Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

หลักสูตรหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

Description: หลักสูตรรายวิชา สค13113 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 ระดับประถมศึกษา

Keywords: หลักสูตร,หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า

Search

Read the Text Version

หลักสตู ร รายวชิ า สค13113 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเ่ี กา้ 1 ระดบั ประถมศกึ ษา ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอเมืองประจวบครี ีขนั ธ์ สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ สำนักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สำนกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ กกกกกกกเอกสารหลักสูตรรายวิชา สค13113 หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก้า 1 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ จัดทาขึ้นเพื่อให้นักศึกษาได้ศึกษาเรียนรู้ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง ความหมายและความสาคัญของหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 หน้าที่พลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารัส ตามหลักการทรงงาน ตามพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจ และสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้ ส่งผลให้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 จุดหมาย ข้อที่ 1 มี คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข ข้อที่ 3 มี ความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด และตามทันความ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ข้อที่ 4 มีทักษะการดาเนินชีวิตท่ีดี และสามารถ จัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุข ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ข้อท่ี 5 มีความเข้าใจ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนายึดม่ันในวิถีชีวิต และการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อที่ 6 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และ ข้อท่ี 7 เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะใน การแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และบูรณาการความรู้มาใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ บรรลไุ ด้ดยี ิง่ ๆ ขน้ึ กกกกกกกเอกสารหลักสูตรฉบับน้ีประกอบด้วย (1) ผังมโนทัศน์ (2) คาอธิบายรายวิชา (3) รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา (4) โครงสร้างหลักสูตร (5) รายละเอียดของเนื้อหาหัวเร่ืองท่ี 1 – 7 ได้แก่ หัวเรื่องท่ี 1 ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับหน้าท่ีพลเมือง หัวเรื่องท่ี 2 ความหมายและความสาคัญ ของหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 หัวเรื่องที่ 3 หน้าที่พ ลเมืองตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม หัวเรื่องท่ี 4 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส หัวเรื่องท่ี 5 หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน หัวเรื่องที่ 6 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราช จริยวตั รและพระราชกรณียกิจ และหวั เรอื่ งที่ 7 การประยุกต์ใช้หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ในชวี ิตประจาวนั (6) บรรณานกุ รม และ (7) ภาคผนวก กกกกกกกเอกสารฉบับน้ี สาเร็จลงได้ด้วยดี เน่ืองจากได้รับการสนับสนุนและการให้คาปรึกษา ของ นางโกศล หลักเมือง รองผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รองศาสตราจารย์ ดร.พัชรี ศรีสังข์ อาจารย์ประจาคณะ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และนางสาวสุธิกานต์ แย้มนิล ผู้อานวยการ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอหัวหิน จังหวดั ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงผู้ให้ ข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตร ได้แก่ พระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายธรรมยุต

เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร ดร.สาราญ ไกรทอง ผู้แทนชุมชน นายกฤษฏา นุตะโร ผู้แทน เครือข่ายชมรมคนรักในหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายตรีเพชร สายสกล ผู้แทนองค์กร นักศึกษา กศน.อาเภอเมอื งประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนได้รับความร่วมมือในการจัดทาเอกสารหลักสูตร จากข้าราชการครู บรรณารกั ษ์ ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน ครู กศน.ตาบล ครูศูนย์การเรียน ชุมชน บรรณารักษ์อัตราจ้าง และเจ้าหน้าท่ีบริหารงานท่ัวไป สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมอื งประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอขอบพระคุณและ ขอขอบคุณทุกทา่ นมา ณ ท่ีน้ีดว้ ย (นางสาวขวัญจติ ต์ ศรีจันทนากุล) ผ้อู านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์

ประกำศ ศูนย์กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอเมืองประจวบครี ีขนั ธ์ เรือ่ ง ประกาศใชห้ ลกั สตู รวิชาเลอื ก สค13113 หน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเ่ี ก้า 1 …………………………………………………………………………….... กกกกกกกตามท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได้ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยอย่างมากมาย ทาให้ปวงชนชาวไทยได้สานึกถึงพระองค์และต้องการ เรียนรู้ สืบสานตามรอยพระยุคลบาท ประกอบกับสถานศึกษามีหน้าท่ีปลูกฝังให้นักศึกษาได้ปฏิบัติ ตนตามหน้าที่พลเมืองดี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมื อง ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตระหนักถึงความสาคัญของบทบาทในการปลูกฝังหน้าที่ พลเมืองดีให้กับนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะหน้าท่ีพลเมืองดี ตามรอยพระยุคลบาทของ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 จึงไดจ้ ดั ทาหลักสตู ร สค13113 หน้าที่ พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ีเกา้ 1 เพือ่ ใช้ในการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข ภายใต้การปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองดี ให้กับ นักศึกษาของศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และไดผ้ ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาแล้ว กกกกกกกดังน้ัน เพ่ือให้การจัดการศึกษาหลักสูตรรายวิชาเลือก สค13113 หน้าที่พลเมืองตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลที่เก้า 1 เปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงขอประกาศใช้หลักสูตรน้ี กับนักศึกษาของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ทีล่ งทะเบียนเรียน ตัง้ แต่ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2560 เปน็ ต้นไป กกกกกกกประกาศ ณ วนั ท่ี 29 เดอื น กันยายน พ.ศ.2560 (นางสาวขวญั จิตต์ ศรีจนั ทนากลุ ) ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองประจวบคีรีขนั ธ์

ควำมเห็นชอบของคณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำ กกกกกกกตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยอย่างมากมาย ทาให้ปวงชนชาวไทยได้สานึกถึงพระองค์และต้องการ เรียนรู้ สืบสานตามรอยพระยุคลบาท ประกอบกับสถานศึกษามีหน้าที่ปลูกฝังให้นักศึกษาได้ปฏิบัติ ตนตามหน้าท่ีพลเมืองดี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมื อง ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตระหนักถึงความสาคัญของบทบาทในการปลูกฝังหน้าที่ พลเมืองดีให้กับนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะหน้าท่ีพลเมืองดี ตามรอยพระยุคลบาทของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงไดจ้ ัดทาหลักสตู ร สค13113 หน้าท่ี พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทีเ่ ก้า 1 เพื่อใชใ้ นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข ภายใต้การปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองดี ให้กับ นกั ศกึ ษาของศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งประจวบคีรีขันธ์ จังหวัด ประจวบคีรขี นั ธ์ กกกกกกกเพอ่ื ให้การจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยเฉพาะรายวิชาเลือก สค13113 หน้าที่พลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 1 บรรลุจุดมุ่งหมายและนักศึกษาได้ปฏิบัติตนในฐานะพลเมืองดี และ ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ให้ผู้เกี่ยวข้องกับการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมมือกันจัดการศึกษา ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 กกกกกกกทง้ั น้ี ตัง้ แต่วนั ท่ี 29 เดอื น กันยายน พ.ศ.2560 (นายชูศักดิ์ อนพุ งศพ์ ิชติ กุล) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา

สำรบัญ ผังมโนทัศน์…………………………………………………………………………………………………………………. หนา้ คาอธิบายรายวชิ า.............................................................................................................. ........ 1 รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา……………………………………………………………………………………….. 2 โครงสรา้ งหลักสตู ร..................................................................................................................... 3 กกกสรปุ สาระสาคญั .................................................................................................................. 8 กกกผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั ...................................................................................................... 8 กกกขอบขา่ ยเนื้อหา................................................................................................................... 15 กกกการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้……………………………………………………………………………….. 15 กกกส่ือและแหลง่ เรียนร.ู้ ............................................................................................................ 16 กกกการวดั และประเมนิ ผล……………………………………………………………………………………………. 16 หวั เร่อื งท่ี 1 ความรู้พนื้ ฐานเก่ียวกับหนา้ ที่พลเมือง.................................................................... 17 กกกสาระสาคญั ......................................................................................................................... 19 กกกตวั ชีว้ ัด…………………………………………………………………………………………………………………. 19 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 19 กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. 19 กกกการจัดประสบการณ์การเรียนร้.ู .......................................................................................... 20 กกกสื่อและแหลง่ เรยี นร.ู้ ............................................................................................................ 26 กกกการวัดและประเมนิ ผล........................................................................................................ 26 หวั เรื่องที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9.. 27 กกกสาระสาคัญ.................................................................................................................... ..... 28 กกกตัวชวี้ ดั …………………………………………………………………………………………………………………. 28 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 28 กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. 28 กกกการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้........................................................................................... 28 กกกส่ือและแหลง่ เรียนร.ู้ ............................................................................................................ 30 กกกการวดั และประเมนิ ผล........................................................................................................ 30 หัวเรอ่ื งท่ี 3 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ด้วยทศพธิ ราชธรรม................... 31 กกกสาระสาคญั ......................................................................................................................... 32 กกกตวั ชวี้ ดั …………………………………………………………………………………………………………………. 32 กกกขอบข่ายเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 34 กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. 34 กกกการจดั ประสบการณ์การเรียนร.ู้ .......................................................................................... 34 52

สำรบญั (ตอ่ ) กกกส่ือและแหลง่ เรยี นร้.ู ............................................................................................................ หน้า กกกการวดั และประเมินผล........................................................................................................ 52 หัวเรื่องท่ี 4 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารัส...................... 53 กกกสาระสาคญั ......................................................................................................................... 54 กกกตัวชี้วดั …………………………………………………………………………………………………………………. 54 กกกขอบข่ายเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 56 กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. 56 กกกการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้........................................................................................... 57 กกกสื่อและแหล่งเรยี นรู้............................................................................................................. 87 กกกการวดั และประเมนิ ผล........................................................................................................ 87 หัวเรื่องท่ี 5 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน................. 88 กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ..... 89 กกกตวั ชี้วดั …………………………………………………………………………………………………………………. 89 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 89 กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. 89 กกกการจัดประสบการณ์การเรียนร.ู้ .......................................................................................... 90 กกกส่ือและแหล่งเรียนรู.้ ............................................................................................................ 112 กกกการวัดและประเมนิ ผล........................................................................................................ 112 หวั เรอ่ื งท่ี 6 หน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวัตร 113 และพระราชกรณยี กิจ................................................................................................................ กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ..... 114 กกกตัวชว้ี ัด…………………………………………………………………………………………………………………. 114 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 115 กกกเนื้อหา………………………………………………………………………………………………………………….. 115 กกกการจัดประสบการณ์การเรยี นร.ู้ .......................................................................................... 115 กกกส่ือและแหลง่ เรยี นร.ู้ ............................................................................................................ 133 กกกการวดั และประเมนิ ผล........................................................................................................ 134 หวั เรอื่ งที่ 7 การประยุกต์ใชห้ นา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9ในชีวิตประจาวนั . 134 กกกสาระสาคญั .................................................................................................................... ..... 136 กกกตัวชว้ี ดั …………………………………………………………………………………………………………………. 136 กกกขอบขา่ ยเน้ือหา…………………………………………………………………………………………………….. 137 137

สำรบัญ (ตอ่ ) กกกเน้ือหา………………………………………………………………………………………………………………….. หน้า กกกการจัดประสบการณ์การเรียนรู้........................................................................................... 137 กกกส่ือและแหลง่ เรยี นรู้............................................................................................................. 167 กกกการวดั และประเมนิ ผล........................................................................................................ 167 บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………………. 168 ภาคผนวก...................................................................................................................... ............ 169 กกกก ใบความรู้…………………………………………………………………………………………………………. 173 กกกข ใบงาน............................................................................................................................ 174 กกกค เครือ่ งมือวดั ความก้าวหน้า............................................................................................. 221 กกกง เครื่องมอื วดั ผลรวม……………………………………………………………………………………………. 235 กกกจ ประกาศแตง่ ต้ังทป่ี รึกษาและผู้รว่ มให้ขอ้ มลู พฒั นาหลกั สตู ร........................................... 252 กกกฉ คาสัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการพฒั นาหลักสูตร................................................................... 267 270

7. การประยุกต์ใช้หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตาม 1. ความรูพ้ ้ืนฐาน รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 เกีย่ วกบั หน้าทีพ่ ลเมือ ในชีวิตประจาวนั จานวน 15 ชัว่ โมง จานวน 10 ชว่ั โมง 7.1. ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม วิชา หน้าทีพ่ ลเมอื 7.2. ตามพระราชดารัส ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั ก 6. หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท จานวน 80 ช่วั โม รชั กาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณียกจิ จานวน 15 ช่วั โมง 6.1 พระราชจริยวัตร 6.2 พระราชกรณยี กิจ 5. หน้าที่พลเมืองตามรอ 6.1.1 ครอบครวั 6.2.1 โรงเรียน รัชกาลท่ี 9 ตามหลัก จานวน 10 ช่ัว 6.1.2 ความอ่อนน้อม 6.2.2 ท้องถนิ่ ถ่อมตัว ภาพประกอบ 1 ผงั มโนทศั น์ หลักสูตร วชิ าห ระดับป

น อง 2. ความหมายและความสาคญั ง ของหน้าที่พลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 จานวน 2 ชั่วโมง อง 3. หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท กาลทีเ่ ก้า 1 รชั กาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม มง จานวน 8 ชั่วโมง อยพระยคุ ลบาท 4. หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท กการทรงงาน รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั วโมง จานวน 20 ชวั่ โมง หนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่เกา้ 1 1 ประถมศกึ ษา

2 คาอธิบายรายวิชา สค13113 วิชา หนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเ่ี กา้ 1 จานวน 2 หน่วยกิต มาตรฐานที่ 5.3 กกกกกกกปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย มีจติ สาธารณะ เพอื่ ความสงบสุขของสังคม ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะ กกกกกกกความร้พู น้ื ฐานเกี่ยวกับหนา้ ท่ีพลเมือง ความหมาย และความสาคัญของหน้าทพ่ี ลเมอื ง ตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 หนา้ ที่พลเมอื งตา มรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ด้วย ทศพิธราชธรรม ตามพระราชดา รสั หลกั การทรงงาน พระ ราชจรยิ วตั ร และพระราช กรณยี กจิ และ การประยกุ ตใ์ ช้หนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวัน กกกกกกกเพือ่ ให้ผ้เู รียนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถปฏบิ ัติหนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 รวมถึงมจี ติ สาธารณะ มีความรับผิดชอบ เกิดจิตสานกึ เทิดทนู ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ ของ รัชกาลท่ี 9 ทีม่ ตี อ่ ประชาชนชาวไทย ตลอดจนภาคภูมิใจที่เกิดเปน็ คนไทย การจดั การประสบการณ์การเรยี นรู้ กกกกกกกบรรยาย กาหนดประเดน็ ในการศึกษาค้นควา้ ร่วมกันจากส่อื การเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย บันทกึ ผลการศกึ ษาคน้ คว้าลงในเอกสารการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง (กรต.) พบกลมุ่ อภิปราย แลกเ ปลยี่ นเรียนรู้ วเิ คราะหข์ อ้ มูลทไ่ี ด้ และสรปุ การเรยี นรู้ รว่ มกนั บนั ทกึ ลงในเอกสารในการเรียนรู้ ด้วยตนเอง (กรต.) นาผลสรปุ การเรียนรู้ท่ไี ดไ้ ป ประยุกตใ์ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั และเ ขียนเอกสารรายงานผลการ ปฏิบตั ิ หน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 จรงิ ด้วยทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารัส การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกกประเมนิ ความก้าวหน้าดว้ ยวิธีการ สังเกต ซักถาม ตอบคาถาม ตรวจเอกสารการเรียนรู้ ด้วยตนเอง (กรต.) และตรวจ เอกสารรายงานผลการ ปฏิบตั ิหนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารัส ไปปฏิบัติในชีวิตประจาวนั และประเมนิ ผลรวม ดว้ ยวิธกี าร ให้ตอบแบบทดสอบ วัดความรู้ ตอบแบบสอบถาม วัดทกั ษะการนาไปใช้ในชีวติ ประจาวั น และตอบแบบสอบถามวัดเจตคตติ อ่ วชิ าหน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเ่ี กา้ 1

3 รายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า สค13113 วิชา หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ีเกา้ 1 จานวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศึกษา มาตรฐานที่ 5.3 กกกกกกกปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย มจี ติ สาธารณะ เพ่ือความสงบสุขของสงั คม ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชี้วัด เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 1. ความรู้พน้ื ฐาน 1. บอกความหมายของหนา้ ที่ 1. ความหมายของหน้าท่ี เกี่ยวกับหน้าท่ี พลเมืองได้ พลเมือง 10 พลเมอื ง 1. 1.1 ความหมายของ พลเมือง 1. 1.2 ความหมายของ พลเมืองดี 1. 1.3 ความหมายของ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 2. อธบิ ายและตระหนกั ถึง 2. ความสาคัญของหนา้ ที่ ความสาคญั ของหนา้ ที่พลเมือง พลเมอื ง 3. บอกแนวทางการปฏบิ ัติตน 3. แนวทางการปฏิบัติตน ในการเป็นสมาชกิ ที่ดีของสังคม ในการเป็นสมาชิกทดี่ ีของ ได้ สังคม 3. 3.1 ด้านกฎหมาย 3. 3.2 ดา้ นวฒั นธรรม 3. 3.3 ด้านประเพณีไทย 3. 3.4 ด้านสิทธิหนา้ ท่ี ตาม ระบอบประชาธิปไตย 3. 3.4 3.4.1 ครอบครัว 3. 3.4 3.4.2 โรงเรยี น 3. 3.4 3.4.3 ท้องถ่นิ 3. 3.4 3.4.4 ประเทศ 4. บอกคุณธรรมของการเป็น 4. คุณธรรมของการเป็น พลเมืองดีได้ พลเมอื งดี

4 ที่ หวั เรือ่ ง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน (ช่ัวโมง) 2. ความหมายและ 1. บอกความหมายหนา้ ที่ 1. ความหมายของหนา้ ที่ 2 ความสาคัญของ พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท พลเมืองตามรอยพระยคุ ล หนา้ ทพี่ ลเมอื งตาม รัชกาลท่ี 9 ได้ บาทรัชกาลท่ี 9 รอยพระยคุ ลบาท 2. อธิบายและตระหนกั ถึง 2. ความสาคญั ของหน้าท่ี รัชกาลท่ี 9 ความสาคัญของหน้าที่พลเมือง พลเมืองตามรอยพระยคุ ล ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาล บาทรชั กาลที่ 9 ท่ี 9 3. หนา้ ที่พลเมืองตาม 1. วเิ คราะหห์ นา้ ท่พี ลเมอื ง 1. ความหมายของ 8 รอยพระยุคลบาท ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาล ทศพิธราชธรรม รัชกาลที่ 9 ดว้ ย ที่ 9 ด้วยทศพธิ ราชธรรมตาม 2. แนวทางการปฏิบตั ิ ทศพธิ ราชธรรม สถานการณท์ ี่กาหนดใหไ้ ด้ หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระ 2. ตระหนกั ถึงความสาคัญของ ยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ดว้ ย หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระ ทศพิธราชธรรม ยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ด้วยทศพิธราชธรรม 4. หน้าท่ีพลเมืองตาม 1. วิเคราะห์หนา้ ท่พี ลเมอื ง 1. หน้าท่ีพลเมือง 20 รอยพระยคุ ลบาท ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี ตามพระราชดารสั ความสขุ รัชกาลท่ี 9 ตาม 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ในการดาเนินชวี ิต พระราชดารัส ในการดาเนนิ ชวี ิต เก่ียวกบั 1. 1.1 สุขกาย เด็ก นักเรยี นและเยาวชน และ 1. 1.2 สขุ ใจ นักศกึ ษา เกย่ี วกบั ปรชั ญาของ 1. 1.3 สขุ ในการอยู่ เศรษฐกจิ พอเพียงตาม ร่วมกัน สถานการณ์ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ 2. หน้าทพี่ ลเมอื งตาม 2. ตระหนักถึง ความสาคัญ พระราชดารัสเกี่ยวกบั เดก็ ของหน้าที่พลเมอื งตามรอย นกั เรยี น และเยาวชน และ พระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 นกั ศึกษา ตามพระราชดารัส 2. 2.1 วยั เด็ก และการ ปลกู ฝังคุณธรรม 2. 2.2 นักเรยี น และ เยาวชน 2. 2.3 นักศึกษา 2. 2.4 วัยทางาน และ การศึกษา

5 ที่ หัวเรอื่ ง ตัวชวี้ ดั เนอ้ื หา จานวน (ชว่ั โมง) 2. 2.5 หน้าที่ และความ รบั ผิดชอบตอ่ บา้ นเมือง 3. หน้าทพี่ ลเมืองตามพระ ราชดารัส ทีเ่ ก่ียวข้องกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 3. 3.1 ความพอประมาณ 3. 3.2 ความมีเหตผุ ล 3. 3.3 ความมภี ูมิคุ้มกัน 3. 3.4 เง่อื นไขความรู้ 3. 3.4 3.4.1 ความรู้ 3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า และหลักวิชาการ 3. 3.4 3.4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวงั 3. 3.5 เง่อื นไขคุณธรรม 3. 3.5 3.5.1 คณุ ธรรม 3. 3.5 3.5.1 1) ความ ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต 3. 3.5 3.5.1 2) ความ เพยี ร พากเพียร และอดทน 3. 3.5 3.5.1 3) สติ และ ปญั ญา 3. 3.5 3.5.1 4) ไม่ เบียดเบียน มีเมตตา 3. 3.5 3.5.1 5) ต้งั ใจดี คิดดี และทาดี 3. 3.5 3.5.1 6) ความ รบั ผดิ ชอบ รับผดิ และรับ ชอบ 3. 3.5

6 ที่ หัวเรื่อง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน (ชัว่ โมง) 3. 3.5 3.5.2 หน้าที่ 3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน์ สว่ นรวม ประโยชนส์ ว่ นตน และเสียสละ 3. 3.5 3.5.2 2) ความ สามัคคีร่วมมอื และ ปรองดอง 3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจรญิ 5. หน้าทีพ่ ลเมืองตาม 1. วิเคราะห์หน้าทพ่ี ลเมอื ง 1. หลักการทรงงาน 10 รอยพระยุคลบาท ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 2. แนวทางการปฏบิ ตั ิ รชั กาลท่ี 9 ตาม 9 ตามหลักการทรงงานใน หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระ หลักการทรงงาน สถานการณ์ ที่กาหนดใหไ้ ด้ ยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตาม 2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของ หลกั การทรงงาน หน้าที่พลเมืองตาม รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน 6. หน้าทพ่ี ลเมืองตาม 1. วิเคราะห์หนา้ ท่ีพลเมืองตาม 1. หนา้ ที่พลเมืองตามรอย 15 รอยพระยคุ ลบาท รอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 พระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 รชั กาลท่ี 9 ตาม ตามพระราชจริยวัตร และพระ ตามพระราชจริยวัตร พระราชจรยิ วตั ร ราชกรณยี กิจ ในสถานการณ์ 1. 1.1 ครอบครวั และพระราชกรณยี ท่ีกาหนดใหไ้ ด้ 1. 1.2 ความอ่อนนอ้ ม กิจ 2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของ ถอ่ มตวั หนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระ 2. หนา้ ที่พลเมืองตามรอย ยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระ พระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ราชจริยวัตร และพระราช ตามพระราชกรณียกิจ กรณียกจิ 2. 2.1 โรงเรียน 2. 2.2 ทอ้ งถิ่น 7. การประยกุ ต์ใช้ 1. ปฏิบัตหิ นา้ ทพี่ ลเมืองตาม การประยกุ ตใ์ ช้หน้าที่ 15 หน้าทพ่ี ลเมอื ง รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท ตามรอยพระยุคล ในชีวิตประจาวันได้ รชั กาลท่ี 9 ในชีวิตประจาวนั บาทรชั กาลที่ 9 2. ตระหนักถึงความสาคัญเหน็ กกก1. ดว้ ยทศพิธราชธรรม ในชวี ิตประจาวนั คณุ คา่ ของการประยกุ ต์ใช้ กกก2. ตามพระราชดารัส

7 ที่ หัวเรื่อง ตวั ช้ีวดั เน้อื หา จานวน (ช่วั โมง) หน้าทีพ่ ลเมอื งตามรอย พระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ในชีวิตประจาวนั

8 โครงสรา้ งหลกั สตู รรายวชิ า สค13113 วิชา หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเี่ กา้ 1 จานวน 2 หนว่ ยกิต ระดบั ประถมศกึ ษา สรุปสาระสาคญั กกกกกกก1. หัวเร่อื งที่ 1 ความร้พู นื้ ฐานเกยี่ วกับหนา้ ที่พลเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 หนา้ ท่ีพลเมอื ง หมายถึง การที่บคุ คลในชุมชน สังคม ประเทศ ตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม กฎหมาย ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาสั่งสอน ของพอ่ แม่ ครอู าจารย์ มคี วาม สามัคคีเอื้อเฟอ้ื เผอ่ื แผ่ซงึ่ กนั และกนั รู้จักรับผดิ ชอบชวั่ ดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลกั ธรรมของศาสนา มีความรอบรู้ มีสติปัญญา ขยันขนั แขง็ สรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ ให้แก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 ความสาคัญของหนา้ ที่พลเมอื งท่มี ตี ่อประเทศชาติ (1) ต้องจงรักภกั ดแี ละรกั ษาไว้ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ (2) ต้องรกั ษาไวซ้ งึ่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย (3) ต้องช่วยกันปูองกันประเทศ (4) ตอ้ งปฏิบตั ิตามกฎหมายบา้ นเมืองอยา่ งเคร่งครดั (5) ต้องใหค้ วาม รว่ มมือช่วยเหลอื แก่ราชการ และ (6) ต้องเสียภาษีอากรตามท่ีกฎหมายบัญญัตไิ ว้ กกกกกกก1. 1.3 แนวทางการปฏิบตั ิตนในการเป็นสมาชกิ ที่ดขี องสงั คมตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎหมาย วัฒนธรรม ประเพณี และปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธหิ น้าทต่ี ามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก1. 1.4 คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองทด่ี ี มี 8 ประการ คือ (1) ความจงรักภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ (2) การยึดมัน่ ในหลักธรรมของศาสนาท่ีตนเองนบั ถอื (3) ความซื่อสัตย์ (4) ความเสยี สละ (5) ความรบั ผดิ ชอบ (6) การมีระเบียบวนิ ยั (7) การตรงต่อเวลา และ (8) ความ กล้าหาญทางจรยิ ธรรม กกกกกกก2. หวั เร่อื งที่ 2 ความหมาย และความสาคญั ของหน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 กกกกกกก2. 2.1 หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 หมายถึง การท่ปี ระชาชน หรือ บุคคลในประเทศไทย ได้น้อมนาแนวทางการปกครองดว้ ยทศพิธราชธรรม พระราชดารสั ทส่ี าคญั หลกั การทรงงาน รวมถึง พระราชจริยวตั ร และพระราชกรณียกจิ ทที่ รงเป็นแบบอยา่ ง เปน็ ท่ียอมรับ ทง้ั ในระดบั ประเทศ และนานาประเทศของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มาศึกษาเรยี นรู้ และนาไปเป็นแนวทางปฏิบตั ิในการดาเนนิ ชีวติ หรอื การประกอบอาชพี เพ่อื ใหต้ นเอง มีคณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี มคี วามเข้มแขง็ และม่ันคง ส่งผลตอ่ เนื่องตอ่ การพัฒนาประเทศ และโลกได้ กกกกกกก2. 2.2 ความสาคญั ของหน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ชว่ ยให้พลเมืองมี จติ สาธารณะ มีสว่ นร่ วม หรอื ใหค้ วามร่วมมอื ทาภารกิจ เพือ่ ส่วนรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาใหส้ งั คมประเทศมีความมนั่ คงผาสุก และเจริญกา้ วหน้าได้

9 กกกกกกก3. หวั เรือ่ งที่ 3 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม กกกกกกก3. 3.1 ทศพธิ ราชธรรม หมายถึง หลักธรรมหรอื จรยิ วตั รประจาพระเจ้าแผน่ ดิน หรอื เป็น คุณธรรมประจาตนของผ้ปู กครองบา้ นเมอื ง และยงั ประโยชนส์ ุขใหเ้ กิดแก่ประชาชน บุคคลธรรมดา ทีเ่ ปน็ ผูบ้ ริหารระดับสงู ในทกุ องคก์ ร สามารถใชท้ ศพิธราชธรรมในการปกครององคก์ รของตนเองให้มี ความเป็นไปโดยธรรม กกกกกกก3. 3.2 แนวทางปฏบิ ัตหิ นา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ด้วยทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ คือ กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 ทาน คือ การให้ หมายถงึ การสละทรัพย์ สิ่งของ เพอื่ ช่วยเหลือคนทด่ี อ้ ย และอ่อนแอกว่า แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมอื งดี ด้วย การเป็นผใู้ ห้ นอกเหนอื จากการบริจาคเป็ นทรัพย์สนิ หรือสงิ่ ของแกผ่ ยู้ ากไร้ ผดู้ อ้ ยโอกาส และผู้ตกทกุ ขไ์ ดย้ ากตามที่เราทาอย่เู สมอแล้ว เราก็อาจจะให้ น้าใจแกผ่ ้อู ่ืนได้ เช่น ใหก้ าลงั ใจแกผ่ ตู้ กอยใู่ นห้วงทกุ ข์ ใหข้ อ้ แนะนาทเ่ี ปน็ ความร้แู กผ่ รู้ ่วมงานหรือ ผู้ใต้บงั คบั บญั ชา ให้รอยยิม้ และปิยวาจาแก่ญาตพิ ่ีน้อ ง เพ่อื นฝงู รวมถึงบุคคลทมี่ ารับบริการจากเรา เป็นต้น การเป็นผใู้ ห้ นอกเหนอื จากการบริจาคเป็นทรัพยส์ ินหรือสิ่งของแก่ผยู้ ากไร้ ผ้ดู ้อยโอกาส แล้วสามารถให้คาแนะนา หรือใหก้ าลงั ใจดังกล่าว ยงั สามารถใหอ้ ภยั ทาน คอื การยกโทษให้กับบคุ คล ที่ทาให้เรารู้สึกไม่สบายใจ หรอื ทาใหเ้ ราได้รับกระทบกระเทือน ท้งั ด้านวาจา กาย และใจด้วย กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 ศลี คอื การต้งั อยใู่ นศีล หมายถงึ มคี วามประพฤติดีงาม เป็นตวั อย่างที่ดแี ก่ คนทว่ั ไป แนวปฏบิ ตั ิของพลเมืองดี ดว้ ยการประพฤติทีด่ ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน อย่างน้อยก็ ขอใหเ้ ราไดป้ ฏบิ ัติตามศี ล 5 คือ ไมฆ่ ่าสตั ว์ตดั ชวี ิต ไม่ลกั ขโมยของของผู้อ่นื ไมล่ ว่ งละเมิดลกู เมยี เขา ไมพ่ ูดโกหก หรือพูดส่อเสยี ดยยุ ง และควรทาตนใหห้ า่ งไกลจากเหลา้ บหุ ร่ี หรอื อบายมขุ ต่าง ๆ นอกจากน้ีใหน้ าศีล 5 ทย่ี ึดถือปฏบิ ัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ใหเ้ คารพกฎหมายของบ้านเมอื ง อยา่ งเคร่งครดั ก็จะช่วยให้สังคมไทยอยรู่ ว่ มกนั ได้อยา่ งมีความสขุ กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 ปรจิ จาคะ คือ บริจาค หมายถงึ การเสยี สละความสุขสาราญของตนเพ่ือ ประโยชนส์ ุขของหมคู่ ณะ แนวปฏบิ ัติของพลเมืองดี ดว้ ยการ เสียสละความสขุ สว่ นตนเพอ่ื ความสขุ หรือประโยชน์ของสว่ นรวม ซึ่งอาจจะ เปน็ ครอบครวั หนว่ ยงาน หรือเพื่อนร่วมงานของเรากไ็ ด้ เช่น ครอบครวั พอ่ บ้านเสยี สละความสขุ ส่วนตวั ด้วยการเลกิ ดมื่ เหล้า ทาใหล้ กู เมยี มคี วามสุข และเพื่อน บา้ นก็สุขดว้ ย เพราะไมต่ ้องฟังเสยี งอาละวาด ด่าทอทบุ ตีกนั หรือบุคคลอาจจะเสยี สละเวลาชว่ งท่ีต้อง อย่กู ับครอบครัวในตอ นเย็นอย่ชู ว่ ยเพอ่ื นทางาน หรอื ไปเข้าคา่ ยพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเดก็ ใน สถานเลย้ี งเดก็ กาพร้าเปน็ ครง้ั คราว หรอื เสยี สละร่างกาย /อวยั วะหลงั ตายแลว้ เพ่อื การศกึ ษา เปน็ ต้น ซง่ึ การเสียสละดงั กล่าวถอื ว่าไดเ้ ปน็ การบรจิ าค เสียสละความสุขส่วนตัว เพอื่ สว่ นรวม กกกกกกก3. 3.2 3.2.4 อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง หมายถงึ มีความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มคี วามจริงใจ ไม่ กลบั กลอก แนวปฏิบตั ขิ องพลเมอื งดี ด้วยการ ดาเนินชีวิตและปฏิบัติภารกิจ /หน้าทีก่ ารงานต่าง ๆ ดว้ ยความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ไมค่ ิดคดโกง หรือหลอกลวงผอู้ ่ืน เช่น ถา้ เราขายของ กไ็ ม่เอาของไม่ดีไป หลอกขายลูกค้า เปน็ ข้าราชการ พนกั งานบริษัท หา้ งร้าน กไ็ มค่ อรัปชน่ั ทงั้ เวลา ทรัพยส์ นิ ของ หน่วยงานตน เพราะถา้ ทกุ คนเอาเป รียบหรือโกงกิน ขาดความซื่อสตั ย์ สุจริต จะทาใหห้ นว่ ยงาน เสียหาย เดอื ดร้อน แม้เราจะไดท้ รพั ย์สนิ ไปมากมาย แตเ่ ราไม่เจริญก้าวหน้า ถกู คนรุมประณาม และ

10 แมค้ นอนื่ จะไม่รู้ แตต่ วั เรายอ่ มรูอ้ ย่แู กใ่ จ จะไม่มคี วามสขุ กาย สบายใจ เพราะกลัวคนอืน่ จะมารู้ ความลบั ตลอดเวลา ผู้ทปี่ ระพฤติตนด้วยความซอ่ื ตรง แมไ้ ม่ร่ารวยเงินทอง แตก่ ็มีความสุขทัง้ กาย ใจได้ กกกกกกก3. 3.2 3.2.5 มัททวะ คอื ความอ่อนโยน หมายถงึ มกี ริ ิยาสภุ าพ มีสัมมาคารวะ วาจา อ่อนหวาน มคี วามนุ่มนวล ไม่เย่อหยง่ิ ไมห่ ยาบคาย แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมืองดี ดว้ ยการ ทาตัวสภุ าพ นมุ่ นวล ไมเ่ ยอ่ หยงิ่ ถอื ตัว หรือแสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกับใคร ไมว่ ่าจะเป็นผใู้ หญ่ ผู้นอ้ ยหรอื เพือ่ น ในระดบั เดยี วกนั การทาตัวเป็นผทู้ มี่ ีความอ่อนนอ้ มถอ่ มตน จะทาให้ไปที่ไหนคนก็ ให้การต้อนรับ เพราะอยู่ใกลแ้ ลว้ สบายใจ ไม่ร้อนรุ่ม หากบคุ คลแสดงกิ ริยาหยาบคาย ก้าวรา้ ว คนกถ็ อยห่าง ดงั นน้ั หลกั ธรรมข้อนี้ จึงเปน็ การสรา้ งเสน่ห์อย่างหนึง่ ใหแ้ ก่ตัวเราดว้ ย กกกกกกก3. 3.2 3.2.6 ตบะ คอื ความเพียร หมายถงึ การเพียรพยายามไม่ให้ความมวั เมาเข้า ครอบงาจติ ใจ ไม่ลุม่ หลงกบั อบายมขุ และสงิ่ ชั่วร้าย ไมห่ มกมนุ่ กบั ความสุขสาราญ แนวปฏิบัติของ พลเมืองดี ดว้ ยการ ให้ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีการงานทีร่ บั ผิดชอบดว้ ยความมมุ านะ อดทน ขยัน ม่งุ มั่น และทา แต่สง่ิ ท่ดี ี ความถกู ต้อง ฝาุ ฟนั อุปสรรคตา่ ง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ด้วยความพากเพยี รนจี้ ะทาให้ เราภาคภูมิใจเม่อื งานสาเรจ็ และจะทาใหเ้ รามปี ระสบการณ์เกง่ กล้าข้ึน นอกจากนี้ ยังสอนใหเ้ ราสชู้ วี ิต ไม่ยอมแพ้อะไรงา่ ย ๆ กกกกกกก3. 3.2 3.2.7 อกั โกธะ คือ ความไม่โกรธ หมายถึง มีจติ ใจมน่ั คง มีความสขุ ุม เยอื กเยน็ อดกลัน้ ไม่แสดงความ โกรธหรือความไมพ่ อใจให้ปรากฏ แนวปฏบิ ัติของพลเมืองดี ดว้ ยการฝึกฝน ควบคุมอารมณข์ องตนเอง ไมใ่ ห้เป็นคนโมโหง่าย และพยายามระงบั ยบั ยงั้ ความโกรธอยเู่ สมอ แมใ้ น หลาย ๆ สถานการณ์จะทาไดย้ าก แตห่ ากเราสามารถฝกึ ฝน ไม่ให้เปน็ คนโมโหง่าย และพยายามระงบั ยับยง้ั ความโกรธอย่เู สมอ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ เราหลายอย่าง เช่น ทาใหเ้ ราสขุ ภาพจติ ดี หนา้ ตาผ่องใส ขอ้ สาคัญ ทาให้เรารกั ษามิตรไมตรหี รือสมั พนั ธภาพกับผอู้ ื่นไวไ้ ด้ อันมีผลให้บคุ คลนัน้ เปน็ ทรี่ กั และ เกรงใจของคนท่ีตดิ ตอ่ ด้วย กกกกกกก3. 3.2 3.2.8 อวหิ งิ สา คือ ความไมเ่ บียดเบียน หมายถึง ไม่กดข่ีข่มเหง กล่นั แกล้งรงั แก คนอืน่ ไมห่ ลงในอานาจ ทาอันตรายต่อร่างกายและทรพั ย์สนิ ผอู้ น่ื ตามอาเภอใจ แนวปฏิบตั ิของ พลเมอื งดี ด้วยการไมเ่ บยี ดเบียนหรือบบี คน้ั กดขผี่ อู้ ื่น รวมไปถึง การไม่ใช้อานาจไปบงั คับ หรอื หาเหตุ กลน่ั แกล้งคนอื่นดว้ ย เช่น ไม่ไปขม่ เหงรงั แกผู้ด้อยกวา่ ไมไ่ ปขม่ ขูใ่ ห้เขากลัวเราหรือไปบีบบังคับเอา ของรกั ของหวงมาจากเขา เป็นตน้ นอกจากไมเ่ บยี ดเบยี นคนดว้ ยกนั แล้ว เรายงั ไมค่ วรเบียดเบยี น ธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม และสัตวอ์ ีกด้วย เพราะมิฉะนนั้ ผลร้ายจะยอ้ นกลบั มาสู่เรา และสังคม อยา่ งท่ี เหน็ ในปจั จบุ ันจากภยั ธรรมชาติต่าง ๆ กกกกกกก3. 3.2 3.2.9 ขนั ติ คอื ความอดทน หมายถึง การอดทนต่อสง่ิ ทั้งปวง สามารถอดทนตอ่ งานหนัก ความยากลาบาก ท้งั อดทน อดกลน้ั ต่อคาติฉินนินทา แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมอื งดี ด้วยการ ให้ เราอดทนตอ่ ความยากลาบากทุกสถานการณ์ ไม่ทอ้ ถอย และไมห่ มดกาลงั กาย กาลงั ใจทีจ่ ะดาเนิน ชวี ิต และทาหนา้ ท่ีการงานตอ่ ไปจนสาเรจ็ รวมทง้ั อดทนต่อการไม่ได้รับความสขุ สาราญ ไมไ่ ดร้ ับความ สะดวก สบาย ความอดทนจะทาให้เราชนะอปุ สรรคท้ังปวงไม่วา่ เล็กหรอื ใหญ่ และจะทาให้เราแกร่ง ขนึ้ เขม้ แขง็ ข้นึ

11 กกกกกกก3. 3.2 3.2.10 อวิโรธนะ คือ ความเท่ยี งธรรม หมายถึง ไม่ประพฤติผิด ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ตนอยใู่ นความดงี าม ไม่หวั่นไหวในเรื่องดเี รอ่ื งร้าย แนวปฏิบัติของพลเมอื งดี ด้วยการควรกระทา การงานหรอื ดาเนนิ ชวี ติ ท่ถี กู ต้อง และใหค้ วามเปน็ ธรรมกบั บคุ คลทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ดว้ ยความยุตธิ รรม และ เท่ยี งธรรม กกกกกกก4. หัวเรอื่ งที่ 4 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส กกกกกกก4. 4.1 หน้าท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชวี ิต กกกกกกก4. 4.1 4.1.1 สขุ กาย จะเกิดข้นึ ได้ พลเมืองตอ้ งมีสภาวะรา่ งกายทีม่ ีความสมบรู ณ์ แข็งแรง เจรญิ เติบโตอยา่ งปกติ มีความตา้ นทานโรคไดด้ ี ปรา ศจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงดูแล สุขภาพจิต ดา้ นการแสวงหาความรูใ้ หม้ ปี ัญญารูเ้ ทา่ ทนั จะทาใหจ้ ติ ใจดี ควบคมุ จิตได้ นอกจากน้ตี อ้ ง แสวงหาความร้ทู ่ที าให้เข้าใจ สบายใจ หรอื รเู้ ท่าทนั การเปลี่ยนแปลง เพื่อใหส้ ามารถดาเนินชวี ิตได้ อยา่ งปกติ รวมถงึ ทางานได้ดว้ ย กกกกกกก4. 4.1 4.1.2 สุขใจ จะเกิดขนึ้ ได้ พลเมืองต้องมีสภาวะของจิตใจท่มี ีความสดชน่ื แจม่ ใส สามารถควบคมุ อารมณใ์ หม้ ่นั คง ปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั การเปล่ียนแปลงทางสังคมและสิง่ แวดล้อมได้เป็น อยา่ งดี จากการท่ีบคุ คลน้นั ใช้ความรทู้ ่มี ีอยู่ประกอบกับมสี ัมพนั ธภาพกบั บคุ คลอืน่ อนั ดี และมรี ่างกาย ท่ีแขง็ แรงจึงจะทาใหม้ ีความสขุ ใจได้ กกกกกกก4. 4.1 4.1.3 สุขในการอยูร่ ่วมกนั จะเกดิ ขึน้ ได้พลเมอื งต้องมี ความรัก ความสามคั คี ความปรองดอง และความสงบสุขในสงั คม ที่เกดิ จากทกุ คนได้รบั ความยุตธิ รรม กกกกกกก4. 4.2 หน้าทพี่ ลเมอื งตามพระราชดารสั เก่ยี วกบั เดก็ นักเรียนและเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก4. 4.2 4.2.1 วยั เดก็ และการปลกู ฝังคุณธรรม จะเกิดขนึ้ ได้ จากการอบรมเลี้ยงดสู ่ังสอน ขดั เกลาของทกุ ฝุายท้ังครอบครวั และโรงเรียน ใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของความดี ความสจุ รติ มคี วามประพฤติ เรยี บรอ้ ย มีเหตุผลหรือสติปัญญาน้ันเอง โดยการเป็นแบบอย่างท่ีดี เพอื่ ใหเ้ ดก็ เห็นเป็นตัวอยา่ ง และ ยึดเป็นแบบอยา่ งให้ได้ กกกกกกก4. 4.2 4.2.2 นกั เรียน และเยาวชนต้องได้รบั การปลูกฝังถา่ ยทอดความรทู้ ีแ่ ท้จริง เพื่อให้ สามารถรูเ้ ท่าทนั ฉลาดและคิดสรา้ งสรรค์ ทาประโยชน์ใหก้ บั ตนเองและสว่ นรวม กกกกกกก4. 4.2 4.2.3 นกั ศึกษาเปน็ ผู้ท่มี ีความพร้อมทง้ั วยั วุฒิและคณุ วฒุ ิ ฉะนน้ั จงึ ต้องมีควาพมยีเ ร ความอดทน มีสติปัญญา รู้จกั ใชเ้ หตผุ ล และเลือกสงิ่ ทีด่ ีงามมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตของตนเอง กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 1) วยั ทางาน ย่อมเจอปญั หาและอปุ สรรคเสมอ เม่ือเจอปญั หาใหห้ าทางแกไ้ ข ถา้ แก้คนเดยี วไม่ไดก้ ็ให้คนท่เี ก่ียวขอ้ งช่วยกันคดิ หาทางแกไ้ ข กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 2) การศกึ ษา สรา้ งคนให้มีความรู้ ความสามารถ เป็นพ้ืนฐานทจี่ าเปน็ ใน การพัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก4. 4.2 4.2.5 หน้าที่ และความรบั ผิดชอบตอ่ บา้ นเมอื งของคนในชาติตอ้ งมคี วามรกั ความสามัคคี มเี หตุผล มีความรู้ ชว่ ยกนั สร้างความเจรญิ ปลูกฝงั ความดีงามใหก้ ับจิตใจของคนในชาติ รวมถึงรกั ษาวัฒนธรรมประเพณีทีเ่ ป็นแบบแผนของไทยใหค้ งอยู่ตลอดไป

12 กกกกกกก4. 4.3 หน้าทพ่ี ลเมืองตามพระราชดารัส ท่ีเก่ยี วข้องกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก4. 4.3 4.3.1 ความพอประมาณ จะเกิดข้ึนได้ โดยรู้จกั ตนเอง มีความซ่ือสัตยแ์ ละความ เพยี ร เดินทางสายกลาง และพอใจในส่ิงทต่ี นมีอยู่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.2 ความมเี หตุผล ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมุง่ สอนใหพ้ ลเมือง ไทย มคี วามคดิ อยา่ งรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากปัจจัยท่ีเกีย่ วข้องและคานึงถึงผลท่จี ะเกิดขน้ึ จากการ กระทานั้น กกกกกกก4. 4.3 4.3.3 ความมีภูมคิ มุ้ กนั คอื เป็นการเตรียมตัวใหพ้ ร้อมตอ่ การเปลยี่ นแปลงในทุก ดา้ นดว้ ยการวิเคราะหค์ วามเส่ยี ง ใช้ประสบการณเ์ ดิมมาช่วยตัดสินใจ และรวบรวมมาใชใ้ นโอกาส ต่อไป กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 เง่ือนไขความรู้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 1) ความรู้ มีหลายประเภท ไดแ้ ก่ ความรทู้ เ่ี กย่ี วข้องกับการดาเนินชวี ติ การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถงึ ความรูท้ ่เี กีย่ วขอ้ งกบั การพัฒนาจติ ใจ ทาใหบ้ คุ คลมคี วาม เจริญก้าวหนา้ ได้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 2) หลกั วิชา คือ เน้ือหาความรู้ และหลักวิชาการ คอื นาความรู้มาจดั กระบวนการเรียนรู้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 3) รอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวัง เป็นการศกึ ษาหาข้อมลู ก่อนการ ปฏิบตั โิ ดยคานึงผลทจี่ ะตามมาอยา่ งรอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 เง่ือนไขคุณธรรม แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ คณุ ธรรมและหน้าที่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) คณุ ธรรม กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (1) ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ เป็นพ้นื ฐานของความดที กุ อย่าง กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (2) ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกิดข้นึ ได้จากการฝึกฝนจน เกิดเปน็ นสิ ัย และกระต้นุ ใหเ้ กิดการทางานอยา่ งจรงิ จังจนสาเรจ็ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (3) สติ และปัญญา เปน็ ความสามารถในตวั บคุ คล ท่ีจะทราบได้จาก พฤตกิ รรมทีบ่ คุ คลแสดงออก ระดบั ของสตปิ ัญญาสงั เกตได้จากการแสดงออกท่ีมีความคลอ่ งแคลว่ รวดเร็ว ความถูกต้อง ความสามารถในการคดิ การแก้ปัญหาและการปรับตวั การใชแ้ บบทดสอบ วดั สตปิ ญั ญาจะทาให้ทราบระดบั สตปิ ัญญาชดั เจนขึน้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (4) ไม่เบียดเบยี น มเี มตตา จะเกิดขน้ึ ได้ โดยการปลกู ฝงั คุณธรรมจาก ครอบครวั และส่งิ แวดลอ้ ม กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (5) ตั้งใจดี คดิ ดี และทาดี หากคดิ ดีก็จะมีความรสู้ ึกที่ดี เม่อื มี ความรูส้ กึ ทดี่ ีกจ็ ะมีคาพดู ที่ดี ส่งผลให้มกี ารกระทาที่ดดี ว้ ย กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (6) ความรบั ผิดชอบ รบั ผดิ และรับชอบ จะแสดงถึงความเอาใจใส่ ม่งุ ม่นั ต่อภารกิจทที่ า ทกุ คนตอ้ งมีความรับผดิ ชอบต่อหน้าท่ีการงาน การศกึ ษา อน่ื ๆ อยา่ งเตม็ ความสามารถเพอื่ ให้บรรลุผลสาเร็จตามจดุ มุง่ หมาย และยอมรับผลการกระทาทีจ่ ะเกดิ ข้ึน

13 กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) หนา้ ที่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (1) ประโยชน์สว่ นรวม ประโยชนส์ ว่ นตน และเสยี สละ การทา ประโยชน์ ใหส้ ว่ นรวม เสยี สละเพอื่ ใหป้ ระเทศชาตมิ คี วามเจริญซ่ึงเปน็ ความรบั ผิดชอบของทุกคน และไม่เห็นแกป่ ระโยชน์ส่วนตน กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (2) ความสามคั คี รว่ มมอื ปรองดอง เกิดจากความรว่ มมอื รว่ มใจเปน็ อันหน่งึ อนั เดยี วกนั คุณธรรมนน้ี ับว่าสาคญั มากในหม่คู ณะ เปน็ คุณธรรมทกี่ ่อให้เกดิ ความสขุ อย่างยิ่ง แก่หม่คู ณะ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (3) ความสุข ความเจรญิ เกิดขึ้นจาก บคุ คลทั้งหมดมีเจตนากระทา เพือ่ ให้มีความสขุ ความเจริญจะตอ้ งไมเ่ บียดเบียน หรอื แกง่ แย่งผูอ้ ่ืนมา กกกกกกก5. หัวเร่ืองที่ 5 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก5. 5.1 หลักการทรงงาน หมายถงึ การปฏิบตั หิ น้าท่ี หรือภารกจิ หรือกจิ กรรมของ พระมหากษัตรยิ ์ ทรงยดึ การดาเนินงานในลกั ษณะทางสายกลางท่สี อดคลอ้ งกบั ส่งิ ที่อยูร่ อบตวั และ สามารถปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบและทรงคดิ ค้นแนวทางพัฒนา เพือ่ มงุ่ สูป่ ระโยชน์ ตอ่ ประชาชนสงู สดุ มี 23 ข้อ ไดแ้ ก่ (1) ศึกษาข้อมลู อย่างเป็นระบบ (2) ระเบดิ จากข้างใน (3) แก้ ปัญหาทจี่ ุดเลก็ (4) ทาตามลาดบั ขน้ั (5) ภูมสิ งั คม (6) องคร์ วม (7) ไมต่ ิดตารา (8) ประหยดั เรียบง่าย ได้ประโยชน์สงู สดุ (9) ทาให้งา่ ย (10) การมีส่วนร่วม (11) ประโยชนส์ ่วนรวม (12) บรกิ ารรวมที่จดุ เดยี ว (13) ใชธ้ รรมชาติ ช่วยธรรมชาติ (14) ใช้อธรรมปราบอธรรม (15) ปลกู ปุาในใจคน (16) ขาดทุน คือกาไร (17) การพงึ่ ตนเอง (18) พออยพู่ อกนิ (19) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (20) ความซ่ือสตั ย์สุจรติ จรงิ ใจต่อกัน (21) ทางานอยา่ งมคี วามสุข (22) ความเพียร และ (23) รู้ รัก สามัคคี กกกกกกก5. 5.2 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ท่ีเกย่ี วขอ้ ง กับคุณธรรมของการเป็นพลเมอื งดี มี 9 ข้อ ได้แก่ (1) การมสี ว่ นรว่ ม มีส่วนรว่ มและคิดถงึ สว่ นรวม (2) ตอ้ งยึดประโยชนส์ ่วนรวม (3) บรกิ ารจุดเดยี ว (4) ขาดทนุ คอื กาไร (5) การพ่งึ ตนเอง (6) ความ ซ่ือสตั ย์สุจริต จรงิ ใจตอ่ กัน (7) ทางานอย่างมีความสุข (8) ความเพยี ร และ (9) รู้ รัก สามคั คี กกกกกกก6. หัวเรื่องที่ 6 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก6. 6.1 หน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วัตร ไดแ้ ก่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 ครอบครวั กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 1) ในฐานะบุตร ควรเชื่อฟงั คาส่ังสอนของบิดามารดาโดยเฉพาะในเรือ่ ง ของความรบั ผิดชอบ ควรมกี ารนาไปปฏิบตั อิ ย่างเคร่งครดั นอกจากนใ้ี นฐานะบุตรต้องมีความกตัญญู ตอ่ บิดามารดา และควรแสดงความรักเคารพตอ่ บิดามารดาอยา่ งสมา่ เสมอ กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 2) ในฐานะพ่อ ตอ้ งอบรมสั่งสอนบตุ รใหเ้ ปน็ คนดี มีความเสียสละ รบั ผิดชอบหน้าท่ที ีต่ ้องปฏบิ ตั ิใหด้ ี โดยเฉพาะในวัยเยาว์ต้องตั้งใจศกึ ษาเลา่ เรียนและทางานทพ่ี อ่ แม่ หรอื ครูมอบหมายให้ทาเป็นอยา่ งดี นอก จากนพ้ี ่อแม่ต้องส่งเสริมใหบ้ ุตรได้ออกกาลังกาย เพอ่ื ให้ รา่ งกายแข็งแรง ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ รวมถึงแนะนาสง่ เสรมิ ให้บุตรไดเ้ รียนรู้ ศลิ ปะ ดนตรี เพอื่ ขัดเกลาจิตใจใหอ้ ่อนโยน

14 กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 3) ในฐานะสามี ต้องเปน็ สภุ าพบรุ ุษต้องให้เกยี รติสุภาพสตรี ดูแลคคู่ รอง ด้วยความรัก ให้เกียรตกิ ันและกัน เม่อื พบปญั หาต้องร่วมกันตัดสนิ ใจแกไ้ ขปญั หาอยา่ งต้งั มนั่ ในความ ซอื่ สัตยส์ ุจริตและความปรารถนาดี กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 4) ในฐานะผูน้ าครอบครัว ตอ้ งเป็นแบบอย่างในการปฏบิ ตั ิดี ปฏิบตั ชิ อบ ให้บตุ รไดเ้ ห็นและทาตาม รวมถึงสั่งสอนให้บตุ รทางานท่ีเปน็ บทบาทของตัวเองใหด้ ีทีส่ ดุ กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ไดแ้ ก่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 1) กบั ประชาชนท่วั ไป ควรใหก้ ารเคารพอ่อนน้อมถ่อมตวั กบั ผู้ที่มีอาวโุ ส กวา่ และแสดงความสภุ าพออ่ นโยนกบั ผทู้ ี่มีอาวโุ สเท่ากนั หรอื นอ้ ยกวา่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 2) กบั พระสงฆ์ เมอ่ื พบพระสงฆค์ วรยกมือไหว้ เพือ่ แสดงความเคารพ ใน ฐานะทีพ่ ระสงฆ์เปน็ ผู้สืบทอดพระพทุ ธศาสนาใหค้ งอยู่คูก่ ับคนไทย กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 3) กับญาติพ่ีนอ้ ง ต้องดแู ลญาติพ่นี อ้ ง และให้ความเคารพญาติผ้ทู ี่มีอาวโุ ส กวา่ ด้วยความออ่ นนอ้ มถ่อมตวั และผู้ทม่ี อี าวุโสเท่ากัน หรอื นอ้ ยกว่าก็แสดงความสภุ าพอ่อนโยน กกกกกกก6. 6.2 หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชกรณียกจิ กกกกกกก6. 6.2 6.2.1 โรงเรยี น ถ้าพลเมอื งมฐี านะหรือมเี งินเหลือเก็บกส็ ามารถสงเคราะหเ์ งนิ ดังกลา่ ว สนับสนุนกิจกรรมการศกึ ษาของโรงเรยี น หรือสถาบันการศึกษาในชมุ ชนที่ตวั เองเปน็ สมาชกิ อยู่ ในกรณีท่ีไม่มีเงนิ สามารถชว่ ยเหลือด้านแรงกายกับภารกจิ ท่โี รงเรียนตอ้ งการให้ชว่ ยเหลือกไ็ ด้ กกกกกกก6. 6.2 6.2.2 ทอ้ งถ่ิน ต้องมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาท้องถ่นิ ของตัวเองทุกดา้ น ท้งั ดา้ น แรงกายหรือเงินตามโอกาสอนั ควร กกกกกกก7. หวั เรอ่ื งที่ 7 การประยกุ ต์ใชห้ น้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ในชีวิตประจาวนั กกกกกกก7. 7.1 การน้อมนาทศพิธราชธรรมไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั สามารถใช้กับ ครอบครวั ที่ ประกอบดว้ ย หัวหน้าครอบครัว สมาชกิ ในครอบครัว และเครือญาติ การศกึ ษา ประกอบดว้ ย เพือ่ น ผูเ้ รยี น หรอื นกั ศึกษา และครบู าอาจารย์ การประกอบอาชีพการงาน ประกอบดว้ ย เพอ่ื นรว่ มอาชีพ และนายจ้างหรอื ผบู้ งั คบั บัญชา และ การพัฒนาชมุ ชน ท้องถิ่น และสงั คม ประกอบด้วย สมาชิกใน ชุมชน และผู้นา ได้เปน็ อย่ างดี คือ ทาน ดว้ ยการใหบ้ ริจาคส่งิ ของ ทรัพย์ หรือแรง กาย ชว่ ยเหลอื กจิ กรรม หรอื ภารกิจท่เี ก่ยี วขอ้ ง ให้คาแนะนา หรือความร้ทู ีเ่ กี่ยวขอ้ ง และให้อภัยเมอ่ื ไดร้ ับความรู้สึก หรอื การกระทาทไี่ มถ่ ูกตอ้ งกบั ตนเอง ศีล คือ การละเวน้ ในส่ิงที่เปน็ ขอ้ หา้ ม ของศลี 5 ใหป้ ระพฤติใน สิ่งที่ดีงาม ปริจจาคะ คือ การเสยี สละ สว่ นที่เก่ยี วข้องกบั ตนเองเพ่อื ประโยชนข์ องสว่ นรวม อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ใหป้ ฏิบตั งิ านหรอื ภารกิจท่ีเกยี่ วข้องท้ังตอ่ หน้าและลบั หลงั ดว้ ยความซือ่ สัตยส์ ุจรติ มัททวะ คือ ความอ่อนโยน ใหค้ านึงถงึ อายุ ถ้าเปน็ ผู้อาวโุ สต้องปฏิ บตั ดิ ้วยความอ่อนน้อมถ่อมตัว ให้การเคารพ ส่วนผู้ท่มี ีอายุเสมอกนั หรอื ออ่ นกวา่ ให้ปฏิบัตดิ ว้ ยความสุภาพอ่อนโยน ตบะ คือ ความ เพยี ร ความอดทน ใหป้ ฏบิ ัติภารกิจด้วยความขยัน ม่งุ ม่นั อดทน ตั้งใจใหส้ าเร็จลุล่วง อกั โกธะ คือ ความไมโ่ กรธ ต้องควบคุมอารมณ์ ของตนเองใหส้ งบ มีสตติ ลอดเวลา เพ่ือแสดงออก ถึงพฤตกิ รรม ทเี่ หมาะสมกับ กาลเทศะทกุ สถานการณ์ อวิหงิ สา คอื ความไม่เบยี ดเบียน ไมเ่ อารัดเอาเปรยี บ ดว้ ยการไม่เอาทรพั ย์สนิ หรือส่งิ ของส่วนรวมหรอื ของผู้อ่ืนมาใช้เพือ่ สว่ นตน ไม่พดู จา หรอื มี กิรยิ า ส่อเสียด กิริยาสอ่ เสยี ด เบยี ดเ บยี นผูอ้ ่นื ทั้งทางกาย วาจา และใจ ขนั ติ คือ ความอดทน ตอ้ งมีความ

15 อดทนในภารกจิ ท่ีมอบหมาย หรอื อดทนต่อสถานการณท์ ีไ่ ม่พงึ ประสงค์ ไม่ย่อทอ้ ไม่ทอ้ ถอย และ อวโิ รธนะ คอื ความเท่ียงธรรม ให้วางตวั เปน็ กลาง ไม่เอนเอยี งไปทบี่ คุ คลใดหรือกล่มุ ใดกล่มุ หน่ึง ไม่ หว่ันไหว ไปกับคาพดู การกระทา ให้มีความยุติธรรม เทีย่ งตรง กกกกกกก7. 7.2 การน้อมนาพระราชดารัสไปใช้ในชีวิตประจาวัน ครอบครัว ต้องใหค้ วามสาคญั กบั การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นคนดี มีคณุ ธรรม มสี ติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีเหตุมีผล การศึกษา ตอ้ งอบรม นักเรยี น นักศึกษา และบัณฑติ ทเี่ พ่ิงจบหรอื ศษิ ยเ์ ก่าที่จบไปนานแล้วใหม้ ีความรูว้ ิชาการ และคณุ ธรรม การประกอบอาชพี การงาน ทุกอาชพี ต้องเนน้ การพัฒนาอาชีพ ต้ังใจ ศึกษาพัฒนา อาชีพ ประกอบอาชพี ดว้ ยความรู้ ความสามารถ ประกอบอาชพี ด้วยความพอเพียง ประหยัด พ่งึ ตนเอง รอบคอบ ค่อย ๆ พัฒนาตามลาดบั เพ่อื ปู องกนั ความผดิ พลาด ใชข้ อ้ มลู หรอื ส่อื สารทเี่ ปน็ ประโยชน์ และตอ้ งมคี ุณธรรมในอาชพี ของตนเอง และ การพัฒนาชมุ ชน ท้องถ่ินและสังคม ต้องมี วชิ าการและ ผู้ปฏบิ ัติรว่ มมอื กันพฒั นาดว้ ยดี ตอ้ งพัฒนาให้สอดคลอ้ งกับบรบิ ทแต่ละพ้นื ท่ี เน้นความ เขม้ แข็งของชุมชน ท้องถนิ่ ด้วยการอาศัยการแลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ ับบุคคล หรือองคก์ รภายนอกชุมชน เข้ามามสี ่วนรว่ มพฒั นาดว้ ยความรักความสามัคคี กระบวนการพฒั นาต้องเป็นลาดบั ขั้นตอน ประหยัด ถกู หลักวิชา เพือ่ ปอู งกันความล้มเหลวจากการพัฒนา ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั กกกกกกก1. บอกความรูพ้ ื้นฐานเก่ยี วกบั หนา้ ที่พลเมอื งและความหมายของหน้าทีพ่ ลเมอื งตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ได้ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของหนา้ ท่ีพลเมืองและความสาคัญของหน้าทพี่ ลเมอื งตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 กกกกกกก3. วิเคราะห์หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม และ ตามพระราชดารสั ในสถานการณ์ท่กี าหนดให้ได้ กกกกกกก4. ตระหนกั ถึงความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วย ทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารัส กกกกกกก5. สามารถประยุกต์ใช้หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ด้วย ทศพธิ ราชธรรม และตามพระราชดารสั ในชีวิตประจาวันได้ กกกกกกก6. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั เห็นคุณคา่ ของการประยกุ ตใ์ ช้หน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคล บาทรัชกาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวัน ขอบขา่ ยเน้อื หา กกกกกกกขอบขา่ ยเนื้อหาหลกั สูตรวชิ า สค13113 หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเ่ี ก้า 1 มีจานวน 80 ช่ัวโมง ดงั นี้

16 หวั เรื่องท่ี 1 ความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกบั หน้าที่พลเมือง จานวน 10 ชวั่ โมง หัวเร่อื งที่ 2 2 ช่ัวโมง หัวเรื่องที่ 3 ความหมายและความสาคญั ของหน้าทีพ่ ลเมือง 8 ชั่วโมง หัวเรอ่ื งท่ี 4 20 ชว่ั โมง หวั เรือ่ งท่ี 5 ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 จานวน 10 ชวั่ โมง หัวเร่อื งท่ี 6 15 ช่วั โมง หัวเรอื่ งท่ี 7 หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 15 ชั่วโมง ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม จานวน หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั จานวน หนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน จานวน หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กิจ จานวน การประยุกต์ใชห้ น้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ในชวี ิตประจาวนั จานวน การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเด็นการศึกษาคน้ ควา้ ร่วมกนั จากสื่อการเรยี นร้ทู ี่หลากหลาย กกกกกกก3. บันทึกผลการศกึ ษาค้นควา้ ลงในเอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกล่มุ กกกกกกก5. อภิปราย แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ กกกกกกก6. วเิ คราะหข์ ้อมูลทไ่ี ด้ และสรุปการเรียนรรู้ ่วมกนั บันทึกสรุปการเรยี นรใู้ นเอกสารการ เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก7. นาสรปุ ผลการเรียนร้ทู ไ่ี ดไ้ ปประยุกตใ์ ช้จรงิ ในชวี ติ ประจาวนั กกกกกกก8. เขยี นเอกสารรายงานผลการปฏบิ ัตหิ น้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 จรงิ ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม และตามพระราชดารสั สื่อและแหล่งเรียนรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร ได้แก่ (1) ใบความรู้ (2) ใบงาน (3) หนังสอื ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ได้แก่ หนา้ ท่ีพลเมือง ทศพิธราชธรรม ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 พระราชดารสั รชั กาลที่ 9 หลกั การทรงงาน รชั กาล ท่ี 9 พระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กิจ (4) วารสารทเี่ ก่ยี วข้อง ได้แก่ หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง ทศพธิ ราช- ธรรม ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 พระราชดารัส รชั กาลที่ 9 หลกั การทรงงาน รชั กาลที่ 9 พระราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กจิ และ (5) หนงั สอื เรียน สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชา สค 13113 หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเี่ กา้ 1 กกกกกกก2. ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ไดแ้ ก่ (1) เวบ็ ไซตท์ ่เี กีย่ วขอ้ ง และ (2) รายการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั รชั กาล ท่ี 9 ทางสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศน์

17 กกกกกกก3. สื่อบุคคลและภมู ิปญั ญา กกกกกกก3. 3.1 เจ้าคณะจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ กกกกกกก3. 3.2 เจา้ คณะตาบลต่าง ๆ ในอาเภอเมืองประจวบครี ีขันธ์3.2 กกกกกกก3. 3.2 วทิ ยากรชมรมคนรกั ในหลวงจงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ กกกกกกก4. ส่ือแหลง่ เรียนรใู้ นชมุ ชน ได้แก่ กกกกกกก4. 4.1 ห้องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ์ กกกกกกก4. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแห่งและศนู ยก์ ารเรียนชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ีขันธ์ กกกกกกก4. 4.3 พพิ ธิ ภณั ฑ์จังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ การวดั และประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา้ วหน้า 60 คะแนน ดว้ ยวิธีการ กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) 40 คะแนน กกกกกกก1. 1.4 ตรวจเอกสารรายงานผลการปฏิบัตหิ น้าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท9่ี จริง ด้วยทศพิธราชธรรม และตามพระราชดารสั 20 คะแนน กกกกกกก2. ประเมินผลรวม 40 คะแนน ดว้ ยวิธีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู้ จานวน 40 คะแนน กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั ทกั ษะการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั กกกกกกก2. 2.3 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติต่อวชิ าหนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาล ทีเ่ ก้า 1 กกกกกกก3. ให้นาคะแนนท่ีได้จากขอ้ 1 (ขอ้ 1.3 , 1.4) และ ขอ้ 2 (ข้อ 2.1) มารวมกนั แลว้ ตดั สิน ผลการเรียนออกเปน็ 8 ระดับ ดงั นี้ ไดค้ ะแนน 80 – 100 ได้เกรด 4 หมายถึง ดเี ยีย่ ม ไดค้ ะแนน 75 - 79 ไดเ้ กรด 3.5 หมายถงึ ดมี าก ได้คะแนน 70 - 74 ไดเ้ กรด 3 หมายถงึ ดี ไดค้ ะแนน 65 - 69 ได้เกรด 2.5 หมายถึง คอ่ นข้างดี ได้คะแนน 60 - 64 ไดเ้ กรด 2 หมายถึง ปานกลาง ได้คะแนน 55 - 59 ได้เกรด 1.5 หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน 50 - 54 ไดเ้ กรด 1 หมายถึง ผ่านเกณฑข์ นั้ ตา่ ที่กาหนด ไดค้ ะแนน 0 - 49 ไดเ้ กรด 0 หมายถงึ ตา่ กว่าเกณฑ์ท่กี าหนด

18 กกกกกกก4. สาหรบั ผลการประเมนิ ทกั ษะการนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันของนักศึกษา ขอ้ 2.2 และ เจตคติต่อวชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลทเ่ี กา้ 1 ขอ้ 2.3 ของนกั ศกึ ษาให้ครผู ้สู อน นามาเปน็ พนื้ ฐานในการปรบั ปรุงคุณภาพการจัดการเรยี นรู้ เพ่ือใหน้ กั ศึกษามีทักษะการนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวัน และเจตคตติ ่อวิชาน้ใี หอ้ ย่ใู นระดับดีมากยิ่ง ๆ ขึ้น

19 หวั เรอื่ งที่ 1 ความร้พู ื้นฐานเกย่ี วกับหนา้ ทพ่ี ลเมือง สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง หมายถึง การทีบ่ ุคคลในชมุ ชน สงั คม ประเทศ ต๎องปฏิบัติตามกฎหมาย ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรมของชาติ คาส่งั สอน ของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มคี วามสามัคคี เออื้ เฟ้ือเผอื่ แผซํ งึ่ กนั และกนั รู๎จกั รบั ผิดชอบชั่วดีตามหลักจรยิ ธรรม และหลกั ธรรมของศาสนา มคี วาม รอบรู๎ มีสติปญ๓ ญา ขยันขนั แขง็ สร๎างความเจรญิ ก๎าวหน๎าใหแ๎ กํตนเอง ครอบครัว สังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน๎าที่พลเมืองท่ีมีตํอประเทศชาติ (1) ต๎องจงรักภักดแี ละรกั ษาไวซ๎ ึง่ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ๑ (2) ตอ๎ งรักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย (3) ต๎อง ชวํ ยกันปูองกนั ประเทศ (4) ตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎหมายบา๎ นเมืองอยาํ งเครงํ ครัด (5) ต๎องให๎ความรํวมมือ ชํวยเหลอื แกํราชการ และ (6) ตอ๎ งเสยี ภาษอี ากรตามทก่ี ฎหมายบญั ญัติไว๎ กกกกกกก3. แนวทางการปฏิบตั ติ นในการเป็นสมาชิกทีด่ ีของสงั คมต๎องปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย วฒั นธรรม ประเพณี และปฏิบัตติ นตามสิทธิหนา๎ ท่ีตามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก4. คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองท่ดี ี มี 8 ประการ คอื (1) ความจงรกั ภกั ดตี ํอชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย๑ (2) การยดึ มัน่ ในหลักธรรมของศาสนาทต่ี นเองนบั ถอื (3) ความซื่อสตั ย๑ (4) ความเสยี สละ (5) ความรับผดิ ชอบ (6) การมรี ะเบียบวินยั (7) การตรงตอํ เวลา และ (8) ความ กล๎าหาญทางจรยิ ธรรม ตวั ชวี้ ัด กกกกกกก1. บอกความหมายของหนา๎ ท่พี ลเมืองได๎ กกกกกกก2. อธิบายและตระหนักถึงความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมอื ง กกกกกกก3. บอกแนวทางการปฏบิ ัตติ นในการเป็นสมาชิกทดี่ ขี องสงั คมได๎ กกกกกกก4. บอกคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดไี ด๎ ขอบข่ายเน้ือหา กกกกกกก1. ความหมายของหนา๎ ที่พลเมือง กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของพลเมอื ง กกกกกกก1. 1.2 ความหมายของพลเมอื งดี กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของหน๎าทพ่ี ลเมือง กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน๎าทพ่ี ลเมือง กกกกกกก3. แนวทางการปฏิบตั ติ นในการเปน็ สมาชิกทด่ี ขี องสังคม กกกกกกก3. 3.1 ดา๎ นกฎหมาย กกกกกกก3. 3.2 ด๎านวัฒนธรรม

20 กกกกกกก3. 3.3 ด๎านประเพณีไทย กกกกกกก3. 3.4 ดา๎ นสิทธิหนา๎ ท่ีตาม ระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ครอบครัว กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 โรงเรียน กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ท๎องถนิ่ กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ประเทศ กกกกกกก4. คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี เน้ือหา กกกกกกก1. ความหมายของหนา้ ทพ่ี ลเมือง กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของพลเมือง กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง (Citizen) หมายถึง พลเมือง มาจากภาษาลาตินวํา eiver (พลเมอื ง) ซึง่ เคยใช๎ในยุคโบราณซึง่ เก่ยี วกับประชาธปิ ไตยในกรีกและโรมัน ตอํ มายคุ กลางไมํไดน๎ ามาใช๎แตคํ าวํา พลเมอื งก็ไดม๎ กี ารนากลับมาใชอ๎ ีกครงั้ ในชํวงของการปฏวิ ตั ใิ นประเทศองั กฤษ สหรัฐอเม ริกา และ ฝรั่งเศสในปลายศตวรรษท่ี 18 การเปน็ พลเมอื งมหี ลายมิติ การทจี่ ะเป็นพลเมอื งนัน้ ตอ๎ งมี องคป๑ ระกอบ (Abowitz & Harnish , 2006) ดังตอํ ไปนี้ กกกกกกก1. 1.1 ขอ๎ ท่ี 1 มีเอกลกั ษณท๑ ีม่ าจากความเป็นสมาชิกของชมุ ชนทางการเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 ข๎อที่ 2 ยดึ ถือคํานิยมเฉพาะและอดุ มคติ กกกกกกก1. 1.1 ข๎อที่ 3 มีสิทธิและหน๎าท่ี กกกกกกก1. 1.1 ข๎อที่ 4 มีสํวนรวํ มทางการเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 ขอ๎ ที่ 5 มคี วามรู๎ความเขา๎ ใจเกีย่ วกับการเมืองการปกครอง กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง หมายถึง ชาวเมืองหรอื ประชาชนที่ปฏิบตั ิตามระเบยี บกฎเกณฑ๑ของ สังคม มีความรับผดิ ชอบตอํ หน๎าทแี่ ละรจ๎ู ักบทบาทหน๎าทข่ี องตนเอง ปฏบิ ัติตนไดอ๎ ยาํ งเหมาะสมไมํ ละเมิดสทิ ธิและเสรีภาพของบุคคลอนื่ กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง หมายถงึ ประชาชนท่ปี ระพฤตปิ ฏิบตั ติ ามระเบียบกฎเกณฑ๑ของสังคมมี ความรับผิดชอบตํอหนา๎ ที่ของตนเอง ร๎ูจักบทบาทหน๎าทขี่ องตนเอง และปฏิบตั ิตนไดอ๎ ยํางเหมาะสมไมํ ละเมดิ ลวํ งล้าสทิ ธิและเสรภี าพของบุคคลอน่ื กกกกกกก1. 1.1 พลเมือง หมายถงึ หมํูคนทเี่ ปน็ ของประเทศใดประเทศหนึ่ง คนทั้งหมดซึ่งเปน็ กาลังของประเทศ ท้งั ในทางเศรษฐกจิ การทหาร และสนับสนุนผม๎ู ีอานาจตอํ รองอานาจกับประเทศ อน่ื โดยนัยของความหมาย คาวํา พลเมอื ง หมายถึง คนที่สนับสนนุ เปน็ กาลงั อานาจของผูป๎ กครอง เป็นคนที่อยูํในการควบคุมดแู ลของผูป๎ กครอง กกกกกกก1. 1.1 กลาํ วโดยสรปุ พลเมอื ง หมายถึง พลังหรอื กาลงั คนของประเทศ ซ่งึ อยํใู นฐานะ เปน็ เจา๎ ของประเทศ ทีม่ ีสัญชาติของประเทศนน้ั ๆ มีสิทธิและหน๎าที่ ตามกฎหมายของประเทศนน้ั มีคํานิยม มสี ํวนรวํ มทางการเมือง เปน็ ผ๎ูสนับสนุนผูป๎ กครอง ในการควบคุมดูแลบคุ คลในประเทศให๎ อยํรู วํ มกนั อยํางมีความสุข

21 กกกกกกก1. 1.2 ความหมายของพลเมอื งดี กกกกกกก1. 1.2 พลเมอื งดี หมายถงึ ผู๎ทป่ี ฏิบตั หิ น๎าทีพ่ ลเมืองได๎ครบถว๎ น ท้งั กจิ ที่ตอ๎ งทา และกจิ ที่ ควรทา กกกกกกก1. 1.2 พลเมืองดี หมายถึง พลเมอื งทมี่ คี ณุ ลกั ษณะที่สาคัญ คอื เปน็ ผูท๎ ี่ยึดม่นั ในหลกั ศีลธรรมและคุณธรรมของศาสนา ปฏิบัติตนตามกฎหมาย ดารงตนเป็นประโยชน๑ตอํ สังคม โดยมีการ ชํวยเหลอื เกื้อกลู กัน อันจะกอํ ให๎เกิดการพฒั นาสังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 กิจทคี่ วรทา คอื สงิ่ ที่คนสวํ นใหญเํ ห็นวาํ เปน็ หนา๎ ที่ จะต๎องทา หรือละเว๎นการ กระทา ถ๎าไมํทาหรือละเว๎นการกระทาจะได๎รับผลเสยี โดยทางอ๎อมเชนํ ไดร๎ ับการดหู มิ่นเหยยี ดหยาม หรือไมํคบค๎าสมาคมดว๎ ย ผกู๎ ระทากิจที่ควรทาจะได๎รบั การยกยํองสรรเสรญิ จากคนในสังคม โดยทว่ั ไป ส่งิ ทรี่ ะบุกจิ ทคี่ วรทาไดแ๎ กํ วฒั นธรรมประเพณี เป็นต๎น กกกกกกก1. 1.2 พลเมืองดมี ีหน๎าทต่ี ๎องปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีและ วฒั นธรรมของชาติ คาส่งั สอนของพอํ แมํ ครอู าจารย๑ มคี วามสามคั คเี ออ้ื เฟือ้ เผือ่ แผํซง่ึ กันและกั น รูจ๎ ัก รบั ผดิ ชอบชัว่ ดตี ามหลักจรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู๎ มีสติปญ๓ ญา ขยันขนั แขง็ สร๎างความเจรญิ ก๎าวหน๎าให๎แกํตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรุป พลเมอื งดี หมายถงึ ผ๎ทู ี่ปฏบิ ตั ิหนา๎ ที่พลเมอื งไดค๎ รบถว๎ น ทง้ั กจิ ท่ี ต๎องทา และกิจท่ีควรทา หน๎าที่ กจิ ที่ต๎องทาหรอื ควรทาเป็นส่งิ ที่กาหนดให๎ทา หรือห๎ามมใิ ห๎กระทา ถ๎าทากจ็ ะกอํ ใหเ๎ กิดผลดี เกิดประโยชน๑ตํอตนเอง ครอบครวั หรือสังคมสวํ นรวมแลว๎ แตํกรณี ถ๎าไมทํ า หรือไมลํ ะเวน๎ การกระทาตามที่กาหนด จะได๎รบั ผลเสียโดยตรง คือได๎รับโทษ หรือถกู บั งคบั เชนํ ปรบั จาคกุ หรอื ประหารชวี ิต เป็นตน๎ โดยท่ัวไปส่งิ ท่ีระบกุ ิจท่ีต๎องทา ไดแ๎ กํ กฎหมาย เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของหน๎าท่พี ลเมอื ง กกกกกกก1. 1.3 หนา๎ ท่ีพลเมอื ง หมายถึง ต๎องปฏิบตั ิตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีและ วัฒนธรรมของชาติ คาสั่งสอนของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มคี วามสามคั คีเออ้ื เฟื้อเผ่อื แผํซึ่งกนั และกัน ร๎จู กั รับผดิ ชอบช่วั ดตี ามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบร๎ู มีสติป๓ญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความเจรญิ กา๎ วหนา๎ ให๎แกํตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก2. ความสาคัญของหนา้ ทพี่ ลเมอื ง กกกกกกก2. ความสาคัญของหน๎าทพ่ี ลเมืองท่มี ีตํอประเทศชาติ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ตอ๎ งจงรักภกั ดีและรกั ษาไว๎ซงึ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย๑ ซึ่งเป็นสถาบัน สูงสดุ ของชาติ เป็นที่เคารพสักการ ะบูชา ของประชาชนชาวไทยทุกคนนอกจากนีส้ ถาบันดังกลําว ยงั เปน็ เอกลักษณ๑ของชาตไิ ทยด๎วย ดังนน้ั ตราบใดท่ีสถาบันทงั้ สามยงั คงอยูํ คนไทยก็จะดารงอยไํู ด๎ กกกกกกก2. 2.2 ต๎องรกั ษาไว๎ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยปกครองโดย ระบอบประชาธปิ ไตย ซึ่ งมีพระมหากษัตริยเ๑ ป็นประมขุ และรฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สุดของ ประเทศไทย ประ ชาชนทุกคนจงึ มหี นา๎ ทร่ี ักษาไว๎ ซงึ่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย และ รฐั ธรรมนญู ของชาติก็ไดก๎ า หนดไวว๎ าํ เปน็ หน๎าทีข่ องคนไทยทุ กคนที่จะตอ๎ งดารงรักษา ไว๎ซึ่ งการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย

22 กกกกกกก2. 2.3 ตอ๎ งชวํ ยกันปอู งกนั ประเทศ ประเทศชาติเป็นของประชาชนไทยทุกคน ดังนัน้ ใน ฐานะทเ่ี ราเปน็ สวํ นหนึ่งของประเทศ จงึ ต๎องมีหนา๎ ท่ีรักษาไวซ๎ ึง่ ความเป็นเอกราชและความมั่ นคงของ ชาติ โดยการปูองกนั ประเทศชาติให๎พ๎นจากภัยอนั ตรายตําง ๆ ซึ่งเกดิ จากศัตรทู ง้ั ภายในและภายนอก ประเทศ เมื่อมเี หตุรา๎ ยข้นึ ในประเทศ ตาํ งก็ตอ๎ งชํวยกัน และปราบปรามใหค๎ วา มรวํ มมอื กบั เจ๎าหนา๎ ที่ ของบา๎ นเมืองอยํางเตม็ ท่ี โดยเฉพาะอยาํ งยิ่งเป็นงานโดยตรงทีช่ ายไทยทุกคนจะต๎องเข๎ารบั ราชการ ทหาร กกกกกกก2. 2.4 ต๎องปฏบิ ัตติ ามกฎหมายบ๎านเมอื งอยํางเครงํ ครัด กฎหมายบา๎ นเมอื ง หมายถงึ กตกิ าหรอื ระเบียบกฎเกณฑท๑ ่ีวํางไวใ๎ หป๎ ระชาชนทุกคนปฏิบตั ิ เพ่ื อความสงบเรียบรอ๎ ยของบา๎ นเมือง ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไดก๎ าหนดให๎ประชาชนทุกคนมสี วํ นรํวมในการพิจารณาเหน็ ชอบ และกาหนดกฎหมายขึน้ ใช๎ในประเทศ โดยการเลือกตง้ั ผแ๎ู ทนตน เพ่ือไปปฏิบัตหิ น๎าท่อี อกกฎหมายใน สภานิติบัญญตั ิตจิ งึ เทํากบั วําประชาชนทุกคนรวํ มกนั ตรากฎหมายออกม าใช๎รวํ มกัน ประชาชนทุกคน จึงควรปฏบิ ตั ิอยํางเครํงครัด เพื่อความสงบเรียบรอ๎ ย และความผาสกุ รวํ มกัน กกกกกกก2. 2.5 ตอ๎ งใหค๎ วามรํวมมือชํวยเหลอื แกํราชการ เจา๎ หน๎าท่เี ป็นตวั แทนของรัฐบาลในการ ท่ีจะให๎บรกิ ารแกปํ ระชาชน และปฏบิ ตั งิ านให๎เปน็ ไปตามกฎหมายของบา๎ นเมอื ง ชวํ ยเปน็ หเู ปน็ ตาแกํ เจ๎าหน๎าทบ่ี า๎ นเมือง เพื่อชวํ ยปอู งกันปราบปรามโจรผ๎รู ๎าย หรือผ๎เู ป็นภัยตํอความสงบสุขของบ๎าน เมือง เม่อื ประชาชนทกุ คนตาํ งให๎ความรวํ มมอื กัน รกั ษาความสงบเรยี บร๎อยของบ๎านเมอื ง ประเทศชาตกิ ็จะ อยํูอยํางสงบสุข และปลอดภัยจากศตั รทู ัง้ ภายใน และภายนอก กกกกกกก2. 2.6 ตอ๎ งเสียภาษอี ากรตามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ไิ ว๎ ประเทศชาตจิ ะรงุํ เรอื ง และประชาชน จะมีความสงบสุขอยํูได๎ ตอ๎ งอาศยั การบรหิ ารราชการแผํนดินของรัฐบาล เปน็ หนา๎ ทีส่ าคญั ท่ีประชาชน ชาวไทยจะต๎องชํวยกนั เสียภาษอี ากร เพอ่ื เรา จะได๎มีกาลังทหารไว๎ปอู งกั นเอกราช ของชาติ มีถนน ทางดี ๆ ไวใ๎ ช๎ มีโรงเรียนใหล๎ กู หลานได๎ศกึ ษาเลาํ เรียน มีโรงพยาบาลสาหรับรกั ษา เมื่อเราเจ็บไข๎ ได๎ปวุ ย เปน็ ตน๎ กกกกกกก3. แนวทางการปฏบิ ตั ิตนในการเปน็ สมาชิกทด่ี ขี องสังคม กกกกกกก3. 3.1 ดา๎ นกฎหมาย กกกกกกก3. 3.1 กฎหมาย คอื กฎเกณฑ๑ ข๎อบงั คับที่ใชค๎ วบคุมความประพฤติของมนษุ ย๑ใน สงั คม กฎหมาย มีลกั ษณะเป็นคาสง่ั ขอ๎ หา๎ ม ทมี่ าจากผู๎มอี านาจสูงสดุ ในสังคม ใชบ๎ ังคบั ได๎ทัว่ ไป ใครฝาุ ฝนื จะตอ๎ งได๎รับโทษ หรือสภาพบังคบั อยาํ งใดอยาํ งหนึ่ง กกกกกกก3. 3.1 พลเมอื งทุกคนตอ๎ งปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข๎อบังคบั ของสังคม และบทบญั ญัตขิ อง กฎหมาย เชนํ ไมํลํวงละเมิดสิทธิของผู๎อ่นื หรือไมํกระทาความผดิ ตามท่ีกฎหมายกาหนดก็จะทาใหร๎ ฐั ไมตํ อ๎ งเสียงบประมาณในการปอู งกัน ปราบปราม และจบั กมุ ผท๎ู กี่ ระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากน้ี ยงั ทาให๎สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุข ทุกคนอยรํู ํวมกันอยํ างสมานฉันท๑ ไมหํ วาดระแวงคิดรา๎ ย ตอํ กนั พลเมอื งดีต๎องเคารพกฎหมาย และทาตามกฎหมายรัฐธรรมนญู กกกกกกก3. 3.2 ดา๎ นวัฒนธรรม กกกกกกก3. 3.2 วัฒนธรรม คอื แบบแผนการกระทา หรือผลการกระทาท่ีพฒั นาจากสภาพเดมิ ตามธรรมชาติใหด๎ งี าม ย่ังยนื จนเปน็ ที่ยอมรบั ของคนในสงั คม เชนํ กิริยา มารยาท การพูด การแตงํ กาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วฒั นธรรมการไหว๎ เปน็ วฒั นธรรมภายนอกทมี่ ักได๎รบั

23 การตอบสนองจากผ๎ไู ด๎รบั ด๎วยการไหว๎ตอบ นอกจากนี้ ยังมีวฒั นธรรมไทยอ่ืน ๆ ที่งดงาม เชนํ การกราบ การทาบุญตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เป็นต๎น กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 พลเมืองดียอํ มเป็นทีต่ ๎องการของสังคมทุกสงั คม สถาบัน และสถานะของ ตนเอง ดังนน้ั พลเมืองดีจงึ ตอ๎ งไดร๎ ับการปลูกฝง๓ วฒั นธรรม สง่ิ ทดี่ งี าม โดยเฉพาะสังคมแรก คือ ครอบครวั ต๎องอบรมใหค๎ นไทยมีสัมมาคารวะตอํ ผู๎อาวโุ ส มคี วามเสยี สละ ซอื่ สัตย๑สุจริ ต ตรงตอํ เวลา เปน็ ตน๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 สอนใหเ๎ ยาวชนร๎ูจกั และปฏบิ ตั ิตนตามสถานภาพ และบทบาทของตนเอง โดยมีความรบั ผิดชอบ รับฟง๓ ความคดิ เห็นของผู๎อื่น เคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมการปลูกฝง๓ สงิ่ ทดี่ ีงาม กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 พลเมืองดที กุ คนตอ๎ งปฏิบตั ติ ามวัฒนธรรมของสังคมทต่ี นเองเปน็ สมาชิก กกกกกกก3. 3.3 ด๎านประเพณีไทย กกกกกกก3. 3.3 ประเพณี คอื ส่งิ ที่ปฏบิ ตั ิสบื ทอดกันมา และถอื วําเป็นส่ิงทีด่ ีงาม สิง่ ทงี่ ดงามของ แตํละสังคม อาจเหมือนกนั คลา๎ ยกัน หรือแตกตาํ งกนั ได๎ และสงิ่ ทง่ี ดงามของสัง คมหน่ึงเมื่อเวลา ผาํ นไปอาจเปน็ สงิ่ ทไ่ี มํงดงามได๎ ดังน้นั ประเพณีไทยอาจมีการปรับปรุงเปลีย่ นแปลงไปกับสภาพสังคม กกกกกกก3. 3.3 พลเมอื งดจี งึ ควรรักษาประเพณี แตถํ า๎ พบวาํ ประเพณมี ีความล๎าหลังไมทํ ันสมัยก็ สามารถปรับปรุงใหเ๎ หมาะสมกบั สภาพสงั คมทีเ่ ปลย่ี นไป กกกกกกก3. 3.4 ดา๎ นสิทธหิ นา๎ ท่ตี ามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก3. 3.4 การเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คมตามสทิ ธิหน๎าทีต่ ามระบอบประชาธิปไตยมี 4 ระดับ ดังนี้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ระดับครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 หนา๎ ที่ของครอบครวั ผลติ สมาชกิ ให๎แกสํ ังคม อบรมบํมเพาะคาํ นิยมท่ีดงี าม ปลูกฝ๓งขนบธรรมเนยี ม แบบแผนทางสงั คม และกลอํ มเกลาให๎สมาชกิ ในครอบครวั เพอื่ เป็นสมาชกิ ท่ีดี ของสังคมตํอไป ใหค๎ วามอบอุํนแกสํ มาชกิ ในครอบครวั เพ่ือให๎สมาชิกผู๎นน้ั เข๎าสสํู งั คมและเป็นสมาชกิ ทีด่ ีของสงั คม ให๎การศึกษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซึ่งหนา๎ ทีข่ องสมาชกิ ในครอบครวั หลักสาคญั ตาม ระบอบประชาธปิ ไตย ดงั นี้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 1) ใหค๎ วามเคารพเช่ือฟง๓ ผน๎ู าในครอบครัว กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 2) ดูแลครอบครวั ใหส๎ ามารถอยไํู ดท๎ ั้งด๎านเศรษฐกจิ และความเปน็ อยํูอ่นื ๆ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 3) ไมสํ ร๎างความแตกแยกแกคํ รอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 4) ไมสํ ร๎างความเดอื ดรอ๎ นแกํครอบครัว กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 5) เคารพกฎเกณฑ๑ของครอบครวั และแบบแผนทางสงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 6) สรา๎ งอาชีพและรายไดใ๎ หเ๎ พยี งพอกบั สมาชกิ ในครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 7) ทานุบารุงครอบครวั ดแู ลสมาชิกท่ีเจ็บปุวย และสมาชกิ ท่ีชํวยเหลอื ตวั เองไมไํ ด๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ดงั น้นั ครอบครวั มีหนา๎ ท่วี างแผนอนาคต กาหนด และควบคุม คาํ ใช๎จาํ ย ในครอบครวั ใหม๎ คี วามสมดลุ สอดรบั กับรายได๎ เพอ่ื ครอบครวั จะไดไ๎ มเํ ดือดร๎อน

24 กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ระดบั โรงเรียน กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 เม่อื เราอยูํในโรงเรียน เราทกุ คนมีหน๎าทที่ ต่ี อ๎ งปฏิบัตติ อํ โรงเรยี นเพราะ โรงเรยี นเป็นสถานท่ีท่ใี ห๎ความรู๎ ซง่ึ เราตอ๎ งอยํรู ํวมกบั คนอนื่ ๆ อกี มากมาย ดงั นัน้ เราจงึ จาเปน็ ต๎อง ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของห๎องเรยี นและโรงเรยี น เพ่อื ที่จะไ ดอ๎ ยรํู ํวมกนั อยํางมีความสุข และเกดิ ความเปน็ ระเบียบเรยี บร๎อย บทบาทหนา๎ ที่ตามระบอบประชาธปิ ไตยในโรงเรียนมดี งั น้ี กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 1) เมอื่ มาโรงเรียน เราตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บของโรงเรยี น เชํน แตงํ กายใหถ๎ กู ตอ๎ งตามระเบยี บ มาให๎ทันเข๎าแถวเคารพธงชาติในตอนเชา๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 2) เม่ืออยูใํ นโรงเรยี น เราตอ๎ งชํวยกันรักษาความสะอาดในห๎องเรียน และ ในบริเวณตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น ท้ิงขยะลงในถงั ขยะทโ่ี รงเรียนจัดให๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 3) ใหค๎ วามเคารพเชือ่ ฟ๓งครูอาจารย๑ ตัง้ ใจเรียนหนงั สือ รวมทัง้ ทางาน ตําง ๆ ทคี่ รูมอบหมายดว๎ ยความต้งั ใจและเอาใจใสํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 4) ปฏบิ ัติตนในการเป็นผูน๎ าและผู๎ตามทด่ี ีในห๎องเรียนและโรงเรยี น ต๎องรู๎ วําเมื่อเราเปน็ ผน๎ู าในการทากิจกรรมตาํ ง ๆ ควรปฏบิ ัตติ นอยาํ งไร และเมอ่ื เปน็ ผ๎ูตามควรปฏบิ ตั ิตน อยาํ งไร กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 5) ร๎ูจกั แสดงความคดิ เหน็ ตามสิทธิของตนเองในห๎องเรยี นและโรงเรยี น รวมทัง้ ร๎ูจกั รบั ฟ๓งความคิดเหน็ ของผูอ๎ ืน่ และเคารพข๎อตกลงของคนสวํ นใหญํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 6) ถ๎าเกดิ ข๎อขัดแยง๎ กนั ในหอ๎ งเรียนและโรงเรยี น ให๎แก๎ป๓ญหาดว๎ ยหลกั เหตผุ ล ไมใํ ชอ๎ ารมณห๑ รอื พละกาลงั ในการแก๎ปญ๓ หา เพราะไมใํ ชํวิธแี กป๎ ๓ญหาที่ถกู ต๎อง แตกํ ลับจะทาให๎ เกิดป๓ญหาอน่ื ๆ ตามมา กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 7) ในการแขํงขันทากิจกรรมตําง ๆ ของโรงเรียน เชนํ การแขงํ กีฬา การประกวดในด๎านตาํ ง ๆ ตอ๎ งฝกึ ฝนตนเองให๎เป็นผู๎ร๎จู ักแพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมทง้ั ยอมรบั ใน คาตัดสนิ ของคณะกรรมการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ระดับทอ๎ งถน่ิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 การปฏิบัติตนในฐานะสมาชกิ ของชุมชน บุคคลสามารถ ปฏบิ ตั ิตนตามระบอบประชาธปิ ไตยได๎หลายวิธี ดังนี้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 1) ปฏบิ ตั ิตนตามกฎระเบยี บของชุมชน เชํน ปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจร โดย ข๎ามถนนตรงทางม๎าลาย หรือสะพานลอย ไมํว่ิงขา๎ มถนนตัดหน๎ารถ ไมํท้ิงขยะลงในท่สี าธารณะ ไมํ ทาลายสงิ่ ของท่ีเป็นของสาธารณะ และทรัพยส๑ นิ สวํ นตวั ของผ๎อู น่ื ให๎ได๎รบั ความเสยี หายเพราะความ สนุกสนานของตนเอง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 2) เขา๎ รํวมกิจกรรมของชมุ ชน เพ่อื ชวํ ยรกั ษาและเผยแพรํวัฒนธรรม ประเพณีของชุมชนไว๎ ในแตลํ ะชมุ ชนจะมขี นบธรรมเนยี มประเพณที ป่ี ฏบิ ตั ิสืบทอดกันมา เชํน ประเพณีการทาบุญเมอื่ ถงึ วันสาคญั ทางศาสนา ประเพณีวนั สงกรานต๑ ประเพณีวันลอยกระทง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 3) บาเพ็ญประโยชน๑ตํอชุมชน เชํน ชวํ ยเกบ็ เศษขยะท่ีพบเห็นในบรเิ วณ ตําง ๆ ชํวยดูแลตน๎ ไม๎ ดอกไมใ๎ นสวนสาธารณะของชุมชน

25 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 4) รวํ มกนั อนรุ กั ษ๑ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ๎ มในชุมชน โดยให๎ ทกุ คนในชุมชนมจี ิตสานกึ ในการรกั ษาส่งิ แวดลอ๎ ม เชํน ชมุ ชนทม่ี ปี ุาชายเลน ควรจะรํวมใจกนั อนุรกั ษ๑ ปาุ ชายเลน เพื่อใหเ๎ ป็นที่อยูํของสตั ว๑ตําง ๆ รวมทงั้ ยงั เป็นแหลงํ หลบภัยของลูกสัตว๑นา้ และชมุ ชนทอี่ ยํู ติดชายทะเล ควรรวํ มใจกันรกั ษาความสะอาดของชายหาด เพือ่ ให๎เปน็ แหลงํ ทอํ งเทยี่ วทีย่ ่งั ยืนของ ชุมชน การอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎ อมในชมุ ชนควรเป็นความรํวมมือกนั หลายฝุาย ระหวาํ งบา๎ น โรงเรยี น และชมุ ชน กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ระดับประเทศ กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 บคุ คลปฏบิ ัติตนในการเป็นสมาชกิ ที่ดขี องประเทศตามระบอบ ประชาธิปไตย ดว๎ ย การมสี วํ นรวํ มในกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบ อบประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมสี วํ นรํวมได๎ ดังน้ี กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 1) การใช๎สิทธใิ นการเลอื กตง้ั ระดับตําง ๆ เม่อื อายคุ รบ 18 ปบี รบิ รู ณ๑ ทุก คนต๎องไปใชส๎ ิทธเิ ลอื กตงั้ ท้ังในระดบั ประเทศ เชํน การเลอื กตั้งสมาชิกสภาผแ๎ู ทนราษฎร การเลอื กตั้ง สมาชกิ วฒุ ิสภา และการเลอื กต้งั ระ ดบั ทอ๎ งถิ่น เชํน การเลอื กตง้ั ผวู๎ าํ กรงุ เทพมหานคร การเลอื กต้ัง สมาชิกองค๑กรสวํ นทอ๎ งถนิ่ เปน็ ตน๎ เพือ่ เลือกตวั แทนไปทาหน๎าทบ่ี ริหารประเทศหรอื ท๎องถนิ่ ตํอไป กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 2) การมสี วํ นรํวมในการตรวจสอบการใชอ๎ านาจรัฐ ในการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตยนั้น ประชา ชนทกุ คนลว๎ นมสี วํ นรํวม ในการ สอดสอํ งดูแลการบรหิ ารราชการ แผนํ ดินของรัฐบาล หรอื ตรวจสอบการทางานของเจ๎าหนา๎ ท่ีในองค๑กรตําง ๆ เพื่อไมํให๎ ใช๎อานาจไป ในทางทไ่ี มถํ ูกตอ๎ ง กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 3) การเป็นแกนนาปลุกจิตสานึกใหแ๎ กผํ อ๎ู น่ื ในการรํวมกจิ กรรมทางการ เมอื งการปกครอง ไดแ๎ กํ การใช๎สิทธิเลือกต้งั และการมสี วํ นรวํ มในการตรวจสอบอานาจของรัฐ โดย การเปน็ แกนนานั้น สามารถปฏบิ ตั ิได๎หลายอยําง เชนํ ประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ๑ การเขา๎ ไป ช้แี จงเป็นรายบคุ คล การจดั ใหม๎ ีการประชุมเพ่อื แสดงความคิดเห็นตํอประเด็นที่มผี ลกระทบตอํ สงั คม กกกกกกก4. คุณธรรมของการเป็นพลเมอื งดี กกกกกกก4. คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 8 ข๎อ ไดแ๎ กํ คือ กกกกกกก4. 4.1 ความจงรกั ภกั ดีตอํ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย๑ หมายถงึ การที่บุคคลมี ความนกึ ถึงความสาคญั ของความเปน็ คนไทย มีจติ ใจฝก๓ ใฝุศาสนา และตระหนักถงึ พระมหการณุ าธคิ ุณ ของพระมหากษตั รยิ ป๑ ฏิบตั ติ นในการผดุงรักษาสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ๑ให๎คงอยํูคูํ สังคมไทย ตลอดไป กกกกกกก4. 4.2 การยึดม่ันในหลักธรรมของศาสนาท่ีตนเองนับถอื ทุกศาสนามหี ลกั ศลี ธรรมที่ชํวย สรา๎ งจิตใจของคนให๎กระทา ดี ไมเํ บียดเบียนกนั มใี จเอ้ือเฟอื้ เผ่ือแผแํ กํกัน สมาชิกในสังคมสมควร ศรทั ธาในศาสนาทต่ี นนับถือ แลว๎ ปฏบิ ัติตามหลักศีลธรรมของศาสนาทต่ี นนับถืออยาํ งสม่าเสมอ กกกกกกก4. 4.3 ความซือ่ สัตย๑ หมายถึง การกระทาที่ถกู ตอ๎ งตรงไปตรงมา ไมํยดึ เอาสง่ิ ของผอ๎ู ืน่ มา เป็นของตน บุคคลควรซือ่ สตั ย๑ตอํ ตนเอง คือ กระทา ตนใหเ๎ ป็นคน ดี และบคุ คลควรซ่อื สัตยต๑ อํ บุคคล อื่น ๆ หมายถึง กระทาดี และถูกตอ๎ งตามหน๎าท่ีตํอผ๎ูอืน่ กกกกกกก4. 4.4 ความเสยี สละ หมายถึง การคานึงถงึ ประโยชน๑ของสังคมสํวนรวมมากกวํา ประโยชนส๑ วํ นตน และยอมเสียสละประโยชน๑สํวนตนเพอื่ ประโยชนแ๑ กํผู๎อืน่ และสํวนรวม

26 กกกกกกก4. 4.5 ความรับผดิ ชอบ หมายถงึ การยอมรับการกระทาของตนเอง หรอื การทางานตาม หน๎าท่ที ี่ได๎รับมอบหมายใหส๎ าเร็จลลุ วํ ง กกกกกกก4. 4.6 การมรี ะเบยี บวนิ ยั หมายถึง การกระทาทีถ่ ูกตอ๎ งตามกฎเกณฑ๑ท่สี ังคมกาหนดไว๎ กกกกกกก4. 4.7 การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทางานหรือทาหน๎าทีท่ ไี่ ด๎รบั มอบหมายให๎สาเร็จ ลลุ ํวง ทนั ตรงตามเวลาทกี่ าหนด โดยใชเ๎ วลาอยาํ งคุ๎มคาํ กกกกกกก4. 4.8 ความกล๎าหาญทางจริยธรรม หมายถงึ การกระทาทแี่ สดงออกในทางท่ถี กู ท่คี วร โดยไมํเกรงกลวั อทิ ธิพลใด ๆ ความกล๎านีไ้ มํใชํการอวดดี แตํเป็นการแสดงออกอยาํ งมเี หตผุ ล เพ่อื ความถูกตอ๎ ง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศกึ ษาค๎นควา๎ รํวมกนั จากสอ่ื การเรียนรู๎ทห่ี ลากหลาย กกกกกกก2. บันทกึ ผลการศึกษาคน๎ คว๎าลงในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลํุม กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปลย่ี นเรยี นร๎ู กกกกกกก5. วเิ คราะห๑ข๎อมูลทไ่ี ด๎ และสรปุ การเรยี นรูร๎ ํวมกัน บันทกึ สรุปการเรียนรู๎ในเอกสารการ เรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรอ่ื งที่ 1 สิทธิและหน๎าทีพ่ ลเมอื ง กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรอ่ื งที่ 1 ความร๎ูพืน้ ฐานเกีย่ วกับหน๎าท่ีพลเมอื ง กกกกกกก1. 1.3 ชอ่ื หนังสือเรยี น สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค13113 หน๎าทพ่ี ลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลท่เี กา๎ 1 กกกกกกก1. 1.4 ช่ือหนงั สือเรยี น หมวดวิชาพฒั นาสังคมและชมุ ชน ระดับประถมศึกษา ผูแ๎ ตํง อาจารยส๑ ิทธา มชี อบธรรม ปที พี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2547 โรงพมิ พป๑ ิยมติ ร กกกกกกก1. 1.5 ช่ือหนงั สือ คมูํ อื การเรียนรสู๎ าระการเรียนรู๎หมวดวิชาพัฒนาสังคมและชมุ ชน ระดับประถมศกึ ษา ผู๎แตงํ สานักงานสํงเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ปที ี่พมิ พ๑ พ.ศ. 2548 โรงพมิ พ๑ ไผํ มีเดยี เซน็ เตอร๑ กกกกกกก1. 1.6 ชื่อหนังสอื สทิ ธิ เสรีภาพ และหน๎าท่ีของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผแู๎ ตํง กลํมุ งานผลิตเอกสาร สานกั ประชาสมั พันธ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู๎แทนราษฎร ปีที่พมิ พ๑ พ.ศ. 2556 โรงพิมพ๑ สานักการพิมพ๑ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแ๎ู ทนราษฎร กกกกกกก1. 1.7 ช่ือหนังสือเรียน รายวชิ าศาสนาและหน๎าที่พลเมืองระดบั ประถมศึกษา รายวชิ า สค 23088 ผ๎แู ตงํ สานักงานสงํ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปที ่ี พมิ พ๑ พ.ศ. 2559 โรงพมิ พ๑ ปยิ มิตร

27 กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ชอื่ บทความ พลเมอื งดีของประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก ผ๎ูแตํง พมิ พ๑ พิมพน๑ ภทั ร สบื ค๎นจาก https://www.academia.edu/8265830 กกกกกกก2. 2.2 ชอ่ื บทความ พลเมือง ผแู๎ ตงํ สานกั งานราชบัณฑิตยสภา สืบคน๎ จาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกก3. สอื่ แหลงํ เรยี นรใ๎ู นชมุ ชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 ห๎องสมุดประชาชนจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศนู ยก๑ ารเรยี นชมุ ชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ขี ันธ๑ การวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหน๎า ด๎วยวธิ กี าร กกกกกกก1. 1.1 การสังเกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด๎วยวิธีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู๎ หวั เรอื่ งท่ี 1 ความร๎ูพื้นฐานเกี่ยวกบั หน๎าที่พลเมือง จานวน 5 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตติ ํอวชิ าหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่เี ก๎า 1

28 หวั เรื่องที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหน้าท่พี ลเมอื ง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 หมายถึง การท่ปี ระชาชน หรือบคุ คล ในประเทศไทย ไดน๎ ๎อมนาแนวทางการปกครองดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม พระราชดารสั ที่ สาคัญ หลักการ ทรงงาน รวมถึงพระราช จริยวตั ร และพระราชกรณียกิจ ท่ีทรงเปน็ แบบอยํางเป็นที่ยอมรับ ทงั้ ใน ระดบั ประเทศ และนานาประเทศของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มาศึกษา เรียนร๎ู และนาไปเปน็ แน วทางปฏิบัตใิ นการดาเนนิ ชวี ติ หรือการประกอบอาชีพเพื่อให๎ตนเอง มีคุณภาพชีวติ ทด่ี ี มคี วามเข๎มแข็ง และมั่นคง สงํ ผลตํอเนอื่ งตํอการพัฒนาประเทศ และโลกได๎ กกกกกกก2. ความสาคัญของหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ชวํ ยให๎พลเมอื งมีจติ สาธารณะ มีสํวนรํวมหรือใหค๎ วามรํวมมอื ทาภารกจิ เพ่ือสํวนรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาให๎ สังคม ประเทศ มคี วามมัน่ คงผาสกุ และเจรญิ ก๎าวหนา๎ ได๎ ตวั ชีว้ ดั กกกกกกก1. บอกความหมายหนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ได๎ กกกกกกก2. อธิบายและตระหนักถึงความสาคัญของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ขอบข่ายเนือ้ หา กกกกกกก1. ความหมายของหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 กกกกกกก2. ความสาคัญของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 เนอื้ หา กกกกกกก1. ความหมายของหน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของหน๎าที่พลเมือง กกกกกกก1. 1.1 หน๎าท่ีพลเมอื ง หมายถงึ การที่บุคคลในชมุ ชน สังคม ประเทศ ตอ๎ งปฏิบัตติ าม กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมของชาติ คาสงั่ สอนของพอํ แมํ ครูอาจารย๑ มีความ สามัคคี เออ้ื เฟอ้ื เผือ่ แผซํ งึ่ กนั และกัน ร๎ูจักรับผดิ ชอบช่วั ดตี ามหลกั จริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มคี วามรอบร๎ู มีสตปิ ญ๓ ญา ขยันขนั แขง็ สรา๎ งความเจริญกา๎ วหน๎าใหแ๎ กํตนเอง ครอบครวั สังคม และ ประเทศชาติ

29 กกกกกกก1. 1.2 ความหมายตามรอยพระยุคลบาท กกกกกกก1. 1.2 ยคุ ลบาท จากพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ความหมายไว๎วํา เท๎าท้งั คํู โดยมากใชแ๎ กํพระมหากษัตริยแ๑ ละสมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท มีความหมายตอํ ไปนี้ กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยคุ ลบาท หมายถงึ วิธคี ดิ วิธที รงงาน วิธีปฏบิ ตั ิ ท่ลี ๎วนเป็นแบบอยาํ ง ท่ีควรแกํการนาไปเปน็ แนวทางปฏบิ ัติและดาเนินชีวิต กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท หมายถงึ ทรงเปน็ แบบอยาํ งทด่ี ีในการดาเนนิ ชวี ิตและการ ทางาน สามารถน๎อมนาไปปฏิบตั ไิ ด๎ กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรุป ตามรอยพระยคุ ลบาท หมายถงึ การเรียนร๎วู ธิ ีคดิ วธิ ีทรงงาน วิธี ปฏิบัตทิ ี่ทรงเป็นแบบอยาํ งท่ดี ีของพระมหากษัตรยิ ๑ เพอื่ นามาใชเ๎ ปน็ แนวทางในการดาเนินชีวิต หรอื การประกอบอาชพี กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.3 รัชกาลท่ี 9 หมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหติ ลา ธเิ บศรรามาธิบดจี ักรนี ฤบดนิ ทรสยามนิ ทราธริ าชบรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย๑ลาดบั ท่ี 9 แหํง ราชวงศจ๑ กั รีที่มคี ุณูปการตํอประเทศไทย และนานาประเทศ โดยไดพ๎ ระราชทานปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งเพื่อใชใ๎ นการพัฒนาคุณภาพชีวิต สงิ่ แวดลอ๎ มใหม๎ คี วามม่ังคง และยั่งยนื กกกกกกก1. 1.4 ความหมายของหน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.4 สามารถนาความหมายของหนา๎ ท่ีพลเมือง ความหมายของพระยคุ ลบาทและ ความหมายของรัชกาลที่ 9 ดังกลําวข๎างตน๎ มารวบรวมเปน็ ความหมายของหน๎าทพี่ ลเมอื งตา มรอย พระยุคล บาท รชั กาลที่ 9 ไดว๎ าํ หมายถงึ การทป่ี ระชาชนหรอื บุคคลในประเทศ ไทย ได๎นอ๎ มนา แนวทางการปกครองด๎วยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสทสี่ าคัญ หลกั การทรงงาน รวมถงึ พระราช จริยวตั ร และพระราชกรณยี กิจ ท่ีทรงเปน็ แบบอยําง เป็นท่ยี อมรบั ทัง้ ในระดบั ประเทศ และนานา ประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมาศึกษาเรยี นร๎ู และนาไปเปน็ แนวทาง ปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชีวติ หรอื การประกอบอาชพี เพื่อใหต๎ นเองมคี ุณภาพชวี ิตทดี่ ี มีความเข๎มแขง็ และ ม่นั คง สงํ ผลตอํ เน่อื งตํอการพัฒนาประเทศ และโลกได๎ กกกกกกก2. ความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน๎าทพี่ ลเมอื งตํอประเทศชาตโิ ดยทัว่ ไป พลเมอื งไทยทกุ คนต๎องจงรกั ภักดีตํอสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ๑ ซึ่งเป็นเอกลักษณ๑ของชาตไิ ทยใหด๎ ารงอยไูํ ด๎ ต๎อง รกั ษาระบ อบการปกครองประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท๑ รงเป็นประมุข ต๎องชํวยกันรักษา ปอู งกนั ประเทศชาตริ วํ มมือกับเจา๎ หน๎าทอี่ ยาํ งเต็มท่ี ต๎องปฏบิ ตั ิตามกฎหมายบา๎ นเมอื งอยํางเครํงครดั เพ่ือความผาสุกของคนในชาติ ตอ๎ งชวํ ยเหลือราชการเมอ่ื ยามบ๎านเมืองมีภยั ตอํ ความสงบสุข และต๎อง เสียภาษีอากร จากความสาคัญของหนา๎ ท่พี ลเมอื งดังกลาํ ว จะเหน็ ได๎วาํ ความสาคัญของหนา๎ ที่พลเมือง โดยท่ัวไป ตอ๎ งใหค๎ วามรํวมมื อแกํราชการในการปฏิบัติภารกิจเพอ่ื สํวนรวมมากกวาํ สวํ นตน การท่ี พลเมอื งได๎เรยี นร๎ยู ึดแนวปฏิบัติของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงปฏิบัติภารกิจเพื่อประโยชน๑สํวนรวมของพลเมืองไทย จะทาใหพ๎ ลเมอื งไทยไดเ๎ รียนร๎ู ซมึ ซบั เกดิ ความซาบซึ้ง ตระหนักถึ งความสาคญั ของการมีจิตสาธารณะ หรอื ทาภารกิจเพ่อื สํวนรวมอยาํ ง

30 เครงํ ครัดได๎งาํ ยข้นึ สํงผลตอํ การดารงอยขํู องชาตไิ ทยดังกลาํ ว เพราะหน๎าท่ีพลเมอื งมหี นา๎ ทป่ี ฏบิ ตั เิ พือ่ สวํ นรวมดว๎ ยไมใํ ชํปฏิบตั แิ ตภํ ารกิจสวํ นตวั เทาํ น้นั ถ๎าพลเมอื งทุกคนรับรู๎ ตระหนกั รวํ มมอื ทาภารกจิ สํวนรวม ตามบทบาทที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงทาเป็น แบบอยํางยอํ มสงํ ผลตอํ ความม่ันคงของประเทศ กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุป ความสาคัญของหนา๎ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ชํวยให๎พลเมอื งมจี ติ สาธารณะ มีสวํ นรวม หรอื ใหค๎ วามรวํ มมือทาภา รกิจเพ่ือสวํ นรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาให๎สงั คมประเทศมคี วามมนั่ คงผาสุก และเจริญก๎าวหนา๎ ได๎ การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเด็นการศกึ ษาค๎นควา๎ รวํ มกันจากส่ือการเรียนรู๎ท่หี ลากหลาย กกกกกกก2. บันทกึ ผลการศึกษาค๎นควา๎ ลงในเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลํุม กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปลี่ยนเรยี นรู๎ กกกกกกก5. วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู ท่ีได๎ และสรุปการเรยี นรู๎รวมกัน บันทึก สรุปการเรยี นร๎ใู นเอกสารการ เรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความร๎ู เร่อื งที่ 2 การเรยี นร๎ูตามรอยพระยุคลบาท กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเรอื่ งท่ี 2 ความหมายและความสาคัญของหน๎าทพี่ ลเมอื งตามรอย พระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.3 ช่อื หนงั สอื พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู ัวเน่ืองในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระขนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554 ผแู๎ ตงํ ราชบัณฑิตสถาน ปีทพ่ี มิ พ๑ พ.ศ. 2556 สานกั พมิ พ๑ ศริ วิ ฒั นาอนิ เตอร๑พรน้ิ ท๑ จากดั กกกกกกก1. 1.4 ชอื่ หนงั สอื การเดินตามรอยพระยคุ ลบาท เศรษฐกิจพอเพียง ชํวยแกป๎ ญ๓ หาความ ยากจนและการทจุ รติ ผูแ๎ ตํง สมพร เทพสิทธา ปที ่พี มิ พ๑ พ.ศ. 2546 โรงพมิ พศ๑ รเี มอื งการพมิ พ๑ กกกกกกก1. 1.5 ช่อื หนงั สือ โครงการเรยี นร๎ตู ามรอยพระยคุ ลบาท ผแู๎ ตงํ สานกั สํงเสรมิ กิจการ การศึกษา สานักปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปที ่ีพิมพ๑ ม.ป.ป. สถานทพี่ มิ พ๑ ม.ป.พ. กกกกกกก1. 1.6 ช่ือหนังสอื เรียน สาระการพฒั นาสงั คม รายวชิ า สค13113 หนา๎ ท่ีพลเมอื งตาม รอยพระยุคลบาทรชั กาลทีเ่ ก๎า 1 กกกกกกก2. สอื่ อิเลก็ ทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ชอ่ื บทความความหมายของคนดี ผแู๎ ตํง ทักษ๑ดนัย สรอ๎ ยคา สืบคน๎ จาก http://www.gotoknow.org2posts2244587

31 กกกกกกก2. 2.2 ช่ือบทความ พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ผ๎แู ตงํ ปณิตา ปตตาทานงั สบื คน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com/สงั คมศึกษา/หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง กกกกกกก3. สอื่ แหลํงเรยี นรูใ๎ นชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทกุ แหงํ และศนู ย๑การเรยี นชมุ ชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบคีรีขนั ธ๑ การวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหนา๎ ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมินผลรวม ด๎วยวธิ กี าร กกกกกกก1. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความร๎ู หัวเรอื่ งที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา๎ ที่ พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 จานวน 1 ขอ๎ กกกกกกก1. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติตํอวิชาหน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ีเก๎า 1

32 หวั เรอื่ งที่ 3 หน้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม สาระสาคัญ กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถงึ หลกั ธรรมหรือจรยิ วัตรประจาพระเจา๎ แผนํ ดนิ หรือเปน็ คุณธรรมประจาตนของผ๎ปู กครองบ๎านเมือง และยงั ประโยชนส๑ ุ ขให๎เกิดแกํประชาชน บคุ คลธรรมดา ทเี่ ปน็ ผ๎ูบรหิ ารระดับสูงในทุกองคก๑ ร สามารถใชท๎ ศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กรของตนเองใหม๎ ี ความเปน็ ไปโดยธรรม กกกกกกก2. แนวทางปฏบิ ตั หิ น๎าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ คอื กกกกกกก2. 2.1 ทาน คือ การให๎ หมายถงึ การสละทรัพย๑ สิง่ ของ เพ่อื ชํวยเหลือคนท่ดี ๎อยและ อํอนแอกวาํ แนวปฏิบัตขิ องพลเมืองดี ดว๎ ยการเป็นผใู๎ ห๎ นอกเหนอื จากการบริจาคเป็นทรพั ย๑สนิ หรือ สิ่งของแกํผูย๎ ากไร๎ ผด๎ู อ๎ ยโอกาส และผ๎ูตกทุกข๑ได๎ยากตามที่เราทาอยเูํ สมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้า ใจแกํ ผอ๎ู น่ื ได๎ เชนํ ให๎กาลังใจแกผํ ู๎ตกอยํูในหว๎ งทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาท่ีเปน็ ความรู๎แกผํ ู๎รวํ มงานหรือ ผใู๎ ต๎บงั คบั บัญชา ใหร๎ อยย้มิ และปยิ วาจาแกญํ าตพิ ี่น๎อง เพื่อนฝงู รวมถึงบุคคลทมี่ ารบั บรกิ ารจากเรา เปน็ ต๎น การเปน็ ผใู๎ ห๎ นอกเหนอื จากการบรจิ าคเปน็ ทรัพย๑สินหรือสิ่ งของแกํผย๎ู ากไร๎ ผดู๎ อ๎ ยโอกาส แลว๎ สามารถใหค๎ าแนะนา หรือใหก๎ าลังใจดังกลําว ยังสามารถใหอ๎ ภัยทาน คอื การยกโทษให๎กบั บคุ คล ที่ทาให๎เรารส๎ู กึ ไมสํ บายใจ หรอื ทาให๎เราไดร๎ บั กระทบกระเทอื น ทัง้ ด๎านวาจา กาย และใจด๎วย กกกกกกก2. 2.2 ศลี คอื การตงั้ อยูํในศีล หมายถึง มีความประพฤติดงี าม เปน็ ตัวอยํางท่ีดแี กํคน ทัว่ ไป แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมืองดี ด๎วยการประพฤตทิ ่ดี งี าม ตามหลกั ศาสนาของตน อยาํ งนอ๎ ยก็ขอให๎ เราไดป๎ ฏิบัตติ ามศลี 5 คอื ไมฆํ ําสัตว๑ตัดชวี ิต ไมลํ ักขโมยของของผ๎ูอ่นื ไมลํ วํ งละเมดิ ลกู เมยี เขา ไมํพดู โกหก หรอื พดู สอํ เสยี ดยุยง และควรทาตนให๎หาํ งไกลจากเหล๎า บหุ ร่ี หรืออบายมขุ ตําง ๆ นอกจากนี้ ให๎นาศลี 5 ทีย่ ึดถอื ปฏิบตั ไิ ปควบคุมพฤตกิ รรมของตนเอง ใหเ๎ คารพกฎหมายของบ๎านเมอื งอยาํ ง เครํงครดั กจ็ ะชํวยให๎สงั คมไทยอยูรํ วํ มกันไดอ๎ ยาํ งมีความสขุ กกกกกกก2. 2.3 ปริจจาคะ คือ บรจิ าค หมายถึง การเสียสละความสุขสาราญของตนเพือ่ ประโยชน๑ สุขของหมูํคณะ แนวปฏบิ ตั ิของพลเมืองดี ดว๎ ยการ เสียสละความสขุ สํวนตนเพอ่ื ความสุขหรือ ประโยชน๑ของสวํ นรวม ซง่ึ อาจจะเปน็ ครอบครวั หนวํ ยงาน หรือเพ่อื นรํวมงานของเรากไ็ ด๎ เชํน ครอบครวั พํอบ๎านเสยี สละความสขุ สํวนตัวดว๎ ยการเลิกดื่มเหล๎า ทาให๎ ลกู เมยี มีความสุข และเพอ่ื น บ๎านก็สขุ ดว๎ ย เพราะไมตํ ๎องฟ๓งเสยี งอาละวาด ดาํ ทอทุบตีกนั หรอื บุคคลอาจจะเสียสละเวลาชํวงทตี่ ๎อง อยูํกบั ครอบครัวในตอนเยน็ อยูํชวํ ยเพ่อื นทางาน หรือไปเขา๎ คาํ ยพัฒนาชนบท อาสาไปดแู ลเดก็ ใน สถานเลยี้ งเด็กกาพรา๎ เป็นครั้งคราว หรือเสียสละรํางกาย /อวยั วะหลังตายแล๎วเพอื่ การศึกษา เปน็ ตน๎ ซ่งึ การเสยี สละดังกลําวถอื วําได๎เป็นการบรจิ าค เสียสละความสุขสํวนตวั เพ่ือสํวนรวม

33 กกกกกกก2. 2.4 อาชชวะ คอื ความซอื่ ตรง หมายถึง มีความซ่อื สตั ยส๑ จุ รติ มีความจริงใจ ไมกํ ลับกลอก แนวปฏบิ ตั ิของพลเมืองดี ด๎วยการ ดาเนนิ ชวี ิ ตและปฏบิ ัติภารกจิ /หน๎าท่กี ารงานตําง ๆ ดว๎ ยความ ซ่อื สตั ยส๑ จุ ริต ไมํคดิ คดโกง หรือหลอกลวงผู๎อน่ื เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมดํ ไี ปหลอกขาย ลูกคา๎ เป็นขา๎ ราชการ พนกั งานบรษิ ัท หา๎ งรา๎ น กไ็ มํคอรปั ชน่ั ทัง้ เวลา ทรพั ย๑สนิ ของหนวํ ยงานตน เพราะถา๎ ทกุ คนเอาเปรยี บหรือโกงกิน ขาดความซอ่ื สัตยส๑ ุจรติ จะทาให๎หนํวยงานเสียหายเดอื ดรอ๎ น แม๎เราจะได๎ทรพั ย๑สนิ ไปมากมาย แตเํ ราไมเํ จรญิ ก๎าวหน๎า ถูกคนรมุ ประณาม และแม๎คนอน่ื จะไมรํ ู๎ แตํตวั เรายํอมรอ๎ู ยแูํ กํใจ จะไมํมคี วามสุขกาย สบายใจ เพราะกลวั คนอื่นจะมารคู๎ วามลบั ตลอดเวลา ผู๎ที่ประพฤติตนด๎วยความซ่ือตรง แมไ๎ มํร่ารวยเงนิ ทอง แตกํ ็มีความสุขท้ังกาย ใจได๎ กกกกกกก2. 2.5 มทั ทวะ คือ ความอํอนโยน หมายถงึ มีกริ ยิ าสภุ าพ มีสมั มาคารวะ วาจาอํอนหวาน มีความนุํมนวล ไมํเยํอหยง่ิ ไมํหยาบคาย แนวปฏิบตั ิของพลเมอื งดี ด๎วยการ ทาตวั สภุ าพ นํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ถือตวั หรอื แสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกับใคร ไมวํ ําจะเปน็ ผ๎ใู หญํ ผู๎น๎อยหรอื เพ่ือนในระดบั เดียวกัน การทาตัวเปน็ ผ๎ทู ่มี ีความอํอนน๎อมถอํ มตน จะทาให๎ไปทไ่ี หนคนก็ให๎การต๎อนรบั เพราะอยูํใกล๎ แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรํมุ หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนกถ็ อยหําง ดังนั้น หลักธรรมขอ๎ น้ี จึงเป็นการสร๎างเสนํห๑อยํางหน่งึ ให๎แกตํ ัวเราดว๎ ย กกกกกกก2. 2.6 ตบะ คอื ความเพียร หมายถึง การเพยี รพยายามไมํให๎ความมวั เมาเขา๎ ครอบงา จติ ใจ ไมํลุํมหลงกับอบายมุขและสิ่งชัว่ ร๎าย ไมหํ มกมุนํ กบั ความสุขสาราญ แนวปฏบิ ตั ิของพลเมอื งดี ดว๎ ยการให๎ปฏิบัติหน๎าทีก่ ารงานที่รับผดิ ชอบดว๎ ยความมมุ านะ อดทน ขยัน มํงุ ม่นั และทาแตํสงิ่ ทดี่ ี ความถกู ต๎อง ฝุาฟน๓ อุปสรรคตาํ ง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพยี รนจ้ี ะทาให๎เรา ภาคภมู ใิ จเมอ่ื งานสาเรจ็ และจะทาใหเ๎ รามีประสบการณเ๑ กํงกลา๎ ขึน้ นอกจากน้ี ยังสอนใหเ๎ ราสชู๎ วี ิต ไมํยอมแพอ๎ ะไรงําย ๆ กกกกกกก2. 2.7 อกั โกธะ คือ ความไมโํ กรธ หมายถึง มีจติ ใจม่ันคง มีความสุขมุ เยือกเยน็ อดกลน้ั ไมแํ สดงความโกรธหรือความไมํพอใจใหป๎ รากฏ แนวปฏิบตั ิของพลเมืองดี ดว๎ ยการฝกึ ฝนควบคุม อารมณข๑ องตนเอง ไมใํ ห๎เปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายามระงบั ยับยั้งความโกรธอยูํ เสมอ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถฝกึ ฝน ไมํใหเ๎ ปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายามระงบั ยับยั้ง ความโกรธอยเูํ สมอ จะเปน็ ประโยชน๑ตอํ เราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสขุ ภาพจติ ดี หนา๎ ตาผํองใส ข๎อ สาคัญ ทาให๎เรารักษามิตรไมตรีหรือสัมพนั ธภาพกบั ผูอ๎ ่นื ไวไ๎ ด๎ อนั มผี ลให๎บุคคลนน้ั เป็นทีร่ ักและเกรงใจ ของคนทตี่ ดิ ตอํ ดว๎ ย กกกกกกก2. 2.8 อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบยี ดเบียน หมายถึง ไมํกดข่ีขมํ เหง กลน่ั แกลง๎ รงั แกคนอื่น ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตํอราํ งกายและทรพั ย๑สนิ ผูอ๎ ่นื ตามอาเภอใจ แนวปฏบิ ตั ิของพลเมืองดี ด๎วยการไมเํ บียดเบยี นหรอื บบี คั้นกดขีผ่ อู๎ ื่น รวมไปถงึ การไมํใชอ๎ านาจไปบังคบั หรือหาเหตกุ ล่ันแกลง๎ คนอืน่ ดว๎ ย เชํน ไมไํ ปขมํ เหงรังแกผด๎ู ๎อยกวํา ไมไํ ปขํมขใํู หเ๎ ขากลัวเราหรอื ไปบีบบังคบั เอาของรกั ของ หวงมาจากเขา เปน็ ตน๎ นอกจากไมเํ บยี ดเบียนคนดว๎ ยกนั แลว๎ เรายังไมํควรเบยี ดเบยี นธรรมชาติ สง่ิ แวดล๎อม และสัตว๑อีกดว๎ ย เพราะมฉิ ะน้นั ผลรา๎ ยจะย๎อนกลบั มาสูํเรา และสงั คม อยํางท่ีเหน็ ใน ป๓จจบุ ันจากภยั ธรรมชาติตําง ๆ

34 กกกกกกก2. 2.9 ขันติ คอื ความอดทน หมายถึง การอดทนตอํ สิ่งทง้ั ปวง สามารถอดทนตอํ งานหนัก ความยากลาบาก ท้ังอดทน อดกลั้นตํอคาตฉิ ินนนิ ทา แนวปฏิบตั ขิ องพลเมอื งดี ดว๎ ยการ ให๎ เราอดทนตํอความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมทํ อ๎ ถอย และไมหํ มดกาลงั กาย กาลังใจทจี่ ะดาเนนิ ชวี ิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมทั้งอดทนตอํ การไมไํ ดร๎ ับความสขุ สาราญ ไมไํ ดร๎ ับความ สะดวก สบาย ความอดทนจะทาให๎เราชนะอปุ สรรคท้ังปวงไมวํ ําเลก็ หรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ขนึ้ เข๎มแข็งข้นึ กกกกกกก2. 2.10 อวิโรธนะ คือ ความเท่ยี งธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤติปฏิบตั ติ นอยใํู น ความดงี าม ไมหํ วน่ั ไหวในเร่อื งดเี ร่ืองรา๎ ย แนวปฏิบัติของพลเมอื งดี ดว๎ ยการควรกระทาการงานหรอื ดาเนนิ ชีวิตทถ่ี กู ตอ๎ ง และให๎ความเป็นธรรมกบั บุคคลท่ีเกีย่ วขอ๎ ง ดว๎ ยความยตุ ิธรรม และเทยี่ งธรรม ตวั ช้วี ดั กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หน๎าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรมตาม สถานการณท๑ ่ีกาหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคัญของหนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม ขอบข่ายเนอ้ื หา กกกกกกก1. ความหมายของทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบัติหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม เน้อื หา กกกกกกก1. ความหมายของทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. ทศพธิ ราชธรรม หมายถึง หลักธรรมประจาพระองค๑ หรือเป็นคณุ ธรรมประจาตน ของผ๎ูปกครองบา๎ นเมือง ให๎มคี วามเป็นไปโดยธรรม และยงั ประโยชน๑สขุ ให๎เกิดแกปํ ระชาชนจนเกดิ ความชนื่ ชมยนิ ดี ซง่ึ ความจริงแลว๎ ไมไํ ดจ๎ าเพาะเจาะจงสาหรบั พระเจา๎ แผนํ ดนิ หรือผูป๎ กครองแผํนดนิ เทาํ นั้น บคุ คลธรรมดาท่ีเป็นผู๎บริหารระดบั สูงในทกุ องค๑กรก็พึงใช๎หลกั ธรรมเหลําน้ี กกกกกกก1. ทศพธิ ราชธรรม หมายถงึ จรยิ วตั รท่ีพระเจ๎าแผนํ ดินทรงประพฤติเป็นหลกั ธรรมประจา พระองค๑ หรือคณุ ธรรมของผปู๎ กครองบา๎ นเมือง กกกกกกก1. ทศพธิ ราชธรรม หมายถงึ ความซอ่ื ตรง ทรงมีพระราชอัธยาศัย อนั ประกอบด๎วยความ ซือ่ ตรง ดารงในสัตย๑สจุ ริต กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถึง หลกั ธรรมอนั เปน็ เครือ่ งยดึ เหนี่ยวน้าใจของกนั และกันเห็น เหตใุ ห๎ตนเอง และหมคูํ ณะกา๎ วไปสํูความเจริญรุํงเรือง

35 กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุป ทศพิธราชธรรม หมายถึง เปน็ หลกั ธรรมหรอื จรยิ วตั รประจาพระเจ๎า แผนํ ดิน หรือเป็นคุณธรรมประจาตนของผ๎ูปกครองบา๎ นเมอื ง และยงั ประโยชน๑สขุ ให๎เกดิ แกปํ ระชาชน บคุ คลธรรมดาทเี่ ป็นผู๎บริหารระดบั สูงในทกุ องค๑กร สามารถใชท๎ ศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กร ของตนเองให๎มคี วามเป็นไปโดยธรรม กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. ทศพิธราชธรรมท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ใช๎ ปกครองประเทศไทยและพลเมืองไทย ควรตามรอยพระยุคลบาท มี 10 ประการ ดังนี้ กกกกกกก2. 2.1 ทาน คือ การให๎ การสละทรพั ย๑ ส่งิ ของ เพื่อชวํ ยเหลือคนท่ีด๎อยและอํอนแอกวํา กกกกกกก2. 2.1 นบั แตปํ ีพทุ ธศกั ราช 2493 หลงั จากพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกแลว๎ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงบาเพญ็ ทานบารมีมากมายจนเหลือท่จี ะพรรณนา ไดส๎ ดุ สน้ิ ครบถว๎ นทงั้ สองประการ คือ \"ธรรมทาน\" ซ่ึงถอื เป็นทานอนั เลิศทางพระพุทธศาสนาสามารถ แก๎ความทุกขย๑ ากขาดแคลนทางจติ ใจ ทาใหใ๎ จเปน็ สขุ และต้ังอยใูํ นความดงี าม โดยได๎พระราชทาน พระบรมราโชวาทแฝงดว๎ ยคตธิ รรมเปน็ เครอื่ งเตอื นใจในเรอ่ื งตาํ ง ๆ แกํพสกนิกรตามสถานะ และ วาระโอวาทอยเูํ สมอ ในท๎องถิ่นที่ตอ๎ งการความรู๎ ไดพ๎ ระราชทานความร๎ู และตรัสแนะนา ในสิง่ อนั จะ ทาประโยชน๑มาให๎ ดว๎ ยพระมหากรณุ าธคิ ุณทีจ่ ะทรงชํวยดับทุกข๑ ความเดอื ดร๎อนในจติ ใจของ ประชาชน ท้ังมวล นอกจากธรรมทานแลว๎ \"อามสิ ทาน \" หรือ \"วัตถทุ าน \" ก็ทรงมีพระเมตตาใน พระราชหฤทัย เป็นลน๎ พน๎ ได๎พระราชทานพระราชทรัพย๑และวัตถสุ ิ่งของตาํ ง ๆ เพือ่ แกค๎ วามทุกขย๑ ากขาดแคลนทาง กายใหแ๎ กพํ สกนกิ รเสมอมา ในการบาเพญ็ ทางบารมนี ี้ ได๎ทรงบาเพ็ญตามทีพ่ ระพุทธเจ๎าตรัสสอน ทุก ประการ คอื ทรงบาเพญ็ ครบถ๎วนตามคุณสมบตั ขิ องทาน 3 ประการ ได๎แกํ คณุ สมบัตขิ องทาน ประการที่หน่งึ คอื การพระราชทานให๎แกบํ ุคคลทสี่ มควรไ ด๎รบั การอนุเคราะห๑โดยมไิ ดท๎ รงเลือก เช้อื ชาติหรือศาสนา คณุ สมบัติของทานประการท่สี อง คอื ถึงพรอ๎ มด๎วยเจตนาโดยทรงมพี ระเมตตา คณุ เป่ยี มล๎นในพระราชหฤทัย ทง้ั กํอนการพระราชทาน ขณะพระราชทาน และหลงั การพระราชทาน แลว๎ คุณสมบัติของทานประการท่สี าม คอื วัตถุทพี่ ระราชทานน้ั นลว๎ นเปน็ ประโยชนแ๑ กํราษฎรผู๎รับ พระราชทาน ใหพ๎ ๎นจากการขาดแคลนได๎อยํางไมมํ ขี ๎อสงสยั นอกจากน้ียังทรงบาเพ็ญทานใหเ๎ ป็นบญุ ตามที่พระพทุ ธองค๑ทรงสอนไว๎ คือ บาเพ็ญให๎เป็นเครื่องชาระกเิ ลสอันมีความละโมบ เป็นตน๎ ตัวอยาํ งเชํน \"สวนหลวง ร.9\" ซงึ่ ชาวไทยรํวมใจกันสร๎างขึ้ น เพื่อถวายเป็นราชสักการะ ก็มไิ ด๎ทรง สงวนไว๎สาหรบั พระองค๑ แตํได๎พระราชทานให๎เปน็ สาธารณสถาน เพอื่ ประโยชน๑สขุ แหํงปวงชนชาว ไทยทั้งมวล สวํ นโครงการหลวง โครงการพระราชดาริตําง ๆ ทม่ี ีอยูํนบั พนั โครงการท่วั ประเทศ รวมทั้ง \"ศูนย๑ศกึ ษาการพัฒนาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ \" ซ่ึงโปรดให๎ตัง้ ขน้ึ ในภาคตําง ๆ เพอื่ ศึกษาพ้นื ท่ี และวิจัยปรบั ปรุงพันธพ๑ุ ืชผลให๎เหมาะแกทํ อ๎ งถิน่ อนั เปน็ การแก๎ไขต๎นเหตุแหํงปญ๓ หาเพอ่ื พฒั นา ประเทศให๎ได๎ผลน้ัน จัดเป็นการบาเพญ็ ทานใหเ๎ ป็นกศุ ล คอื เปน็ กิจของคนดี คนมปี ๓ญญา ถูกกาลสมยั เหมาะแกคํ วามต๎องการของผ๎ูรบั ไมํทาให๎พระองค๑ หรือผใู๎ ดเดือดร๎อน การบาเพ็ญทานให๎เปน็ กศุ ลของ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 จงึ ยงั ผลใหไ๎ พรํฟาู หน๎าใสไดโ๎ ดยท่ัวหนา๎ กนั

36 ภาพทรงใหว๎ ตั ถทุ าน ภาพทรงให๎ธรรมทาน กกกกกกก2. 2.1 หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การเป็นผใ๎ู ห๎ นอกเหนอื จากการบริจาคเป็น ทรพั ยส๑ ินหรอื สิ่งของแกํผูย๎ ากไร๎ ผดู๎ ๎อยโอกาส และผต๎ู กทกุ ข๑ได๎ยากตามทเี่ ราทาอยํูเสมอแลว๎ เราก็ อาจจะใหน๎ ้าใจแกผํ อ๎ู ื่นได๎ เชนํ ใหก๎ าลงั ใจแกผํ ๎ตู กอยใํู นหว๎ งทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนา ทีเ่ ป็นความรู๎ แกํผ๎ูรวํ มงาน หรอื ผ๎ูใต๎บงั คบั บัญชา ให๎รอยย้มิ และปยิ วาจาแกญํ าตพิ ่นี ๎อง เพอ่ื นฝงู รวมถงึ บุคคลทม่ี า รบั บริการจากเรา เป็นตน๎ การเปน็ ผ๎ูให๎ นอกเหนอื จากการบริจาคเปน็ ทรพั ย๑สิน หรอื สิ่งของแกํผู๎ยากไร๎ ผ๎ดู อ๎ ยโอกาสแล๎ว สามารถใหค๎ าแนะนา หรือให๎กาลังใจดงั กลําว ยงั สามารถใหอ๎ ภยั ทาน คือ การยกโทษ ให๎กับบุคคลทีท่ าใหเ๎ รารสู๎ ึกไมํสบายใจ หรอื ทาให๎เราได๎รบั กระทบกระเทอื น ทง้ั ด๎านวาจา กาย และใจด๎วย กกกกกกก2. 2.2 ศีล คือ การตงั้ อยใูํ นศีล หมายถึง มีความประพฤติดงี าม เปน็ ตัวอยํางท่ดี ีแกคํ นทวั่ ไป กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบตั ิพระองค๑ ใหเ๎ ป็นท่ีประจักษ๑ตลอดมาวาํ ทรงเครํงครัดในการรกั ษาศลี และทรงมนี ้าพระทยั นบั ถือ พระพุทธศาสนา โดยบริสุทธิ์ ดงั จะเหน็ ไดจ๎ ากการเสดจ็ ออกทรงผนวชรกั ษาศลี 227 ข๎อ ของพระภกิ ษใุ น บวรพุทธศาสนา เม่ือวนั ท่ี 22 ตลุ าคม พ.ศ. 2499 ณ พระอโุ บสถวดั พระศรีรัตนศาสดาราม และเมือ่ ทรงผนวชแลว๎ ได๎ เสดจ็ มาประทับรักษาศีลตามพทุ ธบัญญตั ิ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยประทบั ณ \"พระตาหนกั ป๓้นหยาํ \" แล๎วจึงเสดจ็ มาประทบั ณ \"พระตาหนักทรงพรต \" ตามขตั ติยราชประเพณี แมเ๎ ม่ือทรงลาผนวชแล๎ ว พระองค๑ยงั คงเสดจ็ มาประทับนัง่ สมาธกิ รรมฐานเปน็ ครั้งคราว ณ พระตาหนักทรงพรตนต้ี ลอดระยะเวลา แหงํ การทรงผนวช ทรงดารงพระองคไ๑ ดง๎ ดงามบรสิ ุทธ์ิ สมควรแกํการเปน็ พุทธสาวก จนเป็นท่เี ล่ือมใส

37 ศรทั ธา แกํพสกนกิ รโดยท่วั หน๎า เมือ่ ทรงลาผนวชมาอยพูํ ระราชฐานะแหงํ พระมหากษตั รยิ า ธิราชแลว๎ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ยงั ทรงประพฤติอยํูในศีลโดยบริสทุ ธ์ิ กลาํ วคือ ทรงประพฤตพิ ระราชจริยวตั รในทางพระวรกาย และในทางพระวาจาให๎สะอาดงดงาม ถูกต๎องอยํเู ป็นนจิ ไมเํ คยบกพรํอง ไมวํ ําจะเปน็ ศลี ในการปกครอง หรอื ศลี ในทางศาสนากต็ าม ในด๎าน ศีลในการปกครอง คอื การประพฤติตนตามกฎหมายและจารี ตประเพณีอันดีงามนนั้ ไมเํ คยปรากฏ เลยวําพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงใชพ๎ ระราชอานาจของ พระองคเ๑ หนือกฎหมาย และไมเํ คยมแี ม๎แตํสักครั้งเดยี วทีจ่ ะทรงละทง้ิ จารีตประเพณอี นั ดงี ามของชาติ และของพระราชวงศ๑ พระเกยี รตคิ ุณในขอ๎ น้เี ปน็ ทซ่ี ึมซาบ ในใจของชาวไทยเปน็ อยาํ งดี นบั จาก กาลเวลาท่ลี วํ งผํานมาตราบจนถงึ ทุกวนั น้ี สํวนศีลในทางศาสนา อยาํ งนอ๎ ยคือศลี หา๎ อันเป็นศลี หรอื กฎหมายที่ใชใ๎ นการปกครองแผนํ ดินมาตัง้ แตํอดตี กํอนพุทธกาลน้นั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมห า ภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงสมาทานรกั ษาอยํางเครงํ ครัด และทรงสนับสนุนใหพ๎ สกนิกรของ พระองค๑สมาทานรกั ษาศลี อยาํ งเครงํ ครดั สาหรบั ผท๎ู มี่ ไิ ด๎นับถอื พุทธศาสนา พระองค๑ทรงสนับสนุนให๎ ยดึ มน่ั ตามคาสอนแหํงศาสนาอนั ตนศรัทธา ดว๎ ยทรงตระหนักวําทกุ ศาสนามหี ลักคาสอนที่นา ไปสกํู าร ประพฤติดี ศาสนาจงึ เปน็ สิ่งจาเปน็ สาหรบั การอยรํู ํวมกนั ของชนหมํมู าก แมบ๎ ดั นี้ในการปกครองจะมี กฎหมายอยูํแล๎ว ก็ยงั ตอ๎ งอาศยั ศาสนาเป็นเคร่อื งอุปการะดว๎ ยกฎหมายบังคับได๎เพียงแคํกาย สวํ นศาสนาสามารถเข๎าถึงจติ ใจ น๎อมนาไปปฏิบตั ติ าม โดยไมตํ อ๎ งบังคับ การท่ี พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงปกครองบ๎านเมืองด๎วยกฎหมายและศาสนา ประกอบกบั การท่ีทรงสมาทานศลี อยาํ งเครํงครดั ดังปรากฏในที่ทกุ สถาน ชาวไทยจงึ มคี วามสุขสงบ และวัฒนาด๎วยศีลบารมีแหงํ พระองค๑ ภาพทรงสนทนาธรรมกับสมเดจ็ พระสงั ฆราช

38 ภาพทรงผนวช กกกกกกก2. 2.2 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ การประพฤติท่ดี ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน อยาํ งน๎อยก็ขอให๎เราได๎ปฏิบตั ติ ามศีล 5 คือ ไมฆํ ําสตั ว๑ตัดชีวติ ไมลํ กั ขโมยของของผ๎อู น่ื ไมํลวํ งละเมิ ด ลกู เมยี เขา ไมพํ ูดโกหก หรอื พูดสํอเสยี ดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหลา๎ บุหร่ี หรืออบายมขุ ตาํ ง ๆ นอกจากนใี้ ห๎นาศีล 5 ทีย่ ึดถอื ปฏิบัตไิ ปควบคุมพฤตกิ รรมของตนเอง ใหเ๎ คารพกฎหมายของ บ๎านเมืองอยาํ งเครงํ ครัด กจ็ ะชวํ ยให๎สังคมไทยอยรํู ํวมกันได๎อยํางมคี วามสุข กกกกกกก2. 2.3 ปริจจาคะ คอื บริจาค หมายถงึ การเสยี สละความสุขสาราญของตน เพือ่ ประโยชน๑ สุขของหมํคู ณะ กกกกกกก2. 2.3 ในด๎านการบริจาค การเสยี สละความสุขสาราญของตน เพ่อื ประโยชนส๑ ขุ ของหมคูํ ณะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงยึดถือประโยชน๑และความ เจริญ ของชาติ ศาสนา รวมท้ังประโยชน๑สขุ ของพสกนิกร สาคญั ยง่ิ กวําพระองค๑เอง พระราชกรณยี กิจ นานัปการจึงเปน็ ไปเพอื่ ความวฒั นา และประโยชนส๑ ุขของชาวไทย ดา๎ นการสงเคราะห๑ ได๎ทรงเสยี สละ พระราชทรัพย๑ และส่งิ ของจานวนมากมายจนสดุ ทจ่ี ะประมาณได๎ เพอ่ื ดับความทกุ ข๑ยากของพสกนิกร ในยามประสบภัยพิบัติ และในถน่ิ ทรุ กันดาร ทรงสละพระราชทรพั ย๑เพือ่ พัฒนาการศึกษาใหแ๎ กํเยาวไชทนย โดยโปรดให๎มีโครงการจดั ตั้งโรงเรยี นในถิ่นยากจนตําง ๆ โครงการสารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน และ ทุนอานนั ทมหดิ ลเพื่อสํงนักเรียนไทยไปศึกษาตาํ งประเทศ เป็นต๎น ทรงสละพระราชทรพั ยน๑ ั บจานวน ไมํนอ๎ ย ในการพระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภแ๑ กํมูลนธิ แิ ละสาธารณสถานตาํ ง ๆ เพื่อประโยชนส๑ ุข ของชาวไทย ทรงเสยี สละพระราชทานท่นี าของทรัพย๑สินสํวนพระมหากษตั รยิ ๑ในจงั หวัดตําง ๆ กวํา 50,000 ไรํ ให๎เข๎าอยูํในโครงการปฏริ ูปทดี่ ิน เม่อื ปี พ.ศ.2518 เพ่อื แบํงปน๓ ทท่ี ากิ นให๎แกํเกษตรกรท่ี ยากจน การท่ที รงบริจาคพระราชทรัพย๑ วัตถุสงิ่ ของ และท่ดี นิ จานวนมหาศาล รวมทงั้ การท่ีทรง เสียสละปฏิบัติ พระราชภารกจิ ทั้งนอกและในประเทศ พระราชภารกจิ ในโครงการ พระราชดารนิ บั พนั ๆ โครงการทัว่ ประเทศน้ี ยํอมเป็นทีป่ ระจักษช๑ ดั ในความเสยี สละอนั ใหญํหลวงขอ งพระองค๑ ด๎วยทรง เสียสละเวลา พระปรีชาสามารถ และความสาราญพระราชหฤทยั ทงั้ มวล ทรงยอมรับความเหนด็ เหน่อื ย พระวรกายทกุ ประการเพ่อื พสกนกิ รชาวไทยอยาํ งแทจ๎ ริง จะเห็นไดว๎ ําพระองคท๑ รงเสียสละความสุข สาราญของตนเพือ่ ประโยชนส๑ ขุ ของพสกนิกรน่ันเอง

39 ภาพเสดจ็ เยย่ี มพสกนกิ ร ภาพทรงมอบทนุ อานนั ทมหิดลเพ่ือสํงนักเรียนไทยไปศึกษา ตํางประเทศ กกกกกกก2. 2.3 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ การเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสุข หรือประโยชน๑ของสวํ นรวม ซ่งึ อาจจะเปน็ ครอบครวั หนํวยงาน หรือ เพอื่ นรวํ มงานของเรากไ็ ด๎ เชนํ ครอบครัว พอํ บ๎านเสยี สละความสุขสํวนตวั ด๎วยการเลิกดื่มเหล๎า ทาใหล๎ ูกเมยี มคี วามสขุ และเพอื่ น บา๎ นก็สุขดว๎ ย เพราะไมํตอ๎ งฟง๓ เสยี งอาละวาด ดําทอทุบตีกนั หรือบุคคลอาจจะเสยี สละเวลาชวํ งทตี่ ๎อง อยํูกับครอบครัวในตอนเยน็ อยชํู วํ ยเพ่ือนทางาน ห รือไปเข๎าคาํ ยพฒั นาชนบท อาสาไปดูแลเด็กใน สถานเลี้ยงเดก็ กาพร๎าเป็นครงั้ คราว หรือเสียสละรํางกาย /อวยั วะหลงั ตายแลว๎ เพ่อื การศกึ ษา เปน็ ต๎น ซ่ึงการเสยี สละดงั กลาํ วถือวาํ ไดเ๎ ปน็ การบรจิ าค เสียสละความสขุ สํวนตัว เพ่อื สวํ นรวม กกกกกกก2. 2.4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง หมายถึง มีความซ่อื สัตย๑สจุ รติ มคี วามจรงิ ใจ ไมํกลับ กลอก กกกกกกก2. 2.4 อันทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ทีส่ ี่ คอื อาชชวะ หรอื ความซอื่ ตรงน้ี พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงปฏบิ ตั ิอยเํู ป็นนจิ สาหรบั ผทู๎ ีม่ ีอายคุ งจะจากนั ได๎ดีวาํ หลังจากท่ไี ดท๎ รงดารงสริ ิราชสมบตั แิ ลว๎ ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 อนั เป็นวนั กาหนด เสด็จกลับไปทรงศึกษาตํอในตํางประเทศ ระหวํางประทบั รถพระที่นงั่ เพื่อเสด็จพระราชดาเนินไปข้ึน เครื่องบนิ นัน้ ไดม๎ ีเสยี งรอ๎ งมาจากกลํุมพสกนิกรทีเ่ ฝาู สงํ เสด็จวาํ \"อยาํ ทงิ้ ประชาชน \" และไ ด๎มีพระราช

40 ดารัสตอบในพระราชหฤทยั วาํ \"เราจะไมํท้ิงประชาชน ถา๎ ประชาชนไมทํ ิ้งเรา \" การตัง้ พระราชหฤทัย ดงั น้ี เสมอื นเป็นการพระราชทานสจั จะ วําจะทรงเป็นรํมบรมโพธิสมภารของพสกนิกรตลอดไป ครัน้ ตอํ มาในวนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ซ่ึงเป็นวนั ทท่ี รงกระทาพระราชพธิ บี รมราช าภเิ ษก ไดม๎ ี พระปฐมบรมราชโองการแกพํ สกนิกรทั่วประเทศวาํ \"เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพ่อื ประโยชนส๑ ขุ แหํงมหาชนชาวสยาม\" พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงรักษา สัจจะท่ไี ดพ๎ ระราชทานใหแ๎ กพํ สกนกิ รทงั้ สองประการ มาอยํางสมบูรณส๑ ม่าเสมอ พระองค๑ไ มเํ คย ทรงทอดทิ้งพสกนิกร ดว๎ ยทรงถือเอาความทุกขเ๑ ดือดร๎อนของพสกนกิ รเป็นความทกุ ขเ๑ ดอื ดร๎อน ของพระองค๑เอง เหตุนเ้ี มอ่ื เกดิ ความเดอื ดร๎อน หรือภัยพิบัตใิ นสวํ นใดของประเทศ พระองคจ๑ ะเสดจ็ ฝุาไป ไมวํ ําระยะทางจะใกลไ๎ กล ทุรกันดารเพยี งใด แดดจะแผดกล๎ารอ๎ นแรง หนทางจะคดเค้ียว ขา๎ มขนุ เขา พงไพรจะรกเรอื้ แฉะชน้ื เต็มไปด๎วยตวั ทาก ฝนจะตกกระหนา่ จนเหน็บหนาว น้าจะทวํ ม เจง่ิ นอง พระองคก๑ ็มิได๎ทรงยอํ ทอ๎ ทจี่ ะเสดจ็ ไปประทบั เป็นมงิ่ ขวญั ของพสกนิกรผูท๎ ุกขย๑ าก เพือ่ ทรง สดบั ความเดอื ดร๎อนให๎กลบั กลายเป็นความรมํ เย็น นอกจากนยี้ ังทรงค รองแผนํ ดนิ ด๎วยธรรมานภุ าพ ไมํวาํ การส่งิ ใดอนั จะนามาซึง่ ความสงบสุข มาสูพํ สกนกิ ร พระองค๑จะทรงปฏิบตั ิ และการสิ่งใดทที่ รง มีพระราชประสงค๑ใหพ๎ สกนกิ รประพฤติปฏบิ ตั ติ าม จะพระราชทานกระแสพระราชดารสั ชแ้ี จงถึงเหตุ และผลใหเ๎ ข๎าใจ พสกนกิ รผ๎ปู ฏิบตั ิจึงปฏบิ ตั ิด๎วยเหน็ ประโ ยชนแ๑ หงํ ผลของการปฏบิ ตั นิ ั้น ปฏิบัตดิ ๎วย ความเต็มใจและดว๎ ยความซาบซ้ึงในพระมหากรณุ าธิคุณ มใิ ชํด๎วยความกลวั เกรงพระบรมเดชานุภาพ การครองแผนํ ดนิ โดยธรรมของพระองค๑ จึงยงั ประโยชนส๑ ขุ มาสมํู หาชนชาวสยาม สมดงั พระราช ปณิธาน คงไมมํ ีความร๎สู ึกอนั ใดทจ่ี ะวาบหวานและซาบซง้ึ ใจชาวไทย ย่ิงไปกวําความสานกึ ในพระมหา กรุณาธิคุณของพระองค๑ พระผท๎ู รงมีพระราชอธั ยาศยั เปยี่ มไปด๎วยอาชชวะ คือ ความซอ่ื ตรงตอํ พสกนิกรและประเทศชาติ ภาพเสด็จกลบั ไปทรงศกึ ษาตอํ ในตาํ งประเทศ เมื่อวนั ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2489