระบวนการการมีส่วนร่วม ของประชาชน กลับกลายเป็นทม่ี าของความขัดแยง้ ทั้งน้ี ที่ผ่านมาในการแก้ปัญหาด้านทรัพยากรน้ำประเทศไทยได้ดำเนินการทั้งในภาพรวมและ ในระดับลุ่มน้ำ โดยมีการแบ่งออกเป็นลุ่มน้ำมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ ตามเทคโนโลยีของแต่ละยุคสมัย จวบจน คณะกรรมการอุทกวิทยาแห่งชาติได้จัดทำมาตรฐาน ๒๕ ลุ่มน้ำหลัก และ ๒๕๔ ลุ่มน้ำสาขาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ และสำนกั งานทรัพยากรน้ำแหง่ ชาติ (สทนช.) ไดท้ บทวนใหม่ตามสภาพอทุ กวิทยา สภาพภมู ิศาสตร์ ระบบนเิ วศ การตั้งถิ่นฐาน การจัดผังเมือง - ผังน้ำ และเขตการปกครอง แบ่งลุ่มน้ำเป็น ๒๒ ลุ่มน้ำหลัก ๓๕๓ ลุ่มน้ำสาขา และแบ่งพื้นที่ประเทศไทยออกเป็น ๕ กลุ่มคลัสเตอร์ ได้แก่ กลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลมุ่ นำ้ ภาคตะวันออก ลมุ่ น้ำภาคตะวันตก และลมุ่ นำ้ ภาคใต้ ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความพยายามในการแก้ปัญหาด้านทรัพยากรน้ำมาตลอด เห็นได้จากการ จัดสรรงบประมาณปีละหลายหมื่นล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาน้ำขาดแคลน อุทกภัย และปัญหาคุณภาพน้ำ อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ ปัญหาเชงิ พืน้ ทยี่ งั คงเป็นปญั หา เนือ่ งจากติดขัดในข้นั ตอนดำเนินการ ตดิ ขดั ด้านดา้ นกฎหมาย ศักยภาพของ หน่วยงานระดับท้องถิ่น รวมทั้งประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของประชาชน คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้พิจารณาปัญหาและหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน จึงมี ขอ้ เสนอแนะเพ่อื ขบั เคลอ่ื นแกป้ ญั หาในแต่ละประเดน็ ดงั นี้

๑๓๒ ๖.๑ ประเดน็ บทบาทหน้าท่ีของหนว่ ยงานกำกบั การแกป้ ัญหาดา้ นน้ำของประเทศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแหง่ ชาติ (สทนช.) ในฐานะหน่วยงานกำกับการแก้ปัญหานำ้ ของประเทศ ควรทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และทำหน้าที่ในการกำกับ หนว่ ยงานปฏบิ ัตเิ พ่อื กำหนดทศิ ทางการแก้ปัญหานำ้ ของประเทศใหช้ ดั เจน กลา่ วคือ ๑. กำหนดกรอบพันธกจิ ของหนว่ ยงานปฏิบตั ิดา้ นนำ้ ให้ชดั เจน ไม่ซำ้ ซ้อนกัน ๒. เร่งดำเนินการในขั้นตอนการแต่งตั้งกรรมการลุ่มน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และกำหนดอำนาจ หน้าท่ีทส่ี อดคล้องกบั เจตนารมณ์ของการแก้ปญั หาน้ำเชิงพน้ื ที่ที่เนน้ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในลุ่มนำ้ ๓. พจิ ารณาลดขั้นตอนการแก้ปัญหาด้านน้ำทีซ่ ับซ้อน เพ่อื ใหข้ บั เคลื่อนโครงการในระดับลุ่มน้ำ ไดเ้ รว็ ขึ้น ๔. เร่งออกกฎระเบียบ และอนุบัญญตั ิทเี่ กย่ี วเน่ืองกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ อาทิ ขนั้ ตอนการมีส่วนร่วมของประชาชน กฎเกณฑแ์ ละระเบียบการจ่ายคา่ ชดเชยทเี่ ก่ยี วข้องกับโครงการด้านน้ำ ๕. ควรพิจารณาทบทวนประสิทธภิ าพ ประสทิ ธิผล การดำเนินงานทผ่ี า่ นมาขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ทั้งด้านน้ำอุปโภคบริโภค การจัดหาแหล่งน้ำ การก่อสร้างระบบกระจายน้ำ การจัดการน้ำเสีย ตามทีม่ ีการถา่ ยโอนพนั ธกจิ ไปแลว้ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เปน็ ตน้ มา เพอ่ื วิเคราะหป์ ญั หาและกำหนดแนวทางเสริม ศักยภาพให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ สามารถแกป้ ัญหาและดำเนินการด้านนำ้ ไดใ้ นยะยาวอย่างยงั่ ยืน ๖. ในภาวะวิกฤตสิ ำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ตอ้ งทำหนา้ ทเ่ี ป็นผ้สู ่ังการหน่วยงาน ปฏิบัติ ในรูปแบบ Single Command โดยใช้ขอ้ มูลจากทกุ หน่วยงานท่ีเก่ยี วข้อง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ควรกำหนดบทบาทของตัวเองในฐานะผู้กำกับหน่วย ปฏบิ ัตใิ ห้ชดั เจน ไม่ว่าจะในระดับประเทศ ระดับภาค ระดบั กลมุ่ ลุ่มนำ้ หรอื ในคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด และไม่ควรเป็นผู้ศึกษาหรือจัดทำรายงานในระดบั โครงการ ไมว่ ่าจะเปน็ โครงการในระดับลมุ่ น้ำหรือโครงการข้ามลุ่มน้ำ เนอ่ื งจากเป็นพนั ธกิจโดยตรงของหน่วยงานปฏิบัติ ๖.๒ ประเด็นการถ่ายโอนภารกิจ ก่อสร้าง ดูแล และบำรุงรักษาแหล่งน้ำให้กับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถน่ิ ๑. หน่วยงานระดับนโยบายควรมีการพิจารณาทบทวนว่า การถ่ายโอนภารกิจด้านแหล่งน้ำ ในการก่อสร้าง ดูแล และบำรุงรักษาแหล่งน้ำให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมามีปัญหา อุปสรรค อย่างไรบ้าง และมภี ารกจิ ใดทไ่ี ม่ควรดำเนินการถา่ ยโอนไปหรอื ไม่ เชน่ ฝาย ประตรู ะบายนำ้ เปน็ ต้น ๒. หน่วยงานระดับนโยบายควรมีการพิจารณาเพื่อแบ่งกลุ่มขององค์กรปกครองส่วนถิ่น ตามศักยภาพในการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาด้านน้ำ โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นต้นมา เนือ่ งจาก องคก์ รปกครองท้องถ่นิ แตล่ ะแห่งมศี ักยภาพในการดำเนินงานด้านน้ำต่างกนั อาทิ ความรูค้ วามเข้าใจ ในการเขียนโครงการเพื่อเสนอของบประมาณในการซ่อมบำรุงโครงสร้างทางชลศาสตร์ หรือ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ที่ได้รับการถ่ายโอนมาแล้ว ความพร้อมของบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นด้านน้ำอุปโภค บริโภค ระบบประปาท้องถ่ิน ด้านการพฒั นาแหล่งน้ำ การกอ่ สรา้ งระบบกระจายน้ำ รวมทง้ั วศิ วกรท่มี ีใบประกอบวชิ าชพี ควบคุม เป็นตน้ รัฐควรสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลการดำเนินงานเป็นที่ประจักษ์เป็ น พี่เลี้ยงให้คำแนะนำและสนับสนุนแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพน้อยกว่า หรือองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่นิ ใดทไี่ มม่ คี วามพร้อม ควรมีหน่วยงานหลกั อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรนำ้ กรมทรัพยากรนำ้ บาดาล เปน็ หน่วยงานพี่เลี้ยงไปชว่ งระยะเวลาหน่ึง ซง่ึ หน่วยงานระดบั นโยบายควรมีการมอบหมายอย่างชัดเจน เพื่อจะได้ จัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้อย่างครอบคลุม เป็นการเสริมศักยภาพ ให้องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินมคี วามเขม้ แขง็ ในระยะยาว

๑๓๓ ๓. ใน (รา่ ง) แผนกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ (ฉบับที่ ๓) ควรปรับขอบเขต การดำเนินการและความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามศักยภาพที่ทำได้จริง กล่าวคือ ควรกำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบลรับการถ่ายโอนภารกิจด้านแหล่งน้ำในการก่อสร้าง ดูแล และ บำรุงรักษาแหล่งน้ำปริมาตรการเก็บกักน้ำขนาดไมเ่ กิน ๑ แสนลูกบาศก์เมตร กรณีองค์การบริหารสว่ นจังหวัด ขึ้นไปกำหนดให้รับการถ่ายโอนภารกิจด้านแหล่งน้ำในการก่อสร้าง ดูแล และบำรุงรักษาแหล่งน้ำปริมาตรการ เกบ็ กักน้ำขนาดตั้งแต่ ๑ แสนลูกบาศก์เมตร ท้งั นี้ หากองค์การบริหารส่วนตำบลใดท่ีมีศักยภาพในการก่อสร้าง ดูแล และบำรุงรักษาแหล่งน้ำได้ ให้สามารถร้องขอให้สามารถรับการถ่ายโอนภารกิจด้านแหล่งน้ำในการ ก่อสร้าง ดแู ล และบำรงุ รักษาแหล่งนำ้ ปริมาตรการเก็บกักน้ำขนาดเกินกวา่ ๑ แสนลกู บาศกเ์ มตรได้ ๔. การกำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสามารถดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำในเขตพื้นที่ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นเดียวได้ ในกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินน้ันไม่มีศักยภาพและร้องขอให้องค์การ บริหารส่วนจังหวัดช่วยเหลือ และเมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดดำเนินการแล้วเสร็จให้ถ่ายโอนให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นนั้นบรหิ ารจัดการและบำรุงรักษาต่อไป เช่น อ่างเก็บน้ำที่มีการใช้ประโยชน์และตั้งอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นเดียว คลองส่งน้ำ ที่มีการใช้ประโยชน์และครอบคลุมพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียว ฝายน้ำล้น ที่กั้นลำน้ำไหลผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียว และบ่อน้ำบาดาล เป็นต้น ในกรณีนี้จะต้องมีการจัดสรร เงินงบประมาณและบุคลากรให้อย่างเพยี งพอ ๕. ควรมกี ารกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านความร้คู วามสามารถของบุคลากร ซง่ึ การอบรม หรือการจัดทำคู่มือนั้นไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะการก่อสร้างดูแล บำรุงรักษาแหล่งน้ำ เป็นเทคนิควชิ าการทางวศิ วกรรมค่อนขา้ งสงู ๖. การกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติในการเก็บค่าใช้น้ำและ มหี นา้ ทด่ี ูแลรกั ษา บริหารจดั การแหล่งน้ำนนั้ ในทางปฏบิ ตั มิ ีความเป็นไปได้ยาก ๗. ควรกำหนดให้การโอนภารกิจ ก่อสรา้ ง ดแู ล และบำรุงรกั ษาแหล่งน้ำให้กบั องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินใด ที่เกินศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวสามารถโอนภารกิจ ก่อสร้าง ดูแล และบำรงุ รักษาแหล่งน้ำคนื กลับมาท่ีสว่ นราชการหรือกรมที่มีหน้าท่รี ับผิดชอบด้านทรัพยากรน้ำ ได้โดยความสมัครใจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเอง และควรกำหนดขั้นตอนการโอนภารกิจกลับคืนมาให้ สามารถดำเนนิ การได้โดยงา่ ย ๖.