Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้เคมี

แผนการจัดการเรียนรู้เคมี

Published by pawanrat2760, 2021-09-24 03:37:00

Description: แผนการจัดการเรียนรู้เคมี

Search

Read the Text Version

3. ดา้ นลักษณะทพ่ี งึ -จากการสังเกต -การสังเกตพฤตกิ รรม คุณภาพ พอใช้ ข้นึ ไป ประสงค์ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ ในการทำการทดลอง -แบบประเมิน -สงั เกตพฤตกิ รรมการ พฤติกรรม ทำงานเปน็ กลุ่ม

กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .....................................................ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรียนรู้ ................/.................../................ ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .....................................................ผูต้ รวจ(ครพู ่ีเลี้ยง) ................/.................../................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานเปน็ กลมุ่ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับระดับคะแนน กลุ่ม …………………… สมาชกิ ของกล่มุ 1……………………………………………..2……………………………………………… 3………………………………………… 4…………………………………………….. คณุ ภาพการปฏบิ ัติ ลำดบั ท่ี พฤติกรรม 432 1 1 มีการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และรับฟังกนั ภายในกลุม่ 2 มคี วามกระตือรือร้น และตังใจในการทำงาน 3 มีการจดั การทดี่ ภี ายในกลุ่มมกี ารวางแผนอย่างเปน็ ระบบ 4 มีการชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ภายในกลุ่ม 5 มีความรับผดิ ชอบในการทำงาน 6 มีการทำงานไดอ้ ย่างถูกต้องและปลอดภัย รวม ลงชอื่ ……………………………………………………ผู้ประเมิน ….………/……………./………….. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ = 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั = 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั = 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั 21-24 ดมี าก 16-20 ดี 11-15 พอใช้ 6-10 ปรับปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ลำดบั ชือ่ -นามสกุล ผูถ้ ูกประเมนิ พฤตกิ รรม รวม ต้งั ใจในการ การตอบ มคี วาม ตรงตอ่ ทำงาน คำถาม รบั ผิดชอบ เวลา 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ = 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง = 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง = 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั 10-12 ดีมาก 8-9 ดี 6-7 พอใช้ 4-5 ปรบั ปรงุ

บตั รภาพ (1 ชดุ )

ใบกจิ กรรมสีของสารประกอบ สารประกอบของโลหะหมู่หลัก สารประกอบของโลหะแทรนซชิ ัน สูตรเคมี สีของสารประกอบ สตู รเคมี สีของสารประกอบ อภปิ รายผลจากกจิ กรรม ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... คำถามทา้ ยกิจกรรม 1.สีของสารประกอบของโลหะหมู่หลักและสารประกอบของโลหะแทรนซชิ ันเหมือนหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................

เฉลยใบกจิ กรรมสีของสารประกอบ สารประกอบของโลหะหม่หู ลัก สารประกอบของโลหะแทรนซิชัน สูตรเคมี สขี องสารประกอบ สูตรเคมี สีของสารประกอบ NaCl สีขาว CuSO4.5H2O สฟี ้า CuCO3 สเี ขียวอ่อน Na2CO3 สีขาว KNO3 สีขาว MnO2 สเี ทา-ดำ CaSO4 สขี าว ZnSO4 สเี หลอื งอ่อน CaCO3 สีขาว LiCl สีขาว อภปิ รายผลจากกิจกรรม 1.สีของสารประกอบเป็นสมบตั ทิ างกายภาพ ซึง่ สามารถสงั เกตไดด้ ว้ ยตาเปล่า 2.สารประกอบโลหะหมหู่ ลักสว่ นใหญเ่ ป็นสขี าว สว่ นสารประกอบของโลหะแทรนซชิ ันมักจะมสี ี เชน่ CuSO4.5H2O มีสีฟ้า ZnSO4 มีสีเหลอื งออ่ น คำถามทา้ ยกิจกรรม 1.สขี องสารประกอบของโลหะหมูห่ ลกั และสารประกอบของโลหะแทรนซิชนั เหมือนหรอื ตา่ งกันอยา่ งไร สารประกอบโลหะหมู่หลักสว่ นใหญเ่ ปน็ สขี าว สว่ นสารประกอบโลหะแทรนซชิ นั สว่ นใหญจ่ ะมสี ี

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน/ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ นกั เรียนเปรียบเทียบสีของสารประกอบโลหะหมู่หลกั กบั โลหะทรานซิชนั ได้ ด้านทกั ษะ นักเรยี นทำกิจกรรมสขี องสารประกอบไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ด้านคุณธรรม นกั เรยี นมีความสนใจในเรอ่ื งที่เรยี นและการทำงานเปน็ กลมุ่ ด้านทักษะชวี ิตเพื่อการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 : 5 – 8 – 4 - ๒. ปญั หา/อปุ สรรค และข้อคน้ พบ ไมส่ ามารถใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมสขี องสารประกอบเปน็ งานกลมุ่ ได้ ๓. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข และผลการแก้ไข ใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมสขี องสารประกอบเปน็ งานเดีย่ ว ลงชอื่ .....................................................ผู้สอน (................................................)



แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 10 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 อะตอมและ เรื่องสมบตั ิของธาตแุ ทรนซชิ นั เวลา 2 ชว่ั โมง สมบัติของธาตุ ความว่องไวในการเกดิ ปฏิกริ ิยา รหสั วชิ า ว 31221 วิชา เคมี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระเคมี เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตพุ นั ธะเคมแี ละสมบตั ิของสาร แก๊สและสมบตั ขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละพอลเิ มอร์ รวมท้งั การนาํ ความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ สาระ/ผลการเรียนรู้ ม.4/6 บอกสมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทียบสมบตั กิ ับธาตโุ ลหะในกลุ่มธาตุเรพรเี ซนเททฟี สาระการเรียนรู้ ธาตุแทรนซิชันเปน็ โลหะทีส่ ่วนใหญ่มเี วเลนซ์อเิ ล็กตรอนเท่ากับ ๒ มีขนาดอะตอมใกล้เคยี งกัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวและความหนาแน่นสูง เกิดปฏิกิริยากับน้ําได้ช้ากว่าธาตุโลหะในกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ เมื่อเกิด เปน็ สารประกอบส่วนใหญ่จะมีสี สาระสำคญั ธาตหุ มู่ IA โลหะอัลคาไล (alkali metals) มีทั้งหมด 6 ธาตุ คือ Li Na K Rb Cs และ Fr โดย Fr เป็นธาตกุ ัมมันตรังสี ธาตุเหล่านี้เปน็ โลหะอ่อน ทำปฏิกิริยาน้ำและออกซิเจนได้วอ่ งไวและรนุ แรง มีแนวโนม้ ว่าธาตุคาบลา่ งจะทำปฏิกิริยารนุ แรง กวา่ ธาตคุ าบบน ธาตหุ มู่ IIA ทำปฏิกิริยากบั ออกซเิ จนและน้ำได้เชน่ เดียวกบั ธาตหุ มู่ IA แตค่ วามรุนแรงของปฏิกิริยา น้อยกวา่ ธาตุหมู่ IA ทอ่ี ยู่คาบเดยี วกนั แตม่ ีแนวโนม้ เพิม่ ขึน้ จากคาบบนส่คู าบล่าง ธาตุแทรนซชิ นั มีสมบัติคลา้ ยกนั ท้ังภายในหมู่และภายในคาบเดียวกัน IE1 และ EN ต่ำ แต่สูงกว่าธาตุ หมู่ IA และหมู่ IIA ในคาบเดียวกนั

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1.นักเรียนสามารถเปรียบเทียบความว่องไวของการเกิดปฏิกิริยาของธาตุแทรนซิชันกับธาตุโลหะ หมู่หลักได้ (K) 2.นักเรยี นสามารถทำการทดลองหาความว่องไวในการเกิดปฏกิ ริ ยิ าได้ (P) 3.นกั เรยี นมีความสนใจในเรอื่ งท่เี รยี นและการทำงานเป็นกลมุ่ (A) คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ✓ 2. ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ✓ 3. มวี นิ ัย ✓ 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อย่อู ย่างพอเพียง ✓ 6. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. รกั ความเปน็ ไทย ✓ 8. มจี ติ สาธารณะ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ✓ 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร ✓ 2. มคี วามสามารถในการคดิ ✓ 3. มคี วามสามารถในการแกป้ ัญหา ✓ 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ✓ 5. มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ✓ 1. สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ✓ 2. ทกั ษะการเรียนรู้ และนวตั กรรม ✓ 3. ทักษะด้านสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี ✓ 4. ทักษะด้านชวี ติ และอาชพี

กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1.ครูกล่าวทกั ทายนักเรียน จากนั้นให้นักเรียน ดูภาพตัวอย่าง เพื่อให้นักเรยี นสงั เกตระยะเวลาในการ เกิดสง่ิ ต่าง ๆ ท่ตี ่างกัน ซ่งึ จะมรี ปู มาให้ทงั้ หมด 3 รปู คือ รปู การเผาไหม้ การสุกของกลว้ ย และการเกดิ ถ่านหิน 2.จากนนั้ ต้งั คำถามกับนักเรยี นกับนักเรียนว่า จากภาพตัวอย่าง ถาพไหนมีความวอ่ งไวมากท่สี ดุ (แนว คำตอบ : การเผาไหม้ มีความว่องไวมากทส่ี ุด ตอ่ มาเป็นการสกุ ของกล้วย และการเกิดถ่านหิน) 3.โดยครูอธิบายเพิ่มว่า การเกิดการเผาไหม้ อาจใช้เวลาไม่ถึง 1 วัน แต่การสุกของของกล้วยนั้นใช้ เวลา 3-7 วัน และการเกิดถ่านหินใช้เวลาหลายปี เพราะฉะนั้น การเกิดปฏิกิริยาเคมี ก็มีความว่องไวในการ เกิดปฏกิ ริ ยิ าไม่เท่ากนั 4.จากนั้นครูตั้งคำถามกับนักเรียนว่า นักเรียนว่าความว่องไวในการเกิดปฏิกิริยาของธาตุที่เป็นโลหะ จะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ : แตกตา่ งกัน เพราะธาตแุ ตล่ ะชนิดมีคุณสมบัติไม่เหมอื นกนั ) ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 5.ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียนออกเป็น กลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน และใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมความว่องไวของการ เกิดปฏิกิริยาของธาตุโลหะหมู่หลักและธาตุโลหะแทรนซิชัน โดยแจกใบกิจกรรม ความว่องไวของการ เกิดปฏกิ ริ ิยาของธาตุโลหะหมหู่ ลักและธาตโุ ลหะแทรนซิชัน และให้นักเรียนทำการทดลอง (วิธีการทดลอง : -ใส่ HCl 0.3 mol / L และ NaOH 0.3 mol / L ลงในหลอดทดลองขนาดเลก็ หลอดละ 1 ml หยดฟี นอล์ฟทาลีนลงในหลอดทดลองทั้งสองหลอดละ 2 หยดสังเกตสีของสารละลายและเก็บสารละลายไว้เพื่อใช้ เปรยี บเทียบกับสีของสารละลายทีเ่ กิดข้นึ ในการทดลองตอ่ ไป -ใส่น้ำกลั่นปริมาตร 150 mL ลงในบีกเกอร์ขนาด 250 mL และหยดฟีนอล์ฟทาลีนลงในบีกเกอร์ จำนวน 2 หยดสงั เกตการเปลี่ยนแปลง -ใช้ปากคบี คีบชน้ิ Na ขนาดคร่งึ เมล็ดถว่ั เขยี วซบั น้ำมันให้แหง้ ใส่ลงในบีกเกอรส์ ังเกตการเปล่ียนแปลง -เติมน้ำกลั่นลงในหลอดทดลองขนาดใหญ่จำนวน 3 หลอดหลอดละ 10 mL และหยดฟีนอล์ฟทาลีน ลงไปหลอดละ 2 หยดกำหนดเป็นหลอดท่ี 1 2 และ 3 ตามลำดับหยอ่ นลวด Mg Cu และ Zn ที่ขดั สะอาดแล้ว ลงในหลอดทดลองขนาดใหญ่แต่ละหลอดสังเกตการเปล่ยี นแปลง -ทำการทดลองอกี ครั้ง แต่ใชน้ ้ำที่อณุ หภูมิ 60-80 ° C แทนน้ำที่อุณหภมู หิ ้องสงั เกตการเปลีย่ นแปลง) 6.หลงั จากท่ีนกั เรียนทำการทดลอง ให้นักเรยี นจดบนั ทึกผลลงในใบกิจกรรม

ข้ันท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) 7.ครกู ับนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทดลอง ใหไ้ ด้ข้อสรปุ ดงั นี้ (แนวการสรุปผล : -เมื่อหยดสารละลายนอล์ฟทาลีนลงใน 0.3 M HCl สารละลายจะใสไม่มีสี แต่เมื่อหยดลงใน 0.1 M NaOH พบว่าสารละลายเปลย่ี นเปน็ สชี มพูแสดงว่าสารละลายฟนี อล์ฟทาลีนในสภาวะที่เป็นกรดใสไมม่ สี ี แต่ใน สภาวะเป็นเบสจะเปน็ สชี มพู -โซเดียมเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำที่อุณหภูมิห้องได้รวดเร็วและรุนแรงได้สารละลายมีสมบัติเป็นเบส เน่อื งจากมสี ชี มพูจากฟีนอล์ฟทาลนี เกดิ ขนึ้ -แมกนีเซียมเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำที่อุณหภูมิห้องได้ช้า แต่เกิดปฏิกิริยากับน้ำร้อนได้เร็วกว่าได้ สารละลายมสี มบัตเิ ปน็ เบสเน่ืองจากมสี ชี มพูจากฟีนอล์ฟทาลีนเกิดข้นึ -ปฏกิ ิรยิ าของทองแดงและสังกะสกี บั น้ำทอ่ี ณุ หภูมหิ ้องและในนำ้ รอ้ นสงั เกตไม่เหน็ การเปลี่ยนแปลง -ความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำของธาตุทั้ง 4 ชนิดพบว่าโลหะโซเดียมเกิดปฏิกิริยาได้ รวดเร็วทีส่ ดุ รองลงมาคอื แมกนเี ซียมส่วนทองแดงและสงั กะสไี มท่ ำปฏกิ ริ ิยากับนำ้ ) ขั้นท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) 8.ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า จากการทดลอง แก๊สที่เกิดขึ้นในปฏิกิริยาโซเดียมและแมกนีเซียมกับน้ำ คือ แก๊สไฮโดรเจน โดยปฏกิ ิรยิ าทีเ่ กดิ ขนึ้ เปน็ ปฏิกิริยาคายความรอ้ น ซึ่งดูไดจ้ ากสมการ สมการปฏิกิรยิ าโซเดียมกบั นำ้ 2Na + 2H2O ---> 2NaOH + H2 สมการปฏิกิริยาแมกนเี ซียมกับนำ้ Mg + 2H2O → Mg(OH)2 + H2 9.ซึ่งมีวิธกี ารตรวจสอบว่าเปน็ แกส๊ ไฮโรเจน คือ ใช้ก้านธูปทีม่ ีเปลวไฟ จ่อที่ปากหลอดทดลองที่มีแก๊ส บรรจุอยู่ จะมีเสียงดังขนึ้ เนอื่ งจากแก๊สไฮโดรเจนเปน็ แก๊สท่ตี ิดไฟได้ ขัน้ ท่ี 5 ข้นั ประเมิน (Evaluation) 10.นกั เรียนนำเสนอผลการทดลองหนา้ ช้นั เรียน 11.นักเรยี นแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ กนั ขณะทำงานกลุ่ม

การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครกู ระตุ้นใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็น โดยไม่ตอ้ งกังวลวา่ ถกู หรอื ผิด และช่วยกนั ปรบั ปรงุ แกไ้ ขได้ ควรใหโ้ อกาสนกั เรียนได้นำเสนอผลการทำกิจกรรมในชั้นเรยี น เพ่อื เปน็ การแบ่งปนั ความร้ตู อ่ นักเรยี นกลุ่มอื่น ๆ และเกดิ การอภปิ รายระหวา่ งกลมุ่ ส่อื /แหล่ง การเรยี นรู้ 1. หนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ 2. คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ 3. สื่อจากอนิ เทอร์เนต็ เพอื่ ใช้ในการสบื คน้ ข้อมลู เพ่มิ เติม 4. รปู ภาพการเผาไหม้ รูปการณ์สกุ ของกล้วย และรูปถา่ นหนิ 5. Power Point เรอ่ื งความวอ่ งไวในการเกดิ ปฏิกริ ยิ า การวดั ผลประเมินผล วธิ ีการวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารวดั การผลประเมินผลดา้ น 1. ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจ คำตอบในคำถามท้าย ใบกจิ กรรมการทดลอง 80% ขนึ้ ไป ผา่ นเกณฑ์ การทดลอง 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ การทดลองเรอ่ื งความ -ใบกจิ กรรมการ คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไป ว่องไวของการ ทดลอง ผา่ นเกณฑ์ เกดิ ปฏกิ ริ ิยา 3. ดา้ นลกั ษณะทีพ่ งึ พฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไป ประสงค์ เปน็ กล่มุ การทำงานเป็นกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์

กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .....................................................ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรียนรู้ ................/.................../................ ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.....................................................ผูต้ รวจ(ครพู เ่ี ลี้ยง) ................/.................../................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานเปน็ กลมุ่ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับระดับคะแนน กลุ่ม …………………… สมาชกิ ของกล่มุ 1……………………………………………..2……………………………………………… 3………………………………………… 4…………………………………………….. คณุ ภาพการปฏบิ ัติ ลำดบั ท่ี พฤติกรรม 432 1 1 มีการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และรับฟังกนั ภายในกลุม่ 2 มคี วามกระตือรือร้น และตังใจในการทำงาน 3 มีการจดั การทดี่ ภี ายในกลุ่มมกี ารวางแผนอย่างเปน็ ระบบ 4 มีการชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ภายในกลุ่ม 5 มีความรับผดิ ชอบในการทำงาน 6 มีการทำงานไดอ้ ย่างถูกต้องและปลอดภัย รวม ลงชอื่ ……………………………………………………ผู้ประเมิน ….………/……………./………….. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ = 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั = 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั = 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั 21-24 ดีมาก 16-20 ดี 11-15 พอใช้ 6-10 ปรบั ปรงุ

ใบกิจกรรมการทดลอง ตารางที่ 1 การเปลี่ยนแปลงกับสารละลายฟีนอลฟ์ ทาลนี สาร การเปลย่ี นแปลงกบั สารละลายฟนี อล์ฟทาลนี ตารางท่ี 2 การเปลยี่ นแปลงเม่อื ใสโซเดยี ม แมกนเซียม ทองแดงและสังกะสลี งในนำ้ ชนดิ ของโลหะ การเปล่ยี นแปลงทสี่ งั เกตได้ เม่อื ทำปฏกิ ิริยากบั นำ้ อณุ หภมู หิ อ้ ง 60-80 C โซเดียม แมกนเี ซียม ทองแดง สงั กะสี สรปุ ผลการทดลอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำถามทา้ ยการทดลอง 1.สารละลายในบีกเกอรท์ ใี่ ส่โลหะแตล่ ะชนดิ มสี มบัตเิ ปน็ กรดหรอื เบส ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.จงเปรยี บเทยี บความวอ่ งไวในการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีกบั น้ำของโลหะหมหู่ ลักและโลหะแทรนซิชัน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบกจิ กรรมการทดลอง ตารางท่ี 1 การเปลี่ยนแปลงกับสารละลายฟนี อล์ฟทาลนี สาร การเปลี่ยนแปลงกบั สารละลายฟนี อลฟ์ ทาลนี 0.3 M HCl ใสไมม่ สี ี 0.3 M NaOH สีชมพู ตารางที่ 2 การเปลยี่ นแปลงเมอื่ ใสโซเดยี ม แมกนเซยี ม ทองแดงและสงั กะสลี งในนำ้ ชนิดของโลหะ การเปลย่ี นแปลงทีส่ ังเกตได้ เมือ่ ทำปฏกิ ิริยากับนำ้ อณุ หภมู หิ อ้ ง 60-80 C โซเดียม ก้อนโซเดียมวิง่ บนผวิ น้ำและทำปฏิกิริยา เคมีกับน้ำอยา่ งรวดเรว็ มีประกายไฟและ - ควนั สีขาวเกิดข้นึ สารละลายเปลย่ี นสชี มพู เมื่อสัมผสั บกี เกอรจ์ ะรูส้ กึ ร้อน แมกนีเซียม เกิดฟองแก๊สเล็กนอ้ ยเกาะทีแ่ ผ่น เกดิ ฟองแกส๊ ไดม้ ากข้ึนสารละลายรอบ ๆ แมกนีเซียม (สังเกตยาก) แมกนเี ซียมเปน็ สชี มพอู อ่ น ทองแดง ไมเ่ ห็นการเปลยี่ นแปลง ไมเ่ หน็ การเปลย่ี นแปลง สังกะสี ไมเ่ หน็ การเปลย่ี นแปลง ไม่เหน็ การเปลย่ี นแปลง สรุปผลการทดลอง 1.โลหะหมู่หลกั เกิดปฏกิ ิรยิ ากับน้ำไดด้ กี วา่ โลหะแทรนซชิ นั 2.เมอ่ื โลหะหมูห่ ลกั ทำปฏิกิรยิ ากับน้ำ จะได้สารละลายที่มสี มบตั ิเป็นเบส คำถามทา้ ยการทดลอง 1.สารละลายในบกี เกอรท์ ใ่ี สโ่ ลหะแต่ละชนิดมีสมบตั เิ ปน็ กรดหรอื เบส เป็นเบส 2.จงเปรียบเทียบความวอ่ งไวในการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมกี บั น้ำของโลหะหมหู่ ลักและโลหะแทรนซิชนั โลหะหมหู่ ลักมีความวอ่ งไวในการเกดิ ปฏกฺ ริ ยิ ามากกว่าโลหะแทรนซิชัน

บนั ทกึ หลงั สอน ๑. ผลการสอน/ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ นกั เรยี นเปรียบเทียบความว่องไวของการเกิดปฏิกิริยาของธาตุแทรนซิชันกับธาตุโลหะหมูห่ ลกั ได้ ด้านทกั ษะ นกั เรยี นทำการทดลองหาความวอ่ งไวในการเกดิ ปฏิกริ ิยาได้ ด้านคุณธรรม นกั เรยี นมีความสนใจในเรอื่ งท่ีเรยี นและการทำงานเปน็ กลมุ่ ด้านทกั ษะชวี ิตเพื่อการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 : 5 – 8 – 4 - ๒. ปญั หา/อปุ สรรค และขอ้ คน้ พบ ไม่สามารถใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรมการทดลองความวอ่ งไวในการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ๓. ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข และผลการแกไ้ ข ใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและดูคลปิ วดิ โี อการทดลองความวอ่ งไวในการเกิดปฏกิ ริ ิยา จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ลงชอื่ .....................................................ผสู้ อน (................................................)



แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 11 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 อะตอมและ เร่อื งการเกิดกัมมนั ตรังสี การสลายตัวของ เวลา 2 ชว่ั โมง สมบัติของธาตุ ไอโซโทปกัมมันตรังสี อนั ตรายจาก ไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี รหัสวิชา ว 31221 วชิ า เคมี 1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระเคมี เขา้ ใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ิของธาตพุ นั ธะเคมีและสมบตั ิของสาร แกส๊ และสมบัติของแกส๊ ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอนิ ทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทง้ั การนําความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ สาระ/ผลการเรียนรู้ ม.4/7 อธบิ ายสมบตั ิและคาํ นวณครึ่งชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตรังสี สาระการเรยี นรู้ ธาตุแต่ละชนิดมีไอโซโทป ซึ่งในธรรมชาติบางธาตุ มีไอโซโทปที่แผ่รังสีได้เนื่องจากนิวเคลียสไม่เสถียร เรียกว่า ไอโซโทปกมั มันตรงั สีสำหรบั ธาตุกัมมันตรังสีเป็นธาตุท่ีทุกไอโซโทปสามารถ แผ่รังสีได้รังสีที่เกิดขึ้น เช่น รังสีแอลฟา รังสีบีตา รังสีแกมมา โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี เป็นระยะเวลาที่ไอโซโทปกัมมันตรังสี สลายตวั จนเหลอื ครึ่งหนงึ่ ของปริมาณเดมิ ซง่ึ เปน็ คา่ คงทเี่ ฉพาะของแต่ละไอโซโทปกมั มันตรงั สี สาระสำคัญ ธาตุกัมมันตรังสี คือ ธาตุที่สามารถแผ่รังสีออกมา แล้วกลายเป็นอะตอมของธาตุชนิดใหม่ได้เกิดขึ้น จาก มนี ิวเคลียสทไ่ี ม่เสถยี ร และมพี ลังงานสูงมาก กัมมันตภาพรังสีเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดกับอโซโทปกัมมันตรังสี เพราะนิวเคลียสมีพลังงานสูงมาก และไม่เสถยี ร จึงปล่อยพลังงานออกมาในรูปของอนุภาคหรือรังสี จากการศึกษาของนักวิทยาศาตร์พบว่า รังสี ที่แผ่ออกมาจากไอโซโทปกัมมันตรังสีอาจเป็นรังสีแอลฟา (alpha ray) รังสีบีตา (beta ray) หรือแกมมา (gamma ray)

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.นกั เรยี นสามารถอธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรงั สี รงั สีแอลฟา รังสบี ตี า และรังสแี กมมาได้ (K) 2.นกั เรยี นสามารถสืบคน้ ข้อมลู และนำเสนอตัวอย่างเก่ยี วกบั ธาตุกมั มันตรงั สไี ด้ (P) 3.นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง มีความรับผิดชอบ และมีความใจกว้างรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อนื่ (A) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ✓ 2. ซ่ือสัตย์ สจุ รติ ✓ 3. มวี ินัย ✓ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ✓ 6. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. รักความเปน็ ไทย ✓ 8. มจี ติ สาธารณะ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ✓ 1. มคี วามสามารถในการสอื่ สาร ✓ 2. มคี วามสามารถในการคดิ ✓ 3. มคี วามสามารถในการแก้ปัญหา ✓ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ✓ 5. มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ✓ 1. สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ✓ 2. ทักษะการเรียนรู้ และนวตั กรรม ✓ 3. ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี ✓ 4. ทักษะด้านชวี ิต และอาชีพ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) 1.ครูกล่าวทักทายนักเรียน จากนั้นให้นักเรียนดูภาพ ของสัญลักษณ์กัมมันตรังสี และตั้งคำถามกับ นกั เรียนว่า นักเรยี นรู้ไหม ว่าภาพนี้คือภาพอะไร (แนวคำตอบ : สารกมั มันตรงั ส)ี ขน้ั ที่ 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.ครแู บง่ กลุ่มนกั เรยี น เป็นกลุ่มละ 4-5 คน จากนน้ั ครูแจกกระดาษใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มทำโปสเตอร์ เกย่ี วกบั สารกมั มนั ตรังสี โดยใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่ม สืบค้นขอ้ มูล และจัดทำโปสเตอร์ซึ่งจะตอ้ งมขี ้อมลู คอื -ความหมายของสารกมั มันตรงั สี -การเกิดกัมมนั ตภาพรงั สี -ชนดิ ของรงั สี -อันตรายจากไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี 3.โดยการทำโปสเตอรจ์ ะตอ้ งมีขอ้ มูลครบถว้ น และตกแต่งให้สวยงาม เพราะเมอ่ื นกั เรยี นทำโปสเตอร์ เรียบรอ้ ยแลว้ ใหน้ กั เรยี นทุกกลมุ่ นำโปสเตอรไ์ ปตดิ ตามมมุ ตา่ ง ๆ ภายในหอ้ ง 4.และให้นกั เรียนส่งตวั แทนแต่ละกลุ่มประจำอยทู่ โี่ ปสเตอรข์ องกลมุ่ และทเี่ หลอื ใหเ้ ดนิ ไปชมการ นำเสนอของเพอ่ื นกลุ่มอน่ื ๆ โดยเปน็ การนำเสนอแบบการจดั นทิ รรศการ ขนั้ ที่ 3 ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 5.หลงั จากทน่ี กั เรียนนำเสนอโปสเตอรโ์ ดยผ่านการจดั นิทรรศการ ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายและ สรุปผลให้ได้ข้อสรุปตามหัวข้อที่กล่าวมา ซึ่งมีข้อสรุปดังนี้ (แนวข้อสรุป : 1.สารกัมมันตรังสีคือ ไอโซโทปของ ธาตุที่สามารถแผ่รังสีได้เองอย่างต่อเนื่อง 2.การเกิดกัมมันตภาพรังสีเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดกับไอโซโทป กัมมันตรังสี เพราะนิวเคลยี สมพี ลงั งานสูงมากและไมเ่ สถียร จึงปล่อยพลังงานออกมาในรูปอนภุ าคหรือรังสี 3. การสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี เป็นการแผ่รังสีออกมา แล้วเกิดเป็นนิวเคลียสของธาตุใหม่ที่เสถียร กว่าเดิม เชน่ การแผ่รงั สีแอลฟา บตี า และแกมมา แต่ชนดิ ของรังสีไม่ได้มเี พียง 3 ชนิดน้ี แต่ยงั มีรังสชี นิดอน่ื อีก เชน่ รงั สีโพซติ รอน)

ข้นั ที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) 6.สัญลกั ษณข์ องสารกัมมันตรังสีในปจั จุบันถูกเปลี่ยนรปู แบบ เนอื่ งจาก สญั ลกั ษณแ์ บบเก่า อาจสอื่ ความหมายไดไ้ ม่ชัดเจนหรอื บุคคลที่ไมเ่ ก่ยี วขอ้ งอาจไมเ่ ข้าใความหมาย จึงได้ออกแบบสญั ลักษณร์ ังสีใหม่เปน็ รปู คลน่ื ของรังสี กะโหลกไขว้ และคนกำลังวิ่งดงั รปู ขั้นท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) 7.นักเรยี นทำแผนผังความคิดและนำเสนอในช้นั เรยี น การจดั บรรยากาศเชิงบวก ครูกระตุ้นใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ โดยไมต่ อ้ งกงั วลวา่ ถกู หรอื ผิด และช่วยกนั ปรบั ปรุงแก้ไขได้ ควรให้โอกาสนกั เรยี นได้นำเสนอผลการทำกิจกรรมในชั้นเรยี น เพอื่ เป็นการแบ่งปนั ความรูต้ อ่ นักเรยี นกลมุ่ อน่ื ๆ และเกิดการอภิปรายระหวา่ งกลุ่ม สื่อ/แหล่ง การเรียนรู้ 1.หนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ 2.คู่มือครูรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์ เคมเี ลม่ 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ของสถาบนั สง่ เสรมิ การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ 3.สอ่ื จากอินเทอรเ์ นต็ เพ่อื ใช้ในการสืบค้นขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ

4.กระดาษ A3 5.Power Ponit เรื่อง การเกิดกัมมันตรังสี การสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี อันตรายจาก ไอโซโทปกัมมนั ตรังสี การวดั ผลประเมนิ ผล การผลประเมนิ ผลดา้ น วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การวดั 1. ดา้ นความรู้ความเข้าใจ การนำเสนอโปสเตอร์ โปสเตอรท์ ีน่ ำเสนอ 80% ขน้ึ ไป ผา่ นเกณฑ์ หนา้ ช้นั เรียน 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ การสบื คน้ ขอ้ มูลมาทำ โปสเตอร์ทน่ี ำเสนอ โปสเตอรแ์ ละนำเสนอ หนา้ ชน้ั เรียน คณุ ภาพ พอใช้ ข้นึ ไป ผ่านเกณฑ์ 3. ด้านลกั ษณะทีพ่ งึ สงั เกตพฤตกิ รรมผเู้ รียน -แบบสังเกตพฤติกรรม คณุ ภาพ พอใช้ ขน้ึ ไป ประสงค์ แบบกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ -สังเกตพฤติกรรมแบบ รายบคุ คล

กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .....................................................ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรียนรู้ ................/.................../................ ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.....................................................ผูต้ รวจ(ครพู ่ีเลี้ยง) ................/.................../................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานเปน็ กลมุ่ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับระดับคะแนน กลุ่ม …………………… สมาชกิ ของกล่มุ 1……………………………………………..2……………………………………………… 3………………………………………… 4…………………………………………….. คณุ ภาพการปฏบิ ัติ ลำดบั ท่ี พฤติกรรม 432 1 1 มีการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และรับฟังกนั ภายในกลุม่ 2 มคี วามกระตือรือร้น และตังใจในการทำงาน 3 มีการจดั การทดี่ ภี ายในกลุ่มมกี ารวางแผนอย่างเปน็ ระบบ 4 มีการชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ภายในกลุ่ม 5 มีความรับผดิ ชอบในการทำงาน 6 มีการทำงานไดอ้ ย่างถูกต้องและปลอดภัย รวม ลงชอื่ ……………………………………………………ผู้ประเมิน ….………/……………./………….. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ = 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั = 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั = 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั 21-24 ดีมาก 16-20 ดี 11-15 พอใช้ 6-10 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ลำดบั ชือ่ -นามสกุล ผูถ้ ูกประเมนิ พฤตกิ รรม รวม ต้งั ใจในการ การตอบ มคี วาม ตรงตอ่ ทำงาน คำถาม รบั ผิดชอบ เวลา 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ = 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง = 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง = 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั 10-12 ดีมาก 8-9 ดี 6-7 พอใช้ 4-5 ปรบั ปรงุ

ตวั อยา่ งโปสเตอร์

บนั ทึกหลงั สอน ๑. ผลการสอน/ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ นกั เรียนอธบิ ายสมบตั ิของไอโซโทปกมั มนั ตรังสี รังสแี อลฟา รังสีบตี า และรังสแี กมมาได้ ดา้ นทกั ษะ นกั เรยี นสืบค้นขอ้ มูลและนำเสนอตวั อย่างเก่ียวกับธาตุกมั มนั ตรงั สไี ด้ ด้านคณุ ธรรม นกั เรียนทำงานรว่ มกับผู้อื่นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง มีความรบั ผิดชอบ และมคี วามใจกวา้ งรบั ฟงั ความคิดเห็น ของผู้อน่ื ดา้ นทกั ษะชวี ิตเพอื่ การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 : 5 – 8 – 4 - ๒. ปญั หา/อปุ สรรค และขอ้ คน้ พบ นักเรียนไม่สามารถนำเสนอกิจกรรมธาตุกมั มนั ตรังสใี นห้องเรยี นได้ ๓. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข และผลการแกไ้ ข ให้นกั เรยี นนำเสนอเกีย่ วกับธาตกุ มั มันตรงั สีในรปู แบบของออนไลน์ ลงชอื่ .....................................................ผ้สู อน (................................................)



แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 12 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 อะตอมและ เรื่องธาตกุ ัมมนั ตรงั สี ครง่ึ ชวี ติ เวลา 1 ชว่ั โมง สมบตั ขิ องธาตุ ของไอโซโทปกมั มันตรังสี รหสั วชิ า ว 31221 วิชา เคมี 1 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระเคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตพุ นั ธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊สและสมบตั ิของแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของ สารประกอบอนิ ทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทงั้ การนาํ ความร้ไู ปใช้ ประโยชน์ สาระ/ผลการเรียนรู้ ม.4/7 อธิบายสมบตั ิและคํานวณครงึ่ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตรังสี สาระการเรยี นรู้ ธาตุแต่ละชนิดมีไอโซโทป ซึ่งในธรรมชาติบางธาตุ มีไอโซโทปที่แผ่รังสีได้เนื่องจากนิวเคลียสไม่เสถียร เรียกว่า ไอโซโทปกมั มันตรังสีสำหรบั ธาตุกัมมันตรังสีเป็นธาตุท่ีทกุ ไอโซโทปสามารถ แผ่รังสีได้รังสีทีเ่ กิดขึ้น เชน่ รังสีแอลฟา รังสีบีตา รังสีแกมมา โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี เป็นระยะเวลาที่ไอโซโทปกัมมันตรังสี สลายตัว จนเหลอื คร่ึงหน่ึงของปรมิ าณเดมิ ซึง่ เป็นคา่ คงทีเ่ ฉพาะของแต่ละไอโซโทปกมั มันตรงั สี สาระสำคญั ครึ่งชีวิต (half life) ของสารกัมมันตรังสี สามารถนำไปใช้หาอายุอายุสัมบูรณ์ เป็นอายุของหินหรือ ซากดึกดำบรรพ์ ท่สี ามารถบอกจำนวนปีท่ีค่อนข้างแน่นอน การหาอายสุ ัมบรู ณใ์ ชว้ ิธีคำนวณจากครึ่งชีวิต ของ ธาตุกัมมันตรังสีทีม่ อี ยูใ่ นหิน หรือซากดกึ ดำบรรพท์ ่ตี อ้ งการศึกษา ธาตกุ มั มันตรังสีที่นิยมนำมาหาอายุสัมบูรณ์ ไดแ้ ก่ ธาตุคาร์บอน – 14 ธาตุโพแทศเซียม – 40 ธตาเรเดยี ม – 226 และธาตุยูเรเนยี ม – 238 เปน็ ต้น การหา อายุสัมบูรณ์มักใช้กับหินที่มีอายุมากเป็นแสนล้านปี เช่น หินแกรนิตบริเวณฝั่งตะวนั ตกของเกาะภูเก็ต ซึ่งเคย เป็นหินตน้ กำเนดิ แรด่ บี ุกมีอายสุ ัมบูรณป์ ระมาณ 100 ล้านปี สว่ นตะกอนและซากดึกดำบรรพ์ที่มีอายุน้อยกว่า 50,000 ปี มักจะใช้วิธกี มั มันตภาพรังสีคาร์บอน – 14 เชน่ ซากหอยนางรมทวี่ ัดเจดีย์หอย อำเภอลาดหลมุ แก้ว จงั หวดั ปทมุ ธานี มีอายปุ ระมาณ 5,500 ปขี องวัตถุโบราณ

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.นักเรียนสามารถคำนวณโดยใช้สตู รหาคา่ คร่งึ ชวี ิตของไอโซโทปกัมมันตรงั สีได้ (K) 2.นกั เรียนสามารถเขยี นแผนภาพแสดงการลดลงครง่ึ หนึง่ ของปริมาณเดิมได้ (P) 3.นกั เรียนมีความกระตอื รอื รน้ ในการเรยี นการสอนและเขา้ เรยี นอย่างสมำ่ เสมอ (A) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ✓ 2. ซ่อื สตั ย์ สุจรติ ✓ 3. มวี นิ ัย ✓ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพียง ✓ 6. มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย ✓ 8. มีจติ สาธารณะ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ✓ 1. มีความสามารถในการสอื่ สาร ✓ 2. มีความสามารถในการคิด ✓ 3. มีความสามารถในการแกป้ ัญหา ✓ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ✓ 5. มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ✓ 1. สาระวชิ าหลกั (Core Subjects) ✓ 2. ทักษะการเรยี นรู้ และนวัตกรรม ✓ 3. ทักษะดา้ นสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี ✓ 4. ทกั ษะด้านชวี ิต และอาชีพ

7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) 1.ครูกล่าวทักทายนกั เรียน จากนน้ั เปิดภาพซากดกึ ดำบรรพใ์ หน้ กั เรยี นดู แล้วใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ทาย อายขุ องซากดกึ ดำบรรพ์ 155 ลา้ นปี 2.จากนั้นตั้งคำถามกับนักเรียนว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าซากดึกดำบรรพ์นี้มีอายุเท่าไหร่ และอธิบาย เพิ่มเติมว่า จึงมีวิธีการเพื่อที่จะได้รู้ โดยการใช้คาร์บอน-14 หาค่าครึ่งชีวิตก็จะรู้ว่าซากดึกดำบรรพ์นี้มีอายุ เท่าไหร่ แต่การใชค้ ารบ์ อน-14 หาคา่ คร่ึงชวี ิต สามารถใชห้ าได้กบั สง่ิ มชี วี ติ เทา่ น้นั ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) 3.ครทู บทวนว่าไอโซโทปกัมมนั ตรงั สีแผร่ ังสีไดเ้ องตลอดเวลา ซงึ่ ระยะเวลาการแผร่ งั สขี องไอโซโทปไม่ เทา่ กัน และใหด้ ภู าพ แลว้ ตัง้ คำถามกับนกั เรบี นว่า เมื่อเวลาผา่ นไปปรมิ าณของ Na-24 กับ Mg-24 เปน็ อย่างไร (แนวคำตอบ ปริมาณ Na-24 ลดลง ปริมาณ Mg-24 เพ่มิ ข้นึ แต่มวลรวมของสารเท่าเดมิ ) 4.จากนั้นครูตั้งคำถามต่อว่า เมื่อเวลาผ่านไปทุกๆ 15 ชั่วโมง ปริมาณ Na-24 เปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวคำตอบ ปริมาณ Na-24 ลดลงเหลอื คร่งึ หนงึ่ ของปรมิ าณเดิม) 5.จากนัน้ ครูใหค้ วามหมายเก่ียวกบั คา่ ครงึ่ ชีวิต

6.จากนั้นให้ความรู้เกี่ยวกับการหาปริมาณสารที่เหลือ หรือการหาครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี โดยการสอนเขียนแผนภาพแสดงการลดลงครง่ึ หนึ่งของปริมาณเดมิ 7.และสอนวธิ คี ำนวณโดยใช้สูตร จงหาปริมาณของ Tc-99 ที่เหลือเมื่อวาง Tc-99 จำนวน 10.0 กรัมไว้นาน 24 ชั่วโมง และ Tc-99 มคี รึ่งชวี ิต 6.0 ชวั่ โมง Nt = N0 = 10 กรัม 10 กรมั = 0.625 กรมั 2n 24 = 16 เมือ่ N0 = มวลไอโซโทปเร่ิมตน้ (กรัม) Nt = มวลไอโซโทปที่เหลอื (กรัม) n = จำนวนครึ่งชวี ิต 8.จากนั้นครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรม สถานการณ์ จำลองการสลายของนิวเคลียสกัมมันตรังสี (ครึ่งชีวิต) โดยครูเร่ิมจากแจกใบกิจกรรมและอธิบายการทำกิจกรรมให้ นกั เรยี น (วิธีทำกิจกรรม : ตอนที่ 1 1. ใช้ลูกบาศก์ 6 หน้า จำนวน 40 ลูก แต้มสีหน้าหนึ่งของลูกบาศก์ให้ ชัดเจน 2. นำลูกบาศก์ทั้งหมดใส่กล่องแล้วทอดลงพร้อมๆ กัน คัดลูกบาศก์ที่หงายหน้าที่แต้มสีออก บันทึก จำนวนครั้งที่ทอดกับจำนวนลูกบาศก์ที่เหลือลงในตารางบันทึกผลการทดลอง 3.นำลูกบาศก์ที่เหลือจากการ ทดลองในข้อ 1 ใส่กล่องแล้วทอดซ้ำอีก คัดลูกบาศก์ที่หงายหน้าที่แต้มสีออกทุกครั้ง ทำการทดลองซ้ำกับ ลูกบาศก์ที่เหลือไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือ ลูกบาศก์น้อยทีส่ ดุ (2 - 3 ลูก หรือไม่มีเลย) 4.เขียนกราฟระหว่าง จำนวนครั้งทีท่ อดกับจำนวนลกู บาศก์ที่เหลือ โดยจำนวนลูกบาศก์ท่ีเหลืออยู่บนแกนตั้ง และจำนวนครั้งท่ที อด อยู่บนแกนนอน 5. จากกราฟหาจำนวนครง้ั ทท่ี อดแล้วมลี กู บาศก์เหลอื 20, 10 และ 5 ลูก ตามลำดับ ตอนท่ี 2 เพิ่มสที แ่ี ต้มอีกหน้าหนงึ่ ตรงข้ามกบั หน้าที่แต้มตอนแรก จากนนั้ ทำการทดลองซำ้ แบบตอนที่ 1)

ข้ันที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 9.หลงั จากที่นักเรียนทำกิจกรรมเสรจ็ แลว้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอธบิ ายผลการทำกิจกรรมใหไ้ ด้ ข้อสรุปดังน้ี -โอกาสท่ลี ูกบาศก์จะหงายหน้าทแี่ ต้มสเี ทยี บได้กับค่าคงตัวการสลายของนวิ เคลียส จะไดว้ ่า โอกาสทีล่ ูกบาศกท์ ี่แต้มสี 1 หนา้ จะหงายหน้าที่แตม้ สี มีคา่ 1 และ โอกาสทล่ี กู บาศกท์ ่ีแตม้ สี 2 หนา้ จะหงาย 6 หน้าท่แี ต้มสี มีค่า 2 หรือ 1 63 -ค่าคงตัวการสลายของลูกบาศก์ที่แต้มสี 1 หน้า มีค่า 1 และค่าคงตัวการสลายของ ลูกบาศก์ที่แต้มสี 6 2 หน้า มีค่า 2 นั่นคือค่าคงตัวการสลายของลูกบาศก์ที่แต้มสี 1 หน้า มีค่าน้อยกว่าค่าคงตัวการสลายของ 6 ลูกบาศกท์ ีแ่ ต้มสี 2 หนา้ -ชุดลูกบาศก์ที่แต้มสี 1 หน้า เทียบได้กับนิวเคลียสกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งซึ่งมีค่าคงตัวการ สลายน้อย ค่าครึ่งชีวิตมาก จึงใช้เวลาในการสลายตัวนานกว่า ส่วนชุดลูกบาศก์ท่ีสีแต้ม 2 หน้า เทียบได้กับนิวเคลียส กัมมันตรังสคี นละชนิดกนั ซ่งึ มีคา่ คงตวั การสลายมากคา่ ครงึ่ ชีวติ น้อย จงึ ใชเ้ วลาในการสลายตวั ส้นั กว่า ขัน้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) 10.ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี การที่ธาตุสลายตัว เนื้อสารทั้งหมด ไม่ได้หายไป แค่เปลี่ยนจากไอโซโทปหนึ่งไปยังไอโซโทปหนึ่ง เช่น ภาพตอนแรกที่ให้ดูเป็นคำถามของ Na-24 เปลย่ี นไปเป็น Mg-24 ข้ันท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) 11.นกั เรียนทำใบกิจกรรมเรือ่ งค่าครึ่งชีวติ การจัดบรรยากาศเชงิ บวก ครูกระตุ้นให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็น โดยไมต่ ้องกังวลวา่ ถูกหรือผิด และช่วยกันปรบั ปรุงแกไ้ ขได้ ควรใหโ้ อกาสนกั เรียนไดน้ ำเสนอผลการทำกจิ กรรมในชน้ั เรยี น เพือ่ เป็นการแบ่งปันความรู้ต่อนกั เรยี นกลุม่ อื่น ๆ และเกิดการอภปิ รายระหวา่ งกลมุ่

ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ 2. คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ 3. สือ่ จากอนิ เทอร์เน็ตเพ่อื ใชใ้ นการสืบคน้ ข้อมลู เพ่มิ เติม 4. ใบกิจกรรม ค่าครง่ึ ชวี ติ 5. Power point เรื่อง ครงึ่ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี 6. ลูกเต๋า การวดั ผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั และประเมิน เครอ่ื งมอื ที่ใชว้ ัด เกณฑก์ ารวดั และ จดุ ประสงค์การ ประเมนิ ผล ประเมนิ ผล เรียนรู้ คำตอบในใบกจิ กรรมคา่ คร่งึ ชวี ติ ใบกจิ กรรมคา่ ครงึ่ ชวี ติ รอ้ ยละ 80 ผ่านเกณฑ์ 1.ดา้ นความรู้ (K) 2.ด้านทักษะ / ทำกจิ กรรมคา่ ครึง่ ชีวิตได้ สงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ พอใช้ กระบวนการ (P) ถกู ต้องและปลอดภยั ผ่านเกณฑ์ 3.ด้านคุณลักษณะ สังเกตพฤตกิ รรมผเู้ รยี น -แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ พอใช้ อนั พึงประสงค์ (A) แบบกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ -สงั เกตพฤตกิ รรมแบบ รายบคุ คล

กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.....................................................ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ ................/.................../................ ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .....................................................ผ้ตู รวจ(ครพู ่เี ลี้ยง) ................/.................../................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานเปน็ กลมุ่ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับระดับคะแนน กลุ่ม …………………… สมาชกิ ของกล่มุ 1……………………………………………..2……………………………………………… 3………………………………………… 4…………………………………………….. คณุ ภาพการปฏบิ ัติ ลำดบั ท่ี พฤติกรรม 432 1 1 มีการแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และรับฟังกนั ภายในกลุม่ 2 มคี วามกระตือรือร้น และตังใจในการทำงาน 3 มีการจดั การทดี่ ภี ายในกลุ่มมกี ารวางแผนอย่างเปน็ ระบบ 4 มีการชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ภายในกลุ่ม 5 มีความรับผดิ ชอบในการทำงาน 6 มีการทำงานไดอ้ ย่างถูกต้องและปลอดภัย รวม ลงชอื่ ……………………………………………………ผู้ประเมิน ….………/……………./………….. เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ = 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั = 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั = 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครง้ั = 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั 21-24 ดีมาก 16-20 ดี 11-15 พอใช้ 6-10 ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ลำดบั ชือ่ -นามสกุล ผูถ้ ูกประเมนิ พฤตกิ รรม รวม ต้งั ใจในการ การตอบ มคี วาม ตรงตอ่ ทำงาน คำถาม รบั ผิดชอบ เวลา 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12 เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ = 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง = 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครั้ง = 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั 10-12 ดีมาก 8-9 ดี 6-7 พอใช้ 4-5 ปรบั ปรงุ

ใบกิจกรรมการทดลอง ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 (แต้มสี 1 หน้า) (แต้มสี 2 หนา้ ) จำนวนคร้งั ทที่ อด จำนวนลูกเตา๋ ท่เี หลอื จำนวนคร้งั ทที่ อด จำนวนลูกเตา๋ ท่เี หลอื กราฟจากการทดลอง อภปิ รายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ...................................... ................................................................................................................................................................... สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ...................................... ...................................................................................................................................................................

เฉลยใบกจิ กรรมทา้ ยการทดลอง ตารางบันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1 ตอนท่ี 2 (แต้มสี 1 หนา้ ) (แตม้ สี 2 หนา้ ) จำนวนครัง้ ทท่ี อด จำนวนลกู เต๋าท่ีเหลอื จำนวนคร้ังทที่ อด จำนวนลกู เต๋าทเ่ี หลอื กราฟจากการทดลอง อภปิ รายผลการทดลอง (1) โอกาสท่ีลูกบาศก์จะหงายหนา้ ทแี่ ตม้ สเี ทยี บได้กับค่าคงตวั การสลายของนิวเคลียส จะไดว้ า่ โอกาส ที่ลกู บาศก์ท่แี ต้มสี 1 หน้า จะหงายหน้าทแี่ ตม้ สี มคี า่ 1 และ โอกาสท่ลี ูกบาศก์ทแ่ี ตม้ สี 2 หนา้ จะหงายหน้าท่ี 6 แตม้ สี มีค่า 2 หรือ 1 63 (2) ค่าคงตัวการสลายของลกู บาศก์ทีแ่ ต้มสี 1 หนา้ มคี ่า 1 และค่าคงตวั การสลายของ ลูกบาศกท์ ่ีแต้ม 6 สี 2 หน้า มีค่า 2 นั่นคือค่าคงตัวการสลายของลูกบาศก์ที่แต้มสี 1 หน้า มีค่าน้อยกว่าค่าคงตัวการสลายของ 6 ลกู บาศกท์ ี่แตม้ สี 2 หนา้

(3) ชุดลูกบาศก์ทแ่ี ต้มสี 1 หน้า เทียบไดก้ ับนวิ เคลียสกัมมนั ตรังสีชนดิ หนง่ึ ซ่ึงมคี ่าคงตัวการ สลายน้อย ค่าครึ่งชีวิตมาก จึงใช้เวลาในการสลายตัวนานกว่า ส่วนชุดลูกบาศก์ที่สีแต้ม 2 หน้า เทียบได้กับนิวเคลียส กมั มันตรังสีคนละชนิดกนั ซงึ่ มคี า่ คงตัวการสลายมากคา่ คร่ึงชีวิตนอ้ ย จงึ ใช้เวลาในการสลายตวั สัน้ กวา่ สรปุ ผลการทดลอง (1) โอกาสทล่ี ูกบาศกจ์ ะหงายหนา้ ที่แตม้ สี เทยี บได้กับคา่ คงตัวในการสลายของนิวเคลียส (2) ค่าคงตวั การสลายของลูกบาศก์ท่แี ต้มสี 1 หนา้ มีคา่ นอ้ ยกว่าคา่ คงตวั การสลายของ ลูกบาศกท์ ่ีแต้มสี 2 หน้า (3) ค่าครง่ึ ชวี ติ และคา่ คงตวั การสลายจะมีค่าแปรผกผันกนั

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน/ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ นกั เรยี นคำนวณโดยใชส้ ตู รหาค่าคร่ึงชวี ติ ของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สีได้ ด้านทักษะ นักเรยี นเขียนแผนภาพแสดงการลดลงครง่ึ หนงึ่ ของปรมิ าณเดิมได้ ด้านคุณธรรม นักเรยี นมีความกระตอื รอื ร้นในการเรียนการสอนและเขา้ เรยี นอย่างสม่ำเสมอ ดา้ นทกั ษะชวี ิตเพอ่ื การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 : 5 – 8 – 4 - ๒. ปญั หา/อปุ สรรค และข้อคน้ พบ ไมม่ ี ๓. ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข และผลการแกไ้ ข ไมม่ ี ลงชอ่ื .....................................................ผูส้ อน (................................................)



แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 13 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 อะตอมและ เร่ืองธาตุกมั มนั ตรังสี ปฏิกริ ยิ า เวลา 1 ชว่ั โมง สมบัติของธาตุ นวิ เคลียร์ เทคโนโลยที ่เี ก่ยี วข้อง กับการใช้สารกมั มนั ตรังสี รหสั วชิ า ว 31221 วิชา เคมี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาระเคมี เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตพุ ันธะเคมีและสมบตั ขิ องสาร แก๊สและสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ อง สารประกอบอนิ ทรีย์และพอลเิ มอร์ รวมทงั้ การนําความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ สาระ/ผลการเรียนรู้ ม.4/7 อธิบายสมบตั ิและคาํ นวณคร่ึงชีวติ ของไอโซโทปกัมมันตรงั สี สาระการเรียนรู้ ธาตุแต่ละชนิดมีไอโซโทป ซึ่งในธรรมชาติบางธาตุ มีไอโซโทปที่แผ่รังสีได้เนื่องจากนิวเคลียสไม่เสถียร เรียกว่า ไอโซโทปกัมมันตรงั สีสำหรับ ธาตุกัมมันตรังสีเป็นธาตุที่ทกุ ไอโซโทปสามารถ แผ่รังสีได้รังสีที่เกิดข้ึน เชน่ รังสีแอลฟา รังสีบีตา รังสีแกมมา โดยครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี เป็นระยะเวลาที่ไอโซโทปกัมมันตรังสี สลายตัว จนเหลือคร่งึ หนึง่ ของปรมิ าณเดิม ซึง่ เปน็ ค่าคงท่เี ฉพาะของแตล่ ะไอโซโทปกัมมันตรงั สี สาระสำคญั ปฏิกิริยานิวเคลียร์คือการที่นิวเคลียสของอะตอมชนิดเดียวกัน 2 ตัวขึ้นไปหรือเป็นปฏิกิริยาที่ นิวเคลียสของอะตอมถูกชนด้วยอนุภาคย่อยจากภายนอก แล้วทำให้เกิดนิวเคลียสใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง ขององค์ประกอบหรือระดับพลังงาน หรือคือนิวเคลียสที่เกิดขึ้นใหม่นี้มีการเปลี่ยนแปลงของอนุภาคภายใน นิวเคลียส คือการเพิ่มหรือลดจำนวนโปรตอนและนิวตรอน ปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ทำให้เกิดนิวเคลียสใหม่ข้นึ มา แต่ในสมการของปฏกิ ิริยานิวเคลียร์นัน้ ผลรวมของเลขอะตอมกอ่ นปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี ร์จะต้องเท่ากับผลรวมของ เลขอะตอมหลังเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์เสมอ นอกจากผลรวมของเลขอะตอมแล้ว ผลรวมของเลขมวลก่อน

ปฏิกิริยานิวเคลียร์ก็ต้องเท่ากับผลรวมของปฏิกิริยานิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน จากข้อมูลผลรวมของเลขอะตอม และเลขมวลทำให้เราทราบว่าประจุไฟฟ้าในการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์นั้นจะมีค่าคงที่เสมอ และจำนวน ของนิวคลีออน ( จำนวนโปรตอนรวมกับจำนวนนิวตรอน) มีค่าคงตัวด้วยเช่นกัน ปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่พบมี มากมายหลายปฏิกริ ยิ าดว้ ยกัน แต่ทเี่ ราพดู ถงึ และนำมาทำการศึกษากันมาคอื ปฏกิ ิรยิ าฟิชชนั และ ปฏิกริ ยิ าฟวิ ชัน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.นักเรยี นสามารถอธิบายเกย่ี วกบั การเกิดปฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี รไ์ ด้ (K) 2.นักเรียนสามารถสบื คน้ ข้อมลู เกีย่ วกับเทคโนโลยที ่เี กีย่ วขอ้ งกบั สารกมั มันตรังสไี ด้ (P) 3.นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับผ้อู ่นื ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง มคี วามรบั ผิดชอบ และมีความใจกว้างรับฟัง ความคิดเหน็ ของผอู้ นื่ (A) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ✓ 2. ซือ่ สัตย์ สุจรติ ✓ 3. มวี นิ ยั ✓ 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ✓ 6. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 7. รกั ความเป็นไทย ✓ 8. มีจติ สาธารณะ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น ✓ 1. มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร ✓ 2. มคี วามสามารถในการคดิ ✓ 3. มีความสามารถในการแก้ปญั หา ✓ 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ ✓ 5. มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ✓ 1. สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ✓ 2. ทกั ษะการเรยี นรู้ และนวัตกรรม ✓ 3. ทักษะดา้ นสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี ✓ 4. ทกั ษะด้านชวี ิต และอาชีพ

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1.ครกู ลา่ วทักทายนักเรียน และเปดิ คลปิ วิดโี อเกีย่ วกับดวงอาทติ ย์ 2.และตั้งคำถามกับนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่า พลังงานต่าง ๆ บนดวงอาทิตย์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซ่ึง พลังงานในรูปแบบต่างๆของดวงอาทิตย์ คือ รังสีแกมมา อัลตราไวโอเลต แสงที่ตามองเห็นหรือความ รอ้ น จากนั้นอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา่ พลังงานท่ีเกิดบนดวงอาทติ ย์เกิดจากปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์ ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) 3.จากนั้นครูอธิบายว่าปฏิกิริยานิวเคลียร์ คืออะไร (ปฏิกิริยานิวเคลียร์คือปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของ อะตอมชนิดเดยี วกันเกดิ การชนกันเอง หรอื นวิ เคลยี สของอะตอมหนงึ่ ตวั เกดิ การชนกันกับอนภุ าคย่อยของอีก อะตอมหนึ่ง เมือ่ เกิดการชนกันแลว้ ทำใหเ้ กิดนิวเคลียสใหมห่ นง่ึ ตัวหรือมากกวา่ หนงึ่ ตัว โดยนิวเคลยี สทีเ่ กิดใหม่ ต้องมีจำนวนโปรตอน นิวตรอนท่เี ปล่ียนแปลงไปจากนวิ เคลยี สเดมิ ) 4.ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม และให้นักเรียนจัดทำ mind map หรือผังมโนทัศน์ โดยการ สืบค้นข้อมูลเรื่องเทคโนโลยที เี่ กี่ยวข้องกบั การใชส้ ารกมั มันตรงั สี และให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ จัดทำแผนมโนทัศน์ กล่มุ ละ 1 เรอื่ ง โดยการจบั ฉลาก ซ่งึ จะมี -ด้านธรณวี ทิ ยา -ดา้ นการแพทย์ -ดา้ นเกษตรกรรม -ด้านอตุ สาหกรรม ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 5.หลงั จากทน่ี กั เรียนจดั ทำแผนมโนทัศน์เสร็จแลว้ ครทู บทวนความรู้ โดยการตงั้ คำถามกับนักเรียนว่า ปฏิกิรยิ านิวเคลยี ร์คืออะไร และใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอ โดยทค่ี รูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายผล ที่ได้ ให้มีข้อมูลดังน้ี 1) ด้านธรณวิทยา มีการใช้ C-14 คำนวณหาอายุของวัตถุโบราณ หรืออายขุ องซากดึกดำ บรรพ์ 2) ดา้ นการแพทย์ ชร้ ักษาโรคมะเร็ง ในการรกั ษาโรคมะเรง็ บางชนดิ กระทำได้โดยการฉายรังสีแกมมาที่ ไดจ้ าก โคบอลต์-60 เข้าไปทำลายเซลล์มะเร็ง ผ้ปู ว่ ยทเี่ ปน็ มะเร็งในระยะแรกสามารถรกั ษาให้หายขาดได้ แล้ว

ยังใชโ้ ซเดียม-24 ที่อยใู่ นรูปของ NaCl ฉีดเขา้ ไปในเส้นเลือด เพอื่ ตรวจการไหลเวยี นของโลหติ โดย โซเดียม-24 จะสลายให้รังสีบีตาซึ่งสามารถตรวจวัดได้ และสามารถบอกได้ว่ามีการตีบตันของเส้นเลือดหรือไม่ 3)ด้าน เกษตรกรรม มกี ารใช้ธาตุกมั มนั ตรังสีติดตามระยะเวลาการหมนุ เวยี นแร่ธาตุในพืช โดยเริ่มต้นจากการดูดซึมท่ี รากจนกระทั่งถึงการคายออกที่ใบ หรือใช้ศึกษาความต้องการแร่ธาตุของพืช 4) ด้านอุตสาหกรรม ใน อุตสาหกรรมการผลิตแผน่ โลหะ จะใช้ประโยชน์จากกัมมันตภาพรงั สีในการควบคุมการรีดแผน่ โลหะ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 6.โทคาแมค เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองนิวเคลียร์ฟิวชันโดยใช้สนามแม่เหล็กเป็นตัวควบคุม พลาสมา ภายนอกโทคาแมคมลี กั ษณะเหมอื นขนมโดนทั ขัน้ ท่ี 5 ข้ันประเมนิ (Evaluation) 7.นักเรยี นนำเสนอผงั มโนทัศนเ์ กย่ี วกบั เทคโนโลยีทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับการใชส้ ารกัมมนั ตรังสี การจัดบรรยากาศเชงิ บวก ครกู ระตนุ้ ใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็น โดยไม่ตอ้ งกงั วลวา่ ถกู หรอื ผดิ และชว่ ยกันปรับปรุงแก้ไขได้ ควรให้โอกาสนักเรยี นได้นำเสนอผลการทำกจิ กรรมในชั้นเรียน เพื่อเป็นการแบง่ ปันความรู้ต่อนักเรียนกลุ่มอนื่ ๆ และเกิดการอภิปรายระหวา่ งกลุม่ สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือแบบเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ 2. คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมีเล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ของสถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖o) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ 3. สอ่ื จากอนิ เทอร์เนต็ เพื่อใชใ้ นการสืบคน้ ขอ้ มลู เพิ่มเติม 4. ทำผงั มโนทศั น์ 5.คลิปวิดโี ฮเร่ืองพลังงานของดวงอาทิตย์ https://www.youtube.com/watch?v=XGMBpEELcB0

การวดั ผลประเมินผล วธิ ีการวดั เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การวดั การผลประเมนิ ผลดา้ น 1. ด้านความรู้ความเข้าใจ คำตอบเรอ่ื งปฏิกริ ยิ า คำถามวา่ ปฏิกริ ิยา ตอบถกู = ผา่ น นวิ เคลยี ร์ นิวเคลยี ร์คอื อะไร 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ การนำเสนอแผนผงั มโน -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม คุณภาพ พอใช้ ขน้ึ ไป ทศั นเ์ ทคโนโลยีที่ แบบกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ เกย่ี วขอ้ งกบั สาร กมั มันตรงั สี -สงั เกตพฤติกรรมแบบ รายบคุ คล ผงั มโนทศั นเกีย่ วกับ เทคโนโลยีที่เกยี่ วขอ้ ง กับสารกัมมนั ตรังสี 3. ด้านลกั ษณะท่ีพงึ สังเกตพฤติกรรมผเู้ รียน -แบบสังเกตพฤตกิ รรม คุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไป ประสงค์ แบบกล่มุ ผ่านเกณฑ์ -สังเกตพฤตกิ รรมแบบ รายบคุ คล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook