Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

Published by Martin Meefia, 2021-09-01 15:58:32

Description: โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

Search

Read the Text Version

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ตวั ช้ีวัด ป. ๔ ป. และระบุบท หนา้ ที่ของส เป็น ผผู้ ลิต ผบู้ ริโภคใน ๔. ตระหน คณุ ค่าของ สิง่ แวดล้อม การดำรงชีว สิ่งมชี วี ิตโด รว่ มในการด สิ่งแวดลอ้ ม

ดช้ันปี ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ 6. ตระหนกั ถงึ ๕ ความสัมพันธ์ของ สิง่ มีชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ทบาท ในระบบนเิ วศ โดยไม่ ส่งิ มชี ีวิตที่ ทำลายสมดุลของระบบ ตและ นิเวศ นโซอ่ าหาร นกั ใน มทม่ี ี ต่อ วิต ของ ดยมีสว่ น ดแู ลรักษา ม

สาระท่ี ๑ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียง ของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ท่ี างานสัมพันธ์กนั ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ งและหน้าท่ขี องอวยั ตวั ชว้ี ัด ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑. ระบุชอื่ ๑. ระบุว่า ๑. บรรยายสิ่ง ๑. บรรยาย - บรรยาย พืชตอ้ งการ ท่ี จำเปน็ ต่อ หน้าที่ ของราก ลักษณะและ แสงและนำ้ การ ดำรงชวี ติ ลำตน้ ใบและ บอก หน้าท่ี เพื่อการ และการ ดอกของพืชดอก ของส่วนต่างๆ เจรญิ เตบิ โต เจริญเตบิ โต โดยใชข้ อ้ มูลท่ี ของร่างกาย โดยใช้ข้อมูล ของมนุษย์และ รวบรวมได้ มนุษย์ สัตว์ จาก หลักฐาน สตั ว์ โดยใช้ และพชื เชงิ ประจักษ์ ขอ้ มลู ท่ี รวมทง้ั ๒. ตระหนกั ถงึ รวบรวมได้ บรรยายการ ความจำเปน็ ท่ี ๒. ตระหนักถงึ ทำหนา้ ท่ี พชื ตอ้ งไดร้ บั ประโยชน์ของ รว่ มกนั ของ นำ้ และแสง อาหาร น้ำ สว่ นตา่ ง ๆ เพอื่ การ และ อากาศ ของ ร่างกาย เจรญิ เตบิ โต โดยการ ดูแล มนษุ ยใ์ น การ โดยดแู ลพืชให้ ตนเองและ ทำกจิ กรรม ได้รับสง่ิ สัตว์ใหไ้ ด้รับ ต่าง ๆ จาก ดังกล่าวอยา่ ง สิง่ เหล่าน้อี ยา่ ง ข้อมูลที่ เหมาะสม เหมาะสม รวบรวมได้ ๓. สรา้ ง ๓. สร้าง

งสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ยวะตา่ งๆ ของพชื ที่ทำงานสมั พันธก์ ัน รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ดชน้ั ปี ๕ ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ๑. ระบุ 1.เปรยี บเทียบ 1. ระบุ - สารอาหาร รปู รา่ ง อวัยวะและ และบอก ลกั ษณะ และ บรรยายหน้าที่ ประโยชนข์ อง โครงสร้างของ ของอวยั วะท่ี สารอาหารแต่ เซลลพ์ ืชและ เกีย่ วข้องใน ละ ประเภท เซลลส์ ัตว์ ระบบหายใจ จากอาหารที่ รวมท้ัง 2. อธบิ าย ตนเอง บรรยายหน้าท่ี กลไกการ รบั ประทาน ของผนงั เซลล์ หายใจเข้าและ ๒. บอก เยื่อหุม้ เซลล์ ออก โดยใช้ แนวทางใน ไซโทพลาซมึ แบบจำลอง การเลอื ก นิวเคลยี ส แว รวมทั้งอธบิ าย รบั ประทาน ควิ โอล กระบวนการ อาหารใหไ้ ด้ ไมโทคอนเดรยี แลกเปลย่ี น สารอาหาร และ แก๊ส ครบถว้ นใน คลอโรพลาสต์ 3.ตระหนักถงึ สัดสว่ นท่ี 2.ใช้กล้อง ความสำคัญ เหมาะสมกบั จลุ ทรรศน์ใช้ ของระบบ เพศและวยั แสงศึกษา หายใจ โดย

๒. ตระหนักถงึ คแวบาบมจสำำลคอญั งที่ แบบจำลองที่ ของส่วนตา่ ง ๆ ขบอรงรย่าางกยวายัฎ บรรยายวฏั ตนเอง โดยการดจูแกัลรสช่วี นิตตขอา่ งๆ จักร ชวี ิตของ อยา่ ง ถูกต้อง ใหพป้ ชืลดออดกภยั และ รักษาความ สะอาดอยู่เสมอ สัตว์และ เปรยี บเทยี บ วฏั จักรชีวติ ของ สตั วบ์ าง ชนิด ๔. ตระหนกั ถึง คุณค่าของชวี ิต สัตว์ โดยไมท่ ำ ใหว้ ัฏจักรชีวิต ของสัตว์ เปลย่ี นแปลง