๓ ประเดน็ สถานการณ์ทรัพยากรน้ำบาดาลของประเทศและการเติมนำ้ ใต้ดิน จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ พฤติกรรมการตกของฝนเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ทั้งในเชิงปริมาณและสถานที่ ทำให้หลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำและยังมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งน้ำผิวดิน รวมท้ัง ระบบการะจายน้ำผิวดินที่ไม่ทั่วถึง ทำให้มีการใช้น้ำบาดาลมากขึ้น ทั้งเพื่อการอุปโภคบริ โภค เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม อยา่ งไรก็ตาม มีขอ้ ควรระวัง ดังนี้ ๑. ในการขุดเจาะบ่อบาดาลควรพิจารณาศักยภาพแหล่งน้ำบาดาลในเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือศักยภาพของแอ่งน้ำ เพื่อไม่ให้การขุดเจาะเกิดการกระจุกตัว เนื่องจากการสูบน้ำบาดาลมาใช้มากเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาดินทรุดของพื้นที่นั้น ๆ หากกรณีมีความต้องการใชน้ำบาดาลมาก ต้องพิจารณาขุดบ่อ ในระดับท่มี คี วามลกึ แตกตา่ งกัน เพอื่ ใช้ประโยชน์จากน้ำในชั้นหินคนละระดบั ซ่ึงจะทำใหใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ดย้ าวนานกวา่ ๒. ควรควบคุมการขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่ที่มีชั้นดินเค็ม หรือ เสี่ยงต่อการรุกล้ำของน้ำเค็ม ซงึ่ จะทำให้น้ำบาดาลปนเปื้อน ยากต่อการแกไ้ ข ๓. ควรควบคุมการลักลอบขุดใช้น้ำบาดาลปริมาณมาก ทั้งเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต

๑๓๔ ๔. ในการเติมน้ำใต้ดิน กรมทรัพยากรน้ำบาดาลควรเร่งให้คำแนะนำแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ และประชาชนในการขุดบอ่ ที่มีขนาดเหมาะสม ใช้วัสดุทีด่ ีไมก่ ่อให้เกิดการปนเปื้อนของน้ำใตด้ ินและน้ำบาดาล โดยน้ำที่จะเติมต้องสะอาดไม่ไหลผ่านพื้นที่การเกษตรที่มีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมีเข้มข้น เนื่องจาก จะก่อใหเ้ กิดการปนเปอื้ นได้ ๖.๔ ประเดน็ การผลกั ดนั การรุกล้ำของน้ำเคม็ ๑. การแก้ปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็มเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของหน่วยงานรัฐร่วมกับ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้น้ำ ทั้งกลุ่มเกษตรกร ประมงชายฝั่ง ผู้ผลิตน้ำประปา และผู้ประกอบการที่ใช้น้ำจาก แม่นำ้ เป็นหลกั โดยคำนึงถึงผลกระทบทางสงิ่ แวดล้อมดว้ ย ๒. ในการก่อสร้างประตูกั้นน้ำเค็ม ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบ อาชีพของประชาชนในบรเิ วณน้ัน รวมทัง้ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผา่ นกระบวนการรับฟังและการมีส่วนร่วม ของผู้มสี ว่ นได้สว่ นเสยี ทุกกลมุ่ ครอบคลุมพน้ื ท่ีได้รบั ผลกระทบ ไมเ่ ฉพาะแตผ่ ู้ทส่ี ญู เสียทดี่ นิ ทำกินเทา่ นน้ั ๓. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรมีความชัดเจนในการจัดการปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการรุกล้ำ ของน้ำเค็ม อาทิ การชดเชยแกเ่ กษตรกรผูเ้ สียโอกาสเมื่อมีการใช้น้ำจืดผลักดันน้ำเค็ม สั่งการใหห้ น่วยงานผลิต นำ้ ประปาพิจารณาใช้เทคโนโลยีในการผลิตน้ำจากนำ้ กร่อย เพือ่ ลดปรมิ าณน้ำจืดผลกั ดันนำ้ เคม็ เป็นต้น ๖.๕ ประเดน็ นำ้ อุปโภคบรโิ ภค ๑. ในการจัดหาน้ำอุปโภคบริโภคสำหรับเกาะที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ควรพิจารณาการ จัดการรูปแบบพิเศษอย่างครบวงจร เช่น การใช้รายได้ที่เก็บจากนักท่องเที่ยวในการดำเนินการระบบผลิต น้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสียที่มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอ โดยมีการศึกษารูปแบบและ ขนั้ ตอนในการจัดท่เี หมาะสมสำหรบั แต่ละพนื้ ที่ ๒. ในการจดั การน้ำระดับท้องถิ่น ตอ้ งคำนึงถงึ ความยงั่ ยนื ของแหล่งนำ้ ดิบ ไม่วา่ จะเป็นนำ้ ผิวดิน หรือหรือน้ำใต้ดิน รัฐควรกำหนดให้หน่วยงานที่มีองค์ความรู้ด้านการจัดการน้ำดิบในพื้นที่ สนับสนุนในเชิง วิชาการแก่องคก์ ารบรหิ ารส่วนทอ้ งถิน่ และจัดสรรงบประมาณทเี่ พียงพอ ๓. ควรสนับสนุนให้การประปาสว่ นภูมภิ าคพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพ่ือการอปุ โภคบริโภคของตนเอง โดยไม่เพียงฝากความหวังไวก้ ับการก่อสรา้ งโครงการขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน ๔. การประปานครหลวงควรลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำดิบของตนเอง เพื่อเสริมศักยภาพในการ จัดการน้ำในภาวะวิกฤติ และบริหารจัดการความเสี่ยงโดยมีการผลิตน้ำจากหลายแหล่ง (Decentralization) รวมถึง การใชเ้ ทคโนโลยีผลิตน้ำประปาจากน้ำกร่อย เมือ่ มคี วามจำเปน็ ๖.๖ ประเดน็ การประเมินผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มและสุขภาพและการมสี ว่ นร่วมของประชาชน ๑. เพื่อให้การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA) และรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) มีคุณภาพและมีกระบวนการการมีส่วนร่วมของ ประชาชน คณะกรรมาธิการวิสามัญจึงเสนอให้มีองค์กรอิสระในการควบคุมการจัดทำรายงานแทนการจ้าง จากเจ้าของโครงการโดยตรง และควรพิจารณาแก้ไขประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรื่องแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อม ประกาศ ณ วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยควรพิจารณาจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ สาธารณะโดยวธิ ีประชาพิจารณ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒. สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่มีขนาดไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะต้องจัดทำรายงานการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และไม่ได้เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมาธิการวิสามัญเสนอให้การจัดทำรายงาน IEE มีคุณภาพ และควรจัด

๑๓๕ ให้มกี ระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนดว้ ย และเพอ่ื ให้กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นไป ตามหลักการสากล รฐั บาลควรพิจารณาทบทวนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยยึดกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยการรบั ฟงั ความคิดเหน็ สาธารณะโดยวิธีประชาพจิ ารณ์ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๓. ในการแจกแจงกลุ่มผู้มสี ว่ นได้ส่วนเสีย ควรพิจารณาให้ครอบคลมุ ผู้ได้รบั ผลกระทบในทุกมิติ ไมใ่ ช่เฉพาะผสู้ ูญเสียที่ดินทำกนิ เท่าน้นั ตัวอย่างเช่น โครงการบรหิ ารจดั การน้ำ โขง เลย ชี มลู โดยแรงโน้มถ่วง ผู้ได้รับผลกระทบนั้นมีมากกว่าแค่ผู้สูญเสียที่ดินตามแนวท่อส่งน้ำ แต่ยังครอบคลุมถึงเกษตรกร ชาวประมงน้ำจืด และผู้ใชน้ ้ำดา้ นท้าย ซ่งึ หน่วยงานราชการตอ้ งจดั ให้มกี ระบวนการมีส่วนร่วมอยา่ งครบถว้ น ๗. ฝนหลวง น้ำที่เกิดจากการทำฝนหลวง เนื่องจากการกระจายตัวของฝนในประเทศไทยไม่ทั่วถึง และไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดพื้นที่ที่ประสบกับปัญหาภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำหลายพื้นที่ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นมาในทุกภาคของประเทศไทย จำนวน 5 ศูนย์ ครอบคลุม 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุม 15 จังหวัด 7 เขื่อน 7 ลุ่มน้ำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ครอบคลุม 14 จังหวัด 5 เขอื่ น 5 ลุ่มนำ้ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง อย่ทู จ่ี ังหวัดนครสวรรค์ ครอบคลุม 20 จังหวดั 12 เข่ือน 3 ลุ่มน้ำ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก อยู่ที่จังหวัดระยอง ครอบคลุม 8 จังหวัด 8 เขื่อน 4 ลุ่มน้ำ ศูนย์ปฏิบตั ิการฝนหลวงภาคใต้ อย่ทู ี่จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี ครอบคลุม 20 จงั หวดั 4 เขื่อน 7 ลมุ่ น้ำ จากการศึกษา ประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวง โดยคณะวิทยาศาสตร์ และภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2548 ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก พบว่าการปฏิบัติการทำฝนหลวง ทำให้ฝนเพมิ่ สูงข้นึ กวา่ การเกดิ เองตามธรรมชาติมากท่สี ุดเทา่ กับ 2.3 เทา่ ของชว่ งไม่มกี ารทำฝนหลวง แผนการปฏบิ ตั ิของฝนหลวง มี 4 ดา้ น คอื 1 แผนบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า เพื่อลดความหนาแน่นของหมอกควัน และลดปัญหาฝุ่น ละอองขนาดเลก็ PM 2.5 รวมทัง้ การเพม่ิ ความช่มุ ชน้ื ให้กบั พ้ืนทป่ี า่ ไม้ 2. แผนการยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ เพื่อบรรเทาและลดความเสียหายจากการเกิดพายุลูกเห็บ ในพ้ืนที่การเกษตร 3. แผนการป้องกันและแก้ไขภัยแล้ง เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ และเพิ่มปริมาณน้ำฝน ในพื้นที่เกษตรกรรม 4. แผนการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสำรองไว้เปน็ นำ้ ต้นทุนในการบรหิ ารจดั การน้ำในช่วงฤดแู ลง้ ใน พ.ศ. 2562 ผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม – 15 พฤศจิกายน 2562 มกี ารปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 241 วัน มีวนั ฝนตกจากการปฏิบตั ิการฝนหลวงคิดเป็น ร้อยละ 89.20 ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 6,280 เที่ยวบิน (8,925 : 26 ชั่วโมงบิน) จังหวัดที่มีรายงานฝนตก รวม 59 จังหวัด และผลการปฏิบัติการฝนหลวงใน พ.ศ. 2563 ระหว่างวันที่ 3 กุมภาพันธ์ - 20 ตุลาคม 2563 มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการ รวม 12 หน่วย ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง รวม 235 วัน ขึ้นปฏิบัติการรวม 5,865 เที่ยวบิน (8,691 : 11 ชั่วโมงบิน) จังหวัดที่มีรายงานฝนตก รวม 67 จังหวัด ทำให้มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการ รวม 233 วัน คิดเป็นร้อยละ 99.15 ทำให้มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง 197.98 ลา้ นไร่ มีฝนตกในพ้ืนที่ลุ่มรบั น้ำเขื่อนและอ่างเก็บนำ้ รวม 231 แห่ง (เขือ่ นขนาดใหญ่ 34 แหง่ และขนาดกลาง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook