Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore EDUCON 2018

EDUCON 2018

Published by kawintec, 2018-06-24 04:32:19

Description: EDUCON 2018

Search

Read the Text Version

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนำ ในวิทยาลยั การอาชีพสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นโรงเรียนเอกชนท่ีเปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ช้ันปีท่ี 1 ศึกษาจนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงช้ันปีท่ี 2 สังเกตว่า นักศึกษาชายส่วนใหญ่มีพฤติกรรม ก้าวร้าว พูดจาเสียงดัง พูดจาไม่สุภาพ ใช้คาพูดกับเพื่อนในห้องเรียน ว่า กู มึง ชอบพูดหยาบคายเวลาคุณครู พูด ดว้ ยหรือเรียกให้ทางานจะไมม่ ีคาพดู ลงทา้ ยว่าครบั ผม บางคร้งั ชอบแกลง้ เพอ่ื น ขา้ พเจ้าจงึ อยากหา วิธแี กไ้ ขเพ่ือปรบั หรือเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมการพูดของนักเรยี นให้ดขี น้ึ การพฒั นาประเทศให้เจริญก้าวหน้าให้อยู่ในระดับแนวหน้าให้เป็นท่ียอมรับของประเทศอื่นๆในโลกหรือ ภมู ภิ าคจาเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมีการพฒั นาประเทศหรือสงั คมนกั ศกึ ษา คือ เครื่องมือที่สาคญั ในการพัฒนา เพราะนักศึกษา จะต้องเจริญเติบโตเป็นกาลังหรืออนาคตของประเทศต่อไปโรงเรียนหรือวิทยาลัยจึงเป็นสถานท่ีผลิตบุคลากรที่จะ พัฒนาประเทศในอนาคตแต่ในการท่ีจะผลิตบุคลากรให้มีประสิทธิภาพได้น้ันต้องมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง มากมายแต่ปจั จัยที่จะทาให้เด็กมีประสิทธิภาพมากท่ีสุดก็คือการเรียนของนักศึกษาในสถานศึกษาต่างๆในประเทศ หรือต่างประเทศมักประสบปัญหานักศึกษาหนีเรียนจึงเป็นเหตุผลท่ีผู้ทาวิจัยได้เห็นความสาคัญในการเรียนของ นกั ศกึ ษาดังนัน้ ผจู้ ัดทางานวจิ ยั จงึ ไดท้ าการวิจัยปัญหานกั ศึกษาหนเี รียนขนึ้ เพ่อื ทจ่ี ะไดท้ าการปรับปรุงแกไ้ ขปญั หาให้ ได้ถูกต้องเป็นประโยชน์กับนกั ศึกษาและประเทศชาติตอ่ ไป วัตถปุ ระสงค์ของกำรวิจยั 1.2.1 เพ่ือแกไ้ ขปญั หาการใชค้ าพดู และถ้อยคาทหี่ ยาบคายของนักเรียนทพ่ี ดู กบั ครู และเพอื่ นใน หอ้ งเรยี น 1.2.2 เพ่อื ทาให้นักศกึ ษามพี ฤติกรรมทีเ่ รียบรอ้ ย พูดจาสภุ าพ มีสมั มาคารวะ 1.2.3 เพอ่ื หาวธิ ีทีจ่ ะทาให้นกั ศึกษาเปน็ คนดี มมี ารยาท และสามารถอยรู่ ว่ มกบั เพ่อื นในหอ้ งเรยี นไดอ้ ยา่ ง สงบสขุ ขน้ั ตอนกำรออกแบบกำรดำเนินกำร 1.3.1 ขอบเขตพืน้ ทกี่ ารวจิ ยั แผนกวชิ าชา่ งเชื่อมโลหะ วิทยาลัยการอาชพี สตึก 1.3.2 ขอบเขตประชากร นักศึกษาระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพช้นั สงู ชน้ั ปที ่ี 1 ชา่ งเชอ่ื มโลหะ วทิ ยาลัย การอาชพี สตกึ 1.3.3 ขอบเขตของการวิจยั นกั ศึกษาระดับประกาศนยี บัตรวิชาชีพชน้ั สูงช้ันปที ี่ 1 ช่างเชื่อมโลหะ วิทยาลยั การอาชพี สตึก จานวน 35 คน ขน้ั ออกแบบแบบสอบถำม (Design) ผู้วิจัยดาเนินการสร้างแบบสอบถามเพ่ือวัดพฤติกรรมการท้ิงขยะในชั้นเรียนของนักศึก ษาโดยมีลาดับ ข้นั ตอนการสร้างดงั นี้ 1.ศึกษาเทคนคิ การสร้างแบบสอบถามจากเอกสารต่างๆ 2.สร้างแบบสอบถามเพื่อวัดพฤติกรรมของนักศึกษาเพ่ือหาสาเหตุในการทิ้งขยะในช้ันเรียนของนักศึกษา ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม จานวน 7 ข้อ โดยให้นักเรียนใส่หมายเลขลาดับสาเหตุของการทิ้งขยะในช้ันเรียน ของนกั ศึกษา จากลาดบั มากทสี่ ดุ ( 1 ) ไปจนถึงลาดับน้อยทีส่ ดุ ( 5 ) ขั้นดำเนนิ กำร ในการวจิ ัยครงั้ น้ี ผู้วจิ ัยไดม้ ีการดาเนินการดงั นี้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 90 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 1.นาแบบสอบถามเพือ่ ศึกษาพฤตกิ รรมการพคู าหยาบในช้ันเรียนของนักศึกษาจานวน36 คน เพ่ือหาสาเหตุของการ พดู คาหยาบในชนั้ เรยี นของนักศกึ ษา และทาการบนั ทึกคะแนน 2.ดาเนินการหาคา่ ร้อยละของแตล่ ะขอ้ สาเหตุ ขั้นวเิ คราะห์ขอ้ มลู 1นาผลการประเมินมาวเิ คราะหห์ าค่าเฉลย่ี ทางสถิติ การวเิ คราะหข์ อ้ มูลในคร้ังนี้ ผู้วจิ ยั วเิ คราะห์ด้วยคอมพิวเตอรโ์ ดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู ทางสถติ ิ 3.4.1.1 คะแนนเฉลี่ย ( Nean ) x x N เมื่อ x แทนค่าเฉลี่ย  x แทนผลรวมของคา่ ทง้ั หมด N แทนจานวนในกลมุ่ ตวั อยา่ ง 3.4.2.2 ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ( Standard Deviation )S N x2   x2 NN 1เมอ่ื S แทนค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน  x แทนผลรวมของค่าเฉลี่ยทัง้ หมด ( x)2 แทนผลรวมของคา่ เฉยี่ แตล่ ะตวั ยกกาลังสอง N แทนจานวนในกลมุ่ ตัวอยา่ งที่ สำเหตุ x S.D. แปลค่ำดำ้ นสว่ นตัว 2.72 1.32 นอ้ ย1 มปี ญั หาเกยี่ วกบั สุขภาพ 3.14 1.36 ปานกลาง2 พดู คาหยาบตามเพอ่ื นในหอ้ งเรยี น 2.94 1.143 ไมอ่ ยากเรียนวชิ านน้ั ๆ 3.44 1.26 น้อย4 โลกโซเชียล ปานกลางด้ำนครอบครวั 2.75 1.461 ผู้ปกครองไม่อบรม 2.58 1.46 นอ้ ย2 ผปู้ กครองไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการพูด 2.31 1.31 นอ้ ย3 ผู้ปกครองมคี วามรสู้ กึ ทวี่ ่าเป็นเร่ืองสว่ นบุคคล 2.89 1.33 น้อย4 ผปู้ กครองขาดการเอาใจใสต่ อ่ การดูแลบุตร 3.00 1.32 นอ้ ย5 พ่อแมห่ ยา่ รา้ ง ปานกลาง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 91 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ดำ้ นครู - อำจำรย์ และกำรสอน 3.22 1.11 ปานกลาง1 ครูตานิวา่ กลา่ วในการเรียน 3.36 1.11 ปานกลาง2 ครูอธิบายไมร่ ู้เรอื่ ง 3.36 1 ปานกลาง3 ครูหักคะแนนจติ พสิ ัยและคะแนนมาเรียน 3.42 0.94 ปานกลาง4 สือ่ การสอนไมน่ า่ สนใจดำ้ นสังคม และสภำวะแวดล้อม 3.58 1.15 ปานกลาง1 เพ่อื นชวนคุยในหอ้ ง 3.33 1.11 ปานกลาง2 ห้องเรียนไมน่ ่าเรยี น 3.47 1.11 ปานกลาง3 สภาพอากาศในห้องเรยี นสรปุ ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสังเกต ข้อมูลด้านพฤติกรรมการพูดคาหยาบ และการตอบแบบสอบถามจากนักเรียน การใช้แรงจูงใจเสริมแรงโดยให้คาชมเชยแก่นักศึกษา รวมท้ังดูแลความรับผิดชอบและติดตามจากผู้ปกครอง ซ่ึงนักศึกษาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทาให้นักศึกษามีความกระตือรือร้นต่อการรบั ผิดชอบ ในการทาวจิ ัยครั้งนป้ี รากฏวา่ นกั ศึกษา สาขาช่างเชื่อมโลหะ ช้ันปีท่ี1 ปีการศึกษา 2560 ของวิทยาลัยการอาชีพสตึก มีการใช้คาพูดท่ีสุภาพมากข้ึน โดยสังเกตจากบรรยากาศใน ห้องเรียน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความเต็มใจ โดยดูจากการสังเกตการสัมภาษณ์ สรุปผลการเปรียบเทียบจากการตอบแบบสอบถามเกย่ี วกบั ความมีวินัย ความรับผดิ ชอบ และยงั ทาใหส้ งั คมหน้าอยมู่ ากย่ิงขึ้น---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 92 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== พฤติกรรมนักศกึ ษาไม่สง่ งาน/การบา้ นตามกาหนด วิระนัย สถานสขุ 1 บทคัดยอ่ การศึกษาวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขา วศิ วกรรมการเชือ่ ม คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ผู้วิจัย ไดจ้ ดั ทาแบบสอบถามเพอ่ื ศึกษาสาเหตุของการสง่ งาน / การบ้านตามกาหนดเวลา ของนักศกึ ษาจานวน 10 ข้อ โดย ใหน้ กั ศึกษาเรียงลาดบั สาเหตุการส่งงาน /การบ้านตามกาหนด ตามลาดับท่ีมากท่ีสุดจนถึงน้อยที่สุดจากลาดับ 1 – 10 และไดท้ าการนาผลของแตล่ ะสาเหตุ มาหาคา่ รอ้ ยละ ผลการศกึ ษาปรากฏว่า จากการศึกษาและวิเคราะหแ์ บบสอบถามเพ่ือศกึ ษาพฤตกิ รรมเรอื่ งการไมส่ ง่ งาน / การบ้านตามกาหนด ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R แสดงให้เห็นว่า สาเหตุของการไม่ส่งงาน / การบ้าน ตามกาหนด ลาดับท่ี 1 คือ การให้การบ้านมากเกินไป และครูอธิบายเร็วเกินไป โดยคิดจากนักเรียน 54 คน ท่ี เลือกเป็นสาเหตุอนั ดับท่ี 1 จานวน 23 คน คิดเปน็ ร้อยละ 38.93 Abstract This study The purpose of this study was to study the behavior of undergraduate students in Room 4R in Welding Engineering. Faculty of Industrial Education Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen Campus The questionnaire was designed to study the causes of job assignment / homework. The students are divided into 10 groups. / Home-based In the order of 1 to 10, and the results of each cause were found in percentages. The results show that. The study and analysis of the questionnaire to study the behavior of jobless / homework. The undergraduate 4R room shows that The reason for not sending a job / homework assignment # 1 is to overwork. And the teacher explained too quickly. Of the 54 students selected for the first cause, 23 were 38.93%. 1คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น *E-mail : wiranai-1995@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 93 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา การเรยี นการสอนในปัจจบุ นั จะแบ่งคะแนนออกเป็นสองสว่ น คือ คะแนนเก็บก่อนสอบปลายภาค ซึ่งคิด เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนทั้งหมด โดยใน 80 เปอร์เซ็นต์นั้นผู้วิจัยได้เก็บคะแนนโดยการสอบเป็นราย จุดประสงค์และการส่งงานของนักศึกษา ดังนั้นการทาใบงานและการบ้านส่งครูของนักศึกษาจึงเป็นเร่ืองท่ีสาคัญ มากในการเรยี นการสอนเพราะนอกจากจะมคี ะแนนในส่วนของใบงานและการบ้านแลว้ ยังมีผลต่อการเรียนในคาบ ถัดไปดว้ ย เนื่องจากใบงานจะเปน็ การประเมนิ ความรู้ความเข้าใจในบทเรียนของนักศึกษา ว่ามีมากน้อยเพียงใดอีก ท้งั ยังเป็นการวดั พฤตกิ รรมความรบั ผดิ ชอบของนักศึกษาได้อีกทางหนึ่ง ถ้าหากนักศึกษาไม่ได้ทาใบงานที่ครูแจกให้ นักศึกษาก็จะขาดคะแนนเกบ็ ในส่วนน้ันและครูก็ไม่สามารถประเมินความร้คู วามเข้าใจของนกั ศกึ ษาได้ จากการศกึ ษาพบวา่ นักศกึ ษาสว่ นใหญ่มกั จะสง่ งาน / การบ้านไมต่ รงเวลาทคี่ รูผู้สอนกาหนด หรือบางคนก็ ไมส่ ่งงาน / หรือการบา้ นเลย ซ่งึ ทาให้ครผู ู้สอนไมส่ ามารถวดั ความรู้ หรือตดิ ตามความก้าวหนา้ ของนกั ศกึ ษาได้ ซึ่งใน บางรายวิชาอาจมีผลตอ่ คะแนนเกบ็ ของนกั เรียนด้วย ดงั น้นั ผวู้ จิ ัยจึงเหน็ ความสาคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ทาการ วิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือนามาเป็นข้อมูลในการแก้ปัญหาของ นกั ศกึ ษาในเรอื่ งการสง่ งาน / การบา้ นไม่ตรงเวลาตอ่ ไป วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั - เพ่ือศึกษาสาเหตุของการไม่ส่งงาน / การบ้านตามกาหนดของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง4R สาขา วิศวกรรมการเช่อื ม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ - เพ่อื รวบรวมข้อมลู สาหรบั การแก้ปญั หาการไม่ส่งงาน / การบ้านตามกาหนดของนกั ศึกษาตอ่ ไป ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีคือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น จานวน 28 คน วัสดุ อปุ กรณ์ และวธิ ีการ เครื่องมือที่ใชใ้ นงานวิจยั แบบสอบถาม ข้นั ตอนการออกแบบการดาเนนิ การ 1.วเิ คราะห์ข้อมูลพ้นื ฐานของผู้เรียน การวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นไดก้ าหนดไวด้ งั น้ี ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้คือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น จานวน 28 คน 2.วเิ คราะหส์ าเหตุของการไมส่ ง่ งาน / การบ้านตามกาหนดของนกั ศกึ ษาโดยการหาค่ารอ้ ยละ ข้นั ออกแบบแบบสอบถาม (Design) ผู้วิจัยดาเนินการสร้างแบบสอบถามเพื่อวัดพฤติกรรมการไม่ส่งงาน /การบ้านตามกาหนดโดยมีลาดับ ข้นั ตอนการสรา้ งดงั นี้ 1.ศึกษาเทคนคิ การสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสารต่างๆ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 94 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 2.สร้างแบบสอบถามเพ่ือวดั พฤตกิ รรมของนักศกึ ษาเพ่อื หาสาเหตใุ นการไมส่ ่งงาน/การบา้ นตามกาหนดของนักศึกษาห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม จานวน 10 ข้อ โดยให้นักเรียนใส่หมายเลขลาดับสาเหตุของการไม่ส่งงาน/การบา้ นตามกาหนด จากลาดบั มากท่ีสดุ ( 1 ) ไปจนถงึ ลาดับนอ้ ยที่สุด ( 10 )ขน้ั ดาเนนิ การ ในการวิจยั คร้งั นี้ ผู้วิจยั ไดม้ กี ารดาเนินการดงั นี้ 1.นาแบบสอบถามเพ่ือศกึ ษาพฤตกิ รรมการไม่ส่งงาน/การบ้านตามกาหนดของนกั ศึกษาจานวน28 คนเพอ่ื หาสาเหตุของการไม่ส่งงาน / การบา้ นตามกาหนด และทาการบนั ทกึ คะแนน 2.ดาเนินการหาคา่ รอ้ ยละของแตล่ ะขอ้ สาเหตุ ข้นั วิเคราะหข์ ้อมลู 1.วิเคราะห์ขอ้ มูล - วเิ คราะหผ์ ลจากคะแนนท่ไี ดจ้ ากการทาแบบสอบถามเพอ่ื ศึกษาพฤตกิ รรม 2.สถิตทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 4.2.1 การหาค่ารอ้ ยละ คา่ รอ้ ยละ = X x 100 N เมื่อ X = คะแนนท่ไี ด้ N = จานวนนักเรยี นทัง้ หมดผลการประเมินแบบสอบถามของนักศึกษาในเรื่องการไม่ส่งงาน/การบ้านตามกาหนด เกี่ยวกับการหาสาเหตุท่ีไม่ส่งงาน/การบ้านของนกั ศึกษาตาราง ผลการประเมนิ แบบสอบถามของนกั ศึกษาถงึ สาเหตทุ ่ีผูเ้ รยี นไมส่ ่งงาน / การบ้านตามกาหนด สาเหตขุ องการไมส่ ง่ งาน / การบา้ น ลาดับท่ี รอ้ ยละ1. การบ้านมากเกนิ ไป 6 21.482. แบบฝกึ หัดยาก ทาไมไ่ ด้ 2 7.143. ให้เวลาน้อยเกนิ ไป 5 17.854. ครูอธบิ ายเรว็ จนเกินไป 2 7.145. ไม่เขา้ ใจคาสั่ง 4 14.286. สมดุ หาย 1 3.577. เบ่อื หนา่ ยไม่อยากทา 1 3.578. ลืมทา 4 14.289. เตรยี มตวั สอบเก็บคะแนนวิชาอน่ื 2 7.1410. ติดเกมส์ 1 3.57---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 95 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== อภิปรายงานวิจยั จากการสร้างแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงาน/การบ้านตามกาหนดของนักศึกษาระดับ ปรญิ ญาตรี หอ้ ง 4R สาขาวศิ วกรรมการเชื่อม ในคร้งั นีส้ ามารถอภปิ รายผลไดด้ งั น้ี พบวา่ แบบสอบถามเพอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรีหอ้ ง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือมในเร่ืองการ ไม่สง่ งาน/การบ้านตามกาหนดได้ทาให้ทราบถึงสาเหตุที่สาคัญมากที่สุด จนถึงสาเหตุที่น้อยท่ีสุด ในการไม่ส่งงาน / การบ้านตามกาหนด คือการบ้านมากเกินไป ให้เวลาน้อยเกินไป ไม่เข้าใจคาส่ัง ลืมทา เตรียมตัวสอบเก็บคะแนน วชิ าอน่ื แบบฝกึ หดั ยากทาไมไ่ ด้ ครอู ธิบายเร็วเกินไป สมดุ ,หนงั สือหาย ติดเกมส์ เบ่ือหน่าย ไมอ่ ยากทา สรปุ ผลงานวิจยั จากการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมการไม่ส่งงาน /การบ้านตามกาหนดของ นกั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี หอ้ ง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น แสดงให้เห็นว่า สาเหตุของการไม่ส่งงาน / การบ้านตามกาหนด ลาดับท่ี 1 คือ การบา้ นมากเกินไป นักเรยี นเลือก 6 คน คดิ เป็นร้อยละ 21.48 อันดับท่ี 2 ให้เวลาน้อยเกินไป นักเรียนเลือก 5 คน คิดเป็นร้อยละ 17.85 อันดับที่ 3 ไม่เข้าใจคาสั่ง นักเรียนเลือก 4 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 โดยคิดจาก นกั เรียน 28 คน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 96 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การศึกษาสาเหตุการหลับในห้องเรียนของนักศึกษาชั้นปีท่ี4 สาขาวิชาเช่ือมประกอบ หอ้ ง TIW 4 R มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ทศพล สิงหาสาร1 บทคัดยอ่ (1) ศึกษาสาเหตุการหลับในห้องเรียนของนักศึกษาในระดับปีที่ 4 ห้องTIW4R สาขาวิชาวิศวกรรมการ เช่อื ม คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 (2) ศึกษาเพอื่ ใหน้ กั ศึกษามีมารยาทในการนง่ั เรียนของนักศกึ ษาในระดับปีท่ี 4 ห้องTIW4R วิศวกรรมการ เชื่อม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นปีการศึกษา 2560 ประชากรท่ีใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษาในระดับปีท่ี 4 ห้องTIW4R สาขาวิชาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 จานวน 28 คน คิดเป็น ร้อยละ 100.0 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแบบสอบถามจานวน 28 คน สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ กลุ่มตัวอย่างที่หลับในห้องเรียนซึ่งเป็นผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับ สาเหตุการหลับในห้องเรียนเป็นเภทชายและ หญิง โดยแยกช่วงอายุของนักศึกษา ช่วงอายุต่ากว่า 20 -23 ปีข้ึนไปและ ปัญหาที่เป็นสาเหตุของการหลับใน ห้องเรียนของนกั ศึกษามี 4 ดา้ น คือ ปัญหาด้านส่วนตัว ด้านครู–อาจารย์ เก่ียวกับการเรียนการสอนและปัญหาด้าน สังคม และสภาวะแวดล้อม ผู้ตอบ แบบสอบถามเป็นนักศึกษาประจาสาขาวิศวกรรมการเชื่อม คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม พบว่าสาเหตุที่นักศึกษาหลับในห้องเรียน คือ เล่นเกม แชทกับเพื่อน จนนอนดึกอยู่ในระดับมาก รองลงมาทาการบ้านจนนอนดึก ทางานหารายได้หลังเลิกเรียน รองลงมา เล่นกีฬาร่างกายอ่อนเพลีย กิจกรรมการ เรียนการสอนไมน่ ่าสนใจ สภาพอากาศ ครไู มเ่ อาใจใส่และจูงใจนกั ศึกษา ทากิจกรรมในโรงเรียน อยู่ในระดับน้อยลง มาตามลาดับ 1คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น *E-mail : thotsaphon_1@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 97 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract (1) Study on causes of night blindness in the classroom at the 4th year students' room, TIW4R. Faculty of Industrial Education Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen Campus Academic year 2560 (2) To study the students 'etiquette in the 4th year students' room TIW4R welding technology. Faculty of Industrial Education The students in the fourth year of study are TIW4R, Welding Engineering. Faculty of Industrial Education 28 students, 100.0%, collected data from 28 questionnaires. The statistics used for data analysis were the percentage of the students who slept in the classroom. The cause of sleeping in the classroom is male and female. By separating the age range of students. Under age 20 -23 years and the problem that causes sleep apnea in the classroom are four aspects of personal problems. Teacher About teaching and social issues. The respondents were students in welding engineering. Faculty of Industrial Education The reason that students sleep in the classroom is to play games with friends until late at night. Secondary to homework until late night. Work out after school, play minor sports, fatigue. I do not care about the weather, the teachers do not care and motivate the students. School activities At the lower level, respectively. บทนา ทมี่ าและความสาคัญของปญั หา การศึกษาเป็นกิจกรรมอีกอย่างหน่ึงท่ีสาคัญของมนุษย์ อีกประการโดยการศึกษาน้ันจะมุ้งเน้นให้ ประโยชน์ต่อผู้ท่ีรับมากที่สุด การศึกษาเป็นการพัฒนาในด้านหลายๆอย่างด้วยกัน เช่น พัฒนาในด้านของ แนวความคิด พัฒนาด้านจิตใจ รู้จักรการใช้แนวความคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และการศึกษานั้นยังถือว่าเป็น องค์ประกอบทีส่ าคญั ของชวี ิตอกี ด้วย ในวงการการศึกษาน้ันก็จะมีผู้คนมากมาย หลายอย่าง หลายแนวความคิด แต่ละบุคคลก็จะมี แนวความคิดแตกต่างกันออกไป ในท่ีน้ีก็จะหมายถึง นักศึกษาบางคนต้ังใจเรียน นักศึกษาบางคนไม่ต้ังใจเรียน นักศึกษามาเรียนสาย และนักศกึ ษาอีกบางกลุ่มกจ็ ะชอบนอนหลับในห้องเรียน หลายสิ่งท่ีกล่าวมาน้ันคือปัญหาของ พฤติกรรมนักศึกษาท่ีเกิดขึ้นจริง ดังนั้นนักศึกษากลุ่มนี้ก็จะเป็นปัญหาให้กับมหาวิทยาลัยฯและตัวอาจารย์ผู้สอน และประเด็นที่สาคัญที่สุดคือจะทาให้ตัวนักศึกที่เป็นปัญหาเหล่าน้ีจะทาให้การเรียนไม่ทันเพ่ือน เรียนไม่เข้าใจใน เนอ้ื หานั้นๆ จากปัญหาดังกล่าวที่กล่าวมาในข้ันต้นนั้น ก็จะเป็นสาเหตุท่ีจะทาให้ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษา ปัญหาเก่ียวกับการนอนหลับในห้องเรียนของนักศึกษาในระดับชั้นปีท่ี 4 ห้อง TIW4R คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชา วิศวกรรมการเช่ือม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เพื่อหาแนวทางแก้ไข ปญั หาและป้องกันปัญหาการนอนหลับในห้องเรียน ผลที่ได้จากการวิจัยข้อมูลพื้นฐาน และแนวทางในการปรับปรุง แก้ไข ทางผู้วจิ ัยหวงั วา่ งานวจิ ยั ครั้งน้ีจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ทาง มหาวทิ ยาลัย อาจารย์ และ นกั ศกึ ษา เพอ่ื ใหอ้ ัตราการ นอนหลบั ของนกั ศึกษาลดนอ้ ยลง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 98 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1.2.1 เพ่ือศึกษาสาเหตุการหลับในห้องเรียนในขณะครูสอนของนักเรียนในชั้นปีท่ี 4 สาขาวิชา วิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ห้องTIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขต ขอนแกน่ 1.2.2 เพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษามีมารยาทในการนัง่ ในหอ้ งเรียนและใส่ใจในการเรียนการสอน ของนักศึกษาชั้น ปีท่ี 4 ครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมการเชื่อม ห้องTIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น วัสดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี าร เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นงานวิจัย แบบสอบถาม ขัน้ ตอนการออกแบบการดาเนินการ 1 สารวจพ้นื ทีล่ งพืน้ ท่ีเกบ็ ข้อมลู 2 นาขม้ ลู ท่ีได้ ไปหาต่างเพื่อเกบ็ ผลและสรุปงานวิจัย ขน้ั ออกแบบแบบสอบถาม (Design) เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังนีเ้ ปน็ แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเคร่ืองมือในการ เกบ็ เก็บ ขอ้ มลู สาเหตุการมาเรียนสายของนักศึกษาในระดับปที ี่ 4 หอ้ งTIW4R สาขาวชิ าเชอื่ ม ประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560 โดย แบบสอบถามแบ่งออกเป็น 2 ตอน คอื ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของกลุ่มตัวอย่าง ตอนที่ 2 สาเหตใุ นการมาสายของนักเรียน โดยแบ่งระดับความพงึ พอใจออกเป็น 5 ระดับ คือ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยที่สดุ โดยใช้ น้าหนักคะแนนตามระดบั ที่มีผลต่อการมาเรยี นสาย ขน้ั ดาเนินการ ในการวจิ ัยคร้งั น้ี ผู้วิจยั ได้มีการดาเนินการดงั นี้ 1.นาแบบสอบถามไปแจกเพือ่ ท่จี ะได้นาคา่ จากแบบสอบถามไปทาข้นั ตอนตอ่ ไป 2.ดาเนนิ การหาคา่ ร้อยละของแตล่ ะข้อสาเหตุ ขั้นวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1.วเิ คราะห์ขอ้ มูล ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไปของกลุ่มตัวอย่าง โดยเจาะจงนักศึกษาท่ีหลับในห้องเรียน ของ นักศึกษาใน ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาวิศวกรรมการเชื่อม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ห้องTIW4R มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น ปีการศกึ ษา 2560 และ แจกแจงความถี่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ แล้วนาเสนอในรปู ตาราง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 99 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับสาเหตุในการหลับในห้องเรียนของนักศึกษาในด้านต่าง ๆ โดยโดยเจาะจง นักศึกษาที่หลับในห้องเรียนของนักศึกษาในชั้นปีท่ี 4 สาขาวิชาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ห้องTIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปกี ารศกึ ษา 2560 และแจกแจงความถคี่ ดิ เป็น รอ้ ยละ สรปุ ขอ้ มลู และนาเสนอ 2.สถิติที่ใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล 4.2.1 การหาค่าร้อยละ คา่ ร้อยละ = X x 100 N เม่อื X = คะแนนที่ได้ N = จานวนนกั เรยี นทงั้ หมด คา่ เฉลี่ย X =  x n เมอ่ื X = แทน คา่ เฉลีย่ X = แทนผลรวมของข้อมลู ท้ังหมด N = แทนจานวนขอ้ มลู สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน มสี ตู รคานวณ ดังนี้ S.D. = nX2 - (X)2 n(n – 1) เม่อื S = แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน X = แทน ผลรวมของคะแนน n = แทนขนาดของกลุ่มตัวอย่าง แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับสาเหตุในการหลบั ในห้องเรียนของศึกษาในดา้ นต่าง ๆ ท่ีมี ความคดิ เห็นที่ แตกต่างกันในแต่ละด้าน พบวา่ ตาราง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุในการหลับในห้องเรียนของศึกษาในด้านต่าง ๆ ท่ีมี ความ คิดเหน็ ที่แตกต่างกันในแตล่ ะด้าน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 100 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ท่ี สาเหตุ ̅ S.D. แปลค่าดา้ นส่วนตวั1 เล่นเกม แชทกับเพื่อน จนนอนดกึ 3.96 1.10 มาก2 ทาการบา้ นจนดึกดืน่ 3.61 1.07 มาก3 เล่นกีฬาร่างกายออ่ นเพลีย 3.43 1.17 ปานกลาง4 ทางานหารายได้หลังเลิกเรียน 3.04 1.35 ปานกลางดา้ นครู - อาจารย์ และการสอน1 กจิ กรรมการเรยี นการสอนไม่น่าสนใจ 3.18 1.36 ปานกลาง2 ครูไม่เอาใจใส่และจงู ใจนักศึกษา 3.04 1.32 ปานกลางดา้ นสงั คม และสภาวะแวดล้อม1 ทากจิ กรรมในโรงเรยี น 3.25 1.46 ปานกลาง2 สภาพอากาศ 2.96 1.50 ปานกลางอภปิ รายงานวจิ ัย ดา้ นสว่ นตวั พบวา่ ปญั หาท่ีเป็นสาเหตใุ นการหลับในหอ้ งเรียนดา้ นส่วนตวั ของนักศกึ ษา คือ เลน่ เกมส์ แชทกบัเพอื่ น จนนอนดกึ อยู่ในระดบั มาก ( ̅ = 3.51- ̅ = 4.50) และ ปัญหาเกยี่ วกับทาการบ้านจนนอนดึก ( ̅ = 3.51- ̅ = 4.50) รองลงมาคอื ปญั หา เลน่ กีฬาร่างกายออ่ นเพลียอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) และทางานหารายได้หลงั เลกิ เรยี นอยู่ในระดับปานกลาง ด้านครู – อาจารย์ และการสอน พบว่าปัญหาที่เป็นสาเหตุในการหลับในห้องเรียนด้านครู – อาจารย์ และการสอนของนักศึกษา คือปัญหากจิ กรรมการเรยี นการสอนไม่น่าสนใจ อยูใ่ นระดบั ปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) และสาเหตุต่อมาคือ ครูไม่เอาใจใสแ่ ละจูงใจนักศกึ ษา อยู่ในระดบั ปานกลางเชน่ กัน ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) ดา้ นสังคม และสภาวะแวดล้อม พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการหลับในห้องเรียนด้านสังคม และสภาวะ แวดล้อม ของนักศึกษาซ่ึงมีปัญหาสภาพอากาศ อยู่ในระดับปานกลาง คือ ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) และอีกปัญหารองลงมาคือ ทากิจกรรมในมหาวิทลัยฯ อยใู่ นระดับปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50)สรุปผลงานวจิ ยั จากการศึกษาวิจยั เร่อื ง สาเหตุการหลับในห้องเรยี นของนักศกึ ษาช้ันปที ่ี 4 สาขาวชิ าวิศวกรรมการเชือ่ ม คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม ห้องTIW4R มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ สรุปผลไดด้ ังนี้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 101 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ตอนท่ี 1 จากการศึกษาพบวา่ กลมุ่ ตัวอยา่ งทห่ี ลับในห้องเรยี นซึง่ เปน็ ผู้ตอบแบบสอบถามเกีย่ วกบั สาเหตุการหลับในห้องเรียน จานวน 28 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100.0 โดยแยกช่วงอายุของนกั ศกึ ษา ชว่ ง อายุ 20 – 23 ปี และผตู้ อบแบบสอบถามเป็นนักศึกษาในช้นั ปที ่ี 4 สาขาวิชาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม หอ้ ง TIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ ตอนที่ 2 ความคิดเหน็ เก่ียวกบั สาเหตใุ นการหลับในหอ้ งเรยี นของ นกั ศกึ ษาในดา้ นตา่ ง ๆ โดยเจาะจง นักศึกษาท่มี าเรยี นสาย ดา้ นส่วนตวั ดา้ นสว่ นตัว พบว่าปัญหาท่เี ป็นสาเหตุในการหลบั ในห้องเรยี นดา้ นส่วนตัวของ นกั ศึกษา คือ เล่นเกม แชทกับเพอื่ น จนนอนดึกอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 3.51- ̅ = 4.50) และ คือ ปัญหาเกี่ยวกบั ทาการบ้านจนนอนดึกอย่ใู นระดับมาก ( ̅ = 3.51- ̅ = 4.50) และ ทางานหารายได้หลงั เลิกเรียน อยู่ในระดับ ปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) และอกี ปัญหา คือเลน่ กฬี าร่างกายออ่ นเพลยี อยู่ในระดบั ปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) ด้านครู – อาจารย์ และการสอน พบว่าปญั หาท่ีเปน็ สาเหตใุ นการหลบั ในหอ้ งเรยี นด้านครู – อาจารย์ และการสอนของนกั ศึกษา คือ ปัญหากิจกรรมการเรยี นการสอนไมน่ ่าสนใจ อยู่ในระดับปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) และคอื ครไู ม่เอาใจใส่และจงู ใจนักศึกษา อย่ใู นระดับปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50)ดา้ นสงั คม และ สภาวะแวดล้อม พบวา่ ปญั หาท่ีเปน็ สาเหตุในการหลบั ในหอ้ งเรยี นดา้ นสังคม และสภาวะ แวดลอ้ ม ของนกั ศึกษาซึ่งมี ปัญหาสภาพอากาศอยใู่ นระดบั ปานกลาง คือ ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50) สว่ นอีกสาเหตหุ นึ่งกค็ ือ ทากจิ กรรมในมหา วิทลยั ฯ อย่ใู นระดับปานกลาง ( ̅= 2.51 - ̅ = 3.50)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 102 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== พฤตกิ รรมของนกั ศกึ ษาทตี่ ิด F สุเมธ นามจนั ดา1 บทคัดย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมี จุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาสาเหตุของการเส่ียงออกกลางคันของนักศึกษา มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคล (อีสานวิทยาเขต) เพื่อศึกษาสาเหตุของปัญหานักศึกษาท่ีมีผลการเรียนติด F โดยใช้กลุ่ม ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาเป็นกลุ่ม นักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี ชั้นปีท่ี 4 กลุ่ม R คอบ.วิศวกรรมการเชื่อม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (วิทยาเขตขอนแก่น) จานวน 28 คน ในการศึกษาสาเหตุของนักศึกษา ท่ีมี ผลการเรียนตดิ F ผลจากการศึกษาพบวา่ วธิ ที ่ีจะแกป้ ญั หานักศึกษาท่ีมีผลการเรียนติด F คือเข้าเรียนทุกครั้งส่งงาน ใหค้ รบ สง่ งานใหค้ รบภายในระยะเวลาทกี่ าหนด และไม่ลอกการบ้าน พยายามต้ังใจเรียนให้เข้าใจต้ังในห้องเรียนใช้ เวลาในชั้นเรยี นใหค้ ุม้ คา่ หากเรียนไม่ทันไม่เขา้ ใจให้สอบถามแจ้ง อ.ผสู้ อนเลย รวมกลุ่มทบทวนบทเรียนวิชาใดเก่งก็ สลับกันตวิ การสอบเตรียมความพรอ้ มอ่านหนังสอื ลว่ งหนา้ แบ่งเวลาในกานอ่านหนงั สือ แต่ละรายวิชามุ่งม่ันต้ังใจใน การเรยี น 1คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น *E-mail : sumett.nn@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 103 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ทมี่ าและความสาคญั ของงานวิจัย การพัฒนาประเทศให้เจรญิ กา้ วหนา้ ใหอ้ ย่ใู นระดบั แนวหนา้ ใหเ้ ปน็ ทย่ี อมรบั ของประเทศอ่นื ๆในโลกหรอื ภมู ิภาคจาเปน็ ทจี่ ะต้องมีการพฒั นาประเทศหรือสงั คมนักศึกษาคือเครอื่ งมอื ทีส่ าคญั ในการพฒั นาเพราะนกั ศึกษา จะตอ้ งเจรญิ เตบิ โตเปน็ กาลังหรอื อนาคตของประเทศตอ่ ไปโรงเรยี นหรอื วทิ ยาลัยจงึ เปน็ สถานทผี่ ลติ บคุ ลากรทีจ่ ะ พัฒนาประเทศในอนาคตแต่ในการที่จะผลติ บุคลากรให้มีประสทิ ธภิ าพได้นั้นต้องมีหลายปจั จยั เข้ามาเก่ียวขอ้ ง มากมายแตป่ จั จยั ทีจ่ ะทาใหเ้ ดก็ มปี ระสิทธภิ าพมากทสี่ ดุ กค็ ือการเรยี นของนักศึกษาในสถานศกึ ษาตา่ งๆในประเทศ มกั มีพฤติกรรมท่ีไมต่ ั้งใจอา่ นหนังสอื เวลาใกล้สอบปญั หานักศึกษามผี ลการเรยี นตดิ F จึงเป็นเหตุผลทผี่ ูท้ าวิจยั ไดเ้ หน็ ความสาคญั ในการเรยี นของนักศกึ ษาดงั นน้ั ผู้จดั ทางานวิจยั จึงไดท้ าการวิจัยนักศกึ ษาพฤตกิ รรมของนกั ศกึ ษาที่ติด F ข้ึนเพ่อื ทจี่ ะไดท้ าการปรับปรุงแก้ไขปัญหาใหไ้ ด้ถกู ตอ้ งเปน็ ประโยชนก์ บั นักศกึ ษาและประเทศชาตติ อ่ ไป วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย เพอ่ื แกพ้ ฤตกิ รรมของนกั ศึกษาท่มี ผี ลการเรยี นตดิ F สมมตุ ฐิ านการวิจัย พบสาเหตทุ แ่ี ท้จริงและแกป้ ัญหานักศกึ ษาที่มีผลการเรยี นตดิ F ในระดบั ช้นั ปที ี่ 4 หอ้ ง TIW/ 4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น ขอบเขตของการวิจยั 1.ขอบเขตพื้นทก่ี ารวจิ ัย คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมเชอ่ื มประกอบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ 2.ขอบเขตประชากร นักศึกษาชนั้ ปที ี่ 4 ห้อง TIW 4R คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมเช่อื มประกอบ 3.ขอบเขตของการวิจยั นักศึกษาชนั้ ปที ่ี 4 หอ้ ง TIW 4R คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมเช่ือมประกอบ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น จานวน 28 คน ประโยชนค์ าดวา่ จะไดร้ บั แก้ปญั หาไขพฤตกิ รรมนกั ศกึ ษาทมี่ ีผลการเรียนตดิ F ได้ นยิ ามศัพท์ ความรับผดิ ชอบ หมายถงึ ความมงุ่ มั่นของนักศกึ ษาท่จี ะผลักดันใหต้ วั เองเรียนใหผ้ า่ นวิชานนั้ ๆใหไ้ ด้ วิธดี าเนนิ การวิจยั ในการวิจัยเรือ่ ง ปญั หานกั ศกึ ษาหนเี รียนระดบั ชั้นปีท่ี 4 หอ้ ง TIW 4R เป็นการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ มี ขั้นตอนดาเนนิ การศึกษาดังน้ี 1. แหลง่ ที่มาของข้อมูล 2. ประชากรท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย 3. เครอ่ื งมือที่ใช้ในการวิจยั 4. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 5. การวิเคราะหข์ อ้ มลู - ประชากร/กลมุ่ ตวั อยา่ ง 1.ประชากร ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัยในครง้ั นี้ คอื นกั ศกึ ษาระดบั ชน้ั ปที ่ี 4 หอ้ ง TIW4R จานวน 28 คน 2.กลมุ่ ตัวอยา่ ง กลมุ่ ตัวอยา่ งในการวจิ ยั คอื นกั ศึกษาระดับช้นั ปีท่ี 4 ห้อง TIW4R จานวน 28 คน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 104 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัย เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการวิจยั ในคร้งั น้ี ได้แก่ แจกแบบสอบถาม ข้นั ดาเนนิ การ เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการศึกษาครง้ั นีเ้ ปน็ แบบสอบถาม (Questionnaire) เปน็ เครอื่ งมอื ในการเก็บเกบ็ ขอ้ มลู สาเหตทุ ี่ นกั ศึกษาที่มีพฤติกรรมไมต่ ั้งใจเรยี นเกเรมผี ลการเรียนติด F ของนกั ศึกษาในระดบั ปที ่ี 4 ห้องTIW4R สาขาวิศวกรรม การเชอ่ื เช่อื มประกอบมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ตอนท่ี 2 พฤตกิ รรมของนักศกึ ษาไมต่ งั้ ใจเรียนเกเรมผี ลการเรียนติด F โดยแบ่งระดับความพึงพอใจออกเป็น 5 ระดับ คือ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง น้อยน้อยที่สุด โดยใช้น้าหนักคะแนน ตามระดับที่มผี ลต่อนักศกึ ษาที่ไม่ต้งั ใจเรียนเกเรมผี ลการเรยี นติด F ดังตามตารางท่ี ระดับทีจ่ ะมีผล นา้ หนกั คะแนน 5มากทส่ี ุด 4มาก 3ปานกลาง 2นอ้ ย 1นอ้ ยทสี่ ดุจากตารางที่ : แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั สาเหตุนกั ศกึ ษาทมี่ พี ฤตกิ รรมไมต่ ัง้ ใจเรยี นเกเรมผี ลการเรยี นตดิ Fด้านสว่ นตัว : พบว่าปญั หาทเี่ ปน็ สาเหตุการนักศกึ ษาทมี่ ีผลการเรียนตดิ F ด้านสว่ นตัวของนักเรียนนักศึกษา คอื ไม่เข้าใจเวลาอาจารยส์ อนและมาเรียนสายอยใู่ นระดับมาก ( X = 3.72 - X = 3.56 )ที่ สาเหตุ X S.D. แปลคา่ ด้านส่วนตัว 3.72 1.71 มาก1 ไม่เขา้ ใจเวลาอาจารยส์ อน2 ไม่ต้งั ใจอา่ นหนังสอื สอบ 3.36 1.07 ปานกลาง3 มาเรียนสาย4 ไมส่ ่งงานตามระยะเวลาทีก่ าหนด 3.56 1.39 มาก ดา้ นครู อาจารย์ และการสอน 3.32 1.01 ปานกลาง1 อาจารยส์ อนเรว็ เกินไป2 อาจารย์พดู เสียงเบา 3.78 1.20 มาก 3.35 1.18 ปานกลาง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 105 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ด้าน สังคม และสภาพแวดลอ้ ม 3.35 0.97 ปานกลาง1 ปัญหาส่วนตัว 3.33 0.88 ปานกลาง2 วัสดุเครอ่ื งไมเ้ ครือ่ งมือไมเ่ พยี งพอรองลงมา คือ ไมต่ ัง้ ใจอา่ นหนังสอื เวลาสอบและมาเรยี นสายไมส่ ง่ งานให้ครบตามระยะเวลาที่กาหนดอยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X=3.36-X=3.32)ดา้ นครู – อาจารย์ – และการสอนพบว่าปญั หาที่เปน็ สาเหตุมผี ลการเรยี นตดิ F ดา้ นครู – อาจารย์ และการสอนของนกั เรยี นนกั ศกึ ษา คือ อาจารย์สอนเร็วเกินไปกินไปอย่ใู นระดบั มาก ( X = 3.78 ) รองลงมาคือ อาจารย์พูดเสียงเบาเกินไปนักศกึ ษาไม่ค่อยไดย้ นิเวลาสอนอยูใ่ นระดับปานกลาง ( X = 3.35 )ด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ มพบวา่ ปัญหาทเี่ ปน็ สาเหตทุ ที่ านักศึกษามีผลการเรียนติด F ด้านสังคมและสภาวะแวดล้อมของนักเรียนนักศึกษาคือปัญหาสว่ นตวั และวัสดุ เคร่ืองไม้ เครอื่ งมอื ไม่เพียงพออยูใ่ นระดับปานกลาง คือ ( X = 3.35 – X = 3.33 ) สรุป จากการศึกษาวิจัย เร่ือง การศึกษาพฤติกรรมนักศึกษาที่ไม่ต้ังใจเรียนเกเรมีผลกกการเรียนติด Fของนักศกึ ษาชน้ั ปที ี่ 4 สาขาวิชาเชื่อมประกอบ ห้องTIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นสรุปผลได้ดังนี้ตอนที่ 1 จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่นักศึกษาที่มีพฤติกรรมเกเรไม่ตั้งใจเรียนมีผลการเรียนติด Fซ่ึงเป็นผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมนักศึกษา 28 คน คิดเป็นร้อยละ 100% โดยแยกช่วงอายุของนักศึกษา ช่วงอายุ 20 – 23 ปี และผู้ตอบแบบสอบถามเป็นนักศึกษาในชั้นปีท่ี 4 สาขาวิชาวิศวกรรมการเช่ือมประกอบ ห้องTIW4R มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแกน่ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมนกั ศกึ ษาท่ไี มต่ ้ังใจเรียนเกเรมีผลการเรียนติด F ของนักศึกษาในด้านต่างๆโดยเจาะจงนักศึกษาท่ีไม่เข้าใจบทเรียนเวลาอาจารย์สอน ด้านส่วนตัว พบว่าการศึกษาพฤติกรรมนักศึกษาท่ีมีพฤติกรรมที่มีผลการเรียนติด F ด้านส่วนตัวของนักศึกษา คือ ไม่เข้าใจบทเรียนเวลาอาจารย์สอนและไม่ตั้งในอ่านหนงั สอื เวลาสอบ อยู่ในระดับมาก (x=3.72-x=3.56) รองลงมาคอื มาเรียนสายและไมส่ ่งงานตามระยะเวลาที่กาหนดในระดับปานกลาง (X=3.36-X=3.32) ด้านครูอาจารย์ พบว่าปัญหาที่เป็นสาเหตุท่ีทาให้นักเรียนนักศึกษาติด F คืออาจารย์สอนเร็วเกินไปอยู่ในระดับมาก (X=3.78) รองลงมาคืออาจาย์เสียงเบาเกิดไปนักศึกษาไม่ค่อยได้ยินอยู่ในระดับปานกลาง (X=3.35) ด้านสังคมและสภาพแวดล้อมของนักศึกษาท่ีมีผลการเรียนติด F คือ ปัญหาส่วนตัวและวสั ดเุ ครอ่ื งไม้ไม่เพียงพออยใู่ นระดับปานกลางคือ (X=3.35-X=3.33)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 106 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมในห้องเรียน วศิน วรรณสนิ ธ์1 ท่มี าและความสาคัญของงานวิจัย 1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา การจัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment ) มีความหมายว่า ส่ิงต่าง ๆ สภาพแวดล้อมทีอ่ ยรู่ อบ ๆ ตวั ผเู้ รียน ท้งั ทเี่ ปน็ รูปธรรมและนามธรรม ส่งผลตอ่ ผ้เู รียนท้ังทางบวกและทางลบ และมี ผลกระทบตอ่ ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น เช่น หอ้ งเรียนที่ถกู สขุ ลกั ษณะ มีแสงสวา่ งพอเพียง สะอาด สงบ อากาศถ่ายเท มสี ่ิงอานวยความสะดวกท่ีมีคุณภาพเหมาะสมและสนับสนุนการเรียนรู้ มีบรรยากาศใน การเรยี นที่ดี ก็จะส่งผลทางบวกต่อผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข มีความต้ังใจและกระตือรือร้นในการ เรียน หากบรรยากาศเตม็ ไปดว้ ยความสกปรกรกรุงรัง สกปรก เตม็ ไปด้วยขา้ วของที่ไมเ่ ป็นระเบยี บ กจ็ ะสง่ ผลทางลบ ตอ่ ผู้เรียนทาใหบ้ รรยากาศในการเรียนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ผู้สอนก็จะรู้สึกท้อถอย ไม่เป็นผลดีต่อการเรียน การสอน การจดั สภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมกบั วัยและระดับของผ้เู รียนจะเปน็ สงิ่ ท่ี จะเปน็ สิ่งทส่ี นับสนุนทาให้ผเู้ รียน มีความร้สู กึ ทอ่ี ยากเรยี นและเกิดประสทิ ธภิ าพในการเรียนรเู้ พิม่ ข้ึน ความสาคญั ของสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้มีหลาย ประการได้แก่ 1. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้สนับสนุนและอานวยความสะดวกในการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมการ เรียนรู้ท่ีเหมาะสม เช่นห้องเรียนมีความสะดวกสบาย มีอุปกรณ์และส่ือการเรียนการสอนครบถ้วน ทาให้ผู้เรียนมี ความสขุ ในการเรยี น ผู้สอนก็มคี วามสขุ ในการสอน สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ีก็จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้การเรียนการ สอนดาเนินไปด้วยความราบร่นื สะดวก รวดเรว็ ตามแผนทว่ี างไว้ 2. สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้สนบั สนนุ การเรยี นรหู้ ลายด้านเชน่ ทาให้ผู้เรยี นเกดิ ความประทบั ใจ เปน็ ตัวกระตุ้นผ้เู รียนใหม้ คี วามสนใจและเกดิ แรงจงู ใจในการเรียนเปลี่ยนเจตคตไิ ปในทางท่ดี ี มคี วามพึงพอใจในการเรียน ชว่ ยใหเ้ กิดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ปัจจยั สาคญั ในกระบวนการเรยี นการสอนก็คอื ความรู้สึกท่ีเกดิ จากตวั ผูเ้ รยี น ความรสู้ กึ พึงพอใจ สนใจ อยากเรยี น อยากรู้ ซึง่ จะเป็น ตัวการนาไปสูก่ ารเรยี นรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพในท่ีสดุ ดังน้นั ถ้าผูเ้ รยี น อยู่ในสภาพแวดลอ้ มการเรยี นรู้ที่สมบูรณ์ ทง้ั ทางดา้ นกายภาพ จติ ภาพ และทางดา้ นสงั คมภาพแลว้ จะช่วยกระตุน้ ให้ผู้เรียนเกดิ ความรสู้ กึ ดังกล่าวได้ 3. สภาพแวดล้อมการเรียนรชู้ ว่ ยจดั ประสบการณ์การเรยี นรทู้ พ่ี งึ ประสงค์ให้แก่ผเู้ รยี นประสบการณ์การ เรียนรขู้ ้ึนอยู่กบั สภาพแวดล้อม ตามปกตแิ ล้วการรบั รู้และการเรยี นรขู้ องผู้เรยี นจะเกดิ ขนึ้ หลังจากทไี่ ดป้ ะทะสมั พนั ธ์ กบั สงิ่ ภายนอกท่ีมากระตนุ้ ประสาทสัมผสั ของผูเ้ รยี น การปะทะสมั พันธ์กบั สิง่ ตา่ ง ๆ เป็นการสร้างประสบการณ์ ดังนั้นถ้าเราตอ้ งการใหผ้ เู้ รยี นได้รบั ประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ดี่ ีก็ต้องจัดให้ผู้เรยี นอยู่ในสภาพแวดล้อมการเรยี นร้ทู ี่ดี ก่อนแลว้ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เหลา่ นนั้ จะเปน็ ตัวกาหนดประสบการณ์ของผเู้ รยี นภายหลัง 4. สภาพแวดลอ้ มการเรียนรทู้ ี่ดีจะชว่ ยพฒั นาบคุ ลิกภาพของผูเ้ รยี น จดุ ม่งุ หมายทสี่ าคญั ของการจัด การศกึ ษาประการหนงึ่ ก็คือมุ่งให้ผเู้ รียนมบี คุ ลกิ ภาพดี มีการแสดงออกทางกาย วาจาและใจตามแบบอยา่ งทส่ี งั คม ยอมรับกลา่ วคอื มคี ณุ ธรรม และจริยธรรมท่ีเปน็ เครอื่ งหมายของคนดี มีการประพฤติ ปฏบิ ตั สิ ามารถดารงชวี ิตอยู่ใน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 107 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สังคมได้อย่างดี การท่ีจะหลอ่ หลอมพฤตกิ รรม หรอื ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมของผู้เรยี นให้เปน็ ไปในทศิ ทางท่ีพงึ ประสงค์น้ันต้องใชเ้ วลา และอาศยั ปัจจยั หลายอยา่ งประกอบกัน จงึ จะสามารถกล่อมเกลาผ้เู รียนได้ สภาพแวดล้อม การเรยี นรู้ถือวา่ เป็นปัจจยั หน่ึงที่จะช่วยปรับหรอื โนม้ น้าวพฤตกิ รรมของผูเ้ รยี นโดยเฉพาะสภาพแวดลอ้ มการเรยี นร้ทู ี่ มีบรรยากาศท่อี บอุ่นเป็นมติ ร มีความเปน็ ประชาธิปไตย ยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ซงึ่ กันและกนั ตดั สนิ ปัญหาด้วยเหตุ ผลตา่ ง ๆ เหลา่ นจ้ี ะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในความรสู้ กึ นกึ คดิ ของผเู้ รยี น สะสมทีละน้อยจนในทส่ี ุดกจ็ ะแสดงออกใน ลักษณะของบุคลกิ ภาพรปู แบบในการรับรู้ ตลอดจนค่านิยมต่าง ๆ ของผเู้ รยี น 5. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้มสี ว่ นชว่ ยในการควบคุมชัน้ เรยี นใหผ้ ู้เรยี นมรี ะเบยี บวินยั สภาพแวดลอ้ มการ เรยี นรเู้ ปน็ ตัวกาหนดอาณาเขตของการเรยี น ทาใหม้ ีบรรยากาศท่ีแตกต่างไปจากกิจกรรมอนื่ ยกตวั อยา่ งเชน่ ลักษณะของสภาพแวดลอ้ มในสถานเริงรมย์ ผู้เรยี นเมื่ออย่ใู นสภาพแวดล้อมทางการเรยี นที่จดั ไว้อย่างเหมาะสม ก็จะ รจู้ กั สารวมอยูใ่ นระเบียบวินัยมากขน้ึ โดยเฉพาะถา้ มีการจดั โตะ๊ เกา้ อ้ี ของนกั เรียนอยา่ งมีวัตถปุ ระสงค์ จะชว่ ยให้ การควบคุมชน้ั เรียนมรี ะบบระเบียบ และง่ายสาหรับผู้สอนมากข้นึ 6. สภาพแวดล้อมการเรยี นรเู้ ปน็ แหล่งทรพั ยากรทางการเรยี น การจัดสภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ใน ปัจจุบนั เป็นไปอยา่ งกวา้ งขวาง หลายแหลง่ เห็นความสาคญั ของมมุ วิชาการ ศูนย์วชิ าการ มมุ สือ่ การเรยี นการสอน ทาใหท้ ง้ั ผเู้ รียนและผสู้ อน สามารถใชเ้ ป็นแหล่งค้นคว้าหาความรูเ้ พมิ่ เตมิ ไดต้ ลอดเวลาทต่ี อ้ งการ เป็นการส่งเสรมิ การ เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง สามารถจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนแบบยึดเด็กเป็นศนู ย์กลางได้อยา่ งดี นอกจากน้แี หล่ง ทรพั ยากรการเรยี นจะชว่ ยพัฒนาความรับผิดชอบใหเ้ กดิ ขึ้นในตัวผู้เรยี นตลอดจนเป็นการสรา้ งนสิ ยั ให้ใฝ่เรยี นใฝ่รู้ ศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง ไมย่ ดึ ติดอยู่เฉพาะความรทู้ ี่ไดจ้ ากผสู้ อน 7. สภาพแวดล้อมการเรยี นรูเ้ สริมสร้างบรรยากาศในการเรยี น สภาพแวดลอ้ มการเรยี นรูท้ ี่ดีจะทาให้ บรรยากาศในการเรยี นเอื้อต่อการเรยี นการสอนใหด้ าเนนิ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลมากท่ีสุด ใน สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพทีม่ คี วามสะดวกสบาย สงบ ปราศจากสงิ่ รบกวน จะช่วยสรา้ งบรรยากาศทางวชิ าการให้ เกิดขึ้นทาให้ผเู้ รียนมคี วามกระตอื รือรน้ ทีจ่ ะศกึ ษาหาความรหู้ รอื ทากจิ กรรมการเรียนตา่ ง ๆ อยา่ งตง้ั ใจและมสี มาธิ ยง่ิ ถ้าผสู้ อนและเพอื่ นร่วมช้นั ซ่งึ จัดวา่ เป็นสภาพแวดล้อมการเรยี นรดู้ ้านจิตภาพมีบุคลกิ ลกั ษณะท่ีอบอุ่น เป็นมิตร ก็ จะยิ่งทาใหบ้ รรยากาศในการเรยี นการสอนเปน็ ไปในทศิ ทางทพ่ี งึ ประสงค์มากย่งิ ขึน้ 8. สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธ์อันดรี ะหวา่ งผสู้ อนกับผเู้ รยี น และผูเ้ รยี นกับผเู้ รียน ดว้ ยกัน การจัดสถานที่ โตะ๊ เก้าอี้ อุปกรณต์ ่าง ๆ ใหง้ ่ายต่อการเคลอ่ื นไหวโยกยา้ ย ทาให้ผสู้ อนไปถึงตวั ผเู้ รยี นได้ สะดวก ตาแหน่งของผสู้ อนไม่จาเปน็ ต้องอยู่หนา้ ช้ันเสมอไป ผสู้ อนอาจนั่งอย่ทู ่ามกลางผู้เรยี นเพ่ือใหค้ าปรึกษา แนะ แนวทางสภาพแวดล้อมเชน่ น้ชี ว่ ยใหผ้ สู้ อนมคี วามใกลช้ ดิ กับผู้เรยี นมากขน้ึ ทาให้ไดร้ ้จู ักอุปนสิ ัย ตลอดจนพฤติกรรม ของผ้เู รยี นเปน็ รายบคุ คลได้ดี ส่วนผู้เรยี นจะลดความกลวั และมีความกลา้ มากขน้ึ กลา้ พูด กลา้ แสดงความคิดเหน็ มี เจตคตทิ ดี่ ตี ่อผสู้ อน 9. สภาพแวดลอ้ มการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสมจะช่วยลดความเมื่อยลา้ หรอื ความอ่อนเพลยี ทางดา้ นสรรี ะของ ผ้เู รยี นเช่นการจดั โตะ๊ เกา้ อ้ที ม่ี ีขนาดพอเหมาะกับรา่ งกายของผเู้ รยี นชว่ ยให้การนงั่ สบายสามรถน่งั ไดน้ าน ๆ โดยไม่ ปวดหลงั การใหแ้ สงสว่างในหอ้ งเรยี นท่ีเหมาะ จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นคลายความเมอ่ื ยล้าของสายตา นอกจากน้ียงั เป็นการ สง่ เสริมพฒั นาการของผเู้ รยี นดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญาด้วย ของนกั ศกึ ษา ช้ันปีท่ี 4 ห้อง TIW4R สาขาวิชาเชอื่ มประกอบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขต ขอนแก่น เพ่อื หาแนวทางแก้ไขปัญหา และจดั การสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมในหอ้ งเรยี น ผลทีไ่ ด้จากการวจิ ยั นี้จะเปน็ ขอ้ มูลพื้นฐาน และแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอน อันจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้บรหิ าร และนักศกึ ษาท่ี กาลังศึกษาอยเู่ พือ่ เป็นจดุ เรม่ิ ต้นในการชว่ ยใหน้ กั ศึกษาสามารถจัดการ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 108 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมในหอ้ งเรียนและประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตและสังคมและเปน็ ส่วนหนง่ึ ที่ทาใหน้ กั ศึกษาประสบ ความสาเรจ็ ในด้านการเรยี นและการดาเนินชวี ติ ในอนาคตต่อไปได้ 5. วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั การศกึ ษานีม้ เี ปา้ หมายทีจ่ ะทาการศึกษาเก่ยี วกับสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมในการเรียนรู้ในระดบั ช้ันปที ี่ 4 หอ้ ง TIW 4R จานวน 28 คน สาขาวิชาเชอ่ื มประกอบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขต ขอนแกน่ โดยมีวัตถปุ ระสงค์ดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 เพ่อื สรา้ งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในหอ้ งเรียนให้ผเู้ รียน ของนกั เรยี นในชัน้ ปีท่ี 4 สาขาวิชาเชอื่ ม ประกอบ หอ้ ง TIW4R มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น 6. สมมตุ ิฐานการวิจัย 1. นกั ศกึ ษาเขา้ ใจและรจู้ กั สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมในการเรียนรู้ 2. นกั ศกึ ษาสามารถสภาพแวดล้อมการเรียนรเู้ สริมสร้างบรรยากาศในการเรยี น 3. นักศึกษารู้สภาพแวดล้อมการเรียนรทู้ ่ดี จี ะช่วยพัฒนาบคุ ลกิ ภาพของผู้เรยี น 7. ขอบเขตของการวิจัย 7.1 ประชากร และกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประกอบดว้ ย 7.1.1 ในการศกึ ษาสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมในการเรยี นรุ้ ในชนั้ ปที ี่ 4 สาขาวชิ าเช่อื ม ประกอบ หอ้ ง TIW 4R มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560 นกั ศึกษาทัง้ หมด 28 คน โดยศกึ ษาหาสภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมในการเรียนรู้ ให้นักศึกษามคี วามเขา้ ใจใน เรอ่ื งสง่ิ แวดล้อมท่ีเหมาะสมในการเรียนรู้ มีประชากรทศี่ ึกษาและกลุ่มตัวอยา่ ง ดงั นี้ - ประชากร ได้แก่ นักเรียนในช้ันปีที่ 4 สาขาวิชาเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ ซึ่งมีจานวนทั้งหมด 28 คน เป็นนักศึกษาชาย 27 คน นกั ศกึ ษาหญงิ 1 คน - กลุ่มตวั อยา่ ง ได้ส่มุ ตัวอย่างโดยกาหนดจานวนของตัวอย่าง 16 คน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น จานวน 28 คน จากนกั ศกึ ษา ท้ังหมด 16 คน คดิ เป็น 100 % ของประชากร ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการ สังเกตส่ิงแวดล้อมท่ีเหมาะสมในการเรียนรู้ ได้แก่นักศึกษาช้ันปีท่ี 4 สาขาวิชาเช่ือมประกอบ ห้อง TIW 4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น 7.2.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ สภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมในการเรยี นรู้ในดา้ นต่างๆ ท่ีไดจ้ ากการศึกษา เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ดงั นี้ 7.2.1.1 ดา้ นสว่ นตวั 7.2.1.1 มีปัญหาเกยี่ วกบั สภาพแวดลอ้ มแบบตา่ งๆในการเรยี นรู้ 7.1.1.2 มปี ญั หา เกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมและสาเหตตุ า่ งๆในการเรียนรู้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 109 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 7.3 ตัวแปรตาม ได้แก่ แนวโน้มปัญหาและสาเหตุของส่ิงแวดล้อมในการเรียนรู้ ของนักศึกษา ของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาเชื่อมประกอบ ห้อง TIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น 8. ประโยชนค์ าดวา่ จะได้รบั 8.1.1 นกั ศกึ ษาสาขาวิชาเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขต ขอนแกน่ สามารถนาผลการวิจยั น้ไี ป ประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจาวนั และทางด้านสังคม รวมถงึ การทางานในอนาคต 8.2.2 ผเู้ รยี น สามารถปรบั ตวั ให้เขา้ กับส่งิ แวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมในการเรียนรู้ 9. นิยามศพั ท์ การจดั สภาพแวดล้อมการเรยี นรู้ (Learning Environment )มคี วามหมายว่า ส่งิ ต่าง ๆ สภาพแวดลอ้ มท่ี อยู่รอบ ๆ ตวั ผเู้ รยี น ทัง้ ทเ่ี ป็นรูปธรรมและนามธรรม ส่งผลตอ่ ผเู้ รยี นทง้ั ทางบวกและทางลบ และมผี ลกระทบตอ่ ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น 10. วิธีดาเนินการวจิ ัย การศึกษาร้จู กั สาเหตเุ กย่ี วกับสง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมในการเรยี นรู้ ในระดับปที ่ี 4 ห้อง TIW4R สาขาวิชา เช่ือมประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 ในครั้งน้ีผู้ศึกษาได้ ดาเนนิ การตามขน้ั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1. ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง 3.2. เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 3.3. วิธีการสร้างเคร่อื งมือ 3.4. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3.5. การตรวจสอบขอ้ มูล 3.6.. การวเิ คราะหข์ ้อมูล 3.7. นาเสนอข้อมลู - ประชากร/กลุม่ ตวั อย่าง ประชากรได้แก่ นักศึกษาในระดับปีท่ี 4 ห้อง TIW4R สาขาวิชาเชื่อมประกอบ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 มีศึกษาท้ังหมด 28 คน เป็น นกั ศกึ ษาชาย 27 คน นักศึกษาหญงิ 1 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี ได้แก่ นักศึกษาในระดับปีท่ี 4 ห้อง TIW4R สาขาวิชาเชื่อม ประกอบ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 มีศึกษา ทั้งหมด 28 คน - การเก็บรวบรวมข้อมลู แบบประเมิน - เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการวิจัย สาหรับวิธกี ารสรา้ งเครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการศึกษาครั้งนผี้ วู้ ิจยั ได้แบ่งออกเป็น 2 ระยะดังน้ี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 110 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ระยะที่ 1 ขนั้ เตรยี มการ ระยะท่ี 2 ขัน้ ดาเนินการ ระยะท่ี 1 ข้นั เตรียมการ 1. การจัดทาการสอนโดยใช้การสร้างส่งิ แวดลอ้ มท่เี หมาะสมในการเรียนรู้ ผ้วู จิ ยั ไดาเนนิ การ มีดงั นี้ 1.1 ศึกษาหลกั สตู รปริญญาตรี ค อ บ. วศิ วกรรมการเชื่อม 1.2 ศกึ ษาวธิ กี ารสอนโดยใช้การสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มท่เี หมาะสมในการเรยี นรู้ 1.3วิเคราะหเ์ น้ือหาและกาหนดขอบเขตของเน้ือหาตามบทเรยี น 1.4 กาหนดจุดประสงคท์ ั่วไป จุดประสงคเ์ ชงิ คณุ ลักษณะทีต่ อ้ งการเนน้ 1.5 กาหนดโครงสร้างและเน้ือหาให้สอดคล้องกบ้ จดุ ประสงค์ 1.6 ดาเนินการสอนโดยใช้การสร้างส่ิงแวดล้อมที่เหมาะสมในการเรียนรู้ ตามลาดับของจุดประสงค์การ เรยี นลาดับเนื้อหาและโครงสร้างที่กาหนดไว้ - การวเิ คราะห์ข้อมลู (โดยใชส้ ถิต)ิ 3.6.1 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางการวิจัยประสทิ ธภิ าพของสถิตทิ ่ใี ชค้ อื ค่าร้อยละ 3.6.2 การวิเคราะห์ขอ้ มูลหาคา่ เฉล่ียโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ทางสถิตซิ ่งึ ดาเนนิ งาน 3.6.3 ตรวจสอบคะแนนจากแบบสงั เกต 3.6.4 นาขอ้ มูลมาวิเคราะหแ์ ละประมวลผลแล้วจงึ ทาการสรปุ ผลการวจิ ยั การปรบั ตวั เข้ากบั สภาพแวดล้อม ของนักศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง นักศึกษาในระดับปีที่ 4 ห้อง TIW4R สาขาวิชาเชื่อมประกอบ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแกน่ และ เสนอแนะขอ้ มูลที่เปน็ ประโยชนต์ ่อการปรบั ปรุงแก้ไขในการ การ ตวั เข้ากับสภาพแวดล้อมใหด้ ีขน้ึ ต่อไป สถติ ทิ ี่ใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู 3.6.5 การวิเคราะห์ขอ้ มลู วเิ คราะห์ดว้ ยเคร่อื งคอมพวิ เตอรโ์ ดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู โดยใชส้ ูตรดงั น้ี 1) ค่าเฉลย่ี คานวณจากสูตร ดังน้ี (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ,2538 :249) = เมือ่ = คะแนนเฉล่ยี = ผลรวมของคะแนนทั้งหมด = จานวนของชุดคะแนนทั้งหมด โดยกาหนดคา่ คะแนนความเหมาะสม จานวน 5 ระดบั ดงั นี้ 5 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมมากที่สดุ 4 หมายถึง มคี วามเหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง มีความเหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมน้อยทส่ี ุด---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 111 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การแปลความหมายของคา่ เฉลีย่ ตามเกณฑด์ ังน้ี (ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, 2533:138) คา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง 4.50 - 5.00 หมายถึง ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด คา่ เฉล่ยี ระหว่าง 3.50 - 4.49 หมายถึง ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง 2.50 - 3.49 หมายถึง ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั ปานกลาง คา่ เฉลี่ยระหว่าง 1.50 - 2.49 หมายถงึ ความเหมาะสมอยใู่ นระดบั น้อย คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 1.00 - 1.49 หมายถึง ความเหมาะสมอยู่ในระดบั นอ้ ยท่สี ุด ความคดิ เหน็ เกี่ยวกับสาเหตุในการลืมเอกสารในการมาเรยี นของนักเรยี นในดา้ นตา่ ง ๆ สาเหตุ X S.D แปลคา่ด้านสิ่งแวดล้อม1 แสงสว่างในห้องเรยี น 4.67 6.92 มากท่สี ุด2 เสียงลบกวน 4.67 5.29 มากท่ีสุด3 บรรยากาศในหอ้ งเรยี น 4.4 4.58 มาก4 เพอ่ื นในห้องเรียน 3.8 1.25 มากด้านคร-ู อาจารย์ และการสอน1 ครสู ่ังงานมากเกินไป 2.53 3.60 ปานกลาง2 ครูไมม่ ีความเคร่งคดั พอ 5.29 3.60 ปานกลาง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 112 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบ การจัดกจิ กรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น พสิ ิษฐ์ ศรีสมเขียว¹* จริ วัฒน์ ซ่อนกลิน่ ² และมีโชค ตั้งตระกูล³ บทคัดย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบการ จัดกิจกรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาท่ีลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น จานวน 30 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการ วิจัยคือ แบบสอบถาม ประกอบไปดว้ ย 4 สว่ น ได้แก่ สถานภาพท่ัวไป การเข้าร่วมกิจกรรของนักศึกษา แบบสอบถาม ความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบกิจกรรม และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ การหาร้อยละ การหา ค่าเฉล่ีย การหาค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่าการ เข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปี การศึกษา 2560 มคี วามสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกนั ในระดบั ต่ามากคือ 0.24 ซง่ึ สอดคล้องกับสมมตุ ิฐานทผี่ ู้วจิ ัยได้ตง้ั ไว้ คาสาคญั : ความสัมพันธ์, การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั ศกึ ษา, รูปแบบการจัดกิจกรรม 1คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ *E-mail : auss_win@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 113 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract This research aims to study the relationship of participation in student activities. Faculty of Technical Education Computer Engineering. Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus. With the model of activities Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus, Cademic year 2560, The samples include students enrolled in the undergraduate class year 4 year 2560. Faculty of Technical Education Computer Engineering. Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus. were the 30 students, The tools used for this research are questionnaire 4 parts are general status, participation in student activities questionnaire, The samples include students enrolled questionnaire and suggestion The statistics used include the percentage, Mean, Standard Deviation and Pearson's correlation This research found that participation in student activities. Faculty of Technical Education Computer Engineering. Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus. With the model of activities Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus, Cademic year 2560 The relationship is in the same direction is very low is 0.24 this is consistent with the assumptions set. Keyword : relationship, participation in student activities, the model of activities บทนา มหาวทิ ยาลยั เปน็ สถาบันอดุ มศึกษาทมี่ ีบทบาทสาคญั ในการพัฒนาประเทศ โดยมีหน้าที่ผลิตนักศึกษา ให้เปน็ บัณฑิตท่ีมีคุณภาพออกไปสู่สังคม การพัฒนาคุณภาพของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา การเรียนการสอนใน ห้องเรยี นทมี่ ่งุ เนน้ ให้นกั ศึกษาไดเ้ รยี นรูท้ างด้านวชิ าการอยา่ งเดียว ย่อมไม่เพียงพอตอ่ การพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อ ประเทศดังน้ันการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา จึงเป็นสิ่งสาคัญในการพัฒนาคุณภาพของนักศึกษา เพื่อให้เป็น บัณฑติ ทีม่ ีคุณภาพ ทง้ั ทางด้านสติปัญญา บุคลกิ ภาพ ร่ายกาย สังคม และจิตใจทีด่ ีงาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ได้กาหนดให้มีการจัดกิจกรรมนักศึกษาซ่ึง เป็นอีกภาระหนึ่งที่มีความสาคัญยิ่ง อันจะช่วยพัฒนานักศึกษานอกเหนือจากการจัดการศึกษาในชั้นเรียน การ จัดการศึกษาในชั้นเรียนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยสร้างให้นักศึกษาเป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์ได้ ตามประกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เร่ือง การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนานักศึกษาของนักศึกษา ตามข้อบังคับ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วา่ ด้วยการศกึ ษาระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ขน้ั สูงพุทธศกั ราช 2553 และ ว่าด้วยการศึกษาระดับปริญญาตรี พุทธศักราช 2553 อาศัยความตามประกาศข้อ 2 ซ่ึงกาหนดไว้ว่า “การกาหนด กิจกรรมพัฒนานักศึกษา ตามข้อ 1.1 และ 1.2 ให้เป็นไปตามท่ีมหาวิทยาลัยหรือวิทยาเขตท่ีนักศึกษาสังกัดได้ กาหนดไว”้ เพือ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศดังกลา่ ว จึงเห็นควรกาหนดใหน้ กั ศกึ ษาทั้งระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชีพข้ันสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรี ท่ีเข้าศึกษาต้ังแต่ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป ต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนานักศึกษา ตามรายชื่อ-รหัส กิจกรรม/โครงการหน่วยงานท่ีจัดกิจกรรมและจานวนหน่วยกิจกรรมในแต่ละประเภทตามท่ี มหาวิทยาลัย/วิทยาเขตกาหนด (ประกาศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น: 2553) กิจกรรมนันทนาการถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยให้ความสาคัญ และสนับสนุนส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นผู้ ดาเนินกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังส่งเสริมนักศึกษาในการทากิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยและชุมชน มุ่งฝึกฝน พัฒนา---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 114 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== นกั ศกึ ษาให้เปน็ บุคคลทม่ี คี วามรู้ ความสามารถ มรี ะเบียบวินัย คุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงาม เพื่อให้สามารถดารง ตนอยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ในปจั จุบันพบว่านักศกึ ษามหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ ไมค่ อ่ ยมีสว่ นร่วม ในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทที่ างมหาวทิ ยาลยั ได้จัดกจิ กรรมข้ึนมาเพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาไดเ้ ข้าร่วมกจิ กรรม ผวู้ จิ ัยตระหนกั ถงึ ความสาคัญดังกลา่ ว จึงได้ศกึ ษาความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแกน่ กบั รปู แบบการจัดกิจกรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 เพื่อ พฒั นาคณุ ภาพบณั ฑิตของคณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมใหไ้ ดต้ ามมาตรฐานทก่ี าหนดไว้ตอ่ ไป ทฤษฎีและงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 1. การจัดกจิ กรรม สาเนาว์ ขจรศิลปี (2525, หน้า 6) ได้ให้ความหมายของกิจการนักศึกษาไว้ว่า งานกิจการ นักศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งสามารถพิจารณาในแง่ของ การบริหารงานกิจการนักศึกษา คือ หนว่ ยงานที่สถาบันอุดมศกึ ษาจดั ขึ้นเพือ่ ให้บริการแก่นกั ศึกษา ในวิธกี ารดาเนนิ งานกจิ การนกั ศึกษากระบวนการทาง การศกึ ษาทส่ี ถาบันอดุ มศกึ ษา ได้จดั ตงั้ ขึ้น เพื่อให้บริการแกน่ กั ศกึ ษาและช่วยพัฒนานกั ศกึ ษาให้เปน็ บคุ คลที่สมบูรณ์ ท้ังด้านวิชาชีพชัน้ สูง สังคม อารมณ์ ร่างกาย และจติ ใจ 2. การสรา้ งแบบสอบถาม แบบสอบถาม เป็นรูปแบบของคาถามเป็นชุดๆ ท่ีได้ถูกรวบรวมไว้อย่างมีหลักเกณฑ์และเป็น ระบบ เพ่ือใช้วัดสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการจะวัดจากกลุ่มตัวอย่างหรือประชากรเป้าหมายให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงท้ังในอดีต ปัจจุบันและการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต แบบสอบถามประกอบด้วยรายการคาถามท่ีสร้างอย่างประณีต เพ่ือ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั ความคดิ เห็นหรอื ข้อเท็จจริง โดยสง่ ให้กลมุ่ ตัวอย่างตามความสมคั รใจ การใช้ แบบสอบถามเป็น เครือ่ งมอื ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลนั้น การสรา้ งคาถามเป็นงานที่สาคัญสาหรบั ผู้วจิ ยั เพราะว่าผู้วิจัยอาจไม่มีโอกาสได้ พบปะกับผู้ตอบแบบสอบถามเพื่ออธิบายความหมายต่างๆของข้อคาถามที่ ต้องการเก็บรวบรวมแบบสอบถาม เป็น เครื่องมือวิจัยชนิดหนึ่งท่ีนิยมกันมาก เพราะการเก็บรวมรวมข้อมูลสะดวกและ สามารถใช้วัดได้อย่างกว้างขวาง การ เกบ็ ข้อมลู ดว้ ยแบบสอบถามสามารถทาได้ดว้ ยการสัมภาษณ์ดว้ ยตวั เอง หรือใหผ้ ู้ตอบตอบดว้ ยตนเอง 3. งานวิจัยที่เก่ยี วข้อง มัลลิกา ประดิษฐา (2557) สภาพและปัญหาการจัดกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยานัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาระดับความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อการวัด กจิ กรรมของนักศึกษามหาวทิ ยารัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และเพอ่ื เปรียบเทียบความคิดเห็นของนักศึกษาที่มี ต่อการจัดกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระ นคร กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้คือ นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครที่ 9 คณะ จานวน 386 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ ( Accidental Sampling) เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ t-test, One-Way ANOVA การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ค่า ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยกาหนดนัยสาคัญทางสถิติที่ระตับ 0.05 และทดสอบความ แตกต่างรายคดู่ ว้ ยวิธีของ เชฟเฟ่ (Seheffe’) ผลการวิรัยพบว่า ความคิดเห็นของนักศึกษาท่ีมีต่อ สภาพและปัญหาการจัดกิจกรรมของ นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร พบวา่ ในภาพรวมมีความ คดิ เหน็ ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านประโยชน์การวัดกิจกรรมนักศึกษา มีค่าเฉลี่ยมากท่ีสุด และ ด้านการดาเนินการรดั กิจกรรมนักศกึ ษา มีคา่ เฉล่ียต่าท่ีสุด ผลการทดสอบสมมติฐานเพ่ือ เปรียบเทียบความคิดเห็น---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 115 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ตอ่ สภาพและปัญหาการวดั กิจกรรมของนกั ศกึ ษามหาวิทยารยั เทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร พบว่า นกั ศกึ ษาทมี่ เี พศ และคณะที่ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสภาพและปัญหา การวัดกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยารัยเทคโนโลยีราช มงคล พระนครไม่แตกต่างกัน และ นักศึกษาท่ีมีชั้นปีต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสภาพและปัญหาการวัดกิจกรรม นกั ศกึ ษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร แตกต่างกนั ทร่ี ะดับนยั สาคัญ .05 วิธีการดาเนนิ การวิจยั 1. ประชากรกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากรได้แก่ นักศึกษาในระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2560 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแก่น ทั้งหมด จานวน 115 คน กลุ่ม ตัวอย่างได้แก่ นักศึกษาท่ีลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาตรี ชั้นปีท่ี 4 ปีการศึกษา 2560 สาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น จานวน 30 คน กาหนดกลมุ่ ตวั อยา่ งโดยการเลอื กกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง โดยนักศกึ ษาระดับปริญญาตรี ช้ันปีที่ 4 มีความเหมาะสม ของชว่ งเวลาในการเกบ็ ขอ้ มลู มากที่สุด 2. เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจัย เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ แบบสอบถามความคดิ เหน็ แบง่ เป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วน ที่ 1 สถานภาพทั่วไป ส่วนที่ 2 การเข้าร่วมกิจกรรของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 ซ่ึงกล่าวถึงขอบข่ายงานด้านกิจกรรมนักศึกษา 5 ด้าน คือ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาบุคลิกภาพ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพกายและสุขภาพจิต ด้านการ สง่ เสริมและพัฒนาทักษะทางวิชาการหรือวิชาชีพ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ด้านการ ส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและส่ิงแวดล้อม ส่วนท่ี 3 แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบกิจกรรม ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 และส่วนที่ 4 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ โดยเคร่ืองมือทน่ี ามาใช้ผา่ นการประเมนิ ความสอดคลอ้ งของเนอ้ื หา และข้อคาถามจากผู้เชีย่ วชาญ 3. การเก็บรวมรวมข้อมลู การเก็บขอ้ มลู ขน้ั ตน้ เกบ็ ขอ้ มลู จากความคดิ เหน็ ของผู้ตอบแบบสอบถาม การเก็บข้อมลู วจิ ัยผู้วิจัย ได้เก็บข้อมูลโดยการแจกแบบสอบถามความคิดเหน็ ทีส่ ร้างขึ้นกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งโดยตรงและนามาวเิ คราะห์ขอ้ มูล 4. การวเิ คราะห์ขอ้ มูล นาคะแนนผลการประเมินแบบสอบถามความคิดเห็นมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (x)̅ และค่า เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ นาไปเปรยี บเทยี บกบั เกณฑท์ ี่ตง้ั ไว้ ซึ่งแบง่ ออกเปน็ 5 ชว่ ง ดงั น้ี ชว่ งคะแนน 4.51-5.00 หมายถงึ ผู้ตอบเหน็ ดว้ ยกับข้อความที่สดุ ชว่ งคะแนน 3.51-4.50 หมายถงึ ผู้ตอบเหน็ ดว้ ยกับข้อความมาก ชว่ งคะแนน 2.51-3.50 หมายถงึ ผูต้ อบเหน็ ดว้ ยกับข้อความปานกลาง ช่วงคะแนน 1.51-2.50 หมายถึง ผูต้ อบเห็นด้วยกบั ขอ้ ความน้อย ชว่ งคะแนน 1.00-1.50 หมายถึง ผู้ตอบเห็นดว้ ยกับขอ้ ความนอ้ ยท่ีสุด สถิติทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู การหารอ้ ยละ การหาค่าเฉลย่ี (Mean) การหาค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การหาค่าสัมประสิทธสิ์ หสมั พนั ธแ์ บบเพียร์สนั---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 116 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ผลการวจิ ัยการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็น 3 ส่วน สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ซึ่งประกอบไปด้วยสถานภาพทั่วไป แบบสอบถามการเข้าร่วมกิจกรรของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น แบบสอบถามเก่ยี วกับรูปแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 และข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู มดี ังน้ีสภาพทั่วไป พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีดังน้ี เพศชาย จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60และเปน็ เพศหญิง จานวน 12 คน คิดเปน็ ร้อยละ 40 การหาค่าความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบกิจกรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปกี ารศึกษา 2560แสดงดังตารางท่ี 1ตารางที่ 1 แสดงคา่ ความสมั พนั ธข์ องการเข้ารว่ มกิจกรรมกบั รปู แบบกิจกรรมของ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ ผลกการวัด ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั จากกิจกรรม การเขา้ ร่วมรอ้ ย รปู แบบการจดั ละ กิจกรรม ( ̅)1. ด้านการส่งเสริมและพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ 60 3.342. ด้านการสง่ เสริมและพัฒนาสุขภาพกายและสุขภาพจิต 40 3.403. ดา้ นการสง่ เสรมิ และพัฒนาทกั ษะทางวิชาการหรอื วิชาชพี 40 3.504. ด้านการสง่ เสริมและพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม 60 3.405. ดา้ นการส่งเสริมและอนุรกั ษศ์ ิลปวัฒนธรรมและสงิ่ แวดล้อม 40 3.50 เฉล่ียรวม 48 3.43 ค่าสัมประสิทธสิ์ หสัมพนั ธ์ 0.24จากตารางที่ 4.1 พบว่าการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนกั ศึกษาสาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 ทั้ง 2 น้ันส่วนใหญ่มีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กันข้ึนลงตามกนั ในระดับต่ามากคอื 0.24สรปุ และอภิปรายผล นักศึกษาในระดับปริญญาตรี ปีการศึกษา 2560 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ ท้งั หมด จานวน 115 คน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีคือ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2560 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น จานวน 30คน ได้มาโดยเลอื กแบบเจาะจงเน่อื งจากช่วงระยะเวลาเหมาะสม เครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัยคร้ังนค้ี ือ แบบสอบถามความพึงพอใจ ได้แบ่งของเปน็ 3 สว่ น ดงั น้ี 1. สถานภาพท่วั ไป---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 117 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== กลุม่ ตัวอยา่ งสว่ นใหญ่เป็นเพศชาย รอ้ ยละ 60 และเปน็ เพศหญงิ เปน็ รอ้ ยละ 40 2. ความคดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถาม การหาค่าความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบกิจกรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 พบว่าท้ัง 2 นั้นส่วนใหญ่มีความ เกีย่ วขอ้ งสัมพันธ์กันขึน้ ลงตามกนั ในระดบั ตา่ มาก อย่างมีนัยสาคญั 0.24 3. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ ไมม่ ีผใู้ หข้ ้อเสนอแนะเพ่มิ เตมิ ความสัมพันธ์ของการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น กับรูปแบบการจัดกิจกรรมของ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ ปีการศึกษา 2560 พบวา่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นกับรูปแบบ กิจกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560 มีความสัมพันธ์กันข้ึนลง ตามกนั ในระดบั ตา่ มาก บรรณานุกรม พรพิมพ์ สารักษ์. (2556). ความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาสถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. สานกั หอสมดุ กลาง มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. รณวัฒน์ มณีนิล. (2555). ศึกษาการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรีสะเกษ. สานักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. มัลลิกา วีระสัย. (2557). สภาพและปัญหาการจัดกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลพระนคร.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 118 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เ ป รี ย บ เ ที ย บ พ ฤ ติ ก ร ร ม ก า ร ใ ช้ ส ม า ร์ ท โ ฟ น ร ะ ห ว่ า ง นั ก ศึ ก ษ า ท่ี มี ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ ทางการเรียนสงู และมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นต่า ณิวรรณธิดา มานษุ ยานนท์1 วราพร พระนคร2 และมโี ชค ตั้งตระกลู 3 บทคัดยอ่ งานวจิ ัยนมี้ วี ัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ และเพอื่ เปรยี บเทียบพฤตกิ รรมการใช้สมารท์ โฟนของนักศกึ ษาทมี่ ีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน สงู และนกั ศึกษาที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักศึกษาช้ันปีที่ 1 คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าช-มงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จ่านวน 23 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการคือแบบสอบถามแบ่งเป็น 3 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 สถานภาพท่ัวไป ตอนท่ี 2 แบบสอบถามพฤติกรรมของนักศึกษา เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน และตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ วิเคราะห์ข้อมลู โดยใชส้ ถิติ การหาค่าร้อยละ การหาคา่ เฉลยี่ และการหาค่า สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบวา่ สอดคลอ้ งกบั สมมุติฐานคอื ผ้ตู อบแบบสอบถามทมี่ ีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู มีพฤตกิ รรม การใช้สมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ต่างๆ เช่น แปลค่าศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือ คิดเลข ส่วน ผู้ตอบ แบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ามีพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนเพ่ือฟังเพลง ดูคลิป เล่นเกมส์ ฯลฯ ซ่ึง แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษา และยังสอดคล้องกับ งานวิจัยของ ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ ซ่ึงศึกษาในเร่ือง พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในช้ันเรียนของ นักศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พบว่า นักศึกษาท่ีใช้ สมาร์ทโฟนในชั้นเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนอย่าง สม่าเสมอมีผลการเรียนในระดับปานกลางและสูง มากกว่านักศึกษาท่ีใช้สมาร์ทโฟนบางครั้งหรือไม่เคยเลย ทั้งนี้ เนือ่ งจากพฤตกิ รรมดังกล่าวจะมสี ว่ นช่วยท่าใหน้ ักศึกษาเขา้ ใจ เน้ือหาท่เี รยี นไดม้ ากขึน้ ซง่ึ จะส่งผลให้มีผลการเรยี นท่ี ดี คา่ สา่ คญั : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น พฤติกรรมการใชส้ มาร์ทโฟน 2คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น *E-mail: w.phanakhon.111@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 119 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทน่า ปจั จุบนั นักศึกษาไดใ้ ช้สมารท์ โฟนเพ่อื เปน็ ตัวชว่ ยในดา้ นการเรยี น ในขณะเดียวกนั กน็ า่ มาใช้ในเร่ืองส่วนตวั ดว้ ย เชน่ การใชง้ านอินเทอรเ์ นต็ การเลน่ เกม และการใช้งานส่ือสังคม พฤติกรรม การใช้สมาร์ทโฟน ของผู้เรียน น้ัน เปน็ สงิ่ ที่น่าสนใจ เนอื่ งจากผู้เรียนมกี ารใชส้ มารท์ โฟนอย่สู ม่าเสมอตลอดทั้งวนั ท้งั ใช้เพือ่ ประโยชน์ด้านการเรียน เพ่ือประโยชน์ส่วนตน หรืออื่นๆ การท่ีผู้เรียนมีการใช้สมาร์ทโฟนอยู่อย่างสม่าเสมอ อาจส่งผลกระทบกับผู้เรียนใน ด้านสุขภาพ ด้านอารมณ์ ด้านสังคม รวมถึงด้านการเรียนของผู้เรียนเอง หากผู้เรียนน่าสมาร์ทโฟนมาใช้ประโยชน์ ในทางที่ผิดหรือไม่มีการแบ่งเวลาในการใช้งาน สมาร์ทโฟน จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษา ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพฤติกรรมการใช้สมารท์ โฟนและผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั ศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยที่เกย่ี วขอ้ ง 1. การสร้างแบบสอบถาม แบบสอบถาม เป็นรูปแบบของค่าถามเป็นชุด ๆ ที่ได้ถูกรวบรวมไว้อย่างมีหลักเกณฑ์และเป็น ระบบ เพ่ือใช้วัดส่ิงที่ผู้วิจัยต้องการจะวัดจากกลุ่มตัวอย่าง หรือประชากรเป้าหมายให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงทั้งในอดีต ปจั จบุ นั และการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต แบบสอบถามประกอบด้วยรายการคา่ ถามที่สร้างอย่างประณีต เพ่ือ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือข้อเท็จจริง โดยส่งให้กลุ่มตัวอย่างตามความสมัครใจ การใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น การสร้างค่าถามเป็นงานที่ส่าคัญส่าหรับผู้วิจัยเพราะว่าผู้วิจัยอาจไม่มี โอกาสไดพ้ บปะกับผู้ตอบแบบสอบถามเพอ่ื อธบิ ายความหมายตา่ ง ๆ ของข้อคา่ ถามท่ตี ้องการเก็บรวบรวม 2. พฤตกิ รรมการเรียน พฤตกิ รรมการเรยี นเป็นการแสดงออกในการปฏิบตั ิตัวของนักศกึ ษา เก่ียวกับการเรียนทั้งในและ นอกห้องเรียนอย่างสม่าเสมอเก่ียวกับการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งสามารถพัฒนาด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การรู้จักใช้เวลา อย่างมีประสิทธิภาพ มีการเตรียมตัวในการเรียน การใช้เทคนิคต่าง ๆ การอ่าน การเลือกใจความส่าคัญ กระบวนการรวบรวมข้อมูล หรอื เตรยี มตัวสอบ และพฤติกรรมการเรียนที่พัฒนาด้วยการฝึกฝนและมีประสบการณ์ โดยเฉพาะวิธีการเรียนที่มกี ารปฏบิ ตั ิเปน็ ประจา่ จะนา่ ไปสนู่ ิสัยการเรียนทีด่ ี ซึ่งมจี ุดมุง่ หมายเพ่ือพัฒนาความรู้ ทกั ษะ เจตคติ ใหบ้ รรลจุ ดุ ประสงคท์ ่กี ่าหนดในการเรยี น 3. สมารท์ โฟน โทรศัพท์มือถือที่นอกเหนือจากใช้โทรออกรับสายแล้วยังมีแอพพลิเคช่ันให้ใช้งานมากมาย สามารถรองรบั การใช้งานอินเทอร์เนต็ ผา่ น 3G, Wi-Fi และสามารถใช้งานโซเชยี ลเนต็ เวริ ค์ และแอพพลิเคช่ันสนทนา ชั้นน่า เช่น LINE, Facebook, Twitter ฯลฯ โดยที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งลูกเล่นการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ตรงกับ ความต้องการไดม้ ากกว่ามือถอื ธรรมดา 4. งานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง ธัญธัช วิภัติภูมิประเทศ (2559) ได้ท่าศึกษาพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในช้ันเรียนของ นักศกึ ษามหาวทิ ยาลัยธุรกจิ บัณฑติ ย์ พบวา่ นกั ศกึ ษาส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในช้ันเรียนเพ่ือค้นคว้า ข้อมูล และ การใช้สมาร์ทโฟนในชั้นเรียนเพื่อค้นหาเน้ือหาท่ีไม่เข้าใจเพ่ิมเติมมีความสัมพันธ์กัน โดยนักศึกษาที่ใช้ สมาร์ทโฟนในชั้นเรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนอย่างสม่าเสมอ มีผลการเรียนในระดับปานกลาง และสูง มากกว่านกั ศกึ ษาท่ีใช้สมารท์ โฟนบางคร้งั หรอื ไม่เคยเลย---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 120 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== วิธกี ารด่าเนนิ การวจิ ยั 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากร ไดแ้ ก่ นักศกึ ษาคณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ กลมุ่ ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ นักศึกษาช้ันปที ่ี 1 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยการเจาะจง จา่ นวน 23 คน 2. เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยไดแ้ ก่แบบสอบถามแบ่งเป็น 3 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 สถานภาพ ทั่วไป ตอนที่ 2 แบบสอบถามพฤติกรรมของนักศึกษา เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน และตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ โดยเครอ่ื งมอื ทนี่ ามาใช้ผ่านการประเมนิ ความสอดคล้องของเนือ้ หา และขอ้ คาถามจากผู้เชย่ี วชาญ 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บข้อมูลขั้นต้น สังเกตจากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 การเก็บ ข้อมูลการวิจัย ท่าโดยการสร้างแบบสอบถามเพ่ือเป็นเคร่อื งมือในการเกบ็ ขอ้ มูล แลว้ น่าไปเกบ็ ขอ้ มูลดว้ ยตนเอง จาก กลุม่ ตัวอย่าง จา่ นวน 23 คน 4. การวเิ คราะหข์ ้อมลู ใช้แบบประเมนิ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ตามวิธขี องลเิ คิร์ท (Likert) มี 5 ซึ่ง มคี วามหมายดังน้ี 5 หมายถงึ มพี ฤติกรรมบ่อยทส่ี ดุ 4 หมายถึง มีพฤติกรรมบอ่ ยมาก 3 หมายถงึ มีพฤติกรรมปานกลาง 2 หมายถงึ มีพฤตกิ รรมนอ้ ย 1 หมายถึง ไม่มพี ฤติกรรม น่าคะแนนผลการประเมินมาวิเคราะห์หาค่าเฉล่ียและค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วน่าไป เปรยี บเทียบกบั เกณฑท์ ี่ตง้ั ไว้ ซึ่งแบ่งออกเปน็ 5 ช่วงดงั นี้ ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง มรี ะดับพฤติกรรมบอ่ ยท่ีสุด ช่วงคะแนน 3.51-4.50 หมายถงึ มีระดบั พฤตกิ รรมบอ่ ยมาก ชว่ งคะแนน 2.51-3.50 หมายถึง มรี ะดบั พฤติกรรมปานกลาง ช่วงคะแนน 1.51-2.50 หมายถงึ มรี ะดับพฤติกรรมน้อย ช่วงคะแนน 1.00-1.50 หมายถึง ไม่มีระดับพฤติกรรม 5. สถิตท่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู การหาค่าร้อยละ การหาคา่ เฉลยี่ (Mean) การหาค่าสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็น 2 ส่วนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยซึ่งประกอบด้วย สถานภาพ ทว่ั ไปและพฤติกรรมของผ้ตู อบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลดังน้ี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 121 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 1. สถานภาพท่วั ไป เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่ามีจ่านวนผู้ตอบแบบสอบถามจ่านวน 23 คน โดยผู้ตอบ แบบสอบถามสว่ นใหญเ่ ป็นเพศชายจา่ นวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 52.17 ของจ่านวนผู้ตอบแบบสอบถาม และเป็น เพศหญงิ จ่านวน 11 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 47.83 ของจา่ นวนผ้ตู อบแบบสอบถาม ผลการเรียนเฉลี่ยของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่ามีจ่านวนผู้ตอบแบบสอบถามจ่านวน 23 คน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มผี ลการเรียนเฉลย่ี สูง (2.50 – 4.00) จ่านวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 56.52 ของ จ่านวนผู้ตอบแบบสอบถาม และมีผลการเรียนเฉล่ียต่า (0 – 2.49 ) จ่านวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 43.48 ของ จา่ นวนผู้ตอบแบบสอบถาม จ่านวนสมาร์ทโฟนที่ใช้ของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูง (2.50 – 4.00) ส่วนใหญ่มีจ่านวนสมาร์ทโฟน 1 เคร่ือง จ่านวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 92.31 ของ ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลการเรียนสูง และจ่านวนสมาร์ทโฟนที่ใช้ของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนต่า (0 – 2.49 ) ส่วนใหญ่มีจ่านวนสมาร์ทโฟน 1 เคร่ือง จ่านวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้ตอบ แบบสอบถามทม่ี ผี ลการเรียนตา่ ยหี่ ้อสมารท์ โฟนของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน สูง (2.50 – 4.00) ใช้สมาร์ทโฟนย่หี ้อ iPhone จ่านวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 ของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผล การเรียนสูง และผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า (0 – 2.49 ) จ่านวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 40 ของผู้ตอบแบบสอบถามท่มี ี ผลการเรียนต่า การใช้สมาร์ทโฟนท่าอะไรมากที่สุดของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง (2.50 – 4.00) ใช้มากท่ีสุด ได้แก่ ใช้เช่ือมต่ออินเตอร์เน็ต จ่านวน 12 ความถ่ี คิดเป็น รอ้ ยละ 19.05 ของคา่ ตอบผตู้ อบแบบสอบถามทีม่ ผี ลการเรยี นสูง สว่ นของผูต้ อบแบบสอบถามทม่ี ีผลสมั ฤทธิท์ างการ เรียนต่า (0 – 2.49) ที่ใช้มากท่ีสุด ได้แก่ ใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต จ่านวน 9 ความถี่ คิดเป็นร้อยละ 21.43 ของ ค่าตอบผตู้ อบแบบสอบถามทม่ี ีผลการเรยี นต่า สถานท่ีในการใช้สมาร์ทโฟนของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูง (2.50 – 4.00) ท่ีใช้มากท่ีสุด ได้แก่ หอพัก จ่านวน 13 ความถ่ี คิดเป็นร้อยละ 20.97 ของค่าตอบ ผตู้ อบแบบสอบถามท่ีมีผลการเรียน ส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า (0 – 2.49 ) ได้แก่ มหาวทิ ยาลัย จา่ นวน 10 ความถี่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 23.81 ของคา่ ตอบผตู้ อบแบบสอบถามทม่ี ีผลการเรยี นตา่ ความถี่ในการใชส้ มารท์ โฟนของผ้ตู อบสอบถาม พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามทม่ี ีผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนสูง (2.50 – 4.00) ส่วนใหญ่มีความถ่ีในการใช้สมาร์ทโฟนทุกวัน จ่านวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 92.31 ของ ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลการเรียนสูง ส่วนของจ่านวนสมาร์ทโฟนที่ใช้ของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนต่า (0 – 2.49 ) ส่วนใหญ่มีความถี่ในการใช้สมาร์ทโฟนทุกวัน จ่านวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 90 ของ ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลการเรยี นตา่ ระยะเวลาเฉล่ียการใช้สมาร์ทโฟนต่อครั้งของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบสอบถามที่มีผล การเรียนสูง (2.50 – 4.00) ท่ีใช้มากที่สุด ได้แก่ 3-4 ช่ังโมง จ่านวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 ของผู้ตอบ แบบสอบถามท่ีมีผลการเรียนสูง ส่วนของผู้ตอบสอบถามท่ีมีผลการเรียนต่า ได้แก่ น้อยกว่า 1 ช่ัวโมง จ่านวน 3 ความถี่ คดิ เปน็ ร้อยละ 30 ของผ้ตู อบแบบสอบถามทม่ี ีผลการเรียนต่า พฤติกรรมของผูต้ อบแบบสอบถามเกยี่ วกับการใช้สมาร์ทโฟนครัง้ พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง มีค่าเฉล่ียของพฤติกรรมที่สูงกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า 8 หัวข้อ ได้แก่ การใช้สมาร์ทโฟนในการค้นหาข้อมูล การใช้สมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ต่างทางๆ เช่น---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 122 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== แปลค่าศัพท์ภาษาอังกฤษหรือคิดเลข การใช้สมาร์ทโฟนในการรับ–ส่ง Email กรณีท่ีต้องเดินทางไปในสถานที่ไม่ คุน้ เคย เพื่อป้องกันการหลง การใช้สมารท์ โฟนนัดหมายบุคคลหรือการใช้โทรศัพท์มอื ถือพดู คุยเพ่ือนฝูง ญาติ การใช้ โทรศัพท์มือถือเพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเล่นSocial network เช่น facebook, twitter, instagram, line, what’s app ฯลฯ การใช้สมาร์ทโฟนในการติดตามข่าวสาร (การเมือง, กีฬา, บันเทิง และการ ท่องเที่ยว) สรปุ และอภปิ รายผล จากผลการวจิ ัย เปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนระหว่างนักศึกษาท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช-มงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จ่านวน 23 คน โดยมี ระยะเวลาการเกบ็ ข้อมูลคอื ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 สรุปได้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนสูง มีค่าเฉลีย่ ของพฤตกิ รรมที่สูงกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า 8 หัวข้อ ได้แก่ การใช้ สมาร์ทโฟนในการค้นหาข้อมูล การใช้สมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ต่างทางๆ เช่น แปลค่าศัพท์ ภาษาอังกฤษหรือคิดเลข การใช้สมาร์ทโฟนในการรับ–ส่ง Email กรณีท่ีต้องเดินทางไปในสถานท่ีไม่คุ้นเคย เพ่ือ ป้องกันการหลง การใช้สมาร์ทโฟนนัดหมายบุคคลหรือการใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยเพื่อนฝูง ญาติ การใช้ โทรศัพท์มือถือเพ่ือเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตการใช้สมาร์ทโฟนเพ่ือเล่นSocial networkเช่น facebook, twitter, instagram, line, what’s app ฯลฯ การใช้สมาร์ทโฟนในการติดตามข่าวสาร (การเมือง, กีฬา, บันเทิง และการ ท่องเที่ยว) จากผลการวิจยั พบวา่ สอดคลอ้ งกับสมมุตฐิ านคือ นักศึกษาที่มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสูง มพี ฤตกิ รรมการ ใช้ สมาร์ทโฟนเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ต่างๆ เช่น แปลค่าศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือ คิดเลข ส่วนนักศึกษาที่มี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ามีพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อฟังเพลง ดูคลิป เล่นเกมส์ ฯลฯ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่า พฤตกิ รรมการใช้สมาร์ทโฟนสง่ ผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักศึกษา และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธัญธัช วิภัติภมู ปิ ระเทศ ซึ่งศกึ ษาในเรื่อง พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในชั้นเรียนของ นักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พบว่า นักศึกษาที่ใช้สมาร์ทโฟนในชั้นเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนอย่างสม่าเสมอมีผลการเรียนในระดับ ปานกลางและสงู มากกว่านกั ศึกษาทีใ่ ชส้ มาร์ทโฟนบางคร้งั หรือไมเ่ คยเลย ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากพฤติกรรมดังกล่าวจะมีส่วน ชว่ ยทา่ ใหน้ กั ศึกษาเขา้ ใจ เนื้อหาที่เรยี นไดม้ ากขึ้น ซงึ่ จะส่งผลให้มีผลการเรียนที่ดี บรรณานกุ รม เบญจภรณ์ ขวญั สมคดิ และปวรวรรณ พนั แจ่ม (2555) พฤติกรรมการใชโ้ ทรศัพท์มอื ถอื Smartphone และการ ใช้เวลาของ นักศกึ ษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร วทิ ยาเขตสารสนเทศเพชรบรุ ี ปฏิมา มั่นศลิ ป์ (2552) คู่มือการสรา้ งแบบสอบถามงานวิจยั ทางสงั คมของชมุ ชนในป่าชายเลน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 123 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาในรายวิชาโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีช้ันปี่ที่ 3 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ในภาคเรียน ท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 พลู สวัสดิ์ แหม่งปัง1 ภูมศิ ริ ิ เถาว์พันธ์2 และมีโชค ตั้งตระกลู 3 บทคัดย่อ งานวจิ ยั นี้มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศึกษาหาปจั จัยที่สง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการศึกษาในรายวิชาโครงสร้างข้อมูล และอลั กอริทึม ของนักศึกษาระดบั ปริญญาตรีช้ันปี่ที่ 3 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เน่ืองจากในปัจจุบันมีนักศึกษาท่ีมีผลการเรียนอยู่ใน ระดับต่ากว่าเกณฑท์ กี่ ่าหนดจ่านวนมาก โดยการวจิ ัยในคร้งั มีกลมุ่ ตัวอย่างได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีท่ี 3 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม จ่านวน 26 คน ที่มผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนต่ากว่า C โดยมี เครื่องมือเคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถาม โดยผู้วิจัยได้สร้างแบบสอบถาม ขึ้นจากแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่องค์ประกอบด้านการเรียนรู้ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านพฤติกรรมผู้เรียน ด้านพฤติกรรม ผสู้ อน ดา้ นเนื้อหา และดา้ นสง่ิ สนับสนุนการเรียน โดยใช้สถติ ใิ นการวเิ คราะห์ข้อมูลซ่ึงได้แก่การหาค่าเฉล่ีย (Mean) และ การหาค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ซึง่ ผลของการศึกษาพบวา่ เป็นไปตามสมมุติฐานของ งานวิจัย คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน มีผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา แสดงใหเห็นวาพฤติกรรมการเรียนเปนตัว แปรท่ีส่าคัญย่ิงตอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดังน้ัน ผู้เรียนควรสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้แก่ตนเองให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกบั การพฒั นารูปแบบเน้ือหารายวิชาให้เพียงพอและเหมาะสมต่อผู้เรียน พร้อมทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม กับการเรียนการสอน ซึ่งทั้งน้ีต้องอาศัยด้านครูผู้สอนและครอบครัวเพื่อช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีระดับ พฤตกิ รรมและระดบั ทศั นคตติ ่อรายวิชาโครงสรา้ งขอ้ มลู และอัลกอริทึมให้เพม่ิ สูงมากขึ้น คาสาคัญ : ปัจจัย, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น, รายวชิ าโครงสรา้ งข้อมลู และอลั กอริทมึ 1คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น * Corresponding E-mail : oley_air@hotmail.co.th---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 124 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract This research aims to study the factors that affect educational achievement in the study of structures and algorithms. The undergraduate 3rd year computer engineering. Faculty Rajamangala University of Technology Isan Bachelor At present, there are students who maintain a certain grade levels below a certain threshold amount. The study in a sample. Undergraduate 3rd year computer engineering. Faculty includes 26 people whose achievement is below C, with tools that are used to store data by questionnaires, the researchers created a questionnaire. From theory and related research. 4 elements of learning, including the behavior of learners. Behavioral teaching content and the supporting classes. The statistics used to analyze the data, including average (Mean) and standard deviation values. (Standard Deviation) The results of the study showed that according to the hypothesis of the research is to study the factors. Have an impact on educational achievement. The study shows that behavioral variables are critical to the achievement so. Students should create incentives for students to give himself up. Along with the development model Course provides sufficient and appropriate to learners. The right environment for teaching and learning. Which must rely on teachers and families to help promote and develop the students to a level of behavior and attitudes towards the study of structures and algorithms to add more. Along with the development model Course provides sufficient and appropriate to learners. The right environment for teaching and learning. Which must rely on teachers and families to help promote and develop the students to a level of behavior and attitudes towards the study of structures and algorithms to add more. Along with the development model Course provides sufficient and appropriate to learners. The right environment for teaching and learning. Which must rely on teachers and families to help promote and develop the students to a level of behavior and attitudes towards the study of Structures and Algorithms to add more. Keywords : Factors, achievement, course data structures and algorithms บทนา ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน คณะครุศาสตร์อุตสสาหกรรม สาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอรไ์ ด้มกี ารจัดการเรียนการสอนวชิ าโครงสร้างข้อมลู และอัลกอริทึมและพบวา่ มนี กั ศึกษาทมี่ ีผลการเรียนใน รายวิชาดังกล่าวต่ากว่าเกณฑ์ท่ีก่าหนดมากกว่า 70% ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ท่าการศึกษาเพื่อหาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยพิจารณาจากองค์ประกอบด้านการเรียนรู้ 4 ด้านได้แก่ ด้านพฤติกรรมผู้เรียน พฤติกรรมด้านผู้สอน ด้านเนื้อหาและด้านสิ่งสนับสนุนการเรียน และน่าผลการวิจัยที่ได้ไปเป็นแนวทางในการ ปรับปรุงแกไ้ ขปัญหาและน่าไปพัฒนาด้านการเรียนการสอนในรายวิชาโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมให้เหมาะสม ต่อไป---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 125 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================วสั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ ีการ หรอื วิธีดาเนนิ การวจิ ัยเครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บข้อมูลการวิจัยคร้ังน้ี คือ แบบสอบถาม โดยผู้วิจัยได้สร้างแบบสอบถามขึ้นจากแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง เก่ียวกับองค์ประกอบด้านการเรียนรู้ ด้านพฤติกรรมผู้เรียนพฤติกรรมด้านผู้สอน ด้านเนื้อหาและด้านส่ิงสนับสนุนการเรียน รวม 4 ด้าน โดยมีกลุ่มตัวอย่างการวิจัยคร้ังนี้ คือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ช้ันปีที่ 3 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม ที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่ากว่า C จ่านวน 20 คน โดยใช้สถิติในการหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใช้แบบประเมิน มาตราส่วนประมาณคา่ (Rating scale) ตามวิธขี องลเิ คริ ท์ (Likert) แล้วน่าไปเปรยี บเทียบกับเกณฑ์ที่ต้ังไว้แบ่งออกเป็น 5 ช่วง(บุญชม ศรีสะอาด, 2543) ดงั นี้ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง มพี ฤติกรรมบอ่ ยทส่ี ดุ / เหน็ ด้วยมากท่สี ดุชว่ งคะแนน 3.51-4.50 หมายถงึ มีพฤตกิ รรมบอ่ ยมาก / เหน็ ด้วยมากชว่ งคะแนน 2.51-3.50 หมายถึง มีพฤติกรรมปานกลาง / เห็นดว้ ยปานกลางช่วงคะแนน 1.51-2.50 หมายถงึ มีพฤตกิ รรมนอ้ ย / เห็นด้วยนอ้ ยชว่ งคะแนน 1.00-1.50 หมายถงึ ไมม่ ีพฤตกิ รรม / ไมเ่ หน็ ดว้ ยตารางที่ 1 ตัวอย่างการใช้ตารางประกอบการอธบิ าย คา่ เฉลย่ี SD การแปลผล องคป์ ระกอบด้านการเรียนรู้ 1.79 0.65 มีพฤติกรรมนอ้ ยพฤติกรรมด้านผเู้ รียนพฤติกรรมดา้ นผสู้ อน 3.83 0.80 มพี ฤตกิ รรมบอ่ ย มากความคิดเหน็ ด้านเน้อื หา 3.64 0.70 มพี ฤตกิ รรมบอ่ ยความคดิ เห็นด้านส่ิงสนับสนนุ การเรยี น มาก 3.89 0.77 มีพฤติกรรมบอ่ ย มากผลการวจิ ยั จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า ปัจจัยด้านผู้เรียน มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในรายวิชาโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมพื้นฐานวิศวกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มากท่ีสุด โดยมีค่า (M = 1.79 , SD = 0.65) ถูกจัดอยู่ในระดับมพี ฤตกิ รรมนอ้ ย ดา้ นเนอ้ื หา จดั อยู่ในระดบั มีพฤตกิ รรมบ่อยมาก (M=3.64, SD = 0.70) ด้านสิ่งสนับสนุนการสอน จัดอยู่ในระมีพฤติกรรมบ่อยมาก (M=3.89, SD = 0.77) และด้านผู้สอน อยู่ในระดับพฤติกรรมบ่อยมาก(M=3.89, SD = 0.77) ตามล่าดับ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 126 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การอภิปรายผล ผลของการศึกษาพบว่าเป็นไปตามสมมติฐานของงานวิจัย คือ ปัจจัยด้านผู้เรียน ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษาในรายวิชาโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม แสดงใหเห็นวาพฤติกรรมการเรียนเปนตัวแปรท่ีส่าคัญย่ิง ตอผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดังนั้น ผู้เรียนควรสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้แก่ตนเองให้เพ่ิมมากข้ึน พร้อมกับการ พัฒนารูปแบบเน้ือหารายวิชาให้เพียงพอและเหมาะสมต่อผู้เรียน พร้อมท้ังสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับการเรียน การสอน ซึ่งท้ังนี้ต้องอาศัยด้านครูผู้สอนและครอบครัวเพ่ือช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีระดับพฤติกรรมและ ระดบั ทัศนคติต่อรายวิชาโครงสร้างขอ้ มลู และอัลกอริทมึ ใหเ้ พม่ิ สงู มากขึ้น บทสรุป จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีผลกระทบด้านการเรียนของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมมากทส่ี ดุ และดา้ นเน้ือหา ดา้ นพฤตกิ รรมผู้สอนและส่งิ สนับสนุนท่ีมีผลกระทบตอ่ ผู้เรียนนอ้ ยท่ีสดุ แต่อย่างไรก็ตามผลการอภิปรายน้ีเป็นเพียงสมมติฐานเบื้องต้นที่ได้จากการสัมภาษณ์นักศึกษากลุ่มตัวอย่างเท่าน้ัน รวมถึงการกล่าวถึงมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนระดับและการวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนของนักศึกษา ผวู้ ิจยั จ่าเป็นตอ้ งรวบรวมข้อมูลเชงิ คุณภาพเพิ่มเตมิ ในอนาคตสรุปประเดน็ และสาระส่าคญั ของการวจิ ัย บรรณานกุ รม ซูซาน ฮอล. (Susan Colville-Hall :2004) การจดั การช้ันเรียน ส่าเนาว,์ (2539) พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ยินดี. (2548) การศกึ ษาผลการใชร้ ูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบ MIAP รว่ มกบั สือ่ เครอื ขา่ ยสงั คมของ นกั ศกึ ษาฝกึ สอน โรงเรยี นจติ รลดา (สายวิชาชพี )---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 127 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการสอนของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ระหว่างเรียน สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น The factors that have an effect for teaching result of the intern experience, Faculty of Technical Education Computer Engineering Rajamangala University of Techonology Isan Khonkaen Campus ประภสั สร ศิริขนั ธแ์ สง1 ลญี า เสยี งเพราะ2 และมโี ชค ต้ังตระกลู 3 บทคดั ยอ่ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลกระทบท่ีเกิดขึ้นกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ระหว่างเรียน สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่1) ด้านนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียน 2) ด้าน ผู้เรยี น จากการศึกษาความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา รวมถึงทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัย โดยประชากรได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรมสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียนชั้นปีท่ี 4 เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั เปน็ แบบสอบถาม แบ่งเป็น 2 ส่วน ไดแ้ ก่สว่ นที่ 1)สถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน 1 ขอ้ สว่ นท่ี 2) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรม ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ด้านได้แก่ ด้านที่ 1) ด้าน นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียนจานวน 10 ข้อ 2) ด้านผู้เรียน จานวน 10 ข้อ และข้อเสนอแนะ เพิ่มเติม โดยใช้ ผลการคานวณหารอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบวา่ นกั ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศชายจานวน 18 คนคิดเปน็ รอ้ ยละ 54.54 และเพศหญิงจานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 45.45 และปัจจัยท่ีส่งผลกระทบท่ีเกิดข้ึนกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียน สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน คือด้านนักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ คือผู้สอนไม่มีความรู้เพียงพอในรายวิชาที่สอน มีค่าเฉล่ีย = 3.70 และด้านผู้เรียน คือ ผูเ้ รยี นเลน่ โทรศพั ทร์ ะหวา่ งเรยี น มีค่าเฉลี่ยรอ้ ยละ = 3.79 คาสาคญั : การสอนทดี่ ี , คณุ สมบัตขิ องนักเรยี นทีด่ ี , ความหมายของการสอน 1 คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ * E-mail : kiizly78@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 128 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract The purpose of this research were to study the factors that have an effect for teaching result of the intern experience, Faculty of Technical Education Computer Engineering Rajamangala University of Techonology Isan Khonkaen Campus,Divide of two part, First seniors intern experience and second students. As a result of study theory and document ,Researcher has conducted research The simple used senior intern students who studied intern experience in Semester 2/2017 in Rajamangala University of Techonology Isan Khonkaen Campus, Faculty of Technical Education Computer Engineering. The instruments used included have a two part (1)Status (2)the questionnaire in student’ s opinions toward divide of two part (1)the instructor’s self-assessment have 10 items (2) the student’s self-assessment have 10 items. Mean and standard deviation were used to analyze the data. The results revealed that which consist male of 54.54 percent than female were 45.45 percent and the factors that have an effect for teaching result of the intern experience, Faculty of Technical Education Computer Engineering Rajamangala University of Techonology Isan Khonkaen Campus. Is teacher’s there is not enough knowledge were the highest 3.70 percent and part of student’s is use smartphone in classroom were the highest 3.79 percent. Keyword : Good of teaching , Features of a good student , The meaning of the teaching บทนา พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 หมวด 4 มาตรา ๒๔ ได้กล่าวว่า กระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องดาเนินการดังต่อไปน้ี (๑) จัดเน้ือหาสาระ และกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับความสนใจและความถนดั ของผู้เรียน โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (๒) ฝึก ทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มา ใช้เพื่อป้องกันและแก้ไข ปัญหา และ (๓) จดั กจิ กรรมใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรจู้ ากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รักการ อ่านและเกิดการใฝร่ ูอ้ ย่างต่อเน่ือง เนื่องด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานท่ีประกอบไปด้วย ศูนย์กลางนครราชสีมา วิทยาเ ขต สุรินทร์ วิทยาเขตสกลนคร และวิทยาเขตขอนแก่น โดยวิทยาเขตขอนแก่นได้มีทั้งหมด 3 คณะ ได้แก่ คณะ วิศวกรรมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ และคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม เพ่ือให้รองรับความสนใจและความถนัดของ ผู้เรียนในด้านวิชาชีพต่าง ๆ ซึ่งในคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมได้เปิดทาการสอนสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดย สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ได้มีการจัดการเรียนการสอนทางด้านวิชาท่ัวไป วิชาช่าง และวิชาชีพครู โดยมีวิชาฝึก ประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียนเป็นหนึ่งในรายวิชาทางด้านวิชาชีพครู ที่นักศึกษาในสาขาได้เรียนในปีที่ 4 เพ่ือ เป็นการฝึกทักษะประสบการณ์ในการสอนก่อนออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพในสถานศึกษาในปีที่ 5 เน่ืองด้วย รายวิชาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียน เป็นรายวิชาท่ีให้นักศึกษาได้ปฏิบัติการสอนจริง จึงอาจมีปัญหาใน ระหวา่ งการสอนได้ ซงึ่ มผี ลกระทบต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของรายวชิ านีด้ ว้ ย---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 129 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ดังน้ัน ผู้จัดทาจึงทาการศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการสอนของนักศึกษาฝึก ประสบการณว์ ชิ าชพี ระหว่างเรียน ชั้นปีท่ี 4 สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอน และแก้ปัญหา ตอ่ ไป ทฤษฎีและงานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง 1. การสอนทีด่ คี วรมลี กั ษณะ ดงั น้ี 1.1 มีการส่งเสริมนักเรียนให้เรียนด้วยการกระทา เพราะการได้ลงมือทาจริง จะทาให้ ประสบการณ์ท่มี ีความหมาย 1.2 มกี ารสง่ เสรมิ นักเรียนให้เรียนดว้ ยการทางานเปน็ กลุ่ม นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นยอมรับ ความคิดเห็นซึ่งกันและกนั และรู้จักการทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ 1.3 มีการตอบสนองความต้องการของนักเรียน เรียนด้วยความสุข ความสนใจ กระตือรือร้นใน การทากิจกรรมตา่ ง ๆ 1.4 มกี ารสอนให้สมั พนั ธร์ ะหว่างวิชาท่ีเรยี นกับวชิ าอ่นื ๆ ในหลกั สูตรเปน็ อย่างดี 1.5 มกี ารใชส้ ่ือการสอน จาพวกโสตทศั นวสั ดุ เพ่อื เรา้ ความสนใจ ช่วย ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนได้ งา่ ยข้ึน 1.6 มีกิจกรรมทห่ี ลากหลาย เพือ่ เร้าความสนใจ ผูเ้ รียนสนกุ สนาน ได้ลงมือปฏิบตั จิ รงิ และดูผล การปฏบิ ตั ิของตนเอง 1.7 มีการส่งเสริมให้นักเรยี นไดใ้ ชค้ วามคิดอยู่เสมอ ด้วยการซักถาม หรือให้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับปญั หาง่าย ๆ เด็กคดิ หาเหตผุ ลเปรยี บเทยี บ และพิจารณาความสมั พนั ธข์ องสิ่งต่าง ๆ 1.8 มีการส่งเสริมความคิดริเริ่ม และความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมการคิดทาสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีมี ประโยชนไ์ ม่เลียนแบบใครสง่ เสรมิ กิจกรรมสนุ ทรยี ภาพ ร้อยกรอง วาดภาพ และแสดงละคร 1.9 มีการใช้การจูงใจ ในระหว่างเรียน เช่น รางวัล การชมเชย คะแนนแข่งขัน เครื่องเชิดชู เกยี รตกิ ารลงโทษ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสนใจ ตงั้ ใจ ขยันหม่นั เพียรในการเรยี นและทากิจกรรม 1.10 มีการส่งเสริมการดาเนินชีวิตตามแบบประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น มี การรบั ฟังความคดิ เห็นซ่ึงกันและกนั เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ยกย่องความคิดเห็นท่ีดีนักเรียนมีส่วนร่วมในการ วางแผนรว่ มกับครู 1.11 มีการเรา้ ความสนใจก่อนลงมอื ทาการสอนเสมอ 1.12 มีการประเมินผลตลอกเวลา โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การสังเกต การซักถาม การทดสอบ เพ่ือใหแ้ น่ใจวา่ การสอนของครูตรงตามจดุ ประสงค์มากทีส่ ุด 2. คณุ สมบัติของนกั เรยี นทีด่ ี 2.1 บทบาท หน้าท่ี และความรับผิดชอบ 2.2 รู้จักการใหค้ วามรว่ มมือกับคนอ่นื 2.3 รูจ้ กั แบ่งเวลา 2.4 รูจ้ กั เตรียมความพร้อม 2.5 การเปน็ นักเรยี นท่ีดี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 130 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 3. ความหมายของการสอน การสอน เป็นงานหลักของครู ซึ่งปัจจุบันถือว่าครูเป็นวิชาชีพช้ันสูง ที่บุคคลในวิชาชีพนี้ ต้อง ได้รับการศึกษาอบรมมาโดยเฉพาะเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถเลือกศึกษา อบรมมา โดยเฉพาะ เพื่อใหม้ ีความเชย่ี วชาญในการปฏบิ ตั หิ น้าที่ สามารถเลอื กวธิ ีปฏบิ ัตงิ านท่ีเหมาะสม เพื่อช่วยให้นักเรียนมี ความรู้ ทักษะ และเจตคติ ดังที่ระบุไว้ในจุดประสงค์การสอน ครูต้องมีการฝึกฝนด้านการสอนอยู่เสมอเพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด ในการทางานเช่นเดียวกับวิชาชีพชั้นสูงอื่นๆ และต้องมีมาตรฐานของวิชาชีพ 4. แบบสอบถาม รูปแบบของแบบสอบถามแบ่งได้เป็น 2 แบบ 4.1 แบบสอบถามแบบปลายเปิด (Open-ended Form) แบบสอบถามแบบน้ีไม่ได้กาหนด คาตอบไว้ ผ้ตู อบสามารถเขยี นตอบหรอื แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระด้วยคาพูดของตนเองคล้ายกับข้อสอบแบบ อัตนยั 4.2 แบบสอบถามแบบปลายปดิ (Closed-ended Form) แบบสอบถามแบบน้ีประกอบด้วยข้อ คาถามและตัวเลอื ก (คาตอบ) ซง่ึ ตวั เลอื กนีส้ ร้างขึน้ โดยคาดว่าผตู้ อบแบบสอบถามสามารถเลือกตอบได้ตามต้องการ และมีอย่างเพียงพอเหมาะสม แบบสอบถามแบบนี้สร้างยาก ใช้เวลาในการสร้างมากกว่าแบบสอบถามแบบ ปลายเปิด แต่ผู้ตอบตอบง่าย สะดวก รวดเร็ว นอกจากนี้ขอ้ มูลทีไ่ ด้สามารถนาไปวเิ คราะห์ สรปุ ผลได้งา่ ยอกี ดว้ ย วิธีการดาเนนิ การวจิ ยั 1. ประชากร ประชากรได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ ของนกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์ช้นั ปีท่ี 4 จานวน 33 คน 2. เครื่องมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามปลายปิด แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1 สถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นเก่ียวกับพฤติกรรม พร้อมท้ัง ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ แบ่งเป็น 2 ด้าน ดา้ นนกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์วชิ าชีพ และด้านผเู้ รียน 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู การเก็บข้อมูลขั้นต้น เก็บข้อมูลโดยการสังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ระหวา่ งเรยี นชนั้ ปีที่ 4 และสงั เกตพฤตกิ รรมของผู้เรียนชัน้ ปที ี่ 1 และ ชน้ั ปีท่ี 2 การเก็บข้อมลู วจิ ยั เกบ็ ข้อมลู ดว้ ยตนเองโดยใช้แบบสอบถามแจกใหข้ องนักศกึ ษาสาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะ ครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น 4. การวิเคราะหข์ อ้ มูล ใช้แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ตามวิธีของลิเคิร์ท (Likert) มี 5 ระดบั (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2545:41) ซ่ึงมีความหมายดงั นี้ ระดับ 5 หมายถงึ เปน็ ปัจจยั ทส่ี ง่ ผลในระดบั มากทสี่ ดุ ระดบั 4 หมายถงึ เป็นปจั จยั ที่สง่ ผลในระดบั มาก ระดับ 3 หมายถึง เป็นปจั จยั ท่สี ง่ ผลในระดับปานกลาง ระดับ 2 หมายถงึ เป็นปจั จัยที่ส่งผลในระดบั นอ้ ย ระดบั 1 หมายถึง เป็นปัจจยั ทส่ี ่งผลในระดับนอ้ ยทสี่ ดุ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 131 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== นาคะแนนผลการประเมนิ แบบสอบถามเพ่อื การวิจยั มาวิเคราะห์หาคา่ เฉลีย่ (x) และคา่ เบย่ี งเบน มาตรฐาน (S.D.) แล้วนาไปเปรียบเทียบกบั เกณฑ์ท่ีต้งั ไว้ ซง่ึ แบง่ ออกเปน็ 5 ชว่ ง ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพในระดบั ดีมาก ชว่ งคะแนน 3.51-4.50 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพในระดบั ดี ชว่ งคะแนน 2.51-3.50 หมายถึง มรี ะดบั คณุ ภาพในระดบั พอใช้ ช่วงคะแนน 1.51-2.50 หมายถึง มรี ะดบั คณุ ภาพในระดับควรปรับปรงุ ช่วงคะแนน 1.00-1.50 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพในระดับไมผ่ ่านเกณฑ์ สถิตทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู การหาคา่ ร้อยละ การหาคา่ เฉลีย่ การหาค่าสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลของการวิจัย สถานภาพทั่วไปพบว่านักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศชายจานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 54.54 และเพศหญิง จานวน 15 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 45.45 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบที่เกิดข้ึนกับนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียน สาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน คอื ด้านนกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์ วิชาชีพ คือผู้สอนมีความรู้ไม่เพียงพอในรายวิชาที่ฝึกสอน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.70 และด้านผู้เรียน คือ ผู้เรียนเล่น โทรศพั ทร์ ะหว่างเรยี น มีคา่ เฉลยี่ เทา่ กบั 3.79 สรปุ และอภิปรายผล จากผลการวิจัยปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการสอนของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ระหวา่ งเรยี นชั้นปที ี่ 4 สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสานวิทยาเขตขอนแก่น ได้ต้ังสมมุติฐานไว้ว่าปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาขา วิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ ในการฝกึ ประสบการระหวา่ งเรียนไดแ้ ก่ ด้านพฤตกิ รรมของนักศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพ ระหว่างเรียนซึ่งมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 3.28 และ พฤติกรรมของผู้เรียน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 3.27 ประชากรท่ีสารวจ คือ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยา เขตขอนแก่น ชน้ั ปที ่ี 4 จานวน 33 คน ซ่ึงเป็นเพศหญิง 15 คน คิดเป็นร้อยละ 45.45 และเพศชาย 18 คน คิดเป็น ร้อยละ 54.45 โดยใช้แบบสอบถามที่แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ ส่วนท่ี 1 คือสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และส่วนท่ี 2 คอื แบบสอบถามความคิดเห็นเก่ยี วกบั พฤตกิ รรม พรอ้ มกับข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม โดยใชก้ ารคานวณหา ค่าเฉลี่ย และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐานในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1. รายละเอียดสถานภาพท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถามความคิดเห็น เพศของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชาย ร้อยละ 54.45 และ นักศึกษาหญงิ ร้อยละ 45.45 2. รายละเอียดพฤตกิ รรมของผู้ตอบแบบสอบถาม 2.1 ปัจจัยของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักศึกษาฝึกประสบการณ์ และด้านผู้เรียน พบว่าด้านนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพระหว่างเรียนมีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.28 ซึ่งมีพฤติกรรมใช้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 132 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== และดา้ นของผูเ้ รยี นมคี ่าเฉลย่ี เท่ากบั 3.27 ซ่งึ มพี ฤติกรรมในระดบั ท่พี อใช้ โดยได้นาค่าเฉล่ียท้ังหมดคิดเป็นภาพรวม ไดค้ ่าเฉล่ยี อยู่ที่ 3.27 ซง่ึ มพี ฤติกรรมในระดับท่ีพอใช้ ซึ่งตรงกบั สมมติฐานท่ตี งั้ ไว้ 2.2 ปัจจัยของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาชีพ พบว่าเป็นไปตามสมมุติฐานท่ีต้ังไว้แต่เป็นข้อคาถามข้อที่ 1.1 ผู้สอนไม่มีความรู้เพียงพอในรายวิชาที่สอน เน่ืองจากผู้สอนบางท่านเคยเรียนในรายวิชาที่ตนฝึกสอน แล้วมีเกรดเฉลี่ยในรายวิชานั้นต่า จึงทาให้ไม่เข้าใจใน เน้ือหารายวิชาที่สอน ทาให้เกิดการท่องจา เฉพาะบทเรียนที่ตนได้รับมา จึงทาให้ความรู้ท่ีมีนั้นไม่เพียงพอสาหรับ การถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้เรียน มีค่าเฉล่ียมากที่สุด 3.70 ซ่ึงเป็นปัจจัยท่ีส่งกระทบในระดับมาก รองลงมาคือข้อ คาถามข้อท่ี 1.5 ผู้สอนไม่มีรูปแบบการสอนท่ีหลากหลาย โดยเลือกที่จะใช้การบรรยายเป็นการสอนเพียงลักษณะ เดียว ซึ่งการการสอนท่ดี ีน้ันมหี ลายลักษณะ หากนาการสอนแบบบรรยายมาเพียงแค่แบบเดียว จึงทาให้ผู้เรียนเกิด ความเบ่ือหน่าย ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.53 เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระดับมาก และข้อคาถามที่ 1.8 ผู้สอนขาด ทักษะในการถ่ายทอดความรู้ เน่ืองจากการถ่ายทอดความรู้นั้นมีหลายลักษณะ ซึ่งผู้สอนบางท่าน อาจจะไม่มีความ ชานาญในการสอน ซ่งึ การฝกึ ระสบการณว์ ชิ าชพี ครัง้ นจี้ ะต้องอาศยั การฝึกฝนและการทจี่ ะมีความสามารถนั้นอาจจะ ต้องฝึกควบคู่ไปกับความรู้และเจตคติ ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.52 เป็นปัจจัยท่ีส่งผลกระทบในระดับพอมาก โดยได้นา ค่าเฉลีย่ ท้ังหมดมาคดิ เป็นภาพรวม ได้ค่าเฉลยี่ อยูท่ ี่ 3.40 ซ่ึงอยใู่ นระดับท่พี อใช้ 2.3 ปัจจัยของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เรียน พบว่าผู้เรียนเล่น โทรศัพท์ในเวลาเรียน ผู้เรียนทุกคนมีโทรศัพท์มือถือทุกคน เม่ือเกิดความเบ่ือหน่ายจากการเรียน หรือ มี บคุ คลภายนอกห้องเรยี นตอ้ งการจะสนทนาดว้ ย จงึ ให้ความสนใจไปทีโ่ ทรศพั ทม์ ากกว่าการเรยี น อาจจะทาใหผ้ เู้ รยี น มีเกรดเฉล่ียท่ีน้อยลง ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยมากถึง 3.79 เป็นปัจจัยท่ีส่งผลในระดับที่มาก รองลงมาคือผู้เรียนพูดคุยกันใน หอ้ งเรยี น บรรยากาศในห้องเรียน มีโต๊ะเรียนทีต่ ิดกัน รวมทง้ั ผูส้ อนไมไ่ ด้ให้ความสนใจผ้เู รยี นมากเท่าที่ควร จึงทาให้ ผเู้ รียนเกดิ การสนทนาระหวา่ งผเู้ รียนด้วยกันในระหว่างการจัดทาการเรียนการสอนของนกั ศกึ ษาฝึกประสบการณ์ มี ค่าเฉลยี่ เท่ากับ 3.52 เปน็ ปจั จัยที่ส่งผลกระทบในระดับที่มาก และ ผู้เรียนเข้าเรียนไม่ตรงเวลา เวลาเรียนที่ช่วงเช้า ผ้เู รียนอาจจะไม่ตื่นนอน หรอื มีกิจกรรมตอนกลางคืน ซึ่งทาให้เกิดความง่วงและเพลียร่างกาย มีความเหน่ือยหน่าย อาจจะทาให้เข้าเรยี นสาย มีคา่ เฉลี่ยเท่ากับ 3.45 เปน็ ปัจจัยทสี่ ง่ ผลกระทบระกับท่ีพอใช้ โดยไดน้ าคา่ เฉลย่ี ท้ังหมดมา คดิ เปน็ ภาพรวม ได้คา่ เฉลีย่ อยู่ที่ 3.27 ซง่ึ อยใู่ นระดบั ท่พี อใช้ บรรณานกุ รม พลู ทรัพย์ นาคนาคา, 2559. “12ลักษณะการสอนทดี่ ีท่คี รทู กุ คนตอ้ งมี”. ทรูปลูกปัญญา. อนงค์ศิริ วิชาลัย, 2555. “ความหมายของการสอน การเรียนการสอนและการเรียนรู้”. แหล่งการเรียนรู้และภูมิ ปัญญาท้องถิน่ . ประสาร มฤคพทิ ักษ์, 2555. “คุณสมบัตขิ องนกั เรียนทีพ่ งึ มี”. แหล่งการเรยี นร้แู ละภูมิปัญญาท้องถิน่ . ณรงค์ ศรีสวีสด์ิ 2542. “ความหมายของแบบสอบถามและหลักการสร้างแบบสอบถาม”. วิธีการวิจัยทางสังคม ภาควิชาสงั คมวทิ ยาและมนุษวิทยา คณะสังสมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 133 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปั จ จัย ที่ ส่ ง ผล ต่ อ คว า ม ส าเ ร็จ ข อง โ ค รง ง าน วิ ศ ว ก ร รม ระ ดั บ ป ริญ ญ า ต รี คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ จริ วฒั น์ ยิ่งยืน1 อดิสรณ์ ปู่หล่นุ 2 และจารวุ รรณ ทูลธรรม3 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ มีวัตถุประสงค์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จของโครงงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 3 ด้าน 1) ด้านความรู้ 2) ด้านทักษะ 3) ด้านวางแผนและการดาเนินโครงงานของ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ โดยกลมุ่ ตัวอย่างได้แก่ นักศกึ ษามหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรมสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยเจาะจงจากการลงทะเบียนในรายวิชา 11-052-413โครงงาน วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จานวน 32 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ส่วนที่ 1 คือข้อมูลสถานภาพท่ัวไป จานวน 2 ข้อ ส่วนที่ 2 คือปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ของนกั ศึกษา จานวน 28 ข้อ แบง่ ออกเปน็ 3ดา้ นไดแ้ ก่ 1) ด้านความรู้ในการทาโครงงาน 2) ด้านทักษะ ในการทาโครงงาน 3) ด้านการวางแผนและการดาเนินโครงงาน และส่วนท่ี 3 คือข้อเสนอแนะอ่ืนๆ เก่ียวกับการ พัฒนาบุคลกิ ภาพวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใช้ ค่าสถติ ิ ร้อยละ คา่ เฉลีย่ คา่ ความเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบว่านักศกึ ษาสว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญงิ จานวน 18 คนคดิ เปน็ ร้อยละ 56.25 เป็นเพศชายจานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 43.75 และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จของโครงงานวิศวกรรมระดับปริญญาตรี คณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คือด้านการวางแผนและการดาเนินโครงงาน (̅ = 3.99) ด้าน ความรูใ้ นการทาโครงงาน (̅ = 3.63) และด้านทักษะในการทาโครงงาน (̅ = 3.32) คาสาคัญ ปัจจยั ทางการศึกษา , คุณภาพการศกึ ษา , คุณภาพของนกั ศกึ ษา 1คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น *E-mail : teelek.adison@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 134 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ABSTRACT This study aims to examine the factors that affect Success to project computer engineering. Separate 3 each side knowledge Skills and Planningin progress. For students Rajamangala Universty of Technology lsan. The samples of this study were 32 students Rajamangala Universty of Technology lsan. Purposive Sampling registration subjects 11-052-413 project computer engineering. The survey collections are conducted separate 2 each 1) General Status Information 2) Examine the factors that affect Success to project computer engineering 28 Question Separate 3 each side knowledge Skills and Planningin progress. And 3) Suggestion about personality development. Data was analyzed using percentage, mean, standard deviation The results showed students females (56.25) males (43.75) and the factors that affect Success to project computer engineering is side knowledge (̅ = 3.99) Skills (̅ = 3.63) and Planningin progress (̅ = 3.32) Important words: factorsEducation บทนา พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติพ.ศ. 2553 มาตรา 22 ระบไุ ว้วา่ การจัดการศึกษาตอ้ งยดึ หลักว่าผู้เรียน ทกุ คนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ และถอื วา่ ผู้เรยี นมคี วามสาคญั ท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ และมาตรา 24 ระบุว่าการจัดกระบวนการ เรียนรู้ ใหส้ ถานศึกษา และหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้องดาเนินการ จัดเนอื้ หาสาระและกจิ กรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิดความรู้ การจัดการ การ เผชญิ สถานการณ์ และแกไ้ ขปญั หา โดยมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่นแบ่งออกเป็น 3 คณะ 39 สาขาซ่ึงคณะครุ ศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ นนั้ มีหลักสูตรการเรยี น 5 ปี โดยจะมีวิชาเรียนท้ังส้ิน 55 รายวิชาซึ่งการ เรยี นในรายวชิ าโครงการวิศวกรรมคอมพิวเตอรน์ ั้นนกั มีการจดั สถานการณ์การเรียนรู้ท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นหวา้ และลงมือปฏบิ ตั ิด้วยตนเอง โดยอาศยั ความรู้ ความสามารถท่ีได้ศึกษามา มาเป็นองค์ประกอบในการจัดทา โครงการ ท้ังน้ีผู้เรียนเป็นผู้วางแผนการดาเนินงานต้ังแต่การศึกษาค้นคว้า การออกแบบ การประดิษฐ์ การทดลอง การเก็บข้อมูล ตลอดจนการแปลผล สรุปผล และเสนอผลงานด้วยตนเองภายใต้การดูแล และให้คาปรึกษาของ ผูส้ อน หรอื ผเู้ ชย่ี วชาญในเรอ่ื งนั้นๆ โดยการทางานจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ เช่นการผลิตสินค้า หรือ ทางานบริการ โดยจะมีการกาหนดระยะเวลา และงบประมาณท่ีจากัด ในการดาเนินงานโครงการจะต้องมีผู้ท่ีมี หน้าที่รบั ผดิ ชอบต่อโครงการ มีหนา้ ท่ีทาการบริหารงาน กจิ กรรมต่างๆ ใหเ้ ป็นไปตามแผนงานเหมาะสมกับเวลา ซ่ึง การทาโครงงานท่ีล่าช้า นั้นส่งผลให้ไม่สาเร็จตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผู้วิจัยเห็นว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์สว่ นใหญ่มีปญั หาในการทา โครงการทัง้ เกดิ จากปัจจัยหลายๆอย่างรวมไปถงึ สภาพแวดล้อมของนกั ศกึ ษาอีกด้วย ดังนัน้ ผ้วู ิจยั เหน็ วา่ เปน็ ปัญหาท่ตี ้องไดร้ ับการแก้ไข เพราะโครงการเหล่านเ้ี ป็นโครงการท่ีนักเรียนจะต้องใช้ จบการศึกษาซ่ึงอาจจะทาให้นกั ศกึ ษามีผลสาเรจ็ ลา่ ชา้ จงึ ไดส้ รา้ งแบบสอบถามเก่ียวกับปัญหาในการดาเนินโครงงาน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 135 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เพือ่ ศกึ ษาพฤติกรรมการดาเนินโครงงานของนกั ศกึ ษาซง่ึ แบง่ ออกเป็น 3 ด้านคือ 1 ดา้ นความรู้ 2 ด้านทักษะ 3 ด้าน วางแผนและการดาเนนิ โครงงาน ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง 1. ความรู้ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 ได้นิยามความหมายไว้ว่า ความรู้ คือส่ิง ที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้าหรือจากประสบการณ์ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะ ความเข้าใจหรือสารสนเทศทีไ่ ดร้ ับมาจากประสบการณ์ องค์วชิ าในแต่ละสาขา 2. ทักษะ พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 อธบิ ายว่า ทกั ษะ หมายถึง ความชานาญ มา จากคาภาษาอังกฤษว่า skill นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดทาพจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ร่วมสมัย ยังได้ขยาย ความของคาวา่ ทกั ษะ (skill) มากขน้ึ ว่าหมายถงึ ความชานาญหรือความสามารถในการกระทาหรือการปฏิบัติอย่าง ใดอย่างหน่ึง ซ่ึงอาจเป็นทักษะด้านร่างกาย สติปัญญา หรือสังคม ที่เกิดข้ึนจากการฝึกฝน หรือการกระทาบ่อย ๆ เช่น ครูมีทกั ษะการใช้คาถาม การนาเข้าสูบ่ ทเรียน การใช้ส่ือการสอน นักเรียนมีทักษะ การฟัง พูด อ่าน เขียน การ คดิ คานวณ หรือทกั ษะทางสงั คม ทักษะ ทจี่ ะทาให้บุคคลประสบความสาเรจ็ ในการดาเนินชวี ิตและการทางาน 3. การวางแผนและการดาเนินโครงงาน คือกระบวนการกาหนดวัตถุประสงค์สาหรับการทางานใน อนาคตพรอ้ มทง้ั กาหนดแนวทางการกระทาในทางปฏิบตั ิจริงเพือ่ ใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ 3.1 กระบวนการวางแผน ( Planning process) สง่ิ จาเป็นสาหรบั การวางแผน 3.1.1. วัตถปุ ระสงค์ (Objective) หมายถึง เป้าหมายในการทางาน 3.1.2. การคาดการณ์ (Forecase) หมายถึง การทานายสง่ิ ทจ่ี ะเกิดขึน้ ในอนาคต 3.1.3. กจิ กรรม (Activity) หมายถึง การปฏบิ ตั ิงาน 3.1.4. เวลา (Time) หมายถึง ระยะเวลาของกจิ กรรม 3.1.5. แผนการใชเ้ งิน (Budget) หมายถงึ การประมาณการคา่ ใชจ้ า่ ย 3.1.6. คณะทางาน (Organization) หมายถงึ การระบผุ ้รู บั ผดิ ชอบหนา้ ที่ 3.1.7. แนวนโยบาย (Policy) หมายถึง เป็นหลกั ให้ทกุ คนทกุ ฝ่ายถอื ปฏิบตั ิ 3.1.8. มาตรฐานผลงาน (Standard) หมายถึง ระดบั ผลงานที่ถกู คาดหวงั ว่าต้องการระดับใด จึงจะถอื ว่าประสบผลสาเร็จ 4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องพระประเสริฐชัย แซอ้ึง ได้ทาการวิจัยโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพ่ือสร้างชุด การเรียนเร่ืองโครงงาน ท่ีส่งผลต่อโครงงาน ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดแสงสรรค์ ที่มี ประสทิ ธิภาพ 2) เพื่อเปรยี บเทยี บผลการเรยี นรกู้ ่อนและหลังไดร้ ับการเรียนการสอนจากชุดการเรียนเรื่องโครงงาน ที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนวัดแสงสรรค์ 3) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของ ผู้เรยี นทมี่ ีตอ่ ชดุ การเรยี นเรื่องโครงงาน ทีส่ ่งผลตอ่ การเรยี นรู้ ของนกั เรยี นระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที 3่ี โรงเรียนวัดแสง สรรค์ ภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จานวน 2 ห้อง 90 คน เลือกด้วยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม 1 ห้องจานวน 35 คนผลการสร้างและพัฒนาชุดการเรียนเรื่องโครงงานที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีคะแนนร้อยละของการทาใบงานและแบบสังเกตพฤติกรรมเท่ากับ 87.14 และมีคะแนนการสอบวัดผล เท่ากับ 81.11 ซ่งึ มปี ระสิทธภิ าพเป็นไปตามเกณฑท์ ต่ี ัง้ ไว้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 136 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================วธิ ีการดาเนินการวิจยั1. ประชากร ได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรมสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยเลือกแบบเจาะจงจากนักศึกษาที่ลงทะเบียนในรายวิชา 11-052-413โครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ในภาคเรียนท่ี 2/2560 จานวน 32 คน2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ แบบสอบถามความคิดเห็น แบง่ เปน็ 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1 คือสถานภาพท่ัวไป ส่วนท่ี 2 คือ สอบถามปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ แบง่ เป็น 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ในการทาโครงงาน ดา้ นทกั ษะในการทาโครงงาน ดา้ นการวางแผนและการดาเนินโครงงาน และส่วนที่ 3 คือข้อเสนอแนะอื่นๆ เก่ียวกับการพัฒนาบุคลิกภาพโดยเครื่องมือที่นามาใช้ผ่านการประเมนิ ความสอดคล้องของเนอื้ หา และขอ้ คาถามจากผ้เู ชยี่ วชาญ3. การเก็บรวมรวมข้อมูล เก็บข้อมูลด้วยตนเองโดยใช้แบบสอบถามแจกให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง จานวน 32 คน ศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานแบ่งเป็น 3 ด้าน 1) ด้านความรู้ 2)ดา้ นทกั ษะ 3) ด้านการวางแผน และการดาเนินโครงงาน4. การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ตามวิธีของริเคิร์ท(Likert) มี 5 ระดับ ซ่งึ มีความหมายดังน้ี เป็นปจั จัยมากที่สุด 5 หมายถึง4 หมายถึง เปน็ ปัจจัยมาก3 หมายถึง เป็นปจั จยั ปานกลาง2 หมายถงึ เป็นปจั จยั นอ้ ย1 หมายถงึ เปน็ ปจั จัยนอ้ ยท่สี ดุนาคะแนนผลการประเมินแบบสอบถามความคิดเห็นมาวิเคราะห์หาค่าเฉล่ีย ( ̅) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ นาไปเปรียบเทียบกับเกณฑท์ ่ตี ัง้ ไว้ ซึ่งแบง่ ออกเปน็ 5 ชว่ ง ดงั นี้ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง เป็นปจั จัยในระดบั ดมี ากช่วงคะแนน 3.51-4.50 หมายถงึ เป็นปัจจัยในระดับดีช่วงคะแนน 2.51-3.50 หมายถึง เป็นปัจจยั ในระดับพอใช้ชว่ งคะแนน 1.51-2.50 หมายถึง เป็นปจั จยั ในระดับปรับปรุงช่วงคะแนน 1.00-1.50 หมายถึง เป็นปัจจัยในระดบั ไม่ผา่ นเกณฑ์สถิติทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูลการหาร้อยละการหาคา่ เฉลี่ย (Mean)การหาค่าสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)ผลการวจิ ยั การวเิ คราะห์ขอ้ มลู แบง่ เปน็ 3 สว่ นสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของการวิจัย ซ่ึงประกอบไปด้วย สถานภาพทั่วไป สอบถามปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และข้อเสนอแนะอ่ืนๆเกย่ี วกบั ปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ ความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลมดี งั นี้---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 137 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สภาพทวั่ ไป พบว่านกั ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจานวน 18 คนคิดเป็นร้อยละ 56.25 และเป็นเพศชาย จานวน 14 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 43.75 ความคดิ เหน็ ของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกบั ปจั จัยที่ส่งผลสาเร็จของโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ของ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชา คอมพิวเตอรแ์ บง่ ออกเปน็ 3 ดา้ นคือ 1 ดา้ นความรู้ 2 ด้านทักษะ 3 ด้านวางแผนและการดาเนินโครงงาน แสดงดัง ตารางที่ 4.5ตารางท่ี 4.5 ค่าเฉลีย่ ( ̅) คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) และแปลความโดยแบ่งเป็นดา้ น ดา้ น ̅ S.D. แปลความ1. ดา้ นความรู้ในการทาโครงงาน 3.63 0.15 มาก2. ด้านทกั ษะในการทาโครงงาน 3.32 0.09 ปานกลาง มาก3. ดา้ นการวางแผนและการดาเนนิ โครงงาน 3.99 0.07 มากภาพรวมเฉล่ีย 3.65 0.26 จากตารางท่ี 4.5 พบว่าปัจจัยที่อยู่ในระดับมากเรียงตามลาดับคือ ด้านการวางแผนและการดาเนินโครงงาน (̅ = 3.99) ด้านความรู้ในการทาโครงงาน (̅ = 3.63) และด้านทักษะในการทาโครงงาน (̅ = 3.32)ตามลาดับสรปุ และอภิปรายผล ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยเก็บข้อมูลประชากร คือ ของนักศึกษามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแกน่ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมสาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยเจาะจงจากการลงทะเบียนในรายวชิ า 11-052-413 โครงงานวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ จานวน 32 คน ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับมาก (̅ = 3.65)เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าปัจจัยท่ีมีค่าเฉลี่ยมากที่สุดเรียงตามลาดับ คือด้านการวางแผน และการดาเนินโครงงาน (̅ = 3.99) ด้านความรู้ในการทาโครงงาน (̅ = 3.63) และด้านทักษะในการทาโครงงาน (̅ = 3.32)ตามลาดับ จากการวิจัยในคร้ังน้ีพบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรมสาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ ท่ีลงทะเบียนในรายวชิ า 11-052-413 โครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เมอ่ื พจิ ารณาใน รายดา้ น คอื ปัจจยั ของนักศึกษาในดา้ นการวางแผนและการดาเนินโครงงานของอยู่ในระดับมากซึ่งสอดคลองกับสมมุติฐาน เนื่องจากการวางแผนและการดาเนินโครงงานมีปัจจัยท่ีส่งผลต่อความสาเร็จในการทาโครงงานวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คือ 1) ขั้นตอนในการทาโครงงาน 2) การเลือกหัวข้อในการทาโครงงาน 3) การให้คาปรึกษาของอาจารย์ท่ีปรึกษา 4) ความรับผิดชอบระหว่างเพื่อนร่วมงาน 5) การเลือกเพ่ือนร่วมทีมในการทาโครงงาน 6) ความเหมาะสมของระยะเวลาในการทาโครงงาน 7) ระยะเวลาในการรายงานความก้าวหน้า 8)งบประมาณในการทาโครงงานบรรณานกุ รมกมล การกศุ ล. (2529). ทกั ษะและความรูท้ างภาษาไทย. กรุงเทพฯ : เนตกิ ลกุ ารพมิ พ.์---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 138 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== กาญจนา เกียรตปิ ระวตั .ิ (2524). วธิ สี อนทั่วไปและทกั ษะการสอน. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานชิ . จนั ทร์ฉาย เตมิยาคาร. (2533). การเลอื กใช้ส่อื ทางการศึกษา. พิมพค์ รัง้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์. พมิ พันธ์ เดชะคปุ ต.์ (2544). วจิ ัยในชนั้ เรยี น : หลักการสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุป๊ แมเนจเม้นท.์ วรรณา เจียมทะวงษ.์ (2528). ทกั ษะพน้ื ฐานของการผลติ สอื่ การสอน. พิมพ์ครัง้ ท่ี 2.กรุงเทพฯ : ม.ป.ท.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 139 RMUTI EDUCON 2018


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook