Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เปรียบเทียบความพึงพอใจของนักศึกษาเก่ียวกับการจัดการเรียนการสอนในรายวิชา ทฤษฎแี ละรายวชิ าปฏบิ ัติทสี่ อนโดยนักศึกษาฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครู To compare the satisfaction of students in teaching and learning management in the theoretical and practical subjects taught by professional teachers. นรสิ รา แสงโยธา1* และจารุวรรณ ทูลธรรม2 บทคัดย่อ การวิจัยในครงั้ น้ี มีวตั ถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักศึกษาเก่ียวกับการจัดการเรียนการ สอนในรายวิชาทฤษฎีและปฏบิ ตั ิท่สี อนโดยนักศึกษาประสบการณว์ ชิ าชีพครู ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยนักศึกษาสาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ปวส.1 กลุ่ม 3 วิทยาลัยเทคนิคกาญจนา ภิเษกอุดรธานี จานวน 11 คน ซ่ึงได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ค่าเฉล่ีย และค่า เบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ัยพบวา่ ความพงึ พอใจของนักศึกษาดา้ นครผู ู้สอนท่ีมีระดับความพึงพอใจมากทส่ี ุด คือ ครูจัดการ เรียนการสอนตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว้มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.55 ความพึงพอใจของนักศึกษาด้านสื่อการสอนที่มี ระดบั ความพึ่งพอใจมากที่สุด คือ หนังสือ/ตารา/เอกสาร ท่ีใช้ประกอบการสอนมีเพียงพอกับจานวนผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.09 และนักศึกษามีความสนใจในการเรียนรายวิชาทฤษฎีมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.91 และความสนใจในการเรียน รายวิชาปฏิบัติมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.89 แตกต่างกันซ่ึงนักศึกษามีความสนใจในการเรียนรายวิชาทฤษฎีมากกว่าการ เรยี นรายวิชาปฏิบตั ิ คาสาคญั : ความพึงพอใจของนักศกึ ษา , การเรยี นรายวชิ าทฤษฎี , การเรยี นรายวชิ าปฏบิ ตั ิ 1 คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ * Corresponding E-mail : narissara.n36@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 190 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract Research in this The purpose is to compare student satisfaction with teaching courses in theory and practice, students are taught by experienced teachers. The population of research students in vocational technology. 1 of 3 Technical College Rd Kan, Udon Thani, 11 of which have come from choosing specific. Data were analyzed using mean and standard deviation. The research found that Satisfaction of the students, the teachers are the most satisfied teachers teaching to meet the objectives set with an average of 4.55 Satisfaction student teaching with a very satisfied. most books / textbooks / materials. Used to teach a disproportionate number of students with an average of 4.09 and students interested in learning theory, with an average of 3.91 and an interest in learning practices, with an average of 3.89 different students. Interest in learning theory than practical learning. ,Keywords : Student Satisfaction The learning theory , The learning practices บทนา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ให้ ความหมายของการศึกษาไว้ว่า “การศึกษา” คือ กระบวนการเรียนรู้เพ่ือความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสงั คมโดยการถา่ ยทอดความร้กู ารฝึกการอบรมการสืบสาน ทางวัฒนธรรมการสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อั นเกิดจากการจัด สภาพแวดล้อม สังคมการเรยี นรู้และปัจจยั เก้ือหนุนใหบ้ ุคคลเรยี นรูอ้ ย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดชีวติ การจัดการศึกษาต้องยึด หลักว่าผู้เรียนมีความสาคัญที่สุดผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ กระบวนการจัดการศึกษาต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ (คลังปัญญาไทย, 2555: ออนไลน์) สถาบนั การศึกษาจึงมีบทบาทสาคญั ในการพฒั นาประเทศการศกึ ษามีความจาเป็นสาหรับทุกคนเป็นรากฐานท่ีสาคัญ ในการสรา้ งบุคคลให้มคี วามรคู้ วามสามารถในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีและสามารถดารงชีวิตอยูใ่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งปกตสิ ขุ สภาพการเรียนการสอนในชั้นเรียน ในรายวิชาที่เป็นทฤษฎีและปฏิบัติ พบว่านักศึกษาระดับ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู ชนั้ ปที ่ี 1 กลมุ่ 3 สาขาเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ วิทยาลยั เทคนิคกาญจนาภเิ ษกอุดรธานี ให้ความสนใจในการเรยี นทเี่ น้นการลงมอื ปฏบิ ตั มิ ากกวา่ การเรียนทฤษฎี ดังน้ันผูว้ จิ ยั จึงเล็งเหน็ ความสาคญั ของปญั หาดงั กลา่ ว เพ่อื ต้องการศึกษาปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ ความสนใจในการ เรยี นของนักศกึ ษา รวมถึงสาเหตุของปญั หา เพือ่ นาผลการวิจัยที่ได้มาเป็นแนวทางในการแก้ไขและพัฒนาการเรียน การสอนในภาคเรยี นถัดไป วัสดุ อุปกรณ์ และวธิ ีการ หรอื วิธดี าเนินการวจิ ัย งานวจิ ัยทเี่ กย่ี วข้อง วาสน์ระรวย อินทรสงเคราะห์ ไดท้ าการวจิ ัยและพบวา่ นักศกึ ษามีความพงึ พอใจตอ่ อาจารยผ์ ้สู อน ในด้าน ต่างๆ ได้แก่ ด้านการสอนของอาจารย์ ด้านส่ือการสอนและอุปกรณ์การสอน ด้านการวัดผลและประเมินผล ด้าน บคุ ลกิ ลกั ษณะของอาจารย์ และดา้ นประโยชน์ทีน่ กั ศกึ ษาได้รับจากการเรียนในรายวิชาน้ัน ในภาพรวมทุกสาขาวิชา นักศึกษามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (μ = 3.98) และเมื่อพิจารณาความพึงพอใจของนักศึกษาท่ีมีต่ออาจารย์---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 191 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ผู้สอน จาแนกตามสาขาวิชา ในภาพรวมของแต่ละสาขา พบว่านักศึกษามีความพึงพอใจในระดับมากทุกสาขาวิชา โดยสาขาวิชาการบญั ชีนักศึกษามคี วามพึงพอใจเฉล่ีย 4.08 สาขาวิชาการตลาดนักศึกษามีความพึงพอใจเฉลี่ย 4.00 และสาขาวิชาการจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยวนักศึกษามีความพึงพอใจเฉลี่ย 3.89 ตามลาดับ และเมื่อ พิจารณาในด้านต่างๆ จาแนกเป็นรายด้าน พบว่านักศึกษามีความพึงพอใจในระดับมากทุกด้าน คือ ด้านการสอน ของอาจารย์นักศึกษามีความพึงพอใจเฉล่ีย 3.94 ด้านสื่อการสอนและอุปกรณ์การสอนนักศึกษามีความพึงพอใจ เฉลี่ย 3.89 ด้านการวัดผลและประเมินผลนักศึกษามีความพึงพอใจเฉล่ีย 3.90 ด้านบุคลิกลักษณะของอาจารย์ นักศึกษามีความพงึ พอใจเฉล่ีย 4.23 และด้านประโยชนท์ ีน่ ักศกึ ษาไดร้ ับจากการเรยี นในรายวิชานั้นนักศึกษามีความ พงึ พอใจเฉลี่ย 3.95 ตามลาดับ วธิ กี ารดาเนินการวิจยั 1. ประชากร ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ช้ันปีท่ี1 กลุ่ม3 สาขา เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ วิทยาลยั เทคนคิ กาญจนาภิเษกอดุ รธานี ทีเ่ รียนวชิ าโปรแกรมโครงสรา้ ง จานวน 11 คน 2. เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการวจิ ยั 3.2.1 ลกั ษณะของเครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการวิจยั เป็นแบบสอบถาม เพอื่ สารวจความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาท่ีมตี อ่ การจดั การเรียนการสอนใน รายวิชาทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ โดยแบง่ แบบสอบถามออกเปน็ 3 ตอน คอื ตอนที่ 1 เปน็ แบบสอบถามขอ้ มูลสถานภาพทัว่ ไป ไดแ้ ก่ เพศ ระดบั การศึกษา สาขาวิชา ชัน้ ปี ตอนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาทฤษฎี และปฏิบตั ิ จานวน 20 ขอ้ 1) ด้านครผู ู้สอน จานวน 5 ขอ้ 2) ด้านการจัดการเรียนการสอน จานวน 10 ขอ้ 3) ดา้ นส่อื การสอน จานวน 5 ข้อ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ เปน็ แบบสอบถามแบบปลายเปดิ 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลได้ขอความร่วมมือในการแจกแบบสอบถามกับ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพชัน้ สูง ชน้ั ปีท่1ี กล่มุ 3 จานวน 11 ฉบับ และได้รบั กลับคืนมาจานวน 11 ฉบับ 4. การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถิติท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากได้ทาการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ทาการวิเคราะห์แบบสอบความพึงพอใจของนักศึกษา เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาทฤษฎีและปฏิบัติที่สอนโดยนักศึกษาประสบการณ์วิชาชีพครู ด้วย ค่าเฉลย่ี ( ̅) และคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวจิ ัย ผลการศึกษาข้อมลู ทวั่ ไปพบว่านกั ศึกษาท่ตี อบแบบสอบถามเป็นหญิงจานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 63.64 และเปน็ ชายจานวน 4 คน คดิ เป็นร้อยละ 36.36 ความพึงพอใจทีม่ ีตอ่ การจดั การเรียนการสอน 1. ความพึงพอใจของนักศกึ ษาด้านครผู สู้ อนท่มี ีระดับความพึงพอใจมากท่ีสุด คือ ครูจัดการเรียน การสอนตรงตามวัตถุประสงคท์ ่ีตัง้ ไว้มีคา่ เฉลย่ี เท่ากับ 4.55 คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.52---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 192 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 2. ความพงึ พอใจของนกั ศึกษาด้านการจัดการเรียนการสอนภาคการเรียนทฤษฎีที่มีระดับความ พ่ึงพอใจมากที่สุด คือ ครูจัดการเรียนการสอนตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.27 ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐานเท่ากบั 0.65 3. ความพงึ พอใจของนกั ศึกษาด้านการจัดการเรียนการสอนภาคการเรียนปฏิบัติท่ีมีระดับความ พ่ึงพอใจมากท่ีสุด คือ ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีกระบวนการคิดเป็นของตนเองมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.18 ค่าเบ่ียงเบน มาตรฐานเทา่ กับ 0.75 4. ความพึงพอใจของนักศึกษาด้านส่ือการสอนที่มีระดับความพ่ึงพอใจมากท่ีสุด คือ หนังสือ/ ตารา/เอกสาร ที่ใชป้ ระกอบการสอนมเี พียงพอกับจานวนผเู้ รยี นมคี ่าเฉล่ียเทา่ กับ 4.09 ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากบั 0.83 การอภปิ รายผล จากการวิจัยพบว่า ความพึงพอใจของนักศึกษาเก่ียวกับการเรียนการสอนในรายวิชาทฤษฎีและรายวิชา ปฏบิ ัติ ระดบั ความพึงพอใจของนกั ศึกษาด้านครูผูส้ อน และดา้ นส่อื การสอนนักศึกษามกี ารประเมินผลพบว่าค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจของนักศึกษาในการเรียนรายวิชาทฤษฎีมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.91 และความพึงพอใจ ของนักศกึ ษาในการเรยี นรายวิชาปฏิบตั มิ คี า่ เฉลยี่ เท่ากับ 3.89 แตกตา่ งกนั ซง่ึ สอดคลอ้ งกับสมมตุ ฐิ านที่ตัง้ ไว้ บทสรปุ สรุปผลการวิจัยพบว่านักศึกษามีความสนใจในการเรียนรายวิชาทฤษฎีมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.91 ค่าเบ่ียงเบน มาตรฐานเท่ากับ 0.38 และความสนใจในการเรียนรายวิชาปฏิบัติมีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.89 ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน เทา่ กับ 0.26 แตกตา่ งกันซึง่ นกั ศกึ ษามคี วามสนใจในการเรยี นรายวชิ าทฤษฎีมากกวา่ การเรยี นรายวิชาปฏิบตั ิ กติ ตกิ รรมประกาศ การทาวิจัยครั้งน้ี สาเร็จลุล่วงไปด้วยความกรุณาอย่างย่ิงจากคณะอาจารย์นิเทศคณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีกรุณาให้ คาปรกึ ษา แนะนา ช่วยเหลือตรวจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ เกี่ยวกับการวิจัยมาโดยตลอด ผู้วิจัยรู้สึกซาบซ้ึงในความ กรณุ าอย่างยงิ่ ขอกราบขอบพระคุณผู้อานวยการ เดชวิชัย พิมพ์โครต คณะครูอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค กาญจนาภิเษกอดุ รธานี ทใ่ี หค้ วามช่วยเหลือทุกดา้ นตลอดมา พรอ้ มทงั้ ให้ความร่วมมือในการทาวจิ ยั เปน็ อย่างดี ขอขอบคุณเพอ่ื น ๆ นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู วทิ ยาลยั เทคนิคกาญจนาภิเษกอุดรธานีทุกคน ท่ี ใหค้ าปรกึ ษาตลอดมา ขอกราบขอบพระคุณ ครอบครัว ที่ดูแลให้กาลังใจ และสนับสนุนส่งเสริมมาโดยตลอด และขอขอบคุณ กาลงั ใจพลังใจจากคนท่รี ักทกุ คน คุณค่าและประโยชน์อันพึงเกิดจากวิจัยฉบับน้ี ผู้วจิ ยั ขอมอบ เปน็ เคร่ืองสักการะ บูชา พระคุณบิดา มารดา และ ครอู าจารย์ทกุ ระดับการศึกษาของผู้วิจัยที่ได้มีส่วนสาคัญในการวางรากฐานชีวิตและการศึกษาท่ีมีคุณภาพแก่ผู้วิจัย มาโดยตลอด---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 193 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บรรณานกุ รม วาสน์ระรวย อินทรสงเคราะห์, 2553. ความพึงพอใจของนกั ศกึ ษาวทิ ยาลัยราชพฤกษ์ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกท่ตี ้ัง วิทยาลยั เทคโนโลยภี เู ก็ตที่มตี ่อการจดั การเรยี นการสอนของอาจารย์ผสู้ อน [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก (http://www.rpu.ac.th/Library_web/doc/RC_RR/2554_Puket_Wasrarauy.pdf) สบื ค้นเม่ือ 15 ธนั วาคม 2560---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 194 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาทักษะการพิมพภ์ าษาไทย โดยใชโ้ ปรแกรมฝกึ พิมพอ์ อนไลน์ Thaiedu ด้วย การจัดการเรยี นการสอนแบบสาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ ของ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ชลวรรษ สะบู่แก้ว1* อิทธพิ ล บุตรวงษ์2 และจารวุ รรณ ทูลธรรม3 บทคัดย่อ งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาทักษะการพิมพ์ภาษาไทย ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขา วศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ โดย ใช้โปรแกรมฝึกพมิ พ์ออนไลน์ Thaiedu โดยกลุม่ ตวั อยา่ งไดแ้ ก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ได้มาโดยการ เลือกแบบเจาะจง เพอ่ื ให้เหมาะสมกบั ระยะเวลาในการทาการวิจัย จานวน 15 คน เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการจัดการเรียน การสอน คือ แผนการเรียนการสอนแบบสาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ โดยใช้โปรแกรมฝึก พิมพ์ออนไลน์ Thaiedu มจี านวน 12 บท วิเคราะห์ข้อมลู โดยใชก้ ารหาคา่ ร้อยละ การหาค่าเฉลี่ยผลการวิจัยพบว่า นักศึกษามีค่าเฉล่ียของคะแนนผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด มีค่าเฉล่ียของคะแนนหลังเรียนที่สูงขึ้นจานวน 12 บท คิดเป็น ร้อยละ 100 เวลาเฉลยี่ ในการพิมพล์ ดลงจานวน 11 บท คิดเปน็ ร้อยละ 91.67 ซึง่ สอดคลอ้ งกับสมมติฐานทต่ี งั้ ไว้ คือ ทักษะการพิมพ์ภาษาไทย ท่ีเรียน โดยใช้โปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบ สาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ สูงกวา่ ก่อนใช้ คาสาคัญ : ทักษะการพิมพภ์ าษาไทย, การสอนแบบสาธิต Abstract The purpose of this research the study was to improvement thai typing skill by program thaiedu for students Bachelor of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of technology Isan. A sample was selected from 4 year students Bachelor of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of technology 15 students, By using lesson and practice by typing program thaiedu 12 unit. analyze by using average and percent. The findings showed, pointed out, revealed that average after lesson 12 unit is 100% and decrease time 11 unit is 91.67% that match with hypothesis is typing thai skill increase by program thaiedu by lesson and practice of students Bachelor of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of technology Isan 1คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน *E-mail : activeabilityapply@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 195 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา ในยุคปจั จุบันเทคโนโลยไี ด้เข้ามามบี ทบาทตอ่ ชวี ติ ประจาวันของเราอยา่ งมาก ทาใหม้ กี ารพัฒนาคิดค้นสิ่งอานวย ความสะดวกต่อการเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป โทรทัศน์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ คอมพิวเตอร์ ก็เป็นเทคโนโลยีประเภทหน่ึงถูกสร้างขึ้นมา มีความทันสมัยซึ่งเราใช้กันอยู่ประจา ไม่ว่าจะเป็นดูส่ือ บันเทิงต่าง ๆ และเหมาะกับการนามาใช้ในส่วนการทา หนังสือรายงาน หรือเอกสารต่าง ๆ เรามักนิยมใช้ คอมพิวเตอร์เข้า มาช่วยในการพิมพ์งานแทนการเขียนด้วยมือเพราะทา ให้เอกสารหรืองานท่ีทา อ่านง่าย สะอาด สะดวก เรียบร้อย และสวยงาม ล้วนแล้วต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า “แป้นพิมพ์” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนควรใช้ได้ อยา่ งชานาญ เพราะทุกวันนีใ้ นการทาหนงั สอื เอกสารรายงาน หรือเอกสารต่าง ๆ เรามักนิยมใช้คอมพิวเตอร์เข้ามา ช่วยในการพิมพ์แทนการเขียนตวั อกั ษร เนอ่ื งจากคณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ มีการจัดการเรยี นการสอนท่ีประกอบด้วยรายวิชา 3 กลมุ่ ดว้ ยกนั ได้แก่ กลมุ่ วิชาศกึ ษาทวั่ ไป กลมุ่ วิชาทางการศึกษา และกลุ่มวิชาทางวิศวกรรม ในการจัดการเรียนรู้ นักศึกษาจะต้องจัดทารายงาน การบ้าน หรือ เอกสารตา่ ง ๆ ซ่ึงพบวา่ นักศกึ ษาทางานเอกสารได้ล่าชา้ เนื่องจากการขาดทักษะในดา้ นการพิมพ์ ผู้วิจัยจึงได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทักษะการพิมพ์ภาษาไทย ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่นโดยใช้ โปรแกรมการฝึกพมิ พอ์ อนไลน์ Thaiedu ทฤษฎี เอกสารและงานวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง ในการจัดการวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ เร่ือง การพัฒนาทักษะการพิมพ์ภาษาไทย ด้วยโปรแกรมการฝึกพิมพ์ ของนกั ศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี สาขาวชิ าวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชมงคล ขอนแก่น วทิ ยาเขตขอนแก่น ผู้จัดทาไดท้ าการศึกษาทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ งทีใ่ ชใ้ นการวิจัย ดังนี้ 1. การพฒั นาทกั ษะ ทักษะ (Skill) หมายถึง ความสามารถในการจัดการกับพฤตกิ รรมทเี่ กยี่ วข้องกบั คนอ่ืน ๆ ซึ่ง นาไป สู่ระดับการปฏิบัติตามท่ีต้องการ ครอนบาร์ค กล่าวว่า ทักษะว่าเป็นการปฏิบัติท่ีเกิดจากการเรียนรู้สามารถ กระทาได้โดยแทบจะไม่ต้องใช้ความคิด ซึ่งเม่ือพิจารณาความหมายและลักษณะของทักษะข้างต้นจะเห็นได้ว่าการ ปฏิบัติการอย่างมีทักษะจาเป็นต้องอาศัยพัฒนาการของกระบวนการเรียนรู้ และกลไกการทางานของกล้ามเน้ือใน การปฏิบัติการ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากเกณฑ์ 4 ประการคือ ความเร็ว ความแม่นยา ลักษณะท่าทาง และความ คล่องตัว กล่าวคือ คนท่ีมีทักษะย่อมสามารถปฏิบัติการอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันจากัด มีความแม่นยาในการ เคลอ่ื นไหวกล้ามเน้อื ไม่ขดั เขนิ ผิดพลาด 2. พ้ืนฐานการพิมพ์สัมผัส เนื่องจากปัจจุบันคอมพิวเตอร์กลายเป็นอุปกรณ์ท่ีสาคัญของสานักงาน และ สถานศึกษาท่ัวไป ดังน้ัน ทักษะการพิมพ์สัมผัสบนคอมพิวเตอร์ จึงเป็นทักษะท่ีทุกคน ในสมัยนี้ยากจะปฏิเสธได้ เรามักนิยมใช้คอมพิวเตอรเ์ ข้ามาช่วยในการพิมพ์งานแทนการเขยี นดว้ ยมอื เพราะทาใหเ้ อกสารหรืองานที่ทาอ่านง่าย สะอาด สะดวก เรียบร้อยและสวยงาม การการพมิ พส์ ัมผัสเปน็ ทกั ษะทสี่ าคัญอย่างยิ่งในการทางานบนคอมพวิ เตอร์ 3. แป้นเหย้า คือ แป้นอักษรแถวที่ 2 นับจากแถวล่าง แป้นเหย้าเปรียบเสมือนบ้านหรือท่ีพักนิ้วในระหว่างการ พมิ พ์ การสบื นว้ิ ไปยงั อักษรใดกต็ าม ให้รบี สบื น้ิวกลับมาไว้ที่แป้นเหย้าโดยเร็ว ผู้เรียนจะต้องพยายามฝึกพิมพ์อักษร แป้นเหย้าให้เกดิ ความชานาญ โดยวิธีพิมพส์ ัมผสั พรอ้ มทงั้ ฝึกเคาะคานเว้นวรรคใหถ้ กู ต้อง 4. เค้าโครงแป้นพิมพ์ ในปัจจุบันการใช้เครื่องพิมพ์ดีดด้วยโปรแกรมประมวลผลคาคอมพิวเตอร์เป็นที่นิยมมาก แทนการใช้เคร่ืองพิมพ์ดีด โดยเแป้นพิมพ์ หรือคีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์สาหรับนาเข้าข้อมูลขั้นพื้นฐาน ทาหน้าท่ีเช่ือม---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 196 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับระบบคอมพิวเตอร์ โดยส่งคาสั่งหรือข้อมูลจากผู้ใช้ไปสู่หน่วยประมวลผลในระบบ คอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ท่ีถูกฉาบด้วยหมึกท่ีเป็นตัวนาไฟฟ้า เม่ือถูกกดจนติดกันก็จะมี กระแสไฟฟ้าไหลในตวั วงจร เมอ่ื ผู้ใช้กดแปน้ ใดแป้นหนึ่ง ข้อมลู ในรปู ของสัญญาณไฟฟา้ จากแป้นกดแต่ละแป้นจะถูก เปรียบเทียบรหัส (Scan Code) กับรหัสมาตรฐานของแต่ละแป้นท่ีกด เพ่ือเปลี่ยนให้เป็นตัวอักษร ตัวเลข หรือ สัญลักษณ์ไปแสดงบนจอภาพ 5. การใช้งานแป้นพมิ พค์ อมพิวเตอร์ แปน้ พมิ พ์งานคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักท่ีใช้ในการนาข้อมูลลงในเคร่ือง คอมพิวเตอร์ มลี ักษณะเป็นปมุ่ ตวั อกั ษรเหมอื นปมุ่ เครื่องพิมพ์ดีด เป็นอุปกรณ์รับเข้าพ้ืนฐานที่ต้องมีในคอมพิวเตอร์ ทกุ เครอื่ ง จะรบั ข้อมูลจากการกดแปน้ แลว้ ทาการเปลย่ี น เปน็ รหสั เพ่ือสง่ ต่อไปให้กบั คอมพวิ เตอร์ 6. การฝึกพิมพ์ แบบฝกึ พมิ พจ์ ะแตกตา่ งจากตาราเรยี นทวั่ ไป คือเปน็ ส่อื ทีท่ าหนา้ ทเ่ี ป็นส่ิงเร้าหรือต้นฉบับเพื่อให้ ผู้เรยี นฝึกพมิ พ์ตาม โดยผู้เร่มิ ตน้ เรยี นตอ้ งขานหรืออา่ นทีละอกั ษรในแบบฝึกพมิ พไ์ ปพรอ้ มกับการเคาะแปน้ วิธีดาเนินการวิจยั ผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนนิ การวจิ ัยโดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี 1. ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง 1.1 ประชากร ไดแ้ ก่ ประชากรท่ใี ชใ้ นการวิจยั คร้ังนี้คือ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีคือ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ชั้นปีท่ี 4 จานวน 15 คนได้มาโดย การเลือกแบบเจาะจง เพื่อให้เหมาะสมกบั ระยะเวลาในการทาการวิจัย 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 เคร่ืองมือที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน คือ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การพัฒนาทักษะการพิมพ์ ภาษาไทย ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ด้วยโปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu โดยใช้วิธีการสอนแบบ สาธติ ร่วมกบั การลงมือปฏิบัติ ซึ่งแบง่ การประเมนิ ทักษะออกเป็น 12 แบบทดสอบ 2.2 เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินทักษะบันทึกค่าเปอร์เซ็นต์ความถูกต้อง และ แบบประเมนิ ทกั ษะบนั ทึกคา่ เวลาที่ใช้ในการพมิ พ์ 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.1 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ขนั้ ต้น คอื ผวู้ ิจยั ทาการทดสอบการพิมพ์ภาษาไทย ด้วยโปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu ของนกั ศกึ ษากล่มุ ตวั อย่างเพือ่ เก็บข้อมลู ทกั ษะการพมิ พ์กอ่ นจัดการเรียนรู้ด้วยโปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu จานวน 12 แบบทดสอบ 3.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู วจิ ยั มีขน้ั ตอนดงั น้ี 3.2.1 จัดการเรียนการสอนด้วยวธิ กี ารสอนแบบสาธิตและแบบบรรยาย 3.2.2 นักศกึ ษาปฏบิ ัตกิ ารพิมพ์ภาษาไทย ด้วยโปรแกรมฝกึ พมิ พ์ออนไลน์ Thaiedu โดยมจี านวน 12 บท 3.2.3 การประเมินผล การปฏิบัติการพิมพ์ภาษาไทย ด้วยโปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu ของ นักศึกษาดว้ ยแบบประเมนิ ทักษะ 4. สถติ ิท่ใี ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล ได้แก่ การหาคา่ ร้อยละ,การหาคา่ เฉล่ยี และการหาค่าสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 197 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ผลการวิจัยผลการประเมินทกั ษะการพมิ พภ์ าษาไทย โดยใชโ้ ปรแกรมฝึกพมิ พอ์ อนไลน์ Thaiedu ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบสาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น แต่ละบทหลังจากการทาการมดสอบตารางที่ 1 ผลการประเมินทกั ษะการพิมพภ์ าษาไทยหลังเรยี น คา่ เฉลี่ยกอ่ นเรยี น ค่าเฉล่ียหลังเรียน การพัฒนาบทท่ี คะแนน เวลา คะแนน เวลา คะแนน เวลา ( % ) ( นาที ) ( % ) ( นาที ) ( % ) ( นาที )1 87.60 0:02:42 96.87 0:02:05 + 9.27 - 0:00:372 90.73 0:01:34 97.87 0:01:22 + 7.14 - 0:00:123 94.87 0:01:27 98.60 0:01:20 + 3.73 - 0:00:074 93.73 0:01:23 97.13 0:01:15 + 3.40 - 0:00:085 93.73 0:01:18 98.27 0:01:13 + 4.54 - 0:00:056 92.93 0:02:11 96.73 0:01:59 + 3.80 - 0:00:127 93.33 0:02:30 95.53 0:02:16 + 2.20 - 0:00:148 92.53 0:05:32 95.13 0:04:46 + 2.60 - 0:00:469 91.80 0:05:07 94.67 0:04:37 + 2.87 - 0:00:3010 93.67 0:04:31 95.20 0:04:17 + 1.53 - 0:00:1411 94.33 0:02:59 96.60 0:03:04 + 2.27 + 0:00:0512 92.73 0:06:19 95.47 0:05:01 + 2.74 - 0:01:18 จากตารางที่ 1 จะเห็นได้วา่ ผลการพฒั นาทกั ษะการพิมพ์ภาษาไทย โดยใช้โปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaieduดว้ ยการจัดการเรียนการสอนแบบสาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มีผลคะแนนของบทท่ี 1 ถึง บทท่ี 12 แล้วจะพบว่าการจัดการเรียนการสอนแบบสาธิตร่วมกับการสอนแบบบรรยายและลงมือปฏิบัติ โดยใช้โปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu มีค่าเฉล่ียของคะแนนหลังเรียนท่ีสูงข้ึนจานวน 12 บท คิดเป็นร้อยละ 100 เวลาเฉลี่ยในการพิมพ์ลดลงจานวน 11 บท คิดเป็นร้อยละ 91.67 และเวลาเฉลยี่ ในการพิมพเ์ พ่มิ ข้นึ จานวน 1 บท คิดเป็นรอ้ ยละ 8.33สรปุ และการอภิปรายผล ผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการพิมพ์ภาษาไทย โดยใช้โปรแกรมฝึกพิมพ์ออนไลน์ Thaiedu โดยรูปแบบการจดั การเรยี นการสอนแบบสาธิตร่วมกบั รูปแบบการสอนแบบบรรยายและรูปแบบการสอนแบบลงมือปฏิบัติ จากเกณฑ์ พบว่านักศึกษามีค่าเฉลี่ยของคะแนนผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนด ซึ่งมีค่าเฉล่ียของคะแนนหลังเรียนที่สูงขึ้นจานวน12 บท คิดเป็นรอ้ ยละ 100 เวลาเฉล่ียในการพิมพล์ ดลงจานวน 11 บท คิดเป็นร้อยละ 91.67 และเวลาเฉล่ียในการพิมพ์เพิ่มข้ึนจานวน 1 บท คิดเป็นร้อยละ 8.33 ซึ่งบทท่ี 11 มีเวลาเฉล่ียในการพิมพ์เพิ่มข้ึนเป็นเหตุมาจาก การ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 198 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ทดสอบทักษะการพิมพ์ภาษาไทยบทท่ี 11 เป็นการฝึกพิมพ์อักขระท่ีไม่ได้ใช้งานบ่อยจึงส่งผลให้กลุ่มตัวอย่างต้องใช้ เวลาในการพิมพ์เพ่ิมขึ้น ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ กมลทิพย์ บริบูรณ์ การวิจัยการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค การสอนแบบสาธิต เรื่องอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 การศึกษาในคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบแผนการทดลองแบบ กลุ่มเดียวทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนค่าเฉล่ียท่ีแตกต่างกัน ในการสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วย นยั สาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 ความกา้ วหนา้ ทางการเรยี นทั้งชน้ั เรียนอย่ใู นระดับสูง เอกสารอา้ งอิง กมลทิพย์ บรบิ ูรณ์,ดร กานตต์ ะรตั น์ วฒุ เิ สลา. การวิจยั การจดั การเรียนรโู้ ดยใชเ้ ทคนิคการสอนแบบสาธติ เรื่อง อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมเี พื่อพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น สาหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5: The 34th National Graduate Research Conference ; 27 มีนาคม 2558 มหาวิทยาลัยขอนแก่น. หน้า 1956- 2005 นายอิสระพงษ์ อปุ ระ. การพฒั นาทักษะการพิมพส์ มั ผัส ของนักเรยี นระดบั ประกาศนยี บตั ร วิชาชพี ชั้นปีท่ี 2 สาขาวิชาชีพคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ โดยแบบฝกึ พิมพ์สมั ผัส ; 2554 วทิ ยาลัยเทคโนโลยีพณชิ ยการบ้านมว่ ง. สมบรู ณ์ แซ่เจง็ . การพมิ พ์สมั ผสั ;2554 ออนไลน์ เขา้ ถงึ ข้อมลู ไดท้ ่ี https://www.gotoknow.org/posts/419253 สมบูรณ์ แซ่เจง็ . ทกั ษะพิมพส์ มั ผัส ; 2554: ออนไลน์ เขา้ ถึงขอ้ มูลได้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/419257 เว็บไซต์ โยงใยไทย-ศกึ ษา, โปรแกรมฝกึ พิมพ์ออนไลน์ http://www.thaiedu.net/typing/index.php---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 199 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาทักษะการใช้ออสซิลโลสโคปของนักศึกษา สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแกน่ ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตรว่ มกับการลงมือปฏบิ ัติ Improvement Oscilloscopes Skills for Students of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus with Learning by Demonstration in conjunction with Doing Practice จักรพงศ์ สุพรรณคา1* นาวิน บุญราชสุวรรณ2 และกิตติ ทลู ธรรม3 บทคัดยอ่ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพ่ิมทักษะการใช้ออสซิลโลสโคปของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิต ร่วมกับลงมือปฏิบัติ โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น ชั้นปีที่ 4N2 จานวน 15 คน มีเคร่ืองมือท่ี ใช้ในการวิจัย คือ แผนการสอนการใช้ออสซิลโลสโคปด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตร่วมกับการลงมือปฏิบัติ และแบบ ประเมินทกั ษะการใชอ้ อสซิลโลสโคป นาข้อมูลท่ีได้จากการประเมินทักษะมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ 1) การหา ค่าร้อยละ 2) การหาค่าเฉลี่ย และ 3) ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ซ่ึงผลการวิจัยพบว่า ผลการประเมินทักษะการใช้ ออสซลิ โลสโคป ดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบสาธิตและลงมอื ปฏิบัติ มคี ะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 31.93 คะแนน จากคะแนนเฉล่ีย ที่ได้คิดเป็นร้อยละ 88.70 และมีค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนนอยู่ท่ี 2.25 โดยตรงตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่า ทักษะการใช้ออสซิลโลสโคปของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ที่เรียนด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตร่วมกับลงมือปฏิบัติ สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 80 ซ่ึงจากกลุ่มตัวอย่างได้ผ่านเกณฑ์การประเมินดังกล่าวจานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของกลุ่ม ตวั อย่าง คาสาคญั : การสอนด้วยวิธีสาธติ ร่วมกับลงมือปฏบิ ตั ิ, วิจัยในชนั้ เรียน, ทกั ษะการใชอ้ อสซลิ โลสโคป 1 คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น * Email : dewscan001@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 200 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract The purpose of this research were to improvement oscilloscopes skills for students of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus with learning by demonstration in conjunction with doing practice. A sample was selected from students class 4N2 of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus 15 students. By lesson for using oscilloscopes and skill evaluation form analyze by using average and percent. The findings shows, pointed out, revealed that average 31.93 score or 88.70 percent and standard deviation is 2.25 that match with hypothesis is oscilloscopes skills of students of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus with learning by demonstration in conjunction with doing practice upper 80 percent is 15 students or 100 percent of A sample was selected Keyword : learning by demonstration in conjunction with doing practice, classroom research, oscilloscopes skills บทนา พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 หมวด 4 มาตราที่ 22 กลา่ วว่า“การจดั การศึกษาตอ้ งยดึ หลกั วา่ ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมี ความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตาม ศกั ยภาพ” และมาตราที่ 24 (1) จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคานงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล (2) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการการเผชิญสถานการณ์ และการ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชเ้ พอื่ ป้องกันและแก้ไขปญั หา และ (3) จัดกจิ กรรมใหผ้ เู้ รียน ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึก การปฏบิ ัตใิ ห้ทาได้ คดิ เป็น ทาเป็น รกั การอา่ นและเกดิ การใฝร่ ้อู ย่างตอ่ เน่อื ง จากแนวคดิ ดงั กลา่ ว เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคล จึงมีวิธีการสอนท่ีหลากหลายข้ึนมา โดยในการเลือกใช้วิธีการสอนใด ๆ มาใช้น้ัน ผู้สอนจะต้องพิจารณา วิธกี ารสอนไปตามสถานการณ์ สภาพแวดล้อมของหอ้ งเรยี น และความเหมาะสมกับเนอ้ื หาการเรียนด้วย จากปญั หานกั ศกึ ษาสาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ส่วนใหญย่ ังไมม่ คี วามเชี่ยวชาญในการใชอ้ อสซิลโลสโคปเพยี งพอท่ีนาไปใช้สอนได้ใน อนาคต ผู้จัดทาจึงมีแนวคิดในการนาวิธีการสอนแบบสาธิตร่วมกับลงมือปฏิบัติจริง โดยให้ผู้สอนจะเป็นผู้ลงมือ ปฏิบัติในสิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียนทาได้ โดยการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ไว้อย่างครบถ้วน แล้วทาการแสดงการ ปฏบิ ัตไิ ปพร้อม ๆ กบั การบรรยายไปดว้ ยในขณะที่ทาการปฏบิ ตั ิ จากน้นั จึงใหผ้ ้เู รยี นได้ลงมือปฏิบัติจริง มาใช้ในการ จดั การอบรมเพอ่ื เพม่ิ ทักษะการใช้ออสซลิ โลสโคป ดังน้ัน ผู้วิจัยจึงมีแนวทางในการพัฒนาทักษะการใช้ออสซิลโลสโคปของนักศึกษาสาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ด้วยวิธีการ สอนแบบสาธิตรว่ มกับการลงมอื ปฏบิ ัติ โดยวัตถปุ ระสงคข์ องงานวิจัยชิ้นนี้ คือ เพ่ือเพ่ิมทักษะการใช้ออสซิลโลสโคป---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 201 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ด้วยวธิ กี ารสอนแบบสาธติ ร่วมกบั ลงมอื ปฏบิ ัติ ทฤษฎที ีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ผู้วจิ ัยไดศ้ ึกษาทฤษฎที ่ีเก่ยี วข้องเพ่ือเปน็ แนวทางในการศึกษา ดงั น้ี 1) วิธีสอนแบบสาธิต หมายถงึ การทีค่ รหู รอื นกั เรยี นคนใดคนหนึ่ง แสดงบางสิง่ บางอยา่ งให้นกั เรยี นดู หรอื ให้เพื่อนๆ ดู อาจเปน็ การแสดงการใชเ้ ครอ่ื งมอื แสดงให้เห็นกระบวนการวธิ ีการและกลวธิ ตี า่ ง ๆ 2) การสอนด้วยวิธีน้ีเป็นการสอนแบบให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยผู้เรียนลงมือปฏิบัติหลังจากได้ชมการ สาธิตจากผู้สอนหรือได้ทาการศึกษาในห้องเรียนมาแล้ว โดยมีผู้สอนคอยดูแลให้การศึกษาอย่างใกล้ชิด ทาให้การ เรียนรู้เปน็ ไปดว้ ยความรวดเรว็ ยงิ่ ขน้ึ เพราะวา่ ผู้เรียนน้นั ได้มโี อกาสทดสอบความสามารถเฉพาะตวั เองต่อหนา้ ผู้สอน 3) ออสซลิ โลสโคป เปน็ เครื่องวดั ทางไฟฟ้าที่ทาให้เราสามารถเห็นรูปคล่ืนสัญญาณที่แปรเปลี่ยนตามเวลา ได้ วิธีดาเนนิ การวจิ ยั ประชากร ได้แก่ ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัยคร้ังน้ีคือ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ช้นั ปีที่ 4N2 จานวน 15 คน ได้มา โดยการเลอื กโดยวธิ เี จาะจงกลุ่มตัวอยา่ งท่ีมีเวลาเรียนวา่ งสอดคลอ้ งกบั ชว่ งเวลาทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั โดยมีเครอื่ งมือที่ใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ แผนการสอนการใช้ออสซิลโลสโคปดว้ ยวิธกี ารสอนแบบสาธิตร่วมกับ การลงมอื ปฏิบตั ิ และแบบประเมินทกั ษะทกั ษะการใช้ออสซลิ โลสโคป ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ จะ ประเมินความสอดคล้องของเนอ้ื หาทตี่ อ้ งการศึกษาและขอ้ คาถามโดยผเู้ ช่ียวชาญ ในข้ันตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล จะแบ่งออกเป็น 2 ขน้ั ตอนคือ การเก็บรวบรวมข้อมูลข้ันต้น จะเป็นการ เก็บข้อมูลโดยการศึกษาคะแนนในภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ออสซิลโลสโคปของนักศึกษาที่ลงทะเบียนในรายวิชา เครอ่ื งมอื วดั ทางไฟฟ้า และ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู วิจัย จะมขี น้ั ตอนดังน้ี 1) เตรยี มสอ่ื การเรยี น เอกสารประกอบการเรยี น สถานที่ใช้ในการทดลองการเพ่ิมทักษะการใช้ ออสซิลโลสโคปด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตร่วมกับการลงมือปฏิบัติ โดยใช้ห้อง 13401 ตึก 13 ค.อ.บ. วิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ 2) จัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตและลงมือปฏิบัติ เรื่อง ทักษะการใช้ ออสซิลโลสโคปตามแผนการสอน 3) อาจารย์ประเมินผลการปฏบิ ตั กิ ารใช้ออสซลิ โลสโคปในการวัดแรงดันไฟฟ้าของนักศึกษาด้วย แบบประเมนิ ทกั ษะการใช้ออสซลิ โลสโคปของนกั ศึกษา 4) นาผลการประเมินทักษะท่ีไดไ้ ปใช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใช้สถิติ การหาค่ารอ้ ยละ, การหา ค่าเฉลย่ี และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 202 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ผลการวิจยั ผลการประเมินทักษะการใช้ออสซิลโลสโคปด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตและลงมือปฏิบัติของกลุ่มตัวอย่างจากการปฏิบตั กิ ารใชอ้ อสซลิ สโคปในการวัดแรงดันไฟฟ้าตามใบประเมินทักษะ ไดผ้ ลดงั ตารางท่ี 1ตารางท่ี 1 ผลการประเมินทักษะพน้ื ฐานการใช้ออสซิลสโคปในการวัดแรงดนั ไฟฟ้าตามใบประเมินทกั ษะคนท่ี คะแนน (เตม็ 36 คะแนน) ร้อยละของคะแนน (%)1 35 97.222 30 83.333 35 97.224 31 86.115 29 80.566 34 94.447 29 80.568 35 97.229 31 86.1110 32 88.8911 34 94.4412 31 86.1113 33 91.6714 31 86.1115 29 80.56 เฉลย่ี 31.93 88.70ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 2.25 จากตารางท่ี 1 จะเห็นได้ว่าผลการประเมินทักษะพื้นฐานการใช้ออสซิลโลสโคป ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตและลงมือปฏิบัติ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 31.93 คะแนน จากคะแนนเฉล่ียที่ได้คิดเป็นร้อยละ 88.70 และมีค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนอยทู่ ่ี 2.25 โดยนกั ศึกษาผา่ นเกณฑก์ ารประเมินที่กาหนดไว้ร้อยละ 80 ทกุ คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100 ของกลุม่ ตวั อยา่ งทั้งหมดสรุปและการอภิปรายผล จากผลการวิจัย ผลปรากฏว่าตรงตามสมมติฐานท่ีต้ังไว้ว่า ซึ่งจากกลุ่มตัวอย่างได้ผ่านเกณฑ์การประเมินดงั กลา่ วจานวน 15 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100 ของกลมุ่ ตัวอย่าง เน่ืองจากระดบั ความรทู้ างดา้ นทักษะพสิ ยั น้ัน จะเร่ิมที่การรบั รู้กอ่ น จึงจะสามารถกระทาตามแบบได้ จากน้ันเม่ือได้ลงมือปฏิบัติบ่อยคร้ังก็จะสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องพ่งึ แบบจนลงมือปฏิบตั ิไดเ้ องโดยเป็นธรรมชาติ จงึ ทาใหก้ ารนาวิธีการสอนแบบสาธิตและการลงมือปฏิบัติมาช่วยในการเพม่ิ ทกั ษะการใชอ้ อสซิลโลสโคปน้ัน เปน็ ไปตามสมมติฐานของงานวิจัยท่ีได้ต้ังไว้ และสอดคล้องกับงานวิจัยของณัฐภูมิ จาระธรรม (2558) ผลการเรียนรู้การใช้วิธีสอนแบบสาธิตรายวิชางานทดลองเครื่องกลนักศึกษาแผนกวิชา---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 203 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ช่างยนต์ ระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพข้ันสูงปีท่ี 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทร พบว่า จากการประเมินผลการเรียนรู้ วิธีการสอนแบบสาธิตสาหรับรายวิชางานทดลองเครื่องกล นักศึกษามีผลการเรียนรู้โดยรวม อยู่ในระดับมาก มี ค่าเฉล่ีย 4.16 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 3.91 บรรณานุกรม ณฏั ฐพงษ์ ฉายแสงประทีป, 2557. “การศึกษาการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติในรายวิชา TMT423 ระเบียบวิธีวิจัย สาหรบั อุตสาหกรรมท่องเท่ยี ว”. การจัดการการทอ่ งเทีย่ ว คณะศิลปศาสตร.์ ณัฐภูมิ จาระธรรม, 2558. “การศึกษาผลการเรียนรู้การใช้วิธีสอนแบบสาธิต รายวิชางานทดลองเคร่ืองกล นกั ศกึ ษาแผนก วิชาช่างยนต์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปีที่ 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีเม โทร”. วทิ ยาลัยเทคโนโลยเี มโทร. รปิ อง กัลติวาณิชย์, 2556. “ผลการเรียนแบบผสมผสานด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตเพ่ือการฝึกทักษะปฏิบัติวิชา คอมพิวเตอรก์ ราฟกิ เร่อื ง การสร้างภาพเคล่ือนไหว ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนสิรินธร ราชวิทยาลยั ”. โรงเรียนสิรนิ ธรราชวทิ ยาลยั . เสนอ ภิรมจิตผ่อง. 2542. “การประเมินผลการปฏิบัติ: PERFORMANCE EVLUATION.”. สถาบันราชภัฏ อุบลราชธานี. อานาจ สาธานนท,์ 2554. “สอ่ื การสอนวชิ าฟิสกิ ส์ ประเภทสารคดี เร่อื ง การใชอ้ อสซิลโลสโคปเบอ้ื งต้น”. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน และคณะวิทยาศาสตร์จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 204 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาทักษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิต ของนักศึกษาช้ันปีที่ 3 สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น นลิ าวัณย์ ไพรภบิ าล1* ศภุ รดา บบุ ผา2 และกติ ติ ทลู ธรรม3 บทคดั ย่อ งานวิจยั นมี้ วี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื พัฒนาทักษะพื้นฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ดว้ ยวิธีการสอนแบบสาธิตของ นักศึกษาช้ันปีท่ี 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวชิ าวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ กลมุ่ ตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ ที่มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการ เรยี นในรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอรต์ ่ากวา่ C จ่านวน 16 คน เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจัย ประกอบดว้ ย แผนการ จัดการเรียนรู้ เร่ืองทักษะพ้ืนฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จ่านวน 3 ชั่วโมง ใบปฏิบัติงานหลังเรียนด้วย วิธีการสอนแบบสาธิต มีจ่านวน 4 ข้อ แบบประเมินทักษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์หลังเรียนด้วย วิธีการสอนแบบสาธิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ การหาค่าร้อยละ การหาค่าเฉลี่ย และการหาค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ทักษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาที่เรียน ด้วยวิธีการสอน แบบสาธิต มีผู้ผ่านเกณฑ์การประเมินทักษะ 80% ตามท่ีก่าหนดไว้ จ่านวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 91.67 ของ กล่มุ ตวั อย่าง คาสาคัญ : ทกั ษะการเขยี นโปรแกรม , การสอนแบบสาธติ ABSTRACT The purpose of this research were to develop skill of computer programming with demonstration technique of 3 year students. Rajamangala University of Technology Isan, Khonkaen campus Faculty of Technical Education Department of Computer Engineering. The sample from 3 year students, Who had GPA course computer programming lower C were 16 students. The instruments consisted of lesson plan with demonstration technique , worksheet posttest learning with demonstration technique and evaluation of performance. The data were analyzed by using percentage, mean and standard deviation. The results of research : Skill of computer programming by demonstration technique of 3 year students, The case study evaluation criteria pass of 11 person, 91.67 percentage. Keywords : skill computer programming , demonstration technique 1คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ *E-mail : Nilawan0799@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 205 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา จากการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยี ส่งผลให้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการด่าเนินชีวิต ของมนุษย์ โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีนี้ ท่าให้การจัด การศึกษาจะต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกระบวนการในการจัดการศึกษา เพ่ือที่จะให้สอดคลองกับการ เปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึน แต่สภาพการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน จากการสงั เกตพบว่าครูผ้สู อนสว่ นใหญ่จะท่าการ ยึดแบบเรียนเป็นหลัก และเร่งท่าการสอนให้จบเน้ือหาในบทเรียน โดยการสอนจะเน้นให้ท่าการท องจ่า มีการ บรรยายบา้ งผู้เรียนเปน็ เพยี งผ้รู ับฟงั ผู้เรียนไมมสี ว่ นรว่ มในการจัดการเรยี นการสอนและไมมีการน่าส่ือ หรือเทคนิค วิธีการสอนที่หลากหลายมาใช้ ท่าให้การจัดการศึกษามีบรรยากาศในการเรียนไม่น่าสนใจ และผู้เรียนขาดความ เข้าใจในเร่อื งทเ่ี รยี น เทคนคิ วิธกี ารสอนจึงถอื เปน็ องคป์ ระกอบทส่ี า่ คัญอยา่ งหน่ึง ท่ีจะท่าให้ผู้เรียนสามารถเกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ โดยเทคนิควธิ ีการสอนมีหลากหลายรูปแบบ หนงึ่ ในเทคนคิ วิธกี ารสอนนั้นคือ เทคนิควิธีการสอนแบบสาธิต โดยเป็น วธิ ีการสอนทคี่ รูมีหนา้ ที่ในการวางแผนการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ มีการแสดงหรือการกระท่าให้ดูเป็นตัวอย่าง นักเรียนจะเกดิ การเรยี นรจู้ ากการสังเกต การฟัง การกระท่า หรือการแสดง และอาจเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้ามามี สว่ นร่วมบ้าง ผู้เรียนก็ได้ประสบการณ์ตรง ถือเป็นวิธีการสอนท่ีมุ่งช่วยให้ผู้เรียนทั้งชั้นได้ เกิดความรู้ความเข้าใจใน การปฏิบัตินั้นชัดเจนข้ึน และในหลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มีการเรียน การสอนในรายวิชาการ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซงึ่ เป็นอกี รายวิชาหนง่ึ ท่ยี ากตอ่ การท่าความเข้าใจของผู้เรียน ผู้เรียนส่วนมากมักจะไม่เข้าใจ ในเน้อื หาของบทเรียน จึงท่าใหข้ าดทกั ษะพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสง่ ผลให้ผลสมั ฤทธิท์ างการ เรียนในรายวชิ าการโปรแกรมคอมพิวเตอรต์ า่ จากปัญหาดังท่ีกล่าวมาข้างต้น ผู้จัดท่าได้เห็นปัญหาในการจัดการเรียนการสอนของรายวิชานี้ จึงได้น่าเทคนิค วิธกี ารสอนแบบสาธิตมาใช้ในการสอน เพ่ือท่าให้ผเู้ รยี นมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะพื้นฐาน ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเพอื่ ทจ่ี ะพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นในรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ให้ดีย่ิงขน้ึ ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง ในการจัดท่าการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เร่ือง การพัฒนาทักษะพ้ืนฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วย วิธกี ารสอนแบบสาธิตผูจ้ ดั ทา่ ไดศ้ กึ ษาทฤษฎีและงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ งทีใ่ ช้ในการวจิ ัย ดงั นี้ 1. เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั ได้แก่ แบบทดสอบ คอื ชดุ ของค่าถาม งานหรือสถานการณท์ ่กี า่ หนดข้นึ เพ่ือใช้เป็น สิง่ เรา้ ให้บุคคลแสดงพฤตกิ รรมตอบสนองออกมา เปน็ เครอื่ งมือหลกั ที่ผู้สอนใช้วัดผลการเรียนของผเู้ รียน และแบบ ประเมินการปฏบิ ัติ คือ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ประกอบการประเมนิ การใหป้ ฏบิ ัตจิ ริง เพ่อื วดั ความสามารถในการปฏบิ ัตงิ าน หรือกิจกรรมทเ่ี ป็นพฤตกิ รรมด้านทกั ษะพสิ ยั 2. การจัดการเรยี นรูแ้ บบสาธิต คือกระบวนการทผ่ี ู้สอนใช้ในการชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นได้เกิดการเรียนรตู้ ามวัตถปุ ระสงค์ โดยการแสดงหรือกระทา่ ใหด้ ูเป็นตวั อย่างพร้อม ๆ กบั การบอกหรอื อธิบายให้ ผู้เรยี นไดเ้ กดิ การเรยี นรจู้ ากการสงั เกต กระบวนการขน้ั ตอนการสาธติ นั้น ๆ เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนซักถามอภปิ ราย และสรุปการเรยี นทไี่ ดจ้ ากการสาธติ 3. โปรแกรมโค้ดบล็อก เป็นโปรแกรมประเภทโอเพ่นซอรส์ และใชใ้ นการเขียนโปรแกรมภาษาซี 4. องคป์ ระกอบพน้ื ฐานของโปรแกรมภาษาซี ประกอบด้วย โครงสรา้ งพื้นฐาน อักขระในภาษาซี หลักการตั้งช่ือ ชนดิ ขอ้ มลู ตวั แปร ฟังก์ชันรับค่าข้อมูล และฟงั กช์ นั ในการแสดงผลขอ้ มลู---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 206 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การศึกษางานวิจยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ได้แก่ วจิ ยั ผลการเรียนแบบผสมผสานด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตเพื่อการฝึกทักษะ ปฏบิ ัติ เรอื่ งการสร้างภาพเคลื่อนไหว ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นสิรนิ ธรราชวิทยาลยั มีวัตถุประสงค์ เพอ่ื การฝกึ ทกั ษะปฏิบัติ เร่ืองการสร้างภาพเคลื่อนไหวโดยการจดั การเรยี นแบบผสมผสานด้วยวธิ ีการสอนแบบสาธิต กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จ่านวน 40 คน ผลการวิจัยพบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรียนโดยการจัดการเรียนแบบผสมผสานด้วยวิธีการสอนแบบสาธิต เพ่ือการฝึกทักษะปฏิบัติ เร่ืองการสร้าง ภาพเคลื่อนไหว มีผลสมั ฤทธ์หิ ลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธดี าเนนิ การวจิ ัย ผวู้ ิจัยไดด้ าเนนิ การวจิ ยั โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 1.1 ประชากร ไดแ้ ก่ นักศกึ ษาชน้ั ปที ี่ 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวชิ าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นกั ศึกษาช้นั ปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะ ครศุ าสตร์อุตสาหกรรม สาขาวชิ าวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ โดยเลือกแบบเจาะจงนักศกึ ษาทีม่ ีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่ากว่า C ซ่ึงเป็นนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาการโปรแกรม คอมพิวเตอร์ พบว่านักศึกษาชั้นปีท่ี 3 ที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่ากว่า C จ่านวน 16 คน 2. เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการวิจยั 2.1 เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการจดั การเรยี นการสอน คือแผนการจดั การเรยี นรู้ เรอื่ งทกั ษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ จา่ นวน 3 ชัว่ โมง 2.2 เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ได้แก่ ใบปฏิบัตงิ านหลงั เรียนด้วยวธิ ีการสอนแบบสาธติ และแบบ ประเมนิ ทกั ษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ หลังเรียนดว้ ยวิธีการสอนแบบสาธติ 3. การเก็บรวบรวมข้อมลู 3.1 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ขน้ั ตน้ คือ ผวู้ ิจัยท่าการศกึ ษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของนักศกึ ษาทลี่ งทะเบยี น เรียนในรายวชิ าการโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 3.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู วจิ ยั มีขน้ั ตอนดงั นี้ 3.2.1 เตรียมสื่อการเรยี น และสถานท่ีใช้ในการทดลองการเรยี นดว้ ยวิธกี ารสอนแบบสาธิต 3.2.2 จดั การเรียนการสอนดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบสาธติ เรอื่ งทักษะพื้นฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ 3.2.3 นกั ศกึ ษาปฏิบตั กิ ารเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตามใบปฏบิ ตั ิงานหลงั เรียน โดยมจี า่ นวน 4 ขอ้ 3.2.4 อาจารยป์ ระเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรข์ องนกั ศึกษา ด้วยแบบประเมิน ทักษะพื้นฐานการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และนา่ ผลการประเมินทักษะที่ไดไ้ ปใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 207 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 4. การวิเคราะห์ขอ้ มูล ใช้แบบประเมนิ ทักษะ ที่มรี ะดบั คะแนน 5 ระดับ ซ่งึ มีความหมายดงั นี้ 5 หมายถงึ มที กั ษะในระดบั ดีมาก 4 หมายถึง มที ักษะในระดับดี 3 หมายถงึ มที กั ษะในระดับพอใช้ 2 หมายถงึ มีทักษะในระดับปรบั ปรุง 1 หมายถึง มที ักษะในระดับไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมิน น่าผลคะแนนท่ีไดจ้ ากการประเมนิ ทักษะพื้นฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์มาแปลผลโดยคิดเปน็ ร้อยละ 5. สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล ไดแ้ ก่ การหาคา่ รอ้ ยละ,การหาค่าเฉล่ยี และการหาคา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานผลการวิจยัผลการประเมินทักษะพื้นฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิต ของนักศึกษาชั้นปีท่ี 3แตล่ ะคน หลงั จากการปฏบิ ตั ิการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ตามใบปฏิบัตงิ าน แสดงดงั ตารางที่ 1ตารางที่ 1 ผลการประเมนิ ทกั ษะพน้ื ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ คนท่ี คะแนนรวม (X) รอ้ ยละของคะแนน 1 43 95.56 2 44 97.78 3 41 91.11 4 44 97.78 5 45 100 6 44 97.78 7 43 95.56 8 32 71.11 9 45 100 10 45 100 11 38 84.44 12 45 100ค่าเฉล่ยี ( ) 42.42ค่าเฉลีย่ ร้อยละของคะแนน 94.26ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 3.87 จากตารางท่ี 1 จะเห็นได้ว่าผลการพัฒนาทักษะพ้ืนฐานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 มีค่าเฉล่ียรวมของคะแนนอยู่ท่ี 42.42 คะแนนคิดเป็นร้อยละ 94.26 มีนักศึกษาผ่านเกณฑ์การประเมินทักษะ 80% ตามท่ีก่าหนดไว้ จ่านวน 11 คน โดยมีคะแนนมากสุดอยู่ที่ 45 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 100 รองลงมามีคะแนนอยู่ที่ 44 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 97.78 และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินทักษะจา่ นวน 1 คน มีคะแนนอยู่ท่ี 32 คะแนน คดิ เป็นร้อยละ 71.11---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 208 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สรปุ และการอภปิ รายผล จากผลการวจิ ยั พบว่า การพัฒนาทกั ษะพืน้ ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดว้ ยวธิ ีการสอนแบบสาธติ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่ากว่า C จา่ นวน 16 คน โดยจากกลุม่ ตวั อยา่ งมีผเู้ ขา้ ร่วมการพฒั นาทกั ษะพ้นื ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดว้ ยวิธีการ สอนแบบสาธิต 12 คน และไม่ได้เข้าร่วม 4 คน จากการปฏิบัติการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตามใบปฏิบัติงาน จ่านวน 4 ข้อ มีค่าเฉล่ียรวมของคะแนนอยู่ท่ี 42.42 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 94.26 มีผู้ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทักษะ 80% ตามท่ีก่าหนดไว้ จ่านวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 91.67 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด โดยพบว่าจากใบ ปฏิบัติงานท้ัง 4 ข้อ ในข้อที่ 2 มีนักศึกษาไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน 80% ตามท่ีก่าหนดไว้มากสุด จ่านวน 3 คน เนื่องจากนกั ศึกษาไมส่ ามารถใช้รหสั รปู แบบของชนดิ ข้อมูลประเภททศนิยมในการเขียนโปรแกรมได้ เพราะส่วนมาก นักศึกษาจะใช้งานรหัสรูปแบบของชนิดข้อมูลประเภทจ่านวนเต็มมากกว่า จึงท่าให้ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องรหัส รูปแบบของชนิดข้อมูลประเภททศนิยม ดังน้ันจากผลการประเมินทักษะมีผู้ผ่านเกณฑ์ 80% ตามที่ก่าหนดไว้ จ่านวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 91.67 ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานท่ีตั้งไว้ว่า ทักษะพ้ืนฐานการเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ของนักศึกษาช้ันปีท่ี 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม สาขาวชิ าวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ ทเ่ี รยี นโดยวิธีการสอนแบบสาธิตสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 และการ พัฒนาทักษะพน้ื ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดว้ ยวิธีการสอนแบบสาธิตท่ีมีการปฏิบัติเป็นตัวอย่างพร้อมกับ การอธบิ าย ส่งผลให้นักศึกษามีทักษะพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ดีย่ิงข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัย ของริปอง กัลป์ติวาณิชย์ (2556: 74) ที่ได้วิจัยผลการเรียนแบบผสมผสานด้วยวิธีการสอนแบบสาธิต เพื่อการฝึก ทกั ษะปฏบิ ัติ เรื่องการสรา้ งภาพเคลื่อนไหว โดยผลการวิจัยได้ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนดขี ึน้ หลังเรียนด้วยวิธีการสอน แบบสาธิต บรรณานุกรม ทิวัตถ์ มณีโชต.ิ (2554). เทคนคิ การเขียนรายงานการวิจยั และวทิ ยานพิ นธ์. กรงุ เทพฯ : ศูนยก์ ารเรียนรู้และผลิต สง่ิ พมิ พ์ระบบดจิ ติ อล มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร. ทิศนา แขมณ.ี (2551). ศาสตร์การสอน: องค์ความรเู้ พ่อื การจดั การกระบวนการเรยี นรทู้ ่มี ปี ระสิทธิภาพ. กรงุ เทพฯ : สา่ นักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ริปอง กัลป์ตวิ าณชิ ย.์ “ผลการเรียนแบบผสมผสานด้วยวิธีการสอนแบบสาธิตเพอ่ื การฝกึ ทักษะปฏบิ ตั วิ ิชา คอมพิวเตอรก์ ราฟิก เรอ่ื งการสรา้ งภาพเคลื่อนไหว ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นสิรินธรราช วทิ ยาลยั ”, วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต ภาควชิ าเทคโนโลยีการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2556. โอภาส เอยี่ มสริ ิวงศ.์ (2552). “การเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษาซี”. กรงุ เทพมหานคร : ซีเอ็ด.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 209 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปัจจัยท่ีส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สราวุธ นากุดนอก1 วัชระพล อัคฮาด2 และมีโชค ตงั้ ตระกูล3 บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลสัมฤทธ์ิต่อการเรียนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ พื้นฐานของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์แบ่งออกเปน็ 4 ด้านไดแ้ ก่ ผู้สอน ผูเ้ รียน สงิ่ สนับสนุนการสอนและ เนอื้ หา โดยกลุ่ม ตัวอย่างได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยเจาะจงจากการลงทะเบียนในรายวิชา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จานวน 17 คน เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการวจิ ัย แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลสถานภาพทั่วไป ปัจจัยที่ส่งผลสัมฤทธิ์ต่อ การเรยี นวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และ ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใช้ คา่ สถติ ิ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน การดาเนนิ โครงการพบวา่ ปัจจัยด้านตา่ งๆของนักเรียนในหลายระดับโดยมีค่าเฉลี่ยรวมท้ัง 4 ด้าน ���̅��� = 3.53 เม่ือพิจารณาเปน็ รายด้านพบว่าปจั จัยอย่ใู นระดับปานกลางเรยี งตามลาดับคือ ด้านเนอื้ หา ���̅��� = 3.62 ด้านส่อื สนับสนุน การสอน ̅������ = 3.61 ด้านผูส้ อน ���̅��� = 3.46 และดา้ นผเู้ รียน ���̅��� = 3.42 ตามลาดับ คาสาคัญ ปจั จยั ท่ีสง่ ผลสัมฤทธ์ิต่อการเรยี น 1คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ *E-mail : isuroo_mook@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 210 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ABSTRACT The purposes of this research were to study factors effective Programing learning achievement of Rajamangala University of Technology Isan Faculty of Industrial Education Bachelor of Computer Engineering divide into 4 side included student,teacher,teaching support and content of Programing The sample was student of Rajamangala University of Technology Isan Faculty of Industrial Education Bachelor of Computer need specific from study register of Programing was 17 students The instrument used to collect data was divided into 3 episodes and included generality data ,factors effective, Programing learning other, recommendation The statistical devices used for the data analysis were statistic, percent, average The result showed multifarious factors to study in its multifarious degree average result all 4 side ������̅ = 3.53 Which is consider each side the result factors in moderate by side is content of Programing average result ������̅ = 3.62 teaching support average result ������̅ = 3.61 teacher average result ������̅ = 3.61 and student average result ������̅ = 3.61 respectively KEYWORDS: factors effective learning บทนา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กาหนดแนวทางการจัดการศึกษาไว้ว่า การ จัดการศึกษาต้องยึดหลักให้ผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญอย่างที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพโดยคานึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล หลักสูตร กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี เป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียน มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จาเป็นต่อการ ดารงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนาความรู้ เกี่ยวกับการดารงชีวิต การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ผู้วิจัยพบว่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขอนแก่นต้องศึกษาตามหลักสูตรท่ี กาหนดซ่ึงในการศึกษานักศึกษาจะต้องผ่านรายวิชาท่ีอยู่ในหมวดวิชาชีพตามเกณฑ์ที่กาหนดจึงจะสามารถ ลงทะเบียนในรายวิชาชีพท่ีต่อเน่ืองได้ จากการสารวจพบว่านักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ในรายวิชา การโปรแกรม ขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับต่า ในการเรียนนักศึกษาต้องใช้ทั้งความตั้งใจและสมาธิค่อนข้างมาก รวมทั้ง นักศึกษาจาเป็นต้องได้ลงมือปฏิบัติจริง จึงจะสามารถเข้าใจและสามารถทาได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว ซ่ึงในการเรียนรู้ผู้วิจัยพบว่านักศึกษาจะมีความแตกต่างระหว่า งบุคคลค่อนข้างมาก ดงั นัน้ ผวู้ จิ ยั จึงตอ้ งการสารวจปจั จัยท้ัง 4 ประเดน็ ได้แก่ ผู้สอน ผู้เรียน เน้ือหา และ สิ่งสนับสนุนการสอน ที่สง่ ผลต่อการศึกษารายวิชาการโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อีสานวิทยาเขต ขอนแก่น ว่าปัจจัยใดทีส่งผลใหผ้ ลสมั ฤทธิ์ต่อการเรียนรายวชิ าการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มากทสี่ ุด ทฤษฎีและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง 1. การสร้างแบบสอบถามท่ดี ี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 211 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เนื่องจากแบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บข้อมูล ที่ต้องอาศัยความเข้าใจ และการรับรู้ของผู้ตอบ แบบสอบถาม (Subjective) เป็นสาคัญ ดังนั้นการท่ีจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เม่นยา และเชื่อถือได้ จะต้องมีการ ออกแบบ แบบสอบถามทด่ี ี และสามารถใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ลกั ษณะของข้อคาถามหรือแบบสอบถามที่ดี 2. พฤติกรรมการเรียน การศึกษาพฤตกิ รรมการเรียนท่ีดขี องผ้เู รียนจะเป็นแนวทางหน่งึ ทจ่ี ะนาไปสกู่ ารปรบั ปรงุ ประสทิ ธิภาพการเรียน การสอนการมงุ่ ความสนใจและศึกษาทาความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคลจะทาให้ครูและบุคคลรอบ ข้างเข้าใจพฤตกิ รรมการเรยี นทีด่ ขี องนกั เรียนในดา้ นต่างๆ รวมทัง้ ปัจจัยสภาพแวดลอ้ มทางสงั คมโดยเฉพาะการสนับ สนนจุ ากครอบครวั จากเพ่ือนบรรยากาศทางการเรยี นและปัจจยั จิตวทิ ยาท่ีจะชว่ ยให้นักเรยี นตระหนกั ร้ดู า้ นการเรยี น เข้าใจจดุ เด่นจุดด้อยของตนเองและการรับรู้ความคาดหวังของผู้ปกครองเห็นความสาคัญในเร่ืองของพฤติกรรมการ เรียนมากกจ็ ะนาไปสู่การกระทาหรือพฤตกิ รรมการเรยี นท่ดี ตี ามไปด้วย 3. หลักการสอน MIAP Motivation คือการกระตุ้นความสนใจก่อนเข้าบทเรียน อาจจะเป็นการเล่าเรื่องท่ีน่าสนใจ การใช้คาถามนา การแสดง หรือทาอะไรกแ็ ลว้ แต่ท่จี ะใหผ้ เู้ ข้าเรยี นร้สู ึก และคดิ ตามหลงั จากนน้ั กท็ าการโยงเรือ่ งไปส่ขู ั้นตอนทสี่ อง Information ขั้นตอนน้ีจะเป็นการให้เน้ือหากับผู้เข้าอบรม เป็นข้ันตอนของสาระ เน้ือหา รายละเอียด และ ความรูต้ ่างๆ จะอยใู่ นชว่ งน้ี Aplication เป็นขั้นตอนท่ีต้องการตรวจสอบผู้เรียนว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์ท่ีต้องการหรือไม่ ขัน้ ตอนนจ้ี ะถอื เปน็ การสอบผ้เู รยี นนัน่ เอง อาจจะใช้ข้อสอบหรอื ใชก้ ารถามคาถาม หรอื ให้อธิบายใหฟ้ ัง หรือให้แสดงใหด้ ู ให้ ปฏิบัติจริง Progress ขั้นตอนนี้ก็จะตอ่ เน่ืองกับชว่ ง Aplication เราก็จะนาเอาผลของการสอบ การปฏิบตั มิ าทาการตรวจสอบว่า ผ่านตามวัตถุประสงค์หรือไม่แล้วก็ Feedback กลับไปถ้าไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์เราก็จะรู้ว่าผู้เรียนยังขาดความรู้อะไร และก็ทาการแกไ้ ข แลว้ กส็ รุปทาความเข้าใจอีกคร้งั หน่ึง วธิ ีการดาเนนิ การวิจยั 1. ประชากรกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากรได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุ ศาสตร์อตุ สาหกรรมสาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ 2. เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการวิจัย กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ จานวน 17 คน ได้มาโดยการลงทะเบียนเรียนในรายวิชา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จานวน 17 คน 3. การเกบ็ รวมรวมขอ้ มลู การเก็บข้อมูลข้ันต้น เก็บข้อมูลจากผลการเรียนในรายวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การเก็บ ขอ้ มูลวจิ ัยเก็บดว้ ยตยเองโดยแจกแบบสอบถามให้กลมุ่ ตัวอย่างและนามาวิเคราะหข์ อ้ มลู 4. การวิเคราะหข์ ้อมูล ใชแ้ บบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating scale) ตามวธิ ีของลเิ คิร์ท (Likert) มี 5 ระดบั (บญุ ชม ศรีสะอาด,2545:41) ซง่ึ มีความหมายดงั น้ี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 212 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 5 หมายถึง ปัจจยั ท่สี ง่ ผลมากทสี่ ุด 4 หมายถงึ ปัจจัยทสี่ ่งผลมาก 3 หมายถึง ปจั จยั ทส่ี ่งผลปานกลาง 2 หมายถึง ปจั จยั ทสี่ ่งผลน้อย 1 หมายถึง ปจั จัยที่ส่งผลนอ้ ยท่สี ดุนาคะแนนผลการประเมินนาคะแนนผลการประเมินปัจจัยที่ส่งผลสัมฤทธิ์ต่อการเรียนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์พืน้ ฐานมาวเิ คราะหห์ าค่าเฉลี่ย (������̅) และค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) แลว้ นาไปเปรียบเทียบกบั เกณฑท์ ตี่ ้ังไว้ ซึง่ แบ่งออกเปน็ 5 ชว่ ง (บญุ ชม ศรสี ะอาด,2543) ดงั นี้ ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง ปัจจัยทส่ี ง่ ผลมากทสี่ ุด ชว่ งคะแนน 3.51-4.50 หมายถึง ปจั จัยท่สี ่งผลมาก ช่วงคะแนน 2.51-3.50 หมายถงึ ปัจจยั ท่สี ่งผลปานกลาง ช่วงคะแนน 1.51-.2.50 หมายถงึ ปจั จยั ทส่ี ่งผลนอ้ ย ชว่ งคะแนน 1.00-.1.50 หมายถึง ปัจจัยที่ส่งผลน้อยที่สดุ สถติ ิท่ใี ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล การหาร้อยละ การหาค่าเฉล่ยี (Mean) การหาคา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)ผลการวิจยั การวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเป็น 3 ส่วนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ซ่ึงประกอบไปด้วยสถานภาพทั่วไป แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยท่ีส่งผลกระทบให้นักศึกษาหญิง คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ขาดทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ และข้อเสนอแนะอ่ืนๆ เกี่ยวกับปัจจยั ที่สง่ ผลใหน้ ักศึกษาหญงิ ขาดทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลมดี ังนี้ สภาพทั่วไป ระดบั วฒุ ิการศึกษาท่ีจบกอ่ นเข้าศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5 และจบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 37.5 และผลการเรียนรายวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีผลการเรียนรายวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คือ D+จานวน 6 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 37.5 ลาดับรองลงมาผลการเรียนวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์คือ C จานวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 25 ผลการเรยี นวชิ าเทคโนโลยีคอมพวิ เตอรค์ อื C+ จานวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.5 และผลการเรียนระดบั อื่น ๆ ผลการเรยี นละ 1 คน รวม 4 คน คิดเป็นร้อยละ ลาดับสุดท้ายผลการเรียนวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์คอื A B+ B และ D จานวนเทา่ กนั คอื 1 คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 25 ปจั จัยของผู้ตอบแบบสอบถามท้งั 4 ดา้ นคือ คือ ด้านผสู้ อน ดา้ นผูเ้ รยี น ดา้ นส่ือสนบั สนนุ การสอนและ ด้านเน้อื หา แสดงดังตารางที่ 4.1ตารางที่ 4.7 คา่ เฉลีย่ (������̅) ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) และแปลความโดยแบ่งเป็นด้าน ด้าน ̅������ S.D. แปลความ น้อย1. ด้านผู้สอน 3.46 0.89---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 213 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================2. ดา้ นผเู้ รยี น 3.42 1.11 ปานกลาง3. ด้านสื่อสนับสนนุ การสอน4. ด้านเนอื้ หา 3.61 0.82 ปานกลาง ภาพรวมเฉลยี่ 3.62 0.89 ปานกลาง 3.53 0.93 มาก จากตารางท่ี 4.7 พบว่าปัจจัยที่ส่งผลสัมฤทธิ์ต่อการเรียนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ของนักศึกษาในระดับมาก (̅������ = 3.53) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าปัจจัยอยู่ในระดับปานกลางเรยี งตามลาดบั คือ ด้านเนือ้ หา (���̅��� = 3.62) ดา้ นส่อื สนับสนนุ การสอน (̅������ = 3.61) ดา้ นผสู้ อน (̅������ = 3.46) และดา้ นผูเ้ รียน (���̅��� = 3.42) ตามลาดับสรุปและอภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยที่ส่งผลสัมฤทธ์ิต่อการเรียนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพิวเตอรผ์ ้วู ิจัยใช้วิธีการวจิ ัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยเกบ็ ขอ้ มลู ประชากร คือ ของนักศกึ ษามหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมสาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ ได้มาโดยเจาะจงจากการลงทะเบียนในรายวชิ า โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ จานวน 17 คน เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยครง้ั น้คี อื แบบสอบถามความพงึ พอใจ ได้แบ่งของเปน็ 3 ส่วน ดังนี้ 1. สถานภาพทวั่ ไป ปัจจัยส่วนบุคคลพบว่านักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจานวน 7 คน และ เป็นเพศชายจานวน 10 มีผลการเรยี น อย่ใู นระดับ 2.00-3.00 จานวน 9 คน และ อยู่ในระดบั 3.00 ขึน้ ไป 8 คน 2. ผลการประเมินปัจจัยท่ีส่งผลสัมฤทธ์ิรายวิชา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ขั้นพ้ืนฐาน คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ ต่า เมือ่ พิจารณาแต่ละด้านพบว่า ปัจจัยของนักศึกษาอยู่ในระดับมาก (���̅��� = 3.53) เมื่อพิจารณาเป็นรายดา้ นพบว่าปจั จยั อยู่ในระดับปานกลางเรยี งตามลาดบั คอื ดา้ นเนอื้ หา (���̅��� = 3.62) ด้านส่ือสนับสนุนการสอน(���̅��� = 3.61) ด้านผสู้ อน (̅������ = 3.46) และดา้ นผเู้ รยี น (̅������ = 3.42) ตามลาดบั 3. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ เกี่ยวกบั ปจั จัยทส่ี ่งผลสมั ฤทธ์ิรายวชิ าโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ขน้ั พ้นื ฐานไม่มีข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลสัมฤทธิ์ต่อการเรียนวิชาโปรแกรมคอมพิวเตอร์พ้ืนฐานของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่นคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ มปี ระเดน็ ทสี่ ามารถนามาอภิปรายผลไดด้ ังน้ี จากการวิจัยในคร้ังนี้พบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ท่ีลงทะเบียนในรายวิชา โปรแกรมคอมพิวเตอร์เมื่อพิจารณาในรายดา้ น คอื ปจั จยั ดา้ นเนอื้ หาและด้านสื่อสนบั สนนุ การสอน อยใู่ นระดับมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกบั สมมตุ ฐิ านท่ีผู้วิจัยได้ตั้งไว้เนื่องจาก เนื้อในรายวิชามีความยากซับซ้อนมากกเกินไปและการใช้ส่ือช่วยในการอธิบายเนื้อหาการเรียนทาให้มองเหน็ ภาพและเข้าใจเนอ้ื หาง่ายข้นึ ยงั ทาได้ไมด่ พี อ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 214 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาวงจรไฟฟ้าของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น กรรณกิ าร์ จอมหงษ์1* สทิ ธิณี สงิ ห์สถิต2 และกิตติ ทลู ธรรม3 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาวงจรไฟฟ้า ของนักศกึ ษาชน้ั ปีที่ 1 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยได้ทาการศึกษาปจั จัย 5 ด้านคือ ด้านผู้เรียน ด้านผู้สอน ด้านสื่อ ด้านเนื้อหาวิชาและ ด้านสภาพแวดล้อม ว่าปัจจัยใดท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษามากที่สุด ผลการวิจัยพบว่ากลุ่ม ตวั อยา่ งในการวจิ ยั คร้งั น้ี เป็นเพศหญงิ และเพศชายเทา่ กนั เม่ือเปรียบเทียบความคิดเห็นปัจจัยด้านต่างๆนักศึกษามี ความคิดเห็นว่าปัจจัยด้านผู้สอนมีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนมากที่สุด โดยภาพรวมปัจจัยด้านผู้สอนมีผลอยู่ใน ระดับมาก ( ̅ = 4.31) กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนนักศึกษาระดับปริญาตรีชั้นปีที่ 1 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น จานวน 22 คน เก็บข้อมูล โดยการใช้แบบสอบถาม เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบ งออกเปน 3 สวน ดังน้ี สวนท่ี 1 แบบสอบถามเก่ียวกับข้อมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถาม สวนท่ี 2 เปนแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวงจรไฟฟ้า จานวน 56 ข้อ ส่วนท่ี 3 เป็นข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ตรวจสอบคุณภาพ เคร่ืองมือวัดด้วยวิธีหาค่าดัชนีความสอดคล้องและขอคาแนะนาจากอาจารย ที่ปรึกษาในการแกไข ปรับปรุง แบบสอบถาม จากน้นั นาข้อมูลท่ีได้จากการใช้แบบสอบถามมาวิเคราะห์ทางสถิติโดยการหาร้อยละ การหาค่าเฉลี่ย และการหาสว่ นเบย่ี งเบนมาตฐาน คาสาคัญ : ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น, องคป์ ระกอบการจดั การเรียนร,ู้ ปัจจัยท่สี ง่ ผลต่อการเรยี น 1คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน *E-mail : kantiz_kannika@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 215 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract The purposes of this research were to study effective factors to accomplish in study of students Bachelor of Faculty of Technical Education Computer Engineering of Rajamangala University of Technology Isan KhonKaen Campus. They were composed of 5 factors such as learner, lecturer, Instruction media, subject description and Environment. to compare most factors effective to accomplish. The results found that male and female are equal. The most opinion effective factors is lecturer part. The survey instrument for collecting data of this research was one set of questionnaire. It consisted of 3 parts 1) general information of respondents. 2) Opinion about effective factors for accomplishment in study of student, The questionnaires in this part were evaluative questions including of 5 levels, total 56 questions. 3) More suggestions. The questionnaires were approved by adviser and specialist and submitted to adviser for a random sampling. For statistics data: percentage, means and standard deviations. บทนา การศึกษาเปน็ กระบวนการเรียนรู้จากการได้รับการถ่ายทอดจากบุคคลหรือจากสื่อใดๆ ไปสู่บุคคลเพื่อให้ ได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ซ่ึงความรู้เหล่าน้ีจะสามารถนาไปใช้ประโยชน์พัฒนาให้มนุษย์ได้เติบโตทั้ง ทางด้านสมอง สติปัญญา ควบคู่ไปกับคุณธรรมจริยธรรม และสามารถดารงชีวิตร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมี ความสุข การศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบัน มีกระบวนการถ่ายทอดความรู้ที่หลากหลายมากขึ้น มีการจัดทา และนาเครื่องมือต่าง ๆ ที่ทันสมัย สามารถถ่ายทอดให้ผู้เรียนรู้ได้เข้าใจและมีความรู้ได้ง่ายข้ึน ประเทศไทยน้ัน เห็นความสาคัญของการศึกษา จึงได้มีตรากฎหมายการศึกษาภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่ให้ผู้ได้รับความรู้ได้ศึกษาข้ันพื้นฐานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย การศึกษาส่งผลให้เกิด ความรู้ ความรูน้ ั้นสามารถนามาใชพ้ ฒั นาคนให้มคี วามสามารถท่ีจะใชป้ ระกอบอาชีพและเอาตวั รอดได้ รวมท้ังช่วย ขัดเกลาคนให้มีจิตสานึกและคุณธรรม เป็นผู้เจริญทางปัญญาและจิตใจ ซ่ึงคนเหล่าน้ีนอกจากจะสามารถพัฒนา ตนเองแล้ว ยงั ส่งผลต่อสังคมและประเทศชาติใหเ้ จริญรงุ่ เรืองและกา้ วหน้าทดั เทียมอารยประเทศได้ ในหลักสตู รการเรียนการสอนระดบั ปรญิ ญาตรี 5 ปี ช้ันปที ี่ 1 สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร-์ อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ได้มีการเรียนการสอนในรายวิชา วงจรไฟฟา้ ซึ่งทผ่ี ่านมาพบว่านกั ศกึ ษาสว่ นใหญ่มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า เพราะเน้ือหาค่อนข้างยาก และในบาง เรอื่ งเนอื้ หามีความซบั ซ้อน ยงุ่ ยาก ยากแกก่ ารทาความเขา้ ใจ รวมถงึ มีการคานวณทาให้ผู้เรียนในบางส่วนขาดความ เขา้ ใจในเนอ้ื หา จากข้อมูลข้างต้นผู้วิจัยจึงได้เล็งเห็นถึงความสาคัญของปัญหาที่เกิดข้ึน ดังน้ันผู้วิจัยจึงมีความสนใจท่ีจะ ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา วงจรไฟฟ้า ของนักศึกษาที่ยังไม่เข้าใจและมีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นทต่ี ่า โดยได้ทาแบบสอบถามเพ่อื หาปัญหาจากปจั จัยทัง้ 5 ด้าน ว่าปัญหาด้านใดท่ีทาให้นักศึกษาระดับ ปรญิ ญาตรชี ัน้ ปที ่ี 1 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีต่า เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาการ เรยี นการสอนในรายวิชานีต้ ่อไป---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 216 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ทฤษฎี เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกยี่ วข้อง การศึกษาวิจยั เรือ่ ง การศึกษาปจั จัยทีม่ ีผลต่อผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวิชาวงจรไฟฟ้า ของนักศึกษาช้ัน ปที ี่ 1 สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแก่น ในคร้ังน้ีผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง สรุปเป็นสาระสาคัญ ดงั ต่อไปนี้ 1. องคป์ ระกอบการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1.1 ผู้สอน เปน็ ผทู้ ่ีมคี วามสาคญั ในการท่ีจะแปลมาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ท่ีเป็นตัวหนังสือ ให้เป็นกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่เี หมาะสม 1.2 ผเู้ รยี น เป็นอีกองคป์ ระกอบหนึ่งท่ีมีความสาคญั ตอ่ การจัดการเรยี นรู้ ผู้เรยี นแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ ง กนั ท้ังบุคลกิ ภาพ สตปิ ญั ญา ความถนดั ความสนใจและความสมบรู ณ์ของร่างกาย ผู้เรียนควรมีโอกาสร่วมคิด รว่ ม วางแผนในการจดั การเรยี นการสอน 1.3 เนื้อหาวิชาต่างๆ ซง่ึ ผู้สอนจะตอ้ งจดั เนอ้ื หาวชิ าให้มีความสมั พนั ธ์กัน มีความน่าสนใจ เหมาะสมกับวัย ระดับชัน้ รวมท้งั สภาพสงิ่ แวดล้อมของการจดั การเรียนรู้ 1.4 สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ อปุ กรณช์ ่วยในการจดั การเรียนรู้ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากยิง่ ข้นึ 1.5 สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งมวี ิธกี ารทจ่ี ะจดั สภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ เอ้อื อานวยต่อการพฒั นาทางวิชาการ 2. ทฤษฎีหลักการสอน (Teaching Principle) คือ ขอ้ ความรยู้ อ่ ยๆ ทพี่ รรณนา อธิบาย ทานาย ปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ทางการสอนทไี่ ดร้ บั การ พิสูจน์ ทดสอบ และการยอมรับว่าเช่อื ถือได้ สามารถนาไปใชใ้ นการสอนผเู้ รียนใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ กาหนด หลกั การสอนหลาย ๆ หลกั การ อาจนาไปสู่การสรา้ งเปน็ ทฤษฎีการสอนได้ 3. ทฤษฎีท่เี กี่ยวกบั สอ่ื การสอน กิดานันท์ มลิทอง (2540: 79 อ้างถึงใน นิมิตร ลินลา, 2548: 8) ให้ความหมายส่ือการสอนว่า สื่อชนิดใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นเทปบันทึกเสียง สไลด์ วิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ แผนภูมิ ภาพนิ่ง ฯลฯ ซึ่งบรรจุเน้ือหา เกยี่ วกบั การเรยี นการสอน ส่ิงเหล่าน้ีเป็นวัสดุอุปกรณ์ทางกายภาพท่ีนามาใช้ในเทคโนโลยีการศึกษาเป็นสิ่งที่ใช้เป็น เครื่องมือหรือช่องทางสาหรับทาให้การสอนของผู้สอนส่งไปถึงผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ตาม วัตถุประสงค์หรือจุดม่งุ หมายทผี่ สู้ อนวางไว้ได้เป็นอยา่ งดี ฐาปนีย์ ธรรมเมธา (2554: 8 อ้างถึงใน นิมิตร ลินลา, 2548: 8) ได้ให้ความหมายของส่ือการ เรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางท่ีช่วยนาและถ่ายทอดความรู้จากผู้สอน หรือแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียนทาให้การ เรียนการสอนดาเนนิ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ เพื่อให้ผเู้ รียนบรรลุวตั ถุประสงค์ทต่ี ้งั ไว้ วิวรรธน์ จนั ทร์เทพย์ (2540: 19 อ้างถงึ ใน นมิ ติ ร ลินลา, 2548: 8) กล่าวถึง สื่อการ สอน หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการใดๆ ก็ตามที่เป็นตัวกลาง หรือพาหะในการถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติ ทักษะ และประสบการณไ์ ปยงั ผู้เรียน ส่ือการสอนแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติพิเศษและมีคุณค่า ในตวั มนั เอง ในการเก็บและแสดงความหมายท่ีเหมาะสมกับเนอ้ื หาและเทคนคิ วธิ กี ารใชอ้ ย่างมรี ะบบ 4. หลักการสรา้ งแบบสอบถามทด่ี ี แบบสอบถาม เป็นรูปแบบของคาถามเป็นชุดๆท่ีได้ถูกรวบรวมไว้อย่างมีหลักเกณฑ์และเป็น ระบบ เพื่อใช้วัดส่ิงท่ีผู้วิจัยต้องการจะวัดจากกลุ่มตัวอย่างหรือประชากรเป้าหมายให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงทั้งในอดีต---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 217 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ปจั จบุ นั และการคาดคะเนเหตกุ ารณใ์ นอนาคต แบบสอบถามประกอบด้วยรายการคาถามท่ีสร้างอย่างประณีต เพื่อ รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั ความคิดเห็นหรือข้อเท็จจริง โดยส่งให้กลุ่มตัวอย่างตามความสมัครใจ การใช้ แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลน้ัน การสร้างคาถามเป็นงานที่สาคัญสาหรับผู้วิจัย เพราะว่าผู้วิจัยอาจไม่มี โอกาสได้พบปะกับผู้ตอบแบบสอบถามเพื่ออธิบายความหมายต่างๆของข้อคาถามที่ ต้องการเก็บรวบรวม แบบสอบถาม เป็นเคร่ืองมือวิจัยชนิดหน่ึงที่นิยมกันมาก เพราะการเก็บรวมรวมข้อมูลสะดวกและ สามารถใช้วัดได้ อย่างกวา้ งขวาง การเก็บขอ้ มลู ด้วยแบบสอบถามสามารถทาได้ด้วยการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง หรือให้ผู้ตอบตอบด้วย ตนเอง วิธดี าเนินการวิจยั ผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนินการวจิ ยั โดยมีรายละเอียดดงั น้ี 1. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 1.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าคร้ังน้ีคือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ 1.2 กลุม่ ตัวอย่างได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีท่ี 1 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะ ครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น โดยเลือกเปนแบบเฉพาะเจาะจง นักศึกษาท่ลี งทะเบยี นเรียนในรายวชิ าวงจรไฟฟา้ โดยมีกล่มุ ตัวอย่างจานวน 22 คน 2. เครื่องมือในการวจิ ยั เครือ่ งมือที่ใชในการเก็บรวบรวมขอมูลในการวิจัยครั้งนี้เปนแบบสอบถาม ซึ่งแบบสอบถาม จะ แบงออกเปน 3 สวน ดังน้ี สวนท่ี 1 แบบสอบถามเกีย่ วกับข้อมลู ทั่วไปของผูตอบแบบสอบถาม สวนที่ 2 เปนแบบสอบถามเก่ียวกับปัจจัยท่ีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวิชาวงจรไฟฟ้า แบ่งเป็น 5 ดา้ นได้แก่ ด้านผเู้ รียน ด้านผู้สอน ดา้ นสอ่ื ดา้ นเนอ้ื หาวิชา ด้านสภาพแวดล้อม เปนคาถามแบบมาตราส วนประมาณคา 5 ระดบั (Rating Scale) สวนท่ี 3 เปนขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม 3. ขนั้ ตอนการสรางเคร่อื งมือในการวจิ ยั 3.1 ศึกษาจากตารา เอกสาร บทความ ทฤษฎีหลกั การ และงานวิจยั ทเี่ กีย่ วของ 3.2 ศกึ ษาวธิ กี ารสรางแบบสอบถามจากเอกสาร 3.3 นาขอมูลทีไ่ ดมาสรางแบบสอบถาม 3.4 นาแบบสอบถามท่ีไดม้ าแกไข ปรับปรงุ 3.5 นาแบบสอบถามทไี่ ด้ไปสอบถามกบั กลุมตัวอยา่ ง 4. การเกบ็ รวบรวมขอมลู ผูวิจัยติดตอและขออนุญาตแจกแบบสอบถาม โดยดาเนินการแจกแบบสอบถามไปยังนักศึกษา ระดับปริญญาตรีช้ันปีท่ี 1 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น ท่ีลงทะเบียนเรียนในรายวิชาวงจรไฟฟ้า ภาคเรียนท่ี 1/2560 โดยใช้แบบสอบถาม จานวน 22 ชดุ 5. สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การหาค่าร้อยละ, การหาค่าเฉล่ีย และการหาค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 218 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ผลการวจิ ัยตารางที่ 1 สรปุ ภาพรวมความคิดเหน็ ปจั จัยดา้ นตา่ งๆ ดา้ น ค่าเฉลยี่ ( ̅) ค่า S.D. ความหมายทไี่ ด้1. ด้านผ้เู รยี น 3.97 0.31 มาก 0.15 มาก2. ด้านผสู้ อน 4.31 0.11 มาก 0.14 มาก3. ดา้ นส่อื 4.20 0.11 มาก 0.13 มาก4. ดา้ นเน้ือหาวชิ า 4.265. ดา้ นสภาพแวดล้อม 4.26คา่ เฉลี่ยโดยรวม 4.2 จากตารางที่ 1 พบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีความความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวงจรไฟฟ้าอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.2) เม่ือพิจารณาแต่ละด้านพบว่า ด้านผู้สอนมีระดับความคิดเห็นมากท่ีสุด ( ̅ = 4.31) รองลงมาคือด้านเน้ือหาวิชาและสภาพแวดล้อม ( ̅ = 4.26) และอันดับท่ีสามคือ ด้านสื่อ( ̅ = 4.20) พิจารณาค่าเฉลี่ยความคิดเห็นต่อปัจจัยด้านต่างๆพบว่า ด้านผู้เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก( ̅ = 3.97) เมื่อ พิจารณารายข้อพบว่ามีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากและปานกลาง ลาดับที่มากที่สุดคือเข้าเรียนอยา่ งสม่าเสมอ ( ̅ = 4.50) รองลงมาคือ ส่งงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสม่าเสมอ และตรงเวลา ( ̅ = 4.27) และลาดับสามคือ มีส่วนร่วมในงานกลุม่ ท่ีอาจารย์มอบหมายให้ ( ̅ = 4.18) ด้านผู้สอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก( ̅ = 4.31) เม่ือพิจารณารายข้อพบว่ามีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากและมากท่ีสุด โดยลาดับที่มากท่ีสุดคือสามารถอธบิ ายเน้อื หาวชิ าและ/หรือ ข้ันตอนการฝึกปฏิบัติการได้อย่างต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน ( ̅ = 4.55) รองลงมาคอื อาจารย์มบี ุคลิกภาพเหมาะสม ( ̅ = 4.50) และลาดับสามคือ มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยอย่างชัดเจนก่อนเรียนทุกครั้ง, มีการเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายและ/หรืออุปกรณ์การฝึกปฏิบัติล่วงหน้า, สอนครอบคลุมเน้ือหาตามที่แจ้งไว้ในเค้าโครงการสอน ( ̅ = 4.41) ด้านส่ือ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.20) เมื่อ พิจารณารายข้อพบวา่ มคี วามคดิ เห็นอยูใ่ นระดบั มาก ลาดบั ที่มากทีส่ ุดคือ เนื้อหาถูกต้องตามหลักวิชาทันสมัย ยากง่ายเหมาะสม ( ̅ = 4.32) รองลงมาคือ มีเอกสารการสอนให้ผู้เรียนอย่างท่ัวถึง, ช่วยให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นร้อู ย่างมปี ระสิทธภิ าพ, มกี ารใชส้ ื่อประกอบการเรียนการสอนทกุ ครั้ง, ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการใช้ส่อื ( ̅ = 4.27) และลาดบั สามคอื สอ่ื มคี วามดึงดดู น่าสนใจ, ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม ชัดเจน ส่ือความหมายให้เข้าใจได้ง่าย ( ̅ = 4.23) ด้านเน้ือหาวิชา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.26) เมื่อ พิจารณารายข้อพบว่ามีความคดิ เหน็ อยใู่ นระดับมาก ลาดบั ทมี่ ากท่ีสุดคือ เน้ือหามีความต่อเน่ืองไม่ขาดตอน ( ̅ = 4.50) รองลงมาคือ เนือ้ หามีความเหมาะสม ( ̅ = 4.45) และลาดับสามคือ เนอื้ หามกี ารสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนแก้ไขปัญหา, เน้ือหาสาระเรื่องท่ีสอนเพียงพอท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนคิดเป็น และมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ( ̅ = 4.27) และด้านสภาพแวดล้อมโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ̅ = 4.26) เม่ือ พิจารณารายข้อพบว่ามีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ลาดับที่มากทส่ี ุดคือ มสี ิ่งสนับสนนุ และอานวยความสะดวกในการเรียนการสอน, ผเู้ รยี นมีปฏสิ ัมพนั ธก์ ับผู้สอน และเพื่อนในห้องเปน็ อยา่ งดี, ขนาดของหอ้ งเรยี นมคี วามเหมาะสมกบั จานวนของผูเ้ รยี น( ̅ = 4.36) รองลงมาคือ มีส่ือการเรียนและอุปกรณก์ ารสอนครบถว้ น, สภาพแวดลอมเอ้ือต่อการเรียนการสอน, มีพ้ืนท่ีเพียงพอในการจัดกิจกรรม ( ̅ = 4.27)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 219 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== และลาดับสามคือ มีการจัดที่นั่งเหมาะสมให้ผู้เรียนช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน, ห้องเรียนเอ้ือต่อการจัดการเรียนการ สอนหลากหลายรูปแบบ ( ̅ = 4.18) สรปุ และการอภิปรายผล ผลการวจิ ยั เรอ่ื ง ปัจจัยที่สง่ ผลต่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นรายวิชาวงจรไฟฟา้ ของนักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแก่น พบว่านักศึกษาเป็นเพศหญิงและเพศชายเท่ากัน ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน กลุ่มตัวอย่างท่ีตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นว่าปัจจัยที่มีส่งต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาวงจรไฟฟ้าภาพรวมอยู่ในระดับมาก ปัจจัยท่ีส่งผลมากที่สุดคือด้านผู้สอน รองลงมาคือด้านเนื้อหาวิชาและ ดา้ นสภาพแวดลอ้ ม และอันดบั สามคอื ดา้ นสอ่ื ซง่ึ สอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ ของวลั ลภา เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ คณะ (2527) ได้ศึกษาเรื่องนิสิตนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา พบว่า องค์ประกอบท่ีมีอิทธิพลต่อความส าเร็จใน การ เรียน ได้แก่ มีความสนใจในวิชาที่เรียนผู้สอนให้ความเป็นกันเองและวิธีสอนของอาจารย์ ปัจจัยท่ีทาให้นิสิต นักศึกษาสนใจการเรียนมากที่สุดมี 3 ปัจจัย คือ ผู้สอนเตรียมการสอนเป็นอย่างดี มีความเป็นกันเองและมีความ กระตอื รือรน้ ในการสอน นอกจากนั้นยังพบปญั หาดา้ นการเรยี นการสอน คอื วธิ ีการสอนไม่ดี บรรยายไมเ่ ป็น และ น่าเบอื่ นิสิตนกั ศกึ ษาเกียจคร้าน งว่ งนอน เบ่อื ขาดสมาธิ ตาราและห้องเรยี นไม่พอ บรรณานกุ รม ก่ิงกาญจน์ ปานทอง. (2545) ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนของนักศึกษาตาม โครงการจัด การศกึ ษาส าหรบั บคุ ลากรประจ า (กศ. บป.) คณะวิทยาการจดั การโปรแกรมวิชานิเทศ ศาสตร์ สถาบนั ราชภัฏพระ นคร กรงุ เทพมหานคร. ปรญิ ญานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ กรมวิชาการ. (2542) การสังเคราะห์รูปแบบการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยด้านความ รับผิดชอบและมี วนิ ัยในตนเอง. กรงุ เทพมหานคร วิลาวัลย์ กองสะดี. (2552) ปัจจัยท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษารหัส 52 สาขาวิชา การตลาด คณะบริหารธรุ กจิ , วิทยาลยั ราชพฤกษ นิมิตร ลินลา, (2548) การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชางานท่อเร่ือง ท่อพีวีซีแข็งและ อุปกรณ์ข้อต่อที่ใช้ในงานประปา สาหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา, มหาวิทยาลยั ศิลปากร---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 220 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการเลือกสาขาที่เรียนกับปัจจัยในการเลือกประกอบ อาชีพของนักศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หลักสตู ร 5 ปี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น The objective of this research is to study relative between programs study selection factors and occupational selection of bachelor’s degree student of Faculty of Education Computer Engineering of Rajamangala University of technology Isan Khon Kaen Campus. สริ นิ ภา หมืน่ กนั ยา1* ศิรยิ า ทานน2 และกติ ติ ทูลธรรม3 บทคัดยอ่ งานวิจยั ครงั้ น้ีมีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหว่างปจั จัยในการเลอื กสาขาท่ีเรียนกับปัจจัยในการเลือก ประกอบอาชีพของนักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หลักสูตร ปกติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัยได้แก่นักศึกษาชั้นปีท่ี 4 ของคณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ปี การศึกษา 2560 ได้มาโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จานวน 35 คน โดยมีเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความสมั พันธ์ระหว่างปจั จยั ในการเลือกสาขาทเ่ี รยี นกบั ปัจจัยในการเลือกประกอบอาชีพของนักศึกษา ช้นั ปที ี่ 4 คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ หลกั สตู ร 5 ปี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ โดยเน้อื หาจะแบ่งออกเปน็ 3 สวน ประกอบด้วย การเลือกสาขาท่ีเรยี น การตดั สินใจเลือก ประกอบอาชพี และขอ้ เสนอแนะ วิเคราะหข์ ้อมูลโดยสถติ กิ ารหารอ้ ยละ การหาสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ตามวิธีของส เปียรแ์ มน (Spearman Rank Correlation Coefficient)ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยในการเลือกสาขาที่เรียนกับปัจจัย ในการเลอื กประกอบอาชพี ของนกั ศึกษาของคณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย ราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น มคี วามสมั พันธ์กัน ซึง่ เป็นไปตามสมมติฐานทีต่ ัง้ ไว้ คาสาคัญ : การเลอื กเข้าศกึ ษาตอ่ ,การเลือกประกอบอาชพี 1คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ *E-mail : siriya0111@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 221 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract The sample use in this research who are the fourth bachelor’s degree students of computer engineering program, Faculty of technical education, Academic year 2017, Rajamangala University of technology Isan Khon Kaen Campus. We take random that is purposive sampling in 35 peoples. The tool that use in this research is questionnaire about relative between programs study selection factors and occupational selection of bachelor’s degree student factors which are computer engineering program, Faculty of technical education,5 years course, Rajamangala University of technology Isan Khon Kaen Campus. The content of questionnaire has 3 parts that consist of study program selection, occupational selective decision and suggestion which to analyze statistic information, approximate to percentage and to find Spearman Rank Correlation Coefficient.The result of this research, we found that factors of program study selection and occupational selection’s bachelor’s degree student factors which are computer engineering program, Faculty of technical education,5 years course, Rajamangala University of technology Isan Khon Kaen Campus that has related. Therefore,the result follow to hypothesis of this research. key word : program study selection, occupational selection. บทนา ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ได้เปิดสาขาวิชาท้ังในระดับวิชาชัพชั้นสูง ช่าง อุตสาหกรรมและปริญญาตรีหลากหลายสาขา ทั้งหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรม วิศวกรรมศาสตร์ และ บริหารธุรกจิ ซึ่งในหลักสูตร ครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม่งุ เน้นสอนให้บณั ฑิตท่ีจบไป เป็นครูด้านอาชีวะ และปัจจุบันมีนักเรียนสนใจเข้าศึกษาต่อหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอร์เป็นอย่างมาก จากข้อมูลงานทะเบียนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น พบว่านักศึกษาท่ีสาเร็ จ การศึกษา ประกอบอาชีพไม่ตรงตามวุฒิที่สาเร็จ ผ้วู ิจยั จึงดาเนนิ การวจิ ยั เพ่อื หาความสมั พนั ธ์ระหว่างปจั จยั ในการเลอื กสาขาทเ่ี รยี นกบั ปจั จยั ในการเลอื กประกอบ อาชีพ เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการเลือกศึกษาของนักศึกษา รวมถึงเลือกประกอบอาชีพของนักศึกษามหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ ทฤษฎแี ละงานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วข้อง ในการศึกษาเอกสารงานวจิ ัยที่เกี่ยวข้องกับ หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการเลือกสาขาท่ีเรียนกับปัจจัยใน การเลอื กประกอบอาชีพ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ หลักสตู ร 5 ปี ผู้ศกึ ษาได้ค้นคว้า เอกสารงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง โดยลาดับเน้อื หาทเ่ี ปน็ สาระสาคญั ดังน้ี 1. แนวทางการเลือกสาขาที่เรียน เมื่อผูส้ นใจได้ศึกษาข้อมลู จากบริการสนเทศด้านส่วนตัวและสังคม ด้านอาชีพ และด้านการศกึ ษาแล้ว จะทาให้เข้าใจ รู้ถึงความต้องการและรู้จักตนเอง และมีข้อมูลที่เก่ียวข้องกับหลักสูตรที่เปิด---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 222 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สอน ระบบการศกึ ษา ค่าใชจ้ ่าย แนวทางการประกอบอาชีพของแต่ละสาขาวิชา เป็นแนวทางในการพิจารณาเลือก สาขาท่ีเรียน โดยนาข้อมูลทัง้ หมดที่ไดร้ บั มาประกอบการพิจารณาดังน้ี 1.1 สารวจความสนใจของตนเอง สารวจบคุ ลกิ ภาพของตนเอง ตรวจสอบความสามารถทางการเรียน ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับอาชีพและวิเคราะห์จุดเด่นจุดด้อยของตนเองอย่างเป็นธรรมว่า ตนเองเหมาะสมกับการศึกษาใน สาขาวชิ าใด 1.2 ตรวจสอบคุณสมบัตแิ ละคุณวฒุ ิของตนเองว่าจะเขา้ ศกึ ษาในสาขาวชิ าใดไดบ้ า้ 1.3 ศึกษาโครงสร้างหลักสูตรของสาขาวิชาที่น่าสนใจว่าจะต้องศึกษาก่ีชุดวิชา ประเมินเบ้ืองต้นจากช่ือชุด วชิ ายากหรืองา่ ย สาหรับความสามารถของตัวเรา 1.4 ศึกษาเปรียบเทยี บระหวา่ งสาขาทส่ี นใจสมคั ร ในประเด็นตอ่ ไปน้ี 1.4.1 สนใจสาขาวชิ าใดมากกว่ากนั เพราะเหตใุ ด 1.4.2 สาขาวิชาท่เี รียนเกยี่ วข้องกับการทางานหรือไม่ 1.4.3 ความจาเปน็ ในเรือ่ งระยะเวลาทีศ่ กึ ษา 1.4.4 ความยาก – ง่าย ในการเรยี นให้สาเร็จ 1.4.5 ความยาก – ง่าย ในการเรยี นใหส้ าเรจ็ 1.4.6 การประกอบอาชพี หลังจากสาเรจ็ การศึกษา 1.5 ตดั สินใจเลอื กสาขาทเ่ี หมาะสมกบั ตนเองจะมแี นวโนม้ ที่จะประสบความสาเร็จมากทสี่ ุด 2. ขอบขา่ ยความสมั พนั ธ์การเลอื กอาชีพ การตัดสินใจเลือกอาชีพ นับว่าเป็นเร่ืองสาคัญมาก อาจกล่าวได้ว่า “งานคือชีวิต” ดังนั้นการเลือกอาชีพ จาเปน็ ต้องมกี ารตัดสนิ ใจวางแผนชีวติ ด้านอาชพี หลงั จากเรยี นจบ สง่ิ สาคัญในการเลอื กอาชีพ ขน้ึ อยูก่ บั องค์ประกอบ ที่สาคัญ 2 ประการ คือ 2.1 ปัจจัยภายนอกได้แก่ แนวโน้มของตลาดแรงงาน ลักษณะงาน สภาพแวดล้อมของงาน คุณสมบัติของผู้ ประกอบอาชีพ รายได้ ความก้าวหนา้ และข้อดีและขอ้ เสีย 2.2 ปัจจัยภายใน ไดแ้ ก่ ปัจจยั ส่วนบคุ คล ปจั จยั เก่ียวกบั โครงสรา้ งของค่านิยม 3. การเลอื กอาชพี และการศึกษา ใหเ้ หมาะสมกบั ตวั เอง การเลือกอาชีพและสาขาวิชาที่จะศึกษา ให้เหมาะสมกับตัวเอง โดยเน้นเร่ืองของบุคลิกภาพ บุคคลแต่ละ บุคลิกภาพทีแ่ ตกต่างกนั แต่ละคนจะมลี ักษณะที่ชีเ้ ฉพาะตนไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ หรือนิสัยใจคอ มี นักวิชาการบางท่านได้ให้ความหมายของคาว่า \"บุคลิกภาพ\" คือ ลักษณะส่วนรวมของบุคคล ซ่ึงประกอบด้วยส่ิงท่ี ปรากฏทางร่างกาย นิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมรวมของบุคคลน้ัน ซึ่งได้รวมอยู่ด้วยกันอย่างผสม กลมกลนื ในตัวบคุ คลน้ัน รวมถึงสิง่ ท่ีเขาชอบและไม่ชอบ สิ่งท่ีเขาสนใจและไม่สนใจ เป้าหมายต่างๆ ในชีวิตของเขา ส่ิงจูงใจต่างๆ ของเขา ความสามารถด้านต่างๆ ของเขาลักษณะบุคลิกภาพเฉพาะของแต่ละคนนั้น หากบุคคลรู้จัก และเข้าใจบุคลิกภาพของตนเอง จนสามารถมองตนได้ตามสภาพความเป็นจริง ย่อมช่วยให้บุคคลตัดสินใจเลือก แนวทางชีวิตการศกึ ษาและอาชีพไดอ้ ย่างสอดคล้องกบั ตวั เองมากทสี่ ดุ 4 งานวจิ ยั ที่เกย่ี วขอ้ ง กิติยานภาลยั ภตู่ ระกูล(2555) พบวา่ ในการตดั สนิ ใจเลือกคณะ/สาขาวิชาทีเ่ รยี น นักเรยี นใชค้ วามถนดั /ชอบเป็น เกณฑ์ช่วยในการตัดสินใจ ร้อยละ 85.00 รองลงมาใช้ความต้องการประกอบอาชีพเป็นเกณฑ์ช่วย ในการตัดสินใจ ร้อยละ 57.50 ใช้การเดินทาง/ระยะทางเป็นเกณฑ์ช่วยในการตัดสินใจ ร้อยละ 23.50 ใช้ทุนการศึกษา/ค่าใช้จ่าย เป็นเกณฑ์ช่วยในการตัดสินใจ ร้อยละ 19.50 และใช้ช่ือเสียงสถาบัน เป็นเกณฑ์ช่วยในการตัดสินใจน้อยท่ีสุดเพียง ร้อยละ 15.75---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 223 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== จาเนียร สุขสง (2543) ไดทาการ ศึกษาเร่ืองปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจศึกษาต่อของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรียนขยายโอกาส ศึกษาอาเภอเมือง จังหวัดสตูล พบว่าความคาดหวังของผู้ปกครองด้านการ ประกอบอาชพี หลงั จบการศกึ ษาคอื รบั ราชการและทางานรฐั วสิ าหกจิ มากทสี่ ุด อดุลย์ วิริยเวชกุล (2542) กล่าวว่า บุคคลท่ีเข้าศึกษาต่อก็เพ่ือที่จะได้ความรู้ความสามารถตลอดจนทักษะท่ี เหมาะสมกับปริญญาที่แต่ละบุคคลเข้ามาศึกษา และเมื่อสาเร็จการศึกษาแล้วสามารถหางานทาได้ตรงกับความรู้ ความสามารถหรอื ทกั ษะที่ตนได้เรยี นมา วธิ ีการดาเนินการวจิ ยั ผวู้ ิจยั ได้ดาเนนิ การวจิ ัยโดยมีรายละเอียดดงั นี้ 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 1.1 ประชากร ได้แก่ ประชากรท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คร้ังนีค้ อื นกั ศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ 1.2 กลมุ่ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ กลมุ่ ตัวอยา่ งทใี่ ชใ้ นการวิจัยครั้งนีค้ อื นกั ศกึ ษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุ ศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ ชั้นปที ี่ 4 จานวน 35 คนไดม้ าโดย การเลือกแบบเจาะจง เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั ระยะเวลาในการทาการวจิ ัย 2. เคร่ืองมือที่ใช้ในการวจิ ยั เคร่อื งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ แบบสอบถาม ทีส่ รา้ งขึน้ มาเพือ่ สอบถามกลุ่ม ตัวอย่างโดยจัดทาแบบสอบถามให้ สอดคลองกบั กรอบแนวคิดในการวจิ ยั และผู้สารวจเปน็ ผ้นู าแบบสอบถามไปให้ผู้ตอบแบบสอบถามด้วยตนเอง ซึ่งมี ลักษณะคาถามปลายปิด โดยเนอื้ หาจะแบง่ ออกเปน็ 3 สวน ประกอบดว้ ย การเลือกสาขาที่เรียน การตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพ ข้อเสนอแนะ 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.1 การเก็บข้อมูลขั้นต้น ศึกษาแนวคิด ทฤษฏี หลักการและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับปัจจัยในการเลือกสาขาท่ี เรยี นกับปัจจยั ในการเลือกประกอบอาชีพ 3.2 การเก็บข้อมูลวิจยั ผู้วจิ ัยไดเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยมขี ้ันตอน ดังนี้ 3.2.1 ผ้วู ิจัยสรา้ งแบบสอบถามในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3.2.2 นาแบบสอบถามที่ร่างได้มาพิจารณาตรวจสอบและขอคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษาในการแก้ไข ปรบั ปรุง เพือ่ ใหอ้ ่านแล้วมีความเข้าใจง่าย 3.2.3 นาแบบสอบถามท่ีแก้ไขตามคาแนะนาจากอาจารย์ที่ปรึกษา ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสุ่ม กลมุ่ ตัวอยา่ งแบบเจาะจง จานวน 35 คน 3.2.4 ผู้วจิ ัยตรวจสอบความถูกต้องและความสมบรู ณ์ของคาตอบในแบบสอบถาม และรับแบบสอบถามกลับคืน หลงั จากกลมุ่ ตวั อยา่ งตอบแบบสอบถามเรียบรอ้ ยแล้ว 3.2.5 นาขอ้ มลู ทไี่ ด้จากแบบสอบถามมาทาวิเคราะห์ 4. สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล ไดแ้ ก่ การหาคา่ รอ้ ยละ และค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ตามวิธีของสเปียร์แมน (Spearman Rank Correlation Coefficient)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 224 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ผลการวิจัย ผลการหาคา่ สมั ประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยในการเลือกสาขาที่เรียนกับปัจจัยในการเลือกประกอบอาชีพของนักศึกษาระดับปริญญาตรี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกร รมคอมพิวเตอร์ หลักสูตรปกติมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่นตารางท่ี 1ปจั จยั ด้าน การเลือกสาขาทเี่ รียน การเลือกประกอบอาชพี อันดบั 1 อนั ดับ 2 อนั ดับ 3 อนั ดบั 1 อันดบั 2 อนั ดับ 31 . ปั จ จั ย ด้ า น เพื่อน อาจารย์/ รุ่นพี่ เพื่อน อาจารย์/ครู แฟนบคุ คลภายนอก ค รู แ น ะ แนะแนว แนว2. ปัจจยั ด้านบคุ คล ความภูมิใจ ภูมิลาเนา รายได้ ความภูมิใจ รายได้เฉล่ีย ภูมลิ าเนาภายในครอบครวั ของ เฉลยี่ ของ ของ ของ ครอบครวั ครอบครวั ครอบครัว ครอบครวั3 . ปั จ จั ย ด้ า น ความชอบ/ ความสนใจ พ้ืน ความมั่นคง ความชอบ/ รายได้ตนเอง ความถนัด ฐานความรู้ ความถนดั จากตารางท่ี 1 พบว่า ปัจจัยด้านบุคคลภายนอกที่ส่งผลต่อการเลือกสาขาที่เรียนมากท่ีสุด คือ เพื่อน อาจารย์/ครแู นะแนว ร่นุ พ่ี ตามลาดบั ปจั จัยด้านบุคคลภายในครอบครวั ท่ีส่งผลตอ่ การเลือกสาขาท่ีเรียนมากท่ีสุด คือ ความภมู ิใจในครอบครวั ภมู ิลาเนา พน้ื ฐานความรู้ ตามลาดับ ปัจจัยด้านตนเองที่ส่งผลต่อการเลือกสาขาท่ีเรียนมากท่ีสุดคือ ความชอบ/ความถนัด ความสนใจ พ้ืนฐานความรู้ ตามลาดับ ปัจจัยด้านบุคคลภายนอกท่ีส่งผลต่อการเลือกประกอบอาชพี มากท่สี ดุ คือ เพื่อน อาจารย/์ ครูแนะแนว แฟน ตามลาดบั ปจั จัยด้านบุคคลภายในครอบครัวทส่ี ง่ ผลตอ่ การเลอื กประกอบอาชีพมากที่สุด คือ ความภูมิใจในครอบครัว รายได้เฉล่ียของครอบครัว ภูมิลาเนา ตามลาดับปัจจัยด้านตนเองทีส่ ่งผลต่อการเลือกสาขาทเ่ี รยี นมากทีส่ ุด คอื ความม่ันคง ความชอบ/ความถนัด รายได้ ตามลาดบัตารางที่ 2 สัมประสิทธ์สิ หสัมพนั ธป์ ัจจยั ทส่ี ่งผลในภาพรวม ปัจจัยทีส่ ง่ ผลในภาพรวม ปจั จัยด้าน การเลอื กสาขาทเ่ี รียน การเลือกประกอบอาชีพ d d ร้อยละ อันดับท่ี รอ้ ยละ อนั ดับท่ี1. ปัจจยั ด้านบุคคลภายนอก 20 1 20.58 1 002. ปัจจัยบุคคลดด้านใน 16.67 2 20.01 2 00ครอบครวั3. ปัจจยั ด้านตนเอง 9.1 3 6.67 3 0 0 สัมประสทิ ธส์ิ หสมั พนั ธ์ = 1 จากตารางที่ 2 พบว่าสัมประสิทธสิ์ หสมั พันธ์ปจั จยั ในการเลอื กสาขาทีเ่ รยี นกบั ปจั จยั ในการเลือกประกอบอาชีพมีความสมั พันธก์ ันในระดบั สงู---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 225 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สรุปและการอภปิ รายผล ผลการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยในการเลือกสาขาที่เรียนกับปัจจัยในการเลือกประกอบอาชีพของ นักศึกษาของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแก่น โดยใช้สหสัมพันธ์ตามวิธีของสเปียร์แมน (Spearman Rank Correlation Coefficient) พบว่า ปัจจัยใน การเลือกสาขาท่ีเรียนกับปัจจัยในการเลือกประกอบอาชีพของนักศึกษาของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขา วศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั ราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มคี วามสมั พันธก์ ัน ซง่ึ เปน็ ไปตามสมมติฐาน ที่ตงั้ ไว้ บรรณานุกรม กิติยานภาลัย ภู่ตระกูล(2555) ,แรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ช้ันปีท่ี 3 ในเขตจังหวัดนนทบุรี : Motivations of Grade 12 and Level 3 Vocational Students in Nonthaburi Province to Pursue College Education ; วิทยาลยั ราชพฤกษ์ จาเนียร สุขสง (2543) ,ศึกษาเร่ืองปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจศึกษาต่อของนักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรียนขยายโอกาส ศกึ ษาอาเภอเมือง จังหวดั สตลู อดลุ ย์ วิรยิ เวชกลุ (2542) ,การอดุ มศึกษาของฮ่องกง ; มหาวิทยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 226 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ โดยใช้สื่อวิดีโอสาธิตการประกอบ คอมพิวเตอร์ สาหรับนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงช้ัน ปีที่ 1/1 สาขาวิชา คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ วิทยาลยั การอาชีพนวมินทราชนิ มี ุกดาหาร ณัฐวฒุ ิ สมัชพงษ์1 และทองทวี จิตพรมมา2 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ โดยใช้ส่ือวิดีโอสาธิตการ ประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น ของนักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ระดับ ปวส.ช้ันปีท่ี 1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ท่ีไม่ ผ่านตามเกณฑข์ องแบบประเมนิ จานวน 5 คน เคร่อื งมือทใ่ี ชในงานวิจัยคอื แผนการเรยี นโดยการใช้ส่ือวดิ โี อสาธติ การ ประกอบคอมพิวเตอร์เบื้องต้นจากเว็บไซต์ youtube ช่อง แดงปลาสวรรค์ หร่ังศิริ ซ่ึงกาหนดให้ศึกษานอกเวลา เรียนปกติเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนการประเมินด้วยแบบประเมินทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ จานวน 10 ข้อ ได้แก่ เตรียมอุปกรณ์, ติดต้ังเพาเวอร์ซัพพลาย, ติดตั้งCPU, ติดตั้งพัดลมฮีทซิงค์CPU, ติดต้ังแรม, ติดต้ังเมนบอร์ด เข้ากับเคส, ติดตั้งอุปกรณ์ดิสก์ไดรว์ต่างๆ คือ ฮาร์ดดิสก์ ดีวีดีรอมไดรว์ ฟลอปปีดิสก์, การต่อสายต่างๆ, การต่อ Power switch และ ตรวจความเรยี บร้อยเปดิ เคร่ือง ตามแบบประเมินทกั ษะที่มีระดับคะแนน 5 ระดับ ผลการวิจัย พบวา่ ผลการประเมินทกั ษะการประกอบคอมพิวเตอร์ของกลุม่ ตวั อย่างมีคะแนนเฉลีย่ 43.6 คะแนน คดิ เป็นร้อยละ 87.2 ซ่ึงผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามเกณฑ์ทกี่ าหนดร้อยละ 80 คาสาคัญ : การพฒั นาทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ , โดยใช้สือ่ วดิ ีโอสาธติ การประกอบคอมพิวเตอร์ Abstract The purpose of the research ware to develop a computer operator. The Media Video Computer Basics. Students with a vocational subjects. Year 1 Business Computer. That does not meet the criteria for the evaluation of 5 was used the instrments using to collect data in cluded study plan by Media Video Computer basics from youtube channel redfishheaven, which was scheduled to study part-time regular. 1 week ago with a skills assessment to evaluate the number of operators 10 including equipment, installation of power supply, install C. PU, fan heatsink CPU, RAM installed, install the motherboard into the case, install disk drives in the hard drive, DVD-ROM drive, floppy disk, the cables, the Power switch,. Make a neat turn According to a skills assessment A grade 5 level, the researchers found. Computer skills assessment. The sample had an average score of 43.6 points, 87.2 percent of which meet the assessment criteria of 80 percent. Keywords : Computer Skills ; Using video media comprising computer. 1คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น * Corresponding E-mail : nattawut77wut@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 227 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา วชิ าการประกอบเครื่องคอมพวิ เตอร์และติดต้ังซอฟต์แวร์ รหัสวิชา 3204-2001 เป็นวิชาท่ีเน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ ตามหลกั สูตร ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.) ซง่ึ เน้ือหาจะเก่ยี วกับส่วนประกอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์ การเลือกใช้อุปกรณ์และการประกอบคอมพิวเตอร์เบื้องต้น รวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ ในรายวิชาน้ีจะเน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะและแก้ปัญหาในการใช้คอมพิวเตอร์ ในการเรียนการสอน วิชาการประกอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์และติดตั้งซอฟต์แวร์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีท่ี 1/1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร พบว่ามีนักศึกษาจานวน 5 คนไม่ สามารถประกอบคอมพิวเตอร์ผ่านตามเกณฑ์ประเมินผล ในหัวข้อการ เตรียมอุปกรณ์, ติดตั้งเพาเวอร์ซัพพลาย, ติดต้ังCPU, ติดตั้งพัดลมฮีทซิงค์CPU, ติดตั้งแรม, ติดต้ังเมนบอร์ดเข้ากับเคส, ติดต้ัง อุปกรณ์ดิสก์ไดรว์ต่างๆ คือ ฮาร์ดดิสก์ ดีวีดีรอมไดรว์ ฟลอปปีดิสก์ การต่อสายต่างๆ, การต่อ Power switch, ตรวจสอบความเรียบร้อยเปิด เครอื่ ง ผูว้ จิ ัยจึงได้ทาการศกึ ษาหาสาเหตุโดยการสอบถามปัญหาจากนกั เรยี นท่ีไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน สรปุ สาเหตุ ได้คือ ขาดทักษะพื้นฐานทางด้านการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้นและผู้เรียนเรียนรู้ได้ช้าในระยะเวลาที่จากัดใน ห้องเรียน ดังน้ันผู้วิจัยตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีแนวคิดท่ีจะพัฒนาทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ของ นักศกึ ษา ปวส.ช้ันปีท่ี 1/1 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร จานวน 5 คน ด้วย วดิ ีโอสาธิตการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น โดยศึกษาจากเว็บไซต์ youtube ช่อง แดงปลาสวรรค์ หร่ังศิริ ซ่ึงสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ได้ตลอดเวลาเมื่อมีเวลาก่อนที่จะทาการทดสอบตามแบบประเมินอีกครั้งเพื่อให้ นักศึกษามคี วามร้พู น้ื ฐานและเพม่ิ ระยะเวลาในการเรยี นรู้ ทฤษฎแี ละงานวิจัยท่เี กี่ยวข้อง 1.ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ผลท่ีเกิดจากกระบวนการเรียนการสอนที่จะทาให้นักเรียนเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม และสามารถวดั ไดโ้ ดยการแสดงออกมาท้ัง 3 ดา้ น คือ ด้านพทุ ธพิ ิสัย ด้านจิตพสิ ยั และด้านทกั ษะพิสัย 2.วิดโี อช่วยสอน วดี ีโอชว่ ยสอน หรือ VAI (VAI = Video Assisted Instruction) คือ ส่อื มัลตมิ ีเดียหรือสื่อผสม ท่ใี ชน้ าเสนอรายละเอียดแต่ละบทเรยี นตามแผนการสอน สามารถใชเ้ ป็นสอื่ ประกอบการสอนให้ผู้เรียนศึกษาได้ด้วย ตนเอง สามารถใช้ประกอบการบรรยายทั้งก่อนบรรยายแล้วจบประเด็นสาคัญมาขยายความในชั้นเรียนหรือหลัง บรรยายในกรณีที่นกั เรียนตามบทเรยี นไมท่ ันแล้วยงั ชว่ ยให้นกั เรยี นได้กลบั ไปทบทวนด้วยตนเอง หรือช่วยนัก เรียน ท่ีไม่มโี อกาสเขา้ เรียนในชัว่ โมงบรรยายปกติวิดีโอ (Video) หรือวีดิทัศน์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความบัน เทิงในบ้าน ใช้ต่อพ่วงกับโทรทัศน์มีระบบหลักๆ คือ NTSC PAL และ SECAM คณะกรรมการบัญญัติศัพท์วิทยาศาสตร์ได้ พิจารณาเห็นว่า วิดีโอ (Video) เป็นเคร่ืองใช้ไฟฟ้าประเภทเดียวกับเทเลวิชั่น(Television) ซ่ึงมีคา ไทยใช้ว่า โทรทัศน์แล้ว สมควรคิดหาคาไทยใช้กับ วิดีโอ(Video) ด้วยโดยคาที่จะคิดขึ้นน้ีควรจะมีคาว่า \"ทัศน์\" ประกอบอยู่ ด้วย เพื่อให้เข้าชุดกัน และควรหาคา ท่ีจะมีเสียงใกล้เคียงกับคา ทับศัพท์ที่นิยมใช้กันอยู่แล้วซึ่งจะทา ให้มีการ ยอมรับศัพท์ที่คิดขึ้นได้ง่ายคาว่า วิดีโอ(Video) เป็นคาคุณศัพท์ท่ีมีความหมายว่า \"มองเห็นได้,เห็นเป็นรูปภาพได้, เก่ียวขอ้ งกบั รปู ภาพ\" พจนานกุ รมต่างประเทศเก็บความหมายไวเ้ ทา่ กบั เทเลวชิ น่ั (Television) ด้วย---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 228 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 3.ความหมายของทักษะปฏบิ ัติ ทักษะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางร่างกายของผู้เรียน ซึ่งเป็นความสามารถในการ ประสานการทางานของกลา้ มเนือ้ และร่างกาย ในการทางานท่ีมคี วามซับซอ้ นและต้องอาศัยความสามารถในการใช้ กล้ามเนื้อหลายๆ ส่วน การทางานดังกล่าวเกิดข้ึนจากการส่ังงานของสมอง จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับความรู้สึกที่ เกิดขึ้น ทักษะปฏิบัตินี้สามารถพัฒนาได้ด้วยวิธีการฝึกฝน หรือถ้าหากได้รับการฝึกที่ดีแล้ว จะเกิดความถูกต้อง ความคลอ่ งแคลว่ ความเชีย่ วชาญ และความคงทน ผลของพฤติกรรมหรือการกระทาสามารถสังเกตได้จากความ รวดเร็ว ความแม่นยา ความแรงหรือความราบรืน่ ในการปฏบิ ัตงิ าน 5.งานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ชอ่ื งานวจิ ัย ส่อื การสอนเร่ืองการประกอบคอมพวิ เตอร์โดยใช้รูปแบบของ IMMCAI ประภาพร กุลลิ้มรัตน์ชัย และ ธัชกร อ่อนบุญเอื้อการวิจัยคร้ังน้ีคณะผู้วิจัยได้ สร้างคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การประกอบ คอมพิวเตอร์ โดยใช้รูปแบบของ IMMCAI และได้ศึกษาข้อมูลในส่วนของตัวโปรแกรมที่ใช้สร้างคอมพิวเตอร์ ช่วย สอน การวิเคราะห์เนื้อหา ซ้ึงประกอบด้วย 3 หน่วยการเรียนรู้ได้แก่การรู้จักส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ การ พิจารณาเลือกซ้ืออุปกรณ์และขั้นตอนการประกอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยใช้ แบบทดสอบทางการเรียนที่ผ่านการ วิเคราะห์จากผู้เช่ียวชาญทางดานเน้ือหา และดานการวัดและ ประเมินผลในการเก็บรวบรวมข้อมูลและเพื่อศึกษา ความพึงพอใจของนักศึกษาท่ีมีต่อคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เรอ่ื งการ ประกอบคอมพิวเตอรโ์ ดยใชร้ ปู แบบของ IMMCAI วธิ ดี าเนนิ งานวิจัย 1.ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง -ประชากร ได้แก้ นักศึกษาระดับช้ันประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ระดับชั้น ปวส. 1/1 สาขาวชิ าสาขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ -กลุ่มตัวอย่าง ได้แก้ นักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ระดับชั้น ปวส. 1/1 สาขาวิชาสาขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ ทไ่ี มผ่ ่านแบบการประเมิน จานวน 5 คน 2 เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั - สือ่ วิดโี อสอนประกอบคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ เวลาในการศกึ ษา 1 สปั ดาห์ - เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู คอื แบบประเมนิ ทักษะ ประกอบไปด้วย การประเมนิ 10 ขอ้ ดังนี้ 1) เตรยี มอปุ กรณ์ 2) ตดิ ตง้ั เพาเวอร์ซัพพลาย 3) ติดต้งั CPU4) ตดิ ตง้ั พดั ลมฮที ซิงค์ CPU 5) ติดตัง้ แรม 6) ตดิ ต้ังเมนบอร์ดเข้ากับเคส 7) ติดตั้ง อุปกรณ์ดสิ กไ์ ดร์ตา่ งๆ คอื ฮารด์ ดสิ ก์ ดีวดี ีรอมไดร์ ฟลอปปี ดสิ ก์ 8) การต่อสายต่างๆ 9) การตอ่ Power switch 10) ตรวจความเรยี บรอ้ ยเปดิ เคร่อื ง 3. วธิ เี ก็บรวบรวมข้อมลู -ทดสอบวดั ผลสมั ฤทธกิ์ ่อนเรยี น โดยการปฏบิ ตั จิ รงิ -นาสื่อวิดีโอการสอน เรอ่ื ง สื่อวิดีโอสาธิตการประกอบคอมพิวเตอร์ ให้นักศึกษากลุ่มตัวอย่าง ได้ศึกษา และทบทวนเนอ้ื หา -ทาการทดสอบหลังเรยี น โดยการปฏบิ ัติจรงิ ต้องผ่าน 80% ข้นึ ไป 4. การวิเคราะหข์ อ้ มูล---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 229 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== - ใช่แบบประเมินทักษะ ทมี่ ีระดบั คะแนน 5 ระดบั ซ่งึ มีความหมายดังน้ี 5 หมายถึง มที ักษะในระดับดมี าก 4 หมายถึง มที กั ษะในระดับดี 3 หมายถงึ มีทักษะในระดบั พอใช้ 2 หมายถึง มีทักษะในระดับปรับปรงุ 1 หมายถึง มที กั ษะในระดับไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมิน -นาผลคะแนนทีไ่ ดจ้ ากการประเมนิ ทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ มาแปลผลโดยคิดเปน็เปอร์เซ็นต์ ไดด้ ังน้ี คะแนน 50 คะแนน คิดเป็น 100% คะแนน 40 คะแนน คิดเป็น 80% คะแนน 30 คะแนน คิดเป็น 60% คะแนน 20 คะแนน คดิ เปน็ 40% คะแนน 10 คะแนน คดิ เป็น 20%ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ผลรวมเกณฑก์ ารประเมนิตารางที่ 4.1 การหาค่าร้อยละ และ การหาค่าเฉล่ยี ( ̅)คนที่ คะแนน คะแนน รอ้ ยละของ รวม(50) คะแนน 1(5) 2(5) 3(5) 4(5) 5(5) 6(5) 7(5) 8(5) 9(5) 10(5) 41 821 4 4 5 3 5 55415 42 84 43 862 5 5 5 4 5 54225 49 98 43 863 4 4 5 2 5 55544 43.6 87.24 5 5 5 5 5 455555 5 5 5 4 5 54415คา่ เฉลีย่ 4.6 4.6 5 3.6 5 4.8 4.6 4 2.6 4.8 (̅) จากตารางที่ 4.1 จะเห็นได้ว่าผลการประเมินทักษะด้านการปฏิบัติงาน มีค่าเฉล่ียร้อยละของคะแนนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 87.2 และมีคะแนนเฉลย่ี เท่ากับ 43.6 เม่ือวิเคราะห์แล้วจะเห็นว่าจากจานวนนักศึกษาที่เข้าร่วมพัฒนาการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้นโดยใช้สื่อวิดีโอสาธิตการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น จานวน 5 คน มีนักศึกษาผ่านเกณฑ์การประเมินที่คะแนน40 คะแนนคดิ เปน็ ร้อยละ 80 นักศึกษาท่ีผ่านเกณฑ์ จานวน 5 คน โดยมีคะแนนรวมมากท่ีสุดอยู่ท่ี 49 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 98---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 230 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สรุป อภิปรายผล และ ข้อเสนอแนะ ในการวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบคอมพิวเตอร์ โดยการใช้ส่ือวิดีโอสาธิต การประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น โดยกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคือนักศึกษาระดับชั้นระดับช้ันประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูงปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 5 คน เป็นกลุ่มท่ีไม่ผ่านเกณฑ์ตามแบบประเมินการ ประกอบคอมพวิ เตอรเ์ บอื้ งต้น 1. สรุปผลการวจิ ยั ผู้วิจัยได้ใช้สื่อวิดีโอสาธิตการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้นให้นักศึกษาโดยศึกษานอกเวลา เรียนปกติเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จึงให้ทดสอบด้วยแบบประเมิน 10 ข้อ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์โดยใช้เกณฑ์ ประเมินทักษะ 5 ระดับคะแนน รวมจานวน 10 ข้อ 50 คะแนนต้องผ่านร้อยละ 80 ผลจากการวิจัยพบว่าหลังจาก เรียนรู้จากสื่อวิดีโอสาธิตการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น ผลการประเมินของกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉล่ีย 43.6 คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.2 2. อภปิ รายผล ผลจากการที่นักศึกษาได้นาวิดีโอสาธิตการประกอบคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น สามารถประกอบ คอมพิวเตอร์ผ่านเกณฑ์ที่กาหนด คือ ร้อยละ80 โดยในข้อท่ีมีผลคะแนนเฉล่ียสูงสุด 5 คือ ติดต้ังCPU และ ติดต้ัง แรม เนื่องจากวิดีโอสาธิตใจคอมพิวเตอร์รุ่นอื่นที่แตกต่างกันแต่ลักษณะในการติดตั้งเหมือนกัน และ ข้อท่ีมีผล คะแนนเฉล่ียน้อยสดุ 2.6 การต่อPower switch เนอ่ื งจากวดิ ีโอสาธิตใจคอมพวิ เตอร์รุ่นอื่นที่แตกต่างกันจากรุ่นท่ีใช้ ประเมิน ซ่งึ สอดคลอ่ งคลอ่ งกบั ทฤษฎีการเรยี นรดู้ ้วยวิดีโอสาธติ ท่ผี เู้ รยี นสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตามหัวข้อท่ีสนใจ และทข่ี าดทักษะ โดยมเี วลาในการเรียนรูเ้ พม่ิ มากข้ึน สง่ ผลใหก้ ารเรยี นรูเ้ พม่ิ ข้นึ ตาม 3. ขอ้ เสนอแนะ ในการวิจัยคร้ังนี้พบว่านักศึกษาที่เรียนในรายวิชาการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์และติดตั้ง ซอฟต์แวร์ยังขาดพื้นฐาน ดั้งน้ันผู้วิจัยจึงเห็นว่าควรมีการปรับพ้ืนก่อนการเรียนในรายวิชาการประกอบเคร่ือง คอมพิวเตอร์และตดิ ตง้ั ซอฟต์แวร์ กติ ตกิ รรมประกาศ วิจัยฉบับน้ีได้รับการช่วยเหลืออย่างดียิ่งจาก อาจารย์ทองทวี จิตพรมมา อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย ซึ่ง กรุณาให้คาแนะนาและถ่ายทอดความรู้ ตลอดจนควบคุมการทาวิจัยจนประสบความสาเร็จ ผู้ทาวิจัยขอกราบ ขอบพระคณุ เปน็ อย่างสงู ไว้ ณ โอกาส น้ี ขอกราบขอบพระคุณ ผศ.ดร.จารุวรรณ ทูลธรรม ที่กรุณาถ่ายทอดความรู้ ตลอดระยะเวลาใน การศึกษา รวมท้ังบุคคลท่ีปรากฏตามรายการอ้างอิงที่ผู้ทาวิจัยใช้อ้างอิงขอขอบพระคุณ อาจารย์พ่ีเลี้ยงที่คอยให้ คาปรึกษาทางดา้ นขอ้ มูลและขอขอบคุณอาจารยส์ าขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ นกั ศกึ ษากลุ่มตวั อยา่ ง ทช่ี ว่ ยเหลือและ ใหค้ วามรว่ มมอื ตลอดเวลาการทาวิจัย ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าอันพึงมีจากวิจัยฉบับน้ี ผู้ทาวิจัยขอมอบเป็นกตัญญุตาบูชาแด่ บิดามารดา ครู อาจารยต์ ลอดจนผู้มพี ระคุณทุกทา่ น บรรณานุกรม การประกอบคอมพวิ เตอร์.(2010).[ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.thaigoodview.com/node/17731 (วันท่ีค้นหาข้อมลู 12 กุมภาพนั ธ์ 2561)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 231 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ทักษะปฏบิ ตั ิ [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.kyetc.net/index-practical.html (วนั ทีค่ ้นหาข้อมูล 2 ธนั วาคม 2560) ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นคณติ ศาสตร์และทกั ษะการ คิดเลขในใจของ นักเรียนท่ีได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปาโดยใช้แบบฝึกหัดที่เน้นทักษะการคิดเลขในใจกับนักเรียนที่ ได้รับการสอนโดยใช้คู่มือ ครู. วิทยานิพนธ์ ค.ม.(หลักสูตร และการสอน). พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิต วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา พมิ พนั ธ์ เตชะคุปต์. (2548). การเรยี นการสอนท่เี นน้ ผู้เรยี นเปน็ ศนู ย์กลาง. กรงุ เทพฯ : เดอะมาสเตอรก์ รุ๊ป วดิ โี อช่วยสอน.(2560). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.thaiall.com/vdoteach/ (วันท่คี น้ หาขอ้ มูล 10 ธนั วาคม 2560) สมพร เชอ้ื พันธ์. (2547). การเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นคณติ ศาสตร์ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่3 โดย ใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองกับการจัดการเรียนการสอนตามปกติ . วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน).พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันราชภัภ พระนครศรอี ยุธยา---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 232 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาทักษะการซอ่ มบารงุ คอมพวิ เตอรข์ องนักศึกษาหญงิ สาขาวิศวกรรม คอมพิวเตอรช์ ้นั ปีท่ี 4 โดยรูปแบบการสอนแบบปฏบิ ตั จิ ริง กาพล จันทภมู 1ิ * วชั รพงษ์ วไิ ลวรรณ2 และกติ ติ ทลู ธรรม3 บทคดั ย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาหญิงท่ีใช้รูปแบบการเรียนแบบสาธิต และพฒั นาทักษะการซ่อมบารุงคอมพวิ เตอร์ของนกั ศึกษาหญงิ สาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอรช์ นั้ ปที ่ี 4 โดยรูปแบบการ สอนแบบปฏบิ ัตจิ รงิ กล่มุ ตวั อยา่ งท่ใี ช้ในการวิจัยได้แก่ นักศกึ ษาหญงิ ชน้ั ปีท่ ่ี 4 สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น จานวน 15 คนเคร่ืองมือท่ีใช้ในการ วิจัยคือ แผนการสอนเร่ือง การซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ ,แบบประเมินทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ขอ้ มูลโดยใช้สถติ ิ ค่าเฉล่ียร้อยละ 80% ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหญิงท้ังหมดในภาพรวมมีทักษะในการประกอบ คอมพิวเตอร์ ผ่านเกณฑ์การประเมินทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ (คะแนนรวม=631, ค่าเฉลี่ยรวมของ คะแนน=42.07, ค่าร้อยละของคะแนน=84.13%) นักศึกษาหญิง ช้ันปี่ที่ 4 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีการ พัฒนาทกั ษะในการซ่อมบารุงคอมพิวเตอรเ์ พ่มิ ขึน้ ร้อยละ 80% จากการเรยี นในรปู แบบปฏบิ ตั จิ ริง คาสาคญั : การเรยี นร้แู บบลงมอื ปฏบิ ัตจิ ริง,การวิจยั ในชน้ั เรียน,การซ่อมบารงุ คอมพวิ เตอร์ Abstract This research, with the purpose of achievement of female students. Use the holes on the learning style demonstration and development for skills computer maintenance of female student in years 4. Faculty of Technical Education Computer Engineering the teaching style is real practice the samples used in the research is female student in years 4 to 15 people of Faculty of Technical Education Computer Engineering. Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus. the instrument used for this research is lesson plans of computer maintenance, skills assessment of computer maintenance. Data were analyzed using statistical average 80%. The research found that, achievement of the overall student have experience in computer skill. Pass of computer skill (score = 631, average of score = 42.07, Percentage of score = 84.13%) Female students in years 4. Faculty of Technical Education Computer Engineering have percentage of score 80% from learning style is real practice. Keyword: Learning style is real practice, Computer maintenance, Research in class. 1คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น1 * Corresponding E-mail : kampon407@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 233 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม ฉบับท่ี 2 และ ฉบับท่ี 3 มาตรา 22 ระบุว่า การ จัดการศึกษาต้องยดึ หลกั ว่า ผู้เรียนทกุ คนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่า ผู้เรียนมีความสาคัญ ท่สี ดุ กระบวนการจัดการศึกษาตอ้ งส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นสามารถพฒั นาตามธรรมชาติ และเต็มตามศกั ยภาพ และมาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องจัด กิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก ประสบการณจ์ ริง ฝกึ การปฏบิ ตั ใิ ห้ทาได้ คิดเป็น ทาเปน็ รักการอ่านและ เกดิ การใฝร่ อู้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง การจัดการเรียนรู้แบบท่ีเน้น การปฏิบัติเป็นการจัดกิจกรรมเน้น การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง จากการ เผชิญสถานการณ์จรงิ และการแกป้ ัญหา เพ่ือให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรจู้ ากการกระทา ได้ฝกึ คดิ ฝกึ ลงมอื ทา ฝึกทักษะ กระบวนการตา่ งๆ ฝกึ การแกป้ ัญหาดว้ ยตนเองผู้เรียนได้เรยี นร้ทู ัง้ ทฤษฎแี ละปฏิบัติ การจัดการเรียนการสอนรายวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ พบว่านักศึกษาหญิงขาดทักษะในการซ่อมบารุง คอมพิวเตอร์ ทาใหน้ กั ศึกษาหญงิ ไม่สามารถซ่อมบารุงคอมพวิ เตอรไ์ ด้ จากปัญหาดังกล่าวจึงทาให้ผู้วิจัยศึกษารูปแบบและจัดการเรียนการสอนแบบเน้นการปฏิบัติ ส่งเสริมให้ นักศึกษาหญิง ได้เรยี นโดยการปฏิบัตจิ ริง เน้นให้นักศึกษาสามารถปฏิบัติงานท่ีได้รับมอบหมายได้สอดคล้องกับการ จัดการเรียนรู้แบบที่เน้นการปฏิบัติที่เป็นการจัดกิจกรรมเน้นการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการเผชิญ สถานการณ์จริงและการแก้ปัญหา เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากการกระทา ฝึกคิด ฝึกทักษะ นักศึกษาหญิงได้ เรยี นร้กู ารปฏบิ ตั ิ สง่ ผลให้นักศกึ ษาหญิง มีผลสัมฤทธใิ์ นการซอ่ มบารงุ คอมพวิ เตอร์ เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง วิธสี อนแบบปฏบิ ตั ิการหรอื การทดลอง (Laboratory Method วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง เปน็ วธิ ีสอนทค่ี รเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นลงมอื ปฏบิ ตั หิ รอื ทาการ ทดลองคน้ หาความรูด้ ว้ ยตนเอง ทาให้เกิดประสบการณต์ รง การบารุงรกั ษา 1. ความหมายของการบารงุ รกั ษา 2. จุดมงุ่ หมายของการบารุงรักษา 3. ประเภทของการบารุงรักษา ทฤษฎีเกีย่ วกบั การประเมิน การประเมินเปน็ กระบวนการทมี่ ีการเก็บรวบรวมข้อมูล และตดั สนิ คณุ ค่าของส่งิ ตา่ งๆ โดยเทียบกับเกณฑ์ ท่กี าหนด สว่ นการวจิ ยั เชงิ ประเมนิ เป็นกระบวนการวจิ ัยท่เี หมือนกบั การวิจัย ซง่ึ เป็นกระบวนการศึกษา คน้ คว้า อยา่ งเปน็ ระบบ สอดคล้องกบั กระบวนการวจิ ัย หรือวธิ ีการเชงิ วิทยาศาสตร์ และเนน้ ในเรอ่ื งการไดม้ าซึ่งองค์ความรู้ หรอื แนวคิด แนวปฏบิ ตั ใิ หมๆ่ ควบคูไ่ ปด้วย รวมทัง้ มีการผนวกกับการกาหนดเกณฑท์ เี่ ป็นปรนยั มุง่ เนน้ ตัดสินคณุ คา่ ของการปฏบิ ัตกิ ารใดๆ ที่มีจดุ มุ่งหมายเฉพาะ 1. ความสาคัญของการประเมิน 2. เปา้ หมายของการประเมิน 3. การประเมนิ ทางการศกึ ษา 4. ประเภทของการประเมิน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 234 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== งานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การวจิ ยั ณัฏฐพงษ์ ฉายแสงประทปี (2557, บทคัดย่อ) วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัยคร้ังนี้ คอื เพอื่ ศกึ ษาผลสมั ฤทธิก์ าร เรยี นรูข้ องนักศกึ ษาดว้ ยวธิ ีการสอน แบบลงมอื ปฏบิ ัติ และเพื่อศกึ ษาความพึงพอใจของนกั ศกึ ษาจากวธิ กี ารสอน แบบลงมือปฏบิ ัติ พงษว์ ิภา เทวลี าภรณ(์ 2559, บทคัดย่อ) การวิจยั คร้งั น้ีมวี ตั ถุประสงค์ 1) เพือ่ ศกึ ษาผลสัมฤทธ์ิของคะแนน ทดสอบก่อนเรยี นกับคะแนนทดสอบหลงั เรียนวชิ าการเขยี นแบบก่อสรา้ ง 3 ที่สอนโดยใช้การจัดการเรยี นการสอน แบบเน้นการปฏบิ ัติ 2) เพื่อศึกษาความพงึ พอใจของนักศกึ ษาทมี่ ีตอ่ การจัดการเรยี นการสอนแบบเนน้ การปฏบิ ตั ิ การดาเนินการวจิ ยั ในการวิจัยเรอ่ื ง การพฒั นาทกั ษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอรข์ องนักศึกษาหญงิ สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอรช์ ้ัน ปีที่ 4 โดยรปู แบบการสอนแบบปฏบิ ัติจริง เพอื่ พฒั นาทกั ษะให้นกั ศกึ ษาหญงิ ผวู้ ิจัยไดด้ าเนินการวจิ ยั โดยมี รายละเอยี ดด้งั นี้ ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 1. ประชากรได้แก่ นักศึกษาหญิง สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่ จานวน 50 คน 2. กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักศึกษาหญิง ช้ันป่ีท่ี 4 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น ได้มาโดย เลือกแบบเจาะจงซ่ึงเป็นนักศึกษาช้ันปีสุดท้าย กอ่ นออกฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ในสถานศกึ ษา เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการวิจยั 1. เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการจดั การเรยี นการสอน คือ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ ด้วย วิธีการสอนแบบสาธิต จานวน 3 ชั่วโมง 2. เครอื่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู คือ แบบประเมินทกั ษะ 3. การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือประเมินความสอดคล้องของเน้ือหาท่ีต้องการศึกษาและข้อคาถามโดย ผ้เู ชี่ยวชาญ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. การเกบ็ ขอ้ มลู ขนั้ ต้น ประเมนิ ทักษะของนักศกึ ษาหญงิ ทข่ี าดทักษะในการซอ่ มบารุงคอมพวิ เตอร์ 2. การเก็บขอ้ มลู วิจัย มีข้ันตอนด้ังนี้ 2.1 จัดการเรยี นการสอนดว้ ยวธิ ีการสอนแบบสาธติ เรอ่ื ง การซอ่ มบารุงคอมพวิ เตอร์ ตามแผนการจัดการ เรียนรู้ 2.2 นกั ศกึ ษาปฏิบัตกิ ารประกอบคอมพิวเตอร์ตามข้ันตอนการสาธติ 2.3 อาจารย์ประเมินผล โดยใชแ้ บบประเมนิ ทกั ษะในการเกบ็ ข้อมลู หลังจาก นกั ศึกษาปฏิบตั ิงานเสรจ็ เรยี บร้อย 2.4 นาผลการประเมนิ ทกั ษะท่ไี ด้ไปใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู การวิเคราะห์ขอ้ มูล 1. ใชแ้ บบประเมินทกั ษะ ทมี่ รี ะดับคะแนน 5 ระดบั ซ่ึงมีความหมายดงั น้ี 5 หมายถงึ มที กั ษะในระดบั ดีมาก 4 หมายถึง มที กั ษะในระดบั ดี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 235 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== 3 หมายถงึ มที กั ษะในระดับพอใช้ 2 หมายถงึ มที ักษะในระดบั ปรบั ปรงุ 1 หมายถึง มีทกั ษะในระดับไม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ 2. นาผลคะแนนที่ได้จากการประเมินทกั ษะการซ่อมบารุงคอมพวิ เตอร์ มาแปลผลโดยคดิ เปน็ เปอรเ์ ซน็ ต์ 3. สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 การหาคา่ ร้อยละ 3.2 การหาค่าเฉลี่ย 3.3 การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลรวมแบบประเมนิ ทักษะตารางท1ี่ การหาค่าเฉลย่ี ( ̅) การหาคา่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) และการหาคา่ รอ้ ยละ ร้อยละคนท่ี ขอ้ ท่ี คะแนน ของ คะแนน 1(5) 2(5) 3(5) 4(5) 5(5) 6(5) 7(5) 8(5) 9(5) 10(5) รวม (50) 1 4 5 5 5 3 4 4 4 3 4 41 82% 2 4 5 5 5 4 4 3 5 3 5 43 86% 3 4 5 5 5 3 4 3 5 3 4 41 82% 4 5 5 5 5 4 5 3 5 4 5 46 92% 5 5 5 5 5 3 4 3 5 3 5 43 86% 6 4 5 5 5 3 4 3 5 3 5 42 84% 7 4 5 5 5 3 4 3 5 3 5 42 84% 8 4 5 5 5 4 4 3 4 3 5 42 84% 9 4 5 5 4 3 4 3 5 3 4 43 86%10 4 5 5 5 4 4 3 4 3 4 41 82%11 4 5 4 4 4 4 3 4 3 3 41 82%12 4 5 5 5 5 4 3 4 3 4 42 84%13 4 4 5 4 4 4 3 4 3 4 39 78%14 5 5 5 5 5 4 3 4 4 4 44 88%15 4 4 4 5 4 3 3 4 3 4 41 82%S.D. 0.41 0.35 0.35 0.41 0.70 0.38 0.25 0.51 0.35 0.61 คา่ เฉล่ยี ( ) 42.07ค่าเฉลย่ี ร้อยละของคะแนน 84.13%คา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) 1.62---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 236 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== จากตารางที่4.1 จะเห็นได้ว่าผลการประเมินทักษะด้านการปฏิบัติงาน มีค่าเฉลี่ยร้อยละของคะแนนคิด เปน็ ร้อยละ 84.13 และมคี า่ คะแนนเฉลีย่ เทา่ กับ 42.07 สรปุ ผลการและอภิปรายผลการวจิ ยั จากการศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ของนักศึกษาหญิงสาขาวิศวกรรม คอมพวิ เตอรช์ ้นั ปที ี่ 4 โดยรูปแบบการสอนแบบปฏบิ ตั ิจริง ผลการวิจัยพบวา่ 1. กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคร้ังนี้ได้แก่ นักศึกษาหญิง ชั้นป่ีท่ี 4 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ จานวน 15 คน 2. ผลการประเมินทกั ษะในการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ของนกั ศึกหญิง พบวา่ 2.1 เมื่อวิเคราะห์แล้วจะเห็นว่า จากจานวนนักศึกษาหญิงที่เข้าร่วมการพัฒนาทักษะการซ่อมบารุง คอมพิวเตอร์ ด้วยวิธีการสอนแบบปฏิบัติจริง จานวน 15 คน มีนักศึกษาผ่านเกณฑ์การประเมินท่ีคะแนน 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 80 นักศึกษาท่ีผ่านเกณฑ์ จานวน 14 คน โดยมีคะแนนรวมมากที่สุด 3 ระดับ อยู่ท่ี 46 คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96 ,44 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 88, 43 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 86 และมีนักศึกษาที่ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมิน จานวน 1 คน มีคะแนนรวมต่าสุดอยู่ที่ 39 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 78 และมีผลคะแนนท่ีน้อย ทส่ี ดุ อยู่ท่ี ขอ้ ที่ 7 ความเรยี บรอ้ ยในการเก็บสายไฟ กับขอ้ ท่ี 9 ความเร็วในการประกอบคอมพวิ เตอร์ 2.2จากวตั ถุประสงค์การวิจัย นักศึกษาหญิงท่ีใช้รูปแบบการเรียนการสอนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพ่ิมข้ึน และมกี ารพัฒนาทักษะการซ่อมบารงุ คอมพิวเตอรเ์ พ่มิ ข้ึน จากผลการวิจัยพบว่า สอดคล้องกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้ คือ พัฒนาทักษะการซ่อมบารุงคอมพิวเตอร์ของ นักศึกษาหญิงสาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ชัน้ ปที ี่ 4 โดยรูปแบบการสอนแบบปฏบิ ัติจริง เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 อาจเป็น เพราะว่า วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง เป็นวิธีสอนที่ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนลงมือปฏิบัติหรือทาการ ทดลองคน้ หาความรู้ด้วยตนเอง ทาใหเ้ กิดประสบการณ์ตรง ซ่ึงสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ณัฏฐพงษ์ ฉายแสงประทีป(2557, บทคัดย่อ) จากผลงานวิจัย พบว่า ผู้เรียนร้อยละ 37.04 ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีเยี่ยม รองลงมา คือ ผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับดีมาก และระดับดี คิดเป็นร้อยละ 18.52 และร้อยละ 14.81 ตามลาดับ สาหรับการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิการเรียนรู้กับ เกณฑ์มาตรฐาน พบวา่ คะแนนผลการเรียนเฉล่ียของ ผเู้ รียนแตกตา่ งกับเกณฑม์ าตรฐานที่กาหนดที่ 70 คะแนนหรอื เกรด C และด้านความพึงพอใจจากการเรียนแบบ ลงมือปฏิบัติ พบว่า ผู้เรียนมีความพึงพอใจในภาพรวม และราย ด้านในระดับมาก เมื่อพิจารณาจากคะแนนเฉล่ีย ของความพึงพอใจ พบว่า ด้านการสอนของอาจารย์ เป็นด้านที่ ผู้เรียนมีความพึงพอใจสูงเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านการเรียนรู้ของนักศึกษา ด้านการเรียนการสอน ด้าน ความรู้ของนักศึกษา และดา้ นการประเมินผล บรรณานุกรม กมลวรรณ ตงั ธนกานนท์ 2557 การวัดและประเมินทกั ษะการปฏบิ ตั ิ ณฎั ฐพงษ์ ฉายแสงประทปี วารสารวิจัยและพฒั นา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สาขามนษุ ยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ ปีท่ี : 11 ฉบับที่ : 2 เลขหน้า : 93-102 ปพี .ศ. : 2559 พงษว์ ภิ า เทวีลาภรณ์ 2559 การจดั การเรียนการสอนแบบเนน้ การปฏบิ ัติ เพ่ือพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการ เรยี น รายวชิ าการเขียนแบบก่อสร้าง 3 ของนักศกึ ษาระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพชนั้ ปีที่ 2 วิทยาลยั เทคโนโลยีเมโทร---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 237 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ยทุ ธ ไกยวรรณ์ 2553 เทคนิคการสอนและวิธกี าร (Teaching Techniques and Methods) อนศุ ักด์ิ ฉิ่นไพศาล 2557 การบารงุ รักษา---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 238 RMUTI EDUCON 2018
Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การวิจัยเพื่อแก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ากว่าเกณฑ์ในรายวิชาพื้นฐานการสร้าง เว็บไซต์ เร่ือง การใช้งาน แท็ก HTML เบื้องต้น โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผ่านเว็บ ส่าหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีท่ี 1 สาขางานเทคนิค คอมพิวเตอร์ ภาควิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 Research to solve achievement in basic courses below the threshold of creating a website using HTML tags are used primarily by the CAI web. For Diploma Year 1 students in technical computing. Department of Computer Technology Vocational College 2nd semester 2560 academic year. เกยี รตศิ ักด์ิ ไหมทอง1* และจกั รกฤษณ์ ศรีทอง2 บทคัดยอ่ งานวจิ ัยน้มี ีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื แก้ปญั หาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนต่ากว่าเกณฑ์ รายวิชาพื้นฐานการสร้างเว็บไซต์ เร่ือง การใช้งานแท็ก HTML เบื้องต้น โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านเว็บ และศึกษาความพึงพอใจของ นักศึกษาท่ีมีต่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนผา่ นเว็บ กลุม่ ตัวอย่างนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีท่ี 1 สาขา งานเทคนิคคอมพิวเตอร์ ภาควิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคนิคมหาสารคาม ภาคเรียนที่ 2/2560 ท่ีไม่ผ่าน เกณฑ์ร้อยละ 50 จ่านวน 19 คน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านเว็บ เร่ือง การใช้งานแท็ก HTML ใช้โปรแกรมใน การสร้างคือ Adobe Dreamweaver CS6 โดยเริ่มจากการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและท่าการออกแบบเว็บไซต์ หลงั จากนั้นจัดทา่ วดิ ีโอการน่าเสนอเนื้อหา พร้อมใสเ่ สียงประกอบพื้นหลงั และภาพประกอบอ่นื ๆ ที่เก่ียวข้อง ผลจากการ วิจัย เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านเว็บและท่าแบบทดสอบ ผลปรากฏว่าผ่านเกณฑ์ จ่านวน 17 คน คิดเปน็ ร้อยละ 89.5 และไมผ่ า่ นเกณฑจ์ า่ นวน 2 คน คน คิดเป็นร้อยละ 10.5 ซึ่งตรงตามสมมติฐานที่ตั้ง ไว้คอื มากกว่ารอ้ ยละ 80 และผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักศึกษาท่ีมีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนผ่านเว็บ ความพึงพอใจเฉล่ียรวม 3.96 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.96 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก ซึ่งประกอบด้วย 1)ด้าน การน่าเสนอเนื้อหา มีความพึงพอใจเฉลี่ย 4.00 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.88 2)ด้านการออกแบบมีความพึงพอใจเฉล่ีย 3.93 ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.99 และ3)ด้านประโยชน์ของสื่อมีความพึงพอใจเฉล่ีย 3.96 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.96 ค่าสา่ คญั : เว็บชว่ ยสอน, 1(คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น) * Corresponding E-mail : ([email protected])---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 239 RMUTI EDUCON 2018
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325