Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือแผนออนไลน์ประถม1-63 แก้ไขรอบที่ 5

คู่มือแผนออนไลน์ประถม1-63 แก้ไขรอบที่ 5

Published by fangza_8894, 2021-12-02 03:44:44

Description: คู่มือแผนออนไลน์ประถม1-63 แก้ไขรอบที่ 5

Search

Read the Text Version

248 15) ในภาวะที่บา้ นเมืองเกิดความขัดแยง้ ขึ้นระหวา่ งฝา่ ยตา่ ง ๆ พระมหากษัตรยิ ์มบี ทบาทเดน่ ชดั ท่ีสุด ในดา้ นใด ก.เปน็ ศูนย์รวมจิตใจของคนทงั้ ชาตกิ อ่ ใหเ้ กดิ ความสามัคคี ข.มพี ระราชดำริเกย่ี วกบั การชว่ ยเหลอื ค.เจริญสมั พันธไ์ มตรีกบั ต่างประเทศ ง.กระตุน้ การพฒั นาเศรษฐกิจ

249 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 เรอ่ื ง บญุ คณุ พระมหากษัตริยไ์ ทย 1. ง 2. ก 3. ค 4. ข 5. ค 6. ง 7. ข 8. ค 9. ง 10. ง 11. ง 12. ก 13. ค 14. ข 15. ก

250 ใบกิจกรรม บทเรียนออนไลนท์ ่ี 1 เรอื่ ง ความภมู ใิ จในความเปน็ ไทย แนะนำการเรยี นรูอ้ อนไลน์ https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=nhr85f- 69WE คำชแ้ี จงจากเจ้าหนา้ ท่ขี ั้นพ้นื ฐาน https://www.youtube.com/watch?t=12s&v=ha2ieWFbEms หนงั สือเรยี น วิชาประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย สค12024 ระดับประถมศึกษา บทเรยี นออนไลนค์ รั้งท่ี 1 แนะนำการเรยี นวชิ าประวัติศาสตรช์ าติไทย https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=KnokiQ0Y1zw แบบทดสอบกอ่ นเรียน forms.gle/4HmwmQdRLkJqs9gk9 ใบงาน ใหน้ ักศึกษาการเรยี นรู้จากคลปิ ตอ่ ไปน้ี - ความเปน็ มาของชาติ ไทย https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=RBPJjcUV-sg - การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=pUMNyOKHIY4 ใบกิจกรรม https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfshFWSwijcCCuT-0- aD64ElK9_A_S8COy-STRzROhQ_l6v7w/viewform แบบทดสอบหลังเรียน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSftVJF71hnUbaGeCflGQBVPtt9ydy_Q UvjEmrJjJUihZioIkQ/viewform

251 ใบความรู้ บทเรียนออนไลน์ท่ี 1 เรอื่ ง ความภูมิใจในความเปน็ ไทย ความสำคญั ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ชาติไทยนับเป็นชาติที่มีประวัติมายาวนานซึ่งผ่าน สิ่งต่างๆมามากมายกว่าที่จะมาเป็นชาติไทย อย่างทกุ วนั นี้ บรรพบุรษุ วีรชนคนกล้าต้องเสยี เลือดเสียเนือ้ ไปมากมาย ไม่เพียงแต่ลำบากยากเข็ญใน การปกป้องชาติบ้านเมือง ปกปักรักษาแผ่นดินมาตุภูมิอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนนี้ไว้ ดังนั้นเราจะ สามารถเห็นได้ถึงหยาดเหงื่อที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมอื งตราบ ถึงทุกวนั น้ีที่คนไทยรู้สกึ ภาคภมู ใิ จใน ความเป็นคนไทย รักชาติบ้านเมืองและสถาบันอนั เคารพย่ิงคอื ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริยอ์ ัน เปน็ เสาหลักของชาติบา้ นเมืองทีส่ ำคัญยงิ่ จึงต้องเคารพเทิดทนู ไว้ด้วยความรักและภกั ดี ในความเป็นคนไทย สิ่งหนึ่งที่ควรรักษาไว้คือวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามที่สืบทอดมารุ่นสู่รุ่น ศิลปะ ดนตรีแขนงต่าง ๆ ที่แสดงถึงความเป็นตัวตนและความเป็นไทย ภาษาอันโดดเด่นและเป็น เอกลักษณ์รวมไปถึงวิถชี ีวติ ท่ีเปน็ ไปอย่างสงบ มีความเมตตากรุณาต่อกัน เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่และให้อภัย ด้วยความดีงามและเป็นแนวทางที่พึงปฏิบัติซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเจริญทาง วัฒนธรรมรวมถึง ขนบธรรมเนยี มต่าง ๆ โดยท่วั ไปสงิ่ ทีเ่ ราจะเห็นได้ท่วั ไปคือการไหว้ การไหวน้ ั้นถือเปน็ การแสดงความ เคารพอย่างหนึ่งซงึ่ แสดงให้เหน็ ชัดถงึ ความ ออ่ นน้อม มีมารยาท ซ่ึงการประพฤติปฏิบัติตนโดยตั้งตน อยู่ในจารีตอันดีงามของสังคมนั้นจะส่งผล ให้มีความสุขสงบเกิดขึ้นในชาติบา้ นเมือง ไม่เพียงแต่การ ประพฤตปิ ฏิบัติทด่ี งี ามเพียงเทา่ นน้ั การเปน็ ชาวพทุ ธท่ดี คี วรนอ้ มนำหลักบุญกริ ิยาวัตถุ ๓ มาใชใ้ นชีวิต อนั ได้แก่ ทาน คือการให้ ปู่ยา่ ตายายของเราหากสังเกตสว่ นใหญ่มกั จะอยูต่ ิดวัด ท่ขี าดไมไ่ ดน้ ้ันคือการ ตักบาตรซึง่ เปน็ การสร้างกศุ ลทีด่ ีให้เกดิ ขึ้นในชวี ิต นอกจากน้ันการใหส้ ิง่ ตา่ ง ๆแก่ผู้อ่ืนโดยมีความสขุ ใจในการให้กน็ ับว่าเป็น สิ่งที่พึงกระทำ การถือศลี กเ็ ปน็ ส่งิ สำคญั ศลี ๕ เปน็ ขอ้ ท่คี วรนำมาปฏิบัติเป็น อย่างยิ่ง สิ่งต่าง ๆในโลกนี้มีหลายอย่างที่ฉาบฉวย ผู้คนมักปล่อยจิตใจให้ไปตามอารมณ์ จึงมีข่าว ออกมาไม่เว้นแต่สักวนั ไม่ว่าจะเปน็ ขา่ วฆา่ คน ขา่ วลักทรัพย์ ขา่ วข่มขนื ซึ่งส่งิ เหล่านี้น้ันล้วนแต่เป็นส่ิง อกุศล ในมิลินทปัญหากล่าวไว้ว่า คนที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นบุญเป็นบาปนั้นก็จะทำสิ่งน้ันอย่างไม่ละอาย เปรียบเหมอื นคนไม่ร้วู ่าถ่านร้อนจึงจับไปอยา่ งเตม็ มอื ส่วนคนทีร่ ้วู า่ ถ่านร้อนกจ็ ะจับอย่างระมัดระวัง เพราะฉะน้นั แล้วศลี ๕ จึงมีความสำคัญเปน็ อยา่ งยง่ิ หากมนษุ ย์ไร้ซ่งึ ศีลธรรมแลว้ ก็จะทำสิง่ ตา่ ง ๆโดย ปราศจากความละอาย นอกจากการทำทานและการถอื ศีล การภาวนากเ็ ปน็ วธิ ีทจ่ี ะชว่ ยใหจ้ ิตใจสูงขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ เช่น การสวดมนต์ การเจริญสมาธิ การแผ่เมตตาซึ่งเป็นอานิสงส์แก่ผู้ปฏิบตั ิ ผลท่ไี ดจ้ ากการภาวนาน้ันคือความสุขสงบภายในจิตใจ ดังนั้นหากยดึ ปฏบิ ัตดิ งั น้ีแล้วสงั คมก็จะมีความ สงบสุข ร่มเย็น ปัญหาต่างๆก็จะลดน้อยลงเพราะคุณมีคุณธรรมสูงขึ้น ความสุขสงบในสังคมนั้นจะ เกิดขึ้นไม่ได้หากทุกคนไม่ร่วมกันทำสิ่งดีๆแก่บ้าน เมืองให้เกิดขึ้นจึงควรที่จะฟื้นฟูและปลูกฝั งให้ เยาวชนในปัจจุบันนม้ี ีความ รู้ ความเข้าใจในคณุ ธรรมต่างๆท่ีพงึ ปฏบิ ัติและสามารถสง่ ตอ่ ความดีงามน้ี

252 ไปส่ลู กู หลานในอนาคตอีกดว้ ย คุณงามความดจี งึ เปน็ ส่งิ สำคัญย่งิ สำหรับทุกคนในชาตไิ ทย ดังจะเห็น ได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรง เป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัคร ศาสนูปถัมภก ทรงมี จริยวัตรอันงดงามในทศพิธราชธรรม พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมใจของชาวไทย ทัง้ ปวงซ่งึ รัก เคารพ และเทดิ ทูนโดยพระองค์นน้ั ทรงงานหนกั เพื่อปวงชนชาวไทยได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ทรงยอ่ ท้อตอ่ ความเหน่ือยยากสละซง่ึ ความสขุ สว่ นพระองค์เพ่อื ส่วนรวมทมุ่ เทพระวรกาย ทรงผ่าน อุปสรรคนานาประการ ดังนั้นเราจึงควรที่จะตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณอันลน้ อย่างหาท่สี ุดมิได้ ด้วยการประพฤติปฏบิ ตั ิตนให้อย่ใู นศีลธรรม เป็นคนที่มคี ณุ ธรรม มีความเป็นอนั หนง่ึ อนั เดียวกันสมัคร สมานสามัคคีเพราะถ้าหากชาติไร้ซึ่งความ สามัคคีของคนในชาติแล้วก็จะนำไปสู่ความวิบัติหนึ่ง เพราะฉะน้นั แลว้ สถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์จงึ เปน็ ท่ียึดเหนีย่ วจติ ใจของชาวไทยทุกคน ที่ได้เกิดมาบน ผืนแผ่นดินไทยนี้ ความรัก ความสามัคคีเป็นปึกแผ่นจึงเกิดขึ้นมาได้ดังนั้นเด็กและ เยาวชนในวันนี้ วันหนึ่งในอนาคตก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จึงควรแลเห็นถึงความสำคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ที่เป็นเสาหลักของประเทศชาติ ไม่นำความเห็นแก่ตัวมาใช้ต่อส่วนรวม แต่พึงเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม มีความขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์สุจริต ไม่คดโกง ตั้งใจ ศึกษาเล่าเรียนเพื่อที่จะนำความรู้มาช่วยผลักดันให้ประเทศชาติมีความ เจริญก้าวหน้า และเมื่อถึง เวลาท่ีทุกคนมคี วามรกั ใคร่กลมเกลียวเป็นอนั หนงึ่ อันเดียวกัน เมอ่ื นนั้ บ้านเมืองกจ็ ะมีแต่ความสงบสุข อยา่ งแทจ้ รงิ หากคนไทยทุกคนมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนเป็นคนดี ประกอบด้วยคุณธรรมและจริยธรรม บ้านเมืองก็จะร่มเย็นเป็นสุขเพราะชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์นั้นเป็นเสาหลัก เป็นที่ยดึ เหนีย่ วของปวงชนชาวไทยให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต อุทิศ ความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวม และที่สำคัญควรมีสติไตร่ตรองมีสติรู้เท่าทันสิ่งต่างๆอยู่เสมอ ป้องกัน และระวังภัยทีจ่ ะเกิดขน้ึ กับประเทศชาติ ดูแลรักษาและรับเอาความเป็นชาตไิ ทยสบื ไว้ตลอดไป ประวัติพ่อขนุ รามคำแหงมหาราช พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสของพอ่ ขุนศรอี ินทราทิตยป์ ฐมกษัตรยิ ์ แหง่ กรุงสโุ ขทยั พอ่ ขนุ ศรีอินทราทติ ย์ มพี ระมเหสคี ือ พระนางเสือง มีพระราชโอรสสามพระองค์ พระราช ธดิ าสองพระองค์ พระราชโอรส องค์ใหญส่ นิ้ พระชนม์ตัง้ แตย่ ังเยาว์ องคก์ ลางมี พระนามว่า บานเมือง และพระราชโอรสองคท์ ี่สาม คอื พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช เมอื่ พระชันษาได้ ๑๙ ปี ไดช้ นชา้ งชนะขุน สามชนเจ้าเมอื งฉอด พอ่ ขุนศรี อินทราทิตย์ จึงพระราชทานนามวา่ \"พระรามคำแหง\" เมื่อสิ้นรัชสมัย พอ่ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ และพอ่ ขุนบานเมอื งแล้ว พระองคไ์ ด้ครองกรุงสโุ ขทัย ตอ่ มาเปน็ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศพ์ ระร่วงสันนษิ ฐานว่าพระองค์ สนิ้ พระชนมใ์ นราวปี พ.ศ.๑๘๖๐ รวมเวลาท่ี ทรงครองราชย์ประมาณ ๔๐ ปี

253 ผลงาน พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงรวมเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอัจฉริยภาพทั้งด้านการ ปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนาและศิลปวิทยาต่าง ๆ ทส่ี ำคัญย่ิงคอื พระองคไ์ ด้ทรงประดิษฐ์อักษรไทยข้ึน เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๖ ซึ่งเปน็ ต้นกำเนิดของอกั ษรไทยท่ีใช้อยู่ในปจั จุบนั พระเจ้ารามคำแหงมหาราช เมื่อแรกตั้งอาณาจักรสุโขทัยนั้น อาณาเขตยังไม่กว้างขวางเท่าใดนัก เขตแดนทางทิศใต้จด เพียงเมืองปากนำ้ โพ ใต้จากปากน้ำโพลงมายังคงเป็นอาณาเขตของขอมอันได้แก่เมอื งละโว้ ทางฝ่าย ตะวันตกจดเพียงเขาบรรทัด ทางเหนือมีเขตแดนติดต่อกับประเทศลานนาที่ภูเขาเขื่อน ส่วนทาง ตะวันออกก็จดอยูเ่ พยี งเขาบรรทดั ทกี่ น้ั แม่น้ำสักกับแมน่ ้ำน่าน อยา่ งไรก็ตาม ในระหวา่ งท่ีทรงครองราชย์อย่นู ้นั พระเจ้าศรีอินทราทิตย์ก็ได้กระทำสงคราม เพื่อขยายเขตแดนของไทยออกไปอีกในทางโอกาสที่เหมาะสม ดังที่มขี ้อความปรากฏอยู่ในศิลาจารกึ ว่า พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ยกกองทพั ไปดีเมอื งฉอด ไดท้ ำการรบพุง่ ตลุมบอนกันเป็นสามารถถึงขนาดที่พระ เจ้าศรอี ินทราทิตย์ ไดท้ รงกระทำยทุ ธหตั ถีกับขุนสามชนเข้าเมืองฉอด แต่พระองคเ์ สียทีแก่ขุนสามชน แลในครั้งนี้เองที่เจ้ารามราชโอรสองค์เล็กของพระองค์ได้เริ่มมีบทบาทสำคัญด้วยการที่ทรงถลันเข้า ช่วยโดยไสช้างทรงเขา้ แก้พระราชบิดาไว้ทันท่วงที แล้วยังได้รบพุ่งตีทัพขุนสามชนเข้าเมอื งฉอดแตก พา่ ยกระจายไป พระเจ้าศรีอินทราทิตย์ พระราชบิดาจึงถวายพระนามโอรสองค์เล็กนี้ว่า “เจ้ารามคำแหง” พระเจ้าศรีอินทราทิตย์ ทรงครองอาณาจักรสุโขทัยอยู่จนถึงประมาณปี 1881 จึงเสด็จสวรรคต พระองคม์ ีพระโอรสพระองค์ด้วยกัน โอรสองคใ์ หญ่พระนามไม่ปรากฎเพราะไดส้ น้ิ พระชนม์เสียต้ังแต่ เยาว์วัย องค์กลางทรงพระนามวา่ “ขุนบาลเมือง” องค์เล็กทรงพระนามว่า “เจ้าราม” และต่อมา ได้รบั พระราชทานใหม่ว่า “เจ้ารามคำแหง” หลงั จากตีทัพขนุ สามชนเจ้าเมืองฉอดแตกพ่ายไป เมื่อพระเจ้าศรีอินทราทิตย์เสด็จสวรรคตแล้วโอรสองค์กลางขุนบาลเมือง ได้ขึ้นครองราช สมบัติสืบต่อมาอกี ประมาณ 9 ปี ก็เสด็จสวรรคต พระราชอนุชา คือ เจ้ารามคำแหง จึงได้เสวยราชย์ สืบต่อมา ทรงพระนามว่า พระเจา้ รามคำแหง พระเจ้ารามคำแหง จะมีพระนามเดิมว่าอย่างไรไมป่ รากฏชัดแต่สมเด็จกรมพระยาดำรงรา ชานุภาพ พระบิดาแหง่ ประวตั ศิ าสตร์ ไดท้ รงสนั นิษฐานว่า คงจะเรียกกันว่า “เจา้ ราม” แลเม่อื เจา้ ราม มีพระชนมายไุ ด้ 19 ชรรษา ไดต้ ามสมเดจ็ พระราชบดิ าไปทำศึกกบั ขุนสามชนเจ้าเมอื งฉอดและได้ทรง แสดงความเก่งกล้าในทาสไสช้างทรงเข้าแก้เอาพระราชบิดาไว้ได้ทั้งตีทัพขุนสามชนแตกพ่ายไปแลว้ พระราชบดิ าจึงถวายพระนามเสียใหม่วา่ “เจา้ รามคำแหง” พระเจ้ารามคำแหง ทรงเป็นมหาราชองค์ที่สองของชาวไทย และทรงเป็นมหาราชพระองค์ เดียวในสมัยสุโขทยั พระองค์ทรงเป็นอัจฉริยกษตั ริย์ทรงชำนาญทั้งในด้านการรบ การปกครอง และ

254 การศาสนา พระองค์ทรงขยายอาณาจกั รสโุ ขทัยออกไปได้กว้างใหญไ่ พศาลด้วยวิเทโศบายอันแยบยล สุขุมคัมภีรภาพทั้งทรงปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินดว้ ยความยุติธรรมได้รับความร่มเย็นเป็นสุขกันทั่วหนา้ ซง่ึ ข้าพเจา้ จะไดก้ ลา่ วถึงพระราชกรณยี กจิ ของพระองค์เป็นอนั ดบั ไปดงั ต่อไปน้ี การขยายอาณาจักร เมื่อพระเจ้ารามคำแหง เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติสืบต่อจากพ่อขุนบาลเมืองนั้น อาณาจักร สุโขทัยนับวา่ ตกอยู่ในระหว่างอันตรายรอบด้าน และยากทำการขยายอาณาจักรออกไปได้ เพราะทาง เหนือก็ติดต่อกับแคว้นลานนา อันเป็นเชื้อสายไทยด้วยกันมีพระยาเม็งรายเป็นเจ้าเมืองเงินยางและ พระยางำเมือง เป็นเจ้าเมืองพะเยาและทั้งพระยาเม็งรายและพระยางำเมือง ขณะนั้นต่างก็มีกำลัง อำนาจแข็งแกร่งทั้งคู่ ทางตะวันออกนั้นเล่าก็ติดต่อกับดินแดนของขอม ซึ่งมีชาวไทยเข้าไปตั้ง ภูมิลำเนาอยู่มาก ตะวันตกของอาณาจักรสุโขทัยก็จดเขตแดนมอญและพม่า ส่วนทางใต้ก็ถูกเมือง ละโว้ของขอมกระหนาบอยู่ ด้วยเหตุนี้พระเจ้ารามคำแหงจึงต้องดำเนินวิเทโศบายในการแผ่อาณาจักรอย่างแยบยล และ สขุ มุ ท่สี ุดเพ่ือหลีกเลีย่ งการฆ่าฟันระหว่างคนไทยด้วยกนั เอง คอื แทนที่จะขยายอาณาเขตไปทางเหนือ หรอื ตะวนั ออกซ่ึงมีคนตัง้ หลักแหล่งอยู่มาก พระองค์กลบั ทรงตดั สินพระทยั ขยายอาณาเขตลงไปทาง ใต้อันเปน็ ดนิ แดนของขอม และทางทศิ ตะวันตกอันเปน็ ดินแดนของมอญ เพอื่ ใหค้ นไทยในแคว้นลาน นาได้ประจักษ์ในบุญญาธิการ และได้เห็นความแข็งแกร่งของกองทัพไทยแห่งอาณาจักรสุโขทัย เสยี ก่อน แลว้ ไทยในแควน้ ลานนากอ็ าจจะมารวมเขา้ ด้วยตอ่ ภายหลงั ได้โดยไม่ยาก แตแ่ มจ้ ะไดต้ กลงพระทัย ดงั น้นั พระเจ้ารามคำแหงก็ยงั คงทรงวิตกอยู่ในข้อท่ีว่าถ้าแม้ว่า พระองค์กรฑี าทัพขยายอาณาเขตลงไปสู้รบกับพวกขอมทางใตแ้ ล้วพระองค์อาจจะถูกศตั รูรุกรานลงมา จากทางเหนอื กไ็ ด้ บังเอญิ ในปี พ.ศ. 1829 กษัตรยิ ใ์ นราชวงศ์หงวนได้สง่ ฑูตเขา้ มาขอทำไมตรีกับไทย พระองค์จึงยอมรบั เป็นไมตรีกับจนี เพื่อป้องกนั มิใหก้ องทพั จีนยกมารุกรานเมื่อพระองค์ยกทพั ไปรบ เขมร พรอ้ มกันนนั้ ก็ได้ทรงพยายามสร้างความสนิทสนมกบั ไทยลานนาเช่นได้เสด็จดว้ ยพระองค์เองไป ช่วยพระยาเมง็ ราย สร้างราชธานที ี่นครเชียงใหม่เปน็ ต้น แหละเมอื่ เหน็ ว่าสัมพนั ธไมตรีทางเหนอื ม่ันคง แล้ว พระองค์จึงได้เริ่มขยายอาณาจักรสุโขทัยลงไปทางใต้ตามลำดับ คือ ใน พ.ศ. 1823 ทรงตีได้ เมืองนครศรีธรรมราช และเมืองตา่ ง ๆ ในแหลมลายูตลอดรวมไปถงึ เมืองยะโฮร์ และเกาะสิงคโปร์ใน ปัจจบุ นั น้ี ใน พ.ศ. 1842 ตีได้ประเทศเขมร (กัมพูชา) ส่วนทางทิศตะวันตกที่มีอาณาเขตจดเมืองมอญนั้นเล่าพระเจ้ารามคำแหงก็ได้ดำเนินการ อย่างสุขุมรอบคอบเช่นเมื่อได้เกิดความขึ้นว่า มะกะโท อำมาตย์เชื้อสายมอญ ซึ่งมีสติปัญญาเฉลียว ฉลาดและไดม้ ารับราชการใกล้ชดิ พระองค์ไดก้ ระทำความผิดชนั้ อุกฤติโทษ โดยลกั พาเอาพระธิดาของ พระองค์หนีกลับไปเมอื งมอญ แทนที่พระองค์จะยกทัพตามไปชิงเอาตัวพระราชธิดาคืนมา พระองค์

255 กลับทรงเฉยเสียด้วยได้ทรงคาดการณไ์ กล ทรงมัน่ พระทยั ว่า มะกะโท ผู้นี้คงจะคิดไปหาโอกาสต้งั ตัว เป็นใหญใ่ นเมอื งมอญ ซึง่ ถ้าเม่อื มะกะโทได้เป็นใหญใ่ นเมืองมอญกเ็ ปรียบเสมือนพระองคไ์ ด้มอญมาไว้ ในอุ้มพระหัตถ์ โดยไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันให้เสียเลือดเนื้อ ซึ่งต่อมาการณ์ก็ได้เป็นไปตามที่ได้ทรง คาดหมายไว้ คือมะกะโท ได้เป็นใหญ่ครอบครองอาณาจักรมอญทั้งหมด แลได้เข้าสามิภักดิ์ต่อ อาณาจกั รสุโขทัย โดยพระเจ้ารามคำแหงมิตอ้ งทำการรบพุ่งประการใดพระองค์ได้เสด็จไปทำพิธีราชภิเษก ใหม้ ะกะโท และพระราชทานนามให้ใหมว่ ่า “พระเจ้าฟ้าร่วั ” ด้วยวิเทโศบายอันชาญฉลาด สขุ มุ คัมภรี ภาพของพระองคน์ เ้ี อง จึงเป็นผลใหอ้ าณาจกั รไทยใน สมัยพระเจ้ารามคำแหงแผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ปรากฎตามหลักศิลาจารึกว่าทางทิศใต้จด แหลมมลายูทศิ ตะวนั ตกไดห้ วั เมอื งมอญท้ังหมด ไดจ้ ดเขตแดนหงสาวดี จดอา่ วเบงคอล ทศิ ตะวันออก เฉียงใตป้ ระเทศเขมร มเี ขตตั้งแตส่ ันขวานโบราณไปจดทะเลจนี ทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือได้เมืองน่าน เมืองหลวงพระบางท้ังเวียงคำฝ่ังซ้ายแมน่ ำ้ โขง ทิศเหนือมีอาณาเขตจดเมืองลำปาง กล่าวได้วา่ เปน็ ครั้งต้งั แต่ตง้ั อาณาจักรไทยที่ได้แผน่ ขยายอาณาเขตไปได้กวา้ งขวางถงึ เพียงนัน้ การทำนบุ ำรุงบ้านเมอื ง เมื่อได้ทรงขยายอาณาเขตของอาณาจกั รสโุ ขทัยออกไปอย่างกวา้ งขวางดงั กล่าวแล้วพระเจา้ รามคำแหง ยังได้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองอีกเป็นอันมาก เช่นได้ทรงสนับสนุนในทางการค้าพานิช เลิกด่านเก็บภาษีอากรและจังกอบ เพื่อเปดิ โอกาสใหผ้ ู้คนไปมาค้าขายกันไดโ้ ดยสะดวกได้ยิง่ ขึ้น ได้ ส่งเสรมิ การทำอุตสาหกรรมทำเคร่อื งถว้ ยชาม ถงึ กับได้เสดจ็ ไปดกู ารทำถ้วยชามในประเทศจีนถึงสอง ครง้ั แล้วนำเอาช่างปน่ั ถว้ ยชามชาวจีนเข้ามาดว้ ยเป็นอันมาก เพ่อื จะไดใ้ หฝ้ ึกสอนคนไทยให้รู้จักวิธีทำ ถว้ ยชามเคร่อื งเคลอื บดนิ เผาต่างๆ ซง่ึ ปรากฏวา่ ไดเ้ จริญรุ่งเรอื งมากในระยะนัน้ ในด้านทางศาลก็ให้ความยุติธรรมแก่อาณาประชาราษฎรโดยทั่วถึงกันไม่เลือกหน้าทรงเอา พระทยั ใส่ในทกุ ขส์ ุขของอาณาประชาราษฎรถ์ ึงกบั ส่งั ให้เจ้าพนกั งานแขวนกระดิ่งขนาดใหญไ่ ว้ท่ีประตู พระราชวังดา้ นหนา้ แม้ใครมที กุ ขร์ ้อนประการใดจะขอให้ทรงระงบั ดบั เข็ญแล้วก็ให้ลัน่ กระดิ่งร้องทุกข์ ได้ทุกเวลา ในขณะพิจารณาสอบสวนและตัดสินคดี พระองค์ก็เสด็จออกฟังและตัดสินด้วยพระองค์ เองไปตามความยุติธรรม แสดงความเมตตาแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเสมือนบิดากับบุตรทรงชักนำให้ ศาสนาประกอบการบุญกุศล ศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระองค์เองทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกได้ ทรงสร้างแท่นมนังศศิลาไว้ที่ดงตาล สำหรับให้พระสงฆ์แสดงธรรมและบางครั้งกใ็ ช้เป็นที่ประทับวา่ ราชการแผ่นดิน การปกครอง ลกั ษณะการปกครองในสมยั ของพระเจา้ รามคำแหงหรือราษฎรมักเรยี กกันตดิ ปากว่าพอ่ ขนุ รามคำแหง นั้น พระองค์ได้ทรงถือเสมือนหนึ่งว่าพระองค์เป็นบดิ าของราษฎรท้ังหลาย ทรงให้คำแนะนำสัง่ สอน ใกล้ชิดเช่นเดียวกับบิดาจะพึงมีต่อบุตร โปรดการสมาคมกับไพร่บา้ นพลเมืองไมเ่ ลือกชั้นวรรณะ ถ้า

256 แมว้ ่าใครจะถวายทูลร้องทุกขป์ ระการใดแล้ว ก็อนุญาตให้เข้าเฝ้าใกล้ชิดไดไ้ มเ่ ลือกหน้าในทุกวันพระ มกั เสด็จ ออกประทับยงั พระแท่นศลิ าอาสน์ ทำการส่ังสอนประชาชนใหต้ ้ังอยใู่ นศลี ธรรม ในด้านการปกครองเพื่อความปลอดภัยและมั่นคงของประเทศนั้นพระองค์ทรงถือว่าชาย ฉกรรจ์ที่มีอาการครบ 32 ทุกคนเป็นทหารของประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทรงดำรงตำแหน่งจอมทพั ขา้ ราชการกม็ ีตำแหน่งลดหล่ันเป็นนายพล นายร้อย นายสิบ ถดั ลงมาตามลำดับ ในด้านการปกครองภายใน จัดเป็นส่วนภูมิภาคแบ่งเป็นหัวเมืองชั้นใน ชั้นนอกและเมือง ประเทศราชสำหรับหวั เมอื งช้ันใน มพี ระเจา้ แผน่ ดนิ เป็นผูป้ กครองโดยตรง มเี มอื งสโุ ขทัยเป็นราชธานี เมืองศรสี ชั นาลัย (สวรรคโลก) เปน็ เมืองอปุ ราช มเี มอื งทงุ่ ย้ังบางยม สองแคว (พิษณโุ ลก) เมือง สระหลวง (พิจิตร) เมืองพระบาง (นครสวรรค)์ และเมอื งตากเป็นเมืองรายรอบ สำหรับหัวเมอื งชั้นนอกน้ัน เรียกวา่ เมอื งพระยามหานคร ให้ขุนนางผู้ใหญ่ที่ไว้วางพระราช หฤทัยไปปกครองมีเมืองใหญ่บ้างเล็กบ้าง เวลามีศึกสงครามก็ให้เกณฑ์พลในหัวเมืองขึ้นของตนไป ช่วยทำการรบป้องกันเมือง หวั เมอื งชน้ั นอกในสมยั นั้น ได้แก่ เมืองสรรคบุรี อูท่ อง ราชบรุ ี เพชรบุรี ตะนาวศรี เพชรบรู ณ์ แลเมอื งศรเี ทพ สว่ นเมอื งประเทศราชน้ัน เปน็ เมอื งท่อี ย่ชู ายพระราชอาณาเขตมักมีคนต่างด้าวชาวเมืองเดิม ปะปนอยู่มาก จึงได้ตั้งให้เจ้านายของเขานั้นจัดการปกครองกันเอง แต่ต้องถวายดอกไม้เงินดอกไม้ ทองทุกปี แลเมื่อเกิดศึกสงครามจะต้องถล่มทหารมาช่วย เมืองประเทศราชเหล่านี้ ได้แก่ เมือง นครศรีธรรมราช มะละกา ยะโฮร์ ทะวาย เมาะตะมะ หงสาวดี นา่ น หลวงพระบาง เวียงจันทร์ และเวยี งคำ การวรรณคดี นอกจากจะได้ทรงขยายอาณาเขตของไทย ทางปกครองทำนุบำรุงบ้านเมือง และจัดระบบ การปกครองที่เป็นระเบียบเรยี บร้อยดงั กล่าวแล้ว พระเจ้ารามคำแหงยงั ได้ทรงสรา้ งส่งิ ท่ีคนไทยจะลืม เสียมไิ ดอ้ กี อย่างหนึง่ สิ่งนนั้ ได้แก่ การประดิษฐ์อักษรไทยขึน้ อนั เปน็ รากฐานของหนังสือไทยท่ีเราได้ ใช้กันอยู่ในทุกวันน้ี ตามหลักฐานปรากฎว่าพระองค์ได้ทรงคิดอักษรไทยขึ้นใช้เมื่อปี พ.ศ. 1826 กล่าวกันว่าได้ ดัดแปลงมาจากอักษรคฤนถอ์ ันเปน็ อักษรทใ่ี ช้กนั อยใู่ นอนิ เดยี ฝ่ายใต้ ตวั อกั ษรไทยซึ่งพระเจา้ รามคำแหงคิดขนึ้ ใชใ้ นสมยั นนั้ ตัวพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์จึงอยู่ เรียงในบรรทัดเดียวกันหมด ดังจะดูได้จากแผ่นศิลาจารึกในสมยั พระเจ้ารามคำแหง ซึ่งประดษิ ฐาน อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ต่อมาจึงได้มีผู้ค่อยคิดดัดแปลงให้วฒั นาในทางดี และสะดวกในการ เขยี นมากขนึ้ เปน็ ลำดับ จนกระท่งั ถงึ อักษรไทยทีเ่ ราไดใ้ ชก้ ันอยูใ่ นทกุ วนั นี้

257 การศาสนา ในสมัยพระเจา้ รามคำแหงนั้น ปรากฎว่าศาสนาพุทธได้เจรญิ รุ่งเรืองขึ้นมากเพราะพระองค์ ทรงเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก เช่นเมื่อมีคนไทยเดินทางไปยงั เกาะลังกา เพื่อบวชเรียนตามลัทธิลังกา วงศ์ คอื ถอื คตอิ ยา่ งหินยาน มีพระไตรปิฎกเปน็ ภาษามคธ แล้วเข้ามาตัง้ เผยแพรพ่ ระพุทธศาสนาอยู่ท่ี เมืองนครธรรมราชนั้น พระเจ้ารามคำแหงยังไดเ้ สร็จไปพบดว้ ยพระองค์เองแล้วนิมนต์พระภิกษุน้นั ขึ้นมาตง้ั ให้เปน็ สงั ฆราชกรุงสุโขทัย และไดบ้ วชในคนไทยท่ีเลื่อมใสศรัทธาตอ่ มาตามลำดบั ต่อมาพระ เจา้ รามคำแหงได้ทำไมตรีกบั ลงั กาและได้พระพุทธสิหงิ ค์มาจากลงั กา แลนับแต่น้ันมาคนไทยจึงได้ นับถอื ลัทธิลังกาวงศส์ ืบมา ศลิ าจารกึ ในสมัยพระเจ้ารามคำแหง ได้มีการจัดทำศิลาจารึกขึ้นเป็นครั้งแรกแลนับว่าก่อให้เกิด ประโยชน์แก่ทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะถ้าพระองค์มิได้ทรงคิดอักษรไทยและทำศิลา จารึกไวแ้ ล้ว คนไทยรุน่ ต่อมากจ็ ะค้นคว้าหาหลักฐานในทางโบราณคดแี ละประวัติศาสตร์ได้ยากยิง่ หลกั ศิลาจารกึ พอ่ ขุนรามคำแหง เพื่อให้ท่านผู้อ่าน ได้ทราบถึงความเป็นมาในการค้นพบหลักศิลาจารึกในสมัยพระเจ้า รามคำแหงมหาราช ข้าพเจ้าจึงขอคัดข้อความจากประชุมจารึกสยาม ภาคที่ 1 จารึกสุโขทัยซ่ึง ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ เปน็ ผู้ชำระและแปลมาเสนอไวด้ ังต่อไปน้ี เมือ่ ปีมะเสง็ เบญจศก ศักราช 1995 (พ.ศ.2376) เสดจ็ ไปประพาสเมอื งเหนือนมัสการเจดีย์ สถานต่าง ๆ ไปโดยลำดับประทับเมอื งสโุ ขทัย เสด็จไปเที่ยวประพาสพบแผ่นศิลา(พระแทน่ มนังคศิลา) แผ่นหนึ่ง เขาก่อไว้ริมเนินปราสาทเก่าหักพังอยู่เป็นที่นับถือกลังเกรงของหมู่มหาชน ถ้าบุคคลไม่ เคารพเดินกรายเข้าไปใกล้ให้เกิดการจับไข้ไม่สบาย ทอดพระเนตรเห็นแล้วเสด็จตรงเข้าไปประทับ แผน่ ณ ศิลานนั้ ก็มิได้มอี ันตราสิ่งหนง่ึ ส่ิงใดด้วยอำนาจพระบารมี เมื่อเสด็จกลบั วนั สงั่ ให้ทำการชะลอ ลงมาก่อเป็นแท่นไว้ที่วัดราชาธิวาส ครั้งภายหลังเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว (รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ดำรัสสั่งให้นำไปไวใ้ นวัดพระศรรี ัตนศาสนาราม อนึ่งทรงได้ เสาศิลาจารกึ อักษรเขมรเสาหนง่ึ จารกึ อักษรไทยโบราณเสาหน่งึ ซง่ึ ตัง้ อย่ใู นวดั พระศรรี ัตนศาสดารามน้ัน ที่นี่พบศิลาจารึกหลักนี้ไม่ปรากฎแน่ชัด แต่คิดว่าจารึกนี้คงจะใกล้ๆ กับพระแท่นมนังคศิลา เพราะในจารกึ หลกั น้ีด้านท่ีสามมกี ล่าวถงึ พระแทน่ มนงั คศิลา ซึง่ ทำให้คดิ วา่ ศิลาจารึกหลักนี้จะได้ใน เวลาฉลองพระแท่นนั้น เพราะฉะนั้นศิลาจารึกหลักนี้คงจะอยู่ใกล้ๆ กับพระแท่นนั้น คือ บนเนิน ปราสาทนน้ั เอง พระแทน่ นน้ั เม่อื ชะลอลงมากรุงเทพฯ แลว้ เดมิ เอาไว้ทีว่ ัดราชาธิวาส กอ่ ทำเป็นแท่น ท่ีประทับไวต้ รงใต้ตน้ มะขามใหญ่ ข้างหน้าพระอโุ บสถ ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ไดเ้ สวยราชยเ์ ม่อื ปี พ.ศ. 2394 ได้โปรด ใหเ้ อามาก่อแทนประดิษฐานไว้ที่หน้าวหิ ารพระคนั ธาราฐในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่มาจนถึงใน

258 รชั กาลปจั จุบันน้ี เมือ่ งานพระราชพธิ ีบรมราชาภิเศกสมโภชใน พ.ศ. 2545 จงึ โปรดให้ย้ายไปทำเป็น แท่นเศวตฉัตรราชบัลลงั ก์ ประดษิ ฐานไว้ในพระทน่ี ั่งดุสติ มหาปราสาทปรากฎอยู่ในทกุ วันน้ี ส่วนศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงนั้น ครั้นพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั เสด็จมา ประทบั อยู่ ณ วัดบวรนิเวศ โปรดใหส้ ่งหลักศลิ านน้ั มาดว้ ย ภายหลงั เมอ่ื ได้เสวยราชย์ พระเจา้ เกลา้ อยหู่ วั โปรดฯ ให้ยา้ ยจากวัดบวรนิเวศ เอาเขา้ ไปตั้งไว้ ศาลารายในวดั พระศรีรัตนศาสดารามข้างด้านเหนอื พระอุโบสถหลังที่สองนบั แต่ทางตะวันตก อยู่ ณ ทนี่ ตี้ ่อมาชา้ นานจนปลายเดอื นมนี าคม พ.ศ. 2466 จึงได้ย้ายเอามารวมไวท้ ่ีหอพระสมุด เร่ืองหลกั ศลิ าจารึกพ่อขนุ รามคำแหง ทีน่ ักปราชญ์ชาวยโุ รปแตง่ ไว้ในหนังสือต่างๆ น้ัน มีอยู่ ในบัญชีทา้ ยคำนำภาษาฝร่ังแลว้ สว่ นนกั ปราชญไ์ ทยแตข่ ้นึ นั้นได้เคยพมิ พ์ในหนังสอื วชิรญาณเล่มท่ี 6 หน้า 3574 ถงึ 2577 ในหนังสือเร่ืองเมืองสโุ ขทัย ในหนังสือพระราชนพิ นธเ์ รื่องเท่ียวเมืองพระรว่ ง และในประชมุ พงศาวดารภาคท่ีหนง่ึ เรื่องท่ีมีในศลิ าจารึกพ่อขุนรามคำแหงน้ี แบ่งออกไดเ้ ป็นสามตอน ตอนที่ 1 ตั้งแต่บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เปน็ เรอ่ื งพอ่ ขนุ รามคำแหงเล่าประวัติของพระองค์ตง้ั แตป่ ระสูตจิ นได้เสวยราชสมบตั ิ ใช้คำ ว่า “กู” เป็นพื้น ตอนที่ 2 ไมใ่ ชค่ ำว่า “ก”ู เลย ใชว้ า่ “พ่อขนุ รามคำแหง” เลา่ เร่ืองประพฤติเหตตุ ่างๆ และ ธรรมเนยี มในเมืองสโุ ขทัย เรอ่ื งสร้างพระแทน่ มนังคศิลา เมอ่ื 1214 เมอื่ สรา้ งพระมหาธาตุ เมือง ศรีสัชนาไลย เมื่อ ม.ศ. 1207 และที่สุดเรื่องประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ.1205 ตอนที่ 3 ตงั้ แตด่ ้านที่ 4 บรรทดั สุดท้าย เข้าใจว่าจารึกภายหลงั ปลายปี เพราะตวั อกั ษรไม่เหมือนกับตอนท่ี 1 และที่ 2 คอื ตัวพยญั ชนะสนั้ กว่าท่สี ระทใ่ี ชก้ ็ต่างกันบ้าง ตอนน้ี (ท่ี 3 ) เปน็ คำสรรเสริญและขอพระ เกยี รติคุณพอ่ ขนุ รามคำแหง และกลา่ วถึงอาณาเขตเมอื งสโุ ขทัยท่ีแผอ่ อกไปในคร้ังกระโนน้ ผู้แต่งศิลาจารึกนี้ เพื่อจะเป็นพ่อขุนรามคำแหงทรงเล่าเอง มิฉะนั้นก็คงตรัสสั่งให้แต่งและ จารึกไว้ มูลเหตุที่จารึกไว้คือเมื่อ ม.ศ. 1214 (พ.ศ.1835) ได้สะกัดกระดานหินพระแท่นมนังคศิลา ประโยชน์ของพระแท่นมนังคศิลาก็คือ ในวันพระอุโบสถพระสงฆ์ได้ใช้นั่งสวดพระปาติโมกข์และ แสดงธรรมถ้าไม่ใช้วดั อโุ บสถพ่อขนุ รามคำแหงกไ็ ดป้ ระทบั นงั่ พระราชทานราโชวาทแก่ข้าราชบริพาร และประชาราษฎรท้งั ปวงทม่ี าเฝ้า และเมอ่ื ปี ม.ศ.1214 (พ.ศ.1835) นับเป็นปที ่สี ำคญั มากในรัชกาล ของพ่อขนุ รามคำแหง เพราะเป็นปีแรกทไี่ ดแ้ ต่งตงั้ ราชฑูตไปเมืองจนี ศิลาจารกึ กรุงสุโขทยั ท่ีมีอยู่ในหอสมุดนี้ เรมิ่ รวบรวมแต่ในรัชกาลท่ี 3 มีจดหมายเหตุปรากฎ ว่า เมื่อ พ.ศ. 2176 พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงผนวชมาตั้งแต่รัชกาลที่ 2 ประทับอยู่ ณ วดั ราชาธริ าชเสด็จข้นึ ไปธุดงคท์ างมณฑลฝา่ ยเหนือถงึ เมอื งพษิ ณุโลก สวรรคโลก และ เมืองสุโขทัย เมื่อเสด็จไปถึงเมืองสุโขทัยครั้งนั้นทอดพระเนตรเห็นศิลาจารึก 2 หลักคือ ศิลาจารึก ของพ่อขุนรามคำแหง (หลักที่ 1 ) และศิลาจารึกภาษาเขมรของพระมหาธรรมราชาลิไทย (หลักที่ 4)

259 กับแท่นมนงั ศิลาอยู่ท่ีเนินปราสาท ณ พระราชวงั กรุงสุโขทัยเกา่ ราษฎร เช่นสรวงบูชานับถือกันวา่ เปน็ ของศกั ดิ์สิทธ์ิ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ดำรัสถามว่าของท้ังสามสิ่งน้ันเดิมอยู่ท่ีไหน ใครเปน็ ผูเ้ อามารวบรวมไวต้ รงนั้น ก็หาได้ความไม่ ชาวสโุ ขทัยทราบทลู วา่ แตว่ ่าเหน็ รวบรวมอย่ตู รงนั้น มาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั พิจารณาดูเหน็ ว่าเป็นของสำคัญจะทิ้งไว้ เป็นอันตรายเสยี จงึ โปรดเกล้าฯ ให้สง่ มากรุงเทพฯเดมิ เอาไว้ที่วัดราชาธิวาส ทงั้ สามสงิ่ พระแท่นมนังคศิลาน้ัน ก่อทำเป็นแท่นที่ประทับไว้ตรงใต้ต้นมะขามใหญ่ ข้างหน้าพระอุโบสถ ครั้นเสด็จมาประทับ ณ วัดบวร นิเวศ โปรดฯ ใหส้ ง่ หลกั ศิลาท้ังสองนัน้ มาดว้ ย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพยายาม อ่านหลกั ศลิ าของพอ่ ขุนรามคำแหงเอง แลว้ โปรดฯ ใหส้ มเด็จพระมหาสมณะเจ้าพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พร้อมด้วยล่ามเขมรอ่านแปลหลักศิลาของพระธรรมราชาลิไทย ได้ความทราบเรื่องทั้งสองหลัก ครั้ง พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัวได้ เสวยราชย์ เมือ่ พ.ศ. 2394 ตอ่ มาจงึ โปรด ฯ ใหย้ ้ายพระแท่นมนังคศิลา มากอ่ แท่นประดษิ ฐานไว้หน้าวิหารพระคนั ธารราฐในวดั พระศรีรตั นศาสดาราม... “ในรัชกาลท่ี 5 เมอื่ พ.ศ. 2450 พระยาโบราณราชธานินทร (พร เดชะคุปต์) ไดพ้ บศิลาจารึก (หลักท่ี 5 ) ท่วี ัดใหม่ (ปราสาททอง) อำเภอนครหลวงแขวงจังหวัดอยธุ ยาหลักหนง่ึ แตม่ ีรอยถกู ลบมี จนตัวอกั ษรลบเลือนโดยมาก แต่ยังมเี หลอื พอทราบไดว้ ่าเป็นจารึกกรงุ สโุ ขทยั สืบถามว่าใครได้มาแต่ เมื่อใดก็หาได้ความไม่ พระยาโบราณฯ จึงได้ย้ายมารักษาไว้ในอยุธยาพิพิธภัณฑ์สถาน กรมพระยา ดำรงราชนุภาพเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตร ทรงพยายามอ่านหนงั สือที่ยงั เหลืออยู่ ไดค้ วามว่าเป็นศิลาจารึก ของพระธรรมราชาลไิ ทย คู่กับหลักภาษาเขมรซงึ่ อย่ใู นวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม คือ จารกึ ความอย่าง เดียวกัน เป็นภาษาเขมรหนึ่งหลกั ภาษาไทยหนึ่งหลัก เดิมคงตั้งคูก่ ันไว้ จึงรับสัง่ ให้ส่งหลักศิลาจารกึ นั้นลงไปไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วยกันกบั หลกั ภาษาเขมร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงได้มาจากเมืองสุโขทยั ศิลาจารึก ทั้ง 3 หลกั น้ันอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนยา้ ยมายังหอพระสมุด เมือ่ พ.ศ. 2467 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ประสตู ิ พ.ศ. 2098 เมอื งพษิ ณโุ ลก อาณาจกั รอยุธยา สวรรคต 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มพี ระนามเดิมวา่ พระนเรศ หรือ \"พระองคด์ ำ\" เป็นพระราชโอรส ในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตรีย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ) เสด็จพระราชสมภพเมอื่ พ.ศ. 2098 ท่ีพระราชวังจันทน์ เมืองพษิ ณุโลก มี พระเชษฐภคินีคือพระสุพรรณกัลยา มีพระอนุชาคือสมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) เสด็จข้ึน ครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชสมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อ วนั ท่ี 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมายุ 50 พรรษา

260 พระนามของพระองค์ปรากฏในลายลักษณ์อักษรหลายฉบับ เช่น พระนเรศวรราชาธิราช, พระนเรศ, องค์ดำ จงึ ยังไม่สามารถสรปุ ไดว้ า่ พระนาม \"นเรศวร\" ได้มาจากทใ่ี ด สนั นิษฐานเบื้องต้นว่า เพยี้ นมาจาก สมเด็จพระนเรศ วรราชาธริ าช มาเป็น สมเด็จพระนเรศวร ราชาธริ าช[ต้องการอ้างอิง] ราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เปน็ เหตุการณท์ ่ยี ่ิงใหญแ่ ละสำคัญยิ่งของชาติ ไทย พระองค์ได้กู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของ ราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่ง มหาสมุทรอินเดียทางดา้ นตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวนั ออก ทางด้านทิศใต้ ตลอดไปถงึ แหลมมลายู ทางดา้ นทศิ เหนอื ก็ถงึ ฝ่งั แมน่ ำ้ โขงโดยตลอด และยังรวมไปถึงรฐั ไทใหญบ่ างรัฐ พระราชประวัติ ขณะทรงพระเยาว์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรม ราชาธิราชและพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธดิ าของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระสุริโยทัย เสดจ็ พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ท่พี ระราชวังจันทน์ เมืองพษิ ณุโลก พระองค์มีพระเชษฐภคินีคือ พระสุพรรณกัลยา และพระอนชุ าคอื สมเดจ็ พระเอกาทศรถ (พระองคข์ าว) ขณะท่ที รงพระเยาว์ พระองค์ทรงใชช้ วี ติ อย่ทู ี่พระราชวงั จนั ทน์ เมืองพิษณุโลก จนกระทัง่ พระเจ้าบุเรงนองยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลกในสงครามช้างเผือก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เจ้าเมือง พษิ ณุโลก ยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดีจึงทำให้เมืองพษิ ณุโลกต้องเปน็ เมอื งประเทศราชของกรงุ หงสาวดีและไม่ ขึน้ ต่อกรุงศรอี ยธุ ยา พระเจา้ บุเรงนองทรงขอพระสพุ รรณกัลยาและพระนเรศวรไปเป็นองค์ประกันที่ หงสาวดีใน พ.ศ. 2107 ทำให้พระองค์ต้องจากบา้ นเกดิ เมืองนอนต้ังแต่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา ประทับอย่กู รงุ หงสาวดี 8 ปี และเสดจ็ กลบั กรุงศรีอยธุ ยาเมอื่ พระชนมายุ 17 พรรษา พ.ศ. 2115 คร้ัง ที่อยใู่ นเมอื งหงสาวดีกไ็ ด้แสดงความปรชี าสามารถให้ปรากฏหลายตอ่ หลายครงั้ ปกครองเมอื งพิษณุโลก หลงั จากพระเจา้ บุเรงนองตีกรงุ ศรอี ยธุ ยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2112 มะเส็งศก วนั อาทติ ย์ เดือน 9 แรม 11 คำ่ และได้สถาปนาสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาครองกรงุ ศรอี ยธุ ยาในฐานะประเทศราชของ หงสาวดีแลว้ พระองคไ์ ดห้ นกี ลบั มายังกรุงศรอี ยธุ ยาโดยที่พระเจ้าบุเรงนองทรงยนิ ยอมอนั เน่ืองมาจาก พระสพุ รรณกัลยาทรงขอไว้ เมอื่ เสด็จกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2115 สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชทานนามให้พระองค์ว่า \"พระนเรศวร\" และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราช พระชนมายุ 17 พรรษา ไปปกครองเมืองพิษณโุ ลก พระองค์ทรงปกครองเมืองอย่างดแี ละทรงเริ่มเตรยี มการท่จี ะ กอบกู้เอกราชของกรงุ ศรอี ยธุ ยา การที่ได้เสด็จไปประทบั อยู่หงสาวดีถึง 8 ปีนั้น ก็เป็นประโยชน์ยิ่งเพราะทรงทราบทัง้ ภาษา นิสัยใจคอ ตลอดจนล่วงรู้ความสามารถของพม่า ซึ่งนับเป็นทุนสำหรับคิดอ่านเพื่อหาหนทางในการ ตอ่ สู้กับพม่า เมื่อหงสาวดตี กี รงุ ศรีอยธุ ยาไดน้ น้ั อา้ งว่าขา้ ราชการในกรงุ ศรอี ยธุ ยาเกลียดชัง

261 สมเด็จพระมหาธรรมราชา จึงต้องถอนข้าราชการเมืองเหนือที่เคยใช้สอยลงมารับราชการในกรุงศรี อยุธยาเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนข้าราชการทางเมืองเหนือบกพร่องจึงต้องหาตัวตั้งขึ้นใหม่ พระองค์ทรงขวนขวายหาคนสำหรับทรงใช้สอยโดยฝึกทหารที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันตามวิธียุทธ์ ของพระองคท์ งั้ สิน้ และนับเป็นกำลงั สำคัญของพระนเรศวรในเวลาต่อมา การตีกรงุ ศรอี ยธุ ยาของเขมร เมอื่ ปี พ.ศ. 2113 พระยาละแวกหรือสมเด็จพระบรมราชา กษตั รยิ เ์ ขมร ซ่งึ เคยเป็นเมืองข้ึน ของกรุงศรีอยุธยามาก่อนตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เห็นกรุงศรีอยุธยาบอบซ้ำจากการทำ สงครามกับพม่าจึงถือโอกาสยกกองทัพเข้ามาซ้ำเติมโดยมีกำลังพล 20,000 นาย เข้ามาทางเมือง นครนายก เม่อื มาถึงกรงุ ศรอี ยุธยาได้ตง้ั ทพั อยู่ท่ีตำบลบ้านกระทุ่มแลว้ เคลือ่ นพลเข้าประชิดพระนคร และได้เขา้ มายนื ชา้ งบญั ชาการรบอยใู่ นวัดสามพหิ าร รวมทัง้ วางกำลังพลรายเรียงเข้ามาถึงวัดโรงฆ้อง ตอ่ ไปถงึ วดั กฎุ ที อง และนำกำลังพล 5,000 นาย ชา้ ง 30 เชอื ก เข้ายึดแนวหนา้ วัดพระเมรุราชิการาม พร้อมกับให้ทหารลงเรือ 50 ลำแล่นเข้ามาปล้นพระนครตรงมุมเจ้าสนุก ในครั้งน้ันสมเด็จพระมหา ธรรมราชาธริ าชเสด็จออกบัญชาการการรบป้องกนั พระนครเป็นสามารถ กองทพั เขมรพยายามยกพล เข้าปล้นพระนครอยู่ 3 วัน แต่ไม่สำเร็จจึงยกกองทัพกลับไปและได้กวาดต้อนผู้คนชาวบ้านนาและ นครนายกไปยงั ประเทศเขมรเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2117 ในขณะที่กองทัพกรุงศรีอยุธยาภายใต้การบังคับบัญชาของสมเด็จ พระธรรมราชาธิราชและพระนเรศวรได้ยกกองทัพไปช่วยหงสาวดีเพื่อตีเมืองศรีสัตนาคนหุต พระยา ละแวกไดถ้ ือโอกาสยกกองทัพมาทางเรือเข้าตกี รุงศรีอยุธยาอกี ครั้งหนึง่ แตก่ ารศึกคร้ังน้ีโชคดีเป็นของ กรงุ ศรอี ยุธยา กลา่ วคือขณะท่ีกองทัพกรงุ ศรอี ยุธยายกไปถงึ หนองบัวลำภู เมอื งอดุ รธานี พระนเรศวร ประชวรเป็นไข้ทรพิษ ดังนั้นพระเจ้าบุเรงนองจึงโปรดให้กองทัพกรุงศรีอยุธยายกทัพกลับไป โดย กองทพั กรงุ ศรอี ยธุ ยากลบั มาได้ทันเวลาที่กรงุ ศรอี ยธุ ยาถูกโจมตีจากกองทัพเรอื เขมร ซ่งึ ข้ึนมาถงึ กรุงศรีอยุธยาเมือ่ เดือนอ้าย พ.ศ. 2118 โดยได้ตั้งทพั ชุมนุมพลอยูท่ ี่ตำบลขนอนบางตะนาวและลอบ แฝงเข้ามาอยใู่ นวัดพนัญเชิง รวมทั้งใช้เรอื 3 ลำเขา้ ปล้นชาวเมืองที่ตำบลนายกา่ ยฝ่ายกรุงศรอี ยุธยาได้ ใช้ปนื ใหญย่ งิ ไปยงั ปอ้ มค่ายนายกา่ ยถูกข้าศึกลม้ ตายเป็นอนั มาก แลว้ ใหท้ หารเรือเอาเรือไปท้าทายให้ ข้าศึกออกมารบพุ่ง จากนั้นก็หลอกล่อให้ข้าศึกรุกไล่เข้ามาในพื้นที่การยิงหวังผลของปืนใหญ่ เมื่อ พร้อมแล้วกร็ ะดมยิงปนื ใหญ่ถกู ทหารเขมรแตกพ่ายกลับไป รบกบั เขมรท่ีไชยบาดาล ในปี พ.ศ. 2121 พระยาจีนจันตุ ขุนนางจีนของกัมพูชา รับอาสาพระสัฎฐามาปล้นเมือง เพชรบุรี แต่ต้องพ่ายแพ้ตีเข้าเมืองไม่ได้จะกลับกัมพูชาก็เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษ จึงพาสมัครพรรค พวกมาสวามิภักดิ์อยู่กับคนไทย โดยสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงชุบเลี้ยงไว้ ต่อมาไม่นานก็ลงเรือ สำเภาหนอี อกไป เวลาน้นั สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมพี ระชนมายไุ ด้ 24 พรรษา ตระหนักในพระทัย

262 ดีว่า พระยาจนี จนั ตเุ ปน็ ผสู้ บื ข่าวไปใหเ้ ขมร พระองค์จงึ เสด็จลงเรอื กราบกนั ยารับตามไป เสด็จไปด้วย อีกลำหน่งึ ตามไปทนั กันเมอ่ื ใกล้จะออกปากนำ้ พระยาจีนจนั ตยุ งิ ปนี ต่อสู้ สมเดจ็ พระนเรศวรจงึ เรง่ เรอื พระทน่ี ่งั ขึ้นหน้าเรือลำอน่ื ประทับยนื ทรงยิงพระแสงปืนนกสบั ทห่ี นา้ กันยาไล่กระชัน้ ชิดเข้าไปจนขา้ ศึก ยิงมา ถูกรางพระแสงปืนแตกอยู่กับพระหัตถ์ก็ไม่ยอมหลบ พระเอกาทศรถเกรงจะเป็นอันตราย จึง ตรัสสั่งให้เรอื ทที่ รงเข้าไปบังเรือสมเด็จพระเชษฐาก็พอดีกับเรือทีท่ รงเขา้ ไป บงั เรอื สมเด็จพระเชษฐาก็ พอดีกบั เรอื สำเภาของพระยาจีนจันตุไดล้ มแล่นออกทะเลไป เน่ืองจากเรือรบไทยเปน็ เรือเล็กสู้คลื่นลม ไม่ไหวจำต้องถอยขบวนกลับขึน้ มาตามลำน้ำพบกับสมเด็จพระมหาธรรมราชาทีค่ ุมกำลังทหารลงเรอื หนนุ ตามมาท่ีเมอื งพระประแดง ทรงกราบทูลเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ให้ทรงทราบ แล้วเคลอ่ื นขบวนกลับสู่ พระนคร พระปรีชาสามารถในการรบเป็นที่ประจักษ์หลายครั้งหลายคราว ครั้นยิ่งนานวันความกล้า แกร่งของพระนเรศวรยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ความสามารถในการเป็นผู้นำปรากฏให้เห็นอย่าง ชัดเจน จนกระท่งั ได้รบั ความนับถอื ยกย่องโดยท่ัวไป แต่การทำสงครามกับเขมรก็ยงั ไม่จบสิ้น ทั้งน้ีเพราะเขมรยังคงเชอ่ื ว่าสยามยงั ออ่ นแอสามารถ ที่จะเข้ามาปล้นชิงไดอ้ ยู่ พ.ศ. 2123 กษัตริย์กัมพูชาไดใ้ หพ้ ระทศราชาและพระสรุ นิ ทร์ราชาคุมกำลงั ประมาณ 5,000 ประกอบไปดว้ ยช้าง มา้ ลาดตระเวนเขา้ มาในหัวเมอื งด้านตะวนั ออก แล้วเคล่ือนต่อ เขา้ มายงั เมืองสระบุรีและเมอื งอ่นื ๆ หมายจะปล้นทรพั ย์จับผูค้ นไปเป็นเชลย ประจวบเหมาะกับพระนเรศวรเสด็จลงมาประทับอยู่ที่กรุงศรอี ยุธยาพอดี เม่ือทรงทราบข่าว ศึกก็ทรงทูลขอกำลังทหารประจำพระนคร 3,000 คน ทั้งที่มีกำลังพลน้อยกว่าเขมรแต่สมเด็จพระ นเรศวรก็สามารถวางกลศึกหลอกล่อ กระท่งั สามารถโจมตที ัพของเขมรให้แตกหนีกลบั ไปได้ในทสี่ ดุ ฝ่ายพระทศโยธา และพระสุรินทราชาเห็นทัพหน้าแตกยับเยิน ไม่ทราบแน่ว่ากองทัพไทยมี กำลังมากน้อยเพียงใด กร็ ีบถอยหนีกลบั ไปทางนครราชสมี า กไ็ ด้ถกู ทพั ไทยทดี่ ักทางคอยอยู่ก่อนแล้ว เข้าโจมตีซ้ำเติมอีก กองทัพเขมรทั้งหมดจึงรบี ถอยหนีกลับไป การรบครั้งนี้ทำให้สมเด็จพระนเรศวร เป็นที่เคารพยำเกรงแกบ่ รรดาแมท่ ัพนายกอง และบรรดาทหารทั้งปวงเป็นท่ียิ่ง กิตติศัพท์อันนี้เปน็ ท่ี เลอื่ งลอื ไปถึงกรงุ หงสาวดี และผลจากการรบครั้งน้ีทำใหเ้ ขมรไม่กล้าลอบมาโจมตไี ทยถึงพระนครอีกเลย การรบท่เี มอื งรุมเมืองคงั เมื่อพระเจ้าบุเรงนองแห่งหงสาวดีสวรรคต ทางหงสวดีจึงมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ โดยนันทบุเรงได้ขึ้นครองราชสมบตั ิสืบต่อจากพระเจา้ บเุ รงนอง พระนเรศวรในขณะน้นั ก็ได้คมุ ทพั และ เครื่องราชบรรณาการไปถวายแก่หงสาวดีตามราชประเพณีที่มีมา คือเมื่อหงสาวดีมีการผลัดเปลี่ยน กษตั รยิ ์ ประเทศราชจะตอ้ งปฏบิ ตั ิเชน่ น้ี ทางด้านเจ้าฟ้าเมืองคัง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดีแข็งเมือง ไม่ยอมส่งราชบรรณาการไป ถวายพระเจ้านันทบุเรง ดังนั้นทางหงสาวดีจึงจัดกองทัพขึ้น 3 กอง มีพระมหาอุปราชราชโอรสของ

263 พระเจ้านันทบุเรง พระสังขฑัตโอรสเจา้ เมืองตองอู ส่วนทัพที่ 3 คือกองทัพของพระนเรศวร แห่งกรงุ ศรีอยุธยาให้ยกไปปราบปรามเมืองคัง กองทัพของพระมหาอุปราชบุกเข้าโจมตีเมืองคังก่อน แต่ ปรากฏว่าตีไม่สำเร็จ ต่อมาจึงเป็นหน้าที่ของกองทัพพระสังขฑัต แต่การโจมตีก็ต้องผิดหวังล่าถอย กลับมาอีกเช่นกัน ดงั นน้ั จึงเปน็ คราวทพ่ี ระนเรศวรจะเขา้ โจมตเี มืองคงั บา้ ง พระนเรศวรทรงพจิ ารณาเหน็ ว่าเมืองคงั ตั้งอยู่บนทสี่ งู พระองคจ์ ึงวางแผนการยุทธจดั ทพั ใหม่ แบ่งกำลังส่วนหน่ึงเข้าโจมตีดา้ นหน้า กำลังส่วนนี้มีไม่มากนัก แต่กำลังส่วนใหญ่ของพระองค์เปลีย่ น ทิศทางโอบเข้าตดี ้านหลัง ประกอบกับพระองค์ทรงรู้ทางลับที่จะบกุ เข้าสูเ่ มืองคังอีกด้วย จึงสามารถ โจมตีเมืองคังแตกโดยไม่ยาก พระนเรศวรจับเจา้ ฟ้าเมืองคังไปถวายพระเจ้านันทบุเรงที่หงสาวดีเปน็ ผลสำเร็จ ชัยชนะในการตเี มอื งคังครงั้ นัน้ ทำให้ฝา่ ยพม่าเร่ิมรวู้ ่าฝีมือทัพอยุธยา มคี วามเก่งกล้าสามารถ น่าเกรงขามย่งิ กวา่ แตก่ ่อน โดยเฉพาะพระสังขฑัต และพระมหาอปุ ราชารู้สกึ มีความละอายมากในการ ทำศกึ ครง้ั นี้ นอกจากนีแ้ ลว้ ต่อมาพวกเขมรยกทัพมากวาดต้อนผู้คนในเมืองนครราชสีมาและหัวเมือง ชนั้ ใน กถ็ กู กองทพั ของพระนเรศวรโจมตแี ตกกระเจงิ และเลิกทพั ถอยกลบั ไป ความเก่งกล้าสามารถของพระนเรศวรมมี ากขึ้นเพยี งไร ความหวาดระแวงของพระเจา้ นันทบุเรงก็เพิ่ม มากขึ้น พระเจ้านันทบุเรงเริ่มไม่ไว้วางพระทัยพระนเรศวร คอยจับจ้องดูความเปลี่ยนแปลงและ ความสามารถของพระองคอ์ ยู่ตลอดเวลา คดิ วา่ หากมีโอกาสเมื่อใดก็จะกำจดั ตัดไฟแต่ต้นลม ประกาศอิสรภาพ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งทักษิโณทกตัดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี และกวาดต้อน ครัวไทยครัวมอญข้ามแม่น้ำสะโตงกลับคืนพระนคร (จิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณดาราราม จังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยา) เม่ือปี พ.ศ. 2126 พระเจ้าองั วะเป็นกบฏ เนื่องจากไมพ่ อใจทางกรงุ หงสาวดอี ยู่หลายประการ จึงแข็งเมืองพร้อมกับเกลี้ยกล่อมเจ้าไทยใหญอ่ ีกหลายเมืองใหแ้ ข็งเมืองด้วย พระเจ้านันทบุเรงจึงยก ทพั หลวงไปปราบ ในการณ์นี้ได้ส่ังใหเ้ จ้าเมอื งแปรเจา้ เมอื งตองอแู ละเจ้าเมืองเชยี งใหม่ รวมทั้งทางกรุง ศรอี ยุธยาด้วย ให้ยกทัพไปช่วยทางไทย สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้สมเด็จพระนเรศวรยกทัพ ไปแทน สมเด็จพระนเรศวรยกทัพออกจากเมืองพิษณุโลก เมื่อวันแรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีมะแม พ.ศ. 2126 พระองค์ยกทัพไทยไปชา้ ๆ เพื่อให้การปราบปรามเจ้าอังวะเสร็จสิ้นไปก่อน ทำให้พระเจ้านันทบุเรง แคลงใจว่า ทางไทยคงจะถูกพระเจ้าอังวะชักชวนให้เข้าด้วย จึงสั่งให้พระมหาอุปราชาคุมทัพรักษา กรงุ หงสาวดีไว้ถ้าทัพไทยยกมาถึงก็ใหต้ ้อนรับและหาทางกำจัดเสยี และพระองค์ได้ส่ังให้พระยามอญ สองคน คือ พระยาเกียรติและพระยาราม ซ่งึ มีสมคั รพรรคพวกอยู่ท่เี มอื งแครงมาก และทำนองจะเป็น ผู้คุ้นเคยกับสมเด็จพระนเรศวรมาแต่ก่อน ลงมาคอยต้อนรับทัพไทยที่เมืองแครง อันเป็นชายแดน

264 ตดิ ต่อกับไทย พระมหาอุปราชาได้ตรัสสง่ั เป็นความลับว่า เมอ่ื สมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพข้ึนไป ถ้า พระมหาอุปราชายกเข้าตีดา้ นหน้าเม่ือใด ใหพ้ ระยาเกยี รตแิ ละพระยารามคมุ กำลังเข้าตกี ระหนาบทาง ดา้ นหลงั ชว่ ยกนั กำจดั สมเดจ็ พระนเรศวรเสยี ให้จงได้ พระยาเกยี รตกิ บั พระยารามเมอ่ื ไปถงึ เมอื งแครง แล้วได้ขยายความลับนี้แก่พระมหาเถรคันฉ่องผู้เป็นอาจารย์ของตน ทุกคนไม่มีใครเห็นดีด้วยกับ แผนการของพระเจ้านนั ทบเุ รง กองทัพไทยยกมาถึงเมืองแครง เมื่อวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก พ.ศ. 2127 โดยใช้เวลา เดินทัพเกอื บสองเดอื น กองทัพไทยตั้งทัพอยนู่ อกเมือง เจ้าเมืองแครงพรอ้ มทงั้ พระยาเกียรตกิ บั พระยา รามไดม้ าเฝ้าฯ สมเดจ็ พระนเรศวร จากนนั้ สมเด็จพระนเรศวรไดเ้ สด็จไปเยยี่ มพระมหาเถรคันฉ่องซึ่ง คุน้ เคยกันดีมาก่อน พระมหาเถรคันฉ่องมีใจจึงกราบทูลถงึ เร่ืองการคิดร้ายของทางพระเจ้านันทบุเรง แลว้ ให้พระยาเกยี รตกิ บั พระยารามกราบทลู ให้ทราบตามความเปน็ จรงิ เมอื่ พระองค์ไดท้ ราบความโดย ตลอดแล้ว กม็ พี ระราชดำรเิ หน็ ว่าการเปน็ อริราชศัตรกู ับกรงุ หงสาวดนี น้ั ถงึ กาลเวลาท่ีจะต้องเปิดเผย ต่อไปแล้ว จึงได้มีรับสั่งให้เรียกประชุมแม่ทัพนายกอง กรมการเมือง เจ้าเมืองแครงรวมทั้งพระยา เกียรติพระยารามและทหารมอญมาประชุมพร้อมกัน แล้วนิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องและพระสงฆ์มา เป็นสักขีพยาน ทรงแจ้งเรื่องให้คนทั้งปวงที่มาชุมนุม ณ ที่นั้นทราบว่า พระเจ้านันทบุเรงดีคิด ประทุษร้ายต่อพระองค์ จากนั้นพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้า ทองคำ) ประกาศแกเ่ ทพยดาฟ้าดนิ ว่า \"ด้วยพระเจา้ หงสาวดี มิไดอ้ ย่ใู นครองสจุ ริตมิตรภาพขัตติยราช ประเพณี เสียสามัคคีรสธรรม ประพฤติพาลทุจริต คิดจะทำอันตรายแก่เรา ตั้งแตน่ ีไ้ ป กรุงศรีอยุธยา ขาดไมตรกี บั กรงุ หงสาวดีมิไดเ้ ป็นมิตรร่วมสุวรรณปฐพีเดียวกันดจุ ดังแตก่ ่อนสบื ไป\" จากนั้นพระองค์ได้ตรัสถามชาวเมืองแครงว่าจะเข้าข้างฝ่ายใด พวกมอญทั้งปวงต่างเข้ากับ ฝา่ ยไทย สมเดจ็ พระนเรศวรจึงให้จับเจ้าเมืองกรมการพม่าแล้วเอาเมอื งแครงเป็นท่ีตงั้ ประชุมทัพ เมื่อ จดั กองทัพเสรจ็ ก็ทรงยกทพั จากเมอื งแครงไปยังเมอื งหงสาวดีเมอ่ื วนั แรม 3 คำ่ เดอื น 6 ฝา่ ยพระมหาอปุ ราชาท่อี ยรู่ กั ษาเมืองหงสาวดี เม่ือทราบว่าพระยาเกียรติพระยารามไปเขา้ กับ สมเดจ็ พระนเรศวร จงึ ได้แตร่ ักษาพระนครมั่นอยู่ สมเดจ็ พระนเรศวรเสด็จยกทัพข้ามแม่น้ำสะโตงไป ใกล้ถึงเมืองหงสาวดี ได้ทราบความว่า พระเจ้านันทบุเรงมีชัยชนะได้เมืองอังวะแล้ว กำลังจะยกทัพ กลับคืนพระนคร พระองคเ์ ห็นว่าสถานการณค์ รงั้ นีไ้ ม่สมคะเน เห็นว่าจะตเี อาเมืองหงสาวดีในคร้ังนี้ยัง ไม่ได้ จึงให้กองทัพแยกย้ายกันเที่ยวบอกพวกครัวไทยที่พม่ากวาดต้อนไปแต่ก่อนให้อพยพกลับ บ้านเมอื ง ไดผ้ ู้คนมาประมาณหมืน่ เศษให้ยกลว่ งหน้าไปกอ่ น พระองค์ทรงคมุ กองทพั ยกตามมาข้างหลงั พระแสงปืนตน้ ขา้ มแม่น้ำสะโตง ฝ่ายพระมหาอุปราชาทราบข่าวว่า สมเด็จพระนเรศวรกวาดต้อนคนไทยกลับจึงได้ให้สรุ กรร มาเปน็ กองหนา้ พระมหาอปุ ราชาเปน็ กองหลวงยกตดิ ตามกองทพั ไทยมา กองหน้าของพม่าตามมาทัน ที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะที่ฝ่ายไทยไดข้ ้ามแม่นำ้ ไปแล้ว และคอยป้องกันมิใหข้ ้าศึกข้ามตามมาได้

265 ไดม้ กี ารต่อสกู้ นั ทร่ี มิ ฝงั่ แม่นำ้ สมเดจ็ พระนเรศวรทรงใชพ้ ระแสงปนื คาบชดุ ยาวเกา้ คบื ยิงถูกสรุ กรรมา แม่ทัพหน้าพมา่ ตายบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นแม่ทัพตาย ก็พากันเลิกทัพกลับไป เมื่อพระมหา อุปราชาแมท่ พั หลวงทรงทราบ จึงใหเ้ ลิกทพั กลับไปกรุงหงสาวดี พระแสงปนื ท่ีใช้ยิงสรุ กรรมาตายบน คอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาวา่ \"พระแสงปนื ตน้ ข้ามแมน่ ้ำสะโตง\" นับเป็นพระแสงอัษฎาวุธ อันเป็น เครื่องราชูปโภค เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จกลับถึงเมืองแครง ทรงพระราชดำริว่าพระมหาเถรคันฉ่องกับ พระยาเกียรติพระยารามได้มีอุปการะมาก สมควรได้รับการตอบแทนให้สมแก่ความชอบ จึงทรง ชักชวนให้มาอยู่ในกรุงศรีอยุธยา พระมหาเถรคันฉ่องกับพระยามอญทั้งสองก็มีความยินดีพาพรรค พวกเสด็จเขา้ มาด้วยเป็นอันมาก ในการยกกำลังกลับครัง้ นี้สมเด็จพระนเรศวรทรงเกรงวา่ ข้าศึกอาจ ยกทัพตามมาอีกถ้าเสด็จกลับทางด่านแม่ละเมา มีกองทัพของนันทสูราชสังครำตั้งอยู่ที่เมือง กำแพงเพชรจะเป็นอปุ สรรคต่อการเดนิ ทาง พระองค์จงึ รบี สงั่ ใหพ้ ระยาเกียรติ พระยาราม นำทัพเดิน ผ่านหัวเมืองมอญลงมาทางใต้ มาเข้าทางด่านเจดยี ์สามองค์ เมื่อกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว สมเด็จ พระมหาธรรมราชาก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่พวกมอญที่สวามิภักดิ์ ทรงตั้งพระมาหาเถรคัน ฉ่องเปน็ พระสงั ฆราชาทสี่ มเดจ็ อรยิ วงศ์ และให้พระยาเกียรติ พระยารามมตี ำแหน่งยศไดพ้ ระราชทาน พานทองควบคมุ มอญทีเ่ ข้ามาด้วย ใหต้ ั้งบ้านเรือนท่รี ิมวัดขมิน้ และวัดขุนแสนใกลว้ ังจันทร์ของสมเด็จ พระนเรศวร แลว้ ทรงมอบการทั้งปวงท่ีจะตระเตรยี มต่อสู้ข้าศกึ ให้สมเด็จพระนเรศวรทรงบังคับบัญชา สิทธขิ าดแตน่ น้ั มา พระแสงดาบคาบค่าย สมเด็จพระนเรศวรทรงพาทหารรกั ษาพระองค์ และเอาพระองค์ออกนำหน้าทรงคาบพระแสงดาบ ขึน้ ปล้นคา่ ยพระเจ้าพระเจา้ นนั ทบุเรง แต่พวกพมา่ ตอ่ สูแ้ ละปอ้ งกันไว้เขา้ คา่ ยไมไ่ ด้ (จิตรกรรมฝาผนัง วดั สวุ รรณดาราราม จังหวดั พระนครศรีอยุธยา) ปีพ.ศ. 2129 พระเจ้านนั ทบเุ รงประชุมกองทพั จำนวน 250,000 คนยกทัพมาตกี รุงศรีอยุธยา ในช่วงต้นเดือนยี่ข้าวในนายงั เกี่ยวไมเ่ สร็จ สมเดจ็ พระนเรศวรจงึ รับสัง่ ให้เจา้ พระยากำแพงเพชรยกทัพ ออกไปป้องกันชาวนาที่กำลงั เก่ียวข้าว พอทัพพม่าของพระมหาอุปราชยกทัพมาถึงก็ใหท้ ัพพม่าเข้าตี จนทัพเจ้าพระยากำแพงเพชรแตกพ่ายหนีเข้าเมือง สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพโิ รธอย่างมาก เพราะไทย ไม่เคยแตกพ่ายแพ้ตอ่ ข้าศึกอาจทำให้ทหารขวญั เสีย พระองคแ์ ละสมเดจ็ เอกาทศรถเสด็จลงเรือพระที่ นั่งออกไปรบทันที (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงถูกกระสุนปืนแต่ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ฉลองพระองค์ ขาดเท่านั้น) ผลปรากฏว่าทรงยึดค่ายคืนมาได้ สมเด็จพระนเรศวรมีรับสั่งประหารชีวิตเจ้าพระยา กำแพงเพชร แต่โชคดที ีพ่ ระบดิ าสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงขอชวี ิตเอาไว้ การศึกคร้งั นีพ้ มา่ หมายม่ัน จะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารไทยจึงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้เสมอ เสด็จออก ปล้นค่ายพม่าซึ่งเป็นทัพหน้าของหงสาวดี ข้าศึกแตกพ่ายถอยหนี พระองค์จึงไลต่ ีมาจนถึงค่ายหลวง

266 ของพระเจา้ นนั ทบเุ รง เสด็จลงจากมา้ คาบพระแสงดาบแลว้ นำทหารปีนบนั ไดขน้ึ กำแพงข้าศึก แต่ถูก พม่าใชห้ อกแทงตกลงมาข้างล่างหลายคร้งั จงึ เสด็จกลับพระนคร พระแสงดาบน้มี นี ามวา่ พระแสงดาบคาบค่าย ในพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้านันทบุเรงทรงทราบการกระทำอันห้าวหาญของสมเด็จพระ นเรศวรจึงตรัสว่า ถ้าพระนเรศวรออกมาอีกจะต้องจับพระองค์ ให้ได้ถึงแม้ว่าจะใช้ทหารมากมาย เพียงใด จึงวางแผนให้ลักไวทำมูนำทหารจำนวน 10,000 ไปดักจับ สมเด็จพระนเรศวรทรงออกไป ปล้นค่ายหลวงพม่าอีก พม่าจึงใช้ทหารจำนวนน้อยเข้าล่อให้พระองค์ไล่ตี เข้ามาจนถึงบรเิ วณที่ลกั ไว ทำมูซ่มุ รออยู่ ลกั ไวทำมจู ะเข้ามาจบั พระองค์ สมเด็จพระนเรศวรจงึ ใชพ้ ระแสงทวนแทงลกั ไวทำมูตาย ทนั ที แต่พระองค์ยังถูกลอ้ มอยู่และสู้กับทหารพม่า จำนวนมากนานรว่ มช่ัวโมง จนทัพไทยตามมาทัน จึงเสด็จกลับพระนครได้ สุดท้ายกองทัพหงสาวดีบอบช้ำจากการสู้รบกับไทยอย่างมากจึงถอยทัพ กลับไปเชน่ เดิม เสดจ็ ขึน้ ครองราชย์ ภาพด้านหลงั ธนบตั รไทยชนิดราคา 50 บาท (ชดุ ท่ี 16) รูปพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช นับตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรประกาศอิสรภาพเป็นต้นมา หงสาวดีได้เพียรส่งกองทัพเข้ามา หลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาตีแตกพ่ายไปทุกครั้ง เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จ สวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2133 พระองคไ์ ดเ้ สด็จข้ึนครองราชย์เมื่อวันอาทิตย์ท่ี 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 เมื่อพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนเรศวร หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 และโปรดเกล้าฯ ให้พระเอกาทศรถ พระอนุชา ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช แต่มีศักดิ์เสมอ พระมหากษัตรยิ อ์ ีกพระองค์ พระราชกรณียกิจ พระมหาอุปราชายกทัพมาคร้งั แรก สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ได้ 8 เดือนก็เกิดข้าศึกพม่าอีก เหตุที่จะเกดิ ศึกครั้งนี้คือเจ้าฟ้า ไทยใหญเ่ มอื งคังตง้ั แขง็ เมืองขึน้ อีก พระเจ้านนั ทบเุ รงตรัสปรกึ ษาเสนาบดี เห็นกนั วา่ เป็นเพราะเหตุที่ เจ้าเมอื งคงั ได้ทราบว่าปราบกรงุ ศรีอยุธยาไม่สำเรจ็ จงึ ต้งั แขง็ เมอื งเอาอย่างบ้างตราบใดท่ียังไม่ปราบ กรงุ ศรอี ยธุ ยาลงไดถ้ งึ แม้จะปราบเมืองคงั ได้ เมืองอน่ื ก็คงแขง้ ข้อเอาอย่าง แต่ในเวลาน้นั พระเจ้านันทบุเรง ทรงอยใู่ นวยั ชราทุพพลภาพ ไม่ทรงสามารถจะไปทำสงครามเอาได้ดังแตก่ ่อน จึงจัดกองทัพข้ึนสองทัพ ให้ราชบุตรองค์หนึ่งซึ่งได้เป็นพระเจ้าแปรขึ้นใหม่ยกไปตีเมืองคัง ทัพหนึ่งให้พระยาพะสิม พระยาพุกาม เป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกลงมาตีกรงุ ศรอี ยธุ ยาอกี ทพั หนึง่ พระมหาอปุ ราชายก ออกจากกรุงหงสาวดีเมื่อเดือน 12 พ.ศ. 2133 มาเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อตรงมาตี พระนครศรีอยธุ ยาทีเดียว

267 ฝ่ายทางกรุงศรอี ยุธยาครง้ั นี้ ร้ตู ัวชา้ จงึ เกดิ ความลำบาก ไมม่ ีเวลาจะตอ้ นผ้คู นเข้าพระนครดัง คราวกอ่ น ๆ สมเด็จพระนเรศวรทรงเหน็ วา่ จะคอยต่อสู้อยู่ในกรงุ อาจไมเ่ ปน็ ผลดเี หมอื นหนหลัง จึงรีบ เสด็จยกกองทัพหลวงออกไปกับสมเด็จพระเอกาทศรถ ในเดือนยี่ เมือเสด็จไปถึงเมืองสุพรรณบุรีได้ ทรงทราบว่าข้าศกึ ยกล่วงเมืองกาญจนบรุ ีเข้ามาแล้ว จงึ ใหต้ ง้ั ทัพหลวงรับข้าศกึ อยู่ทลี่ ำน้ำท่าคอย พอ กองทพั พม่ายกมาถงึ ก็รบกันอยา่ งตะลุมบอน พระยาพกุ ามแมท่ พั พม่าคนหนึ่งตายในทร่ี บ กองทัพพมา่ ถูกไทยฆ่าฟันล้มตายเป็นอันมาก ที่เหลือก็พากันพ่ายหนี ไทยไล่ติดตามไปจับพระยาพะสิมได้ท่ีบ้าน จระเข้สามพันอีกคนหนึ่ง พระมหาอุปราชาเองก็หนีไปได้อย่างหวุดหวิด เมื่อกลับไปถึงหงสาวดพี วก แมท่ พั นายกองกถ็ กู ลงอาญาไปตาม ๆ กัน พระมหาอุปราชากถ็ ูกภาคทัณฑใ์ ห้แกต้ วั ในภายหน้า สงครามยทุ ธหัตถี ภาพจิตรกรรมพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอน ยุทธหัตถี วัดสุวรรณดารา ราม จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่ หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพม่าจะยกทัพ ใหญม่ าตี จงึ ทรงเตรียมไพรพ่ ล มีกำลงั หนึง่ แสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำ ตรงทา่ ทา้ วอทู่ องและต้ังค่ายหลวงบริเวณหนองสาหรา่ ย เช้าของวนั จนั ทร์ แรม 2 คำ่ เดือนยี่ ปมี ะโรง พ.ศ. 2135 สมเดจ็ พระนเรศวรและสมเด็จพระ เอกาทศรถทรงเครื่องพชิ ัยยทุ ธ สมเด็จพระนเรศวรทรงชา้ ง นามวา่ เจ้าพระยาไชยานุภาพ สว่ นสมเด็จ พระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร ช้างทรงของทงั้ สองพระองคน์ ้ันเปน็ ช้างชนะ งา คือชา้ งมีงาทไ่ี ด้รบั การฝกึ ใหร้ จู้ กั การต่อส้มู าแล้วหรอื เคยผา่ นสงครามชนช้าง ชนะชา้ งตัวอน่ื มาแล้ว ซึง่ เป็นชา้ งทีก่ ำลงั ตกมัน ในระหว่างการรบจึงวง่ิ ไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดนพม่า มเี พยี งทหารรักษา พระองคแ์ ละจาตุรงคบ์ าทเท่าน้นั ที่ตดิ ตามไปทนั สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กบั เหล่า เทา้ พระยา จึงทราบได้ว่าชา้ งทรงของสองพระองคห์ ลงถลำเขา้ มาถึงกลางกองทพั และตกอยใู่ นวงล้อม ข้าศึกแลว้ แต่ด้วยพระปฏภิ าณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเหน็ ว่าเป็นการเสยี เปรยี บขา้ ศกึ จึง ไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรสั ถามด้วยคนุ้ เคยมาก่อนแตว่ ัยเยาวว์ ่า \"พระเจ้าพ่ีเราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชญิ ออกมาทำยทุ ธหตั ถีดว้ ยกัน ให้เปน็ เกยี รตยิ ศไวใ้ นแผ่นดนิ เถิด ภายหน้าไปไม่มพี ระเจ้าแผน่ ดินท่จี ะ ได้ยุทธหัตถแี ลว้ \" พระมหาอุปราชาได้ยินดงั นั้น จงึ ไสช้างนามวา่ พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานภุ าพเสีย หลกั พระมหาอปุ ราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรดว้ ยพระแสงของ้าว แตส่ มเดจ็ พระนเรศวรทรงเบี่ยง หลบทนั จึงฟันถกู พระมาลาหนงั ขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จ พระนเรศวรทรงฟนั ด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าทอ่ี ังสะขวา สิน้ พระชนมอ์ ย่บู นคอชา้ ง

268 ส่วนสมเดจ็ พระเอกาทศรถทรงฟันเจ้ามังจาปะโรเสียชีวิตเช่นกนั ทหารพม่าเหน็ วา่ แพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยงิ ใส่สมเดจ็ พระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้นทัพหลวงไทยตามมาช่วยทัน จึงรับทง้ั สองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมากไ็ ม่มีกองทพั ใดกล้ายกมากล้ำกราย กรุงศรอี ยุธยาอกี เปน็ ระยะเวลาอีกยาวนาน แต่ในมหายาชะเวงหรือพงศาวดารของพม่า ระบุว่า การยุทธหัตถีคร้ังน้ี ช้างทรงของสมเด็จ พระนเรศวรบุกเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายพม่า ฝ่ายพม่าก็มีการยนื ช้างเรียงเปน็ หน้ากระดาน มีทั้งช้าง ของพระมหาอุปราชา ช้างของเจ้าเมืองชามะโรง ทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ระดมยิงปืนใส่ฝ่าย พม่า เจ้าเมืองชามะโรงสงั่ เปิดผ้าหน้าราหูชา้ งของตน เพ่ือไสช้างเข้ากระทำยุทธหตั ถกี ับสมเด็จพระนเรศวรเพ่ือ ป้องกนั พระมหาอปุ ราชา แต่ปรากฏว่าชา้ งของเจ้าของชามะโรงเกิดว่ิงเข้าใส่ช้างของพระมหาอุปราชา เกิดชุลมุนวุ่นวาย กระสุนปืนลูกหนึ่งของทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ยิงถูกพระมหาอุปราชา ส้นิ พระชนม์ สงครามตเี มอื งทะวายและตะนาวศรี ศึกทะวายและตะนาวศรีนั้น เป็นการรบในระหว่างคนต้องโทษกับคนต้องโทษด้วยกัน กล่าวคือ ทางกรุงศรีอยุธยพาพวกนายทัพที่ตามเสด็จไม่ทันในวันยทุ ธหตั ถีนัน้ มีถึง 6 คนคือ พระยา พชิ ัยสงคราม พระยารามกำแหง เจ้าพระยาจกั รี พระยาพระคลงั และพระยาศรไี สยณรงค์ สมเดจ็ พระ นเรศวรรบั สงั่ ให้ปรึกษาโทษ ลูกขนุ ปรึกษาโทษให้ประหารชวี ติ สมเดจ็ พระวันรตั สังฆปรินายกมาถวาย พระพรบรรยายว่า การที่แม่ทัพเหล่าน้ันตามเสด็จไม่ทัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของพระองค์ สมเด็จ พระนเรศวรทจ่ี ะไดร้ บั เกยี รตคิ ุณเปน็ วีรบุรุษทีแ่ ท้จริง ด้วยเหตุว่าถา้ พวกนนั้ ตามไปทันแล้วถึงจะชนะก็ ไม่เป็นชื่อเสียงใหญ่หลวงเหมือนทีเ่ สด็จไปโดยลำพงั เมื่อเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคำ บรรยายข้อนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัตก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหล่านี้ไว้ สมเด็จพระนเรศวรก็โปรด ประทานให้ แตพ่ วกน้จี ะต้องไปตีทะวายและตะนาวศรีเป็นการแก้ตัว จึงให้เจา้ พระยาจักรีเป็นแม่ทัพ คุมพลหา้ หมน่ื ไปตีตะนาวศรี พระยาพระคลงั คมุ กำลังพลหมน่ื เหมือนกนั ไปตที ะวาย ส่วนแมท่ ัพอื่น ๆ ที่ต้องโทษก็แบ่งกันไปในสองกองทัพน้ีคือพระยาพิชัยสงครามกับพระยารามคำแหงไปตีเมืองทะวาย กับพระยาพระคลงั และใหพ้ ระยาเทพอรชุนกับพระยาศรไี สยณรงคไ์ ปตีเมืองตะนาวศรีกับเจ้าพระยา จกั รี ส่วนทางหงสาวดนี ั้น เม่อื พระเจ้านันทบเุ รงเสียพระโอรสรชั ทายาทแล้วก็โทมนสั ให้ขังแม่ทัพ นายกองไว้ท้งั หมด แต่ภายหลงั ทรงดำรวิ า่ ไทยชนะพม่าในครัง้ นี้แล้วก็จะตอ้ งมาตพี ม่าโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนท่ไี ทยไปรบพมา่ กจ็ ะตอ้ งดำเนนิ การอย่างเดยี วกนั กบั ทพี่ มา่ รบกบั ไทย กล่าวคือ จะตอ้ งเอามอญไว้ ในอำนาจเสียกอ่ นและเป็นการแน่นอนว่าไทยจะตอ้ งเขา้ มาตที ะวายและตะนาวศรี ด้วยเหตุนี้จึงให้แม่ ทัพนายกองท่ไี ปแพ้สงครามมาครัง้ นี้ไปแก้ตัวรักษาเมืองตะนาวศรแี ละเมืองทะวาย เป็นอันว่าท้ังผู้รบ และผู้รบั ทัง้ สองฝา่ ย ตกอยใู่ นฐานคนผิดทจี่ ะตอ้ งแกต้ วั ทงั้ ส้ิน

269 ในการรบทะวายและตะนาวศรีครั้งนี้แม่ทัพทั้งสองคือ เจ้าพระยาจักรีและพระยาคลังกลม เกลียวกันเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้สมเด็จพระนเรศวรจะได้แบ่งหน้าที่ให้ตีคนละเมือง ก็ยังมีการติดต่อ ช่วยเหลือกันและกัน ในที่สุดแม่ทัพทั้งสองก็รบชนะทั้งสองเมืองและบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีไสยณรงค์อยู่ครองเมืองตะนาวศรี ส่วนทางเมือง ทะวายนนั้ ให้เจ้าเมืองทะวายคนเก่าครองต่อไป ชยั ชนะคร้งั น้เี ปน็ อนั ทำให้แม่ทัพทั้งหลายพ้นโทษ แต่ ทางพม่าแมท่ ัพกลับถกู ทำโทษประการใดไมป่ รากฏ แตอ่ ย่างไรกด็ ีการชนะทะวายและตะนาวศรีครั้งนี้ ทำให้อำนาจของไทยแผล่ งไปทางใต้เท่ากับในรชั สมัยพ่อขนุ รามคำแหงมหาราช ตไี ดห้ ัวเมืองมอญ ปี พ.ศ. 2137 พระยาลาว เจา้ เมืองเมาะตะมะ เกดิ วิวาทกับเจ้าพระยาพะโร เจา้ เมืองเมาะลำเลิง พระยาพะโรกลวั พระยาลาวจะมาตีเมาะลำเลิงจงึ ให้สมงิ อุบากองถือหนังสือมาขอบารมีสมเดจ็ พระนเรศวรเป็น ท่พี ึง่ ขอพระราชทานกองทพั ไปช่วยป้องกนั เมอื ง สมเด็จพระนเรศวรจึงยอมรับช่วยเหลือพระยาพะโร ทันที มดี ำรัสสัง่ ใหพ้ ระยาศรไี ศลออกไปชว่ ยรกั ษาเมืองเมาะลำเลิง ซ่งึ แต่บดั นไี้ ปได้ยอมมาสวามิภักด์ิ เป็นประเทศราชของไทย ฝา่ ยขา้ งพระยาลาวเจ้าเมืองเมาะตะมะ ก็ไปขอความช่วยเหลือทางหงสาวดี บ้าง ทางหงสาวดีให้พระเจ้าตองอูยกทัพมาช่วย แต่กองทพั ไทยกับมอญเมาะลำเลิงได้ตีทพั พระเจา้ ตองอแู ตกไป ตีเมืองหงสาวดีคร้ังแรก กองทพั ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเข้าสู่กรุงหงสาวดใี นปี พ.ศ. 2142 (จติ รกรรมพระราช ประวตั สิ มเด็จพระนเรศวรมหาราช วดั สวุ รรณดาราราม จังหวดั พระนครศรีอยุธยา) การที่สมเด็จพระนเรศวร ได้หัวเมืองมอญฝ่ายใต้มาเป็นเมืองขึ้น นับว่าเป็นจุดหักเหที่มี นัยสำคัญ ของการสงครามไทยกับพม่า จากเดิม ฝ่ายพม่าเป็นฝ่ายยกทัพมาไทยโดยตลอด การได้หัว เมืองมอญฝา่ ยใต้ ทำใหไ้ ทยใชเ้ ป็นฐานทพั ทจ่ี ะยกกำลงั ไปตเี มอื งหงสาวดีได้สะดวก สมเด็จพระนเรศวรเสด็จยกกองทัพหลวงไปตีเมอื งหงสาวดี ออกจากพระนคร เม่อื วันอาทิตย์ ขึ้น3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม พ.ศ. 2138 มีกำลังพล 120,000 คน เดินทัพไปถึงเมืองเมาะตะมะ แล้ว รวบรวมกองทพั มอญเข้ามาสมทบ จากน้นั ได้เสดจ็ ยกกองทัพหลวงไปยังเมืองหงสาวดี เข้าล้อมเมือง ไว้ กองทัพไทยล้อมเมอื งหงสาวดีอยู่ 3 เดอื น และไดเ้ ขา้ ปลน้ เมือง เมอ่ื วนั จันทร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ครั้งหนึ่ง แต่เข้าเมืองไม่ได้ ครั้นเมื่อทรงทราบว่าพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ พระเจ้าตองอู ได้ยก กองทัพลงมาชว่ ยพระเจ้านนั ทบเุ รงถึงสามเมือง เห็นว่าขา้ ศกึ มีกำลังมากนกั จงึ ทรงให้เลิกทพั กลับ เม่ือ วนั สงกรานต์ เดอื น 5 ปวี อก พ.ศ. 2139 และได้กวาดตอ้ นครอบครวั ในหัวเมืองหงสาวดี มาเป็นเชลย เปน็ อนั มาก และกองทัพขา้ ศึกมไิ ดย้ กตดิ ตามมารบกวนแตอ่ ยา่ งใด การสงครามครั้งนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานภุ าพทรงสันนษิ ฐานว่า สมเด็จพระนเรศวร เสด็จยกทัพไปครงั้ นี้ เป็นการจูไ่ ป โดยไม่ให้ขา้ ศกึ มีเวลาพอตระเตรยี มการตอ่ สู้ได้พรกั พร้อม และ พระราชประสงค์ทีย่ กไปน้นั นา่ จะมีอยู่ 3 ประการคือ

270 ประการแรก ถา้ สามารถตเี อาเมอื งหงสาวดไี ดก้ ็จะตเี อาทเี ดียว ประการที่สอง ถ้าตีเมืองหงสาวดียังไม่ได้ครั้งนี้ ก็จะตรวจภูมิลำเนา และกำลังข้าศึกให้รู้ไว้ สำหรับคิดการคราวต่อไป ประการที่สาม คงคิดกวาดต้อนผู้คนมาเป็นเชลยให้มาก เพื่อประสงค์จะตัดทอนกำลังข้าศกึ และเอาผูค้ นมาเพิม่ เตมิ เป็นกำลงั สำหรบั พระราชอาณาจักรตอ่ ไป ข้อสันนิษฐานอื่น ๆ มีอยู่ว่า การกวาดต้อนผู้คนกลับพระราชอาณาจักรไทยครั้งนี้ น่าจะได้ ช่วยนำคนไทย ผ้ซู งึ่ ถกู พมา่ กวาดต้อนเอาไปเป็นเชลย แลว้ เอาตวั ไวใ้ ชง้ านตามเมอื งต่าง ๆ กลับมาด้วย ประการต่อมา สาเหตุที่ยกทัพกลับนั้น นอกจากจะทรงเห็นว่า กองทัพข้าศึกกำลังระดมยกมาจากอกี สามเมอื งใหญ่ มีกำลงั มากแลว้ เสบียงอาหารของกองทัพไทยก็น่าจะขาดแคลน เพราะมีกำลังพลมาก และล้อมเมอื งหงสาวดอี ยูน่ านถึงสามเดือน ประกอบกับใกลเ้ ขา้ สูฤ่ ดฝู นแลว้ และประการสุดทา้ ย การ ที่พระองค์ถอนทพั กลบั โดยที่พม่าไม่ไดย้ กตดิ ตามตีหรือรบกวนแต่อย่างใด ทั้งที่มีพลเรือนทีถ่ ูกกวาด ต้อนมาเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับครั้งสงครามประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ก็น่าจะเป็นเพราะ พระองค์ดำเนินการถอนทัพ และนำผู้คนพลเรอื นกลบั มาอยา่ งมรี ะบบ โดยให้พลเรอื นลว่ งหน้าไปก่อน ตีเมืองหงสาวดีครง้ั ท่สี อง พ.ศ. 2142 สมเด็จพระนเรศวรทรงมุ่งหมายจะตีเอาเมืองหงสาวดใี ห้ได้ จึงตระเตรียมทัพยก ไปทงั้ ทางบกและทางเรือ ได้ออกเกลย้ี กล่อมหวั เมอื งต่าง ๆ ใหอ้ อ่ นน้อมตอ่ ไทยได้อีกหลายเมอื ง แมแ้ ต่ เชียงใหม่ซ่งึ ไดต้ ง้ั แข็งเมืองตอ่ พม่าแล้ว แต่คิดเกรงว่ากรงุ ศรีสตั นาคนหตุ และไทยจะยกทัพไปรุกราน ก็ ได้ตัดสินใจยอมอ่อนน้อมมาขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาดว้ ย ส่วนเมืองตองอูกับเมืองยะไข่เมื่อเอาใจออก ห่างจากกรุงหงสาวดีไปแล้ว ก็หันมาฝักใฝ่กับไทยและรับว่า ไทยยกทัพไปตีกรงุ หงสาวดแี ล้ว ก็จะเข้า ร่วมช่วยเหลือพระเจ้ายะไขน่ ั้นอยากได้หัวเมืองชายทะเล สว่ นพระเจา้ ตองอูนัดจินหน่องอยากได้เป็น พระเจา้ หงสาวดแี ทน สมเดจ็ พระนเรศวรจงึ ทรงรบั เป็นไมตรกี ับเมืองท้งั สองนั้น ในระหว่างนนั้ พระมหาเถระเสยี มเพรยี มภิกษุรูปหนง่ึ ได้เข้ายุยงพระเจ้าตองอูนดั จนิ หน่องมิให้อ่อนนอ้ มแก่ไทย และ แจ้งอุบายให้พระเจ้าตองอูนัดจินหน่องคิดอ่านเอาเมืองหงสาวดีเสียเอง พระเจ้าตองอูนัดจินหน่อง เห็นชอบด้วยจึงชวนพระเจ้ายะไข่ให้ไปตเี มอื งหงสาวดี แล้วพระเจ้าตองอูจนัดจินหน่องะทำทีเป็นยก กองทพั มาช่วยหงสาวดี พอเข้าเมืองได้แลว้ ก็หย่าศึกกนั เสยี และจะแบ่งประโยชน์ให้ตามที่พระเจ้ายะ ไขต่ ้องการ คอื จะยกหวั เมอื งชายทะเลใหแ้ กพ่ ระเจ้ายะไข่ แตค่ รัง้ ทัพพระเจ้ายะไข่และทัพพระเจ้าตอง อูนัดจินหน่องเข้าประชิดเมืองหงสาวดีแล้วก็หาเข้าเมืองไม่ ทั้งนี้เพราะพระเจ้านันทบุเรงเกิดทรง ระแวงขน้ึ ทพั พระเจา้ ตองอูนัดจนิ หน่องและพระเจ้ายะไขจ่ ึงไดแ้ ตต่ ัง้ ล้อมเมืองหงสาวดีไว้ สมเด็จพระนเรศวรทรงเหน็ ว่าทางกรงุ หงสาวดกี ำลงั ป่ันป่วนจึงเสดจ็ ยกทัพหลวงไปตีหงสาวดี แต่ต้องไปเสียเวลาปราบปรามกบฏตามชายแดนซึ่งพระเจ้าตองอูนัดจินหน่องได้ยุยงให้กระด้าง กระเดื่องเป็นเวลาถึง 3 เดือนเศษ จึงเดินทัพถึงเมืองหงสาวดีช้ากว่ากำหนดที่คาดหมายไว้ ทางฝ่าย

271 พระเจา้ ตองอูนัดจนิ หน่องและพระเจ้ายะไข่ซึง่ กำลังล้อมเมืองหงสาวดอี ยู่ พอได้ทราบข่าวว่าสมเด็จพระนเรศวร ยกกองทัพขึน้ ไปกำจัดกบฏตามชายแดนเมืองเมาะตะมะและกำลังเดินทัพมาก็แจ้งให้พระเจ้านันทบุเรงทราบ พระเจ้านันทบุเรงก็จำใจอนุญาตให้พระเจ้าตองอูยกทัพเข้าไปในเมืองหงสาวดีได้ และมอบหมายให้ พระเจา้ ตองอูนดั จินหน่องบญั ชาการรบแทนทกุ ประการ พระเจ้าตองอนู ัดจนิ หน่องจึงกวาดต้อนผู้คน และทรพั ย์สมบตั ิ รวมทง้ั พระเจา้ นนั ทบเุ รงไปยังเมอื งตองอู ท้งิ เมอื งหงสาวดไี ว้ให้กองทพั พระเจา้ ยะไข่ ค้นคว้าทรัพยท์ ีย่ งั เหลอื อยู่ต่อไป พอพระเจา้ ตองอนู ัดจนิ หน่องออกจากหงสาวดีไปได้ประมาณ 8 วนั กองทัพไทยกย็ กไปถึงเมืองหงสาวดี คร้นั สมเดจ็ พระนเรศวรได้ทรงทราบว่าพระเจ้าตองอูนัดจินหน่อง ไม่ซื่อตรงตามคำมั่นที่ได้ให้ไว้ก็ทรงพระพิโรธ จึงเสด็จยกทัพตามขึ้นไปตีเมืองตองอู ได้เข้าล้อมเมือง ตองออู ยูถ่ งึ 2 เดือนกไ็ ม่อาจตีหักเอาได้ เพราะเมอื งตองอมู ชี ัยภูมิท่ดี ี ชาวเมืองก็ตอ่ สเู้ ขม้ แข็ง ประกอบ กับฝนตกชุกและทัพไทยขาดเสบียงอาหาร สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยก กองทพั กลบั คืนกรงุ ศรอี ยุธยา สวรรคต สมเด็จพระนเรศวร กับสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จยกกองทัพออกจากพระนคร เมื่อวัน พฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนย่ี ปีมะโรง พ.ศ. 2148 เสด็จโดยกระบวนเรือจากพระตำหนกั ป่าโมก แล้ว เสด็จขน้ึ บนทตี่ ำบล เอกราชไปต้ังทัพชัย ณ ตำบลพระหล่อ แลว้ ยกกองทพั บกไปทางเมืองกำแพงเพชร สู่เมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็หยุดพักจัดกระบวนทัพอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้กองทัพ สมเด็จพระเอกาทศรถยกไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง คร้นั เสดจ็ ถึงเมืองหาง แล้วก็ให้ต้ังคา่ ยหลวงประทบั อยู่ท่ีทงุ่ แกว้ สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพระประชวรเปน็ หัวระลอก (ฝ)ี ข้ึนท่ี พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก จึงโปรดให้ข้าหลวงรีบไปเชิญเสด็จสมเด็จพระ เอกาทศรถมาเฝ้า สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จฯ มาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคต เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดอื น 6 ปมี ะเสง็ ตรงกบั วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สิริพระชนมพรรษา 49 พรรษาเศษ ดำรงราชสมบัติ 14 ปีเศษ สมเด็จพระเอกาทศรถจึงได้อัญเชิญพระบรมศพสมเด็จ พระนเรศวรกลับกรงุ ศรอี ยธุ ยา สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ี หรอื สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช มีพระนามเดมิ ว่า สิน เป็นคน ไทยเชื้อสายจนี เป็นพระมหากษัตรยิ ผ์ ู้กอ่ ตั้งอาณาจักรธนบรุ ี และเป็นพระมหากษัตริยพ์ ระองคเ์ ดยี ว ของราชอาณาจักรน้นั เดิมพระองค์เป็นนายทหารในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ ต่อมา พ.ศ. 2310 เกิดการเสียกรุงศรีอยุธยาครัง้ ที่สอง ต่อมาได้เป็นผูน้ ำขับไล่ทหารพม่าที่ยดึ ครองกรุงศรีอยุธยาอยู่ใน เวลานนั้ ปราบดาภิเษกเปน็ พระเจา้ กรุงศรอี ยธุ ยาอกี เจ็ดเดอื นถัดมา พระองค์ยา้ ยเมอื งหลวงไปยังกรุง ธนบุรี และรวบรวมแผ่นดินซง่ึ มีขุนศึกกก๊ ต่าง ๆ ปกครองใหก้ ลับเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง เช่นเดียวกับการ

272 ขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังทรงฟน้ื ฟูราชอาณาจกั รในด้านต่าง ๆ ใหก้ ลบั คืน สู่สภาวะปกติหลงั สงคราม ทัง้ สง่ เสรมิ กจิ การดา้ นเศรษฐกิจ ศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม วรรณกรรม และ การศึกษา ภายหลงั รฐั บาลไทยประกาศใหว้ นั ท่ี 28 ธนั วาคมของทุกปีเป็น \"วันสมเดจ็ พระเจ้าตากสิน\" และยังทรงได้รับสมญั ญานามมหาราช พระองคเ์ สดจ็ สวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เมื่อพระชนพรรษา 48 พรรษา หลัง ถูกสมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ ซึ่งเป็นพระสหายสำเร็จโทษ และสืบราชสมบตั ิต่อเป็นต้นราชวงศ์ จักรีในปัจจุบัน รวมเวลาครองราชย์ 15 ปี พระองค์มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น 30 พระองค์พระองคท์ รงเปน็ วรี กษัตริย์ของชาตไิ ทยท่ีประชาชนรู้จกั ดีท่ีสดุ และเปน็ อดีตพระมหากษัตริย์ ไทยทม่ี ีพระบรมราชานุสรณม์ ากทสี่ ดุ ข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ สำหรับการรับราชการเป็นเจ้าเมืองตากนั้น พระราช พงศาวดารฉบับหน่งึ กลา่ วทำนองว่า สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ีทรงว่งิ เต้นใหไ้ ดร้ ับตำแหน่งเจา้ เมืองตาก โดยติดต่อผ่านทางมหาดเล็กถึงพระยาจักรี สมเด็จพระเจ้าเอกทัศทรงทราบว่าเจ้าเมืองตากคนก่อน ป่วยเสียชีวิต จึงให้พระยาจักรีหาผู้มีสติปัญญาพอจะรบั ตำแหน่งแทน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจงึ ได้ เป็นเจ้าเมืองตากส่วนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวินิจฉัยว่า พระองค์ทรงเคยเป็น หลวงยกกระบัตรเมืองตากก่อนทรงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2307 เกิดเหตุการณ์พม่ายก กองทัพมายึดหัวเมืองแถบภาคใต้ของไทยปัจจุบันโดยมีมังมหานรธาเปน็ แม่ทัพ ปรากฏว่าพม่ายึดได้ โดยงา่ ย จึงยึดเรอ่ื ยมาจนถึงเมอื งเพชรบรุ ี ทางกรงุ ศรีอยธุ ยาไดส้ ่งกองทพั ซง่ึ มีพระยาโกษาธิบดกี บั พระ ยาตากเป็นแม่ทพั ไปรกั ษาเมอื งเพชรบุรไี ว้ จนกองทพั พม่าแตกถอยไปทางด่านสิงขรต่อมา พ.ศ. 2308 พม่ายกกองทัพผา่ นเมอื งตากอีกคร้งั พระยาตากมีความเหน็ วา่ สู้ไม่ไหวจึงส่งกองกำลงั มาช่วยรักษากรุง ศรีอยุธยาไว้ และยังปรากฏในพงศาวดารวา่ พระยาตากมคี วามชอบนำทหาร 500 นายมาช่วยป้องกัน พระนคร จึงได้รับพระราชทานของบำเหน็จความดีความชอบในระหว่างการปิดล้อมนั้นก็ได้ปรากฏ ฝีมือเป็นนายทัพเข้มแข็ง ปฏิบัติงานตามคำสั่งของราชการ ต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อน ตำแหน่งเป็นพระยาวชริ ปราการ เสน้ ทางเดินทพั ของเจา้ ตากคร้งั กอบกเู้ อกราช กอ่ นท่กี รงุ ศรอี ยุธยาจะเสียแก่พม่านั้น หวั เมืองฝ่ายเหนือ ฝา่ ยใต้ และตะวันตกล้วนถูกควบคุม อยา่ งเขม้ งวด การทำมาหากิน การทำไรท่ ำนา ทรพั ย์สิน วัวควายถูกยดึ ไว้หมดจนกลางดึกของคืนวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2309 ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตกประมาณ 3 เดือน กองทัพพม่ายิงถล่มกรุงศรอี ยุธยา อยา่ งหนัก เกดิ เพลงิ ลุกไหม้ทวั่ พระนคร บา้ นเรือน วัด และวงั ได้รบั ความเสียหายโดยเฉพาะบ้านเรือน ของราษฎรเกิดเพลิงไหม้กว่า 10,000 หลังพระยาพิพัทธโกษา ปลัดทูลฉลองกรมพระคลังเขียนจด หมายถึงสภาบรหิ ารสูงสุด (Supreme Government) ของบรษิ ัทอินเดียตะวนั ออกของดตั ช์ (VOC) ท่ี เมืองปัตตาเวีย ลงวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2312 กล่าวว่า พระเจ้าตากเสด็จไปยังเมอื งจันทบูรตาม

273 พระราชโองการของพระเจ้าเอกทศั น์ ไมไ่ ด้เสดจ็ “หนี” ออกจากกรงุ กลางวนั ของวนั ท่ี 3 มกราคมนั้น พระยาตากรวบรวมไพร่พลจำนวน 1,000 นาย เดินทางออกจากกรุงศรีอยธุ ยามาก่อน กองกำลังพระ ยาตากเริ่มออกเดนิ ทางจากวัดพิชยั มาถึงบ้านหารตราเมื่อเวลาค่ำ โดยมีกองทพั พม่าไล่ติดตามมาแล้ว ต่อรบกนั จนพมา่ พา่ ยกลับไป ก่อนเดินทางมาถึงบ้านข่าวเม่า บ้านสมั บณั ฑติ ตอนเวลาเที่ยงคืนต่อมา เช้าวันที่ 4 มกราคม กองกำลังพระยาตากเดินทางมุ่งหน้าไปทางบ้านโพธิ์สังหาร (ปัจจุบันอยู่ในเขต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) พม่าส่งกองทัพไล่ติดตามมาอีกจึงได้สู้รบกันจนพม่าพ่าย กลับไป มาถึงบ้านพรานนกช่วงเวลาเย็น คราวนี้พม่าส่งไพร่พลมาแก้มือถึง 2,000 นาย ฝ่ายพระยา ตากจึงทรงม้ากับทหารอีก 4 ม้าออกรับศึก สามารถตีพม่าแตกพ่ายกลับไปอีกครั้ง เหล่าทหารม้าจึง ถอื เอาวันท่ี 4 มกราคมเปน็ วนั ทหารมา้ ของไทย วันที่ 3 ของการเดินทัพ กองกำลังพระยาตากเดินทัพมาสุดเขตพระนครศรีอยธุ ยาก่อนที่จะ เข้าเมืองนครนายก ขุนชำนาญไพรสนฑ์กับนายกองชา้ งเขา้ มาขอสวามภิ ักดต์ิ ่อพระยาตาก ทงั้ ยังถวาย ช้างพลาย 5 ช้าง ช้างพัง 1 ช้าง แล้วอาสานำทางต่อไปยังบ้านกง (หรือบ้านดง) เมืองนครนายก เมื่อ ถงึ บา้ นกง ขา้ ราชการ ขุนหม่ืนพันทนายท้องถิน่ ไมย่ อมสวามภิ ักด์ิ แมจ้ ะได้เจรจาเกล้ียกล่อม 3 ครั้งก็ ไม่สำเรจ็ รุ่งขนึ้ กองกำลงั พระยาตากจึงปะทะกับไพรพ่ ลชาวบา้ นกงซึง่ มีกำลังมากกวา่ 1,000 นาย แต่ กองกำลงั พระยาตากเป็นฝ่ายชนะและสามารถยดึ ช้างไดเ้ พิม่ อีก 7 ชา้ ง เงนิ ทอง และเสบียงอาหารอีก มาก ต่อมาวันที่ 8 มกราคม (วันที่ 6) เดินทัพมาถึงตำบลหนองไมช้ ุ้มแล้วหยุดพกั 2 วันก่อนเดินทัพ ตอ่ ไปถงึ บา้ นนาเริ่ง แขวงเมืองนครนายกแล้วหยดุ พักอีก 1 คนื ตอ่ มาพระยาตากนำไพร่พลข้ามแม่น้ำ ที่ด่านกบแจะ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี) แล้วหยุดพักรี้พล ก่อน เดนิ ทพั ต่อไปยงั ทงุ่ ศรีมหาโพธ์ิ (ปจั จุบันอยู่ในเขตจังหวัดปราจีนบรุ )ี และต้องหยดุ รอนายทหาร 3 นาย คอื พระเชยี งเงิน ขนุ พิพธิ วาที และสมเด็จพระรามราชาที่ตามกองกำลงั พระยาตากมาไม่ทนั ระหว่าง ที่ทรงรอกลุ่มพระเชียงเงินอยู่นั้นเกิดปะทะกับทัพบกและทัพเรือของพม่าซึง่ ตั้งอยู่ที่ปากแม้น้ำโจ้โล้ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา) ประชุมพงศวดารบันทึกไว้วา่ \"พม่าไล่แทงฟนั คนซึง่ เหนอื่ ยล้าอยนู่ ั้นวิง่ หนมี าตามทาง ครนั้ ไดท้ อดพระเนตรเหน็ จงึ ใหน้ ายบญุ มีข้นึ ม้าใช้สวนทางลง ไปประมาณ 200 เส้น พบกองทพั พมา่ ยกขึน้ มาแตป่ ากนำ้ โจ้โล้ทงั้ ทพั บกทัพเรือ\"พระยาตากจึงส่งั ให้ตั้ง แนวรบั ขุดหลุมเพลาะ วางปืนตบั และเรียงหนา้ กระดาน จนพม่าเข้ามาใกลร้ าว 240 เมตรจงึ เร่ิมเปิด ฉากยิงขึ้น ทหารพม่าทั้ง 4 แนวแตกพ่ายไป \"จึงขับพลทหารโห่รอ้ งตีฆ้องสำทับไล่ตดิ ตามฆา่ พม่าเสีย เปน็ อนั มาก แลว้ ก็เดนิ ทพั มาทางบ้านหวั ทองหลางสะพานทอง\"จากแนวปะทะและการติดตามฆ่าพม่า มาทางปากน้ำโจโ้ ลน้ ี้เอง ทำให้เปลย่ี นเสน้ ทางการเดนิ ทพั ตามชายปา่ ดงมาเปน็ ชายทะเลเข้าเขตเมือง ชลบุรี \"จึงให้ยกพลนิกายมาประทับตามลำดับ บ้านทองหลาง ตะพานทอง บางปลาสร้อย ถึงบ้านนาเกลือ\" (ปัจจบุ ันอยู่ในเขตจงั หวัดชลบรุ ี)

274 ทบ่ี า้ นนาเกลอื มีนายกลม (หรือนายกล่ำ) นายชมุ นุมท่ีบา้ นนาเกลอื ไดร้ วบรวมไพรพ่ ลคิดสกัด ต่อรบกับกองกำลังพระยาตาก แต่เพียงแสดงแสนยานุภาพ \"เสด็จทรงช้างพระท่ีนั่งสรรพด้วยเครือ่ ง สรรพาวธุ ทรงพระแสงปืนต้นรางแดงกับหมพู่ ลโยธาหาญ\" นายกลมก็ถึงกบั วางอาวุธ ยอมออ่ นน้อมแต่ โดยดี แล้วอาสานำไปพัทยา นาจอมเทียน ทุ่งไก่เตี้ย สัตหีบ ชายทะเล บ้านหินโขง และบ้านน้ำเก่า แขวงเมืองระยอง โดยพกั ทัพคนื ละแหง่ ตามลำดับ ระหว่างเส้นทางท่ีผ่านไปน้นั ได้ปะทะกับกองกำลัง ของพม่าหลายครั้ง แต่ก็สามารถตีฝ่าไปได้ทุกครั้ง และสามารถรวบรวมไพร่พลตลอดจนอาวุธ ยุทโธปกรณ์ได้มากขึน้ หลังจากพระยาตากยดึ เมืองระยองได้ ขณะพักอยู่บริเวณวดั ลุ่มมหาชัยชุมพล อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พม่าเข้าตีกรงุ ศรีอยุธยาเมือ่ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 ข่าวแพร่กระจาย ออกไป พระยาตากจึงได้ประกาศพระองค์ขึ้นเป็น \"เจา้ \" ภายหลังจากเดินทัพออกจากวัดพิชยั ได้ 23 วัน พระองคม์ ีพระราชปณธิ านโดยพระราชพงศวดารฉบับพระราชหตั เลขาบันทกึ วา่ พระยากำแพงเพชรจึงปรึกษากับนายทหารและรพ้ี ลท้ังปวงวา่ กรงุ เทพมหานครคงจะเสียแก่ พม่าเป็นแท้ ตัวเราคิดจะซ่องสุมประชาราษฎรในแขวงเมืองหัวเมืองตะวันออกทัง้ ปวงให้ได้มากแล้ว จะยกกลบั เข้าไปกกู้ รุงให้คงคนื เปน็ ราชธานีดงั เก่า แล้วจักทำนุบำรงุ สมณพราหมณาประชาราษฎรซึ่ง อนาถาหาที่พำนักบ่มิได้ ให้ร่มเย็นเป็นสุขานุสุข และจะยอยกพระบวรพุทธศาสนาให้โชตนาการ ไพบลู ย์ข้นึ เหมอื นอยา่ งแต่กอ่ น เราจะต้งั ตัวเปน็ เจ้าขนึ้ ให้คนทั้งหลายนับถอื ยำเกรงจงมาก การซ่ึงจะ ก่อกูแ้ ผน่ ดินจึงจะสำเร็จโดยงา่ ย การประกาศตั้งตัวขึ้นในครั้งนี้มีศักดิ์เทียบเท่าพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างไรก็ตาม อาจ พจิ ารณาจากแนวคิดทางการเมอื งได้เชน่ กนั วา่ พระเจา้ ตากประกาศตนเป็นพระเจ้าแผ่นดินนับต้ังแต่ ยกทัพออกจากกรุงศรีอยธุ ยาแล้ว พระเจ้าตากม่งุ ยึดเมืองจนั ทบรุ ีซ่งึ ก่อนเข้าตีเมืองได้มีรับส่ังให้ทหาร ทุกคนทำลายหม้อข้าวให้หมด โดยมีเปา้ หมายให้ไปกินข้าวในเมืองจนั ทบุรี แตถ่ า้ ตีเมืองไม่สำเร็จก็ให้ อดตายกนั ทง้ั หมดท่ีนี่ กองทัพพระเจ้าตากสามารถตไี ด้เมืองจันทบุรีได้เม่ือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310 หลังจาก นน้ั จงึ ยกกองทพั ลงไปยังเมอื งตราด ทรงใช้เวลาในการเดินทพั 7 วัน 7 คืนกม็ ผี ูค้ นสมคั รใจเข้ามาร่วม ด้วยกับพระองค์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเมืองจันทบุรีและเมืองตราดยังไม่ถูกทหารพม่ายึดครอง และขณะนัน้ มีเรือสำเภาจีนจอดอยู่ทป่ี ากนำ้ เมืองตราดหลายลำ พระเจ้าตากมีรับสั่งใหน้ ายเรอื พวกนั้น มาเฝ้า แต่กลับขัดขืนและระดมยิงปืนใส่ พระเจ้าตากทรงทราบก็ให้นำเรือที่คุมเรือรบไปล้อมเรือ สำเภาจนื ไว้ แลว้ บงั คับให้พวกคนจนี สมัครเข้ามาเปน็ พรรคพวก แต่พวกคนจีนไมฟ่ ังกลับระดมยิงปืน ใส่กองทัพพระเจ้าตาก รบกันอยู่ครึ่งวันกองทัพพระเจ้าตากสามารถยึดเรือสำเภาจีนได้ทั้งหมด ได้ ทรัพยส์ ินจำนวนมาก เมื่อพระเจ้าตากสามารถจดั การเมอื งตราดเสร็จแลว้ จงึ ยกทพั กลบั เมอื งจันทบุรี

275 พระเจ้าตากทรงรวบรวมกำลังพลจนมจี ำนวน 5,000 นายแล้วยกกองทัพเรือออกจากเมือง จนั ทบุรี ล่องมาตามฝัง่ ทะเลในอ่าวไทย จนถึงปากแม่น้ำเจา้ พระยา ต่อสู้จนยดึ เมอื งธนบุรีคืนจากพม่า ได้ และจับนายทองอิน เจ้าเมืองธนบุรีซึ่งพม่าแต่งต้ังให้นัน้ ประหารชีวิต ต่อจากนั้นได้ยกกองทัพเรอื ตอ่ ไปถึงกรุงศรอี ยธุ ยา เขา้ โจมตคี า่ ยโพธสิ์ ามตน้ จนสามารถขับไล่ทหารพมา่ ออกจากอาณาจักรได้และ สามารถกอบกู้กรุงศรีอยธุ ยาจากการยึดครองไดเ้ มอ่ื วันศุกร์ เดือน 12 ข้ึน 15 ค่ำ จลุ ศกั ราช 1129 ปี กนุ นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศกุ รท์ ี่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2310 เวลาประมาณ 13.00 น. โดยใชเ้ วลาเพียง 7 เดอื นหลงั จากเหตกุ ารณ์เสยี กรุงศรอี ยุธยา พระเจา้ กรงุ ศรอี ยธุ ยาปราบดาภเิ ษก สมเด็จพระเจ้ากรงุ ธนบุรีทรงปราบดาภิเษกเมื่อวันที่ 28 ธนั วาคม พ.ศ. 2310 ณ พระราชวัง กรุงธนบุรีด้วยเหตุผลทางยุทธศาสตร์และการเมืองเป็นสำคัญ ทำให้เจ้าตากมา \"ยับยั้ง\" อยู่ ณ เมือง ธนบรุ ี ซง่ึ มีลกั ษณะเปน็ ราชธานไี ม่ถาวร ก่อนหน้าน้ัน เมอื งธนบรุ ีถกู ทงิ้ ร้าง มีต้นไม้ข้ึนและซากศพท้ิง อย่างเกลื่อนกลาด ทำให้ต้องมีการเกณฑ์แรงงานจัดการพื้นที่ขึ้นมาใหม่ เจ้าตากยังมีรับสั่งให้คนไป อัญเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยตอนปลายอยุธยาจากเมืองลพบุรีมายังเมืองธนบุรี และได้ถวาย พระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าเอกทัศตามโบราณราชประเพณี หลังจากที่อพยพผู้คนและ ทรัพย์สินลงมาทางใต้และตั้งราชธานีใหม่ขึ้นที่เมืองธนบุรี เรียกนามวา่ \"กรุงธนบรุ ีศรีมหาสมทุ ร\" แต่ เอกสารราชการสมัยกรุงธนบรุ ยี งั คงเรียกนามเมืองหลวงตามเดิมว่า \"กรุงพระมหานครศรีอยธุ ยา\" เจ้าตากทรง ปราบดาภเิ ษกขึ้นทรงราชยเ์ ป็นพระมหากษตั ริยต์ ามแบบพระเจา้ แผ่นดนิ ครง้ั กรงุ เกา่ จดหมายเหตุโหร ระบวุ า่ เป็นวนั องั คาร แรมส่ีค่ำ จลุ ศักราช 1129 ซ่งึ ตรงกับวันท่ี 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 เมื่อพระชน พรรษา 34 พรรษา ความสำเรจ็ ดังกล่าวทำให้มผี ู้ทค่ี ิดร้ือฟน้ื ราชอาณาจักรอยธุ ยาข้ึนมาใหมม่ าเข้าด้วย กบั ชุมนุมของพระองค์เปน็ จำนวนมาก ทำให้สถานะการเป็นพระมหากษัตริย์ของพระองคเ์ ดน่ ชัดยง่ิ ขึ้น อกี ทง้ั พระองคย์ งั ทรงเริ่มประกอบพระราชกรณียกจิ ตามแบบอย่างพระมหากษตั รยิ ์แห่งกรุงศรีอยุธยา เพอ่ื แสดงถงึ สิทธธิ รรมการเลอื กกรงุ ธนบรุ ีเป็นราชธานยี ังถือได้ว่าเป็นก้าวสำคญั ในการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจ ที่เสยี หายจากสงครามกบั พม่าด้วย หลังจากทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังกรุงธนบุรีเมื่อ พ.ศ. 2310 ซึ่งเป็นพระราชวังหลวงที่ใช้เป็นสถานท่ี ประทบั และวา่ ราชการ พร้อมกับปรับปรงุ ป้อมวิไชยเยนทร์ และเปล่ียนชอ่ื ใหม่เปน็ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ตำแหนง่ ของพระราชวงั น้ีเปน็ จุดสำคญั ทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยัง ใกล้กับเส้นทางคมนาคมและเสน้ ทางการเดินทัพทส่ี ำคัญอกี ดว้ ย ซึง่ ปัจจุบันเปน็ ทต่ี ้ังของกองทพั เรอื พระราชกรณียกจิ แรกหลังการเสดจ็ ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2311 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เฉินเหม่ยเซิน พ่อค้าเดินเรือจีน นำพระราชสาส์นไปถวายต่อจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชสำนักชิง ใจความสำคัญว่าด้วยพระราชประสงค์ฟืน้ ฟูสัมพนั ธไมตรี การค้าขายกับจนี และขอพระราชทานตรา

276 ต้ังเพอ่ื รบั รองสถานภาพพระมหากษตั ริย์ แตร่ าชสำนกั ชิงปฏิเสธในปแี รกเพราะมองว่าพระองค์มิใช่ ผู้สืบราชสันตติวงศ์เจ้านายกรุงเก่า และเจ้านายกรุงเก่ายังมีพระขนม์ชีพอยู่ คือ กรมหมื่นเทพพิพิธ (พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ) เสดจ็ ไปก่อตั้งชุมนุมเจ้าพิมาย ส่วนเจา้ จุ้ย (พระโอรส ในเจ้าฟ้าอภัยและพระราชนัดดาในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9) และเจ้าศรีสังข์ (พระโอรสในเจ้าฟ้า ธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สรุ ยิ วงศ์และพระราชนัดดาในสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ) เสดจ็ ล้ีภยั สงครามไป อยกู่ ับพระยาราชาเศรษฐี ญวน (ม่อซ่ือหลิน) ท่ีเมืองพุทไธมาศ อกี ทั้งในระยะนน้ั จนี ได้รับรายงานท่ีไม่ เปน็ ความจรงิ จากมอ่ ซือ่ หลิน ทำใหเ้ อกสารราชสำนักชิงจงึ ไม่เรยี กขานพระนามอยา่ งพระมหากษัตริย์ แตเ่ รียกขานเพียง กนั เอนิ ซือ่ (เจ้าเมอื งตาก) เท่านน้ั สงครามกบั พม่า ใน พ.ศ. 2314 น้นั เกิดเหตุวิวาทในหมเู่ จ้าเมอื งแควน้ กรุงศรีสัตนาคนหุต ฝ่ายหน่ึงสู้ไม่ได้ก็ขอ กำลงั พมา่ มาช่วย พอปราบปรามสำเรจ็ แล้ว แม่ทพั พมา่ ก็ยกทัพมาต้งั ที่เมืองเชียงใหม่ เม่ือกองทัพยก ผ่านเมืองน่านก็แบ่งกำลังให้นายทัพหน้าตีเมืองบางส่วนของธนบุรี ลึกเข้าไปถึงเมืองพิชัยเมื่อปลาย พ.ศ. 2315 เจ้าเมืองพิชัยป้องกันเมืองไว้มั่นคงแล้วก็ขอกำลังพิษณุโลกไปช่วย พอมาถึงก็ออกตี กระหนาบ กองทัพพม่าเป็นฝา่ ยแตกกลบั ไปเมื่อ พ.ศ. 2316 ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกัน และ พมา่ ยกเขา้ มาตีเมอื งพิชัยอีกครง้ั หนงึ่ แม่ทัพกรุงธนบรุ ตี ั้งซมุ่ สกัดขา้ ศึกตรงบริเวณชัยภูมิ พอมาถึงก็ตี ทพั พม่าแตกกลบั ไป พม่ากับมอญเกิดรบกัน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้ยกทัพไปตีเชียงใหม่อีกครั้ง ได้ พระยาจ่าบ้านกับพระยากาวิละเข้ามาสวามิภกั ดิ์ เมื่อยกไปถึงเชียงใหม่แล้วก็ตั้งค่ายล้อมไว้ เมื่อทัพ หลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีซ่ึงเดิมตั้งคอยรับชาวมอญที่เมอื งตากมาถึงเชียงใหมแ่ ล้ว กองทัพ ธนบุรีก็ระดมตีค่ายพม่าเสร็จสิ้นเม่ือ พ.ศ. 2317 จนโปมะยุง่วนตอ้ งทิ้งเมอื งหนี ทำให้เมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่านและเมืองแพร่ปลอดจากพม่าตั้งนั้บแต่น้ัน หลังจากทำสัญญาสันติภาพกับจนี ในปี เดียวกันนั้นแล้ว พระเจ้ามังระก็ทรงส่งทหารมาอีก 5,000 นาย แต่ถูกล้อมที่เมืองบางแก้ว ราชบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบรุ มี พี ระราชดำริใหต้ ้ังลอ้ มไวเ้ ฉย ๆ ไมใ่ หเ้ ขา้ ตี และรอจนพม่าเปน็ ฝา่ ยอดอาหาร ยอมจำนนเอง หลงั จากล้อมอยูน่ าน 47 วนั พม่ากย็ อมจำนน โดยพระองค์ทรงหวังวา่ จะเป็นการปลุก ขวญั คนไทยใหห้ ายกลัวพมา่ พ.ศ. 2318 แม่ทัพอะแซหวนุ่ กี้ของพมา่ ยกทพั มาตีหัวเมอื งเหนือ เป็นสงครามอะแซหวุ่นก้ีที่มี ขนาดใหญ่มาก อะแซหวุ่นกี้เป็นผู้เชี่ยวชาญศึก ส่วนฝ่ายไทยนั้นมีเจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และ เจา้ พระยาสรุ สีห์พิษณุวาธิราช (บุญมา) ในการคร้งั นีพ้ มา่ ยกพลมา 30,000 คนเขา้ ล้อมเมืองพิษณุโลก อกี 5,000 คนลอ้ มเมืองสุโขทัย ส่วนเมอื งพษิ ณโุ ลกมีพลประมาณ 10,000 คน สมเดจ็ พระเจ้าตากสิน ทรงยกทัพไปช่วย ต่อมาอะแซหวุ่นกี้ยกทัพกลับไปเอง เนื่องจากพระเจ้ามังระสวรรคต กองทัพพม่า ส่วนท่ีตามไปไมท่ ันจึงถกู จับ

277 พ.ศ. 2319 พระเจ้าจงิ กจู าโปรดให้เกณฑท์ ัพพมา่ 6,000 คนยกมาตีเชียงใหม่ พระยาวิเชยี ร ปราการพิจารณาเห็นว่านครเชียงใหม่ไม่มีพลมากมายพอป้องกันเมืองได้ จึงให้ประชาชนพลเรือน อพยพลงมาอยู่ที่เมืองสวรรคโลก สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุรสีห์คุมกองทัพ เมืองเหนือขึน้ ไปสมทบกองกำลังพระยากาวิละ เจ้าเมืองนครลำปาง ยกไปตเี มอื งเชียงใหม่คนื สำเร็จ และทรงให้ นครเชยี งใหม่เปน็ เมืองร้างถงึ 15 ปี จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์จึงไดฟ้ ื้นฟูใหม่ การขยายพระราชอาณาเขต ในขณะที่ไทยตดิ ศึกพมา่ ทีเ่ มอื งพิษณโุ ลกเมอ่ื พ.ศ. 2319 นั้น มีเหตุเกดิ ขึน้ ทางนครราชสมี า คอื เจ้าเมอื งนางรอง (ปจั จุบนั เปน็ อำเภอหนง่ึ ในจังหวดั บุรีรมั ย)์ ซ่งึ เปน็ เมอื งขึ้นต่อนครราชสมี า มขี ้อ พพิ าทกบั พระยานครราชสมี า แล้วเอาเมืองไปขน้ึ ต่อเจ้าโอ เมอื งนครจำปาศกั ด์ซิ ึ่งตง้ั ตนเปน็ อสิ ระอยู่ พระยานครราชสมี ามีใบบ้ อกเขา้ มายังกรงุ ธนบรุ ี ตอ่ มาเดือนมนี าคมปเี ดยี วกัน สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จ้าพระยาจักรียกทพั ไปปราบ เม่อื ปราบได้ให้ประหารเจา้ เมือง นางรองเสยี เจา้ พระยาจกั รีปราบไดส้ ำเรจ็ พอปราบเสร็จสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงทราบว่า เจ้าโอกบั เจา้ อินอปุ ราช เมอื งนครจำปาศกั ด์เิ ตรียมพล 10,000 นายจะมาตนี ครราชสีมา สมเด็จพระ เจา้ ตากสินจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ พระยาสุรสหี ์คมุ ทัพไปสมทบอกี 1 ทัพและให้ ปราบจำปาศักดิ์เสยี ทพั ไทยตีจำปาศักด์ิแตกและจบั ตัวเจ้าโอกับเจ้าอนิ ได้ทเี่ มืองสีทันดร และยงั ตีได้ เมืองอตั ตะปือดว้ ยพรอ้ มกันนนั้ เจา้ พระยาจกั รแี ละเจ้าพระยาสุรสีหอ์ อกเกลี้ยกลอ่ มเมืองเขมรปา่ ดง ระหว่างจำปาศักดิ์กับนครราชสีมาเป็นพวกได้อกี 3 เมือง คอื สรุ นิ ทร์ สังขะ และขขุ ันธ์ ทัง้ 3 เมอื ง ยอมเขา้ เปน็ เขตเมืองไทย เสรจ็ ศึกครัง้ นเ้ี จ้าพระยาจักรไี ด้เล่ือนเปน็ \"สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ ฯ\" มเี ครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม แผนทแ่ี สดงอาณาเขตประเทศไทย ในรัชสมยั สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบรุ ี พระวอ เสนาบดีแหง่ เมอื งเวียงจนั ทน์ ก่อกบฏเมือ่ พ.ศ. 2321 แตส่ ู้พระเจา้ กรงุ ศรีสตั นา คนหตุ ไม่ได้ ก็พาสมคั รพรรคพวกหนมี าอย่ทู ต่ี ำบลดอนมดแดง (ปัจจุบนั อยู่ในเขตจังหวดั อุบลราชธานี) และขอขึ้นต่อไทย ต่อมาพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตยกทัพมาตีตำบลดอนมดแดงและสังหารพระวอ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงขัดเคืองมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยา มหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพ พร้อมด้วยเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพไปตีเวียงจันทน์กองทัพไทยได้แสดง ความสามารถตีเมืองเวียงจันทน์ได้ และหัวเมืองลาวทั้งหลายได้พากันมาขึ้นต่อไทย ในการนี้ สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษตั ริย์ศกึ ได้อัญเชญิ พระแกว้ มรกตและพระบางลงมายงั กรงุ ธนบุรีด้วย การศึก สงครามดังกล่าวนี้ส่งผลให้ราชอาณาจักรไทยเป็นเอกราชและมีความมั่นคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ดงั นนั้ อาณาเขตของประเทศไทยในสมยั กรุงธนบุรี มดี ังน้ี ทศิ เหนอื ตลอดอาณาจกั รลา้ นนาเดิม ทิศใต้ ได้ดินแดนตรังกานูและไทรบุรี ทิศตะวันออกได้ดินแดนกัมพูชาจรดอาณาเขตญวนใต้

278 ทิศตะวันออกเฉียงเหนือตลอดเวียงจันทน์ หัวเมืองพาน และหลวงพระบาง หัวพันห้าท้ังหก ทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ลอดเมืองพุทไธมาศ จรดมะรดิ และตะนาวศรี ทศิ ตะวันตกจรดดินแดนเมาะตะ มะ ได้เมืองมะริดและตะนาวศรี ออกมหาสมทุ รอนิ เดยี ด้านการปกครอง หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาแตก กฎหมายบ้านเมืองกระจัดกระจายสูญหายไปมาก จึงทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการสืบเสาะ ค้นหามารวบรวมไว้ได้ประมาณ 1 ใน 10 และโปรดฯ ให้ชำระ กฎหมายเหล่านั้น ฉบับใดยังเหมาะแก่กาลสมัยก็โปรดฯ ให้คงไว้ ฉบับใดไม่เหมาะก็โปรดให้แก้ไข เพม่ิ เตมิ กม็ ี ยกเลกิ ไปกม็ ี ตราขึ้นใหม่กม็ ี และเปน็ การแก้ไขเพ่ือราษฎรได้รับผลประโยชนม์ ากข้ึน เช่น โปรดฯ ให้แกไ้ ขกฎหมายว่าด้วยการพนันให้อำนาจการตัดสินลงโทษข้ึนแก่ศาลแทนนายตราสิทธ์ิขาด และยงั หา้ มนายตรานายบอ่ นออกเงินทดลองให้ผเู้ ลน่ เกาะกุมผกู มดั จำจองเรง่ รัดผู้เล่น กฎหมายพิกัด ภาษีอากรก็เกือบไม่มี เพราะผลประโยชน์แผ่นดินได้จากการค้าสำเภามากพอแล้ว กฎหมายว่าด้วย การจุกช่องลอ้ มวงก็ยงั ไมต่ ราขึน้ เปดิ โอกาสให้ราษฎรได้เฝา้ แหนตามรายทาง โดยไม่มีพนกั งานตำรวจ แม่นปืนคอยยงิ ราษฎร ซงึ่ แมแ้ ตช่ าวต่างประเทศก็ยังช่ืนชมในพระราชอธั ยาศัยนี้ เช่น มองเซนเยอร์ เลอบอง ไดบ้ รรยายไวใ้ นจดหมายถึงผู้อำนวยการคณะต่างประเทศว่า บรรดาคนทั้งหลายเรียกพระเจ้าตากว่าพระเจ้าแผ่นดิน แต่พระเจ้าตากเองว่าเป็นแต่เพียง ผรู้ กั ษากรุงเท่านัน้ พระเจา้ ตากหาได้ทรงประพฤติเหมือนอย่างพระเจ้าแผ่นดินกอ่ น ๆ ไม่ และในธรรมเนียม ของพระเจ้าแผ่นดินฝ่ายทิศตะวันออกท่ีไม่เสด็จออกให้ราษฎรเห็นพระองค์ด้วยกลัวจะเส่ือมเสีย พระเกียรติยศนั้น พระเจ้าตากไม่ทรงเห็นชอบด้วยเลย พระเจ้าตากทรงพระปรีชาสามารถย่ิงกว่า คนธรรมดา เพราะฉะนั้นจึงไม่ทรงเกรงว่าถ้าเสด็จออกให้ราษฎรพลเมืองเห็นพระองค์ และถ้าจะมี รับสั่งด้วยแล้วจะทำให้เสียพระราชอำนาจลงแต่อย่างใด เพราะพระองค์มีพระราชประสงค์ ทอดพระเนตรการทั้งปวงด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และจะทรงฟังการทั้งหลายด้วยพระกรรณ ของพระองคเ์ องท้งั สน้ิ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงปกครองบ้านเมืองคล้ายคลึงกับพระราโชบายของพ่อขุนรามคำแหง มหาราช คือ แบบพ่อปกครองลูก ไม่ถอื พระองค์ มักปรากฏพระวรกายใหพ้ สกนกิ รเห็น และมักถามสารทุกข์ สุขดิบของพนกนิกรทวั่ ไป ทรงหาวธิ ีใหไ้ พรบ่ า้ นพลเมอื งได้ทำมาหากินโดยปกติสขุ ใครดีกย็ กย่องสรรเสริญ ผใู้ ดทำไมพ่ อพระทยั กด็ ุด่าว่ากล่าวดังพอ่ สอนลกู อาจารย์สอนศิษย์ ด้านเศรษฐกิจ สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองมผี ลกระทบให้เกิดทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดใน ประวัติศาสตร์ไทย นอกจากนี้เศรษฐกิจยังเสียหายอย่างร้ายแรงอันเนื่องมาจากการปล้นสะดม และ เมอื งท่าที่สำคัญตกเปน็ ของพม่าอย่างเด็ดขาดถึงสองเมือง ไดแ้ ก่ มะริดและตะนาวศรี และยังเสียปืนใหญ่ และปนื คาบศลิ ารวมหลายหมน่ื กระบอกดว้ ย

279 เพ่ือหาทรพั ยม์ าใชจ้ า่ ย สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบุรที รงยกเลกิ ประเพณงี ดเกบ็ สว่ ยอากร 3 ปีเมอ่ื เข้ารัชกาลใหม่ อันเป็นประเพณีซึ่งมีมาต้ังแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงแจกจ่ายข้าวของ เงนิ ทองอนั ได้มาสี่ครั้ง ได้แก่ เมื่อครั้งตคี ่ายชาวบ้านกง ครัง้ ตีเมืองจนั ทบุรี คร้ังปล้นเรอื สำเภาพอ่ คา้ จีน ท่ีตราด และครัง้ ตเี มอื งนครศรีธรรมราช สามารถช่วยราษฎรไดห้ ลายหม่นื คนบรรดาขา้ ราชการทหาร พลเรอื นได้รับแจกข้าวสารหนึ่งถังกิน 20 วัน และโปรดเกล้าฯ ใหซ้ ือ้ ขา้ วสารบรรทุกมาขายจากพุทไธมาศ ถังละ 3–5 บาท เมื่อราษฎรทั้งหลายทราบก็ได้อพยพจากบรรดาหัวเมืองต่าง ๆ เข้ามายังกรุงธนบุรี เป็นจำนวนมาก ต่อมาทรงให้ข้าราชการทั้งหลายทำนาปรังทุกแห่งทุกตำบล ราคาข้าวเริ่มปรับตัว ลดลงเมอื่ พ.ศ. 2311 ต่อมาราคาขา้ วได้ปรับสูงข้ึนอกี ครง้ั เมอื่ ปลาย พ.ศ. 2312 เนื่องจากมหี นรู ะบาด เมอ่ื หนหู ายไปแลว้ ราคาข้าวก็กลับลดลงอีก พระองค์ทรงวางแผนเพิม่ พืน้ ท่ีปลูกขา้ วในกรงุ ธนบุรีเม่ือ พ.ศ. 2314 โดยทรงใหป้ รับพื้นทสี่ วน ป่านอกกำแพงพระนครใหเ้ สมอกนั ไวท้ ำนา ครั้นบ้านเมืองสงบกท็ รงให้แม่ทัพคุมกองทัพมาทำนา ซึ่ง ทำให้กรุงธนบุรีกลายสภาพเป็นแหล่งทำนาแห่งใหม่ และได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่ดีที่สุดของ ประเทศไทย พระองค์ยังทรงทำนุบำรุงการค้าขายทางเรืออย่างเต็มที่ ทรงแต่งสำเภาหลวงออกไป หลายสาย ทางตะวันออกถึงจีน ทางตะวันตกถึงอนุทวีปอินเดีย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียังทรง ส่งเสริมการนำสินค้าพื้นเมืองไปขาย ทั้งทรงพยายามผูกไมตรีกับจีนเพื่อประโยชน์ทั้งในด้านความ มนั่ คงของชาตแิ ละประโยชนใ์ นดา้ นการคา้ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกระตุ้นให้ชาวจีนเข้ามาตั้งรกร้างในธนบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากเมืองแต้จ๋วิ ซ่ึงบางส่วนมีจดุ ประสงค์เพือ่ ฟื้นฟูเศรษฐกิจท่ีซบเซา ทรงพยายามเจริญสัมพันธไมตรี กับจีน พ.ศ. 2313 ขณะที่จีนกำลังทำสงครามกับพม่าที่ยูนนาน ชาวพม่าหนีเข้ามาพึ่งสยามทาง ภาคเหนือของไทย ถงึ แมว้ ่าในเวลานนั้ ราชสำนกั ชงิ ยังไม่ไดร้ ับรองรฐั บาลสมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรี แต่ กไ็ ด้ตดิ ต่อสยามให้จบั กมุ ข้าศกึ เหล่านั้นสง่ ไปให้จนี ดว้ ย พอดีกับที่ทรงกรฑี าทัพไปตเี มืองเชียงใหม่ จึง ได้จับเชลยชายหญิงส่งไปถวายจักรพรรดิเฉียนหลง 12 คน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2314 จกั รพรรดิเฉยี นมีรบั สั่งให้เปลี่ยนนโยบายต่อสมเด็จพระเจ้ากรงุ ธนบุรี ตอ่ มาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงส่งคนจีน หยุนหนานที่หลบหนีไปต่างประเทศทางทะเลและเชลยศึกพม่าไปให้จีนเป็นระยะๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2315 เปน็ ตน้ มา ราชสำนกั ชงิ ได้รับรองสถานภาพพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการเมื่อ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2315 รัฐบาลจีนโดยราชสำนกั ชงิ แสดงมติ รไมตรีต่อรัฐบาลสมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ีด้วยการอนุญาต เป็นกรณีพเิ ศษใหข้ ายยุทธปจั จัยได้ ซง่ึ กฎหมายของราชสำนกั ชิงห้ามไมใ่ หค้ า้ ขายสินค้าเหล่าน้ี การซื้อ ขายดังกล่าวเกดิ ขึ้น 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ทรงส่งเฉินวา่ นเซิ่ง พ่อค้าชาวจีนไปซื้อกำมะถันจำนวน 50 หาบ และกระทะเหล็กจำนวน 500 ใบ เมอ่ื พ.ศ. 2318 และคร้งั ที่ 2 ทรงส่งโมก่ ว่างอ้ี พ่อค้าชาวจีนอีกคน หนึ่งไปซื้อกำมะถันอีก 100 หาบ เมื่อ พ.ศ. 2320 จักรพรรดิเฉียนหลงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อ

280 ข้าหลวงใหญ่มณฑลกวางตุ้งและกวางสีว่า หากรัฐบาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจะซ้ือดินประสิวหรอื สินคา้ จำเป็นอน่ื ๆ เพ่มิ เติมกใ็ ห้จดั หาใหต้ ามพระราชประสงค์ ตอ่ มาปี พ.ศ. 2324 ทรงแตง่ คณะทูตนำเครอื่ งราชบรรณาการไปถวายแดจ่ กั รพรรดิเฉียนหลง เพ่อื สถาปนาความสัมพนั ธ์ทางการทูตระหวา่ งไทยกับจีนอย่างเป็นทางการ คณะทูตท่เี ดินทางไปเมือง ปกั ก่ิงประกอบดว้ ย พระยาสุนทรอภัย ราชทตู หลวงพไิ ชยเสนห่ า อุปทูต หลวงพจนาพิมล ตรที ูต ขุน พจนาพิจิตร ท่องสื่อ และหมื่นพิพิธวาจา ปันสื่อ พระนามพระเจ้าตากสินในพระราชสาส์นใช้ว่า \"สมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุธยา\" และเรียกจักรพรรดิเฉียนหลงว่า \"สมเด็จพระเจ้ากรุงต้าฉิ้ง\" จักรพรรรดเิ ฉยี นหลงทรงต้อนรับคณะทูตไทยเป็นอย่างดี พระราชทานเลี้ยงโตะ๊ ทพ่ี ระตำหนกั ซัมเกาสนุ่ ฉาง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเห็นว่าการมีเส้นทางคมนาคมที่ดีเป็นประโยชน์ในทางค้าขาย มากกวา่ ดงั นัน้ ในฤดูหนาวหากว่างจากศึกสงคราม จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนและขุด คลอง จะเห็นได้จากแนวถนนเก่าๆ ในเขตธนบุรีซึ่งมีอยู่หลายสาย ส่วนการขุดชำระคลองมักมี วัตถุประสงค์เบื้องต้นเพื่อประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ เช่น คลองท่าขาม จากนครศรีธรรมราชไปออก ทะเล เปน็ ตน้ ดา้ นสังคม ศาสนา และการศึกษา วัดอินทารามวรวิหาร (วัดบางย่ีเรอื นอก หรือวัดบางย่เี รือใต)้ พระอารามหลวง วดั ประจำ รัชกาลของสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบสังฆมณฑลทันทีหลังต้ัง กรงุ ครั้งท่ียกทพั ไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางเม่ือทรงเหน็ ว่าพระสงฆ์ทางฝา่ ยหัวเมอื งเหนือมัวหมอง ก็ ได้อาราธนาพระราชาคณะจากในกรุงไปสั่งสอน ทำให้พระสงฆ์กลับบริสุทธิ์และเป็นปกติสุขข้ึน นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมุ่งมั่นในการสืบเสาะค้นหาต้นฉบับพระไตรปิฎก ภาษาบาลีที่ยังเหลืออ ยู่ หลังจากเสยี กรงุ เพื่อนำมาคดั ลอกจำลองไว้สำหรับการสร้างพระไตรปฎิ กฉบบั หลวงต่อไป ซึ่งจะเห็น ได้จากเมื่อคราวที่เสด็จไปปราบชุมนุมเจา้ นครศรีธรรมราชเมือ่ พ.ศ. 2312 ได้มีรับสั่งให้ขอยืมคัมภีร์ พระไตรปฎิ กจากนครศรธี รรมราชบรรทุกเรือเข้ามาคัดลอกในกรุงธนบุรี และในปถี ัดมาในคราวท่ีเสด็จ ฯ ไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางท่เี มืองอุตรดติ ถ์ได้โปรดเกล้าฯ ใหน้ ำพระไตรปิฎกลงมาดว้ ย ต้นฉบับท่ีได้ จากเมอื งนครศรีธรรมราชซงึ่ นับเป็นประโยชน์อยา่ งย่งิ ในการสงั คายนาพระไตรปฎิ กในสมยั ต่อมา สมเดจ็ พระเจ้ากรงุ ธนบรุ ที รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ รากฎหมายวา่ ด้วยวตั รปฏบิ ัติในทาง ธรรมวนิ ัยของพระสงฆ์ พ.ศ. 2316 โดยถอื เปน็ ตน้ ฉบับกฎหมายพระสงฆ์ฉบับแรกของไทย และทรง นำแนวคิดทางพระพุทธศาสนามาใช้เป็นหลกั ในการจัดระเบียบสังคมในสมยั นัน้ ด้วย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัดวา อารามต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง

281 เช่น วัดอินทารามวรวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวหิ าร วดั โมลีโลกยารามราชวรวิหาร วัดราชคฤหว์ รวิหาร วดั เสาธงหนิ เป็นตน้ ภายหลังจากรบชนะที่เมืองเวียงจันทน์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหอ้ ญั เชญิ พระพทุ ธมหามณีรัตนปฏิมากรและพระบางกลับมายงั กรงุ ธนบุรี โดยใหจ้ ดั เรือกระบวนพยุหยาตรา ชลมารคจำนวน 246 ลำ และเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปรับด้วยพระองค์เอง แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ อญั เชญิ พระแกว้ มรกตไปประดษิ ฐานไว้ ณ พระอุโบสถวัดอรณุ ราชวราราม สมเดจ็ พระเจ้ากรงุ ธนบรุ ีโปรดเกลา้ ฯ ให้บำรุงการศกึ ษาตามวดั ต่าง ๆ และยงั โปรดเกล้าฯ ให้ ตัง้ หอหนังสือขึ้นเชน่ เดยี วกับสมัยอยธุ ยา ซง่ึ คงเทียบได้กับหอพระสมดุ ในระยะหลงั นอกจากนี้ยงั โปรด เกล้าฯใหแ้ สวงหาและรวบรวมตำราต่างๆ ท่ีกระจัดกระจายไปเม่อื คราวกรุงแตกไว้ที่พระอารามหลวง หรือหามาจำลองไวเ้ ปน็ แบบฉบับเพ่ือใช้ศึกษาเลา่ เรียน สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรียังโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดนิ ให้สร้างโบสถ์วดั ซางตาครูส้ ด้านศลิ ปกรรม นาฏดรุ ิยางค์ ภายหลังจากทพี่ ระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปปราบชมุ นมุ เจ้านครศรีธรรมราช เมือ่ พ.ศ. 2312 ทรงนำตัวละครผหู้ ญงิ ของเจา้ นครศรธี รรมราชเขา้ มาเป็นครูฝึกหัดรว่ มกบั พวกละครที่ ทรงรวบรวมได้จากที่อื่น แล้วจัดตั้งเป็นละครหลวงของกรุงธนบรุ ี โดยยึดแบบฉบับการฝึกละครของ กรงุ ศรีอยธุ ยา นอกจากน้ยี งั ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกยี รติ์ เพ่อื ใหค้ ณะละครหลวงได้ นำไปฝึกหัดออกแสดงด้วย ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่เพื่อสร้าง บรรยากาศให้รน่ื เรงิ ครึกคร้ืนเหมอื นสมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระชาชนทั่วไป เปดิ การฝึกสอนและออกโรงเล่นได้อิสระ เคร่ืองแต่งกายไม่ว่าจะเป็นเครื่องตน้ เครื่องทรงก็แต่งกันได้ ตามลักษณะเรื่อง ส่งผลให้ศิลปะการละครของไทยซึ่งเคยเจรญิ รุ่งเรืองมากตอนปลายอยุธยากลับฟ้นื ตัว ขน้ึ ใหม่ ศลิ ปการช่าง ภาพเขยี นทงี่ ดงามประณีตในสมัยธนบรุ ีท่ีสำคัญยง่ิ คอื \"สมดุ ภาพไตรภูมิ\" เป็น ภาพเขียนที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2319 ซึ่งนับได้ว่าเป็นสมุดภาพไตรภูมิขนาดใหญ่เลม่ หนง่ึ ของไทย เม่อื คล่ีออกจะมีความยาวถงึ 34.72 เมตร เขียนด้วยสีลงในสมุดทั้ง 2 ด้าน โดยฝีมือช่าง เขยี น 4 คน ปจั จุบันไดเ้ กบ็ รกั ษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติ ทา่ วาสุกรี กรุงเทพฯ งานฝีมือชา่ ง สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรที รงเล็งเห็นว่า ช่างไทยสมยั ธนบรุ ีมเี หลอื อยู่นอ้ ยมากจงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมและฟื้นฟูการช่างสิบหมู่ขึ้นใหม่ แต่เนื่องจากมีเว ลาจำกัด บา้ นเมอื งอยใู่ นระหว่างสงคราม ส่งิ ของทเ่ี ปน็ ฝมี อื ช่างชนั้ ดีประณตี งดงามในสมยั กรงุ ธนบุรี จึงหาได้ยาก แตท่ ม่ี ีให้เห็นอยู่บ้าง ได้แก่ พระแท่นบรรทมของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทาราม พระแท่นสำหรับทรงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารเล็กหน้าพระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม ตู้ลายรดน้ำที่มีศักราชแจ้งชัดว่าสร้างในสมัยกรุงธนบุรี อยู่ในหอพระสมุดวชิรญาณ

282 ภายในหอสมดุ แห่งชาติ ท่าวาสกุ รี กรงุ เทพฯ และท้องพระโรงพระราชวังเดมิ ซึง่ เคยเปน็ ท่ีประทบั และ เสด็จออกวา่ ราชการ ปจั จบุ ันอยู่ในการดูแลของกองทัพเรอื พระสถูปบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หน้าพระอุโบสถหลังเดิม วดั อินทารามวรวหิ าร ภายหลงั มีผู้ขนานพระสถูปนว้ี า่ \"พระเจดียก์ ้ชู าติ\" ร่วมกบั พระสถปู อกี องค์หน่งึ ที่ อยู่ในบริเวณเดียวกัน ซ่ึงเชื่อกันว่าบรรจุพระบรมอัฐิของกรมหลวงบาทบริจา พระอัครมเหสีของ พระองค์ ครั้นถึงปี พ.ศ. 2325 ขณะนั้นกรุงธนบุรีมีอายุได้ 15 ปี พระยาสรรค์กับพวกได้ก่อกบฏ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตรยิ ์ศึกซึ่งขณะนั้นไปทำศึกกับเขมรจึงกลับมายังกรุงธนบุรี เห็นว่าความไม่ สงบของบ้านเมืองเกิดจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมพี ระสติวิปลาส จึงให้นำไปสำเร็จโทษดว้ ย การตัดพระเศยี ร ณ ป้อมวิไชยประสิทธ์ิ แล้วฝังพระบรมศพที่วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทารามวรวิหาร) เมอ่ื วันท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เสดจ็ สวรรคตขณะมพี ระชนมายไุ ด้ 48 พรรษา สริ ริ วมครองราชย์ได้ 15 ปี และถือเป็นจดุ สิ้นสดุ ของกรงุ ธนบรุ ี จากนนั้ จงึ ได้สบื สวนความผิดของผู้ก่อกบฏ แล้วตัดสินให้นำ พระยาสรรค์กบั พวกไปประหารชีวติ ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแนวคิดดงั กล่าวแลว้ ยังมีแนวคิดอื่น เช่น ที่เสนอว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงถูกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทำ รฐั ประหาร และแนวคิดที่ว่าพระองค์ทรงสละราชบลั ลังกแ์ ละลาผนวชไปยงั นครศรธี รรมราช เปน็ ต้น

283 ใบงาน บทเรยี นออนไลน์ท่ี 1 เรอื่ ง ความเป็นมาของชาตไิ ทย คำช้แี จง ให้นักเรยี นตอบถามทกี่ ำหนดใหถ้ กู ตอ้ ง 1. ใหน้ กั เรียนบอกความเป็นมาของ “ชาติไทย” ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ใหน้ ักเรยี นเขียนความเป็นมาของชาตแิ ละเอกราช ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ภูมปิ ญั ญาไทย หมายถงึ ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. โบราณสถาน โบราณวถั ตุ หมายถงึ ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. กษตั ริย์ผู้มพี ระคุณ คอื ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ................................................................................................................................................ 6. ใหผ้ ู้เรยี นอธบิ ายบุญคุณของพระมหากษัตริย์ที่มตี ่อบ้านเมอื งมา 2 ขอ้ ................................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………………

284 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลน์ท่ี 1 เรอ่ื ง ความเป็นมาของชาตไิ ทย 1. ชาตไิ ทย เป็นชาตทิ ่เี ก่าแก่ มคี วามเป็นมาท่ยี าวนาน มีขอบเขตของดินแดนทม่ี ัน่ คง เป็นปกึ แผน่ และมีเอกราช ไมอ่ ยู่ภายใตก้ ารปกครองของชาตอิ ื่น 2. ความหมายของ ชาติ และเอกราช คอื - ชาติ หมายถึง ประเทศ หรือแผน่ ดินท่มี ีขอบเขตแน่นอน - เอกราช หมายถงึ ความเป็นอสิ ระ มีเสรภี าพ ไม่อยภู่ ายใต้การปกครองของชาติอื่น 3. ภูมิปัญญาไทย หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่คนไทยคิดทำขึ้น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวัน เปน็ ความรู้ และความสามารถเฉพาะ ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กบั ธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มในท้องถิ่นท่ีอาศัย แต่ละแหง่ ภมู ปิ ญั ญาไทยแสดงให้เหน็ ชัดเจนในเรือ่ งเก่ยี วกับการทำกนิ และปจั จยั 4 4. โบราณสถาน และโบราณวัตถุ เป็นสถานที่และสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้สร้างมานานแล้ว และยังเป็น หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรข์ องไทย ซง่ึ เปน็ สิ่งทีแ่ สดงวัฒนธรรมของไทยในอดีต 5. กษัตริย์ผูม้ ีพระคุณ หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ผู้มีพระมหากรณุ าธิคุณอยา่ งใหญห่ ลวงต่อชาตไิ ทย บางพระองค์ทรงกอบกู้เอกราชจากข้าศึกศัตรู บางพระองค์ทรงปกครองประเทศโดยสร้างความ เจริญรุ่งเรืองในดา้ นต่าง ๆ 6. ให้ผู้เรียนอธิบายบุญคุณของพระมหากษตั รยิ ์ท่มี ีตอ่ บ้านเมืองมา 2 ข้อ ตอบ 1. ดา้ นการรวบรวมความเป็นปกึ แผน่ ของประเทศชาติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกอบกูก้ รุงศรีอยุธยาจากพม่า และได้ทำสงครามกับพมา่ และเขมร จนราชอาณาจกั รไทยเปน็ ปกึ แผน่ มน่ั คง 2. ด้านการปกครอง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองแบบพ่อปกครองลูก มีกระดิ่งไว้เพื่อให้ประชาชน สามารถร้องทกุ ข์ ร้องเรียน เรือ่ งราวตา่ ง ๆ ทเี่ ป็นความทุกข์ยาก เพอื่ ใหพ้ ระมหากษตั ริย์รับทราบและ หาทางแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ

285 แบบทดสอบหลงั เรยี น บทเรียนออนไลนท์ ่ี 1 เรอื่ ง บญุ คณุ พระมหากษัตรยิ ์ไทย 1) สถาบนั หลักของประเทศไทยคอื ข้อใด ก.ชาติ ข.ศาสนา ค.พระมหากษัตริย์ ง.ถูกทกุ ข้อทก่ี ล่าวมา 2 ) สถาบันพระมหากษัตริย์อยูค่ ่กู ับสังคมไทยมาตง้ั แตส่ มัยใด ก.สุโขทัย ข.อยธุ ยา ค.ธนบรุ ี ง.รตั นโกสินทร์ 3) อาณาจักรอยุธยาเป็นราชธานีของไทยนานถึงกป่ี ี ก.15 ปี ข.200 ปี ค.417 ปี ง.275 ปี 4) กษัตรยิ ร์ าชวงศใ์ ดปกครองอาณาจกั รสโุ ขทัย ก.ราชวงศส์ ุโขทยั ข.ราชวงศ์พระร่วง ค.ราชวงศ์บา้ นพลหู ลวง ง.ราชวงศ์สุพรรณภูมิ 5) บุคคลใดเปน็ พระมหากษตั ริย์ในสมยั ธนบุรี ก.พอ่ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ ข.สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ค.สมเด็จพระเจ้าตากสนิ ง.พระมหาธรรมราชาที่ 1 6) ข้อใดไมใ่ ช่ความสำคญั ของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ ก.ดำรงไวซ้ งึ่ ความเป็นชาติและเอกราชของไทย ข.เปน็ ทย่ี ดึ เหนย่ี วจิตใจของประชาชนทัง้ ชาติ ค.ทรงเปน็ อัครศาสนปู ถัมป์ภก ง.ทรงเปน็ ตน้ ตระกลู ของคนไทย 7) พระมหากษตั รยิ ์ทรงใช้อำนาจบริหารโดยผ่านองคก์ รใด ก.ศาล ข.คณะรัฐมนตรี ค.คณะองคมนตรี ง.รฐั สภา

286 8) การแตง่ ตง้ั คณะผูพ้ พิ ากษาให้เป็นไปในพระปรมาภไิ ธย ของพระมหากษัตริย์ แสดงถงึ การใช้ อำนาจของพระมหากษตั ริย์ในข้อใด ก.อำนาจบรหิ าร ข.อำนาจนติ ิบัญญตั ิ ค.อำนาจตุลาการ ง.อำนาจรัฐ 9) ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งค์กรทเี่ ป็นตวั แทนของพระมหากษัตรยิ ์ในการใช้อำนาจอธิปไตย ก.คณะองคมนตรี ข.ผ้พู พิ ากษา ค.สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและวฒุ ิสภา ง.คณะรฐั มนตรี 10) การใช้อำนาจทางนติ บิ ัญญตั ิของพระมหากษตั รยิ ์หมายถึงขอ้ ใด ก.การแต่งตงั้ ผู้พิพากษา ข.การให้คณะรัฐมนตรถี วายสัตย์ปฏญิ าณตนต่อพระมหากษัตริย์กอ่ นจงึ สามารถปฏิบตั ิหนา้ ทไี่ ด้ ค.ทรงดำรงตำแหน่งประมุขของชาติ ง.การกำหนดใหร้ า่ งกฎหมายที่จะใชบ้ ังคับต้องใหพ้ ระมหากษัตรยิ ล์ งปรมาภิไธยกอ่ น 11) ราชวงศ์จักรีเปน็ กษัตรยิ ป์ กครองอาณาจกั รใด ก.อาณาจกั รสุโขทยั ข.อาณาจักรอยุธยา ค.อาณาจกั รธนบุรี ง.อาณาจักรรัตนโกสินทร์ 12) คำวา่ อัครศาสนปู ถมั ป์ภก หมายความวา่ อย่างไร ก.ผ้ทู ำนุบำรุงอปุ ถมั ภศ์ าสนาทกุ ศาสนา ข.ผทู้ ำนบุ ำรงุ ศาสนาพุทธ ค.ผู้กอ่ ต้งั ศาสนา ง.ผู้เผยแผ่ศาสนา 13) การท่ีพระมหากษตั รยิ ์เสด็จพระราชดำเนนิ เยอื นประเทศต่างๆ เปน็ บทบาทด้านใดของ พระมหากษัตรยิ ์ ก.การส่งเสรมิ การศึกษาเรียนรู้ของประชาชน ข.การเปน็ อัครศาสนปู ถัมป์ภก ค.การสร้างความสัมพันธ์ที่ดรี ะหว่างประเทศ ง.กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ 14)คำว่า พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ พทุ ธมามกะ หมายความถึงขอ้ ใด ก.พระมหากษัตรยิ ์เป็นผกู้ ่อตง้ั ศาสนาพทุ ธ ข.พระมหากษตั รยิ ์ผ้นู บั ถอื ศาสนาพทุ ธ ค.พระมหากษัตริยผ์ ู้ศึกษาศาสนาพทุ ธ ง.พระมหากษตั ริยผ์ เู้ ป็นศาสดาของศาสนาพทุ ธ

287 15) ในภาวะที่บา้ นเมืองเกิดความขัดแยง้ ขึ้นระหวา่ งฝา่ ยตา่ ง ๆ พระมหากษัตรยิ ์มบี ทบาทเดน่ ชดั ท่ีสุด ในดา้ นใด ก.เปน็ ศูนย์รวมจิตใจของคนทงั้ ชาตกิ อ่ ใหเ้ กดิ ความสามัคคี ข.มีพระราชดำริเกย่ี วกบั การชว่ ยเหลอื ค.เจริญสมั พันธไ์ มตรีกบั ต่างประเทศ ง.กระตุน้ การพฒั นาเศรษฐกิจ

288 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 เรอ่ื ง บญุ คณุ พระมหากษัตริยไ์ ทย 1. ง 2. ก 3. ค 4. ข 5. ค 6. ง 7. ข 8. ค 9. ง 10. ง 11. ง 12. ก 13. ค 14. ข 15. ก

289 แบบทดสอบก่อนเรยี น บทเรียนออนไลนท์ ่ี 2 เรอ่ื ง การเมืองการปกครองสมยั สโุ ขทยั คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี กู ต้องท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี ว 1. ในสมัยสุโขทัยตอนตน้ พระมหากษัตรยิ ท์ รงปกครองประชาชนแบบใด ก. อตั ตาธิปไตย ข. พ่อปกครองลูก ค. ประชาธปิ ไตย ง. สมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์ 2. การใชห้ ลักธรรมบรหิ ารบ้านเมอื งสมัยสโุ ขทัยพระมหากษัตรยิ ์ทรงชกั ชวนให้ประชาชน กระทำสงิ่ ใดจึงสามารถอยรู่ ว่ มกันอย่างมคี วามสุข ก. แบ่งปันกนั ข. แขง่ ขนั กัน ค. ปฏบิ ตั ธิ รรม ง. ชว่ ยเหลือกัน 3. การปกครองแบบ “ธรรมราชา” เปน็ การปกครองทพี่ ระมหากษัตรยิ ์จะต้องปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร ก. ปฏิบัตติ ามหลกั ทศพิธราชธรรม ข. ปกครองประเทศด้วยความเขม้ แข็ง ค. ดแู ลทุกขส์ ุขของราษฎรอย่างใกล้ชดิ ง. พระมหากษตั ริย์ทรงบรหิ ารประเทศร่วมกับประชาชน 4. เมืองใดต่อไปนไ้ี มไ่ ดจ้ ัดอยู่ในอาณาเขตการปกครองของอาณาจกั รสโุ ขทัย สมัยพอ่ ขุนศรีอนิ ทราทติ ย์ ก. เมืองแพร่ ข. เมืองสโุ ขทัย ค. เมืองเชลียง ง. เมืองสระหลวง 5. ข้อใดตอ่ ไปน้ีไม่ใช่ เมอื งลูกหลวงในสมยั สโุ ขทัย ก. เมืองสองแคว ข. เมอื งนครชุม ค. เมืองศรีสัชนาลยั ง. เมอื งนครศรธี รรมราช

290 6. ธรรมะในข้อใดท่ีกษตั ริย์สมัยสุโขทยั นำมาใช้ปกครองประชาชนจนเป็นแบบอย่างมาจนถึง ปัจจุบัน ก. สัตบรุ ุษ ข. พรหมวิหาร 4 ค. ทศพิธราชธรรม ง. กุศลกรรมบท 10 7. พระมหากษัตริย์พระองค์ใด ในสมยั สโุ ขทัยท่ีนำเอาพระพุทธศาสนาเข้ามาเกย่ี วขอ้ งกับการปกครอง ก. พระยาลิไทย ข. พญาไสลือไทย ค. พ่อขุนรามคำแหง ง. พระมหาธรรมราชาท่ี 4 8. พระราชกรณียกิจใด ของพ่อขนุ รามคำแหง มหาราช ทน่ี บั ได้ว่าเปน็ การวางรากฐานสำคัญท่ีสุด ทางด้านวัฒนธรรมไทย ก. การประดิษฐอ์ ักษรไทย ข. การทำนบุ ำรงุ พระพทุ ธศาสนา ค. การปกครองแบบบดิ าปกครองบุตร ง. การสร้างขนบธรรมเนยี มประเพณไี ทย 9. เมืองประเภทใดทีพ่ ระมหากษตั ริย์สโุ ขทัยจะไม่เข้าไปยุ่งเก่ียวกับการปกครองภายใน ก. เมืองลูกหลวง ข. หัวเมืองชน้ั ใน ค. หัวเมอื งช้นั นอก ง. เมอื งประเทศราช 10. ลกั ษณะท่ีสำคญั ที่สดุ ของการปกครองสมยั สุโขทัย คอื ข้อใด ก. พระมหากษตั รยิ เ์ ปรยี บเสมอื นหวั หนา้ ครอบครวั ข. พระมหากษตั ริยม์ อี ำนาจสงู สุดในการปกครองบา้ นเมอื ง ค. พระมหากษตั ริย์มีความสมั พันธก์ บั ราษฎรเสมือนบดิ ากบั บุตร ง. พระมหากษตั ริย์ทรงยดึ หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาในการปกครอง

291 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 เรอ่ื ง การเมืองการปกครองสมัยสโุ ขทยั 1.ข 2. ค 3. ก 4. ง 5. ง 6. ค 7. ก 8. ก 9. ง 10. ข

292 ใบกิจกรรม บทเรยี นออนไลน์ท่ี 2 เรอ่ื ง ลักษณะการปกครองของไทยสมัยสุโขทยั ครูแนะแนว https://www.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=g2gzfeFLZYE แบบทดสอบก่อนเรยี น https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfNqTcDsmsUxJc3Phufab_K0xiewLW8tXQ z2SZkW-0xNUR6LQ/viewform ใบงาน : - การเมอื งการปกครองสมยั สุโขทัย https://www.youtube.com/watch?t=98s&v=5nc9a45DgN0 ใบกิจกรรม https://sites.google.com/d/1vVTYJtp1Qyxn4-g- lbJUSkwUCtSQ866x/p/19p4yLDwCjVgJvjH0NmM3RbU90rTyZxfL/edit แบบทดสอบหลงั เรียน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf530COooIOuUQk0- dD_vy0BLfHvUvhP3Jwbkql9eyLVhxmjA/viewform

293 ใบความรู้ บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 เรอื่ ง ลักษณะการปกครองของไทยสมัยสุโขทัย พ่อขุนศรอี ินทราทติ ย์ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์พระร่วงกรุง สโุ ขทยั เสวยราชสมบตั ิตงั้ แต่ พ.ศ. ๑๗๙๒ ถงึ ปใี ดไม่ปรากฏ พระนามเดมิ คอื พอ่ ขนุ บางกลางหาว มี มเหสีคือนางเสือง มีพระราชโอรส ๓ พระองค์ พระราชธิดา ๒ พระองค์ พระราชโอรสองค์ใหญ่ สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ส่วนพระราชโอรสองค์ที่ ๒ และ ๓ คือพ่อขุนบานเมืองและพ่อขุน รามคำแหงทรงครองราชยต์ ่อมาตามลำดับ เดิมพ่อขนุ บางกลางหาวทรงเป็นเจ้าเมอื งอยู่ท่ีใดไม่ปรากฏ แตข่ อ้ ความในศิลาจารึกหลกั ท่ี ๒ ทำให้ทราบว่าอยู่ใต้เมืองบางยางลงไป มผี เู้ สนอความเห็นว่าพ่อขุน บางกลางหาวน่าจะอย่แู ถวกำแพงเพชร ก่อนราชวงศ์พระร่วงอาณาจักรสุโขทัยมีราชวงศ์พ่อขุนศรีนาวนำถุมครองอยู่ ในรัชสมัยของ พ่อขนุ ศรนี าวนำถุมซึ่งเร่ิมประมาณ พ.ศ. ๑๗๖๒ อาณาจักรสโุ ขทยั ครอบคลุมถึงเมืองฉอด (ใกล้แม่น้ำ เมย) ลำพนู น่าน พษิ ณโุ ลก ตอ่ มาอาณาจกั รสุโขทัยตกอยใู่ ต้อำนาจขอมสบาดโขลญลำพง จนกระทั่ง พ่อขุนผาเมืองโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถมุ ทรงรว่ มมอื กับพอ่ ขุนบางกลางหาวขับไล่ขอมสบาดโขลญ ลำพงไป พอ่ ขนุ บางกลางหาวทรงยดึ เมืองศรสี ชั นาลัยได้และทรงเวนเมอื งให้พ่อขนุ ผาเมือง พ่อขุนผา เมอื งจึงอภิเษกพอ่ ขุนบางกลางหาวเป็นกษัตรยิ ์สโุ ขทัย พ่อขนุ ผาเมอื งซึง่ เป็นพระชามาดา (ลกู เขย)ของ กษตั ริย์ขอมทรงยกพระนามศรีอินบดนิ ทราทิตย์ซง่ึ พระองค์ไดร้ บั มาจากกษตั ริยข์ อมมอบให้แก่พ่อขุน บางกลางหาว แต่พ่อขุนบางกลางหาวทรงใช้พระนามว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ บางทีอาจจะทรงเห็น วา่ พระนามเดิมมาจากคำ อินทรปตั + อินทร + อาทติ ย์ แสดงว่าอย่ใู ตอ้ นิ ทรปตั ซ่ึงเปน็ เมอื งหลวงของ ขอม (ดงั ปรากฏในจารกึ หลักท่ี ๒) กเ็ ป็นได้ การที่พ่อขุนผาเมืองทรงยกสุโขทัยและอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวเป็นกษัตริย์ อาจจะทรง เห็นว่าสุโขทัยในขณะนั้นเป็นเมืองเล็กกว่าศรีสัชนาลัย หรืออาจจะเป็นเพราะว่านางเสือง พระมเหสี ของพ่อขนุ บางกลางหาวเปน็ พระภคนิ ี (พส่ี าว) ของพ่อขุนผาเมอื ง พอ่ ขนุ บางกลางหาวจึงทรงมีสิทธิที่ จะไดค้ รองเมืองก่อนพอ่ ขนุ ผาเมอื งก็เป็นได้ พ่อขุนผาเมืองเป็นเจ้าเมืองราด มีพระอนุชาคือพระยาคำแหงพระรามครองเมืองสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก) โอรสของพระยาคำแหงพระราม คือ มหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนี เมื่อเป็น ฆราวาสมีฝีมือในการสู้รบ ไดช้ นชา้ ชนะหลายครั้ง รูศ้ ลิ ปศาสตร์หลายประการ ขณะอายุ ๓๐ ปีมีบุตร แต่เสียชีวิต มหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีจึงออกบวช ได้ไปปลูกต้นโพธิ์ สร้างพิหาร อาวาส และ ซ่อมแซมพระศรรี ตั นมหาธาตทุ ั้งในและนอกประเทศ เชน่ พมา่ อนิ เดยี และลงั กา

294 อนึ่ง เมืองราดตั้งอยู่ที่ใดมีผู้สันนิษฐานไว้ต่างๆ กันสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยา ดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเมืองราดน่าจะอยู่ที่เพชรบูรณ์และเมืองลุมคือเมืองหล่มเก่าแต่ ผู้เขยี น(ประเสริฐ ณ นคร) วางตำแหน่งเมืองราดเมอื งสะค้าและเมืองลุมบาจายไว้ที่ลุ่มแม่น้ำน่านด้วย เหตผุ ลดังตอ่ ไปน้ี จากจารึกหลักที่ ๒ ทำใหท้ ราบว่าเมอื งราดเมอื งสะค้าและเมอื งลมุ บาจายเป็นกลุ่มเมืองท่ีอยู่ ใกล้กนั พ่อขนุ ผาเมืองอยู่เมืองราดและกษัตริย์น่านมพี ระนามผานองผากองและผาสุมแต่กษัตริย์เมือง อื่นไม่ใช้“ผา”นำหน้าพระนามเลยพ่อขุน ผาเมือง จึงน่าจะเป็นกษัตริย์น่าน (คือเมืองราดนั่น เ อง ) นอกจากนี้ยังมีพระราชโอรสของกษัตริย์นา่ นมีพระนามว่าบาจายอาจจะแสดงว่าน่านมีอำนาจเหนือ บาจายแบบพระนามกรมหลวงราชบรุ ดี ิเรกฤทธ์แิ สดงว่ากรงุ เทพฯมีอำนาจเหนือราชบุรีนั่นเอง อีกประการหนึ่ง จารึกหลักที่ ๘ กล่าวถึงไพร่พลของพระเจ้าลิไทยว่ามีทั้งชาวสระหลวงสอง แควพระบางฯลฯเร่ิมตง้ั แต่เมืองทางทิศตะวนั ออกของสุโขทยั แลว้ กวาดไปทางใต้ทางทิศตะวันตกทาง ทศิ เหนอื จนกลบั มาจบทท่ี ติ ะวนั ออกตามเดมิ จารึกหลักอ่นื เช่นหลักท่ี ๓๘ และจารึกวัด อโสการาม (หลักที่๙๓) ก็ใช้ระบบเดียวกันโดยถือตามพระพุทธศาสนาว่าตะวันออกเป็นทิศหน้าแล้ววนตามเขม็ นาฬิกาเริ่มจากสระหลวงสองแควคือพิษณุโลกไปปากยม(พิจิตร)พระบางไปชากังราวสุพรรณภาว กำแพงเพชรรวม ๓ เมืองที่กำแพงเพชรบางพาน(อำเภอพานกระต่ายกำแพงเพชร)ต่อไปจะถึงราดสะคา้ ลมุ บาจายซึง่ จะอย่รู ะหว่างทิศเหนอื กวาดมาทางทิศตะวนั ออกของสุโขทยั และย่อมจะอยู่เหนือสระหลวง สองแควข้ึนไป จารึกหลักท่ี ๑ วางลมุ บาจายและสะค้าไวร้ ะหวา่ งพษิ ณโุ ลกกบั เวยี งจันทน์ อีกประการหนึง่ ตอนพ่อขนุ ผาเมืองยกมาชว่ ยพ่อขุนบางกลางหาวรบกับขอมสบาดโขลญลำ พงที่สุโขทัยถ้าหากพ่อขุนผาเมืองอยู่แถวเพชรบูรณ์คงจะมาช่วยไม่ทันสินชัยกระบวนแสงจากคณะ โบราณคดมี หาวิทยาลัยศิลปากรพบใบลานท่ีวดั ชา้ งคำ้ เมอื งน่านกล่าวถงึ เหตุการณ์สมยั รัชกาลท่ี ๒ ว่า เจ้าผู้ครองน่านขึ้นตามแม่น้ำน่านไปถึงอำเภอท่าปลา (ปัจจุบันคือจังหวัดอุตรดิตถ์) ใกล้ห้วยแม่จริม “เมืองราดเกา่ หน้ั ”แสดงว่าสมัยตน้ รัตนโกสนิ ทรย์ งั ทราบกันดีวา่ เมืองราดอยู่บนแม่น้ำน่านใกล้อำเภอ ทา่ ปลา ประวตั ิพระมหาธรรมราชาท่ี๑ (พระยาลิไท) พระมหาธรรมราชาที่ ๑ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเลอไท และเป็นพระนัดดาของ พระเจา้ รามคำแหงมหาราช ทรงเปน็ พระมหากษตั ริย์ ราชวงศพ์ ระรว่ ง ครองกรงุ สโุ ขทัย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๐ พ.ศ. ๑๙๑๒ (๑๙๑๔) ก่อนขึน้ ครองราชสมบัตทิ รงดำรงตำแหนง่ อปุ ราช ครองเมอื งศรสี ชั นาลัย ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๘๓ - พ.ศ.๑๘๙๐ ใน พ.ศ. ๑๘๙๐ เมื่อพระยาง่ัวนำถม พระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติ ณ กรุงสุโขทัย ได้เสด็จสวรรคตได้เกิดการจราจลชิงราชสมบัติกรุงสุโขทัยขึ้น พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ทรงสามารถยกกองทัพมาปราบปรามศัตรูไดห้ มดสน้ิ และเสดจ็ ขึ้นครองราชสมบัติ เป็น พระมหากษตั รยิ อ์ งค์ท่ี ๖ แหง่ ราช วงศพ์ ระรว่ งเฉลิมพระนามว่า ศรสี ุรยิ พงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช

295 เม่ือพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (พระยาลไิ ท) เสด็จขึน้ ครองราชสมบัติ สมเด็จพระรามาธบิ ดที ี่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง ได้ส่งกองทัพจากศรีอยุธยามาโจมตี และยึดเมือง พิษณุโลก (สองแคว) ไว้ได้ ทำให้ อาณาจักรสุโขทัยเกิดความไม่มั่นคง และไม่ปลอดภัย เพราะเมืองพิษณุโลกอยู่ใกล้กับสุโขทัยมาก ดงั นั้น พระมหาธรรมราชาท่๑ี (พระยาลไิ ท) จึงทรงส่งคณะราชฑูต ไปขอเจรญิ พระราชไมตรีกับสมเด็จ พระรามาธบิ ดีที่ ๑ (พระเจา้ อูท่ อง)และได้ขอเมืองพษิ ณโุ ลกคนื จากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้า อูท่ อง) ซึง่ ก็ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ หลังจากน้นั พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ก็ทรง เสด็จไปประทับอยู่ ณ เมืองพิษณุโลก เป็นเวลา ๗ ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๙๐๕ - พ.ศ. ๑๙๑๒ เพื่อ ป้องกันมใิ หท้ างกรงุ ศรีอยธุ ยา สง่ กองทพั ไปรกุ รานกรงุ สุโขทยั และทรงมอบให้พระขนิษฐาองค์หน่งึ ของ พระองคป์ กครอง กรงุ สุโขทยั แทน ในปี พ.ศ. ๑๙๑๒ สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจา้ อทู่ อง) เสด็จสวรรคต พระมหาธรรม ราชาที่ ๑ (พระยาลไิ ท) ไดเ้ สด็จกลบั ไปครองกรุงสุโขทัยดังเดมิ พระราชกรณยี กิจ พระราชกรณียกจิ ทสี่ ำคญั ในรชั สมยั ของพระองคม์ ดี ังน้ี ๑. ทรงรวบรวมราชอาณาจักรสุโขทัยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และขยายพระราชอำนาจ ออกไปไดเ้ มอื งระหวา่ งแควจำปาสักกบั แม่น้ำปงิ จนจดแม่นำ้ น่านทาง ทศิ เหนือ มาไวใ้ นราชอาณาจักร สโุ ขทัย ๒. ด้านศาสนา พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (พระยาลไิ ท) ทรงมีบทบาทสำคญั ในการทำนุบำรุง และเผยแพรพ่ ระพทุ ธศาสนา กล่าวคือ ได้สง่ พระสงฆ์ออกไปเผยแพร่ พระพทุ ธศาสนายังทีต่ า่ ง ๆ เช่น ทเี่ มอื งเชียงใหม่ พิษณโุ ลก อยุธยา และหลวงพระบาง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ซอ่ มพระเจดียเ์ มืองนครชุม (กำแพงเพชร) พ.ศ. ๑๙๐๒ ทรงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่เขาสุมนกุฏ ซึ่งอยู่นอกเมืองสุโขทยั พ.ศ. ๑๙๐๔ โปรดให้สร้างวัด ป่ามะม่วง (สุโขทัย) พระองค์ทรงมีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนามาก ได้ผนวชเปน็ สามเณรในพระราชมณเฑยี ร และผนวชเป็นพระภิกษทุ ี่วดั ป่ามะมว่ ง ในกรุง สุโขทัย ทรงโปรดให้หลอ่ พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัย มีขนาดเท่ากบั องค์พระพุทธเจ้า ถวายพระ นามว่า พระศรศี ากยมนุ ี ประดิษฐานท่ีพระวิหารวดั พระ ศรีรัตนมหาธาตุ สโุ ขทยั ๓. ด้านภาษาและวรรณคดี พระองค์ทรงมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาและวรรณคดีเป็น พิเศษ ดังมี หลักฐานปรากฏในหนังสือไตรภมู ิพระร่วง ว่าพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ทรง นพิ นธ์ข้ึนใน พ.ศ.๑๘๘๘ ครั้งยงั ดำรงพระยศเปน็ พระมหาอุปราช ครองเมืองศรีสัชนาลยั หนังสือไตร ภูมิพระรว่ งนี้ ซึ่งเป็นวรรณคดี ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา นับเป็นวรรณคดีไทยชั้นเย่ียมเล่มแรก ของไทย และทรงโปรดเกล้าฯ ให้จารึกเรื่องราวต่าง ๆ ในรัชสมัยของพระองค์ลงในแผ่นศิลา โดยเฉพาะศลิ าจารกึ กรงุ สโุ ขทัยหลักท่ี ๔ ซงึ่ มีคุณคา่ ยงิ่ ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในสมัยสุโขทัย

296 และประวัติศาสตร์ เมืองพิษณุโลกเป็นอย่างยิ่งพระราชกรณียกิจขณะทรงประทับอยู่ ณ เมือง พษิ ณโุ ลก พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ทรงประทับอยู่ ณ เมืองพิษณุโลก เป็นเวลา ๗ ปี ได้ ทรงสร้างเมืองพิษณุโลก และพระราชวังขึ้น ทางฝั่งตะวันตกของ แม่น้ำน่าน คือ พระราชวังจันทน์ ทรงสร้างปูชนียสถานและปชู นียวัตถทุ ี่สำคัญ คือ ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวหิ าร หล่อ พระพทุ ธชนิ ราช ซึ่งเปน็ พระพุทธรูปทงี่ ดงามทส่ี ดุ ในประเทศไทย พระพทุ ธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ทรงโปรดเกล้าฯ ใหน้ ำต้นโพธิจ์ ากลงั กามาปลูกไวท้ ี่วดั พระศรีรัตนมหาธาตวุ รมหาวหิ าร พษิ ณุโลก จาก พระราชกรณียกิจที่พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ได้ทรงกระทำแล้ว นับว่าพระองค์เป็น พระมหากษตั รยิ ์องคแ์ รกทที่ รงวางรากฐาน และสรา้ ง ความเจริญในจงั หวดั พษิ ณโุ ลก

297 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 2 เรอ่ื ง ลักษณะการเมอื งการปกครองสุโขทัย คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นตอบคำถามด้วยคำหรือข้อความสัน้ ๆ 1. การปกครองแบบราชาธปิ ไตยมีลักษณะสำคญั อย่างไร .......................................................... ................................................................................................................................................ 2. สุโขทยั มีลกั ษณะการปกครอง 2 รปู แบบ คอื . ...................................................................... .............................................................................................................................................. 3. การปกครองแบบบิดาปกครองบุตร คอื การปกครองทีม่ ีลักษณะเช่นไร ................................................................................................................................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ลักษณะเด่นของการปกครองในสมัยสุโขทยั ตอนตน้ คืออะไร.................................................. ................................................................................................................................................ 5. พระมหากษตั ริยส์ ุโขทัยพระองคใ์ ดบ้างทป่ี กครองแบบพอ่ ปกครองลูก ................................. .............................................................................................................................................. 6. การปลกู ฝังธรรมะใหแ้ กป่ ระชาชนของพ่อขนุ รามคำแหง ทำใหเ้ กิดประโยชน์ คอื ................ ................................................................................................................................................ 7. สมยั ที่ขอมยังมอี ำนาจปกครองสุโขทยั การปกครองของขอมมลี กั ษณะอย่างไร ................... ............................................................................................................................................. 8. ในระยะเริม่ แรกของอาณาจักรสุโขทยั ผ้นู ำของอาณาจกั รสุโขทยั มีฐานะเปน็ อะไร ............... 9. คำวา่ พอ่ ขุน ในสมยั สโุ ขทยั หมายถึง ................................................................................. ................................................................................................................................................ 10. พระมหากษัตริย์สุโขทยั ในระยะแรกปฏบิ ตั ิพระองคเ์ ชน่ ไรตอ่ ประชาชน............................... 11. ให้ผู้เรยี นบอกชือ่ พระมหากษัตริยใ์ นสมยั สุโขทยั มาอยา่ งนอ้ ย 5 พระองค์ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook