ความวา “โอบิลาล ! จงทําใหเราผอนคลายดวยกับมันเถิด” (บนั ทกึ โดยอัฏ-เฏาะบะรอนี ในอลั -มอุ ญฺ ัม อัล-กะบรี ) กลาวคือ จงทําใหเราสงบดวยกับการละหมาดและเสียง เรยี กไปสูมันเถดิ เพราะในนนั้ มคี วามสุขสาํ ราญอยู สว นการทาํ ความสะอาดน้ัน หากทา นเคลยี รพ นื้ ท่ที ี่ทานใช ละหมาดใหสะอาดซ่ึงมันเปนสวนที่ไกลจากตัวทาน และหากทาน จัดการเส้ือผาท่ีทานใชละหมาดใหสะอาดซ่ึงมันเปนส่ิงหอหุมท่ีใกล ตัวทาน หรือหากทานจัดการเน้ือตัวของทานใหสะอาดซึ่งมันเปน ชิ้นสวนท่ีใกลท่ีสุดของทาน ก็อยาลืมสวนสําคัญท่ีสุด นั่นคือหัวใจ ของทาน โดยพยายามทําใหม นั บริสุทธิ์ดว ยการเตาบัตและเสยี ใจใน สิ่งที่ทําไป และใหมีความต้ังใจอยางแนวแนที่จะละทิ้งไมทํามันอีก ซ่ึงทานจะตอ งชาํ ระภายในของทานใหมคี วามบรสิ ุทธิเ์ พราะมนั เปน สวนที่จะไดร ับการพิจารณาจากการทําอบิ าดะฮฺของทานวา ถกู ตอบ รบั หรือไม สวนการปกปดเอารัตนั้น พึงรเู ถดิ วาความหมายของมนั คอื การปกปด เรอื นรางสวนท่ไี มดจี ากการมองของผูคน เพราะเรอื นรา ง ภายนอกของทานคือสวนท่ีผูคนจะมองดู สวนเอารัตที่ถูกซอนเรน ภายในของทานจะไมมีใครมองเห็นมันนอกจากพระผูอภิบาลของ ทาน ดังนั้น จงจัดการปกปดสิ่งที่ซอนเรนตางๆ น้ันใหดี และให เช่ือมน่ั วา มันไมอาจปกปดการมองเหน็ ของอัลลอฮฺ สบุ หานะฮูวะตะ 150
อาลา ไดเลย แตสิ่งที่จะลบลางมันก็คือการเสียใจ มีความละอาย และหวาดหวั่นตอสิ่งที่ไดกระทําไป และจงใชประโยชนดวยการนํา ความรูสึกนั้นเขาสูหัวใจของทานเพื่อปลุกพลังของความกลัวและ ความละอาย และใหมีความนอบนอมภายใตความรูสึกท่ีมีความ ละอายใจ และใหยืนอยูเ บ้อื งหนาอลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ในสถานะ บาวที่เต็มไปดวยความผิดซึ่งเสียใจในสิ่งที่ไดทําไปและหวนกลับไป ยังผูที่เขารัก (น่ันคืออัลลอฮฺ) ในสภาพท่ีกมหนากมตาเน่ืองจาก ความละอายและความรูสกึ ทห่ี วาดหว่ัน สวนการผินหนาไปยังทิศกิบลัต คือ ทําใหใบหนาของทาน ไดผินออกจากทิศตางๆ ท้ังหมดแลวมุงสูทิศของบัยตลุ ลอฮเฺ พียงทิศ เดียว ทานคิดหรือวาการทําใหหัวใจผินออกจากทุกสิ่งแลวมุงไปสู อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เปนส่ิงท่ีทานไมปรารถนา ? ไมเชนนั้น แนนอน เพราะไมมีส่ิงใดอีกแลวท่ีทานปรารถนานอกจากมัน และ ในความเปนจริงรางกายภายนอกจะเปนส่ิงกระตุนสิ่งท่ีอยูภายใน และจะทําใหอวัยวะตางๆ ไมวอกแวก ซึ่งการท่ีจะทําใหมันสงบนิ่ง ไดนั้นก็ดวยการทําใหมันมุงไปยังทิศเดียวเทาน้ันทั้งน้ีเพื่อไมใหเปน การละเมิดหัวใจ เพราะหากรางกายละเมิดและอธรรมดวยการ วอกแวกและหันไปมามันก็จะทําใหหัวใจคลอยตามมันไปดวย จน ทําใหมันผินหลังใหกับทิศของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ดังนั้น จงทาํ ใหห ัวใจและรา งกายของทา นหันไปยังทศิ เดียวกนั เถดิ 151
สวนการยืนตรง (อิอฺติดาล) น้ัน คือการท่ีคนๆ หนึ่งและ หัวใจของเขาไดย นื อยูเบือ้ งหนาอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ซง่ึ ทา นตอง ทําใหศีรษะท่ีถือเปนจุดสูงสุดของสรีระอยูในสภาพท่ีนอบนอมถอม ตนและสโิ รราบ และขณะท่ีกําลังยืนตรงอยูน้นั กต็ อ งเนนย้ําใหห วั ใจ มีความนอบนอมถอมตนและปราศจากการเชิดหนาชูตาและหยิ่ง ยโส และในขณะท่ีกําลังยืนอยูเบ้ืองหนาอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ก็ ใหรําลึกถึงความนาสะพรึงกลวั ของการสอบสวนที่จะตอ งมีขน้ึ และ พึงรูเถิดวา หากทานไมสามารถรับรูถึงพระเดชานุภาพของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในขณะที่ทานกําลังยืนอยูเบื้องหนาพระองค โดยท่ี พระองคกําลังเฝามองดูทานอยูนน้ั ก็ใหทานลองนึกถึงสภาพทีท่ าน กาํ ลงั ยนื อยเู บ้อื งหนากษัตรยิ ในโลกน้ี หรืออีกวธิ หี นง่ึ คือใหหาคนดๆี สักคนหรือคนท่ีปรารถนาอยากเห็นทานไดรับสิ่งท่ีดีมาชวยเฝามอง ขณะท่ีทานกําลังละหมาด ซ่ึงหากทุกอริ ิยาบถของการละหมาดคร้งั น้ันมีความสงบ นอบนอมถอมตน และมีสมาธิ และรูสึกหวาดหว่ัน วาสมาธิของการละหมาดอาจจะมีนอย ซึ่งหากทานรูสึกมีสมาธิ อยา งมากขณะทมี่ ีคนกําลังเฝามองดอู ยู กใ็ หตาํ หนติ ัวเองเถดิ แลวให กลาวกับตัวเองวา “ทานอางวารูจักอัลลอฮฺและรักพระองค แต ทําไมทานไมละอายใจท่ีไดเ หมิ เกรมิ ทาํ ความผิดตอ พระองค ทั้งๆ ที่ พระองคทรงใหเกียรติทานเปนบาวของพระองค ?” หรือทานเกรง กลัวตอมนุษย แตกลับไมเกรงกลัวพระองค ท้ังๆ ท่ีพระองคสมควร ยิ่งกวาท่ีจะตองเกรงกลัว ดวยเหตุน้ีในครั้งที่ทานอบูฮุร็อยเราะฮฺ 152
ถามวา “ความละอายตออัลลอฮฺเปนอยางไรหรือ ?” ทานนบี ศ็ﻚอ ِﻠล ْﻫลَ أลั ْﻦล ِﻣอيฮุوอرะوล،ัยَﻚฮิวﻮ ِمะْ َﻗสﻦลัْ ล ِﻣมั ِﻟ ِﺢจﺼﺎงึ َّ กلล اา ِﻞว ُﺟวَّﺮา َﻛ َﻤﺎ � َ ْﺴﺘَ ِﺤﻲ ِﻣ َﻦ ال،� َ ْﺴﺘَ ِﺤ َﻲ ِﻣﻨ ُﻪ ความวา “ความละอายตอพระองค เปนไปเฉกเชนความละอาย ของทานท่ีมีตอคนดีจากกลุมชนของทาน” และในบางรายงาน “จากครอบครัวของทาน” (บันทึกโดยอัล-เคาะรออิฏี ใน “มะกา รมิ อัล-อัคลาก” ในสายรายงานมนี กั รายงานทต่ี อ งพิจารณา) สวนการตั้งเจตนานั้น คือการต้ังใจสนองอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ในการปฏิบัติตามคําส่ังใชของพระองคดวยการละหมาด ใหสมบูรณ และยับย้ังจากส่ิงท่ีทําใหการละหมาดบกพรองหรอื เปน โมฆะ รวมถึงการมีความบริสุทธิ์ใจตออัลลอฮฺในทุกอิริยาบถเพื่อ แสวงหาพระพักตรของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา โดยหวังใน ผลบญุ ของพระองค และหวาดหวั่นตอ การลงโทษของพระองค และ วอนขอการไดอยูใกลชิดพระองค และใหแสวงหาความกรุณาธิคุณ ของพระองคใหอนุญาตทานในการเขาเฝามุนาญาจทั้งๆ ที่ทานทํา ตัวไมด ีและมกั จะฝาฝน พระองค และการตั้งเจตนาจะมีความสาํ คญั สําหรับทานมันข้ึนอยูกับการเขาเฝามุนาญาจฺพระองค และการ พิจารณาวาใครที่ทานกําลังเขาเฝามุนาญาจอยู และทานเขาเฝามุ นาญาจอยางไร และดวยอะไรที่ทานไดเขาเฝามุนาญาจ ? ฉะน้ัน สมควรอยางยิ่งที่ทา นตองทําอยางสุดความสามารถ และใหรูสึกสนั่ กลวั และหนา ซีดเนอ่ื งดว ยความหวาดหว่นั และเกรงกลวั 153
สวนการตักบีร เม่ือทานไดกลาวมันดวยลิ้นก็สมควรที่ จะตองไมโกหกหัวใจของทาน ซึ่งหากในหัวใจของทานมีส่ิงอ่ืนท่ี ย่งิ ใหญก วา อัลลอฮฺก็ถือวาทานเปน คนโกหก และหากวา คาํ กลา วนนั้ มันมีความสัจจริงเฉกเชนท่ีพวกมุนาฟกูนไดยืนยันในคํากลาวของ พวกเขาไววา “แทจริงทานเปน เราะสูลของอัลลอฮ”ฺ แสดงวาความ ใครของทานอยูเหนือคําส่งั ใชของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ซึง่ ทา นได เชื่อฟงคลอยตามมันมากกวาอัลลอฮฺ ตะอาลา ซึ่งแนนอนวาทาน กําลังยึดมันเปนพระเจาของทานและยกมันเหนือส่ิงอื่นใด จนใน ที่สุดคํากลาวของทานท่ีวา “อัลลอฮุอักบัร-อัลลอฮฺทรงย่ิงใหญ ท่ีสุด” ก็จะเปน เพียงลมปาก ท้ังๆ ท่ีหัวใจของทา นไมมีสวนใดๆ กับ มันเลย และมันคงเปนส่ิงอันตรายอยางย่ิงหากไมมีการเตาบัตกลับ เน้อื กลบั ตัว และการคดิ บวกท่ีมีตอ ความกรณุ าธคิ ณุ ของอัลลอฮฺ ตะ อาลา และการใหอ ภัยของพระองค ไดกลาวสควือน΅กⁿาضรดَ ุرอْ َﻷาอواอิส ِتติاฟﻤ َﻮตَﺴาلหฺ اนﻄ้ั َﺮนَ �َ ใน ْيป�ِ รلะ�โَ ยِ ค ْﺟท َوอﺖนُ แﺟ ْﻬรَّ ก َو₧ท่ีท(าขนา พระองคขอผินหนาของขาพระองคแดผูที่สรางบรรดาชั้นฟาและ แผนดิน) ในท่ีน้ีไมใชผินหนาไปยังพระพักตของอัลลอฮฺจริงๆ แต เปนการผินหนาไปยังทิศกิบลัต เพราะอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอา ลา ไมไดอยูทางทิศน้ัน แตใหใชหัวใจในการมุงสูผูที่สรางบรรดาช้ัน ฟาและแผนดิน แลวใหพิจารณาดูวามันไดมุงสูความเพอฝนและ แรงจูงใจที่มีอยูในบานและทองตลาดซึ่งเปนการคลอยตามความ 154
ใคร หรือมุงสูผูท่ีสรางบรรดาชั้นฟาทั้งหลาย ? และขอใหทานระวงั การเร่มิ เขา เฝา มนุ าญาจดวยการเสแสรง ซึ่งทานไมสามารถผินหนาไปสูอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดเวนแต ทานจะตองไมผินไปยังสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค ดังนั้น จงมุงมั่น ต้ังใจในชวงขณะที่ผินหนาไปยังพระองค และหากทานไมสามารถ ทาํ เชนนน้ั ไดตลอดเวลาก็ใหท า นกลาวประโยคนี้ดวยความสจั จริง และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ َﺣﻨِ ْﻴ ًﻔﺎ ُم ْﺴﻠِ ًﻤﺎ₧΅(ในฐานะผูใฝหา ความจรงิ ผูสวามิภกั ดิ์) สมควรอยางยง่ิ ทท่ี า นตองสํานึกอยูเ สมอวา คนท่ีเปนมุสลิมน้ัน ล้ินและมือของเขาจะตองใหความปลอดภัยตอ คนมุสลิมทั้งหลาย ซึ่งหากทานไมทําเชนนั้นก็ถือวาทานเปนคน โกหก ดังนั้น จงมุงมั่นต้ังใจทําส่ิงตางๆ ในภายภาคหนาดวยดีและ ใหเ สยี ใจในสง่ิ ตา งๆ ทไ่ี ดทําไปกอนหนา นี้ และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ �َ ِ� َو َﻣﺎ أ َﻧﺎ ِﻣ َﻦ ال ُﻤ ْﺸﺮ₧΅(และขา พระองคมิใชคนหนึ่งในหมูผูตั้งภาคี) ก็ใหทานนึกถึงการทําชิริก เลก็ เพราะคําดํารสั ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทีว่ า ِبِ ِع َبا َدة �ُ ۡ ِ� ۡك �َ َو َ�ٰلِ ٗحا �ٗ َ� َم َف ۡل َي ۡع َم ۡل َي ۡر ُجواْ ِل َقآ َء َر ّ�ِهِۦ ﴿ َ� َمن َ� َن [١١٠ :﴾ ]الﻜﻬﻒ ١١٠ �َر ّ�ِهِۦٓ أَ َح َ ۢد ความวา “ดังน้ัน ผูใดหวังท่ีจะพบพระผูเปนเจาของเขา ก็ใหเขา ประกอบการงานที่ดี และอยาต้ังผูใดเปนภาคีในการเคารพภักดี ตอพระผเู ปน เจาของเขาเลย” (สูเราะฮอฺ ัล-กะฮฺฟ อายะฮทฺ ี่ 110) 155
ซึ่งถูกประทานลงมาแกคนท่ีมุงเจตนาทําอิบาดะฮฺเพ่ือ แสวงหาพระพักตของอัลลอฮฺในขณะเดียวกันก็ตองการคําช่ืนชม ของผูคนดวย เมื่อเปนเชนนี้ทานจงระวังจากการทําชิริกน้ีดวยเถิด และใหสรางความรูสึกที่ไมสบายใจหากทานพบวาตัวทานน้ันไมได เปนหนึง่ ในชาวมชุ รกิ นี แตก ็ยังไมไ ดหลดุ พน จากการทาํ ชริ กิ น้ี เพราะ ข้นึ ช่อื วา ชริ กิ นน้ั มันเกดิ ขน้ึ ไดท ง้ั ในกรณีเลก็ นอยและมากมาย และเม่ือทา นกลา ววา ΅ⁿِ َ ْ� َﻴﺎ َي َو َم َﻤﺎ ِﺗﻲ ﷲ₧΅(การมีชีวิตของ ขาพระองค และการตายของขาพระองคน ้ันเพื่ออัลลอฮฺ) พึงรูเ ถิด วา น่ีคือสภาพท่ีบาวคนหน่ึงไมมีอะไรหลงเหลือ แตเขาก็ยังมีนาย ของเขาอยู แตหากมันมาจากผูที่กระตุนเขาในการมีชีวิตและเตือน สําทับจากการเสียชีวิตในเร่ืองที่เก่ียวกับโลกดุนยา เขาก็จะไมมี ความรูส ึกที่เจบ็ ปวดในสภาพเชนน้ัน และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ أﻋﻮذ ﺑﺎﷲ ﻣﻦ الﺸﻴﻄﺎن الﺮﺟﻴﻢ₧΅ (ฉันขอความคุมครองตออัลลอฮฺจากชัยฏอนที่ถูกสาปแชง) พึงรู เถิดวา มันเปนศัตรูของทานและคอยจองหันเหหัวใจของทาน จากอลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เนื่องดวยความอิจฉารษิ ยาท่ีทานไดเ ขา เฝามุนาญาจและสุูดตออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในขณะที่ มันถูกสาปแชงเน่ืองดวยการปฏิเสธการสุูดเพียงคร้ังเดียวและไม เห็นดวยที่จะทํามัน และการขอความคุมครองตออัลลอฮฺ สุบหา นะฮู วะตะอาลา จากมันนั้นตองเปนไปดวยการละท้ิงส่ิงที่มันชื่น ชอบ และส่ิงที่มันไดบ ิดเบือนจากท่ีอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทรงชื่น 156
ชอบ ไมใชเปนเพียงแคลมปากเทานั้น เหมือนกับผูที่กําลังถูกสตั วด ุ รายมุงทํารายหรือคนท่ีเปนศัตรูจองท่ีจะทํารายหรือฆา แลวเขา เพียงกลา ววา ฉนั ขอความคมุ ครองจากความเลวรายของมนั ท้งั ๆ ที่ เขาก็ยังอยูท่ีเดิมไมไดหนีไปไหน การทําเชนนั้นไมไดกอประโยชน อะไร แตหนทางท่ีจะไดรับการปกปองจากมันก็คือการไมอยูท่ีเดิม เชนเดียวกันกับการคลอยตามความใครซ่ึงเปนส่ิงที่ชัยฏอนช่ืนชอบ แตเปนส่ิงท่ีผูทรงเมตตานั้นไมชื่นชอบก็ไมเพียงพอกับการกลาว เพียงแคล มปาก ดังนน้ั ตอ งควบคคู ํากลา วนัน้ ดว ยการมงุ มนั่ ตั้งใจขอ ความคุมครองตออัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จากความช่ัวรายของ ชัยฏอน และพึงรูเถิดวา หน่ึงในกลลวงของมันในการหลอกลอให ทานวุนในละหมาดกค็ ือ การทาํ ใหทานนกึ ถงึ โลกอาคเิ ราะฮฺและการ ทําความดตี างๆ ท้ังนีเ้ พ่อื หกั หา มทานจากการทําความเขาใจในส่ิงที่ ทานกําลงั กลา วอยู ดังนั้นพึงรูเถิดวา ส่ิงใดก็ตามที่ทานกําลังวุนอยูกับมันอื่น จากการทําความเขาใจในนยั ที่ทานกําลังกลาวอยูนนั้ คือการกระซิบ กระซาบ (วิสวาส) เพราะการขยับของล้ินนั้นไมไดเปนเปาหมาย หลัก แตเ ปา หมายหลกั ของมันคอื นัยของมันตา งหาก สําหรับการอานในละหมาดน้ันไดแบงผูคนออกเปนสาม ระดบั ข้ัน หนงึ่ คนทใี่ ชล้นิ กลาว แตห วั ใจกลบั หลงลืม 157
สอง คนทใ่ี ชล ้นิ กลา ว และหวั ใจของเขากค็ ลอ ยตามสิง่ ทลี่ นิ้ กลาว ซ่ึงเขาจะทาํ ความเขาใจและสดบั ฟงมันประหนง่ึ วาเขาไดส ดบั ฟงจากคนอ่ืน จําพวกนี้คือระดับข้ันของชาวอัศหาบุลยะมีน (กลุม คนทไี่ ดเ ขา สวนสวรรค) สาม คนที่หัวใจของเขาไดบรรลุถึงนัยตางๆ ที่เขาไดกลาว แลวหัวใจของเขาก็ใชล ิ้นเปน กระบอกเสียงถายทอดมันออกมา มั น มี ค ว า ม แ ต ก ต า ง กั น ม า ก ร ะ ห ว า ง ก า ร ที่ ลิ้ น เ ป น กระบอกเสียงของหัวใจกับการท่ีมันเปนผูสงขอมูลแกหัวใจ แต สาํ หรบั คนท่มี คี วามใกลชดิ (อัลมกุ ็อรรอบนู ) น้ัน ล้นิ ของพวกเขาจะ คอยเปน กระบอกเสียงของหัวใจ โดยไมปลอยใหห วั ใจคลอ ยตามมัน สวนรายละเอียดของการอธิบายนัยตางๆ ของคํากลาวน้ัน เม่ือทานกลาววา΅ⁿ �ﺴﻢ اﷲ الﺮﺣﻤﻦ الﺮﺣﻴﻢ₧΅(ดวยพระนาม ของอัลลอฮฺ ผูทรงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ใหทานต้ัง เจตนาขอความบารอกัตจากการอานนี้ในการเร่ิมตนอานคําดํารัส ของอลั ลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา และใหเขา ใจวากิจการทกุ อยาง ลวนเปนของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ซึ่งนัยของพระนามใน ที่นี้คือพระนามท่ีถูกเรียกขาน และหากกิจการท้ังหลายลวนเปน ของอัลลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา จึงไมแ ปลกที่΅ⁿاﻟﺤﻤﺪ ﷲ₧΅(การ สรรเสริญท้ังหลายเปนสิทธิของอัลลอฮฺ) จะมีนัยเปนการขอบคณุ หรือชุกูรตออัลลอฮฺ เน่ืองจากความโปรดปรานท้ังหลายนั้นมา จากอัลลอฮฺ ซ่ึงใครก็ตามที่เห็นวายังมีความโปรดปรานอ่ืน 158
จากอัลลอฮฺ หรือมุงขอบคุณตอส่ิงอ่ืนจากอัลลอฮฺ โดยเชื่อวามันไม ไดมาจากอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ดังนั้น การกลาวพระนามของ พระองคและการสรรเสริญพระองคนั้นยอมมีความบกพรองเทาท่ี เขาไดหันเหไปยังส่ิงอ่ืนจากอัลลอฮฺ ตะอาลา ซึ่งเมื่อทานกลาววา΅ ⁿالﺮﺣﻤﻦ الﺮﺣﻴﻢ₧΅(ผทู รงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ก็ใหหัวใจ ของทานนึกถึงความกรุณาธิคุณของพระองคทั้งหมด ท้ังน้ีเพ่ือท่ีจะ ไดรูถึงความเมตตาของพระองค ซ่ึงจะทําใหทานมีความหวังตอมัน หลังจากนั้นก็ใหหัวใจของทานมีความรูสึกถึงความยิ่งใหญและมี ความหวาดหว่ันดว ยการกลา ววา ⁿﻣﺎلﻚ ﻳﻮم اﻟﺪﻳﻦ₧΅(ผูทรงอภสิ ิทธ์ิ แหงวันตอบแทน) การท่ีตองรูสึกถึงความย่ิงใหญก เ็ นือ่ งจากวาไมมี ผูใดที่จะทรงอภิสิทธิ์นอกจากพระองคเทาน้ัน สวนความหวาดหวนั่ น้ันมันเกิดมาจากความนา สะพรงึ กลัวของวนั แหง การตอบแทนและ วนั แหงการสอบสวนซึง่ พระองคเ ปน ผทู รงอภสิ ิทธ์ิเหนือมนั หลงั จาก นนั้ ก็ใหท า นปรับการตง้ั เจตนาใหมีความบรสิ ุทธิ์ใหมอกี คร้ังดวยการ กลาววา΅ⁿإﻳﺎك ﻧﻌﺒﺪ₧΅(เฉพาะพระองคเทานั้น ที่พวกขาพระองค เคารพอิบาดะฮฺ) และใหทานยอมรับในความออนแอและมีความ ตองการในการพ่ึงพาพระองค รวมถึงใหปฏิเสธความสามารถของ ตัวเองดวยการกลาววา΅ⁿ �و�ﻳﺎك �ﺴﺘﻌ₧΅(และเฉพาะพระองค เทาน้ันท่ีพวกขาพระองคขอความชวยเหลือ) และใหเช่ือมั่นวา ทานไมอาจท่ีจะฏออะฮฺตอ พระองคไดอยางงา ยดายเวน แตดวยการ ชวยเหลือของพระองค ซึ่งถือวาเปนความโปรดปรานหากพระองค 159
ไดเตาฟกใหทานสามารถฏออะฮฺตอพระองคและทรงเปดโอกาสให ทานรับใชดวยการทําอิบาดะฮฺตอพระองค นอกจากนี้ยังทําใหทาน เปนกลุมชนที่มีสิทธิ์เขาเฝามุนาญาจตอพระองค และหากวา พระองคทรงหกั หามตวั ทานจากการไดรบั เตาฟก แนน อนวาตัวทา น จะกลายเปนคนท่ีถูกขับไลไสสงพรอมๆ กับชัยฏอนที่ถูกสาปแชง ซ่ึงหลังจากท่ีทานไดกลาวขอความคุมครอง และกลาว΅ⁿ الﺮﺣﻤﻦ الﺮﺣﻴﻢ₧΅(ผูทรงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ตามดวยการ สรรเสริญตอพระองค และใหเผยถึงความรูสึกที่ตองพ่ึงพาความ ชวยเหลือตอพระองค ก็ใหทานวอนขอตอพระองคในส่ิงท่ีทานมี ความตองการมากท่ีสดุ โดยใหกลาว΅ⁿاﻫﺪﻧﺎ الﺼﺮاط اﻟﻤﺴﺘﻘﻴﻢ₧΅(ขอ พระองคท รงแนะนาํ พวกขาพระองค ซึ่งทางอันเท่ียงตรง) ซง่ึ เปน ส่งิ ทจี่ ะนาํ พาเราไปสกู ารใกลชดิ พระองค และจะทําใหเ ราไปสคู วาม พึงพอพระทัยของพระองค นอกจากนี้ยังใหเนนย้ําดวยการขออยู รวมกับกลุมชนท่ีพระองคไดใหความโปรดปรานแหง ทางนําแกพ วก เขา อันไดแกบรรดานบี บรรดาผูที่เชื่อโดยดุษฎี บรรดาผูที่เสียชวี ิต ในสงคราม และบรรดาผูที่ประพฤติดี ไมใชกลุมชนที่พระองคทรง โกรธกร้วิ พวกเขา อนั ไดแ กพ วกปฏเิ สธศรัทธา และกลมุ ชนท่หี ลงผดิ ที่เปนชาวยิว ชาวคริสต และชาวศอบิอีน (พวกบูชาดวงดาว) หลังจากน้ันใหวอนขอการตอบรับจากพระองคดวยการกลาววา΅ ⁿ�آﻣ₧΅(ขอพระองคทรงตอบรับมันดวยเถิด) ซ่ึงเม่ือทานอานสู เราะฮฺอัล-ฟาติหะฮฺก็ใหทานมีความรูสึกเสมือนวาเปนหน่ึงในคน 160
