Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความสุขของการทำอิบาดะฮ

ความสุขของการทำอิบาดะฮ

Published by Ismail Rao, 2020-06-26 07:36:11

Description: ความสุขกับการทำอิบาดะฮฺ์ และการเตรียมตัวสู่เดือนเราะมะฎอน
โดย อบูมุฮัมมัด อัลมุอฺตัซซุบิลลาฮฺ
ริฎอ บินอะหฺมัด สมะดี
คำนิยมโดย ชัยคฺอบูอิสหาก อัลหุวัยนี
ชัยคฺมุฮัมมัด หุสัยน์ ยะอฺกูบ
แปลโดย อบูอิบานะฮฺ ฟิตยะตุลฮัก

Search

Read the Text Version

แลวทานก็กลาวตอวา “และเชนนี้เองคือการไดลิ้มรส ความหอมหวานขณะท่ีเขาเฝาตอพระผูอภิบาล การไดผูกพันกับ พระองค และไดใกลชิดกับพระองค กระท่ังเขาจะมีความรูสึก ประหนึง่ วาพระองคกาํ ลงั โตตอบและสนทนากับเขาอยู โดยทีเ่ ขา จะขออภัยโทษจากพระองค ออนวอนตอพระองค และยกยอง สดุดีตอพระองคสลับหมุนเวียนไป กระทั่งหัวใจของเขาจะอยกู ับ การกลาววา “พระองคน้ันคืออัลลอฮฺ ผูซ่ึงไมมีพระเจาอ่ืนใด นอกจากพระองค” โดยไมมีการเสแสรงแตอยางใด ย่ิงกวานั้น เขาจะคงอยใู นสภาพและสถานะเชน น้นั ดงั ที่ทานนบี ศ็อลลลั ลอ ฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลัม ไดก ลาววา ‫ا ْ ِﻹ ْﺣ َﺴﺎ ِن أَ ْن َ� ْﻌ ُﺒ َﺪ ا َﷲ َﻛﺄَﻧَّ َﻚ ﺗَ َﺮا ُه‬ ความวา “อัล-อิหฺสานคือการท่ีทานทําอบิ าดะฮฺตออัลลอฮฺเสมอื น วาทา นเห็นพระองค” (บนั ทึกโดยอลั -บุคอรแี ละมสุ ลิม) และเชนนีเ้ องคอื การสนทนาและการเขา เฝาพระองคของ เขา ประหน่ึงวาเขาอยูเบื้องหนาพระผูอภิบาล ซ่ึงมันทําใหจิตใจ และหัวใจของเขามสี มาธแิ ละสงบนิ่ง โดยสงผลใหเ ขาสามารถขอ ดุอาอและวิงวอนขอเพ่ิมมากข้ึน ซ่ึงเขาจะมีความนอบนอมถอม ตนตออัลลอฮฺ ผูท่ีไมตองพ่ึงสิ่งใดจากสิ่งถูกสรางท้ังหลาย ผูทรง บริสุทธิ์ยิ่ง และจะแสดงถึงความออนแอของการเปนบาวเบื้อง หนา ผเู ปน พระผอู ภบิ าลที่ย่งิ ใหญ ซงึ่ อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอา 100

ลา ชอบทจ่ี ะใหบ า วของพระองคว อนขอและมีความปรารถนาตอ พระองค เพราะการท่ีคุณงามความดีตางๆ ของพระองคจะ ประสบกับเขาไดนั้นมันข้ึนอยูกับการที่เขาไดวอนขอตอพระองค อยางไรก็ตามพระองคสามารถที่จะประทานความโปรดปราน ตางๆ แกเขา โดยที่ไมตองทําสาเหตุ (ใหไดรับความโปรดปราน น้ัน) และไมจําเปนตองผูกมัดกับการวอนขอแตอยางใด แต พระองคสามารถประทานความโปรดปรานตา งๆ ไดโดยทบ่ี าวไม ตองทําสาเหตุใดๆ หลังจากน้ันพระองคก็ใชใหบาววอนขอและ ออนวอนตอพระองคเพื่อแสดงถึงสถานะความเปนบาวที่มีความ ตอ งการ มคี วามปรารถนา และยอมรับในความยิง่ ใหญข องพระผู ทรงอภิบาล ซ่ึงพระผูอภิบาลไมตองพึ่งพาสง่ิ ใดทั้งส้ิน และความ โปรดปรานและความดีงามทัง้ หลายกเ็ ปน กรรมสทิ ธ์ขิ องพระองค เพียงหน่ึงเดียว แตสําหรบั บา วนั้นมีความจําเปนตอ งพึง่ พาความ โปรดปรานของพระองคในทุกการกะพริบตา ดังน้ันการวอนขอ ความตองการตอผูทรงรูดีย่ิงวาเขาคนน้ันไมสมควรที่จะวอนขอ ความตองการจากพระองคใดๆ เลย แตพระผูอภบิ าล ผูทรงสูงสง ก็ยังชอบท่ีจะใหเขาวอนขอและมีความปรารถนาตอพระองค” แลวทานก็กลาวอีกวา “เมื่อบาวคนใดมีความนอบนอมถอมตนท่ี สมบูรณแลว เขาก็จะรูโดยปริยายวาความโปรดปรานของพระผู อภิบาลของเขาน้ันมมี ากอนท่ีจะมกี ารสรา งสรรพสิง่ ตา งๆ เสยี อกี พรอมๆ กับการรับรูวาอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ทรงเปน 101

พระผูอภิบาลของเขาและตัวเขาเองก็ยังมีความบกพรองอยู แตอัลลอฮฺ ตะอาลา ก็ไมทรงปดก้ันความรูของพระองคแกบา วที่ มีความบกพรอง ในการสํานึกตอความโปรดปรานและความดี งามตางๆ ของพระองค ดังน้นั เมอ่ื บาวไดร บั รูเชน น้แี ลว เขากย็ ิ่งมี ความปล้ืมปติตอพระผูอภิบาลของเขา รวมถึงความโปรดปราน และความดีงามตางๆ ของพระองคมากย่ิงขึ้น และน่ีคือความ ปล้มื ปตทิ ีถ่ กู ยกยองไมใ ชถ กู ตาํ หนิแตอยา งใด ซึ่งอลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด าํ รัสในเร่อื งนวี้ า ﴾ ٥٨ ‫ ِّم َّما َ ۡ� َم ُعو َن‬ٞ�ۡ ‫﴿ ُق ۡل بِ َف ۡض ِل ٱ َّ�ِ َو�ِ َر ۡ َ�تِهِۦ َفبِ َ�ٰلِ َك َف ۡل َي ۡف َر ُحواْ ُه َو َخ‬ [٥٨ : ‫]ﻳﻮ�ﺲ‬ ความวา “จงกลาวเถิด (มุฮัมมัด) ดวยความโปรดปราน ของอัลลอฮฺ และดว ยความเมตตาของพระองค ดังกลาวนน้ั พวก เขาจงดีใจเถิด ซึ่งมันดียิ่งกวาสิ่งที่พวกเขาสะสมไว” (สูเราะฮฺ ยนู สุ อายะฮฺที่ 58) (ดูในอตั -ตะฮซฺ ีบ หนา 2/872) และน่ีคือคํากลาวที่มีความซาบซ้ึงอยางยิ่ง ซ่ึงอาจตองทํา ความเขา ใจใหบอยๆ รวมถงึ การทอ งไปกับเนื้อหาที่ไดเรยี บเรยี งไว อยางไรก็ตาม เราไมไดปลอยใหทานอยูกับเน้ือหาที่เปน ทฤษฎีเพียงเทานน้ั แตเราจะนาํ ทานไปสูภาคปฏิบัตจิ ริงๆ ซ่ึงมันคอื เจตนารมณท่ีแทจริง และจะทําใหทานไดเห็นความลุมลึกของ ศาสตรแ หง จิตวิญญาณน้ี ซ่ึงเพยี งพอแลว ที่จะนาํ เสนอแกทานโอผ ทู ี่ 102

ต่ืนตัวในการทําอิบาดะฮฺตอพระองคตลอดเวลา ดวยกับตัวอยาง เพยี งหน่ึงเดียวจากตวั อยางท่ีมอี ยูเ ปน รอยเปนพัน และนี่คือตัวอยางการฏออะฮฺที่ทุกคนตางปฏิบัติกัน ซ่ึงเรา จะไดเ ห็นวา ทําไมจงึ จําเปนท่ตี องปฏิบัติและดํารงมันไว 103

การซกิ ริ ฺตอ อัลลอฮฺ อซั ซะวะญัลละ ทานอัล-ฟยรูซ อาบาดี ไดกลาวในหนังสืออัล-เกาะมูสวา “อัซ-ซกิ รฺ คอื การจดจําส่ิงหนง่ึ ” หรือการไมล มื เลือนและยังคงจดจาํ มนั ได ดว ยเหตนุ ี้ การซกิ ริ ฺคอื การจดจาํ การรําลึก และการทําใหม ี ความรูสกึ อะไรบางอยางออกมา สวนการใชคาํ นี้ในแงของศาสนาได หมายถึง การใชลิ้นยกยองสรรเสริญอัลลอฮฺ และวอนขอการอภัย โทษจากพระองคจนมันเปนไปตามเจตนารมณของศาสนา ไมใช เปนไปตามหนาที่โดยท่ัวไปของลิ้น จนการใชคําวาซิกิรฺจะเปนไป อยางอ่ืนไมไดนอกจากตองเปนไปตามนัยของการขยับลิ้นดวยการ อานบทซิกิรตางๆ ย่ิงกวาน้ันยังมีตัวอยางความเลยเถดิ ของพวกศูฟ ที่สุดโตง ซ่ึงพวกเขาไมไดเขาใจในนัยของการซิกิรนฺ ี้นอกจากการได นั่งรวมวงเสียงดนตรีและเสยี งกลองเพียงเทา นั้น ซึ่งทุกส่ิงดงั ขางตน นนั้ ลวนสวนทางกับนัยโดยท่วั ไปของอลั กรุ อาน อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดํารัสวา ْ‫﴿ َوٱ َّ ِ�ي َن ِإ َذا َ� َعلُواْ َ�ٰ ِح َش ًة َأ ۡو َظلَ ُم ٓواْ َأن ُف َس ُه ۡم َذ َك ُرواْ ٱ َّ َ� َفٱ ۡس َت ۡغ َف ُروا‬ [١٣٥ :‫ ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان‬١٣٥ ‫ِ ُ�نُو�ِ ِه ۡم‬ ความวา “และบรรดาผูท่ีเม่ือพวกเขากระทําสิ่งช่ัวใดๆ หรือ อยุติธรรมแกตัวเองแลว พวกเขาก็รําลึกถึงอัลลอฮฺ แลวขออภัย 104

โทษในบรรดาความผิดของพวกเขา” (สูเราะฮฺอาล อิมรอน อา ยะฮฺที่ 135) ซ่ึงการรําลึกถึงอัลลอฮฺในท่ีนี้หมายถึง การรูสึกถึงความ สูงสงของพระองค และการปกปองเกียรติของพระองค รวมถึงการ สํานึกในความเกรยี งไกรและความนาเกรงขามของพระองค ซึ่งสง่ิ นี้ เองที่จะนําสูการอิสติฆฟาร (การขออภัยโทษตออัลลอฮ)ฺ ดวยเหตนุ ี้ เอง ถานัยของคําวา΅ⁿ�َ َّ ‫ َذ َك ُرواْ ٱ‬₧΅หมายถึงการขยับลิ้นดวยการ กลาวรําลึกถึงพระองคเพียงอยา งเดียว แนนอนวาตอ งมีสาํ นวนเนน ยํ้าเชนนี้ ⁿ‫΅΅ َذ َك ُرواْ ٱ َّ َ� َف َذ َك ُرو ُه‬-พวกเขาก็รําลึกถึงอัลลอฮฺ แลวพวก เขาก็รําลึกถึงพระองค” และคงจะไมกลาววา΅ⁿ �َ َّ ‫َذ َك ُرو ْا ٱ‬ ْ‫ َفٱ ۡس َت ۡغ َف ُروا‬-พวกเขากร็ ําลกึ ถงึ อลั ลอฮฺ แลวขออภยั โทษ” ซึง่ ขอสรปุ ในเร่ืองน้ีในทัศนะของเราคือ การซิกิรตออัลลอฮฺเปนคุณลักษณะที่ สําคัญของบรรดาผูยําเกรง (มุตตะกีน) ซึ่งพวกเขามีความรูสึกถึง ความเกรียงไกรของพระองค และรําลึกถึงความโปรดปรานของ พระองคท ีม่ ตี อพวกเขา และดว ยเหตุน้ันเองที่ทาํ ใหพวกเขาสํานกึ ใน ความผิดบาปที่พวกเขาไดกระทําไว ดังนั้นพวกเขาจึงขออภัยโทษ ตอ พระองค และขอใหพ ินจิ ใครครวญคาํ ดาํ รสั ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา นี้ ‫َ� ۡع َل ُمو َن‬ َ ‫ُكن ُت ۡم‬ ‫ٱ ِّ� ۡك ِر‬ ‫أَ ۡه َل‬ ْ‫فَ ۡ�لُ ٓوا‬ [٤٣ :‫]اﻟﻨﺤﻞ‬ ﴾ ٤٣ � ‫إِن‬ ﴿ 105

