เอกสารประกอบการสอน การบัญชีการเงนิ Financial Accounting ปิ ญะธิดา อมรภญิ โญ บช.ม. (บัญชีมหาบัณฑิต) คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี 2560
คำนำ เอกสารประกอบการสอนรายวชิ า การบญั ชีการเงนิ รหสั วชิ า AC 10101 เล่มน้ี เขียนข้ึนเพอ่ื ใช้ เป็ นเอกสารประกอบการเรียนการสอน สาหรับนกั ศึกษาคณะวิทยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี เน้ือหาภายในเล่มแบง่ ออกเป็น 8 บท ประกอบดว้ ย ความรูท้ ว่ั ไปและแนวคิดพน้ื ฐานการบญั ชี งบการเงิน กระบวนการทางการบญั ชี รายการปรบั ปรุงบญั ชี การจดั ทางบการเงนิ และการปิ ดบญั ชี การ บญั ชีสาหรับธุรกิจซ้ือขายสินคา้ สินคา้ คงเหลือ การบญั ชีภาษีมูลค่าเพิ่ม และการบญั ชีสาหรับธุรกิจ ผลิตสินคา้ ผูเ้ ขียนขอกล่าวเทิดทูนพระคุณของบิดา-มารดา ครู อาจารย์ และขอขอบคุณผูท้ รงคุณวุฒิ ผูต้ รวจผลงานวิชาการทุกท่าน ท่ีกรุณาให้คาแนะนาท่ีเป็ นประโยชน์และมีคุณค่าอย่างย่ิง รวมท้ัง ขอขอบคุณครอบครัวทเ่ี ป็ นกาลงั ใจเสมอมา ทา้ ยสุดน้ี ผูเ้ ขียนหวงั วา่ เอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อนกั ศึกษา และบคุ คลทว่ั ไปที่มีความสนใจโดยทวั่ กนั ปิ ญะธิดำ อมรภญิ โญ มถิ ุนำยน 2560
สารบัญ หน้า ก เรื่อง ค คำนำ ฌ สำรบญั ฎ สำรบญั ตำรำง ฐ สำรบญั ภำพ 1 แผนบริหำรกำรสอนประจำวชิ ำ แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 1 3 บทท่ี 1 ความรู้ทั่วไปและแนวคดิ พื้นฐานการบญั ชี 3 ประวตั ิควำมเป็นมำและววิ ฒั นำกำรของกำรบญั ชี ควำมหมำยของกำรบญั ชี 6 ควำมสำคญั ของกำรบญั ชีและประโยชน์ของขอ้ มูลทำงกำรบญั ชี ประเภทของกำรบญั ชี 7 ลกั ษณะของธุรกิจ กรอบแนวคิดสำหรับกำรรำยงำนทำงกำรเงิน 7 ผใู้ ชร้ ำยงำนทำงกำรเงนิ ขอ้ สมมติทำงกำรบญั ชี 9 ลกั ษณะเชิงคุณภำพของขอ้ มูลทำงกำรเงินทีม่ ีประโยชน์ ขอ้ จำกดั ดำ้ นตน้ ทุนตอ่ รำยงำนทำงกำรเงนิ ที่มีประโยชน์ 16 บทสรุป แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 17 เอกสำรอำ้ งอิง แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 2 18 บทท่ี 2 งบการเงนิ วตั ถุประสงคข์ องงบกำรเงนิ 18 องคป์ ระกอบของงบกำรเงนิ งบแสดงฐำนะทำงกำรเงนิ 21 22 23 24 25 27 27 28 29
ง หน้า 36 สารบัญ (ต่อ) 37 37 เรื่อง 44 งบกำไรขำดทนุ 45 งบแสดงกำรเปล่ียนแปลงส่วนของเจำ้ ของ 50 หมำยเหตปุ ระกอบงบกำรเงิน 51 บทสรุป 53 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 53 เอกสำรอำ้ งอิง 55 56 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 3 62 บทท่ี 3 กระบวนการทางการบญั ชี 67 69 วงจรบญั ชี 70 สมกำรบญั ชี 77 กำรวเิ ครำะหร์ ำยกำรคำ้ 78 หลกั กำรบญั ชีคู่ 85 ผงั บญั ชี 92 สมุดบญั ชีข้นั ตน้ หรือสมุดรำยวนั 93 กำรบนั ทึกรำยกำรในสมุดรำยวนั ทวั่ ไป 100 สมุดบญั ชีข้นั ปลำยหรือสมุดบญั ชีแยกประเภท 101 กำรผำ่ นรำยกำรไปยงั บญั ชีแยกประเภท 103 งบทดลอง 103 บทสรุป 103 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 128 เอกสำรอำ้ งอิง 131 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 4 บทที่ 4 รายการปรับปรุงบัญชี การจัดทางบการเงิน และการปิ ดบญั ชี ควำมหมำยของรำยกำรปรบั ปรุงบญั ชี รำยกำรปรับปรุงบญั ชี กำรกลบั รำยกำรปรบั ปรุง กระดำษทำกำร
จ สารบญั (ต่อ) เรื่อง หน้า กำรจดั ทำงบกำรเงนิ 142 กำรปิ ดบญั ชี 144 บทสรุป 157 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 158 เอกสำรอำ้ งอิง 166 167 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 5 169 บทท่ี 5 การบัญชีสาหรับธุรกิจซื้อขายสินค้า 169 170 ลกั ษณะของธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 176 เอกสำรทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 178 รำยกำรคำ้ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 179 ระบบกำรบนั ทกึ บญั ชีสำหรับธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 198 วธิ ีกำรบนั ทึกบญั ชีในระบบบญั ชีสินคำ้ คงเหลือแบบสิ้นงวดและแบบตอ่ เนื่อง 204 งบกำรเงนิ สำหรบั ธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 217 กำรปิ ดบญั ชีสำหรบั ธุรกิจซ้ือขำยสินคำ้ 218 บทสรุป 224 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 225 เอกสำรอำ้ งอิง 227 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 6 227 228 บทท่ี 6 สินค้าคงเหลอื 228 ควำมหมำยของสินคำ้ คงเหลือ กำรวดั มูลค่ำสินคำ้ คงเหลือ 239 กำรตีรำคำสินคำ้ คงเหลือตำมวธิ ีรำคำทนุ ผลกระทบของกำรบนั ทกึ รำคำสินคำ้ คงเหลือปลำยงวดไม่ถูกตอ้ ง ท่ีมีตอ่ งบกำรเงิน
ฉ หน้า 242 สารบัญ (ต่อ) 243 248 เร่ือง 249 บทสรุป 251 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 251 เอกสำรอำ้ งอิง 252 252 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 7 253 บทที่ 7 การบญั ชีภาษมี ูลค่าเพม่ิ 261 262 ควำมหมำยของภำษีมูลคำ่ เพมิ่ 264 ผมู้ ีหนำ้ ท่จี ดทะเบยี นภำษมี ูลคำ่ เพมิ่ 273 ควำมรับผดิ ในกำรเสียภำษีมูลค่ำเพม่ิ 274 หนำ้ ทข่ี องผปู้ ระกอบกำรจดทะเบยี นภำษมี ูลค่ำเพมิ่ 278 อตั รำภำษมี ูลค่ำเพมิ่ 279 กำรคำนวณภำษมี ูลคำ่ เพมิ่ 281 กำรบนั ทกึ บญั ชีภำษีมูลคำ่ เพม่ิ 281 บทสรุป 282 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 282 เอกสำรอำ้ งอิง 284 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 8 286 บทท่ี 8 การบญั ชีสาหรับธุรกจิ ผลิตสินค้า 287 ลกั ษณะของธุรกิจผลิตสินคำ้ 290 สินคำ้ คงเหลือสำหรับธุรกิจผลิตสินคำ้ 296 ตน้ ทนุ กำรผลิต 298 วงจรตน้ ทุนกำรผลิต กำรบนั ทกึ บญั ชีสำหรับธุรกิจผลิตสินคำ้ วธิ ีกำรบนั ทึกบญั ชีสินคำ้ คงเหลือแบบตอ่ เน่ืองสำหรบั ธุรกิจผลิตสินคำ้ วธิ ีกำรบนั ทึกบญั ชีสินคำ้ คงเหลือแบบสิ้นงวดสำหรับธุรกิจผลิตสินคำ้ งบตน้ ทนุ กำรผลิต งบกำรเงินสำหรบั ธุรกิจผลิตสินคำ้
ช สารบัญ (ต่อ) เร่ือง หน้า บทสรุป 314 แบบฝึกหดั ทำ้ ยบท 315 เอกสำรอำ้ งอิง 322 บรรณานุกรม 323
สารบญั ตาราง ตารางที่ หน้า 8 1.1 เปรียบเทียบการบญั ชีการเงินและการบญั ชีเพอื่ การจดั การ 15 1.2 สรุปขอ้ ดีขอ้ เสียแต่ละรูปแบบของธุรกิจ 5.1 เปรียบเทียบการบนั ทกึ บญั ชีระบบบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบสิ้นงวด 184 และระบบบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบต่อเน่ือง 238 6.1 เปรียบเทยี บสินคา้ คงเหลือ ตน้ ทุนขาย และกาไรข้นั ตน้ ในการตรี าคา 240 สินคา้ คงเหลือตามวธิ ีราคาทนุ แตล่ ะวธิ ี 241 6.2 ผลกระทบตอ่ งบกาไรขาดทุนจากการบนั ทกึ ยอดสินคา้ คงเหลือปลายงวดสูงไป 241 6.3 ผลกระทบตอ่ งบแสดงฐานะการเงนิ จากการบนั ทึกยอดสินคา้ คงเหลือปลายงวด 242 สูงไป 6.4 ผลกระทบต่องบกาไรขาดทุนจากการบนั ทกึ ยอดสินคา้ คงเหลือปลายงวดต่าไป 264 6.5 ผลกระทบตอ่ งบแสดงฐานะการเงินจากการบนั ทกึ ยอดสินคา้ คงเหลือปลายงวด 286 ต่าไป 7.1 เปรียบเทยี บการบนั ทึกบญั ชีระบบบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบสิ้นงวดและระบบ 294 บญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบตอ่ เน่ืองสาหรบั กิจการท่ีจดทะเบยี นภาษมี ูลคา่ เพมิ่ 8.1 การเปรียบเทียบการคานวณตน้ ทุนสินคา้ ทขี่ ายระหวา่ งธุรกิจซ้ือขายสินคา้ และธุรกิจผลิตสินคา้ 8.2 การเปรียบเทียบวธิ ีการบนั ทกึ บญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบต่อเน่ืองและแบบสิ้นงวด สาหรับธุรกิจผลิตสินคา้
สารบญั ภาพ ภาพที่ หน้า 3.1 วงจรบญั ชี 54 3.2 การบนั ทกึ บญั ชีตามหลกั การบญั ชีคู่ 62 3.3 ความสมั พนั ธก์ ารเปล่ียนแปลงเพมิ่ ข้ึนหรือลดลงในสินทรพั ย์ หน้ีสิน ส่วนของเจา้ ของ รายได้ และค่าใชจ้ า่ ย กบั การบนั ทึกบญั ชีตามหลกั การบญั ชีคู่ 63 3.4 รูปแบบสมุดรายวนั ทวั่ ไป 70 3.5 รูปแบบบญั ชีแยกประเภททวั่ ไปแบบมาตรฐาน 77 3.6 รูปแบบบญั ชีแยกประเภททวั่ ไปแบบแสดงยอดดุล 77 3.7 รูปแบบงบทดลอง 85 5.1 วงจรการดาเนินธุรกิจของกิจการซ้ือขายสินคา้ 170 5.2 ตวั อยา่ งใบขอซ้ือ 170 5.3 ตวั อยา่ งใบสง่ั ซ้ือ 171 5.4 ตวั อยา่ งใบกากบั สินคา้ 172 5.5 ตวั อยา่ งใบขอลดหน้ี 173 5.6 ตวั อยา่ งใบลดหน้ี 174 5.7 ตวั อยา่ งใบเสร็จรบั เงนิ 175 6.1 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสินคา้ คงเหลือปลายงวดกบั ตน้ ทุนขาย 228 6.2 รูปแบบตารางการบนั ทกึ สินคา้ ในระบบการบนั ทกึ บญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบตอ่ เน่ือง 231 7.1 ตวั อยา่ งใบกากบั ภาษเี ตม็ รูป 255 7.2 ตวั อยา่ งใบกากบั ภาษีอยา่ งยอ่ 256 7.3 ตวั อยา่ งรายงานภาษขี าย 257 7.4 ตวั อยา่ งรายงานภาษีซ้ือ 258 7.5 ตวั อยา่ งรายงานสินคา้ และวตั ถุดิบ 259 7.6 แบบ ภ.พ.30 260 8.1 วงจรการดาเนินธุรกิจของกิจการผลิตสินคา้ 281 8.2 วงจรตน้ ทุนการผลิต 285
แผนบริหารการสอนประจาวชิ า รหัสวชิ า AC10101 (Financial Accounting) รายวิชา การบญั ชีการเงนิ จานวนหน่วยกิต 3(2-2-5) คาอธิบายรายวิชา ศึกษาความหมาย วตั ถุประสงค์ ความสาคญั ของการบญั ชี การใชป้ ระโยชน์ของขอ้ มูล ทางการบญั ชี กรอบแนวคิดในการจดั ทาบญั ชี ความรูเ้ ก่ียวกบั หลกั การและวธิ ีการบญั ชี ตามหลกั การ บญั ชี การจดั ทางบการเงินของกิจการใหบ้ ริการ กิจการซ้ือมาขายไป และกิจการผลิตสินคา้ วธิ ีการ บญั ชีเกี่ยวกบั ระบบภาษมี ูลค่าเพมิ่ วตั ถปุ ระสงค์ทว่ั ไป 1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ความเขา้ ใจในความหมาย วตั ถุประสงค์ ความสาคญั ของการบญั ชี การใชป้ ระโยชนข์ องขอ้ มูลทางการบญั ชี 2. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ความสามารถในการจดั ทาบญั ชีและการจดั ทางบการเงินสาหรับ กิจการใหบ้ ริการ กิจการซ้ือมาขายไป และกิจการผลิตสินคา้ 3. เพ่ือให้ผูเ้ รียนเข้าใจระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและสามารถบันทึกบัญชีเกี่ยวกับระบบ ภาษมี ูลค่าเพมิ่ 4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เก่ียวกับการบัญชีการเงินในวิชาอ่ืนท่ี เก่ียวขอ้ งได้ เนื้อหา 4 ชั่วโมง บทที่ 1 ความรู้ท่ัวไปและแนวคดิ พื้นฐานการบญั ชี ประวตั ิความเป็นมาและววิ ฒั นาการของการบญั ชี ความหมายของการบญั ชี ความสาคญั ของการบญั ชีและประโยชนข์ องขอ้ มูลทางการบญั ชี ประเภทของการบญั ชี ลกั ษณะของธุรกิจ กรอบแนวคิดสาหรบั การรายงานทางการเงนิ ผใู้ ชร้ ายงานทางการเงิน
ฑ 4 ช่ัวโมง ขอ้ สมมติทางการบญั ชี 12 ชั่วโมง ลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงนิ ทีม่ ีประโยชน์ ขอ้ จากดั ดา้ นตน้ ทนุ ตอ่ รายงานทางการเงนิ ทม่ี ีประโยชน์ บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง บทท่ี 2 งบการเงนิ วตั ถุประสงคข์ องงบการเงิน องคป์ ระกอบของงบการเงิน งบแสดงฐานะทางการเงนิ งบกาไรขาดทนุ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจา้ ของ หมายเหตุประกอบงบการเงนิ บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง บทท่ี 3 กระบวนการทางการบญั ชี วงจรบญั ชี สมการบญั ชี การวเิ คราะหร์ ายการคา้ หลกั การบญั ชีคู่ ผงั บญั ชี สมุดบญั ชีข้นั ตน้ หรือสมุดรายวนั การบนั ทึกรายการในสมุดรายวนั ทวั่ ไป สมุดบญั ชีข้นั ปลายหรือสมุดบญั ชีแยกประเภท การผา่ นรายการไปยงั บญั ชีแยกประเภท งบทดลอง บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง
ฒ บทท่ี 4 รายการปรับปรุงบัญชี การจัดทางบการเงนิ และการปิ ดบัญชี 8 ชั่วโมง ความหมายของรายการปรับปรุงบญั ชี รายการปรับปรุงบญั ชี การกลบั รายการปรับปรุง กระดาษทาการ การจดั ทางบการเงนิ การปิ ดบญั ชี บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง 12 ช่ัวโมง บทที่ 5 การบญั ชีสาหรับธุรกจิ ซื้อขายสินค้า ลกั ษณะของธุรกิจซ้ือขายสินคา้ เอกสารทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ธุรกิจซ้ือขายสินคา้ รายการคา้ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจซ้ือขายสินคา้ ระบบการบนั ทกึ บญั ชีสาหรับธุรกิจซ้ือขายสินคา้ วธิ ีการบนั ทึกบญั ชีในระบบบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบส้ินงวดและแบบต่อเน่ือง งบการเงนิ สาหรับธุรกิจซ้ือขายสินคา้ การปิ ดบญั ชีสาหรบั ธุรกิจซ้ือขายสินคา้ บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง บทที่ 6 สินค้าคงเหลือ 6 ช่ัวโมง ความหมายของสินคา้ คงเหลือ การวดั มูลคา่ สินคา้ คงเหลือ การตรี าคาสินคา้ คงเหลือตามวธิ ีราคาทนุ ผลกระทบของการบนั ทกึ ราคาสินคา้ คงเหลือปลายงวดไม่ถูกตอ้ งทมี่ ีตอ่ งบการเงิน บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง
บทที่ 7 การบญั ชีภาษมี ูลค่าเพิ่ม ณ 6 ช่ัวโมง ความหมายของภาษมี ูลคา่ เพมิ่ ผมู้ ีหนา้ ท่จี ดทะเบียนภาษมี ูลคา่ เพมิ่ ความรบั ผดิ ในการเสียภาษีมูลค่าเพมิ่ หนา้ ท่ขี องผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นภาษีมูลคา่ เพมิ่ อตั ราภาษมี ูลค่าเพมิ่ การคานวณภาษีมูลคา่ เพมิ่ การบนั ทกึ บญั ชีภาษมี ูลคา่ เพมิ่ บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง 8 ช่ัวโมง บทที่ 8 การบญั ชีสาหรับธุรกิจผลติ สินค้า ลกั ษณะของธุรกิจผลิตสินคา้ สินคา้ คงเหลือสาหรบั ธุรกิจผลิตสินคา้ ตน้ ทนุ การผลิต วงจรตน้ ทนุ การผลิต การบนั ทึกบญั ชีสาหรับธุรกิจผลิตสินคา้ วธิ ีการบนั ทกึ บญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบต่อเน่ืองสาหรบั ธุรกิจผลิตสินคา้ วธิ ีการบนั ทึกบญั ชีสินคา้ คงเหลือแบบสิ้นงวดสาหรบั ธุรกิจผลิตสินคา้ งบตน้ ทุนการผลิต งบการเงินสาหรบั ธุรกิจผลิตสินคา้ บทสรุป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งอิง
ด วิธีสอนและกจิ กรรม 1. ปฐมนิเทศเกี่ยวกบั รายละเอียดรายวชิ า วธิ ีการเรียนการสอน รวมท้งั เกณฑก์ ารวดั ผลและ ประเมินผลการเรียน 2. ผสู้ อนจะบรรยายเน้ือหา พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประกอบ และใหน้ กั ศกึ ษาฝึกทาตวั อยา่ ง ร่วมกนั ในช้นั เรียน โดยใชเ้ อกสารประกอบการสอนและตาราท่ีเก่ียวขอ้ ง รวมท้งั นาเสนอเน้ือหาดว้ ย ส่ือประกอบการสอนทางคอมพวิ เตอร์ โปรแกรม Power Point 3. การบรรยายจะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรมท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การบญั ชี รวมท้งั คุณธรรม และจริยธรรมในการดาเนินชีวติ ประจาวนั ดว้ ย 4. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนซกั ถามและแสดงความคดิ เห็นในเน้ือหา ตลอดจนขอ้ สงสยั อื่น โดยให้ ผเู้ รียนในช้นั เรียนร่วมกนั หาคาตอบ และอาจารยผ์ สู้ อนจะเป็ นผสู้ รุปคาตอบในประเด็นคาถามและขอ้ สงสยั 5. มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท พร้อมท้งั แจง้ กาหนดการส่งแบบฝึกหดั ให้ นกั ศึกษารับทราบ ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. ส่ือประกอบการสอนทางคอมพวิ เตอร์ โปรแกรม Power Point 3. หนงั สือ ตารา และเอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 4. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท การวดั ผลและประเมนิ ผล การวดั ผล 1. คะแนนระหวา่ งภาคเรียน 1.1 การเขา้ เรียนและมีส่วนร่วมในช้นั เรียน 10 คะแนน 60 คะแนน 1.2 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 10 คะแนน 40 คะแนน 1.3 สอบระหวา่ งภาคเรียน คร้ังที่ 1 20 คะแนน 100 คะแนน 1.4 สอบระหวา่ งภาคเรียน คร้ังท่ี 2 20 คะแนน 2. คะแนนสอบปลายภาคเรียน รวม
การประเมินผล ต A คะแนนระหวา่ ง 80 - 100 B+ คะแนนระหวา่ ง 75 - 79 ไดร้ ะดบั B คะแนนระหวา่ ง 70 - 74 ไดร้ ะดบั C+ คะแนนระหวา่ ง 65 - 69 ไดร้ ะดบั C คะแนนระหวา่ ง 60 - 64 ไดร้ ะดบั D+ คะแนนระหวา่ ง 55 - 59 ไดร้ ะดบั D คะแนนระหวา่ ง 50 – 54 ไดร้ ะดบั F คะแนนระหวา่ ง 0 – 49 ไดร้ ะดบั ไดร้ ะดบั
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 1 ความรู้ท่วั ไปและแนวคดิ พืน้ ฐานทางการบญั ชี หวั ข้อเนื้อหาประจาบท 1. ประวตั ิความเป็นมาและววิ ฒั นาการของการบญั ชี 2. ความหมายของการบญั ชี 3. ความสาคญั ของการบญั ชีและประโยชน์ของขอ้ มูลทางการบญั ชี 4. ประเภทของการบญั ชี 5. ลกั ษณะของธุรกิจ 6. กรอบแนวคดิ สาหรับการรายงานทางการเงนิ 7. ผใู้ ชร้ ายงานทางการเงิน 8. ขอ้ สมมตทิ างการบญั ชี 9. ลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงินทมี่ ีประโยชน์ 10. ขอ้ จากดั ดา้ นตน้ ทนุ ตอ่ รายงานทางการเงนิ ท่ีมีประโยชน์ 11. บทสรุป 12. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 13. เอกสารอา้ งอิง วตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ผเู้ รียนสามารถบอกประวตั คิ วามเป็นมาและววิ ฒั นาการของการบญั ชีได้ 2. ผเู้ รียนสามารถอธิบายความหมายของการบญั ชีได้ 3. ผเู้ รียนสามารถอธิบายความสาคญั ของการบญั ชี พร้อมท้งั บอกประโยชน์ของขอ้ มูลทางการ บญั ชีได้ 4. ผเู้ รียนสามารถระบุขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งการบญั ชีการเงินและการบญั ชีเพอ่ื การจดั การได้ 5. ผเู้ รียนสามารถจาแนกธุรกิจแต่ละประเภทได้ และอธิบายลกั ษณะรูปแบบของธุรกิจได้ 6. ผเู้ รียนสามารถทราบถึงวตั ถุประสงคข์ องกรอบแนวคิดสาหรบั การรายงานทางการเงิน
-2- 7. ผเู้ รียนสามารถระบผุ ใู้ ชร้ ายงานทางการเงนิ พร้อมท้งั ความตอ้ งการใชข้ อ้ มูลของผใู้ ชร้ ายงาน ทางการเงนิ ได้ 8. ผเู้ รียนสามารถอธิบายขอ้ สมมติทางการบญั ชีได้ 9. ผเู้ รียนสามารถบอกถึงลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงินท่ีมีประโยชน์ และขอ้ จากดั ต่อการรายงานทางการเงินท่ีมีประโยชน์ได้ วธิ ีการสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอน 1. ช้ีแจงและอธิบายลกั ษณะของเน้ือหารายวชิ า เกณฑใ์ นการวดั ผล และแนะนาเอกสารและตารา อ่ืนที่เกี่ยวขอ้ งสาหรบั อ่านเพม่ิ เติม 2. แนะนาเน้ือหารายวชิ าในบท นาเสนอเน้ือหาเขา้ สู่บทเรียน 3. บรรยายเน้ือหาในแต่ละหัวข้อ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ โดยใช้เอกสารและโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ 4. ยกตวั อยา่ งและวเิ คราะหส์ ถานการณ์ร่วมกนั ในช้นั เรียน 5. มอบหมายใหน้ กั ศกึ ษาทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท พร้อมแจง้ กาหนดการส่งงาน สื่อการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. สื่อประกอบการสอนทางคอมพวิ เตอร์ โปรแกรม Power Point 3. หนงั สือ ตารา และเอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 4. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท การวดั และประเมนิ ผล 1. การเขา้ ช้นั เรียนตรงเวลา 2. สงั เกตความสนใจในช้นั เรียนขณะบรรยาย 3. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมในช้นั เรียน 4. การถามและตอบคาถามในช้นั เรียน 5. ส่งแบบฝึกหดั ตามกาหนดเวลา และทาแบบฝึกหดั ถูกตอ้ งร้อยละ 80
บทท่ี 1 ความรู้ท่ัวไปและแนวคดิ พืน้ ฐานทางการบัญชี ปั จ จุ บ ัน ภ า ว ะ เ ศ ร ษ ฐกิ จ สั งค ม แ ล ะ ก า ร เมื อ ง ข อ ง โ ล ก มี ก า ร เค ล่ื อ น ไ ห ว เ ป ลี่ ย น แป ล ง อ ยู่ ตลอดเวลา ลกั ษณะการทาธุรกิจก็เปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก เช่น มีการคา้ ขายผา่ นโลกออนไลน์ หรือ ที่เรียกวา่ พาณิชยอ์ ิเล็คทรอนิกส์ (E-Commerce) ธุรกิจจึงตอ้ งมีการแข่งขนั กนั อยา่ งต่อเน่ือง เพือ่ การ ดารงอยตู่ ่อไปในอนาคตไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ส่ิงสาคญั ที่เจา้ ของกิจการหรือผบู้ ริหารรวมท้งั ผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย ตอ้ งการทราบ คือ ผลการดาเนินงานว่าผลประกอบการเป็ นอยา่ งไร มีผลกาไรหรือขาดทุนเกิดข้ึน จานวนเทา่ ใด รวมท้งั ตอ้ งการทราบถึงฐานะทางการเงินของกิจการว่า กิจการมีสินทรัพย์ หน้ีสิน และ ส่วนของเจา้ ของรวมท้งั หมดเท่าใด คาถามขา้ งตน้ จะไม่สามารถหาคาตอบได้ หากกิจการไม่มีการจดั ทา บัญชี ดังน้ันการบัญชีจึงถือว่ามีความสาคัญในการดาเนินธุรกิจเป็ นอย่างมาก และจากวิกฤติ เศรษฐกิจโลกท่ีผา่ นมา พบว่าหลายบริษทั ยกั ษใ์ หญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ล่มสลายไม่วา่ จะเป็ น Enron Corporation หรือ WorldCom สาเหตุหน่ึงเกิดมาจากขอ้ มูลทางการเงินขาดความน่าเชื่อถือ มีการ ปกปิ ดขอ้ มูลและตกแต่งตวั เลขทางการบญั ชี บทเรียนดงั กล่าวทาใหผ้ ูท้ ี่เกี่ยวขอ้ งไม่วา่ จะเป็ นเจา้ ของ หรือผบู้ ริหารของกิจการเอง หรือบุคคลภายนอก เช่น นักลงทุน เจา้ หน้ี หน่วยงานของรัฐ ฯลฯ ได้ เลง็ เห็นความสาคญั ของการบญั ชีมากข้ึน ประวตั คิ วามเป็ นมาและววิ ฒั นาการของการบญั ชี การบญั ชีมีประวตั ิความเป็ นมาท่ียาวนานและมีวิวฒั นาการอย่างต่อเน่ืองต้งั แต่อดีตจนถึง ปัจจุบนั ท้งั ในตา่ งประเทศและในประเทศไทย ดงั น้ี 1. ประวตั ิความเป็ นมาและวิวฒั นาการของการบญั ชีในต่างประเทศ สามารถแบง่ ช่วงเวลาของ การเปล่ียนแปลงทสี่ าคญั ไดด้ งั น้ี 1.1 ก่อนคริสตศกั ราช 3,000 ปี – ศตวรรษที่ 13 คือ ยคุ ก่อนระบบบญั ชีคู่ โดยจากหลกั ฐาน ทางประวตั ิศาสตร์มีการคน้ พบว่าการบนั ทึกทางการบญั ชีมีมาชา้ นานประมาณ 5,000 ปี ต้งั แต่สมัย อียิปต์ บาบิโลเนีย กรีก โรมัน และยุโรป วิวฒั นาการของการบัญชีเริ่มจากบันทึกทรัพยส์ ินใน ทอ้ งพระคลงั แลว้ ทารายงานส่งใหพ้ ระมหากษตั ริย์ ตอ่ มาพบหลกั ฐานการจดบนั ทกึ รายได้ รายจา่ ย และ
-4- ยอดคงเหลือของรายการ รวมท้งั ยอดคงเหลือของสินคา้ โดยเป็ นการบนั ทึกทรัพยส์ ินทีม่ ีอยู่ ยงั ไม่มีการ คานวณหาผลการดาเนินงาน 1.2 ปลายศตวรรษที่ 13 – ศตวรรษท่ี 18 คือ ยคุ ระบบบญั ชีคู่ ใน ค.ศ .1494 ลูกา ปาชิโอลี (Luca Pacioli) ชาวอิตาลี ได้เขียนหนังสือชื่อ “Summa de Arithmetica Geometria Proportioniet Proportionalita” เป็ นหนงั สือทางคณิตศาสตร์ ซ่ึงหนังสือกล่าวถึงการทบทวนทางเลขคณิต เรขาคณิต และอตั ราส่วน รวมท้งั กล่าวถึงการบญั ชีท่ใี ชก้ นั อยใู่ นอิตาลีในขณะน้นั โดยใชศ้ พั ทท์ างการบญั ชีว่า เด บโิ ต (Debito) หมายถึงเป็นหน้ี และเครดิตโต (Credito) หมายถึงเชื่อถือ จนกระทง่ั ลูกา ปาชิโอลี (Luca Pacioli) ไดร้ ับการยกยอ่ งเป็นบดิ าแห่งวชิ าการบญั ชี 1.3 ศตวรรษที่ 19 – ปัจจุบนั คือ ยุคปัจจุบนั จากการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมในยโุ รปและ สหรัฐอเมริกาในศตวรรษท่ี 19 และตน้ ศตวรรษที่ 20 และการขยายตวั ทางเศรษฐกิจท่เี พมิ่ มากข้ึน ทาให้ เกิดการพฒั นาทางการบญั ชีมากข้ึน เช่น การบญั ชีตน้ ทุน การบญั ชีบริหาร ฯลฯ ท้งั น้ีกิจการยงั คงใช้ ระบบบญั ชีคู่ในการบนั ทึกบญั ชี รวมท้งั ต้งั ขอ้ สมมติเก่ียวกบั การดาเนินงานอยา่ งต่อเน่ือง จึงตอ้ งมีการ วดั ผลการดาเนินงานและจดั ทางบการเงนิ เป็นงวดๆ เพอ่ื ให้กิจการและบุคคลท่ีเก่ียวขอ้ งอื่นๆ ไดท้ ราบ ผลการดาเนินงานโดยไม่ตอ้ งรอเลิกกิจการ อีกประการหน่ึงผลจากการปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมทาใหเ้ กิดมี การจดั กิจการรูปแบบบริษทั จากดั อยา่ งแพร่หลาย เพราะสามารถระดมทุนไดง้ ่าย ทาให้เกิดแนวคิดใน การบนั ทึกบญั ชีแยกกิจการเป็นหน่วยงานอิสระทางการบญั ชี แยกจากผเู้ ป็ นเจา้ ของ สร้างความเชื่อถือ ใหก้ บั ผลู้ งทนุ วา่ สินทรพั ยต์ า่ งๆของผลู้ งทุนไดน้ าไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ กิจการไดม้ ากทส่ี ุด 2. ประวัติความเป็ นมาและวิวัฒนาการของการบัญชีในประเทศไทย สาหรับการบญั ชีใน ประเทศไทยมีประวตั แิ ละววิ ฒั นาการมาอยา่ งตอ่ เน่ืองเช่นกนั โดยมีเหตุการณ์สาคญั ดงั น้ี 2.1 สมยั รชั กาลท่ี 5 ไดเ้ ร่ิมจดั ทาบญั ชีเงินพระคลงั เป็ นหมวดหมู่และทรงพระกรุณาโปรด กลา้ ใหบ้ รรจุวชิ าการบญั ชีในโรงเรียนหลวง 2.2 สมยั รัชกาลที่ 6 พระองคท์ รงโปรดใหค้ ดั เลือกบุตรขา้ ราชการส่งไปเรียนดา้ นพาณิชย์ และบญั ชีท่ีประเทศองั กฤษ ดว้ ยเหตุการณ์ขา้ งตน้ น้ีทาให้การบญั ชีของไทยสมยั น้นั เป็ นแบบองั กฤษ นอกจากน้ันยงั โปรดให้ต้งั โรงเรียนพาณิชยการข้ึน 2 แห่งคือโรงเรียนพาณิชยการวดั สามพระยาและ โรงเรียนพาณิชยการวดั แกว้ ฟ้าโดยมีการสอนบญั ชีคูเ่ ป็ นคร้ังแรกในโรงเรียนดงั กล่าว 2.3 ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีการเปล่ียนแปลงระบบการปกครอง ซ่ึงมีผลทาให้ สภาพแวดลอ้ มทางเศรษฐกิจเปล่ียนแปลงไป กิจการตอ้ งจดั ทาบญั ชี เน่ืองจากรัฐบาลเริ่มจดั เกบ็ ภาษีเงิน ไดน้ ิติบุคคล จากกาไรสุทธิ และในปี ดังกล่าวได้มีผูส้ าเร็จการศึกษาทางการบัญชีจากต่างประเทศ
-5- บุคคลเหล่าน้ีมีบทบาทสาคัญย่งิ ต่อวิชาชีพบญั ชีของประเทศไทย ซ่ึงได้แก่ พระยาไชยยศสมบตั ิ หลวงดาริอิศรานุวรรต นายจรูญ วมิ ลศิริ นายหอ้ ง บุญนาค นายยุกต์ ณ ถลาง ฯลฯ นกั บญั ชีสมยั น้ัน รวมกลุ่มกนั อยู่ ณ สานักงานคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดินซ่ึงอยใู่ นศาลาลูกขุนใน ภายใน พระบรมมหาราชวงั และมีจุดมุ่งหมายเพอ่ื ส่งเสริมวชิ าชีพสอบบญั ชีและตอ้ งการจดั ต้งั สมาคมวิชาชีพ ดงั เช่นในต่างประเทศ 2.4 ปี พ.ศ. 2481 พระยาไชยยศสมบตั ิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลงั ซ่ึงเป็ นประธาน กร ร ม ก า ร พิจ า ร ณ า เ ร่ื อ ง ก า ร ส่ งเ ส ริ ม ก า ร ศึ ก ษ า ท า ง บัญ ชี มี ม ติ ให้จัด ก า ร ศึ ก ษ า ท า ง ก า ร บัญ ชี ใ น มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์และการเมือง และจดั ต้งั แผนกวิชาการบญั ชีข้ึนท่ีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ขณะเดียวกนั ไดจ้ ดั ใหม้ ีการศกึ ษาในระดบั มธั ยมศึกษาข้นึ ในโรงเรียนพาณิชยการ 2.5 ปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลไดอ้ อกกฎหมายพระราชบญั ญตั ิบญั ชี พ.ศ. 2482 เป็ นกฎหมายว่า ดว้ ยการบญั ชีฉบบั แรก ซ่ึงกาหนดใหผ้ ปู้ ระกอบธุรกิจตอ้ งจดั ทาบญั ชี เพอ่ื ประโยชน์ในการจดั เก็บภาษี ตามประมวลรัษฎากร หลงั จากเหตุการณ์ทีก่ ล่าวมาขา้ งตน้ การบญั ชีในประเทศไทยยงั มีการพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ืองและ มีเหตุการณ์สาคญั อีกหลายเหตกุ ารณ์จนถึงปัจจบุ นั โดยสถาบนั ท่ีมีบทบาทกบั การบญั ชีในประเทศไทย เป็ นอย่างมากในปัจจุบนั คือ สภาวิชาชีพบญั ชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีหน้าท่ีสาคญั เช่น กาหนด มาตรฐานการรายงานทางการเงนิ (รวมถึงมาตรฐานการบญั ชี) มาตรฐานการสอบบญั ชี และมาตรฐาน อ่ืนที่เก่ียวกับวิชาชีพบญั ชี รวมท้ังกาหนดจรรยาบรรณของผูป้ ระกอบวิชาชีพบัญชี เป็ นตน้ ซ่ึง มาตรฐานต่างๆเหล่าน้ีไดป้ รับให้มีความสอดคลอ้ งกบั สากลมากข้ึน เพอ่ื รองรับกบั ระบบเศรษฐกิจใน ปัจจุบนั ทม่ี ีการติดตอ่ คา้ ขายระหวา่ งประเทศอยา่ งแพร่หลาย รวมท้งั การใชค้ าศพั ทใ์ นทางการบญั ชีก็มี การปรับใชค้ าเพื่อให้ชัดเจนครอบคลุมและเป็ นสากลมากข้ึน เช่น ในอดีตหากกล่าวถึงขอ้ มูลทาง การเงินมกั ใชค้ าวา่ งบการเงิน แต่ในปัจจุบนั นิยมใชค้ าวา่ รายงานทางการเงิน เพื่อให้ครอบคลุมขอ้ มูล ทางการเงินท้งั หมด ซ่ึงไม่ไดห้ มายถึงเฉพาะงบการเงินเท่าน้ัน ท้งั น้ีงบการเงินถือเป็ นส่วนหน่ึงของ รายงานทางการเงนิ นน่ั เอง
-6- ความหมายของการบญั ชี สาหรบั ความหมายของการบญั ชี (Accounting) ไดม้ ีผใู้ หค้ านิยามไวต้ ่างๆกนั เช่น สมาคมผูส้ อบบญั ชีรับอนุญาตของประเทศสหรัฐอเมริกา (American Institute of Certified Public Accounts หรือ AICPA)ไดใ้ ห้คานิยามของการบญั ชี ดังน้ี “ การบญั ชี หมายถึง การจดบนั ทึก การจาแนก การสรุปผล และการรายงานเหตุการณ์ท่ีเกี่ยวกับการเงินไวใ้ นรูปเงินตรา รวมท้งั การ ตีความหมายของผลลพั ธด์ งั กล่าวดว้ ย” (สมจิตร จงึ สงวนพรสุข, 2552: 1-2) สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบญั ชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย (The Institute of Certified Accountants and Auditor of Thailand : ICAAT) ซ่ึงปัจจบุ นั คือ สภาวชิ าชีพบญั ชี ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ไดใ้ ห้นิยามของการบญั ชีไวว้ ่า “การบญั ชี คือ ศิลปะของการเกบ็ รวมรวม บนั ทึก จาแนก และทาสรุป ขอ้ มูลอนั เกี่ยวกบั เศรษฐกิจในรูปตวั เงิน ผลงานข้นั สุดทา้ ยของการบญั ชีก็คือ การใหข้ อ้ มูลทางการเงิน ซ่ึงเป็นประโยชนแ์ ก่บุคคลหลายฝ่ายและผทู้ ่ีสนใจในกิจกรรมของกิจการ” จากคานิยามของการบญั ชีดังท่ีกล่าวมาขา้ งต้น สามารถสรุปกระบวนการทางบัญชีได้ 4 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. การจดบันทึก (Recording) คือการจดบนั ทึกเหตกุ ารณ์ของกิจการที่เกิดข้ึนแลว้ มีหลกั ฐาน หรือเอกสารทีเ่ ช่ือถือไดแ้ ละยนื ยนั วา่ เกิดข้นึ แน่นอน รวมท้งั สามารถวดั มูลคา่ เป็ นจานวนเงินได้ โดยจะ บนั ทึกในรูปของหน่วยเงินตรา รายการเหล่าน้ีเรียกว่า รายการคา้ (Business Transaction) ตวั อย่าง รายการคา้ เช่น บริษทั A ซ้ือสินคา้ เป็นเงินสด 5,000 บาท 2. การจัดหมวดหมู่ (Classifying) คือการนารายการคา้ ท่ีจดบนั ทึกไวม้ าจดั เป็ นหมวดหมู่ตาม ลกั ษณะและประเภทของรายการทางการบญั ชี เพอ่ื ให้รายการประเภทเดียวกนั อยใู่ นหมวดเดียวกนั ซ่ึง มี 5 หมวด ไดแ้ ก่ สินทรัพย์ หน้ีสิน ส่วนของเจา้ ของ รายได้ และคา่ ใชจ้ ่าย 3. การสรุปผล (Summarizing) คือการนาขอ้ มูลที่บนั ทึกและจดั หมวดหมู่ไวแ้ ลว้ มาสรุปผล เมื่อส้ินสุดระยะเวลาทางการบญั ชีท่กี าหนดไว้ เช่น รายเดือน รายไตรมาส รายปี เพ่ือแสดงขอ้ มูลทาง การเงนิ ทสี่ าคญั ออกมาในรูปของงบการเงิน 4. การแปลความหมาย (Interpreting) คือการนางบการเงินท่ีไดจ้ ากการสรุปผลมาวเิ คราะห์ และตีความหมายวา่ มีผลต่อกิจการอยา่ งไร เพือ่ ประโยชน์ในการวางแผน ควบคุมการปฏิบตั งิ าน และ การตดั สินใจในอนาคตไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง โดยอาจเปรียบเทียบกบั ผลการดาเนินงานทผี่ า่ นมาของกิจการ หรือเปรียบเทียบกบั ผลการดาเนินงานของกิจการอ่ืน
-7- ความสาคญั ของการบญั ชีและประโยชน์ของข้อมูลทางการบัญชี ความสาคญั ของการบญั ชีโดยภาพรวม ก็คือ เป็ นขอ้ มูลทางการเงินของกิจการท่ีสามารถใช้ ประโยชน์ในการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ และจากกระบวนการทางการบญั ชีเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซ่ึงขอ้ มูลทาง การเงนิ ทตี่ อ้ งการ จะพบว่าผลผลิตทีส่ าคญั ของการบญั ชี คอื งบการเงิน ซ่ึงเป็นหน่ึงในเคร่ืองมือสาคญั ทเี่ จา้ ของกิจการหรือผบู้ ริหาร รวมท้งั ผมู้ ีส่วนไดเ้ สียอื่นๆซ่ึงเป็นบุคคลภายนอก ใชใ้ นการตดั สินใจเชิง เศรษฐกิจ จงึ ถือไดว้ า่ การบญั ชีมีความสาคญั และมีประโยชน์มากในทางธุรกิจ สาหรับประโยชน์ของ ขอ้ มูลทางการบญั ชีสามารถสรุปได้ ดงั น้ี 1. ทราบถึงผลการดาเนินงานของกิจการ ในรอบระยะเวลาใดเวลาหน่ึงวา่ ผลการดาเนินงาน ที่ผา่ นมา กิจการมีผลกาไรหรือผลขาดทนุ เป็ นจานวนเท่าใด 2. ทราบถึงฐานะการเงินของกิจการ ณ วนั ใดวนั หน่ึงวา่ กิจการมีสินทรพั ย์ หน้ีสิน และส่วน ของเจา้ ของกิจการเป็นจานวนเท่าใด 3. ทราบถึงความรับผดิ ชอบในการใชท้ รพั ยากรของเจา้ ของกิจการหรือผบู้ ริหาร 4. ช่วยใหผ้ บู้ ริหารและผูม้ ีส่วนไดเ้ สียอื่นๆ ใชข้ อ้ มูลเพ่อื ประกอบการวางแผน การควบคุม และตดั สินใจ 5. ช่วยใหฝ้ ่ ายบริหารทราบถึงขอ้ บกพร่องในการดาเนินงานที่ผา่ นมา เพือ่ เป็ นแนวทางใน การปรับปรุงการดาเนินงานในอนาคต ประเภทของการบญั ชี การบญั ชีสามารถจาแนกประเภทตามลกั ษณะและวตั ถุประสงคข์ องการรายงานข้อมูลใหผ้ ใู้ ช้ ขอ้ มูลไดเ้ ป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1. การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) เป็ นการบญั ชีทีจ่ ดั ทาขอ้ มูลรายงานทางการเงิน ในรูปของงบการเงิน (Financial Statement) ซ่ึงเป็ นขอ้ มูลท่ีเกิดข้ึนจริงในอดีต เพอื่ ใหบ้ ุคคลภายนอก เช่น นกั ลงทุน เจา้ หน้ี รัฐบาล หรือผูม้ ีส่วนไดเ้ สียอื่น นาไปใชป้ ระกอบการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ งบ การเงนิ จะจดั ทาตามกาหนดระยะเวลาที่แน่นอนและเหมือนกนั ทุกๆปี และเน่ืองจากมีผตู้ อ้ งใชข้ อ้ มูล ทางการเงินหลายฝ่ าย ดังน้ันจึงตอ้ งจดั ทาข้ึนโดยใช้หลักการบญั ชีท่ีเป็ นมาตรฐานเดียวกัน เรียกว่า มาตรฐานการรายงานทางการเงนิ
-8- 2. การบัญชีเพ่ือการจดั การ (Managerial Accounting) หรืออาจเรียกวา่ การบญั ชีบริหาร เป็ น การบญั ชีทจี่ ดั ทาข้ึนเพื่อให้ขอ้ มูลทางการบญั ชีหรือรายงานทางการเงินในรูปของ รายงานสาหรบั ฝ่ าย บริหาร ( Management Reports) เพื่อใช้ภายในกิจการ เป็ นขอ้ มูลสาหรับผูบ้ ริหารใช้ประกอบการ วางแผน การควบคุมและการตดิ ตามผล และการตดั สินใจ รวมถึงการแกไ้ ขปรับปรุงการปฏบิ ตั งิ านของ กิจการ โดยขอ้ มูลที่รายงานจะเป็ นท้งั ขอ้ มูลในอดีต ปัจจุบนั และการคาดคะเนในอนาคต การจดั ทา ขอ้ มูลไม่มีมาตรฐานการบญั ชีกาหนด จะจดั ทาข้ึนตามรูปแบบท่ผี บู้ ริหารตอ้ งการเพอ่ื ใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ิง ทต่ี อ้ งการตดั สินใจและทนั เวลา จากท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ สามารถสรุปการเปรียบเทียบลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั ระหว่างการบญั ชี การเงินและการบญั ชีเพอ่ื การจดั การไดด้ งั ตารางที่ 1.1 ตารางที่ 1.1 เปรียบเทียบการบญั ชีการเงนิ และการบญั ชีเพอ่ื การจดั การ การบัญชีการเงนิ การบญั ชีเพ่ือการจดั การ 1. รายงานตอ่ บุคคลภายนอกกิจการ 1. รายงานต่อผบู้ ริหารภายในกิจการเพอื่ ใชใ้ นการ 1.1 นกั ลงทนุ 1.1 วางแผน 1.2 เจา้ หน้ี 1.2 ควบคุม 1.3 หน่วยงานกากบั ดูแล 1.3 ตดั สินใจ 2. เป็นขอ้ มูลจริงทีเ่ กิดข้ึนแลว้ 2. เป็ นท้งั ขอ้ มูลจริงและขอ้ มูลจากการคาดคะเนที่ มีผลตอ่ การตดั สินใจในอนาคต 3. ให้ความสาคัญกับความเที่ยงธรรมและ 3. ให้ความสาคัญกับความเก่ี ยวข้องกับการ ตรวจสอบได้ ตดั สินใจ 4. เนน้ ความถูกตอ้ ง 4. เนน้ ความทนั เวลา 5. แสดงภาพรวมของกิจการ 5. แสดงรายละเอียดแตล่ ะส่วนงาน 6. ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานรายงานทาง 6. ไม่ตอ้ งปฏิบตั ิตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน การเงนิ ข้นึ อยกู่ บั ความตอ้ งการใชข้ อ้ มูลของผบู้ ริหาร 7. ตอ้ งได้รับการตรวจสอบจากผูส้ อบบญั ชี 7. ไม่ตอ้ งไดร้ ับการตรวจสอบจากผูส้ อบบญั ชีรับ รบั อนุญาต หรือผสู้ อบบญั ชีภาษอี ากร อนุญาต หรือผสู้ อบบญั ชีภาษีอากร ที่มา : ปรบั ปรุงจาก Garrison, Noreen and Brewer (2012 : 2)
-9- ลกั ษณะของธุรกจิ 1. ประเภทของธุรกิจ ในการดาเนินธุรกิจสามารถจาแนกลักษณะการดาเนินธุรกิจได้ 3 ประเภท ดงั น้ี 1.1 ธุรกิจใหบ้ ริการ (Service Business) หมายถึง กิจการที่ประกอบธุรกิจใหบ้ ริการตา่ งๆแก่ ลูกค้า จะมีรายได้หลัก คือ รายได้จากการบริการ รายจ่ายหลัก คือ เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่า ค่า สาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคา ค่าวสั ดุสิ้นเปลือง และอ่ืนๆ ขอ้ พจิ ารณาทเ่ี กิดข้นึ ในธุรกิจใหบ้ ริการ ไดแ้ ก่ การวดั ผลการดาเนินงาน และลกั ษณะของผลิตภณั ฑซ์ ่ึงจะไม่เห็นเป็ นตวั ตนที่ชดั เจน งบการเงินของ กิจการจาแนกรายได้ และค่าใชจ้ ่ายตามประเภทของลูกคา้ ตวั อยา่ งของธุรกิจให้บริการ ไดแ้ ก่ อู่ซ่อม รถยนต์ โรงแรม สานกั งานท่ปี รึกษา เป็นตน้ 1.2 ธุรกิจซ้ือขายสินคา้ (Merchandising Business) หมายถึง กิจการที่ประกอบธุรกิจขาย สินคา้ ท้งั ขายส่ง และขายปลีก โดยกิจการไม่ใช่ผูผ้ ลิต จะทาการซ้ือสินคา้ สาเร็จรูปจากธุรกิจผลิตหรือ ผูค้ า้ ส่งมาเพ่ือขายต่อ รายไดห้ ลกั ของกิจการคือ รายไดจ้ ากการขาย ค่าใชจ้ ่ายจาแนกเป็ น 2 ส่วน คือ ตน้ ทุนขาย และค่าใชจ้ ่ายในการขายและบริหาร ตน้ ทุนขายคิดเป็ นตน้ ทุนสินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์ ส่วน ค่าใชจ้ ่ายในการขายและบริหารคิดเป็ นตน้ ทุนประจางวด ตวั อย่างของธุรกิจซ้ือขายสินค้า ได้แก่ ศนู ยก์ ารคา้ ร้านขายวสั ดุก่อสรา้ ง ร้านขายของชา เป็ นตน้ 1.3 ธุรกิจผลิตสินคา้ (Manufacturing Business) หมายถึง กิจการทีป่ ระกอบธุรกิจผลิต ส่วน ใหญ่มีโรงงานสาหรับผลิตสินคา้ โดยจะซ้ือวตั ถุดิบ นาเขา้ สู่กระบวนการผลิต โดยว่าจา้ งคนงานและ พนกั งาน จา่ ยค่าใชจ้ ่ายการผลิต ท่ีใชใ้ นกระบวนการผลิต คา่ ใชจ้ ่ายท้งั สามส่วนท่ีกล่าวมาน้ีจะรวมเป็ น ตน้ ทุนสินคา้ หรือผลิตภณั ฑ์ สาหรบั ค่าใชจ้ ่ายที่เกิดข้ึนในสานกั งานจะคิดเป็ นค่าใชจ้ ่ายในการขายและ บริหาร ซ่ึงถือวา่ เป็นตน้ ทุนประจางวด ตวั อยา่ งของธุรกิจผลิต ไดแ้ ก่ โรงงานผลิตรถยนต์ โรงงานผลิต อุปกรณ์กีฬา เป็นตน้ 2. รูปแบบของธุรกิจ การจัดต้ังธุรกิจสามารถจะดาเนินการได้ในหลายรูปแบบ ผูท้ ่ีสนใจจะดาเนินธุรกิจ จาเป็ นตอ้ งศกึ ษาถึงลกั ษณะและรูปแบบต่างๆของธุรกิจเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาตดั สินใจเลือกแบบ ในการจดั ต้งั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยรูปแบบของธุรกิจแบ่งได้ 7 ประเภท ดงั น้ี (ดวงสมร อรพินท์ และ คณะ, 2557: 10 - 14)
-10- 2.1 กิจการเจา้ ของคนเดียว (Single Proprietorship or Sole Proprietorship) ไดแ้ ก่ กิจการท่ี มีบคุ คลคนเดียวเป็นเจา้ ของและนาสินทรัพยข์ องตนมาลงทุนในกิจการเพอื่ หากาไร เจา้ ของเป็ นบุคคล คนเดียวทีม่ ีอานาจจดั การ ควบคุม และตดั สินใจในการดาเนินงานของกิจการ ขนาดของกิจการค่อนขา้ ง เล็ก การจดั ต้งั และเลิกกิจการกระทาไดส้ ะดวก กาไรจะเป็ นของเจา้ ของเพยี งบุคคลเดียว ทาให้เกิด แรงจูงใจในการทางาน ผลการดาเนินงานไม่จาเป็ นตอ้ งเปิ ดเผยต่อบุคคลภายนอก แต่เจา้ ของตอ้ ง รับผิดชอบในหน้ีสินของกิจการโดยไม่จากดั จานวน ทุนของกิจการประเภทน้ีจะจากดั เน่ืองจากมีผู้ ลงทุนเพยี งคนเดียว การบริหารจดั การข้ึนอยกู่ บั ความสามารถของเจา้ ของกิจการเพยี งบุคคลเดียว เม่ือ เจา้ ของถอนทุนกจ็ ะตอ้ งเลิกกิจการไป ทางกฎหมาย กิจการคา้ ของเจา้ ของคนเดียวน้ีไม่ถือว่าเป็ นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ เป็ นเจา้ ของแต่ในแง่ของการบญั ชีจะแยกเป็ นหน่วยอิสระหน่วยหน่ึงต่างหากจากผเู้ ป็ นเจา้ ของ ดงั น้นั เม่ือเจา้ ของนาสินทรัพยส์ ่วนตวั มาลงทุนในกิจการ ถือว่าสินทรัพยเ์ หล่าน้ีเป็ นของกิจการมิใช่สินทรพั ย์ ส่วนตวั ของเจา้ ของ ถา้ มีรายการทางบญั ชีเกิดข้ึนก็ตอ้ งดูวา่ เป็ นรายการท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กิจการคา้ หรือ ของส่วนตวั เช่น นายเขียว เปิ ดกิจการร้านซ่อมเครื่องใชไ้ ฟฟ้า นายเขยี วซ้ือคอมพวิ เตอร์เพ่อื ใชส้ ่วนตวั ที่บา้ นราคา 40,000 บาท รายการซ้ือคอมพิวเตอร์น้ีจะไม่นามาบนั ทึกในบญั ชีของกิจการร้านซ่อม เครื่องใชไ้ ฟฟ้า 2.2 ห้างหุ้นส่วน (Partnership) หมายถึง กิจการท่ีมีบุคคลต้งั แต่สองคนข้ึนไปเป็ นเจา้ ของ ตกลงร่วมลงทุนกนั โดยมีวตั ถุประสงคจ์ ะแบ่งกาไรกนั ซ่ึงจะลงทุนเป็ นเงินสด สินทรัพยอ์ ่ืน หรือ แรงงานก็ได้ ผเู้ ป็นหุน้ ส่วนจะตกลงทาสัญญาจดั ต้งั หา้ งหุน้ ส่วน สญั ญาน้ีอาจทาดว้ ยวาจา หรือเป็ นลาย ลกั ษณ์อักษร สาระสาคญั ในสัญญาจะระบุถึงจานวนเงินลงทุนของผูถ้ ือหุ้นส่วนแต่ละคน ความ รับผิดชอบของผูเ้ ป็ นหุ้นส่วน การแบ่งปันผลกาไรหรือขาดทุน และอื่นๆ หา้ งหุน้ ส่วนตามประมวล กฎหมายแพง่ และพาณิชยแ์ บง่ เป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 2.2.1 หา้ งหุ้นส่วนสามญั (Unlimited Partnership) ไดแ้ ก่ หา้ งหุ้นส่วนท่ีผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน ทุกคนรับผดิ ชอบร่วมกนั ในหน้ีสินท้งั หมดของหา้ ง โดยไม่จากดั จานวน ผเู้ ป็ นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธ์ิ จดั การงานแทนห้างได้ ซ่ึงจะจดทะเบียนเป็ นนิตบิ ุคคลหรือไม่ก็ได้ ถา้ ในกรณีไม่ไดจ้ ดทะเบียน ผเู้ ป็ น หุน้ ส่วนทุกคนกบั หา้ งหุน้ ส่วนจะไม่แยกออกจากกนั เมื่อเกิดคดีความข้ึน เจา้ หน้ีจะฟ้องรอ้ งหุน้ ส่วนคน ใดกไ็ ด้ อีกกรณีคอื แบบทจี่ ดทะเบียนตอ้ งใชค้ าวา่ “หา้ งหุน้ ส่วนสามญั นิติบคุ คล” ประกอบชื่อหา้ งเสมอ และหา้ งหุน้ ส่วนจะเป็นนิติบคุ คลแยกต่างหากจากผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน เมื่อเกิดคดีความ เจา้ หน้ีจะฟ้องรอ้ งใน นามของห้างหุ้นส่วน ในกรณีที่สินทรัพยข์ องห้างหุ้นส่วนไม่พอชาระหน้ีจะฟ้องร้องเอาจากผูเ้ ป็ น
-11- หุน้ ส่วนตอ่ ไป ผเู้ ป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็ นผจู้ ดั การของหา้ งหุน้ ส่วนไดต้ ามแต่จะตกลงกนั และผมู้ ีหนา้ ทีจ่ ดั ทาบญั ชีสาหรับหา้ งหุน้ ส่วนสามญั ไดแ้ ก่ ผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน 2.2.2 หา้ งหุน้ ส่วนจากดั (Limited Partnership) หมายถึง หา้ งหุ้นส่วนทก่ี ฎหมายบงั คบั ว่าตอ้ งจดทะเบียนเป็ นนิติบุคคล และตอ้ งมีคาวา่ หา้ งหุ้นส่วนจากดั ประกอบช่ือของห้างหุ้นส่วนดว้ ย เสมอ หา้ งหุน้ ส่วนจากดั จะตอ้ งประกอบดว้ ยหุน้ ส่วน 2 ประเภท ดงั น้ี 2.2.2.1 หุ้นส่วนประเภทจากัดความรับผิดชอบ ผูเ้ ป็ นหุ้นส่วนประเภทน้ี รับผดิ ชอบในหน้ีสินของหา้ งหุน้ ส่วน ไม่เกินกวา่ จานวนเงนิ ทีต่ นไดล้ งทนุ ใหห้ า้ งหุน้ ส่วน 2.2.2.2 หุ้นส่วนไม่จากดั ความรบั ผิดชอบ ผเู้ ป็ นหุน้ ส่วนประเภทน้ีจะรับผิดใน หน้ีสินโดยไม่จากัดจานวน กฎหมายกาหนดให้ต้องมีหุ้นส่วนประเภทไม่จากัดความรับผิดชอบ อยา่ งนอ้ ย 1 คน การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนประเภทน้ีตอ้ งระบุให้ชัดเจนว่ามีหุ้นส่วนประเภทจากดั ความ รบั ผดิ ชอบ และไม่จากดั ความรบั ผดิ ชอบก่ีคน ใครบา้ ง ผเู้ ป็ นหุน้ ส่วนประเภทไม่จากดั ความรบั ผดิ ชอบ เท่าน้ันท่ีมีสิทธ์ิจดั การวางของห้างหุ้นส่วน และผูม้ ีหน้าที่จดั ทาบญั ชีสาหรับห้างหุ้นส่วนจากัดคือ ผจู้ ดั การ 2.3 บริษทั จากดั (Corporation or Company Limited) คือ ธุรกิจทจ่ี ดั ต้งั โดยการรวมทุนของ กลุ่มชนเพ่ือกระทากิจการร่วมกนั มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื จะหากาไรมาแบ่งกนั โดยต้งั เป็ นนิติบุคคล คือ ตอ้ งจดทะเบียนเป็ นนิติบุคคลแยกต่างหากจากเจา้ ของ ผูท้ ่ีลงทุนซ้ือหุ้นของบริษทั เรียกว่า ผูถ้ ือหุ้น (Stockholders) บริษทั จะมีการแบ่งทุนออกเป็ นหุ้น มูลค่าหุ้นละเท่าๆ กนั ผูถ้ ือหุ้นจะไดร้ ับส่วนแบ่ง กาไรเป็ นเงินปันผล (Dividends) บริษทั จากดั จะตอ้ งจดั ใหม้ ีการประชุมผูถ้ ือหุน้ อยา่ งนอ้ ยปี ละคร้ัง หุน้ ของบริษทั อาจเปลี่ยนมือไดโ้ ดยการจาหน่ายหรือโอนให้ผลู้ งทุนรายอ่ืนโดยไม่ตอ้ งเลิกบริษทั บริษทั ที่ จดทะเบียนจดั ต้งั บริษทั เรียบร้อยแลว้ ตอ้ งใชค้ านาหนา้ ว่า บริษทั และคาลงทา้ ย จากดั เวน้ แต่ธนาคาร พาณิชยจ์ ะใชค้ าวา่ บริษทั จากดั หรือไม่ใชก้ ็ได้ และผมู้ ีหนา้ ท่จี ดั ทาบญั ชี ไดแ้ ก่ กรรมการผจู้ ดั การบริษทั
-12- เดิมน้นั บริษทั จากดั มีเพยี งประเภทเดียว ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 ไดม้ ีพระราชบญั ญตั ิใหม่ แบ่งบริษทั จากดั ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 2.3.1 บริษทั เอกชน จากดั หมายถึง บริษทั ที่จดั ต้งั ข้ึนตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชยซ์ ่ึงในมาตรา 1096 “อนั วา่ บริษทั จากดั น้ัน คือ บริษทั ประเภทซ่ึงจดั ต้งั ดว้ ยการแบ่งทุนเป็ นหุน้ มี มูลคา่ เทา่ ๆ กนั ผถู้ ือ หุน้ ดงั กล่าวตา่ งรับผดิ ชอบจากดั เพยี งไม่เกินจานวนเงินท่ีตนยงั ส่งใชไ้ ม่ครบมูลค่า ของหุ้นที่ตนถือ” ผเู้ ริ่มจดั ต้งั ของบริษทั เอกชน จากดั ตอ้ งมีจานวนต้งั แต่ 7 คนข้นึ ไป หุน้ ซ่ึงถือว่าเป็ น หุ้นทุนของบริษทั เอกชน จากัด เรียกว่า หุ้นสามญั (Common Stock) คุณสมบตั ิของผูถ้ ือหุ้นไม่เป็ น สาระสาคญั กล่าวคือ หากผถู้ ือคนใดตาย หรือลม้ ละลาย หรือไร้ความสามารถ บริษทั กย็ งั คงดาเนินการ ตอ่ ไป 2.3.2 บริษทั มหาชน จากัด หมายถึง บริษทั ท่ีจดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากดั ซ่ึงเดิมคอื พระราชบญั ญตั ิกฎหมายมหาชนจากดั พ.ศ. 2521 ต่อมามีการปรบั ปรุงกฎหมาย โดยการยกเลิกฉบบั เดิม และออกพระราชบญั ญตั ิฉบบั ใหม่ เป็ นพระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากัด พ.ศ. 2535 และมีพระราชบญั ญตั ิบริษทั มหาชนจากดั (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2544 โดยกาหนดใหธ้ ุรกิจเป็ น บริษัทมหาชนได้ 3 วิธี คือ วิธีที่1 จัดต้งั ใหม่ วิธีท่ี2 แปรสภาพจากบริษทั เอกชนจากัด เป็ นบริษทั มหาชนจากดั และวิธีท่ี3 ควบบริษทั เอกชนจากดั กบั บริษทั มหาชนจากดั โดยผเู้ ร่ิมจดั ต้งั มีจานวน 15 คนข้ึนไป หุ้นของบริษทั แตล่ ะหุน้ ตอ้ งมีมูลค่าเท่ากนั โดยไม่กาหนดมูลค่าจานวนเงนิ ข้นั ต่าไว้ ถา้ มีการ ออกหุน้ โดยมีส่วนเกินมูลค่าหุน้ ใหเ้ ก็บเงินเตม็ จานวนคร้งั เดียว และเรียกเกบ็ ส่วนเกินเตม็ จานวน ท้งั บริษทั เอกชน จากดั และบริษทั มหาชน จากดั ตอ้ งมีกรรมการคณะหน่ึงเพอ่ื ดาเนิน กิจการของบริษทั เรียกว่า คณะกรรมการบริษทั ประกอบดว้ ยกรรมการอยา่ งน้อย 5 คน และกรรมการ ไม่นอ้ ยวา่ ก่ึงหน่ึงของจานวนกรรมการท้งั หมดตอ้ งมีถิ่นทอ่ี ยใู่ นราชอาณาจกั ร ธุรกิจแบบบริษทั จากดั สามารถที่จะรวบรวมเงินทุนไดเ้ ป็ นจานวนมากเท่าท่ีตอ้ งการ อายุการดาเนินงานของธุรกิจจะต่อเน่ือง การบริหารงานของบริษทั จากัดมีประสิทธิภาพดีกว่าห้าง หุน้ ส่วนเนื่องจากบริษทั จากดั บริหารงานโดยคณะกรรมการบริษทั ซ่ึงผูถ้ ือหุ้นเป็ นผูค้ ดั เลือก แต่การ จดั ต้งั ค่อนข้างยุง่ ยาก และเสียค่าใช้จ่ายมาก ในการจดั ต้งั บริษทั น้ันผูเ้ ริ่มก่อต้งั ตอ้ งจัดทาหนังสือ บริคณหส์ นธิ และจดทะเบยี นท่กี ระทรวงพาณิชย์ หรือสานักงานพาณิชย์ จงั หวดั ทีบ่ ริษทั ต้งั อยใู่ นส่วน ภูมิภาค ขอ้ เสียคือคณะกรรมการบริษทั อาจขาดความต้งั ใจทุ่มเท หรือความรับผดิ ชอบในการทางาน เน่ืองจากกลุ่มบคุ คลที่วา่ จา้ งมาเป็นตวั แทนในการทางาน ไม่ไดเ้ ป็ นเจา้ ของกิจการเอง
-13- 2.4 สหกรณ์ (Cooperation) หมายถึง กิจการทปี่ ระกอบธุรกิจโดยการร่วมทุนร่วมแรงร่วม ปัญญาของบุคคลกลุ่มหน่ึงซ่ึงจดั ต้งั โดยความสมคั รใจตามหลกั การช่วยเหลือตนเอง การช่วยเหลือซ่ึง กนั และกนั และประหยดั เพ่ือให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจ ผูร้ ่วมลงทุนในสหกรณ์อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมี จานวน 10 คน ทุนของสหกรณ์จะแบ่งเป็ นหุ้นมูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน วตั ถุประสงค์ของการจัดต้ัง สหกรณ์คือจะไม่เป็นการหากาไรแตต่ อ้ งการช่วยเหลือสมาชิกในดา้ นเศรษฐกิจการประกอบอาชีพ และ การแบ่งผลประโยชน์ใหส้ มาชิก สหกรณ์ตอ้ งจดทะเบียนเป็ นนิติบุคคล และตอ้ งระบุวา่ เป็ นสหกรณ์จากดั หรือไม่จากดั ถา้ เป็ นสหกรณ์จากดั สมาชิกทุกคนจากดั ความรับผดิ ชอบเพียงไม่เกินมูลค่าหุ้นทส่ี ่งใชย้ งั ไม่ครบ ถา้ เป็ น สหกรณ์ไม่จากดั สมาชิกทกุ คนตอ้ งรบั ผดิ ชอบร่วมกนั ในหน้ีสินของสหกรณ์โดยไม่จากดั จานวน ผถู้ ือ หุน้ เรียกวา่ สมาชิกสหกรณ์ สมาชิก 1 คน มี 1 เสียง เพอ่ื ป้องกนั การควบคุมสหกรณ์จากบุคคลใดบุคคล หน่ึง ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ได้แบ่งสหกรณ์ในประเทศไทยออกเป็ น 6 ประเภท คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ประมง สหกรณ์นิคม สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านคา้ และสหกรณ์ บริการ 2.5 รัฐวิสาหกิจ (State Enterprises) หมายถึง หน่วยงานที่รัฐบาลเป็ นเจา้ ของหรือรัฐร่วม ลงทุนเกินกว่าร้อยละ 50 จดั ต้งั ข้ึนตามพระราชบญั ญตั ิสภาพฒั นาการเศรษฐกิจแห่งชาติ พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ซ่ึงไดบ้ ญั ญตั ิไวว้ า่ “รัฐวสิ าหกิจ หมายถึง บริษทั หรือหา้ งหุน้ ส่วนนิตบิ ุคคลซ่ึงทนุ ท้งั ส้ินเป็ น ของกระทรวง ทบวง กรม ในรฐั บาล หรือกระทรวง ทบวง กรม ในรัฐบาลมีทนุ รวมอยดู่ ว้ ยเกินกวา่ ร้อย ละ 50 หรือบริษทั หา้ งหุน้ ส่วนนิตบิ ุคคลใดๆ ท่ีบริษทั หรือห้างหุน้ ส่วนนิตบิ ุคคลดงั กล่าวขา้ งตน้ มีทุน รวมอยดู่ ว้ ยเกินกวา่ ร้อยละ 50 และใหค้ วามหมายรวมถึงองคก์ ารรัฐบาล หรือหน่วยงานธุรกิจที่รฐั บาล เป็ นเจา้ ของ และรวมตลอดถึงห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดๆ ที่องคก์ ารรัฐบาล หรือหน่วยงานธุรกิจของ รัฐบาลมีทนุ รวมอยดู่ ว้ ยเกินรอ้ ยละ 50”
-14- 2.6 นิตบิ ุคคลต่างประเทศ (Foreign Enterprises) เน่ืองจากปัจจุบนั ประเทศไทยเปิ ดโอกาส ให้ต่างชาตินาเงิน และหรือสินทรัพยอ์ ื่นมาลงทุนในประเทศเพื่อเป็นการระดมทุน จึงมีรูปแบบธุรกิจ ประเภทน้ีเกิดข้ึน นิติบุคคลต่างประเทศสามารถจดทะเบียนได้ 2 แบบ คือ นิติบุคคลจดทะเบียนจาก ต่างประเทศ หรือนิติบุคคลจดทะเบียนในประเทศไทย ผมู้ ีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี คือ ผูจ้ ดั การนิติบุคคล ต่างประเทศท่ีจดทะเบียนพาณิชยใ์ นประเทศไทยจะตอ้ งมีผูถ้ ือหุ้นต่างชาติหุ้นร้อยละ 50 ของทุนจด ทะเบียนข้ึนไป นิติบุคคลต่างประเทศจะถูกจากัดสิทธิในการประกอบธุรกิจบางประเภท เช่น การเกษตร เป็นตน้ 2.7 กิจการร่วมการคา้ ตามประมวลรัษฎากร (Joint Venture) หมายถึง กิจการร่วมการคา้ ตามประมวลรัษฎากร ไดแ้ ก่ กิจการที่ดาเนินร่วมกนั เป็ นการคา้ หรือหากาไรระหวา่ งบริษทั กบั บริษทั บริษทั กบั ห้างหุน้ ส่วนนิติบุคคล ห้างหุน้ ส่วนนิติบุคคลกบั ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือระหว่างบริษทั และหรือหา้ งหุน้ ส่วนนิติบุคคลกบั บุคคลธรรมดา คณะบุคคลทไี่ ม่ใช่นิติบุคคล หา้ งหุน้ ส่วนสามญั หรือ นิตบิ ุคคลอื่น จากรูปแบบธุรกิจท้งั 7 รูปแบบ ลว้ นมีขอ้ ดีขอ้ เสียแตกต่างกนั ไป ท้งั น้ีในการจดั ต้งั กิจการก็ ข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงคข์ องผจู้ ดั ต้งั และลกั ษณะของธุรกิจในแตล่ ะกิจการ โดยส่วนใหญร่ ูปแบบธุรกิจ ในประเทศไทยจะอยใู่ น 3 ประเภทแรก คือ กิจการเจา้ ของคนเดียว หา้ งหุ้นส่วน และบริษทั จากดั ซ่ึง สามารถสรุปขอ้ ดีขอ้ เสียของท้งั 3 ประเภท ไดด้ งั ตารางท่ี 1.2
-15- ตารางที่ 1.2 สรุปขอ้ ดีขอ้ เสียแต่ละรูปแบบของธุรกิจ รูปแบบของธุรกจิ ข้อดี ข้อเสีย 1. กิจการเจ้าของคน การจดั ต้งั และเลิกกิจการทาได้ มีทุนจากัด ขยายกิจกิจการได้ เดียว สะดวก ยาก ก า ร บ ริ ห า ร ง า น มี ค ว า ม เจ้าของบริ หารคนเดียวอาจ คล่องตวั สูงและเป็ นอิสระ ผดิ พลาดไดง้ า่ ย ไม่จาเป็ นต้องแสดงผลการ เจ้าของเป็ นผู้รับผิดชอบใน ดาเนินงานต่อสาธารณชน ทา หน้ีสินไม่จากดั จานวน ให้รักษาความลับของกิจการ ไดด้ ี 2. หา้ งหุน้ ส่วน การจดั ต้งั ไม่ยงุ่ ยาก ผู้เป็ น หุ้นส่ วน บ างค น ต้อ ง สามารถหาทุนได้มากกว่า รับผิดชอบในหน้ีสินของห้าง กิจการเจา้ ของคนเดียว โดยไม่จากดั จานวน ความสามารถในการบริหาร อายขุ องห้างหุ้นส่วนถูกจากัด ดี ก ว่า เน่ื อ งจ า ก ร วบ รว ม ดว้ ยอายขุ องผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน ความรู้ความสารถของผูเ้ ป็ น หุน้ ส่วน 3. บริษทั จากดั สามารถรวบรวมเงินทุนได้ ผูบ้ ริหารไม่ใช่เจา้ ของโดยตรง เป็นจานวนมากตามตอ้ งการ บางคร้ังอาจขาดความต้งั ใจและ เพม่ิ ทนุ หรือขยายกิจการไดง้ ่าย ความรบั ผดิ ชอบ การบริหารงานมีประสิทธิภาพ มี ข้อ บัง คับ แ ล ะ ก ฎ เ ก ณ ฑ์ ดีกวา่ ธุรกิจรูปแบบอื่น มากกวา่ รูปแบบอ่ืน ผูถ้ ือหุ้นแต่ละคนรับผิดชอบ หน้ีสินเพยี งจานวนเงินท่ตี นยงั ส่งใชไ้ ม่ครบเทา่ น้นั สามารถขายหรือโอนหุน้ ได้
-16- กรอบแนวคดิ สาหรับการรายงานทางการเงนิ เนื่องจากงบการเงินถูกจดั ทาข้ึนเพอื่ นาเสนอแก่บุคคลภายนอก ดงั น้นั จึงตอ้ งจดั ทาข้ึนโดยใช้ หลักการบญั ชีท่ีเป็ นมาตรฐานเดียวกัน สาหรับแนวคิดที่ใชเ้ ป็ นเกณฑ์ในการจดั ทาและนาเสนองบ การเงนิ จะถูกกาหนดอยใู่ นกรอบแนวคิดสาหรบั การรายงานทางการเงิน (ปรบั ปรุง 2558) จดั ทาข้ึนโดย สภาวิชาชีพบญั ชี ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ซ่ึงกาหนดข้ึนมาใชแ้ ทน แม่บทการบญั ชี (ปรับปรุง 2552) โดยมีวตั ถุประสงคข์ องกรอบแนวคิด คือ 1. เพอื่ ช่วยพฒั นามาตรฐานการรายงานทางการเงินในอนาคต และทบทวนมาตรฐานการรายงาน การเงนิ ทมี่ ีอยู่ 2. เพ่ือช่วยส่งเสริมการทาให้กฎระเบียบ มาตรฐานการบญั ชีและกระบวนการเกี่ยวกับการ นาเสนองบการเงินสอดคลอ้ งกนั โดยใหเ้ กณฑเ์ พอ่ื ลดวธิ ีปฏิบตั ิทางการบญั ชีที่เป็ นทางเลือก ตามทม่ี าตรฐานการรายงานทางการเงนิ อนุญาต 3. เพอื่ ช่วยพฒั นามาตรฐานการรายงานทางการเงินของประเทศ 4. เพอ่ื ช่วยผจู้ ดั ทางบการเงินปฏิบตั ิตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และจดั การกบั ประเด็น ที่ยงั ไม่ไดน้ ามาพจิ ารณากาหนดเป็นมาตรฐานรายงานทางการเงนิ 5. เพ่ือช่วยผูส้ อบบญั ชีแสดงความคิดเห็นว่า งบการเงินเป็ นไปตามมาตรฐานการรายงานทาง การเงนิ หรือไม่ 6. เพอ่ื ช่วยผูใ้ ชง้ บการเงินตีความขอ้ มูลท่ีแสดงในงบการเงินซ่ึงไดจ้ ดั ทาข้ึนตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน 7. เพอ่ื ใหข้ อ้ มูลแก่ผสู้ นใจงานของคณะกรรมการกาหนดมาตรฐานการบญั ชี เกี่ยวกบั การกาหนด มาตรฐานการรายงานทางการเงิน กรอบแนวคิดน้ีไม่ใช่มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ดงั น้ันจึงไม่ไดก้ าหนดมาตรฐานต่างๆ สาหรับประเด็นการวดั มูลค่าและการเปิ ดเผยขอ้ มูลเรื่องใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพาะ ในบางกรณีอาจมีความ ขดั แยง้ เกิดข้ึนระหวา่ งกรอบแนวคิดสาหรับรายงานทางการเงินและมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบบั ใดฉบบั หน่ึง หากเกิดกรณีท่ีมีความขดั แยง้ ข้ึน ขอ้ กาหนดของมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบบั น้นั อยเู่ หนือกวา่ กรอบแนวคิดสาหรบั การรายงานทางการเงิน สาหรับเน้ือหาสาคญั ในกรอบแนวคิดน้ี จะกาหนดเร่ืองสาคญั อยู่ 4 หวั ขอ้ คือ
-17- 1. วตั ถุประสงคข์ องการรายงานทางการเงิน 2. ลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงินที่มีประโยชน์ 3. คานิยาม การรบั รู้รายการและการวดั มูลค่าองคป์ ระกอบของโครงสรา้ งงบการเงนิ 4. แนวคิดเก่ียวกบั ทุนและการรกั ษาระดบั ทุน ในปัจจุบนั จะสังเกตเห็นไดว้ ่า การบญั ชี เปลี่ยนไปใชค้ าว่า การรายงานทางการเงิน เพอื่ ให้ บุคคลภายนอกเขา้ ใจวิชาชาชีพบญั ชี เช่น มาตรฐานการบญั ชี เปลี่ยนเป็ น มาตรฐานการรายงานทาง การเงิน ซ่ึงก็รวมท้งั แม่บทการบญั ชี เปล่ียนเป็ น กรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงนิ (นิพนั ธ์ เห็นโชคชยั ชนะ, 2558: 79) ผ้ใู ช้รายงานทางการเงนิ เดิมน้ันแม่บทการบญั ชีได้ระบุผใู้ ชง้ บการเงินไว้ 7 กลุ่ม คือ ผูล้ งทุน ผูใ้ ห้กู้ ผูข้ ายสินคา้ และ เจา้ หน้ีอื่น ลูกคา้ ลูกจา้ ง รัฐบาลและหน่วยงานราชการ และสาธารณชน แต่กรอบแนวคิดสาหรับการ รายงานทางการเงินจะระบุผใู้ ช้รายงานทางการเงินไว้ 2 กลุ่ม คือ ผูใ้ ช้หลกั อนั ประกอบด้วย 3 ฝ่ าย ไดแ้ ก่ ผลู้ งทุน ผใู้ หก้ ูย้ มื หรือเจา้ หน้ีอ่ืน อีกกลุ่มคือผใู้ ชก้ ลุ่มอื่น เช่น หน่วยงานกากบั ดูแล สาธารณชน ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องรายงานทางการเงินเพ่ือวตั ถุประสงคท์ ว่ั ไป คือ การให้ขอ้ มูลทาง การเงนิ เกี่ยวกบั กิจการท่เี สนอรายงานทม่ี ีประโยชน์ตอ่ ผใู้ ชห้ ลกั ซ่ึงไดแ้ ก่ ผลู้ งทุน ผใู้ หก้ ยู้ มื หรือเจา้ หน้ี อ่ืน ท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต เพอื่ นาไปใชใ้ นการตดั สินใจจดั สรรทรัพยากรใหแ้ ก่กิจการ โดยผใู้ ชใ้ น แต่ละฝ่ายจะใชข้ อ้ มูลในการตดั สินใจในเร่ืองทีแ่ ตกต่างกนั ดงั น้ี 1. ผู้ใช้หลกั 1.1 ผลู้ งทุน จะใชข้ อ้ มูลจากรายงานทางการเงินตดั สินใจเกี่ยวกบั การซ้ือ ขาย หรือถือ ตราสารทุนและตราสารหน้ี โดยจะข้ึนอยกู่ บั ผลตอบแทนที่ผลู้ งทุนคาดหวงั จากการลงทุนในตราสาร เหล่าน้นั เช่น เงินปันผล ส่วนต่างของราคาตลาดท่ีเพมิ่ ข้ึน เป็ นตน้ 1.2 ผใู้ หก้ ูย้ มื และเจา้ หน้ีอื่น จะใชข้ อ้ มูลจากรายงานทางการเงนิ ตดั สินใจเกี่ยวกบั การให้ เงินกู้หรือสินเช่ือในรูปแบบอ่ืน พิจารณาความสามารถในการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบ้ีย หรือ ผลตอบแทนอ่ืนท่ผี ใู้ หก้ ูย้ มื และเจา้ หน้ีอื่นคาดหวงั
-18- ท้งั น้ีวตั ถุประสงคข์ องรายงานทางการเงินไม่ใช่วตั ถุประสงคข์ องงบการเงิน แต่ถือวา่ งบ การเงินเป็ นส่วนสาคัญหน่ึงของรายงานทางการเงิน ดังน้ันจึงเน้นการรายงานทางการเงินเพื่อ วตั ถุประสงคท์ ั่วไป โดยประโยชน์ของรายงานทางการเงินคือจะให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับทรัพยากรเชิง เศรษฐกิจของกิจการ สิทธิเรียกร้องต่อกิจการ และความรับผิดชอบในการใช้ทรัพยากรอย่างมี ประสิทธิภาพและไดป้ ระสิทธิผลของฝ่ายบริหารและคณะกรรมการกากบั ดูแล ผูใ้ ชห้ ลกั จะใช้ขอ้ มูลจากรายงานทางการเงินในการตดั สินใจจดั สรรทรัพยากรให้แก่ กิจการ แตอ่ ยา่ งไรก็ตามรายงานทางการเงินไม่สามารถใหข้ อ้ มูลท้งั หมดท่ผี ใู้ ชห้ ลกั ท้งั ในปัจจุบนั และ ในอนาคตตอ้ งการ ผูใ้ ชเ้ หล่าน้ีจึงตอ้ งพิจารณาขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งจากแหล่งอ่ืน เช่น สภาพเศรษฐกิจ เหตกุ ารณ์ทางการเมือง และพยากรณ์เก่ียวกบั อุตสาหกรรมและบริษทั เป็ นตน้ 2. ผู้ใช้กล่มุ อ่ืน นอกจากผใู้ ชห้ ลกั แลว้ กรอบแนวคดิ สาหรับการรายงานทางการเงินยงั ไดร้ ะบุผใู้ ชก้ ลุ่มอ่ืน เช่น หน่วยงานกากบั ดูแล สาธารณชน ซ่ึงกลุ่มผใู้ ชอ้ ่ืนน้ีอาจพบวา่ รายงานทางการเงินมีประโยชน์ แต่ อยา่ งไรกด็ ี รายงานทางการเงินไม่ไดม้ ีวตั ถุประสงคห์ ลกั เพอ่ื ประโยชน์ของผใู้ ชก้ ลุ่มอ่ืนดงั กล่าว ข้อสมมติทางการบัญชี กรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงิน ได้กาหนดไวว้ า่ กิจการตอ้ งจดั ทางบการเงิน ภายใตข้ อ้ สมมติการดาเนินงานตอ่ เน่ือง โดยกรอบแนวคดิ ไดอ้ ธิบายไวว้ า่ “โดยทว่ั ไป งบการเงินจดั ทา ข้ึนตามขอ้ สมมติที่ว่ากิจการจะดาเนินงานอยา่ งต่อเนื่องและดารงอยตู่ ่อไปในอนาคตท่ีคาดการณ์ได้ ดงั น้นั จึงสมมติวา่ กิจการไม่มีเจตนาหรือความจาเป็ นทีจ่ ะเลิกกิจการหรือลดขนาดของการดาเนินงาน อยา่ งมีสาระสาคญั หากกิจการมีเจตนาหรือความจาเป็ นดงั กล่าว งบการเงินอาจตอ้ งจดั ทาข้ึนโดยใช้ เกณฑอ์ ื่น และตอ้ งเปิ ดเผยเกณฑน์ ้นั ในงบการเงนิ ” ลกั ษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลทางการเงนิ ทม่ี ปี ระโยชน์ จากหัวขอ้ ผูใ้ ช้รายงานทางการเงิน จะเห็นว่าผูใ้ ช้รายงานทางการเงินตอ้ งการขอ้ มูลเพื่อ นาไปใชใ้ นการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ ดงั น้นั ขอ้ มูลทางการเงินจะเป็ นประโยชน์มากนอ้ ยเพยี งใดจะ ข้ึนอยกู่ บั ความสมบูรณ์ของลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงิน โดยกรอบแนวคิดสาหรับการ รายงานทางการเงิน ไดก้ าหนดลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงนิ ทม่ี ีประโยชนว์ า่ ควรมีลกั ษณะ
-19- อยา่ งไร ซ่ึงใชไ้ ดก้ บั ขอ้ มูลทางการเงินที่ให้ในงบการเงินตลอดจนขอ้ มูลทางการเงินที่ใหโ้ ดยวิธีอ่ืน ลกั ษณะเชิงคุณภาพดงั กล่าว ประกอบดว้ ย ลกั ษณะเชิงคุณภาพพ้นื ฐาน 2 ประการ และลกั ษณะเชิง คุณภาพเสริมอีก 4 ประการ ดงั น้ี 1. ลักษณะเชิงคุณภาพพื้นฐาน (Fundamental Qualitative Characteristics) มี 2 ประการ ไดแ้ ก่ 1.1 ความเก่ียวข้องกบั การตดั สินใจ (Relevance) ขอ้ มูลทางการเงินท่ีเก่ียวขอ้ งกับการ ตดั สินใจตอ้ งช่วยให้ผใู้ ชร้ ายงานทางการเงินสามารถประเมินเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบนั และอนาคต รวมท้งั ช่วยยนื ยนั หรือช้ีขอ้ ผิดพลาดของผลการประเมินทผี่ ่านมาในอดีตได้ (คุณค่าทางการยนื ยนั และ คุณค่าทางการพยากรณ์) เช่น ขอ้ มูลผลการดาเนินงานสาหรับปี ปัจจุบนั สามารถใชเ้ ป็ นเกณฑส์ าหรับ พยากรณ์ผลการดาเนินงานในปี ต่อๆไป และยงั สามารถเปรียบเทียบกบั ขอ้ มูลผลการดาเนินงานปี ปัจจุบนั จากการพยากรณ์ที่ทาต้งั แตป่ ี ก่อนๆไดด้ ว้ ย ผลของการเปรียบเทียบดงั กล่าวช่วยใหผ้ ใู้ ชแ้ กไ้ ข และปรับปรุงกระบวนการต่างๆท่ีใชใ้ นการพยากรณ์ในอดีต ขอ้ มูลทางการเงินจะมีความเก่ียวข้องกบั การตัดสินใจหรือไม่ ข้ึนอยู่กับความมี สาระสาคญั (Materiality) ของขอ้ มูลน้นั กล่าวคือ ขอ้ มูลจะมีความมีสาระสาคญั กต็ ่อเมื่อหากไม่แสดง ขอ้ มูลน้นั หรือมีการแสดงขอ้ มูลผดิ พลาดจะมีผลกระทบต่อการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจของผูใ้ ชข้ อ้ มูล ทางการเงิน ความมีสาระสาคญั อาจข้นึ อยกู่ บั ขนาดของรายการหรือขนาดของความผดิ พลาดท่ีเกิดข้ึนก็ ได้ อยา่ งไรก็ตามขอ้ มูลทางการเงินบางขอ้ มูลอาจมีจานวนเป็ นตวั เงินไม่มาก แต่หากเก่ียวขอ้ งกบั การ ตดั สินใจ กิจการกต็ อ้ งแสดงขอ้ มูลดงั กล่าว 1.2 ความเป็ นตวั แทนอันเท่ียงธรรม (Faithful Representation) ขอ้ มูลทางการเงินท่ีมี ประโยชน์ตอ้ งไม่เป็ นเพยี งตวั แทนของรายการและเหตุการณ์ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การตดั สินใจ แต่ตอ้ งเป็ น ตวั แทนอนั เที่ยงธรรมของขอ้ มูลท่ีนาเสนอดว้ ย โดยกรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงิน ได้ กาหนดลกั ษณะของขอ้ มูลทางการเงินอนั เป็ นตวั แทนอนั เท่ียงธรรมควรจะมี 3 ลกั ษณะ คือ ครบถว้ น เป็นกลาง และปราศจากขอ้ ผดิ พลาด 1.2.1 ความครบถว้ น (Completeness) หมายถึง กิจการตอ้ งไม่ละเวน้ การแสดงรายการ บางรายการในรายงานทางการเงิน ซ่ึงจะทาใหร้ ายงานทางการเงินแสดงผิดพลาดหรือทาให้ผใู้ ชง้ บ การเงินเขา้ ใจผดิ พลาดได้ รายการในท่นี ้ีหมายถึงท้งั รายการทเี่ ป็ นตวั เลขและรายการที่ไม่เป็ นตวั เลข 1.2.2 ความเป็นกลาง (Neutrality) จากวตั ถุประสงคท์ วั่ ไปของรายงานทางการเงินตาม กรอบแนวคิดการรายงานทางการเงินท่ีระบุวา่ ตอ้ งใหข้ อ้ มูลทางการเงินท่มี ีประโยชน์ต่อผใู้ ชห้ ลกั ซ่ึง
-20- ไดแ้ ก่ ผลู้ งทุน ผูใ้ หก้ ูย้ มื หรือเจา้ หน้ีอื่น ท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ดงั น้ันกิจการตอ้ งแสดงขอ้ มูลอยา่ ง ไม่มีอคติ หรือความลาเอียง กล่าวคือ กิจการตอ้ งไม่แสดงขอ้ มูลที่ทาให้ผใู้ ชข้ อ้ มูลตดั สินใจให้เป็นไป ตามเจตนาของกิจการ 1.2.3 การปราศจากขอ้ ผดิ พลาด (Free from Error) ลกั ษณะขอ้ น้ีไม่ไดห้ มายความว่า ตอ้ งมีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ทกุ ประการ แต่หมายถึง ขอ้ มูลทางการเงินตอ้ งไม่มีขอ้ ผดิ พลาดหรือการละ เวน้ การให้ความหมายของปรากฏการณ์ และไม่มีข้อผิดพลาดในกระบวนการเลือกและประยุกต์ กระบวนการที่ใชใ้ นการจดั ทาขอ้ มูลทีร่ ายงาน 2. ลกั ษณะเชิงคณุ ภาพเสริม (Enhancing Qualitative Characteristics) มี 4 ประการ ไดแ้ ก่ 2.1 ความสามารถเปรียบเทียบได้ (Comparability) การท่ีผใู้ ชจ้ ะใชป้ ระโยชน์ของรายงาน ทางการเงินเพ่ือตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจในการเลือกทางเลือกระหว่างทางเลือกต่างๆ เช่น การซ้ือเงิน ลงทุนของกิจการแห่งหน่ึง ผูใ้ ชต้ อ้ งสามารถเปรียบเทียบขอ้ มูลในรายงานทางการเงินของกิจการกับ กิจการอื่น หรือเปรียบเทียบขอ้ มูลของกิจการเดียวกันในรอบระยะเวลาอ่ืนท่ีต่างกันได้ ซ่ึงความ สม่าเสมอจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายความสามารถเปรียบเทียบกนั ได้ แต่ถึงแม้ความสม่าเสมอจะ สมั พนั ธ์กบั ความสามารถเปรียบเทียบกนั ไดแ้ ต่ไม่เหมือนกนั เพราะความสม่าเสมอ หมายถึง การใชว้ ิธี เดียวกนั กบั รายการเดียวกนั ในทุกรอบระยะเวลาในกิจการที่เสนอรายงานทางการเงนิ 2.2 ความสามารถพิสูจน์ยนื ยนั ได้ (Verifiability) ลักษณะเสริมในขอ้ น้ีจะช่วยให้ผูใ้ ช้ รายงานทางการเงินเชื่อมนั่ วา่ ขอ้ มูลท่ใี ชจ้ ดั ทารายงานทางการเงินน้นั เป็ นขอ้ มูลที่เป็ นตวั แทนอนั เท่ียง ธรรมของปรากฏการณ์เชิงเศรษฐกิจที่กิจการนาเสนอ ความสามารถพสิ ูจน์ยนื ยนั ได้ หมายความว่า ผู้ สงั เกตการณ์รายตา่ งๆท่ีมีความรอบรูแ้ ละมีความเป็ นอิสระสามารถไดข้ อ้ สรุปตรงกนั แต่ไม่จาเป็ นตอ้ ง เป็นขอ้ ตกลงอยา่ งสมบรู ณ์วา่ รายการหรือเหตกุ ารณ์น้นั เป็ นตวั แทนอนั เทย่ี งธรรม ความสามารถพสิ ูจน์ยนื ยนั ไดน้ ้ีอาจเป็ นทางตรงหรือทางออ้ ม ความสามารถพิสูจน์ ทางตรง หมายถึง การพสิ ูจน์จานวนหรือการเป็ นตวั แทนอ่ืนจากการสงั เกตโดยตรง เช่น การตรวจนับ สินคา้ คงเหลือ การพสิ ูจน์ทางออ้ มหมายถึง การตรวจสอบปัจจยั นาเขา้ แบบจาลอง สูตร หรือการใช้ เทคนิคอื่น และคานวณผลลพั ธอ์ ีกคร้งั ดว้ ยระเบยี บวธิ ีท่ีเหมือนกนั เช่น การพิสูจนม์ ูลค่าตามบญั ชีของ สินคา้ คงเหลือดว้ ยการตรวจสอบปัจจยั นาเขา้ (ปริมาณและตน้ ทุน) และคานวณสินคา้ คงเหลือปลาย งวดอีกคร้งั ดว้ ยขอ้ สมมตกิ ารหมุนเวยี นตน้ ทนุ วธิ ีเดียวกนั (เช่น ใชว้ ธิ ีเขา้ ก่อนออกก่อน) 2.3 ความทนั เวลา (Timeliness) ในยคุ ปัจจุบนั ที่โลกเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว ขอ้ มูล ข่าวสารต่างๆตอ้ งทนั ต่อการใช้ขอ้ มูล ขอ้ มูลทางการเงินก็เช่นเดียวกนั กิจการควรให้ขอ้ มูลแก่ผูใ้ ช้
-21- รายงานทางการเงินเพื่อใชใ้ นการตดั สินใจทนั เวลาที่ขอ้ มูลสามารถมีอิทธิพลต่อการตดั สินใจ โดย ลกั ษณะของขอ้ มูลจะพบว่า ขอ้ มูลที่ยอ้ นกลบั ไปอดีตเป็ นเวลานานยิ่งมีประโยชน์ต่อการตดั สินใจ นอ้ ยลง แต่ขอ้ มูลในอดีตบางอยา่ งอาจยงั ถือว่าทนั เวลาและมีประโยชน์ต่อการตดั สินใจ เช่น การใช้ ขอ้ มูลในอดีตมาระบแุ ละประเมินแนวโนม้ ตา่ งๆ เป็ นตน้ 2.4 ความสามารถเขา้ ใจได้ (Understandability) ขอ้ มูลในรายงานทางการเงินตอ้ งช่วยให้ ผใู้ ชข้ อ้ มูลสามารถเขา้ ใจในขอ้ มูลท่ีนาเสนอได้ ท้งั น้ีผใู้ ชข้ อ้ มูลดงั กล่าวตอ้ งมีความรู้เก่ียวกบั กิจกรรม ทางธุรกิจและกิจกรรมเชิงเศรษฐกิจพอสมควร รวมท้งั มีความพยายามและความต้งั ใจตามควรใน การศกึ ษาขอ้ มูลน้นั ดงั น้นั แมข้ อ้ มูลจะมีความซบั ซอ้ น แตถ่ า้ เกี่ยวขอ้ งกบั การตดั สินใจ กิจการตอ้ งยงั คง เสนอขอ้ มูลดงั กล่าว เช่น กิจการไม่สามารถอา้ งไดว้ า่ ไม่ไดแ้ สดงรายการที่มีความซบั ซอ้ นที่ตอ้ งเปิ ดเผย ตามที่มาตรฐานรายงานทางการเงนิ กาหนด เพราะเขา้ ใจวา่ ขอ้ มูลดงั กล่าวซับซอ้ นเกินไป กิจการตอ้ ง เปิ ดเผยขอ้ มูลท่ีจาเป็น เนื่องจากขอ้ มูลที่นาเสนอจะเป็ นประโยชน์ในการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจแก่ผใู้ ช้ รายงานทางการเงนิ กรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงิน ระบุว่า ลกั ษณะเชิงคุณภาพเสริมตอ้ งมีการ นามาใชใ้ หม้ ากทีส่ ุดเท่าทเี่ ป็นไปได้ แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม ลกั ษณะเชิงคุณภาพเสริมแต่ละลกั ษณะหรือรวม หลายลกั ษณะไม่สามารถทาใหข้ อ้ มูลมีประโยชน์ หากขอ้ มูลน้ันไม่เกี่ยวขอ้ งกบั การตดั สินใจหรือไม่ เป็นตวั แทนอนั เทย่ี งธรรม ข้อจากดั ด้านต้นทุนต่อรายงานทางการเงนิ ทม่ี ปี ระโยชน์ การจดั หาข้อมูลไม่ว่าข้อมูลใดๆล้วนมีตน้ ทุน ข้อมูลทางการเงินก็เช่นกัน ต้นทุนจึงเป็ น ขอ้ จากดั เสมอของขอ้ มูลที่สามารถแสดงในรายงานทางการเงิน ดงั น้นั ประเด็นสาคญั คือ ตน้ ทุนตอ้ ง คุม้ กับประโยชน์ของการรายงานขอ้ มูล ซ่ึงตน้ ทุนและประโยชน์ที่ตอ้ งนามาพิจารณาน้ันมีหลาย ประเภท กิจการมกั จะใช้ความพยายามในการรวบรวมขอ้ มูล การประมวลผล การพิสูจน์ การยนื ยนั และเผยแพร่ขอ้ มูลทางการเงิน แตส่ ุดทา้ ยตน้ ทุนในการจดั ทารายงานดงั กล่าวน้นั ผใู้ ชจ้ ะเป็ นผรู้ ับภาระ ในรูปของผลตอบแทนที่ลดลง ดงั น้นั ในการจดั ทารายงานทางการเงินทีน่ าเสนอน้นั ควรคานึงถึงตน้ ทุน ดว้ ย นอกจากน้ีผูใ้ ชข้ อ้ มูลยงั มีตน้ ทุนเพิ่มในการวเิ คราะห์และแปลความหมายขอ้ มูลที่แสดงไวด้ ว้ ย และหากไม่มีการแสดงขอ้ มูลท่ีจาเป็ น ผูใ้ ชก้ ็จะมีตน้ ทุนเพ่ิมข้ึนอีกเพ่ือให้ได้รับขอ้ มูลที่ตอ้ งการจาก แหล่งอื่นหรือประมาณขอ้ มูลน้นั ข้นึ เอง
-22- บทสรุป การบญั ชีมีประวตั ิมายาวนานประมาณ 5,000 ปี โดยยคุ ท่ีการบญั ชีเริ่มเป็ นที่รู้จกั คือยคุ ระบบ บญั ชีคู่ ผูท้ ี่มีบทบาทในยคุ น้ีคือ ลูกา ปาชิโอลี ชาวอิตาลี ไดเ้ ขียนหนงั สือชื่อ “Summa de Arithmetica Geometria Proportioniet Proportionalita และได้รับการยกย่องเป็ นบิดาแห่งวิชาการบัญชี สาหรับ ประเทศไทยการบญั ชีเริ่มเขา้ มามีบทบาทต้งั แต่สมัยรัชการท่ี 5 และมีวิวฒั นาการต่อเน่ืองมาจนถึง ปัจจุบนั โดยสภาวชิ าชีพบญั ชี ในพระบรมราชูปถมั ภ์ เป็ นสถาบนั ที่มีบทบาทสาคญั กบั การบญั ชีของ ไทยในปัจจุบนั รวมท้งั ไดใ้ ห้ความหมายของการบญั ชีไวว้ า่ การบญั ชี คือ ศลิ ปะของการเก็บรวมรวม บนั ทึก จาแนก และทาสรุปขอ้ มูลอนั เก่ียวกบั เศรษฐกิจในรูปตวั เงิน ผลงานข้นั สุดทา้ ยของการบญั ชีก็ คอื การใหข้ อ้ มูลทางการเงิน ซ่ึงเป็นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่ายและผทู้ ่ีสนใจในกิจกรรมของกิจการ โดยภาพรวมความสาคญั ของการบญั ชี ก็คือ เป็ นขอ้ มูลทางการเงินของกิจการท่ีสามารถใช้ ประโยชนใ์ นการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ ผลผลิตท่สี าคญั ของการบญั ชี คือ งบการเงิน ซ่ึงจะทาใหท้ ราบ ผลการดาเนินงานและฐานะทางการเงินของกิจการน้นั ๆ ประเภทของการบญั ชี มี 2 ประเภท คอื บญั ชี การเงินและบญั ชีเพือ่ การจดั การสาหรับประเภทธุรกิจมีท้งั หมด 3 ประเภท คือ ธุรกิจให้บริการ ธุรกิจ ซ้ือขายสินคา้ และธุรกิจผลิตสินคา้ ส่วนรูปแบบของธุรกิจมีท้งั หมด 7 ประเภท ไดแ้ ก่ กิจการเจา้ ของคน เดียว หา้ งหุน้ ส่วน บริษทั จากดั สหกรณ์ รฐั วสิ าหกิจ นิติบคุ คลตา่ งประเทศ และกิจการร่วมคา้ กรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงินถูกกาหนดข้ึนเพอ่ื เป็ นแนวคิดทใี่ ชเ้ ป็ นเกณฑใ์ น การจดั ทาและนาเสนองบการเงินบุคคลภายนอก โดยผใู้ ชร้ ายงานทางการเงินจะมีผใู้ ชห้ ลกั คอื ผลู้ งทุน ผูใ้ ห้กูย้ มื หรือเจา้ หน้ีอ่ืน ส่วนผใู้ ชก้ ลุ่มอื่น เช่น หน่วยงานกากบั ดูแล สาธารณชน การจดั ทารายงาน ทางการเงินจะอยภู่ ายใตข้ อ้ สมมติการดาเนินงานต่อเน่ือง โดยลักษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทาง การเงินท่ีมีประโยชนจ์ ะประกอบดว้ ย ลกั ษณะเชิงคุณภาพพน้ื ฐาน 2 ประการ คอื ความเกี่ยวขอ้ งกบั การ ตดั สินใจ และความเป็ นตัวแทนอันเท่ียงธรรม และมีลักษณะเชิงคุณภาพเสริม 4 ประการ คือ ความสามารถเปรียบเทียบกนั ได้ ความสามารถพสิ ูจน์ยนื ยนั ได้ ความทนั เวลา และความสามารถเขา้ ใจ ได้ โดยมีตน้ ทุนเป็นขอ้ จากดั ของการรายงานทางเงินที่มีประโยชน์
-23- แบบฝึ กหดั ท้ายบท ข้อ 1. จงบอกถึงประวตั ิความเป็นมาและววิ ฒั นาการของการบญั ชีมาพอสงั เขป ข้อ 2. จงอธิบายความหมายของการบญั ชี ข้อ 3. จงอธิบายความสาคญั ของการบญั ชี และบอกถึงประโยชน์ของขอ้ มูลทางการบญั ชีมาอยา่ งนอ้ ย 3 ขอ้ ข้อ 4. จงระบขุ อ้ แตกตา่ งระหวา่ งการบญั ชีการเงนิ และการบญั ชีเพอ่ื การจดั การ ข้อ 5. ธุรกิจมีก่ีประเภทอะไรบา้ งจงอธิบายพรอ้ มท้งั ยกตวั อยา่ งธุรกิจแต่ละประเภท ข้อ 6. รูปแบบของธุรกิจมีก่ีประเภทอะไรบา้ ง พร้อมท้งั อธิบายลกั ษณะของแตล่ ะประเภทมาพอสงั เขป ข้อ 7. จงเปรียบเทียบขอ้ ดีขอ้ เสียของรูปแบบธุรกิจกิจการเจา้ ของธุรกิจ หา้ งหุน้ ส่วน และบริษทั จากดั ข้อ 8. วตั ถุประสงคข์ องกรอบแนวคิดสาหรับการรายงานทางการเงินคืออะไร ข้อ 9. จงระบุผใู้ ชร้ ายงานทางการเงินและความตอ้ งการใชข้ อ้ มูลของผใู้ ชร้ ายงานทางการเงินแต่ละฝ่ าย ข้อ 10. ขอ้ สมมตทิ างการบญั ชีคืออะไร พรอ้ มท้งั อธิบาย ข้อ 11. ลกั ษณะเชิงคุณภาพของขอ้ มูลทางการเงินท่ีมีประโยชน์มีอะไรบา้ ง จงแสดงออกมาในรูปแบบ ของแผนภาพ พรอ้ มท้งั อธิบายคุณลกั ษณะของแต่ละลกั ษณะ ข้อ 12. เพราะเหตใุ ดตน้ ทุนจงึ เป็นขอ้ จากดั ตอ่ การรายงานทางการเงนิ ท่มี ีประโยชน์
-24- เอกสารอ้างองิ ดวงสมร อรพนิ ท์ และคณะ. (2557). การบัญชีการเงนิ . พมิ พค์ ร้ังที่ 10. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พแ์ ห่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นิพนั ธ์ เห็นโชคชยั ชนะ. (2558). “กรอบแนวคดิ สาหรับการรายงานทางการเงนิ (ปรับปรุง 2557)”. วารสารวชิ าชีพบญั ชี. 11(30), 78-84. สภาวชิ าชีพบญั ชี ในพระบรมราชูปถมั ภ.์ กรอบแนวคดิ สาหรับการรายงานทางการเงนิ (ปรับปรุง 2558). สืบคน้ เม่ือ 10 มีนาคม 2559, จาก http://www.fap.or.th/images/column_1450924281 /Framework.pdf. สมจิตร จึงสงวนพรสุข. (2552). การบญั ชี 1. พมิ พค์ ร้ังที่ 6. ขอนแก่น: ภาควชิ าการเงนิ และบญั ชี คณะ วทิ ยาการจดั การ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. Garrison, Ray H., Noreen Eric W. and Brewer, Peter C. (2012). Managerial Accounting. 14th ed. New York: McGraw-Hill/Irwin.
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 2 งบการเงนิ หวั ข้อเนื้อหาประจาบท 1. วตั ถุประสงคข์ องงบการเงิน 2. องคป์ ระกอบของงบการเงิน 3. งบแสดงฐานะทางการเงนิ 4. งบกาไรขาดทนุ 5. งบแสดงการเปล่ียนแปลงส่วนของเจา้ ของ 6. หมายเหตปุ ระกอบงบการเงนิ 7. บทสรุป 8. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 9. เอกสารอา้ งอิง วตั ถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. ผเู้ รียนสามารถบอกถึงวตั ถุประสงคข์ องงบการเงินไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. ผเู้ รียนสามารถอธิบายองคป์ ระกอบของงบการเงินไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. ผเู้ รียนสามารถทราบลกั ษณะของงบแสดงฐานะการเงิน รวมท้งั บอกถึงองคป์ ระกอบของงบ แสดงฐานะการเงินไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 4. ผเู้ รียนสามารถทราบลกั ษณะของงบกาไรขาดทุน รวมท้งั บอกถึงองค์ประกอบของงบกาไร ขาดทนุ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. ผเู้ รียนสามารถทราบลกั ษณะของงบแสดงการเปล่ียนแปลงส่วนของเจา้ ของ 6. ผเู้ รียนสามารถทราบลกั ษณะของงบกระแสเงนิ สด รวมท้งั บอกถึงองคป์ ระกอบของงบกระแส เงนิ สดได้ 7. ผเู้ รียนสามารถบอกรายละเอียดทคี่ วรอยใู่ นหมายเหตปุ ระกอบงบการเงินได้ 8. ผเู้ รียนสามารถอภปิ รายและตอบคาถามในบทเรียนได้
-26- วธิ กี ารสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอน 1. แนะนาเน้ือหารายวชิ าในบท นาเสนอเน้ือหาเขา้ สู่บทเรียน 2. บรรยายเน้ือหาในแต่ละหัวขอ้ พร้อมยกตวั อย่างประกอบ โดยใช้เอกสารและโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ 3. ยกตวั อยา่ งและวเิ คราะหส์ ถานการณ์ร่วมกนั ในช้นั เรียน 4. มอบหมายใหน้ กั ศึกษาทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท พรอ้ มแจง้ กาหนดการส่งงาน ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. สื่อประกอบการสอนทางคอมพวิ เตอร์ โปรแกรม Power Point 3. หนงั สือ ตารา และเอกสารท่เี กี่ยวขอ้ ง 4. แบบฝึกหดั ทา้ ยบท การวดั และประเมนิ ผล 1. การเขา้ ช้นั เรียนตรงเวลา 2. สงั เกตความสนใจในช้นั เรียนขณะบรรยาย 3. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมในช้นั เรียน 4. การถามและตอบคาถามในช้นั เรียน 5. ส่งแบบฝึกหดั ตามกาหนดเวลา และทาแบบฝึกหดั ถูกตอ้ งรอ้ ยละ 80
บทที่ 2 งบการเงนิ งบการเงินเป็ นรายงานทางการเงินที่เสนอขอ้ มูลอยา่ งมีแบบแผน โดยจะให้ขอ้ มูลเก่ียวกับ ฐานะการเงนิ ผลการดาเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการ งบการเงนิ เป็นผลผลิตของกระบวนการ บญั ชีการเงินท้งั หมด กระบวนการดังกล่าวดาเนินไปภายในขอบเขตหลกั การบญั ชีท่ีรับรองทวั่ ไป (Generally Accepted Accounting Principles, GAAP) ซ่ึงกาหนดว่าขอ้ มูลใดควรบนั ทึกไวใ้ นบญั ชีใด ควรบนั ทึกเมื่อใด ควรวดั ค่าของขอ้ มูลเท่าใด และควรเปิ ดเผยขอ้ มูลอย่างไร ท้งั น้ีการนาเสนองบ การเงินฉบบั สมบรู ณ์ ควรนาเสนออยา่ งนอ้ ยปี ละหน่ึงคร้ัง ณ วนั สิ้นรอบระยะเวลาบญั ชี วตั ถุประสงค์ของงบการเงนิ มาตรฐานการบญั ชี ฉบบั ท่ี 1 (ปรับปรุง 2558) เร่ือง การนาเสนองบการเงิน ระบุวา่ งบการเงิน เป็นการนาเสนอฐานะทางการเงนิ และผลการดาเนินงานทางการเงินของกิจการอยา่ งมีแบบแผน โดยมี วตั ถุประสงคเ์ พอื่ ให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ฐานะการเงิน ผลการดาเนินงาน และกระแสเงินสดของกิจการ ซ่ึง เป็นประโยชน์ต่อการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจของผใู้ ชง้ บการเงินกลุ่มตา่ งๆ นอกจากน้ีงบการเงนิ ยงั แสดง ถึงผลการบริหารงานของฝ่ ายบริหารซ่ึงไดร้ ับมอบหมายใหด้ ูแลทรัพยากรของกิจการ ท้งั น้ีเพ่ือที่จะ บรรลุวตั ถุประสงคด์ งั กล่าว งบการเงินควรใหข้ อ้ มูลทุกขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ีเก่ียวกบั กิจการ 1. สินทรัพย์ 2. หน้ีสิน 3. ส่วนของเจา้ ของ 4. รายไดแ้ ละคา่ ใชจ้ า่ ย รวมถึงผลกาไรและขาดทุน 5. เงินทุนท่ีไดร้ ับจากผูเ้ ป็ นเจา้ ของและการจดั สรรส่วนทุนใหผ้ ูเ้ ป็ นเจา้ ของในฐานะท่ีเป็ น เจา้ ของ 6. กระแสเงนิ สด โดยส่วนใหญ่การเสนองบการเงินต่อผใู้ ชง้ บการเงินมักเสนอโดยมีรายงานผูส้ อบบญั ชีดว้ ย เพ่ือใหผ้ ูใ้ ชง้ บการเงินเกิดความเชื่อมนั่ ในการนาขอ้ มูลในงบการเงินไปใช้ในการพจิ ารณาตดั สินใจ ผูส้ อบบญั ชีจะทาการตรวจสอบงบการเงิน โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือให้ผูส้ อบบัญชีสามารถแสดง ความเห็นต่องบการเงนิ วา่ งบการเงินน้นั ไดจ้ ดั ทาในส่วนสาระสาคญั เป็ นไปตามมาตรฐานการรายงาน ทางการเงินหรือไม่ ในการแสดงความคิดเห็นของผูส้ อบบญั ชี ผสู้ อบบญั ชีตอ้ งมีหลกั ฐานการสอบ บญั ชีท่ีเพียงพอและเหมาะสม เพ่ือสามารถสรุปความเห็นของผูส้ อบบัญชีไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล
-28- ความเห็นของผสู้ อบบญั ชีที่ให้ความเช่ือมน่ั งบการเงินทาให้งบการเงนิ มีความน่าเชื่อถือมากข้ึน แต่ไม่ ถึงข้นั เป็นขอ้ ยตุ ิ เน่ืองจากปัจจยั ตา่ งๆ เช่น การใชว้ ธิ ีการทดสอบ ขอ้ จากดั ในการตรวจสอบ เป็ นตน้ มาตรฐานการบญั ชี ฉบบั ท่ี 1 (ปรับปรุง 2558) เร่ือง การนาเสนองบการเงิน ไดก้ าหนดว่างบ การเงนิ ฉบบั สมบูรณ์ ประกอบดว้ ย 1. งบแสดงฐานะการเงนิ ณ วนั สิ้นงวด 2. งบกาไรขาดทนุ และกาไรขาดทุนเบด็ เสร็จอื่นสาหรบั งวด 3. งบแสดงการเปล่ียนแปลงส่วนของเจา้ ของสาหรับงวด 4. งบกระแสเงินสดสาหรบั งวด 5. หมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน ซ่ึงประกอบดว้ ยสรุปนโยบายการบญั ชีท่สี าคญั ขอ้ มูลท่ีให้ คาอธิบายอ่ืน 6. ขอ้ มูลเปรียบเทียบของงวดก่อนตามที่กาหนดในขอ้ มูลเปรียบเทียบข้นั ต่า 7. งบแสดงฐานะการเงนิ ณ วนั ตน้ งวดของงวดก่อน เมื่อกิจการไดน้ านโยบายการบญั ชีใหม่ มาถือปฏิบตั ิยอ้ นหลงั หรือการปรับยอ้ นหลงั รายการในงบการเงิน หรือเมื่อกิจการมีการจดั ประเภท รายการใหม่ในงบการเงิน ท้งั น้ีกิจการอาจใชช้ ื่ออื่นสาหรับงบการเงินนอกเหนือจากที่กาหนดขา้ งตน้ เช่น กิจการอาจจะ ใชช้ ่ือ “งบกาไรขาดทุนเบด็ เสร็จ” แทน “งบกาไรขาดทุนและกาไรขาดทุนเบด็ เสร็จอ่ืน” องค์ประกอบของงบการเงนิ กรอบแนวคิดการสาหรบั การรายงานทางการเงนิ (ปรบั ปรุง 2558) ระบุวา่ งบการเงินแสดงถึง ผลกระทบทางการเงินของรายการและเหตกุ ารณ์อื่นโดยการจดั ประเภทรายการ และเหตกุ ารณ์อื่นตาม ลกั ษณะเชิงเศรษฐกิจ ประเภทของรายการดงั กล่าวเรียกวา่ องคป์ ระกอบของงบการเงิน องคป์ ระกอบซ่ึง เก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั การวดั ฐานะการเงิน ไดแ้ ก่ สินทรัพย์ หน้ีสิน และส่วนของเจา้ ของ องคป์ ระกอบ ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งโดยตรงกับการวดั ผลการดาเนินงาน ได้แก่ รายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่าย โดยคานิยามของท้งั 5 องคป์ ระกอบ มีดงั น้ี 1. สินทรัพย์ (Asset) หมายถึง ทรัพยากรท่ีอยู่ในความควบคุมของกิจการ ทรัพยากร ดงั กล่าวเป็ นผลของเหตุการณ์ในอดีต ซ่ึงกิจการคาดว่าจะไดร้ ับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากทรัพยากร น้นั ในอนาคต ประโยชนเ์ ชิงเศรษฐกิจในอนาคตของสินทรัพย์ หมายถึง ศกั ยภาพของสินทรัพยใ์ นการ ก่อให้เกิดกระแสเงนิ สดและรายการเทียบเท่าเงินสดแก่กิจการท้งั ทางตรงและทางออ้ ม โดยกิจการจะ ได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากสินทรัพยใ์ นลักษณะต่างๆ เช่น นาสินทรัพยไ์ ปชาระ หน้ีสิน นาสินทรพั ยม์ าใชใ้ นการผลิตสินคา้ หรือบริการ นาสินทรพั ยม์ าใชง้ านในกิจการ เป็ นตน้
-29- 2. หนี้สิน (Liability) หมายถึง ภาระผกู พนั ในปัจจุบนั ของกิจการ ซ่ึงเป็นผลของเหตุการณ์ ในอดีต ซ่ึงการชาระภาระผูกพนั น้ันคาดว่าจะส่งผลให้กิจการสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิง เศรษฐกิจ ภาระผูกพนั ในปัจจุบนั หมายถึง หน้าท่ีหรือความรับผิดชอบท่ีตอ้ งปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ภาระผกู พนั อาจเกิดจากการดาเนินงานตามปกติของกิจการตามประเพณีการคา้ ภาระผูกพนั อาจมีผล บงั คบั ตามกฎหมายเน่ืองจากเป็ นสญั ญาผูกมดั หรือเป็ นขอ้ บงั คบั ตามกฎหมาย ภาระผูกพนั ในปัจจุบนั อาจหมดไป โดยการจ่ายเงินสด การโอนสินทรัพยอ์ ื่น การให้บริการ การเปล่ียนภาระผกู พนั เดิมเป็ น ภาระผกู พนั ใหม่ 3. ส่วนของเจ้าของ (Owner’s Equity) หมายถึง ส่วนไดเ้ สียคงเหลือในสินทรัพยข์ องกิจการ หลงั จากหกั หน้ีสินท้งั ส้ินออกแลว้ 4. รายได้ (Revenue) หมายถึง การเพม่ิ ข้ึนของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบญั ชี ในรูปกระแสเขา้ หรือการเพม่ิ ค่าของสินทรัพย์ หรือการลดลงของหน้ีสิน อนั ส่งผลใหส้ ่วนของเจา้ ของ เพม่ิ ข้ึน ท้งั น้ีไม่รวมถึงเงินทุนทไี่ ดร้ บั จากผมู้ ีส่วนร่วมในส่วนของเจา้ ของ 5. ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถึง การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบญั ชี ในรูปกระแสออก หรือการลดค่าของสินทรัพย์ หรือการเพิ่มข้ึนของหน้ีสิน อันส่งผลให้ส่วนของ เจา้ ของลดลง ท้งั น้ีไม่รวมถึงการแบง่ ปันใหก้ บั ผมู้ ีส่วนร่วมในส่วนของเจา้ ของ งบแสดงฐานะการเงนิ งบแสดงฐานะการเงิน (Statement of Financial Position) เป็ นรายงานทีแ่ สดงขอ้ มูลเก่ียวกบั ฐานะการเงินของกิจการ ณ วนั ใดวนั หน่ึง รายการในงบแสดงฐานะการเงนิ จึงเป็ นรายการทเี่ ก่ียวขอ้ ง โดยตรงกบั การวดั ฐานะการเงินของกิจการและโครงสร้างทางการเงินของกิจการ ซ่ึงประกอบด้วย สินทรัพย์ หน้ีสิน และส่วนของเจา้ ของ (วฒั นา ศิวะเก้ือ ดุษฎี สงวนชาติ และนนั ทพร พทิ ยะ, 2556: 17) 1. สินทรัพย์ (Asset) แบง่ เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.1 สินทรัพยห์ มุนเวียน (Current Assets) หมายถึง เงินสด หรือสินทรัพยอ์ ่ืนๆ ท่ีคาดว่าจะ ไดร้ ับประโยชน์ หรือต้งั ใจจะขาย หรือใช้ ภายใน 12 เดือน นบั จากวนั ที่ในงบแสดงฐานะการเงิน หรือ ภายในรอบระยะเวลาการดาเนินงานตามปกติ (Operating Cycle) แลว้ แต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน โดยทว่ั ไปรายการสินทรัพยห์ มุนเวียนจะเรียงลาดับตามสภาพคล่อง กล่าวคือ รายการใดมีสภาพ ใกลเ้ คียงกบั เงินสด หรือสามารถเปลี่ยนสภาพเป็ นเงินสดไดเ้ ร็วจะแสดงไวก้ ่อน สินทรัพยห์ มุนเวยี น โดยทว่ั ไป ไดแ้ ก่
-30- 1.1.1 เงนิ สด (Cash on Hand and at Banks) หมายถึง เงินสดในมือหรือเงนิ ฝากธนาคาร ที่ตอ้ งจา่ ยคืนเมื่อทวงถาม 1.1.2 เงินลงทุนชั่วคราว (Short-term Investments) หมายถึง หลักทรัพยใ์ นความ ตอ้ งการของตลาด เป็นหลกั ทรัพยท์ ี่กิจการซ้ือมาเพอ่ื หาดอกผลจากเงินทนุ น้นั และกิจการจะขายไดเ้ ม่ือ ตอ้ งการใชเ้ งินสด 1.1.3 ลูกหน้ีการคา้ (Accounts Receivable) หมายถึง จานวนเงินท่ีลูกคา้ คา้ งชาระค่า สินคา้ หรือค่าบริการทก่ี ิจการไดข้ ายไปหรือใหบ้ ริการตามการดาเนินงานปกติของกิจการ 1.1.4 ตั๋วเงินรับ (Notes Receivable) หมายถึง สัญญาเป็ นลายลักษณ์อักษร โดย ปราศจากเงือ่ นไขทีบ่ คุ คลอ่ืนรับจะชาระเงนิ จานวนหน่ึงใหแ้ ก่กิจการภายในเวลาทกี่ าหนด 1.1.5 เงินใหก้ ูย้ มื ระยะส้นั (Short-term Loans) หมายถึง เงินที่กิจการใหผ้ ูอ้ ่ืนกูย้ มื โดย มีขอ้ ตกลงท่ีจะเรียกชาระคืนไดภ้ ายใน 12 เดือน นบั จากวนั ทใ่ี นงบแสดงฐานะการเงนิ 1.1.6 สินคา้ คงเหลือ (Inventory) หมายถึง สินคา้ สาเร็จรูป สินคา้ ระหว่างผลิต วตั ถุดิบ และวสั ดุหรือชิ้นส่วนท่ใี ชใ้ นการผลิตเพอื่ ขายตามปกติของกิจการ 1.1.7 วสั ดุสิ้นเปลือง (Supplies) หมายถึง วสั ดุท่ีใชใ้ นสานกั งานหรือร้านคา้ ซ่ึงจะใช้ หมดไปในระยะเวลาส้ัน และเมื่อใชห้ มดไปจะถือเป็ นค่าใช้จ่ายในงบกาไรขาดทุน เช่น เคร่ืองเขียน แบบพมิ พต์ า่ งๆ เป็นตน้ 1.1.8 รายไดค้ า้ งรบั (Accrued Revenue) หมายถึง รายไดอ้ ่ืนๆ ของกิจการทีเ่ กิดข้ึนแลว้ แต่กิจการยงั ไม่ไดร้ ับชาระเงนิ ในวนั สิ้นรอบระยะเวลารายงาน กิจการตอ้ งบนั ทึกรายไดค้ า้ งรบั ท่ี เกิดข้ึนน้ี เช่น รายไดค้ ่าเช่าคา้ งรับ ดอกเบ้ียคา้ งรับ เป็ นตน้ 1.1.9 ค่าใชจ้ ่ายล่วงหนา้ (Prepaid Expenses) หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายท่ีกิจการจ่ายไปก่อน สาหรับสินทรัพยห์ รือบริการท่ีกิจการจะได้รับประโยชน์ในอนาคตอันส้ัน มกั จะเกิดข้ึนในการ ดาเนินงานตามปกตขิ องกิจการ เช่น คา่ เช่าจา่ ยล่วงหนา้ คา่ เบ้ียประกนั ภยั จ่ายล่วงหนา้ เป็ นตน้ 1.2 สินทรัพยไ์ ม่หมุนเวียน (Non Current Assets) หมายถึง สินทรัพยท์ ี่มีตวั ตน สินทรัพย์ ไม่มีตวั ตน สินทรพั ยท์ างการเงิน และสินทรัพยด์ าเนินงานท่ีมีระยะยาว ซ่ึงกิจการมีวตั ถุประสงคท์ ่ีจะ ถือไวใ้ นระยะยาวเกินกวา่ 12 เดือน นบั จากวนั ท่ใี นงบแสดงฐานะการเงิน และ เน่ืองจากการมีสินทรพั ย์ เหล่าน้ีไวใ้ นกิจการ อาจเกิดจากวตั ถุประสงคท์ ่ีแตกต่างกนั สินทรัพยไ์ ม่หมุนเวยี นสามารถแบง่ ประเภท ยอ่ ย ไดด้ งั น้ี 1.2.1 เงนิ ลงทนุ ระยะยาว (Long-term Investments) หมายถึง การลงทนุ ซ้ือหุน้ ทุนหรือ หลกั ทรัพยป์ ระเภทหน้ีหรือพนั ธบตั รของกิจการอื่น โดยกิจการตอ้ งการลงทุนในเวลาทน่ี านเกินกว่า 1 ปี โดยมิไดม้ ีวตั ถุประสงคจ์ ะจาหน่ายไปในระยะเวลาอนั ใกล้ ตวั อยา่ งเช่น เงินลงทุนในบริษทั ยอ่ ย ซ่ึง เป็ นการลงทุนโดยการซ้ือหุน้ สามญั ของบริษทั อื่นโดยมีวตั ถุประสงคท์ ่ีควบคุมบริษทั น้นั ในระยะยาว ทด่ี ินท่ีกิจการซ้ือไวเ้ พอื่ ประโยชน์ในการขายในอนาคต เป็นตน้
-31- 1.2.2 เงินใหก้ ูย้ มื ระยะยาว (Long-term Loans) หมายถึง เงินท่ีกิจการใหผ้ อู้ ่ืนกูย้ มื โดย มีขอ้ ตกลงทีจ่ ะชาระเรียกคืนไดใ้ นระยะเวลานานกวา่ 1 ปี 1.2.3 ท่ีดิน อาคารและอุปกรณ์ (Property Plant and Equipment) หมายถึง สินทรัพย์ ถาวรที่มีตวั ตน (Tangible Fixed Assets) ซ่ึงกิจการมีไวเ้ พ่ือใช้ประโยชน์ในการดาเนินงาน การผลิต สินคา้ การจาหน่ายสินคา้ การให้บริการ การบริหารงานรวมถึงเป็ นสินทรัพยท์ ่ีมีไวเ้ พื่อใชใ้ นการ บารุงรกั ษา หรือซ่อมแซมสินทรัพยด์ งั กล่าวดว้ ย สินทรพั ยป์ ระเภทน้ีเป็ นสิ่งที่กิจการไดม้ าหรือสรา้ งข้ึน เอง โดยต้งั ใจว่าจะใชป้ ระโยชน์จากสินทรัพยน์ ้นั ตอ่ เน่ืองตลอดไป ไม่ต้งั ใจจะขายในการดาเนินงาน ตามปกติ 1.2.3.1 ท่ีดิน (Land) หมายถึง ที่ดินที่กิจการใช้ประโยชน์จากการดาเนินงาน เป็นท่ีต้งั สานกั งาน โรงงาน คลงั เก็บสินคา้ และส่ิงปลูกสรา้ งอ่ืนๆ ของกิจการ เป็ นตน้ 1.2.3.2 อาคาร (Building) หมายถึง สิ่งก่อสร้าง อาคารสานักงาน โรงงาน ท่ีใช้ ในการดาเนินงาน 1.2.3.3 อุปกรณ์ (Equipment) หมายถึง เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ สินทรัพยถ์ าวรที่ใช้ ประดบั ร้านหรือตกแต่งสานักงาน ซ่ึงอาจแยกเป็ น อุปกรณ์สานักงาน (Office Equipment) อุปกรณ์ ร้านคา้ (Store Equipment) อุปกรณ์ในการขนส่ง (Delivery Equipment) เครื่องจกั ร (Machines) พาหนะ (Vehicles) 1.2.4 สินทรัพยไ์ ม่มีตวั ตน (Intangible Assets) หมายถึง สินทรัพยท์ ี่ไม่มีรูปร่างหรือ ตวั ตน แต่กิจการมีอยแู่ ละวดั มูลคา่ เป็นเงนิ ไดโ้ ดยมีหลกั ฐานชดั เจนและสินทรพั ยน์ ้ีจะใหป้ ระโยชน์เชิง เศรษฐกิจแก่กิจการในอนาคต ตวั อยา่ งเช่น 1.2.4.1 ลิขสิทธ์ิ (Copyrights) หมายถึง สิทธิตามกฎหมาย ท่ีรัฐมอบใหแ้ ก่ผูท้ า วรรณกรรมหรือศิลปกรรม รวมท้งั สิทธิในการเผยแพร่ต่อสาธารณชนดว้ ย 1.2.4.2 สิทธิบตั ร (Patents) หมายถึง สิทธิตามกฎหมายท่ีรัฐให้แก่บุคคลท่ี ประดิษฐค์ ดิ คน้ ส่ิงหน่ึงสิ่งใดข้นึ ใหม่อนั นบั ไดว้ า่ มีประโยชน์ 1.2.4.3 สัมปทาน (Franchises) หมายถึง สิทธิที่รัฐหรือบริษทั ใดให้แก่บุคคล หรือกิจการเพอ่ื ประกอบกิจการเฉพาะอยา่ ง หรือเป็ นตวั แทนขายผลิตภณั ฑห์ รือบริการในพ้ืนที่ใดพน้ื ที่ หน่ึง 1.2.4.4 เคร่ืองหมายการคา้ (Trademarks) หมายถึง เครื่องหมายหรือตราช่ือที่ กิจการใชก้ บั สินคา้ ของตนเพอื่ ผบู้ ริโภคสามารถตดั สินใจเลือกซ้ือสินคา้ ไดง้ า่ ยตามประสงคข์ องลูกคา้ 1.2.5 สินทรัพยไ์ ม่หมุนเวยี นอ่ืน (Other Non Current Assets) หมายถึง รายการที่เขา้ นิยามสินทรพั ยต์ ามมาตรฐานการบญั ชีแตม่ ิไดเ้ ป็ นสินทรพั ยห์ มุนเวยี น และไม่สามารถจดั ประเภทเป็ น
-32- เงินลงทุนระยะยาว เงินให้กูย้ ืมระยะยะยาว ท่ีดิน อาคารและอุปกรณ์ สินทรัพยไ์ ม่มีตวั ตน ให้จดั ประเภทรายการดงั กล่าวเป็นสินทรพั ยไ์ ม่หมุนเวยี นอ่ืน 2. หนีส้ ิน (Liability) แบง่ เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 2.1 หน้ีสินหมุนเวียน (Current Liabilities) หมายถึง หน้ีสินซ่ึงมีระยะเวลาการชาระคืน ภายใน 1 ปี หรือภายในรอบระยะเวลาการดาเนินงานตามปกติของกิจการ หน้ีสินหมุนเวียนจะชาระ ดว้ ยสินทรัพยห์ มุนเวียน หรือด้วยการก่อหน้ีระยะส้ันอ่ืนข้ึนแทน ท้งั น้ีรวมถึงส่วนของภาระผกู พนั ระยะยาวท่ีคาดว่าจะตอ้ งชาระภายใน 1 ปี นับจากวนั ท่ีในงบแสดงฐานะการเงิน รายการที่จดั เป็ น หน้ีสินหมุนเวยี น ไดแ้ ก่ 2.1.1 เงินเบิกเกินบญั ชีและเงินกู้ยมื จากธนาคาร (Bank Overdrafts and Loans from Banks) หมายถึง เงินที่กิจการเบิกเกินบญั ชีธนาคารและเงินท่ีกิจการกูย้ มื จากธนาคาร ไม่วา่ ดว้ ยวิธีใด เงินกยู้ มื ทมี่ ีกาหนดชาระหน้ีที่แน่นอนใหจ้ ดั ประเภทหมุนเวยี นและระยะยาวที่กาหนดชาระหน้ี แมว้ า่ เจา้ หน้ีจะมีสิทธิทวงถามใหช้ าระหน้ีก่อนกาหนดไดก้ ต็ าม 2.1.2 เจา้ หน้ีการคา้ (Accounts Payable) หมายถึง จานวนเงนิ ทคี่ า้ งชาระคา่ สินคา้ หรือ ค่าบริการท่ีกิจการมีตอ่ บุคคลอื่นตามการดาเนินงานปกตขิ องกิจการ 2.1.3 ตั๋วเงินจ่าย (Notes Payable) หมายถึง สัญญาที่เป็ นลายลักษณ์อักษร โดย ปราศจากเง่อื นไขท่ีกิจการไดร้ ับรองใหไ้ วต้ ่อบุคคลอื่นวา่ กิจการจะชาระเงินจานวนหน่ึงให้แก่บุคคล น้นั ภายในเวลาท่กี าหนด ซ่ึงอาจเป็นตว๋ั แลกเงิน หรือตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน 2.1.4 รายไดร้ ับล่วงหนา้ (Unearned Revenue) หมายถึง หน้ีสินที่เกิดจากกิจการรับเงิน ไวล้ ่วงหน้าสาหรับค่าสินคา้ หรือบริการท่ียงั มิไดใ้ หล้ ูกคา้ จึงเกิดเป็ นพนั ธะท่ีกิจการจะตอ้ งส่งมอบ สินคา้ หรือบริการใหแ้ ก่ลูกคา้ ต่อไป 2.1.5 ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expense) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่กิจการได้รับ ประโยชน์แลว้ แตก่ ิจการยงั ไม่ไดช้ าระเงินในวนั ส้ินรอบระยะเวลาบญั ชี เช่น คา่ สาธารณูปโภคคา้ งจา่ ย ค่าเช่าคา้ งจ่าย ค่าแรงคา้ งจา่ ย ดอกเบ้ยี คา้ งจ่าย เป็ นตน้ 2.1.6 เงินปันผลคา้ งจ่าย (Accrued Dividends) หมายถึง เงินปันผลที่กิจการประกาศ จา่ ยแลว้ แตก่ ิจการยงั มิไดจ้ า่ ยเงินสดใหแ้ ก่ผถู้ ือหุน้ ในวนั ท่ใี นงบแสดงฐานะการเงิน 2.1.7 หน้ีสินระยะยาวท่ีถึงกาหนดชาระภายในหน่ึงปี (Current Portion of Long-term Debt) หมายถึง จานวนของหน้ีระยะยาวบางรายท่ีสัญญาระบุให้ชาระเงินเป็ นช่วงเวลา ถา้ จานวนใด จะตอ้ งชาระภายใน 1 ปี ใหแ้ สดงเป็นหน้ีสินหมุนเวยี นเฉพาะจานวนน้นั 2.1.8 เงินกูย้ มื ระยะส้นั (Short-term Debt) หมายถึง จานวนเงินทก่ี ิจการกยู้ มื จากผอู้ ่ืน และกาหนดชาระภายใน 1 ปี
-33- 2.2 หน้ีสินไม่หมุนเวียน (Non-current Liabilities) หมายถึง หน้ีสินท่ีมีระยะเวลาการชาระ เงินนานเกินกว่า 1 ปี หรือเกินกว่ารอบระยะเวลาการดาเนินงานตามปกติของกิจการ หน้ีสินไม่ หมุนเวียนอาจเกิดจากการกูย้ มื เงินมาใชใ้ นกิจการเพ่ือซ้ือสินทรัพยท์ ่ีมีราคาสูง การแสดงหน้ีสินไม่ หมุนเวยี นในงบแสดงฐานะการเงิน จะเปิ ดเผยขอ้ มูลเกี่ยวกบั ภาระผกู พนั และขอ้ ตกลงตา่ ง ๆ เช่น อตั รา ดอกเบ้ยี วนั ครบกาหนดชาระ ลกั ษณะของภาระผกู พนั ตวั อยา่ งหน้ีสินไม่หมุนเวยี น ไดแ้ ก่ 2.2.1 เงินกยู้ มื ระยะยาว (Long-term Debt) หมายถึง การกูเ้ งนิ จากธนาคารหรือสถาบนั การเงินโดยมีสญั ญาการชาระเงนิ นานกว่า 1 ปี การกูย้ มื ระยะยาวน้ีอาจมีหลกั ทรัพยค์ ้าประกนั หรือไม่มี ก็ได้ ในกรณีที่มีการนาสินทรพั ยบ์ างอยา่ งของกิจการจานองเพอื่ เป็ นหลกั ประกนั แก่ผใู้ หก้ ู้ ถา้ กิจการไม่ จ่ายเงินตามกาหนด ผูใ้ ห้กู้มีสิทธิบงั คับเอาสินทรัพยท์ ่ีจานองไปขายเอาเงินมาชาระหน้ี หรือยึด สินทรัพยท์ ่จี านองได้ 2.2.2 หุ้นกู้ (Bonds Payable) หมายถึง การจดั หาเงินทนุ อยา่ งหน่ึงของกิจการ โดยการ แบ่งจานวนเงินท่ีตอ้ งการกูอ้ อกเป็ นหุน้ ราคาแต่ละหุน้ เท่ากนั ราคาหุน้ แต่ละหุน้ กิจการเป็ นผกู้ าหนด ข้ึนเอง การออกหุ้นกูจ้ ะตอ้ งกาหนดอตั ราดอกเบ้ีย กาหนดระยะเวลาการจ่ายดอกเบ้ีย กาหนดเวลา แน่นอนในการไถ่ถอนหุน้ คืน ซ่ึงจะนานกว่า 1 ปี หุ้นกูจ้ ะจาหน่ายใหแ้ ก่บุคคลท่ีสนใจจะลงทุน โดย อาจจาหน่ายในราคาสูงกวา่ หรือต่ากว่าราคาทกี่ าหนดไวใ้ นใบหุน้ (Par Value) ก็ได้ ในระหว่างท่หี ุ้นกู้ ยงั ไม่ครบกาหนดไถ่ถอน ผูถ้ ือหุน้ กูม้ ีฐานะเป็ นเจา้ หน้ีของกิจการ และกิจการจะตอ้ งจ่ายอดอกเบ้ียให้ ตามท่กี าหนดไว้ 2.2.3 หน้ีสินไม่หมุนเวียนอ่ืน (Other Non Current Liabilities) หมายถึง หน้ีสินไม่ หมุนเวยี นของกิจการทไี่ ม่สามารถจดั แสดงเป็ นเงินกยู้ มื ระยะยาวหรือหุน้ กไู้ ด้ 3. ส่วนของเจ้าของ (Owner’s Equity) สามารถแยกอธิบายตามลกั ษณะของรูปแบบธุรกิจของ กิจการไดด้ งั น้ี 3.1 กิจการเจา้ ของคนเดียว (Sole Proprietorship) ส่วนของเจา้ ของประกอบดว้ ย ผลรวมของ เงินท่ีเจา้ ของนามาลงทุนกบั ผลกาไรที่เกิดข้ึน และหักดว้ ยส่วนที่เจา้ ของถอนทุนและผลขาดทุนท่ี เกิดข้ึน การแสดงส่วนของเจา้ ของในงบแสดงฐานะการเงนิ แสดงไดด้ งั น้ี ส่วนของเจา้ ของ (Owner’s Equity) xxx ทุน - นายทองเอก xxx หกั ถอนใชส้ ่วนตวั xxx xxx บวก กาไร(ขาดทุน)สุทธิ xxx รวมส่วนของเจา้ ของ
-34- 3.2 ห้างหุ้นส่วน (Partnership) กรณีที่กิจการเป็ นห้างหุ้นส่วน ส่วนของเจา้ ของ เรียกว่า ส่วนของผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน ซ่ึงแสดงส่วนทุนของผูเ้ ป็ นหุ้นส่วนของแต่ละคนและกาไรขาดทุนส่วนที่ยงั ไม่ไดแ้ บ่งสรร สาหรบั ส่วนทนุ ของผเู้ ป็นหุ้นส่วนแตล่ ะคนน้นั ประกอบดว้ ยเงนิ ทนุ ของผเู้ ป็ นหุ้นส่วน แตล่ ะคนที่จดทะเบยี นและนามาลงทุนไว้ ถา้ มีการเพม่ิ ทุนก็นามารวมไวเ้ ช่นกนั ในการดาเนินของหา้ ง ซ่ึงอาจไดร้ ับค่าตอบแทน เช่น เงินเดือนของหุ้นส่วน ค่าเบ้ียประชุม เป็ นตน้ ซ่ึงถา้ ผูเ้ ป็ นหุ้นส่วนยงั ไม่ไดน้ ามาเบิก หา้ งหุน้ ส่วนจะนารายการเหล่าน้ีบนั ทึกไวใ้ นบญั ชีเดินสะพดั (หรือบญั ชีกระแสทุน) ของผเู้ ป็นหุน้ ส่วนแตล่ ะคน การแสดงส่วนของผเู้ ป็ นหุน้ ส่วนในงบแสดงฐานะการเงนิ แสดงไดด้ งั น้ี ส่วนของผเู้ ป็นหุน้ ส่วน (Partners’ Equity) ทุน - นายทองหยบิ xxx ทนุ - นายทองหยอด xxx xxx เดินสะพดั -นายทองหยบิ xxx xxx xxx เดินสะพดั -นายทองหยอด xxx xxx กาไร(ขาดทนุ )สะสมทยี่ งั ไม่ไดแ้ บง่ รวมส่วนของผเู้ ป็ นหุน้ ส่วน 3.3 บริษทั จากัด (Company Limited) กรณีท่ีกิจการเป็ นบริษัทจากัด ส่วนของเจ้าของ เรียกวา่ ส่วนของผูถ้ ือหุน้ ซ่ึงประกอบดว้ ย ทุนเรือนหุน้ ส่วนเกินมูลค่าหุ้น และกาไรสะสม การแสดง ส่วนของผถู้ ือหุน้ ในงบแสดงฐานะการเงิน แสดงไดด้ งั น้ี ส่วนของผถู้ ือหุน้ (Shareholders’ Equity) ทนุ เรือนหุน้ ทนุ จดทะเบียน xxx ทุนท่อี อกและชาระแลว้ xxx ส่วนเกินมูลค่าหุน้ xxx กาไร (ขาดทุน) สะสม จดั สรรแลว้ สารองตามกฎหมาย xxx สารองอ่ืน xxx xxx ยงั ไม่ไดจ้ ดั สรร xxx xxx องคป์ ระกอบอื่นของส่วนของผถู้ ือหุน้ xxx รวมส่วนของผถู้ ือหุน้ xxx
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342