รวมท้ังความ เซลล์ และ การบอก ปลอดภยั ตอ่ โครงสรา้ งต่าง แนวทางใน สขุ ภาพ ๆ ภายในเซลล์ การดูแลรักษา ๓.ตระหนักถึง 3. อธบิ าย อวยั วะใน ความสำคัญ ความสมั พนั ธ์ ระบบหายใจ ของ ระหว่างรปู ร่าง ให้ทำงานเปน็ สารอาหาร กบั การทำ ปกติ โดยการเลือก หน้าทีข่ อง 4. ระบุอวัยวะ รบั ประทาน เซลล์ และบรรยาย อาหารท่มี ี 4.อธบิ ายการ หนา้ ท่ขี อง สารอาหาร จัดระบบของ อวัยวะ ใน ครบถ้วนใน สิง่ มชี วี ิต โดย ระบบขบั ถา่ ย สัดส่วนท่ี เร่มิ จากเซลล์ ในการกำจัด เหมาะสมกบั เนอ้ื เยอ่ื ของเสียทางไต เพศ และวัย อวยั วะ ระบบ 5. ตระหนัก รวมทง้ั อวยั วะ จน ถงึ ความสำคัญ ปลอดภยั ต่อ เป็นสงิ่ มชี วี ติ ของระบบ สขุ ภาพ 5.อธิบาย ขับถ่าย ในการ ๔. สรา้ ง กระบวนการ กำจดั ของเสีย แบบจำลอง แพร่และ ทางไต โดย ระบบย่อย ออสโมซสิ จาก การบอก อาหาร และ หลักฐานเชิง แนวทางใน บรรยายหน้าที่ ประจกั ษ์ และ การปฏบิ ตั ิตน ของอวยั วะใน ยกตวั อย่าง ท่ชี ่วยให้ระบบ



ระบบยอ่ ย การแพร่และ ขับถา่ ยทำ อาหาร รวมท้งั ออสโมซสิ ใน หน้าทีไ่ ด้อยา่ ง อธบิ ายการ ชวี ติ ประจำวัน ปกติ ย่อย อาหาร 6.ระบปุ จั จัยที่ 6. บรรยาย และการ ดดู จำเปน็ ในการ โครงสร้างและ ซมึ สารอาหาร สงั เคราะหด์ ้วย หนา้ ทข่ี อง ๕. ตระหนัก แสงและ หวั ใจ หลอด ถึงความสำคัญ ผลผลติ ท่ี เลือด และ ของระบบย่อย เกดิ ขึน้ จาก เลือด อาหาร โดย การสงั เคราะห์ 7. อธบิ ายการ การบอก ด้วยแสง โดย ทำงานของ แนวทางใน ใชห้ ลักฐานเชงิ ระบบ การดแู ลรักษา ประจักษ์ หมนุ เวยี น อวัยวะใน 7.อธิบาย เลอื ด โดยใช้ ระบบย่อย ความสำคญั แบบจำลอง อาหารใหท้ า ของการ 8.ออกแบบ งานเปน็ ปกติ สงั เคราะหด์ ว้ ย การทดลอง แสงของพชื ต่อ และทดลอง สง่ิ มีชีวิตและ ในการ ส่ิงแวดลอ้ ม เปรยี บเทยี บ 8.ตระหนกั ใน อตั ราการเต้น คณุ ค่าของพชื ของหวั ใจ ทมี่ ตี อ่ สง่ิ มีชวี ติ ขณะปกตแิ ละ และ หลงั ทำ



ส่งิ แวดลอ้ ม กจิ กรรม โดยการ 9. ตระหนักถึง ร่วมกันปลูก ความสำคญั และดแู ลรกั ษา ของระบบ ต้นไมใ้ น หมุนเวยี น โรงเรียนและ เลอื ด โดยการ ชมุ ชน บอกแนวทาง 9. บรรยาย ในการดูแล ลกั ษณะและ รกั ษาอวยั วะ หนา้ ท่ขี องไซ ในระบบ เลม็ และโฟล หมนุ เวยี น เอ็ม เลอื ดให้ทำงาน 10.เขียน เป็นปกติ แผนภาพที่ 10.ระบุ บรรยายทศิ อวยั วะและ ทางการ บรรยายหนา้ ที่ ลำเลยี งสารใน ของอวยั วะใน ไซเล็มและโฟล ระบบประสาท เอ็มของพชื ส่วนกลางใน 11.อธบิ าย การควบคุม การสืบพันธ์ุ การทำงานตา่ ง แบบอาศัยเพศ ๆ ของร่างกาย และไม่อาศยั 11. ตระหนกั เพศของพชื ถึงความสำคญั



ดอก ของระบบ 12.อธิบาย ประสาท โดย ลกั ษณะ การบอก โครงสรา้ งของ แนวทางใน ดอกทม่ี สี ว่ น การดูแลรักษา ทำใหเ้ กิดการ รวมถงึ การ ถา่ ยเรณู ปอ้ งกันการ รวมทง้ั กระทบ บรรยาย การ กระเทอื นและ ปฏิสนธิของ อนั ตรายต่อ พชื ดอก การ สมองและไข เกิดผลและ สันหลัง เมล็ด การ 12. ระบุ กระจายเมลด็ อวยั วะและ และการงอก บรรยายหน้าท่ี ของเมล็ด ของอวัยวะใน 13.ตระหนัก ระบบสบื พนั ธุ์ ถึงความสำคัญ ของเพศชาย ของสัตวท์ ช่ี ่วย และเพศหญงิ ในการถ่ายเรณู โดยใช้ ของพชื ดอก แบบจำลอง โดยการไม่ 13.อธิบายผล ทำลายชีวติ ของฮอร์โมน ของสัตว์ที่ช่วย เพศชายและ



ในการถา่ ยเรณู เพศหญงิ ที่ 14. อธิบาย ควบคมุ การ ความสำคญั เปลีย่ นแปลง ของธาตุ ของร่างกาย อาหารบาง เมื่อเข้าสู่วัย ชนดิ ท่ีมผี ลตอ่ หนมุ่ สาว การ 14.ตระหนกั เจรญิ เตบิ โต ถึงการ และการ เปลี่ยนแปลง ดำรงชีวติ ของ ของรา่ งกาย พืช เมอื่ เขา้ สูว่ ยั 15. เลอื กใช้ หนุม่ สาว โดย ปุย๋ ทม่ี ธี าตุ การดูแลรกั ษา อาหาร ร่างกายและ เหมาะสมกบั จิตใจของ พชื ใน ตนเองในช่วงท่ี สถานการณท์ ี่ มีการ กำหนด เปล่ียนแปลง 16. เลอื ก 15.อธบิ าย วธิ ีการ การตกไข่ การ ขยายพันธ์ุพชื มีประจำเดือน ให้เหมาะสม การปฏสิ นธิ กับความ และการ ต้องการของ พฒั นาของไซ



มนษุ ย์ โดยใช้ โกต จนคลอด ความรู้ เปน็ ทารก เกีย่ วกับการ 16. เลือก สบื พันธ์ุของ วธิ กี าร พืช คุมกำเนดิ ที่ 17. อธบิ าย เหมาะสมกับ ความสำคญั สถานการณท์ ี่ ของเทคโนโลยี กำหนด การเพาะเล้ียง 17.ตระหนัก เนือ้ เยอื่ พชื ใน ถึงผลกระทบ การใช้ ของการ ประโยชน์ดา้ น ตั้งครรภ์ กอ่ น ตา่ ง ๆ วยั อันควร โดย 18.ตระหนกั การประพฤติ ถงึ ประโยชน์ ตนให้ ของการ เหมาะสม ขยายพนั ธุ์พชื โดยการนำ ความรไู้ ปใช้ใน ชีวิตประจำวัน

สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพ หลากหลายทางชีวภาพและวิวฒั นาการ ของส่ิงมีชวี ติ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน ตัวช้ีวัด ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ - ๑. - ๑.จำแนก ๑.อธิบาย เปรยี บเทียบ ลักษณะของ สง่ิ มชี ีวติ โดยใช้ ลักษณะทาง ส่งิ มชี ีวติ และ สิ่งไมม่ ีชวี ิต ความเหมอื น พันธุกรรมทม่ี ี จากขอ้ มูลที่ และความ การถา่ ยทอด รวบรวมได้ แตกต่างของ จากพอ่ แมส่ ู่ ลกั ษณะของ ลกู ของพชื ส่ิงมีชีวิต สัตว์ และ ออกเปน็ กลมุ่ มนษุ ย์ พืช กลุ่มสัตว์ ๒.แสดงความ และกล่มุ ที่ไมใ่ ช่ อยากรู้อยาก พืชและสตั ว์ เหน็ โดยการ ๒.จำแนกพืช ถามคำถาม ออกเป็นพชื ดอก เกีย่ วกบั และพืชไม่มีดอก ลักษณะท่ี โดยใช้การมดี อก คล้ายคลึงกัน เป็นเกณฑ์ โดย ของตนเองกับ ใช้ข้อมูลที่ พ่อแม่ รวบรวมได้ ๓.จำแนกสตั ว์

พันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความ น์ ดชั้นปี ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ - - - 1.อธิบายความสมั พนั ธ์ ระหวา่ ง ยีน ดเี อน็ เอ และ โครโมโซม โดยใชแ้ บบจำลอง 2.อธิบายการถ่ายทอด ลักษณะทางพนั ธกุ รรมจาก การผสมโดยพจิ ารณา ลกั ษณะเดยี วที่แอลลีลเด่นขม่ แอลลีลด้อยอยา่ งสมบูรณ์ 3.อธบิ ายการเกิดจโี นไทป์ และฟโี นไทป์ของลกู และ คำนวณอัตราสว่ นการเกดิ จี โนไทป์ และฟีโนไทปข์ องรนุ่ ลกู 4.อธบิ ายความแตกต่างของ การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิส และไมโอซสิ 5.บอกได้ว่าการเปลี่ยน แปลงของยีนหรือโครโมโซม อาจทำให้เกดิ โรคทาง พนั ธุกรรม พรอ้ มท้ัง

ออกเปน็ สัตว์มี กระดกู สนั หลัง และสัตว์ไม่มี กระดกู สนั หลงั โดยใชก้ ารมี กระดูกสนั หลัง เป็นเกณฑ์ โดย ใช้ขอ้ มูลท่ี รวบรวมได้ ๔.บรรยาย ลกั ษณะ เฉพาะทีส่ ังเกต ไดข้ องสัตวม์ ี กระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ ปลา กลมุ่ สตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทนิ บก กลุ่ม สตั ว์เลือ้ ยคลาน กลมุ่ นก และ กล่มุ สัตวเ์ ล้ยี งลูก ด้วยนำ้ นม และ ยกตัวอย่าง สิง่ มชี ีวติ ในแตล่ ะ กลุ่ม

ยกตวั อย่างโรคทางพันธกุ รรม 6.ตระหนกั ถึงประโยชน์ของ ความรูเ้ รอ่ื งโรคทาง พันธุกรรม โดยรู้วา่ กอ่ น แตง่ งานควรปรกึ ษาแพทย์ เพอื่ ตรวจและวินจิ ฉยั ภาวะ เส่ยี งของลกู ทอี่ าจเกิดโรคทาง พันธุกรรม 7.อธบิ ายการใช้ประโยชน์ จากส่งิ มีชวี ติ ดัดแปร พันธุกรรม และผลกระทบที่ อาจมีตอ่ มนุษย์และ ส่ิงแวดล้อม โดยใช้ข้อมูลที่ รวบรวมได้ 8.ตระหนักถงึ ประโยชน์และ ผลกระทบของส่งิ มีชีวิตดัด แปรพันธกุ รรมที่อาจมตี ่อ มนุษยแ์ ละส่งิ แวดล้อม โดย การเผยแพร่ความร้ทู ี่ได้จาก การโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์ ซงึ่ มขี อ้ มูลสนับสนนุ 9.เปรยี บเทยี บความ หลากหลายทางชวี ภาพ ใน ระดบั ชนิดสิง่ มชี วี ติ ในระบบ นิเวศตา่ ง ๆ 10.อธบิ ายความสำคญั ของ



ความหลากหลายทางชีวภาพ ทมี่ ตี อ่ การรกั ษาสมดุลของ ระบบนิเวศ และต่อมนษุ ย์ 11.แสดงความตระหนักใน คุณค่าและความสำคัญของ ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมสี ว่ นร่วมในการดูแล รกั ษาความ หลากหลายทางชวี ภาพ

สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่า ของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ตัวชวี้ ัด ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑. อธบิ าย ๑. เปรยี บเทียบ ๑. อธบิ ายว่า ๑. เปรียบเทยี บ ๑. อธิบายกา สมบัติที่ สมบัตกิ ารดูด วตั ถปุ ระกอบ สมบตั ทิ าง เปลย่ี นสถาน สงั เกตไดข้ อง ซบั นำ้ ของวัสดุ ข้ึนจาก กายภาพ ดา้ น ของสสารเมือ่ วสั ดุท่ีใชท้ ำ โดยใช้หลกั ฐาน ชิ้นส่วน ยอ่ ย ความแขง็ สภาพ ทำให้สสาร วตั ถซุ ง่ึ ทำจาก เชิงประจกั ษ์ ๆ ซึง่ สามารถ ยดื หยุน่ การนำ รอ้ นขน้ึ หรือ วสั ดชุ นดิ และระบกุ ารนำ แยกออกจาก ความร้อน และ เย็นลง โดยใช เดียวหรือ สมบตั ิการดูด กนั ไดแ้ ละ การนำไฟฟา้ ของ หลกั ฐานเชงิ หลายชนิด ซับน้ำของวัสดุ ประกอบกนั วัสดโุ ดยใช้ ประจักษ์ ประกอบกัน ไปประยกุ ต์ใช้ เปน็ วตั ถุชิน้ หลกั ฐานเชิง ๒. อธิบายกา โดยใช้ ในการทำวตั ถุ ใหมไ่ ด้ โดยใช้ ประจักษจ์ าก ละลายของ หลักฐานเชิง ใน หลกั ฐานเชงิ การทดลองและ สารในน้ำ โด ประจกั ษ์ ชวี ิตประจำวัน ประจักษ์ ระบุการนำ ใชห้ ลกั ฐานเช ๒. ระบชุ นดิ ๒. อธิบาย ๒. อธิบาย สมบัติเรอื่ งความ ประจักษ์ ของวสั ดุและ สมบัตทิ ี่สงั เกต การ แข็ง สภาพ ๓. วิเคราะห์ จัดกลุ่มวัสดุ ไดข้ องวสั ดทุ ี่ เปลยี่ นแปลง ยดื หยนุ่ การนำ การ ตามสมบัตทิ ่ี เกดิ จากการนำ ของวัสดเุ ม่ือ ความร้อน และ เปลยี่ นแปลง สงั เกตได้ วัสดุมาผสมกนั ทำใหร้ อ้ นขึน้ การนำไฟฟ้าของ ของสารเมอ่ื โดยใช้หลักฐาน หรอื ทำให้เย็น วสั ดไุ ปใชใ้ น เกิดการ เชิงประจักษ์ ลง โดยใช้ ชวี ติ ประจำวนั เปลยี่ นแปลง

างสมบตั ิของสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาติ ดช้นั ปี ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ าร ๑. อธิบายและ 1.อธบิ าย 1. อธิบายการ 1. ระบสุ มบัติทาง กายภาพและการใช้ นะ เปรยี บเทียบ สมบตั ิทาง แยกสารผสม ประโยชนว์ สั ดุประเภทพอ อ การแยกสาร กายภาพบาง โดยการระเหย ลเิ มอร์ เซรามิกส์ และวสั ดุ ประการของ แหง้ การตก ผสม โดยใช้หลกั ฐานเชิง ผสมโดยการ หยบิ ออก การ ธาตโุ ลหะ ผลกึ การกล่นั ประจักษ์ และสารสนเทศ ช้ ร่อน การใช้ อโลหะ และกง่ึ อยา่ งง่าย โคร 2.ตระหนักถงึ คณุ คา่ ของ การใชว้ ัสดปุ ระเภทพอลิ แมเ่ หล็กดึงดูด โลหะ โดยใช้ มาโท กราฟี เมอร์ เซรามกิ ส์ และวัสดุ การรินออก หลกั ฐานเชิง แบบกระดาษ ผสม โดยเสนอ แนะ แนวทางการใช้วสั ดอุ ย่าง าร การกรอง และ ประจกั ษ์ทไ่ี ด้ การสกดั ดว้ ย การตกตะกอน จากการสังเกต ตวั ทำละลาย ประหยัดและคุ้มคา่ 3. อธบิ ายการ ดย โดยใช้ และการ โดยใช้ เกิดปฏิกริ ิยาเคมี รวมถงึ ชิง หลักฐานเชิง ทดสอบ และ หลักฐานเชิง การจัดเรียงตวั ใหมข่ อง ใชส้ ารสนเทศ ประจกั ษ์ อะตอมเมื่อเกดิ ปฏิกิริยา ประจกั ษ์ เคมี โดยใช้แบบจำลอง ทีไ่ ด้จาก 2.แยกสารโดย รวมทงั้ ระบุวธิ ี แกป้ ัญหาใน แหลง่ ขอ้ มลู การระเหยแห้ง และสมการข้อความ 4.อธิบายกฎทรงมวล โดย ง ชีวติ ประจำวัน ต่าง ๆ รวมทัง้ การตกผลึก ใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ง เกยี่ วกบั การ จัดกลมุ่ ธาตุ การกล่นั อยา่ ง 5.วเิ คราะหป์ ฏกิ ิรยิ าดดู แยกสาร เปน็ โลหะ งา่ ย โคร ความร้อน และปฏกิ ริ ิยา คายความรอ้ น จากการ อโลหะ กงึ่ มาโทกราฟี

๓. หลกั ฐานเชงิ ผา่ น ทางเคมี โดย เปรียบเทียบ ประจกั ษ์ กระบวนการ ใช้หลกั ฐานเช สมบัติที่สังเกต ออกแบบชนิ้ งาน ประจกั ษ์ ได้ของวัสดุเพ่อื ๒. แลกเปลยี่ น ๔. วิเคราะห์ นำมาทำเปน็ ความคิดกบั ผู้อน่ื และระบุการ วตั ถใุ นการใช้ โดยการอภิปราย เปลี่ยนแปลง งานตาม เกี่ยวกับสมบัติ ผันกลับได้แล วัตถปุ ระสงค์ ทางกายภาพของ การ และอธิบายการ วัสดอุ ยา่ งมี เปล่ียนแปลง นำวัสดทุ ีใ่ ช้แลว้ เหตผุ ลจากการ ผันกลบั ไมไ่ ด กลบั มาใช้ใหม่ ทดลอง โดยใช้หลักฐาน ๓. เปรยี บเทียบ เชงิ ประจกั ษ์ สมบตั ขิ องสสาร ๔. ตระหนกั ถงึ ทงั้ 3 สถานะ ประโยชน์ของ จากข้อมูลที่ได้ การนำวัสดทุ ่ใี ช้ จากการสงั เกต แล้วกลบั มาใช้ มวล การ ใหม่ โดยการนำ ตอ้ งการทอ่ี ยู่ วสั ดุที่ใชแ้ ลว้ รปู ร่างและ กลบั มาใชใ้ หม่ ปรมิ าตรของ สสาร ๔. ใชเ้ ครื่องมอื เพอ่ื วดั มวล และ ปริมาตรของ

ย โลหะ แบบกระดาษ เปล่ยี นแปลงพลังงาน ความรอ้ นของปฏิกิรยิ า ชงิ 2.วิเคราะห์ผล การสกัดดว้ ย 6.อธิบายปฏิกริ ยิ าการเกดิ จากการใชธ้ าตุ ตัวทำละลาย สนิมของเหล็ก ปฏิกริ ยิ า ของกรดกับโลหะ โลหะ อโลหะ 3.นำวิธีการ ร กึ่งโลหะ และ แยกสารไปใช้ ปฏกิ ิริยาของกรดกับเบส งท่ี ธาตุ แกป้ ญั หาใน และปฏกิ ิริยาของเบสกับ โลหะ โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ละ กมั มันตรังสี ท่ี ชวี ิต ประจกั ษ์ และอธบิ าย งท่ี มีต่อส่ิงมชี ีวิต ประจำวนั โดย ปฏิกิริยาการเผาไหม้ การ สงิ่ แวดลอ้ ม บูรณาการ เกดิ ฝนกรด การ ด้ เศรษฐกิจและ วทิ ยาศาสตร์ สังเคราะหด์ ว้ ยแสง โดยใช้ สารสนเทศ รวมทั้งเขียน สงั คม จาก คณิตศาสตร์ สมการข้อความแสดง ขอ้ มลู ที่ เทคโนโลยี ปฏกิ ริ ยิ าดงั กล่าว รวบรวมได้ และ 7.ระบุประโยชน์และโทษ ของปฏกิ ิรยิ าเคมที ่มี ตี อ่ 3. ตระหนกั ถึง วิศวกรรมศาส คณุ ค่าของการ ตร์ สิง่ มีชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม และยกตวั อย่างวิธีการ ใชธ้ าตุโลหะ 4.ออกแบบ ปอ้ งกันและแกป้ ญั หาท่ี อโลหะ กงึ่ การทดลอง เกิดจากปฏกิ ริ ิยาเคมที พี่ บ โลหะ ธาตุ และทดลองใน ในชวี ิตประจำวนั จากการ กมั มันตรังสี การอธิบายผล สืบค้นขอ้ มูล โดยเสนอแนว ของชนิดตัว 8.ออกแบบวิธแี ก้ปัญหา ในชีวติ ประจำวัน โดยใช้ ทางการใช้ธาตุ ละลาย ชนิด ความรู้ เก่ียวกบั ปฏกิ ริ ยิ า อยา่ งปลอดภัย ตัวทำละลาย เคมี โดยบรู ณาการ คมุ้ คา่ อุณหภูมิท่ีมตี ่อ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ สภาพละลาย เทคโนโลยแี ละ

สสารท้ัง 3 สถานะ

4. เปรยี บ ได้ของสาร วศิ วกรรมศาสตร์ เทียบจุดเดอื ด รวมทงั้ อธิบาย จุดหลอมเหลว ผลของความ ของสาร ดนั ทีม่ ีตอ่ บรสิ ทุ ธแิ์ ละ สภาพละลาย สารผสม โดย ไดข้ องสาร การวัด โดยใช้ อณุ หภมู ิ เขยี น สารสนเทศ กราฟ แปล 5. ระบุ ความหมาย ปรมิ าณตวั ขอ้ มูลจาก ละลายใน กราฟ หรอื สารละลาย ใน สารสนเทศ หน่วยความ 5.อธบิ ายและ เขม้ ข้นเป็น เปรียบเทียบ รอ้ ยละ ความหนาแนน่ ปรมิ าตรตอ่ ของสาร ปรมิ าตร มวล บรสิ ุทธิ์และ ต่อมวล และ สารผสม มวลต่อ 6.ใช้เครือ่ งมือ ปริมาตร เพือ่ วดั มวล 6.ตระหนักถึง และปรมิ าตร ความสำคัญ ของสาร ของการนำ บรสิ ุทธิแ์ ละ ความรเู้ ร่อื ง



สารผสม ความเขม้ ข้น 7.อธบิ าย ของสารไปใช้ เก่ยี วกบั โดย ความสมั พันธ์ ยกตวั อยา่ ง ระหวา่ ง การใช้ อะตอม ธาตุ สารละลายใน และ ชีวิตประจำวนั สารประกอบ อยา่ งถูกต้อง โดยใช้ และปลอดภัย แบบจำลอง และ สารสนเทศ 8.อธบิ าย โครงสรา้ ง อะตอมท่ี ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และ อเิ ลก็ ตรอน โดยใช้ แบบจำลอง 9.อธิบายและ เปรียบเทียบ การจัดเรยี ง



