แผนการจัดการเรยี นรู้ ม่งุ เนน้ สมรรถนะอาชีพและบรู ณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง รหสั วิชา 20105-2003 วชิ าวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) พุทธศักราช 2562 ประเภทวิชา ชา่ งอุตสาหกรรม สาขาวชิ า อิเล็กทรอนิกส์ จดั ทำโดย นางสาวเพญ็ นภา สขุ ย้อย วทิ ยาลัยเทคนิคมนี บรุ ี สถาบันการอาชวี ศกึ ษากรุงเทพมหานคร สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ
แผนการจัดการเรยี นรู้ ม่งุ เน้นสมรรถนะอาชีพและบรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รหัสวชิ า 20105-2003 วชิ าวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 จดั ทำโดย นางสาวเพ็ญนภา สขุ ย้อย
ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเรียนวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ รหัสวิชา (20105-2003) ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช) พุทธศักราช 2562 ประเภทช่างอุตสาหกรรม สาขาวิชาอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ขั้นตอน กระบวนการเรียนการสอนและกจิ กรรม แผนการสอนในเล่มน้ีมที ัง้ หมด 12 หนว่ ย ใชเ้ วลาในการสอน 72 คาบเรยี น วิธที ี่ใชส้ อนมี หลายหลายวิธี เช่น การซักถาม-ตอบ การอภิปรายร่วมกันทั้งชั้น การบรรยายชี้แนวความรู้ การ แบ่งกลุ่มทำกิจกรรม เป็นต้น งานที่มอบหมายให้ทำจะมีลักษณะงานเดี่ยวและงานกลุ่ม โดยมีสื่อการ สอนทห่ี ลากหลายและบูรณาการกับรายวิชาอนื่ ๆไดอ้ ย่างเหมาะสม การจดั ทำแผนการจดั การเรยี นรูน้ ีม้ ่งุ เน้นสมรรถนะอาชีพและบูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ขอกราบขอบพระคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุก ๆ ท่าน ที่ได้มีส่วนช่วยให้แผนการจัดการเรียนรู้ เล่มน้มี คี วามสมบูรณ์ ความดีทัง้ หลายขออุทิศให้แกผ่ มู้ ีพระคุณทุกทา่ น ตลอดจนครู-อาจารย์ ผู้อบรม ประสาทวิชาความร้ทู กุ ๆ ทา่ น เพ็ญนภา สุขย้อย ครูผสู้ อน
สารบัญ ข คำนำ หน้า สารบัญ ก แผนกการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ า ข การวิเคราะหส์ มรรถนะการเรียนรูแ้ ละสมรรถนะรายวิชา ค ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวิชา ง กำหนดการจัดการเรยี นรู้ ช แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1 ฌ แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 1 แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 3 21 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 36 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 5 51 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 6 68 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 7 82 แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยที่ 8 98 แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 9 114 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 10 139 แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 11 155 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 12 173 190
ค แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวิชา มงุ่ เนน้ สมรรถนะอาชพี และบูรณาการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง หลกั สูตร ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ประเภทวชิ า ชา่ งอตุ สาหกรรม สาขาวิชา อเิ ล็กทรอนิกส์ รหสั วชิ า 20105-2003 ช่อื วชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั จำนวน 2 หนว่ ยกิต 4 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ครผู ู้สอน นางสาวเพ็ญนภา สุขย้อย จุดประสงค์รายวชิ า 1. เพ่อื ให้เข้าใจกฎและทฤษฎวี งจรไฟฟา้ กระแสสลับ 2. เพือ่ ให้มีทักษะเกย่ี วกบั การต่อ การวัด ประลอง และคำนวณหาคา่ ตา่ ง ๆ ในวงจรไฟฟ้า กระแสสลบั 3. เพ่ือให้มีเจตคติและกิจนิสัยท่ีดีในการปฏิบตั งิ าน มีความระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภยั เปน็ ระเบยี บ สะอาด ตรงต่อเวลา มคี วามซ่ือสตั ยแ์ ละมคี วามรบั ผดิ ชอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการหาค่าตา่ ง ๆ ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 2. ปฏบิ ัตกิ ารตอ่ วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 3. ทดสอบค่าในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วิจารณ์และสรปุ ผลการทดลอง คำอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบัติงานหลักการกำเนิดคลื่นไฟฟ้ากระแสสลับ การคำนวณ วัดค่า Peak Average RMS ของรูปคลื่นไซน์ สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม เฟสเซอร์ไดอะแกรม การคำนวณปริมาณ เชิงซ้อน งานต่อวงจร R-L-C แบบอนุกรม แบบขนาน และแบบผสม วงจรเรโซแนนซ์ แบบอนุกรม แบบขนาน กำลังไฟฟ้า และตัวประกอบกำลังกระแสสลับ 2 เฟส 3 เฟส การต่อสตาร์ เดลตา เฟส เซอรไ์ ดอะแกรม วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 3 เฟส ในสภาวะโหลดสมดุลและไม่สมดุล
ง การวเิ คราะห์สมรรถนะการเรียนรู้และสมรรถนะรายวชิ า รหสั วิชา 20105-2003 วิชาวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ จำนวน 2 หน่วยกติ 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ ชอื่ หน่วย สมรรถนะการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 1 แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ 1.1 บอกหลักการกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับอย่างถูกตอ้ ง กระแสสลบั 1.2 บรรยายลักษณะโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆอยา่ งชดั เจน หนว่ ยที่ 2 รูปคลื่นไซน์ 1.3 อธิบายความรู้ด้านวชิ าการอยา่ งมเี หตุผลตามหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง หนว่ ยท่ี 3 เวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ 1.1 อธบิ ายการเกิดคา่ แรงดนั ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าของ คลื่นไซน์อยา่ งถูกต้อง หนว่ ยท่ี 4 จำนวนเชิงซอ้ น 1.2 เขียนสมการหาปริมาณไฟฟา้ คา่ ต่างๆ อย่างถกู ต้อง สมบูรณ์ หนว่ ยที่ 5 RLC ในวงจรไฟฟ้า 1.3 แกป้ ญั หาสมการทางไฟฟ้าอย่างมเี หตุผลตามหลัก กระแสสลบั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.1 บอกลกั ษณะโครงสรา้ งของเวกเตอร์ อย่างถูกตอ้ ง ครบถว้ น 1.2 เขยี นสมการคา่ ช่ัวขณะของเฟสสญั ญาณ และสมการ เฟสเซอร์อยา่ งถูกต้อง 1.3 แก้ปญั หาสมการทางไฟฟ้าอย่างมีเหตุผลตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.1 เขยี นสมการหาผลลัพธเ์ ลขจำนวนเชงิ ซ้อนอย่าง ถกู ต้องแม่นยำ 1.2 คำนวณค่าเลขจำนวนเชิงซ้อนรปู แบบต่างๆ อย่าง ถูกต้องครบถว้ น 1.3 หาผลลัพธเ์ ลขจำนวนเชงิ ซอ้ นอย่างมเี หตุผลตาม หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.1 เขยี นสมการหาคา่ ตา่ งๆ ของตวั ต้านทาน ตวั เหนี่ยวนำ ตัวเก็บประจุ อย่างถูกต้อง 1.2 คำนวณคา่ ปรมิ าณไฟฟา้ ของตวั ตา้ นทาน ตัว เหน่ยี วนำ ตัวเกบ็ ประจุอย่างถูกต้องครบถ้วน 1.3 แก้ปัญหาสมการทางไฟฟ้าอยา่ งมีเหตุผลตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
จ หน่วยท่ี 6 การตอ่ วงจร RLC แต่ละ 1.1 เขยี นสมการคำนวณค่าต่างๆ ของวงจร RLC อยา่ ง แบบ ถูกต้อง หน่วยท่ี 7 วงจรอนุกรม RLC 1.2 คำนวณหาคา่ ปริมาณไฟฟ้าการต่อวงจร RLC อยา่ ง ถกู ต้องครบถว้ น หนว่ ยที่ 8 วงจรขนานและวงจรผสม 1.3 แก้ปัญหาสมการทางไฟฟ้าอย่างมีเหตุผลตามหลกั RLC ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หน่วยท่ี 9 วงจรเรโซแนนซ์ 1.1 บอกคุณสมบัติของวงจรอนุกรม RLC อย่างถูกต้อง ครบถว้ น หน่วยท่ี 10 แฟกเตอร์กำลัง 1.2 คำนวณคา่ ต่างๆของวงจรอนุกรม RLC อยา่ งถูกตอ้ ง สมบรู ณ์ หน่วยที่ 11 ระบบไฟฟา้ 3 เฟส 1.3 แก้ปัญหาวงจรอนุกรม RLC แบบต่างๆ อย่าง รอบคอบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1.1 บอกคุณสมบตั ิของวงจรขนาน RLC อย่างถกู ต้อง ครบถว้ น 1.2 คำนวณค่าต่างๆของวงจรขนานและวงจรผสม RLC อย่างถูกต้องสมบรู ณ์ 1.3 แก้ปญั หาวงจรขนานและวงจรผสม RLC แบบต่างๆ อย่างรอบคอบตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.1 บอกคุณสมบัติของวงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรมและ แบบขนานอยา่ งครบถว้ น 1.2 คำนวณคา่ สมการวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนุกรมและ แบบขนานอย่างถูกต้องสมบรู ณ์ 1.3 แก้ปญั หาสมการวงจรเรโซแนนซแ์ บบอนกุ รมและ แบบขนานอยา่ งรอบคอบตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 1.1 บอกชนิดของกำลงั ไฟฟ้ากระแสสลบั อยา่ งถูกตอ้ ง สมบูรณ์ 1.2 คำนวณค่าแฟกเตอร์กำลังในวงจรแต่ละชนิด ตามลำดบั เป็นข้ันตอน 1.3 แก้แฟกเตอร์กำลงั อย่างรอบคอบตามหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียง 1.1 อธบิ ายการหาวงจรกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส อยา่ งเป็นขัน้ ตอน
ฉ หนว่ ยท่ี 12 ใบปฏิบัตงิ านและใบงาน 1.2 คำนวณคา่ สมการวงจรกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส อย่างถูกต้องสมบรู ณ์ 1.3 แกป้ ญั หาสมการวงจรเครื่องกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลบั 3 เฟส อย่างรอบคอบตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.1 บอกคุณสมบัติของวงจรอนุกรม RLC อย่างถูกต้อง ครบถว้ น 1.2 คำนวณคา่ ต่างๆของวงจรอนกุ รม RLC อยา่ งถูกต้อง สมบูรณ์ 1.3 แกป้ ญั หาวงจรอนุกรม RLC แบบตา่ งๆ อยา่ ง รอบคอบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ช ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวชิ า รหัสวิชา 20105-2003 วิชา วงจรไฟฟา้ กระแสสลบั จำนวน 2 หน่วยกติ 4 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ หน่วย ระดบั พฤตกิ รรมที่พึงประสงค์ รวม ที่ ลำดับความสำคัญ ชอื่ หน่วย/หัวข้อย่อย จำนวนคาบ พทุ ธิพิสัย ทักษะพิสยั จติ พิสยั 1 2 3 456 1 2 1 2 1 แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั √√ √√ √5 1 4 2 รูปคลน่ื ไซน์ 4 3 เวกเตอร์และเฟสเซอร์ √√ √√√ 52 8 4 จำนวนเชิงซอ้ น 8 5 RLC ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ √√ √√√ 53 8 6 การต่อวงจร RLC แต่ละแบบ 4 7 วงจรอนุกรม RLC √√ √√√ 54 8 8 วงจรขนานและวงจรผสม RLC 4 9 วงจรเรโซแนนซ์ √√ √√√ 55 8 10 แฟกเตอร์กำลัง 8 11 ระบบไฟฟ้า 3 เฟส √√ √√√ 56 4 12 ใบปฏบิ ัตงิ านและใบงาน 4 √√ √ √ √ 57 รวม ลำดบั ความสำคญั √√ √ √ √ 58 √√ √ √ √ 59 √√ √ √ √ 5 10 √√ √ √ √ 5 11 √√ √ √ √ 5 12 6 12 6 12 12 11 1 60 หมายเหตุ 2 = ความเขา้ ใจ 3 = การนำไปใช้ ระดับพทุ ธพิ ิสัย 1 = ความจำ 5 = สงั เคราะห์ 6 = ประเมนิ ค่า 4 = การวเิ คราะห์ 2 = ถูกต้องแม่นยำ ทกั ษะพิสัย 1 = การทำตามแบบ 2 = การจดั ระบบ จิตพสิ ยั 1 = การประเมนิ คุณคา่
ซ กิจกรมการเรียนการสอน - การบรรยาย - การถามตอบ - การสาธิต - การแบ่งกลุ่ม ส่อื การเรยี นการสอน - Power point - ใบงานทดลอง - ของจรงิ - กระดานไวท์บอร์ด การประเมนิ ผล - ขอ้ สอบกลางภาค - ข้อสอบปลายภาค - ใบงานการทดลอง
ฌ กำหนดการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี ชือ่ หน่วย/รายการสอน สัปดาห์ท่ี ช่วั โมงที่ 1 1-4 1 แหล่งกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ 2 5-8 3 9-12 2 รูปคล่นื ไซน์ 4 13-16 5 17-20 3 เวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ 6 21-24 9 25-28 4 จำนวนเชิงซอ้ น 10 29-32 11 31-36 5 ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 12 37-40 13 41-44 6 การตอ่ วงจร RLC แต่ละแบบ 45-68 14-17 69-72 7 วงจรอนกุ รม RLC 18 8 วงจรขนานและวงจรผสม RLC 9 วงจรเรโซแนนซ์ 10 แฟกเตอร์กำลัง 11 ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 12 ใบปฏิบตั ิงานและใบงาน สอบปลายภาค
1 แผนการสอน/แผนการเรยี นร้ภู าคทฤษฎี แผนการจัดการเรียนรู้ บทที่ 1 ชื่อวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั สอนสปั ดาหท์ ี่ 1 ช่อื หน่วย แหลง่ กำเนินไฟฟ้ากระแสสลบั คาบรวม 4 ชอ่ื เรือ่ ง แหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเร่อื ง 1. การกำเนิดแรงดันไฟฟ้าเหนย่ี วนำ 2. การกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั 3. การผลติ พลังงานไฟฟา้ ในประเทศไทย 4. โรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ 5. องค์ประกอบของระบบไฟฟ้า 6. บทสรุป สาระสำคัญ “แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขน้ึ ในขดลวดเป็นสัดส่วนกับอตั ราการเปลี่ยนแปลงของฟ ลักซ์แม่เหล็กที่ผ่านขดลวดนั้นเมื่อเทียบกับเวลา” ข้อความที่กล่าวนี้เรียกว่า กฎการเหนี่ยวนำ ของฟาราเดย์ (Faraday’s Law of Induction) หรือเรียกสั้นๆว่า กฎของฟาราเดย์ ซึ่งเป็นกฎ พนื้ ฐานของไฟฟา้ และแมเ่ หลก็ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ข้อ คอื กฎข้อที่ 1 สนามแม่เหล็กที่ล้อมรอบวงจร เมื่อเปลี่ยนแปลงค่าไป จะทำให้เกิด แรงดนั ไฟฟา้ เหนีย่ วนำข้ึนภายในตวั นำไฟฟ้าน้นั กฎข้อที่ 2 ปริมาณแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นมา จะมีค่าเท่ากับอัตราการ เปล่ยี นแปลงของสนามแมเ่ หลก็ สมรรถนะอาชพี ประจำหนว่ ย - บอกหลักการกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั อย่างถกู ต้อง - บรรยายลกั ษณะโรงไฟฟา้ ประเภทตา่ ง ๆ อยา่ งชดั เจน - อธบิ ายความรูด้ า้ นวชิ าการอย่างมีเหตุผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง จุดประสงค์การสอน/การเรยี นรู้ • จดุ ประสงค์ท่ัวไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพอื่ ให้มีความร้เู กยี่ วกับการกำเนดิ แรงดันไฟฟ้าเหน่ียวนำ (ด้านความร)ู้ 2. เพอ่ื ใหม้ ที กั ษะในการผลิตพลงั งานไฟฟา้ ในประเทศไทย (ดา้ นทกั ษะ) 3. เพื่อใหม้ เี จตคติท่ดี ใี นการจำแนกองค์ประกอบของระบบไฟฟา้ (ด้านจติ พสิ ัย)
2 4. เพ่อื สรปุ แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม (ด้านด้าน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) • จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. อธบิ ายการกำเนดิ แรงดันไฟฟ้าเหนีย่ วนำได้ (ดา้ นความรู้) 2. บอกการกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับได้ (ด้านความรู้) 3. ผลติ พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยได้ (ด้านทักษะ) 4. แยกแยะโรงไฟฟา้ ประเภทตา่ ง ๆ ได้ (ด้านทกั ษะ) 5. จำแนกองคป์ ระกอบของระบบไฟฟา้ ได้ (ด้านจติ พสิ ยั ) 6. สรุปแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง) เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ดา้ นความรู้(ทฤษฎี) 1.1 การกำเนิดแรงดันไฟฟ้าเหน่ยี วนำ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำ (Induced Voltage) และกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ (Induced Current)เป็นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการทำงานของขดลวดตัวนำและสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านกัน ถูกคน้ พบโดย ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) นักฟสิ กิ ส์ชาวองั กฤษ ไดท้ ำการศึกษา ค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำเป็นคนแรก ที่ใช้แท่งแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปใน ขดลวดโซลินอยด์ จากการทดลองพบว่า จะเกิดแรงดนั ไฟฟ้าขึ้นทุกคร้ัง ที่นำแท่งแม่เหล็กเคล่อื นท่ี เข้า หรือออกจากขดลวด หรือนำขดลวดเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากแท่งแม่เหล็ก ซึ่งทำให้ แรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในขดลวดมีขั้วตรงข้ามและเมื่อกลับขั้วของแท่งแม่เหล็ก จะทำให้เกิด แรงดันไฟฟ้าเปลี่ยนขั้วตามไปด้วย แรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการทดลองนี้เรียกว่า แรงดันไฟฟ้า เหน่ยี วนำ สรุปผลการทดลองไดว้ ่า “แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดข้ึนในขดลวดเปน็ สัดส่วนกับอัตรา การเปลย่ี นแปลงของฟลักซ์แมเ่ หล็กทผี่ ่านขดลวดนั้นเม่ือเทียบกับเวลา” ขอ้ ความที่กล่าวน้ีเรียกว่า กฎการเหนี่ยวนำของฟาราเดย์ (Faraday’s Law of Induction) หรือเรียกสั้นๆว่า กฎของฟารา เดย์ ซ่ึงเปน็ กฎพ้ืนฐานของไฟฟา้ และแม่เหล็ก แบ่งออกได้เปน็ 2 ข้อ คือ กฎขอ้ ท่ี 1 สนามแมเ่ หล็กทีล่ อ้ มรอบวงจร เมื่อเปล่ยี นแปลงคา่ ไป จะทำให้เกิดแรงดนั ไฟฟ้า เหนย่ี วนำข้นึ ภายในตัวนำไฟฟา้ นนั้
3 กฎข้อที่ 2 ปริมาณแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นมา จะมีค่าเท่ากับอัตราการ เปลยี่ นแปลงของสนามแมเ่ หลก็ 1.1.1 แรงดนั ไฟฟ้าเหน่ยี วนำ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำ คือ แรงดันไฟฟ้าที่เกดิ จากการชกั นำสนามแมเ่ หล็กผ่านลวดตวั นำ ทำได้ทั้งนำสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านลวดตัวนำ หรือนำลวดตัวนำเคลื่อนผ่านสนามแม่เหล็ก ลกั ษณะการเกิดแรงดันไฟฟ้าเหนีย่ วนำ 1.1.2 ขนาดของแรงดันไฟฟ้าเหน่ยี วนำ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวดตัวนำ สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ขึ้นอยู่กับค่า ตวั แปลหลายค่า การหาทิศทางแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำเกิดข้ึนในขดลวดตัวนำ สามารถหาได้จากกฎมอื ขวา ของเฟรมมิง (Fleming’s Right Hand Rule) “โดยกางนว้ิ หัวแม่มือ นวิ้ ช้ี และนิ้วกลาง ของมอื ขวา ให้ตั้งฉากซึ่งกันและกัน ทิศทางนิ้วหัวแม่มือชี้ทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำ ทิศทางนิ้วชี้ชี้ ทิศทางการเคลื่อนที่ของเส้นแรงแม่เหล็กจากขั้วเหนือไปขั้วใต้ ทิศทางนิ้วกลางชี้ทิศทางการเกิด แรงดันไฟฟ้า (และกระแสไฟฟ้าไหล)” การเกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำแสดงด้วยกฎมือขวาของ เฟรมมิง 1.2 การกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Currant) หรอื เรียกย่อว่าไฟ AC เปน็ ไฟฟา้ ทีผ่ ลติ ขึ้นมาได้ จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับที่เรียกว่า เจนเนอเรเตอร์ (Generator) ซึ่งใช้หลักการทำงาน เชน่ เดียวกบั แรงดนั ไฟฟ้าเหนีย่ วนำ โครงสร้างเบอื้ งตน้ ของเครือ่ งกำเนดิ ไฟฟา้ ประกอบด้วยแม่เหล็ก ถาวรขั้วเหนือ (N) และขั้วใต้ (S) ให้กำเนิดสนามแม่เหล็ก มีขดลวดตัวนำวางอยู่ตอนกลางหมุน เคลื่อนที่รอบตัวเองเป็นวงกลม ตัดผ่านสนามแม่เหล็กตลอดเวลา โครงสร้างเบื้องต้นเครื่องกำเนิด ไฟฟ้ากระแสสลบั 1.3 การผลิตพลังงานไฟฟา้ ในประเทศไทย ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ใช้ความถี่ 50 เฮิรตซ์ (Hz) มีท้ังระบบไฟฟ้า1 เฟส จ่ายแรงดันออกมา 220 โวลต์ ซึง่ จา่ ยไปใชง้ านตามบา้ นเรือนอยู่อาศยั และระบบไฟฟ้า3 เฟส จ่ายแรงดันออกมา 380 โวลต์ นำไปใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม และมีแรงดันไฟสลับขนาด 11, 22, 33, 69, 115, 230 และ 500 กิโลโวลต์ ใช้สำหรับการส่งจ่ายไฟฟ้าไปตามสถานที่ต่างๆ ภายในประเทศไทย ความถี่ 50 Hz คือ ความถี่ที่ใช้ในการให้กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นมา หมายถึง การ กำเนิดไฟฟ้าที่ในระยะเวลา 1 วินาที จะเกิดการหมุนเคลื่อนที่ตัดผ่านกันระหว่างขดลวดตัวนำกับ สนามแม่เหล็ก โดยหมุนตัดผ่านกันครบรอบ 50 ครั้ง ถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีข้ัวแม่เหล็ก 2 ขั้ว
4 ความเร็วรอบของการหมุนใช้ 3,000 รอบต่อนาที หรือถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีขั้วแม่เหล็ก 4 ขั้ว ความเร็วรอบของการหมุนจะลดลงเหลือ 1,500 รอบต่อนาที โดยมีความถี่คงที่ 50 Hz แต่ในทาง กลับกันถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัวหนึ่งหมุนที่ความเร็วรอบ 300 รอบต่อนาที จำนวนขั้วแม่เหล็กท่ี ตอ้ งใช้ในการทำใหไ้ ด้ความถี่ 50 Hz จะตอ้ งใช้ข้ัวแม่เหลก็ 20 ขวั้ เปน็ ต้น แหล่งผลิตไฟฟ้า เป็นแหล่งให้กำเนิดพลังงานไฟฟ้า เป็นพลังงานแปรรูปที่สะอาด และ สามารถนำไปใช้งานได้สะดวกรูปหนึ่ง ยังนำไปเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานรูปอื่นๆ ได้ง่าย เช่นแสง สว่าง เสียง ความรอ้ น และพลังงานกล เปน็ ตน้ ทั้งยงั สามารถสง่ ไปในระยะทางไกลได้อย่างรวดเร็ว เพราะไฟฟ้ามีความเร็วใกล้เคียงกับแสง ในระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเคลื่อนที่เพียง 1 ใน 3,000 วินาที ดงั น้ันจงึ สง่ ไปถงึ ผู้ใช้งานได้ตลอดเวลา การผลติ ไฟฟา้ ของประเทศไทยที่ใชอ้ ยู่ในปจั จุบนั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ประเภทไมใ่ ช้เชือ้ เพลิง โดยใชพ้ ลังงานขับเคลื่อนจากธรรมชาติ ไดแ้ ก่ - โรงไฟฟ้าพลังนำ้ เช่น จากเข่อื นเกบ็ น้ำ จากแม่นำ้ ลำคลองทมี่ นี ำ้ ไหลตลอดเวลา - โรงไฟฟ้าพลังงานธรรมชาติจากต้นพลังงานที่ไม่หมดสิ้น เช่น จากพลังงานลมจาก พลังงานแสงอาทิตย์ จากพลงั งานความร้อนใต้พิภพ 2. ประเภทใชเ้ ชื้อเพลงิ โดยใชเ้ ช้อื เพลิงชนิดต่างๆ มาช่วยให้เกิดการขบั เคล่ือน ได้แก่ - โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ ใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านลิกไนต์ หรือน้ำมันเตา เป็นเชื้อเพลิงให้ความ รอ้ นกับนำ้ จนน้ำเดือดเปน็ ไอนำ้ นำแรงดนั จากไอน้ำมาใชใ้ นการผลติ ไฟฟา้ - โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมันดีเซลมาสันดาป ทำให้เกิดพลังงาน กลตอ่ ไปผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟา้ ประเภทน้ี ไดแ้ ก่ โรงไฟฟา้ กงั หันก๊าซ ใช้กา๊ ซธรรมชาตหิ รือนำ้ มนั ดีเซล โรงไฟฟ้าพลังความร้อนรว่ ม ใชก้ า๊ ซธรรมชาตหิ รอื นำ้ มนั ดีเซล โรงไฟฟ้าดีเซลใช้น้ำมนั ดีเซล 1.4 โรงไฟฟา้ ประเภทต่างๆ ไฟฟา้ ถือเปน็ พลงั งานท่ีมีความสำคัญต่อการดำรงชวี ิตของคน ไฟฟ้าทถ่ี ูกนำมาใช้งานอย่าง แพร่หลาย จำเป็นต้องมีการผลิตขึ้นมาใช้งาน ทำให้การคิดหาวิธีการผลิตไฟฟ้าเป็นเรื่องที่จำเป็น และมีความสำคัญ ประเทศไทยมีการพัฒนามากขึ้น เกิดปัญหาในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้นการคิดหา แหล่งผลติ ไฟฟา้ จงึ มคี วามจำเปน็ อยา่ งมาก ทำให้การผลิตไฟฟา้ ในประเทศไทยเกิด ความหลากหลาย โรงไฟฟ้าที่ถูกตั้งขน้ึ มามีหลายชนดิ หลายรปู แบบ มีดังนี้ 1.4.1 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plant) โรงไฟฟ้าพลงั น้ำ เป็นการนำทรพั ยากรน้ำมาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ในการผลติ ไฟฟา้ โดยอาศัย ความเร็วในการไหลและแรงดันสูงของน้ำมาหมุนกังหันน้ำ ต่อไปเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มีลำดับ ขน้ั ตอนการทำงานดังน้ี 1) กกั เกบ็ น้ำไว้ในเข่อื นเกบ็ น้ำท่มี ีระดบั ความสูง สูงกวา่ โรงไฟฟ้าทำให้มีแรงดนั น้ำสูง 2) นำ้ ในเขอื่ นเกบ็ น้ำทม่ี ีแรงดนั น้ำสูง จะไหลลงทต่ี ่ำได้อย่างรวดเร็ว
5 3) ปล่อยน้ำในปริมาณที่ต้องการเข้าไปตามท่อส่งน้ำ ส่งไปยังอาคารโรงไฟฟ้าที่อยู่ต่ำกว่า เพือ่ ไปขับเครือ่ งกำเนิดไฟฟา้ ให้ทำงาน 4) เพลาเครื่องกังหันน้ำต่อกับเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทำให้โรเตอร์เครื่องกำเนิด ไฟฟา้ หมุน เกิดการเหนยี่ วนำแรงดันไฟฟ้าขน้ึ ในเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า ได้พลงั งานไฟฟ้าออกมาใช้งาน เขื่อนเกบ็ นำ้ 1.4.2 โรงไฟฟ้าพลงั ไอน้ำ (Steam Power Plant) โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ เป็นการแปรสภาพพลังงานเชื้อเพลงิ ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ไอน้ำ เปน็ ตวั ขบั เคล่ือน ปจั จบุ นั ประเทศไทยใชน้ ำ้ มนั เตา ถา่ นลกิ ไนต์ และกา๊ ซธรรมชาติเป็นเช้ือเพลงิ ซ่ึง มลี ำดบั ขัน้ ตอนการทำงานดังนี้ 1) เผาไหม้เชอื้ เพลงิ ทำใหเ้ กิดการเผาไหม้ ได้พลงั งานความร้อนออกมา 2) นำความรอ้ นทีไ่ ดไ้ ปต้มน้ำ เพอ่ื ใหก้ ลายเป็นไอนำ้ ท่อี ณุ หภูมิและความดันที่ต้องการ 3) ส่งไอน้ำเขา้ ไปหมุนเครื่องกังหันไอน้ำ ซ่ึงมเี พลาต่ออยู่กับเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า ทำให้โรเต อร์หมุนเกิดการเหนี่ยวนำแรงดันไฟฟ้าขึ้นในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ได้พลังงานไฟฟ้าออกมาใช้งาน หลกั การผลติ ไฟฟ้าด้วยพลงั ไอน้ำ 1.4.3 โรงไฟฟ้ากงั หันก๊าซ (Gas Turbine Power Plant) โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้กังหันก๊าซเป็นเครื่องต้นกำลงั ซึ่งได้พลังงานมาจาก การเผาไหม้ของส่วนผสม ระหว่างก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมันดีเซล กับอากาศความดันสูง (Compressed Air) จากเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) ในห้องเผาไหม้เกิดเป็นไอร้อน ท่ี ความดันและอุณหภูมิสูง ไปขับดันใบกังหันเพลากังหันไปขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าผลิตพลังงานไฟฟา้ มลี ำดับขั้นตอนการทำงานดงั นี้ 1) อัดอากาศใหม้ ีความดนั สงู 8 - 10 เทา่ 2) สง่ อากาศนี้เข้าห้องเผาไหม้ โดยมีเช้อื เพลงิ ทำการเผาไหม้ 3) อากาศในหอ้ งเผาไหม้เกิดการขยายตัว ทำใหม้ ีแรงดนั และอณุ หภูมิสูง 4) สง่ อากาศนไ้ี ปหมนุ เครือ่ งกังหนั ก๊าซ 5) เพลาของเครื่องกังหันก๊าซจะต่อผ่านชุดเกียร์ เพื่อทดรอบก่อนต่อเข้ากับเพลาเครื่อง กังหันไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อให้ความเร็วรอบของมอเตอร์หมุนในพิกัดที่กำหนด เมื่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หมุนจงึ เกิดการเหน่ียวนำ ผลิตแรงดนั และกระแสไฟฟ้าออกมาใชง้ าน หลกั การผลติ ไฟฟ้าด้วยกังหัน ก๊าซ 1.4.4 โรงไฟฟา้ ระบบความร้อนร่วม (Combined Cycle Power Plant) โรงไฟฟ้าระบบความร้อนร่วม เป็นโรงไฟฟ้าที่ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า 2 ระบบทำงาน ร่วมกัน คือ โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซและโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ โดยนำความร้อนจากไอเสียที่ออกจาก เครือ่ งกงั หันกา๊ ซซง่ึ มีอุณหภมู สิ ูงถึงประมาณ 550o C มาใชแ้ ทนเช้อื เพลิงในการต้มน้ำของโรงไฟฟา้
6 พลังไอนำ้ เพือ่ ใช้ไอเสียให้เกิดประโยชน์ มีลำดบั ขน้ั ตอนการทำงานดงั นี้ 1) นำไอเสียจากเคร่ืองกังหนั ก๊าซหลายๆ เครือ่ งมาใชต้ ้มน้ำในโรงไฟฟ้าพลงั ไอนำ้ 2) ไอน้ำได้จากการต้มน้ำส่งไปผลักดันเครื่องกังหันไอน้ำ ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุน ผลิตไฟฟ้าออกมาได้ เช่นเดยี วกบั โรงไฟฟา้ พลังความร้อนร่วมทว่ั ไป 3) กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ จะเป็นครึ่งหนึ่งของกำลังไฟฟ้าที่ผลิตรวม ของโรงไฟฟ้ากังหันกา๊ ซที่เดนิ เคร่ืองอยู่ หลักการผลติ ไฟฟ้าระบบความรอ้ นร่วม การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าระบบความร้อนร่วมนี้จะทำการผลิตร่วมกัน หากเกิด เหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ ก็ยังสามารถเดินเครื่องกังหันก๊าซได้ตามปกติ โดยการนำไอเสียท่ี ผา่ นกงั หันกา๊ ซออกมาเปดิ ออกสู่อากาศโดยตรง ถ้าหากเกดิ เหตุขดั ข้องกับเคร่ืองกังหันก๊าซเคร่ืองใด เครื่องหนึ่ง จะส่งผลต่อกำลังผลิตที่ได้ลดลงตามส่วน แต่ถ้าเครื่องกังหันก๊าซทุกตัวหยุดเดินเครื่อง โรงไฟฟา้ พลงั ไอนำ้ ที่ใชร้ ่วมกนั ก็จะต้องหยดุ เดนิ เคร่อื งตามไปด้วย โรงไฟฟ้าระบบความร้อนรว่ ม 1.4.5 โรงไฟฟา้ ดีเซล (Diesel Power Plant) โรงไฟฟ้าดีเซล เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง มี หลักการทำงานเหมือนกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ทั่วไป โดยอาศัยหลักการสันดาปของน้ำมันดีเซลที่ ถูกฉีดเข้าไปในกระบอกสูบของเครื่องยนต์ที่ถูกอัดอากาศจนมีอุณหภูมิสูง ซึ่งเราเรียกว่าจังหวะอัด ในขณะเดียวกัน น้ำมันดีเซลที่ถูกฉีดเข้าไปจะเกิดการสันดาปกับความร้อนและเกิดระเบิด ดันให้ ลูกสูบเคลอื่ นทีไ่ ปหมุนเพลาข้อเหวยี่ งซ่ึงต่อกบั เพลาของเครื่องยนต์ ทำใหเ้ พลาของเคร่ืองยนต์หมุน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าซ่งึ เชอ่ื มต่อกบั เพลาของเครื่องยนต์กจ็ ะหมนุ ตามโรงไฟฟา้ ดีเซล 1.4.6 โรงไฟฟ้ากงั หนั ลม (Wind Turbine Power Plant) โรงไฟฟ้ากังหันลม เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังลมช่วยในการผลิตไฟฟ้า ถือเป็นการผลิต กระแสไฟฟ้าจากพลังงานที่สะอาด (Green Energy) และเป็นพลังงานทดแทน (Renewable Energy) ที่มีความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและการทดแทนแบบไม่สิ้นสุด การดำเนินการผลิต กระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม สามารถทำได้โดยเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการใช้ พลังงานอื่นๆ โดยอาศัยใบพัดที่ใช้รับลมเชื่อมต่อเพลาไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เมื่อลมพัดใบพัด หมุนทำให้เครื่องกำเนดิ ไฟฟ้าหมนุ ให้กำเนดิ ไฟฟ้าขึ้นมา โรงไฟฟา้ กังหันลม 1.5 องค์ประกอบของระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า หมายถึง ลักษณะการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้า จากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ ไฟฟ้า ตามประเภทการใช้งาน โดยส่งจากสถานีกำเนิดไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าแรงสูง ไปสถานีจ่าย ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และสถานีจ่ายไฟฟ้าขนาดย่อย ผ่านหม้อแปลงให้บริการแปลงไฟฟ้าให้ต่ำลงตาม ตอ้ งการ ส่งไปยังบ้านพกั อาศยั สำนกั งาน และโรงงานอตุ สาหกรรม การส่งจา่ ยกำลังไฟฟา้ องค์ประกอบของระบบไฟฟา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ นประกอบหลกั ๆ ดังน้ี 1.5.1 สถานผี ลิตไฟฟา้ (Electrical Generation)
7 สถานผี ลติ ไฟฟ้า เปน็ สถานใี ห้กำเนดิ กำลงั ไฟฟ้าขน้ึ มา ประกอบด้วย 1) โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน เช่น โรงไฟฟา้ พลังไอน้ำ, โรงไฟฟ้ากงั หันกา๊ ซและโรงไฟฟ้า ดเี ซล เปน็ ต้น 2) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เช่น เขื่อนต่างๆ และแม่น้ำลำคลอง ที่มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า และโรงไฟฟา้ ทผ่ี ลิตไฟฟ้าจากคล่นื ทะเลทีม่ ีในตา่ งประเทศ เปน็ ต้น 3) โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์, พลังงานความร้อนใต้พิภพ, พลังงานลม, และพลังงานชีวมวล เป็นตน้ 1.5.2 ระบบส่งจ่ายไฟฟา้ กำลงั (Transmission) ระบบส่งจ่ายไฟฟ้ากำลัง หมายถึง ระบบจ่ายไฟฟ้าจากแหล่งผลิตไฟฟ้าจนถึงสถานีไฟฟ้า ของระบบจำหน่ายไฟฟา้ หรือจนถึงสถานีไฟฟา้ ของผใู้ ชไ้ ฟฟ้า ประกอบดว้ ย 1) สายส่งไฟฟ้า แบ่งเป็นตามระดับแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมา เช่น 500 kV, 230 kV,115 kV ยิง่ สายส่งไฟฟ้ามีระยะทางไกลมากขึ้น ต้องใช้แรงดันไฟฟา้ ทสี่ ูงข้ึน เพอ่ื ลดอัตราการสญู เสยี พลงั งาน ไฟฟ้าในสายส่งไฟฟา้ ลง 2) หม้อแปลงไฟฟ้า ทำหน้าที่เพิ่มหรือลดระดับแรงดันไฟฟ้า เพื่อใช้เชื่อมโยงระบบไฟฟ้า เขา้ ดว้ ยกนั 1.5.3 ระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Distribution) ระบบจำหนา่ ยไฟฟ้า หมายถงึ ระบบที่นำไฟฟา้ จ่ายไปสูผ่ ้ใู ชไ้ ฟฟ้า ประกอบด้วย 1) สายจำหนา่ ยไฟฟา้ แบ่งเป็นตามระดับแรงดัน เช่น 33 kV, 22 kV, 11 kV 2) หม้อแปลงไฟฟ้า ทำหน้าที่เพิ่มหรือลดระดับแรงดันไฟฟ้า เพื่อให้สามารถนำไปใช้งาน กับระบบไฟฟ้าภายในบ้าน, สำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แบ่งระบบไฟฟ้าเป็น 2 ประเภท คือ ก. ระบบไฟฟ้า 1 เฟส คือระบบไฟฟ้าที่มีสายไฟฟ้าจ่ายใช้งานจำนวน2 เส้น จ่าย แรงดันไฟฟา้ ออกมาใช้งาน 220 โวลต์ ข. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือระบบไฟฟ้าที่มีสายไฟฟ้าจ่ายใช้งานจำนวน4 เส้น จ่าย แรงดนั ไฟฟ้าออกมาใช้งาน 380 โวลต์ ยังสามารถต่อใช้งานเปน็ ระบบไฟฟา้ 1 เฟสจา่ ยแรงดันไฟฟ้า ออกมาใชง้ าน 220 โวลต์ได้ดว้ ย 1.6 บทสรปุ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวด จะเป็นสัดส่วนกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของฟ ลักซ์แมเ่ หล็กที่ผ่านขดลวดนั้นเม่ือเทยี บกับเวลา แรงดนั ไฟฟา้ เหน่ียวนำ คือ แรงดนั ไฟฟ้าที่เกิดจาก การชักนำสนามแม่เหล็กผ่านลวดตัวนำ หาค่าได้โดยสมการ e = Blv ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็น ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมาได้จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับหรือเจนเนอเรเตอร์ ใช้หลักการทำงาน เชน่ เดียวกบั แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำ การเคล่ือนท่ขี องขดลวดตัวนำตัดผา่ นเส้นแรงแม่เหลก็ 1 รอบ
8 จะทำใหเ้ กดิ แรงดันไฟฟ้ากระแสสลบั คล่นื ไซน์ 1 ลูกคลน่ื ไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นไฟฟ้ากระแสสลบั ใช้ความถี่ 50 Hz มีทั้งระบบไฟฟ้า 1 เฟสจ่าย แรงดันออกมา 220 V ซง่ึ จา่ ยไปใช้งานตามบ้านเรือนอยู่อาศัย และระบบไฟฟา้ 3 เฟส จ่ายแรงดัน ออกมา 380 V นำไปใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม และมีแรงดันไฟสลับขนาด 11, 22,33, 69, 115, 230 และ 500 kV ใช้สำหรับการส่งจ่ายไฟฟ้าไปตามสถานที่ต่างๆ ภายในประเทศไทย การ ผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่ใช้อยู่ในปจั จุบัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทไม่ใช้เชือ้ เพลิง โดยใช้พลังงานขับเคลื่อนจากธรรมชาติ ได้แก่ พลังน้ำ พลังลม พลังแสงอาทิตย์ พลังความร้อนใต้ พิภพ และประเภทใชเ้ ชอ้ื เพลิงชนดิ ตา่ งๆ เช่น ถ่านลิกไนต์ น้ำมนั เตา ก๊าซธรรมชาติ นำ้ มนั ดเี ซล ระบบไฟฟา้ เปน็ ลักษณะการสง่ จ่ายกำลังไฟฟ้า จากแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ ไปยงั ผู้ใช้ไฟฟ้าตาม ประเภทการใช้งาน โดยส่งจากสถานีกำเนิดไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าแรงสูง ไปสถานีจ่ายไฟฟ้าขนาด ใหญ่ และสถานีจ่ายไฟฟ้าขนาดย่อย ผ่านหม้อแปลงให้บริการแปลงไฟฟ้าให้ต่ำลงตามต้องการ สง่ ไปยงั บา้ นพกั อาศยั สำนกั งาน และโรงงานอตุ สาหกรรม • ด้านทกั ษะ(ปฏิบัติ) 1. แบบฝกึ หดั ท่ี 1 • ดา้ นคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 6) 1. สรุปแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
9 กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรือการเรยี นรู้ ข้ันตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขน้ั ตอนการเรยี นรู้หรอื กจิ กรรมของนกั เรยี น 1. ข้นั นำเข้าส่บู ทเรียน (15 นาที ) 1. ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน (15 นาที ) ผู้สอนจัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนำ ผู้เรียนเตรียมอุปกรณ์และ ฟังครูผู้สอนแนะนำ รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียน รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่อง เรอื่ ง แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของบทที่ 1 ผเู้ รยี นทำความเขา้ ใจเกย่ี วกับจดุ ประสงค์การเรียน และขอให้ผู้เรียนร่วมกันทำกิจกรรมการเรียน บทที่ 1 และการให้ความร่วมมือในการทำ การสอน กิจกรรม 2. ขั้นใหค้ วามรู้ (120 นาที) 2. ขน้ั ให้ความรู้ (120 นาที ) ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิด PowerPoint บทที่ 1 ผู้เรยี นเปดิ PowerPoint บทที่ 1 เร่อื งแหล่งกำเนิด เรื่อง แหล่งกำเนิดฟ้ากระแสสลับ และให้ ฟ้ากระแสสลับ และผู้เรียนศึกษาเอกสา ร ผู้เรียนศึกษาเอกสารประกอบการสอน วิชา ประกอบการสอน วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ หน้าที่ 1-20 โดยให้ หน้าท่ี 1-20 ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง และ ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถ สามารถตอบข้อสงสัยระหว่างเรียนได้ผู้เรียน สอบถามขอ้ สงสัยระหว่างเรียนจากผู้สอน อธิบายแหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ได้ศึกษา ผู้สอนให้ผู้เรียนอธิบายแหล่งกำเนิดไฟฟ้า จาก PowerPoint กระแสสลับ ไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ (60 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ (60 นาที ) ผ้สู อนใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝึกหดั บทที่ 1 ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั บทท่ี 1 ผสู้ อนให้ผู้เรยี นสืบคน้ ข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต ผเู้ รียนสืบค้นขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เน็ต 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (45 นาที ) 4. ขั้นสรุปและประเมนิ ผล (45 นาที ) ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกันสรุปเนือ้ หาที่ไดเ้ รียน 1. ผเู้ รยี นรว่ มกันสรุปเนอ้ื หาท่ีได้เรียนใหม้ ี ให้มคี วามเขา้ ใจในทิศทางเดียวกัน ความเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั ผ้สู อนให้ผู้เรียนศกึ ษาเพิ่มเตมิ นอกห้องเรียน 2. ผเู้ รียนศึกษาเพมิ่ เติมนอกห้องเรียน ดว้ ย ด้วย PowerPoint ท่จี ัดทำข้ึน PowerPoint ทีจ่ ัดทำขนึ้
10 งานท่ีมอบหมายหรือกิจกรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรยี น 1. จดั เตรียมเอกสาร สอื่ การเรียนการสอนบทท่ี 1 2. ทำความเข้าใจเกีย่ วกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นของบทท่ี 1 และใหค้ วามร่วมมอื ในการ ทำกิจกรรมใน บทท่ี 1 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝึกหัดท่ี 1 2. รว่ มกนั สรปุ “แหล่งกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั ” หลงั เรียน 1. – ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสำเรจ็ ของผเู้ รียน แบบฝึกหัดบทท่ี 1 สอ่ื การเรยี นการสอน/การเรยี นรู้ สอ่ื สงิ่ พมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ(ใช้ประกอบการเรียนการสอน จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 1-6) 2. แบบฝกึ หัดที่ 1 ขนั้ ประยุกต์ใช้ ขอ้ ส่ือโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. เครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เร่อื ง แหลง่ กำเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั สอ่ื ของจริง 1. แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ กระแสสลบั (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 1-6
11 การวัดและประเมินผล การวัดผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครื่องมือ) (นำผลเทียบกบั เกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre–test) หน่วยท่ี 1 (ไว้เปรยี บเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรยี น) 2. แบบสงั เกตการทำงานกลมุ่ และนำเสนอ เกณฑผ์ า่ น 60% ผลงานกลมุ่ 3. แบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 1 เกณฑ์ผ่าน 50% 4. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test)หนว่ ยท่ี 1 เกณฑผ์ ่าน 50% 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพ เกณฑผ์ า่ น 60% จริง รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียนรู้ • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 1 อธบิ ายการกำเนิดแรงดันไฟฟ้าเหนยี่ วนำได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธบิ ายการกำเนดิ แรงดนั ไฟฟ้าเหน่ยี วนำได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 2 บอกการกำเนิดไฟฟา้ กระแสสลับได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกการกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 3 ผลิตพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่ืองมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ผลติ พลงั งานไฟฟา้ ในประเทศไทยได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 4 แยกแยะโรงไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ
3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน 12 : แยกแยะโรงไฟฟา้ ประเภทตา่ ง ๆ ได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 5 จำแนกองค์ประกอบของระบบไฟฟ้าได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : จำแนกองคป์ ระกอบของระบบไฟฟ้าได้ จะได้ 1 คะแนน • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 6 สรปุ แหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั ได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่อื งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : สรปุ แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับ ไดอ้ ย่างถูกต้องและ เหมาะสม จะได้ 2 คะแนน
13 แบบฝึกหัดบทท่ี 1 ตอนท่ี 1 เขียนเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในขอ้ ท่ถี ูกต้องทีส่ ดุ 1. แรงดันไฟฟ้าเหนย่ี วนำเกดิ ข้นึ ไดจ้ ากการกระทำใด ก. กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดตวั นำ ข. เคล่ือนทีอ่ ปุ กรณไ์ ฟฟ้าผ่านสนามแมเ่ หลก็ ค. นำตวั ต้านทานเคลอ่ื นทผ่ี ่านสนามแม่เหลก็ ง. ขดลวดตวั นำและสนามแม่เหล็กเคลือ่ นท่ีตัดผ่านกนั 2. ใชก้ ฎการเหนี่ยวนำของฟาราเดย์วิเคราะหก์ ารทำงานทเ่ี วลาเปล่ยี นแปลง จะเกิดผลเช่นไร ก. สนามแม่เหล็กคงท่ี แรงดนั ไฟฟา้ เปลี่ยนแปลงตามเวลา ข. แรงดันไฟฟา้ คงที่ สนามแมเ่ หล็กเปลย่ี นแปลงตามเวลา ค. สนามแม่เหลก็ เปล่ียนแปลง เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลง แรงดนั ไฟฟ้าเปล่ยี นแปลง ง. แรงดันไฟฟา้ เหน่ยี วนำเกิดขนึ้ ตามเวลาทเ่ี ปลี่ยนแปลงเมอื่ สนามแมเ่ หลก็ เกิดขึน้ คงที่ 3. แรงดันไฟฟ้าในขอ้ ใดเกดิ ข้ึนมากท่สี ุด ในเครอื่ งกำเนิดไฟฟ้า ก. สนามแม่เหลก็ มคี วามเข้มตำ่ เคล่อื นท่ีดว้ ยความเรว็ ตำ่ ข. สนามแม่เหล็กมีความเขม้ สูง เคลอ่ื นท่ีด้วยความเรว็ สงู ค. ขดลวดตวั นำมีจำนวนรอบมาก เคล่ือนที่ดว้ ยความเร็วต่ำ ง. ขดลวดตวั นำมจี ำนวนรอบน้อย เคลื่อนที่ดว้ ยความเรว็ สงู 4. กฎมือขวาของเฟรมมิงใชส้ ำหรับหาค่าอะไร ข. ทศิ ทางการเคล่อื นทขี่ องเสน้ แรงแมเ่ หลก็ จากขวั้ เหนือไปขั้วใต้ ก. ทิศทางการเกดิ แรงดันไฟฟา้ เหนย่ี วนำ ค. ทิศทางการเคล่ือนทข่ี องขดลวดตวั นำ ง. ถูกทกุ ขอ้ 5. จากรปู เม่อื ขดลวดตัวนำเคลื่อนที่ตดั ผ่านสนามแม่เหลก็ จะไดแ้ รงดันไฟฟา้ เหนย่ี วนำเกิดขึ้น มีรูปคลนื่ แบบใด ก. คล่นื ไซน์ ข. คลืน่ ไฟสลบั ค. คลื่นไซน์ครง่ึ บวก
14 ง. คลน่ื ไซนค์ รงึ่ ลบ 6. จากรูปการหมุนของขดลวดตัวนำ หมุนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาจะได้แรงดันไฟฟ้า เหนี่ยวนำเกิดขน้ึ ตามรปู ใด 7. พลังงานไฟฟ้าท่ผี ลิตออกจำหนา่ ยในประเทศไทย มีรายละเอียดตามขอ้ ใด ก. 1 เฟส 220 V, 3 เฟส 380 V, 50 Hz ข. 11, 22, 33 และ 69 kV, 50 Hz ค. 115, 230 และ 500 kV, 50 Hz ง. ถกู ทกุ ขอ้ 8. โรงไฟฟ้าท่ีไมใ่ ช้เชอ้ื เพลิง คอื โรงไฟฟ้าประเภทใด ก. โรงไฟฟ้าดเี ซล ข. โรงไฟฟา้ พลงั นำ้ ค. โรงไฟฟ้ากงั หันก๊าซ ง. โรงไฟฟา้ ระบบความรอ้ นร่วม
15 9. โรงไฟฟา้ พลงั งานทดแทน เปน็ การผลิตไฟฟา้ ด้วยพลังงานชนิดใด ก. กา๊ ซ ข. ดเี ซล ค. ชีวมวล ง. ถา่ นหนิ 10. ระบบไฟฟ้า คอื อะไร ก. ระบบสง่ จา่ ยกำลงั ไฟฟ้า จากแหล่งกำเนดิ ไฟฟา้ ไปยงั ผใู้ ชไ้ ฟฟ้า ข. ระบบในการควบคมุ การทำงานของเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า ค. ระบบการทำงานของแหลง่ กำเนิดไฟฟ้าแต่ละประเภท ง. ระบบการใช้กำลงั ไฟฟ้าทีภ่ าระตอ้ งการ ตอนที่ 2 อธบิ ายให้ไดใ้ จความสมบรู ณแ์ ละแสดงวิธีทำใหส้ มบูรณถ์ ูกต้อง 1. จากรูปอธิบายผลท่ีเกิดจากการทำงาน เม่ือเคล่อื นทแี่ ท่งแม่เหลก็ เข้าออกขดลวดตวั นำ 2. ขดลวดตัวนำยาว 16 m เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 20 m/s ตัดผ่านสนามแม่เหล็กที่มี ความหนาแนน่ 0.41 Wb/m2 จงหาค่าแรงดันไฟฟ้าเหน่ียวนำท่ีเกดิ ขน้ึ ในขดลวดตัวนำ 3. องคป์ ระกอบของระบบไฟฟา้ มอี ะไรบ้าง อธบิ าย
16 แบบประเมินผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชัน้ ………………………ห้อง........................... รายชอื่ สมาชิก 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เนื้อหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรู้เกีย่ วกบั เนื้อหา ความถกู ต้อง ปฏภิ าณในการตอบ และการแกไ้ ข ปญั หาเฉพาะหน้า) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่ 4 บุคลิกลกั ษณะ กริ ิยา ทา่ ทางในการพดู น้ำเสยี ง ซง่ึ ทำใหผ้ ฟู้ งั มคี วามสนใจ รวม ผ้ปู ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชัดเจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไมค่ รบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคญั ไมถ่ ูกตอ้ ง ไมต่ รงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอทเ่ี หมาะสม มีการใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอท่ีนา่ สนใจ นำวสั ดใุ นท้องถน่ิ มาประยุกต์ใชอ้ ย่าง คุ้มคา่ และประหยัด 2 คะแนน = มีเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ ใชส้ อ่ื และเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอท่นี ่าสน ใจ แต่ขาดการประยกุ ต์ใช้ วสั ดใุ นท้องถิน่ 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไม่เหมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมสี ่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม
17 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญม่ ีบทบาทและมสี ว่ นรว่ มกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชกิ สว่ นนอ้ ยมบี ทบาทและมีสว่ นร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟงั 3 คะแนน = ผูฟ้ งั มากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังร้อยละ 70-90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และให้ความร่วมมอื
18 แบบประเมนิ กระบวนการทำงาน ช่อื กลมุ่ ……………………………………………ช้ัน………………………ห้อง........................... รายชอ่ื สมาชิก 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. 1……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเหน็ 321 1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกนั 2 การแบ่งหนา้ ทร่ี ับผิดชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย 4 การประเมินผลและปรบั ปรงุ งาน รวม ผ้ปู ระเมนิ ………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายรว่ มกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมสี ่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าท่ีรับผิดชอบและการเตรยี มความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทวั่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มี การจดั เตรียมสถานท่ี ส่ือ / อุปกรณไ์ วอ้ ย่างพรอ้ มเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ั่วถงึ แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมสี ื่อ / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจัดเตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ท่ัวถึงและมสี ่ือ / อุปกรณไ์ ม่เพยี งพอ
19 3. การปฏิบตั หิ น้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเป้าหมาย แตช่ ้ากว่าเวลาท่กี ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไม่สำเรจ็ ตามเปา้ หมาย 4. การประเมนิ ผลและปรับปรงุ งาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรกึ ษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นมีส่วนร่วมปรกึ ษาหารือ แต่ไม่ปรบั ปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชิกบางสว่ นไม่มีสว่ นร่วมปรกึ ษาหารอื และปรับปรุงงาน
20 บันทกึ หลังการสอน บทท่ี 1 แหลง่ กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ผลการใชแ้ ผนการเรยี นรู้ 1. เนอื้ หาสอดคล้องกับจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 2. สามารถนำไปใชป้ ฏบิ ัติการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรยี นการสอน 3. สอื่ การสอนเหมาะสมดี ผลการเรยี นของนักเรยี น 1. นักศึกษาส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่รู้ เข้าใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และรว่ มกนั ปฏิบัตใิ บงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 2. นกั ศกึ ษากระตือรอื รน้ และรบั ผดิ ชอบในการทำงานกลุ่มเพ่ือให้งานสำเร็จทนั เวลาท่ี กำหนด 3. นักศึกษาสามารถอธิบายการกำเนิดแรงดนั ไฟฟา้ เหนี่ยวนำได้ 4. นักศึกษาสามารถบอกการกำเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ ผลการสอนของครู 1. สอนเนอื้ หาได้ครบตามหลักสตู ร 2. แผนการสอนและวิธีการสอนครอบคลมุ เน้ือหาการสอนทำให้ผูส้ อนสอนได้อยา่ งมั่นใจ 3. สอนไดท้ ันตามเวลาที่กำหนด ปญั หา แนวทางแก้ไข และขอ้ เสนอแนะ พยายามจำชอื่ นกั เรียนให้ไดท้ ุกคน เพ่อื ใหเ้ กิดความคนุ้ เคยมากขนึ้ ลงช่ือ………………………………………… (นางสาวเพญ็ นภา สุขยอ้ ย) ครูผสู้ อน
21
21 แผนการจัดการเรียนร/ู้ แผนการเรยี นรภู้ าคทฤษฎี แผนการจัดการเรยี นรู้ บทท่ี 2 ชือ่ วชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั สอนสัปดาหท์ ี่ 2 ชือ่ หน่วย รูปคลืน่ ไซน์ คาบรวม 8 ช่อื เรอ่ื ง รปู คลนื่ ไซน์ จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเร่อื ง 1. คา่ แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของคลน่ื ไซน์ 2. คา่ ตา่ งๆ ของคลื่นไซน์ 3. คา่ เฉลย่ี คลืน่ ไซน์ 4. คา่ อาร์เอ็มเอสคลนื่ ไซน์ 5. ฟอรม์ แฟกเตอร์ 6. บทสรปุ สาระสำคัญ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวดตัวนำ เกิดจากการวางขดลวดตัวนำให้เคลื่อน ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก ค่าแรงดันไฟสลับและกระแสไฟสลับที่ได้ออกมาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า กระแสสลับ มีค่าเท่ากับค่าของฟังก์ชันไซน์ที่มุมของขดลวดตัวนำหมุนตัดกับสนามแม่เหล็ก ค่า แรงดันไฟสลับและกระแสไฟสลับจะเกิดขึน้ มากหรอื น้อย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของขดลวดตัวนำหมุน ตดั กบั เส้นแรงแม่เหลก็ ในสนามแมเ่ หล็กสมรรถนะอาชพี ประจำหน่วย - อธบิ ายการเกิดคา่ แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของคล่ืนไซนอ์ ย่างถูกต้อง - เขียนสมการหาปริมาณไฟฟ้าค่าต่างๆ อย่างถูกต้องสมบูรณ์ - แกป้ ัญหาสมการทางไฟฟา้ อย่างมีเหตผุ ลตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ • จดุ ประสงค์ท่ัวไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพอื่ ใหม้ คี วามรู้เกีย่ วกับการอธบิ ายค่าแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า (ด้านความร)ู้ 2. เพอื่ ให้มที กั ษะในการหาคา่ ตา่ ง ๆ ของคล่ืนไซน์ (ดา้ นทักษะ) 3. เพ่อื ให้มีเจตคติทีด่ ีในการชแ้ี จงลกั ษณะของฟอร์มแฟกเตอร์ได้ (ด้านจิตพิสัย) 4. เพื่อสรุป รูปคลื่นไซน์ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) • จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. อธิบายคา่ แรงดันไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าของคล่ืนไซน์ (ด้านความร้)ู 2. หาคา่ ต่าง ๆ ของคลน่ื ไซน์ได้ (ดา้ นทกั ษะ) 3. ทดลองหาคา่ เฉล่ียคล่ืนไซน์ได้ (ดา้ นทกั ษะ) 4. ฝกึ หาคา่ อารเ์ อม็ เอสคลื่นไซน์ ได้ (ดา้ นทักษะ)
22 5. ชี้แจงลกั ษณะของฟอรม์ แฟกเตอร์ได้ (ดา้ นจิตพสิ ัย) 6. สรุป รูปคลื่นไซน์ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม (ด้านด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพียง เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ดา้ นความร้(ู ทฤษฎ)ี 2.1 คา่ แรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟา้ ของคลนื่ ไซน์ แรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวดตัวนำ เกิดจากการวางขดลวดตัวนำให้เคลื่อนตัดผ่าน สนามแม่เหล็ก ค่าแรงดนั ไฟสลบั และกระแสไฟสลับที่ได้ออกมาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ มีค่าเท่ากับค่าของฟังก์ชันไซน์ที่มุมของขดลวดตัวนำหมุนตัดกับสนามแม่เหล็ก ค่าแรงดันไฟสลับ และกระแสไฟสลับจะเกิดขึ้นมากหรือนอ้ ย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของขดลวดตัวนำหมุนตัดกับเส้นแรง แมเ่ หลก็ ในสนามแม่เหล็ก ถา้ ทศิ ทางการเคล่ือนที่ของขดลวดตัวนำตั้งฉากกับเส้นแรงแม่เหล็ก (มุม 90 องศา) แรงดันไฟสลับที่เกดิ ข้นึ มีค่าสูงสดุ แรงดันไฟสลบั จะค่อยๆลดลงเม่ือทิศทางการเคล่ือนท่ี ของขดลวดตัวนำตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กมีมุมน้อยกว่า มุม 90 องศาลงมา และแรงดันไฟสลับจะมี ค่าเป็น 0 เมื่อทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำขนานกับเส้นแรงแม่เหล็ก (มุม 0 องศา) การ เคลือ่ นทขี่ องขดลวดตวั นำตดั ผ่านเส้นแรงแม่เหล็ก การหมุนของขดลวดตัวนำ ขดลวดตัวนำจะค่อยๆ หมุนเคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นแรงแม่เหล็กมีมุม เปลย่ี นแปลงไปเป็นองศา (Degree) มุมแตล่ ะองศาทีเ่ ปลี่ยนแปลงไปของขดลวดตัวนำขณะตัดผ่าน เส้นแรงแม่เหล็ก ทำให้เกิดแรงดันไฟสลับมีขนาดเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ขดลวดตัวนำ ที่หมุน จัดเปน็ การเคลอ่ื นที่แบบเชงิ มมุ เกดิ ระยะทางเชิงมุมระหว่างตัวนำกับเสน้ แรงแม่เหล็ก 2.2 ค่าต่างๆ ของคล่นื ไซน์ คลื่นไซน์เป็นสัญญาณคลื่นไฟสลับแบบสมมาตร มีขนาดคลื่นซีกบวกและซีกลบเหมือนกันและ เท่ากัน การวิเคราะห์ค่าสญั ญาณต่างๆ ทำได้เหมือนกันทั้ง 2 ซีก หาค่าสัญญาณซกี ใดซีกหนึ่งได้ ก็ สามารถทราบคา่ สญั ญาณซีกที่เหลือไดใ้ นลกั ษณะเดยี วกัน ส่วนประกอบของคล่นื ไซน์ 2.2.1 คา่ ยอด (Peak Value) ของคล่นื ไซน์ คา่ ยอดของคลื่นไซน์ คอื ค่าสงู สดุ ของแรงดันไฟสลบั (Ep) หรอื ค่าสงู สุดของกระแสไฟสลบั (Ip) เม่ือ วดั จากระดบั อ้างองิ (0) ถงึ ระดบั ยอดสงู สดุ ทางดา้ นบวกหรือด้านลบ ดา้ นใดด้านหนงึ่ การพิจารณา ค่ายอดของคล่ืนไซน์ หาคา่ ไดจ้ ากสมการแรงดันไฟสลับคล่ืนไซน์ชั่วขณะe = Emsinq หรือสมการ
23 กระแสไฟสลับคลนื่ ไซนช์ วั่ ขณะ i = Imsinq โดยพิจารณาทต่ี ำแหนง่ ขดลวดตัวนำทำมมุ กับเส้นแรง แม่เหลก็ ที่มมุ 90o หรอื 270o 2.2.2 คา่ ยอดถงึ ยอด (Peak to Peak Value) ของคล่ืนไซน์ ค่ายอดถึงยอดของคลื่นไซน์ คือค่าที่วัดจากระดับต่ำสุดถึงระดับสูงสุดของแรงดันไฟสลับ ( Epp) หรอื คา่ ทว่ี ดั จากระดบั ต่ำสดุ ถงึ ระดับสงู สดุ ของกระแสไฟสลับ (Ipp) มีคา่ เปน็ 2 เทา่ ของค่ายอดของ คล่ืนไซน์ หาคา่ ได้โดยนำค่ายอดของคล่นื ไซน์คูณดว้ ยสอง 2.2.3 รอบคลนื่ (Wave Cycle) รอบคลื่น คือ การเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟสลับ หรือกระแสไฟสลับ ที่เกิดขึ้นครบ 1 รอบ เคลื่อนที่เป็นมุม 360 องศา เกิดสัญญาณไฟสลับซีกบวกหนึ่งครั้ง และสัญญาณไฟสลับซีกลบหนึ่ง คร้ัง 2.2.4 คาบเวลา (Time Period) คาบเวลา (T) คือ ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟสลับ หรือกระแสไฟสลับเคลื่อนที่ครบ 1 รอบ คิดเวลาเปน็ วนิ าที (Second ; s) 2.2.5 ความถี่ (Frequency) ความถี่ (f) คือ จำนวนสัญญาณไฟสลับที่เคลื่อนที่ครบรอบ เกิดขึ้นในเวลาหนึ่งวินาที มีหน่วยเป็น รอบตอ่ วนิ าที หรอื เฮิรตซ์ (Hz) 2.3 คา่ เฉลี่ยคล่นื ไซน์ ค่าเฉลี่ย (Average Value) ของคลื่นไซน์เป็นค่าสัญญาณไฟสลับที่นำมาหาค่าเฉลี่ย โดยนำค่ามา เฉลี่ยเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ใช้สัญญาณพื้นที่ใต้รูปคลื่นที่ได้มาทำการเฉลี่ยค่าให้มีระดับสัญญาณ เฉลี่ยเท่ากัน ค่าเฉลี่ยแรงดันคลื่นไซน์ (Eav) และค่าเฉลี่ยกระแสคลื่นไซน์ (Iav) พิจารณาทางซีก บวกหรือซีกลบซีกใดซีกหนึ่งเพียงซีกเดียว โดยการแบ่งพื้นที่ใต้รูปคลื่นออกเป็นส่วนย่อยๆหลาย ส่วนเท่าๆ กนั หาค่าความแรงชวั่ ขณะของพ้ืนทแี่ ต่ละสว่ นนำค่ามารวมกัน ทำการเฉลี่ยค่าความแรง ชั่วขณะของพื้นทเ่ี หลา่ นนั้ ทง้ั หมด จะได้คา่ เฉลย่ี ของสญั ญาณไฟสลบั คล่ืนไซน์ออกมาการหา ค่าเฉลี่ยของคลืน่ ไซน์ 2.4 ค่าอารเ์ อ็มเอสคล่นื ไซน์ ค่าอาร์เอ็มเอส (Root Mean Square Value ; RMS) หรือค่าประสิทธิผล (Effective Value)คล่ืน ไซน์ เป็นค่าแรงดันคลื่นไซน์ และค่ากระแสคลื่นไซน์จ่ายให้กับตัวต้านทานค่าคงที่ค่าหนึ่งในเวลา
24 คงที่ ทำให้เกิดความร้อนขึ้นมามีค่าเท่ากับความร้อนที่เกิดขึ้นจากแรงดนั ไฟตรงและกระแสไฟตรง ที่จ่ายให้กับตัวต้านทานคา่ เทา่ กนั ในเวลาเท่ากนั การหาค่า RMS คลื่นไซน์ หาได้โดยนำค่าสัญญาณ ไฟสลับช่วั ขณะของคลน่ื ไซน์ที่มมุ ใดๆมายกกำลังสอง และนำไปหาค่าเฉล่ียความแรงของค่าชั่วขณะ ที่หา แล้วทำการถอดรากท่สี องของค่าเฉลี่ยคลน่ื ไซน์ยกกำลังสองนี้อีกครั้ง จะไดค้ า่ RMS คล่ืนไซน์ ออกมา การหาคา่ RMS คลน่ื ไซน์ 2.5 ฟอร์มแฟกเตอร์ ฟอร์มแฟกเตอร์ (Form Factor) เป็นค่าสัมประสิทธิ์ของรูปคลื่นไฟฟ้า หาได้จากการนำค่า RMS หารด้วยค่าเฉลี่ย ค่าฟอร์มแฟกเตอร์ (Kf) ของสัญญาณไฟฟ้าแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไป เชน่ ฟอร์มแฟกเตอรข์ องคลนื่ ไซน์ หาคา่ ไดจ้ ากคา่ RMS = 0.707 Em หารด้วยคา่ เฉลี่ย= 0.636 Em 2.6 บทสรุป ค่าแรงดันไฟสลบั และกระแสไฟสลับเกดิ ขึน้ มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กบั ตำแหนง่ ของขดลวดตัวนำหมนุ ตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กในสนามแม่เหล็ก ทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำตั้งฉากกับเส้นแรง แม่เหล็กทำมุม 90 องศา แรงดันไฟสลับที่เกิดขึ้นมีค่าสูงสุด และค่อยๆ ลดลงเมื่อทิศทางการ เคล่อื นทีข่ องขดลวดตัวนำตัดกับเสน้ แรงแม่เหล็กมีมุมน้อยกว่า 90 องศา และแรงดันไฟสลับจะมีค่า เปน็ 0 เมือ่ ทิศทางการเคลื่อนทข่ี องขดลวดตวั นำขนานกบั เสน้ แรงแม่เหล็กทำมุม 0 องศา • ดา้ นทกั ษะ(ปฏิบัติ) 1. แบบฝกึ หดั บทที่ 2 • ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 6) 1. สรปุ รปู คลนื่ ไซน์ ได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
25 กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรยี นรู้ ขัน้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรยี นรหู้ รอื กจิ กรรมของนกั เรยี น 1. ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น ( 15 นาที ) 1. ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของ 1. ผเู้ รียนทำความเขา้ ใจเกยี่ วกบั จดุ ประสงค์ หนว่ ยที่ 2 เรอ่ื ง รปู คลื่นไซน์ การเรยี นของหนว่ ยเรยี นท่ี 2 เรอ่ื ง รูปคลน่ื ไซน์ 2. ผ้สู อนให้ผู้เรยี นอธบิ ายค่า 2. ผูเ้ รยี นอธบิ ายคา่ แรงดนั ไฟฟ้าและ แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของคล่ืนไซน์ กระแสไฟฟ้าของคลน่ื ไซน์ พรอ้ มให้เหตุผล พรอ้ มใหเ้ หตุผลประกอบ ประกอบ 2. ข้ันให้ความรู้ ( 120 นาที ) 2. ข้นั ให้ความรู้ ( 120 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผเู้ รียนศึกษาเอกสารประ 1. ผู้เรียนศึกษาเอกสารประกอบการสอน กอบการสอน วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วิชา วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ หน่วยที่ 2 เรื่อง หน่วยที่ 2 เรือ่ ง รปู คลน่ื ไซน์ หนา้ ที่ 25-41 รปู คลน่ื ไซน์ หน้าที่ 25-41 พรอ้ มทำความเขา้ ใจ 2. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนถามปัญหา 2. ผู้เรียนถามปัญหา และข้อสงสัยจาก และข้อสงสัยจากเนื้อหา เนือ้ หา โดยครูเปน็ สังเกต 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ (60 นาที ) 3. ข้นั ประยุกตใ์ ช(้ 60 นาที ) 1. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นทำแบบฝึกหัดบทที่ 2 1. ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หัดบทที่ 2 2. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นสบื ค้นข้อมลู จาก 2. ผู้เรียนสบื คน้ ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ น็ต อนิ เทอรเ์ น็ต 4. ขัน้ สรปุ และประเมนิ ผล ( 45 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล( 45 นาที ) 1. ผ้สู อนและผเู้ รยี นรว่ มกันสรุปเนื้อหาที่ 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้ ไดเ้ รียนใหม้ คี วามเข้าใจในทศิ ทางเดยี วกนั เรียนใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกนั 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอก 2. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย ห้องเรียน ด้วยเอกสารประกอบการสอนที่ เอกสารประกอบการสอนท่ีจดั ทำข้ึน จดั ทำขน้ึ
26 งานทีม่ อบหมายหรอื กิจกรรมการวัดผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จัดเตรียมเอกสาร ส่ือการเรยี นการสอนบทท่ี 2 2. ทำความเข้าใจเกยี่ วกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนของบทที่ 2 และใหค้ วามรว่ มมือในการ ทำกจิ กรรมใน บทท่ี 2 ขณะเรียน 1. ทำแบบฝกึ หัดที่ 2 2. ร่วมกนั สรปุ “รปู คล่ืนไซน”์ หลงั เรียน 1. – ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสำเรจ็ ของผเู้ รียน แบบฝกึ หดั บทท่ี 2 สื่อการเรยี นการสอน/การเรียนรู้ ส่อื สง่ิ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ (ใช้ประกอบการเรียนการสอน จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-6) 2. แบบฝกึ หัดที่ 2 ข้ันประยุกต์ใช้ ข้อ 1 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เรอ่ื ง รูปคล่ืนไซน์ สือ่ ของจริง 1. รูปคลนื่ ไซน์ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-6)
27 การวดั และประเมนิ ผล การวัดผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครอื่ งมอื ) (นำผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย) 1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยท่ี 2 (ไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนสอบหลังเรียน) 2. แบบสังเกตการทำงานกลุ่มและนำเสนอ เกณฑ์ผา่ น 60% ผลงานกล่มุ 3. แบบฝกึ หัดหนว่ ยท่ี 2 เกณฑ์ผา่ น 50% 4. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test)หนว่ ยที่ 2 เกณฑผ์ า่ น 50% 5. แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม ตามสภาพ เกณฑ์ผา่ น 60% จริง รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ • จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 1 อธบิ ายค่าแรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของคลืน่ ไซน์ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอื่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายคา่ แรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าของคลืน่ ไซน์ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 ฝึกแก้เสน้ ขนานและเส้นต้งั ฉากได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครือ่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ฝกึ แก้เส้นขนานและเส้นตงั้ ฉากได้ ได้ จะได้ 2 คะแนน • จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 ทดลองหาค่าเฉล่ยี คลืน่ ไซน์ได้ 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ทดลองหาค่าเฉล่ยี คลื่นไซน์ได้ จะได้ 1 คะแนน • จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 4 ฝึกหาค่าอาร์เอ็มเอสคลนื่ ไซน์ ได้ 1. วิธกี ารประเมิน : ทดสอบ 2. เครือ่ งมอื : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ฝึกหาค่าอารเ์ อ็มเอสคลนื่ ไซน์ ได้ จะได้ 2 คะแนน
28 • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 5 ช้แี จงลักษณะของฟอร์มแฟกเตอร์ได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ชแี้ จงลักษณะของฟอรม์ แฟกเตอร์ได้ จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 6 สรปุ รปู คลน่ื ไซน์ ไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม 1. วธิ กี ารประเมนิ : ทดสอบ 2. เครอ่ื งมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : สรุป รูปคล่ืนไซน์ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะได้ 2 คะแนน
29 แบบฝกึ หัดบทที่ 2 ตอนที่ 1 เขียนเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในขอ้ ท่ถี กู ต้องทส่ี ดุ 1. ทิศทางการเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำกับเส้นแรงแม่เหล็กทำมุมเท่าไร จะได้แรงดันไฟสลับ เกิดขึน้ สูงสุด ก. 0 องศา ข. 90 องศา ค. 180 องศา ง. 360 องศา 2. สมการ e = Emsinq เปน็ สมการแสดงถงึ คา่ อะไร ก. แรงดันไฟสลบั คลน่ื ไซนช์ ั่วขณะ ข. แรงดนั ไฟสลับคล่ืนไซนท์ ่ี 1 รอบ ค. แรงดนั ไฟสลับคลื่นไซน์ที่คา่ ตำ่ สดุ ง. แรงดันไฟสลบั คล่นื ไซน์ท่คี า่ สงู สุด 3. สัญญาณไฟสลับมีค่า e = 110 sin 240o แรงดนั ไฟสลบั สูงสุดมีค่าเท่าไร ก. 220 V ข. 190.52 V ค. 110 V ง. 95.26 V 4. จากสญั ญาณไฟสลับในขอ้ 3 แรงดนั ไฟสลับท่มี มุ 240o มีค่าเท่าไร ก. -220 V ข. -190.52 V ค. -110 V ง. -95.26 V 5. กระแสไฟสลับมคี ่า i = 220 sin(942.48t) ความถไ่ี ฟสลับมคี ่าเท่าไร ก. 50 Hz ข. 100 Hz ค. 150 Hz ง. 200 Hz 6. คา่ กระแสไฟสลบั ในข้อ 5 ที่เวลา 3 ms มมี ุมกระแสไฟสลับเทา่ ไร ก. 110 องศา ข. 162 องศา ค. 245.45 องศา ง. 314.16 องศา 7. จากขอ้ 5 และข้อ 6 กระแสไฟสลับที่เกดิ ขึ้นมคี ่าเท่าไร ก. 67.98 A ข. 206.73 A ค. -157.83 A ง. -200.11 A 8. จากรูปคลืน่ ไซน์ท่ีกำหนดให้ คาบเวลา (T) มคี า่ เท่าไร ก. 2 ms ข. 4 ms ค. 6 ms ง. 8 ms
30 9. จากขอ้ 8 ความถ่ขี องรูปคล่นื ไซนม์ ีคา่ เท่าไร ก. 125 Hz ข. 166.67 Hz ค. 250 Hz ง. 500 Hz 10. จากข้อ 8 ความเรว็ เชิงมมุ (w) ทเ่ี วลา 8 ms มคี า่ เท่าไร ก. 314.16 rad/s ข. 628.32 rad/s ค. 785.4 rad/s ง. 942.48 rad/s ตอนที่ 2 อธบิ ายให้ได้ใจความสมบรู ณ์และแสดงวธิ ที ำใหส้ มบูรณถ์ ูกต้อง 1. แรงดนั ไฟสลับคลนื่ ไซน์ มีคา่ แรงดันสงู สดุ 180 V มคี วามถี่ 120 Hz เกดิ แรงดันไฟสลับคล่ืนไซน์ ช่วั ขณะมีความเรว็ เชิงมมุ 754 rad/s ทเ่ี วลา 4 ms ตอ้ งการหาค่ามุม (q) วัดเป็นเรเดยี น(rad) และ องศา (o) 2. กระแสไฟสลับคลื่นไซน์ชั่วขณะมีค่า i = 24 sin(1570.8t) A จงหาค่า (ก) กระแสไฟสลับคลื่น ไซนค์ า่ สูงสดุ (ข) กระแสไฟสลับคล่ืนไซนช์ วั่ ขณะทเี่ วลา 50 ms (ค) ความถ่ีไฟสลับท่ใี ช้ 3. แรงดันไฟสลับคลื่นไซน์ มีค่าแรงดันสูงสุด 537 V ต้องการวัดแรงดันไฟสลับที่เกิดขึ้นในขดลวด ตัวนำ เคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นแรงแม่เหล็กที่มุม 25 องศา, 150 องศา, 200 องศา, 280 องศา และ 325 องศา จงหาคา่ แรงดนั ไฟสลบั คลื่นไซน์ช่ัวขณะเหลา่ นี้ 4. แรงดันไฟสลับคลื่นไซน์แสดงดังรูป วัดแรงดันสูงสุดได้ 250 V จงหาค่า (ก) ค่าแรงดัน RMS(ข) คา่ แรงดนั เฉล่ีย (ค) คา่ แรงดนั ไฟสลบั ชั่วขณะทขี่ ดลวดตวั นำตัดผา่ นเสน้ แรงแมเ่ หล็กทำมุม 110 องศา และ 320 องศา
31 แบบประเมนิ ผลการนำเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ชั้น………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชกิ 1……………………………………เลขท…่ี …. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…ี่ …. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเหน็ 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลมุ ชดั เจน (ความรเู้ กยี่ วกับเน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏภิ าณในการตอบ และการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนำเสนอ 3 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่ 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กริ ิยา ท่าทางในการพูด นำ้ เสยี ง ซ่งึ ทำใหผ้ ฟู้ งั มคี วามสนใจ รวม ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจนถกู ต้อง 3 คะแนน = มสี าระสำคัญครบถ้วนถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสำคญั ไม่ครบถ้วน แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสำคัญไมถ่ ูกต้อง ไม่ตรงตามจดุ ประสงค์ 2. รปู แบบการนำเสนอ 3 คะแนน = มีรปู แบบการนำเสนอท่เี หมาะสม มีการใชเ้ ทคนคิ ที่แปลกใหม่ ใชส้ อื่ และเทคโนโลยี ประกอบการ นำเสนอทีน่ ่าสนใจ นำวสั ดใุ นท้องถิ่นมาประยุกต์ใชอ้ ย่าง ค้มุ คา่ และประหยดั 2 คะแนน = มเี ทคนคิ การนำเสนอทแ่ี ปลกใหม่ ใชส้ อ่ื และเทคโนโลยปี ระกอบการ นำเสนอทนี่ า่ สน ใจ แตข่ าดการประยุกต์ใช้ วสั ดุในทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนำเสนอไมเ่ หมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุม่ 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกล่มุ 2 คะแนน = สมาชกิ สว่ นใหญ่มบี ทบาทและมีส่วนร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมสี ว่ นรว่ มกิจกรรมกลุ่ม
32 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟงั มากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมอื 1 คะแนน = ผู้ฟงั นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามรว่ มมือ
33 แบบประเมินกระบวนการทำงาน ช่อื กลุ่ม……………………………………………ช้ัน………………………หอ้ ง........................... รายชอ่ื สมาชกิ 2……………………………………เลขท…่ี …. 4……………………………………เลขท…่ี …. 1……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ข้อคิดเห็น 321 1 การกำหนดเป้าหมายรว่ มกัน 2 การแบ่งหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียม ความพร้อม 3 การปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรงุ งาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันท่ี…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนมีส่วนรว่ มในการกำหนดเป้าหมายการทำงานอย่างชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ สี ว่ นรว่ มในการกำหนดเปา้ หมายในการทำงาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมสี ว่ นรว่ มในการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 2. การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานได้ทว่ั ถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชกิ ทกุ คนมาการ จดั เตรยี มสถานที่ สื่อ / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสอ่ื / อปุ กรณ์ไว้ อย่างพรอ้ มเพรียง แต่ขาดการจดั เตรยี มสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ ถึงและมสี อื่ / อปุ กรณ์ไมเ่ พียงพอ 3. การปฏบิ ัติหน้าท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย 3 คะแนน = ทำงานไดส้ ำเร็จตามเปา้ หมาย และตามเวลาที่กำหนด 2 คะแนน = ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กว่าเวลาทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ทำงานไมส่ ำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
34 4. การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนร่วมปรกึ ษาหารือ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรงุ งาน เปน็ ระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นมสี ่วนร่วมปรกึ ษาหารือ แต่ไมป่ รบั ปรงุ งาน 1 คะแนน = สมาชกิ บางสว่ นไมม่ สี ว่ นร่วมปรึกษาหารือ และปรบั ปรุงงาน
35 บันทกึ หลังการสอน บทที่ 2 รปู คล่นื ไซน์ ผลการใชแ้ ผนการสอน 1. เนอ้ื หาสอดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกับเน้อื หาและเวลาท่กี ำหนด 3. สือ่ การสอนเหมาะสมดี ผลการเรยี นของนักเรยี น 1. นักศึกษาส่วนใหญ่มีความเข้าใจในบทเรียน อภิปรายตอบคำถามในกลุ่ม และร่วมกัน ปฏบิ ัตงิ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรบั ผดิ ชอบในการทำงานกลุ่มเพื่อให้งานสำเร็จทันเวลาที่ กำหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเนือ้ หาได้ครบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวิธีการสอนครอบคลุมเนื้อหาการสอนทำให้ผสู้ อนสอนได้อยา่ งม่นั ใจ 3. สอนทนั ตามเวลาที่กำหนด ปญั หา แนวทางแกไ้ ข และข้อเสนอแนะ พยายามถามคำถามเพอ่ื กระต้นุ ให้นักเรยี นต้งั ใจเรยี นเสมอ ลงช่อื ………………………………………… (นางสาวเพญ็ นภา สุขยอ้ ย) ครูผูส้ อน
36
36 แผนการสอน/แผนการเรยี นรภู้ าคทฤษฏี แผนการจัดการเรยี นรู้ บทที่ 3 ชื่อวชิ า วงจรไฟฟ้ากระแสสลบั สอนสปั ดาหท์ ี่ 3 ชือ่ หน่วย เวกเตอรแ์ ละเฟสเซอร์ คาบรวม 12 ชอ่ื เรอื่ ง เวกเตอร์และเฟสเซอร์ จำนวนคาบ 4 หวั ข้อเรอื่ ง 1. เวกเตอร์ 2. เฟสสญั ญาณ 3. เฟสเซอร์ 4. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างรูปคล่ืนไซน์และรูปคล่ืนโคไซน์ 5. บทสรปุ สาระสำคญั เวกเตอร์ คอื สัญลกั ษณเ์ ขยี นในรูปหวั ลูกศรและความยาว ใช้เขียนแทนปริมาณไฟฟ้าค่า ตา่ งๆ โดยมีหัวลกู ศรเวกเตอร์ทช่ี ้ีไป แสดงทศิ ทางที่เกิดปริมาณไฟฟ้า ขนาดความยาวเวกเตอร์แทน ค่าขนาด หรือกำลังของปริมาณไฟฟ้า ทิศทางการหมุนเคลื่อนที่ของเวกเตอร์ หมุนในทิศทางทวน เข็มนาฬกิ ารอบตัวเอง หมุนเคลอื่ นทคี่ รบ 1 รอบ เปน็ มมุ 360 องศา สมรรถนะอาชีพประจำหน่วย - บอกลักษณะโครงสร้างของเวกเตอร์ อยา่ งถูกต้องครบถว้ น - เขยี นสมการคา่ ชว่ั ขณะของเฟสสัญญาณ และสมการเฟสเซอร์ อยา่ งถกู ต้อง - แก้ปญั หาสมการทางไฟฟา้ อย่างมเี หตุผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จุดประสงคก์ ารสอน/การเรียนรู้ • จดุ ประสงค์ทั่วไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. เพื่อให้มีความรเู้ กยี่ วกับลกั ษณะโครงสรา้ งของแว็กเตอร์ (ดา้ นความรู้) 2. เพ่อื ให้มที ักษะในการเขียนเฟสเซอร์ได้ (ดา้ นทักษะ) 3. เพ่อื ให้มีเจตคติที่ดใี นการจำแนกความสมั พันธร์ ะหว่างรูปคลนื่ ไซนแ์ ละรปู คลน่ื โคไซน์ (ด้านจิตพิสัย) 4. เพอื่ สรุปเวกเตอร์ และเฟสเซอร์ ได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม (ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง) • จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. บอกลักษณะโครงสรา้ งของเวกเตอร์ได้ (ดา้ นความร้)ู 2. อธบิ ายความแตกต่างของเฟสสัญญาณได้ (ดา้ นความรู้) 3. เขียนเฟสเซอรไ์ ด้ (ด้านทักษะ) 4. จำแนกความสัมพนั ธร์ ะหว่างรูปคลืน่ ไซนแ์ ละรูปคลื่นโคไซนไ์ ด้ (ดา้ นจิตพิสยั )
37 5. สรปุ เวกเตอร์ และเฟสเซอร์ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม (ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/ บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง) เน้อื หาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 3.1 เวกเตอร์ ปริมาณไฟฟ้ากระแสสลับเป็นปริมาณไฟฟ้าที่มีทั้งขนาดและทิศทาง เกิดขึ้นมีมากมาย หลายค่า เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งขนาดและทิศทาง การเขียนแสดงค่าปริมาณไฟฟ้า ดว้ ยรูปสญั ญาณจรงิ เพ่อื ทำการวเิ คราะห์หรอื ทำความเขา้ ใจ จะเกดิ ความยุ่งยากมาก การแก้ปญั หา ดังกล่าวสามารถทำได้ด้วยการเขียนแทนค่าปริมาณไฟฟ้าด้วยเวกเตอร์ (Vector)เวกเตอร์ คือ สัญลักษณ์เขียนในรูปหัวลูกศรและความยาว ใช้เขียนแทนปริมาณไฟฟ้าค่าต่างๆ โดยมีหัวลูกศร เวกเตอร์ที่ชี้ไป แสดงทิศทางที่เกิดปริมาณไฟฟ้า ขนาดความยาวเวกเตอร์แทนค่าขนาด หรือกำลัง ของปริมาณไฟฟา้ ลกั ษณะเวกเตอร์ 3.2 เฟสสัญญาณ การเกิดสญั ญาณไฟสลบั มากกว่าหนงึ่ สัญญาณ มีมมุ หรอื เวลาท่ีแตกตา่ งกนั เกิดขนึ้ บนแกน เดียวกัน มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า เฟส (Phase) เรียกมุมที่ แตกต่างกันว่า มุมเฟส (Phase Angle) สญั ญาณไฟสลับทมี่ เี ฟสต่างกนั 3.2.1 เฟสร่วมกัน เฟสร่วมกัน (Inphase) คือ การเกดิ ขึ้นพร้อมกนั ของสญั ญาณไฟสลบั มากกว่าหนงึ่ สัญญาณ เกิดการซ้อนทับกันพอดี มีทิศทางการเกิดคลื่นเหมือนกัน แต่จะมีความแรงเท่ากันหรือไม่ก็ได้ สัญญาณไฟสลับท้ังหมดเกิดขึ้นมีมุมเฟสต่างกัน 0องศา หรือ 0 rad เกิดขึ้นที่เวลาเดียวกนั ลักษณะ สญั ญาณไฟสลบั มีเฟสเหมือนกัน 3.2.3 เฟสเลอ่ื น เฟสเลื่อน (Shift Phase) คือ การเกิดขึ้นไม่พร้อมกันของสัญญาณไฟสลับมากกว่าหนึ่ง สัญญาณ มีทิศทางการเกิดคลื่นเหมือนกัน แต่เกิดขึ้นในเวลาต่างกัน จะมีความแรงเท่ากันหรือไม่ก็ ได้ สัญญาณไฟสลับทั้งหมดเกิดขึ้นมีมุมเฟสต่างกันมากกว่า 0องศา หรือ 0 rad แต่น้อยกว่า180 องศา หรือ p rad เกดิ ข้ึนทีเ่ วลาตา่ งกนั ลักษณะสัญญาณไฟสลบั มเี ฟสเลื่อน 3.3 เฟสเซอร์ เฟสเซอร์ (Phasor) เป็นการใช้เวกเตอร์เขียนแทนสัญญาณไฟสลับ ที่มีขนาดคงที่และ ความเร็วเชิงมมุ คงที่ เส้นตรงและหวั ลูกศรหนงึ่ เสน้ แทนปรมิ าณไฟฟา้ หน่ึงสัญญาณ เสน้ ตรงแต่ละ เสน้ จะถกู เขยี นจากจดุ ๆหนง่ึ มา ถอื เป็นจดุ เริ่มต้น ความยาวของเสน้ ตรงแตล่ ะเสน้ เป็นปฏภิ าคโดย ตรงกบั ขนาดความแรงของปริมาณไฟฟ้า เฟสเซอร์บอกคา่ ปริมาณไฟฟา้ ไวใ้ นรูปค่า RMSการเขียนเฟสเซอร์ไดอะแกรม (Phasor Diagram) เฟสเซอร์ของสัญญาณไฟสลับที่ ถูกกำหนดเป็นปริมาณอ้างอิง โดยปกติเขยี นอยูใ่ นแกนแนวนอน มีทิศทางหัวลูกศรช้ีไปทางขวามือ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272