Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย

Published by ฤทัยรัตน์ ผลพิกุล, 2022-08-09 09:50:56

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย

Search

Read the Text Version

สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด ส่งิ แวดล้อม มกี ระบวนการสืบ เสาะหาความรแู้ ละจติ วิทยา ศาสตร์ ส่อื สารส่งิ ที่เรียนรู้ และนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ๒. อธิบายการถ่ายทอดลักษ ทางพันธกุ รรมของสิ่งมชี ีวติ ในแต ๓. จำแนกพืชออกเปน็ พชื ด และพืชไม่มีดอก ๔. ระบุลกั ษณะของพชื ดอก พืชใบเลย้ี งเดยี่ ว และพชื ใบเลย้ี ง ใช้ลกั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์

๕๕ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการ เรียนรู้/ ช่วั โมง คะแนน เนอ้ื หาทีส่ อน ษณะ - การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ตล่ ะรุน่ เป็นการถา่ ยทอดลักษณะบางลักษณะ จากบรรพบุรษุ สู่ลูกหลาน ซ่ึงบาง ลักษณะจะเหมือนพอ่ หรือเหมอื นแม่ หรอื อาจมีลกั ษณะเหมือน ปู่ ยา่ ตา ยาย ดอก - พชื แบ่งออกเปน็ สองประเภทคือ พืชดอกกบั พืชไม่มีดอก กทีเ่ ป็น - พืชดอกแบ่งออกเปน็ พืชใบ งคู่ โดย เลย้ี งเด่ยี วกับพืชใบเลีย้ งคู่ โดยสังเกต จาก ราก ลำต้น และใบ

สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ๕. จำแนกสัตวอ์ อกเปน็ กล ใชล้ ักษณะภายในบางลกั ษณะแล ลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ สาระท่ี ๓ มาตรฐาน ว ๓. ๑ เข้าใจสมบัติ ๑. ทดลองและอธบิ ายสมบ สารและ ของสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่าง วสั ดชุ นดิ ต่าง ๆ เกย่ี วกับความยื สมบตั ิของ สมบัติของสารกับโครงสร้างและ ความแข็ง ความเหนียวการนำคว สาร แรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาค มี การนำไฟฟา้ และ ความหนาแน่น กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้ และจติ วทิ ยาศาสตร์ สอื่ สารส่งิ ที่ เรยี นรู้

๕๖ สาระการเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการ เรยี นรู้/ ช่ัวโมง คะแนน เนื้อหาที่สอน ลุม่ โดย - การจำแนกสัตว์เป็นกลุม่ โดยใช้ ละ ลกั ษณะภายนอกและลกั ษณะภายในบาง ลกั ษณะเป็นเกณฑแ์ บง่ ออกได้เปน็ สตั วม์ ี กระดูกสันหลงั และสตั วไ์ ม่มกี ระดูกสัน หลงั - สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั แบ่งเปน็ กลมุ่ ปลา สตั ว์คร่งึ น้ำคร่งึ บก สัตวเ์ ลือ้ ยคลาน สัตวป์ ีก และสัตวเ์ ลี้ยง ลูกดว้ ยนำ้ นม บตั ขิ อง -ความยืดหยุ่น ความแข็ง ความเหนยี ว วสั ดแุ ละ ๑๔ ๓๕ ดหยนุ่ การนำความรอ้ น การนำไฟฟา้ และ สมบัตขิ อง วามร้อน ความหนาแน่นเป็นสมบตั ิต่าง ๆ ของ วสั ดุ น วสั ดุ ซึ่งวัสดุตา่ งชนดิ กนั จะมีสมบัติบาง ประการแตกตา่ งกนั

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ๒. สืบค้นขอ้ มลู และอภิปรายก วสั ดไุ ปใช้ในชวี ิตประจำวัน สาระท่ี ๔ มาตรฐาน ว ๔. ๑ เข้าใจ ทดลองและอธบิ ายการหาแรงลพั แรงและการ ธรรมชาติของแรงแมเ่ หล็กไฟฟ้า แรงสองแรง ซงึ่ อยู่ในแนวเดยี วกนั เคลอ่ื นที่ แรงโนม้ ถ่วง และแรงนิวเคลยี ร์ กระทำต่อวัตถุ มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอ่ื สารสง่ิ ที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชนอ์ ย่างถูกต้องและมี คณุ ธรรม ทดลองและอธบิ ายความดันอากา

๕๗ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการ เรยี นรู้/ ชว่ั โมง คะแนน เน้อื หาทส่ี อน การนำ -ในชีวิตประจำวนั มกี ารนำวสั ดตุ า่ ง ๆ ๓๕ มาใชท้ ำสิง่ ของเคร่อื งใชต้ ามสมบัติของ วัสดุน้นั ๆ พธ์ของ - แรงลพั ธ์ของแรงสองแรงท่ี แรงและความ ๑๕ นท่ี กระทำตอ่ วตั ถโุ ดยแรงทงั้ สองอยู่ในแนว ดนั เดยี วกันเท่ากับผลรวมของแรงทั้งสองนน้ั าศ - อากาศมีแรงกระทำตอ่ วัตถุ แรง ทีอ่ ากาศกระทำตั้งฉากตอ่ หน่งึ หนว่ ย พนื้ ที่ เรียกว่าความดันอากาศ

สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ทดลองและอธบิ ายความดนั ของ ของเหลว ทดลองและอธิบายแรงพยุงของ ของเหลว การลอยตัว และการจม วัตถุ มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจลักษณะ ทดลองและอธิบาย แรงเสยี ดทาน การเคล่ือนที่แบบต่างๆ ของวัตถุ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ในธรรมชาติ มกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ลจิตวิทยาศาสตร์ สอื่ สารส่ิงที่เรยี นร้แู ละนำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์

๕๘ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการ เรยี นรู้/ ชัว่ โมง คะแนน เน้ือหาที่สอน - ของเหลวมีแรงกระทำต่อวตั ถุ ทุกทศิ ทาง แรงทข่ี องเหลวกระทำต้งั ฉากต่อหน่ึงหนว่ ยพนื้ ท่ี เรยี กวา่ ความดัน ของของเหลว ซ่งึ มคี วามสัมพันธก์ บั ความ ลกึ - ของเหลวมแี รงพยงุ กระทำตอ่ มของ วตั ถุทลี่ อยหรอื จมในของเหลว การจม หรือการลอยตวั ของวัตถขุ ้ึนอยู่กับ น้ำหนักของวตั ถุ และแรงพยงุ ของ ของเหลวนั้น นและ แรงเสยี ดทานเปน็ แรงต้านการเคลอื่ นท่ี แรงและความ ของวตั ถุ แรงเสียดทานมปี ระโยชน์ เช่น ดนั ในการเดนิ ต้องอาศัยแรงเสียดทาน

สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระที่ ๕ มาตรฐาน ว ๕. ๑ เขา้ ใจ ทดลองและอธิบายการเกิดเสียงแ พลงั งาน ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลังงานกับ เคลื่อนที่ของเสยี ง การดำรงชวี ติ การเปลยี่ นรูป พลังงาน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสาร และพลงั งาน ผลของการใช้ พลังงานตอ่ ชีวิตและสงิ่ แวดล้อม มีกระบวน การสืบเสาะหาความรู้ สือ่ สารสิง่ ท่ีเรียนรู้และนำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ทดลองและอธบิ ายการเกดิ เสียงส ตำ่

๕๙ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการ เรียนรู้/ ช่วั โมง คะแนน เนื้อหาท่ีสอน และการ เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกำเนดิ เสยี งกบั การได้ ๑๑ ๓๕ เสียงและเสียงเคลือ่ นทจ่ี ากแหล่งกำเนดิ ยิน เสียงทกุ ทิศทางโดยอาศยั ตวั กลาง สูง เสียง แหล่งกำเนิดเสยี งสั่นด้วยความถี่ต่ำจะ เกิดเสียงตำ่ แตถ่ ้าสั่นด้วยความถ่ีสูงจะ เกิดเสยี งสงู

สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ัด ทดลองและอธบิ ายเสยี งดงั เสยี งค ๔. สำรวจและอภปิ รายอนั ตราย เกิดขน้ึ เมอ่ื ฟังเสยี งดงั มาก ๆ สาระที่ ๖ มาตรฐาน ว ๖. ๑ เข้าใจ ๑.สำรวจ ทดลองและอธิบายกา กระบวนกา กระบวนการต่าง ๆ ท่ีเกดิ ข้นึ เมฆ หมอก น้ำคา้ ง ฝน และลกู เ ร เปลีย่ นแปล บนผวิ โลกและภายในโลก ง ความสัมพันธข์ องกระบวนการ ของโลก ตา่ ง ๆ ทีม่ ีผลตอ่ การเปลีย่ นแปลง ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และ สัณฐานของโลก มีกระบวนการ สบื เสาะหาความรแู้ ละจติ วทิ ยา ศาสตร์ สอ่ื สารสิ่งท่ีเรยี นรู้

๖๐ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการ เรียนรู้/ ช่ัวโมง คะแนน เนื้อหาทีส่ อน คอ่ ย แหล่งกำเนิดเสยี งสน่ั ดว้ ยพลังงานมากจะ ทำใหเ้ กิดเสียงดัง แต่ถา้ แหลง่ กำเนดิ เสยี ง ส่นั ดว้ ยพลังงานนอ้ ยจะเกดิ เสยี งค่อย ยที่ เสยี งดังมาก ๆ จะเปน็ อันตรายต่อการ ไดย้ ิน และเสยี งที่กอ่ ให้เกิดความรำคาญ เรียกวา่ มลพษิ ทางเสยี ง ารเกิด - ไอนำ้ ในอากาศท่ีควบแนน่ เป็น ปรากฏการณ์ ๑๓ ๓๕ เห็บ ละอองน้ำเล็ก ๆ ทำใหเ้ กดิ หมอกและเมฆ ของโลก ละอองน้ำเลก็ ๆท่ีรวมกันเป็นหยดนำ้ จะ ทำใหเ้ กิดน้ำคา้ งและฝน - หยดนำ้ ทกี่ ลายเป็นนำ้ แข็งแล้วถูก พายพุ ดั วนในเมฆระดบั สูงจนเปน็ กอ้ น น้ำแข็งขนาดใหญ่ขนึ้ แลว้ ตกลงมาทำให้ เกดิ ลกู เหบ็

สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด และนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ๒. ทดลองและอธบิ ายการเกิดวฏั ๓. ออกแบบและสรา้ งเครอ่ื งมอื อ ในการวดั อุณหภูมิ ความชื้น แล กดอากาศ ๔.ทดลองและอธบิ ายการเกดิ ลมแ ความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประ

๖๑ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการ เรียนรู้/ ช่วั โมง คะแนน เน้ือหาท่สี อน ฏจักรนำ้ - วัฏจักรน้ำเกดิ จากการหมุนเวยี น อยา่ งต่อเน่อื ง ระหว่างนำ้ บรเิ วณผิวโลก กับนำ้ ในบรรยากาศ อย่างงา่ ย - อุณหภมู ิ ความช้นื ความกดอากาศ มี ละความ การเปลย่ี นแปลง ซง่ึ สามารถตรวจสอบ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื อย่างง่ายได้ และนำ - การเกิดลมเกดิ จากการเคล่ือนที่ของ ะจำวนั อากาศตามแนวพ้นื ราบ อากาศบรเิ วณที่ มีอณุ หภูมสิ งู มวลอากาศจะขยายตัว ลอยตวั สูงข้นึ สว่ นอากาศบริเวณที่มี อุณหภมู ติ ่ำ มวลอากาศจะจมตัวลงและ เคลือ่ นทไี่ ปแทนท่ี - พลังงานจากลมนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ มากมายในดา้ นการผลิตกระแสไฟฟา้ และการทำกงั หนั ลม

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระท่ี ๗ มาตรฐาน ว ๗. ๑ ๑. สงั เกตและอธบิ ายการเกิดท ดารา และปรากฏการณก์ ารขึน้ ตกของด ศาสตรแ์ ล เขา้ ใจววิ ัฒนาการของระบบ โดยใช้แผนที่ดาว ะอวกาศ สุริยะ กาแล็กซแี ละเอกภพ การ ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสุรยิ ะ และผลตอ่ บนโลก มีกระบวนการ สืบเสาะ หาความรแู้ ละจิตวทิ ยา ศาสตร์ การสอื่ สารสงิ่ ที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๘ มาตรฐาน ว ๘. ๑ ๑. ตั้งคำถาม เก่ยี วกับปร ธรรมชาติ หรอื เรอื่ ง หรอื สถานการณ์ ที่จะศ ของ ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตามทกี่ ำหนดให้และตามความสน วิทยาศาสต และจติ วิทยาศาสตรใ์ นการสืบ ร์และ เสาะหาความรู้ การแกป้ ญั หา รู้ เทคโนโลยี ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ี่ เกดิ ขน้ึ ส่วนใหญ่มรี ปู แบบท่ี แนน่ อน สามารถอธิบายและ

๖๒ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการ เรยี นรู้/ ชั่วโมง คะแนน เน้อื หาท่ีสอน ทิศ - การทโ่ี ลกหมุนรอบตัวเองน้ที ำให้เกิด ระบบสุริยะ ดวงดาว การกำหนดทิศ โดยโลกหมุนรอบตัวเอง ทวนเขม็ นาฬิกาจากทิศตะวนั ตกไปยังทศิ ตะวันออกเม่อื สงั เกตจากขัว้ เหนอื จึง ปรากฏใหเ้ หน็ ดวงอาทติ ย์และดวงดาว ต่างๆ ข้ึนทางทศิ ตะวันออก และตกทาง ทิศตะวนั ตก -แผนท่ีดาวช่วยในการสังเกตตำแหนง่ ดาวบนท้องฟ้า ระเด็น - ศกึ ษา นใจ

สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด ตรวจสอบได้ ภายใต้ขอ้ มูลและ เคร่อื งมือท่ีมีอยใู่ นชว่ งเวลานนั้ ๆ เข้าใจว่า วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และ สิ่งแวดลอ้ มมคี วามเก่ียวข้อง สัมพนั ธ์กัน ๒.วางแผนการสงั เกต เสนอการส ตรวจสอบ หรือศึกษาคน้ คว้า แล คาดการณ์สิ่งทจ่ี ะพบจากการสำร ตรวจสอบ ๓.เลือกอปุ กรณ์ทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะส การสำรวจ ตรวจสอบใหไ้ ดข้ อ้ มลู เชอื่ ถอื ได้

๖๓ สาระการเรียนร้แู กนกลาง* หน่วยการ เรียนรู้/ ช่ัวโมง คะแนน เนอื้ หาทสี่ อน สำรวจ - ละ รวจ สมใน - ลที่

สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด ๔.บนั ทึกขอ้ มลู ในเชิงปริมาณและ คณุ ภาพ และตรวจสอบผลกับสิ่ง คาดการณ์ไว้ นำเสนอผลและข้อส ๕.สร้างคำถามใหม่เพ่ือการสำรวจ ตรวจสอบตอ่ ไป ๖. แสดงความคิดเหน็ อยา่ ง อธบิ าย และสรุปสง่ิ ที่ได้ เรยี นรู้ บนั ทึกและอธิบายผลการสำรวจ ตรวจสอบตามความเปน็ จรงิ มีกา อา้ งอิง ๘. นำเสนอ จดั แสดง ผลง อธิบายดว้ ยวาจา หรอื เขยี นอธบิ า ระบวนการและผลของงานให้ผอู้

๖๔ สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการ เรียนรู้/ ชว่ั โมง คะแนน ะ- เนือ้ หาทีส่ อน งที่ สรปุ จ- งอิสระ - - าร งาน โดย - ายแสดง อน่ื เข้าใจ

ชนั้ ประถมศึกษ กลุ่มสาระการเรยี นร.ู้ ..................วทิ ยาศา จำนวนมาตรฐาน.....๘......มาตรฐาน และจำนว สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรูแ้ ก ๑ ว ๑.๑ ๑. อธบิ ายการเจริญเตบิ โตของมนษุ ย์ - มนษุ ยม์ ีการเจรญิ เติบโตและมกี จากวัยแรกเกิดจนถึงวยั ผ้ใู หญ่ ทางด้านร่างกายต้ังแตแ่ รกเกิดจน ๒. อธิบายการทางานทส่ี ัมพันธก์ ัน - ระบบย่อยอาหาร ทาหน้าทย่ี อ่ ย ของระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ สารอาหารขนาดเลก็ แล้วจะถูกดดู และระบบหมุนเวยี นเลือดของมนุษย์ หมุนเวยี นเลือด แก๊สออกซเิ จนทไี่ ทาให้สารอาหารเกิดการเปลีย่ นแ พลงั งานท่รี า่ งกายนาไปใช้ได้ ๓. วเิ คราะห์สารอาหารและอภิปราย - สารอาหาร ไดแ้ ก่ โปรตีน คาร์โ ความจาเป็นที่รา่ งกายต้องได้รบั วติ ามิน และน้า มีความจาเป็นต่อ สารอาหารในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกบั ตอ้ งไดร้ ับสารอาหารในสัดสว่ นท่ีเ เพศและวยั เพอ่ื การเจรญิ เติบโตและการดาร ๑ ว ๑.๒ - -

๖๕ ษาปที ี่ ๖ าสตร์.................ชน้ั ......ป.๖............ วนตัวช้วี ัด........๓๗...........ตวั ช้ีวัด ตอ่ ปี กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เนือ้ หาท่ี ชั่วโมง คะแนน สอน ๑๐ การเปลีย่ นแปลง อาหารและสารอาหาร ๕ ๕ นเปน็ ผใู้ หญ่ ยอาหารใหเ้ ป็น รา่ งกายมนุษย์ ๕ ดซมึ เข้าสู่ระบบ ได้จากระบบหายใจจะ แปลงจนกลายเป็น โบไฮเดรต ไขมัน แรธ่ าตุ สารอาหาร ๕๕ อรา่ งกาย มนษุ ยจ์ าเป็น -- เหมาะสมกบั เพศและวยั รงชีวติ -

สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนร้แู ก ๒ ว ๒.๑ ๑. สำรวจและอภิปราย - กลุ่มสิง่ มีชีวติ ในแหลง่ ทอี่ ยู่ต่าง ความสัมพันธ์ของกลุม่ ส่งิ มชี วี ติ ใน และมคี วามสัมพนั ธ์กับแหลง่ ทอ่ี ย แหลง่ ทอ่ี ยตู่ ่าง ๆ อาหาร แหลง่ ที่อยู่อาศัย แหลง่ สบื ลูกอ่อน ๒. อธบิ ายความสัมพันธข์ องสิง่ มีชวี ิต - ความสัมพันธข์ องส่งิ มชี วี ติ กับส กับสิง่ มีชีวติ ในรูปของโซอ่ าหารและ อาหาร และสายใยอาหาร ทาใหเ้ สายใยอาหาร พลงั งานจากผ้ผู ลิตสู่ผู้บรโิ ภค ๓. สบื ค้นขอ้ มูลและอธบิ าย - สิง่ มชี ีวิตที่อาศัยอยใู่ นแต่ละแหล ความสมั พันธ์ระหวา่ ง การดารงชวี ิต เหมาะสมต่อการดารงชวี ิตในแหล ของสิ่งมชี วี ติ กับสภาพแวดลอ้ มใน ปรับตวั ใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดลอ้ มเ ทอ้ งถน่ิ อยรู่ อด ๒ ว ๒.๒ ๑. สืบค้นข้อมูลและอภปิ รายแหล่ง - ทรพั ยากรธรรมชาติตา่ ง ๆ ในแ ทรัพยากรธรรมชาติในแตล่ ะท้องถิน่ ท่ี ต่อการดารงชวี ติ ของสง่ิ มชี วี ติ เปน็ ประโยชนต์ ่อ การดารงชีวติ ๒. วิเคราะหผ์ ลของการเพ่มิ ขึ้นของ - การเพิ่มขนึ้ ของประชากรมนุษย ประชากรมนษุ ยต์ ่อการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาตถิ กู ใชม้ ากขึ้น ทรพั ยากรธรรมชาติ

๖๖ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนื้อหาที่ ชว่ั โมง คะแนน สอน ๔ ๆ มีความ สมั พนั ธ์กนั สิง่ มีชวี ิตกบั ส่งิ แวดลอ้ ม ๕ ยู่ในลักษณะของแหลง่ บพนั ธ์ุ และแหล่งเลีย้ งดู สงิ่ มชี ีวิตในรปู ของโซ่ เกิดการถา่ ยทอด ล่งทอ่ี ยู่จะมี โครงสรา้ งท่ี ล่งที่อยู่นัน้ และสามารถ เพือ่ หาอาหารและมชี วี ิต แตล่ ะทอ้ งถ่ินมปี ระโยชน์ สิ่งมีชีวิตกบั สง่ิ แวดล้อม ๘ ๖ ย์ทาให้ น เป็นผลทาให้

สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แก ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง แ เปลีย่ นแปลงไป ๓. อภิปรายผลตอ่ สิง่ มีชวี ติ จากการ - ภยั พิบัตจิ ากธรรมชาตแิ ละการก เปล่ยี นแปลงส่ิงแวดล้อม ทงั้ โดย สงิ่ แวดล้อมเปลย่ี นแปลง เปน็ ผลท ธรรมชาติและโดยมนษุ ย์ บางชนิดสญู พนั ธุ์ ๔. อภปิ รายแนวทางในการดแู ล - การสร้างจิตสานกึ ในการอนรุ ักษ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนกา สงิ่ แวดลอ้ ม เป็นแนวทางหน่ึงในการดูแลรักษ และส่ิงแวดลอ้ ม ๕. มสี ว่ นร่วมในการดแู ลรักษา - รว่ มจัดทาโครงการเฝ้าระวังรกั ษ ส่ิงแวดล้อมในทอ้ งถนิ่ สิง่ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ อยา่ งย่ังยืน ๓ ว ๓.๑ ๑. ทดลองและอธิบาย สมบัตขิ อง - สารอาจปรากฏในสถานะของแ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส สารทั้งสามสถานะมีสมบตั ิบางปร บางประการแตกต่างกัน ๒. จำแนกสารเปน็ กลมุ่ โดยใช้ - การจำแนกสารอาจจำแนกโดย สถานะหรือเกณฑอ์ น่ื ท่ีกำหนดเอง การนำความรอ้ น หรอื สมบัตอิ ่ืน

๖๗ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หาที่ ช่ัวโมง คะแนน และส่งิ แวดล้อม สอน กระทาของมนษุ ย์ ทาให้ ทาให้พชื และสตั ว์ปา่ ษ์ เฝา้ ระวัง ารปลกู ตน้ ไม้ เพิม่ ข้นึ เพอื่ ษาทรัพยากรธรรมชาติ ษาคุณภาพของ สารในชวี ิตประจำวนั ๑๔ ๑๐ น แขง็ ของเหลวหรือแกส๊ ระการเหมือนกันและ ยใช้สถานะ การนำไฟฟา้ เปน็ เกณฑไ์ ด้

สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู ก ๓. ทดลองและอธบิ ายวิธีการแยก - ในการแยกสารบางชนิดท่ผี สมก สารบางชนดิ ที่ผสมกนั โดยการร่อน วธิ ีการต่าง ๆ ทเี่ หมาะสม ซึ่งอาจ การตกตะกอน การกรอง การระเหดิ การตกตะกอน การกรอง การระ การระเหยแหง้ ท้งั นขี้ นึ้ อยูก่ บั สมบัตขิ องสารท่เี ปน็ นัน้ ๆ ๔. สำรวจและจำแนกประเภทของ - สารอาจปรากฏในสถานะของแ สารตา่ งๆ ที่ใช้ในชีวติ ประจำวัน โดย ใช้สมบัตแิ ละการใชป้ ระโยชนข์ อง สารท้ังสามสถานะมีสมบัติบางปร สาร เป็นเกณฑ์ บางประการแตกตา่ งกัน ๕. อภปิ รายการเลือกใช้สารแตล่ ะ - การจำแนกสารอาจจำแนกโดย ประเภทไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและ การนำความรอ้ น หรือสมบตั อิ ่ืน ปลอดภยั - สารอาจปรากฏในสถานะของแ สารทง้ั สามสถานะมสี มบตั ิบางปร บางประการแตกตา่ งกนั - การจำแนกสารอาจจำแนกโดย การนำความรอ้ น หรือสมบตั อิ น่ื

๖๘ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เนือ้ หาที่ ชั่วโมง คะแนน สอน กันออกจากกนั ตอ้ งใช้ จจะทาไดโ้ ดยการรอ่ น ะเหิด การระเหยแหง้ นส่วนผสมในสารผสม แขง็ ของเหลวหรอื แก๊ส ระการเหมือนกันและ ยใช้สถานะ การนำไฟฟา้ เป็นเกณฑไ์ ด้ แข็ง ของเหลวหรอื แก๊ส ระการเหมอื นกนั และ ยใช้สถานะ การนำไฟฟา้ เป็นเกณฑไ์ ด้

สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ ก - ในการแยกสารบางชนดิ ทผ่ี สมก วิธกี ารตา่ ง ๆ ที่เหมาะสม ซ่ึงอาจ การตกตะกอน การกรอง การระ ทั้งนี้ขน้ึ อยกู่ ับสมบัติของสารทีเ่ ป็น น้ัน ๆ -จำแนกประเภทของสารต่าง ๆ ท ตามการใช้ประโยชน์ แบ่งไดเ้ ป็นส แต่งสีอาหาร สารทาความสะอาด ศตั รพู ืช ซึง่ สารแต่ละประเภทมคี แตกตา่ งกนั - การใช้สารตา่ ง ๆ ในชีวิตประจา ให้ถูกตอ้ งตามวัตถุประสงคข์ องก ต่อส่ิงมชี ีวติ และสิ่งแวดล้อม ๓ ว ๓.๒ ๑. ทดลองและอธบิ ายสมบัติของสาร - เมอื่ สารเกดิ การเปลี่ยนแปลงเป เมอ่ื สารเกดิ การละลายและเปลีย่ น เปลีย่ นสถานะ สารแต่ละชนดิ ยังค สถานะ สารเดิม

๖๙ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เนือ้ หาที่ ช่วั โมง คะแนน สอน กันออกจากกันต้องใช้ จจะทาไดโ้ ดยการรอ่ น ะเหิด การระเหยแห้ง นสว่ นผสมในสารผสม ที่ใช้ในชีวติ ประจาวนั สารปรุงรสอาหาร สาร ด สารกาจัดแมลงและ ความเป็นกรด - เบส าวัน ตอ้ งเลือกใช้ การ ใชง้ าน ปลอดภยั ปน็ สารละลายหรอื คงแสดงสมบตั ขิ อง

สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ ก ๒. วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายการ - การเปลยี่ นแปลงทางเคมี หรอื ก เปลี่ยนแปลงท่ีทาใหเ้ กดิ สารใหม่และ ให้มีสารใหมเ่ กิดข้ึนและสมบัตขิ อ มีสมบัตเิ ปล่ียนแปลงไป จากเดมิ ๓. อภปิ รายการเปลย่ี นแปลงของ - การเปลีย่ นแปลงของสาร ทง้ั กา สถานะและการเกดิ สารใหม่ ต่าง สารที่กอ่ ให้เกิดผลต่อส่งิ มีชวี ิตและ ส่ิงแวดล้อม สงิ่ แวดล้อม ๔ ว ๔.๑ - - ๔ ว ๔.๒ - - ๕ ว ๕.๑ ๑. ทดลองและอธบิ ายการต่อ - วงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบดว้ วงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ๒. ทดลองและอธิบายตัวนาไฟฟา้ - วสั ดุที่กระแสไฟฟา้ ผา่ นไดเ้ ปน็ ต และฉนวนไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าผ่านไม่ได้เป็นฉนวน ๓. ทดลองและอธิบายการตอ่ - เซลล์ไฟฟา้ หลายเซลลต์ ่อเรยี งก เซลลไ์ ฟฟา้ ทง้ั แบบอนกุ รม และนา เซลล์ไฟฟา้ เซลล์หนงึ่ ต่อกบั ขว้ั ลบ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

๗๐ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู้/เนื้อหาที่ ชว่ั โมง คะแนน สอน การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี ทา องสารจะเปลีย่ นแปลงไป ารละลายการเปล่ียน งก็มผี ลต่อสิง่ มีชวี ติ และ วย แหลง่ กำเนิดไฟฟ้า - -- - -- วงจรไฟฟา้ ๑๒ ๑๐ ตวั นาไฟฟา้ ถ้า นไฟฟา้ กนั โดยขวั้ บวกของ บของอีกเซลลห์ น่งึ

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ ก เป็นการตอ่ แบบอนกุ รม ทาให้มกี อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในวงจรเพม่ิ ขนึ้ - การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รมส ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั เช่น ในไฟฉาย ๔. ทดลองและอธิบายการต่อหลอด - การต่อหลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รม ไฟฟา้ ทัง้ แบบอนุกรมและ แบบ ปริมาณเดยี วกันผา่ นหลอดไฟฟา้ ขนาน และนาความรู้มาใช้ประโยชน์ - การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบขนาน ก ผ่านหลอดไฟฟา้ แตล่ ะหลอด สาม เช่น การตอ่ หลอดไฟฟา้ หลายดว ๕. ทดลองและอธบิ ายการเกิด -สายไฟทมี่ กี ระแสไฟฟ้าผ่านจะเก สนามแมเ่ หลก็ รอบสายไฟที่มี สายไฟ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน กระแสไฟฟ้าผ่าน และนำความรู้ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ไปใช้ประโยชน์

๗๑ กนกลาง* หน่วยการเรยี นรู้/เน้อื หาที่ ชว่ั โมง คะแนน กระแสไฟฟ้าผา่ น สอน สามารถนาไปใช้ การต่อเซลลไ์ ฟฟา้ ม จะมกี ระแสไฟฟา้ าแตล่ ะหลอด กระแสไฟฟา้ จะแยก มารถนาไปใชป้ ระโยชน์ วงในบ้าน กิดสนามแมเ่ หล็ก รอบ น์ เช่น การทา

สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ ก ๖ ว ๖.๑ ๑. อธิบาย จำแนกประเภทของหิน -หินแตล่ ะชนิดมีลักษณะแตกตา่ ง โดยใช้ลักษณะของหิน สมบัติของหิน ลักษณะที่สังเกตไดเ้ ป็นเกณฑ์ เช่น เปน็ เกณฑ์และนำความรไู้ ปใช้ ความหนาแนน่ ประโยชน์ - นกั ธรณีวทิ ยาจำแนกหนิ ตามลกั ประเภท คอื หนิ อคั นี หนิ ตะกอน -ลกั ษณะหินและสมบัตขิ องหนิ ทีแ่ เหมาะกับงานทัง้ ในดา้ นกอ่ สร้างด และอนื่ ๆ ๒. สำรวจและอธบิ ายการ - การเปล่ยี นแปลงของหนิ ในธรร เปลย่ี นแปลงของหนิ ผพุ งั อยกู่ ับท่ี การกร่อน ทำให้หิน สว่ นประกอบของดิน ๓. สืบค้นและอธบิ ายธรณพี ิบัติภัยท่ี - มนุษย์ควรเรียนรู้และปฏิบัติตน มผี ลต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อมใน พบิ ตั ิภัยทีอ่ าจเกิดขึ้นในท้องถิน่ ได ทอ้ งถิน่ น้ำทว่ ม แผน่ ดินถล่ม แผน่ ดนิ ไหว

๗๒ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนื้อหาท่ี ชั่วโมง คะแนน สอน ๑๐ งกนั จำแนกตาม น สี เนือ้ หนิ ความแขง็ หินและการเปล่ยี นแปลง ๑๒ กษณะการเกดิ ได้สาม น และหินแปร แตกต่างกัน นำมาใชใ้ ห้ ด้านอุตสาหกรรม รมชาติโดยการ นมขี นาดเลก็ ลง จนเปน็ นใหป้ ลอดภยั จากธรณี ด้แก่ น้าป่าไหลหลาก ว สึนามแิ ละอ่ืนๆ

สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ ก ๗ ว ๗.๑ ๑. สร้างแบบจำลองและอธิบายการ - การทโี่ ลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใ เกิดฤดู ข้างขน้ึ ขา้ งแรม สรุ ยิ ปุ ราคา ท่ีแกนโลกเอยี งกับแนวตั้งฉากขอ จนั ทรปุ ราคา และ นำความรไู้ ปใช้ ให้บรเิ วณสว่ นตา่ งๆ ของโลกรบั พ ประโยชน์ แตกต่างกัน เป็นผลใหเ้ กิดฤดตู ่าง - ดวงจนั ทร์ไมม่ ีแสงสว่างในตวั เอ จากแสงอาทิตยต์ กกระทบ ดวงจ โลก การที่ดวงจันทร์โคจรรอบโล ดวงอาทติ ย์ ดวงจันทรจ์ ึงเปลี่ยนต มองเห็นแสงสะท้อนจากดวงจันท คืนซึ่งเรยี กว่าข้างข้นึ ข้างแรม แล ระบบจันทรคติ - การท่ีโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิต เดียวกนั ทาให้ดวงจันทร์บังดวงอา สรุ ิยปุ ราคา และเม่อื ดวงจนั ทรเ์ ค ของโลกเรียกว่าเกดิ จนั ทรปุ ราคา ๗ ว ๗.๒ ๑. สืบคน้ อภิปรายความก้าวหน้า - ความก้าวหนา้ ของ จรวด ดาวเท และประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศ

๗๓ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู้/เนื้อหาท่ี ชว่ั โมง คะแนน สอน ในเวลา ๑ ปี ในลักษณะ องระนาบทางโคจร ทา พลังงานจากดวงอาทติ ย์ งๆ อง แสงสวา่ งที่เห็นเกดิ จันทร์แลว้ สะท้อนมายงั ลกขณะทีโ่ ลกโคจรรอบ ตำแหน่งไปทาให้ ทร์แตกตา่ งกนั ในแตล่ ะ ละนำมาใช้จัดปฏิทินใน ตย์อย่ใู นแนวเส้นตรง ปรากฏการณข์ องโลกและ ๑๑ ๑๐ าทิตย์ เรียกวา่ เกิด เทคโนโลยี คลื่อนทีเ่ ข้าไปอยู่ในเงา า ทยี ม และ ยานอวกาศ

สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ ก - ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยอี ว สำรวจขอ้ มูลของวตั ถทุ ้องฟ้า ทาใ ระบบสุริยะท้งั ในและนอกระบบส และยังมีประโยชน์ในการพฒั นาเ สำรวจทรพั ยากรธรรมชาติ การส อากาศ ด้านการแพทย์ และด้านอ ๘ ว ๘.๑ ๑. ตัง้ คาถามเก่ยี วกบั ประเด็นหรือ - เร่อื งหรอื สถานการณ์ ทจ่ี ะศึกษา ตามท่กี ำหนดให้และตามความสนใจ ๘ ว ๘.๑ ๒. วางแผนการสังเกต เสนอกา - สำรวจตรวจสอบ หรือศึกษา ค้นคว้า คาดการณ์ สิ่งทจ่ี ะพบ จากการสำรวจตรวจสอบ ๓. เลือกอุปกรณ์ และวิธกี ารสำรวจ - ตรวจสอบท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมให้ ไดผ้ ลท่ีครอบคลุมและเชอ่ื ถือได้

๗๔ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หาที่ ช่วั โมง คะแนน สอน วกาศ ไดน้ ามาใช้ในการ ให้ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับ สุริยะเพิ่มขนึ้ อีกมากมาย เทคโนโลยใี นดา้ นการ สอื่ สาร การสำรวจสภาพ อน่ื ๆ อีกมากมาย

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ ก ๔. บันทึกขอ้ มูลในเชงิ ปรมิ าณและ - คณุ ภาพ วเิ คราะห์ และตรวจสอบ ผลกบั สิ่งท่คี าดการณ์ไว้ นำเสนอผล และข้อสรุป ๕. สร้างคาถามใหม่เพ่ือการสำรวจ - ตรวจสอบตอ่ ไป ๖. แสดงความคิดเห็นอยา่ งอิสระ - อธิบาย ลงความเห็นและสรุปสิง่ ที่ได้ เรียนรู้ ๗. บันทึกและอธิบายผลการสำรวจ - ตรวจสอบตามความเปน็ จริง มีเหตผุ ล และมปี ระจกั ษพ์ ยาน อา้ งองิ ๘. นาเสนอ จัดแสดงผลงาน โดยอธิบายดว้ ยวาจา และเขียน รายงานแสดงกระบวนการและ

๗๕ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หาท่ี ช่วั โมง คะแนน สอน

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ ก ผลของงานใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจ คะแนนสอบกลางภาค คะแนนสอบปลายภาค คะแนนข้อสอบกลาง/ส่วนกลางกำหนด ๒๐ % รวมทง้ั สิน้ ตลอดปี

๗๖ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนอ้ื หาท่ี ชวั่ โมง คะแนน สอน ๗๗ ๗๐ ๓ ๓๐ ๘๐ ๑๐๐

ชัน้ มัธยมศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นร้.ู ..................วทิ ยาศา จำนวนมาตรฐาน......๗.....มาตรฐาน และจำน สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระก สาระท่ี ๑ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจ ๑. เปรยี บเทยี บรปู รา่ ง - เซลล์เปน็ หนว่ ยพืน้ ฐา วทิ ยาศาสตร์ สมบตั ิของสิ่งมชี ีวิต หน่วย ลักษณะ และ เซลลเ์ พียงเซลล์เดียว เ ชวี ภาพ พ้นื ฐานของสิ่งมชี ีวิต การ โครงสร้าง ของเซลล์ ชนดิ มหี ลายเซลล์ เชน่ พืชและเซลล์สัตว์ ลำเลียงสารเข้า และออก รวมทงั้ บรรยายหน้าท่ี - โครงสรา้ งพ้ืนฐานทีพ่ จากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ ของผนงั เซลล์ เยื่อห้มุ สามารถสังเกตไดด้ ้วยก ของโครงสร้างและหนา้ ท่ี เซลล์ ไซโทพลาซึม เซลล์ ไซโทพลาซึม แล ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์ พชื แตไ่ มพ่ บในเซลลส์ ัต และมนษุ ยท์ ่ีทำงาน นวิ เคลยี ส แวควิ โอล สัมพนั ธก์ ันความสมั พันธ์ ไมโทคอนเดรีย - โครงสรา้ งตา่ ง ๆ ของ ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ ของอวยั วะต่าง ๆ ของพชื และคลอโรพลาสต์ - ผนงั เซลล์ ทำหน้าท่ีใ ทท่ี ำงานสมั พันธก์ นั รวมท้ังนำความร้ไู ปใช้ ๒. ใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ - เย่อื ห้มุ เซลล์ ทำหนา้ ประโยชน์ ใชแ้ สงศึกษาเซลล์ และ ลำเลยี งสารเขา้ และออ - นวิ เคลียส ทำหนา้ ทคี่

๗๗ าปที ่ี ๑ าสตร.์ ................ชน้ั ......ม.๑............ นวนตัวชีว้ ัด.......๕๒...........ตัวชี้วดั ตอ่ ปี การเรียนร้แู กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ชว่ั โมง) านของสง่ิ มีชีวิต สง่ิ มีชวี ิต บางชนิดมี หน่วยของส่งิ มีชีวิต ๑๒ เช่น อะมีบา พารามีเซยี ม ยีสต์ บาง ๑. เซลลข์ องสง่ิ มชี ีวติ น พืช สตั ว์ -ประเภทของส่ิงมีชวี ติ -กลอ้ งจุลทรรศน์ พบท้ังในเซลลพ์ ชื และเซลล์สัตว์ และ กล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สง ไดแ้ ก่ เยอ่ื หุ้ม ละนิวเคลยี ส โครงสร้างที่พบในเซลล์ -โครงสรา้ งของเซลล์ ตว์ ได้แก่ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์ ๒. การลำเลยี งสารเขา้ และ งเซลล์มีหนา้ ทีแ่ ตกต่างกนั ออกจากเซลล์ ให้ความแขง็ แรงแกเ่ ซลล์ -การแพร่ าทหี่ ่อหุ้มเซลล์และควบคมุ การ -การออสโมซิส อกจากเซลล์ ควบคมุ การทำงานของเซลล์

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระก โครงสรา้ งต่าง ๆ - ไซโทพลาซมึ มอี อรแ์ ภายในเซลล์ - แวคิวโอล ทำหนา้ ที่เ - ไมโทคอนเดรีย ทำห อาหารเพื่อให้ได้พลงั งา - คลอโรพลาสต์ เปน็ แ ๓. อธบิ าย - เซลล์ของสิ่งมชี วี ติ มีร ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ความเหมาะสมกับหน้า รปู ร่าง กบั การทำ สว่ นใหญ่ มีเสน้ ใยประ หน้าท่ีของเซลล์ ประสาทไปยังเซลล์อน่ื เปน็ เซลล์ผวิ ของราก ท ออกมา ลักษณะคลา้ ย ดดู น้ำและธาตอุ าหาร ๔. อธบิ ายการ - พชื และสัตวเ์ ปน็ สิ่งมีช จัดระบบของสงิ่ มชี ีวิต เร่ิมจากเซลลไ์ ปเป็นเน โดยเร่ิมจาก เซลล์ สิง่ มชี ีวติ ตามลำดับ เซล เน้ือเยอ่ื อวยั วะ ระบบ เนือ้ เยือ่ หลายชนดิ มา ร

๗๘ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนอื้ หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชว่ั โมง) แกเนลล์ทีท่ ำหนา้ ที่แตกต่างกนั เก็บนำ้ และสารต่าง ๆ หน้าท่เี กีย่ วกับการสลายสาร านแกเ่ ซลล์ แหล่งท่เี กิดการสังเคราะห์ ด้วยแสง รปู ร่าง ลกั ษณะ ทห่ี ลากหลาย และมี าทีข่ องเซลลน์ น้ั เชน่ เซลล์ประสาท ะสาทเป็น แขนงยาว นำกระแส น ๆ ท่ี อยไู่ กลออกไป เซลล์ขนราก ทีม่ ีผนงั เซลล์และเยอื่ หมุ้ เซลล์ยื่นยาว ยขนเสน้ เลก็ ๆ เพือ่ เพิ่มพน้ื ที่ผิวใน การ ชีวติ หลายเซลลม์ กี ารจัด ระบบ โดย นือ้ เยือ่ อวยั วะ ระบบอวัยวะ และ ลลห์ ลาย เซลล์มารวมกนั เป็นเนื้อเยอ่ื รวมกนั และทำงานร่วมกันเป็นอวัยวะ

สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระก อวัยวะ จนเปน็ อวยั วะตา่ ง ๆ ทำงานร สิ่งมีชีวิต ทกุ ระบบทำงานร่วมกัน ๕. อธบิ ายกระบวน - เซลล์มกี ารนำสารเข้า การแพรแ่ ละออสโมซิส ของเซลล์ และมีการขจ จาก หลักฐานเชงิ ออกนอกเซลล์ การนำ ประจักษ์ และ เชน่ การแพร่ เปน็ การ ยกตวั อยา่ งการแพร่ เข้มข้นของสารสงู ไปสบู่ และออสโมซสิ ใน สว่ นออสโมซิส เป็นกา ชีวติ ประจำวนั ดา้ นท่มี ีความเขม้ ขน้ ขอ เข้มขน้ ของ สารละลาย ๖. ระบปุ ัจจยั ที่จำเปน็ - กระบวนการสังเครา ในการสงั เคราะหด์ ้วย แสง และผลผลิตที่ คลอโรพลาสต์ จำเปน็ ต เกิดข้ึนจากการ คลอโรฟิลล์ และนำ้ ผล สังเคราะหด์ ้วยแสง แสง ได้แก่ น้ำตาลและ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์

๗๙ การเรยี นร้แู กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชว่ั โมง) ร่วมกนั เปน็ ระบบอวัยวะ ระบบอวยั วะ นเปน็ สิ่งมชี ีวติ าสเู่ ซลล์ เพือ่ ใช้ในกระบวนการ ตา่ ง ๆ จดั สารบางอย่าง ทเ่ี ซลลไ์ ม่ต้องการ ำสารเข้า และออกจากเซลล์มหี ลายวธิ ี รเคลื่อนท่ีของสารจากบรเิ วณที่มีความ บริเวณท่มี ีความเขม้ ขน้ ของสารตำ่ ารแพร่ของนำ้ ผา่ นเย่ือหุ้มเซลล์ จาก อง สารละลายต่ำไปยังดา้ นท่มี คี วาม ยสูงกว่า าะห์ดว้ ยแสงของพชื ท่เี กิดขึ้น ใน การดำรงชีวติ ของพืช ๒๒ ต้องใช้แสง แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ ๑. การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ลผลติ ทีไ่ ด้จาก การสงั เคราะหด์ ้วย ะ แกส๊ ออกซิเจน -กระบวนการสงั เคราะห์ ดว้ ยแสง