สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระก ๗. อธบิ ายความสำคัญ - การสังเคราะหด์ ว้ ยแ ของการสงั เคราะห์ด้วย สง่ิ มีชวี ิต เพราะเปน็ กร แสง ของพชื ตอ่ พลงั งานแสงมาเปล่ียน สิง่ มชี วี ิตและ อนิ ทรยี แ์ ละเกบ็ สะสมใ สง่ิ แวดลอ้ ม พืช พืชจึงเป็นแหลง่ อ ๘. ตระหนกั ในคุณคา่ สิง่ มชี ีวติ อนื่ นอกจากน ของพชื ทีม่ ีต่อสง่ิ มีชีวติ เป็น กระบวน การหลัก และ สง่ิ แวดลอ้ ม โดย บรรยากาศ เพ่อื ให้สิง่ ม การร่วมกันปลูกและ ดูแลรกั ษา ต้นไม้ใน โรงเรียนและชมุ ชน
๘๐ การเรียนรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู/้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ช่ัวโมง) -ปจั จยั ท่ีสำคัญต่อ กระบวนการสงั เคราะห์ ดว้ ยแสง แสง เปน็ กระบวนการท่ีสำคัญ ต่อ ๒. การลำเลยี งสารในพชื ระบวนการเดยี ว ที่สามารถนำ นเปน็ พลังงาน ในรูปสารประกอบ -การลำเลียงน้ำและแร่ ในรปู แบบ ตา่ ง ๆ ในโครงสร้างของ ธาตุ อาหารและพลงั งานที่สำคญั ของ นี้ กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงยัง -การลำเลยี งอาหาร กในการสรา้ งแกส๊ ออกซิเจนใหก้ บั มีชวี ติ อืน่ ใช้ในกระบวนการ หายใจ ๓. การเจรญิ เติบโตของพชื ๔. การสืบพันธุข์ องพืช -การสืบพันธุแ์ บบไม่ อาศยั เพศของพชื -การสบื พนั ธแุ์ บบอาศัย เพศของพชื
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระก ๙. บรรยายลักษณะ - พชื มีไซเล็มและโฟลเ และหน้าที่ของไซเล็ม และ โฟลเอ็ม มลี กั ษณะคล้ายทอ่ เรีย ทำหน้าท่ีลำเลียงน้ำแล ๑๐. เขียนแผนภาพที่ รากไปสู่ลำต้น ใบ และ บรรยายทศิ ทาง สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง รว ทำหนา้ ท่ี ลำเลียงอาห การลำเลียงสารในไซ ทิศทางลำเลยี งจากบร เลม็ และโฟลเอม็ ของ ส่วนตา่ งๆ ของพืช พชื ๑๑. อธิบายการ - พชื ดอกทกุ ชนดิ สามา สืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศ บางชนดิ สามารถสบื พัน และ ไมอ่ าศัยเพศของ พชื ดอก ๑๒. อธบิ ายลักษณะ - การสบื พันธุ์แบบอาศ โครงสร้างของดอกทมี่ ี กันของสเปิรม์ กับเซลล ส่วน ทำให้เกดิ การถา่ ย พืชดอกเกิดขนึ้ ท่ดี อก โ เรณู รวมทงั้ บรรยาย การปฏิสนธขิ องพืช
๘๑ การเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนอื้ หา/ เวลา คะแนน กิจกรรม (ชว่ั โมง) เกบ็ เอม็ ซง่ึ เป็นเน้ือเยอ่ื ยงตวั กันเป็นกลุ่มเฉพาะท่ี โดยไซเล็ม ละธาตุอาหาร มีทิศทางลำเลียงจาก ะ สว่ นตา่ ง ๆ ของพชื เพื่อใช้ในการ วมถงึ กระบวนการอ่ืนๆ ส่วนโฟลเอม็ หารที่ได้จากการสังเคราะหด์ ้วยแสง มี ริเวณทีม่ กี ารสังเคราะหด์ ว้ ย แสงไปสู่ ารถสบื พนั ธ์แุ บบอาศัยเพศได้ และ นธุ์แบบไม่อาศยั เพศได้ ศัยเพศเปน็ การสืบพนั ธทุ์ ่ีมีการ ผสม ลไ์ ข่ การสืบพนั ธุ์ แบบอาศัยเพศของ โดยภายใน อับเรณูของสว่ นเกสรเพศ
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระก ดอก การเกิดผลและ ผู้มีเรณู ซ่งึ ทำหนา้ ท่ี ส เมลด็ เกสรเพศเมีย มีถุงเอ็มบ การกระจายเมล็ด และ -การสืบพันธแ์ุ บบไมอ่ า การงอกของเมล็ด ใหม่ไม่ไดเ้ กิดจากการป เกิดจากส่วนตา่ งๆ ของ เจรญิ เติบโตและพัฒนา ๑๓. ตระหนกั ถงึ -การถา่ ยเรณู คอื การเ ความสำคญั ของสตั ว์ที่ ยอดเกสรเพศเมีย ซง่ึ เก ชว่ ยในการ ถา่ ยเรณู ของดอก เชน่ สขี องกล ของพชื ดอก โดยการไม่ เกสรเพศ เมีย โดยมสี ิง่ ทำลายชวี ติ ของสัตว์ท่ี - การถา่ ยเรณูจะนำไป ช่วยในการถา่ ยเรณู เอม็ บริโอภายในออวลุ เอนโดสเปริ ์ม ไซโกตจะ พัฒนาไปเปน็ เมล็ด แล -ผลและเมล็ดมกี ารกระ ต่างๆ เม่ือเมล็ดไปตกใ การงอกของเมล็ด โดย
๘๒ การเรยี นรูแ้ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้ือหา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ชั่วโมง) สร้างสเปริ ม์ ภายในออวุลของสว่ น บรโิ อ ทำหน้าทสี่ รา้ งเซลลไ์ ข่ าศยั เพศ เปน็ การสืบพนั ธ์ุท่ีพืช ต้น ปฏสิ นธิระหว่างสเปิร์ม กับเซลลไ์ ข่ แต่ งพืช เชน่ ราก ลำต้น ใบ มีการ าข้ึนมา เปน็ ตน้ ใหม่ได้ เคลื่อนยา้ ยของเรณูจากอบั เรณไู ปยัง กีย่ วข้องกับ ลกั ษณะและโครงสร้าง ลบี ดอก ตำแหนง่ ของเกสรเพศผู้และ งท่ีช่วยในการถ่ายเรณู เช่น แมลง ลม ปสู่การปฏสิ นธิ ซึง่ จะเกิดข้นึ ท่ี ถงุ ล หลังการปฏิสนธจิ ะได้ ไซโกต และ ะพัฒนาต่อไป เป็นเอ็มบรโิ อ ออวุล ละรงั ไข่ พฒั นาไปเปน็ ผล ะจายออกจากตน้ เดิม โดย วธิ ีการ ในสภาพแวดล้อมท่ี เหมาะสมจะเกิด ยเอม็ บริโอ ภายในเมล็ดจะเจรญิ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระก ออกมา โดยระยะแรก จนกระทัง่ ใบแท้พฒั น เต็มท่ี และสร้างอาหาร ๑๔. อธิบายความ - พืชต้องการธาตุอาหา สำคญั ของธาตุอาหาร เจริญเติบโตและการดำ บางชนิดทีม่ ผี ลต่อการ -พชื ตอ้ งการธาตอุ าหา เจริญเติบโต และการ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ดำรงชีวติ ของพืช และกำมะถนั ซึ่งในดิน ๑๕. เลือกใช้ปุ๋ยทมี่ ีธาตุ การเจรญิ เติบโตของพชื อาหารเหมาะสมกบั พืช ของปยุ๋ กบั พืชอย่างเหม ในสถานการณ์ท่ี กำหนด ๑๖. เลือกวิธีการ - มนษุ ย์สามารถนำคว ขยายพนั ธุ์พชื ให้ และไม่อาศยั เพศ มาใช เหมาะสมกับ ความ เช่น การใชเ้ มล็ด ทไ่ี ด้จ ตอ้ งการของมนุษย์ เพาะเลยี้ ง วิธกี ารนจ้ี ะ ลกั ษณะ ทแี่ ตกต่างไปจ
๘๓ การเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นรู้/เนื้อหา/ เวลา คะแนน เก็บ กจิ กรรม (ชั่วโมง) จะอาศัยอาหารที่สะสมภายในเมล็ด นา จนสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ รได้เองตามปกติ ารทจ่ี ำเปน็ หลายชนิดในการ ำรงชวี ติ ารบางชนดิ ในปรมิ าณมาก ได้แก่ โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม นอาจมไี มเ่ พียงพอ สำหรับ ช จึงตอ้ งมกี ารให้ ธาตุอาหารในรปู มาะสม วามรเู้ รื่องการสืบพนั ธ์ุ แบบอาศัยเพศ ช้ในการ ขยายพันธ์ุเพอื่ เพมิ่ จำนวนพชื จากการสืบพันธแุ์ บบอาศัยเพศมา ะไดพ้ ชื ในปรมิ าณมาก แต่อาจมี จากพ่อแม่ ส่วนการตอนกงิ่ การปักชำ
สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระก โดยใช้ความรู้ เกย่ี วกับ การตอ่ ก่งิ การติดตา ก การสบื พนั ธุข์ องพชื เปน็ การนำความร้เู รอ่ื ง พชื มาใช้ในการขยายพ ๑๗. อธิบายความ ตน้ เดมิ ซง่ึ การขยายพ สำคญั ของเทคโนโลยี ควรเลือกให้ เหมาะสม คำนึงถึงชนดิ ของพืชแล การเพาะเล้ยี งเนือ้ เย่อื พชื ในการใชป้ ระโยชน์ - เทคโนโลยีการเพาะเ ดา้ นต่าง ๆ เก่ยี วกบั ปัจจยั ท่ีจำเป็น การเพม่ิ จำนวนพืช แล ๑๘. ตระหนกั ถึง หลอดทดลอง ซง่ึ จะได ประโยชนข์ องการ สามารถนำ เทคโนโลย ขยายพนั ธพ์ุ ชื โดยการ นำความรไู้ ปใชใ้ น เพอื่ การอนุรกั ษ์พนั ธุก ชีวติ ประจำวนั สำคญั ทางเศรษฐกิจ ก และอนื่ ๆ
๘๔ การเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เนอื้ หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชั่วโมง) การทาบก่งิ การเพาะเลี้ยง เนื้อเยอ่ื งการสบื พนั ธ์แุ บบ ไม่อาศัยเพศของ พันธุ์ เพ่อื ใหไ้ ด้พืชทีม่ ลี ักษณะเหมือน พนั ธุ์ แต่ละวธิ ี มีขนั้ ตอนแตกต่างกัน จงึ มกับความต้องการของมนษุ ย์ โดยต้อง ละลกั ษณะการสบื พนั ธ์ุของพืช เล้ียงเน้ือเยื่อพชื เป็นการนำ ความรู้ นตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ของพืชมาใชใ้ น ละทำให้พืช สามารถเจรญิ เติบโตได้ใน ด้ พชื จำนวนมากในระยะเวลาสน้ั และ ยกี ารเพาะเล้ยี งเนื้อเย่ือมาประยุกต์ กรรมพืช ปรบั ปรงุ พนั ธุ์พืช ท่มี ีความ การผลิตยาและ สาระสำคญั ในพืช
สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระก สาระที่ ๒ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจ ๑. อธบิ ายสมบตั ิทาง - ธาตุแต่ละชนิดมีสมบ วทิ ยา- สมบตั ขิ องสสาร องค์ กายภาพบางประการ บางประการเหมือนกนั ศาสตร์ ประกอบของสสาร ของ ธาตุโลหะ อโลหะ นำมาจดั กลมุ่ ธาตุ เป็น กายภาพ ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง และก่ึงโลหะ โดยใช้ มจี ุดเดอื ด จดุ หลอมเห สมบัติของสสารกบั หลกั ฐาน เชิงประจกั ษ์ ไฟฟ้า ดงึ เป็นเสน้ หรือต โครงสร้างและแรงยึด ท่ไี ด้จากการสังเกตและ หนาแน่นทงั้ สงู และต่ำ เหน่ียวระหว่างอนุภาค การทด สอบ และใช้ หลอมเหลวตำ่ มีผิวไม หลกั และธรรมชาติ ของ สารสน เทศท่ีได้จาก เปราะ แตกหกั ง่าย แล การเปลย่ี นแปลงสถานะ แหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ สมบตั ิ บางประการเห ของสสาร การเกิด รวมท้งั จัดกลุ่มธาตเุ ปน็ เหมือนอโลหะ สารละลาย และการ โลหะ อโลหะ และ ก่ึง เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี โลหะ ๒. วเิ คราะห์ผลจาก - ธาตุโลหะ อโลหะ แล การใช้ธาตุโลหะอโลหะ จดั เปน็ ธาตกุ มั มันตรังส
๘๕ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนร้/ู เน้ือหา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ชั่วโมง) บัติเฉพาะตัวและมีสมบตั ิ ทางกายภาพ สารรอบตวั ๒๖ นและ บางประการต่างกนั ซงึ่ สามารถ ๑. สารและการจำแนก นโลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ธาตุโลหะ สาร หลวสูง มีผิวมนั วาว นำความรอ้ น นำ -สมบตั ขิ องสาร ตีเปน็ แผน่ บาง ๆ ได้ และ มีความ ธาตุอโลหะ มีจุดเดือด จุด -การจำแนกสาร มม่ ันวาว ไมน่ ำความรอ้ น ไมน่ ำไฟฟ้า ละมีความหนาแนน่ ตำ่ ธาตุก่ึงโลหะมี ๒. การเปลย่ี นแปลงของ หมือนโลหะ และสมบัติบางประการ สาร ๓. สารบรสิ ุทธิแ์ ละสาร ผสม -สารบริสุทธิ์ -สารผสม -สมบัติของสารบรสิ ุทธิ์ และสารผสม ละกง่ึ โลหะ ที่สามารถแผ่รงั สีได้ สี
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระก กงึ่ โลหะ และธาตุ กัมมนั ตรังสี ทีม่ ตี อ่ สง่ิ มชี วี ิตส่ิงแวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คม จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ๓. ตระหนกั ถงึ คณุ คา่ - ธาตมุ ที งั้ ประโยชน์แล ของการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตุก กัมมนั ตรังสี โดยเสนอ ตอ่ สิ่งมีชีวิต สงิ่ แวดล้อ แนวทาง การใชธ้ าตุ อยา่ งปลอดภัย คมุ้ คา่ ๔. เปรยี บเทยี บจดุ - สารบริสทุ ธปิ์ ระกอบ เดือด จุดหลอมเหลว ประกอบดว้ ยสารต้งั แต ของสารบริสทุ ธิ์ และ ชนิดมสี มบัติบางประก สารผสม โดยการวัด และ จุดหลอมเหลวคง อุณหภูมิ เขยี นกราฟ หลอมเหลวไม่คงท่ี ขึ้น แปลความหมายข้อมูล ผสมอย่ดู ้วยกนั
๘๖ การเรยี นร้แู กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เนอื้ หา/ เวลา คะแนน กิจกรรม (ชว่ั โมง) เกบ็ ละโทษ การใช้ธาตุโลหะ กัมมันตรังสี ควรคำนงึ ถงึ ผลกระทบ อม เศรษฐกิจ และสงั คม บด้วยสารเพียงชนดิ เดยี ว สว่ นสารผสม ต่ ๒ ชนดิ ขึ้นไป สารบรสิ ุทธิ์แต่ละ การ ที่เปน็ ค่าเฉพาะตวั เชน่ จดุ เดือด งที่ แต่สารผสมมจี ุดเดือด และจุด นอย่กู บั ชนดิ และ สัดส่วนของสารที่
สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระก สาระ มาตรฐาน จากกราฟ หรือ สารสนเทศ ๕. อธิบายและ - สารบริสุทธ์ิแต่ละชน เปรียบเทยี บความ หนว่ ยปรมิ าตรคงท่ี เป หนาแนน่ ของ สาร และอณุ หภมู ิหนึง่ แต่ส บริสุทธแ์ิ ละสารผสม กบั ชนิด และสัดสว่ นข ๖. ใช้เคร่ืองมอื เพื่อวดั มวลและปริมาตรของ สารบริสทุ ธิ์และสาร ผสม ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนก ๗. อธบิ ายเกยี่ วกับ -สารบริสุทธแิ์ บ่งออกเป ความสัมพันธ์ระหว่าง ประกอบด้วยอนุภาคท อะตอม ธาตุ และ เรยี กวา่ อะตอม ธาตแุ สารประกอบ โดยใช้ ชนิดเดียวและไม่ สามา ทางเคมี ธาตุเขยี นแทน
๘๗ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นร้/ู เนอ้ื หา/ เวลา คะแนน กิจกรรม (ช่วั โมง) เกบ็ นิดมีความหนาแน่น หรอื มวลตอ่ หนึ่ง ปน็ คา่ เฉพาะ ของสารนั้น ณ สถานะ สารผสมมีความหนาแนน่ ไมค่ งทีข่ น้ึ อยู่ ของสารที่ผสมอยู่ด้วยกัน กลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน เก็บ กจิ กรรม (ชว่ั โมง) ป็นธาตแุ ละสารประกอบ ธาตุ ท่เี ลก็ ที่สดุ ทย่ี งั แสดง สมบตั ขิ องธาตนุ น้ั แต่ละชนดิ ประกอบด้วยอะตอมเพยี ง ารถแยกสลายเป็นสารอนื่ ได้ดว้ ยวธิ ี นดว้ ยสญั ลักษณธ์ าตุ สารประกอบ
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระก แบบจำลอง และ เกดิ จากอะตอมของธา สารสนเทศ เคมีในอัตราสว่ นคงที่ ม องคป์ ระกอบ สามารถ และสารประกอบสามา ๘. อธบิ ายโครงสร้าง -อะตอมประกอบดว้ ยโ อะตอมทปี่ ระกอบด้วย โปรตอนมปี ระจไุ ฟฟ้าบ โปรตอน นวิ ตรอน โปรตอนเท่ากันและเป และอิเลก็ ตรอน โดยใช้ กลางทางไฟฟา้ สว่ นอ แบบจำลอง อะตอม มจี ำนวนโปรต กลางทางไฟฟ้า โปรตอ อะตอมเรยี กว่า นิวเคล ทีว่ ่างรอบนิวเคลยี ส ๙. อธบิ ายและ -สสารทกุ ชนดิ ประกอบ เปรยี บเทียบการ มีสถานะของแข็ง ของ จัดเรยี งอนุภาค แรงยึด แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ ง เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค แตกตา่ งกัน ซ่งึ มีผลต่อ และการเคลอ่ื นท่ี ของ อนภุ าคของสสารชนิด
๘๘ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู้/เน้ือหา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ช่ัวโมง) าตตุ ัง้ แต่ ๒ ชนิดขนึ้ ไป รวมตัวกนั ทาง มีสมบตั ิ แตกต่างจากธาตุท่ีเปน็ ถ แยกเป็นธาตุไดด้ ว้ ยวธิ ีทางเคมี ธาตุ ารถเขียนแทนไดด้ ้วยสูตรเคมี โปรตอน นวิ ตรอน และ อิเลก็ ตรอน บวก ธาตุ ชนิดเดยี วกนั มจี ำนวน ป็น ค่าเฉพาะของธาตนุ นั้ นิวตรอนเป็น อิเลก็ ตรอนมปี ระจไุ ฟฟา้ ลบ เมอ่ื ตอนเทา่ กบั จำนวนอเิ ลก็ ตรอน จะเปน็ อนและนิวตรอน รวมกนั ตรงกลาง ลียส สว่ นอิเลก็ ตรอนเคลือ่ นท่ีอยู่ใน บด้วยอนุภาค โดยสาร ชนิดเดยี วกนั ท่ี งเหลว แก๊ส จะมีการจัดเรยี งอนุภาค อนภุ าค การเคลือ่ นที่ของอนภุ าค อรปู รา่ งและปริมาตรของสสาร
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระก เดียวกนั ในสถานะ - อนุภาคของของแข็งเ ของแข็ง ของเหลว อนุภาคมากทส่ี ุด อนภุ และแก๊ส โดยใช้ ปริมาตรคงที่ แบบจำลอง -อนุภาคของของเหลว อนุภาคนอ้ ยกวา่ ของแข ไดแ้ ตไ่ ม่เป็นอิสระเทา่ แ ปริมาตรคงท่ี -อนภุ าคของแกส๊ อยู่ห่า อนุภาคนอ้ ยท่ีสดุ อนภุ ทำใหม้ ีรปู ร่างและปรมิ ๑๐. อธิบาย -ความรอ้ นมีผลตอ่ การ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ร้อนแก่ของแขง็ อนุภา พลังงานความรอ้ นกบั อุณหภมู ิเพมิ่ ข้ึนจนถึงร การเปลยี่ นสถานะ ของ ในการเปล่ียนสถานะ เ สสาร โดยใช้หลกั ฐาน การเปล่ียน สถานะจาก เชงิ ประจักษ์และ แฝง ของการหลอมเหล แบบจำลอง จะคงท่ี เรยี กอณุ หภมู ิน
๘๙ การเรียนรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เนอ้ื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ เรียงชิดกนั มแี รงยดึ เหน่ยี ว ระหวา่ ง กิจกรรม (ชั่วโมง) ภาคสัน่ อยกู่ ับที่ ทำใหม้ รี ปู รา่ งและ วอยใู่ กลก้ นั มแี รงยึดเหนย่ี ว ระหวา่ ง ขง็ แตม่ ากกว่าแกส๊ อนภุ าคเคลื่อนท่ี แกส๊ ทำให้ มรี ูปรา่ งไม่คงท่ี แต่ างกนั มาก มแี รงยึดเหน่ยี ว ระหวา่ ง ภาคเคลอื่ นท่ีได้ อยา่ งอสิ ระทุกทิศทาง มาตร ไมค่ งที่ รเปลยี่ นสถานะของสสาร เม่ือให้ความ าคของของแข็ง จะมีพลงั งานและ ระดับหนึง่ ซึ่งของแขง็ จะใชค้ วามรอ้ น เป็นของเหลว เรียกความรอ้ นทใี่ ชใ้ น กของแขง็ เป็นของเหลวว่า ความร้อน ลว และอณุ หภมู ิขณะเปล่ียนสถานะ นี้วา่ จุดหลอมเหลว
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระก - เมื่อให้ความรอ้ นแกข่ พลังงานและอณุ หภมู เิ จะใชค้ วามร้อนในการเ ร้อนทใี่ ช้ในการเปล่ยี น ความร้อนแฝงของการ เปลยี่ นสถานะ จะคงท - เมื่อทำให้อณุ หภูมขิ อ เปล่ียนสถานะเป็นของ ควบแนน่ ซ่งึ มอี ณุ หภูม - เมอื่ ทำให้อณุ หภูมิขอ ระดบั หน่งึ ของเหลวจ อุณหภมู ินวี้ ่า จุดเยอื กแ หลอมเหลวของของแข
๙๐ การเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู้/เนอื้ หา/ เวลา คะแนน กิจกรรม (ช่ัวโมง) เก็บ ของเหลว อนภุ าคของของเหลว จะมี เพ่ิมขนึ้ จนถึงระดับหน่ึง ซงึ่ ของเหลว เปลี่ยนสถานะ เป็นแกส๊ เรียกความ นสถานะ จากของเหลวเป็นแก๊สวา่ รกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะ ทีเ่ รียกอุณหภูมินวี้ ่า จุดเดอื ด องแกส๊ ลดลงจนถึงระดบั หน่งึ แก๊สจะ งเหลว เรียกอุณหภมู ิ นีว้ ่า จุด มิเดียวกบั จดุ เดอื ด ของของเหลวนนั้ องของเหลวลดลงจนถงึ จะเปล่ยี นสถานะเป็นของแข็ง เรยี ก แขง็ ซึง่ มอี ณุ หภูมิ เดยี วกับจุด ขง็ นนั้
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระก สาระท่ี ๒ มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจ ๑. สรา้ งแบบจำลองท่ี - เม่ือวัตถุอยใู่ นอากาศ วิทยาศาสตร์ ธรรมชาติของแรงใน อธิบายความ สมั พนั ธ์ ทุกทศิ ทาง แรงท่อี ากา กายภาพ ชีวติ ประจำวัน ผลของแรง ระหวา่ ง ความดนั ของวัตถุนน้ั แรงท่ีอาก ท่กี ระทำต่อวตั ถุ อากาศกบั ความสงู จาก หน่วยพื้นท่ี เรียกวา่ ค พ้ืนโลก ลกั ษณะการเคลอ่ื นที่แบบ -ความดนั อากาศมคี วา ต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ จากพื้นโลก โดยบรเิ วณ อากาศเบาบางลง มวล ลดลง มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจ ๑. วิเคราะห์ แปล -เมอื่ สสารไดร้ บั หรอื สญู ความหมายของพลงั งาน ความหมายข้อมูล และ เปล่ยี นอุณหภมู ิ เปลยี่ น การเปล่ียนแปลงและการ คำนวณ ปริมาณความ ถ่ายโอนพลงั งาน ร้อนท่ีทำใหส้ สาร -ปรมิ าณความร้อนที่ท เปล่ยี นอณุ หภูมิ และ ความร้อนจำเพาะ และ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร เปล่ียนสถานะ โดยใช้ และพลงั งาน พลังงานใน สมการ -ปริมาณความร้อนทีท่ ชีวิตประจำวันธรรมชาติ ของคลนื่ ปรากฏการณท์ ี่ Q = mc∆t และ ขึ้นกับมวลและความรอ้ เกีย่ วข้องกับเสยี ง แสง เปล่ียนสถานะ อุณหภ
๙๑ การเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรยี นรู้/เนอื้ หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชว่ั โมง) ศจะมีแรงที่อากาศกระทำตอ่ วตั ถใุ น บรรยากาศ าศกระทำต่อวัตถุ ข้นึ อย่กู บั ขนาดพ้ืนที่ (หนว่ ยเดียวกับ สาระที่ ๓ กาศ กระทำต้ังฉากกับผวิ วัตถุตอ่ หน่งึ มาตรฐาน ว ๓.๒) ความดันอากาศ ามสัมพนั ธ์กับความสูง ณที่สงู จากพื้นโลกขน้ึ ไป ลอากาศนอ้ ยลง ความดนั อากาศกจ็ ะ ญเสยี ความรอ้ นอาจทำให้ สสาร พลังงานความร้อน ๒๑ นสถานะ หรือเปลยี่ น รปู ร่าง ๑. อณุ หภมู แิ ละการวัด ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิ ข้ึนกับมวล - เครอ่ื งมือวดั อณุ หภูมิ ะอณุ หภูมิ ทเ่ี ปลย่ี นไป - หนว่ ยวัดอุณหภูมิ ทำให้สสารเปล่ยี นสถานะ ๒. ผลของความรอ้ นตอ่ การเปลยี่ นแปลงของสาร อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่ สสาร ภูมจิ ะไมเ่ ปลย่ี นแปลง
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระก และคลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ Q = mL รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ ประโยชน์ ๒. ใช้เทอร์มอมิเตอรใ์ น การวัดอุณหภูมขิ อง สสาร ๓. สร้างแบบจำลองที่ - ความรอ้ นทำให้สสาร อธิบายการขยายตวั หรือ หดตัวของสสาร เนื่องจากเม่ือสสารได้ร เนื่องจากได้รบั หรอื สญู เสีย ความรอ้ น อนภุ าคเคลื่อนท่ีเรว็ ขึน้ คายความร้อนจะทำให ๔. ตระหนกั ถงึ หดตวั ประโยชนข์ องความรู้ ของการหด และ -ความรเู้ ร่ืองการหดแล ขยายตัวของสสาร เน่อื งจากความรอ้ น เนือ่ งจากความรอ้ นนำ โดยวิเคราะห์ การสร้างถนน การสรา้
๙๒ การเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชั่วโมง) - ผลของความรอ้ นตอ่ การขยายตวั หรือหดตัว ของสาร - ผลของความร้อนต่อ การเปล่ยี นแปลงของ อณุ หภมู ิของสสาร รขยายตัวหรือหดตวั ได้ - ผลของความรอ้ นท่มี ี รบั ความรอ้ นจะทำให้ ผลต่อการเปลย่ี นสถานะ ของสาร น ทำใหเ้ กิดการขยายตวั แตเ่ มอ่ื สสาร ห้อนภุ าค เคลอื่ นท่ีช้าลง ทำให้เกิดการ ๓. สมดลุ ความรอ้ น ๔. การถา่ ยโอนความรอ้ น ละขยายตวั ของสสาร - การนำความร้อน ำไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ ้าน ต่าง ๆ เชน่ -การพาความร้อน างรางรถไฟ การทำเทอร์มอมเิ ตอร์ -การแผร่ งั สีความร้อน
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระก สถานการณป์ ญั หา และเสนอแนะ วธิ ีการนำความรูม้ า แกป้ ัญหาใน ชีวิตประจำวัน ๕. วเิ คราะห์ -ความรอ้ นถ่ายโอนจาก สถานการณก์ ารถ่าย ที่มอี ุณหภูมิต่ำกวา่ จนก โอนความร้อน และ เท่ากัน สภาพที่สสารท คำนวณปริมาณความ สมดุลความร้อน รอ้ นที่ถ่ายโอน ระหว่าง - เมอ่ื มกี ารถ่ายโอนคว สสารจนเกิดสมดุล อณุ หภูมิตา่ งกันจนเกิด ความรอ้ นโดยใช้ สมการ ความรอ้ นที่เพ่ิมข้ึนขอ Qสญู เสีย = Qได้รบั ลดลงของอกี สสารหน่ึง พลังงาน ๖. สรา้ งแบบจำลองท่ี -การถา่ ยโอนความรอ้ น อธิบายการถ่ายโอน
๙๓ การเรยี นร้แู กนกลาง* หนว่ ยการเรียนร้/ู เนือ้ หา/ เวลา คะแนน กจิ กรรม (ชั่วโมง) เกบ็ กสสารทมี่ ีอณุ หภูมิสงู กวา่ ไปยังสสาร กระทงั่ อุณหภูมิ ของสสารท้ังสอง ทง้ั สอง มอี ุณหภมู ิเท่ากัน เรียกว่า วามรอ้ นจากสสารที่มี ดสมดุลความรอ้ น องสสารหนงึ่ จะเทา่ กบั ความรอ้ นที่ ง ซึ่งเปน็ ไป ตามกฎการอนรุ กั ษ์ นมี ๓ แบบ คอื
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระก ความรอ้ น โดยการนำ การนำความร้อน การพ ความรอ้ น การพา ความร้อน การแผร่ ังสีความรอ้ น ก ความร้อนท่อี าศัยตวั กล การแผร่ งั สคี วามร้อน พาความรอ้ นเป็นการถ โดยทีต่ ัวกลาง เคล่อื นท ๗. ออกแบบ เลอื กใช้ เป็นการถ่ายโอนความ และสร้างอุปกรณ์ เพ่ือ แก้ ปัญหาใน -ความรเู้ กย่ี วกับการถ่า ชีวิตประจำวันโดยใช้ ประโยชน์ในชีวติ ประจ ความรู้เกย่ี วกับ การ นำมาทำภาชนะบรรจุอ ถ่ายโอนความรอ้ น ออกแบบระบบ ระบาย สาระท่ี ๓ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจ ๑. สรา้ งแบบจำลองท่ี - โลกมบี รรยากาศห่อ วทิ ยาศาสตร์ องคป์ ระกอบและ อธิบายการแบ่งชน้ั องคป์ ระกอบของบรรย โลก และ ความสัมพันธข์ องระบบ บรรยากาศ และ ออกเป็นช้ัน ซง่ึ แบ่งได อวกาศ โลก กระบวนการ เปรยี บเทียบประโยชน์ กนั โดยทัว่ ไปนักวิทยา ของบรรยากาศแต่ละ อณุ หภมู ิตามความสงู เปล่ียนแปลง ช้ันโทรโพสเฟยี ร์ ช้นั สต ช้นั ภายในโลกและบนผวิ โลก ชัน้ เทอร์โมสเฟียร์ และ ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการ
๙๔ การเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรยี นรู/้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ชว่ั โมง) พาความรอ้ น และ การนำความร้อนเป็นการถา่ ยโอน ลาง โดยท่ีตวั กลาง ไมเ่ คลือ่ นท่ี การ ถา่ ยโอน ความรอ้ นทีอ่ าศยั ตัวกลาง ทีไ่ ปดว้ ย สว่ นการแผร่ ังสีความร้อน มร้อนทไ่ี ม่ตอ้ งอาศยั ตัวกลาง ายโอนความรอ้ นสามารถ นำไปใช้ จำวันได้ เชน่ การเลือกใช้วัสดเุ พื่อ อาหาร เพือ่ เก็บความร้อน หรือการ ยความร้อนในอาคาร อหมุ้ นักวทิ ยาศาสตร์ใช้สมบัติ และ บรรยากาศ ๒๓ ยากาศในการแบง่ บรรยากาศ ของโลก ๑. ช้ันบรรยากาศ ด้หลายรูปแบบ ตามเกณฑท์ ่ีแตกต่าง าศาสตร์ ใชเ้ กณฑก์ ารเปลี่ยนแปลง - องค์ประกอบของ แบ่งบรรยากาศได้เป็น ๕ ชั้น ได้แก่ บรรยากาศ ตราโตสเฟยี ร์ ช้นั มีโซสเฟยี ร์ - การแบง่ ช้นั ะชนั้ เอกโซสเฟียร์ บรรยากาศ
สาระ มาตรฐาน ตัวชีว้ ัด สาระก เปลย่ี นแปลง ลมฟ้าอากาศ - บรรยากาศแตล่ ะชั้นม และภูมิอากาศโลก รวมทั้ง ผลตอ่ ส่ิงมชี ีวติ และ แตกต่างกัน โดยชัน้ โท สิ่งแวดลอ้ ม อากาศที่สำคัญต่อการ เฟียร์ชว่ ยดดู กลืนรงั สอี มายังโลกมากเกินไป ช ผา่ นเขา้ มา ให้เกิดการ โอกาสท่ีจะทำความเส โมสเฟยี รส์ ามารถสะท เหมาะสำหรับการโคจร ๒. อธบิ ายปจั จยั ทม่ี ีผล -ลมฟ้าอากาศ เป็นสภ ต่อการเปลย่ี นแปลง หนึง่ ทม่ี ีการเปลย่ี นแปล องค์ประกอบของลม ลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อุณ ฟ้าอากาศ จากข้อมูล ความชืน้ เมฆ และหยา ทรี่ วบรวมได ในประเทศไทยไดแ้ ก่ ฝ เปลยี่ นแปลงตลอดเวล รงั สจี ากดวงอาทิตย์แล ลักษณะพน้ื ผวิ โลกส่งผ
๙๕ การเรยี นรูแ้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร้/ู เนอื้ หา/ เวลา คะแนน เก็บ กจิ กรรม (ช่ัวโมง) มีประโยชน์ต่อสิ่งมชี วี ติ ๒. องคป์ ระกอบของ ลม ทรโพสเฟียรม์ ปี รากฏการณ์ ลมฟา้ ฟ้า อากาศ รดำรงชวี ติ ของส่ิงมีชีวิต ชั้นสตราโตส - อุณหภูมิของอากาศ อลั ตราไวโอเลต จากดวงอาทิตย์ไม่ให้ - ความดนั อากาศ ชนั้ มีโซสเฟยี ร์ชว่ ยชะลอวัตถุนอกโลกที่ - ความช้ืนของอากาศ รเผาไหม้กลายเป็นวัตถุขนาดเล็ก ลด สียหายแก่สงิ่ มชี วี ิตบนโลก ช้ันเทอร์ - ลม ทอ้ นคล่นื วทิ ยุ และ ชน้ั เอกโซสเฟียร์ - การเกิดเมฆและฝน รของ ดาวเทยี มรอบโลกในระดับต่ำ ภาวะของอากาศในเวลาหนึ่ง ของพ้นื ที่ ปลงตลอดเวลา ข้ึนอยู่กับองค์ประกอบ ณหภมู อิ ากาศ ความกดอากาศ ลม าดน้ำฟ้า โดยหยาดน้ำฟา้ ที่พบบ่อย ฝน องคป์ ระกอบ ลมฟ้าอากาศ ลาขน้ึ อยกู่ บั ปัจจัย ต่าง ๆ เช่น ปริมาณ ละ ผลตอ่ อณุ หภมู ิอากาศ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระก อณุ หภมู ิอากาศและปร กดอากาศส่งผลตอ่ ลม ๓. เปรียบเทียบ - พายฝุ นฟ้าคะนอง เก กระบวนการเกดิ พายุ ความชื้นสูงเคล่ือนทีข่ ึ้น ฝนฟ้าคะนอง และพายุ จนกระทง่ั ไอนำ้ ในอาก หมุนเขตร้อน และผลที่ และ เกิดตอ่ เน่ืองเปน็ เ มตี ่อส่งิ มีชวี ติ และ ให้เกดิ ฝนตกหนกั ลมก ส่งิ แวดล้อม รวมท้งั ก่อใหเ้ กิดอันตรายตอ่ ช นำเสนอแนวทางการ -พายุหมนุ เขตร้อนเกิด ปฏิบตั ติ นให้เหมาะสม อุณหภมู สิ งู ตั้งแต่ ๒๖- และปลอดภยั อากาศทีม่ อี ุณหภูมิและ สงู ข้นึ อย่างรวดเร็วเป็น เคล่อื นเขา้ มา แทนท่แี ยง่ิ ใกล้ศูนย์กลาง อากา วงกลมและมีอัตราเรว็ ส คลนื่ พายุซดั ฝัง่ ฝนตกห ชีวิตและทรพั ย์สนิ จงึ ค
๙๖ การเรียนร้แู กนกลาง* หน่วยการเรียนร/ู้ เนือ้ หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กิจกรรม (ชว่ั โมง) ริมาณไอน้ำสง่ ผลต่อ ความช้ืน ความ ความชื้น และลมสง่ ผลตอ่ เมฆ กดิ จากการท่อี ากาศท่มี ี อุณหภูมิและ บรรยากาศ ๒ ๑๖ นสรู่ ะดับ ความสูง ท่ีมอี ุณหภูมิตำ่ ลง กาศเกิดการควบแนน่ เป็นละอองนำ้ ๑. ความแปรปรวนของลม เมฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง ทำ ฟ้า อากาศ กรรโชกแรง ฟ้าแลบ ฟา้ ผ่า ซ่ึงอาจ ชวี ติ และทรพั ยส์ ิน - พายุฝน ฟ้า คะนอง ดเหนือมหาสมุทรหรอื ทะเล ท่ีนำ้ มี - พายุหมนุ เขตร้อน -๒๗ องศาเซลเซียส ข้ึนไป ทำให้ ะความชื้นสูง บรเิ วณน้นั เคล่ือนท่ี ๒. การพยากรณ์อากาศ น บริเวณกวา้ ง อากาศจากบรเิ วณอืน่ และพัดเวียนเขา้ หาศนู ย์กลางของพายุ - เกณฑ์การรายงาน าศจะเคลื่อนท่ีพดั เวียน เกอื บเป็น พยากรณอ์ ากาศ สงู ทสี่ ุด พายุหมุน เขตรอ้ นทำใหเ้ กิด หนัก ซึง่ อาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ - แผนที่อากาศ ควรปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั โดยติดตาม ๓. การเปลยี่ นแปลง ภูมอิ ากาศของโลก - ปรากฎการณเ์ รือน กระจก
สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สาระก ขา่ วสาร การพยากรณ เส่ยี งภยั ๔. อธบิ ายการ -การพยากรณ์อากาศเ พยากรณ์อากาศ และ เกิดขึ้นในอนาคต โดยม พยากรณ์ อากาศอยา่ ง อากาศ การสือ่ สารแลก งา่ ยจากข้อมูลที่ อากาศระหว่างพื้นที่ ก รวบรวมได พยากรณอ์ ากาศ ๕. ตระหนกั ถงึ คุณค่า - การพยากรณอ์ ากาศ ของการพยากรณ์ ๆ เชน่ การใช้ชีวิตประ อากาศ โดยนำเสนอ ป้องกนั และเฝ้าระวังภ แนวทางการปฏบิ ตั ติ น และการใช้ ประโยชน์ จากคำพยากรณอ์ ากาศ ๖. อธบิ ายสถานการณ์ -ภมู ิอากาศโลกเกิดการ และผลกระทบการ ปจั จยั ทางธรรมชาติ แ เปล่ียนแปลง เกดิ ขึ้นอยา่ งรวดเร็วเน ปลดปลอ่ ยแกส๊ เรอื นก
๙๗ การเรียนรู้แกนกลาง* หน่วยการเรียนร้/ู เนือ้ หา/ เวลา คะแนน ณ์อากาศ และไมเ่ ขา้ ไปอยู่ในพืน้ ที่ ที่ เกบ็ กิจกรรม (ช่วั โมง) - รโู หว่โอโซน เป็นการคาดการณล์ มฟ้าอากาศ ที่จะ มกี ารตรวจวัด องค์ประกอบลมฟ้า กเปล่ยี น ขอ้ มลู องคป์ ระกอบลมฟา้ การวเิ คราะหข์ ้อมูลและสร้างคำ ศสามารถนำมาใช้ประโยชน์ ดา้ นตา่ ง ะจำวัน การคมนาคม การเกษตร การ ภัยพบิ ัติ ทางธรรมชาติ รเปล่ยี นแปลงอยา่ งตอ่ เนือ่ ง โดย แต่ปัจจุบนั การเปลย่ี นแปลง ภูมอิ ากาศ นือ่ งจากกิจกรรม ของมนุษยใ์ นการ กระจกสู่ บรรยากาศ แก๊สเรอื นกระจก
สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด สาระก ภูมอิ ากาศโลกจาก ทถ่ี ูกปลดปลอ่ ย มากท ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได ซึง่ หมนุ เวยี นอยใู่ นวัฏจ ๗. ตระหนักถึง -การเปลย่ี นแปลงภูมอิ ผลกระทบของการ กระทบต่อสิ่งมีชีวิตแล เปลยี่ นแปลง ภมู อิ ากาศโลก โดย การหลอมเหลวของน้ำ นำเสนอแนวทางการ ทะเล การเปลย่ี นแปลง ปฏิบตั ิตน ภายใตก้ าร อุบัตซิ ้ำ และการเกดิ ภ เปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศ มนษุ ยจ์ ึงควร เรียนรแู้ น โลก สถานการณ์ ดังกล่าว ท และแนวทางการลดกจิ ภมู ิอากาศโลก สาระท่ี ๔ มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจ ๑. อธิบายแนวคดิ หลกั - เทคโนโลยี เปน็ สิง่ ท่ีม เทคโนโลยี แนวคิดหลกั ของเทคโนโลยี ของเทคโนโลยใี น เป็นได้ท้ังชนิ้ งานหรอื ว เพอื่ การดำรงชวี ติ ในสังคม ชวี ิตประจำวัน และ ต้องการ หรอื เพิ่มความ ท่มี ีการเปลยี่ นแปลง วิเคราะห์สาเหตุหรอื อยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรู้ ปจั จัยท่ีสง่ ผลตอ่ - ระบบทางเทคโนโลย และทกั ษะทางด้าน
๙๘ การเรยี นรูแ้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนร้/ู เนอื้ หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ช่ัวโมง) ท่ีสดุ ไดแ้ ก่ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ จกั รคาร์บอน อากาศโลกกอ่ ใหเ้ กิดผล ละสิง่ แวดล้อม เชน่ ำแขง็ ข้วั โลก การเพ่ิมขึ้น ของระดบั งวฏั จักรนำ้ การเกดิ โรคอุบัติใหมแ่ ละ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาตทิ ร่ี นุ แรงขน้ึ นวทางการปฏบิ ัตติ นภายใต้ ทั้งแนวทางการปฏบิ ตั ิตนให้เหมาะสม จกรรมทส่ี ่งผลต่อการ เปล่ียนแปลง มนุษย์สรา้ งหรอื พัฒนาขึ้น ซงึ่ อาจ เทคโนโลยกี ับมนุษย์ ๕ วิธกี าร เพอื่ ใชแ้ ก้ปญั หา สนองความ มสามารถ ในการทำงานของมนษุ ย์ ๑. เทคโนโลยีคืออะไร ยี เปน็ กลมุ่ ของส่วนต่างๆ -ความหมายของ เทคโนโลยี
สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวัด สาระก วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ การเปล่ยี นแปลงของ ต้งั แตส่ องสว่ นข้ึนไปปร และ ศาสตร์อ่ืน ๆ เพือ่ เทคโนโลยี เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถุประส แกป้ ญั หาหรือพฒั นางาน เทคโนโลยจี ะประกอบ อยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ (process) และผลผลติ ด้วยกระบวนการออกแบบ ระบบทางเทคโนโลยอี เชิงวศิ วกรรม เลือกใช้ ใชป้ รับปรุงการทำงาน เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม ระบบทางเทคโนโลยีช โดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อ ทำงานของเทคโนโลยี ชวี ิต สังคม และ เทคโนโลยีทำงานไดต้ า สง่ิ แวดล้อม -เทคโนโลยีมีการเปลย่ี ปัจจบุ นั ซง่ึ มสี าเหตหุ ร ปัญหา ความต้องการ เศรษฐกิจ สังคม ๒. ระบปุ ญั หาหรือ -ปญั หาหรือความต้องก ความตอ้ งการใน ชีวติ ประจำวนั
๙๙ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ช่ัวโมง) ระกอบเข้าด้วยกันและ ทำงานร่วมกนั -รูปแบบของเทคโนโลยี สงค์ โดย ในการทำงานของระบบทาง ๒. แนวคิดหลักของ บไปด้วยตัวป้อน (input) กระบวนการ เทคโนโลยี ต (output) ท่ีสมั พนั ธก์ ัน นอกจากน้ี อาจมขี ้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพอ่ื -การพฒั นาแนวทาง นได้ตาม วัตถุประสงค์ ซง่ึ การวเิ คราะห์ ปฏบิ ตั ใิ นการแกป้ ัญหา ช่วยใหเ้ ข้าใจองคป์ ระกอบและ การ -การตอบสนองความ รวมถงึ สามารถ ปรับปรุงให้ จำเป็นและความตอ้ งการ ามตอ้ งการ ของมนษุ ย์ ยนแปลงตลอดเวลาต้งั แต่อดีต จนถึง -ประเภทของเทคโนโลยี รอื ปัจจยั มาจาก หลายดา้ น เช่น ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่าง ๆ ๓. ระบบทางเทคโนโลยี ๔. ผลกระทบการ เปลย่ี นแปลงของ เทคโนโลยี การในชีวิตประจำวัน กระบวนการเทคโนโลยี ๕ ๑. กระบวนการเทคโนโลยี
สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระก รวบรวม วิเคราะห์ พบได้จากหลายบริบท ขอ้ มูลและแนวคดิ ท่ี การเกษตร การอาหาร เกี่ยวขอ้ ง กบั ปัญหา -การแกป้ ัญหาจำเปน็ ต ศาสตร์ต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วข ทางการแก้ปญั หา ๓. ออกแบบวิธกี าร - การวิเคราะห์ เปรียบ แกป้ ญั หา โดย จำเปน็ โดยคำนึงถึงเงื่อ วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ ไดแ้ นวทางการแก้ปัญห และตดั สินใจเลอื ก ขอ้ มลู ที่จำเปน็ - การออกแบบแนวทา นำเสนอแนวทางการ เช่น การร่างภาพ การเ แก้ปญั หาใหผ้ ูอ้ ่นื เข้าใจ วางแผนและ - การกำหนดขน้ั ตอนแ ดำเนินการแก้ปัญหา ดำเนนิ การแก้ปัญหาจะ เปา้ หมายและลดขอ้ ผิด
๑๐๐ การเรยี นรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู/้ เน้อื หา/ เวลา คะแนน เกบ็ กจิ กรรม (ชว่ั โมง) ทขึน้ กบั สถานการณท์ ป่ี ระสบ เช่น - ระบปุ ญั หาหรอื ความ ร ต้องการ ตอ้ งสืบคน้ รวบรวมข้อมลู ความรจู้ าก - รวบรวมขอ้ มลู ที่ ข้อง เพอ่ื นำไปสู่ การออกแบบแนว เกยี่ วขอ้ งกบั ปัญหา บเทียบ และตดั สินใจเลอื กข้อมูล ที่ - เลอื กวธิ ีการแกป้ ญั หา อนไข และทรัพยากร ทีม่ อี ยู่ ช่วยให้ หาทเี่ หมาะสม - ออกแบบวธิ กี าร แกป้ ัญหา างการแกป้ ญั หาทำได้ หลากหลายวธิ ี เขียนแผนภาพ การเขยี นผังงาน - ทดสอบ และระยะเวลาในการทำงาน ก่อน - ปรบั ปรุง แกไ้ ข และ ะชว่ ยใหท้ ำงานสำเร็จ ไดต้ าม ประเมินผล ดพลาด ของการทำงานทีอ่ าจเกิดขนึ้ - นำเสนอผลงาน ๒. วิวัฒนาการของ เทคโนโลยี
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระก ๔. ทดสอบประเมนิ ผล -การทดสอบ และประ และระบขุ ้อบกพรอ่ ง ท่ี หรือวธิ กี ารวา่ สามารถแ เกดิ ขึ้น พรอ้ มทงั้ หา กรอบของปญั หา เพอ่ื ห แนวทางการปรับปรุง ปรบั ปรงุ โดยอาจทดส แก้ไข และนำเสนอผล -การนำเสนอผลงานเป การแก้ปัญหา เข้าใจเกยี่ วกบั กระบวน ได้ ซึ่งสามารถทำได้ ห แผ่นนำเสนอ ผลงาน ก สือ่ ออนไลน์ ๕. ใชค้ วามร้แู ละทักษะ - วัสดุแตล่ ะประเภทมีส เก่ยี วกบั วัสดุ อุปกรณ์ พลาสติก จึงตอ้ งมีการ เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟ้า เหมาะสมกับลกั ษณะข หรอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ -การสรา้ งช้นิ งานอาจใ เพอื่ แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ ง อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เชน่ LE ถูกต้อง เหมาะสม -อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมอื และปลอดภยั วธิ ีการมหี ลายประเภท และปลอดภัย รวมท้งั
๑๐๑ การเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นร/ู้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน เก็บ กจิ กรรม (ช่ัวโมง) ะเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบ ช้ินงาน แก้ปญั หาไดต้ าม วัตถปุ ระสงค์ภายใต้ หา ข้อบกพรอ่ ง และดำเนินการ สอบซำ้ เพ่ือใหส้ ามารถแกป้ ัญหาได้ ปน็ การถา่ ยทอดแนวคดิ เพือ่ ใหผ้ ู้อื่น นการทำงาน และชิ้นงานหรอื วธิ กี ารที่ หลายวธิ ี เชน่ การเขยี นรายงาน การทำ การจดั นทิ รรศการ การนำเสนอผา่ น สมบัตแิ ตกต่างกนั เชน่ ไม้ โลหะ ผลงานออกแบบและ ๑๐ รวิเคราะห์สมบัติ เพ่อื เลอื กใช้ให้ เทคโนโลยี ของงาน ๑. การเลอื กใช้วัสดุ ใชค้ วามรู้ เร่ืองกลไก ไฟฟา้ อุปกรณแ์ ละเครือ่ งมอื ED บัซเซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟา้ - ประเภทของวสั ดุ อในการสร้างชิ้นงานหรือ พฒั นา ท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม - สมบตั ิและการเลือก รจู้ ักเก็บรักษา วสั ดุ
สาระ มาตรฐาน ตวั ชี้วัด สาระก มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจ ๑. ออกแบบอัลกอรทิ ึม - แนวคิดเชงิ นามธรรม และใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ ในการแกป้ ญั หาท่พี บใน ทใี่ ชแ้ นวคดิ เชิง รายละเอยี ดของปญั หา ชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอน และเปน็ ระบบ ใช้ นามธรรม เพอ่ื ออกจากส่วนท่ไี มใ่ ชส่ า เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารในการเรยี นรู้ แกป้ ัญหาหรอื อธบิ าย - ตวั อย่างปัญหา เช่น การทำงาน และการ การทำงานท่พี บใน แกป้ ัญหาได้อยา่ งมี ชวี ิตจรงิ ตามพ้นื ทที่ ีก่ ำหนด โดย ประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทัน เซนตเิ มตร ยาว ๕๐ เซ และมีจริยธรรม
๑๐๒ การเรียนรูแ้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู/้ เนื้อหา/ เวลา คะแนน เก็บ ม เป็นการประเมินความสำคัญ ของ กิจกรรม (ชวั่ โมง) า แยกแยะสว่ นท่เี ปน็ สาระสำคัญ าระสำคญั ๒. กรณีศกึ ษาผลงานการ ตอ้ งการปหู ญา้ ในสนาม ออกแบบและเทคโนโลยี ยหญา้ หนึง่ ผืนมีความกว้าง ๕๐ ซนตเิ มตร จะใช้หญ้าท้งั หมดกีผ่ ืน - กรณีศึกษา การออกแบบและการ ๖ เขยี นอลั กอริทมึ ๑. แนวคดิ เชิงนามธรรม - แนวคิดเชงิ นามธรรม - การใช้แนวคดิ เชงิ นามธรรมเพอ่ื แกป้ ัญหา ๒. อลั กอริทึมเบอ้ื งต้น ๓. การเขยี นอลั กอรทิ ึม ด้วยภาษาธรรมชาติ - ภาษาคอมพิวเตอร์ - การเขียนอลั กอรทิ มึ ดว้ ยภาษาธรรมชาติ
สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด สาระก
๑๐๓ การเรยี นรู้แกนกลาง* หนว่ ยการเรียนร/ู้ เน้ือหา/ เวลา คะแนน กิจกรรม (ชว่ั โมง) เก็บ ๔. การเขยี นอลั กอรทิ มึ ด้วยรหสั จำลอง - การเขียนอลั กอริทมึ ด้วยรหัสจำลอง - หลกั เกณฑ์การเขียน รหสั จำลอง ๕. การเขยี นอัลกอริทมึ ด้วยผงั งาน - รปู แบบการเขยี นผงั งาน - การเขยี นอัลกอริทมึ ด้วยผงั งาน
สาระ มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด สาระก ๒. ออกแบบและเขียน -การออกแบบและเขยี โปรแกรมอยา่ งง่าย วนซ้ำ เพ่ือแกป้ ัญหาทาง -การออกแบบอัลกอรทิ คณิตศาสตรห์ รอื วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่าย วิทยาศาสตร์ ออกแบบ เพ่อื ให้ การแ -การแกป้ ัญหาอยา่ งเป มปี ระสทิ ธภิ าพ -ซอฟต์แวร์ทใ่ี ช้ในการเ python, java, c - ตวั อย่างโปรแกรม เช โปรแกรมคำนวณหาพ
๑๐๔ การเรียนรูแ้ กนกลาง* หน่วยการเรยี นรู้/เน้ือหา/ เวลา คะแนน เก็บ กิจกรรม (ช่วั โมง) - กรณีศึกษาการ ออกแบบและการเขยี น อัลกอริทมึ ยนโปรแกรมทีม่ กี ารใช้ตวั แปร เงื่อนไข การออกแบบและการ ๘ เขียนโปรแกรมเบอื้ งตน้ ทมึ เพอ่ื แกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ ๑. การเขยี นโปรแกรม ย อาจใช้ แนวคดิ เชงิ นามธรรมในการ เบือ้ งต้น แก้ปัญหามปี ระสิทธภิ าพ - หลักการเขียน ป็นข้ันตอนจะช่วยใหแ้ ก้ปัญหา ได้อยา่ ง โปรแกรม เขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, - โปรแกรมภาษา C - โปรแกรม Scratch ช่น โปรแกรมสมการการเคล่ือนท่ี - โปรแกรมไพทอน (python) พ้นื ที่ โปรแกรมคำนวณดัชนีมวลกาย - โปรแกรมภาษาจาวา (java)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327