ที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ดํารัสถึงพวกเขา ดังท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ลยั ฮวิ ะสัลลัม ไดก ลาววา ΅΅ نلال،ﺒْااَّﺒﺒْْ ِﺪَِ�ََوِِﻗﻗﺪﺪِ�يﺎﺎ َََيذَْيي،�َْﻟ�ٰ ََّﺬِﻲَﺪَ�َاﻓوَ ِ�ِﺈط ِﻟَََ�يذذَ َٱﻌ،َْﺒ،�ﺎََِ�ﺪﺳَلﺄَضوَِْ َصَي��ِلاَﻫ،ِْْﻤَيﻴﻣَْﻓََﺎِ�ﺪََّمﻮَﻗﺒ،ِ�ََِٱﻗَﻋلﺎََأََّوﺰوطَْﺛَِّﻟَﻗلضََﺎٱوَﻌآلَۡ�ﺒََّْلِلﺟﻫُم َِّﺪﻋََﺬَۡﻞم�سﻠَاَّﺮََّتيﻲﺣًَة﴾َق،ﻴَِِْۡ�ح﴾َرﻓِ�يۡﺈِع� َﻗٱُِبَملذﺎبۡ َُاَوَدمال﴾َ�ۡﻟغَﻗْاﺎَﻌﻗَُ�َﺎﺎ�ضَّﻟليَُﻤﷲاول َ�ََِا﴿ك�ﺒْبَ�ّا ِ�َﺪَۡ﴾ﺪُهَﷲعِ ۡ َِﻗسلَدي�ﺎَۡتيَنَﻋَاِﻧِهِعَّلَﺰ�ۡٱْماﺒُْلﺼَ�وََِﺪوﻔََُِّْﷲﺟص﴾�ََِّي��ٰﻞ،َٱةﻳَلَ ِلكََّ�َرﻦﷲغ،اَ�ََََﻗﻗﻓوﻟۡ�ﺎِﺈ﴿ِﻟَََﻌَََعﺴﻣذَلﻌﺒْﺎۡاْمﻤﺒْلُِﺪ َِﺪَُِﻗ﴿تﺎﺖﻚٱ َْل﴿ياﻳالََّرلعﻟﻮ ََلﻣِﺤَمۡﺎيﺼ﴿ﻤاِِهإ�َﻟَّيۡﺪﺳمﻼِّﺪاﺄ َو ِﻟ َﻌﺒْ ِﺪ ْي َﻣﺎ َﺳﺄ َل ความวา “พระองคอัลลอฮฺไดทรงกลาววา ขาแบงการละหมาด ระหวางขากับบาวของขาเปนสองสวน และสําหรับบาวของขา จะไดรับในสิ่งที่เขาขอ ฉะน้ันเมื่อบาวไดกลาววา “อัลหัมดุลิล ลาฮิร็อบบิลอาละมีน” พระองคอัลลอฮฺก็กลาววา บาวของขาได สรรเสริญขา และเม่ือบาวกลาววา “อัรเราะหฺมานิรรอฮีม” พระองคอัลลอฮฺก็กลาววา บาวของขาไดขอบคุณขา และเมื่อ บาวกลาววา “มาลิกิเยามดิ ดีน” พระองคอัลลอฮกฺ ็กลา ววา บาว ของขาไดใหความยิ่งใหญแกขา และบางคร้ังกก็ ลาววา บาวของ ขา ไดใหความสําคญั แกขา และเมอ่ื บาวกลาววา “อยิ ยฺ ากะนะอฺบุ ดุ วะอิยฺยากะนัสตะอนี ” พระองคอัลลอฮกฺ ็กลาววา ส่ิงน้ีระหวาง 161
ขากับบาวของขา และสําหรับบาวของขาจะไดรับในสิ่งที่เขาขอ และเม่ือบาวกลาววา “อิฮฺดินัศศิรอฏ็อลมุสตะกีม...(จนจบสู เราะฮ)ฺ ” พระองคอ ัลลอฮกฺ ็กลาววา สิง่ นีส้ ําหรับบา วของขา และ สาํ หรบั บา วของขา จะไดร บั ในสง่ิ ท่ีเขาขอ” (บันทกึ โดยมสุ ลิม) ดงั นน้ั หากทานไมไดรบั สิ่งใดเลยจากการที่ทานไดละหมาด นอกจากการท่ีอัลลอฮฺไดกลาวถึงทานในความเกรียงไกรและความ ยิ่งใหญข องพระองค มันกเ็ ปนสง่ิ ที่เพยี งพอยง่ิ กวาทรัพยสมบัตติ า งๆ เชนเดียวกันสมควรอยางยิ่งท่ีจะตองทําความเขาใจสิ่งท่ีทานไดอา น สูเราะฮฺตางๆ (ดังท่ีเราจะนําเสนอเทคนิคการอานอัลกุรอาน หลังจากน้ี) ซง่ึ ทา นจะตองไมลืมเนือ้ หาทีเ่ ปน ขอ ส่ังใช ขอหา ม คาํ มน่ั สัญญา ขอเตือนสําทับ รวมถึงเรื่องเลาเก่ียวกับบรรดานบีและการ กลาวถึงความโปรดปรานและความกรุณาธิคุณท่ีมีอยูในนั้น ซึ่งทุก ส่ิงทุกอยางลวนมีสิ่งท่ีคูควรกับมัน สําหรับความหวังก็คูควรกับ คําม่ันสัญญา สวนความหวาดกลัวก็คูควรกับขอเตือนสําทับ และ ความมุงม่ันตั้งใจก็คูควรกับคําสั่งใชและคําสั่งหาม และการกลาว เตือนใหตระหนกั กค็ คู วรกับขอตกั เตอื น สว นการขอบคุณก็คูควรกบั การกลาวถึงความโปรดปรานที่มอี ยู และการใหร าํ ลกึ เก็บบทเรียนก็ คูควรกบั เรอื่ งเลา ของบรรดานบี มีรายงานวาหลังจากที่ทานซุรอเราะฮฺ บินเอาฟาอานคํา ดํารัสนข้ี องอลั ลอฮฺ ตะอาลา จบ 162
΅ [٨ : ﴾ ]اﻟﻤﺪﺛﺮ٨ ِ﴿ فَإِ َذا نُقِ َر ِ� ٱ�َّاقُور ความวา “ในที่สุด เมื่อเสียงเปาถกู เปาขน้ึ ” (สูเราะฮฺอัล-มุดดัษษิร อายะฮฺที่ 8) ทานก็ลมลงเสียชีวิต (ดูใน “อัล-หิลยะฮฺ” โดยอบูนุอัยม หนา 2/258) และเมื่อทานอิบรอฮีม อัน-นะเคาะอี ไดยินคําดํารัส ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทีว่ า [١ : ﴾ ]اﻻ�ﺸﻘﺎق١ ﴿ إِ َذا ٱل َّس َمآ ُء ٱ� َش َّق ۡت ความวา “เมื่อช้ันฟาไดแตกแยกออก” (สูเราะฮฺอัล-อินชิกอก อา ยะฮฺท่ี 1) จะรูส กึ ลุกลีล้ กุ ลนตามขอ กระดกู ตา งๆ ซึ่งปฏิกิริยาในท่ีน้ีจะเปนไปตามระดับขั้นของความเขาใจ และความเขา ใจก็จะเปน ไปตามความรูท ี่มีอยูและความบรสิ ุทธ์ิของ หัวใจ ซึ่งระดับขั้นของมันจะไมม ีขีดจํากัด สําหรับการละหมาดน้ัน คือกุญแจไขไปสูหวั ใจ ซ่ึงในนนั้ จะ เผยความมหัศจรรยของถอยคําตางๆ ที่ถูกซอนไว และนี่คือสิ่งที่ คูค วรของการอา นอลั กรุ อาน และเปนสงิ่ เดยี วกันกับการอา นอซั การ และการกลาวตสั บีหตฺ างๆ นอกจากน้ีใหร ักษาความรสู ึกท่ีใหเกียรติ ในขณะทอ่ี า นมัน โดยใหอ า นแบบชัดถอ ยชดั คําไมต องรีบเรง เพราะ 163
มนั จะงายตอ การพนิ จิ ใครครวญในความหมาย และใหใ ชเ สยี งในแต ละอายะฮฺแตกตางกันไปตามเนื้อหา อายะฮฺท่ีกลาวถึงความเมตตา กลาวถึงการลงโทษ กลาวถึงคํามั่นสัญญา กลาวถึงการเตือนสําทับ การสรรเสริญ การแสดงถึงความย่ิงใหญ และการยกยองเชิดชู เหลานี้ตองใชน ้าํ เสยี งท่แี ตกตา งกนั เมอื่ ทานอัน-นะเคาะอีอานมาถึงคําดํารัสของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ทว่ี า [٩١ : ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٩١ ﴿ َما ٱ َّ َ� َذ ٱ َّ ُ� ِمن َو َ ٖ� َو َما َ� َن َم َع ُهۥ ِم ۡن إِ َ�ٰ ٍ�ه ความวา “อัลลอฮฺมิไดทรงตั้งผูใดเปนพระบุตร และไมมีพระเจา อนื่ ใดคูเคยี งกับพระองค” (สเู ราะฮอฺ ัล-มุอมินนู อายะฮฺที่ 91) ทานก็จะลดเสียงใหคอยลงเนือ่ งจากละอายที่จะกลา วสิ่งใด ก็ตามที่ไมคูควรกับพระองค (ในกรณีเชนน้ีใชในขณะที่ละหมาด เพยี งลาํ พังเทานน้ั แตใ นกรณีทีล่ ะหมาดเปน ญะมาอะฮฺ จําเปน ท่ีเขา ตองเปลงเสียงใหมะอมูมไดยิน เน่ืองจากไมมสี ุนนะฮฺที่ขดั แยงกนั ใน เร่ืองน้ี) และมีรายงานวา (ในวันอาคิเราะฮฺ) จะมีผูท่ีกลาวแกนัก อา นอลั กรุ อานวา اﻗْ َﺮأْ َوا ْرﺗَ ِﻖ َو َرﺗِّ ْﻞ َﻛ َﻤﺎ ُﻛﻨْ َﺖ ﺗُ َﺮﺗِّ ُﻞ ﻓﻲ اﻟ ُّﺪ ْ� َﻴﺎ 164
ความวา “จงอานและจงเล่ือนขึ้นตามระดับขั้น (ในสวรรค) และ จงอา นอยา งชัดถอยชัดคาํ ดงั ทีท่ า นเคยอานในโลกดนุ ยามากอน” (บันทกึ โดยอบูดาวุด) สําหรับชวงขณะท่ีกําลังยืนละหมาดน้ันใหเขาเอาใจใสให หัวใจอยูกับอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ตลอดเวลา โดยไมวอกแวกไป มา เพราะทานนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลมั ไดกลา ววา إِ َّن ا َّ َ� َﻋ َّﺰ َو َﺟ َّﻞ ُﻣ ْﻘ ِﺒ ٌﻞ ﻋَﻠَﻰ الْ ُﻤ َﺼ ِّ� َﻣﺎ لَ ْﻢ ﻳَﻠْﺘَ ِﻔ ْﺖ ความวา “แทจริง อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จะคงผินไปยังคน ละหมาดตราบท่ีเขาไมหันไปไหน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มสุ ลิม) และเฉกเชนท่ีตองระวังศีรษะและสายตาจากการวอกแวก ไปมา ก็ตองระวังจิตใจจากการวอกแวกไปยังสิ่งอ่ืนจากการ ละหมาดดวย ดังน้ันหากเขาไดหันเหไปยังสิ่งอ่ืนเขาก็จะนึกถึงการ เฝามองของอัลลอฮทฺ ี่มีตอ เขา และการทเ่ี ขาหลงลืมผูท่กี ําลงั เขา เฝา อยูน้ันถือเปนการกระทําท่ีนารังเกียจทําใหเขาตองหวนกลับมายัง พระองคอีกคร้ัง ทั้งยังมุงม่ันตั้งใจที่จะทําใหหัวใจมีสมาธิมากยิ่งข้ึน เพราะการควบคมุ ไมใหจติ ใจและรา งกายวอกแวกไดน นั้ มันเปนผลท่ี เกิดจากการมสี มาธิ (คชุ ูอฺ) 165
ขณะท่ีทานอบูบักรฺ อัศ-ศิดดีกละหมาด ทานจะเปน ประหน่ึงตอกหมุดที่ม่ันคง สวนทานอิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ จะเปน ประหน่ึงไมขอน สวนการรุกูอฺของเศาะหาบะฮฺบางทานจะสงบน่ิง จนกระท่ังนกสามารถยืนเกาะไดเพราะคิดวาเปนทอนไม สภาพ เหลานี้มันจะเปนเหมือนการยืนตอหนาคนที่เรารับรูวาเขาเปนคน ใหญคนโต แลวเปนไปไดอยางไรหากมันไมถูกใชสําหรับการยืนอยู เบ้ืองหนาผูท่ีรูดีวาเปนกษัตรยิ ของบรรดากษัตริยท้ังหลาย แนนอน วาคนท่ีมีความสงบน่ิงเม่ืออยูตอหนาผูอ่ืนจากอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ละ แตเขากลับลุกลี้ลุกลนเม่ืออยูเบ้ืองหนาอัลลอฮฺนั้นมันเกิดจาก การที่เขาบกพรองในการรับรูถึงความเกรียงไกรของอัลลอฮฺ และ การเฝา มองดสู ่งิ ทีค่ วามนึกคดิ ของเขาไดซอนเรน อยู ทา นอกิ ริมะฮไฺ ดกลาวถึงคาํ ดาํ รสั ของอัลลอฮทฺ ีว่ า َّ َو َ� َق ُّل َب َك َ� ُقو ُم �َ ِح يَ َرٮٰ َك ٱ ِ�ي ،٢١٨ : ]الﺸﻌﺮاء ﴾ ٢١٩ ٱل َّٰس ِج ِدي َن �ِ ٢١٨ ﴿ [٢١٩ ความวา “ผูทรงเห็นเจาขณะที่เจายนื อยู และการเคล่อื นไหวของ เจา ในหมผู สู ุูด” (สเู ราะฮฺอัช-ชอุ ะรออ อายะฮทฺ ่ี 218-219) พระองคทรงเห็นขณะที่เขายืน ขณะท่ีเขารุกูอฺ ขณะท่ีเขา สุูด และขณะที่เขานง่ั สวนการรุกูอฺและการสุูดนั้น สมควรท่ีทานจะตองนึกถึง ความยง่ิ ใหญของอลั ลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา และใหวอนขอการ 166
อภัยโทษตอพระองค อัซซะวะญัลละ จากการลงโทษของพระองค ดวยการปรับเจตนาใหมและดําเนินตามสุนนะฮฺของทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หลังจากน้ันก็ใหคะย้ันคะยอพระองค อยางนอบนอมถอมตนดวยการรุกูอฺของทาน และใหมุงม่ันต้ังใจ ปรับหัวใจของทานและใหมันมีสมาธิใหมอีกคร้ัง พรอมๆ กับใหมี ความรูสึกถึงเกียรติอันสูงสงของพระเจาของทาน ในขณะท่ีตัวทาน ออนแอแตพระผอู ภิบาลของทา นนนั้ มีความสูงสงอยางยง่ิ นอกจากน้ีใหทานใชลิ้นชวยกระตุนหัวใจของทานดวยการ กลาวแสดงความบริสุทธ์ิตอพระผูอภิบาลของทาน และยืนยันถึง ความย่ิงใหญของพระองคน้ันมีเหนือทุกส่ิงทุกอยาง และใหหัวใจ ของทานทําหนาที่ยืนยันมัน ทั้งนี้เพื่อเปนการตอกย้ําถึงความ ยิ่งใหญของพระองค หลังจากนั้นใหท านเงยจากการรกุ ูอใฺ นสภาพที่ เปย มไปดว ยความหวังวา พระองคจะทรงเมตตาทาน และใหต อกย้าํ ความหวังที่ทานมีอยูดวยการกลาว΅ⁿﺳﻤﻊ اﷲ ﻟﻤﻦ ﺣﻤﺪه₧΅(อัลลอฮฺ ทรงไดยินผูท่ีกลาวสรรเสริญพระองค) หมายถึง พระองคจะทรง ตอบรับผูที่ขอบคุณพระองค หลังจากน้ันก็ใหตอดวยการกลาววา΅ ⁿر�ﻨﺎ لﻚ اﻟﺤﻤﺪ₧΅(โอพระผูอภิบาลของเรา การสรรเสริญนั้นเปน ของพระองค) และใหเพิ่มการสรรเสริญดวยการกลาววา΅ⁿ مﻞء الﺴﻤﻮات ومﻞء اﻷرض₧΅(เปนการสรรเสริญท่ีเต็มฟากฟาและ แผนดิน) หลังจากนน้ั ก็ใหล งไปสุูด ซ่ึงเปนการแสดงถงึ ความนอบ นอมท่ีสุดยอดที่สุด เพราะเปนการเอารางกายสวนที่มีเกียรติท่ีสุด 167
นั่นคือใบหนาไปสูสิ่งท่ีตํ่าตอยที่สุดน่ันคือพ้ืนดิน และถาทาน สามารถทําไดก็อยาใหมีส่ิงที่ก้ันระหวางมันท้ังสอง แตใหทานลง สุูดบนพ้ืนดิน เพราะมันจะทําใหมีความคุชูอฺและจะทําใหเกิด ความรสู ึกทนี่ อบนอ มตํา่ ตอยมากยงิ่ ข้นึ และเมื่อทานวางตัวทานลงสูสถานที่ตํ่าตอยนั้น ก็พึงรูเถิด วาทานกําลังหวนมันกลับไปสูสภาพเดิม เพราะตัวทานถูกสรางมา จากดนิ และจะตองหวนกลับไปยงั มันอีก ซงึ่ ในขณะนนั้ เองใหร ้ือฟน หัวใจของทานใหรูสึกถึงความย่ิงใหญของอัลลอฮฺ และใหกลาววา΅ ⁿﺳﺒﺤﺎن ر� اﻷﻋﻠﻰ₧΅(โอพระผูอภิบาลของฉนั ผูทรงสูงสง เหนือสง่ิ อื่นใด) โดยใหอ า นมันซ้าํ ไปมา เพราะการอานเพยี งครงั้ เดียวอาจจะ ไมสงผลอะไรมาก แตเม่ือใดท่ีหัวใจของทานรูสึกโอนออนข้ึนก็จง ปลุกความหวังท่ีมีตอความเมตตาของอัลลอฮฺ เพราะความเมตตา ของพระองคน้นั จะมขี ึ้นโดยทนั ทีในสภาพทม่ี ีความออนแอและนอบ นอม แตมันจะไมเกิดกับความหยิ่งยโส หลังจากน้ันก็ใหทานเงย ศีรษะข้ึนมาพรอมๆ กับกลาวตักบีรและวอนขอความตองการของ ทานดวยการกลาววา΅ⁿرب اﻏﻔﺮ ﻟﻲ رب اﻏﻔﺮ ﻟﻲ₧΅(โออัลลอฮฺได โปรดอภัยโทษแกฉันเถิด โออัลลอฮฺไดโปรดอภัยโทษแกฉันเถิด) แลวใหกลาวมันซํ้าไปมาเพ่ือเปนการตอกย้ํา หลังจากนั้นก็ใหลงไป สุูดอกี ครง้ั สวนการกลาวตะชะฮฺฮุดน้ัน เม่ือทานไดนั่งลงไปก็ใหน่ัง อยางมีมารยาท และใหตระหนักวาส่ิงที่เก่ียวของกับการเศาะละ 168
วาตและความดีงามตางๆ น้ัน คือการแสดงมารยาทที่บริสุทธิ์ ตออัลลอฮฺ เชนเดียวกันกรรมสิทธ์ิทั้งหลายนั้นเปนของอัลลอฮฺ ซ่ึง มันเปนนัยของคําวา ⁿ اﻟﺘﺤﻴﺎت₧΅และใหทานนึกถึงทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และบุคลิกภาพที่สูงสงของทาน และ ใหกลาววา΅ⁿالﺴﻼم ﻋﻠﻴﻚ أﻳﻬﺎ اﻟﻨﺒﻲ ورﺣﻤﺔ اﷲ و�ﺮ�ﺗﻪ₧΅(ขอความ สันติสุขจงประสบแดทานโอผูเปนนบีรวมทั้งเมตตาแหงอัลลอฮฺ และความประเสริฐทั้งหลายที่มาจากพระองค) และใหทานมี ความเช่ือมั่นวาการใหสลามท่ีไดกลาวไปนั้นจะไปถึงทานนบีอยาง แนนอนและทานนบีก็จะตอบกลับสลามทานดวยกับสิ่งท่ีดีกวา หลังจากน้ันก็ใหสลามแกตัวทานเองรวมถึงบาวท่ีดีของอัลลอฮฺทุก คน หลังจากน้ันก็ใหมีความหวังวาอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา จะตอบกลับสลามของทานอยางมากมาย เทากับจํานวนคนดี ท้ังหลาย แลวใหท านปฏิญาณตอ อลั ลอฮฺ ตะอาลา ดว ยการแสดงถงึ ความเปนเอกะของพระองค และยอมรับในคําส่ังสอนของทานนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งเปนการฟนฟูคําม่นั สญั ญา ที่มีตออัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ดวยการกลาวปฏิญาณทั้ง สองซ้ําอกี คร้งั และเปน แสดงถึงการดูแลเอาใจใสต อ มันใหมอ กี ครัง้ หลังจากนั้นใหทานขอดุอาอในชวงทายของการละหมาด ดวยการขอดอุ าอทม่ี ีแบบฉบบั จากทานนบีในสภาพทน่ี อบนอ มถอม ตน มีความจริงใจ และเช่ือมั่นวาจะถูกตอบรับ และใหบิดามารดา ของทา นรวมถงึ พีน่ องมสุ ลิมทงั้ หลายมอี ยใู นการดุอาอของทา นดวย 169
และใหตั้งเปาหมายขณะท่ีใหสลามน้ันเปนการสลามแก บรรดามลาอิกะฮฺและคนท่ีรวมอยูดวย และใหตั้งเจตนาวาเปนการ ปด ทายการละหมาด และใหปลกุ ความรูส ึกในการขอบคณุ ตออลั ลอ ฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ท่ีพระองคไดเตาฟกหรืออํานวยความ สะดวกใหสามารถทําอิบาดะฮฺนี้จนแลวเสร็จ และใหนึกวาการ ละหมาดของทานในคร้ังน้ีอาจจะเปนการละหมาดครั้งสุดทาย ซึ่ง บางทีทานอาจจะไมมีโอกาสใชชีวิตเชนนี้อีก นอกจากน้ีใหทานมี ความรสู กึ ละอายใจในความบกพรองที่มีในละหมาด และหวาดหวน่ั วาการละหมาดของทานอาจจะไมถูกตอบรับก็เปนไปได และมัน อาจจะทําใหทานไดรับบาปท้ังโดยเปดเผยหรือท่ีซอนเรน ซ่ึงมันจะ สงผลใหการละหมาดจะไมถูกตอบรับโดยทันที แตกระนั้นก็ตาม ทานก็จะตองมีความหวงั วา การละหมาดของทานจะถูกตอบรับดวย ความกรุณาธิคณุ ของพระองคและความโปรดปรานของพระองค เมื่อทานยะหฺยา บินวัษษาบ เสร็จจากการละหมาด ทานก็ จะนั่งอยูกับท่ีตามท่ีอัลลอฮฺทรงประสงค ท้ังน้ีเพ่ือสํานึกในความ บกพรองของการละหมาดดว ยความรสู กึ ท่เี ศราเสยี ใจ และมีรายงานวา หลังจากที่ทานอิบรอฮีมละหมาด ทานจะ นงั่ อยกู ับท่ีเปนชัว่ โมงเหมือนคนทก่ี าํ ลังปว ย ซ่ึงน่คี อื รายละเอยี ดของการละหมาดทค่ี ชุ อู ฺ [٢ : ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٢ ﴿ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم ِ� َص َ�تِ ِه ۡم َ�ٰ ِش ُعو َن 170
ความวา “บรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูนอบนอมถอมตนในเวลา ละหมาดของพวกเขา” (สเู ราะฮอฺ ัล-มอุ ม นิ ูน อายะฮฺที่ 2) [٩ : ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٩ ﴿ َوٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َصلَ َ�ٰتِ ِه ۡم ُ�َافِ ُظو َن ความวา “และบรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูรักษาการละหมาดของ พวกเขา” (สเู ราะฮฺอลั -มุอม ินนู อายะฮฺท่ี 9) [٢٣ : ﴾ ]اﻟﻤﻌﺎرج٢٣ ﴿ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َص َ�تِ ِه ۡم َدآ�ِ ُمو َن ความวา “บรรดาผูท่ีดํารงม่ันอยูในการทําละหมาดของพวกเขา เปน ประจาํ ” (สูเราะฮอฺ ลั -มะอาริจฺ อายะฮทฺ ี่ 23) สวนคนที่เขาเฝาอัลลอฮฺเทาทเี่ ขาสามารถจะทําได ก็ใหเขา สะทอนการละหมาดนั้นดวยตัวเอง ซ่ึงเทาที่เขาสามารถเขาถงึ ความ คุชูอก็สมควรทีเ่ ขาจะปลมื้ ปต ยิ ินดี สว นสง่ิ ท่เี ขาขาดตกบกพรอ งไปก็ สมควรทเ่ี ขาตอ งแสดงถึงความเสยี อกเสยี ใจ สวนการละหมาดของคนท่ีหลงลืมน้ันถือวาอันตรายอยาง ย่ิง นอกจากอัลลอฮฺจะปกคลมุ เขาดวยกบั ความเมตตาของพระองค ซึ่งความเมตตาของพระองคนั้นกวางใหญไพศาล สวนความ กรุณาธิคุณของพระองคก็มีอยางลนหลาม ดังน้ัน เราขอวิงวอน ตออัลลอฮฺใหทรงแผความเมตตาของพระองคปกคลุมเรา และได 171
โปรดใหอภัยแกเรา เพราะไมมีวิธีใดอีกแลวนอกจากจะตองยอมรบั ในความออนแอของตวั เองในการดํารงซึ่งการฏออะฮฺตอ พระองค และพึงรูเถิดวา การทําใหการละหมาดมีความบริสุทธิ์จาก ส่ิงโสมมตางๆ รวมถึงการทําใหมีความบริสุทธิ์ใจเพ่ือพระพักต ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในการดํารงมันน้ัน ทําไดดวยการ ปฏิบัติตามเงื่อนไขสิ่งท่ีอยูภายในตามที่เราไดนําเสนอไปในขางตน ไมวาจะเปนความคุชูอฺ การรําลึกถึงความยิ่งใหญ และการรูสึก ละอายใจ ซ่งึ ลว นเปน สาเหตสุ าํ คัญทจี่ ะทาํ ใหมีรศั มใี นหวั ใจ และมัน จะเปนกุญแจไปสูการประจักษทางจิตวญิ ญาณ เพราะคนท่ีอัลลอฮฺ รักน้ันจะประจักษถึงพลังอํานาจของพระองคที่มีอยูบนช้ันฟาและ แผนดิน รวมถึงความลับท่ีซอนอยูเบ้ืองหลังของการเปนพระผู อภบิ าลเปนอยางดี โดยทก่ี ารละหมาดจะเปน ทที่ ําใหเ ขาไดป ระจกั ษ อยางถองแท โดยเฉพาะอยางยิ่งในขณะที่สุูดเน่ืองจากสภาพท่ี บาวคนหนึ่งจะมีความใกลชิดกับพระผูอภิบาลของเขามากท่ีสุดก็ ดว ยกับการสุูด ดวยเหตนุ ี้อลั ลอฮฺ ตะอาลา จึงตรัสวา [١٩ : ﴾ ]اﻟﻌﻠﻖ١٩ ۩﴿ َو� َوٱ ۡق َ ِ�ب ความวา “จงสุูด และเขาใกลอัลลอฮฺเถิด” (สูเราะฮฺอัล-อะลัก อายะฮฺที่ 19) ในความเปนจรงิ ทุกคนทลี่ ะหมาดสามารถประจักษท างจิต วิญญาณเทาท่ีตัวเขามีความบริสุทธิ์จากความโสมมของโลกดุนยา 172
ซ่ึงแตละคนจะมีความแตกตา งกันไป จนกระท่ังบางคนจะประจักษ ดวยสายตาตัวเอง หรือบางคนจะประจักษดวยมโนภาพ เฉกเชนที่ บางคนจะประจักษถึงโลกดุนยาในรูปซากศพและประจักษถึง ชัยฏอนในรปู สุนัขทกี่ ําลงั อยบู นซากศพนัน้ แลว ไดเชิญชวนไปสูมนั เชนเดียวกัน การประจักษในท่ีน้ียังมีความแตกตางกันซึ่ง บางคนจะประจกั ษถ งึ คุณลกั ษณะของอลั ลอฮฺ ตะอาลา สว นบางคน ก็จะประจักษถ งึ การกระทําของอลั ลอฮฺ และบางคนก็จะประจกั ษถ งึ แนวทางการปฏิสมั พันธก ับอลั ลอฮฺ และการที่จะระบุเจาะจงในสวนรูปแบบของการประจักษ ในแตละชวงเวลาน้ันมีปจจัยที่ซอนอยูอยางมากมายจนนับไมถวน แตส่ิงสําคัญที่สุดคือมันเกี่ยวของโดยตรงกับความมุงมั่น เพราะ เมื่อใดท่ีมันใหความสนใจไปยังส่ิงใด มันก็จะยิ่งมีโอกาสท่ีจะ ประจักษถึงส่ิงนั้น ซ่ึงมันอาจจะยังไมเห็นภาพนอกจากจะเปน เสมือนผูหญิงที่มีสนิมเกาะแลวไดสองกระจกใส โดยแนนอนวามัน จะตองปดบังรูปลักษณท่ีดี ซึ่งไมไดเปนเพราะผูใหไมอยากใหมี รูปลักษณท่ีดี แตเปนเพราะการสะสมของสนิมตางหากที่ปดบังมัน ไว ทําใหหลายคนตางตัดพอในสิ่งท่ีไดเห็นนัน้ เพราะธรรมชาตขิ อง คนนนั้ มักจะปฏิเสธสิ่งทไ่ี มเ ห็นตรงหนา และหากทารกท่อี ยใู นครรภ มสี ตปิ ญ ญาเขากค็ งปฏเิ สธความเปน ไปไดทจี่ ะมมี นษุ ยอ ยบู นโลกอนั กวางใหญไพศาล และหากเปนเดก็ ท่ีพอจะแยกแยะอะไรไดบ า งเขา ก็คงปฏิเสธส่ิงที่ผูใหญท่ีมีสติปญญากลาวอางวาไดรับรูถึงพลัง 173
อํานาจของอัลลอฮฺที่มีอยูบนช้ันฟาและแผนดิน ซึ่งมนุษยก็เปน เชนนี้แหละในแตละชวงวัยก็มักจะปฏิเสธตอส่ิงที่ยังมาไมถึง แตส่ิง ท่ีไดกลาวมาท้ังหมดนั้นไมอาจจะเกิดข้ึนไดเวนแตดวยกับการมี ความคุชูอฺในละหมาด ดวยเหตุนี้ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จึงดํารัส วา : ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٢ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم ِ� َص َ�تِ ِه ۡم َ�ٰ ِش ُعو َن١ ﴿ َق ۡد أَ ۡف َل َح ٱلۡ ُم ۡؤ ِم ُنو َن [٢ ،١ ความวา “แนนอนบรรดาผูศรัทธาไดประสบความสําเร็จแลว บรรดาผูที่พวกเขาเปนผูนอบนอมถอมตนในเวลาละหมาดของ พวกเขา” (สเู ราะฮอฺ ัล-มอุ ม ินูน อายะฮทฺ ่ี 1-2) ซึง่ อลั ลอฮฺไดยกยองพวกเขาหลงั จากที่กลาวถึงความศรทั ธา ดวยการละหมาดเปนการเฉพาะ น้ันคือการละหมาดท่ีมีคุชูอฺ หลังจากนั้นพระองคไดปดทายคุณลักษณะของบรรดาผูที่ประสบ ความสําเร็จดวยการละหมาดเชนเดียวกัน อัลลอฮฺ ตะอาลา ได ดํารัสวา [٩ : ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٩ ﴿ َوٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َص َل َ�ٰتِ ِه ۡم ُ�َافِ ُظو َن ความวา “และบรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูรักษาการละหมาดของ พวกเขา” (สูเราะฮฺอัล-มุอมินูน อายะฮทฺ ี่ 9) 174
หลังจากนั้นพระองคก็ไดดํารสั ถึงผลของคุณลักษณะเหลาน้ี ไวว า ﴾ ١١ ٱ َّ ِ�ي َن َيرِ ُثو َن ٱ ۡلفِ ۡر َد ۡو َس ُه ۡم ِ�ي َها َ�ٰ ِ ُ�و َن١٠ ﴿ أُ ْو َلٰٓ�ِ َك ُه ُم ٱ ۡل َ�ٰ ِرثُو َن [١١ ،١٠ : ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن ความวา “ชนเหลาน้ีแหละพวกเขาเปนทายาท ซ่ึงพวกเขา จะ ไดรับมรดกสวนสวรรคชั้นฟรเดาสฺ พวกเขาจะพํานักอยูในนั้น ตลอดกาล” (สูเราะฮอฺ ลั -มอุ มนิ ูน อายะฮฺที่ 10-11) พระองคไ ดพ รรณนาถงึ พวกเขาดวยความสําเร็จในตอนแรก และดวยกับการเปนทายาทท่ีจะไดรับมรดกสวนสวรรคชั้นฟรเดาส ในตอนทาย แตสําหรับการขยับลิ้นอยางรวดเร็ว ท้ังๆ ท่ีหัวใจมี ความหลงลืม แนนอนเขาจะไมรับส่ิงใด ดวยเหตุน้ี อัลลอฮฺ อัซซะ วะญลั ละ จงึ ดํารสั ถงึ คณุ ลักษณะที่ตรงขา มของพวกเขาคอื ،٤٢ : ﴾ ]اﻟﻤﺪﺛﺮ٤٣ �َ ِ َقالُواْ لَ ۡم َن ُك ِم َن ٱلۡ ُم َص ّل٤٢ ﴿ َما َس َل َك ُ� ۡم ِ� َس َق َر [٤٣ ความวา “อะไรท่ีนําพวกทานเขาสูกองไฟที่เผาไหม พวกเขา กลาววา เรามิไดอยูในหมูผูทําละหมาด” (สูเราะฮฺอัล-มุดดัษษิร อายะฮทฺ ่ี 42-43) 175
ดังนั้น ทุกคนท่ีละหมาดจึงเปน ทายาทที่จะไดร ับมรดกสวน สวรรคช้ันฟรเดาส และพวกเขาจะมองเห็นรัศมีของอัลลอฮฺ ตะอา ลา และมีความสขุ ท่ีไดอ ยูใ กลช ดิ และเคยี งขางพระองค เราขอตออลั ลอฮฺไดโ ปรดทําใหเราเปนหนึ่งในพวกเขา และ ขอใหพระองคทรงปกปองคุมครองเราจากการมีคําพูดที่สวยหรูแต การกระทํากลับต่ําทราม แทจริงพระองคเปนผูทรงใจบุญ ผูทรง มอบสงิ่ ทดี่ ี ผทู รงนริ นั ดร ผทู รงคุณธรรม และขอการสดุดจี ากอัลลอ ฮพฺ งึ มีแดบ าวทถ่ี ูกเลอื กสรรแลวทุกคน ΅΅ 176
เทคนิคการลิ้มรสความหอมหวานของ การอานอัลกุรอาน พึงรูเถิดวา ทานไมอาจล้ิมรสความหอมหวานของการ อานอัลกุรอานน้ีได นอกจากขณะท่ีกําลังอานอัลกุรอานอยูน้ันตอง ใหปจจัยทั้งสิบประการน้ีครบถวนสมบูรณเสียกอน ไดแก รูถึงที่มา ของคําดํารัสนี้, รูถึงความยิ่งใหญของคําดํารัสน้ี, หัวใจตองมีสมาธิ อยูกับมัน, ตะดับบุรใฺ นเนอื้ หาของมนั , ทําความเขาใจในเน้ือหาของ มัน, หลีกเล่ียงจากปจจยั ท่ีกีดกัน้ ไมใหเกดิ ความเขา ใจในเน้ือหาของ มัน, ตระหนกั วา อัลกุรอานกําลังกลาวถึงเรา, มีปฏิกิริยาตามเนื้อหา ของมัน, มีความรูสึกวากําลังฟงคําดํารัสจากพระองคโ ดยตรง, และ ตอ งไมเ ขา ขางตวั เอง 1. รถู ึงความยงิ่ ใหญข องคาํ ดํารสั น้ี รวมถึงความสูงสง ความโปรดปราน และความกรุณาธิคุณ ของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ท่ีทรงประทานคําดํารัสนี้จาก บัลลังกที่ยิ่งใหญของพระองคสูปวงบาวในระดับท่ีปวงบาวสามารถ เขาใจมันได ดังนั้น จงพินิจพิจารณาวาพระองคทรงกรุณาธิคุณตอ ปวงบาวในการถายทอดเน้ือหาคําดํารัสของพระองคสูความเขาใจ ของปวงบาวอยางไรบาง ? และการที่พระองคไดใหศิฟตนี้ 177
(คุณลักษณะของอลั ลอฮฺ นนั่ คอื คําดํารสั ของพระองค) ไดปรากฏแก ปวงบาวดวยการแปลงใหเปนตัวอักษรและนํ้าเสียงที่เปนศิฟตของ มนษุ ย เพราะมนษุ ยยอมไมส ามารถเขาใจในศิฟตของอัลลอฮฺ อซั ซะ วะญัลละ ได นอกจากดวยกับศิฟตท่ีพวกเขามีอยูเทานั้น และถา หากพระองคไมไดปกปดความเกรียงไกรของคําดํารัสนี้ดวยการมี อาภรณแหงตัวอักษร (มีคัมภีร) ก็จะไมมีใครสามารถสดับฟงคํา ดาํ รสั นแี้ ละรับประโยชนจากมันไดอยางแนน อน และมนั จะทําใหไม มีส่ิงใดหลงเหลืออยูเลยเน่ืองดวยความย่ิงใหญในอํานาจและความ เจิดจรสั ของพระองค อลั ลอฮไฺ ดด าํ รสั วา ﴾ �ِۚ َّ ﴿ لَ ۡو َأن َز ۡ َ�ا َ ٰ� َذا ٱ ۡل ُق ۡر َءا َن َ َ ٰ� َج َب ٖل لَّ َر َ� ۡ� َت ُهۥ َ ٰ� ِش ٗعا ُّم َت َص ِّد ٗ� ِّم ۡن َخ ۡش َي ِة ٱ [21 :]اﻟﺤﺸﺮ ความวา “หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงมาบนภูเขาลูกหน่ึง แนนอนเจาจะเห็นมันนอบนอมแตกแยกเปนเส่ียงๆ เน่ืองเพราะ ความกลัวตอ อัลลอฮ”ฺ (สูเราะฮฺอัล-หชั รฺ อายะฮทฺ ่ี 21) และถาหากอัลลอฮฺไมทรงใหทานนบีมูซาสลบลมไปกอน แลวไซร ทานนบีมูซาก็จะไมสามารถสดับฟงคําดํารัสของพระองค ได เฉกเชน ทภ่ี ูเขาไมสามารถต้งั ม่ันอยูในทขี่ องมันไดเ มื่อพระองคได ประจักษ กระทั่งมันทลายตวั ลงอยางราบเรยี บ อัลลอฮไฺ ดดาํ รัสวา 178
[143 :﴿ َف َل َّما َ َ� َّ ٰ� َر ُّ� ُهۥ لِ ۡل َج َب ِل َج َع َل ُهۥ َد ّٗ�ا َو َخ َّر ُمو َ ٰ� َصعِ ٗقاۚ ﴾ ]اﻻﻋﺮاف ความวา “ครั้นเม่ือพระเจาของเขาไดป ระจักษท่ีภูเขาน้ัน ก็ทําให มนั ทลายตัวลงอยา งราบเรียบ และมูซากล็ มลงในสภาพหมดสติ” (สูเราะฮฺอัล-อะอรฺ อฟ อายะฮฺที่ 143 ) 2. รถู งึ ความยิ่งใหญของผทู ่ดี าํ รัส คนอานอัลกุรอานตองดึงความรูสึกของหัวใจในขณะท่ีเร่ิม อานอัลกุรอานถึงความย่ิงใหญของผูท่ีดํารัส และใหรูวาส่ิงท่ีไดอา น ไปนน้ั ไมใ ชคําพูดของมนษุ ยแ ตเ ปน การอา นคาํ ดํารัสของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญัลละ ในเรือ่ งนอ้ี ลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารัสวา َّ َّ ٱلۡ ُم َط َّه ُرو َن �ِإ � [٧٩ :]الﻮاﻗﻌﺔ ﴾ ٧٩ َ� َم ُّس ُه ٓۥ ﴿ ความวา “ไมมีผูใดจะแตะตองอัลกุรอาน นอกจากบรรดาผู บรสิ ุทธิ์เทา นนั้ ” (สูเราะฮฺอัล-วากอิ ะฮฺ อายะฮฺท่ี 79) ซึ่งในสวนของรูปเลมและกระดาษของอัลกุรอาน (มุศหัฟ) นั้น จะไดรับการปกปองจากการสัมผัสโดยตรงของมนุษย นอกจาก คนๆ น้นั จะอยูใ นสภาพทสี่ ะอาดเสียกอ น แตอีกนยั หน่ึงนนั้ คือความ มีเกียรติและความสูงสงของมนั จะถกู บรรจใุ นหวั ใจไดก็ตอ เม่อื หัวใจ นั้นตอ งบริสทุ ธจิ์ ากความโสมมตา งๆ และมคี วามผุดผอ งดว ยกบั รศั มี 179
ของการใหเกียรติและนอบนอมตอมัน เฉกเชนท่ีไมอนุญาตสัมผัส เลม อลั กุรอานดวยมอื โดยตรงนอกจากมือนั้นตองสะอาด ดงั น้นั ก็ไม อนุญาตท่ีจะใหลิ้นของผูใดอานอักขระของมันนอกจากลิ้นน้ันตอง บริสุทธ์ิจากส่ิงโสมม และหัวใจก็ไมอาจไดรับบทเรียนใดๆ ของมัน นอกจากหัวใจนั้นจะบริสุทธผ์ิ ุดผอง ซึ่งการใหเกียรติตอ คําดาํ รสั นก้ี ็ ถือเปนการใหเกียรติตอผูท่ีดํารัสมัน แนนอนท่ีสุด ทานจะไม สามารถรูถึงความย่ิงใหญของผูที่ดํารัสได หากทานไมคิดใครครวญ ถึงคุณลักษณะ ความเกรียงไกร และกิจการงานของพระองค ซ่ึงถา หัวใจของทานไดรําลึกถึงบัลลังกและการประทับของพระองคบน น้ัน รําลึกถึงเกาอี้ที่มีความกวางใหญเทากับบรรดาช้ันฟาและ แผนดิน และรําลึกถึงความกวางใหญไ พศาลของช้ันฟาและแผน ดิน และสิ่งที่มีอยูระหวางมันทั้งสอง ไมวาจะเปนญิน มนุษย สัตว พืช พันธตางๆ และรูดีวาพระองคเปนผูทรงสรางสรรคสรรพส่ิงตางๆ ทั้งหมด ทรงมอี าํ นาจเหนือมนั ทั้งหมด และทรงเปนผใู หป จจยั ยังชีพ แกพวกมันเพียงพระองคเดียว และทุกสิ่งทุกอยางอยูภายใตอ าํ นาจ ของพระองค ซึง่ พระองคจ ะใหม หี มุนเวยี นกันไประหวางความโปรด ปรานและความเมตตาของพระองคกับการลงโทษและความ เด็ดขาดของพระองค ซึ่งหากพระองคทรงประทานก็ดวยกับความ โปรดปรานของพระองค แตถาหากพระองคทรงลงโทษก็ดวยกับ ความยุตธิ รรมของพระองค ซง่ึ พระองคเปน ผทู ก่ี ลาววา คนกลุมนเ้ี ขา สวรรคโดยท่ีจะไมส นใจผูใด และคนกลุมน้เี ขานรกโดยที่จะไมสนใจ 180
ผูใด และนี่คือสุดยอดของความย่ิงใหญแ ละความสูงสง ของพระองค ดังน้ันการคิดใครครวญในรูปแบบนี้เองที่จะทําใหรูถึงความยิ่งใหญ ของผทู ดี่ ํารสั แลวหลงั จากนัน้ ก็จะไดร ถู งึ ความยงิ่ ใหญของคําดํารัส 3. หวั ใจตองมสี มาธิอยาใหม นั วอกแวก นกั วิชาการบางทา นไดอ ธิบายอายะฮนฺ ีว้ า [١٢ : ﴾ ]مﺮ�ﻢ١٢�ٖ�﴿ َ�ٰ َي ۡح َ ٰي ُخ ِذ ٱ ۡل ِك َ�ٰ َب بِ ُق َّو ความวา “โอยะหฺยาเอย ! เจาจงยึดม่ันในคัมภีร (เตารอต) อยาง มน่ั คง” (สูเราะฮฺมรั ยัม อายะฮทฺ ่ี 12) กลาวคือ ใหมุงม่ันดวยความจริงจัง ซ่ึงการยึดมั่นในคัมภีร ดวยความมุงมั่นนั้นคือ การไดจดจออยูกับมันตลอดของการอาน โดยไมมีส่ิงอ่ืนใดมาทาํ ใหว อกแวกจากมนั ไดเลย มีคนถามนักวิชาการทานหนึ่งวา “ขณะที่ทานกําลัง อานอัลกุรอานอยูน้ันจิตใจของทานวอกแวกกับส่ิงใดหรือไม ?” เขาจึงตอบวา “จะมีส่ิงใดอีกที่จะเปนรักยิ่งสําหรับฉนั มากกวา อลั กรุ อาน จนทําใหจติ ใจของฉันตอ งไปสนใจกบั มนั ” ชาวสะลัฟบางคน “เมื่ออานอัลกุรอานอายะฮฺใดแลว ถา หัวใจไมไดจดจออยูในเนื้อหาของมัน เขาจะกลับไปอานมันอีก รอบ” 181
ซ่ึงน่ีคือคุณลักษณะท่ีเปนผลสืบเนือ่ งมาจากกอ นหนา น้ี นน่ั คอื การรูถึงความยิ่งใหญข องคําดํารสั นี้ ซ่ึงคนท่รี ูถ ึงความยง่ิ ใหญข อง คําดํารัสท่ีเขากําลังอานอยูนั้นมันจะนํามาซึ่งความปลื้มปติ ความ ผกู พนั และจะไมส ามารถลืมเลือนมนั ได เพราะในอัลกุรอานนั้นจะมี เน้ือหาที่สรางความผูกพันแกหัวใจ ซ่ึงหากคนท่ีอานอัลกุรอานไดมี ความรูสึกเชนน้ันแลว มันจะเปนไปไดอยางไรท่ีความคิดของเขา ตองการสรางความผูกพันกับสิ่งอื่นอีก ทั้งๆ ท่ีอัลกุรอานคือส่ิงท่ีจะ สรางความบริสุทธ์ิและคลี่คลายความทุกขยากตางๆ ซ่ึงคนที่ ตองการคล่ีคลายมลทินตางๆ ใหบริสุทธ์ิน้ันเขาจะไมไปครุนคิดกับ สง่ิ อนื่ อกี กลา วกันวาอัลกรุ อานคอื สถานท่อี นั กวา งใหญ คือเรอื กสวน ท่ีกวางขวาง คือพระราชวังท่ีใหญโตโออ า คือเจาสาวในวันแตงงาน คือผาไหมยกเงนิ ยกทอง และคือสถานทส่ี ําหรับทองเที่ยว ซ่ึงเมื่อใด ก็ตามที่คนอานไดทองไปในสถานที่อันกวางใหญ ไดเก็บเกี่ยวผลไม ในเรือกสวน ไดเขาไปในพระราชวังท่ีใหญโตโออา ไดมองไปยัง เจาสาวในวนั แตงงาน ไดสวมผาไหมยกเงินยกทอง และไดทองเทยี่ ว ในสถานท่ีตา งๆ เขากจ็ ะดืม่ ด่าํ ไปกบั มัน จนเขาจะไมม วั สาละวนกับ สง่ิ อื่นใดอกี เมอ่ื เปนเชน น้ันแลวหัวใจของเขากจ็ ะไมออกหา งไปไหน และความคดิ ของเขาก็จะไมเ รือ่ ยเปอย 182
4. ตองตะดับบุรฺ (พินิจใครครวญ) ในความหมายของอัลกุ รอาน ซึ่งมนั เปน ผลสืบเนือ่ งจากการท่หี วั ใจมสี มาธิ โดยที่เขาจะไม ครุนคิดตอ สิ่งอ่ืนใดอีกนอกจากความหมายของอัลกุรอาน แตที่มัน เปนปญหาคือการท่ีเขาฟงอัลกุรอานจากตัวของเขาเองโดยไมมีการ ตะดบั บรุ ใดๆ ทง้ั ๆ นยั ของการอา นอลั กุรอานนัน้ คือการไดตะดบั บรุ ในความหมายของมัน ดวยเหตุน้ีจึงมีสุนนะฮฺใหอานโดยชัดถอยชัด คํา ท้ังน้กี ็เพอ่ื ใหเ กดิ การตะดบั บรุ ในความหมายของมัน ทานอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไดกลาววา “ไมมีความดีงาม ใดในการทาํ อิบาดะฮฺหากไมมีความเขาใจตอมัน และไมมีความดี งามในการอานอัลกุรอานหากไมมีการตะดับบุรฺในเน้ือหาของ มัน” หากไมสามารถทีจ่ ะตะดบั บรุ อฺ ลั กรุ อานไดน อกจากตอ งอา น ทวนไปมาหลายๆ ครั้ง ก็ใหเขาอานทวนไปมา (จนกวาจะตะดบั บุร ในเนอื้ หาของอลั กรุ อานได) ยกเวน ในกรณีทล่ี ะหมาดตามหลงั อมิ าม เพราะถาเขาจดจอ ตะดบั บรุ ใฺ นความหมายของอายะฮหฺ นง่ึ แตอิมาม กําลังอานอยางครํ่าเครงอีกอายะฮฺหน่ึงก็ถือเปนการกระทําท่ีไม ถูกตอง เฉกเชน ท่บี างคนมคี วามรูสึกชืน่ ชอบเพยี งแคค ําเดยี วจากสง่ิ ท่ีเขากําลังวอนขอ แตเขากลับละทิ้งการทําความเขาใจในเนื้อหาที่ เหลอื ไป ในกรณีการตัสบหี ฺขณะรกุ อู ฺก็เชน เดยี วกนั หากเขานึกถงึ อา 183
ยะฮฺท่ีอิมามอานในกอ นหนา นน้ั ก็ถือเปนอาการวสิ วาส (การกระซบิ กระซาบจากชัยฏอน) ดังท่ีมีรายงานจากทานอามิร บินอับดิก็อยสฺ ซึ่งทานกลาววา “อาการวิสวาสไดเขามารบกวนฉันในละหมาด แลว” จึงมีคนถามวา “เก่ียวกบั เรอื่ งดนุ ยาใชไหม ?” ทานจึงตอบ วา “การท่ีซ่ีฟนของฉันมันซอนกัน ยังเปนสิ่งที่ฉันช่ืนชอบยง่ิ กวา มันเสยี อีก แตห ัวใจของฉนั กาํ ลังสาละวนอยกู ับสถานะของฉัน ณ เบ้ืองหนาของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ตางหาก ซึ่งฉันไมรูวา จะตองทําอยางไร เพราะวิสวาสนี้ก็ยังกลับมารบกวนฉันซํ้าแลว ซ้ําเลา” จะเห็นไดวา เขาไมไดว นุ อยูกบั การทาํ ความเขาใจในเนอ้ื หา ที่มีอยู ซ่ึงชัยฏอนไมสามารถหลอกคนอยางเขาได นอกจากใหเขา วุนอยูกับในเร่ืองสําคัญๆ ของศาสนา แตมันกลับทําใหเขาพลาด จากสง่ิ ทสี่ ําคญั ยง่ิ กวา จากทานอบีซรั เราะฎยิ ัลลอฮอุ นั ฮุ เลา วา ทานเราะสูลลุ ลอ ฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยนําละหมาดพวกเราในคํ่าคืน หนึง่ ดว ยการอานเพยี งอายะฮฺเดียวซา้ํ ไปมา ١١٨ ﴿ إِن ُ� َع ِّذ ۡ� ُه ۡم فَإِ َّ� ُه ۡم ِع َبا ُد َكۖ �ن َ� ۡغ ِف ۡر لَ ُه ۡم فَإِنَّ َك أَن َت ٱ ۡل َعزِ� ُز ٱ ۡ َ� ِكي ُم [١١٨ :﴾ ]اﻟﻤﺎﺋﺪة ความวา “หากพระองคจะทรงลงโทษพวกเขาแทจริงพวกเขาก็ คือบาวของพระองค และหากพระองคจ ะทรงอภัยโทษใหแกพวก เขา แทจ ริงพระองคท านคอื ผูทรงเดชานุภาพ ผทู รงปรชี าญาณ” (สูเราะฮฺอลั -มาอิดะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 118) 184
และทานตะมีม อัดดารี เคยละหมาดยามค่ําคืนดวยการ อา นอายะฮนฺ ี้เพียงอายะฮเฺ ดียว ْ َو َع ِملُوا ْ َكٱ َّ ِ�ي َن َّ ۡ� َعلَ ُه ۡم َ ٱل َّس ِّ�ا ِت ْٱ ۡج َ َ� ُحوا ٱ َّ ِ�ي َن أَ ۡم َءا َم ُنوا أن َح ِس َب ﴿ [٢١ : ﴾ ]اﻟﺠﺎﺛﻴﺔ٢١ ٱل َّ ٰصلِ َ�ٰ ِت َس َوآ ٗء َّ ۡ� َيا ُه ۡم َو َم َما ُ� ُه ۡۚم َسآ َء َما َ ۡ� ُك ُمو َن ความวา “หรือบรรดาผูท่ีกระทําความช่ัว คิดหรือวาเราจะทําให พวกเขาเปนเชนกับบรรดาผูศรัทธาและกระทําความดีทั้งหลาย ใหเทาเทียมกันทั้งในเวลามีชีวิตของพวกเขาและการตายของ พวกเขา ส่ิงท่ีพวกเขาตัดสินนั้นมันชั่วแทๆ” (สูเราะฮฺอัล-ญาษิ ยะฮฺ อายะฮฺท่ี 21) สวนทานสะอีด บินุบัยรฺ เคยละหมาดยามค่ําคืนดวยการ อา นอายะฮนฺ ้ีซา้ํ ไปมา [٥٩ : ﴾ ]�ﺲ٥٩ ﴿ َوٱ ۡم َ�ٰ ُزواْ ٱ ۡ�َ ۡو َم َ� ُّ� َها ٱلۡ ُم ۡج ِر ُمو َن ความวา “โอบรรดาอาชญากรทั้งหลายเอย! วันนี้พวกเจาจงถอย หา งออกไปใหพน” (สเู ราะฮยฺ าสนี อายะฮทฺ ี่ 59) ชาวสะลัฟทานหนึ่งไดกลาววา “ฉันไดเริ่มละหมาดดวย การอานสูเราะฮฺหน่งึ แลวบางอายะฮฺในน้ันก็ไดท าํ ใหฉ ันจดจออยู กับเนือ้ หาของมนั จนกระทง่ั แสงรุง อรุณไดปรากฏข้ึน” 185
ชาวสะลัฟอีกทานกลาววา “อายะฮฺใดก็ตามที่ฉันไมไดทํา ความเขาใจในเนื้อหาของมัน และหัวใจของฉันไมไดมีปฏิกิริยา ใดๆ ไปกับมนั ฉันจะไมถือวา (การอานครงั้ นัน้ ) ไดรับผลบุญ” มีรายงานจากทานอบีสุลัยมาน อัด-ดารอนี ไดกลาววา “ฉันต้ังใจวาจะอานอายะฮฺหน่ึง ซึ่งฉันจะยืนละหมาดดวยการ อานมันตลอดทั้งส่ีคืนหรือหาคืน และถาหากฉันไมสามารถหยุด ครุนคิดในเนื้อหาของมันแลวไซร ฉันจะไมขามไปอานอายะฮฺอ่ืน ตออยางแนนอน” และมีรายงานอีกวา “ชาวสะลัฟบางทานไดจดจออยูกับ การอา นสเู ราะฮฮฺ ดู ตลอดทง้ั หกเดอื น โดยทท่ี านจะอา นทวนซํา้ ไป มา ซึ่งทานจะไมปลอยใหพลาดจากการตะดับบุรฺในเนื้อหาของ มันเลย” ชาวสะลัฟทานหน่ึงไดกลาววา “สําหรับฉันแลวทุกๆ วัน ศุกรกจ็ ะเคาะตัมอลั กรุ อานหนึ่งครงั้ ในทุกๆ เดอื นกจ็ ะเคาะตัมอลั กรุ อานหน่ึงครง้ั และในทุกๆ ปนน้ั กจ็ ะเคาะตัมอลั กุรอานหนงึ่ ครง้ั ซึ่งฉันไดเคาะตัมอัลกุรอานตั้งแตสามสิบกวาปแลว โดยที่ฉันไม เคยพลาดเลยสกั คร้ังเดยี ว” ซึ่งมันทําเชนน้ันไดจริงๆ ตามประสิทธิภาพของการตะดับ บรุ และการศกึ ษาเรยี นรูอัลกุรอานของแตล ะคน 186
และมีสะลัฟทานหนึ่งกลาวอีกวา “ฉันไดทําใหตัวของฉัน อยูในสถานะท่ีไดรับผลบุญโดยตลอด ซึ่งตัวฉันไดทํามันทุกๆ วัน ทุกๆ วันศุกร ทุกๆ เดือน และทุกๆ ป” (หมายถึง คือดวยกับผล บุญของทุกๆ วัน, ทุกๆ วันศุกร, ทุกๆ เดือน, และทุกๆ ป ซึ่งเปน การบงช้ีวาสะลัฟทานนั้นไดเคาะตัมอัลกุรอานในทุกๆ ชวงเวลา ขา งตน ) 5. ใหทําความเขา ใจในความหมายของอัลกุรอาน กลาวคือใหทําความเขาใจในทุกๆ อายะฮฺในส่ิงท่ีคูควรกับ มนั เพราะอัลกรุ อานไดก ลา วถึงเนอ้ื หาตา งๆ ไดอ ยา งครบถวน ไมว า จะเปน คณุ ลักษณะของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ และกจิ การงานของ พระองค รวมถึงเร่ืองราวของบรรดานบี อะลัยฮิมุสลาม และ พฤติกรรมของคนท่ีปฏิเสธศรัทธาตอพวกทาน และสภาพความ พินาศท่ีพวกเขาไดประสบ นอกจากนี้ยังกลาวถึงคําสั่งใชและคําสัง่ หา มตางๆ รวมถึงเรื่องราวของสวนสวรรคและนรกอกี ดวย ในสวนคุณลักษณะของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ น้ัน เชนที่ พระองคไดด าํ รสั วา [١١ : ﴾ ]الﺸﻮرى١١ �ُ ۖ َو ُه َو ٱل َّس ِمي ُع ٱ ۡ�َ ِصٞ﴿ لَ ۡي َس َك ِم ۡثلِهِۦ َ ۡ�ء ความวา “ไมมีส่ิงใดเสมอเหมือนพระองค และพระองคผูทรงได ยนิ ผทู รงเหน็ ” (สูเราะฮอฺ ัช-ชูรอ อายะฮทฺ ี่ 11) 187
และเชนทีพ่ ระองคไ ดด ํารสั อกี วา ﴾ ٢٣ ۚ�ُ ِّ ﴿ ٱلۡ َملِ ُك ٱ ۡل ُق ُّدو ُس ٱل َّس َ�ٰ ُم ٱلۡ ُم ۡؤ ِم ُن ٱلۡ ُم َه ۡي ِم ُن ٱ ۡل َعزِ� ُز ٱ ۡ َ� َّبا ُر ٱلۡ ُم َت َك [٢٣ :]اﻟﺤﺸﺮ ความวา “ผูทรงอํานาจสงู สุด ผูทรงบริสทุ ธ์ิ ผูทรงความศานติสขุ ผูทรงคุมครองการศรัทธา ผูทรงปกปกรักษาความปลอดภัย ผู ทรงอํานาจย่ิง ผูทรงปราบใหเรียบรอย ผูทรงความย่ิงใหญ ภูมิใจ” (สูเราะฮฺอัล-หัชรฺ อายะฮทฺ ี่ 23) ซึ่งถาไดพินิจใครครวญในความหมายของพระนามและ คุณลักษณะตางๆ ของอัลลอฮฺใหดี แนนอนจะพบวามันมีความลับ ตางๆ แฝงอยูในนั้น และนัยตางๆ ที่ถูกปกปดอยูก็จะถูกเผยให ออกมา ซ่ึงไมมีผูใดสามารถเผยนัยนนั้ ไดนอกจากคนที่อัลลอฮฺไดใ ห เตาฟกแกเขาเทาน้ัน สําหรับในเร่ืองน้ีทานอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เคยกลา วถึงมนั มาแลว หลังจากทม่ี ีคนถามทา นวา “พวกทา นไดรับ บางสิ่งบางอยางจากทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม อื่นจากอัลกุรอานบางไหม ?” ทานจึงตอบวา “ไมมีสิ่ง ใดอีก ขอสาบานตอผูท่ีทําใหเมล็ดพันธุงอกเงยและเติบโต นอก จากอลั ลอฮทฺ รงประทานใหป วงบาวมีความเขา ใจในเนอื้ หาคมั ภรี ของพระองค” 188
สวนกิจการงานของอัลลอฮฺ ตะอาลา น้ัน เชนที่พระองคไ ด กลาวถึงการสรางชั้นฟาและแผนดิน เปนตน ในสวนน้ีคนท่ีอานจะ ไดเขาใจถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ผูทรงย่ิงใหญและเกรียงไกรยิ่ง เพราะกิจการงานเปนส่ิงท่ีบงช้ีถึงผูท่ีทํากิจการงานน้ัน แนนอนวา มนั เปนส่ิงท่บี งชถ้ี ึงความยิ่งใหญข องพระองค สวนเรื่องราวของบรรดานบี อะลัยฮิมุสลาม เม่ือใดก็ตามท่ี ไดยินเรื่องราวการปฏิเสธศรัทธา การตอตาน และการเขนฆานบี บางทาน ก็ใหเขาใจเร่ืองราวน้ันถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ที่ไมตองพึ่งพาสิ่งใด แมกระท่ังจากบรรดาเราะสูลท่ีถูก สงไปยังกลุมชนตางๆ เพราะถึงแมวาพระองคจะทําใหบรรดาเราะ สูลเสียชีวิตไปท้ังหมด อํานาจความเกรียงไกรของพระองคก็จะไม ลดลงแตอยางใด และเมื่อใดก็ตามท่ีไดยินเร่ืองราวการชวยเหลือ ของอัลลอฮฺท่ีมีตอบรรดานบี ก็ใหเขาใจเร่ืองราวนั้นถึง ความสามารถของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ และพระประสงคของ พระองคทีจ่ ะชว ยเหลือสนับสนุนความจริงและสัจธรรม สวนเรื่องราวของผูท่ีปฏิเสธศรัทธา เชนชาวอาดและษะมูด และส่ิงท่ีพวกเขาไดประสบนั้น ใหเขาใจเร่ืองราวน้ันโดยการทําให เกิดความรูสึกเกรงกลัวตอความเด็ดขาดและการลงโทษของ พระองค และใหตัวเขาไดรับประโยชนจ ากเรอื่ งราวน้นั โดยใหสํานึก อยูตลอดวาถาหากเขาลืมตัว และมีพฤติกรรมที่ตํ่าทราม และลุม 189
หลงกับสิ่งท่ีถูกประทานมาให บางทีเขาอาจจะตองประสบกับการ ลงโทษและไดเผชิญกับเคราะหกรรมน้นั ก็เปนไปได เชน เดยี วกันถาไดยนิ เรอ่ื งราวของสวนสวรรคและนรก และ ทุกเรื่องท่ีมีอยูในอัลกุรอาน มันยอมเปนไปไมไดท่ีจะแจกแจง รายละเอียดทั้งหมดที่ไดเขาใจจากมัน เพราะในเร่ืองนี้มันไมมี ขีดจํากดั ซ่งึ บา วแตละคนจะไดรบั รซิ กใี นสว นน้ีท่ีแตกตางกันไป َ�ِ َ�ٰ ُت تَن َف َد َ َ� ۡب َل ٱ ۡ َ� ۡح ُر َ�َفِ َد �ِّ َر ّلِ َ�ِ َ�ٰ ِت ِم َدا ٗدا ٱ ۡ َ� ۡح ُر َ� َن لَّ ۡو ُقل أن ﴿ [١٠٩ : ﴾ ]الﻜﻬﻒ١٠٩ َر ِّ� َولَ ۡو ِج ۡئ َنا بِ ِم ۡثلِهِۦ َم َد ٗدا ความวา “จงกลาวเถิดมุฮัมมัด หากวาทะเลเปนนํ้าหมึกสําหรับ บันทึกพจนารถของพระผูเปนเจาของฉัน แนนอน ทะเลจะเหือด แหงกอนท่ีคํากลาวของพระผูเปนเจาของฉันหมดส้ินไป และ แมวาเราจะนํามันเย่ียงนั้นมาเปนนํ้าหมึกอีกก็ตาม” (สูเราะฮฺอัล- กะฮฟฺ อายะฮฺที่ 109) เปาหมายหลกั ในสงิ่ ทีเ่ ราไดน าํ เสนอไปนนั้ เพ่ือเปนการตอก ยํ้าแนวทางการทําความเขาใจความหมายของอัลกุรอาน ทั้งนี้ก็ เพื่อใหไดลิ้มรสความหอมหวานของมัน สวนรายละเอียดความ เขาใจในแตล ะเร่อื งราวนั้นเปน ส่ิงท่ีไมมีขีดจํากัด ซึ่งใครกต็ ามที่ไมม ี ความเขาใจในเน้ือหาของอัลกุรอานแมจะเปนเพียงความเขาใจใน ระดับเบอื้ งตน เขาก็จะอยใู นคําดาํ รสั ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ท่วี า 190
ْ﴿ َو ِم ۡن ُهم َّمن � َ ۡس َت ِم ُع إِ َ ۡ� َك َح َّ ٰٓ� إِ َذا َخ َر ُجواْ ِم ۡن ِعن ِد َك َقالُواْ لِ َّ ِ�ي َن أُوتُوا : ﴾ ]�ﻤﺪ١٦ ٱ ۡلعِ ۡل َم َما َذا َقا َل َءانِ ًفاۚ أُ ْو َلٰٓ�ِ َك ٱ َّ ِ�ي َن َط َب َع ٱ َّ ُ� َ َ ٰ� ُقلُو�ِ ِه ۡم [١٦ ความวา “ในหมูพวกเขามีผูเง่ียหูฟงเจาจนกระทั่งเมื่อพวกเขา ออกไปจากเจา พวกเขาก็จะพูดแกผูมีความรูวา เมื่อกี้นี้เขา (มุฮัมมัด) พูดอะไรกัน ชนเหลาน้ีแหละคือบรรดาผูท่ีอัลลอฮฺทรง ประทับตราบนหัวใจของพวกเขา” (สเู ราะฮมฺ ฮุ ัมมดั อายะฮฺท่ี 16) ซึ่งการประทับตราในที่น้ีหมายถึง ปจจัยท่ีกีดก้ันไมใหเกิด ความเขาใจ ซ่งึ ขา พเจาจะกลาวถงึ ในหวั ขอตอ ไป 6. หลีกหางจากปจจัยที่กีดก้ันไมใหเกิดความเขาใจ (ใน ความหมายของอัลกรุ อาน) ซ่ึงคนสวนใหญจะถูกกีดก้ันไมใหเกิดความเขาใจใน ความหมายของอัลกุรอานเน่ืองดวยสาเหตุตางๆ และดวยกับการที่ ชัยฏอนไดปดกั้นหัวใจของพวกเขา ทําใหหัวใจของพวกเขาไม สามารถรับรูถึงความลับตางๆ ที่แฝงอยูในอัลกุรอาน สวนปจจัยที่ ปด ก้ันไมใ หเกดิ ความเขาใจนัน้ มีอยูส ามประการดงั นี้ 6.1 การใหความสําคัญกับการออกเสียงอักขระ (มัคร็อจฺ) มากจนเกินไป ซ่ึงน่ีคือส่ิงท่ีชัยฏอนไดพยายามใหนัก 191
อานอัลกุรอานคร่ําเครงไปกับมัน ท้ังน้ีก็เพ่ือไมใหพวกเขาไดเขาใจ ในเน้ือหาของคาํ ดํารัสของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ซึ่งมันจะคอยทํา ใหพวกเขาขะมักเขมนอยูกับการออกเสียงอักขระ (มัคร็อจฺ) โดย ใหพวกเขาคิดไปเองวายังไมสามารถออกเสียงอักขระตามมัคร็อ จของมันได ดังกลาวนี้เองทําใหความมุงหวังของพวกเขานั้นจํากัด เฉพาะการออกเสียงอักขระใหถูกตองเพียงเทาน้ัน แลวพวกเขาจะ ไดล้ิมรสความหอมหวานของความหมายอัลกุรอานไดอยางไร ? ซ่ึง ส่ิงท่ีทําใหชัยฏอนดีใจมากท่ีสุดคือคนท่ีหลงไปกับเลหกลของมัน เชนน้ี 6.2 การยึดติดในแนวคิด (มัซฮับ) ท่ีถูกถายทอดกัน มาอยางมืดบอด (ตะอัศศุบ) ซ่ึงไดทําตามแนวคิดนั้นเทาท่ีถูก ถายทอดกันมาโดยไมไดศึกษาคนควาและหาขอเท็จจริงตอ ดังน้ัน คนเชนน้ีเองที่จะตีกรอบความเช่ือของตัวเองไมใหเกินจากท่ีเขา ไดรับการถายทอดกันมา จนทําใหหัวใจของเขาไมสามารถที่จะ ครุนคิดในความเชื่ออ่ืนจากน้ัน ในท่ีสุดมุมมองของเขาก็จะจํากัด เฉพาะสิ่งที่เขาไดรับการถายทอดกันมาเพียงเทาน้ัน ดังนั้นเม่ือมี ขอ มูลอืน่ ทีเ่ ขามาใหมห รือมขี อ มลู ทีส่ รางความกระจา งชัดตอ เน้อื หา ท่ีเขาไดรับการถายทอดกันมา ชัยฏอนก็จะลอลวงใหเขายึดมั่นตอ สิ่งท่ีเขาไดเช่ือในกอนหนาน้ี และมันจะกลาววา “เจาจะครุนคิดใน เร่ืองนีไ้ ดอยางไรกัน ในเม่อื มนั สวนทางกบั สิ่งที่บรรพบุรษุ ของเจา ได 192
เชื่อถือกัน” และแลวเขาก็หลงเช่ือในการลอ ลวงของชัยฏอน จนทํา ใหเขาหางไกลจากการทําความเขาใจในเนื้อหาน้ันและจะยังคง รักษาแนวคิดเกาๆ เชนเดิม เฉกเชนคนที่อานคําดํารัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ท่ีวา [٥ : ﴾ ]ﻃﻪ٥ ﴿ ٱل َّر ۡح َ�ٰ ُن َ َ� ٱ ۡل َع ۡر ِش ٱ ۡس َت َو ٰى ความวา “ผูทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตยอยูบนบัลลังก” (สู เราะฮฏฺ อฮา อายะฮทฺ ่ี 5) ซึ่งในเน้ือหาน้ีไดกลาวถึงความสูงสงของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ เหนือสรรพสิง่ ทงั้ หลาย และพระองคท รงบรหิ ารจัดการใน ทุกสิ่งที่มีอยู ซึ่งคนที่ยึดมั่นในแนวคิดที่ถูกถายทอดกันมาวาจําเปน ที่จะตองไมเช่ือวาอัลลอฮฺทรงมีตําแหนงทิศทางนั้น ก็จะถูกปดกั้น จากการพินิจใครครวญในคุณลักษณะแหงความสูงสงและการ ประทบั เหนือบลั ลังกของพระองค ซงึ่ เปนคณุ ลักษณะทม่ี ีการเนน ยา้ํ ในอัลกุรอานโดยมีเปาประสงคเพื่อตอกยํ้าถึงความเกรียงไกรและ ความย่ิงใหญของอัลลอฮฺ รวมถึงความสูงสงของพระองคที่มีเหนือ สรรพสิง่ ท่ีถกู สรา งทัง้ หลาย 6.3 ทําความผิดเปนอาจิณ มีความหย่ิงยโส และลุม หลงไปกับความเพริศแพรวของโลกดุนยา ซึ่งมันเปนสาเหตุทําให หัวใจมืดบอดและเปนสนิม เชนการหลงใหลในตัวผูหญิง ซ่ึงถือเปน 193
ปจจัยที่สําคัญมากท่ีทําใหหัวใจถูกปดก้ัน และส่ิงนี้เองท่ีทําใหหัวใจ ของคนสวนมากถูกปด กน้ั และเทาท่ีความใครมีมากเพียงใดก็จะทําใหเนื้อหาของคํา ดํารัสของอัลลอฮฺถูกปดกั้นมากขึ้นเทานั้น และเทาที่หัวใจสามารถ สละความวุนวายของโลกดุนยามากเพียงใด ก็ใกลแลวที่เน้ือหา ของอัลกุรอานจะเขาถึงหัวใจนั้น ดังน้ันหัวใจเปรียบเสมือนกระจก สวนความใครเปรียบเสมือนสนิม และเนื้อหาของอัลกุรอาน เปรียบเสมือนภาพท่ีเห็นในกระจกนั้น และการทําใหหัวใจมีความ ต่ืนตัวน้ันก็ดวยกับการขจัดความใครออกไป เชนการไมใหความ สนใจตอความสวยงามของผูหญงิ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดวางเงื่อนไขของการสํานกึ ผิดผกู กบั การทาํ ความเขาใจและการพนิ จิ ใครค รวญ ดังที่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [٨ : ﴾ ]ق٨ ﴿ َ� ۡب ِ َ� ٗة َوذِ ۡك َر ٰى لِ ُ ّ ِ� َ� ۡب ٖد ُّمنِي ٖب ความวา “เพื่อใหเปนที่สังเกตและเปนการเตือนใหรําลึกแกบาว ทกุ คนผสู ํานกึ ผิด” (สูเราะฮกฺ อ็ ฟ อายะฮทฺ ่ี 8) อลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ไดก ลา วอกี วา َمن َّ َ� َت َذ َّك ُر َو َما �ِإ [١٣ :]ﻏﺎﻓﺮ ﴾ ١٣ يُنِي ُب ﴿ ความวา “และจะไมมีใครใครครวญนอกจากผูสํานึกตัว” (สู เราะฮฺฆอฟร อายะฮทฺ ี่ 13) 194
และอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [٩ : ﴾ ]الﺰمﺮ٩ ﴿ إِ َّ� َما َ� َت َذ َّك ُر أُ ْولُواْ ٱ ۡ�َ ۡل َ�ٰ ِب ความวา “แทจรงิ บรรดาผมู ีสตปิ ญญาเทา นน้ั ที่จะใครค รวญ” (สู เราะฮฺอัซ-ซมุ ัร อายะฮทฺ ี่ 9) ดังนั้นคนท่ีลุมหลงในความเพริศแพรวของโลกดุนยา มากกวาความผาสุกของโลกอาคิเราะฮฺ เขาตองไมใชเปนผูท่ีมี สติปญญาอยางแนนอน และดวยเหตุน้ันเองทําใหเขาไมสามารถ เขาถงึ ความลับตา งๆ ของคัมภีรเลมน้ี 7. ตองตระหนักวาทุกอายะฮฺของอัลกุรอานกําลังพูดถึงตัว เขา ซึ่งเมื่อเขาฟงคาํ สงั่ ใชหรอื คาํ สงั่ หาม เขาจะตองตระหนักวา ตัวเขาถกู สั่งใชแ ละถูกสง่ั หามในเรื่องน้นั และเมอ่ื เขาฟงอายะฮทฺ ี่ถูก สัญญาวาจะตอบแทนคุณงามความดีหรือสัญญาวาจะลงโทษใน ความชั่วน้ันเขาจะตองรูสึกวาอายะฮฺน้ันกําลังพูดถึงตัวเขาอยู และ เม่ือเขาฟงอายะฮฺท่ีเลาเร่ืองราวของกลุมชนรุนกอนและบรรดานบี ท้ังหลาย ก็ใหรูวามันไมไดเปนเพียงการเลานิทานกอนนอนเพียง เทานั้น แตนัยของมันจริงๆ คือการนําเร่ืองราวน้ันและหยิบยก อุทาหรณของมันมาเปนบทเรียน ซ่ึงไมมีเร่ืองราวใดในอัลกุรอาน 195
นอกจากมันจะมีเน้ือหาที่ใหประโยชนแกทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ลัยฮวิ ะสัลลัม และประชาชาติของทา น ดวยเหตนุ ้ีเองอัลลอฮฺ ตะอา ลา จงึ ดํารัสวา [١٢٠ : ﴾ ]ﻫﻮد١٢٠ ۚ﴿ َما نُ َث ّبِ ُت بِهِۦ ُف َؤا َد َك ความวา “เพ่ือทําใหจิตใจของเจาหนักแนน” (สูเราะฮฺฮูด อายะฮฺ ท่ี 120) ดังน้ัน บาวแตละคนตองตระหนักวาอัลลอฮฺสามารถทําให หัวใจของเขาม่ันคงไดดวยกบั การที่พระองคทรงเลาถึงเร่ืองราวของ บรรดานบีและความอดทนของพวกทานตอการถูกทํารายใน รูปแบบตา งๆ และการยนื หยัดของพวกทานในศาสนาน้ี ท้ังนเ้ี พ่อื รอ คอยความชวยเหลอื จากอลั ลอฮฺ ตะอาลา จะไมใหมีความรูสึกที่ตองตระหนักเชนน้ีไดอยางไร ใน เมื่ออัลกรุ อานไมถ ูกประทานลงมาแกท า นเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพ่ือทานเราะสูลุลลอฮฺโดยเฉพาะ แตอัลลอฮฺได ทรงประทานคัมภีรของพระองคลงมาเพ่ือเปนชิฟาอ (การเยียวยา) เปนฮุดา (ทางนํา) เปนเราะหมฺ ะฮฺ (ความเมตตา) เปนนูรฺ (รัศมี) แก มนุษยทกุ คน และดว ยเหตนุ เ้ี องอัลลอฮฺ ตะอาลา จงึ ใชใหท ุกคนชกุ รู ฺ (ขอบคุณ) ในความโปรดปรานทพี่ ระองคทรงประทานคมั ภีรน้ี อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดด าํ รสั วา 196
﴿ َوٱ ۡذ ُك ُرواْ نِ ۡع َم َت ٱ َّ�ِ َع َل ۡي ُ� ۡم َو َمآ أَن َز َل َع َل ۡي ُ�م ِّم َن ٱ ۡل ِك َ�ٰ ِب َوٱ ۡ�ِ ۡك َم ِة ΅ [٢٣١ : ﴾ ]اﻟﺒﻘﺮة٢٣١ يَعِ ُظ ُ�م بِهِۚۦ ความวา “และพึงรําลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีแก พวกเจา และสิ่งที่พระองคไดทรงประทานลงมาแกพวกเจา อัน ไดแกคัมภีร และบทบัญญัติ (ที่มีอยูในคัมภีรน้ัน) ซ่ึงพระองคจะ ทรงใชคัมภีรน้ันแนะนําตักเตือนพวกเจา” (สูเราะฮฺอัล-บะเกาะ เราะฮฺ อายะฮฺท่ี 231) อัลลอฮฺ อซั ซะวะญัลละ ไดดาํ รสั อกี วา [١٠ : ﴾ ]اﻻﻧبﻴﺎء١٠ ﴿ لَ َق ۡد أَن َز ۡ�َآ إِ َ ۡ� ُ� ۡم كِ َ�ٰ ٗبا �ِيهِ ذِ ۡك ُر ُ� ۡۚم أَ َف َ� َ� ۡع ِقلُو َن ความวา “เราขอสาบานวา แทจริงเราไดใหคมั ภรี อ ลั กุรอานมายัง พวกเจา ในน้ันมีขอเตือนสติแกพ วกเจา พวกเจาไมใชสตปิ ญญา คดิ บา งดอกหรอื ” (สเู ราะฮฺอัล-อมิ บยิ าอ อายะฮทฺ ี่ 10) พระองคไดดาํ รสั อีกวา ΅΅ [٤٤ : ﴾ ]اﻟﻨﺤﻞ٤٤ ﴿ َوأَن َز ۡ�َآ إِ َ ۡ� َك ٱ ِّ� ۡك َر ِ ُ� َب ِّ َ� لِل َّنا ِس َما نُ ّزِ َل إِ َ ۡ� ِه ۡم ความวา “และเราไดใหอัลกุรอานแกเจาเพื่อเจาจะไดช้ีแจง (ให กระจา ง) แกม นุษยซ ึ่งสิง่ ท่ไี ดถ กู ประทานมาแกพ วกเขา” (สูเราะฮฺ อัน-นะหลฺ ิ อายะฮฺที่ 44) 197
พระองคไ ดด ํารัสอีกวา [٣ : ﴾ ]�ﻤﺪ٣ ﴿ َك َ�ٰلِ َك يَ ۡ ِ� ُب ٱ َّ ُ� لِل َّنا ِس أَ ۡم َ�ٰ َل ُه ۡم ความวา “เชนน้ีแหละอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณทั้งหลายของพวก เขาแกป วงมนษุ ย” (สูเราะฮมฺ ุฮมั มดั อายะฮทฺ ี่ 3) พระองคไดดาํ รสั อกี วา [٥٥ : ﴾ ]الﺰمﺮ٥٥ ﴿ َوٱتَّبِ ُع ٓواْ أَ ۡح َس َن َمآ أُن ِز َل إِ َ ۡ� ُ�م ِّمن َّر ّ�ِ ُ�م ความวา “และจงปฏิบัติตามส่ิงที่ดียิ่งท่ีไดถูกประทานลงมายัง พวกทานจากพระเจาของพวกทาน” (สูเราะฮฺอัซ-ซุมัร อายะฮฺท่ี 55) พระองคไดดํารัสอกี วา [٢٠ : ﴾ ]اﻟﺠﺎﺛﻴﺔ٢٠ ّلِ َق ۡو ٖ� يُوقِ ُنو َنٞ﴿ َ�ٰ َذا بَ َ ٰٓص�ِ ُر لِل َّنا ِس َو ُه ٗدى َو َر ۡ َ�ة ความวา “อัลกุรอานน้ีเปนแสงสวางแกมวลมนุษย และเปน แนวทางที่ถูกตอ งและความเมตตาแกห มูชนที่มคี วามเชื่อมั่น” (สู เราะฮอฺ ัล-ญาษิยะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 20) พระองคไดดาํ รัสอีกวา [١٣٨ : ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان١٣٨ �َ ّلِ ۡل ُم َّت ِقٞن ّلِل َّنا ِس َو ُه ٗدى َو َم ۡو ِع َظةٞ ﴿ َ�ٰ َذا َ� َيا 198
ความวา “น่ีคือขอช้ีแจงอันชัดเจนสําหรับมนุษยและเปน คําแนะนําที่ถูกตอง และเปนคําตักเตือนสําหรับผูยําเกรง ท้งั หลาย” (สเู ราะฮฺอาล อมิ รอน อายะฮฺท่ี 138) หากเปาหมายของการกลาวถึงน้ันสําหรับมนุษยทุกคน แนนอนวาแตล ะคนกเ็ ปนเปา หมายของมนั ดว ย ดงั นน้ั คนท่ีอา นอลั กุ รอานเพียงคนเดียวคอื กลุมเปาหมายของมัน นับประสาอะไรกบั คน อื่นทเี่ หลือ ดงั น้ันจงตระหนักเถิดวา ตัวทา นเปนกลุมเปา หมายทอี่ ลั กุ รอานกําลงั กลาวถงึ อยู อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา [١٩ : ﴾ ]اﻻﻧﻌﺎم١٩ ۚ﴿ َوأُو ِ َ� إِ َ َّ� َ�ٰ َذا ٱ ۡل ُق ۡر َءا ُن ِ�ُن ِذ َر ُ�م بِهِۦ َو َم ۢن بَلَ َغ ความวา “และอัลกุรอานน้ีก็ไดถูกประทานลงมาแกฉัน เพื่อท่ีฉัน จะไดใชอัลกุรอานนี้ ตักเตือนพวกทาน และผูท่ีอัลกุรอานน้ีไป ถึง” (สเู ราะฮอฺ ัล-อันอาม อายะฮทฺ ี่ 19) ทานมุฮัมมัด บินกะอฺบ อัล-กุเราะซี ไดกลาววา “ผูใดท่ีอัล กรุ อานไปถงึ เขา ก็ประหนง่ึ วาอลั ลอฮกฺ าํ ลังสนทนากบั เขาอย”ู เม่ือไดตระหนกั เชน นนั้ แลว ไมควรทเ่ี ขาจะศกึ ษาอลั กรุ อาน โดยยึดเปนเพียงกิจวัตรประจําวันเพียงเทานั้น แตเขาตองอานมัน 199
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301