ความวา “ดังน้ัน พวกเจาจงถามบรรดาผูรู หากพวกเจาไมรู” (สู เราะฮอฺ นั -นะหลฺ  อายะฮทฺ ่ี 43) ซึง่ จะพบวาการซกิ ริ ฺในทนี่ ี้หมายถึงความรไู ดเ ชนกนั และถา ทานอานตามที่เราไดนําเสนอถึงนัยของการซกิ ิรฺในกอนหนานี้ ทาน ก็จะเขา ใจโดยแจม แจง ทนั ทวี า คําดาํ รัสของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทวี่ า [٤٣ :‫ ﴾ ]اﻟﻨﺤﻞ‬٤٣ ‫﴿ فَ ۡ�لُ ٓواْ أَ ۡه َل ٱ ِّ� ۡك ِر‬ ความวา “ดังน้ัน พวกเจาจงถามบรรดาผูรู” (สูเราะฮฺอัน-นะหฺล อายะฮฺที่ 43) คือบรรดากลุมคนทมี่ ีความยาํ เกรงตออลั ลอฮฺและนอบนอม ตอพระองค และมีความรูสึกในความสูงสงของพระองค ซึ่งพวกเขา ไมใชใครอ่ืนใดนอกจากบรรดาอุละมาอผูมีความรู เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา [٢٨ :‫ ﴾ ]ﻓﺎﻃﺮ‬٢٨ ْ‫﴿ إِ َّ� َما َ ۡ� َ� ٱ َّ َ� ِم ۡن ِع َبا ِدهِ ٱ ۡل ُعلَ َٰٓم ُۗؤا‬ ความวา “แทจริง บรรดาผูท่ีมีความรูจากปวงบาวของพระองค เทาน้ันทเี่ กรงกลัวอลั ลอฮ”ฺ (สเู ราะฮฟฺ าฏิร อายะฮทฺ ี่ 28) ใชแตเทา น้นั คําดาํ รสั ของอัลลอฮฺ ตะอาลา นี้ [٢ :‫ ﴾ ]اﻷﻧﻔﺎل‬٢ ‫﴿ ٱ َّ ِ�ي َن إِ َذا ُذكِ َر ٱ َّ ُ� َو ِج َل ۡت قُلُو ُ� ُه ۡم‬ 106

ความวา “คือผูทีเ่ มอื่ อลั ลอฮถฺ ูกกลา วข้ึนแลว หัวใจของพวกเขาก็ หวัน่ เกรง” (สเู ราะฮอฺ ลั -อันฟาล อายะฮทฺ ี่ 2) ยังเปนการบงช้ีในส่ิงท่ีเราไดนําเสนอไปกอนหนานี้ ซ่ึง สภาพของกลุมชนแหงอีมานนั้น (คือกลุมชนท่ีอายะฮฺอัลกุรอานได สาธยายถึงคุณลักษณะของพวกเขา) หัวใจของพวกเขาจะมีความ หวาดหวน่ั ทันทีเมือ่ เสีย้ วความนึกคดิ ของพวกเขาไดร ําลึกถงึ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ขณะที่ไดยินพระนามหรือคุณลักษณะหนึ่งของ พระองค หรือส่ิงใดก็ตามท่ีบงชี้ถึงเกียรติศักดิ์ของพระองค ซึ่งหาก ความหมายของอายะฮฺน้ีคือหัวใจของบรรดาผูศรัทธาจะมีความ หวาดหว่ันก็ตอเมื่อมีการกลาวทวนซิกิรและขยับลิ้นดวยการ สรรเสริญเยินยอตอพระองคอยางตอเน่ือง มันก็จะไมมีอะไรพิเศษ เพราะโดยปกติของคนทั่วไปนั้นพวกเขาจะมีความหว่ันเกรงเมื่อได กลาวทวนซิกิรฺอยางตอเน่ืองอยูแลว ดวยกับการที่หัวใจพรอมที่จะ ทําใหรสู กึ เชน นน้ั แตจะมีเพยี งไมก ่คี นทีห่ วั ใจจะมีปฏกิ ิรยิ าโดยทันที เพยี งแคเ สีย้ วความนึกคิดทีไ่ ดราํ ลกึ ถงึ อัลลอฮฺ เม่ือเปนเชน น้นั แลว เราจะรูโดยทนั ทีวาการซิกิรตออลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ น้ันเกิดข้ึนไดดวยการทําใหหัวใจมีความรูสึกใน ความสูงสงของพระองค ไมใชการขยับล้ินเพียงอยางเดียว เพราะ การขยับล้ินเพียงอยางเดียวในการซิกิรตออัลลอฮฺ โดยท่ีหัวใจไมมี 107

ปฏกิ ริ ยิ าใดๆ น้นั ไมไดเ ปน สิ่งทีอ่ ลั ลอฮผฺ ูทรงเกรียงไกร ผทู รงบริสทุ ธ์ิ ไดปรารถนา อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา ﴾ ٣٧ ‫﴿ َلن َ� َنا َل ٱ َّ َ� ُ ُ�و ُم َها َو َ� ِد َمآ ُؤ َها َو َ�ٰ ِ�ن َ� َنا ُ ُ� ٱ َّ� ۡق َو ٰى ِمن ُ� ۡۚم‬ [٣٧ : ‫]اﻟﺤﺞ‬ ความวา “เน้ือของมันและเลือดของมันจะไมถึงอัลลอฮฺแตอยาง ใด แตการยําเกรงของพวกเจาจะถึงพระองค” (สูเราะฮฺอัล-หจั ญ อายะฮฺท่ี 37) และทานนบี ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะสลั ลมั ไดก ลา ววา ‫َﺻ ْﺪ ِر ِه‬ َ �ُ ‫َو� ُ ِﺸ‬ ‫َﻫﺎ ُﻫ َﻨﺎ‬ ‫اﻟ َّﺘ ْﻘ َﻮى‬ ‫إِﻟﻰ‬ ความวา “ตักวา (ควายําเกรง) อยูตรงน้ี แลวทานนบีก็ไดชี้ไปยงั หนา อกของทา น” (บนั ทึกโดยมสุ ลิม) ‫ َ�ﻨْ ُﻈ ُﺮ ِإ َﻟﻰ‬แ‫ﻦ‬ลْ �ะِ ทา‫و َﻟ‬นَ น،‫ْﻢ‬บ�ُ ี ‫ِر‬ศ‫็ َﻮ‬อ‫ُﺻ‬ลล‫ﻰ‬ลั‫ِإ َﻟ‬ล‫ﻻ‬อَ ฮ‫ุ َو‬อ،ะ‫ ْﻢ‬ล�ُ ยั ฮ‫ิِد‬ว‫ﺎ‬ะ‫ َﺴ‬ส‫ั ْﺟ‬ล‫َأ‬ล‫ﻰ‬มั ‫ِإ َﻟ‬ได‫ﻈ ُﺮ‬ก ُ ลْ‫َ�ﻨ‬าว‫ﻻ‬อ‫� َْﻢ‬กี‫ َُﷲ‬วา‫ِإﻗُﻠَُّنﻮ�ِا‬ ความวา “แทจ ริงอัลลอฮจฺ ะไมมองพิจารณาไปยังรูปรา งของพวก ทาน และรูปลักษณของพวกทาน แตพระองคจะทรงมอง พิจารณาตรงท่ีหวั ใจของพวกทาน” (บันทกึ โดยมุสลิม) 108

เนื้อหาขางตนนีเ้ องทําใหเรารูว าบทบาทของล้ินในการซิกริ ฺ น้ันจําเปนท่ีหัวใจจะตองมีสวนรวมดวยการรูสึกถึงความสูงสง ของอัลลอฮฺ และมีความรูสึกในความนาเกรงขามและความเกรียง ไกรของพระองค แลวเทคนิคการลมิ้ รสความหอมหวานนม้ี อี ะไรบาง ?΅΅ 109

เทคนิคการล้ิมรสความหอมหวานของ การซิกริ ตฺ ออัลลอฮฺ 1. ตอ งรูเ จตนารมณข องการซิกริ ฺ คือ เปนการเชิดชูเกียรติของอัลลอฮฺ เปนการยําเกรงและ เกรงกลัวตอพระองค รวมถึงการรูสึกถึงความนาเกรงขามของ พระองค และพระองคทรงเดชานุภาพในสรรพส่ิงตางๆ อยาง แทจริง ซ่ึงการซกิ ิรตออัลลอฮฺตามเจตนารมณน ี้เองทีไ่ มค อยพบวามี ผูคนไดป ฏบิ ตั ิกันในทุกยุคทุกสมยั 2. ผูทซี่ ิกิรฺตอ งสาํ นึกในความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มอี ยู ท้ังนี้เพ่ือใหพวกเขาไดภาคภูมิใจที่ไดรําลึกถึงพระองคและ รูสึกเปนเกียรติท่ีถอยคําของการซิกิรตางๆ ไดผานจิตใจและสงผล ตอปฏิกิริยาของรางกาย รวมทั้งยังสามารถเปนอาภรณไวปองกัน การฝาฝนตอพระองคและปองกันการปฏิเสธในความโปรดปราน ตางๆ ทีพ่ ระองคทรงประทานมา 3. ตองสํานึกดวยความละอายใจอยูเสมอวาทุกคร้ังท่ีซิกิรฺ ตออลั ลอฮนฺ ้ันพระองคท รงอยเู คยี งขา งและมองดูอยู 110

ชาวสะลัฟบางทานจะไมยื่นขาทั้งสองออกขณะท่ีกําลงั ซิกริ ตออัลลอฮฺ ซึ่งอัลลอฮฺไดพรรณนาถึงคุณลักษณะของบรรดาผู ศรทั ธาไวว า [٢ :‫ ﴾ ]اﻷﻧﻔﺎل‬٢ ‫﴿ إِ َذا ُذكِ َر ٱ َّ ُ� َو ِجلَ ۡت ُقلُو ُ� ُه ۡم‬ ความวา “เมื่ออัลลอฮฺถูกกลาวขึ้นแลว หัวใจของพวกเขาก็หว่ัน เกรง” (สูเราะฮอฺ ลั -อันฟาล อายะฮทฺ ่ี 2) กลาวคือ “หัวใจของพวกเขามีความหวาดหว่ันเนื่องจาก เกรงกลัวตออัลลอฮฺ” ทานอบูหัยยานไดกลาวในหนังสือตัฟสีรของ ทา นวา “ทานอบิ นมุ สั อดู อานอายะฮฺนีด้ ว ยสาํ นวนวา΅“‫΅” َﻓ ِﺮﻗَ ْﺖ‬สว น ทานอบุ ยั ไดอ า นอายะฮฺนี้ดว ยสํานวนวา ΅“‫”ﻓَ ِﺰ َﻏ ْﺖ‬ 4. ใหร ูสกึ และเขา ถงึ นยั ของหะดษี ท่วี า ‫َﻣﺎ‬ ‫َ�ﺒْ ِﺪي‬ ‫َﻣ َﻊ‬ ‫»أَﻧَﺎ‬ «‫َذ َﻛ َﺮ ِ� َوﺗَ َﺤ َّﺮ َﻛ ْﺖ ِﺑﻲ َﺷ َﻔ َﺘﺎ ُه‬ ความวา “ฉันไดอยูเคียงขางบาวของฉันในขณะท่ีเขาไดรําลึกถึง ฉันและขยับริมฝปากของเขาดวยการรําลึกถึงฉัน” (บันทึก โดยอัล-บุคอรี มอุ ัลลกั , อะหฺมดั และอบิ นมุ าญะฮ)ฺ และอยาใหความเนาเหม็นของแนวคิดปรัชญา (ฟะลา สะฟะฮฺ), แนวคิดเทววิทยา (มุตะกัลลิมีน), แนวคิดปฏิเสธวามีพระ 111

เจา (มุอฺฏิละฮฺ), แนวคิดญะฮฺมียะฮฺ (แนวคิดท่ีไดใหบทสรุป เกี่ยวกับอะกีดะฮคฺ ือความรเู พียงอยางเดยี ว เม่ือรูวามีอัลลอฮฺแลวก็ เรยี กวาผศู รัทธาได ดังน้นั พวกเขาจงึ เชอื่ วา อบิ ลีสและฟรเอานฺไมถือ เปนกาฟร เพราะพวกมันรูแลววามีอัลลอฮฺ) ปดกั้นระหวางตัวทาน กับความสวยงามของนัยนี้และความสูงสงของพระองคได ดังนั้นจง เสริมสรา งความเขาใจของทา นในเรือ่ งรบุ บู ียะฮฺ (การบรหิ ารจดั การ สรรพสิ่งตางๆ ของอัลลอฮฺ) ดวยการยืนยันตอมันและขจัดส่ิงท่ีไม คูควรออกไป ดังน้ันจงยึดม่ันตอหลักฐานตางๆ เฉกเชนที่บรรดาชา วสะลัฟไดปฏิบัติเปนแบบอยางไวดวยการรับประโยชนจากความ จาํ เริญของหลักฐานตา งๆ ทม่ี ีอยู และพึงรูเ ถดิ วา การชวยเหลอื สนับสนุนจากอลั ลอฮฺนั้นจะมี เทากับความยําเกรงและความอดทนของทา น และการทําใหหวั ใจมี สมาธินั้นก็เทาท่ีทานสามารถใหความนึกคิดรวมอยูในการซิกิรไป ดว ย อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด าํ รสั วา ‫﴿ َب َ ٰٓ�ۚ ِإن َت ۡص ِ ُ�واْ َو َ� َّت ُقواْ َو َ� ۡ� ُتو ُ�م ِّمن َف ۡو ِر ِه ۡم َ ٰ� َذا ُ� ۡم ِد ۡد ُ� ۡم َر ُّ� ُ�م‬ [١٢٥ :‫ ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان‬١٢٥ �َ ‫ِ َ� ۡم َسةِ َءا َ�ٰ ٖف ِّم َن ٱلۡ َملَٰٓ�ِ َك ِة ُم َس ّوِ ِم‬ ความวา “เพียงพอแนนอน หากพวกเจาอดทนและยําเกรง และ พวกเขาจะมายงั พวกเจา ทันทที ันใดขณะน้ี แลวพระเจา ของพวก 112

เจาก็จะหนุนกําลังแกพวกเจาอีก ดวยจํานวนมะลาอิกะฮฺหาพัน โดยมเี ครอื่ งหมาย” (สเู ราะฮฺอาล อมิ รอน อายะฮทฺ ี่ 125) 5. ไมส ิน้ หวงั ในความลา ชา ของการลม้ิ รสความหอมหวานน้ี ผูใดที่พยายามขวนขวายความหอมหวานนี้ก็ใกลแลวท่ีเขา จะไดร บั อนญุ าตใหล ิ้มรสความหอมหวานของมัน และการหมัน่ วอน ขอและเฝาคอย รวมถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนของมันดวยความ สํานึกและมีความละอายก็เปนสัญญาณท่ีจะบรรลุผลและไดร ับการ ตอบรับ เรามาพนิ จิ ใครครวญคาํ ดาํ รัสของอลั ลอฮฺ ตะอาลา นกี้ ัน ‫َ﴿و َوَضَا َ َق� ۡٱت َّ� ََ�ٰع َثلَ ۡيِة ِهٱ َّۡم ِ� َأين َُنف ُس ُخُه ّلِ ۡمُفوَاوْ َظ َُّنح ٓوَّاْ ٰٓ� َأإِنَذا َّ� َض َام َقۡل َۡجتأَ َعِم َل َ ۡين ِهٱ ُم َّٱ ِ�ۡ َ�ِإ�َّ ٓ�ُ ِإض َ ۡ�بِهَِما ُ� ََّرم ُحَت َاب َۡبت‬ [١١ ٨ : ‫﴾ ]اﻟﺘﻮ�ﺔ‬١١٨ ْ‫َعلَ ۡي ِه ۡم ِ َ� ُتو ُ� ۚٓوا‬ ความวา “และอัลลอฮฺทรงอภัยโทษใหแ กชายสามคน (คือ กะอฺบ บินมาลิก, มุรอเราะฮฺ บินอัรเราะบีอฺ, และฮิลาล บินอุมัยยะฮฺ) ที่ ไมไดออกไปสงคราม จนกระทั่งแผนดินไดคับแคบแกพวกเขา ทั้งๆ ที่มันกวางใหญไพศาล และตัวของพวกเขาก็รูสึกอึดอัดไป ดวย แลวพวกเขาก็คาดคิดกันวาไมมีท่ีพ่ึงอ่ืนใดเพ่ือใหพน จากอลั ลอฮไฺ ปได นอกจากการกลับไปหาพระองค แลวพระองคก ็ 113

ทรงอภัยโทษใหพนจากอัลลอฮฺไปได เพ่ือพวกเขาจะไดกลับเนื้อ กลบั ตวั สํานกึ ผดิ ตอ พระองค” (สูเราะฮอฺ ัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺท่ี 118) ซึ่งจะพบวาผูท่ีไมไดออกไปรวมทําสงครามน้ัน ถูกทดสอบ เพ่อื ใหเ กดิ ส่ิงนี้ [١٤١ :‫ ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان‬١٤١ ‫﴿ َو ِ�ُ َم ِّح َص ٱ َّ ُ� ٱ َّ ِ�ي َن َءا َم ُنواْ َو َ� ۡم َح َق ٱ ۡل َ�ٰ ِفرِ� َن‬ ความวา “เพื่อที่อัลลอฮจฺ ะทรงขัดเกลาบรรดาผศู รทั ธาใหบรสิ ทุ ธ์ิ และทรงขจัดบรรดาผูปฏิเสธศรัทธาใหหมดไป” (สูเราะฮฺอาล อิ มรอน อายะฮฺที่ 141) 6. ทานอิบนุลก็อยยิม ไดกลาวไว ในหนังสือ “อัล-ฟะวาอดิ ” วา “ผูซิกิรฺบางคนจะเริ่มซิกิรฺดวยล้ิน ถึงแมวาหัวใจของเขา จะอยูในสภาพที่ไมพรอม (หัวใจไมไดอยูกับเน้ือกับตวั ) หลังจาก น้ันเขาก็พยายามซิกิรฺไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหัวใจของเขาพรอม และไดซ กิ ริ ฺไปดว ยกัน แตบ างคนไมเห็นดวยท่จี ะทําเชนน้ันซึง่ เขา จะไมเริ่มซิกิรฺในสภาพที่หัวใจไมพรอม ทวาเขาจะหยุดนิ่งสักชั่ว ครูจนกวาหัวใจจะพรอม (ซึ่งเม่ือพรอมแลว) เขาก็จะซิกิรฺดวย หวั ใจน้ัน ซึง่ เม่ือหัวใจไดขะมกั เขมนในการซิกริ ฺแลว ลน้ิ ของเขาก็ จะตามซิกริ ไฺ ปดว ย จนกระท่ังมันไดซกิ ิรฺไปดว ยกัน สาํ หรบั วิธแี รก 114

คือการซิกิรฺจากล้ินไปสูหัวใจ สวนวิธีท่ีสองคือการซิกิรจากหัวใจ ไปสูลนิ้ โดยไมป ลอ ยใหหัวใจวา งเวนจากซกิ ริ ฺนั้น ทวาเขาจะหยดุ นิ่งสักช่ัวครู จนกวาเขาสามารถเปลงเสียงซิกิรฺนั้นไดอยางดีงาม ซ่ึงเมื่อไดสัมผัสเชนน้ันแลวหัวใจของเขาก็จะเปลงซิกิรฺออกมา แลวเคลื่อนยายจากการเปลงของหัวใจไปสูการเปลงของลิ้น หลังจากนั้นเขาก็จะด่ืมดํ่าไปกับมัน จนกระท่ังเขาจะพบวา อวัยวะทุกสวนของเขานั้นไดซิกิรฺไปดวยกัน ซึ่งการซิกิรฺท่ี ประเสริฐและมีประโยชนมากที่สุดคือการซิกิรที่หัวใจและลิ้นมี สวนรวมดวยกนั ซึง่ แนนอนวา ตองเปนบทซิกริ ท่ีทา นนบีเคยอาน และผูท่ีซิกิรนั้นตองมีสวนรวมในแงของความหมายและนัยของ มนั ” ซ่ึงในเร่อื งนี้ ยงั ไมม ีผูใดเคยกลา วถงึ ไดดกี วา ทา นอบิ นลุ กอ็ ยยมิ เราะหมิ ะฮลุ ลอฮฺ สาํ หรับแนวปฏิบัตขิ องเรานั้นจะเลือกใชวิธีที่สอง คอื การไม เร่ิมซิกิรฺในขณะที่หัวใจยังไมพรอม ทวาผูซิกิรฺจะตองหยุดน่ิงสักชั่ว ครูจนกวาหัวใจของเขาจะพรอม โดยทําใหจิตใจของเขามีความ พรอมอยูเสมอที่จะเฝาคอยความเมตตา และใหปฏิบัติมันดวย ความหวังวาจะไดรับอนุญาตเขาถึงความหอมหวานนี้ และการนํา หัวใจท่ีเต็มเปยมดวยความสํานึกทองไปในนัยตางๆ ของความ เมตตา ความรัก และการตอบรับ (ของอัลลอฮฺ) ซ่ึงมันจะสงผลให หัวใจมีความพรอ มไดเ ปน อยางดี 115

สวนการยึดมนั่ ตอบทซิกิรที่มรี ายงานจากสุนนะฮขฺ องทา นน บี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม น้ัน มันเปนเร่ืองท่ีควรตระหนักอยู แลว ซ่ึงเราไมจําเปนตองสาธยายใหมากความอีก เพราะผูใดท่ี ปฏบิ ัตใิ นสิ่งที่ไมเปน ไปตามแนวทางของทา นนบีมฮุ ัมมัด ศอ็ ลลลั ลอ ฮุอะลยั ฮิวะสัลลัม เขาจะบรรลุผลไดอ ยา งไรกัน ? สําหรับการมีสวนรวมในความหมายและนัยของบทซิกิร ตางๆ น้ันถือเปนชองทางท่ีสําคัญประการหนึ่งท่ีจะทําใหหัวใจมี ความพรอม และไดรับประโยชนจากการซกิ ิรนฺ น้ั โดยเฉพาะบทซกิ ริ ฺ ท่ีมีความหมายที่ยอดเย่ียม ซ่ึงเปนสํานวนที่ผูนาํ ของผูซิกิรท้ังหลาย ไดใช นั่นคือทานนบี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลมั ซึ่งเราจะขอหยิบยกตัวอยางวิธีการครุนคิดและพินิจ ใครครวญบทซิกิร ท้ังน้ีก็เพ่ือเปนแนวปฏิบัติตอบทซิกิรอื่นจากนี้ และหน่ึงในอัซการยามเชาและยามเย็นท่ีผูศรัทธามักจะอานเปน ประจําคือ บทซิกิรท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดกลาว วา ‫َْﺧﻦﻻ َوَ�َﺷَﻋَﺷ َِﻣَﺮﺬِّﺮﺎ�ا ِﻓٍَﻣَﻲبﺎﻚ‬،‫ﻲَﻻرأَاِّ َُﻋﻫبﻮَﺬُأَﷲُذا ْﺳَﺑوِاﺄَﻟلُْﺣﻴََﻚََْﻮﺪﻚُِهمِﻣ‬،‫ٰ ِﺪـ َﻳْﻣَرَﻪﺎٌﺮ ِّإ َِّبﻓ‬،‫ْْﻦْﻲ ِﻜٍءﻻََﺷﺒإِﺮﻗَِّﺮﻟ‬،‫ ََﻜُوﻫأَ ََوﻮَاﺴُﻋﻟِﻋَﻮﻞﺤَﻠَُذـﻰَوﺑِْﻤ ُُﺳﻛُﺪَِّﻮﻚﻞ ِء ِﻣَاِﷲﺷﻟ‬،‫ﻟْ ِﷲَو‬،‫اُه‬،‫َﻮﺒَﺧ ُذ ََوﺢَ�ﻟَﺑِاُﻪلََﻣاُﻚﺎﻤﻟﻠْﺤََ�ِﻣ ْْﻤُﻌ َﻚﻦَُﺪﺪ‬،‫أَأَ َُُْوﻋﻚﺻ‬،ْ‫ﻟُﻪ َْﻴﺤ َراَﻨْﻮلﺎِِّ ُمﻤب َوﻠ‬،َ‫ﺻ ُهﺒَاﻟ‬،‫ﻟََ»�َﻫأَـْﻌ َُﺬﻪَْاﺪ‬ «‫ َو َﻋ َﺬا ٍب ِﻓﻲ اﻟ َﻘ ْﺒ ِﺮ‬،‫ِﻓﻲ اﻟ َّﻨﺎ ِر‬ 116

“อัศบะหฺนา วะอัศบะหัลมุลกุลิลลาฮฺ วัลหัมดุลิลลาฮฺ ลาอิลา ฮะอิลลัลลอฮฺ วะหฺดะฮลู าชะรกี ะละฮฺ ละฮุลมลุ กวุ ะละฮลุ หัมดุ วะฮุ วะอะลา กุลลิชัยอินเกาะดีร ร็อบบิอัสอะลุกะ ค็อยเราะมาฟฮาซัล เยามฺ วะค็อยเราะมาบะอดฺ ะฮฺ วะอะอูซุบกิ ะมนิ ชัรรมิ า ฟฮ าซัลเยามฺ วะชัรริมาบะอฺดะฮฺ ร็อบบิอะอูซุบิกะมินัลกะสัล วะสูอิลกิบัร ร็อบ บอิ ะอูซุบกิ ะ มินอะซาบินฟนนาร วะอะซาบนิ ฟลก็อบรฺ” (พวกเรามีชีวิตอยูในเชานี้โดยท่ีอํานาจการปกครองเปน กรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และการสรรเสริญท้ังหลายเปนสิทธิของ พระองค ไมมีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแตเพียงผูเดียว โดย ปราศจากภาคีใดๆ สําหรับพระองค อํานาจท้ังหลายและการ สรรเสริญทั้งหลายเปนสิทธิของพระองค และพระองคน้ันทรงเด ชานุภาพเหนือทุกสิ่ง โอพระผูอภิบาลของฉัน ฉันวิงวอนขอตอ พระองค โปรดประทานความดีของวันนี้ และความดีท่ีมีอยูหลัง จากน้ัน และฉันขอความคุมครองตอพระองคจากความช่ัวราย ของวันน้ี และความชั่วรายที่มีอยูหลังจากนั้น โอพระผูอภิบาล ของฉัน ฉันขอความคุมครองตอพระองคจากความเกียจคราน ความเลวรายของความแกชรา โอพระผูอภิบาลของฉัน ฉันขอ ความคุมครองตอพระองคใหพนจากการลงโทษในนรก และการ ลงโทษในหลุมฝง ศพ) (บันทกึ โดยมุสลมิ ) 117

ขอใหทานอยูรวมกับบทซิกิรท่ีเราไดหยิบยกมาขางตนนี้ แลวพนิ ิจใครค รวญถอยคําตางๆ ดว ยการแสดงถึงความออนแอและ ความขนแคนอยางท่สี ุด และใหหัวใจของทานทองไปในอํานาจการ ปกครองของอัลลอฮฺและการบริหารจัดการของพระองค แลว ทานก็ จะไดพบกับความโปรดปรานทม่ี ีอยูอยา งแทจรงิ (พวกเรามีชีวิตอยู ในเชานี้) และการไดมองเห็นความโปรดปรานของอัลลอฮทฺ ่ียิ่งใหญ ซึ่งเมื่อพระองคไดประทานชีวิตแกเขาท่ีมีความปลอดภัย ในขณะที่ เขาสิ้นหวังตอ การไดพ บกับการใชช วี ิตในเชาวนั นนั้ ไปแลว « ‫ﺎ َء‬ท‫ َﺴ‬า‫ َﻤ‬น‫ال‬อ‫ ِﺮ‬บิ ‫ ِﻈ‬นَ‫ุنْﺘ‬อَ‫ﺗ‬มุ ‫ั َﻼ‬รَ‫ﻓ‬ไ‫ﺖ‬ดَ ก ‫ ْﺤ‬ลَ‫ﺒ‬า ‫ﺻ‬วْ วَ‫أ‬า‫ َو ِ� َذا‬، ‫» ِإ َذا أَ ْم َﺴﻴْ َﺖ ﻓَ َﻼ ﺗَنْ َﺘ ِﻈ ِﺮ ال َّﺼﺒَﺎ َح‬ ความวา “เมื่อทานมชี วี ติ ในยามเยน็ ทา นอยา ไดรอจนกระทง่ั ยาม เชาเปนอันขาด และเม่ือทานมีชีวิตในยามเชา ทานก็อยาไดรอ จนกระทั่งยามเยน็ เชน เดียวกัน” (บนั ทึกโดยอลั -บุคอรี) และนี่คือการปกปกรักษาของอัลลอฮฺท่ีใหทานไดพบกับ ชีวิตในวนั ใหมหลงั จากท่ีพระองคท รงปลิดชวี ิตของทา นแลว ในเร่อื งนี้อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา �ِ َّ‫ٱ[ل‬٤‫ُك‬٢ ‫س‬:ِ ‫َنا ِم﴾ َها]ۖال َ�ﺰُي ۡممﺮ‬٤٢‫لأََ ۡمَج َ�ٖل ُم ُّم ۡتَس ًِّ� �� َم‬ ��ٰٓ َِ ِ‫ٱ َۡم ُۡ�وتِۡخَه َار َٰٓوىٱ َّلإ‬ �َ ‫﴿ ٱ َّ ُ� َ� َت َو َّ� ٱ ۡ�َن ُف َس ِح‬ ‫قَ َ ٰ� َع َل ۡي َها ٱلۡ َم ۡو َت َو ُ� ۡر ِس ُل‬ ความวา “อัลลอฮฺทรงปลิดชีวิตในยามตายของมัน และมัน (ชวี ติ ) จะยงั ไมตายในยามนอนหลับของมัน พระองคจ ะทรงปลิด 118

