หลกั สตู ร รายวชิ า สค33018 หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเี่ กา้ 3 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
คานา กกกกกกกเอกสารหลกั สตู รรายวิชา สค33108 หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลทเี่ กา้ 3 ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอเมืองประจวบครี ขี ันธ์ จังหวัด ประจวบครี ีขันธ์ จดั ทาขน้ึ เ พอื่ ให้นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาเรยี นรู้ ความรู้พืน้ ฐานเกยี่ วกับหน้าทีพ่ ลเมือง ความหมายและความสาคญั ของหน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 หนา้ ที่พลเมือง ตามรอยพระยคุ ลบ าทรชั กาลที่ 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารัส ตามหลกั การทรงงาน ตามพระราชจริยวตั รและพระราชกรณยี กิจ และสามาร ถประยกุ ต์ใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ สง่ ผลให้ หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 จุดหมาย ขอ้ ที่ 1 มี คณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมท่ีดีงาม และสามารถอย่รู ่วมกนั ในสังคมอย่างสนั ติสขุ ข้อที่ 3 มคี วามสามารถ ในการประกอบสัมมาอาชพี ให้สอดคลอ้ งกบั ความสนใจ ความถนัด และตามทันความเปลี่ยนแปลง ทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมอื ง ข้อท่ี 4 มที ักษะการดาเนินชวี ติ ท่ีดี และสามารถจดั การกบั ชวี ติ ชุมชน สงั คม ได้อย่างมคี วามสขุ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ข้อท่ี 5 มีความเข้าใจประวัตศิ าสตร์ ชาตไิ ทย ภมู ิใจในความเปน็ ไทย โดยเฉพาะภ าษา ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี กฬี า ภมู ปิ ัญญาไทย ความเปน็ พลเมอื งดี ปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมของศาสนายดึ มัน่ ในวถิ ีชีวติ และการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ขอ้ ท่ี 6 มีจิตสานึกในกา รอนรุ กั ษ์ และพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม และข้อท่ี 7 เป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้ มีทักษะในการแสวงหา ความรู้ สามารถเขา้ ถึงแหลง่ เรียนรู้ และบูรณาการความรูม้ าใชใ้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ บรรลุได้ดียง่ิ ๆ ขน้ึ กกกกกกก เอกสารหลักสูต รฉบับนีป้ ระกอบดว้ ย (1) ผังมโนทศั น์ (2) คาอธิบายรายวชิ า (3) รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา (4) โครงสร้างหลกั สตู ร (5) รายละเอียดของเนอ้ื หาหัวเรื่องที่ 1 – 7 ได้แก่ หวั เรื่องที่ 1 ความรพู้ ืน้ ฐานเกยี่ วกับหน้าที่พลเมือง หวั เรอื่ งที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหนา้ ทพี่ ลเมื องตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 หวั เร่ืองที่ 3 หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอย พระยคุ ลบ าทรชั กาลท่ี 9 ด้วยทศพิธราชธรรม หวั เรอื่ งที่ 4 หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุค ลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารัส หวั เร่ืองท่ี 5 หน้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกา ลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน หัวเร่อื งท่ี 6 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราช จรยิ วัตรและพระราชกรณียกิจ และหวั เรอ่ื งที่ 7 การประยุกต์ใช้หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ในชีวิตประจาวัน (6) บรรณานกุ รม และ (7) ภาคผนวก กกกกกกกเอกสารฉบบั น้ี สาเรจ็ ลงได้ดว้ ยดี เนื่องจากได้ รับการสนบั สนนุ และการใหค้ าปรึกษา ของ นางโกศล หลักเมอื ง รองผู้อานวยการสานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตาม อธั ยาศัยจงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ รองศาสตราจารย์ ดร .พชั รี ศรีสังข์ อาจารยป์ ระจา คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย ศรีนครินทรวโิ รฒ และนางสาวสุธกิ านต์ แย้มนิล ผ้อู านวยการ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ รวมถงึ ผใู้ ห้ ข้อมลู ในการพัฒนาหลักสตู ร ได้แก่ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา้ คณะจัง หวัดประจวบครี ขี ั นธ์ ฝา่ ยธรรมยตุ
เจา้ อาวาสวดั ธรรมกิ ารามวรวิหาร ดร.สาราญ ไกรทอง ผ้แู ทนชมุ ชน นายกฤษฏา นตุ ะโร ผแู้ ทน เครือข่ายชมรมคนรักในหลวงจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ และนายตรีเพชร สายสกล ผ้แู ทนองค์กร นักศึกษา กศน.อาเภอเมืองประจวบคีรีขนั ธ์ ตลอดจนไดร้ บั ความร่วมมือในการจดั ทาเอกสาร หลกั สูตร จากขา้ ราชการครู บรรณารักษ์ ครูอาสาสมคั รการศกึ ษานอกโรงเรียน ครู กศน .ตาบล ครศู ูนย์การเรียน ชุมชน บรรณารักษ์อตั ราจ้าง และเจา้ หนา้ ทีบ่ ริหารงานทั่วไป สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองประจวบคีรขี นั ธ์ จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งประจวบครี ขี ันธ์ จงั หวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอขอบพระคุณและ ขอขอบคณุ ทุกทา่ นมา ณ ทน่ี ้ดี ว้ ย (นางสาวขวญั จติ ต์ ศรีจนั ทนากลุ ) ผู้อานวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอเมอื งประจวบคีรขี นั ธ์
ประกาศ ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอ เมอื งประจวบคีรีขันธ์ เร่ือง ประกาศใช้หลักสูตรวิชาเลอื ก สค33108 หน้าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่เี ก้า 3 …………………………………………………………………………….... กกกกกกกตามท่ีพระบาทสมเด็จพระ ปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได้ทรงมพี ระมหา กรุณาธิคณุ ต่อปวงชนชาวไทยอย่างมากมาย ทาให้ปวงชนชาวไทยไดส้ านกึ ถงึ พระองค์และตอ้ งการ เรยี นรู้ สบื สานตามรอยพระยุคลบาท ประกอบกบั สถานศึกษามีหน้าที่ปลูกฝงั ให้นกั ศกึ ษาไดป้ ฏบิ ตั ิ ตนตามหน้าทพ่ี ลเมอื งดี ศนู ย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื ง ประจวบครี ขี ันธ์ จังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ได้ตระหนักถงึ ความสาคัญของบทบาทในการปลกู ฝังหนา้ ท่ี พลเมอื งดใี หก้ บั นกั ศึกษาไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม โดยเฉพาะหนา้ ทพี่ ลเมืองดี ตามรอยพระยคุ ลบาทของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รั ชกาลท่ี 9 จงึ ไดจ้ ัดทาหลักสตู ร สค33108 หน้าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเ่ี กา้ 3 เพอ่ื ใช้ในการปลูกฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม ท่ดี ีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอยา่ งสันติสขุ ภายใต้การปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ท่ีพลเมอื งดี ใหก้ ับ นกั ศึกษาของศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองประจวบคีรขี ันธ์ จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ และไดผ้ ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาแล้ว กกกกกกกดงั น้นั เพอ่ื ให้การจัดการศกึ ษาหลกั สูตรรายวชิ าเลอื ก สค 33108 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอย พระยคุ ลบาทรัชกาลที่เก้า 3 เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล จึงขอประกาศใชห้ ลักสูตร น้ีกับนักศกึ ษาของศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งประจวบครี ขี นั ธ์ ท่ลี งทะเบียนเรยี น ตงั้ แตภ่ าคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2560 เปน็ ต้นไป กกกกกกกประกาศ ณ วันท่ี 29 เดือน กนั ยายน พ.ศ.2560 (นางสาวขวัญจติ ต์ ศรีจันทนากลุ ) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื งประจวบคีรีขันธ์
ความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา กกกกกกกตามท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได้ทรงมีพระมหา กรุณาธิคณุ ต่อปวงชนชาวไทยอยา่ งมากมาย ทาใหป้ วงชนชาวไทยไดส้ านึกถึงพระองคแ์ ละต้องการ เรยี นรู้ สบื สานตามรอยพระยุคลบาท ประกอบกบั สถานศกึ ษามหี น้าทีป่ ลูกฝังให้นกั ศึกษาไดป้ ฏบิ ตั ิ ตนตามหน้าที่พลเมอื งดี ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมื อง ประจวบครี ขี นั ธ์ จังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ ไดต้ ระหนกั ถึงความสาคัญของบทบาทในการปลูกฝงั หน้าที่ พลเมืองดีใหก้ บั นักศึกษาได้อยา่ งเปน็ รูปธรรม โดยเฉพาะหน้าทีพ่ ลเมืองดี ตามรอยพระยุคลบาทของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 จึงได้จดั ทาหลกั สตู ร สค33108 หน้าท่ี พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเี่ กา้ 3 เพื่อใช้ในการปลูกฝงั คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมท่ีดงี าม และสามารถอยู่รว่ มกนั ในสงั คมอย่างสันตสิ ุข ภายใตก้ ารปฏบิ ตั ิตนตามหน้าที่พลเมืองดี ใหก้ บั นักศึกษาของศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองประจวบครี ีขันธ์ จังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ กกกกกกกเพือ่ ใหก้ ารจดั การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน โดยเฉพาะรายวชิ าเลอื ก สค 33108 หนา้ ท่พี ลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่เกา้ 3 บรรลจุ ุดมุ่งหมายและนักศกึ ษาไดป้ ฏบิ ตั ิตนในฐานะพลเมอื งดี และตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ และเกดิ ประสทิ ธิผล ให้ผูเ้ ก่ียวขอ้ งกบั การจดั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานของศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมอื ง ประจวบคีรขี ันธ์ จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ รว่ มมอื กันจดั การศกึ ษา ตั้งแตภ่ าคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2560 กกกกกกกท้ังน้ี ตัง้ แตว่ ันท่ี 29 เดือน กันยายน พ.ศ.2560 (นายชศู ักด์ิ อนพุ งศ์พิชิตกลุ ) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษา
สารบัญ ผังมโนทัศน์…………………………………………………………………………………………………………………. หนา้ 1 คาอธบิ ายรายวชิ า...................................................................................................................... รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา……………………………………………………………………………………….. 2 โครงสร้างหลกั สูตร..................................................................................................................... 3 กกกสรปุ สาระสาคญั .................................................................................................................. 8 กกกผลการเรียนรู้ท่คี าดหวงั ............................................................................................... ....... 8 17 กกกขอบขา่ ยเนือ้ หา.................................................................................................................. กกกการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………….. 18 กกกสอ่ื และแหล่งเรยี นรู้............................................................................................................. 18 กกกการวดั และประเมินผล……………………………………………………………………………………………. 19 20 หวั เรอื่ งท่ี 1 ความร้พู นื้ ฐานเก่ยี วกบั หนา้ ทีพ่ ลเมือง.................................................................... กกกสาระสาคญั ......................................................................................................................... 20 กกกตวั ชี้วดั …………………………………………………………………………………………………………………. 20 กกกขอบข่ายเนอ้ื หา…………………………………………………………………………………………………….. 20 กกกเนอ้ื หา………………………………………………………………………………………………………………….. 20 21 กกกการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้........................................................................................... กกกสอื่ และแหลง่ เรยี นรู้.......................................................................................................... ... 27 กกกการวัดและประเมนิ ผล........................................................................................................ 27 หวั เรอ่ื งท่ี 2 ความหมายและความสาคัญของหน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9.. 28 29 กกกสาระสาคัญ......................................................................................................................... กกกตัวชี้วัด…………………………………………………………………………………………………………………. 29 กกกขอบขา่ ยเนื้อหา…………………………………………………………………………………………………….. 29 กกกเนอ้ื หา………………………………………………………………………………………………………………….. 29 กกกการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ........................................................................................... 29 31 กกกสื่อและแหล่งเรียนรู้............................................................................................................. กกกการวดั และประเมินผล................................................................................................. ....... 31 หวั เร่อื งที่ 3 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม................... 32 กกกสาระสาคัญ......................................................................................................................... 33 33 กกกตัวชี้วัด…………………………………………………………………………………………………………………. กกกขอบข่ายเนอ้ื หา…………………………………………………………………………………………………….. 35 กกกเนอื้ หา………………………………………………………………………………………………………………….. 35 กกกการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้........................................................................................... 35 53
สารบัญ (ต่อ) กกกสอ่ื และแหล่งเรียนรู้.......................................................................................................... ... หน้า กกกการวัดและประเมนิ ผล........................................................................................................ 53 หวั เรื่องท่ี 4 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั ...................... 54 กกกสาระสาคัญ......................................................................................................................... 55 55 กกกตัวช้ีวัด…………………………………………………………………………………………………………………. 57 กกกขอบขา่ ยเน้อื หา…………………………………………………………………………………………………….. 57 กกกเนื้อหา………………………………………………………………………………………………………………….. 58 กกกการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้........................................................................................... 88 88 กกกสอื่ และแหล่งเรยี นรู้.......................................................................................................... ... 89 กกกการวัดและประเมินผล........................................................................................................ 90 หัวเร่อื งท่ี 5 หนา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน................. 90 กกกสาระสาคัญ......................................................................................................................... 90 กกกตวั ช้ีวดั …………………………………………………………………………………………………………………. 90 91 กกกขอบข่ายเนือ้ หา…………………………………………………………………………………………………….. 113 กกกเนอ้ื หา………………………………………………………………………………………………………………….. 113 กกกการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้........................................................................................... 114 กกกสือ่ และแหลง่ เรยี นรู้............................................................................................................. 115 กกกการวดั และประเมินผล........................................................................................................ 115 หัวเร่ืองท่ี 6 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วัตร 116 และพระราชกรณียกจิ ............................... ................................................................................. 116 กกกสาระสาคญั ......................................................................................................................... 117 กกกตวั ชี้วดั …………………………………………………………………………………………………………………. 156 156 กกกขอบข่ายเน้อื หา…………………………………………………………………………………………………….. 159 กกกเนอ้ื หา………………………………………………………………………………………………………………….. 160 กกกการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้........................................................................................... 160 กกกสอื่ และแหลง่ เรียนรู้......................................................................................................... .... 162 กกกการวดั และประเมนิ ผล........................................................................................................ หวั เรื่องที่ 7 การประยุกต์ใช้หน้าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9ในชีวติ ประจาวัน. กกกสาระสาคัญ......................................................................................................................... กกกตัวชว้ี ดั ………………………………………………………………………………………………………………….
สารบญั (ตอ่ ) กกกขอบข่ายเนอ้ื หา…………………………………………………………………………………………………….. หนา้ กกกเนอื้ หา………………………………………………………………………………………………………………….. 162 กกกการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้........................................................................................... 162 กกกส่อื และแหลง่ เรียนรู้......................................................................................................... .... 201 202 กกกการวัดและประเมินผล........................................................................................................ บรรณานุกรม………………………………………………………………………………………………………………. 203 ภาคผนวก............................................................................................................................. ..... 204 กกกก ใบความรู้…………………………………………………………………………………………………………. 208 209 กกกข ใบงาน............................................................................................................................ กกกค เครื่องมือวัดความกา้ วหนา้ ...................................................................................... ....... 255 กกกง เครอื่ งมือวดั ผลรวม……………………………………………………………………………………………. 270 กกกจ ประกาศแตง่ ตั้งท่ีปรกึ ษาและผรู้ ว่ มใหข้ ้อมลู พฒั นาหลกั สูตร........................................... 288 กกกฉ คาสง่ั แต่งต้งั คณะกรรมการพฒั นาหลกั สตู ร................................................................... 303 306
7. การประยกุ ต์ใช้หน้าท่พี ลเมืองตาม 1. ความรพู้ ้ืนฐ รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 เกย่ี วกบั หนา้ ท่พี ล ในชวี ติ ประจาวัน จานวน 30 ชว่ั โมง จานวน 10 ช่วั โ 7.1. ด้วยทศพธิ ราชธรรม วชิ า หนา้ ทพี่ ลเม 7.2. ตามพระราชดารัส ตามรอยพระยคุ ลบาทรัช 7.3. ตามหลกั การทรงงาน 7.4. ตามพระราชจรยิ วตั ร จานวน 120 ชว่ั และพระราชกรณยี กจิ 6. หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณยี กจิ จานวน 30 ชวั่ โมง 6.1 พระราชจริยวตั ร 6.2 พระราชกรณียกิจ 5. หนา้ ท่ีพลเมืองตา 6.1.1 ครอบครัว 6.2.1 โรงเรียน รัชกาลท่ี 9 ตามห 6.1.2 ความอ่อนนอ้ มถอ่ มตัว 6.2.2 ทอ้ งถนิ่ จานวน 1 6.2.3 ประเทศ 6.2.4 โลก ภาพประกอบ 3 ผงั มโนทศั น์ หลักสตู ร วชิ าห ระดับมัธยมศ
ฐาน ลเมอื ง 2. ความหมายและความสาคัญ โมง ของหน้าทพี่ ลเมืองตาม รอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 จานวน 2 ชวั่ โมง มอื ง 3. หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท ชกาลท่เี ก้า 3 รัชกาลที่ 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม วโมง จานวน 8 ช่วั โมง ามรอยพระยุคลบาท 4. หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท หลกั การทรงงาน รัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารัส 10 ชัว่ โมง จานวน 30 ช่ัวโมง หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทีเ่ กา้ 3 1 ศกึ ษาตอนปลาย
2 คาอธบิ ายรายวชิ า สค33108 วิชา หน้าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ีเกา้ 3 จานวน 3 หน่วยกิต มาตรฐานท่ี 5.3 กกกกกกกปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลเมอื งดีตามวิถีประชาธปิ ไตย มีจติ สาธารณะ เพอื่ ความสงบสุขของสังคม ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะ กกกกกกกความรูพ้ ้นื ฐานเกยี่ วกบั หนา้ ทีพ่ ลเมือง ความหมาย และความสาคญั ของหนา้ ที่พลเมือง ตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 หน้าที่พลเมืองตา มรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ด้วย ทศพธิ ราชธรรม ตามพระราชดา รสั หลักการทรงงาน พระ ราชจรยิ วัตร และพระราช กรณียกิจ และ การประยุกต์ใช้หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวนั กกกกกกกเพื่อใหผ้ เู้ รยี นมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 รวมถึงมจี ิตสาธารณ ะ มีความรั บผดิ ชอบ เกดิ จิตสานกึ เทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณ ของรัชกาลท่ี 9 ท่ีมตี ่อประชาชนชาวไทย ตลอดจนภาคภมู ิใจทเี่ กดิ เปน็ คนไทย การจัดการประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกกบรรยาย กาหนดประเดน็ ในการศึกษาค้นควา้ รว่ มกนั จากสือ่ การเรียนรู้ที่หลากหลาย บันทึก ผลการศึกษาคน้ ควา้ ลงในเอกสารการเรียนรู้ ด้วยตนเอง (กรต.) พบกลุ่ม อภปิ ราย แลกเ ปลีย่ นเรียนรู้ วิเคราะหข์ อ้ มลู ท่ีได้ และสรุปการ เรียนรูร้ ่วมกัน บันทกึ ลงในเอกสารในการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง (กรต.) นาผลสรปุ การเรียนร้ทู ่ีได้ไป ประยกุ ต์ใช้ ในชวี ิตประจาวัน และเ ขียนเอกสารรายงานผลการ ปฏบิ ตั ิ หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 จริง ดว้ ยทศพิธราชธรรม ตาม พระราช ดารัส ตามหลกั การทรงงาน และตามพระราชจรยิ วตั รและพระราชกรณยี กิจ การวัดและประเมินผล กกกกกกกประเมินความกา้ วหน้า ด้วยวธิ กี าร สงั เกต ซกั ถาม ตอบคาถาม ตรวจเอกสารการเรยี นรู้ ด้วยตนเอง (กรต.) และตรวจ เอกสารรายงานผลการ ปฏิบัติหนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 จริง ดว้ ยทศพิธราชธรรม ตามพระ ราชดารสั ตามหลักการทรงงาน และตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณยี กจิ และประเมนิ ผลรวม ด้วยวิธกี าร ให้ตอบแบบทดสอบ วดั ความรู้ ตอบแบบสอบถาม วัดทกั ษะการนาไปใช้ในชวี ิตประจาวั น และตอบแบบสอบถาม วัดเจตคตติ ่อวิชา หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเ่ี ก้า 3
3 รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา สค33108 วิชา หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่เี กา้ 3 จานวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานที่ 5.3 กกกกกกกปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดีตามวถิ ปี ระชาธิปไตย มจี ติ สาธารณะ เพ่อื ความสงบสขุ ของสงั คม ท่ี หัวเรอื่ ง ตัวช้ีวัด เนือ้ หา จานวน (ชว่ั โมง) 1. ความรู้พื้นฐาน 1. บอกความหมายของหนา้ ที่ 1. ความหมายของหน้าที่ เกีย่ วกบั หน้าท่ี 10 พลเมือง พลเมืองได้ พลเมือง 1. 1.1 ความหมายของ พลเมือง 1. 1.2 ความหมายของ พลเมอื งดี 1. 1.3 ความหมายของ หน้าท่ี พลเมอื ง 2. อธิบายและตระหนักถึง 2. ความสาคัญของหน้าท่ี ความสาคญั ของหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง พลเมอื ง 3. บอกแนวทางการปฏบิ ตั ติ น 3. แนวทางการปฏิบัติตน ในการเปน็ สมาชกิ ท่ีดขี องสงั คม ในการเป็นสมาชิกทีด่ ีของ ได้ สังคม 3. 3.1 ด้านกฎหมาย 3. 3.2 ดา้ นวฒั นธรรม 3. 3.3 ด้านประเพณไี ทย 3. 3.4 ด้านสิทธหิ นา้ ท่ี ตาม ระบอบประชาธปิ ไตย 3. 3.4 3.4.1 ครอบครวั 3. 3.4 3.4.2 โรงเรียน 3. 3.4 3.4.3 ทอ้ งถน่ิ 3. 3.4 3.4.4 ประเทศ 3. 3.5 สิทธิมนษุ ยชนขั้น พนื้ ฐาน
4 ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จานวน (ช่ัวโมง) 3. 3.6 สิทธิมนุษยชนและ กฎหมายระหวา่ งประเทศ 4. บอกคุณธรรมของการเปน็ 4. คณุ ธรรมของการเปน็ พลเมืองดไี ด้ พลเมอื งดี 2. ความหมายและ 1. บอกความหมายหนา้ ท่ี 1. ความหมายของหนา้ ที่ 2 ความสาคญั ของ พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท พลเมืองตามรอยพระยุคล หน้าที่พลเมืองตาม รัชกาล ที่ 9 ได้ บาทรัชกาลท่ี 9 รอยพระยุคลบาท 2. อธิบายและตระหนักถงึ 2. ความสาคญั ของหนา้ ท่ี รชั กาลที่ 9 ความสาคญั ของหนา้ ที่พลเมือง พลเมืองตามรอยพระยคุ ล ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ บาทรชั กาลท่ี 9 9 3. หนา้ ท่พี ลเมืองตาม 1. วเิ คราะห์หน้าทพ่ี ลเมอื ง 1. ความหมายของ 8 รอยพระยคุ ลบาท ตามรอยพระ ยคุ ลบาทรชั กาล ทศพธิ ราชธรรม รชั กาลที่ 9 ดว้ ย ท่ี 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรมตาม 2. แนวทางการปฏบิ ัติ ทศพธิ ราชธรรม สถานการณ์ทก่ี าหนดให้ได้ หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระ 2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของ ยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอย ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม พระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ด้วยทศพิธราชธรรม 4. หน้าทพ่ี ลเมอื งตาม 1. วเิ คราะหห์ นา้ ท่พี ลเมอื ง 1. หนา้ ทพี่ ลเมอื งตาม พระ 30 รอยพระยุคลบาท ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ ราชดารสั ความสุขในการ รชั กาลท่ี 9 ตาม 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ดาเนินชวี ิต พระราชดารัส ในการดาเนนิ ชีวติ เกีย่ วกบั เดก็ 1. 1.1 สุขกาย นกั เรยี น และเยาวชน และ 1. 1.2 สุขใจ นักศึกษา เก่ียวกับปรชั ญาของ 1. 1.3 สขุ ในการอยู่ เศรษฐกิจพอเพียงตาม รว่ มกนั สถานการณท์ ี่กาหนด ใหไ้ ด้
5 ที่ หวั เร่ือง ตัวชว้ี ัด เนือ้ หา จานวน (ช่วั โมง) 2. ตระหนักถึง ความสาคัญ 2. หนา้ ที่พลเมืองตามพระ ของหน้าที่พลเมอื งตามรอย ราชดารสั เกย่ี วกับเดก็ พระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 นักเรยี นและเยาวชน และ ตามพระราชดารสั นักศกึ ษา 2. 2.1 วัยเด็ก และการ ปลกู ฝงั คุณธรรม 2. 2.2 นักเรยี น และ เยาวชน 2. 2.3 นกั ศึกษา 2. 2.4 วัยทางาน และ การศึกษา 2. 2.5 หนา้ ที่ และความ รบั ผดิ ชอบต่อบา้ นเมอื ง 3. หนา้ ที่พลเมืองตามพระ ราชดารัส ท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. 3.1 ความพอประมาณ 3. 3.2 ความมีเหตุผล 3. 3.3 ความมภี ูมคิ ุม้ กัน 3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู้ 3. 3.4 3.4.1 ความรู้ 3. 3.4 3.4.2 หลกั วชิ า และหลกั วชิ าการ 3. 3.4 3.4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวงั 3. 3.5 เงื่อนไขคุณธรรม 3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม 3. 3.5 3.5.1 1) ความ ซื่อสัตย์สุจรติ 3. 3.5 3.5.1 2) ความ เพียร พากเพียร และอดทน 3. 3.5 3.5.1 3) สติ และ ปัญญา
6 ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชี้วดั เน้ือหา จานวน (ชัว่ โมง) 3. 3.5 3.5.1 4) ไม่ เบยี ดเบยี น มีเมตตา 3. 3.5 3.5.1 5) ตงั้ ใจดี คดิ ดี และทาดี 3. 3.5 3.5.1 6) ความ รับผดิ ชอบ รับผิด และรับ ชอบ 3. 3.5 3.5.2 หนา้ ที่ 3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน์ ส่วนรวม ประโยชนส์ ่วนตน และเสียสละ 3. 3.5 3.5.2 2) ความ สามัคคีร่วมมอื และ ปรองดอง 3. 3.5 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ 5 หนา้ ทพี่ ลเมอื งตาม 1. วิเคราะห์หนา้ ที่พลเมอื ง 1. หลกั การทรงงาน 10 รอยพระยคุ ลบาท ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 2. แนวทางการปฏิบัติ รัชกาลที่ 9 ตาม 9 ตามหลกั การทรงงานใน หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระ หลักการทรงงาน สถานการณ์ ที่กาหนดใหไ้ ด้ ยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตาม 2. ตระหนักถึงความสาคญั ของ หลกั การทรงงาน หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง ตามรอย พระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน 6. หนา้ ทพี่ ลเมืองตาม 1. วเิ คราะห์หน้าทพ่ี ลเมอื งตาม 1. หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอย 30 รอยพระยคุ ลบาท รอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 พระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 รัชกาลท่ี 9 ตาม ตามพระราชจริยวัตร และพระ ตามพระราชจริยวตั ร พระราชจริยวัตร ราชกรณียกจิ ในสถานการณ์ 1. 1.1 ครอบครวั และพระราช ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ 1. 1.2 ความอ่อนน้อม กรณียกิจ ถ่อมตัว
7 ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวดั เนือ้ หา จานวน (ช่วั โมง) 2. ตระหนักถึงความสาคัญของ 2. หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอย หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระ พระยุคลบาทรชั กาลท9่ี ตาม ยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตาม พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร และพระราช 2. 2.1 โรงเรียน กรณียกจิ 2. 2.2 ทอ้ งถ่ิน 2. 2.3 ประเทศ 2. 2.4 โลก 7. การประยกุ ต์ใช้ 1. ปฏิบัตหิ นา้ ทพ่ี ลเมืองตาม การประยุกตใ์ ชห้ น้าท่ี 30 หน้าท่ีพลเมอื งตาม รอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 พลเมอื งตามรอยพระยุคล รอยพระยุคลบาท ในชีวิตประจาวนั ได้ บาท รชั กาลที่ 9 ในชวี ิต รชั กาลท่ี 9 ใน 2. ตระหนักถงึ ความสาคญั เหน็ ประจาวนั ชวี ิตประจาวนั คณุ ค่าของการประยกุ ต์ใช้ กกก1. ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระ กกก2. ตามพระราชดารสั ยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ใน กกก3. ตามหลกั การ ชีวติ ประจาวนั ทรงงาน กกก4. ตามพระราช จริยวัตรและพระราช กรณยี กจิ
8 โครงสร้างหลักสูตรรายวชิ า สค33108 วชิ า หน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ีเก้า 3 จานวน 3 หนว่ ยกิต ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สรุปสาระสาคัญ กกกกกกก1. หัวเรื่องท่ี 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหน้าท่พี ลเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 หนา้ ท่ีพลเมอื ง หมายถงึ การที่บุคคลในชมุ ชน สงั คม ประเทศ ตอ้ งปฏบิ ัติตาม กฎหมาย ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาสงั่ สอน ของพอ่ แม่ ครอู าจารย์ มคี วาม สามัคคีเอ้ือเฟอ้ื เผ่ือแผ่ซึ่งกันและกัน รู้จักรับผิดชอบชั่วดีตามหลักจรยิ ธรรม และหลกั ธรรม ของศาสนา มคี วามรอบรู้ มีสตปิ ญั ญา ขยันขนั แขง็ สร้างความเจริญก้าวหนา้ ใหแ้ ก่ตนเอง ครอบครวั สังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 ความสาคัญของหนา้ ที่พลเมอื งท่มี ีตอ่ ประเทศชาติ (1) ต้องจงรกั ภกั ดีและรกั ษาไว้ ซงึ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ (2) ตอ้ งรกั ษาไว้ซึง่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย (3) ต้องช่วยกันปูองกันประเทศ (4) ต้องปฏบิ ัติตามกฎหมายบ้านเมืองอยา่ งเคร่งครดั (5) ตอ้ งใหค้ วาม รว่ มมอื ช่วยเหลือแก่ราชการ และ (6) ตอ้ งเสยี ภาษีอากรตามทีก่ ฎหมายบญั ญัตไิ ว้ กกกกกกก1. 1.3 แนวทางการปฏบิ ัตติ นในการเป็นสมาชิกท่ีดีของสงั คมต้องปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย วฒั นธรรม ประเพณี และปฏบิ ัติตนตามสทิ ธหิ น้าท่ตี ามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก1. 1.4 คุณธรรมของการเป็นพลเมอื งทดี่ ี มี 8 ประการ คือ (1) ความจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ (2) การยึดมนั่ ในหลักธรรมของศาสนาทีต่ นเองนับถอื (3) ความซ่อื สัตย์ (4) ความเสียสละ (5) ความรับผดิ ชอบ (6) การมรี ะเบยี บวนิ ยั (7) การตรงตอ่ เวลา และ (8) ความ กล้าหาญทางจริยธรรม กกกกกกก2. หวั เรอื่ งท่ี 2 ความหมาย และความสาคัญของหน้าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่ 9 กกกกกกก2. 2.1 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 หมายถึง การทีป่ ระชาชน หรอื บุคคลในประเทศไทย ได้น้อมนาแนวทางการปกครองด้วยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสทสี่ าคัญ หลกั การทรงงาน รวมถึงพระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กจิ ทที่ รงเปน็ แบบอยา่ ง เป็นทยี่ อมรบั ทัง้ ในระดบั ประเทศ และนานาประเทศของ พระบาทสมเดจ็ พระป รมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มาศกึ ษาเรยี นรู้ และนาไปเปน็ แนวทางปฏบิ ัตใิ นการดาเนนิ ชีวิต หรอื การประกอบอาชีพเพ่อื ให้ตนเอง มคี ณุ ภาพชีวิตที่ดี มีความเข้มแข็ง และม่นั คง สง่ ผลตอ่ เน่ืองตอ่ การพฒั นาประเทศ และโลกได้ กกกกกกก2. 2.2 ความสาคญั ของหนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ช่วยใหพ้ ลเมืองมี จติ สาธารณะ มีสว่ นร่ วม หรือใหค้ วามร่วมมอื ทาภารกิจ เพอ่ื สว่ นรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาใหส้ ังคมประเทศมีความมัน่ คงผาสุก และเจริญกา้ วหนา้ ได้
9 กกกกกกก3. หวั เรือ่ งท่ี 3 หน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม กกกกกกก3. 3.1 ทศพิธราชธรรม หมายถึง หลกั ธรรมหรือจริยวัตรประจาพระเจ้าแผน่ ดนิ หรอื เปน็ คณุ ธรรมประจาตนของผู้ปกครองบา้ นเมือง และยงั ประโยชนส์ ขุ ให้เกิดแกป่ ระชา ชน บคุ คลธรรมดา ที่เป็นผู้บริหารระดับสงู ในทกุ องค์กร สามารถใช้ทศพธิ ราชธรรมในการปกครององค์กรของตนเองให้มี ความเปน็ ไปโดยธรรม กกกกกกก3. 3.2 แนวทางปฏบิ ัตหิ น้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ คือ กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 ทาน คอื การให้ หมายถึง การสละทรัพย์ สง่ิ ของ เพือ่ ชว่ ยเหลือคนท่ดี ้อย และออ่ นแอกว่า แนวปฏิบตั ิของพลเมอื งดี ดว้ ย การเปน็ ผใู้ ห้ นอกเหนอื จากการบรจิ าคเปน็ ทรัพย์สิน หรอื สิง่ ของแกผ่ ู้ยากไร้ ผดู้ อ้ ยโอกาส และผตู้ กทกุ ข์ได้ยากตามที่เราทาอยู่เสมอแลว้ เราก็อาจจะให้ นา้ ใจแกผ่ ู้ อ่ืนได้ เชน่ ให้กาลังใจแก่ผู้ตกอย่ใู นห้วงทุกข์ ใหข้ ้อแนะนาทเ่ี ป็นความรแู้ ก่ผูร้ ว่ มงานหรือ ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา ให้รอยย้ิม และปิยวาจาแกญ่ าตพิ ี่นอ้ ง เพอ่ื นฝูง รวมถงึ บุคคลทมี่ ารบั บรกิ ารจากเรา เป็นต้น การเปน็ ผู้ให้ นอกเหนือจากการบริจาคเปน็ ทรพั ย์สินหรือส่ิงของแก่ผู้ ยากไร้ ผดู้ อ้ ยโอกาส แล้วสามารถให้คาแนะนา หรอื ให้กาลังใจดังกล่าว ยงั สามารถใหอ้ ภัยทาน คอื การยกโทษให้กบั บคุ คล ท่ีทาใหเ้ ราร้สู กึ ไม่สบายใจ หรอื ทาใหเ้ ราได้รบั กระทบกระเทือน ท้ังด้านวาจา กาย และใจดว้ ย กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 ศลี คอื การต้งั อยู่ในศลี หมายถงึ มคี วามประพฤติดงี าม เป็นตวั อย่างทด่ี แี ก่ คนท่ัวไป แนวปฏิบตั ิของพลเมืองดี ด้วยการประพฤติที่ดีงาม ตามหลักศาสนาของตน อยา่ งนอ้ ยก็ ขอใหเ้ ราไดป้ ฏิบัตติ ามศีล 5 คอื ไม่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวติ ไม่ลักขโมยของของผ้อู ่นื ไม่ล่วงละเมดิ ลกู เมียเขา ไม่พดู โกหก หรอื พูดสอ่ เสียดยุยง และควรทา ตนให้ห่างไกลจากเหลา้ บุหรี่ หรอื อบายมุขตา่ ง ๆ นอกจากนี้ให้นาศีล 5 ทีย่ ดึ ถือปฏบิ ตั ไิ ปควบคุมพฤตกิ รรมของตนเอง ใหเ้ คารพกฎหมายของบ้านเมือง อย่างเครง่ ครดั กจ็ ะชว่ ยให้สงั คมไทยอยู่รว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งมีความสุข กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 ปริจจาคะ คือ บริจาค หมายถึง การเสียสละความสขุ สาราญของตนเพ่ือ ประโยชน์สขุ ของหมคู่ ณะ แนวปฏบิ ัตขิ องพลเมอื งดี ดว้ ยการ เสยี สละความสขุ สว่ นตนเพือ่ ความสขุ หรอื ประโยชนข์ องสว่ นรวม ซึง่ อาจจะเปน็ ครอบครวั หนว่ ยงาน หรอื เพือ่ นร่วมงานของเราก็ได้ เชน่ ครอบครวั พอ่ บา้ นเสยี สละความสขุ สว่ นตวั ด้วยการเลกิ ด่ืมเหล้า ทา ให้ลูกเมยี มคี วามสขุ และเพื่อน บ้านก็สขุ ด้วย เพราะไมต่ อ้ งฟงั เสยี งอาละวาด ดา่ ทอทุบตกี นั หรอื บุคคลอาจจะเสยี สละเวลาช่วงที่ตอ้ ง อย่กู บั ครอบครัวในตอนเย็นอย่ชู ่วยเพือ่ นทางาน หรอื ไปเข้าคา่ ยพัฒนาชนบท อาสาไปดแู ลเด็กใน สถานเลย้ี งเดก็ กาพรา้ เปน็ คร้งั คราว หรอื เสียสละรา่ งก าย /อวัยวะหลงั ตายแลว้ เพอ่ื การศึกษา เป็นต้น ซึ่งการเสียสละดังกลา่ วถือวา่ ได้เปน็ การบรจิ าค เสยี สละความสุขส่วนตวั เพอ่ื ส่วนรวม กกกกกกก3. 3.2 3.2.4 อาชชวะ คือ ความซื่อตรง หมายถงึ มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีความจรงิ ใจ ไม่ กลับกลอก แนวปฏิบตั ิของพลเมอื งดี ด้วยการ ดาเนนิ ชีวิตและปฏิบตั ภิ ารกิจ /หนา้ ทกี่ ารงานต่าง ๆ ดว้ ยความซอ่ื สัตย์สุจรติ ไม่คดิ คดโกง หรอื หลอกลวงผู้อ่ืน เชน่ ถ้าเราขายของ ก็ไม่เอาของไม่ดไี ป หลอกขายลกู ค้า เปน็ ขา้ ราชการ พนักงานบรษิ ัท ห้างร้าน กไ็ มค่ อรัปช่นั ทัง้ เวลา ทรัพย์สินของ หนว่ ยงานตน เพราะถ้าทกุ คนเอาเป รียบหรอื โกงกิน ขาดความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต จะทาให้หนว่ ยงาน เสียหาย เดือดรอ้ น แม้เราจะไดท้ รัพยส์ ินไปมากมาย แตเ่ ราไมเ่ จริญกา้ วหน้า ถูกคนรมุ ประณาม และ
10 แม้คนอ่นื จะไมร่ ู้ แต่ตวั เราย่อมรู้อยแู่ กใ่ จ จะไมม่ ีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอื่นจะมารู้ ความลบั ตลอดเวลา ผูท้ ่ปี ระพฤติตนดว้ ยความซ่ือตรง แม้ไม่รา่ รวยเงนิ ทอง แต่ก็มีความสขุ ทงั้ กาย ใจได้ กกกกกกก3. 3.2 3.2.5 มทั ทวะ คอื ความอ่อนโยน หมายถึง มกี ริ ยิ าสุภาพ มีสมั มาคารวะ วาจา ออ่ นหวาน มคี วามนมุ่ นวล ไมเ่ ย่อหย่งิ ไม่หยาบคาย แนวปฏบิ ัติของพลเมืองดี ด้วยการ ทาตวั สภุ าพ น่มุ นวล ไมเ่ ย่อหยงิ่ ถอื ตัว หรือแสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกบั ใคร ไมว่ า่ จะเปน็ ผ้ใู หญ่ ผู้นอ้ ยหรือเพอื่ น ในระดับเดยี วกัน การทาตัวเปน็ ผ้ทู ีม่ ีความอ่อนนอ้ มถอ่ มตน จะทาให้ไปท่ีไหนคนก็ ให้การต้อนรับ เพราะอยใู่ กล้แลว้ สบายใจ ไม่รอ้ นรุ่ม หากบคุ คลแสดงกิ รยิ าหยาบคาย กา้ วรา้ ว คนก็ถอยหา่ ง ดังน้นั หลักธรรมข้อน้ี จึงเปน็ การสร้างเสน่หอ์ ยา่ งหนง่ึ ใหแ้ ก่ตัวเราดว้ ย กกกกกกก3. 3.2 3.2.6 ตบะ คอื ความเพียร หมายถึง การเพยี รพยายามไม่ใหค้ วามมวั เมาเขา้ ครอบงาจติ ใจ ไม่ลุ่มหลงกับอบายมุขและสง่ิ ชว่ั ร้าย ไม่หมกมนุ่ กบั ความสุขสาราญ แนวปฏบิ ัติของ พลเมอื งดี ด้วยการใหป้ ฏบิ ัติหนา้ ทกี่ ารงานทีร่ ับผิดชอบดว้ ยความมมุ านะ อดทน ขยนั ม่งุ มน่ั และทา แต่ส่ิงท่ีดี ความถกู ต้อง ฝาุ ฟนั อปุ สรรคตา่ ง ๆ จนประสบความสาเร็จ ด้วยความพากเพียรนีจ้ ะทาให้ เราภาคภมู ิใจเมอื่ งานสาเร็จ และจะทาให้เรามีประสบการณเ์ กง่ กล้าข้ึน นอกจากน้ี ยังสอนใหเ้ ราสู้ชวี ิต ไม่ยอมแพ้อะไรงา่ ย ๆ กกกกกกก3. 3.2 3.2.7 อกั โกธะ คือ ความไม่โกรธ หมายถึง มีจิตใจม่นั คง มีความสุขุม เยอื กเยน็ อดกลนั้ ไมแ่ สดงความโกรธหรอื ความไม่พอใจใหป้ รากฏ แนวปฏิบัตขิ องพลเมอื งดี ด้วยการฝกึ ฝน ควบคมุ อารมณ์ของตนเอง ไมใ่ ห้เปน็ คนโมโหงา่ ย และพยายามร ะงับยบั ย้ังความโกรธอยู่เสมอ แมใ้ น หลาย ๆ สถานการณจ์ ะทาได้ยาก แต่หากเราสามารถฝึกฝน ไม่ให้เปน็ คนโมโหงา่ ย และพยายามระงบั ยบั ยัง้ ความโกรธอยู่เสมอ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ เราหลายอยา่ ง เชน่ ทาให้เราสุขภาพจติ ดี หน้าตาผ่องใส ขอ้ สาคญั ทาให้เรารักษามิตรไมตรีหรือสัมพันธภาพกับ ผู้อื่นไว้ได้ อนั มผี ลใหบ้ คุ คลนน้ั เปน็ ที่รักและ เกรงใจของคนทต่ี ดิ ต่อดว้ ย กกกกกกก3. 3.2 3.2.8 อวิหิงสา คอื ความไมเ่ บียดเบียน หมายถงึ ไม่กดขขี่ ่มเหง กลนั่ แกล้งรังแก คนอ่ืน ไม่หลงในอานาจ ทาอันตรายต่อร่างกายและทรัพย์สนิ ผู้อน่ื ตามอาเภอใจ แนวปฏบิ ัติของ พลเมืองดี ดว้ ยการไม่เบียดเบียนหรือบบี คน้ั กดขีผ่ อู้ ่ืน รวมไปถึง การไมใ่ ช้อานาจไปบังคบั หรือหาเหตุ กลนั่ แกล้งคนอนื่ ดว้ ย เช่น ไม่ไปข่มเหงรงั แกผดู้ ้อยกวา่ ไมไ่ ปขม่ ขใู่ หเ้ ขากลัวเราหรอื ไปบีบบงั คับเอา ของรัก ของหวงมาจากเขา เป็นตน้ นอกจากไมเ่ บยี ดเบยี นคนด้วยกนั แลว้ เรายงั ไมค่ วรเบยี ดเบยี น ธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม และสตั ว์อีกด้วย เพราะมฉิ ะนน้ั ผลรา้ ยจะย้อนกลบั มาสู่เรา และสงั คม อย่างที่ เหน็ ในปัจจบุ นั จากภัยธรรมชาติตา่ ง ๆ กกกกกกก3. 3.2 3.2.9 ขนั ติ คอื ความอดทน หมายถึง การอดทนตอ่ สงิ่ ทง้ั ปวง สามารถอดทนต่อ งานหนัก ความยากลาบาก ทงั้ อดทน อดกลนั้ ต่อคาตฉิ นิ นินทา แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมอื งดี ดว้ ยการ ให้ เราอดทนตอ่ ความยากลาบากทกุ สถานการณ์ ไมท่ ้อถอย และไม่หมดกาลงั กาย กาลงั ใจทีจ่ ะดาเนิน ชวี ติ และทาหน้าท่กี ารงานตอ่ ไปจนสาเรจ็ รวมท้งั อดทนตอ่ การไม่ไดร้ บั ความสุขสาราญ ไม่ได้รบั ความ สะดวก สบาย ความอดทนจะทาใหเ้ รา ชนะอุปสรรคทง้ั ปวงไม่ว่าเลก็ หรือใหญ่ และจะทาให้เราแกร่ง ขนึ้ เขม้ แขง็ ข้นึ
11 กกกกกกก3. 3.2 3.2.10 อวโิ รธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถงึ ไมป่ ระพฤติผดิ ประพฤติปฏิบัติ ตนอยู่ในความดงี าม ไมห่ วัน่ ไหวในเรอื่ งดเี รือ่ งร้าย แนวปฏิบตั ิของพลเมอื งดี ดว้ ยการควรกระทา การงานหรอื ดาเนนิ ชีวิตที่ถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับบคุ คลทเ่ี กย่ี วข้อง ดว้ ยความยุติธรรม และ เท่ยี งธรรม กกกกกกก4. หวั เรื่องที่ 4 หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั กกกกกกก4. 4.1 หน้าทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนนิ ชวี ิต กกกกกกก4. 4.1 4.1.1 สุขกาย จะเกิดขึ้นได้ พลเมอื งต้องมีสภาวะร่างกายที่มีความสมบูรณ์ แขง็ แรง เจริญเติบโตอยา่ งปกติ มีความตา้ นทานโรคได้ดี ปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมถึงดแู ล สุขภาพจติ ดา้ นการแสวงหาความรูใ้ ห้มีปญั ญารู้เทา่ ทัน จะทาใหจ้ ิตใจดี ควบคมุ จติ ได้ นอกจากน้ี ตอ้ ง แสวงหาความรทู้ ่ที าใหเ้ ข้าใจ สบายใจ หรอื ร้เู ทา่ ทนั การเปลยี่ นแปลง เพื่อให้สามารถดาเนินชีวิตได้ อยา่ งปกติ รวมถงึ ทางานได้ดว้ ย กกกกกกก4. 4.1 4.1.2 สุขใจ จะเกดิ ข้นึ ได้ พลเมอื งต้องมสี ภาวะของจิตใจทม่ี คี วามสดชื่นแจม่ ใส สามารถควบคุมอารมณใ์ ห้ม่ันคง ปรบั ตวั ให้ เข้ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมไดเ้ ปน็ อยา่ งดี จากการท่ีบคุ คลน้นั ใช้ความรู้ที่มีอยู่ประกอบกับมสี ัมพันธภาพกับบคุ คลอื่นอันดี และมีรา่ งกาย ท่แี ขง็ แรงจึงจะทาใหม้ คี วามสขุ ใจได้ กกกกกกก4. 4.1 4.1.3 สุขในการอย่รู ว่ มกัน จะเกิดขึน้ ไดพ้ ลเมืองตอ้ งมี ความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คม ท่ีเกดิ จากทกุ คนได้รับความยุติธรรม กกกกกกก4. 4.2 หนา้ ท่พี ลเมืองตามพระราชดารสั เกยี่ วกบั เดก็ นกั เรียนและเยาวชน และนกั ศึกษา กกกกกกก4. 4.2 4.2.1 วัยเดก็ และการปลูกฝังคณุ ธรรม จะเกดิ ข้นึ ได้ จากการอบรมเลีย้ งดสู ั่งสอน ขัดเกลาของทุกฝาุ ยท้ังครอบครวั และโรงเรียน ใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของความดี ความสจุ รติ มีความประพฤติ เรยี บรอ้ ย มเี หตผุ ลหรอื สตปิ ญั ญาน้นั เอง โดยการเปน็ แบบอย่างท่ีดี เพอ่ื ให้เดก็ เห็นเป็นตัวอย่าง และ ยึดเป็นแบบอย่างให้ได้ กกกกกกก4. 4.2 4.2.2 นักเรียน และเยาวชนต้องได้รับการปลูกฝงั ถ่ายทอดความร้ทู ีแ่ ทจ้ รงิ เพอ่ื ให้ สามารถร้เู ท่าทนั ฉลาดและคิดสร้างสรรค์ ทาประโยชนใ์ ห้กบั ตนเองและส่วนรวม กกกกกกก4. 4.2 4.2.3 นักศกึ ษาเปน็ ผู้ทมี่ ีความพรอ้ มทั้งวัยวุฒิและคณุ วฒุ ิ ฉะนนั้ จึงตอ้ งมีความเพียร ความอดทน มีสติปัญญา รู้จักใช้เหตุผล และเลอื กส่งิ ทด่ี งี ามมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ของตนเอง กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 1) วัยทางาน ย่อมเจอปญั หาและอุปสรรคเสมอ เม่ือเจอปัญหาให้หาทางแก้ไข ถ้าแก้คนเดยี วไม่ไดก้ ็ใหค้ นที่เกยี่ วข้องช่วยกันคดิ หาทางแกไ้ ข กกกกกกก4. 4.2 4.2.4 2) การศกึ ษา สร้างคนให้มคี วามรู้ ความสามารถ เปน็ พืน้ ฐานทจี่ าเปน็ ใน การพฒั นาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก4. 4.2 4.2.5 หนา้ ที่ และความรับผดิ ชอบต่อบ้านเมอื งของคนในชาติตอ้ งมคี วามรัก ความสามคั คี มเี หตผุ ล มีความรู้ ช่วยกนั สรา้ งความเจริญ ปลกู ฝังความดีงามใหก้ ับจติ ใจของคนในชาติ รวมถงึ รักษาวัฒนธรรมประเพณที เ่ี ป็นแบบแผนของไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป
12 กกกกกกก4. 4.3 หน้าทพี่ ลเมืองตามพระราชดารัส ทเี่ ก่ยี วข้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กกกกกกก4. 4.3 4.3.1 ความพอประมาณ จะเกิดขนึ้ ได้ โดยรู้จักตนเอง มีความซ่ือสัตย์และความ เพยี ร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในส่งิ ท่ีตนมีอยู่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.2 ความมเี หตุผล ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมงุ่ สอนใหพ้ ลเมอื ง ไทย มคี วามคิดอยา่ งรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากปัจจัยที่เกย่ี วขอ้ งและคานึงถงึ ผลท่จี ะเกิดขน้ึ จากการ กระทาน้ัน กกกกกกก4. 4.3 4.3.3 ความมีภูมคิ มุ้ กัน คอื เป็นการเตรยี มตัวให้พรอ้ มตอ่ การเปลยี่ นแปลงในทกุ ด้านดว้ ยการวิเคราะหค์ วามเส่ยี ง ใช้ประสบการณเ์ ดิมมาชว่ ยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ้ นโอกาส ต่อไป กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 เง่ือนไขความรู้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 1) ความรู้ มีหลายประเภท ได้แก่ ความรูท้ เ่ี กยี่ วข้องกับการดาเนนิ ชีวิต การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถึงความรูท้ ่เี ก่ียวขอ้ งกบั การพัฒนาจติ ใจ ทาใหบ้ คุ คลมีความ เจรญิ กา้ วหนา้ ได้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 2) หลกั วิชา คอื เน้ือหาความรู้ และหลักวิชาการ คอื นาความรู้มาจดั กระบวนการเรียนรู้ กกกกกกก4. 4.3 4.3.4 3) รอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวัง เปน็ การศกึ ษาหาข้อมลู กอ่ นการ ปฏบิ ตั โิ ดยคานึงผลทีจ่ ะตามมาอยา่ งรอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 เง่ือนไขคุณธรรม แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ คณุ ธรรมและหนา้ ที่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) คณุ ธรรม กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (1) ความซอื่ สัตย์สจุ ริต เปน็ พืน้ ฐานของความดที กุ อยา่ ง กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (2) ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝนจน เกิดเปน็ นสิ ยั และกระตนุ้ ให้เกิดการทางานอยา่ งจริงจังจนสาเร็จ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (3) สติ และปัญญา เป็นความสามารถในตวั บคุ คล ที่จะทราบไดจ้ าก พฤตกิ รรมทีบ่ ุคคลแสดงออก ระดบั ของสติปัญญาสงั เกตไดจ้ ากการแสดงออกที่มีความคลอ่ งแคลว่ รวดเร็ว ความถูกต้อง ความสามารถในการคดิ การแก้ปญั หาและการปรบั ตวั การใช้แบบทดสอบวดั สตปิ ญั ญาจะทาให้ทราบระดับสตปิ ัญญาชัดเจนขึ้น กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (4) ไม่เบยี ดเบยี น มเี มตตา จะเกดิ ข้นึ ได้ โดยการปลูกฝงั คณุ ธรรมจาก ครอบครวั และส่งิ แวดลอ้ ม กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (5) ตั้งใจดี คดิ ดี และทาดี หากคดิ ดกี ็จะมีความรูส้ ึกทด่ี ี เมอ่ื มี ความรสู้ ึกท่ีดกี ็จะมคี าพูดที่ดี ส่งผลให้มกี ารกระทาท่ีดีดว้ ย กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 1) (6) ความรบั ผิดชอบ รบั ผิด และรบั ชอบ จะแสดงถึงความเอาใจใส่ ม่งุ ม่นั ต่อภารกจิ ทที่ า ทกุ คนตอ้ งมีความรบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ีการงาน การศกึ ษา อื่น ๆ อยา่ งเตม็ ความสามารถเพ่อื ให้บรรลผุ ลสาเร็จตามจุดมุง่ หมาย และยอมรบั ผลการกระทาทีจ่ ะเกดิ ข้ึน
13 กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) หน้าที่ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (1) ประโยชนส์ ่วนรวม ประโยชนส์ ่วนตน และเสียสละ การทา ประโยชน์ ใหส้ ว่ นรวม เสยี สละเพื่อให้ประเทศชาติมคี วามเจริญซึ่งเปน็ ความรับผิดชอบของทุกคน และไมเ่ ห็นแกป่ ระโยชนส์ ่วนตน กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (2) ความสามัคคี ร่วมมอื ปรองดอง เกิดจากความรว่ มมอื รว่ มใจเปน็ อนั หน่ึงอนั เดียวกนั คณุ ธรรมนีน้ ับว่าสาคญั มากในหมู่คณะ เปน็ คณุ ธรรมทีก่ อ่ ให้เกดิ ความสุขอย่างยิง่ แกห่ มู่คณะ กกกกกกก4. 4.3 4.3.5 2) (3) ความสขุ ความเจรญิ เกดิ ข้ึนจาก บุคคลทงั้ หมดมเี จตนากระทา เพื่อใหม้ ีความสุข ความเจริญจะต้องไม่เบียดเบยี น หรือแกง่ แยง่ ผู้อ่ืนมา กกกกกกก5. หัวเรื่องท่ี 5 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกก5. 5.1 หลักการทรงงาน หมายถึง การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี หรือภารกจิ หรือกจิ กรรมของ พระมหากษตั ริย์ ทรงยดึ การดาเนินงานในลกั ษณะทางสายกลางที่สอดคล้องกับส่งิ ทีอ่ ยรู่ อบตวั และ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้จริง ทรงมคี วามละเอยี ดรอบคอบและทรงคดิ คน้ แนวทางพัฒนา เพื่อมุง่ สปู่ ระโยชน์ ตอ่ ประชาชนสูงสดุ มี 23 ข้อ ไดแ้ ก่ (1) ศึกษาขอ้ มลู อยา่ งเปน็ ระบบ (2) ระเบิดจากข้างใน (3) แก้ ปัญหาทจี่ ุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้นั (5) ภมู ิสังคม (6) องค์รวม (7) ไม่ติดตารา (8) ประหยดั เรยี บง่าย ไดป้ ระโยชนส์ ูงสุด (9) ทาให้ง่าย (10) การมสี ว่ นรว่ ม (11) ประโยชน์ส่วนรวม (12) บรกิ ารรวมท่ีจุด เดียว (13) ใชธ้ รรมชาติ ชว่ ยธรรมชาติ (14) ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม (15) ปลกู ปาุ ในใจคน (16) ขาดทุน คือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออย่พู อกนิ (19) เศรษฐกจิ พอเพียง (20) ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต จรงิ ใจตอ่ กนั (21) ทางานอย่างมีความสุข (22) ความเพียร และ (23) รู้ รัก สามคั คี กกกกกกก5. 5.2 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง กับคุณธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี มี 9 ขอ้ ได้แก่ (1) การมสี ่วนรว่ ม มีสว่ นร่วมและคิดถงึ สว่ นรวม (2) ต้องยึดประโยชนส์ ่วนรวม (3) บรกิ ารจุดเดียว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพง่ึ ตนเอง (6) ความ ซ่ือสตั ย์สจุ ริต จรงิ ใจต่อกัน (7) ทางานอย่างมคี วามสุข (8) ความเพยี ร และ (9) รู้ รกั สามัคคี กกกกกกก6. หวั เร่อื งท่ี 6 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณียกิจ กกกกกกก6. 6.1 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร ไดแ้ ก่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 ครอบครวั กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 1) ในฐานะบตุ ร ควรเชือ่ ฟงั คาส่งั สอนของบิดามารดาโดยเฉพาะในเรื่อง ของความรับผิดชอบ ควรมกี ารนาไปปฏบิ ตั ิอยา่ งเคร่งครัด นอกจากน้ีในฐานะบุตรตอ้ งมคี วามกตัญญู ต่อบดิ ามารดา และควรแสดงความรักเคารพตอ่ บิดามารดาอย่างสม่าเสมอ กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 2) ในฐานะพอ่ ต้องอบรมส่ังสอนบตุ รใหเ้ ป็นคนดี มีความเสียสละ รบั ผดิ ชอบหนา้ ท่ที ่ีตอ้ งปฏบิ ัติใหด้ ี โดยเฉพาะในวยั เยาว์ต้องตัง้ ใจศึกษาเลา่ เรยี นและทางานทพี่ ่อแม่ หรอื ครูมอบหมายให้ทาเป็นอยา่ งดี นอกจากนพ้ี อ่ แม่ตอ้ งส่งเสริมใหบ้ ตุ รไดอ้ อกกา ลงั กาย เพอ่ื ให้ รา่ งกายแขง็ แรง ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ รวมถึงแนะนาสง่ เสรมิ ให้บตุ รไดเ้ รยี นรู้ ศลิ ปะ ดนตรี เพ่อื ขดั เกลาจิตใจใหอ้ อ่ นโยน
14 กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 3) ในฐานะสามี ต้องเป็นสุภาพบุรษุ ต้องให้เกียรตสิ ภุ าพสตรี ดแู ลคูค่ รอง ดว้ ยความรัก ใหเ้ กยี รตกิ ันและกัน เมือ่ พบปัญหาตอ้ งรว่ มกันตัดสินใจแกไ้ ขปญั หาอย่างตัง้ มั่นในความ ซ่ือสัตยส์ จุ รติ และความปรารถนาดี กกกกกกก6. 6.1 6.1.1 4) ในฐานะผู้นาครอบครวั ต้องเป็นแบบอยา่ งในการปฏิบัติดี ปฏบิ ตั ิชอบ ใหบ้ ุตรได้เหน็ และทาตาม รวมถงึ สัง่ สอนให้บตุ รทางานทเี่ ป็นบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 ความอ่อนน้อมถ่อมตวั ไดแ้ ก่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 1) กับประชาชนท่วั ไป ควรให้การเคารพออ่ นนอ้ มถอ่ มตวั กบั ผทู้ ีม่ ีอาวุโส กว่า และแสดงความสุภาพอ่อนโยนกบั ผู้ท่ีมีอาวุโสเทา่ กัน หรือน้อยกวา่ กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 2) กับพระสงฆ์ เมอ่ื พบพระสงฆ์ควรยกมอื ไหว้ เพือ่ แสดงความเคารพ ใน ฐานะทพ่ี ระสงฆเ์ ปน็ ผูส้ บื ทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยูค่ ูก่ บั คนไทย กกกกกกก6. 6.1 6.1.2 3) กับญาตพิ ่นี ้อง ต้องดูแลญาตพิ ี่น้อง และใหค้ วามเคารพญาตผิ ทู้ ่มี ีอาวุโส กว่าดว้ ยความอ่อนน้อมถ่อมตัว และผทู้ ี่มอี าวโุ สเท่ากัน หรือนอ้ ยกวา่ ก็แสดงความสภุ าพออ่ นโยน กกกกกกก6. 6.2 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชกรณียกจิ กกกกกกก6. 6.2 6.2.1 โรงเรียน ถา้ พลเมอื งมฐี านะหรอื มเี งนิ เหลอื เก็บกส็ ามารถสงเคราะห์เงนิ ดงั กล่าว สนบั สนนุ กจิ กรรมการศกึ ษาของโรงเรียน หรือสถาบนั การศึกษาในชมุ ชนทต่ี วั เองเปน็ สมาชกิ อยู่ ในกรณีที่ไมม่ เี งนิ สามารถชว่ ยเหลือด้านแรงกายกับภารกจิ ทโ่ี รงเรยี นตอ้ งการใหช้ ่วยเหลือกไ็ ด้ กกกกกกก6. 6.2 6.2.2 ท้องถนิ่ ต้องมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาท้องถิน่ ของตัวเองทกุ ดา้ น ท้งั ดา้ น แรงกายหรอื เงินตามโอกาสอันควร กกกกกกก6. 6.2 6.2.3 ประเทศ พระราชกรณยี กิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับการพัฒนาระดบั ประเทศ ไดแ้ ก่ ศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาอนั เน่ือง มาจากพระราชดาริ จานวน 6 แห่ง คือ (1) ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาหว้ ยฮ่องไคร้อันเนอื่ งมาจาก พระราชดาริจังหวัดเชยี งใหม่ ตงั้ อยใู่ นภาคเหนอื (2) ศนู ย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนอื่ งมาจาก พระราชดารจิ งั หวดั สกลนคร ตัง้ อยูใ่ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ (3) ศนู ย์ศึกษาการพัฒนาเขาหนิ ซอ้ น อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ต้งั อยใู่ นภาคตะวนั ออก (4) ศูนยศ์ กึ ษาการพฒั นา อา่ วคุ้งกระเบนอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริจงั หวัดจนั ทบุรี ตง้ั อยู่ในภาคตะวันออก (5) ศูนย์ศกึ ษา การพฒั นาหว้ ยทรายอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริจังหวดั เพชรบุรี ต้งั อยู่ในภาคตะวนั ตก และ (6) ศนู ย์ ศกึ ษาการพัฒนาพกิ ลุ ทองอันเนื่องมาจากพระราชดารจิ งั หวัดนราธวิ าส ตัง้ อยูใ่ นภาคใต้ กกกกกกก6. 6.2 6.2.4 โลก กกกกกกก6. 6.2 6.2.4 1) พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการเจริญพระราชไมตรีพระบาทสมเด็จพระปมรหมานิ ทร ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได้ใหค้ วามสาคัญกับการเจริญพระราชไมตรีกบั ประเทศเพอื่ นบ้าแนละนานา ประเทศในโลก พระองค์ได้เสดจ็ เจรญิ พระราชไมตรีกับตา่ งประเทศถงึ จานวน 31 คร้ัง กกกกกกก6. 6.2 6.2.4 2) นานาประเทศไดน้ อ้ มนาพระราชกรณยี กิจ นาไปใช้ในการแกไ้ ขปัญหา หรือพัฒนาประเทศ
15 กกกกกกก7. หวั เรื่องท่ี 7 การประยกุ ตใ์ ช้หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวัน กกกกกกก7. 7.1 การนอ้ มนาทศพธิ ราชธรรมไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน สามารถใชก้ บั ครอบครัว ที่ ประกอบดว้ ย หวั หนา้ ครอบครวั สมาชิกในครอบครัว และเครือญาติ การศึกษา ประกอบด้วย เพ่อื น ผู้เรียน หรอื นักศกึ ษา และครูบาอาจารย์ การประกอบอาชพี การงาน ประกอบดว้ ย เพ่ือนรว่ มอาชพี และนายจา้ งหรอื ผูบ้ ังคับบญั ชา และ การพฒั นาชมุ ชน ทอ้ งถ่นิ และสงั คม ประกอบด้วย สมาชิกใน ชมุ ชน และผูน้ า ได้เป็นอย่างดี คอื ทาน ด้วยการให้บรจิ าคสงิ่ ของ ทรพั ย์ หรอื แรง กาย ช่วยเหลือ กิจกรรม หรอื ภารกจิ ท่ีเก่ยี วข้อง ให้คาแนะนา หรือความรูท้ เี่ กี่ยวขอ้ ง และใหอ้ ภัยเมื่อได้รบั คว ามรู้สกึ หรือการกระทาที่ไม่ถกู ตอ้ งกบั ตนเอง ศีล คือ การละเวน้ ในสิง่ ท่ีเป็นข้อห้าม ของศลี 5 ใหป้ ระพฤติใน สง่ิ ท่ดี งี าม ปริจจาคะ คือ การเสียสละ สว่ นทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ตนเองเพ่อื ประโยชนข์ องสว่ นรวม อาชชวะ คือ ความซือ่ ตรง ใหป้ ฏิบัติงานหรือภารกิจทีเ่ ก่ียวขอ้ งทัง้ ต่อห นา้ และลบั หลงั ดว้ ยความซ่อื สตั ย์สุจริต มทั ทวะ คอื ความออ่ นโยน ให้คานึงถงึ อายุ ถ้าเปน็ ผอู้ าวโุ สต้องปฏบิ ัติดว้ ยความอ่อนน้อมถอ่ มตัว ใหก้ ารเคารพ ส่วนผทู้ ี่มีอายุเสมอกัน หรอื อ่อนกว่าใหป้ ฏิบัตดิ ้วยความสุภาพอ่อนโยน ตบะ คอื ความ เพียร ความอดทน ให้ปฏบิ ัตภิ ารกิจด้ วยความขยัน ม่งุ มนั่ อดทน ตงั้ ใจใหส้ าเร็จลลุ ว่ ง อักโกธะ คือ ความไมโ่ กรธ ต้องควบคมุ อารมณ์ ของตนเองใหส้ งบ มีสติตลอดเวลา เพ่อื แสดงออก ถงึ พฤติกรรม ท่ีเหมาะสมกับ กาลเทศะทุกสถานการณ์ อวิหิงสา คอื ความไมเ่ บยี ดเบยี น ไมเ่ อารัดเอาเปรยี บ ด้วยการไมเ่ อาทรพั ยส์ ิน หรอื สิ่งของสว่ นรวมหรือของผอู้ ืน่ มาใช้เพอื่ ส่วนตน ไมพ่ ดู จา หรอื มกี ิรยิ า สอ่ เสยี ด กิรยิ าสอ่ เสยี ด เบียดเบยี นผอู้ ่ืน ทง้ั ทางกาย วาจา และใจ ขนั ติ คอื ความอดทน ตอ้ งมีความ อดทนในภารกิจที่มอบหมาย หรืออดทนต่อสถานการณ์ทีไ่ มพ่ งึ ประสงค์ ไมย่ อ่ ทอ้ ไมท่ ้อถอย และ อวิโรธนะ คอื ความเทยี่ งธรรม ใหว้ างตัวเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปทีบ่ ุคคลใดหรอื กลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ ไม่ หว่ันไหว ไปกบั คาพดู การกระทา ให้มคี วามยุติธรรม เท่ยี งตรง กกกกกกก7. 7.2 การนอ้ มนาพระราชดารสั ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ครอบครัว ตอ้ งให้ความสาคญั กบั การอบรมเลีย้ งดูบตุ รหลานให้เป็นคนดี มคี ุณธรรม มสี ตปิ ัญญาเฉลียวฉลาด และมีเหตุมีผล การศึกษา ตอ้ งอบรม นกั เรยี น นักศกึ ษา และบัณฑติ ท่ีเพ่ิงจบหรอื ศษิ ยเ์ ก่าท่ีจบไปนานแล้วใหม้ ีความรูว้ ชิ าการ และคุณธรรม การประกอบอาชพี การงาน ทุกอาชพี ตอ้ งเน้นการพฒั นาอาชพี ตง้ั ใจ ศกึ ษาพัฒนา อาชพี ประกอบอาชีพด้ วยความรู้ ความสามารถ ประกอบอาชีพดว้ ยความพอเพยี ง ประหยัด พง่ึ ตนเอง รอบคอบ คอ่ ย ๆ พฒั นาตามลาดับเพือ่ ปอู งกันความผิดพลาด ใชข้ ้อมลู หรอื ส่อื สารท่เี ปน็ ประโยชน์ และต้องมีคุณธรรมในอาชีพของตนเอง และ การพัฒนาชมุ ชน ทอ้ งถิน่ และสังคม ต้องมี วชิ าการและ ผู้ปฏิบตั ริ ว่ มมือกันพฒั นาด้วยดี ต้องพฒั นาให้สอดคล้องกับบรบิ ทแตล่ ะพ้นื ที่ เนน้ ความ เข้มแขง็ ของชุมชน ทอ้ งถิน่ ด้วยการอาศยั การแลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ ับบุคคล หรอื องค์กรภายนอกชุมชน เข้ามามสี ว่ นร่วมพัฒนาด้วยความรักความสามคั คี กระบวนการพฒั นาตอ้ งเป็นลาดับข้ันตอน ประหยดั ถกู หลักวิชา เพื่อปอู งกันความล้มเหลวจากการพัฒนา กกกกกกก7. 7.3 การน้อมนาหลกั การทรงงานไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ครอบครวั ใช้ได้ 10 ขอ้ คอื (1) การมสี ว่ นร่วม (2) ประโยชน์ส่วนรวม (3) ขาดทนุ คอื กาไร (4) การพง่ึ ตนเอง (5) พออยพู่ อกิน (6) เศรษฐกจิ พอเพียง (7) ความซื่อสตั ย์ สจุ รติ จริงใจต่อกัน (8) ทางานอย่างมคี วามสขุ (9) ความเพยี ร และ (10) รู้ รัก สามคั คี การศึกษา ใช้ได้ 21 ขอ้ คือ (1) ศึกษาข้อมูลอยา่ งเป็นระบบ (2) ระเบดิ
16 จากข้างใน (3) แกป้ ญั หาที่จุดเลก็ (4) ทาตามลาดบั ขน้ั (5) ภูมิสังคม (6) องคร์ วม (7) ไม่ตดิ ตารา (8) ประหยดั เรยี บงา่ ย ได้ประโยชน์สูงสุด (9) ทาใหง้ ่าย (10) การมสี ว่ นรว่ ม (11) ประโยชนส์ ว่ นรวม (12) บริการรวมทจี่ ุดเดียว (13) ปลูกปาุ ในใจคน (14) ขาดทุนคือกาไร (15) การพงึ่ ตนเอง (16) พออยู่ พอกิน (17) เศรษฐกิจพอเพยี ง (18) ความซอ่ื สัตย์ สจุ ริต จริงใจต่อกัน (19) ทางานอย่างมคี วามสุข (20) ความเพยี ร และ (21) รู้ รัก สามคั คี การประกอบอาชพี การงาน ใช้ได้ 22 ขอ้ (1) ศกึ ษาข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ (2) ระเบิดจากข้างใน (3) แก้ปญั หาท่ีจดุ เล็ก (4) ทาตามลาดับขน้ั (5) ภมู สิ งั คม (6) องคร์ วม (7) ไมต่ ดิ ตารา (8) ประหยัด เรยี บง่าย ได้ประโยชน์สูงสดุ (9) ทาใหง้ ่าย(10) การมีสว่ นรว่ ม (11) ประโยชน์สว่ นรวม (12) บรกิ ารรวมทจี่ ดุ เดียว (13) ใช้ธรรมชาติ ช่วยธรรมชาติ (14 ) ปลกู ปุา ในใจคน (15) ขาดทุนคอื กาไร (16) การพ่งึ ตนเอง (17) พออยพู่ อกนิ (18) เศรษฐกิจพอเพียง (19) ความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจต่อกัน (20) ทางานอยา่ งมคี วามสุข (21) ความเพยี ร และ (22) รู้ รกั สามัคคี และ การพัฒนาชมุ ชนท้องถน่ิ และสังคม สามารถใชห้ ลกั การทรงงาน ใชไ้ ด้ 23 ข้อ คอื (1) ศึกษาขอ้ มูลอย่างเปน็ ระบบ (2) ระเบดิ จากข้างใน (3) แก้ปัญหาทีจ่ ุดเลก็ (4) ทาตามลาดับข้นั (5) ภมู สิ งั คม (6) องค์รวม (7) ไมต่ ิดตารา (8) ประหยัด เรียบงา่ ย ไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ (9) ทาใหง้ า่ ย (10) การมสี ่วนรว่ ม (11) ประโยชน์สว่ นรวม (12) บรกิ ารรวมท่ีจุดเดยี ว (13) ใชธ้ รรมชาติ ช่วยธรรมชาติ (14) ใช้อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคอื กาไร (17) การพง่ึ ตนเอง(18) พออยู่ พอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพยี ง (20) ความซือ่ สัตย์ สุจรติ จรงิ ใจต่อกนั (21) ทางานอย่างมีความสขุ (22) ความเพียร และ ( 23) รู้ รกั สามัคคี มาใชใ้ นการพัฒนาชุมชน ท้องถน่ิ และสังคม ให้เจรญิ กา้ วหน้าได้ กกกกกกก6. 7.4 การนอ้ มนาพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจไปใชช้ วี ิตประจาวัน ครอบครวั ในฐานะบุตรต้องเช่ือฟงั คาสอนของบดิ า มารดา มคี วามรับผิดชอบ ในหนา้ ท่ี ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย และมี ความกตัญญูตอ่ บดิ ามารดา ในฐานะพ่อ มหี น้าที่อบรมสงั่ สอนให้เป็นคนดี สนับสนุนใหไ้ ดร้ ับ การศกึ ษาตามศกั ยภาพ ในฐานะสามี ใหเ้ กยี รติภ รรยา และยกยอ่ งตามโอกาส และในฐานะผนู้ า ครอบครัว เป็นแบบอยา่ งที่ดีให้กับสมาชกิ ครอบครัว ไดป้ ฏิบัติตาม นอกจากน้ี ควรมีความออ่ นน้อม ถอ่ มตัวกบั ผู้ท่มี ีอาวุโสกว่าให้ความเคารพ ส่วนผู้ทม่ี อี ายุรนุ่ ราวคราวเดยี วกัน หรือผูท้ ีม่ ีอายุออ่ นกวา่ ควรแสดงออกซงึ่ ความสภุ าพออ่ นโย น โรงเรียน ควรชว่ ยเหลือสนบั สนนุ กิจกรรมของโรงเรียน ตามศกั ยภาพอาจจะเปน็ ทรัพย์เงิน หรอื วัสดุ หรอื แรงกาย ก็ได้ ตามโอกาส เพอื่ ช่วยพัฒนาการจดั การศึกษาของโรงเรียน ทอ้ งถิ่น ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาทอ้ งถิน่ ของตนเอง ท้ังแรงกาย หรือเงนิ ตามโอกาส ประเทศ ควรหาโอกาสไปศกึ ษาเรียนรู้ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ทต่ี ง้ั อยใู่ นภูมิภาค ท่เี ป็นภูมิลาเนาของตนเอง ศึกษาแนวทางการปฏิบัตงิ านรว่ มกนั ของทุกฝาุ ย ในศูนย์ศกึ ษามาปรับใชใ้ นเร่ืองของความสามคั คี ในการทางานร่วมกัน และยึดหลักการพึง่ ตนเองให้ มากทส่ี ดุ ลดการ พ่งึ พาภายนอก ดาเนนิ ชีวติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ โลก ในฐานะเปน็ สมาชกิ ควรคานงึ ถงึ การพฒั นา หรอื การกระทาของสมาชิกโลกแตล่ ะคน แต่ ละครอบครัว แตล่ ะชมุ ชน และแตล่ ะสังคม มคี วามสมั พนั ธ์เชอ่ื มโยงกัน การกระทาทกุ อยา่ งจะสง่ ผลกระทบตอ่ ผู้ ที่อยู่รอบขา้ งทัง้ ทางตรงและทางอ้อม สง่ ผลกระทบตอ่ โลกทเ่ี ราอาศัยอยู่
17 ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวงั กกกกกกก1. บอกความรู้พืน้ ฐานเกี่ยวกับหนา้ ท่ีพลเมืองและความหมายของหนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ได้ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคัญของหนา้ ทพ่ี ลเมอื งและความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอย พระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 กกกกกกก3. วเิ คราะหห์ น้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม ตามพระราชดารัส หลักการทรงงาน และพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กจิ ในสถานการณท์ ่ี กาหนดใหไ้ ด้ กกกกกกก4. ตระหนักถงึ ความสาคัญของหนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ด้วย ทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารัส และพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณียกิจได้ กกกกกกก5. สามารถประยุกตใ์ ช้หน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ดว้ ย ทศพิธราชธรรม ตาม พระราชดารัส หลกั การทรงงาน และ พระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณยี กจิ ในชีวติ ประจาวนั ได้ กกกกกกก6. ตระหนกั ถึงความสาคญั เหน็ คณุ คา่ ของการประยกุ ต์ใช้หน้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ล บาทรัชกาลท่ี 9 ในชวี ิตประจาวัน ขอบขา่ ยเนอ้ื หา กกกกกกกขอบข่ายเน้ือหาหลกั สูตรวชิ า สค33108 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเก้า 3 มีจานวน 120 ช่ัวโมง ดังนี้ หวั เรื่องท่ี 1 ความร้พู นื้ ฐานเกยี่ วกบั หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง จานวน 10 ชว่ั โมง หวั เรอ่ื งท่ี 2 2 ชว่ั โมง หวั เรือ่ งที่ 3 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง 8 ชั่วโมง หัวเร่ืองที่ 4 30 ช่วั โมง หวั เรื่องที่ 5 ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 จานวน 10 ชั่วโมง หัวเร่อื งท่ี 6 30 ช่วั โมง หัวเรอื่ งที่ 7 หน้าทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 30 ชว่ั โมง ด้วยทศพิธราชธรรม จานวน หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารสั จานวน หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน จานวน หนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณยี กจิ จานวน การประยุกตใ์ ช้หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวนั จานวน
18 การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเดน็ การศกึ ษาคน้ คว้ารว่ มกันจากสอ่ื การเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย กกกกกกก3. บนั ทึกผลการศกึ ษาค้นควา้ ลงในเอกสารการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลุ่ม กกกกกกก5. อภิปรายแลกเปล่ียนเรยี นรู้ กกกกกกก6. วเิ คราะห์ขอ้ มลู ทไ่ี ด้ และสรปุ การเรยี นร้รู ว่ มกัน บนั ทึกสรปุ การเรียนรู้ในเอกสารการ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก7. นาสรุปผลการเรยี นร้ทู ีไ่ ด้ไปทดลองปฏิบตั ิจรงิ ในชีวิตประจาวนั กกกกกกก8. เขียนเอกสารรายงานผลการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 จริง ด้วยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารัส ตามหลักการทรงงาน และตามพระราชจรยิ วัตรและพระราช กรณยี กิจ สือ่ และแหลง่ เรียนรู้ กกกกกกก1. สอื่ เอกสาร ได้แก่ (1) ใบความรู้ (2) ใบงาน (3) หนงั สอื ทเ่ี กย่ี วข้อง ไดแ้ ก่ หน้าทีพ่ ลเมอื ง ทศพิธราชธรรม ตาม รอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 พระราชดารสั รัชกาลท่ี 9 หลักการทรงงาน รัชกาลท่ี 9 พระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณียกจิ (4) วารสารทเี่ ก่ียวข้อง ได้แก่ หนา้ ท่ีพลเมอื ง ทศพธิ ราชธรรม ตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 พระราชดารสั รัชกาลท่ี 9 หลกั การทรงงาน รัชกาลท่ี 9 พระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กิจ และ (5) หนังสอื เรียน สาระการพฒั นาสงั คม รายวิชา สค 33108 หนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลทเ่ี ก้า 3 กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ได้แก่ (1) CD ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง (2) เวบ็ ไซตท์ ีเ่ กีย่ วขอ้ ง และ (3) รายการท่ี เกย่ี วข้องกับรชั กาลที่ 9 ทางสถานวี ิทยโุ ทรทศั น์ กกกกกกก3. สอื่ บคุ คลและภมู ปิ ัญญา กกกกกกก3. 3.1 เจ้าคณะจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ กกกกกกก3. 3.2 เจ้าคณะตาบลตา่ ง ๆ ในอาเภอเมืองประจวบครี ีขันธ์ กกกกกกก3. 3.3 วิทยากรชมรมรักในหลวงจังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ กกกกกกก3. 3.4 นายคงณฐั โชติภัทรศรี ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน กกกกกกก4. สื่อแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชน ไดแ้ ก่ กกกกกกก4. 4.1 ห้องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ กกกกกกก4. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แห่ง และศูนย์การเรยี นชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรขี ันธ์ กกกกกกก4. 4.3 พิพธิ ภณั ฑ์จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ กกกกกกก4. 4.4 ศูนย์วจิ ยั และพฒั นาประมงชายฝัง่ ประจวบคีรขี ันธ์
19 การวดั และประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมินความกา้ วหน้า 60 คะแนน ดว้ ยวธิ กี าร กกกกกกก1. 1.1 การสังเกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง (กรต.) 40 คะแนน กกกกกกก1. 1.4 ตรวจเอกสารรายงานผลการปฏิบตั หิ น้าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท9่ี จริง ดว้ ยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารสั ตามหลักการทรงงาน และตามพระราชจรยิ วตั รและ พระราชกรณยี กิจ 20 คะแนน กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม 40 คะแนน ดว้ ยวิธกี าร กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความรู้ จานวน 40 คะแนน กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดทักษะการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั กกกกกกก2. 2.3 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติตอ่ วชิ าหน้าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลทเ่ี ก้า 3 กกกกกกก3. ใหน้ าคะแนนที่ได้จากขอ้ 1 (ข้อ 1.3 , 1.4) และ ขอ้ 2 (ขอ้ 2.1) มารวมกนั แลว้ ตดั สิน ผลการเรยี นออกเปน็ 8 ระดับ ดงั น้ี ได้คะแนน 80 – 100 ได้เกรด 4 หมายถึง ดีเยยี่ ม ได้คะแนน 75 - 79 ได้เกรด 3.5 หมายถงึ ดีมาก ได้คะแนน 70 - 74 ได้เกรด 3 หมายถึง ดี ไดค้ ะแนน 65 - 69 ได้เกรด 2.5 หมายถงึ คอ่ นขา้ งดี ได้คะแนน 60 - 64 ไดเ้ กรด 2 หมายถงึ ปานกลาง ไดค้ ะแนน 55 - 59 ได้เกรด 1.5 หมายถงึ พอใช้ ไดค้ ะแนน 50 - 54 ไดเ้ กรด 1 หมายถงึ ผา่ นเกณฑ์ขั้นต่าท่ีกาหนด ไดค้ ะแนน 0 - 49 ไดเ้ กรด 0 หมายถึง ต่ากว่าเกณฑท์ ก่ี าหนด กกกกกกก4. สาหรบั ผลการประเมินทักษะการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันของนักศึกษา ข้อ 2.2 และ เจตคตติ อ่ วิชาหนา้ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่เี ก้า 3 ขอ้ 2.3 ของนกั ศึกษาใหค้ รูผูส้ อน นามาเปน็ พนื้ ฐานในการปรับปรงุ คณุ ภาพการจัดการเรยี นรู้ เพื่อให้นักศกึ ษามีทกั ษะการนาไปใช้ใน ชวี ิตประจาวัน และเจตคตติ อ่ วชิ าน้ีใหอ้ ยใู่ นระดบั ดมี ากยง่ิ ๆ ข้นึ
20 หวั เรอ่ื งที่ 1 ความรพู้ นื้ ฐานเก่ยี วกบั หนา้ ทพ่ี ลเมือง สาระสาคัญ กกกกกกก1. หน๎าทพ่ี ลเมอื ง หมายถึง การท่บี ุคคลในชมุ ชน สังคม ประเทศ ต๎องปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาสัง่ สอน ของพอํ แมํ ครูอาจารย๑ มคี วามสามัคคี เอ้ือเฟอ้ื เผอ่ื แผํซึ่งกนั และกนั รูจ๎ ักรบั ผิดชอบช่ัวดีตามหลักจรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มคี วาม รอบรู๎ มสี ตปิ ญ๓ ญา ขยนั ขนั แข็ง สร๎างความเจรญิ ก๎าวหน๎าใหแ๎ กํตนเอง ครอบครัว สงั คม และ ประเทศชาติ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหนา๎ ทีพ่ ลเมืองท่มี ีตํอประเทศชาติ (1) ตอ๎ งจงรกั ภักดแี ละรกั ษาไวซ๎ ่งึ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ๑ (2) ต๎องรักษาไว๎ซึง่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย (3) ต๎อง ชวํ ยกันปอู งกันประเทศ (4) ตอ๎ งปฏิบตั ิตามกฎหมายบา๎ นเมืองอยํางเครํงครัด (5) ตอ๎ งใหค๎ วามรํวมมอื ชวํ ยเหลือแกรํ าชการ และ (6) ต๎องเสยี ภาษอี ากรตามทีก่ ฎหมายบัญญตั ิไว๎ กกกกกกก3. แนวทางการปฏิบัติตนในการเป็นสมาชกิ ทด่ี ีของสังคมตอ๎ งปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย วฒั นธรรม ประเพณี และปฏิบตั ติ นตามสิทธหิ นา๎ ที่ตามระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก4. คณุ ธรรมของการเป็นพลเมืองทดี่ ี มี 8 ประการ คือ (1) ความจงรักภักดีตํอชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ๑ (2) การยดึ ม่นั ในหลักธรรมของศาสนาที่ตนเองนับถือ (3) ความซอ่ื สตั ย๑ (4) ความเสียสละ (5) ความรบั ผิดชอบ (6) การมีระเบยี บวินัย (7) การตรงตอํ เวลา และ (8) ความ กล๎าหาญทางจรยิ ธรรม ตวั ชวี้ ดั กกกกกกก1. บอกความหมายของหน๎าท่ีพลเมอื งได๎ กกกกกกก2. อธบิ ายและตระหนักถงึ ความสาคญั ของหน๎าทพี่ ลเมือง กกกกกกก3. บอกแนวทางการปฏิบัตติ นในการเปน็ สมาชกิ ทดี่ ีของสังคมได๎ กกกกกกก4. บอกคุณธรรมของการเป็นพลเมืองดีได๎ ขอบขา่ ยเนือ้ หา กกกกกกก1. ความหมายของหนา๎ ที่พลเมือง กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของพลเมอื ง กกกกกกก1. 1.2 ความหมายของพลเมอื งดี กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของหน๎าทีพ่ ลเมือง กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน๎าทีพ่ ลเมอื ง กกกกกกก3. แนวทางการปฏิบตั ติ นในการเป็นสมาชกิ ทด่ี ขี องสังคม กกกกกกก3. 3.1 ด๎านกฎหมาย กกกกกกก3. 3.2 ด๎านวัฒนธรรม
21 กกกกกกก3. 3.3 ดา๎ นประเพณไี ทย กกกกกกก3. 3.4 ด๎านสิทธหิ น๎าท่ตี าม ระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 โรงเรียน กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ท๎องถน่ิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ประเทศ กกกกกกก4. คณุ ธรรมของการเป็นพลเมอื งดี เน้ือหา กกกกกกก1. ความหมายของหน้าที่พลเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของพลเมือง กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง (Citizen) หมายถงึ พลเมือง มาจากภาษาลาตินวาํ eiver (พลเมอื ง) ซงึ่ เคยใช๎ในยุคโบราณซ่ึงเกี่ยวกบั ประชาธิปไตยในกรกี และโรมนั ตํอมายคุ กลางไมไํ ด๎นามาใชแ๎ ตคํ าวาํ พลเมอื งก็ไดม๎ ีการนากลบั มาใชอ๎ ีกครั้งในชํวงของการปฏิวัติในประเทศองั กฤษ สหรัฐอเมรกิ า และ ฝรั่งเศสในปลายศตวรรษที่ 18 การเปน็ พลเมืองมหี ลายมติ ิ การทีจ่ ะเป็นพลเมืองนนั้ ตอ๎ งมี องคป๑ ระกอบ (Abowitz & Harnish , 2006) ดงั ตอํ ไปน้ี กกกกกกก1. 1.1 ขอ๎ ที่ 1 มีเอกลักษณท๑ ่ีมาจากความเป็นสมาชิกของชุมชนทางการเมือง กกกกกกก1. 1.1 ข๎อท่ี 2 ยึดถอื คาํ นยิ มเฉพาะและอุดมคติ กกกกกกก1. 1.1 ข๎อที่ 3 มีสทิ ธิและหน๎าที่ กกกกกกก1. 1.1 ขอ๎ ท่ี 4 มสี ํวนรวํ มทางการเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 ข๎อท่ี 5 มคี วามรค๎ู วามเขา๎ ใจเกยี่ วกบั การเมืองการปกครอง กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง หมายถงึ ชาวเมอื งหรือประชาชนทปี่ ฏบิ ตั ิตามระเบยี บกฎเกณฑข๑ อง สังคม มคี วามรบั ผิดชอบตํอหน๎าที่และรูจ๎ ักบทบาทหนา๎ ทข่ี องตนเอง ปฏบิ ตั ิตนไดอ๎ ยํางเหมาะสมไมํ ละเมิดสทิ ธแิ ละเสรีภาพของบคุ คลอื่น กกกกกกก1. 1.1 พลเมือง หมายถงึ ประชาชนที่ประพฤติปฏิบัตติ ามระเบียบกฎเกณฑ๑ของสงั คมมี ความรบั ผิดชอบตอํ หนา๎ ที่ของตนเอง ร๎ูจักบทบาทหนา๎ ทข่ี องตนเอง และปฏิบัติตนไดอ๎ ยาํ งเหมาะสมไมํ ละเมดิ ลวํ งล้าสิทธแิ ละเสรีภาพของบคุ คลอน่ื กกกกกกก1. 1.1 พลเมอื ง หมายถึง หมํูคนทเ่ี ปน็ ของประเทศใดประเทศหนึง่ คนทง้ั หมดซ่ึงเป็น กาลังของประเทศ ท้ังในทางเศรษฐกจิ การทหาร และสนบั สนุนผู๎มีอานาจตํอรองอานาจกบั ประเทศ อ่ืน โดยนยั ของความหมาย คาวํา พลเมอื ง หมายถึง คนที่สนับสนนุ เป็นกาลังอานาจของผ๎ปู กครอง เป็นคนทอี่ ยูํในการควบคมุ ดูแลของผูป๎ กครอง กกกกกกก1. 1.1 กลําวโดยสรุป พลเมอื ง หมายถงึ พลังหรอื กาลังคนของประเทศ ซึง่ อยํูในฐานะ เปน็ เจ๎าของประเทศ ทีม่ สี ญั ชาติของประเทศนน้ั ๆ มสี ิทธิและหนา๎ ที่ ตามกฎหมายของประเทศน้นั มีคํานิยม มีสวํ นรวํ มทางการเมือง เป็นผ๎ูสนบั สนุนผป๎ู กครอง ในการควบคมุ ดูแลบุคคลในประเทศให๎ อยํรู วํ มกันอยํางมีความสขุ
22 กกกกกกก1. 1.2 ความหมายของพลเมืองดี กกกกกกก1. 1.2 พลเมืองดี หมายถงึ ผู๎ทป่ี ฏบิ ัตหิ น๎าท่ีพลเมอื งได๎ครบถว๎ น ท้ังกจิ ที่ตอ๎ งทา และกิจที่ ควรทา กกกกกกก1. 1.2 พลเมอื งดี หมายถงึ พลเมอื งทม่ี คี ุณลกั ษณะท่ีสาคัญ คือเปน็ ผทู๎ ีย่ ดึ ม่ันในหลกั ศลี ธรรมและคุณธรรมของศาสนา ปฏบิ ัตติ นตามกฎหมาย ดารงตนเป็นประโยชนต๑ อํ สังคม โดยมีการ ชํวยเหลอื เก้อื กลู กัน อนั จะกอํ ให๎เกิดการพัฒนาสังคม และ ประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 กิจทีค่ วรทา คอื สง่ิ ที่คนสวํ นใหญเํ ห็นวําเป็นหน๎าท่ี จะต๎องทา หรือละเว๎นการ กระทา ถ๎าไมํทาหรอื ละเว๎นการกระทาจะได๎รบั ผลเสียโดยทางออ๎ มเชนํ ได๎รับการดูหมน่ิ เหยียดหยาม หรือไมคํ บค๎าสมาคมดว๎ ย ผกู๎ ระทากิจท่คี วรทาจะได๎รับการยกยอํ งสรรเสริญจากคนในสังคม โดยทั่วไป สิ่งที่ระบุกิจที่ควรทาไดแ๎ กํ วฒั นธรรมประเพณี เปน็ ต๎น กกกกกกก1. 1.2 พลเมอื งดมี ีหนา๎ ท่ตี ๎องปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณแี ละ วัฒนธรรมของชาติ คาสัง่ สอนของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มคี วามสามัคคีเอือ้ เฟ้ือเผอ่ื แผซํ ง่ึ กนั และกัน ร๎ูจกั รบั ผิดชอบชั่วดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลกั ธรรมของศาสนา มคี วามรอบร๎ู มีสติป๓ญญา ขยนั ขันแข็ง สรา๎ งความเจรญิ กา๎ วหน๎าใหแ๎ กตํ นเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรปุ พลเมอื งดี หมายถงึ ผูท๎ ี่ปฏบิ ตั หิ น๎าทพี่ ลเมอื งไดค๎ รบถ๎วน ทั้งกจิ ที่ ตอ๎ งทา และกจิ ทค่ี วรทา หน๎าท่ี กจิ ท่ี ตอ๎ งทาหรือควรทาเป็นส่งิ ทก่ี าหนดให๎ทา หรือหา๎ มมิให๎กระทา ถา๎ ทาก็จะกํอใหเ๎ กดิ ผลดี เกดิ ประโยชนต๑ อํ ตนเอง ครอบครัว หรือสงั คมสํวนรวมแลว๎ แตกํ รณี ถา๎ ไมํทา หรอื ไมํละเวน๎ การกระทาตามทก่ี าหนด จะได๎รบั ผลเสยี โดยตรง คือได๎รับโทษ หรือถกู บังคับ เชนํ ปรบั จาคกุ หรอื ประหารชวี ิต เปน็ ต๎น โดยทัว่ ไปสง่ิ ท่ีระบกุ ิจที่ตอ๎ งทา ไดแ๎ กํ กฎหมาย เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของหน๎าท่พี ลเมือง กกกกกกก1. 1.3 หนา๎ ทพี่ ลเมอื ง หมายถึง ตอ๎ งปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละ วฒั นธรรมของชาติ คาสง่ั สอนของพํอแมํ ครูอาจารย๑ มีความสามัคคเี อ้ือเฟอ้ื เผอ่ื แผซํ งึ่ กนั และกนั ร๎ูจกั รับผดิ ชอบชว่ั ดีตามหลกั จรยิ ธรรม และหลกั ธรรมของศาสนา มีความรอบรู๎ มีสติปญ๓ ญา ขยันขนั แข็ง สรา๎ งความเจริญกา๎ วหน๎าให๎แกตํ นเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน้าท่พี ลเมือง กกกกกกก2. ความสาคัญของหนา๎ ที่พลเมืองท่ีมตี อํ ประเทศชาติ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ตอ๎ งจงรักภักดแี ละรักษาไวซ๎ ึง่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย๑ ซึง่ เป็นสถาบนั สูงสดุ ของชาติ เปน็ ท่เี คารพสักการ ะบูชา ของประชาชนชาวไทยทุกคนนอกจากน้ีสถาบันดงั กลําว ยงั เปน็ เอกลักษณ๑ของชาตไิ ทยด๎วย ดังนั้นตราบใดท่สี ถาบนั ทง้ั สามยังคงอยํู คนไทยก็จะดารงอยํูได๎ กกกกกกก2. 2.2 ตอ๎ งรกั ษาไวซ๎ ึ่งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ประเทศไทยปกครองโดย ระบอบประชาธิปไตย ซึง่ มพี ระมหากษัตริยเ๑ ปน็ ประมขุ และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสงู สดุ ของ ประเทศไทย ประชาชนทุกคนจึงมหี น๎าทีร่ กั ษาไว๎ ซงึ่ การปกครองระบอบประชาธิ ปไตย และ รัฐธรรมนญู ของชาติก็ได๎กาหนดไว๎วาํ เป็นหน๎าท่ขี องคนไทยทุกคนทจี่ ะต๎องดารงรกั ษาไว๎ซงึ่ การ ปกครองในระบอบประชาธิปไตย
23 กกกกกกก2. 2.3 ตอ๎ งชํวยกนั ปูองกันประเทศ ประเทศชาตเิ ป็นของประชาชนไทยทุกคน ดงั นนั้ ใน ฐานะทเี่ ราเปน็ สํวนหนึ่งของประเทศ จงึ ตอ๎ งมหี นา๎ ทร่ี ักษาไว๎ซ่งึ ความเป็นเอกราชและความมั่นคงของ ชาติ โดยการปูองกันประเทศชาตใิ ห๎พ๎นจากภยั อนั ตรายตําง ๆ ซงึ่ เกดิ จากศัตรทู งั้ ภายในและภายนอก ประเทศ เมื่อมีเหตุรา๎ ยขึน้ ในประเทศ ตาํ งก็ตอ๎ งชวํ ยกนั และปราบปรามให๎ความรวํ มมือกบั เจา๎ หน๎าที่ ของบา๎ นเมอื งอยาํ งเต็มที่ โดยเฉพาะอยํางย่งิ เปน็ งานโดยตรงท่ชี ายไทยทุกคนจะต๎องเขา๎ รับราชการ ทหาร กกกกกกก2. 2.4 ต๎องปฏิบตั ิตามกฎหมายบา๎ นเมืองอยํางเครํงครัด กฎหมายบา๎ นเมือง หมายถึง กตกิ าหรอื ระเบียบกฎเกณฑท๑ ีว่ าํ งไวใ๎ ห๎ประชาชนทกุ คนปฏบิ ัติ เพอ่ื ความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมือง ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไดก๎ าหนดใหป๎ ระชาชนทกุ คนมีสวํ นรํวมในการพิจารณาเหน็ ชอบ และกาหนดกฎหมายข้นึ ใช๎ในประเทศ โดยการเลือกต้งั ผูแ๎ ทนตน เพอ่ื ไปปฏบิ ตั หิ น๎าทอี่ อกกฎหมายใน สภานติ ิบัญญัติติจงึ เทํากบั วาํ ประชาชนทกุ คนรํวมกนั ตรากฎหมาย ออกมาใช๎รํวมกนั ประชาชนทกุ คน จึงควรปฏิบตั อิ ยํางเครงํ ครัด เพ่ือความสงบเรยี บรอ๎ ย และความผาสุกรํวมกัน กกกกกกก2. 2.5 ตอ๎ งใหค๎ วามรวํ มมือชวํ ยเหลือแกํราชการ เจา๎ หน๎าทเ่ี ปน็ ตัวแทนของรฐั บาลในการ ท่ีจะให๎บริการแกํประชาชน และปฏบิ ัติงานใหเ๎ ปน็ ไปตามกฎหมายของบา๎ นเมอื ง ชวํ ยเปน็ หูเป็นตาแกํ เจา๎ หนา๎ ที่บา๎ นเมอื ง เพือ่ ชวํ ยปูองกันปราบปรามโจรผูร๎ า๎ ย หรือผู๎เป็นภยั ตํอความสงบสขุ ของบา๎ น เมอื ง เมือ่ ประชาชนทกุ คนตํางใหค๎ วามรํวมมอื กัน รกั ษาความสงบเรยี บร๎อยของบา๎ นเมือง ประเทศชาตกิ ็จะ อยอูํ ยาํ งสงบสขุ และปลอดภยั จากศตั รทู ั้งภายใน และภายนอก กกกกกกก2. 2.6 ต๎องเสยี ภาษีอากรตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ไิ ว๎ ประเทศชาตจิ ะรุงํ เรือง และประชาชน จะมีความสงบสุขอยไํู ด๎ ตอ๎ งอาศัยการบรหิ ารราชการแผนํ ดนิ ของรฐั บาล เปน็ หน๎าทีส่ าคญั ท่ีประชาชน ชาวไทยจะตอ๎ งชวํ ยกนั เสียภาษีอากร เพอ่ื เรา จะไดม๎ กี าลงั ทหารไว๎ปูองกันเอกราช ของชาติ มีถนน ทางดี ๆ ไวใ๎ ช๎ มีโรงเรยี นให๎ลูกหลานได๎ศกึ ษาเลําเรยี น มีโรงพยาบาลสาหรับรักษา เม่ือเราเจ็บไข๎ ได๎ปวุ ย เป็นตน๎ กกกกกกก3. แนวทางการปฏบิ ตั ติ นในการเปน็ สมาชิกทดี่ ีของสงั คม กกกกกกก3. 3.1 ด๎านกฎหมาย กกกกกกก3. 3.1 กฎหมาย คอื กฎเกณฑ๑ ขอ๎ บังคับท่ีใชค๎ วบคมุ ความประพฤติของมนุษย๑ใน สงั คม กฎหมาย มีลักษณะเป็นคาสัง่ ข๎อห๎าม ทมี่ าจากผูม๎ อี านาจสูงสุดในสงั คม ใช๎บงั คบั ไดท๎ ว่ั ไป ใครฝาุ ฝนื จะตอ๎ งไดร๎ บั โทษ หรือสภาพบงั คับอยาํ งใดอยาํ งหนง่ึ กกกกกกก3. 3.1 พลเมอื งทกุ คนต๎องปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบ ขอ๎ บังคบั ของสังคม และบทบญั ญัติของ กฎหมาย เชนํ ไมํลวํ งละเมดิ สทิ ธิของผอู๎ น่ื หรอื ไมํกระทาความผิดตามท่กี ฎหมายกาหนดก็จะทาใหร๎ ฐั ไมํตอ๎ งเสียงบประมาณในการปูองกัน ปราบปราม และจบั กมุ ผทู๎ กี่ ระทาความผดิ มาลงโทษ นอกจากน้ี ยงั ทาใหส๎ งั คมมีความเป็นระเบยี บสงบสขุ ทุกคนอยํูรวํ มกนั อยํางสมานฉนั ท๑ ไมหํ วาดระแวงคดิ รา๎ ย ตํอกัน พลเมืองดีต๎องเคารพกฎหมาย และทาตามกฎหมายรัฐธรรมนญู กกกกกกก3. 3.2 ดา๎ นวฒั นธรรม กกกกกกก3. 3.2 วฒั นธรรม คือ แบบแผนการกระทา หรือผลการกระทาทีพ่ ัฒนาจากสภาพเดมิ ตามธรรมชาติให๎ดีงาม ยัง่ ยืน จนเป็นท่ยี อมรับของคนในสังคม เชํน กริ ิยา มารยาท การพดู การแตงํ กาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วัฒนธรรมการไหว๎ เป็นวฒั นธรรมภายนอกที่มกั ได๎รับ
24 การตอบสนองจากผูไ๎ ด๎รับดว๎ ยการไหวต๎ อบ นอกจากนี้ ยังมวี ัฒนธรรมไทยอ่ืน ๆ ท่งี ดงาม เชํน การกราบ การทาบญุ ตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เปน็ ต๎น กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 พลเมอื งดยี ํอมเปน็ ทีต่ อ๎ งการของสังคมทกุ สังคม สถาบนั และสถานะของ ตนเอง ดังน้นั พลเมอื งดจี ึงตอ๎ งได๎รับการปลกู ฝง๓ วฒั นธรรมสิ่งท่ดี ีงาม โดยเฉพาะสังคมแรก คือ ครอบครัว ตอ๎ งอบรมให๎คนไทยมีสมั มาคารวะตํอผู๎อาวโุ ส มคี วามเสยี สละ ซื่อสตั ยส๑ ุจริต ตรงตํอเวลา เปน็ ต๎น กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 สอนให๎เยาวชนรจู๎ ัก และปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ และบทบาทของตนเอง โดยมีความรับผดิ ชอบ รบั ฟ๓งความคิดเหน็ ของผอ๎ู ื่น เคารพกฎหมาย ปฏิบตั ิตามขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรมการปลกู ฝ๓งสง่ิ ทด่ี งี าม กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 พลเมอื งดที ุกคนต๎องปฏิบัตติ ามวัฒนธรรมของสงั คมทต่ี นเองเปน็ สมาชิก กกกกกกก3. 3.3 ด๎านประเพณีไทย กกกกกกก3. 3.3 ประเพณี คอื ส่ิงทป่ี ฏิบตั ิสบื ทอดกนั มา และถือวําเป็นส่งิ ทด่ี งี าม สิง่ ทง่ี ดงามของ แตลํ ะสงั คม อาจเหมอื นกัน คลา๎ ยกนั หรือแตกตํางกนั ได๎ และส่งิ ทงี่ ดงามของสงั คมหนง่ึ เม่ือเวลา ผํานไปอาจเปน็ สง่ิ ท่ีไมงํ ดงามได๎ ดังนนั้ ประเพณีไทยอาจมกี ารปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงไปกับสภาพสังคม กกกกกกก3. 3.3 พลเมอื งดีจึงควรรกั ษาประเพณี แตํถา๎ พบวําประเพณมี คี วามล๎าหลังไมทํ นั สมยั ก็ สามารถปรับปรุงใหเ๎ หมาะสมกับสภาพสงั คมท่ีเปลี่ยนไป กกกกกกก3. 3.4 ด๎านสทิ ธิหน๎าท่ตี ามระบอบประชาธิปไตย กกกกกกก3. 3.4 การเป็นสมาชิกทด่ี ขี องสงั คมตามสิทธิหนา๎ ท่ตี ามระบอบประชาธิปไตยมี 4 ระดับ ดงั น้ี กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ระดับครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 หนา๎ ที่ของครอบครัวผลติ สมาชิกให๎แกสํ ังคม อบรมบมํ เพาะคํานิยมทดี่ ีงาม ปลกู ฝง๓ ขนบธรรมเนยี ม แบบแผนทางสงั คม และกลอํ มเกลาให๎สมาชิกในครอบครัว เพอื่ เปน็ สมาชกิ ท่ีดี ของสังคมตํอไป ให๎ความอบอุํนแกสํ มาชิกในครอบครัว เพ่อื ใหส๎ มาชกิ ผ๎ูนน้ั เขา๎ สํูสังคมและเป็ นสมาชิก ท่ดี ขี องสังคม ใหก๎ ารศกึ ษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซึง่ หนา๎ ที่ของสมาชกิ ในครอบครวั หลกั สาคัญตาม ระบอบประชาธิปไตย ดังน้ี กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 1) ให๎ความเคารพเชอื่ ฟง๓ ผู๎นาในครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 2) ดแู ลครอบครัวให๎สามารถอยไํู ดท๎ ง้ั ด๎านเศรษฐกจิ และความเป็นอยอํู ื่น ๆ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 3) ไมํสร๎างความแตกแยกแกํครอบครัว กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 4) ไมํสรา๎ งความเดอื ดรอ๎ นแกํครอบครัว กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 5) เคารพกฎเกณฑข๑ องครอบครัว และแบบแผนทางสังคม กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 6) สรา๎ งอาชีพและรายไดใ๎ หเ๎ พียงพอกบั สมาชิกในครอบครวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 7) ทานบุ ารุงครอบครัว ดแู ลสมาชกิ ที่เจ็บปวุ ย และสมาชิกทช่ี ํวยเหลอื ตัวเองไมไํ ด๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ดงั นัน้ ครอบครวั มีหนา๎ ท่วี างแผนอนาคต กาหนด และควบคุม คาํ ใชจ๎ ําย ในครอบครวั ใหม๎ ีความสมดุล สอดรบั กับรายได๎ เพือ่ ครอบครัวจะไดไ๎ มเํ ดือดร๎อน
25 กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ระดบั โรงเรียน กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 เม่ือเราอยใํู นโรงเรยี น เราทกุ คนมีหน๎าที่ทต่ี ๎องปฏบิ ัติตํอโรงเรียนเพราะ โรงเรยี นเป็นสถานท่ที ่ีให๎ความรู๎ ซง่ึ เราตอ๎ งอยรูํ ํวมกบั คนอืน่ ๆ อกี มากมาย ดังนั้นเราจงึ จาเป็นต๎อง ปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บของหอ๎ งเรียนและโรงเรยี น เพือ่ ทีจ่ ะไดอ๎ ยํูรวํ มกันอยํางมีความสขุ และเกิด ความเป็นระเบยี บเรยี บรอ๎ ย บทบาทหน๎าทต่ี ามระบอบประชาธปิ ไตยในโรงเรยี นมีดังน้ี กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 1) เมือ่ มาโรงเรียน เราต๎องปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของโรงเรยี น เชํน แตงํ กายใหถ๎ กู ตอ๎ งตามระเบยี บ มาใหท๎ นั เข๎าแถวเคารพธงชาตใิ นตอนเชา๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 2) เมือ่ อยูํในโรงเรียน เราต๎องชวํ ยกันรกั ษาความสะอาดในหอ๎ งเรยี น และ ในบริเวณตําง ๆ ของโรงเรยี น ทิง้ ขยะลงในถังขยะท่โี รงเรียนจดั ให๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 3) ให๎ความเคารพเช่ือฟ๓งครูอาจารย๑ ตั้งใจเรียนหนงั สอื รวมทงั้ ทางาน ตําง ๆ ทีค่ รมู อบหมายด๎วยความตั้งใจและเอาใจใสํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 4) ปฏบิ ัติตนในการเป็นผูน๎ าและผตู๎ ามทดี่ ีในหอ๎ งเรยี นและโรงเรียน ต๎องรู๎ วาํ เมอ่ื เราเปน็ ผ๎ูนาในการทากิจกรรมตําง ๆ ควรปฏิบตั ติ นอยาํ งไร และเมือ่ เปน็ ผต๎ู ามควรปฏิบตั ิตน อยํางไร กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 5) รูจ๎ กั แสดงความคิดเหน็ ตามสิทธขิ องตนเองในห๎องเรียนและโรงเรียน รวมทัง้ รจ๎ู กั รับฟ๓งความคิดเห็นของผ๎ูอ่ืน และเคารพข๎อตกลงของคนสวํ นใหญํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 6) ถ๎าเกิดข๎อขัดแยง๎ กนั ในหอ๎ งเรียนและโรงเรยี น ให๎แก๎ปญ๓ หาด๎วยหลัก เหตุผล ไมใํ ช๎อารมณห๑ รอื พละกาลังในการแกป๎ ๓ญหา เพราะไมใํ ชวํ ธิ แี กป๎ ญ๓ หาท่ีถกู ต๎อง แตกํ ลับจะทาให๎ เกิดป๓ญหาอนื่ ๆ ตามมา กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 7) ในการแขํงขันทากิจกรรมตําง ๆ ของโรงเรียน เชนํ การแขํงกีฬา การประกวดในดา๎ นตาํ ง ๆ ตอ๎ งฝึกฝนตนเองให๎เป็นผรู๎ ูจ๎ ักแพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมทั้งยอมรับใน คาตดั สนิ ของคณะกรรมการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ระดับท๎องถน่ิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 การปฏบิ ัติตนในฐานะสมาชกิ ของชุมชน บุคคลสามารถ ปฏิบตั ิตนตามระบอบประชาธปิ ไตยได๎หลายวิธี ดงั นี้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 1) ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบียบของชมุ ชน เชนํ ปฏิบัตติ ามกฎจราจร โดย ข๎ามถนนตรงทางมา๎ ลาย หรอื สะพานลอย ไมํวิ่งข๎ามถนนตัดหนา๎ รถ ไมทํ ิง้ ขย ะลงในที่สาธารณะ ไมํ ทาลายสงิ่ ของทเี่ ปน็ ของสาธารณะ และทรัพยส๑ นิ สํวนตัวของผูอ๎ นื่ ให๎ได๎รับความเสยี หายเพราะความ สนุกสนานของตนเอง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 2) เข๎ารวํ มกจิ กรรมของชุมชน เพอ่ื ชํวยรักษาและเผยแพรวํ ฒั นธรรม ประเพณขี องชมุ ชนไว๎ ในแตํละชมุ ชนจะมขี นบธรรมเนียมป ระเพณีท่ีปฏิบัติสืบทอดกนั มา เชนํ ประเพณีการทาบญุ เม่ือถงึ วันสาคัญทางศาสนา ประเพณวี ันสงกรานต๑ ประเพณวี ันลอยกระทง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 3) บาเพญ็ ประโยชน๑ตอํ ชุมชน เชํน ชํวยเก็บเศษขยะทพี่ บเหน็ ในบริเวณ ตาํ ง ๆ ชํวยดูแลตน๎ ไม๎ ดอกไมใ๎ นสวนสาธารณะของชมุ ชน
26 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 4) รํวมกันอนรุ ักษท๑ รัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล๎อมในชมุ ชน โดยให๎ ทุกคนในชมุ ชนมีจิตสานกึ ในการรกั ษาสิง่ แวดลอ๎ ม เชํน ชุมชนทม่ี ปี ุาชายเลน ควรจะรํวมใจกันอนรุ กั ษ๑ ปาุ ชายเลน เพ่อื ให๎เปน็ ทีอ่ ยขํู องสตั ว๑ตําง ๆ รวมทั้งยังเป็นแหลงํ หลบภัยของลูกสตั วน๑ า้ และชุมชนทอ่ี ยํู ตดิ ชายทะเล ควรรวํ มใจกันรกั ษาความสะอาดของชายหาด เพ่อื ใหเ๎ ปน็ แหลํงทอํ งเท่ยี วท่ียง่ั ยนื ของ ชุมชน การอนุรกั ษ๑ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ๎ มในชมุ ชนควรเป็นความรํวมมอื กนั หลายฝุาย ระหวํางบา๎ น โรงเรียน และชุมชน กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ระดบั ประเทศ กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 บุคคลปฏบิ ัติตนในการเป็นสมาชกิ ทด่ี ีของประเทศตามระบอบ ประชาธิปไตย ดว๎ ยการมสี วํ นรวํ มในกจิ กรรมทางการเมอื งการปกครองในระบ อบประชาธปิ ไตย ประชาชนสามารถมสี วํ นรํวมได๎ ดงั นี้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 1) การใชส๎ ทิ ธใิ นการเลือกตั้งระดบั ตําง ๆ เมอื่ อายคุ รบ 18 ปีบรบิ ูรณ๑ ทุก คนต๎องไปใช๎สทิ ธเิ ลอื กตัง้ ทั้งในระดบั ประเทศ เชํน การเลอื กตัง้ สมาชกิ สภาผูแ๎ ทนราษฎร การเลอื กตงั้ สมาชิกวฒุ ิสภา และการเลือกต้งั ระดับทอ๎ งถิน่ เชํน การเลือกตัง้ ผว๎ู าํ กรงุ เทพมหานคร การเลอื กต้งั สมาชิกองค๑กรสวํ นทอ๎ งถนิ่ เป็นต๎น เพอื่ เลือกตวั แทนไปทาหน๎าทบ่ี รหิ ารประเทศหรอื ทอ๎ งถิ่นตํอไป กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 2) การมสี วํ นรวํ มในการตรวจสอบการใชอ๎ านาจรัฐ ในการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตยนั้น ประชาชนทกุ คนลว๎ นมีสํวนรํวม ในการ สอดสอํ งดูแลการบรหิ ารราชการ แผํนดินของรัฐบาล หรอื ตรวจสอบการทางานของเจ๎าหนา๎ ท่ีในองคก๑ รตําง ๆ เพ่ือไมใํ ห๎ ใช๎อานาจไป ในทางทไ่ี มถํ กู ต๎อง กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 3) การเป็นแกนนาปลุกจิตสานกึ ใหแ๎ กํผูอ๎ น่ื ในการรํวมกจิ กรรมทางการ เมืองการปกครอง ได๎แกํ การใช๎สทิ ธิเลือกต้ังและการมีสวํ นรํวมในการตรวจสอบอานาจของรัฐ โดย การเป็นแกนนานั้น สามารถปฏิบัตไิ ด๎หลายอยําง เชํน ประกาศ โฆษณา ประชาสมั พนั ธ๑ การเข๎าไป ชี้แจงเปน็ รายบุคคล การจัดใหม๎ กี ารประชุมเพือ่ แสดงความคดิ เหน็ ตํอประเดน็ ทมี่ ีผลกระทบตํอสงั คม กกกกกกก4. คณุ ธรรมของการเป็นพลเมอื งดี กกกกกกก4. คุณธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี มี 8 ขอ๎ ไดแ๎ กํ คือ กกกกกกก4. 4.1 ความจงรกั ภกั ดีตอํ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ๑ หมายถงึ การท่บี คุ คลมี ความนึกถงึ ความสาคญั ของความเปน็ คนไทย มจี ติ ใจฝก๓ ใฝศุ าสนา และตระหนกั ถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษตั ริยป๑ ฏบิ ัตติ นในการผดุงรกั ษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ๑ใหค๎ งอยคูํ ูํ สังคมไทย ตลอดไป กกกกกกก4. 4.2 การยดึ ม่ันในหลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนเองนับถือ ทกุ ศาสนามีหลักศลี ธรรมทชี่ วํ ย สร๎างจิตใจของคนใหก๎ ระทา ดี ไมํเบียดเบียนกัน มใี จเอ้อื เฟือ้ เผอื่ แผแํ กกํ นั สมาชิกในสงั คมสมควร ศรทั ธาในศาสนาทต่ี นนบั ถอื แลว๎ ปฏิบตั ติ ามหลกั ศลี ธรรมของศาสนาทีต่ นนบั ถอื อยาํ งสมา่ เสมอ กกกกกกก4. 4.3 ความซอ่ื สตั ย๑ หมายถึง การกระทาทีถ่ กู ตอ๎ งตรงไปตรงมา ไมํยึดเอาส่ิงของผอู๎ ่ืนมา เปน็ ของตน บุคคลควรซอื่ สัตยต๑ ํอตนเอง คือ กระทา ตนให๎เปน็ คนดี และบคุ คลควรซอ่ื สตั ยต๑ อํ บคุ คล อนื่ ๆ หมายถงึ กระทาดี และถูกตอ๎ งตามหน๎าทต่ี ํอผ๎ูอนื่ กกกกกกก4. 4.4 ความเสียสละ หมายถงึ การคานึงถึงประโยชนข๑ องสงั คมสวํ นรวมมากกวํา ประโยชน๑สวํ นตน และยอมเสยี สละประโยชน๑สวํ นตนเพือ่ ประโยชน๑แกผํ ู๎อ่นื และสวํ นรวม
27 กกกกกกก4. 4.5 ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมรับการกระทาของตนเอง หรอื การทางานตาม หน๎าทีท่ ไ่ี ด๎รับมอบหมายให๎สาเร็จลลุ วํ ง กกกกกกก4. 4.6 การมีระเบียบวินัย หมายถึง การกระทาทถ่ี ูกต๎องตามกฎเกณฑ๑ท่สี ังคมกาหนดไว๎ กกกกกกก4. 4.7 การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทางานหรือทาหน๎าทท่ี ่ไี ด๎รบั มอบหมายใหส๎ าเร็จ ลุลวํ ง ทนั ตรงตามเวลาทกี่ าหนด โดยใชเ๎ วลาอยํางคุม๎ คํา กกกกกกก4. 4.8 ความกล๎าหาญทางจริยธรรม หมายถึง การกระทาท่แี สดงออกในทางท่ีถูกท่ีควร โดยไมเํ กรงกลัวอทิ ธพิ ลใด ๆ ความกล๎านี้ไมํใชํการอวดดี แตเํ ปน็ การแสดงออกอยาํ งมีเหตุผล เพื่อ ความถูกตอ๎ ง การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเดน็ การศึกษาค๎นคว๎ารวํ มกนั จากสอื่ การเรียนร๎ทู ่ีหลากหลาย กกกกกกก2. บนั ทึกผลการศกึ ษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลมํุ กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนรู๎ กกกกกกก5. วิเคราะห๑ข๎อมลู ทีไ่ ด๎ และสรุปการเรยี นรู๎รํวมกัน บนั ทึกสรปุ การเรียนรใู๎ นเอกสารการ เรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) ส่อื และแหล่งเรียนรู้ กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความร๎ู เรื่องท่ี 1 สทิ ธิและหน๎าท่พี ลเมอื ง กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเรื่องที่ 1 ความรู๎พื้นฐานเกยี่ วกบั หนา๎ ที่พลเมอื ง กกกกกกก1. 1.3 ชือ่ หนังสอื เรยี น สาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค13113 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลทเี่ กา๎ 1 กกกกกกก1. 1.4 ชือ่ หนงั สอื สทิ ธิ เสรีภาพ และหนา๎ ท่ขี องพลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย ผแู๎ ตํง กลมุํ งานผลิตเอกสาร สานักประชาสมั พนั ธ๑ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ๎แู ทนราษฎร ปที ่พี มิ พ๑ พ.ศ. 2556 โรงพิมพ๑ สานักการพมิ พ๑ สานักงานเลขาธิการสภาผแู๎ ทนราษฎร กกกกกกก2. สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชื่อบทความ พลเมอื งดีของประเทศชาติและสังคมโลก ผ๎แู ตํง พิมพ๑ พิมพน๑ ภัทร สืบค๎นจาก https://www.academia.edu/8265830 กกกกกกก2. 2.2 ช่ือบทความ พลเมือง ผู๎แตํง สานกั งานราชบณั ฑิตยสภา สืบค๎นจาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกก3. สอื่ แหลํงเรยี นร๎ูในชุมชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหํง และศูนยก๑ ารเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี ันธ๑
28 การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมินความกา๎ วหนา๎ ดว๎ ยวธิ กี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวธิ ีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความรู๎ หัวเรือ่ งท่ี 1 ความรูพ๎ ้ืนฐานเกี่ยวกับหน๎าที่พลเมอื ง จานวน 3 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติตอํ วิชาหนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่เกา๎ 3
29 หัวเรือ่ งที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ทพ่ี ลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 สาระสาคญั กกกกกกก1. หนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่ 9 หมายถงึ การทีป่ ระชาชน หรือบุคคล ในประเทศไทย ไดน๎ ๎อมนาแนวทางการปกครองดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม พระราชดารสั ท่ี สาคัญ หลกั การ ทรงงาน รวมถงึ พระราช จริยวตั ร และพระราชกรณยี กิจ ท่ีทรงเป็นแบบอยํางเป็นที่ยอมรบั ทงั้ ใน ระดับประเทศ และนานาประเทศของ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช มาศกึ ษา เรียนร๎ู และนาไปเป็นแนวทางปฏิบตั ใิ นการดาเนนิ ชวี ิต หรอื การประกอบอาชพี เพือ่ ใหต๎ นเอง มีคุณภาพชวี ติ ทด่ี ี มีความเข๎มแข็ง และมัน่ คง สํงผลตํอเนือ่ งตํอการพฒั นาประเทศ และโลกได๎ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ชวํ ยให๎พลเมืองมีจติ สาธารณะ มีสํวนรํวมหรอื ใหค๎ วามรํวมมอื ทาภารกจิ เพ่ือสวํ นรวมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาให๎ สังคม ประเทศ มคี วามม่ันคงผาสุก และเจรญิ กา๎ วหนา๎ ได๎ ตวั ช้วี ดั กกกกกกก1. บอกความหมายหนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ได๎ กกกกกกก2. อธิบายและตระหนักถึงความสาคญั ของหน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ขอบข่ายเนอ้ื หา กกกกกกก1. ความหมายของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 กกกกกกก2. ความสาคัญของหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 เนือ้ หา กกกกกกก1. ความหมายของหนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของหนา๎ ที่พลเมอื ง กกกกกกก1. 1.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมือง หมายถึง การทบี่ คุ คลในชมุ ชน สังคม ประเทศ ต๎องปฏบิ ัตติ าม กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาสั่งสอนของพํอแมํ ครอู าจารย๑ มคี วาม สามัคคี เอ้อื เฟ้อื เผ่ือแผํซงึ่ กันและกนั ร๎ูจกั รบั ผดิ ชอบชวั่ ดีตามหลกั จริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มคี วามรอบร๎ู มสี ตปิ ๓ญญา ขยนั ขนั แขง็ สรา๎ งความเจริญกา๎ วหนา๎ ใหแ๎ กํตนเอง ครอบครวั สังคม และ ประเทศชาติ
30 กกกกกกก1. 1.2 ความหมายตามรอยพระยคุ ลบาท กกกกกกก1. 1.2 ยุคลบาท จากพจนานุกรมราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ความหมายไวว๎ าํ เทา๎ ท้ังคูํ โดยมากใชแ๎ กํพระมหากษัตรยิ ๑และสมเด็จพระบรมราชนิ ีนาถ กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยคุ ลบาท มีความหมายตอํ ไปน้ี กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท หมายถึง วธิ ีคิด วธิ ีทรงงาน วิธีปฏบิ ัติ ทล่ี ๎วนเป็นแบบอยาํ ง ทค่ี วรแกกํ ารนาไปเปน็ แนวทางปฏิบัติและดาเนนิ ชีวติ กกกกกกก1. 1.2 ตามรอยพระยุคลบาท หมายถงึ ทรงเปน็ แบบอยาํ งทดี่ ีในการดาเนนิ ชวี ิตและการ ทางาน สามารถนอ๎ มนาไปปฏบิ ตั ไิ ด๎ กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรุป ตามรอยพระยคุ ลบาท หมายถึง การเรียนรูว๎ ิธคี ิด วิธที รงงาน วธิ ี ปฏิบตั ิทท่ี รงเปน็ แบบอยํางที่ดีของพระมหากษตั ริย๑ เพ่อื นามาใชเ๎ ป็นแนวทางในการดาเนินชีวติ หรือ การประกอบอาชีพ กกกกกกก1. 1.3 ความหมายของรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.3 รชั กาลท่ี 9 หมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหติ ลา ธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดนิ ทรสยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร พระมหากษัตริยล๑ าดบั ที่ 9 แหงํ ราชวงศ๑จกั รที ี่มคี ณุ ูปการตอํ ประเทศไทย และนานาประเทศ โดยได๎พระราชทานปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงเพื่อใช๎ในการพัฒนาคุณภาพชวี ิต สิ่งแวดลอ๎ มใหม๎ ีความมงั่ คง และยั่งยืน กกกกกกก1. 1.4 ความหมายของหนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.4 สามารถนาความหมายของหน๎าท่ีพลเมอื ง ความหมายของพระยุคลบาทและ ความหมายของรชั กาลท่ี 9 ดังกลาํ วข๎างตน๎ มารวบรวมเป็นความหมายของหนา๎ ทพี่ ลเมอื งตา มรอย พระยคุ ล บาท รัชกาลท่ี 9 ได๎วาํ หมายถึง การทป่ี ระชาชนหรือบุคคลในประเทศไทย ไดน๎ ๎อมนา แนวทางการปกครองดว๎ ยทศพิธราชธรรม พระราชดารัสท่สี าคญั หลกั การทรงงาน รวมถึงพระราช จริยวัตร และพระราชกรณียกิจ ท่ีทรงเปน็ แบบอยําง เปน็ ที่ยอมรับท้ังในระดับประเทศ และนานา ประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาศึกษาเรยี นร๎ู และนาไปเป็นแนวทาง ปฏิบัติในการดาเนินชวี ิต หรอื การประกอบอาชีพ เพ่ือให๎ตนเองมีคุณภาพชีวิตท่ดี ี มคี วามเข๎มแขง็ และ มั่นคง สงํ ผลตํอเนอ่ื งตอํ การพัฒนาประเทศ และโลกได๎ กกกกกกก2. ความสาคญั ของหน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลที่ 9 กกกกกกก2. ความสาคญั ของหนา๎ ที่พลเมอื งตอํ ประเทศชาติโดยท่ัวไป พลเมืองไทยทกุ คนตอ๎ งจงรกั ภกั ดีตํอสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย๑ ซึง่ เป็นเอกลักษณ๑ของชาติไทยให๎ดารงอยไูํ ด๎ ตอ๎ ง รกั ษาระบ อบการปกครองประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ๑ทรงเป็นประมขุ ต๎องชวํ ยกนั รักษา ปูองกันประเทศชาตริ ํวมมือกับเจา๎ หน๎าทอ่ี ยํางเต็มที่ ตอ๎ งปฏบิ ตั ิตามกฎหมายบา๎ นเมืองอยํางเครํงครดั เพื่อความผาสกุ ของคนในชาติ ต๎องชํวยเหลือราชการเมื่อยามบา๎ นเมืองมีภัยตอํ ความสงบสุข และตอ๎ ง เสียภาษอี ากร จากความสาคัญของหน๎าทพ่ี ลเมอื งดงั กลาํ ว จะเห็นไดว๎ ําความสาคัญของหน๎าทีพ่ ลเมือง โดยทวั่ ไป ต๎องให๎ความรวํ มมือแกํราชการในการปฏิบั ติภารกจิ เพือ่ สํวนรวมมากกวาํ สํวนตน การที่ พลเมอื งได๎เรียนรู๎ยึดแนวปฏบิ ตั ขิ อง พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัตภิ ารกิจเพอ่ื ประโยชนส๑ ํวนรวมของพลเมอื งไทย จะทาใหพ๎ ลเมอื งไทยได๎เรียนรู๎ ซมึ ซับเกิด ความซาบซ้ึง ตระหนักถึงความสาคัญของการมจี ิ ตสาธารณะ หรอื ทาภารกิจเพ่ือสํวนรวมอยําง
31 เครงํ ครัดได๎งาํ ยขน้ึ สงํ ผลตอํ การดารงอยํขู องชาตไิ ทยดังกลาํ ว เพราะหนา๎ ทีพ่ ลเมอื งมหี น๎าทีป่ ฏบิ ตั เิ พ่ือ สวํ นรวมดว๎ ยไมใํ ชปํ ฏบิ ัติแตภํ ารกิจสํวนตวั เทํานัน้ ถา๎ พลเมอื งทกุ คนรบั ร๎ู ตระหนกั รวํ มมือทาภารกจิ สํวนรวม ตามบทบาทท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงทาเป็น แบบอยํางยอํ มสํงผลตอํ ความมน่ั คงของประเทศ กกกกกกก2. กลําวโดยสรุป ความสาคญั ของหนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ชํวยให๎พลเมอื งมีจิตสาธารณะ มสี ํวนรวม หรอื ให๎ความรํวมมือทาภารกิจเพื่อสํวนร วมของสาธารณะ หรอื ของชาติ ทาใหส๎ ังคมประเทศมีความมน่ั คงผาสุก และเจรญิ กา๎ วหนา๎ ได๎ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเดน็ การศึกษาคน๎ ควา๎ รวํ มกนั จากสือ่ การเรยี นร๎ูทห่ี ลากหลาย กกกกกกก2. บันทึกผลการศกึ ษาค๎นควา๎ ลงในเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลํุม กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปลยี่ นเรียนรู๎ กกกกกกก5. วเิ คราะห๑ขอ๎ มลู ทีไ่ ด๎ และสรุปการเรยี นร๎รู วมกนั บนั ทึก สรปุ การเรียนรู๎ในเอกสารการ เรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) สื่อและแหลง่ เรียนรู้ กกกกกกก1. สื่อเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความร๎ู เรอื่ งที่ 2 การเรยี นร๎ูตามรอยพระยคุ ลบาท กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเรอ่ื งท่ี 2 ความหมายและความสาคญั ของหนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกก1. 1.3 ช่อื หนงั สอื พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยหูํ ัวเน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระขนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554 ผ๎แู ตงํ ราชบณั ฑิตสถาน ปีทพ่ี มิ พ๑ พ.ศ. 2556 สานกั พมิ พ๑ ศริ วิ ฒั นาอนิ เตอร๑พรน้ิ ท๑ จากดั กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนงั สือ การเดนิ ตามรอยพระยคุ ลบาท เศรษฐกิจพอเพียง ชวํ ยแกป๎ ญ๓ หาความ ยากจนและการทุจริต ผูแ๎ ตงํ สมพร เทพสิทธา ปที ่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2546 โรงพิมพ๑ศรีเมอื งการพิมพ๑ กกกกกกก1. 1.5 ช่ือหนงั สอื โครงการเรียนร๎ตู ามรอยพระยคุ ลบาท ผ๎แู ตงํ สานักสงํ เสริมกจิ การ การศึกษา สานักปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ปที พี่ ิมพ๑ ม.ป.ป. สถานที่พิมพ๑ ม.ป.พ. กกกกกกก1. 1.6 ชือ่ หนังสือเรยี น สาระการพัฒนาสังคม รายวชิ า สค33108 หน๎าท่พี ลเมอื งตาม รอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เกา๎ 3 กกกกกกก2. สอื่ อิเล็กทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ชือ่ บทความความหมายของคนดี ผแ๎ู ตงํ ทักษด๑ นยั สร๎อยคา สืบคน๎ จาก http://www.gotoknow.org2posts2244587
32 กกกกกกก2. 2.2 ช่ือบทความ พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย ผ๎แู ตงํ ปณิตา ปตตาทานงั สบื คน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com/สงั คมศึกษา/หนา๎ ทพ่ี ลเมอื ง กกกกกกก3. สอื่ แหลํงเรยี นรูใ๎ นชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทกุ แหงํ และศนู ย๑การเรยี นชมุ ชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ีขนั ธ๑ การวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหนา๎ ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมินผลรวม ด๎วยวธิ กี าร กกกกกกก1. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความร๎ู หัวเรอื่ งที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา๎ ที่ พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 จานวน 1 ขอ๎ กกกกกกก1. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติตํอวิชาหน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลทเ่ี ก๎า 3
33 หัวเรอ่ื งที่ 3 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว้ ยทศพธิ ราชธรรม สาระสาคัญ กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถึง หลักธรรมหรอื จรยิ วัตรประจาพระเจา๎ แผนํ ดนิ หรอื เปน็ คณุ ธรรมประจาตนของผป๎ู กครองบ๎านเมือง และยังประโยชน๑สขุ ให๎เกิดแกํประชาชน บุคคลธรรมดา ที่เปน็ ผบ๎ู รหิ ารระดับสูงในทกุ องค๑กร สามารถใช๎ทศพิธราชธรรมในการปกครององค๑กรของตนเองใหม๎ ี ความเปน็ ไปโดยธรรม กกกกกกก2. แนวทางปฏิบตั ิหน๎าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ คอื กกกกกกก2. 2.1 ทาน คอื การให๎ หมายถึง การสละทรพั ย๑ ส่ิงของ เพ่ือชวํ ยเหลอื คนทีด่ อ๎ ยและ ออํ นแอกวาํ แนวปฏบิ ัติของพลเมอื งดี ด๎วยการเป็นผูใ๎ ห๎ นอกเหนือจากการบริจาคเปน็ ทรพั ยส๑ ินหรือ สงิ่ ของแกผํ ยู๎ ากไร๎ ผ๎ดู ๎อยโอกาส และผ๎ตู กทกุ ข๑ไดย๎ ากตามท่ีเราทาอยูํเสมอแล๎ว เรากอ็ าจจะให๎น้าใจแกํ ผอู๎ ื่นได๎ เชนํ ให๎กาลงั ใจแกผํ ต๎ู กอยํใู นหว๎ งทุกข๑ ใหข๎ ๎อแนะนาทเ่ี ปน็ ความรแ๎ู กผํ ู๎รํวมงานหรอื ผใ๎ู ต๎บังคบั บัญชา ใหร๎ อยย้มิ และปยิ วาจาแกญํ าตพิ ่นี ๎อง เพื่อนฝงู รวมถงึ บคุ คลที่มารับบรกิ ารจากเรา เป็นตน๎ การเป็นผูใ๎ ห๎ นอกเหนอื จากการบริจาคเปน็ ทรพั ยส๑ ินหรือสง่ิ ของแกํผยู๎ ากไร๎ ผดู๎ อ๎ ยโอกาส แล๎วสามารถใหค๎ าแนะนา หรอื ใหก๎ าลงั ใจดังกลําว ยงั สามารถให๎อภัยทาน คือ การยกโทษใหก๎ บั บุคคล ทที่ าให๎เราร๎ูสึกไมสํ บายใจ หรือทาใหเ๎ ราไดร๎ ับกระทบกระเทอื น ทั้งด๎านวาจา กาย และใจดว๎ ย กกกกกกก2. 2.2 ศีล คือ การตั้งอยใูํ นศลี หมายถึง มคี วามประพฤติดงี าม เป็นตัวอยาํ งที่ดีแกคํ น ทัว่ ไป แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ดว๎ ยการประพฤตทิ ่ดี งี าม ตามหลักศาสนาของตน อยํางนอ๎ ยกข็ อให๎ เราไดป๎ ฏิบัติตามศลี 5 คือ ไมฆํ าํ สตั วต๑ ดั ชวี ติ ไมํลกั ขโมยของของผ๎ูอืน่ ไมลํ วํ งละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูด โกหก หรอื พดู สํอเสียดยยุ ง และควรทาตนให๎หาํ งไกลจากเหล๎า บหุ รี่ หรืออบายมุขตําง ๆ นอกจากนี้ ให๎นาศีล 5 ทยี่ ดึ ถอื ปฏิบัติไปควบคมุ พฤติกรรมของตนเอง ใหเ๎ คารพกฎหมายของบ๎านเมืองอยาํ ง เครงํ ครดั กจ็ ะชวํ ยให๎สงั คมไทยอยูํรวํ มกนั ไดอ๎ ยาํ งมคี วามสขุ กกกกกกก2. 2.3 ปริจจาคะ คือ บริจาค หมายถึง การเสยี สละความสุขสาราญของตนเพื่อประโยชน๑ สขุ ของหมํูคณะ แนวปฏบิ ตั ิของพลเมืองดี ดว๎ ยการ เสียสละความสขุ สํวนตนเพือ่ ความสุขหรอื ประโยชน๑ของสวํ นรวม ซ่งึ อาจจะเป็นครอบครวั หนวํ ยงาน หรอื เพ่อื นรํวมงานของเรากไ็ ด๎ เชํน ครอบครัว พํอบา๎ นเสียสละความสุขสํวนตวั ด๎วยการเลิกด่มื เหลา๎ ทาให๎ลกู เมยี มคี วามสุข และเพ่ือน บา๎ นก็สขุ ดว๎ ย เพราะไมํตอ๎ งฟง๓ เสียงอาละวาด ดําทอทุบตกี นั หรอื บุคคลอาจจะเสียสละเวลาชํวงท่ตี ๎อง อยูํกบั ครอ บครัวในตอนเย็นอยูชํ วํ ยเพ่อื นทางาน หรือไปเข๎าคํายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเดก็ ใน สถานเลยี้ งเดก็ กาพร๎าเปน็ ครัง้ คราว หรือเสียสละรํางกาย /อวัยวะหลงั ตายแล๎วเพอ่ื การศกึ ษา เปน็ ตน๎ ซึ่งการเสยี สละดังกลําวถอื วาํ ไดเ๎ ป็นการบรจิ าค เสยี สละความสุขสวํ นตัว เพอ่ื สํวนรวม
34 กกกกกกก2. 2.4 อาชชวะ คือ ความซอื่ ตรง หมายถึง มคี วามซ่อื สัตย๑สจุ รติ มคี วามจรงิ ใจ ไมกํ ลับกลอก แนวปฏิบตั ิของพลเมืองดี ดว๎ ยการ ดาเนินชวี ิตและปฏบิ ตั ิภารกจิ /หนา๎ ท่ีการงานตาํ ง ๆ ด๎วยความ ซื่อสัตย๑สจุ ริต ไมํคดิ คดโกง หรือหลอกลวงผู๎อื่น เชํน ถ๎าเราขายของ กไ็ มํเอาของไมดํ ีไปหลอกขาย ลกู คา๎ เป็นข๎าราชการ พนกั งานบริษัท หา๎ งรา๎ น กไ็ มคํ อรปั ชัน่ ทง้ั เวลา ทรัพยส๑ ินของหนํวยงานตน เพราะถา๎ ทกุ คนเอาเปรียบหรือโกงกิน ขาดความซือ่ สตั ย๑สุจริต จะทาให๎หนวํ ยงานเสียหายเดือดร๎อน แม๎เราจะไดท๎ รัพย๑สนิ ไปมากมาย แตเํ ราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุมประณาม และแมค๎ นอนื่ จะไมรํ ู๎ แตํตัวเรายํอมรอู๎ ยํูแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลวั คนอื่นจะมารคู๎ วามลบั ตลอดเวลา ผู๎ทีป่ ระพฤตติ นดว๎ ยความซ่อื ตรง แมไ๎ มํร่ารวยเงินทอง แตํกม็ ีความสุขท้งั กาย ใจได๎ กกกกกกก2. 2.5 มัททวะ คอื ความออํ นโยน หมายถึง มกี ิริยาสภุ าพ มีสัมมาคารวะ วาจาออํ นหวาน มคี วามนมํุ นวล ไมเํ ยํอหยง่ิ ไมหํ ยาบคาย แนวปฏบิ ัตขิ องพลเมืองดี ด๎วยการ ทาตวั สุภาพ นมุํ นวล ไมํเยอํ หย่ิง ถอื ตัว หรือแสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกบั ใคร ไมํวําจะเปน็ ผูใ๎ หญํ ผนู๎ ๎อยหรอื เพ่ือนในระดับ เดยี วกนั การทาตวั เป็นผูท๎ ีม่ คี วามออํ นน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปทีไ่ หนคนก็ให๎การต๎อนรบั เพราะอยูํใกล๎ แล๎วสบายใจ ไมํรอ๎ นรํุม หากบคุ คลแสดงกิรยิ าหยาบคาย ก๎าวรา๎ ว คนก็ถอยหาํ ง ดังน้ัน หลกั ธรรมข๎อน้ี จึงเปน็ การสร๎างเสนหํ ๑อยํางหนึง่ ให๎แกํตัวเราด๎วย กกกกกกก2. 2.6 ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถงึ การเพยี รพยายามไมใํ ห๎ความมวั เมาเข๎าครอบงา จติ ใจ ไมลํ มํุ หลงกบั อบายมุขและส่งิ ช่ัวร๎าย ไมหํ มกมนํุ กับความสขุ สาราญ แนวปฏิบตั ิของพลเมอื งดี ดว๎ ยการให๎ปฏิบตั ิหนา๎ ทกี่ ารงานทีร่ ับผิดชอบดว๎ ยความมมุ านะ อดทน ขยัน มํุงมัน่ และทาแตํสงิ่ ทีด่ ี ความถูกต๎อง ฝุาฟ๓ นอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ดว๎ ยความพากเพยี รนจ้ี ะทาใหเ๎ รา ภาคภมู ิใจเม่ืองานสาเร็จ และจะทาให๎เรามีประสบการณเ๑ กงํ กล๎าขึน้ นอกจากนี้ ยังสอนใหเ๎ ราส๎ูชีวติ ไมยํ อมแพอ๎ ะไรงาํ ย ๆ กกกกกกก2. 2.7 อักโกธะ คอื ความไมํโกรธ หมายถึง มจี ติ ใจมนั่ คง มคี วามสขุ มุ เยือกเยน็ อดกลัน้ ไมแํ สดงความโกรธหรือความไมพํ อใจให๎ปรากฏ แนวปฏบิ ตั ขิ องพลเมอื งดี ด๎วยการฝกึ ฝนควบคุม อารมณข๑ องตนเอง ไมํใหเ๎ ปน็ คนโมโหงําย และพยายามระงบั ยบั ย้งั ความโกรธอยํเู สมอ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาได๎ยาก แตหํ ากเราสามารถฝกึ ฝน ไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ย้ัง ความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน๑ตอํ เราหลายอยาํ ง เชนํ ทาให๎เราสขุ ภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส ข๎อ สาคัญ ทาให๎เรารักษามิตรไมตรีหรือสมั พันธภาพกับผอ๎ู ่นื ไว๎ได๎ อนั มผี ลใหบ๎ คุ คลนัน้ เปน็ ทร่ี กั และเกรงใจ ของคนทตี่ ิดตอํ ด๎วย กกกกกกก2. 2.8 อวหิ ิงสา คือ ความไมเํ บียดเบยี น หมายถึง ไมํกดขข่ี มํ เหง กลน่ั แกลง๎ รงั แกคนอน่ื ไมหํ ลงในอานาจ ทาอันตรายตํอราํ งกายและทรัพย๑สนิ ผอู๎ ่ืนตามอาเภอใจ แนวปฏบิ ัติของพลเมอื งดี ดว๎ ยการไมํเบียดเบียนหรือบีบค้นั กดข่ีผูอ๎ ื่น รวมไปถงึ การไมใํ ชอ๎ านาจไปบังคบั หรือหาเหตกุ ลั่นแกลง๎ คนอ่นื ด๎วย เชํน ไมํไปขํมเหงรงั แกผ๎ูด๎อยกวํา ไมไํ ปขํมขใูํ หเ๎ ขากลัวเราหรอื ไปบีบบงั คับเอาของรัก ของ หวงมาจากเขา เปน็ ต๎น นอกจากไมํเบยี ดเบียนคนดว๎ ยกนั แล๎ว เรายังไมํควรเบยี ดเบยี นธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ๎ ม และสตั วอ๑ ีกด๎วย เพราะมฉิ ะนนั้ ผลรา๎ ยจะยอ๎ นกลับมาสูํเรา และสังคม อยํางที่เห็ นใน ปจ๓ จุบันจากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ
35 กกกกกกก2. 2.9 ขันติ คอื ความอดทน หมายถงึ การอดทนตํอส่งิ ท้ังปวง สามารถอดทนตอํ งานหนกั ความยากลาบาก ท้งั อดทน อดกล้นั ตอํ คาตฉิ นิ นนิ ทา แนวปฏิบตั ิของพลเมืองดี ด๎วยการ ให๎ เราอดทนตอํ ความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมทํ ๎อถอย และไมหํ มดกาลั งกาย กาลงั ใจทีจ่ ะดาเนิน ชีวิต และทาหนา๎ ทก่ี ารงานตํอไปจนสาเรจ็ รวมทัง้ อดทนตํอการไมไํ ด๎รับความสุขสาราญ ไมํไดร๎ ับความ สะดวก สบาย ความอดทนจะทาใหเ๎ ราชนะอุปสรรคท้ังปวงไมวํ ําเลก็ หรอื ใหญํ และจะทาใหเ๎ ราแกรงํ ขนึ้ เขม๎ แขง็ ข้ึน กกกกกกก2. 2.10 อวิโรธนะ คอื ความเท่ียงธรรม หมายถึง ไมปํ ระพฤติผดิ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นอยํใู น ความดงี าม ไมํหวัน่ ไหวในเรอื่ งดีเรื่องรา๎ ย แนวปฏบิ ตั ิของพลเมอื งดี ด๎วยการควรกระทาการงานหรือ ดาเนินชีวติ ที่ถูกตอ๎ ง และใหค๎ วามเป็นธรรมกบั บุคคลทเี่ กีย่ วข๎อง ด๎วยความยุตธิ รรม และเที่ยงธรรม ตัวชว้ี ดั กกกกกกก1. วิเคราะห๑หน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรมตาม สถานการณท๑ ่กี าหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคัญของหน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม ขอบขา่ ยเน้ือหา กกกกกกก1. ความหมายของทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ตั ิหน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ดว๎ ยทศพิธราชธรรม เนื้อหา กกกกกกก1. ความหมายของทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถงึ หลักธรรมประจาพระองค๑ หรอื เปน็ คุณธรรมประจาตน ของผ๎ปู กครองบ๎านเมอื ง ให๎มีความเปน็ ไปโดยธรรม และยงั ประโยชนส๑ ขุ ให๎เกิดแกํประชาชนจนเกิด ความชน่ื ชมยนิ ดี ซ่งึ ความจรงิ แลว๎ ไมไํ ด๎จาเพาะเจาะจงสาหรับพระเจา๎ แผนํ ดนิ หรอื ผ๎ปู กครองแผํนดิน เทําน้นั บุคคลธรรมดาที่เปน็ ผู๎บรหิ ารระดบั สูงในทุกองค๑กรก็พึงใชห๎ ลกั ธรรมเหลาํ นี้ กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถงึ จรยิ วัตรที่พระเจ๎าแผํนดินทรงประพฤติเป็นหลักธรรมประจา พระองค๑ หรือคุณธรรมของผป๎ู กครองบ๎านเมือง กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถึง ความซือ่ ตรง ทรงมีพระราชอัธยาศัย อันประกอบดว๎ ยความ ซ่ือตรง ดารงในสัตยส๑ จุ รติ กกกกกกก1. ทศพิธราชธรรม หมายถึง หลกั ธรรมอนั เปน็ เคร่ืองยดึ เหนยี่ วนา้ ใจของกนั และกนั เห็น เหตใุ ห๎ตนเอง และหมํูคณะก๎าวไปสํูความเจรญิ รุงํ เรือง
36 กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุป ทศพธิ ราชธรรม หมายถึง เป็นหลักธรรมหรอื จรยิ วัตรประจาพระเจ๎า แผนํ ดนิ หรอื เป็นคณุ ธรรมประจาตนของผป๎ู กครองบา๎ นเมือง และยังประโยชนส๑ ขุ ให๎เกดิ แกํประชาชน บุคคลธรรมดาทเ่ี ป็นผ๎ูบรหิ ารระดับสงู ในทกุ องค๑กร สามารถใชท๎ ศพิธราชธรรมในการปกครององคก๑ ร ของตนเองใหม๎ ีความเปน็ ไปโดยธรรม กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบตั ิหน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ด้วยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก2. ทศพิธราชธรรมที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ใช๎ ปกครองประเทศไทยและพลเมืองไทย ควรตามรอยพระยคุ ลบาท มี 10 ประการ ดังนี้ กกกกกกก2. 2.1 ทาน คือ การให๎ การสละทรัพย๑ สง่ิ ของ เพอ่ื ชํวยเหลือคนท่ีดอ๎ ยและออํ นแอกวาํ กกกกกกก2. 2.1 นับแตํปีพุทธศักราช 2493 หลงั จากพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกแลว๎ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงบาเพ็ญทานบารมมี ากมายจนเหลือที่จะพรรณนา ได๎สุดส้นิ ครบถว๎ นทัง้ สองประการ คือ \"ธรรมทาน\" ซง่ึ ถอื เป็นทานอนั เลศิ ทางพระพทุ ธศาสนาสามารถ แก๎ความทุกขย๑ ากขาดแคลนทางจิตใจ ทาให๎ใจเป็นสุขและตั้งอยํูในความดงี าม โดยไดพ๎ ระราชทาน พระบรมราโชวาทแฝงด๎วยคตธิ รรมเปน็ เครอื่ งเตอื นใจในเร่ืองตาํ ง ๆ แกพํ สกนกิ รตามสถานะ และ วาระโอวาทอยูํเสมอ ในท๎องถน่ิ ทต่ี อ๎ งการความร๎ู ไดพ๎ ระราชทานความร๎ู และตรสั แนะนา ในส่งิ อันจะ ทาประโยชนม๑ าให๎ ด๎วยพระมหากรุณาธคิ ณุ ทจ่ี ะทรงชํวยดับทุกข๑ ความเดือดรอ๎ นในจติ ใจของ ประชาชน ทัง้ มวล นอกจากธรรมทานแลว๎ \"อามิสทาน \" หรือ \"วัตถุทาน \" กท็ รงมีพระเมตตาใน พระราชหฤทยั เปน็ ลน๎ พ๎น ไดพ๎ ระราชทานพระราชทรัพยแ๑ ละวตั ถุสงิ่ ของตําง ๆ เพอ่ื แก๎ความทกุ ข๑ยากขาดแคลนทาง กายใหแ๎ กพํ สกนกิ รเสมอมา ในการบาเพญ็ ทางบารมีน้ี ได๎ทรงบาเพญ็ ตามทพี่ ระพทุ ธเจา๎ ตรัสสอน ทุก ประการ คอื ทรงบาเพ็ญครบถ๎วนตามคณุ สมบัตขิ องทาน 3 ประการ ได๎แกํ คณุ สมบัติของทาน ประการท่ีหนึง่ คือ การพระราชทานใหแ๎ กบํ คุ คลที่สมควรได๎รับการอนเุ คราะหโ๑ ดยมไิ ดท๎ รงเลอื ก เชื้อชาติหรอื ศาสนา คณุ สมบตั ิของทานประการท่สี อง คือ ถงึ พรอ๎ มดว๎ ยเจตนาโดยทรงมพี ระเมตตา คณุ เปย่ี มลน๎ ในพระราชหฤทยั ทัง้ กอํ นการพระราชทาน ขณะพระราชทาน และหลงั การพระราชทาน แลว๎ คณุ สมบัติของทานประการท่สี าม คือ วตั ถุท่พี ระราชทานนน้ั ล๎วนเปน็ ประโยชน๑แกรํ าษฎรผ๎ูรบั พระราชทาน ใหพ๎ น๎ จากการขาดแคลนไดอ๎ ยํางไมํมีข๎อสงสัย นอกจากนีย้ งั ทรงบาเพ็ญทานใหเ๎ ป็นบุญ ตามท่พี ระพทุ ธองคท๑ รงสอนไว๎ คอื บาเพญ็ ให๎เปน็ เครอื่ งชาระกิเลสอันมคี วามละโมบ เป็นต๎น ตัวอยํางเชํน \"สวนหลวง ร.9\" ซ่งึ ชาวไทยรํวมใจกนั สร๎างข้ึน เพื่อถวายเป็นราชสกั การะ ก็มไิ ดท๎ รง สงวนไว๎สาหรับพระองค๑ แตํไดพ๎ ระราชทานใหเ๎ ป็นสาธารณสถาน เพือ่ ประโยชน๑สขุ แหํงปวงชนชาว ไทยทั้งมวล สวํ นโครงการหลวง โครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ ทม่ี อี ยนูํ บั พันโครงการทั่วประเทศ รวมทั้ง \"ศูนยศ๑ ึกษาการพฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ \" ซงึ่ โปรดใหต๎ งั้ ข้ึนในภาคตําง ๆ เพอ่ื ศกึ ษาพน้ื ท่ี และวจิ ัยปรบั ปรุงพนั ธพุ๑ ืชผลใหเ๎ หมาะแกํท๎องถน่ิ อนั เปน็ การแก๎ไขตน๎ เหตแุ หงํ ป๓ญหาเพอื่ พฒั นา ประเทศใหไ๎ ดผ๎ ลนน้ั จดั เป็นการบาเพ็ญทานใหเ๎ ปน็ กุศล คอื เปน็ กิจของคนดี คนมปี ๓ญญา ถกู กาลสมัย เหมาะแกํความตอ๎ งการของผรู๎ บั ไมํทาให๎พระองค๑ หรอื ผใ๎ู ดเดอื ดร๎อน การบาเพญ็ ทานให๎เปน็ กุศลของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงยงั ผลใหไ๎ พรํฟูาหนา๎ ใสไดโ๎ ดยท่วั หน๎ากนั
37 ภาพทรงใหว๎ ตั ถุทาน ภาพทรงให๎ธรรมทาน กกกกกกก2. 2.1 หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การเปน็ ผใ๎ู ห๎ นอกเหนือจากการบริจาคเป็น ทรพั ยส๑ ินหรอื สิ่งของแกํผ๎ูยากไร๎ ผดู๎ ๎อยโอกาส และผต๎ู กทกุ ข๑ได๎ยากตามทเี่ ราทาอยเํู สมอแล๎ว เราก็ อาจจะใหน๎ ้าใจแกผํ ูอ๎ ่ืนได๎ เชนํ ใหก๎ าลงั ใจแกผํ ๎ตู กอยใํู นหว๎ งทุกข๑ ให๎ขอ๎ แนะนาที่เป็นความร๎ู แกํผ๎ูรวํ มงาน หรอื ผ๎ูใต๎บังคับบญั ชา ให๎รอยย้มิ และปิยวาจาแกญํ าตพิ ่นี ๎อง เพอื่ นฝงู รวมถงึ บคุ คลท่มี า รบั บริการจากเรา เป็นต๎น การเปน็ ผ๎ใู ห๎ นอกเหนอื จากการบรจิ าคเป็นทรัพยส๑ นิ หรอื สิ่งของแกํผย๎ู ากไร๎ ผ๎ดู อ๎ ยโอกาสแล๎ว สามารถให๎คาแนะนา หรอื ให๎กาลงั ใจดงั กลําว ยงั สามารถใหอ๎ ภยั ทาน คือ การยกโทษ ให๎กับบุคคลที่ทาใหเ๎ รารสู๎ ึกไมํสบายใจ หรอื ทาให๎เราได๎รบั กระทบกระเทอื น ท้งั ดา๎ นวาจา กาย และใจดว๎ ย กกกกกกก2. 2.2 ศลี คอื การตงั้ อยํูในศีล หมายถึง มีความประพฤตดิ ีงาม เป็นตวั อยํางทด่ี ีแกคํ นทั่วไป กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระองค๑ ใหเ๎ ป็นท่ีประจักษต๑ ลอดมาวํา ทรงเครํงครัดในการรกั ษาศีล และทรงมนี า้ พระทัยนบั ถือ พระพทุ ธศาสนา โดยบริสุทธ์ิ ดังจะเหน็ ได๎จากการเสด็จออกทรงผนวชรกั ษาศีล 227 ขอ๎ ของพระภกิ ษุใน บวรพทุ ธศาสนา เม่ือวนั ท่ี 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 ณ พระอโุ บสถวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม และเม่อื ทรงผนวชแล๎วได๎ เสดจ็ มาประทับรักษาศลี ตามพุทธบัญญตั ิ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยประทับ ณ \"พระตาหนกั ป้๓ นหยํา\" แล๎วจึงเสดจ็ มาประทบั ณ \"พระตาหนักทรงพรต \" ตามขตั ติยราชประเพณี แม๎เมื่อทรงลาผนวชแลว๎ พระองค๑ยงั คงเสด็จมาประทับนง่ั สมาธกิ รรมฐานเป็นครั้งคราว ณ พระตาหนักทรงพรตนต้ี ลอดระยะเวลา แหงํ การทรงผนวช ทรงดารงพระองคไ๑ ดง๎ ดงามบรสิ ุทธ์ิ สมควรแกํการเป็นพุทธสาวก จนเปน็ ที่ เลือ่ มใส
38 ศรทั ธา แกํพสกนกิ รโดยทวั่ หนา๎ เมือ่ ทรงลาผนวชมาอยพูํ ระราชฐานะแหงํ พระมหากษัตริยา ธิราชแลว๎ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ยงั ทรงประพฤติอยํูในศลี โดยบรสิ ุทธ์ิ กลําวคอื ทรงประพฤติพระราชจริยวตั รในทางพระวรกาย และในทางพระวาจาใหส๎ ะอาดง ดงาม ถกู ตอ๎ งอยํูเป็นนจิ ไมํเคยบกพรํอง ไมวํ ําจะเปน็ ศลี ในการปกครอง หรอื ศลี ในทางศาสนากต็ าม ในดา๎ น ศีลในการปกครอง คอื การประพฤติตนตามกฎหมายและจารี ตประเพณีอันดงี ามนนั้ ไมเํ คยปรากฏ เลยวาํ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงใชพ๎ ระราชอานาจของ พระองค๑เหนือกฎหมาย และไมเํ คยมแี ม๎แตํสักครั้งเดยี วทีจ่ ะทรงละทง้ิ จารีตประเพณีอันดีงามของชาติ และของพระราชวงศ๑ พระเกียรตคิ ุณในขอ๎ น้เี ปน็ ทซ่ี ึมซาบ ในใจของชาวไทยเป็นอยํางดี นบั จาก กาลเวลาท่ีลวํ งผํานมาตราบจนถึงทุกวนั น้ี สํวนศีลในทางศาสนา อยาํ งนอ๎ ยคอื ศีลหา๎ อนั เป็นศลี หรือ กฎหมายที่ใชใ๎ นการปกครองแผํนดินมาตัง้ แตํอดตี กํอนพุทธกาลน้นั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงสมาทานรกั ษาอยํางเครงํ ครัด และทรงสนับสนนุ ให๎พสกนิกรของ พระองค๑สมาทานรักษาศลี อยาํ งเครงํ ครดั สาหรบั ผท๎ู มี่ ไิ ด๎นับถอื พุทธศาสนา พระองคท๑ รง สนบั สนนุ ให๎ ยดึ มัน่ ตามคาสอนแหํงศาสนาอนั ตนศรัทธา ดว๎ ยทรงตระหนักวําทกุ ศาสนามหี ลกั คาสอนทีน่ าไปสูํการ ประพฤตดิ ี ศาสนาจึงเป็นส่งิ จาเปน็ สาหรบั การอยรํู ํวมกนั ของชนหมํมู าก แม๎บดั นใ้ี นการปกครองจะมี กฎหมายอยูแํ ล๎ว กย็ ังตอ๎ งอาศยั ศาสนาเป็นเคร่อื งอุปการะดว๎ ยกฎหมายบังคบั ได๎ เพียงแคกํ าย สํวนศาสนาสามารถเข๎าถงึ จิตใจ น๎อมนาไปปฏิบตั ติ าม โดยไมตํ อ๎ งบังคับ การท่ีพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงปกครองบ๎านเมืองด๎วยกฎหมายและศาสนา ประกอบกับการท่ที รงสมาทานศีลอยาํ งเครํงครดั ดังปรากฏในที่ทกุ สถาน ชาวไทยจงึ มคี วามสุขสงบ และวัฒนาดว๎ ยศลี บารมีแหงํ พระองค๑ ภาพทรงสนทนาธรรมกับสมเดจ็ พระสงั ฆราช
39 ภาพทรงผนวช กกกกกกก2. 2.2 หน๎าที่พลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ การประพฤติที่ดงี าม ตามหลักศาสนาของตน อยาํ งน๎อยก็ขอให๎เราได๎ปฏิบตั ิตามศลี 5 คือ ไมฆํ าํ สัตวต๑ ดั ชวี ติ ไมลํ ักขโมยของของผู๎อ่นื ไมลํ วํ งละเมิด ลกู เมยี เขา ไมพํ ูดโกหก หรอื พูดสอํ เสียดยยุ ง และควรทาตนใหห๎ ํางไกลจากเหลา๎ บหุ รี่ หรอื อบายมุข ตาํ ง ๆ นอกจากนใี้ ห๎นาศีล 5 ทยี่ ดึ ถือปฏิบัตไิ ปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของ บ๎านเมืองอยาํ งเครงํ ครัด กจ็ ะชวํ ยใหส๎ งั คมไทยอยํูรวํ มกนั ไดอ๎ ยํางมคี วามสุข กกกกกกก2. 2.3 ปริจจาคะ คือ บรจิ าค หมายถงึ การเสยี สละความสุขสาราญของตน เพ่อื ประโยชน๑ สุขของหมคูํ ณะ กกกกกกก2. 2.3 ในด๎านการบริจาค การเสียสละความสุขสาราญของตน เพอ่ื ประโยชน๑สุขของหมูํคณะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงยดึ ถือประโยชน๑และความเจริญ ของชาติ ศาสนา รวมท้ังประโยชน๑สุขของพสกนกิ ร สาคญั ยงิ่ กวาํ พระองคเ๑ อง พระราชกรณยี กจิ นานัปการจึงเปน็ ไปเพอื่ ความวัฒนา และประโยชน๑สุขของชาวไทย ด๎านการสงเคราะห๑ ไดท๎ รงเสยี สละ พระราชทรัพย๑ และส่งิ ของจานวนมากมายจนสดุ ทจ่ี ะประมาณได๎ เพอื่ ดบั ความทกุ ขย๑ ากของพสกนกิ ร ในยามประสบภัยพิบัติ และในถ่ินทุรกันดาร ทรงสละพระราชทรพั ย๑เพ่อื พฒั นาการศึกษาให๎แกเํ ยาวชนไทย โดยโปรดให๎มีโครงการจดั ตั้งโรงเรียนในถ่นิ ยากจนตําง ๆ โครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน และ ทุนอานนั ทมหดิ ลเพื่อสํงนักเรียนไทยไปศึกษาตาํ งประเทศ เปน็ ตน๎ ทรงสละพระราชทรัพยน๑ บั จานวน ไมํนอ๎ ย ในการพระราชทานพระบรมราชปู ถมั ภ๑แกํมูลนิธิและสาธารณสถานตาํ ง ๆ เพื่อประโยชนส๑ ุข ของชาวไทย ทรงเสยี สละพระราชทานท่ีนาของทรัพย๑สินสวํ นพระมหากษตั รยิ ๑ในจังหวดั ตาํ ง ๆ กวํา 50,000 ไรํ ให๎เข๎าอยูํในโครงการปฏริ ปู ท่ีดนิ เมอ่ื ปี พ.ศ.2518 เพือ่ แบํงป๓นท่ที ากินใหแ๎ กํเกษตรกรที่ ยากจน การท่ที รงบริจาคพระราชทรัพย๑ วัตถุสง่ิ ของ และท่ดี นิ จานวนมหาศาล รวมทัง้ การทท่ี รง เสียสละปฏิบัติ พระราชภารกิจท้งั นอกและในประเทศ พระราชภารกจิ ในโครงการ พระราชดารินบั พัน ๆ โครงการท่ัวประเทศน้ี ยํอมเปน็ ที่ประจกั ษช๑ ดั ในความเสียสละอนั ใหญหํ ลวงของพระองค๑ ด๎วยทรง เสียสละเวลา พระปรีชาสามารถ และความสาราญพระราชหฤทัยท้ังมวล ทรงยอมรบั ความเหนด็ เหน่ือย พระวรกายทกุ ประการเพ่อื พสกนิกรชาวไทยอยํางแท๎จรงิ จะเห็นไดว๎ ําพระองค๑ทรงเสียสละควา มสขุ สาราญของตนเพือ่ ประโยชน๑สุขของพสกนิกรน่นั เอง
40 ภาพเสดจ็ เยี่ยมพสกนกิ ร ภาพทรงมอบทุนอานนั ทมหดิ ลเพื่อสํงนักเรยี นไทยไปศึกษา ตํางประเทศ กกกกกกก2. 2.3 หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ การเสียสละความสขุ สวํ นตน เพือ่ ความสุข หรอื ประโยชนข๑ องสํวนรวม ซงึ่ อาจจะเป็นครอบครวั หนํวยงาน หรือเพ่ือนรวํ มงานของเราก็ได๎ เชนํ ครอบครวั พํอบา๎ นเสียสละความสขุ สวํ นตวั ด๎วยการเลิกด่ืมเหลา๎ ทาให๎ลกู เมยี มคี วามสุข และเพือ่ น บา๎ นกส็ ุขดว๎ ย เพราะไมํตอ๎ งฟง๓ เสียงอาละวาด ดําทอทุบตีกัน หรือบคุ คลอาจจะเสียสละเวลาชวํ งท่ตี ๎อง อยูกํ ับครอบครัวในตอนเยน็ อยํูชวํ ยเพอ่ื นทางาน หรอื ไปเข๎าคาํ ยพฒั นาชนบท อาสาไปดูแลเด็กใน สถานเลีย้ งเดก็ กาพรา๎ เป็นครั้งคราว หรือเสียสละราํ งกาย /อวยั วะหลังตายแลว๎ เพอ่ื การศึกษา เปน็ ต๎น ซง่ึ การเสียสละดังกลาํ วถือวาํ ได๎เป็นการบริจาค เสยี สละความสขุ สวํ นตวั เพ่อื สํวนรวม กกกกกกก2. 2.4 อาชชวะ คือ ความซื่อตรง หมายถงึ มีความซอื่ สัตย๑สจุ รติ มีความจริงใจ ไมกํ ลบั กลอก กกกกกกก2. 2.4 อนั ทศพิธราชธรรมขอ๎ ทสี่ ี่ คือ อาชชวะ หรือความซ่ือตรงน้ี พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงปฏบิ ตั ิอยเูํ ป็นนิจ สาหรับผูท๎ ม่ี ีอายุคงจะจากัน ไดด๎ วี ําหลงั จากที่ได๎ทรงดารงสิริราชสมบตั ิแลว๎ ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 อนั เปน็ วันกาหนด เสดจ็ กลบั ไปทรงศกึ ษาตอํ ในตาํ งประเทศ ระหวาํ งประทบั รถพระท่ีน่ังเพือ่ เสด็จพระราชดาเนนิ ไปขน้ึ เครอื่ งบินน้นั ไดม๎ ีเสียงร๎องมาจากกลมํุ พสกนิกรท่ีเฝูาสํงเสด็จวํา \"อยาํ ทงิ้ ประชาชน \" และได๎มีพระราช
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323