๑๖๗ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวชิ า ว 16102 รายวิชา วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้โปรแกรม Scratch ศึกษาการ แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมิน ความน่าเช่ือถือ ศึกษาการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในการใช้งานเทคโนโลยี โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจักรการ เรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพ่ือเนน้ ใหผ้ ู้เรยี นได้ลงมือปฏิบตั ิ ฝกึ ทักษะการคดิ เผชิญ สถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่าน กระบวนการคดิ และปฏิบตั ิ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ มีทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ แก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำ เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ ตดั สินใจ และเป็นผ้ทู ่ีมจี ติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อยา่ งสร้างสรรค์ มาตรฐานตัวชีว้ ัด ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 รวม 1 มาตรฐาน รวม 4 ตวั ชีว้ ัด
๑๖๘ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 21201 รายวิชา วิทยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง ศกึ ษาแนวคดิ เชงิ นามศึกษา แนวคดิ เชิงนามธรรม การคดั เลือกคุณลักษณะทีจ่ ำเป็นต่อการแก้ปัญหา ขัน้ ตอนการแก้ปญั หา การเขียนรหัสลำลองและผงั งาน การเขยี นออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายท่ีมีการ ใช้งานตัวแปร เงอ่ื นไข และการวนซ้ำ เพือ่ แก้ปญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐม ภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบน อินเตอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ปลอดภัย การจัดการอัต ลักษณ์ การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนอ้ื หา ข้อตกลงและข้อกำหนดการใชส้ อ่ื และแหล่งขอ้ มลู โดยใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมและขนั้ ตอนการแก้ปัญหา ไปประยุกต์ใชใ้ นการเขียนโปรแกรม หรือการ แก้ปัญหาในชวี ิตจริง รวบรวมข้อมูลและสรา้ งทางเลือก ในการตัดสนิ ใจไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและตระหนักถึง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และไม่สร้างความเสียหายให้แก่ ผอู้ ืน่ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยกุ ต์ใชค้ วามรดู้ ้านวทิ ยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการแกป้ ัญหาที่พบใน ชวี ิตจริงได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ มาตรฐานตัวชว้ี ัด ว ๔.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔ รวม ๑ มาตรฐาน ๔ ตวั ชว้ี ัด
๑๖๙ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวชิ า ว 22201 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ช่วั โมง ศึกษาแนวคิดเชิงคำนวณ การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ การเขียนออกแบบและเขียน โปรแกรมที่มีการใช้ตรรกะโดยใช้ตัวดำเนินการบูลีนและฟังกช์ ันในการแก้ปัญหา องค์ประกอบและหลักการ ทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ การสร้างและแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของผลงาน การกำหนด สทิ ธกิ ารใช้ขอ้ มลู โดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณและขั้นตอนการแก้ปัญหา ไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือการ แก้ปญั หาในชีวิตจริง ปฏิบตั ิการใช้ระบบคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการช่วย อำนวยความสะดวกในกิจกรรมต่างๆ เป็นเครื่องมือในการทำงานในด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ ส่วนบคุ คลและสังคม เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใชค้ วามรู้ดา้ นวทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการแก้ปัญหาท่ีพบใน ชวี ิตจรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มาตรฐานตวั ชี้วัด ว ๔.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔ รวม ๑ มาตรฐาน ๔ ตัวช้วี ัด
๑๗๐ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 23201 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาแนวคิดและขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of Things (IoT) การรวบรวมข้อมูล จากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล การประมวลผล การประเมิน ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูล ผลกระทบจากข่าวสารทผี่ ิดพลาด การรเู้ ทา่ ทันสอ่ื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง ปลอดภยั และมีความรับผดิ ชอบ กฎหมายเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ การใช้ลขิ สทิ ธิข์ องผู้อน่ื โดยชอบธรรม โดยใช้การปฏบิ ัตกิ ารพัฒนาแอปพลิเคชนั ตามข้นั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ บริการบนอินเตอร์เน็ตในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เก็บรวบรวมข้อมลู ปฐมภูมิและทุติยภูมิ ประมวลผล สร้าง ทางเลือก ประเมินผลเพ่ือใหไ้ ด้สารสนเทศเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรอื การตัดสนิ ใจได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีความรบั ผดิ ชอบโดยปฏิบัติตามกฎหมายเกีย่ วกบั คอมพิวเตอร์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรูด้ า้ นวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการแก้ปัญหาที่พบใน ชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐานตวั ช้วี ัด ว ๔.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ช้วี ัด
๑๗๑ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 31201 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาการประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการพัฒนาโครงงาน การพัฒนาโครงงานทางด้าน เทคโนโลยี การนำแนวคิดเชิงคำนวณพัฒนาโครงงานที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ตลอดจนใช้ในการพัฒนา โครงงานท่ีมกี ารบรู ณาการกับวชิ าอน่ื อย่างสร้างสรรคแ์ ละเชื่อมโยงกบั ชีวิตจริง โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรม โครงงาน เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนำเอา แนวคดิ เชงิ คำนวณมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสรา้ งโครงงานได้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสือ่ สารเพ่ือรวบรวมข้อมูลในชวี ติ จรงิ จากแหล่งตา่ ง ๆ และความรู้จากศาสตร์อื่นมาประยุกต์ใช้ สร้างความรู้ ใหม่ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้อย่าง ปลอดภยั มีจริยธรรม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตอ่ สงั คม และการดำรงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวชวี้ ดั ว 4.2 ม.4/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตัวช้ีวัด
๑๗๒ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 32201 รายวิชา วิทยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาเกย่ี วกบั วิทยาการคอมพิวเตอร์ ส่อื ดิจิทลั และเทคโนโลยีสารสนเทศกับการดำเนนิ ชวี ิต เทคโนโลยีการจัดการข้อมลู ขอ้ มลู ฐานข้อมลู คลังข้อมลู การทำเหมอื งขอ้ มูล ประมวลผลขอ้ มูล วทิ ยาการ ข้อมูล ข้อมูลขนาดใหญ่ การวิเคราะห์ข้อมลู วิทยาการขอ้ มูล โดยอาศัยกระบวนการเรยี นรู้โดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเป็นฐาน(Project-based Learning) เพ่อื เน้นใหผ้ ู้เรยี นได้ลงมอื ปฏิบตั ิ ฝึกทกั ษะการคดิ เผชิญ สถานการณ์การแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรยี นรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทยป์ ัญหา จนสามารถนำเอาแนวคิดเชิง คานวณมาประยุกตใ์ ช้ในการสร้างโครงงานได้ เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถใช้ความรู้ทางดา้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ ส่ือดิจทิ ลั เทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสือ่ สาร เพอื่ รวบรวมข้อมูลในชีวติ จรงิ จากแหล่งตา่ ง ๆ และความรู้จากศาสตร์อน่ื มาประยุกต์ใช้ สรา้ ง ความรใู้ หม่ เข้าใจการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีที่มผี ลต่อการดาเนินชวี ติ อาชพี สังคม วฒั นธรรม และใช้ อย่างปลอดภัย มีจรยิ ธรรม ตลอดจนนาความรคู้ วามเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนต์ อ่ สงั คม และ การดำรงชีวติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการ จดั การทกั ษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ และเป็นผู้ทมี่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตวั ช้ีวัด ว 4.2 ม.5/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตัวชี้วัด
๑๗๓ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหัสวชิ า ว 33201 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา 20 ชวั่ โมง ศึกษาเก่ียวกบั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั การนำเสนอและแบ่งปนั ขอ้ มูล สารสนเทศ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการนำเสนอ การนำเสนอและแบ่งปันขอ้ มูลอย่างปลอดภัย จริยธรรม จรรยาบรรณ และกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยกี บั ชวี ติ ประจำวัน และผลกระทบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านตา่ ง ๆ โดยอาศัยกระบวนการเรียนร้โู ดยใช้วธิ กี ารสอนแบบอภปิ ราย วิธกี ารสอนแบบกระบวนการ ทำงานกลุม่ และวธิ ีการสอนแบบบรรยาย เพือ่ เนน้ ให้ผ้เู รียนไดล้ งมอื ปฏิบัติ ฝึกทักษะการคดิ เผชิญสถานการณ์ การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ ละนำเสนอผา่ นการทำกิจกรรมโครงงาน เพ่อื ให้เกิด ทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวเิ คราะห์ โจทยป์ ญั หา จนสามารถนำเสนอแนวคิกเชงิ คำนวณมา ประยุกต์ใช้ในโครงงานได้ เพ่ือให้ผูเ้ รียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ มีทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ัญหาเป็น ข้ันตอนและเปน็ ระบบ มที กั ษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตวั และการส่อื สารเบื้องตน้ ใน การแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวิตจริงได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตลอดจนนำความรคู้ วามเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และ นำเทคโนโลยใี หม่ท่ีเกิดขน้ึ ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิด และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจัดการทักษะในการสอ่ื สาร และความสามารถในการ ตดั สนิ ใจ และเปน็ ผู้ท่มี จี ิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานตวั ช้ีวดั ว 4.2 ม.6/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตวั ช้ีวัด
๑๗๔ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหสั วชิ า ว 21203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาอธิบายความหมายของเทคโนโลยี วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจยั ที่สง่ ผลต่อการเปลีย่ นแปลงของ เทคโนโลยี การทำงานของระบบทางเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จำเป็นเพื่อออกแบบวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ในด้านการเกษตรและ อาหาร และสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เครอื่ งมอื ในการแกป้ ญั หาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั โดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการพฒั นาเทคโนโลยี โดยระบปุ ัญหาหรอื ความต้องการ ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หาภายใต้เง่ือนไขและทรพั ยากรท่มี ีทดสอบ ประเมนิ ผล อภปิ รายผลหรือข้อบกพร่องที่ เกิดขน้ึ พรอ้ มท้ังหาแนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ขและพัฒนาตอ่ ยอด และนำเสนอผลการแก้ปัญหา เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพฒั นา งานอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดย คำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสงิ่ แวดล้อม มาตรฐานตวั ชว้ี ัด ว ๔.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ช้วี ัด
๑๗๕ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวชิ า ว 22203 รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เวลา 20 ชว่ั โมง อธบิ ายแนวโน้มเทคโนโลยีท่จี ะเกิดขนึ้ ระบปุ ัญหาหรอื ความตอ้ งการในชมุ ชนหรือทอ้ งถ่ิน ออกแบบ วธิ กี ารแก้ปญั หา โดยคำนึงถงึ เง่อื นไขและทรพั ยากรที่มอี ยู่ วางแผนขัน้ ตอนการทำงานและดำเนนิ การแก้ปัญหา อย่างเป็นข้ันตอน ใช้ความรแู้ ละทักษะเกีย่ วกบั วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมอื กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โดยใช้การฝึกปฏิบัติการอธิบายแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัย ระบุปัญหาหรือความต้องการ ออกแบบ วางแผนขัน้ ตอนการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน ใช้ความรู้และทกั ษะ เก่ียวกบั วัสดุอุปกรณ์ เครือ่ งมอื กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ เพ่ือแก้ปญั หาหรือพฒั นางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย และสร้างชนิ้ งานหรอื พัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม รวมทั้ง เลือกใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ เครือ่ งมอื ในการแกป้ ญั หาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการแก้ปญั หาที่พบใน ชีวติ จริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐานตวั ชว้ี ดั ว ๔.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ชว้ี ัด
๑๗๖ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหสั วชิ า ว 23203 รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 เวลา 20 ชว่ั โมง ศึกษาและวเิ คราะห์สาเหตุ หรือปัจจยั ท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และความสัมพนั ธ์ ของเทคโนโลยีกับศาสตรอ์ ืน่ ระบุปัญหาหรอื ความตอ้ งการในชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่นิ ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย คำนึงถึงเงอ่ื นไขและทรัพยากรทีม่ ีอยู่ วางแผนข้นั ตอนการทำงานและดำเนนิ การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขัน้ ตอน ใช้ ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และนำเสนอแนวทางการ แก้ปญั หาให้ผูอ้ ่นื เข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการท่หี ลากหลาย โดยใชก้ ารฝึกปฏิบตั ิการอธิบายแนวโน้มเทคโนโลยีท่ีจะเกิดขึน้ โดยพจิ ารณาจากสาเหตหุ รือปัจจัย ระบุปัญหา หรือความต้องการ ออกแบบ วางแผนขั้นตอนการแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นขั้นตอน ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะเกยี่ วกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เพ่อื แก้ปัญหาหรือพฒั นางานได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม และ ปลอดภัย และสร้างชิ้นงานและนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการท่ี หลากหลาย โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทัง้ เลือกใชว้ ัสดุอปุ กรณ์ เคร่อื งมือในการแก้ปัญหา ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรดู้ า้ นวิทยาการคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการแกป้ ัญหาที่พบใน ชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานตัวช้ีวัด ว ๔.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ชี้วัด
๑๗๗ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวิชา ว 31203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 20 ชั่วโมง ศกึ ษาแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ความสัมพันธก์ บั ศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ รวมทั้งประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแนวทางในการ พัฒนาเทคโนโลยี ศกึ ษาการระบปุ ญั หาหรอื ความต้องการทมี่ ีผลกระทบตอ่ สังคม รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมูลและ แนวคดิ ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั ปัญหาที่มีความซับซ้อนเพื่อสังเคราะหว์ ธิ ีการ เทคนิคในการแกป้ ัญหา โดยคำนึงถึงความ ถูกต้องด้านทรพั ย์สินทางปัญญา ศึกษาการออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสินใจ เลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วย เทคนิคหรือวิธีการที่หลากหลาย โดยใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ วางแผนขั้นตอนการทำงานและ ดำเนินการแก้ปัญหา การทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดข้ึน ภายใต้กรอบเงื่อนไข หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข พร้อมทั้งเสนอแนวทางการพัฒนาต่อยอด ใช้ความรู้และ ทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไกไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการแก้ปัญหา หรอื พัฒนางานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ สถานการณก์ ารแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์ปัญหา นำไปสู่การสร้างต้นแบบ ตลอดจนสามารถนำกระบวนการเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยี วิธีการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต รวมทงั้ คำนึงถึงทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้ เกดิ ประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถใน การแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวช้วี ัด ว. 4.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตัวช้วี ดั
๑๗๘ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหสั วิชา ว 32203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 20 ชว่ั โมง ศกึ ษาเก่ียวกบั ความหมายของนวัตกรรม ความสัมพนั ธข์ องเทคโนโลยีและนวัตกรรม รปู แบบของ เทคโนโลยี การพัฒนาอย่างย่งั ยนื หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงเพอ่ื การพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ระบบทาง เทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยี องค์ประกอบท่สี มั พันธ์กบั กระบวนการทางเทคโนโลยี การออกแบบเชิง วิศวกรรม สะเต็มศกึ ษา โครงงานสะเต็ม การทำโครงงาน การประยุกตใ์ ชค้ วามรแู้ ละทักษะจากศาสตรต์ า่ ง ๆ รวมท้งั ทรัพยากรในการสร้างหรอื พฒั นาช้ินงาน เพ่ือแก้ปญั หาในการทำงาน การทำโครงงานออกแบบและ เทคโนโลยี ผลงานโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning) และการเรยี นรู้ แบบใช้โครงงานเปน็ ฐาน (Project–based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมอื ปฏบิ ัติ ฝกึ ทักษะการคดิ เผชญิ สถานการณก์ ารแกป้ ัญหาวางแผนการเรยี นรู้ และ นำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพอ่ื ให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะในการวเิ คราะห์ปญั หา นำไปส่กู ารสรา้ งตน้ แบบ ตลอดจนสามารถนำกระบวนการเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยวี ิธีการเพื่อเพมิ่ ประสิทธิภาพในการดำรงชีวติ รวมท้ังคำนงึ ถึงทรัพยส์ นิ ทางปัญญา ตลอดจนนำความร้คู วามเขา้ ใจในวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยไี ปใชใ้ ห้ เกิดประโยชนต์ อ่ สังคมและการดำรงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถใน การแกป้ ญั หาและการจดั การทกั ษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ อีกท้งั ยงั เป็นผทู้ ี่มีจติ วทิ ยา ศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตวั ชีว้ ดั ว 4.1 ม.5/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตัวช้วี ัด
๑๗๙ การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รียน เป็นเปา้ หมายสำหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ เรยี นรู้ จัดการเรยี นรูโ้ ดยชว่ ยใหผ้ ้เู รยี นเรียนร้ผู า่ นสาระที่กำหนดไวใ้ นหลกั สูตร ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ รวมท้ัง ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตาม เปา้ หมาย ๑. หลักการจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามท่กี ำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน โดยยึดหลกั วา่ ผ้เู รียนมีความสำคญั ท่ีสดุ เชอื่ ว่าทกุ คนมคี วามสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเตม็ ตามศกั ยภาพ คำนงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและพฒั นาการทางสมองเน้น ใหค้ วามสำคญั ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจัดการเรยี นรู้ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผเู้ รียนจะตอ้ งอาศยั กระบวนการเรยี นรู้ ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสูเ่ ป้าหมายของหลกั สูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับ ผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทาง สังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลักษณะนสิ ยั กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ทีผ่ ู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผูเ้ รยี นเกดิ การเรียนรไู้ ด้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสตู ร ดังน้นั ผู้สอน จึงจำเป็นตอ้ งศึกษาทำความเขา้ ใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการ เรียนรไู้ ดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ๓. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศกึ ษาหลักสตู รสถานศึกษาให้เขา้ ใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้วี ัด สมรรถนะสำคัญของ ผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรยี น แล้วจงึ พิจารณาออกแบบการ จดั การเรยี นรโู้ ดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียน ไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายทีก่ ำหนด ๔. บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รียน การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียน ควรมบี ทบาท ดังน้ี ๔.๑ บทบาทของผู้สอน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ทที่ า้ ทความสามารถของผเู้ รียน
๑๘๐ ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ที่เปน็ ความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทงั้ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เพ่ือนำผู้เรียนไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จัดบรรยากาศที่เอือ้ ต่อการเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผเู้ รียนให้เกดิ การเรียนรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีท่ี เหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมินความกา้ วหน้าของผู้เรยี นด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ จดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผู้เรียน ๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรียนรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คำถาม คิดหา คำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ ีการต่างๆ ๓) ลงมือปฏบิ ัติจริง สรุปสงิ่ ที่ได้เรยี นรู้ดว้ ยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นสถานการณ์ ตา่ งๆ ๔) มีปฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมรว่ มกับกลุ่มและครู ๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรูข้ องตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง ส่อื การเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนเขา้ ถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ตา่ งๆ ที่มีในท้องถ่ิน ก าร เลือก ใช้สื่อควร เลือก ให้มีความเหมาะสมก ับร ะดับพัฒนาก าร และ ลีลาก าร เร ียนรู้ ทหี่ ลากหลายของผ้เู รียน การจดั หาสอื่ การเรยี นรู้ ผเู้ รยี นและผ้สู อนสามารถจัดทำและพัฒนาขนึ้ เอง หรือปรบั ปรุงเลือกใช้อย่าง มคี ุณภาพจากส่อื ตา่ งๆ ท่มี ีอยรู่ อบตวั เพอ่ื นำมาใชป้ ระกอบในการจัดการเรียนรูท้ ีส่ ามารถส่งเสรมิ และสื่อสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควร ดำเนินการดงั น้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถิ่น ชมุ ชน สังคมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสือ่ การเรียนรู้สำหรบั การศึกษาค้นควา้ ของผูเ้ รียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้งั จดั หาส่งิ ท่ีมีอยูใ่ นท้องถิน่ มาประยกุ ต์ใช้เปน็ ส่อื การเรยี นรู้ ๓. เลอื กและใช้สอ่ื การเรยี นรทู้ มี่ คี ุณภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้อง กับวธิ กี าร เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรยี น
๑๘๑ ๔. ประเมนิ คุณภาพของสอื่ การเรียนรู้ทเี่ ลอื กใชอ้ ย่างเป็นระบบ ๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ัย เพ่อื พัฒนาส่อื การเรียนร้ใู ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรู้ของผู้เรียน ๖. จัดให้มกี ารกำกบั ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธภิ าพเกย่ี วกบั สื่อและการใช้ส่อื การเรียนรู้ เป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง ของชาติ ไม่ขดั ต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาท่ถี กู ตอ้ ง รูปแบบการนำเสนอท่ีเขา้ ใจงา่ ย และน่าสนใจ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรยี น ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบ ผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมนิ ผลการเรียนร้ใู นทกุ ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้นั เรียน ระดบั สถานศึกษา ระดับเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา และ ระดบั ชาติ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร้เู ป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็น ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ขอ้ มลู ท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการส่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รียนเกิด การพัฒนาและเรยี นรอู้ ยา่ งเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดังนี้ ๑. การประเมนิ ระดบั ชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลทอี่ ยใู่ นกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อน ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบา้ น การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน ประเมนิ เพือ่ น ผ้ปู กครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ีไ่ ม่ผ่านตวั ชี้วดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ การประเมนิ ระดบั ชน้ั เรียนเปน็ การตรวจสอบว่า ผู้เรยี นมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อนั เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากนอ้ ยเพยี งใด มีสิง่ ทจี่ ะต้องได้รับการพัฒนา ปรบั ปรงุ และส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียงั เปน็ ขอ้ มลู ให้ผู้สอนใชป้ รับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ท้ังนี้ โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วดั ๒. การประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษา เปน็ การประเมนิ ทสี่ ถานศึกษาดำเนนิ การเพ่ือตัดสนิ ผล การเรียน ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน นอกจากน้เี พื่อให้ไดข้ ้อมูลเกี่ยวกบั การจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพื่อการปรับปรงุ นโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรือวธิ ีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน
๑๘๒ ๓. การประเมินระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรตู้ ามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน เพอื่ ใช้เป็นข้อมูลพนื้ ฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานทีจ่ ัดทำและดำเนินการโดยเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือด้วย ความร่วมมือกบั หน่วยงานตน้ สังกดั ในการดำเนนิ การจัดสอบ นอกจากนีย้ งั ได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล จากการประเมินระดบั สถานศกึ ษาในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดบั ชาติ เป็นการประเมนิ คุณภาพผเู้ รยี นในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน สถานศกึ ษาต้องจดั ให้ผเู้ รยี นทกุ คนทเี่ รียน ในชัน้ ประถมศึกษาปี ที่ ๓ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เข้ารบั การประเมิน ผลจากการประเมนิ ใช้เป็นขอ้ มูลในการเทียบเคียงคุณภาพ การศึกษาในระดับตา่ ง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศกึ ษา ตลอดจนเป็นขอ้ มูล สนบั สนนุ การตดั สินใจในระดับนโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี น ถอื เปน็ ภาระความรบั ผดิ ชอบของสถานศึกษาทจ่ี ะต้องจดั ระบบดแู ลช่วยเหลือ ปรบั ปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปญั หาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปญั ญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอก าสให้ ผ้เู รียนไดร้ บั การพฒั นาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรยี นของสถานศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งและเป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละแนวปฏิบัติทเ่ี ป็นขอ้ กำหนดของหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน เพอ่ื ใหบ้ คุ ลากรทเ่ี กีย่ วข้องทุกฝ่ายถือปฏิบตั ิรว่ มกนั เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น การตัดสินผลการเรียน ในการตดั สินผลการเรยี นของกลุม่ สาระการเรยี นรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนนนั้ ผสู้ อนตอ้ งคำนึงถึงการพฒั นานักเรยี นแตล่ ะคนเปน็ หลกั และ ตอ้ งเก็บข้อมูลของนกั เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนอ่ื งในแต่ละภาคเรียน มเี กณฑ์ดงั นี้ (๑) ผูเ้ รยี นต้องมเี วลาเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด (๒) ผ้เู รยี นต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชว้ี ดั และผ่านเกณฑไ์ ม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของจำนวนตวั ช้วี ดั (๓) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวชิ า (๔) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากำหนดใน การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
๑๘๓ การให้ระดบั ผลการเรยี น การตดั สนิ ผลการเรียนรายวชิ าของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ช้ระบบตวั เลข แสดงระดบั การเรียนในแตล่ ะกลุ่มสาระ ดงั นี้ ระดับผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนนรอ้ ยละ ๔ ผลการเรยี นดีเยย่ี ม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ผลการเรียนดมี าก ๗๕ - ๗๙ ๓ ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ผลการเรยี นดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ผลการเรียนค่อนขา้ งดี ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ ผลการเรยี นน่าพอใจ ๕๕ - ๕๙ ๑ ๕๐ - ๕๔ ๐ ผลการเรียนพอใช้ ๐ - ๔๙ ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำ ผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑ์ การประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน เป็นผ่านและไมผ่ า่ น ถา้ กรณีท่ผี า่ น กำหนด เกณฑ์การตัดสนิ เป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน ดเี ย่ยี ม หมายถงึ มผี ลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ท่มี ีคณุ ภาพดีเลิศอยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ทมี่ คี ณุ ภาพเปน็ ทีย่ อมรบั ผา่ น หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ที่มคี ุณภาพเปน็ ท่ียอมรับ แต่ยงั มีข้อบกพรอ่ งบางประการ ไม่ผา่ น หมายถึง ไมม่ ีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนน้ั ยงั มขี ้อบกพรอ่ งทีต่ อ้ งได้รบั การปรับปรุงแกไ้ ขหลายประการ ๑๓.๓ การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รวมทุกคณุ ลักษณะเพื่อการเลื่อนชั้น และจบ การศกึ ษา เป็นผา่ นและไม่ผา่ น ในการผา่ น กำหนดเกณฑ์การตดั สนิ เปน็ ดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น และ ความหมายของแต่ละระดบั ดังน้ี ดีเยยี่ ม หมายถงึ ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิตนตามคุณลักษณะจนเปน็ นิสยั และนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดเี ยยี่ ม จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มคี ณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับดี ดี หมายถึง ผูเ้ รยี นมีคุณลักษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคม โดยพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มจำนวน ๑ - ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมินต่ำกวา่ ระดับดี หรือ ๒) ไดผ้ ลการประเมินระดับดี เย่ียมจำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการ ประเมินต่ำกวา่ ระดับผา่ นหรือ ๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผลการ ประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ผ่าน
๑๘๔ ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรับรู้และปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขทีส่ ถานศึกษากำหนด โดย พิจารณาจาก ๑) ไดผ้ ลการประเมินระดับผา่ น จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ผา่ น หรอื ๒) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดบั ผา่ น ไม่ผ่าน หมายถงึ ผเู้ รยี นรบั รแู้ ละปฏิบัติได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขทส่ี ถานศกึ ษา กำหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ไม่ผา่ นตงั้ แต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้งั เวลาการเข้ารว่ มกิจกรรมการปฏิบัติ กจิ กรรมและผลงานของผูเ้ รียนตามเกณฑท์ ่โี รงเรยี นกำหนดและให้ผลการประเมนิ เป็นผ่าน และไม่ผ่านให้ใช้ ตัวอักษรแสดงผลการประเมิน ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ปฏบิ ตั ิ กิจกรรมและมผี ลงานเป็นทปี่ ระจกั ษ์ “มผ” หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ปฏิบตั ิกิจกรรมและมีผลงาน ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำหนด ในกรณที ่ผี ู้เรียนได้ “มผ” ครูผูด้ ูแลกิจกรรมต้องจัดซ่อมเสริมใหผ้ ู้เรียนทำกจิ กรรมในสว่ นท่ี ผเู้ รยี นไมไ่ ดเ้ ขา้ ร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถว้ น แล้วจึงเปลีย่ นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งน้ี ต้อง ดำเนินการใหเ้ สรจ็ สิ้นภายในปกี ารศึกษานนั้ ยกเว้นมเี หตสุ ดุ วิสัยหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรอื ผ้ทู ี่ไดร้ บั มอบหมาย
๑๘๕ การเลือ่ นชั้น เมื่อส้นิ ปีการศึกษา ผเู้ รียนจะได้รบั การเล่อื นชนั้ เม่อื มคี ณุ สมบตั ติ ามเกณฑด์ ังตอ่ ไปนี้ (๑) ผู้เรียนตอ้ งมเี วลาเรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมด (๒) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินทกุ ตัวช้วี ัด และผ่านเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของจำนวน ตวั ชว้ี ดั (๓) ผูเ้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ไม่นอ้ ยกวา่ ระดับ “ ๑ ” จึงจะถอื วา่ ผา่ นเกณฑต์ ามท่สี ถานศึกษากำหนด (๔) นักเรยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี น ใน ระดับ “ ผ่าน ” ขึ้นไป มีผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคใ์ นระดับ“ ผ่าน ” ขึน้ ไป และมผี ลการ ประเมินกจิ กรรมพฒั นานกั เรียน ในระดบั “ ผา่ น ” ทั้งนี้ ถา้ ผู้เรยี นมขี ้อบกพร่องเพยี งเลก็ น้อย และพจิ ารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอน ซ่อมเสรมิ ไดใ้ หอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาที่จะผ่อนผันใหเ้ ล่อื นช้ันได้ อนึ่ง ในกรณที ผี่ ูเ้ รียนมีหลกั ฐานการเรยี นรู้ที่แสดงวา่ มคี วามสามารถดเี ลศิ สถานศกึ ษาอาจให้ โอกาสผ้เู รยี นเล่ือนช้ันกลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศึกษาแตง่ ตง้ั คณะกรรมการประกอบดว้ ยฝ่ายวชิ าการของ สถานศึกษาและผแู้ ทนของเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาหรือต้นสงั กัดประเมนิ ผูเ้ รียนและตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถว้ น ตามเงอ่ื นไขทง้ั ๓ ประการตอ่ ไปนี้ ๑. มีผลการเรยี นในปีการศึกษาที่ผา่ นมาและมผี ลการเรยี นระหว่างปที กี่ ำลังศกึ ษาอยู่ใน เกณฑด์ เี ยย่ี ม ๒. มีวฒุ ภิ าวะเหมาะสมท่จี ะเรยี นในชนั้ ท่ีสูงข้ึน ๓. ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถทุกรายวชิ าของช้นั ปีที่เรียนปัจจบุ นั และความรู้ ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรยี นแรกของช้นั ปีทจ่ี ะเลอ่ื นขน้ึ การอนุมัติให้เลื่อนชนั้ กลางปกี ารศึกษาไปเรยี นชน้ั สงู ขนึ้ ได้ ๑ ระดบั ชั้นนี้ ตอ้ งได้รับการ ยินยอมจากผ้เู รยี นและผปู้ กครองและต้องดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิน้ กอ่ นเปิดภาคเรยี นท่ี ๒ ของปีการศึกษาน้ัน สำหรบั ในกรณีท่พี บว่ามีผู้เรียนกลุม่ พิเศษประเภทต่างๆ มีปญั หาในการเรียนรู้ใหส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ งาน ร่วมกบั สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาเฉพาะความพิการหาแนวทางการแกไ้ ขและพัฒนา
๑๘๖ การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสรมิ เป็นการสอนเพื่อแก้ไขขอ้ บกพร่อง กรณที ผี่ เู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื คณุ ลกั ษณะไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ่กี ำหนด จะต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เพ่อื พัฒนาการเรียนรูข้ องผ้เู รยี นเต็ม ตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่ือแก้ไขขอ้ บกพร่องกรณีท่ผี เู้ รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคต/ิ คณุ ลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด สถานศึกษาตอ้ งจดั สอนซอ่ ม เสรมิ เป็นกรณพี เิ ศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกตเิ พอ่ื พฒั นาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการ เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั ทก่ี ำหนดไวเ้ ปน็ การใหโ้ อกาสแก่ผ้เู รียนได้เรยี นรแู้ ละพฒั นา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คล การเปลีย่ นผลการเรียน การเปลยี่ นผลการเรียน“๐” สถานศกึ ษาจัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ ในมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั ทผ่ี เู้ รยี นสอบไม่ผา่ นกอ่ น แล้วจงึ สอบแกต้ วั ได้ไม่เกิน ๒ ครง้ั ถา้ ผู้เรยี นไมด่ ำเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาท่ีสถานศกึ ษากำหนดให้ อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรียน สำหรบั ภาคเรียนที่ ๒ ต้อง ดำเนนิ การให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานน้ั ถ้าสอบแก้ตวั ๒ ครง้ั แลว้ ยงั ไดร้ ะดับผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแตง่ ตั้ง คณะกรรมการดำเนนิ การเกยี่ วกบั การเปลย่ี นผลการเรยี นของผเู้ รยี นโดยปฏบิ ัตดิ งั นี้ ๑) ถา้ เป็นรายวิชาพน้ื ฐานให้เรียนซำ้ รายวิชาน้ัน ๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเตมิ ให้เรียนซำ้ หรือเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังน้ีใหอ้ ยใู่ นดลุ ย พนิ ิจของสถานศกึ ษา ในกรณีทีเ่ ปล่ยี นรายวิชาเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี น แสดงผลการเรยี นว่าเรยี นแทนรายวิชาใด การเปลย่ี นผลการเรียน“ร” การเปล่ยี นผลการเรยี น“ร” ให้ดำเนนิ การดงั น้ี ใหผ้ ู้เรยี นดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผเู้ รยี นแก้ไขปัญหาเสร็จแลว้ ใหไ้ ดร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ (ตัง้ แต่ ๐ - ๔) ถา้ ผู้เรียนไม่ดำเนินการแกไ้ ข “ร” กรณีทสี่ ่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมินระหว่างภาคเรียนและปลายภาคใหผ้ ูส้ อนนำขอ้ มูลท่ีมีอยู่ตัดสิน ผลการเรยี นยกเว้นมีเหตสุ ดุ วิสัยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่ เกนิ ๑ ภาคเรยี นสำหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดำเนนิ การใหเ้ สร็จส้ินภายในปีการศึกษานนั้ เมื่อพ้นกำหนดนี้ แล้วใหเ้ รียนซำ้ หากผลการเรยี นเป็น “๐” ให้ดำเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์
๑๘๗ การเปลีย่ นผลการเรียน “มส” การเปล่ียนผลการเรยี น“มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี ๑) กรณีผูเ้ รยี นได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถ่ ึงรอ้ ยละ ๘๐ แตม่ ีเวลาเรยี นไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานน้ั ใหจ้ ัดให้เรียนเพ่มิ เติมโดยใช้ชั่วโมงสอน ซอ่ มเสรมิ หรือใชเ้ วลาวา่ ง หรอื ใชว้ ันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำจนมีเวลาเรียนครบตามท่กี ำหนดไว้สำหรบั รายวิชาน้นั แลว้ จึงใหว้ ัดผลปลายภาคเป็นกรณีพเิ ศษ ผลการแก้ “มส” ใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนี้ใหก้ ระทำใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในปีการศึกษานัน้ ถา้ ผู้เรยี น ไมม่ าดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทกี่ ำหนดไวน้ ีใ้ ห้เรียนซ้ำ ยกเว้นมเี หตสุ ุดวิสยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาที่จะ ขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรียน แต่เมอื่ พ้นกำหนดนีแ้ ลว้ ให้ปฏิบัตดิ งั นี้ (๑) ถา้ เป็นรายวิชาพ้นื ฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ าน้ัน (๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพมิ่ เตมิ ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ใหเ้ รยี นซำ้ หรือเปลี่ยน รายวิชาเรยี นใหม่ ๒) กรณีผเู้ รียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมเี วลาเรียนนอ้ ยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลา เรยี นทัง้ หมดใหส้ ถานศึกษาดำเนนิ การดังนี้ (๑) ถ้าเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐานให้เรยี นซำ้ รายวชิ านนั้ (๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ใหเ้ รยี นซำ้ หรือเปลีย่ น รายวิชาเรยี นใหม่ ในกรณที ีเ่ ปล่ยี นรายวิชาเรียนใหม่ใหห้ มายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นว่าเรยี นแทน รายวชิ าใด การเรยี นซ้ำรายวชิ า ผู้เรยี นทไ่ี ดร้ บั การสอนซอ่ มเสริมและสอบแกต้ ัว ๒ ครง้ั แลว้ ไม่ผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ให้เรียนซำ้ รายวิชานั้น ทัง้ น้ใี ห้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจัดใหเ้ รยี นซ้ำในชว่ งใด ช่วงหนง่ึ ทสี่ ถานศกึ ษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวนั วนั หยดุ ชั่วโมงว่างหลงั เลิกเรียน ภาคฤดรู อ้ นเป็น ต้น ในกรณีภาคเรยี นที่ ๒ หากผู้เรยี นยังมีผลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนนิ การให้เสรจ็ สนิ้ ก่อนเปิดเรยี นปีการศึกษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปดิ การเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่อื แก้ไขผลการ เรยี นของผเู้ รียนได้ การเปลี่ยนผล“มผ” กรณที ีผ่ เู้ รยี นได้ผล “มผ” สถานศกึ ษาต้องจดั ซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนทำกจิ กรรมในสว่ นทผี่ ู้เรยี น ไมไ่ ดเ้ ข้ารว่ มหรอื ไมไ่ ด้ทำจนครบถ้วน แลว้ จึงเปล่ียนผลจาก “มผ”เปน็ “ผ” ได้ ทง้ั นด้ี ำเนินการให้เสร็จสน้ิ ภายในภาคเรียนนั้น ๆ ยกเว้นมเี หตุสดุ วิสยั ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะพิจารณาขยายเวลาออกไป อกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรียน สำหรับภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดำเนินการใหเ้ สร็จสิ้นภายในปีการศึกษานนั้ การเรยี นซ้ำช้ัน ผู้เรยี นที่ไม่ผ่านรายวชิ าจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรียนในระดบั ชนั้ ที่ สงู ข้ึนสถานศกึ ษา ตอ้ งตง้ั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รียนซ้ำชนั้ ได้ ท้งั น้ีใหค้ ำนึงถงึ วฒุ ภิ าวะและความรู้ ความสามารถของผู้เรียนเป็นสำคญั ผ้เู รียนท่ไี มม่ คี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์การเลอื่ นชน้ั สถานศกึ ษาควรให้เรยี นซ้ำชนั้ ท้ังนี้ สถานศกึ ษา อาจใช้ดุลยพินิจให้เลอ่ื นชั้นได้ หากพจิ ารณาวา่ ผ้เู รียนมคี ุณสมบัตขิ ้อใดข้อหนง่ึ ดังตอ่ ไปน้ี
๑๘๘ ๑) มเี วลาเรยี นไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ อันเนอ่ื งจากสาเหตุจำเปน็ หรอื เหตสุ ดุ วิสยั แต่มี คณุ สมบัตติ ามเกณฑก์ ารเล่อื นชัน้ ในขอ้ อ่ืนๆ ครบถ้วน ๒) ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ ผ่านมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ดั ไม่ถึงเกณฑ์ตามที่ สถานศกึ ษากำหนดในแตล่ ะรายวิชา แต่เห็นวา่ สามารถสอนซ่อมเสริมไดใ้ นปกี ารศึกษาน้ัน และมีคุณสมบตั ิ ตามเกณฑ์การเลอ่ื นช้ันในขอ้ อื่น ๆ ครบถ้วน ๓) ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ รายวิชาในกลุม่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมอยู่ในระดบั ผา่ น กอ่ นท่จี ะให้ผ้เู รียนเรียนซำ้ ช้นั สถานศึกษาต้องแจง้ ให้ผปู้ กครองและผู้เรียนทราบเหตุผลของ การเรียนซำ้ ชน้ั เอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา เป็นเอกสารสำคญั ทบี่ ันทกึ ผลการเรยี น ขอ้ มูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง กบั พัฒนาการของผเู้ รียนในด้านต่าง ๆ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผเู้ รียนตามรายวิชา ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน สถานศกึ ษาจะตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลและออกเอกสารน้ี ใหผ้ ู้เรียนเป็นรายบคุ คล เมอื่ ผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมตั ิการจบหลกั สูตรโดยบันทึกรายชื่อและ ขอ้ มูลของผ้จู บการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา ๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทีส่ ถานศกึ ษากำหนด เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ ผเู้ รยี น เชน่ แบบรายงานประจำตวั นกั เรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง ผลการเรยี น และ เอกสารอืน่ ๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทยี บโอนผลการเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากนี้ ยงั สามารถเทยี บโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหล่งการเรียนร้อู นื่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศกึ ษาโดย ครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในชว่ งกอ่ นเปดิ ภาคเรยี นแรก หรือต้นภาคเรยี นแรก ท่ี สถานศกึ ษารับผขู้ อเทยี บโอนเป็นผู้เรียน ท้งั น้ี ผเู้ รียนทไ่ี ด้รับการเทยี บโอนผลการเรียนตอ้ งศกึ ษาตอ่ เน่ืองใน สถานศกึ ษาทรี่ บั เทยี บโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศึกษาท่รี ับผู้เรียนจาก การเทยี บโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกิตทจ่ี ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังนี้ ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ ผ้เู รียน
๑๘๙ ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผ้เู รยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ กี ารต่างๆ ทั้งภาคความรู้ และภาคปฏบิ ัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตใิ นสภาพจริง การเทียบโอนผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ การบริหารจัดการหลกั สูตร ในระบบการศกึ ษาทีม่ ีการกระจายอำนาจให้ท้องถ่นิ และสถานศึกษามบี ทบาทในการพัฒนาหลักสูตร นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี บทบาทหนา้ ท่ี และความรบั ผิดชอบในการพฒั นา สนบั สนุน ส่งเสริม การใชแ้ ละพัฒนาหลกั สตู รใหเ้ ป็นไปอย่าง มปี ระสทิ ธิภาพ เพ่อื ใหก้ ารดำเนนิ การจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน ระดบั ชาตคิ ณุ ภาพของของผเู้ รยี นทส่ี ำคัญ และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี บทบาทในการขับเคลอื่ นคุณภาพการจดั การศกึ ษา เปน็ ตวั กลางที่จะเช่อื มโยงหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ หลักสูตรของสถานศึกษา สง่ เสรมิ การใช้และพฒั นาหลกั สูตรในระดับสถานศึกษา ใหป้ ระสบความสำเรจ็ โดยมี ภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้ สอดคล้องกับสิ่งทเ่ี ปน็ ความต้องการในระดบั ชาติ พัฒนาสาระ การเรยี นรูท้ ้องถ่ิน ประเมินคณุ ภาพการศึกษาใน ระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจยั และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสรมิ ตดิ ตามผล ประเมนิ ผล วิเคราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผเู้ รยี น สถานศกึ ษามีหน้าท่ีสำคัญในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา การวางแผนและดำเนนิ การใช้หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้ จัดทำเพ่มิ เตมิ รวมทงั้ สถานศึกษาสามารถเพิม่ เตมิ ในส่วนทีเ่ กย่ี วกับสภาพปญั หาในชมุ ชนและสังคม ภูมิปญั ญา ทอ้ งถิ่น และความตอ้ งการของผูเ้ รยี น โดยทกุ ภาคส่วนเข้ามามีสว่ นรว่ มในการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา
๑๙๐ คณะผู้จัดทำ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คณะทีป่ รึกษา เวียงจันทร์ รองผูอ้ ำนวยการ รกั ษาการในตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี น น้อยวรรณะ รองผอู้ ำนวยการ 1. นางวีรวัลย์ 2. นางสมุ นา อดทน รองผู้อำนวยการ 3. นางสาวจนั ทมิ า ยอดเชียงคำ หวั หนา้ งานวิชาการ 4. นางเนตรชนก คณะทำงาน 1. นายธชั ยพงศ์ ปาละหงษา ประธาน 2. นางพัชราภรณ์ ระวา้ รองประธาน กรรมการ 3. นางสาววภิ ารตั น์ ลามทุม กรรมการ 4. นางเนตรชนก ยอดเชียงคำ กรรมการ กรรมการ 5. นางสาวจรี วรรณ แกว้ ดวงผาง กรรมการ 6. นางสาวฤทยั รตั น์ ผลพิกุล กรรมการ กรรมการ 7. นางสาวสุกญั ญา อดุ ราช กรรมการ 8. นางสาวเยาวลกั ษณ์ อักษรมตั กรรมการ 9. นายดนัยพงศ์ อุดมยิง่ เจรญิ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ 10. นางสาวสวรส พ่งึ สว่าง 11. นายนฤดล สีมงี าม 12. นายทราทิศ จารภุ คนิธิ 13. นางสาวเพชรรัตน์ อภยั ภักดิ์
๑๙๑ บรรณานกุ รม สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๒). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั สำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๒ ก,). ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรง พมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ข.). ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ค.). ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุม สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ง.). ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ จ.). ตวั ชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ฉ.). ตัวช้วี ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ลิ ปะ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ช.). ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ซ.). ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สขุ ศึกษา และพลศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ฌ.). แนวทางการบริหารจดั การหลกั สตู ร ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ญ.). แนวปฏบิ ัตกิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________ (๒๕60). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระภมู ิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และแนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด
๑๙๒
๑๙๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327