ชีวิตท่ีพระองคทรงกําหนดความตายใหแกมัน และพระองคทรง ยืดชีวิตอ่ืนไปจนถึงเวลาท่ีถูกกําหนดไว แทจริงในการนั้น แนนอนยอมเปนสัญญาณสําหรับหมูชนผูใครครวญ” (สู เราะฮอฺ ซั -ซมุ รั อายะฮฺท่ี 42) พรอมๆ กับความรูสึกที่เปยมสุขในความโปรดปราน ของอลั ลอฮทฺ ี่มีอยนู ้ัน กใ็ หจิตใจมีความสํานกึ อยูเ สมอดว ยการรําลึก ถงึ ผทู ี่ประทานความโปรดปรานนั้น จะไดไ มมองขามการเฝา ดูของผู ท่ีประทานความโปรดปรานน้ันในขณะท่ีอยูในชวงเวลาที่เปยมสุข โดยใหอา งความโปรดปรานตางๆ ท่ไี ดร บั มานนั้ แกผ ูทเ่ี ปน กรรมสทิ ธิ์ อยางแทจรงิ (การมีชวี ิตอยูในเชาน้ีโดยที่อาํ นาจการปกครองเปน กรรมสิทธ์ิของอัลลอฮฺ) และในขณะท่ีไดอางความโปรดปรานแกผ ู เปนเจา ของมนั และการยอมรบั ตอ ผูท รงประทานมนั มานนั้ ก็สมควร ท่ีบาวแตละคนจะตองไมลืมชุกูรตอพระผูอภิบาลของเขา ยกยอง เชิดชู และสรรเสริญตอพระองค (และการสรรเสริญท้ังหลายเปน สิทธิของพระองค) หลังจากน้ันก็ใหปฏิญาณดวยการใหความเปน เอกะตออัลลอฮฺ (เตาฮีด) (ไมมีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต เพียงผูเดียว) ซึ่งเคล็ดลบั ของมนั คือ การไดยืนยันในความเปน อุลฮู ี ยะฮฺหลังจากท่ีไดยืนยันความเปนรูบูบียะฮฺของพระองคมาแลว ซึ่ง ความเปนรุบูบียะฮฺคือการบริหารจัดการและการครอบครอง กรรมสิทธิ์ตางๆ ซ่ึงทั้งหมดนไ้ี ดหมายรวมอยูในคํากลาวที่วา “พวก 119

เรามีชีวิตอยูในเชานี้โดยที่อํานาจการปกครองเปนกรรมสิทธ์ิ ของอัลลอฮฺ” สวนอุลูฮียะฮฺนั้นคือ การยืนยันวาอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ทรงคูควรกับความเปนพระเจาเพียงพระองคเดียว กลาวคือ พระองคทรงเปนพระเจาท่ีคูควรแกการเคารพอิบาดะฮฺ ซ่ึงไมมีส่ิงใดที่จะไดร บั การเคารพอิบาดะฮฺรว มกับพระองค หลังจาก น้ันก็มีการเนนย้ําในนัยของความเปนรุบูบียะฮฺของพระองคอีก รวมท้ังไดแทรกบางพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุนหัวใจใหมอบความเปนเอกะแดอัลลอฮฺ ในพระนามและคุณลักษณะของพระองค ซึ่งพระองค สุบหานะฮู วะตะอาลา น้ันคือ (สําหรับพระองคนั้นคืออํานาจทั้งหลาย) กลาวคือพระองคทรงมีอํานาจเหนือสรรพส่ิงทั้งหลาย (และการ สรรเสริญทั้งหลายเปนสิทธิของพระองค) กลาวคือพระองคไดร บั การสรรเสรญิ และคูค วรแกการไดรับการสรรเสริญ หลังจากน้ันก็ใหยอมรับในเดชานุภาพของอัลลอฮฺในทุกมติ ิ ท่ีมีเหนือสรรพส่ิงทัง้ หลาย ซง่ึ ในท่ีนี้หมายรวมถงึ สง่ิ ทม่ี ีและส่งิ ทีไ่ มมี สิ่งที่ใหญและส่ิงที่เล็ก สิ่งที่สูงสงและสิ่งที่ตํ่าตอย หลังจากน้ันก็ให เริ่มหลังจากไดกลาวยกยองสรรเสริญตออัลลอฮฺดวยการสราง ความรูสึกท่ีกระฉากจิตวิญญาณระหวางท่ีผานนัยของบทดุอาอท่ี ยอดเยี่ยมนี้ เพราะการดุอาอคอื สมองของการอิบาดะฮฺ ดังน้ันจงึ ให เริ่มดวยการดุอาอท่ีสอดคลองกับชวงเวลา โดยใหวอนขอตอพระผู อภิบาลในความดีงามของวันน้ันและความดีงามท่ีมีอยูในวัน 120

หลงั จากน้ัน ซ่ึงคาํ วา (ความดงี าม) ในท่ีนีบ้ รรดาผรู ูอศุ ูลไดก ลา ววา คือการวอนขอในทุกส่ิงท่ีเปนความดีงาม และวอนขอใหเขาไดรับ ทุกสิ่งที่เปนความดีงามดวยความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและความ เมตตาของพระองค ซึ่งเหตุผลของการวอนขอความดีงามน้ันเพื่อ ไมใหประสบกับความช่ัวราย เพราะความชั่วรายยอมไมใชความดี งาม อยางไรก็ตามยังใหเนนยํ้าดวยการวอนขอความคุมครอง ตออัลลอฮฺจากความช่ัวรายตางๆ ดวยสํานวนท่ีกลาวซํ้าไปมา ทั้งนี้ ก็เพื่อแสดงถึงความนอบนอมถอมตน และเปนการตอกยํ้าในการ วอนขอและเปน การคะยน้ั คะยอในความปรารถนาน้นั ในขณะท่ีผูซิกิรฺไดพบกับเชาวันใหมหรือค่ําคืนใหมนั้น แนนอนวาเขายอมตองการความชวยเหลือในความออนแอของเขา ซ่ึงมันจะบั้นทอนตัวเขาจากการไดรับประโยชนในชวงเวลากลางวัน และกลางคืนนั้น ซ่ึงความออนแอของมนุษยนั้นอาจจะเปนไปดวย กับสิ่งที่ถูกกําหนดใหเปนเชนน้ันโดยที่เขาไมสามารถท่ีจะผลักดัน มันไปได หรืออาจจะเปนไปดวยกับนิสัยสวนตัวของเขา ซ่ึงเขาได วอนขอความคมุ ครองจากความออนแอท้ังมาจากสิ่งท่ีถกู กําหนดให เปนเชนน้ันแลว น่ันคือ (ความเลวรายของความแกชรา) ซึ่งเขา ขอใหพระผูอภิบาลประทานความจําเริญแกรา งกายของเขา ใหเขา มีความแข็งแรง และมีความกระฉับกระเฉง สวนความออนแอที่มา จากนิสัยสวนตัว น่ันคือ (ความเกียจคราน) ซึ่งเขาวอนขอให 121

พระองคประทานความกระฉบั กระเฉงแกต ัวเขา และใหร ูส ึกรังเกยี จ ตอการปลอ ยปละละเลยและการไมมีผลงานอะไร และในขณะที่ผูซกิ ริ ฺไดใ หห ัวใจทองไปกับนัยตา งๆ ของบทดุ อาอที่สอดคลองกับชวงเวลากลางวันและกลางคืนไปแลว ก็ใหเขา กลับมาจากการทองไปในนน้ั สนู ยั สาํ คญั ของการเดนิ ทางไปสูอ ัลลอฮฺ ซึ่งเปาหมายที่ตองการมากที่สุดจากการซิกิรฺและการขอความ คุมครองจากความช่วั รา ยคือ การไดป ระสบกบั ความสําเร็จทแ่ี ทจรงิ ดวยการไดเขาสสู วนสวรรคแ ละรอดพน จากไฟนรก ซ่ึงผูซกิ ิรฺตอ งให ลิ้นของเขาไดอานในสิ่งท่ีทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม และทานมุอาซ บินญะบัล ไดพึมพําไว ซ่ึงการพึมพําของ ท้ังสองน้ันถือเปนเสียงเสนาะของผูท่ีเดินทางไปสูชีวิตที่นิรันดร นั่น คือ (โอพระผูอภิบาลของฉัน ฉันขอความคุมครองตอพระองคให พน จากการลงโทษในนรก และการลงโทษในหลุมฝงศพ) และการกลาวถึงหลุมฝงศพในตอนทายของบทดุอาอและ บทซิกิรนี้ถือเปนนัยท่ีแอบแฝงที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะในตอน เร่ิมตนนั้นไดมีการกลาวถงึ ความย่ิงใหญและความกวางใหญไ พศาล ในอํานาจการปกครองของอัลลอฮฺ (พวกเรามีชีวิตอยูในเชานี้โดย ท่ีอํานาจการปกครองเปนกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ) หลังจากน้ัน ก็ ใหสัมผัสกับความกวางใหญไพศาลของสรรพสิ่งตางๆ แตอํานาจ การปกครองของพระองค อัซซะวะญัลละ ก็ยังครอบคลุมมัน ทั้งหมดได ซ่ึงเปนสิ่งที่เหมาะสมท่ีสุดที่จะใหพระองคนั้นมีอํานาจ 122

อยางลนพนตอความกวางใหญไพศาลน้ี ตอมาก็มีการกลาวถึงหลมุ ฝงศพ ท้ังน้ีก็เพ่ือจะหวนความรูสึกท่ีมีตอความกวางใหญไพศาลน้ี แลวใหรําลึกถึงความคับแคบท่ีกาํ ลงั รอคอยเขาอยูในหลุมฝงศพ ซ่ึง หมายรวมถงึ ความนาสะพรึงกลัวและความโกลาหลของมนั ดว ย โออนิจจาเอย บทซกิ ริ มฺ นั ทําใหม นษุ ยทะยานสูจุดที่สงู สดุ ได แลวมันกพ็ าดงิ่ ลงมาสทู ตี่ กตา่ํ ไดเชน กัน ซึง่ หลังจากท่ไี ดซ ิกิรฺเขากจ็ ะ ประจักษในขอเท็จจริงตางๆ ไดทันที และจะมองโลกดุนยาและ อาํ นาจการปกครองของอลั ลอฮฺท่คี รอบคลุมท้งั สถานที่อันกวา งใหญ ไพศาลและสถานท่ีอันคับแคบท่ีสุดก็จะทําใหเขามีความถอมตนตอ เบอ้ื งหนาความมหัศจรรยนี้ และจะทําใหเขาลดตวั ลงไปในความลุม ลึกของนัยตางๆ น้ัน และนี่คือคุณคาของการซิกิรที่มีความลึกซึ้ง มาก กลาวคือ ผูซิกิรจะพบวามีบางสิ่งบางอยางในตัวเขาท่ีเปน แรงผลักดันใหเขาตระหนักในแกนแทของเร่ืองราวตางๆ ซ่ึงเขาจะ เห็นวาตัวเขาน้ันชางบกพรองยิ่งนัก สวนพระผูอภิบาลนั้นพระองค ทรงย่งิ ใหญมาก และเขาจะมองเหน็ อยา งประจกั ษช ัดถึงอํานาจการ ปกครองในสรรพสิ่งตา งๆ ของพระองค 7. สภาพที่ดีท่ีสุดในการซิกิรฺตออัลลอฮฺ คือชวงที่ปลีกตัวอยู คนเดยี ว (คอ็ ลวะฮฺ) โดยไมม ใี ครคนใดอยูร วมดวย 123

ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดกลาวถงึ บุคคลเจด็ จําพวกที่ไดอยูภายใตรมเงาของพระองคในวันกิยามะฮฺ หนึ่งในนั้น คือ «‫» َر ُﺟ ٌﻞ َذ َﻛ َﺮ ا َﷲ َﺧﺎ ِﻟﻴﺎً َ� َﻔﺎ َﺿ ْﺖ َ�ﻴْ َﻨﺎه‬ ความวา “คนท่ีรําลึกถึงอัลลอฮฺอยูลําพังแลวน้ําตาของเขาก็เออ ลน ออกมา” (บันทกึ โดยอัล-บุคอรแี ละมุสลมิ ) สิ่งท่ีสําคัญมากสําหรับการค็อลวะฮฺ คือการปลีกตัวให หางไกลจากผูคนและการรวมกลุมพูดคุยเฮฮาปารตี้ ดวยเหตุนี้จึง แนะนําใหค็อลวะฮฺอยูในความมืดสนทิ และอยาใหมีอะไรมารบกวน และขัดจังหวะในชวงที่กําลังมนุ าญาจฺเขาเฝาอัลลอฮฺ อยางไรก็ตาม ไมอนุญาตใหคอ็ ลวะฮตฺ ามภูเขาหรือถํ้า เฉกเชนทีพ่ วกนักบวชไดท าํ กัน ซ่ึงในเรื่องน้ีทานชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ก็ไดเนนย้ําไว แต การค็อลวะฮฺที่ถูกตองตามหลักการศาสนานั้นคือใหอยูแตในมัสญดิ ดวยการอิอฺติกาฟ หรือใหค็อลวะฮฺอยูในท่ีพักอาศัยและในบาน ซึ่ง ไมอนุญาตที่จะใหค็อลวะฮโฺ ดยยึดหบุ เขาเปนทพ่ี ํานักนอกจากในยคุ สมัยที่เต็มไปดวยฟตนะฮฺ ซึ่งอาจจะสรางความเสียหายแกความ ศรัทธาและผทู ่ีศรทั ธา แตส าํ หรบั ยุคสมยั ท่ีมกี ารญฮิ าด การดะอวฺ ะฮฺ และการอิศลาหฺเปลี่ยนแปลงน้ัน ไมอนุญาตใหค็อลวะฮฺดังขางตน ซึ่งในเรอื่ งนีบ้ รรดานกั นิตศิ าสตรอ ิสลาม นักหะดษี และนกั จิตวทิ ยา ทัง้ หลายตา งก็เห็นพองกนั 124

นอกจากนี้ยังมีมารยาทอื่นๆ ท่ีสงเสริมใหผูซิกิรควรเอาใจ ใส ในจํานวนน้นั คอื การสวมใสเ สอื้ ผาที่ดี การอาบนาํ้ ละหมาดอยา ง สมํา่ เสมอ การใสน ํ้าหอม การหนั หนา ไปยงั ทิศกิบลัตในขณะที่กําลัง ซิกิร การหม่ันซิกิรเปนประจํา การรักษามารยาทของการนั่งซิกิร และการพกไมซิวากและหมั่นแปรงฟนอยา งเปนประจาํ ส่ิงที่ตองเนนยํ้าคือ เน้ือหาท้ังหมดท่ีไดนําเสนอแกทาน เก่ียวกับการซกิ ริ ฺ ทัง้ ในเร่อื งฟก ฮฺ มารยาท หกุ ุมอะหฺกาม และเคลบ็ ลับตางๆ น้ัน มันหมายรวมการอานอัลกุรอาน การตะดับบุรฺ และ การทําความเขาใจในเน้ือหาของมันดวย ซ่ึงถือเปนการซิกิรฺที่มี ความสําคญั และยอดเยีย่ มทส่ี ุด ดังนั้น ขอใหทานสรางความรูสึกตามที่เราไดนําเสนอไป กอนหนานี้ขณะท่ีทานกําลังอานอัลกุรอาน พรอมๆ กับเรียนรู คณุ คา ของการอา นอัลกรุ อานและการตะดบั บรุ ในเน้อื หาของมนั ซึง่ มีอยูในหลักฐานตางๆ ทั้งในอัลกุรอานและสุนนะฮฺ และแนนอนวา มันสามารถชวยใหทานมีความรักตออัลกุรอานและรับประโยชน จากมนั ไดเ ปน อยางดี อินชาอัลลอฮฺ ภายหลังจากน้ีจะมีบทเฉพาะท่ีกลาวถึงการ อา นอัลกรุ อาน ซ่งึ เราไดส รุปจากคาํ กลา วของทานอมิ ามอัล-เฆาะซา ลี เราะหิมะฮลุ ลอฮฺ 125

เทคนคิ การลิ้มรสความสขุ ของ การถือศีลอด น่ีคือหนึ่งในเคล็ดลับท่ีสุดยอดท่ีสุด ซึ่งยังไมพบวา เคยมีใคร กลาวถึงมนั ไดอยางพรอ มมลู กลาวคือ การที่ทานไดห ยุดอยรู ว มกบั เคล็ดลับของการทําอิบาดะฮฺ และการรับใชพระองคเปนอยางดี รวมถึงมคี วามยินดีทจ่ี ะดํารงมนั่ ในคําสั่งใช ซึ่งคําวาอบิ าดะฮฺ คือคํา ท่ีหมายรวมทุกส่ิงทกุ อยางที่อัลลอฮฺทรงช่ืนชอบ ไมวาจะเปน คาํ พูด การกระทําท้ังที่เปดเผยและที่ซอนเรน และดวยกับการที่ทานทําอิ บาดะฮฺน้นั ทานจะตอ งพบกับผลของมัน และผลของการทาํ อบิ าดะฮฺ นัน้ เปนสิง่ ทีศ่ าสนาไดก ําหนดไวแ ลว เชน เมื่อกลาวถงึ การละหมาด [٤٥ :‫ ﴾ ]اﻟﻌﻨﻜﺒﻮت‬٤٥ �‫﴿ إِ َّن ٱل َّصلَ ٰوةَ َ� ۡن َ ٰ� َع ِن ٱ ۡل َف ۡح َشآ ِء َوٱلۡ ُمن َك ِر‬ ความวา “แทจ ริงการละหมาดนัน้ จะยับยั้งการทาํ ลามกและความ ชั่ว” (สเู ราะฮอฺ ลั -อนั กะบตู อายะฮทฺ ่ี 45) หมายถงึ การละหมาดทถี่ กู ตองและครบถวนสมบรู ณ แตก็ไมไดกลาวถึงอรรถรสของการทําอิบาดะฮฺ การเขาเฝา มุนาญาจ การสนทนาโตตอบไปมา และความหอมหวานของการ ละหมาด เชนเดยี วกัน เมอ่ื มกี ารกลาวถึงการถอื ศีลอด 126

‫﴿ ُكتِ َب َعلَ ۡي ُ� ُم ٱل ِّص َيا ُم َك َما ُكتِ َب َ َ� ٱ َّ ِ�ي َن ِمن َ� ۡبلِ ُ� ۡم َل َع َّل ُ� ۡم‬ [١٨٣ :‫ ﴾ ]اﻟﺒﻘﺮة‬١٨٣ ‫َ� َّت ُقو َن‬ ความวา “การถือศีลอด นั้นไดถูกกําหนดแกพวกเจาแลว เชนเดียวกับที่ไดถูกกําหนดแกบรรดาผูกอนหนาพวกเจามาแลว เพือ่ วา พวกเจา จะไดยําเกรง” (สเู ราะฮฺอลั -บะเกาะเราะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 183) ซงึ่ ความยาํ เกรงในทน่ี ก้ี ็ประหนง่ึ การยบั ยัง้ การทําลามกและ ความช่ัว เพราะท้งั สองลวนเปนคาํ ส่งั ใชใหทาํ มัน สวนเคล็ดลับท่ีไมมีการกลาวถึงอรรถรสของการทําอิบา ดะฮฺ และไมทําใหมันเปนเปาประสงคและเปาหมายสูงสุดโดยทนั ที เพราะอรรถรสและความหอมหวานนี้เปนหัวใจสําคัญของสถานะ อัล-อิหฺสาน น้ันคือ “การอิบาดะฮฺตออัลลอฮฺ เสมือนวาทานเห็น พระองค” ซ่ึงหากกําหนดใหมันเปนเปาประสงคและเปาหมาย สูงสุดแนนอนวาคนสวนใหญจะไมสามารถลิ้มอรรถรสเพื่อเนนยํ้า การไดล้ิมอรรถรสแหงความสุขของอิบาดะฮฺน้ีได นอกจากนี้ยังทํา ใหผคู นสวนใหญทอ แทในการไขวค วามนั มาหากไมม ีความชว ยเหลอื ใดๆ แตส่ิงที่ศาสนากําหนดสําหรับพวกเขาคือสิ่งที่อยูเอ้ือมมือซ่ึง สามารถจับตองไดและมคี วามงา ยดาย เพราะเคร่อื งหมายของความ ยําเกรงและการยับย้ังจากความชั่วเปนสิ่งท่ีชัดเจนอยูแลว สวน เปาหมายสูงสุดท่ีแฝงอยูและเปนส่ิงท่ีสุดยอดที่สุดของมันคือการได 127

ลิ้มรสแหงความสุขของการรับใชพระองคและรูสึกถึงความสัมพันธ ระหวางความเปนบาวท่ีมีตอพระผูอภิบาลของเขา ดังท่ีทานนบี ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสัลลมั กลับจากเมอื งฏออฟิ ซง่ึ ทานถูกทาํ รา ย และดูถูกเหยียดหยาม แตทา นกย็ ‫ัﻟﻲ‬งِ ‫ﺎ‬กَ‫أُﺑ‬ล‫ﻼ‬าَ ว‫ َﻓ‬ว‫ﺐ‬า ٌ ‫إ ْن لَ ْﻢ ﻳَ ُ� ْﻦ ﺑِﻚ ﻋَﻠَ ّﻲ َﻏ َﻀ‬ ความวา “ถาหากพระองคไมทรงโกรธกร้ิวฉัน แนนอนฉันจะไม สนใจมันอกี ” น่ีคือถอยคําแหงการเปนนบีท่ีสละสลวยท่ีสุด ซึ่งมันถูก รวบรวมและถายทอดออกมาจากตะเกียงแหงทางนําของเคาะลีล (คนที่เปนที่รัก) ของพระผูอภิบาลแหงสากลโลก ดวยเหตุนี้สุดยอด ของสํานวนการอิสติฆฺฟาร จึงเปนสุดยอดของการใหความรูสึกถึง ความสัมพันธและอรรถรสของการสนทนาโตตอบไปมา น้ันคือ “พระองคเ ปน พระผูอภิบาลของฉัน พระองคทรงสรา งฉันและฉัน เปนบาวของพระองค ดังน้ันไมมีผูใดที่จะใหอภัยในความผิดบาป ท้งั หลายนอกจากพระองค” การถือศีลอดก็เชนกัน ทานสามารถล้ิมรสส่ิงท่ีมีอยูในมัน ทง้ั ความรสู ึกถงึ ความสมั พันธแ ละอรรถรสของการรับใชพระองค ซ่ึง พระองคไ ดดํารัสในหะดษี อัล-กุดสีไววา “การถอื ศลี อดเปนของขา และขาจะเปนผูตอบแทนมันเอง” ซ่ึงนี่คือความสัมพันธท่ีมีอยู 128

และพระองคไ ดด ํารสั อีกวา “เขาไดละท้ิงอาหารและความใครเพื่อ ขา ” ซงึ่ นี่คือแกน แทข องอรรถรสในการรบั ใชพระองค ดวยเหตุนี้ การที่ริมฝปากแหงเนื่องจากความกระหายนํ้า และการที่ทองรองโครกครากเน่ืองจากความหิว จึงเปนสุดยอดของ ความสุขท่ผี ูถอื ศลี อดและหิวกระหายจะไดร บั ซ่ึงในขณะที่เขารูส ึกเจบ็ ปวดเนอ่ื งจากความหวิ มนั จะทําให จิตใจของเขาไดนึกคิดวา เขาจะตองอดทนในความเจ็บปวดน้ีเพ่ือ เทิดเกียรติในสิทธิของอัลลอฮฺ และหวาดหวั่นตอการเฝามองและ การมองดูของพระองค ดังน้ัน เขาจึงพอใจตอสภาพท่ีเขาเปนอยู และมีความอิ่มเอมในความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺที่มีตอเขา นอกจากน้ีเขาจะไมโหยหาความโปรดปรานใดๆ อีกแลวที่จะมา ขัดขวางระหวา งตวั เขากับความสขุ ของความเจบ็ ปวดนี้ แตแลวความรูสึกโศกเศราระทมใจและมีความหวาดหวั่น วาอัลลอฮฺจะไมทรงตอบรับการงานกไ็ ดแทรกเขามา จึงทําใหความ เจ็บปวดของทองไดผนวกกับความเจ็บปวดของหัวใจ จนความ เจ็บปวดเพ่ิมเปนเทาทวีคูณ ในท่ีสุดเขาก็ไดพบกับความชวยเหลือ ของอัลลอฮฺและการสนับสนุนจากพระองค ทําใหตัวเขาเปยมไป ดวยความกรุณาธคิ ุณและความโปรดปรานของพระองค จนสุดทา ย ความเจ็บปวดทผ่ี นวกรวมอยกู แ็ ปรเปลี่ยนเปนความหอมหวานและ อรรถรสแหงความสุขท่ีมีอยางมากมาย ยิ่งกวาน้ันความถวิลถึงการ พบเจออัลลอฮฺก็จะย่ิงเพ่ิมมากขึ้น จนกระท่ังเขาจะพบกับที่สุดของ 129

ความดีใจตามท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮวิ ะสัลลัม ไดแจงไว นั้น คือ ‫َوﻓَ ْﺮ َﺣ ٌﺔ ِﻋﻨْ َﺪ ِﻟ َﻘﺎ ِء َر ِّ� ِﻪ‬ ความวา “และดีใจในขณะที่เขาไดพบกับพระเจาของเขา” (บนั ทึกโดยอลั -บคุ อรแี ละมสุ ลมิ ) ซง่ึ หากทา นไดพนิ จิ พจิ ารณาตามนยั น้ี ทานกจ็ ะพบเคลด็ ลบั คํากลาวของทา นนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮวิ ะสลั ลมั ทว่ี า ‫اﻟ ْﺠُﻮ ُع‬ َّ ‫ِﺻ َﻴﺎ ِﻣ ِﻪ‬ ‫ِﻣ ْﻦ‬ ‫ﻟَ ُﻪ‬ ‫ﻟَيْ َﺲ‬ ‫َﺻﺎﺋِ ٍﻢ‬ ‫ُر َّب‬ ‫إِﻻ‬ ความวา “บอยคร้ังท่ีผูถือศีลอดไมไดรับผลตอบแทนจากการถือ ศลี อดของเขา นอกเสยี จากความหิว” (บันทกึ โดยอบิ นุมาญะฮ)ฺ และทา นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสลั ลมั ไดก ลาววา ‫ُر َّب َﺻﺎﺋِ ٍﻢ َﺣ ُّﻈ ُﻪ ِﻣ ْﻦ ِﺻ َﻴﺎ ِﻣ ِﻪ اﻟ ْﺠُﻮ ُع َواﻟْ َﻌ َﻄ ُﺶ‬ ความวา “มผี ูถอื ศีลอดมากเพียงใดแลวท่ีไดรบั ภาคผลจากการถอื ศีลอดของเขาเพียงแคความหิวและกระหาย” (บันทึกโดยอัฏ- เฏาะบะรอนี ในอัล-กะบีร) ทานอาจจะรูสึกประหลาดใจที่ส่ิงไมเขากันแตสามารถ รวมอยูดวยกันได ไดแก ความเจ็บปวด ความสุข ความหิวโหย ความอ่ิมเอิบ ความกระหาย แตความประหลาดใจน้ีคงไมป ดกนั้ ตัว 130

ทา นในการกระโจนเขา สวู ถิ ีของแนวทางนี้ เพราะใครกต็ ามทีด่ ําเนนิ ตามเสนทางน้ีเขาก็จะเห็นสัญญาณท่ียิ่งใหญของพระผูอภิบาลของ เขา ดังนั้น จงตั้งเจตนาใหดี มีความมุงมั่นต้ังใจ ติดอาวุธดวย การมีปณิธานอันแนวแน และใหเร่ิมตนดําเนินตามเสนทางน้ีโดย ทันที พรอมกับมีความขะมักเขมนในการเขาสูเสนทางนี้ แสวงหา ชองทางที่สะดวกในเสนทางที่มีความเหนอื่ ยยากลําบาก และใหทํา ใจหากเสน ทางของมันยงั อีกยาวไกล และไมตองสนใจตอ การลอ ลวง ของผูคนในโลก และจงใหก าํ ลงั ใจตัวเองดวยกับชยั ชนะทีค่ มุ คา และ ผลตอบแทนทเ่ี ปน สินคาของอลั ลอฮทฺ ี่มรี าคาสูง ‫أَ َﻻ ِإ َّن ِﺳﻠْ َﻌ َﺔ ا َّ ِ� ﻏَﺎ ِﻟ َﻴ ٌﺔ أَ َﻻ ِإ َّن ِﺳﻠْ َﻌ َﺔ ا َّ ِ� اﻟ ْﺠَ َّﻨ ُﺔ‬ พงึ รูเถดิ วา สินคา ของอลั ลอฮนฺ น้ั มีราคาแพง และพงึ รเู ถดิ วา สนิ คา ของอลั ลอฮนฺ นั้ คือ สวนสวรรค 131

เทคนคิ การล้ิมรสความสุขของการละหมาด พึงรูเถดิ วา ปจจยั ทีจ่ ะทําใหล มิ้ รสความสขุ ของการละหมาด นนั้ มีอยมู าก แตมันไดป ระมวลอยูในหกประการนี้ 1. หวั ใจตองมสี มาธิ 2. ทําความเขา ใจในนยั ของคํากลา ว 3. สํานกึ ถึงความยงิ่ ใหญ 4. มคี วามหวาดหว่นั 5. มคี วามหวงั 6. มีความละอายใจ ซึ่งรายละเอียดรวมถึงสาเหตุและแนวทางแกไ ขของการล้ิม รสความสุขของการละหมาด จะขอแจกแจงดังนี้ 1. หัวใจตองมีสมาธิ กลาวคือการทําใหหัวใจปราศจากสง่ิ ที่ไมเกี่ยวของกับสิ่งท่ีกําลังปฏิบัติและสิ่งท่ีกําลังกลาวอยู ซึ่งเขา จะตองตระหนกั อยตู ลอดเวลาวาไดปฏิบัตแิ ละกลาวอะไรไป โดยไม ปลอยใหความคิดทองไปกับส่ิงอ่ืนจากมันท้ังสอง และตราบใดท่ี หัวใจไมไ ดเ บนออกจากการครุนคิดตอ สิ่งอ่ืน รวมท้ังไมไดล มุ หลงไป กบั สิง่ ตา งๆ เม่ือน้ันแหละที่หวั ใจไดมีสมาธิ 132

2. ทําความเขาใจในนัยคํากลาว ซึ่งมันเปนผลจากการที่ หัวใจมีสมาธิ เพราะบางทีหัวใจไดจดจอกับคํากลาวน้ันแลว แตมัน กลับไมเขาถึงนยั ของคาํ กลาวน้ัน ดังน้ันการผนวกหวั ใจท่ีมีสมาธิอยู แลวใหตระหนกั ในนยั ของคํากลา วดวย คือส่ิงที่เราตอ งการสอื่ ถึงใน ประเด็นของการทําความเขาใจ และในสวนนี้เองท่ีทําใหผูคนมี ความแตกตางกัน เพราะแตละคนไมไดเขาใจในนัยของอัลกุรอาน และบทรําลึกตางๆ เหมือนกัน และกี่มากนอยแลวที่คนละหมาดได เขาใจนัยที่มีความสวยงามในขณะที่เขากาํ ลังละหมาด ทั้งๆ ท่ีหัวใจ ของเขาไมเคยนึกคิดมากอน ? ซึ่งการละหมาดเชนนี้แหละท่ี สามารถยับยั้งจากส่ิงท่ีลามกและชั่วรายได เพราะมันทําใหเขา เขาใจในสิ่งตางๆ เปนอยางดี ซ่ึงสิ่งเหลานั้นเองท่ีจะยับยั้งจากส่ิง ลามกไดโดยปรยิ าย 3. สํานึกถึงความยิ่งใหญ ซ่ึงมันเปนผลจากการท่ีหัวใจมี สมาธิและมีความเขาใจในนัยตางๆ เปนอยางดี เพราะบางคน อาจจะพูดคุยกับบาวรับใชของตนเองในขณะท่ีหัวใจของบาวน้ันได จดจออยูกับเขาและมีความเขาใจในสิ่งที่เขาตองการส่ือ แตบาว กลับไมเห็นถึงความยิ่งใหญของเขา ดังน้ัน การสํานึกถึงความ ยิง่ ใหญจ งึ เปน การเตมิ เตม็ ส่ิงทัง้ สองกอนหนา นี้ 133

4. มีความหวาดหวั่น ซ่ึงเปนการเติมเต็มการสํานึกถึง ความย่ิงใหญ ใชเทาน้ันมันยังเปนคําที่อธิบายถึงความหวาดกลัวที่ เกิดจากการสาํ นกึ ถงึ ความยิ่งใหญ เพราะผูใดที่ไมมีความหวาดกลวั ก็จะไมถือวาเขามคี วามหวาดหว่ัน ซง่ึ การหวาดกลวั ตอ แมงปองและ ความชั่วชาของการกระทําของผูคนและสิ่งที่จะสงผลใหเกิดความ เสียหายจะไมเรียกวาความหวาดหวั่น แตความหวาดกลัวท่ีมีตอ ผูปกครองท่ีมีความย่ิงใหญจะถูกเรียกวาความหวาดหวั่น สรุปคือ ความหวาดหว่ันเกิดจากความหวาดกลัวในความย่ิงใหญของส่ิงๆ หนง่ึ 5. มีความหวัง ซ่ึงไมมีขอสงสัยวามันเปนการเติมเต็มสิ่งท่ี ไดกลาวมา เพราะกี่มากนอยแลวที่คนยกยองเชิดชูกษัตริยพระองค หน่ึงดว ยความหวาดหว่นั หรอื หวาดกลวั ตอ อํานาจของพระองค แต เขากลับไมหวังตอการตอบแทนของพระองค ซึ่งสําหรับคนที่เปน บาวนั้นจะตองมคี วามหวังวา การละหมาดของเขานน้ั อัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ จะทรงตอบแทน เฉกเชนท่ีเขามีหว่ันเกรงตอขอบกพรอง ทีจ่ ะสงผลใหเ ขาไดร บั การลงโทษจากอลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ 6. มีความละอายใจ ซ่ึงเปนการเติมเตม็ ปจจัยท้ังหมดทไี่ ด กลาวมา เพราะมันจะกระตุนความรูสึกท่ีสํานึกในขอบกพรองและ ขอ ผิดพลาดทีไ่ ดทําสิ่งทีเ่ ปน บาป ลองนึกจินตนาการวา การสาํ นกึ ถงึ 134

ความย่ิงใหญ การหวาดกลัว และการมีความหวังแตกลับไมมีความ ละอายมันยอมไมทําใหเกิดความรูสึกที่สํานึกในขอบกพรองและ ขอ ผิดพลาดที่ไดทําสิ่งที่เปน บาปอยางแนน อน สว นสาเหตทุ ี่จะทาํ ใหเกดิ ปจ จัยทัง้ หกประการน้นี นั้ พึงรูเถิดวา สาเหตุท่ีจะทําใหหัวใจมีสมาธิน้ันมาจาก แรงจูงใจหรือปณิธานที่มีอยู เพราะหัวใจของทานจะคลอยตาม แรงจูงใจท่ีทานมี ซ่ึงมันจะไมจดจอกับส่ิงใดนอกจากส่ิงที่เปน แรงจูงใจน้ัน และตราบใดท่ีแรงจูงใจของทานจดจออยูกับสิ่งใด หัวใจของทานก็จะมุงอยูกับส่ิงน้ันไมวามันจะประสงคหรือไมก็ตาม มันก็จะยังคงอยูกับสิ่งน้ันตลอดไปและจะบีบบังคับใหคงอยูใน สภาพน้ัน และหากหัวใจไมจดจออยูในการละหมาด มันก็จะไม วางเวนจากการทองไปตามแรงจูงใจในสิ่งท่ีเปนเรื่องของโลกดุนยา ดังนั้น จึงไมมีแนวทางแกไขใดอีกแลวที่จะทําใหหัวใจมีสมาธิ นอกจากเขาตองปรับแรงจูงใจไปสูการละหมาด ซ่ึงแรงจูงใจที่มีอยู น้ันจะไมบายเบี่ยงไปยังส่ิงอ่ืนตราบใดท่ีเปาประสงคท่ีตองการนั้น ยังคงประจักษแนบแนน ซ่ึงเปาประสงคที่วาน้ันคือการศรัทธาและ เช่ือม่ันวาโลกอาคิเราะฮฺนั้นดีและยั่งยืนกวา สวนการละหมาดนั้น เปนตัวเช่ือมโยงไปสูมัน เมื่อเปนเชนนั้นแลวหากเราไดเสริมความ เขาใจท่ีแกนแทนี้ดวยการไมแยแสตอโลกดุนยาและความเพริศ แพรวของมัน แนนอนมันก็จะสงผลใหหัวใจมีสมาธิในการละหมาด 135

มันเปรียบเสมือนตอนท่ีหัวใจของทานจะมีสมาธิใจจดใจจอเม่ือได ยืนอยูตอหนาผูหลักผูใหญ ท้ังๆ ที่เขาไมมีความสามารถท่ีจะเอื้อ ประโยชนและใหโทษแกทานได แลวจะเปนเชนไรหากหัวใจของ ทานไมมีสมาธิขณะที่ทานกําลังเขาเฝามุนาญาจตอผูท่ีเปนกษัตริย ของบรรดากษัตริยทั้งหลาย ซ่ึงเปนผูที่อํานาจและกิจการท้ังหลาย รวมถึงการเอื้อประโยชนและการใหโทษน้ันอยูในพระหัตถของ พระองค จึงไมตองสงสัยใดๆ อีกวามันเปนผลสืบเนื่องจากการมี ศรทั ธาทอี่ อ นแอ ดังน้ัน จงพยายามทําใหมันเขม แข็งตั้งแตบ ดั นเ้ี ถดิ สวนการทําความเขาใจในนัยคํากลาว ก็จะเกิดหลังจาก หัวใจมีสมาธิ โดยพยายามปรับเปล่ียนความคิดมุงสูการทําความ เขาใจในนัยของมัน โดยทําใหหัวใจมีสมาธิพรอมกับใหมันมุงสูการ ครุนคิดและพยายามขจัดความคิดที่เร่ือยเปอยออกไป ซ่ึงวิธีที่จะ ขจัดความคิดท่ีเรื่อยเปอยที่ไดวุนอยูน้ันคือการตัดปจจัยของมันให หมด หมายถึงใหขจัดสาเหตุตางๆ ท่ีจะดึงดูดใหนึกคิดถึงมัน และ หากมีส่ิงใดท่ีไมไ ดข จัดมนั ไปก็ยากทีจ่ ะทาํ ใหค วามนึกคดิ ไมใหหันเห ไปยงั มนั ดังน้ัน ใครที่รกั สิ่งใดเขากม็ กั นึกถงึ สิง่ นน้ั และการนึกถึงสงิ่ ทตี่ นรกั มนั ก็จะกระโจนเขาสหู ัวใจอยา งหลกี เล่ยี งไมได ดวยเหตนุ จี้ งึ เห็นไดวาคนที่รักส่ิงอนื่ จากอัลลอฮฺ การละหมาดก็ไมอาจจะลบลาง ความนกึ คิดทีเ่ ร่ือยเปอ ยไปได สวนการสาํ นึกถึงความยิ่งใหญน้นั มันเปน เรอ่ื งของหัวใจ ซ่ึง มันจะเกดิ ขึ้นจากการรบั รูในสองส่ิง ไดแก 136

หนึ่ง การรับรูถึงความเกรียงไกรและความย่ิงใหญ ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ อันเปนหลักพ้ืนฐานของความศรัทธา ซง่ึ ใครกต็ ามที่ไมเชอื่ ม่นั ในความย่ิงใหญข องพระองค จติ ใจของเขาก็ ไมอาจท่ีจะยอมรับในความยง่ิ ใหญของพระองคได สอง รับรูถึงความต่ําตอ ยของตวั เองและการเปนบา วท่ีตอ ง ไดรบั การเฝา ดูแล ซ่ึงการรับรูในสองสิ่งน้ีเองท่ีจะทําใหเกิดความสงบสุข การ ยอมจํานน และการนอบนอมถอมตนตออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะ อาลา จึงถือเปนการสํานึกถึงความยิ่งใหญของพระองค สวนการ รบั รูถึงความตํา่ ตอ ยของตวั เองที่ไมไ ดผสมผสานกบั การรับรถู งึ ความ เกรียงไกรของอลั ลอฮฺมันกจ็ ะไมทําใหอยใู นสถานะของการสํานึกถึง ความยิ่งใหญและการนอบนอมถอมตนตอพระองคได เพราะคนท่ี ไมตองพ่ึงพาใครและสามารถเอาตัวรอดไดดวยตัวเอง ก็เปนไปไดที่ เขาจะรถู ึงคณุ ลกั ษณะท่ยี ่งิ ใหญแตเขาอาจจะไมนอบนอมและสํานกึ ในความย่ิงใหญน้ัน เพราะองคประกอบอีกประการหน่ึงน่ันคือการ รับรูถึงความต่ําตอยของตัวเองและการตองพึ่งพาน้ันไมไ ดควบคูอยู ดวยกัน สวนการมีความหวาดหว่ันนั้นมันเปนเรอื่ งของจิตใจ ซ่ึงมัน จะเกิดขึ้นไดดวยการรับรูถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ การปกครอง ของพระองค และการทําใหทุกสิ่งเปนไปตามท่ีพระองคท รงประสงค ในขณะที่พระองคไมไดมีผลใดๆ จากมันเลย ซึ่งหากกลุมชน 137

ท้ังหลายตั้งแตมนษุ ยคนแรกจนถึงคนสุดทา ยพินาศไปมันก็ไมทาํ ให พลังอํานาจของพระองคลดนอยลงแตอยางใด พรอมๆ กับการ มองดูเหตุการณท่ีเกิดขึ้นกับบรรดานบีและคนดีๆ ท่ีไดประสบกับ บททดสอบตางๆ ซึ่งพวกเขาสามารถฟนฝามันไปอยางเหลือเชื่อ สรุปคือยิ่งมีความรูเก่ียวกับอัลลอฮฺมากเทาใดก็จะยิ่งทําใหมีความ ยําเกรงและหวาดหว่ันมากเทา นัน้ สวนการมีความหวังมันเกิดขึ้นจากการรับรูถึงความ กรุณาธิคุณและความโปรดปรานของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ที่ มากมาย และรับรูถึงความสัจจริงของพระองคในการสนองคํา สัญญาวาจะใหสวนสวรรคเปนผลตอบแทนสําหรับการละหมาด ดังนั้น เมื่อใดท่ีมีความเชื่อม่ันในคําสัญญาของพระองค และรับรูถ งึ ความกรุณาธิคุณของพระองค มันก็จะทําใหเกิดความหวังอยาง แนน อน สวนการมีความละอาย มันเกิดจากความรูสึกท่ีไดทําอิบา ดะฮฺไมสมบูรณ และการยอมรับในความออนแอท่ีจะดาํ รงในสิทธทิ ่ี ย่ิงใหญของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ นอกจากนี้สิ่งที่จะทําใหมันมี ความสมบูรณมากย่ิงข้ึนคือ การยอมรับในความบกพรองและ ความผิดท่ีมีอยูในจิตใจ และการยอมรับในความนอยนิดของความ บริสุทธ์ิใจรวมถึงความปล้ินปลอนท่ีมีอยูในมัน และการท่ีให ความสําคัญตอการงานตางๆ ดวยกับผลประโยชนท่ีมีอยูเบื้องหนา (นนั่ คือโลกดนุ ยา) นอกจากน้ีการรับรูถงึ ความยิง่ ใหญข องสง่ิ ท่ีอลั ลอ 138

ฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดบริหารจัดการ และรับรูถึงการมองเห็นของ พระองคในสิ่งท่ีซุกซอนอยูในกนบ้ึงของหัวใจไมวามันจะเล็กนอย และถูกซอนเรนเพียงใดก็ตาม ซึ่งการเชื่อมั่นตอการรับรูขางตนน้ัน มนั จะทําใหเ กดิ สิ่งท่ีเรยี กวา “ความละอาย” ไดอ ยา งแนน อน ซ่ึงน่ีคือสาเหตุท่ีจะทําใหเกิดคุณลักษณะตางๆ และเปนส่ิง ที่ถูกเรียกรองใหแสวงหามันมา ซึ่งทําไดดวยการทําสิ่งท่ีเปนสาเหตุ ของมัน เพราะการรับรูถึงสาเหตุของมันก็จะทําใหรับรูถึงวิธีการได มันมา นอกจากนี้การรับรูในส่ิงตางๆ ขางตนนี้ลวนมีสวนเกี่ยวของ กับความศรัทธาและความเช่ือม่ัน ซ่ึงนัยของการมีความเช่ือม่ันคือ การปฏิเสธขอสงสัยและการทําใหมันผนึกอยูในหัวใจ และเทาที่มี ความเช่ือม่ันมากเพียงใดหัวใจก็จะยิ่งมีความยําเกรง แตการทําใน ส่ิงที่สวนทางกับที่เราไดนําเสนอไปในเร่ืองของหัวใจนั้น ทําใหแบง คนไดหลายรูปแบบ ซ่ึงบางคนข้ึนชื่อวาเปนผูหลงลืม เพราะการ ละหมาดของเขาน้ันไดทําอยางสมบูรณแตหัวใจของเขากลับไมอยู กับเนื้อกับตัวในขณะน้ัน แตบางคนไดทําใหการละหมาดของเขามี ความสมบูรณและหัวใจของเขาก็ไมหายไปไหนในขณะน้ัน ยิ่งกวานั้นเขากลับใจจดใจจออยูกับการละหมาดตลอดเวลา จนกระทั่งเขาจะไมรูสึกตัววามีอะไรไดผานเบ้ืองหนาของเขาบาง ดวยเหตุน้ีทําใหทานมุสลิม บินยะสาร ไมรูสึกตัววาเสามัสญิดไดพ ัง ลงมา ทั้งๆ ท่ีผูคนตางมุงกันไปดู สวนบางคนไดรวมละหมาดญะ มาอะฮเฺ ปนระยะเวลานานแตเ ขากลับไมรจู ักเลยวาคนขางๆ เขานน้ั 139

เปนใครบาง สวนบางคนการละหมาดไดทําใหหนาของเขาซีดและ รูสึกสนั่ กลวั ส่ิงทั้งหมดนี้มันไมไดเกินจริง หากมองดูความมุงม่ันของ ผูคนในโลกน้ีและความหวาดกลัวของพวกเขาท่ีมีตอ บรรดากษตั ริย ในขณะที่พวกเขามีความออนแอและไมมียศถาบรรดาศักด์ิใดๆ กระท่ังหากมีใครคนหน่ึงเขาไปพบกษัตริยหรือรัฐมนตรีและได สนทนาในเร่ืองสําคัญหลังจากนั้นเขาก็ออกไป ซึ่งหากถามเขา เก่ียวกับคนที่อยูรอบๆ ตัวเขาหรือถามถึงเส้ือผาที่กษัตริยสวมใส เขาก็อาจไมสามารถจะอธิบายได เน่ืองจากเขาไมไดใจจดใจจออยู กบั เส้อื ผา ที่กษตั ริยส วมใสและคนท่อี ยรู อบๆ ตวั เขา [132 :‫ت ِّم َّما َع ِملُ ۚواْ ﴾ ]اﻻﻧﻌﺎم‬ٞ ٰ�َ ‫﴿ َولِ ُ ّ ٖ� َد َر‬ ความวา “และสําหรับแตละคนน้ันมีหลายระดับข้ัน เน่ืองจากสิ่ง ที่พวกเขาไดป ระกอบไว” (สูเราะฮฺอัล-อันอาม อายะฮฺท่ี 132) ดังนั้น สิ่งที่แตละคนจะไดรับจากการละหมาดของเขาน้ัน ข้ึนอยูกับการเกรงกลัว การมีสมาธิ และการสํานึกถึงความย่ิงใหญ ของอัลลอฮฺ เพราะจุดทอ่ี ัลลอฮฺจะมองดูคือหัวใจไมใชอ ริ ยิ าบถ ดว ย เหตุนี้เศาะหาบะฮฺทานหน่ึงจึงกลาววา “มนุษยจะถูกใหฟนคืนชีพ ในวันกิยามะฮฺเฉกเชนอิริยาบถในการละหมาดของพวกเขาทั้งใน สวนของความสงบนิ่งและการไดร ับความโปรดปรานและความสุขท่ี มีอยูในนั้น” ซึ่งมีความเปนไปไดแนนอนเพราะมนุษยจะถูกใหฟน 140

คืนชพี ตามสภาพท่ีเขาไดเสียชีวติ และเขาจะเสียชีวติ ตามสภาพการ มีชีวิตของเขา ฉะน้ัน จงเอาใจใสตอหัวใจใหมากกวาตัวตนของเขา เพราะคณุ ลักษณะของหวั ใจนั้นจะฉายใหเ หน็ ภาพของเขาในวนั อาคิ เราะฮฺ และจะไมมีใครประสบกับความสําเร็จนอกจากคนที่ไป หาอัลลอฮฺดวยหัวใจท่ีบริสุทธ์ิ เราขอตออัลลอฮฺดวยกับความ กรุณาธิคุณและความโปรดปรานของพระองคใหอํานวยความ สะดวกแกเ ราในการทาํ ความดดี ว ยเถดิ 141

วธิ ีเยียวยาใหห ัวใจมสี มาธิ พงึ รเู ถดิ วา ผูศรัทธาจะตองสาํ นกึ ถึงความยิ่งใหญข องอลั ลอ ฮฺ อัซซะวะญัลละ มีความหว่ันเกรงตอพระองค มีความหวังตอ พระองค และมีความรูสึกท่ีละอายใจตอขอ บกพรองของเขา ซ่ึงเขา จะไมละจากสภาพเชนนั้นหลังจากที่เขาไดศรัทธาตอพระองคแลว และการท่ีสภาพเชนนั้นมีความเขมแข็งก็เปนไปตามความเขมแข็ง ของการเชื่อมั่นของเขา และการที่การเช่ือม่ันไดลดทอนจากสภาพ นั้นในละหมาดมันก็ไมมีสาเหตุใดนอกจากความนึกคิดและหัวใจ ของเขานั้นไดลองลอยอยางเรื่อยเปอยโดยไมจดจออยูกับการเขา เฝาและการละหมาด และไมมีสิ่งใดที่จะทําใหการละหมาดไมมีสมาธินอกจาก ความนึกคิดที่จดจออยูกับสิ่งตางๆ ซึ่งการเยียวยาใหหัวใจกลับมามี สมาธิอีกคร้ังคือ การจัดการกับความนึกคิดท่ีเรื่อยเปอยนั้นให ออกไป และไมมีทางที่จะจัดการกับส่ิงหนึ่งไดนอกจากตองไป จัดการกบั สาเหตุของมัน ดงั นัน้ จงศึกษาสาเหตขุ องมนั เถิด ซ่ึงสาเหตุของการมีความนึกคิดที่เร่ือยเปอยนั้นอาจจะเปน ผลทเ่ี กิดจากสาเหตภุ ายนอกหรือเกิดจากสาเหตุภายในเอง สําหรับสาเหตุภายนอกน้ัน คือส่ิงที่หูไดยินหรือดวงตาได มองเห็น ซ่ึงมันจะชักนําความต้ังใจไปตามส่ิงท่ีมันพบเจอจน 142

ความคิดไดจดจอ อยูก ับมันไปเรอ่ื ยๆ ทาํ ใหก ารมองเห็นนัน้ คือตน ตอ ของความคดิ หลังจากน้ันความคดิ ทมี่ อี ยกู ็จะสงผลใหเกดิ ส่ิงตา งๆ และผูใดท่ีมีเจตนารมณอันแนวแนและมีปณิธานอันสูงสงก็ จะไมม ีส่ิงใดทที่ าํ ใหเขาเสียสมาธไิ ด แตคนทอี่ อนแอน้นั ความคดิ ของ เขานนั้ ยอ มลองลอยอยางเรอ่ื ยเปอ ยแนนอน ซึ่งวธิ ีเยยี วยาคือ ใหต ดั สาเหตุตางๆ ดวยการลดสายตาของเขาใหตํ่าลงหรือใหละหมาดใน หองท่ีมืด หรือการพยายามจัดการกับทุกสิ่งที่ทําใหความรูสึกของ เขาไปวุนอยูกับมัน และการยืนละหมาดใหใกลกับผนังเพ่ือให สายตาของเขาอยูในพ้ืนที่ที่จํากัด และใหหลีกเลี่ยงการละหมาด ตามทองถนน และบนสถานท่ที ่เี ต็มไปดวยลวดลาย หรือบนผา ปทู ี่มี การยอ มเปนสีสนั ดว ยเหตนุ ้ี ผทู ท่ี ําอิบาดะฮกฺ อ นหนานจี้ งึ เลอื กทจ่ี ะ ทําอิบาดะฮฺในหองเล็กๆ และมืดสนิท โดยมีพื้นท่ีเทาที่สามารถลง สุดู ไดเทาน้ัน ทง้ั นีก้ ็เพอ่ื ผนวกสมาธิของเขาใหอยใู นที่เดียวกนั แตสาํ หรบั คนท่ีมปี ณธิ านเขมแขง็ พวกเขาจะไปมัสญดิ และ ใชวิธีการลดสายตาและไมวางสิ่งใดบนจุดที่เขาจะสุูด และพวก เขาเช่ือวาความสมบูรณของการละหมาดน้ันคือการไมรูวาคนท่ีอยู รอบๆ ตัวน้ันเปนใครบาง ซึ่งทานอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไม เคยวางส่ิงคัมภีรอัลกุรอานบนที่ละหมาด และจะเก็บดาบและลบ ตวั หนงั สอื ตางๆ ออกจนหมด สวนสาเหตุจากภายในน้ันมีความสําคัญที่สุด ซึ่งผูใดที่ลุม หลงอยกู ับความเพรศิ แพรว ของโลกดนุ ยา เขายอ มไมอ าจทจ่ี ะจํากดั 143

ความนึกคิดในเร่ืองใดเปนการเฉพาะได แตความนึกคิดน้ันจะ ลองลอยไปโนนน่ีนั่น ซ่ึงการลดสายตาอาจจะไมเพียงพอ เพราะสิ่ง ท่ีเกิดในหัวใจต้ังแตแรกน้ันเพียงพอแลวที่มันจะทําใหเขาใจจดจอ อยูกับส่ิงนั้น ซ่ึงวิธีจัดการคือการทําใหจิตใจมุงไปทําความเขาใจใน สิ่งท่ีไดอานในละหมาดโดยทันที และใหจดจออยูกับมันโดยไม วอกแวก และอีกตัวชวยในเร่ืองน้ีคือการเตรียมความพรอมกอนที่ จะตักบีเราะตุลอิหฺรอม ดวยการทําใหจิตใจนกึ ถงึ สภาพของวนั อาคิ เราะฮฺ ชวงเวลาของการเขาเฝา และสภาพท่ตี องอยเู บื้องหนา อัลลอ ฮฺในขณะที่พระองคเฝามองดอู ยู นอกจากน้ีใหหวั ใจวางจากสง่ิ ทว่ี นุ อยูกับมันกอนท่ีจะตักบีเราะตุลอิหฺรอของการละหมาด โดยไม ปลอยใหจิตใจวุนและจดจออยูกับสิ่งน้ัน ดังท่ีทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลัม เคยกลา วแกทานอุษมาน บนิ ฏ็อลหะฮฺ วา ‫إ� �ﺴﻴﺖ أن أﻗﻮل لﻚ أن ﺗﺨﻤﺮ اﻟﻘﺪر اﻟﺬي ﻓﻲ اﻟﺒﻴﺖ ﻓﺈﻧﻪ ﻻ ﻳنﺒﻐﻲ أن‬ ‫ﻳ�ﻮن ﻓﻲ اﻟﺒﻴﺖ ﺷﻲء �ﺸﻐﻞ اﻟﻨﺎس ﻋﻦ ﺻﻼﺗﻬﻢ‬ ความวา “ฉันลืมท่ีจะใหทานปดหมอที่อยูในบาน เพราะมันไม สมควรที่จะใหในบา นมสี ิ่งใดท่ที าํ ใหผ ูคนจดจอ จากการละหมาด” (บนั ทกึ โดยอบูดาวดุ ) ซ่ึงน่ีเปนวิธีทําใหความคิดสงบลง แตถาการใชวิธีการน้ีไม สามารถระงับใหความคดิ ทร่ี ะสํ่าระสายสงบไดก็จะตองใชยาฆา เช้อื 144

เพ่ือทําลายเช้ือโรคที่มอี ยูตามเสนเลือด ดวยการพิจารณาวา ยงั มีส่งิ ใดบางที่ทาํ ใหวุนอยกู ับมนั จนไมสามารถทําใหห ัวใจมสี มาธิได ซ่ึงไม ตองสงสัยวามันคือสิ่งท่ีจิตใจไดจดจออยูกับมัน และยังเปนส่ิงท่ี ความใครไดจดจออยูกับมันดวย ดังนั้นจงจัดการกับจิตใจนั้นดวย การขจัดความใครเ หลานั้นและใหตัดขาดจากส่ิงหวั ใจมคี วามผกู พัน อยู ซึ่งส่ิงท่ีมันไดวุนอยูอ่ืนจากการละหมาดของเขานั้นคือสิ่งท่ีตรง ขามกับศาสนาของเขาและเปนพลพรรคของอิบลีสซึ่งเปนศัตรูของ เขา ดังนั้นการปลอยใหมันมีอยูยอมสงผลอันตรายย่ิงกวาการถอด ถอนมันใหหมดไป สวนวิธีจัดการใหมันบริสุทธ์ินั้นทําไดดวยการ ถอดถอนมันใหหมด ดังที่มีรายงานวาทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม เคยละหมาดโดยสวมเสือ้ ท่ีอบญู ะฮมฺ ไดม อบแกท านซง่ึ มัน มีลวดลาย แตหลังจากที่ทานนบีละหมาดเสร็จทานก็ถอดเสื้อน้ัน อ‫ِﺑﻲ‬อ‫ َأ‬ก‫ َّﻴ ِﺔ‬แ�ِ ‫ﺎ‬ล‫ َﺠ‬ว‫ِﺒ‬ท‫ﺄَ ْﻧ‬า ‫ ِﺑ‬น�นِ ‫ﻮ‬บ‫و ْأี ُﺗ‬ศَ ็อ‫ﻲ‬ล‫ ِﺗ‬ล‫َﻼ‬ลั ‫ﺻ‬ลَ อ‫ْﻦ‬ฮ�ุอَ ะ�ลِ ยัْ‫َﻬﺘ‬ฮْ‫ิل‬ว‫ َأ‬ะ‫َﻬﺎ‬ส�َّ ลั ‫َﻓ ِﺈ‬ล‫ัﻢ‬มٍ ‫ ْﻬ‬ก‫็ َﺟ‬ได‫ﺑﻲ‬กِ ‫ َأ‬ล‫ﻰ‬า‫ َﻟ‬ว‫ ِإ‬ว‫ﻬﺎ‬า ‫ا ْذ َﻫﺒُﻮا ِﺑ‬ ‫َﺟ ْﻬ ٍﻢ‬ ความวา “พวกทาจงเอาไปคืนทานอบีญะฮฺม เพราะมันไดทําให ฉันเสียสมาธิในละหมาด แตจงเอาเสื้อที่ไมมีลวดลายของอ บีญะฮฺมม าใหฉนั แทน” (บันทกึ โดยอลั -บคุ อรีและมุสลิม) และทานเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสลั ลัม เคยสั่ง ใหเปล่ียนเชือกผกู รองเทาของทานใหม แตแลวทา นก็จองมองไปยัง 145

มันในละหมาดเพราะดว ยกบั ทมี่ นั เปน เชอื กใหม ดงั น้นั ทา นจงึ สั่งให เอามันออกไป แลวใหใชเชือกเดิมแทน (บันทึกโดยอิบนุลมุบาร็อก ในหนังสืออัซ-ซฮุ ดฺ  เปนหะดีษมุรสลั ดว ยสายรายงานทีเ่ ศาะฮหี )ฺ สําหรับวิธีท่ีนุมนวลตามท่ีเราไดนําเสนอไปดวยการทําให ความนึกคดิ มีความสงบและการผลกั ดันใหม นั ทําความเขาใจตอ สง่ิ ท่ี ไดร าํ ลกึ น้นั มนั จะเกดิ ผลสาํ หรบั คนทมี่ ีความใครที่ไมไดมากนักและ มีจิตใจที่ไมไดวุนอยูกับส่ิงใดนอกจากความวุนวายท่ีมีอยูในหัวใจ เพยี งเทานั้น แตสําหรับคนที่มีความใครสูง การใชวิธีการทําใหความนึก คดิ มคี วามสงบอาจจะไมเ กดิ ผล แตม ันกลับฉุดกระฉากใหหวนนกึ ถงึ ส่ิงตางๆ จนในท่ีสุดมันก็เอาชนะทานได และมันก็ทําใหการ ละหมาดของทานนั้นไดวุนอยูกับส่ิงท่ีมันดึงดูดไป ยกตัวอยาง ชาย คนหน่งึ ท่ีน่ังอยูใ ตต นไมโดยตอ งการทําใหค วามคดิ ของเขานน้ั ปลอด โปรง แตในขณะเดียวกันเสียงเจี๊ยวจาวของนกก็ดังอยูเหนือเขา และเขาเองก็ไดใชไมใหนกไตไปมาอยูดวย แตเขาก็ไดหวนกลับไป ครุนคิดอีกครั้ง ซ่ึงเมื่อนกไดบินกลับมาอีก เขาก็เลือกท่ีจะท้ิงไมน้นั จึงมีคนกลาวแกทา นวา “หากทานตองการใหมันบรสิ ทุ ธิ์จริงๆ ทาน ตองโคนตนไมไปเสีย” เชนเดียวกับตนไมของความใครหากมันได แตกกิ่งกานสาขาแลวมันก็จะดึงดูดความคิดใหวุนอยูกับมัน ประหนึ่งตนไมท่ีลอนกใหบินไปยังมัน และลอแมลงวันใหบินไปหา 146

ส่ิงสกปรก ทําใหตองงวนอยูกับการไลมันตลอด เพราะแมลงวันน้นั ยิ่งไลมันก็ยิ่งมา ดวยเหตุนี้มันจึงถกู เรียกวา “ซุบาบ” ซึ่งความคิดก็ เชน เดียวกัน สว นความใครที่มอี ยูม ากมายทีน่ อยคนจะหลดุ หา งจาก มันไดน้นั ถา มันไดรวมกับความรกั ทม่ี ีตอ โลกดนุ ยาดวยแลว มนั กจ็ ะ กลายเปนตนตอของทุกความผิด และเปนรากฐานของทุกความ บกพรอ ง นอกจากนย้ี งั เปน บอเกดิ ของความชั่วรายท้ังหลายดวย และผูใดท่ีภายในของเขามีสวนของความรักท่ีมีตอโลกดุน ยาจนมันทําใหเขาไดหันเหไปยังมัน ก็จะไมมีตัวชวยใดท่ีจะ ชวยเหลือเขาในเร่ืองอาคิเราะฮฺได ดังน้ัน จึงไมตองคาดหวังวาเขา จะสามารถล้ิมรสความสุขของการไดเขาเฝาอัลลอฮฺในละหมาด เพราะผูใดที่มีความสุขตอโลกดุนยา เขาก็จะไมมีความสุขที่ไดเขา เฝา อลั ลอฮฺ อันท่ีจริงความต้ังใจของคนๆ หน่ึงข้ึนอยูกับความสุขของ สายตาเขา หากคนๆ หนึ่งมีความสุขกับโลกดุนยาความต้ังใจของ เขาก็จะวนุ อยูกับมันอยางแนน อน กระน้ันกต็ ามก็ไมสมควรทจ่ี ะละ ความพยายามใหหัวใจมีสมาธิในละหมาดและจดั การสาเหตตุ า งๆ ท่ี ทําใหลุมหลงอยูกับมันใหเหลือนอยที่สุด ซึ่งน่ีคือวิธีเยียวยา สวน การปลอยปละละเลยยอมทําใหเกิดแผลท่ีเนาเหม็น และจะทําให เช้ือโรคยังคงหลงเหลือซ่ึงอาจจะเร้อื รงั จนเปนโรคที่รักษาไมหายได ซ่ึงขนาดคนท่เี ปนผูหลกั ผูใหญข องเรา (ชาวสะลัฟในอดีต) พยายาม ที่จะละหมาดสองรอ็ กอตั โดยทีจ่ ิตใจไมน กึ คดิ เรอ่ื งโลกดนุ ยาพวกเขา 147

ยังทําไมไดเลย แลวจะคาดหวังอะไรจากคนอยางเรา แตก็หวังวา การละหมาดของเรานั้นจะมีเสี้ยวหนึ่งที่รอดพนจากการกระซิบ กระซาบ อยางนอยๆ ในความชั่วที่มีอยูน้ันก็ยังมีความดีหลง เหลอื อยูบา ง โดยสรุปแลว แรงปณิธานอันแนวแนท่ีมีตอโลกดุนยากับ แ ร ง ป ณิ ธ า น อั น แ น ว แ น ที่ มี ต อ โ ล ก อ า คิ เ ร า ะ ฮฺ ใ น หั ว ใ จ นั้ น เปรียบเสมอื นนาํ้ ทถี่ ูกเทใสในแกวท่ีเต็มไปดว ยนํ้าสมสายชู ซึ่งเทา ท่ี น้ําถูกเทใสในแกวนัน้ นาํ้ สม สายชูทมี่ ีอยูก็จะทะลักออกมา โดยทีม่ นั ไมอาจรวมอยใู นแกวเดียวกันไดอยางแนนอน 148

วธิ ีทาํ ใหหัวใจมีสมาธิ ในทุกอริ ยิ าบถของการละหมาด ถาหากทานปรารถนาในโลกอาคิเราะฮฺ ทานจะตองเอาใจ ใสในเง่ือนไขและรุกุนตางๆ ของการละหมาดเปนลําดับแรก เสียกอน ซึ่งเงื่อนไขกอนที่จะมีการละหมาดนั้น ไดแก การอะซาน การทําความสะอาด การปกปดเอารัต การผินหนาไปยังทิศกิบลัต การยนื ตรง และการต้ังเจตนา ซึ่งเมื่อทานไดยินเสียงอะซาน ก็ใหหัวใจของทานมี ความรูสึกประหนึ่งวากําลังไดยินเสียงเรียกท่ีนาสะพรึงกลัวในวันกิ ยามะฮฺ และใหทานพยายามทําใหอวัยวะท้ังสวนภายนอกและสวน ภายในตอบรับและรีบเรงไปสูมัน เพราะกลุมคนท่ีไดรีบเรงสูเสียง เรียกนคี้ อื กลุมคนที่จะถกู เรียกขานดว ยความออ นโยนในวันแหง การ ตัดสินท่ียิ่งใหญ ดังน้ัน จงทําใหหัวใจของทานตอบรับเสียงเรียกน้ี เถิด และหากทานพบวาหัวใจดวงน้ีมีความยินดีและเบิกบานท่ีจะ ปรารถนารุดหนาไปสูมัน พึงรูเถิดวาในวันแหงการตัดสินจะมีเสียง เรียกเพ่ือแจงขา วดแี ละชัยชนะอันยิง่ ใหญแ กท านอยา งแนนอน ดว ย เหตนุ ี้ทา นนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮิวะสัลลมั จึงกลาววา ‫ﻳَﺎ‬ ‫ﺑِ َﻬﺎ‬ ‫أَ ِر ْﺣﻨَﺎ‬ ‫ﺑِ َﻼ ُل‬ 149


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook