Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (ร่าง) แนวทางการใช้โปรแกรมการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘

(ร่าง) แนวทางการใช้โปรแกรมการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๘

Published by special_lp, 2018-06-13 02:39:00

Description: ๕.เล่มแนวทางตามโปรแกรม

Search

Read the Text Version

๑๔๐ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย พฤติกรรมทีค่ าดหวงั แนวทางการจัดกิจกรรม เป็นต้น สถานท่บี ริการต่างๆ เป็น ต้นโดยใชก้ จิ กรรม ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) เรยี นรู้ในสถานที่จรงิ ๒) การสาธิตและปฏิบัติ ตาม ๓) การเลยี นแบบ ๔) การอ่านเป็นคา ๕) การเชื่อมโยงรปู ภาพ กับคา ๖) การแจกรูปประสมคา ๗) การใช้เกม ตัวอย่างการนาพฤติกรรมท่ีคาดหวังและแนวทางการจัดกิจกรรมไปจัดท าแผนการสอนเฉพาะบคุ คลและ แผนบริการโดยครอบครัวและชมุ ชนดงั นี้ ๑) ตารางวิเคราะห์งาน (ตัวอย่าง) วิเคราะหง์ าน กจิ กรรม การอา่ นในชวี ติ ประจาวันพฤติกรรมท่ีคาดหวัง ผู้เรียนสามารถอ่านป้ายท่ีมีภาพ/สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคาในชีวิตประจาวันเช่น อันตราย ทางเข้า ทางออก ทางหนีไฟ ป้ายห้องน้าหญิง ป้ายห้องน้าชาย ป้ายบอกสินค้าป้ายห้ามเขา้ ปา้ ยบอกทาง ปา้ ยห้ามเข้า ปา้ ยบอกสถานท่บี ริการตา่ ง ๆ เป็นตน้เป้าหมายระยะยาว ภายในเดือน มีนาคม ๒๕๕๙ เด็กชายดารงสามารถอ่านป้ายในชวี ิตประจาวันใน โรงเรียน ไดแ้ ก่ หอ้ งน้าชาย ห้องนา้ หญงิ ทางเข้า ทางออก อันตราย ทางหนไี ฟจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ๑. เม่ือให้เดก็ ชายดารงอ่านภาพ สญั ลักษณ์ คาหรือกลุ่มคา ในชีวติ ประจาวันในโรงเรียนได้แก่ ห้องนา้ ชาย หอ้ งน้าหญิง ผเู้ รียนสามารถอ่านป้ายได้ถูกตอ้ ง ๒. เมื่อให้เดก็ ชายดารงอ่านภาพ สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคา ในชีวิตประจาวันในโรงเรียนได้แก่ ทางเข้า ทางออก ผูเ้ รยี นสามารถอา่ นปา้ ยได้ถกู ต้อง

๑๔๑ ๓. เม่ือให้เด็กชายดารงอ่านภาพ สญั ลักษณ์ คาหรือกลุ่มคา ในชีวิตประจาวันในโรงเรียนได้แก่ อนั ตราย ทางหนไี ฟ ผ้เู รยี นสามารถอา่ นป้ายไดถ้ ูกต้องการวเิ คราะห์งานขนั ตอนการอา่ นป้ายในชวี ิตประจาวนั ในโรงเรียนขนั ตอนท่ี วชิ าการเพือ่ การดารงชีวติ การอ่านป้ายในชวี ติ ประจาวันในโรงเรียน๑ เมอื่ ผูส้ อนใหผ้ เู้ รยี นดูรปู ภาพ ผ้หู ญิง ผชู้ าย ผู้เรยี นสามารถบอกได้ถูกตอ้ ง๒ เมื่อผูส้ อนใหผ้ เู้ รียนดูสญั ลักษณท์ ่แี ทนผูห้ ญิง ผชู้ าย ผูเ้ รียนสามารถบอกไดถ้ ูกตอ้ ง๓ เม่อื ผสู้ อนให้ผู้เรยี นดูป้ายหอ้ งน้าหญิง หอ้ งนา้ ชาย ท่มี สี ัญลักษณ์แทนผหู้ ญิง ผู้ชาย ผเู้ รยี นสามารถบอกได้ถกู ต้อง๔ เมอ่ื ผู้สอนใหผ้ ้เู รยี นดปู ้ายห้องนา้ หญิง หอ้ งนา้ ชาย ทีม่ สี ัญลักษณ์แทนผหู้ ญิง ผชู้ าย และคา ผ้เู รียนสามารถบอกไดถ้ ูกต้อง๕ เมื่อผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นดปู ้ายหอ้ งนา้ หญงิ หอ้ งนา้ ชาย ที่มสี ญั ลักษณ์แทนผู้หญงิ ผชู้ าย และกลมุ่ คา ผู้เรียนสามารถบอกได้ถูกต้อง๖ เมื่อผสู้ อนให้ผู้เรยี นดูป้ายห้องน้าหญงิ หอ้ งนา้ ชาย ท่มี ีคาหรือกลุม่ คา ผู้เรยี นสามารถ บอกได้ถูกตอ้ ง๗ เมื่อผ้เู รียนต้องการเข้าหอ้ งนา้ ผู้เรียนสามารถเลือกเข้าห้องนา้ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง

๑๔๒ ๒) แผนการสอนเฉพาะบคุ คล (ตัวอย่าง) แผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individualized Implementation Plan : IIP)ชื่อ-สกลุ ด.ช.ดารง ชวี ิตดี (นามสมมติ) ประเภทความพิการ บกพร่องทางสติปัญญาปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ ทักษะ วิชาการเพื่อการดารงชวี ติ เร่ืองการอา่ นในชีวิตประจาวนัพฤติกรรมที่คาดหวัง ผู้เรียนสามารถอ่านป้ายที่มีภาพ/สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคาในชีวิตประจาวันเช่น อันตราย ทางเข้า ทางออก ทางหนีไฟ ป้ายห้องน้าหญิง ป้ายห้องน้าชาย ป้ายบอกสินค้าป้ายหา้ มเขา้ ป้ายบอกทาง ป้ายห้ามเขา้ ปา้ ยบอกสถานท่ีบรกิ ารตา่ ง ๆ เปน็ ต้นเป้าหมายระยะยาว ภายในเดือน มีนาคม ๒๕๕๙ เด็กชายดารงสามารถอ่านป้ายในชีวิตประจาวันในโรงเรียน ได้แก่ หอ้ งน้าชาย ห้องนา้ หญิง ทางเขา้ ทางออก อนั ตราย ทางหนไี ฟได้ดว้ ยตนเองจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เมอ่ื ให้เดก็ ชายดารงอ่านภาพ สัญลักษณ์ คาหรอื กลมุ่ คา ในชีวิตประจาวันในโรงเรียน ได้แก่ห้องน้าชาย ห้องน้าหญิง ผู้เรียนสามารถอ่านป้ายได้ถูกต้อง (ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ คร้ังตดิ ตอ่ กนั ภายในเดือนสงิ หาคม ๒๕๕๘แผนการสอนที่ ๑ เริ่มใช้แผน วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ถึง วันท่ี ๓๑ สิงหาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ ใช้เวลาคร้งั ละ ๓๐ นาทีเรื่อง การอา่ นภาพ สญั ลักษณ์ คาหรือกล่มุ คาเนอื หา การอ่านป้ายท่ีมีภาพ สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคา ตามสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน ได้แก่หอ้ งน้าชาย หอ้ งน้าหญิงกิจกรรมการสอนขนั นา ๑. ผู้สอนแสดงรูปภาพผู้หญิง ผู้ชาย ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแสดงภาพไว้บางส่วน และปิดภาพไว้บางส่วนให้ผู้เรียนทาย ถ้าผู้เรียนทายถูกผู้สอนเปิดภาพให้ดูพร้อมให้รางวัลภาพท่ีผู้เรียนทายผิดให้ผู้สอนแยกไว้ ๒. ให้ผู้เรียนเล่นเกมทายภาพในส่วนของภาพท่ียังทายไม่ถูก โดยเปิดให้เห็นภาพท้ังหมดจนทายถกู ครบทุกภาพ

๑๔๓ขันสอน ๑. ผู้สอนแสดงรูปภาพผู้หญิง ผู้ชาย ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วให้ผู้เรียนจัดกลุ่มรูปภาพออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ รูปภาพผู้หญิง และรูปภาพผู้ชาย ๒. ผู้สอนหยบิ รปู ภาพครงั้ ละ ๑ ภาพ ให้ผเู้ รียนบอกวา่ เป็นผู้หญิง หรอื ผ้ชู าย ๓. ผูส้ อนแสดงรูปภาพผหู้ ญงิ คกู่ บั สญั ลักษณผ์ ู้หญงิ ผชู้ ายคู่กับสัญลกั ษณผ์ ู้ชาย ใหผ้ เู้ รยี นดู ๔. ผเู้ รียนจบั ครู่ ูปภาพกับสัญลักษณ์จากรปู ภาพทง้ั หมด โดยผ้สู อนคอยชว่ ยเหลอื ๕. ผสู้ อนหยบิ รูปภาพข้ึนมาแล้วให้ผเู้ รยี นเลอื กสัญลักษณ์มาจับคู่กบั รูปภาพให้ถูกต้อง ๖. ผสู้ อนแสดงสัญลักษณ์ผหู้ ญิงและผู้ชายในรูปแบบตา่ งๆใหผ้ ้เู รยี นดู ๗. ผู้สอนแสดงสัญลักษณ์ผู้หญิง ผู้ชาย ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วให้ผู้เรียนจัดกลุ่มรูปภาพออกเปน็ ๒ กลุ่ม คอื สญั ลกั ษณ์ผหู้ ญงิ และสัญลกั ษณผ์ ชู้ าย ๘. ผสู้ อนแสดงสญั ลกั ษณ์ผู้หญงิ คกู่ ับคาวา่ “หญงิ ” ผูช้ ายคกู่ บั กบั คาว่า “ชาย” ใหผ้ ูเ้ รยี นดู ๙. ผู้เรียนจับคู่สัญลักษณ์กับคาว่า “หญิง” “ชาย” จากสัญลักษณ์ท้ังหมด โดยผู้สอนคอยชว่ ยเหลอื ๑๐. ผู้สอนหยิบสัญลกั ษณ์ข้นึ มาแล้วให้ผู้เรียนเลือกคามาจับค่กู บั สัญลกั ษณ์ใหถ้ ูกต้อง ๑๑. ผสู้ อนแสดงคาว่า“หญิง” “ชาย” ในรูปแบบต่างๆให้ผูเ้ รียนดู ๑๒. ผู้สอนแสดงคาว่า“หญิง” “ชาย” ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วให้ผู้เรียนจัดกลุ่มของคาออกเป็น ๒ กลุ่ม คอื คาวา่ “หญงิ ” และคาว่า“ชาย” ๑๓. ผู้สอนแสดงสัญลักษณ์ผู้หญิงคู่กับกลุ่มคาว่า “ห้องน้าหญิง” ผู้ชายคู่กับกับกลุ่มคาวา่ “ห้องน้าชาย” ให้ผูเ้ รียนดู ๑๔. ผู้เรียนจับคู่สัญลักษณ์กับกลุ่มคาว่า “ห้องน้าหญิง” “ห้องน้าชาย” จากสัญลักษณ์ทัง้ หมด โดยผูส้ อนคอยชว่ ยเหลอื ๑๕. ผสู้ อนหยิบสัญลกั ษณข์ นึ้ มาแล้วใหผ้ เู้ รยี นเลอื กกลุม่ คามาจับคู่กับสัญลักษณ์ให้ถูกตอ้ ง ๑๖. ผ้สู อนแสดงกล่มุ คาว่า“ห้องนา้ หญงิ ” “หอ้ งนา้ ชาย” ในรปู แบบตา่ งๆใหผ้ เู้ รยี นดู ๑๗. ผู้สอนแสดงกลุ่มคาว่า“ห้องน้าหญิง” “ห้องน้าชาย” ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วให้ผู้เรียนจัดกลมุ่ ของคาออกเปน็ ๒ กลุ่ม คือ คาว่า“ห้องนา้ หญงิ ” และคาวา่ “ห้องน้าชาย”ขนั สรปุ ๑. ผเู้ รียนอา่ นคาวา่ ห้องน้าหญงิ หอ้ งน้าชาย ท่ีผสู้ อนแสดงทีละคาได้ถูกต้อง ๒. ผู้สอนอธิบายว่าผหู้ ญงิ ควรจะเขา้ ห้องน้าหญิง ผชู้ ายควรเขา้ ห้องนา้ ชายสอื่ /วัสดุอุปกรณ์/ส่ิงอานวยความสะดวก/บรกิ าร ๑. รูปภาพ ผู้หญิง ผ้ชู าย

๑๔๔ ๒. สญั ลักษณ์แทนผูห้ ญิง ผชู้ าย ๓. บัตรคา หญงิ ชาย หอ้ งน้าหญิง หอ้ งน้าชาย ๔. กระดานไวท์บอรด์การวดั ผลและประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวดั ผลและประเมินผล - การทดสอบ ๒. เครอ่ื งมือการวดั ผลและประเมนิ ผล - แบบทดสอบ ๓. เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ผู้เรียนทาได้ (ระดบั คุณภาพการเรยี นรู้ ๔ ขน้ึ ไป)เกณฑ์ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ผู้เรยี นสามารถอา่ นภาพ สัญลกั ษณ์ คา/กลุ่มคาได้ ร้อยละ ๔๐ ๒ หมายถงึ ผู้เรยี นสามารถอ่านภาพ สญั ลักษณ์ คา/กลุ่มคาได้ ร้อยละ ๕๐ ๓ หมายถงึ ผเู้ รียนสามารถอ่านภาพ สัญลักษณ์ คา/กลุ่มคาได้ ร้อยละ ๖๐ ๔ หมายถงึ ผูเ้ รียนสามารถอ่านภาพ สัญลกั ษณ์ คา/กลมุ่ คาได้ ร้อยละ ๗๐ ๕ หมายถึง ผเู้ รียนสามารถอ่านภาพ สญั ลกั ษณ์ คา/กล่มุ คาได้ ร้อยละ ๘๐ ลงชอื่ .............................................................ครผู สู้ อน (...........................................................)ความคดิ เหน็ ของหวั หนา้ กลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................................... (..........................................................) หัวหนา้ กล่มุ บริหารงานวิชาการ

๑๔๕ความคดิ เหน็ ของผูบ้ ริหาร( ) เปน็ แผนการสอนที่ดีใชส้ อนได้( ) ควรปรับแก้ ............................................................................................................. ลงชื่อ............................................................... (.........................................) ผูอ้ านวยการศนู ย์การศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวดั .............. ............/....................../............

๑๔๖สรุปผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ .................................................ครูผ้สู อน (.........................................................)ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ.................................................................... (..........................................................) หวั หน้ากลุ่มบรหิ ารงานวิชาการความคดิ เหน็ ของผู้บรหิ าร ( ) เหน็ ชอบตามผลการสอนและวางแผนการสอนในขั้นตอนตอ่ ไป ( ) ควรปรับแก้ ......................................................................................................... ลงช่อื ............................................................... (.........................................) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวดั ................ ............/....................../............

๑๔๗๓) แผนบรกิ ารโดยครอบครวั และชุมชน (ตวั อยา่ ง) แผนบรกิ ารโดยครอบครัวและชุมชน(Family and Community Service Plan : FCSP)ชื่อคนพกิ าร ด.ช.ดารง ชวี ิตดีประเภทความพิการ บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา ลักษณะความพิการ บกพร่องทางสติปญั ญาทกั ษะ วิชาการเพือ่ การดารงชีวิตปีการศึกษา ๒๕๕๘ วันที่เร่ิมพัฒนา ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วันส้ินสุดพัฒนา ๓๑ สิงหาคม๒๕๕๙พฤติกรรมท่ีคาดหวัง ผู้เรียนสามารถอ่านป้ายท่ีมีภาพ/สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคาในชีวิตประจาวันเช่น อันตราย ทางเข้า ทางออก ทางหนีไฟ ป้ายห้องน้าหญิง ป้ายห้องน้าชาย ป้ายบอกสินค้าปา้ ยห้ามเข้า ปา้ ยบอกทาง ป้ายห้ามเขา้ ปา้ ยบอกสถานที่บรกิ ารต่าง ๆ เป็นตน้จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เมื่อให้เด็กชายดารงอ่านภาพ สัญลักษณ์ คาหรือกลุ่มคา ในสถานที่สาธารณะ เช่นป้ายห้องน้าชาย ห้องน้าหญิง ในร้านอาหารหรือโรงพยาบาล ผู้เรียนสามารถอ่านป้ายได้ถูกต้อง(ระดับคณุ ภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครัง้ ตดิ ต่อกัน ภายในเดือน สิงหาคม ๒๕๕๘ผรู้ ับผดิ ชอบ ผปู้ กครองคาชแ้ี จง ใหผ้ รู้ ับผดิ ชอบทาเครอื่ งหมายลงในชอ่ งผลการพฒั นาว่าทาได้หรือทาไม่ได้ การพฒั นา ว/ด/ป ผลการพัฒนา ผูน้ เิ ทศ หมาย ท่ีพฒั นา ทาได้ ทา เหตุวธิ ีการฝกึ ปฏิบตั ิจริง ๑ พฤษภาคม ๕๘ ไมไ่ ด้ นางสาวมโน ทวั่ ถึง ครศู ูนย์ฯขนั้ ตอนการพัฒนา ๔ พฤษภาคม ๕๘๑. เมอื่ ผดู้ แู ลใหเ้ ดก็ ชายดารง ๕ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวิตดี ผู้ปกครองอ่านภาพ สัญลกั ษณ์ คาหรือ ๖ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผู้ปกครองกล่มุ คาในชีวิตประจาวนั ใน ๗ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผู้ปกครองโรงเรยี น ไดแ้ ก่ หอ้ งน้าชาย ๘ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ติ ดี ผู้ปกครองหอ้ งนา้ หญิง ผ้เู รียนสามารถ  นางขาว ชวี ิตดี ผู้ปกครองอ่านอ่านภาพ สญั ลกั ษณ์ คา  นางขาว ชวี ติ ดี ผู้ปกครองหรอื กลมุ่ คาได้ถูกต้อง

๑๔๘ การพฒั นา ว/ด/ป ผลการพัฒนา ผู้นิเทศ หมาย ท่พี ัฒนา ทาได้ ทา เหตุ๒. ผูด้ แู ลฝึกเดก็ ชายดารงอย่างต่อเนื่อง โดยลดการ ๑๑ พฤษภาคม ๕๘ ไมไ่ ด้ นางขาว ชีวิตดี ผู้ปกครองช่วยเหลอื เมอ่ื เด็กชายดารง ๑๒ พฤษภาคม ๕๘ นางขาว ชวี ติ ดี ผู้ปกครองสามารถทาได้ ๑๓ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผปู้ กครอง ๑๔ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผปู้ กครอง๓. ผู้ดแู ลให้เด็กชายดารงไป ๑๕ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผู้ปกครองฝกึ ปฏิบตั ใิ นสถานการณ์จรงิ ๑๘ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผปู้ กครองให้เดก็ ชายดารงเลือกเข้า ๑๙ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผปู้ กครองหอ้ งนา้ ใหต้ รงกบั เพศของ ๒๐ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผปู้ กครองตนเอง หากเด็กชายดารงทา ๒๑ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวิตดี ผปู้ กครองไม่ได้ ผูด้ แู ลให้คาชแี้ นะ ๒๒ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผปู้ กครองสอื่ /วัสดุอุปกรณ/์ ส่งิ อานวย ๒๕ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผู้ปกครองความสะดวก/บริการ ๒๖ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผู้ปกครอง๑. รปู ภาพ ผ้หู ญงิ ผชู้ าย ๒๗ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชวี ิตดี ผ้ปู กครอง๒. สญั ลักษณ์แทนผหู้ ญิง ๒๘ พฤษภาคม ๕๘  นางขาว ชีวติ ดี ผู้ปกครองผชู้ าย ๒๙ พฤษภาคม ๕๘ ๓. สือ่ จากสถานการณ์จรงิ  นางสาวมโน ท่ัวถงึ ครศู นู ย์ฯ หมายเหตุ หมายถึง ผู้เรยี นจับคู่รปู ภาพกับบตั รคาไดถ้ ูกต้อง ๒ คา หมายถึง ผ้เู รยี นไมส่ ามารถทาได้  ทาได้ ทาไม่ได้สรุปผลการพัฒนา ผ่าน ไม่ผา่ น

๑๔๙ ผู้ปกครองควรฝึกผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการอ่านคาต่าง ๆทเี่ กี่ยวกับสถานท่ตี ่าง ๆ ๓.๓ กลุ่มทักษะส่วนบุคคลและสังคม (Personal and Social Skills) หมายถึงการศึกษา เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติเก่ียวกับทักษะส่วนบุคคลและสังคม ประกอบด้วย การจัดการและการควบคุมตนเอง ทักษะการมีส่วนร่วมทางสังคม การเดินทางในชุมชน และการปรับตัวในสังคมและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยใช้ทักษะการสาธิต การใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ การจาลองสถานการณ์ การแสดงบทบาทสมมุติ การปฏิบัติกิจกรรมในสถานการณ์จริง การสารวจ การจัดทาโครงการและกิจกรรมในชุมชน การสอนแบบตัวต่อตัว กระบวนการกลุ่ม การสอนโดยใช้หลัก 3 R’sเพ่ือให้ผู้เรียนรู้จักตัวเอง บทบาทหน้าที่ สามารถเผชิญปัญหาและเลือกแนวทางการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชน มีมารยาททางสังคมปฏิบัติตามกฎระเบียบ กติกาของสังคม ท้ังยังเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในชุมชนให้ถึงจุดหมายอย่างถูกต้องปลอดภัย รวมถึงการเขา้ ร่วมกจิ กรรมตา่ งๆของสังคมและรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชุมชนและสังคม เพอื่ ให้ดารงชีวติ ได้อย่างมีความสุขเต็มตามศักยภาพ กลุ่มทกั ษะสว่ นบคุ คลและสังคมประกอบดว้ ยทกั ษะตา่ งๆ ซึ่งไดใ้ ห้คานิยามแต่ละทักษะเพอื่ ความเขา้ ใจตรงกนั ดังนี้ ๑) ทักษะการจัดการและการควบคุมตนเอง (Self-determination skills) หมายถึงการจัดการและการควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ของตนเองในชีวิตประจาวันเมื่ออยู่ในสังคมได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น การรู้จักตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง และเห็นคุณค่าในตนเองรู้จักการแก้ปญั หา และรจู้ กั สิทธิ หน้าท่แี ละบทบาทตนเอง สรา้ งและรักษาปฏิสัมพันธ์กับผอู้ ืน่ เป็นตน้ ๒) ทักษะการมีส่วนร่วมทางสังคม (Community Participation and Livingskills) หมายถึง การไปเข้าร่วมและปฏิบัติตนตามกฎกติกาของสังคม การรู้จักมีส่วนร่วมในชุมชนและสังคมไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม เช่น การเขา้ ควิ ซื้อสนิ ค้าหรือรบั บริการตา่ งๆ ในชุมชนเปน็ ตน้ ๓ ) ทั ก ษ ะ ก ารเดิ น ท างใน ชุ ม ช น (Community Mobility skills) ห ม าย ถึ งการเดินทางไปในสถานท่ีต่างๆ ในชุมชนและสังคมถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย เช่น การเดินทางไปโรงเรียน การเดินทางไปโรงพยาบาล ไปหา้ งสรรพสินค้า การขน้ึ - ลงรถโดยสารประจาทาง เป็นต้น(สญั ญาณจราจรต่างๆ รูต้ าแหนง่ ของสถานท่ีตา่ งๆในชมุ ชน การใช้เครื่องมอื ชว่ ยเหลือต่างๆ) ๔) ทักษะการปรับตัวในสังคมและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ (Socializationand Leisure skills) หมายถึง การรู้จักปรับตัวให้เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของสังคม สามารถทากิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมในเวลาว่าง เช่นการแต่งกายเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆตามประเพณีของชุมชน สามารถเล่นและร่วมกิจกรรมกับผู้อื่นได้ ปฏิบัติตามมารยาททางสังคมกับบุคคลอื่นตามโอกาสและกาลเทศะ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสงั คมและกฎหมายเบื้องต้นในชวี ิตประจาวันเป็นตน้

๑๕๐ ทักษะเหลา่ น้ีได้นามาจัดเป็นกรอบเน้ือหาสาระสาหรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีไดจ้ ัดลาดับไว้ ดังนี้ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย๑.การจัดการและการควบคุมตนเอง ๑.การรูจ้ กั ตนเอง ๒.ความภาคภมู ใิ จในตนเอง๒.ทกั ษะการมีสว่ นร่วมทางสงั คม ๓.เหน็ คณุ ค่าในตนเอง๓.การเดินทางในชุมชน ๔.ร้จู กั สทิ ธิ หนา้ ท่ีและบทบาทตนเอง ๕.สรา้ งและรกั ษาปฏิสมั พนั ธก์ ับผอู้ ื่น๔.การปรบั ตวั ในสงั คมและการใชเ้ วลา ๑.การเขา้ คิววา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ๒.การบาเพ็ญประโยชน์ ๑.สถานท่ีตา่ งๆในชุมชน ๒.สัญลักษณแ์ ละสญั ญาณจราจร ๓.การเดนิ ทางไปสถานทีต่ ่างๆ ในชมุ ชน ๔.การโดยสารรถประจาทาง ๑.ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณี ต่างๆในชุมชน ๒.การแตง่ กายเข้าร่วมกิจกรรมตา่ งๆตามประเพณีของ ชุมชน ๓.การเลน่ และรว่ มกิจกรรมกับผูอ้ ่ืน ๔.ปฏบิ ตั ติ ามมารยาททางสังคมกบั บคุ คลอืน่ ตามโอกาส และกาลเทศะ ๕.การปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บของสังคมและกฎหมาย เบื้องตน้ ในชีวติ ประจาวัน ๖.การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมตารางท่ี ๔.๓ การจัดการเรยี นรู้ในกลมุ่ ทกั ษะสว่ นบุคคลและสงั คม การนาทักษะและสาระไปจัดการเรียนรู้ได้เสนอแนะวธิ ีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยผู้สอน / ผู้ดูแลสามารถใช้แนวทางไปแตกย่อยในการจัดกิจกรรมตามจุดประสงค์ที่กาหนดไว้ใน แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Programe : IEP) / แผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว (Individualized Family Service Plan : IFSP) สาหรับการจัดทาแผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individualized Implementation Plan : IIP) หรือแผนบริการโดยครอบครัวและชุมชน (Family and Community Service Plan : FCSP) ดังตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้

๑๕๑ ทกั ษะ ทักษะย่อย พฤติกรรมทีค่ าดหวงั แนวทางการจดั กจิ กรรม๒.ทักษะการมีส่วนร่วม ๒.๑ การเขา้ คิว ๒.๑.๑ รจู้ กั การรอคอย ผสู้ อนฝึกให้ผ้เู รยี นปฏิบัติทางสังคม โดยการเขา้ ควิ เพ่ือรับ ในเร่ือง การรจู้ ักการรอ บรกิ ารในห้องเรยี น คอยโดยการเข้าคิวเพอ่ื รบั สถานศกึ ษา ชุมชน บรกิ ารในห้องเรียน และสงั คม เชน่ การรบั สถานศกึ ษา ชมุ ชน และ ของ การสง่ งาน การรับ สังคม เช่น การรับของ อาหารและสง่ิ ของต่างๆ การส่งงาน การรับอาหาร การซอ้ื สินค้าหรอื รับ และสิง่ ของต่างๆ การซื้อ บริการการชาระคา่ สนิ ค้าหรอื รับบรกิ ารการ สนิ ค้าการเขา้ คิวรบั ชาระค่าสินคา้ การเข้าคิว บริการโรงพยาบาล รับบรกิ ารโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือ ห้างสรรพสนิ ค้า หรือเลน่ เลน่ ของเล่นสาธารณะ ของเลน่ สาธารณะเปน็ ตน้ เปน็ ตน้ เปน็ ตน้ โดยใช้วิธีการ ดงั ต่อไปน้ี ๑) การสาธติ และปฏบิ ัติ ในสถานการณ์จรงิ ใน ชีวิตประจาวนั ๒) การใชส้ อื่ โสตทศั นูปกรณ์ ๓) การจาลองสถานการณ์ ๔) การแสดงบทบาท สมมตุ ิ ๕) การปฏบิ ตั ิกิจกรรมใน สถานการณ์จรงิ ๖) การจดั ทาโครงการ และกจิ กรรมในชมุ ชน ๗) การสอนแบบตัวตอ่ ตัว ๘) กระบวนการกลุ่ม ๙) การสอนโดยใช้หลัก 3R’s ตัวอย่างการนาพฤติกรรมที่คาดหวังและแนวทางการจัดกิจกรรมไปจัดทาแผนการสอนเฉพาะบุคคลและแผนบรกิ ารโดยครอบครวั และชมุ ชน ดังนี้

๑๕๒ ๑) ตารางวเิ คราะห์งาน (ตัวอย่าง) แบบบนั ทกึ การวิเคราะห์งานช่อื -สกลุ ด.ช.รกั ดี รกั เรยี น ประเภทความพกิ าร บกพร่องทางสตปิ ญั ญาปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทกั ษะที่สอน การมีสว่ นร่วมทางสงั คม เนอื หา การเข้าคิวมาตรฐาน ๑ คุณภาพผ้เู รียน ตวั ชว้ี ัด ๑.๒ ผเู้ รียนสามารถพ่งึ พาตนเองได้ และมีคุณภาพชวี ิตที่ดีขน้ึเป้าหมายระยะยาว ๑ปี เด็กชายรักดี รู้จักการรอคอยโดยการเข้าคิวด้วยตนเองในเดือนมีนาคม๒๕๕๙พฤติกรรมท่คี าดหวงั รู้จกั การรอคอยโดยการเข้าควิจุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เมื่อกาหนดให้เด็กชายรักดี รอคอยในการเข้าควิ เด็กชายรกั ดีสามารถทาได้(ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั ภายในเดือนกรกฎาคมการวิเคราะห์งานขนั ตอนการเข้าคิวขนั ตอน การเขา้ ควิ๑ ผ้สู อนจดั ทาบตั รหมายเลขคิว๒ ผู้สอนแจกบัตรหมายเลขควิ ให้ผเู้ รยี นตามลาดบั ก่อน-หลัง๓ ผ้สอนจาลองสานการณ์การรับบรกิ ารการตรวจสขุ ภาพ๔ ผู้เรยี นมาเขา้ คิวตามบตั รหมายเลขควิ ท่ีตนเองได้รบั

๑๕๓ ๒) แผนการสอนเฉพาะบุคคล (ตวั อยา่ ง) แผนการสอนเฉพาะบคุ คล (Individual Implementation Plan : IIP)ชือ่ -สกลุ ด.ช.รักดี รกั เรียน ประเภทความพกิ าร บกพร่องทางสตปิ ญั ญาปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทกั ษะที่สอน การมีส่วนร่วมทางสังคม เนือหา การเขา้ คิวมาตรฐาน ๑ คุณภาพผู้เรียน ตวั ช้วี ดั ๑.๒ ผ้เู รยี นสามารถพ่ึงพาตนเองได้ และมีคุณภาพชวี ิตที่ดขี ้ึนเปา้ หมายระยะยาว ๑ปี เด็กชายรกั ดี รู้จักการรอคอยโดยการเขา้ ควิพฤติกรรมทีค่ าดหวัง รู้จักการรอคอยโดยการเข้าคิวจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อกาหนดให้เดก็ ชายรักดี รอคอยในการเข้าควิ เด็กชายรักดีสามารถทาได้(ระดับคุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ ครง้ั ตดิ ตอ่ กัน ภายในเดอื นกรกฎาคมแผนที่ ๑ เรมิ่ ใช้แผนวนั ท่ี ๑๖ พ.ค. ๕๘ สินสดุ แผนวันที่ ๑๖ ก.ค. ๕๘ ใชเ้ วลาสอนคาบละ ๕๐ นาทีสาระสาคัญ ผู้เรียนสามารถรอคอยในการเขา้ คิวรบั บรกิ ารต่างๆจุดประสงค์ ผู้เรยี นรู้จกั การรอคอยโดยการเขา้ ควิ ได้กจิ กรรมการสอนขันนา ๑) ครูกลา่ วทักทายผ้เู รียน ๒) ใหผ้ ู้เรยี นดูวดี ีโอเพลงเด็กดีตอ้ งเข้าควิ เพลงเดก็ ดีตอ้ งเขา้ คิว “พวกเรา เด็กดี เข้าคิว มวี นิ ัยไมว่ า่ ใคร ก็ยงั เขา้ คิว *ใครท่ีมาก่อน กค็ วรได้ก่อน มาทีหลัง รีบๆมาเข้าควิ * เข้าคิว เข้าควิ เข้าควิ เข้าควิ รีบมาเข้าควิ จะซื้อขนมขึ้นรถเมล์ เข้าควิ เขา้ มาต่อแถวไมล่ ัดควิ ไมแ่ ซงควิ (ซ้า *)”

๑๕๔ขันสอน กิจกรรมท่ี ๑ การเขา้ ควิ รับงานในห้องเรียน กจิ กรรมที่ ๒ การเขา้ คิวสง่ งานในห้องเรียน กิจกรรมท่ี ๓ การเขา้ ควิ รบั อาหารทโ่ี รงอาหาร กจิ กรรมท่ี ๔ การจาลองสถานการณจ์ รงิ การซอื้ และชาระค่าสินค้า กจิ กรรมที่ ๕ การเข้าควิ ซื้อและชาระสนิ ค้าในร้านคา้ ชุมชนกจิ กรรมท่ี ๑ การเขา้ ควิ รบั งานในห้องเรยี น ผูส้ อนใหผ้ ้เู รียนเขา้ คิวตามลาดบั รายชือ่ ท่ผี ูส้ อนเรียก เพื่อรับแจกใบงานกจิ กรรมที่ ๒ การเขา้ คิวส่งงานในห้องเรียน เมื่อครบเวลาท่ีผู้สอนกาหนดในการทาใบงาน ให้ผู้เรียนเข้าคิวตามลาดับก่อน -หลังเพือ่ สง่ ใบงานกิจกรรมที่ ๓ การเข้าควิ รับอาหารทโี่ รงอาหาร ผู้สอนพาผเู้ รียนไปทโี่ รงอาหาร โดยแจกบตั รควิ ใหก้ บั ผู้เรียนเพ่อื เรยี งลาดับการเขา้ คิวรับอาหารกิจกรรมที่ ๔ การจาลองสถานการณจ์ ริง การเข้าบริการตรวจสขุ ภาพ ผสู้ อนจาลองเปิดบริการการตรวจสุขภาพ โดยการแจกบตั รคิว ผูเ้ รยี นรับบตั รควิ และรอเรียกตามลาดบั หมายเลขบตั รควิ ของตนเอง เพ่ือเข้ารับบริการตรวจสขุ ภาพกจิ กรรมท่ี ๕ การเขา้ ควิ ซ้ือและชาระสนิ ค้าในร้านคา้ ชุมชน ผ้สู อนพานักเรยี นไปรา้ นค้าขายไอศกรีม และใหผ้ ูเ้ รยี นเข้าคิวตามลาดบั ก่อน-หลงั เพ่ือรอซอื้และชาระค่าไอศกรมีขันสรปุ ผเู้ รียนสามารถรู้จกั การรอคอยโดยการเขา้ คิวได้ส่ือ /อปุ กรณ์ /ส่งิ อานวยความสะดวก/ บริการ ๑. บตั รหมายเลขลาดับควิ ๒. แผน่ ซีดเี พลงเด็กดตี ้องเขา้ คิว ๓. คอมพิวเตอร์ ๔. ใบงาน ๕. โรงอาหาร ๖. อาหาร ๗. ร้านคา้ ๘. ไอศกรมี

๑๕๕๙. เครอ่ื งชั่งนา้ หนัก๑๐.ทว่ี ดั สว่ นสงู๑๑.สมุดบันทกึ สุขภาพ๑๒.เงิน (ในกจิ กรรมที่๕)การวัดและประเมินผล ๑. การสังเกตพฤตกิ รรมเคร่อื งมือ ๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล - ผ้เู รยี นสามารถเขา้ คิวตามหมายเลขลาดับคิวไดอ้ ย่างถกู ต้องระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ทาไม่ได้ หรือไม่ยอมทา ๒ หมายถงึ ทาได้โดยจับมือทา ๓ หมายถงึ ทาไดโ้ ดยใช้การกระตุ้นเตอื น ๔ หมายถึง ทาได้โดยทาตามแบบ ๕ หมายถงึ ทาไดด้ ว้ ยตนเอง ลงชอื่ .................................................ครูผสู้ อน (.........................................................)ความคดิ เห็นของหวั หน้ากลุ่มบริหารงานวชิ าการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................................... (..........................................................) หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ

๑๕๖ความคดิ เห็นของผู้บรหิ าร ( ) เป็นแผนการสอนที่ดใี ชส้ อนได้ ( ) ควรปรับแก้ ............................................................................................................ ลงชอื่ ............................................................... (.........................................) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ……. ............/....................../.............สรปุ ผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ .................................................ครผู ู้สอน (.........................................................)ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .................................................................... (..........................................................) หัวหนา้ กลุ่มบรหิ ารงานวิชาการความคดิ เห็นของผ้บู รหิ าร ( ) เหน็ ชอบตามผลการสอนและวางแผนการสอนในขน้ั ตอนตอ่ ไป ( ) ควรปรับแก้ ......................................................................................................... ลงชอื่ ............................................................... (.........................................) ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั ...... ............/....................../.............

๑๕๗๓) แผนบริการโดยครอบครวั และชุมชน (ตัวอยา่ ง) แผนบริการโดยครอบครัวและชมุ ชน (Family and Community Service Plan : FCSP)ชอ่ื -สกลุ ด.ช.รักดี รกั เรียน ประเภทความพกิ าร บกพร่องทางสติปญั ญาปีการศกึ ษา ๒๕๕๘ ทักษะท่ีสอน การมสี ่วนร่วมทางสังคม เน้อื หา การเขา้ คิวมาตรฐาน ๑ คณุ ภาพผู้เรียน ตวั ช้ีวดั ๑.๒ ผ้เู รียนสามารถพึง่ พาตนเองได้ และมีคณุ ภาพชีวิตทดี่ ขี นึ้เป้าหมายระยะยาว ๑ปี เด็กชายรกั ดี รจู้ กั การรอคอยโดยการเขา้ คิวพฤตกิ รรมทคี่ าดหวัง รู้จกั การรอคอยโดยการเข้าคิวจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เมื่อกาหนดให้เดก็ ชายรักดี รอคอยในการเข้าคิว เด็กชายรกั ดีสามารถทาได้(ระดบั คุณภาพ ๔) ๕ ครั้ง ภายในเดือนพฤษภาคมผ้รู ับผิดชอบ ผูป้ กครองคาชี้แจง ให้ผู้รับผดิ ชอบทาเครื่องหมายลงในชอ่ งผลการพฒั นาว่าทาได้หรอื ทาไม่ได้ ว/ด/ป ผลการพัฒนาการพฒั นา ทีพ่ ัฒนา ทาได้ ทา ผ้นู เิ ทศ หมายเหตุ ไมไ่ ด้วธิ กี าร/ขน้ั ตอนการพัฒนา นางสาวมโน ทัว่ ถึง ครูศนู ย์ ฯ๑. ฝึกการรอคอยในการเข้าควิ ๑ พฤษภาคม ๕๘  นายดา รักเรยี น ผปู้ กครอง  นายดา รักเรียน ผู้ปกครองขัน้ ตอนการพฒั นา ๔ พฤษภาคม ๕๘  นายดา รกั เรยี น ผูป้ กครอง1.1 ผู้ดแู ลจาลองสถานการณ์ ๕ พฤษภาคม ๕๘  นายดา รักเรียน ผู้ปกครอง การซ้อื อาหารโดยการให้ ๖ พฤษภาคม ๕๘  นายดา รักเรยี น ผู้ปกครอง นกั เรียนตอ่ แถวเป็นแถว ๗ พฤษภาคม ๕๘  นายดา รกั เรียน ผปู้ กครอง เดยี ว  นายดา รักเรยี น ผปู้ กครอง ๘ พฤษภาคม ๕๘  นางสาวมโน ทวั่ ถึง ครศู ูนย์ ฯ1.2 ผู้เรียนซือ้ อาหารตามลาดับก่อนหลัง โดย ๑๑ พฤษภาคม ๕๘หากออกนอกแถวตอ้ งไป ๑๒ พฤษภาคม ๕๘ตอ่ ท้ายแถวสื่อ/อปุ กรณ์บตั รหมายเลขลาดับคิว/อาหาร

๑๕๘สรุปผลการพฒั นาทาได้ หมายถึง คนพิการทาได้โดยการกระตุ้นเตือนดา้ ยวธิ ีการใดวิธีการหนง่ึทาไม่ได้ หมายถงึ คนพกิ ารไม่สามารถทาได้สรุปผลการพัฒนา ผา่ น ไม่ผ่านข้อเสนอแนะ (ถ้ามี)………………………………………………………………………………………………………………..................................................................................................................…………………………… ………..

๑๕๙ ๓.๔ กลุ่มทักษะการทางานและอาชีพ (Vocational Skills) หมายถึง ศึกษา เรียนรู้ฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับ การเรียนรู้อาชีพ ประกอบด้วย การเรียนรู้อาชีพหลากหลายในชุมชนพ้ืนฐานงานอาชีพที่หลากหลายตามความสนใจการใช้อุปกรณ์/เคร่ืองมือเบื้องต้นในการทางานอาชีพ ได้แก่การใช้ การจัดเก็บ และการบารุงรักษา เป็นต้น กระบวนการ/ขั้นตอนในการทางานในอาชีพที่สนใจการวางแผนการทางานร่วมกันระหว่าง ผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู และสถานประกอบการ การเตรียมตัวเข้าสู่สถานประกอบการ และการฝึกปฏิบัติงานอาชีพในสถานประกอบการเช่น พนักงานทาความสะอาด พนักงานบริการ หรือพนักงานทาขนมในร้านเบเกอร่ี เป็นต้น การทางานประกอบด้วย การเตรียมตัวสมัครงาน การปฏิบัติตนในการแต่งกายให้เหมาะสมกับงานในสถานประกอบการ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานประกอบการ การปฏิบัติตนท่ีเหมาะสมในการทางานร่วมกับผู้อื่น การปฏิบัติตนให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในสถานประกอบการ การปฏิบัติงานตามขั้นตอนในหน้าที่ ที่รับผิดชอบ การวางแผนการใช้เงินประกอบด้วย การวางแผนการใช้เงินรายวนั รายสัปดาห์ และรายเดือน การบนั ทกึ ค่าใช้จ่ายครัวเรือนการออมเงินและการกู้ยืมเงินเพ่ือการลงทุน สุขภาพและความปลอดภัยในการทางาน ประกอบด้วยการแต่งกายเพ่ือความปลอดภัยขณ ะปฏิบัติงาน การดูแลสุขภาพตนเองขณ ะปฏิบัติงานการใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี เหมาะสมและปลอดภัย การสันทนาการกับเพ่ือนร่วมงาน การเดินทางไปทางาน ประกอบด้วย การวางแผนการเดินทาง การเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือส่วนบุคคลในการไปทางานไดอ้ ยา่ งเหมาะสมความปลอดภัยในการเดนิ ทาง โดยการใช้ทักษะกระบวนการทางาน ทักษะการจัดการ ทักษะการทางานร่วมกันทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะปฏบิ ัติ หรือบทบาทสมมตุ ิ และสถานการณ์จาลอง เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการทางาน เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน และการปฏิบัติงาน มีเจตคติท่ีดีต่ออาชีพสุจริต และมีคุณลักษณะที่ดีในการรักษางาน และมสี ว่ นรวมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มทักษะการทางานและอาชีพประกอบด้วยทักษะต่างๆ ซึ่งได้ให้คานิยามแต่ละทักษะเพือ่ ความเข้าใจตรงกนั ดังนี้ ทักษะการเรียนรู้เร่ืองอาชีพ (Career Education Skills) หมายถึง การเรียนรู้อาชีพหลากหลายในชุมชนเช่น เกษตรกรรม คหกรรม อุตสาหกรรม พาณิชกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และบริหารจัดการ และการบริการ พ้ืนฐานงานอาชีพท่ีหลากหลายตามความสนใจการใช้อุปกรณ์/เคร่ืองมือเบ้ืองต้นในการทางานอาชีพ ได้แก่ การใช้ การจัดเก็บ และการบารุงรักษา เป็นต้นกระบวนการ/ข้ันตอนในการทางานในอาชีพท่ีสนใจ การวางแผนการทางานร่วมกันระหว่าง ผู้เรียนผู้ปกครอง ครู และสถานประกอบการ การเตรียมตัวเข้าสู่สถานประกอบการ และการฝึกปฏิบัติงานอาชีพในสถานประกอบการเช่น พนักงานทาความสะอาด พนักงานบริการ หรือพนักงานทาขนมในร้านเบเกอรี่ เปน็ ต้น

๑๖๐ ทักษะการทางาน (Work Skills) หมายถึง การเตรียมตัวสมัครงาน เช่น สาเนาบัตรประชาชน สาเนาทะเบียนบ้าน และรูปถ่าย เป็นต้น การกรอกข้อมูลแบบฟอร์มการสมัครงานการยื่นเอกสารประกอบการสมัครงาน การเข้ารับการสัมภาษณ์งาน การแต่งกายได้เหมาะสมกับการสมัครงาน การปฏิบัติตนในการแต่งกายให้เหมาะสมกับงานในสถานประกอบการ การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานประกอบการ เช่น การลงเวลาทางาน การลางาน เป็นต้น การปฏิบัติตนท่ีเหมาะสมในการทางานร่วมกับผู้อ่ืน การปฏิบัติตนให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมายในสถานประกอบการ การปฏบิ ตั ิงานตามขน้ั ตอนในหน้าทที่ ่รี ับผดิ ชอบ ทักษะการวางแผนการใช้เงิน (Financial Planning and Management Skills)หมายถึง การวางแผนการใช้เงินรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน การบันทึกค่าใช้จ่ายครัวเรือนการออมเงินและการกู้ยมื เงนิ เพื่อการลงทุน ทักษะสุขภาพและความปลอดภัยในการทางาน (Health and Safety Skills)หมายถงึ การแตง่ กายเพอ่ื ความปลอดภยั ขณะปฏิบัติงาน เชน่ สวมหมวกนิรภัย สวมถงุ มอื สวมรองเท้าเป็นต้น การดูแลสุขภาพตนเองขณะปฏิบัติงาน เช่น สวมผ้าปิดจมูก สวมหน้ากาก เป็นต้นการใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี เหมาะสมและปลอดภัย การสันทนาการกับเพื่ อนร่วมงาน เช่นการรับประทานอาหารร่วมกัน สังสรรคก์ บั เพ่ือนร่วมงาน รบั ผดิ ชอบค่าใชจ้ ่ายร่วมกันในการทากิจกรรมกลมุ่ เป็นตน้ ทักษะการเดินทางไปทางาน (Transportation Skills) หมายถึง การวางแผนการเดินทาง เช่น การเดินทางถึงท่ีทางาน การขน้ึ รถตามตารางการเดินรถ เป็นต้น การเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือส่วนบุคคลในการไปทางานได้อย่างเหมาะสมความปลอดภัยในการเดินทางเช่นสวมหมวกกนั น็อค คาดเขม็ ขัดนริ ภัย การข้ามถนนบนทางมา้ ลาย หรอื สะพานลอย เปน็ ตน้ ทักษะเหล่าน้ีได้นามาจัดเป็นกรอบเนื้อหาสาระสาหรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ได้จดั ลาดบั ไว้ ดงั นี้ ทักษะ ทักษะย่อย๑. การเรียนรู้เร่อื งอาชีพ ๑. อาชพี หลากหลายในชมุ ชน เชน่ เกษตรกรรม คหกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ กรรม ความคดิ สร้างสรรค์ และบริหาร จดั การ และการบรกิ าร ๒. พนื้ ฐานงานอาชพี ท่หี ลากหลายตามความสนใจ ๓. การใช้อปุ กรณ์/เครอ่ื งมือเบอื้ งต้น ในการทางานอาชพี ๔. กระบวนการ/ขั้นตอนในการทาทกั ษะอาชีพที่สนใจ ๕. การวางแผนการทางานรว่ มกันระหวา่ ง นักเรยี น ผปู้ กครอง ครู และสถานประกอบการ

๑๖๑ ทักษะ ทักษะย่อย๑. การเรียนรู้เรอ่ื งอาชีพ (ตอ่ )๒. การเรยี นรู้เรือ่ งการทางาน ๖. การเตรียมตัวเขา้ สสู่ ถานประกอบการ ๗. การฝึกปฏิบัติงานอาชีพในสถานประกอบการ๓. การวางแผนการใชเ้ งนิ๔. สุขภาพและความปลอดภัยในการ ๑. การเตรียมตวั การสมัครงาน ไดแ้ ก่ การเตรียมเอกสารทางาน ประกอบการสมัครงาน เช่น สาเนาบตั รประชาชน สาเนา ทะเบยี นบ้าน และรปู ถา่ ย เป็นตน้ การกรอกข้อมูล๕. การเดินทางไปทางาน แบบฟอรม์ การสมัครงาน การยืน่ เอกสารประกอบการสมัคร งาน การเข้ารบั การสมั ภาษณ์งาน การแต่งกายไดเ้ หมาะสม กับการสมัครงาน ๒. การปฏบิ ัติตนที่เหมาะสมในการทางานร่วมกับผอู้ ่ืน เช่น เคารพเจา้ นาย สวัสดีทักทายเจ้านายและเพือ่ นรว่ มงาน ไม่สง่ เสยี งดงั ๓. การปฏิบตั ติ นในการการแต่งกายใหเ้ หมาะสมกับสถาน ประกอบการ ๔. การปฏบิ ตั ิตนตามกฎระเบียบของสถานประกอบการ เชน่ การลงเวลาทางาน การลางาน เป็นต้น ๕. การปฏิบตั ิตนให้มีความรับผิดชอบตอ่ หน้าท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมายในสถานประกอบการ ๖. การปฏิบตั งิ านตามข้นั ตอนในหน้าท่ีที่รบั ผิดชอบ ๗. การจัดเกบ็ ตรวจสอบหลงั การปฏบิ ัติงาน ๑. การวางแผนการใช้เงนิ ๒. การบันทกึ คา่ ใช้จา่ ยครวั เรอื น ๓. การออมเงนิ ๔. การกยู้ ืมเงินเพอื่ การลงทนุ ๑. การแต่งกายเพ่ือความปลอดภยั ขณะปฏิบัตงิ าน เช่น สวม หมวกนิรภัย สวมถุงมอื สวมรองเท้า เป็นต้น ๒. การดแู ลสุขภาพตนเองขณะปฏบิ ตั งิ าน เชน่ สวมผา้ ปดิ จมูก สวมหนา้ กาก เป็นตน้ ๓. การใชเ้ ครือ่ งมือให้ถกู วธิ ี เหมาะสมและปลอดภยั ๔. การสันทนาการกบั เพ่อื นร่วมงาน เช่น การรบั ประทาน อาหารรว่ มกนั สังสรรค์กบั เพื่อนรว่ มงาน รับผิดชอบค่าใชจ้ ่าย รว่ มกันในการทากจิ กรรมกล่มุ เปน็ ต้น ๑. การวางแผนการเดนิ ทาง เชน่ การเดนิ ทางถึงทที่ างาน การขนึ้ รถตามตารางการเดนิ รถ เปน็ ตน้ ๒. การเลอื กบริการขนสง่ สาธารณะหรือสว่ นบคุ คลในการไป ทางานได้อยา่ งเหมาะสม

๑๖๒ ทักษะ ทกั ษะย่อย๕. การเดินทางไปทางาน (ต่อ) ๓. ความปลอดภยั ในการเดนิ ทาง เช่น สวมหมวกกนั น็อค คาดเขม็ ขดั นิรภัย การข้ามถนนบนทางมา้ ลาย หรอื สะพานลอย เป็นต้นตารางท่ี ๔.๔ การจดั การเรียนรู้ในกลุ่มทกั ษะการทางานและอาชพี การนาทักษะและสาระไปจัดการเรยี นรู้ได้เสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยผู้สอน / ผู้ดูแลสามารถใช้แนวทางไปแตกย่อยในการจัดกิจกรรมตามจุดประสงค์ท่ีกาหนดไว้ใน แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Programe : IEP) / แผนการให้บริการเฉพาะครอบครัว (Individualized Family Service Plan : IFSP) สาหรับการจัดทาแผนการสอนเฉพาะบุคคล (Individualized Implementation Plan : IIP) หรือแผนบริการโดยครอบครวั และชมุ ชน(Family and Community Service Plan : FCSP) ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย พฤติกรรมท่ีคาดหวัง แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรูเ้ ร่ืองอาชพี ๑. อาชพี หลากหลายใน ร้แู ละเข้าใจการและการทางาน ผสู้ อนเปิดโอกาสให้๑.๑ การเรียนรู้เรื่อง ชมุ ชน เช่น ประกอบอาชีพท่ี ผเู้ รยี นได้เรียนรโู้ ดยใช้อาชพี กิจกรรม ดงั ต่อไปน้ี เกษตรกรรม คหกรรม หลากหลายในชุมชน ๑. ทศั นศึกษาแหลง่ เรียนรอู้ าชีพในชมุ ชน อตุ สาหกรรม พาณิช ตนเอง ๒. จัดนทิ รรศการอาชีพ ๓. เกมจบั ค่อู าชีพ กรรม ความคิด ๔. การแสดงบทบาท สมมุติ/สถานการณ์ สรา้ งสรรค์ และบริหาร จาลอง จัดการ และการบรกิ าร ตัวอย่างการนาพฤติกรรมที่คาดหวังและแนวทางการจัดกิจกรรมไปจัดทาแผนแผนการสอนเฉพาะบุคคล และแผนบริการโดยครอบครวั และชมุ ชนดงั นี้

๑๖๓ ๑) ตารางวเิ คราะหง์ าน (ตวั อย่าง) แบบบนั ทึกการวิเคราะห์งาน อาชีพ การทาไข่เคม็ ดนิ จอมปลวกชือ่ -สกลุ ด.ช.แดง ประเภทความพิการ บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาปีการศึกษา ๒๕๕๘ ทักษะ อาชีพ เรือ่ งอาชีพทาไขเ่ ค็มดินจอมปลวกพฤตกิ รรมท่ีคาดหวงั สามารถปฏบิ ัตติ ามกระบวนการ/ข้ันตอนทักษะอาชีพทาไข่เค็มดินจอมปลวกได้จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม เมื่อให้ ด.ช.แดง ทาไข่เคม็ ดินจอมปลวก ด.ช.แดง สามารถทาตามขัน้ ตอนได้ ๕ คร้ังติดต่อกนัการวเิ คราะห์งานขันตอนการสอนอาชพี ทาไข่เค็มดนิ จอมปลวกขนั ตอน ทกั ษะอาชีพทาไข่เคม็ ดนิ จอมปลวก ท่ี ๑ เมื่อกาหนดให้เตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ในการทาไข่เค็มดินจอมปลวก ประกอบด้วย (ไข่เป็ด น้า ดินจอมปลวก เกลือ แกลบเผา ถุงพลาสติกจอบ/เสียม ค้อน หรือไม้เนื้อแข็ง ครก สาก กะละมัง ชุดถ้วยตวง ถงุ พลาสติกขนาด ๔  ๖ น้ิว) ผู้เรยี นสามารถเตรยี มวัสดุ-อุปกรณ์ใน การทาไข่เคม็ ดนิ จอมปลวกถูกต้อง (ระดับคณุ ภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ คร้งั ติดต่อกนั ๒ เม่ือกาหนดเคร่ืองมือและวสั ดุ-อุปกรณ์ ในการทาไขเ่ คม็ ดนิ จอมปลวก ผ้เู รียนสามารถใช้และ จัดเกบ็ /บารงุ รกั ษาวัสดุ-อปุ กรณไ์ ด(้ ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครงั้ ตดิ ต่อกัน ๓ เม่ือกาหนดใหท้ าไข่เคม็ ดนิ จอมปลวก ผู้เรียนสามารถคัดเลือกไขเ่ ปด็ ทม่ี ีขนาดเท่ากนั หรือ ใกล้เคยี งกันได้(ระดับคณุ ภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ คร้งั ตดิ ต่อกัน ๔ เมื่อกาหนดใหท้ าไข่เค็มดินจอมปลวก ผู้เรียนสามารถนาเอาไข่เปด็ มาล้างให้สะอาด แลว้ นามาผึ่งใหแ้ ห้งได้(ระดบั คุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครัง้ ติดตอ่ กนั ๕ เมื่อกาหนดใหท้ าไขเ่ ค็มดินจอมปลวก ผู้เรยี นสามารถต้มนา้ เกลือให้เดือด ตงั้ ทิ้งไวใ้ หเ้ ย็นได้ (ระดับคุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ ครงั้ ติดต่อกนั ๖ เมือ่ กาหนดให้ทาไขเ่ คม็ ดินจอมปลวก ผ้เู รยี นสามารถบดดนิ จอมปลวกให้ละเอยี ดได้ (ระดบั คุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครัง้ ติดต่อกนั ๗ เมอ่ื กาหนดใหท้ าไขเ่ คม็ ดินจอมปลวก ผเู้ รยี นสามารถบดเกลอื ให้ละเอียดได้ (ระดบั คุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ คร้งั ติดต่อกัน ๘ เมื่อกาหนดใหท้ าไขเ่ ค็มดินจอมปลวก ผู้เรียนสามารถนาแกลบเผามาบดใหล้ ะเอยี ดได้ (ระดบั คุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครั้งติดต่อกัน

๑๖๔ขนั ตอน ทกั ษะอาชีพทาไข่เค็มดินจอมปลวก ที่๙ เม่ือกาหนดให้ทาไข่เคม็ ดินจอมปลวก ผู้เรยี นสามารถนาดนิ จอมปลวกท่ีบด 4 สว่ น เกลอื 1 สว่ น นามาคลุกเคลา้ กนั แล้วเติมน้าสกุ ลงไปคนใหเ้ ข้ากันจนเหนียวได้ (ระดบั คุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั๑๐ เม่อื กาหนดให้ทาไข่เค็มดนิ จอมปลวก ผ้เู รียนสามารถนาไข่เป็ดทเี่ ตรียมไว้มาคลกุ กับดนิ ที่ ผสมแล้ว ปน้ั หุ้มไข่ให้ทั่วทง้ั ฟองได้(ระดับคณุ ภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ ครัง้ ติดตอ่ กัน๑๑ เมอ่ื กาหนดให้ทาไขเ่ คม็ ดนิ จอมปลวก ผเู้ รียนสามารถนาไข่ในข้อ ๗ มาคลุกกับแกลบเผาท่ี เตรยี มไวท้ นั ที (ระดบั คุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ ครงั้ ติดตอ่ กัน๑๒ เมื่อกาหนดให้นามาบรรจุถุงพลาสติกได้ (ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั๑๓ เมอ่ื กาหนดใหท้ าไข่เคม็ ดนิ จอมปลวก ผู้เรยี นสามารถนาไขเ่ ค็มที่บรรจใุ สถ่ ุงพลาสติกแล้วไป ใสก่ ลอ่ งได(้ ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ คร้ังติดตอ่ กัน๑๔ เม่ือกาหนดให้จัดจาหน่ายไข่เค็มดินจอมปลวก ผู้เรียนสามารถจัดจาหน่ายไข่เค็มดินจอม ปลวกโดยกาหนดราคาขาย คิดต้นทุน กาไรได้ (ระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔) ๕ คร้ัง ติดตอ่ กนั

๑๖๕ ๒) แผนการสอนเฉพาะบคุ คล (ตัวอยา่ ง) แผนการสอนเฉพาะบคุ คล (Individual Implementation Plan : IIP)ชื่อ-สกลุ ด.ช.แดง ประเภทความพิการ บกพร่องทางสตปิ ัญญาปีการศกึ ษา ๒๕๕๘ ทกั ษะ อาชีพ เร่อื งอาชีพทาไข่เค็มดนิ จอมปลวกมตราฐาน ๑ คณุ ภาพผู้เรยี น ตัวชีวดั ๑.๒ ผเู้ รียนสามารถพ่งึ พาตนเองได้และมีคณุ ภาพชวี ิตทดี่ ีขน้ึเป้าหมายระยะยาว ด.ช.แดง สามารถปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการ/ขน้ั ตอนทักษะอาชีพทาไข่เคม็ ดินจอมปลวกได้พฤตกิ รรมทีค่ าดหวัง สามารถปฏิบตั ติ ามกระบวนการ/ขั้นตอนทักษะอาชีพทาไขเ่ ค็มดินจอมปลวกได้จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อให้ ด.ช.แดง ทาไข่เค็มดินจอมปลวก ด.ช.แดง สามารถทาตามขั้นตอนได้ ๕ ครั้ง(ระดบั คุณภาพ ๔) ๕ ครั้งตดิ ต่อกัน ภายในเดอื นพฤษภาคมแผนการสอนทาไข่เคม็ ดินจอมปลวก เรม่ิ ใช้แผน วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๘ ถึง วนั ที่ ๑๖กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ใช้เวลาคาบละ ๕๐ นาทีเรอ่ื ง การทาไขเ่ ค็มจอมปลวกเนอื หา การทาไข่เค็มจอมปลวก ประกอบด้วย เครื่องมือ วัสดอุ ุปกรณ์ ขัน้ ตอน ในการทาไข่เค็มดินจอมปลวก การบรรจภุ ัณฑแ์ ละจดั จาหนา่ ยจดุ ประสงค์ สามารถปฏิบัติตามกระบวนการ/ขนั้ ตอนทักษะอาชีพทาไข่เค็มดนิ จอมปลวกได้กิจกรรมการสอน ขนั นา ๑. ครูกลา่ วทกั ทายผ้เู รยี นมาดูวิธีทาไขเ่ ค็มดนิ จอมปลวกจาก YouTube ในห้อง e –classroom และร่วมกนั สรปุ สว่ นผสมของการทาไขเ่ ค็มดินจอมปลวก ๒. ครูนาไข่เค็มที่ทามาจากหลากหลายวิธี ได้แก่ ไข่เค็มดินสอพอง ไข่เค็มไชยา ดินจอมปลวก และไขเ่ คม็ ดองนา้ เกลอื ใหน้ กั เรยี น ดู สัมผัส และชิมไขเ่ คม็ ที่ตม้ สุกแล้ว

๑๖๖ ขนั สอน กจิ กรรมท่ี ๑ เตรยี มวัสดุ-อปุ กรณใ์ นการทาไขเ่ ค็มดนิ จอมปลวก กจิ กรรมที่ ๒ เครอื่ งมอื วัสดุ อปุ กรณ์ ในการทาไขเ่ คม็ วธิ ีใชแ้ ละการจัดเก็บ/บารงุ รกั ษา กิจกรรมท่ี ๓ คดั เลือกไขเ่ ปด็ ท่มี ีขนาดเทา่ กนั หรือใกล้เคยี งกนั กจิ กรรมท่ี ๔นาเอาไขเ่ ป็ดมาลา้ งใหส้ ะอาด แล้วนามาผ่ึงใหแ้ ห้ง กิจกรรมท่ี ๕ ต้มนา้ ใหเ้ ดือด ตั้งท้ิงไว้ใหเ้ ย็น กิจกรรมที่ ๖ บดดนิ จอมปลวกให้ละเอยี ด กจิ กรรมที่ ๗ บดเกลอื ใหล้ ะเอียด กิจกรรมท่ี ๘ เผาแกลบและบดใหล้ ะเอยี ด กจิ กรรมท่ี ๙ นาดนิ จอมปลวกทบ่ี ดมา ๔ ส่วน และเกลอื ๑ ส่วน มาคลุกเคล้ากันแล้วเติมน้าสุกลงไปคนให้เข้ากนั จนเหนยี ว กิจกรรมที่ ๑๐ นาดนิ ท่ีผสมแล้วจากขอ้ ๙ มาปน้ั หุ้มไขเ่ ป็ดให้ทวั่ ทั้งฟอง กิจกรรมท่ี ๑๑ นาไขจ่ ากข้อ ๑๐ มาคลุกกับแกลบเผาท่ีเตรียมไวท้ ันที กจิ กรรมที่ ๑๒ นาไข่จากข้อ ๑๑ นามาบรรจถุ ุงพลาสติก กจิ กรรมที่ ๑๓ นาไข่เค็มที่บรรจุใสถ่ งุ พลาสติกแลว้ ไปใส่กล่องบรรจภุ ณั ฑ์ กิจกรรมท่ี ๑๔ จัดจาหน่ายไข่เคม็ ดนิ จอมปลวก โดยกาหนดราคาขาย คดิ ตน้ ทนุ กาไร ขนั สรุป ผเู้ รียน และครูผู้สอน รว่ มกนั อภิปราย และสรุปเก่ียวกบั เคร่ืองมือ วัสดุ-อปุ กรณ์วิธกี ารและขนั้ ตอนการทาไข่เคม็ ดินจอมปลวก ตลอดถงึ การจาหน่ายสื่อ/วสั ดุอุปกรณ์/ส่งิ อานวยความสะดวก/บรกิ าร ๑. ไขเ่ ปด็ ๒. ดินจอมปลวก ๓. เกลือสนิ เธาวห์ รือเกลอื สมุทร ๔. แกลบเผา ๕. น้า ๖. ถุงพลาสตกิ ๗. กะละมงั ขนาดเล็ก ๒ ใบ ๘. ตะแกรงสาหรับรอ่ นดิน ๙. ที่เย็บกระดาษพรอ้ มลกู ๑๐. ชดุ ถ้วยตวง ๑ ชดุ ๑๑. จอบ/เสียม

๑๖๗ ๑๒. คอ้ น หรอื ไมเ้ น้ือแข็ง ๑๓. ครก สาก ๑๔. กลอ่ งบรรจุไข่เค็ม ๑๕. ใบงาน ๑๖. รูปภาพแสดงขั้นตอนการทาไข่เค็มการวดั ผลและประเมินผล ๑.วิธกี ารวดั ผลและประเมนิ ผล - การสงั เกต - ผลงานตามข้ันตอน ๒.เครอ่ื งมอื การวดั ผลและประเมนิ ผล - แบบสังเกตสงั เกต - แบบประเมินผลงาน ๓. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล ผ้เู รยี นทาได(้ ระดบั คุณภาพการเรียนรู้ ๔) จานวน ๕ คร้งั ติดตอ่ กนัเกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ ๐ หมายถงึ ผูเ้ รยี นทาไม่ได้ ๑ หมายถึง ผู้เรียนทาได้แต่ต้องช่วยเหลือโดยการกระตุ้นเตือนทางกาย ท่าทางทางวาจา ๒ หมายถงึ ผเู้ รียนทาได้แต่ตอ้ งช่วยเหลือโดยการกระตุ้นเตือน ทา่ ทาง ทางวาจา ๓ หมายถงึ ผเู้ รียนทาไดแ้ ต่ต้องช่วยเหลือโดยการกระตนุ้ เตือนทาง วาจา ๔ หมายถึง ผเู้ รยี นทาได้ด้วยตนเอง ลงชื่อ.............................................................ครผู ู้สอน (...........................................................)

๑๖๘ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ .................................................................... (..........................................................) หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวชิ าการความคดิ เหน็ ของผู้บริหาร ( ) เปน็ แผนการสอนทด่ี ใี ชส้ อนได้ ( ) ควรปรบั แก้ ............................................................................................................ ลงชื่อ.................................................................... (..........................................................) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวัด.............. ............/....................../.............สรุปผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ .................................................ครผู ู้สอน (.........................................................)ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ....................................................... (..........................................................) หัวหนา้ กลุ่มบริหารงานวิชาการ

๑๖๙ความคิดเหน็ ของผบู้ ริหาร ( ) เห็นชอบตามผลการสอนและวางแผนการสอนในขนั้ ตอนต่อไป ( ) ควรปรบั แก้ ......................................................................................................... ลงช่ือ.................................................................... (..........................................................) ผอู้ านวยการศนู ยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ................ ............/....................../............. ๓) แผนบรกิ ารโดยครอบครัวและชมุ ชน (ตัวอยา่ ง) แผนบรกิ ารโดยครอบครัวและชมุ ชน (Family and Community Service Plan : FCSP)ชอื่ คนพิการ ด.ช.แดงประเภทความพิการ บกพร่องทางสติปญั ญาลักษณะความพกิ ารระดับสตปิ ัญญา ๔๕ทกั ษะ อาชีพปีการศึกษา๒๕๕๘วันที่เรม่ิ พัฒนาวนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๘ วันส้นิ สดุ พัฒนาวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๙พฤตกิ รรมทีค่ าดหวงั สามารถปฏิบตั ิตามกระบวนการ/ขั้นตอนทักษะอาชีพทาไขเ่ ค็มดินจอมปลวกได้จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เมื่อให้ ด.ช.แดง ทาไข่เค็มดินจอมปลวก ด.ช.แดง สามารถทาตามข้ันตอนได้ ๕ ครง้ัตดิ ตอ่ กนั จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ขนั้ ตอนที่ ๑ เมือ่ กาหนดใหเ้ ตรียมวัสดุ-อปุ กรณ์ในการทาไขเ่ ค็มดินจอมปลวก ประกอบดว้ ย (ไข่เป็ด น้า ดินจอมปลวก เกลือ แกลบเผา ถุงพลาสติกจอบ/เสียม ค้อน หรือไม้เน้ือแข็ง ครก สาก กะละมัง ชุดถ้วยตวง ถุงพลาสติกขนาด ๔  ๖ น้ิว) ผเู้ รียนสามารถเตรียมวัสดุ-อุปกรณ์ในการทาไข่เค็มดินจอมปลวกถูกต้อง (ระดบั คุณภาพการเรยี นรู้ ๔) ๕ คร้งั ตดิ ต่อกนัผรู้ ับผิดชอบ ผู้ปกครอง

๑๗๐คาช้แี จง ใหผ้ ้รู บั ผดิ ชอบทาเครื่องหมายลงในช่องผลการพฒั นาว่าทาได้หรอื ทาไม่ได้ การพฒั นา ว/ด/ป ผลการพฒั นา ผู้นิเทศ หมาย ท่ีพฒั นา ทาได้ ทา เหตุวิธกี ารฝกึ ปฏิบัตจิ รงิ ๑ สิงหาคม ๕๘ ไม่ได้ขั้นตอนการพฒั นา ๒ สงิ หาคม ๕๘๑.เมอื่ กาหนดใหเ้ ตรยี มวัสดุ- ๓ สงิ หาคม ๕๘  นางสม ผู้ปกครองอุปกรณ์ในการทาไขเ่ ค็มดนิ ๔ สงิ หาคม ๕๘จอมปลวก ประกอบดว้ ย (ไข่ ๕ สิงหาคม ๕๘  นางสม ผปู้ กครองเป็ด นา้ ดนิ จอมปลวก เกลือ ๖ สงิ หาคม ๕๘แกลบเผา ถุงพลาสติกจอบ/ ๑๕ สงิ หาคม ๕๘  นางสม ผปู้ กครองเสยี ม ค้อน หรอื ไม้เนื้อแขง็  นางสม ผู้ปกครองครก สาก กะละมงั ชุดถว้ ยตวง ถุงพลาสติกขนาด ๔   นางสม ผปู้ กครอง๖ นิว้ ) ผู้เรียนสามารถเตรียมวสั ดุ-อุปกรณ์ในการ  นางสม ผู้ปกครองทาไขเ่ คม็ ดนิ จอมปลวกถกู ต้อง (ระดับคุณภาพการ  นางสาวดีมาก ใจดี ครศู ูนย์ฯเรียนรู้ ๔) ๕ ครั้งตดิ ต่อกนัสรุปผลการพัฒนา หมายถงึ ระดบั คุณภาพ ๔ ทาได้ด้วยตนเอง  ทาได้ หมายถึง คนพิการไมส่ ามารถทาได้ ทาไมไ่ ด้สรุปผลการพฒั นา  ผา่ น ไม่ผา่ น

๑๗๑ขอ้ เสนอแนะ (ถ้าม)ี ควรให้นักเรียนได้ปฏิบัติทาอย่างต่อเน่ือง เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการทาอาชีพไข่เค็มจากดินสอพองอย่างแทจ้ รงิ

บทที่ ๕ การประเมินผลการเรียนรู้๑. จดุ มุ่งหมายของการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เมิ น ผ ล ก า ร เรี ย น รู้ จ ะ ช่ ว ย ให้ ได้ ส า ร ส น เท ศ จ า ก ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร มตามแผนการสอนเฉพาะบุคคลหรือแผนบริการโดยครอบครัวและชุมชน ที่แสดงความก้าวหน้าและความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ท่ผี ้เู ก่ียวข้องจะได้นาไปใชป้ ระโยชน์เพื่อส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี นอย่างเต็มศักยภาพ ซ่ึงผู้สอนจะต้องจัดทาเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน โดยอิงกับเกณฑ์การประเมินที่สถานศึกษาได้จัดทาซ่ึงการประเมินผลประกอบดว้ ย ๑) การประเมินผลก่อนการจัดการเรียนรู้ มุ่งให้ผู้สอนได้ใช้วิธีการต่างๆ เช่น การสังเกตการปฏิบัติจริง การสัมภาษณ์ การทดสอบ เป็นต้น รวบรวมข้อมูลสาหรับเป็นพ้ืนฐานของการจัดการเรียนการสอนท่ีตรงกับสภาพจรงิ ๒) การประเมินผลระหว่างเรยี น เป็นการตรวจสอบผลการเรียนร้ใู นข้ันตอนของกิจกรรมต่างๆ ท่ีผู้สอนจัดประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนในแต่ละครั้งโดยวิธีการต่างๆ เช่น การทดสอบผลงานเป็นต้น ข้อมูลที่ได้จะแสดงความก้าวหน้า ปัญหาข้อจากัดสาหรับผู้สอนในการปรับเปล่ียนวิธีการ สื่อวสั ดุอปุ กรณ์ เพ่อื ชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นได้ก้าวผ่านข้ันตอนของงานอย่างต่อเนื่อง ๓) การประเมินผลหลังเรียน เป็นการตรวจสอบผลการเรียนรู้ในทักษะต่างๆ ที่ระบุในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล ที่เป็นการรวมสรุปเพ่ือตั ดสินความสาเร็จของผู้เรียนโดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น แฟ้มสะสมงาน การใช้ผลบันทึกหลังการสอน การใช้ความคิดเห็นร่วมกันของกลุ่มผู้สอน เป็นต้น ข้อมูลที่ได้จะนาไปสู่การทบทวนเปลี่ยนแปลงการจัดโปรแกรมเพื่อดาเนินการต่อเนื่องหรอื การนาไปสู่การเปล่ียนผา่ นภายในศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษและระหว่างหน่วยงาน๒. การประเมินผลตามสภาพจรงิ แนวคิดพืน้ ฐานเก่ียวกับการวัดประเมินตามสภาพจริง ๑) การแสดงความสามารถของผู้เรยี นรายบคุ คล การวัดประเมินเพ่ือสะท้อนถึงพฤติกรรมระดับความสามารถ และทักษะท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียนในสถานการณ์ที่เป็นจริงของการดาเนินชีวิตโดยการวัดประเมินและการสะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างต่อเนอื่ ง เพื่อเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนไดม้ ีส่วนรับรู้และมีสว่ นรว่ มในการประเมิน

๑๗๓ตนเองตลอดเวลา รวมถึงการมีส่วนร่วมวางแผนและเลือกกระบวนการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับสภาพผเู้ รยี นด้วย ๒) การบรรลจุ ุดมุ่งหมายของหลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาในทุกระดับช้ันจะกาหนดให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะท้ังในด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และพฤติกรรมที่พึงประสงค์ตามธรรมชาติของรายวิชา แต่วิธีการวัดประเมินผลการเรียนรู้โดยใช้ข้อสอบเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะวัดได้เพียงแค่ด้านความรู้ไม่ครอบคลุมตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาอย่างแท้จริง กระบวนการวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ผู้สอนจะต้องคอยสังเกต จดบันทึก และรวบรวมข้อมูลจากผลงาน วิธีการเรียนรู้สู่วิธีปฏิบัติของผเู้ รียน โดยองิ ตามพฤตกิ รรมบ่งชท้ี ่กี าหนดไวใ้ นหลกั สตู ร ๓) การบรู ณาการวิธีการและเครื่องมือในการประเมนิ อยา่ งหลากหลาย การวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง จะใช้เครื่องมือและเทคนิคการประเมินทห่ี ลากหลาย ผู้สอนต้องใกล้ชิดผู้เรียนเพื่อสงั เกต สอบถาม รวบรวมเอกสารตัวอย่างงาน และสรรหาวิธีการท่ีสามารถกระตุ้นผู้เรียนให้เรียนรอู้ ย่างเต็มศักยภาพ จนสามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนรอู้ ะไรบ้างและเรียนรู้อย่างไร สามารถบูรณาการส่ิงท่ีเรียนรู้เข้าด้วยกันหรือเชื่อมโยงผลการเรียนรู้ไปสู่ชีวิตจริงการประเมนิ เหลา่ นเี้ ปน็ หวั ใจสาคญั ของหลกั การวดั ประเมนิ ผลการเรียนรูต้ ามสภาพจริง ๔) สง่ เสรมิ การเรียนรจู้ ากสภาพจริง (Authentic learning) การวัดประเมินตามสภาพจริง จะต้องมีการรวบรวมผลงานจากภาคปฏิบัติและผลงานท่ีเกิดจากกิจกรรมการเรียนรู้ตามสภาพจริงที่สัมพันธ์กับชีวิตประจาวันของผู้เรียน ซ่ึงเน้นให้เห็นถึงพฤติกรรมการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนจากกระบวนการเรียนรู้ในสภาพจริง รวมท้ังกิจกรรมการเรียนการสอนทงั้ ในช้ันเรยี นและนอกชัน้ เรียนรวมถงึ แหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ ที่ผู้สอนกาหนดไว้ ดงั นนั้ การประเมินตามสภาพจริงต้องประเมินท้ังจากภาคปฏิบัติ (performance assessment) ด้วยการสังเกตพฤติกรรมการทางานของผู้เรียนว่าเป็นไปท่ีตั้งวัตถุประสงค์ไว้หรือไม่ และต้องวัดประเมินจากสภาพจริงที่ผู้เรียนลงมอื ปฏิบตั ิและแสดงพฤตกิ รรมในบริบทของความเป็นจริงในชวี ิตประจาวนั วธิ กี ารวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ๑. การสังเกต การสังเกต เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลจากสภาพจริงอย่างหนึ่งโดยการสังเกต จะใช้ประเมนิ การแสดงออกและกระบวนการที่ผู้เรียนใช้ในการทากิจกรรม ทาใหผ้ ู้สอนสามารถทราบพฤติกรรมของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และสามารถนาไปสรปุ เป็นความคิดเห็นของผู้เรียนได้ การสังเกตมี ๒วิธี คือ ๑) การสังเกตแบบมีส่วนร่วม (participant observation) เป็นการสังเกตท่ีผู้สอนต้องเข้าไปเกีย่ วขอ้ ง หรือมสี ่วนรว่ มโดยตรงกับกิจกรรมหรอื เหตุการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ๒) การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (non participant observation) เป็นการสังเกตที่ผู้สอน ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์โดยตรงแต่จะใช้วิธีสังเกตอยู่วงนอก ซึ่งทาให้ใช้เวลาในการเก็บขอ้ มูลน้อยกวา่ วธิ ีแรกแต่ขาดข้อมูลเชงิ ลึกท่ีอยเู่ บอื้ งหลงั ของปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้นึ

๑๗๔ ในมุมมองของการวิจัยเชิงคุณภาพ การสังเกตเป็นวิธีการเบื้องด้นในการเก็บข้อมูลเก่ียวกับปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมของบุคคล โดยอาศัยประสาทสัมผัส(sensation) ของผู้สังเกตโดยตรงซ่ึงอาจใช้ร่วมกับการเก็บรวบรวมข้อมูลอ่ืนๆ จุดเด่นท่ีสาคัญของการสังเกต คือทาให้รู้พฤติกรรมที่แสดงออกเป็นธรรมชาติเป็นข้อมูลท่ีตรงตามสภาพความเป็นจริง จัดเป็นข้อมูลซ่ึงมคี วามน่าเช่ือถือมาก เครือ่ งมอื ทใ่ี ชป้ ระกอบการสังเกตมหี ลายชนิด เช่น ๑) แบบบันทึกพฤติกรรม เป็นการบันทึกข้อมูลเรื่องท่ีเกิดขึ้นกับผู้เรียนในแต่ละวันการบนั ทึกข้อมลู อาจจะทาอย่างละเอยี ดหรือยอ่ ๆ ก็ได้ โดยปกติจะบันทกึ หลังจากเหตุการณน์ ้ันเกิดขึ้นโดยท่ัวไปมักเขียนเป็นรายงานที่เกดิ ข้ึนตามความเป็นจริงอย่างสั้นกะทัดรัด รวมทัง้ ส่ิงที่พูดหรือทาโดยสมาชิกในกลุ่ม การสังเกตอย่างชานาญและบันทึกอย่างเที่ยงตรงต้องให้บันทึกเหตุการณ์ที่สาคัญและจาเป็นได้ และยิ่งการบันทึกทาทันทีหลังจากเหตุการณ์เร็วเท่าใด จะทาให้ได้ข้อมูลมากและมีความแม่นยามากขึ้นเท่านั้น การบันทึกพฤติกรรมที่ดีควรบันทึกทันทีหลังจากเหตุการณ์น้ันเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมักจะเป็นไปไม่ได้ เพราะผู้สอนมีกิจกรรมในชั้นเรียนอยู่ตลอดเวลา การบันทึกพฤติกรรมจึงมักจะทาภายหลังจากจบคาบเรียน แต่บางครั้งหากบันทึกภายหลังจบคาบเรียน ผู้สอนมักจะจาเหตุการณ์ไมไ่ ดด้ งั นั้นผู้สอนอาจจดบนั ทกึ ยอ่ ๆ แล้วลงมอื เขยี นขยายความภายหลงั ทันที ๒) แบบสารวจรายการ เป็นเคร่ืองมือสาหรับใช้ในการบันทึกข้อมูลการสังเกตแบบตั้งใจ อยา่ งเป็นระบบชนิดหนึ่ง โดยแบบสารวจรายการจะช่วยในการบันทึกแบบตง้ั ใจที่จะดูพฤตกิ รรมหรือการเรียนรู้ของผู้เรียนว่าเกิดขึ้นหรือไม่ องค์ประกอบของแบบสารวจรายการ ได้แก่ คุณลักษณะทักษะ ความสนใจ และพฤติกรรมที่มุ่งหวังตามผลของการเรียนรู้ในแต่ละระดับ แบบสารวจรายการจะใชใ้ นการประเมินการแสดงออก กระบวนการและผลผลิตของผู้เรียน แบบสารวจรายการทดี่ ีจะชว่ ยใหผ้ ู้สอนสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรยี น นอกจากนี้ยงั ช่วยให้ผู้สอนประเมินผู้เรียนได้ลึกซ้ึง โดยท่ัวไปแบบสารวจ รายการจะใช้กับผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยๆ จานวน 4 – 5 คนในแต่ละวัน เพราะหากสังเกตท้ังชั้น ในวันเดียวย่อมจะดูแลไม่ท่ัวถึง นอกจากนี้ในการรายงานวามก้าวหน้าของผู้เรียน การประเมินความก้าวหน้าของช้ันเรียนในโครงการบางอย่าง การประเมินโดยใชแ้ บบสารวจรายการแบบเป็นกล่มุ จะใชไ้ ด้ดี วธิ ีการใหค้ ะแนนในการวดั ประเมินผลการเรยี นร้ตู ามสภาพจรงิ การวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง มีวิธีการหลากหลายในการให้คะแนนโดยมีรายละเอียดดังนี้ ๑) การให้คะแนนแบบไมช่ ัดเจน (ตามใจผปู้ ระเมิน) เช่น ในการตรวจใหค้ ะแนนโครงงานถ้ากาหนดคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ผู้สอนอาจใช้เกณฑ์ในใจซ่ึงเป็นไปตามความคิดของผู้สอนตัดสินให้คะแนนตามที่เห็นสมควรเป็น ๖ , ๘ คะแนน เป็นต้น มีแนวโน้มท่ีจะเกิดความลาเอียงได้ง่ายการให้คะแนนเช่นน้เี ป็นการยากตอ่ การแปลความหมาย ๒) การให้คะแนนแบบถูกผิดชัดเจน เช่น ในการตรวจข้อสอบเม่ือตอบถูกตรงตามเฉลยก็ได้คะแนนเต็ม แต่เม่ือตอบผิดก็ไม่ได้คะแนนดังที่ใช้ในการตรวจข้อสอบแบบถูกผิด แบบจับคู่หรือแบบตัวเลือก

๑๗๕ ๓) การให้คะแนนแบบมาตรประมาณค่า (Rating scales) เป็นการให้คะแนนตามช่วงของความถูกตอ้ งของคาตอบ หรอื การแสดงพฤติกรรม หรอื คณุ ภาพของชิ้นงาน เช่น ในมาตรประมาณค่า ๕ ช่วง หรอื ๓ ชว่ ง ฯลฯ เม่ือตอบถูกมากท่สี ุดหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยท่ีสุดหรอื ช้ินงานมีคุณภาพมากที่สุดจะได้ ๕ คะแนน ลดหลั่นลงไปตามลาดับจนถึง ๑ คะแนนเมื่อตอบถูกต้องน้อยที่สุด หรือแสดงพฤติกรรมน้อยที่สุด หรืองานมีคุณภาพน้อยที่สุด เป็นต้น การให้คะแนนวิธีน้ีมีเช่ือถือได้มากข้ึนแต่ยังไม่สมบูรณท์ จี่ ะใหข้ อ้ มลู ป้อนกลบั ในเชงิ “คณุ ภาพ” ว่าสว่ นทบี่ กพร่องไปนน้ั คอื อะไร ๔) การให้คะแนนตามเกณฑ์การให้คะแนน หรือรูบริค (Rubric) วิธีการให้คะแนนทใ่ี ชห้ ลกั การของมาตรประมาณค่าประกอบกับการพรรณนาคุณภาพ กล่าวคอื แทนที่จะใช้ตัวเลข เช่น๕ – ๔ – ๓ – ๒ – ๑ หรือ ๓ – ๒ – ๑ ฯลฯ มีการแปลความหมายกากับด้วยและเพ่ิมข้อมูลรายละเอียดว่าคะแนนที่ได้ลดหลั่นลงไปมีความบกพร่องที่บ่งช้ีเป็นข้อมูลเชิง “คุณภาพ”ว่าเป็นอย่างไร ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ผนวกอยู่กับข้อมูลเชิงปริมาณในการให้คะแนนแบบรูบริคน้ีมีป ระโยชน์ในการให้ข้อมูลป้ อนกลับแก่ผู้ถูกป ระเมิ น ซึ่งเป็ นการตอบสน องห ลักการของการประเมินผลเพ่อื การปรับปรุง๓. การกากบั ดแู ลคณุ ภาพการศึกษา ในระดับสถานศึกษา การวดั ประเมนิ ผลมีการประเมิน ๒ ครั้ง คอื ๑) การประเมินผลเพ่ือทบทวนการจัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program : IEP) / แผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว(Individualized Family Service Plan : IFSP) โดยนาสารสนเทศที่ผู้สอนได้รวบรวมจากการประเมินหลังเรียนมาประกอบการพิจารณาในการปรับปรุงแผน ฯ และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและเกณฑ์การประเมินผล ซ่ึงสถานศึกษาแต่ละแห่งจะกาหนดเกณฑ์ที่ใช้ว่าผลรวมสรุปอยู่ในเกณฑ์ระดับใด ที่จะต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหรือดาเนินต่อเนื่อง โดยใช้การประชุมคณะกรรมการและผเู้ ก่ียวขอ้ ง การสอบถามความคิดเหน็ ๒ ) การป ระเมิ น ผลเมื่ อส้ิน สุดการใช้แผน การจัดการศึกษ าเฉพ าะบุ คค ล/แผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว เป็นการประเมินผลรวมจากการจัดการเรียนรู้ตามแผนดังกล่าว เพื่อนาสารสนเทศจากการประเมินผลการเรียนท้ังหมดมาพิจารณาตัดสินสาหรับการส่งต่อภายในศูนย์การศึกษาพิเศษ และสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น โดยใช้วิธีการประชุม การสอบถามความคิดเห็นของผู้เก่ียวขอ้ ง การศกึ ษาเอกสารผลการพฒั นาของผเู้ รยี นตลอดปี

เอกสารอ้างอิงกระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๕). หลกั สูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพค์ ุรุสภาลาดพรา้ ว.กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๖). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพค์ รุ ุสภาลาดพรา้ ว.กุลยา กอ่ สุวรรณ. (๒๕๕๓). การสอนเด็กที่มีความบกพร่องระดับเล็กน้อย (Teaching Children with Mild Disabilities). นนทบรุ ี: สหมิตรพร้ินตงิ้ แอนดพ์ บั ลิสซ่งิ .การวัดประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง. สืบค้น เม่ือ ๒๕๕๘, ๑ กันยายน, เข้าถึงได้จาก http://c4ed.lib.kmutt.ac.th/x-classroom/?p=873ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง กาหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๒, (๒๕๕๒, ๘ มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๒๖/ตอนพิเศษ ๘๐ ง, หน้า ๔๕.ผดุง อารยะวิญญู. ๒๕๔๒. การเรียนร่วมระหว่างเด็กปกติกับเด็กท่ีมีความต้องการพิเศษ. กรุงเทพ ฯ แวน่ แก้วณัชพร ศภุ สมุทร,สจุ ิตรา สขุ เกษม,ปทั มา พนมวนั ณ อยุธยา,รุจรี ัตน์ จันทรเ์ นตร. การจดั การเรยี น การสอนสาหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ. สืบค้นเมื่อ กันยายน, ๑, ๒๕๕๘, จาก http://www.rajanukul.go.th/new/_admin/download/D0000071.pdfศรียา นิยมธรรม (๒๕๔๖) และผดุง อารยะวิญญู (๒๕๔๒). ความรู้ทางการศึกษาพิเศษ. สืบค้นเมื่อ กนั ยายน ๑, ๒๕๕๘, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://specialed.edu.swu.ac.th/knowledge.htm.สาวติ รี รญุ เจริญ. เทคนิคการสอนเชิงพฤติกรรมสาหรับเดก็ ออทสิ ตกิ . [ออนไลน์] [สบื คน้ เมื่อ กนั ยายน, ๑, ๒๕๕๘] เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.hs3ab.com/admin/doc/1427012111 behavior%20techniques.pdfสานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ. (๒๕๕๖). ค่มู อื หลกั สตู รการให้บรกิ ารช่วยเหลือระยะแรกเริม่ สาหรับเดก็ พกิ าร ศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ.สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (๒๕๕๖). แนวทางการจัดกิจกรรมตามหลักสูตรการให้บริการ ช่วยเหลือระยะแรกเร่ิมสาหรับเด็กพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๖. กรงุ เทพมหานคร: สานักบริหารงานการศกึ ษาพิเศษ.

๑๗๗สานกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ. (๒๕๕๖). หลักสูตรการใหบ้ ริการชว่ ยเหลอื ระยะแรกเริ่มสาหรบั เด็กพิการ ศูนย์การศึกษาพิเศษ พุทธศักราช ๒๕๕๖. กรุงเทพมหานคร: สานักบริหารงาน การศกึ ษาพเิ ศษ.Dutta A. & Kundu M. Role of IndependentT Living In Rihabilitation.Southern University.Harris Cindy. (2 0 0 9 ). Building Real-Life READING SKILLS.United States of America: Scholastic Inc.Hanbury Clare. (2008). The Life Skills Handbook.Kundu, M., &Schiro-Geist, C. (2006).Legislative aspects of rehabilitation.In P.Mannix Darlene. (2 0 0 9 a). Life Skills Activities for Secondary Students with Special Needs.United States of America: John Wiley @ sons,Inc.Mannix Darlene. (2009b). Social Skills Activities for Secondary Students with Special Needs.United States of America: John Wiley @ sons,Inc.Nosek, M. A. (1997). Independent living. In E. M. Szymanski & R. M. Parker (Eds.), Rehabilitation counseling: Basics and beyond (pp. 191-223). Austin, TX: Pro-ed.Onish Liane B. ( 2 0 1 1 ) . Building Real-Life MATH SKILLS.United States of America: Scholastic Inc.Ratzka, A. D. (1997, September). Independent living and our organizations. Paper presented at the meeting of the conference of the Disability Rights Advocates Hungary, Siofok, Hungary.Winram Patricia andHenderson Lynn. (2014). Building Life Skill Portfolios.United Ststes of America: Attainment Company, Inc.Wehman P.& Kregel, J. ( 2003) . Functional Curriculum for Elementary, Middle,&Secondary Age Students with Special Needs.Texas: PRO-ED,Inc.William K. Killion, BCBA. (2003). Functional Independence Skills Handbook.Texas: PRO- ED,Inc.Wright, G. N. (1980). Total Rehabilitation (pp. 733-789). Boston, MA: Little Brown and Company.

ภาคผนวก

๑๗๙ แบบประเมนิ ก่อนการพัฒนาทกั ษะการดารงชวี ิตสาหรับเดก็ ท่ีมคี วามตอ้ งการจาเป็นพเิ ศษ ของศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษ ชว่ งวัย ๐ – ๓ ปีช่ือนกั เรียน............................................................ ผดู้ ูแล.............................................ผตู้ รวจสอบ....................................................................................................................คาช้แี จง ให้ผู้ตรวจสอบ ลงในช่องทีต่ รงกับพฤตกิ รรมทเ่ี ด็กแสดงออกกลุ่มทกั ษะการดารงชวี ติ ประจาวนัทกั ษะ ทกั ษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผูช่วยเหลือ ทาไ ้ดแต่ไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การดแู ลตนเองและ ๑) การถอดและสวมใส่เคร่อื งแต่งกายการดแู ลสุขอนามยั สว่ น ๒) การเลอื กเคร่อื งแต่งกายบคุ คล ๓) การใช้หอ้ งนา้ ในท่ีอยู่อาศยั ๔) การใช้ห้องนา้ ในทสี่ าธารณะ๒. การเข้าสังคม การทา ๕) อนามัยส่วนบุคคลกิจกรรมนันทนาการ ๖) การปฏบิ ัติตนและดูแลบุคลกิ ภาพและการทางานอดเิ รก ๑) มารยาทในการรับประทานอาหาร(กจิ กรรมยามว่าง) ร่วมกัน ๒) การใชเ้ วลาวา่ งทบี่ า้ นหมายเหตุ ผสู้ อนควรเลอื กประเมินทกั ษะยอ่ ยใหเ้ หมาะสมกับชว่ งวยั ของผเู้ รียน

๑๘๐ แบบประเมนิ กอ่ นการพฒั นาทกั ษะการดารงชวี ิตสาหรับเดก็ ทมี่ คี วามตอ้ งการจาเป็นพเิ ศษ ของศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ ชว่ งวยั ๔–๖ ปีช่อื นักเรยี น............................................................ ผู้ดูแล.............................................ผ้ตู รวจสอบ....................................................................................................................คาชี้แจง ให้ผตู้ รวจสอบ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับพฤติกรรมทีเ่ ดก็ แสดงออก๑. กลมุ่ ทกั ษะการดารงชีวติ ประจาวนัทกั ษะ ทักษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผูช่วยเหลือ ทาไ ้ดแต่ไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การดแู ลตนเองและ ๑) การถอดและสวมใสเ่ ครอ่ื งแตง่ กายการดแู ลสุขอนามัยสว่ น ๒) การเลือกเครอื่ งแต่งกายบุคคล ๓) การใช้หอ้ งนา้ ในท่ีอยอู่ าศยั ๔) การใช้ห้องน้าในทส่ี าธารณะ๒. การเคล่ือนยา้ ยตนเอง ๕) อนามัยสว่ นบุคคลในบา้ น ๖) การปฏบิ ัตติ นและดูแลบคุ ลิกภาพ๓. การดูแลสุขภาพและ ๑) การเคล่ือนย้ายตนเองในบ้านความปลอดภยัในชีวิตประจาวนั ๑) การดแู ลและการป้องกันสุขภาพ๔. การทางานบา้ น ๒) การปฐมพยาบาล ๓) การแพ้อาหารหรือแพย้ า ๑) การดูแลเสอื้ ผ้า ๒) การเตรียมอาหารและเคร่ืองดืม่ ๓) การจัดและการทาความสะอาดโต๊ะ อาหาร ๔) การทาความสะอาดภาชนะตา่ งๆ ๕) ทา/เปล่ยี นเครือ่ งทน่ี อน ๖) ทาความสะอาดและจัดห้อง

๑๘๑ทักษะ ทักษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ูผ้ ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๕. การเข้าสงั คม การทา ๑) มารยาทในการรับประทานอาหารกจิ กรรมนนั ทนาการ รว่ มกันและการทางานอดเิ รก ๒) การใช้เวลาวา่ งทบ่ี า้ น(กิจกรรมยามวา่ ง)๖. การมสี ว่ นร่วมในสังคม ๑) การซอื ของและทักษะชีวิต ๒) การรับประทานอาหารนอกบ้าน๒. กลมุ่ ทักษะวิชาการเพ่ือการดารงชีวิตทักษะ ทกั ษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ู้ผช่วยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การสือ่ สาร ๑) การพูดและการสื่อสาร๓. กลมุ่ ทักษะสว่ นบุคคลและสงั คมทักษะ ทกั ษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแต่ ้ตอง ีม ู้ผช่วยเหลือ ทาไ ้ดแต่ไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การจัดการและการ ๑) การรูจ้ ักตนเองควบคุมตนเอง ๒) ความภาคภูมใิ จในตนเอง ๓) การเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง๒. ทกั ษะการมสี ว่ นร่วม ๔) รู้จักสิทธิ หนา้ ทแี่ ละบทบาทตนเองทางสังคม ๕) สรา้ งและรักษาปฏิสมั พนั ธ์กับผอู้ นื่ ๑) การเขา้ คิว ๒) การบ้าเพ็ญประโยชน์

๑๘๒ ทกั ษะ ทกั ษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผู ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๓. การเดนิ ทางในชมุ ชน ๑) สถานทต่ี ่างๆในชมุ ชน ๒) สญั ลกั ษณ์และสัญญาณจราจร ๓) การเดนิ ทางไปสถานทีต่ ่างๆ ใน ชมุ ชน ๔) การโดยสารรถประจ้าทาง๔. การปรับตวั ในสังคม ๑) ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีและการใชเ้ วลาวา่ งให้เป็น ตา่ งๆในชมุ ชนประโยชน์ ๒) การแตง่ กายเขา้ ร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามประเพณีของชมุ ชน ๓) การเลน่ และรว่ มกจิ กรรมกับผ้อู ืน่ ๔) ปฏิบัตติ ามมารยาททางสังคมกบั บุคคลอ่นื ตามโอกาสและกาลเทศะ ๕) การปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของสังคม และกฎหมายเบืองต้นในชีวติ ประจา้ วนั ๖) การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม

๑๘๓ แบบประเมนิ ก่อนการพฒั นาทกั ษะการดารงชีวติ สาหรับเดก็ ทม่ี ีความตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษ ของศนู ยก์ ารศกึ ษาพิเศษ ช่วงวัย ๗–๑๐ ปีชือ่ นกั เรยี น............................................................ ผูด้ ูแล.............................................ผตู้ รวจสอบ....................................................................................................................คาชี้แจง ให้ผู้ตรวจสอบ ลงในชอ่ งท่ตี รงกับพฤติกรรมทเ่ี ด็กแสดงออก๑. กลุม่ ทักษะการดารงชีวิตประจาวนัทกั ษะ ทักษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผูช่วยเหลือ ทาไ ้ดแต่ไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การดูแลตนเองและ ๑) การถอดและสวมใสเ่ ครอื่ งแตง่ กายการดแู ลสุขอนามยั ส่วน ๒) การเลือกเคร่อื งแต่งกายบคุ คล ๓) การใช้หอ้ งนา้ ในที่อยอู่ าศัย ๔) การใช้หอ้ งนา้ ในทสี่ าธารณะ๒. การเคลื่อนย้ายตนเอง ๕) อนามัยสว่ นบุคคลในบา้ น ๖) การปฏบิ ัติตนและดูแลบุคลิกภาพ๓. การดแู ลสุขภาพและ ๑) การเคลื่อนย้ายตนเองในบ้านความปลอดภยัในชีวิตประจาวัน ๑) การดูแลและการป้องกนั สุขภาพ๔. การทางานบา้ น ๒) การปฐมพยาบาล ๓) การแพ้อาหารหรือแพ้ยา ๑) การดูแลเส้ือผา้ ๒) การเตรยี มอาหารและเคร่ืองด่มื ๓) การจัดและการทาความสะอาดโต๊ะ อาหาร ๔) การทาความสะอาดภาชนะต่างๆ ๕) ทา/เปลี่ยนเคร่อื งที่นอน ๖) ทาความสะอาดและจัดห้อง

๑๘๔ทักษะ ทักษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีมผู้ ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๕. การเข้าสังคม การทา ๑) มารยาทในการรบั ประทานอาหารกิจกรรมนนั ทนาการ รว่ มกนัและการทางานอดเิ รก ๒) การใชเ้ วลาว่างท่ีบา้ น(กิจกรรมยามว่าง)๖. การมีส่วนร่วมในสงั คม ๑) การซอื ของและทักษะชวี ิต ๒) การรบั ประทานอาหารนอกบา้ น๒. กลุ่มทักษะวชิ าการเพื่อการดารงชีวิตทักษะ ทักษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแต่ ้ตอง ีม ูผ้ ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การสอื่ สาร ๑) การพูดและการสือ่ สาร๒. การอ่าน ๑) การอา่ นในชีวิตประจา้ วนั๓. การเขยี น ๑) การเขยี นในชีวิตประจ้าวัน๔. การคดิ คานวณ ๑) การบอกคา่ ตัวเลขและจา้ นวน๕. ความคดิ รวบยอดและ ๒) การใชจ้ ่ายเงินการแก้ปญั หา ๑) วนั และเวลา ๒) การวางแผนการปฏบิ ัติกิจวตั ร ประจ้าวนั ๓) สถานที่ในชวี ิตประจ้าวนั ๔) รูจ้ ักการแกป้ ัญหา

๑๘๕๓. กลมุ่ ทกั ษะสว่ นบคุ คลและสงั คม ทกั ษะ ทักษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผู ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การจัดการและการ ๑) การร้จู กั ตนเองควบคมุ ตนเอง ๒) ความภาคภมู ใิ จในตนเอง ๓) การเหน็ คณุ ค่าในตนเอง๒. ทักษะการมสี ว่ นร่วม ๔) รจู้ ักสทิ ธิ หนา้ ทแ่ี ละบทบาทตนเองทางสังคม ๕) สรา้ งและรกั ษาปฏสิ มั พนั ธ์กบั ผูอ้ ื่น๓. การเดนิ ทางในชมุ ชน ๑) การเข้าควิ ๒) การบา้ เพ็ญประโยชน์ ๑) สถานท่ีต่างๆในชมุ ชน ๒) สัญลักษณแ์ ละสัญญาณจราจร ๓) การเดินทางไปสถานท่ตี า่ งๆ ใน ชุมชน ๔) การโดยสารรถประจา้ ทาง๔. การปรับตัวในสังคม ๑) ศาสนา วฒั นธรรมและประเพณีและการใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ตา่ งๆในชมุ ชนประโยชน์ ๒) การแต่งกายเขา้ รว่ มกิจกรรมตา่ งๆ ตามประเพณีของชุมชน ๓) การเล่นและร่วมกิจกรรมกับผูอ้ น่ื ๔) ปฏิบตั ิตามมารยาททางสังคมกับ บคุ คลอืน่ ตามโอกาสและกาลเทศะ ๕) การปฏิบัติตามกฎระเบยี บของสงั คม และกฎหมายเบืองตน้ ในชวี ิตประจ้าวัน ๖) การใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อ ตนเองและสงั คม

๑๘๖๔. กล่มุ ทักษะการทางานและอาชพีทักษะ ทกั ษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผู ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การเรียนร้เู ร่อื งอาชพี ๑) อาชพี หลากหลายในชุมชน เชน่ เกษตรกรรม คหกรรม อตุ สาหกรรม๒. การเรียนรูเ้ รือ่ งการ พาณิชกรรม ความคิดสรา้ งสรรค์ และทางาน บริหารจดั การ และการบรกิ าร ๒) พนื ฐานงานอาชพี ที่หลากหลายตาม ความสนใจ ๓) การใช้อปุ กรณ/์ เคร่ืองมือเบอื งต้นใน การทา้ งานอาชีพ ๔) กระบวนการ/ขนั ตอนในการท้า ทักษะอาชีพทสี่ นใจ ๕) การวางแผนการท้างานรว่ มกัน ระหวา่ ง นักเรยี น ผ้ปู กครอง ครู และ สถานประกอบการ ๖) การเตรยี มตัวเขา้ สู่สถาน ประกอบการ ๗) การฝึกปฏบิ ตั ิงานอาชพี ในสถาน ประกอบการ ๑) การเตรยี มตัวการสมคั รงาน ไดแ้ ก่ การเตรยี มเอกสารประกอบการสมัคร งาน เช่น สา้ เนาบตั รประชาชน ส้าเนา ทะเบยี นบ้าน และรปู ถา่ ย เป็นต้น การ กรอกขอ้ มลู แบบฟอร์มการสมัครงาน การยื่นเอกสารประกอบการสมัครงาน การเขา้ รบั การสมั ภาษณ์งาน การแตง่ กายได้เหมาะสมกบั การสมคั รงาน

๑๘๗ทกั ษะ ทกั ษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ๒) การปฏบิ ัติตนท่ีเหมาะสมในการ ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผู ่ชวยเหลือ ทา้ งานร่วมกบั ผู้อนื่ เช่น เคารพเจ้านาย ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา สวสั ดที กั ทายเจา้ นายและเพ่ือนร่วมงาน ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา ไม่สง่ เสยี งดงั ๓) การปฏบิ ัติตนในการแตง่ กายให้ เหมาะสมกบั สถานประกอบการ ๔) การปฏบิ ัติตนตามกฎระเบียบของ สถานประกอบการ เช่น การลงเวลา ท้างาน การลางาน เป็นต้น ๕) การปฏบิ ัติตนใหม้ ีความรบั ผดิ ชอบ ต่อหนา้ ท่ี ที่ไดร้ ับมอบหมายในสถาน ประกอบการ ๖) การปฏิบตั ิงานตามขนั ตอนในหนา้ ที่ ทีร่ บั ผดิ ชอบ ๗) การจดั เกบ็ ตรวจสอบหลังการ ปฏบิ ตั งิ าน

๑๘๘ แบบประเมนิ ก่อนการพฒั นาทักษะการดารงชีวิตสาหรบั เดก็ ทมี่ คี วามตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษ ของศนู ยก์ ารศกึ ษาพิเศษ ชว่ งวยั ๑๑ ปี ขึน้ ไปชื่อนกั เรยี น............................................................ ผดู้ ูแล.............................................ผตู้ รวจสอบ....................................................................................................................คาชี้แจง ให้ผตู้ รวจสอบ ลงในช่องที่ตรงกับพฤตกิ รรมทเ่ี ด็กแสดงออก๑. กลุม่ ทกั ษะการดารงชีวติ ประจาวันทกั ษะ ทกั ษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ้ผูช่วยเหลือ ทาไ ้ดแต่ไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การดูแลตนเองและ ๑) การถอดและสวมใส่เครอ่ื งแตง่ กายการดแู ลสุขอนามยั ส่วน ๒) การเลอื กเครื่องแต่งกายบุคคล ๓) การใชห้ อ้ งน้าในที่อย่อู าศยั ๔) การใชห้ อ้ งน้าในทส่ี าธารณะ๒. การเคลอ่ื นย้ายตนเอง ๕) อนามัยส่วนบุคคลในบ้าน ๖) การปฏิบัติตนและดูแลบุคลิกภาพ๓. การดูแลสุขภาพและ ๑) การเคล่อื นย้ายตนเองในบ้านความปลอดภัยในชวี ติ ประจาวนั ๑) การดแู ลและการป้องกันสุขภาพ๔. การทางานบา้ น ๒) การปฐมพยาบาล ๓) การแพ้อาหารหรือแพย้ า ๑) การดแู ลเสอ้ื ผา้ ๒) การเตรยี มอาหารและเคร่ืองด่มื ๓) การจดั และการทาความสะอาดโต๊ะ อาหาร ๔) การทาความสะอาดภาชนะตา่ งๆ ๕) ทา/เปลี่ยนเคร่อื งท่ีนอน ๖) ทาความสะอาดและจัดห้อง

๑๘๙ทักษะ ทักษะย่อย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแ ่ต ้ตอง ีม ู้ผ ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๕. การเข้าสังคม การทา ๑) มารยาทในการรบั ประทานอาหารกิจกรรมนนั ทนาการ รว่ มกนัและการทางานอดเิ รก ๒) การใชเ้ วลาว่างท่ีบา้ น(กิจกรรมยามว่าง)๖. การมีส่วนร่วมในสงั คม ๑) การซอื ของและทักษะชวี ิต ๒) การรบั ประทานอาหารนอกบา้ น๒. กลุ่มทักษะวชิ าการเพื่อการดารงชีวิตทักษะ ทักษะยอ่ ย สามารถทาไ ้ดเอง พยายามทา แ ่ตทาไ ่มไ ้ด ทาไ ้ดแต่ ้ตอง ีม ูผ้ ่ชวยเหลือ ทาไ ้ดแ ่ตไ ่มทา ไ ่ม ีมโอกาสไ ้ดทา๑. การสอื่ สาร ๑) การพูดและการสือ่ สาร๒. การอ่าน ๑) การอา่ นในชีวิตประจา้ วนั๓. การเขยี น ๑) การเขยี นในชีวิตประจ้าวัน๔. การคดิ คานวณ ๑) การบอกคา่ ตัวเลขและจา้ นวน๕. ความคดิ รวบยอดและ ๒) การใชจ้ ่ายเงินการแก้ปญั หา ๑) วนั และเวลา ๒) การวางแผนการปฏบิ ัติกิจวตั ร ประจ้าวนั ๓) สถานที่ในชวี ิตประจ้าวนั ๔) รูจ้ ักการแกป้ ัญหา