อนภุ าค แรง ยึดเหนย่ี ว ระหว่างอนุ ภาค และการ เคล่ือนทีข่ อง อนุภาคของ สสารชนิด เดียวกนั ใน สถานะของ แข็ง ของเหลว และแกส๊ โดย ใชแ้ บบจำลอง 10.อธบิ าย ความสมั พนั ธ์ ระหว่างพลัง งานความรอ้ น กบั การเปลีย่ น สถานะของ สสาร โดยใช้ หลักฐานเชิง ประจักษแ์ ละ แบบจำลอง

สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัต ตวั ชวี้ ัด ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ - - ๑. ระบุผลของ ๑. ระบผุ ลของ ๑. อธิบาย แรงทีม่ ตี ่อการ แรงโน้มถว่ งทม่ี ี วธิ กี ารหาแรง เปลยี่ นแปลง ตอ่ วตั ถจุ าก ลัพธข์ องแรง การเคลื่อนท่ี หลักฐานเชิง หลายแรงใน ของวัตถุจาก ประจักษ์ แนวเดยี วกนั หลักฐานเชิง ๒. ใชเ้ ครอื่ งชง่ั กระทำตอ่ วตั ประจักษ์ สปรงิ ในการวดั ในกรณที ว่ี ตั ถ ๒. นำ้ หนักของวตั ถุ อยู่นิ่งจาก เปรียบเทียบ ๓. บรรยายมวล หลักฐานเชิง และ ของวตั ถทุ ี่มผี ล ประจักษ์ ยกตัวอย่าง ตอ่ การ ๒. เขยี น แรงสมั ผัสและ เปล่ียนแปลงการ แผนภาพแสด แรงไมส่ ัมผัสท่ี เคลือ่ นทข่ี องวตั ถุ แรงที่กระทำ มผี ลต่อการ จากหลกั ฐานเชงิ ต่อวตั ถทุ ี่อยูใ่ เคล่ือนทข่ี อง ประจกั ษ์ แนวเดียวกนั วตั ถโุ ดยใช้ และแรงลพั ธ หลักฐานเชิง กระทำต่อวัต ประจกั ษ์ ๓. ใช้เครอ่ื งช ๓. จำแนกวตั ถุ สปริงในการ

ตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบ ตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ดชน้ั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ - - ป. ๖ 1.พยากรณก์ าร เคลือ่ นที่ของวตั ถุที่ ๑. อธบิ าย เปน็ ผลของแรง ง การเกดิ และ ลัพธ์ทเี่ กดิ จากแรง ง ผลของแรง หลายแรงท่ีกระทำ ไฟฟา้ ซงึ่ เกิด ตอ่ วัตถุในแนว นท่ี จากวัตถุที่ผ่าน เดียวกันจาก ตถุ การ ขัดถูโดย หลักฐานเชงิ ถุ ใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. เขยี นแผนภาพ ประจกั ษ์ แสดงแรงและแรง ลพั ธ์ท่ีเกิดจากแรง ดง หลายแรงท่ีกระทำ ำ ต่อวัตถใุ นแนว เดยี วกัน ใน 3. ออกแบบการ น ทดลองและทดลอง ด้วยวิธี ทเี่ หมาะสม ธท์ ่ี ตถุ ในการอธบิ าย ช่ัง

โดยใช้การ วดั แรงท่ี ดึงดูดกับ กระทำตอ่ วตั แม่เหล็กเป็น ๔. ระบุผลขอ เกณฑ์จาก แรงเสียดทาน หลกั ฐานเชิง ทม่ี ีต่อการ ประจักษ์ เปลี่ยนแปลง ๔. ระบุ การเคลอ่ื นท ข้ัวแมเ่ หลก็ ของวัตถจุ าก และพยากรณ์ หลักฐานเชิง ผลท่ีเกดิ ขน้ึ ประจกั ษ์ ระหว่าง ๕. เขียน ขวั้ แม่เหลก็ แผนภาพแสด เมอ่ื นำมาเข้า แรงเสยี ดทาน ใกลก้ ันจาก และแรงท่ีอย หลักฐานเชงิ ในแนว ประจักษ์ เดียวกนั ที่ กระทำตอ่ วัต

ปัจจยั ทีม่ ีผลต่อ ตถุ ความดนั ของ อง ของเหลว น 4. วิเคราะหแ์ รง พยงุ และการจม ง การลอยของวัตถุใน ที่ ของเหลวจาก ก หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ 5. เขียนแผนภาพ แสดงแรงท่ีกระทำ ดง ต่อวตั ถุ ใน น ของเหลว ยู่ 6. อธบิ ายแรงเสยี ด ทานสถติ และแรง เสียดทานจลน์จาก ตถุ หลักฐานเชิงประจักษ์ 7.ออกแบบการ ทดลองและทดลอง ดว้ ยวธิ ีท่ีเหมาะสมใน การอธิบายปจั จัยท่ีมี ผลต่อขนาดของแรง เสยี ดทาน 8. เขยี นแผนภาพ



แสดงแรงเสียดทาน และแรงอืน่ ๆ ท่ี กระทำต่อวตั ถุ 9. ตระหนักถึง ประโยชนข์ อง ความรเู้ รื่องแรง เสยี ดทานโดย วิเคราะห์ สถานการณ์ปญั หา และเสนอแนะ วธิ กี ารลดหรอื เพิ่ม แรงเสยี ดทานทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การ ทำกิจกรรมในชวี ติ ประจำวัน 10.ออกแบบการ ทดลองและทดลอง ด้วยวธิ ี ทีเ่ หมาะสม ในการอธบิ าย โมเมนต์ของแรง เมื่อ วัตถอุ ยู่ในสภาพ สมดุลต่อการหมนุ และคำนวณโดยใช้ สมการ



M = Fl 11. เปรยี บเทียบ แหลง่ ของ สนามแม่เหลก็ สนามไฟฟ้า และ สนามโน้มถว่ ง และ ทิศทางของแรงที่ กระทำต่อวัตถทุ อ่ี ยู่ ในแตล่ ะสนามจาก ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ 12. เขียนแผนภาพ แสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ และแรง โน้มถ่วงท่ีกระทำตอ่ วัตถุ 13.วเิ คราะห์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง ขนาดของแรง แม่เหลก็ แรงไฟฟ้า และแรงโนม้ ถว่ งท่ี กระทำตอ่ วัตถุท่อี ยู่ ในสนามนัน้ ๆ กบั ระยะหา่ งจากแหล่ง ของสนามถงึ วัตถุจาก



ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ 14. อธิบายและ คำนวณอตั ราเรว็ และความเร็วของ การเคลอื่ นที่ของ วตั ถุ โดยใชส้ มการ จากหลักฐานเชิง ประจกั ษ์ 15. เขยี น แผนภาพแสดงการ กระจัดและ ความเร็ว

สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งา ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับเสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโ ตัวชว้ี ัด ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑. บรรยาย ๑. บรรยาย ๑. ยกตัวอยา่ ง ๑. จำแนกวัตถุ ๑. อธิบายก การเกิดเสียง แนวการ การเปลี่ยน เปน็ ตวั กลาง ไดย้ นิ เสยี งผ และทศิ เคลือ่ นทข่ี อง พลังงานหนง่ึ โปรง่ ใส ตวั กลาง ตวั กลางจาก ทางการ แสงจาก ไปเป็นอกี โปร่งแสง และ หลักฐานเชิง เคลอ่ื นท่ีของ แหล่งกำเนดิ พลังงานหนง่ึ วัตถทุ ึบแสง จาก ประจักษ์ เสยี งจาก แสง และ จากหลักฐาน ลักษณะการ ๒. ระบุตัวแ หลักฐานเชงิ อธบิ ายการ เชงิ ประจกั ษ์ มองเหน็ สิง่ ต่าง ทดลองและ ประจกั ษ์ มองเห็นวตั ถุ ๒. บรรยาย ๆ ผา่ นวตั ถนุ ้ัน อธบิ าย จากหลกั ฐาน การทำงาน เปน็ เกณฑโ์ ดยใช้ ลกั ษณะและ เชงิ ประจักษ์ ของเครอื่ ง หลกั ฐานเชงิ การเกดิ เสีย ๒. ตระหนัก กำเนดิ ไฟฟา้ ประจักษ์ สูง เสียงต่ำ ในคณุ ค่าของ และระบุแหล่ง ๓. ออกแบบ ความรขู้ อง พลงั งานใน การทดลอง การมองเหน็ การผลติ ไฟฟา้ และอธบิ าย โดยเสนอแนะ จากข้อมูลที่ ลกั ษณะและ แนวทางการ รวบรวมได้ การเกดิ เสีย ป้องกัน ๓. ตระหนักใน ดัง เสยี งคอ่ ย อันตรายจาก ประโยชน์และ ๔. วดั ระดบั การมองวัตถทุ ่ี โทษของไฟฟ้า เสยี งโดยใช้

าน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลน่ื โยชน์ ดชนั้ ปี ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ การ ๑. ระบุ 1.วิเคราะห์ 1. 1.วเิ คราะห์ ผ่าน ส่วนประกอบ แปล วเิ คราะห์ ความสัมพนั ธ์ระหว่าง ก และบรรยาย ความหมาย สถานการณ์ ความตา่ งศกั ย์ ง หนา้ ท่ีของแต่ ข้อมูล และ และคำนวณ กระแสไฟฟ้า และความ ละ คำนวณ เกยี่ วกับงาน ต้านทาน และคำนวณ แปร ส่วนประกอบ ปริมาณความ และกำลังท่ี ปรมิ าณทเ่ี ก่ียวขอ้ งโดย ของ ร้อนทท่ี ำให้ เกิดจากแรง ใชส้ มการ V = IR วงจรไฟฟา้ สสารเปลย่ี น ที่กระทำตอ่ จากหลกั ฐานเชงิ ะ อยา่ งง่ายจาก อุณหภมู ิและ วตั ถุ ประจักษ์ ยง หลักฐานเชิง เปลยี่ นสถานะ โดยใช้ 2. เขยี นกราฟความ ประจกั ษ์ โดยใชส้ มการ สมการ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งกระแส บ ๒. เขยี น Q = และ ไฟฟา้ และความตา่ งศกั ย์ แผนภาพและ mcΔt และ จากขอ้ มลู ท่ี ไฟฟ้า ต่อวงจรไฟฟ้า Q = mL รวบรวมได้ 3. ใช้โวลตม์ ิเตอร์ ะ อย่างงา่ ย 2.ใช้เทอร์มอ 2. วิเคราะห์ แอมมเิ ตอร์ในการวัด ยง ๓. ออกแบบ มเิ ตอร์ใน หลกั การ ปรมิ าณทางไฟฟา้ ย การทดลอง การวดั ทำงานของ 4.วเิ คราะหค์ วามตา่ ง บ และทดลอง อุณหภมู ิของ เครอ่ื งกล ศักยไ์ ฟฟา้ และ ดว้ ยวิธที ่ี อย่างง่าย กระแสไฟฟา้ ใน สสาร

อยู่ในบรเิ วณที่ โดยนำเสนอ เครอื่ งมือวัด มีแสงสว่างไม่ วิธีการใชไ้ ฟฟ้า ระดับเสียง เหมาะสม อยา่ งประหยัด ๕. ตระหนกั และปลอดภยั คุณค่าของ ความรเู้ รอื่ ง ระดบั เสยี งโด เสนอแนะ แนวทางใน การหลกี เลี่ย และลดมลพ ทางเสยี ง

ด เหมาะสมใน 3.สร้าง จากขอ้ มลู ที่ วงจรไฟฟ้าเม่ือตอ่ ตัว รวบรวมได้ ต้านทานหลายตัว แบบ การอธบิ าย แบบจำลอง 3. ตระหนกั อนุกรมและแบบขนาน จากหลกั ฐานเชิง กใน วธิ กี ารและผล ทีอ่ ธิบายการ ถงึ ประโยชน์ ประจกั ษ์ ของความรู้ 5. เขยี นแผนภาพ ของการตอ่ ขยายตัวหรอื วงจรไฟฟ้าแสดงการตอ่ ของ ตวั ตา้ นทานแบบอนุกรม เซลลไ์ ฟฟ้า หดตัวของ เคร่อื งกล และขนาน อยา่ งงา่ ย 6.บรรยายการทำงาน ดย แบบอนุกรม สสาร ของชน้ิ สว่ น โดยบอก อิเลก็ ทรอนกิ ส์อย่างง่าย ๔. ตระหนกั ถึง เนือ่ งจาก ประโยชน์ ในวงจรจากขอ้ มลู ที่ รวบรวมได้ ประโยชน์ของ ได้รบั หรอื และการ 7. เขยี นแผนภาพและ ประยุกตใ์ ช้ ต่อช้ินสว่ น ยง ความรูข้ อง สญู เสียความ ใน อิเลก็ ทรอนกิ สอ์ ย่างง่าย ในวงจรไฟฟ้า พษิ การต่อ ร้อน ชีวิตประจำวั 8. อธิบายและคำนวณ น พลงั งานไฟฟา้ โดยใช้ เซลลไ์ ฟฟ้า 4. ตระหนัก สมการ W = Pt รวมทัง้ 4. ออกแบบ คำนวณคา่ ไฟฟา้ ของ แบบอนกุ รม ถึงประโยชน์ และทดลอง เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ น ดว้ ยวธิ ที ี่ 9. ตระหนักในคุณคา่ โดยบอก ของความรู้ เหมาะสมใน ประโยชน์และ ของการหด การอธิบาย การ และขยายตวั ปัจจยั ทม่ี ีผล ตอ่ พลงั งาน ประยกุ ต์ใช้ใน ของสสาร จลน์ และ ชวี ติ ประจำวนั เน่ืองจาก พลงั งานศกั ย์ ๕. ออกแบบ ความรอ้ น การทดลอง โดยวิเคราะห์ และทดลอง สถานการณ์ ดว้ ยวธิ ที ี่ ปญั หา และ เหมาะสมใน เสนอแนะ การอธบิ าย วิธีการนำ การตอ่ หลอด ความรู้มา



ไฟฟา้ แบบ แกป้ ญั หาใน โนม้ ถ่วง ของการเลือกใช้ อนุกรมและ ชีวติ ประจำวั เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ โดย แบบขนาน น 5. แปล นำเสนอวิธีการใช้ ความหมาย เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าอยา่ ง ๖. ตระหนกั ถึง 5. วิเคราะห์ ข้อมลู และ ประหยัดและปลอดภยั ประโยชนข์ อง สถานการณ์ อธิบายการ 10.สรา้ งแบบจำลองท่ี เปลย่ี น อธบิ ายการเกดิ คลื่นและ ความรขู้ อง การถ่ายโอน พลังงาน บรรยายส่วนประกอบ การตอ่ หลอด ความรอ้ น ระหวา่ ง ของคลืน่ ไฟฟ้า แบบ และคำนวณ พลงั งานศักย์ 11.อธบิ ายคลื่นแม่ โนม้ ถว่ งและ เหลก็ ไฟฟา้ และ อนกุ รมและ ปริมาณ พลงั งานจลน์ สเปกตรมั คลืน่ แมเ่ หลก็ แบบขนาน ความร้อนท่ี ของวัตถโุ ดย ไฟฟา้ จากขอ้ มลู ท่ี พลงั งานกล รวบรวมได้ โดยบอก ถา่ ยโอน ของวตั ถุ มี 12.ตระหนักถึง ประโยชน์ ระหวา่ ง คา่ คงตัวจาก ประโยชน์และอนั ตราย ขอ้ จำกัด และ สสารจนเกดิ ข้อมลู ที่ จากคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวบรวมได้ โดยนำเสนอการใช้ การ สมดลุ 6.วเิ คราะห์ ประโยชนใ์ นด้านต่าง ๆ ประยกุ ตใ์ ชใ้ น ความร้อน สถานการณ์ และอันตรายจากคลื่น และอธบิ าย แม่เหลก็ ไฟฟ้าในชีวติ ชีวติ ประจำวัน โดยใช้ การเปลย่ี น ประจำวัน ๗. อธิบายการ สมการ และการถ่าย 13.ออกแบบการ เกิด เงามดื เงา Qสูญเสีย = โอนพลังงาน ทดลองและดำเนินการ มัวจาก Qไดร้ บั หลกั ฐานเชงิ 6.สร้าง ประจกั ษ์ แบบจำลอง ๘. เขียน ที่อธบิ ายการ แผนภาพรงั สี ถา่ ยโอน ของแสงแสดง ความร้อน



การเกิด เงามืด โดยการนำ โดยใชก้ ฎ ทดลองดว้ ยวิธีที่ เงามัว ความร้อน การอนรุ กั ษ์ เหมาะสมในการอธิบาย การพาความ พลังงาน กฎการสะทอ้ นของแสง 14.เขียนแผนภาพการ รอ้ น การแผ่ เคล่อื นที่ของแสง แสดง รงั สีความ การเกดิ ภาพจากกระจก เงา รอ้ น 15.อธิบายการหกั เห 7.ออกแบบ ของแสงเมอ่ื ผา่ นตวั กลาง เลือกใช้ และ โปร่งใสทีแ่ ตกต่างกัน และอธิบายการกระจาย สรา้ ง แสงของแสงขาวเมอ่ื ผา่ น อปุ กรณ์ เพ่ือ ปริซึมจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ แกป้ ัญหาใน 16.เขียนแผนภาพการ ชวี ิตประจำวั เคลอื่ นทขี่ องแสง แสดง นโดยใช้ การเกดิ ภาพจากเลนส์ บาง ความรู้ 17. อธิบาย เก่ียวกับการ ปรากฏการณ์ท่ีเกย่ี วกบั แสง และการทำงานของ ถา่ ยโอน ทัศนอุปกรณ์จากขอ้ มูล ความร้อน ท่รี วบรวมได้ 18. เขยี นแผนภาพการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook