Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความสุขของการทำอิบาดะฮ

ความสุขของการทำอิบาดะฮ

Published by Ismail Rao, 2020-06-26 07:36:11

Description: ความสุขกับการทำอิบาดะฮฺ์ และการเตรียมตัวสู่เดือนเราะมะฎอน
โดย อบูมุฮัมมัด อัลมุอฺตัซซุบิลลาฮฺ
ริฎอ บินอะหฺมัด สมะดี
คำนิยมโดย ชัยคฺอบูอิสหาก อัลหุวัยนี
ชัยคฺมุฮัมมัด หุสัยน์ ยะอฺกูบ
แปลโดย อบูอิบานะฮฺ ฟิตยะตุลฮัก

Search

Read the Text Version

ความวา “โอบิลาล ! จงทําใหเราผอนคลายดวยกับมันเถิด” (บนั ทกึ โดยอัฏ-เฏาะบะรอนี ในอลั -มอุ ญฺ ัม อัล-กะบรี ) กลาวคือ จงทําใหเราสงบดวยกับการละหมาดและเสียง เรยี กไปสูมันเถดิ เพราะในนนั้ มคี วามสุขสาํ ราญอยู สว นการทาํ ความสะอาดน้ัน หากทา นเคลยี รพ นื้ ท่ที ี่ทานใช ละหมาดใหสะอาดซ่ึงมันเปนสวนที่ไกลจากตัวทาน และหากทาน จัดการเส้ือผาท่ีทานใชละหมาดใหสะอาดซ่ึงมันเปนส่ิงหอหุมท่ีใกล ตัวทาน หรือหากทานจัดการเน้ือตัวของทานใหสะอาดซึ่งมันเปน ชิ้นสวนท่ีใกลท่ีสุดของทาน ก็อยาลืมสวนสําคัญท่ีสุด นั่นคือหัวใจ ของทาน โดยพยายามทําใหม นั บริสุทธิ์ดว ยการเตาบัตและเสยี ใจใน สิ่งที่ทําไป และใหมีความต้ังใจอยางแนวแนที่จะละทิ้งไมทํามันอีก ซ่ึงทานจะตอ งชาํ ระภายในของทานใหมคี วามบรสิ ุทธิเ์ พราะมนั เปน สวนที่จะไดร ับการพิจารณาจากการทําอบิ าดะฮฺของทานวา ถกู ตอบ รบั หรือไม สวนการปกปดเอารัตนั้น พึงรเู ถดิ วาความหมายของมนั คอื การปกปด เรอื นรางสวนท่ไี มดจี ากการมองของผูคน เพราะเรอื นรา ง ภายนอกของทานคือสวนท่ีผูคนจะมองดู สวนเอารัตที่ถูกซอนเรน ภายในของทานจะไมมีใครมองเห็นมันนอกจากพระผูอภิบาลของ ทาน ดังนั้น จงจัดการปกปดสิ่งที่ซอนเรนตางๆ น้ันใหดี และให เช่ือมน่ั วา มันไมอาจปกปดการมองเหน็ ของอัลลอฮฺ สบุ หานะฮูวะตะ 150

อาลา ไดเลย แตสิ่งที่จะลบลางมันก็คือการเสียใจ มีความละอาย และหวาดหวั่นตอสิ่งที่ไดกระทําไป และจงใชประโยชนดวยการนํา ความรูสึกนั้นเขาสูหัวใจของทานเพื่อปลุกพลังของความกลัวและ ความละอาย และใหมีความนอบนอมภายใตความรูสึกท่ีมีความ ละอายใจ และใหยืนอยูเ บ้อื งหนาอลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ในสถานะ บาวที่เต็มไปดวยความผิดซึ่งเสียใจในสิ่งที่ไดทําไปและหวนกลับไป ยังผูที่เขารัก (น่ันคืออัลลอฮฺ) ในสภาพท่ีกมหนากมตาเน่ืองจาก ความละอายและความรูสกึ ทห่ี วาดหว่ัน สวนการผินหนาไปยังทิศกิบลัต คือ ทําใหใบหนาของทาน ไดผินออกจากทิศตางๆ ท้ังหมดแลวมุงสูทิศของบัยตลุ ลอฮเฺ พียงทิศ เดียว ทานคิดหรือวาการทําใหหัวใจผินออกจากทุกสิ่งแลวมุงไปสู อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เปนส่ิงท่ีทานไมปรารถนา ? ไมเชนนั้น แนนอน เพราะไมมีส่ิงใดอีกแลวท่ีทานปรารถนานอกจากมัน และ ในความเปนจริงรางกายภายนอกจะเปนส่ิงกระตุนสิ่งท่ีอยูภายใน และจะทําใหอวัยวะตางๆ ไมวอกแวก ซึ่งการท่ีจะทําใหมันสงบนิ่ง ไดนั้นก็ดวยการทําใหมันมุงไปยังทิศเดียวเทาน้ันทั้งน้ีเพื่อไมใหเปน การละเมิดหัวใจ เพราะหากรางกายละเมิดและอธรรมดวยการ วอกแวกและหันไปมามันก็จะทําใหหัวใจคลอยตามมันไปดวย จน ทําใหมันผินหลังใหกับทิศของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ดังนั้น จงทาํ ใหห ัวใจและรา งกายของทา นหันไปยังทศิ เดียวกนั เถดิ 151

สวนการยืนตรง (อิอฺติดาล) น้ัน คือการท่ีคนๆ หนึ่งและ หัวใจของเขาไดย นื อยูเบือ้ งหนาอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ซง่ึ ทา นตอง ทําใหศีรษะท่ีถือเปนจุดสูงสุดของสรีระอยูในสภาพท่ีนอบนอมถอม ตนและสโิ รราบ และขณะท่ีกําลังยืนตรงอยูน้นั กต็ อ งเนนย้ําใหห วั ใจ มีความนอบนอมถอมตนและปราศจากการเชิดหนาชูตาและหยิ่ง ยโส และในขณะท่ีกําลังยืนอยูเบ้ืองหนาอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ก็ ใหรําลึกถึงความนาสะพรึงกลวั ของการสอบสวนที่จะตอ งมีขน้ึ และ พึงรูเถิดวา หากทานไมสามารถรับรูถึงพระเดชานุภาพของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในขณะที่ทานกําลังยืนอยูเบื้องหนาพระองค โดยท่ี พระองคกําลังเฝามองดูทานอยูนน้ั ก็ใหทานลองนึกถึงสภาพทีท่ าน กาํ ลงั ยนื อยเู บ้อื งหนากษัตรยิ ในโลกน้ี หรืออีกวธิ หี นง่ึ คือใหหาคนดๆี สักคนหรือคนท่ีปรารถนาอยากเห็นทานไดรับสิ่งท่ีดีมาชวยเฝามอง ขณะท่ีทานกําลังละหมาด ซ่ึงหากทุกอริ ิยาบถของการละหมาดคร้งั น้ันมีความสงบ นอบนอมถอมตน และมีสมาธิ และรูสึกหวาดหว่ัน วาสมาธิของการละหมาดอาจจะมีนอย ซึ่งหากทานรูสึกมีสมาธิ อยา งมากขณะทมี่ ีคนกําลังเฝามองดอู ยู กใ็ หตาํ หนติ ัวเองเถดิ แลวให กลาวกับตัวเองวา “ทานอางวารูจักอัลลอฮฺและรักพระองค แต ทําไมทานไมละอายใจท่ีไดเ หมิ เกรมิ ทาํ ความผิดตอ พระองค ทั้งๆ ที่ พระองคทรงใหเกียรติทานเปนบาวของพระองค ?” หรือทานเกรง กลัวตอมนุษย แตกลับไมเกรงกลัวพระองค ท้ังๆ ท่ีพระองคสมควร ยิ่งกวาท่ีจะตองเกรงกลัว ดวยเหตุน้ีในครั้งที่ทานอบูฮุร็อยเราะฮฺ 152

ถามวา “ความละอายตออัลลอฮฺเปนอยางไรหรือ ?” ทานนบี ศ‫็ﻚ‬อ‫ ِﻠ‬ล‫ ْﻫ‬ลَ‫ أ‬ลั‫ ْﻦ‬ล‫ ِﻣ‬อ‫ي‬ฮ‫ุو‬อ‫ر‬ะ‫و‬ล،ัย‫َﻚ‬ฮิว‫ﻮ ِم‬ะْ َ‫ﻗ‬ส‫ﻦ‬ลัْ ล‫ ِﻣ‬มั ‫ِﻟ ِﺢ‬จ‫ﺼﺎ‬งึ َّ ก‫ل‬ล‫ ا‬า‫ ِﻞ‬ว‫ ُﺟ‬ว‫َّﺮ‬า‫ َﻛ َﻤﺎ � َ ْﺴﺘَ ِﺤﻲ ِﻣ َﻦ ال‬،‫� َ ْﺴﺘَ ِﺤ َﻲ ِﻣﻨ ُﻪ‬ ความวา “ความละอายตอพระองค เปนไปเฉกเชนความละอาย ของทานท่ีมีตอคนดีจากกลุมชนของทาน” และในบางรายงาน “จากครอบครัวของทาน” (บันทึกโดยอัล-เคาะรออิฏี ใน “มะกา รมิ อัล-อัคลาก” ในสายรายงานมนี กั รายงานทต่ี อ งพิจารณา) สวนการตั้งเจตนานั้น คือการต้ังใจสนองอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ในการปฏิบัติตามคําส่ังใชของพระองคดวยการละหมาด ใหสมบูรณ และยับย้ังจากส่ิงท่ีทําใหการละหมาดบกพรองหรอื เปน โมฆะ รวมถึงการมีความบริสุทธิ์ใจตออัลลอฮฺในทุกอิริยาบถเพื่อ แสวงหาพระพักตรของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา โดยหวังใน ผลบญุ ของพระองค และหวาดหวั่นตอ การลงโทษของพระองค และ วอนขอการไดอยูใกลชิดพระองค และใหแสวงหาความกรุณาธิคุณ ของพระองคใหอนุญาตทานในการเขาเฝามุนาญาจทั้งๆ ที่ทานทํา ตัวไมด ีและมกั จะฝาฝน พระองค และการตั้งเจตนาจะมีความสาํ คญั สําหรับทานมันข้ึนอยูกับการเขาเฝามุนาญาจฺพระองค และการ พิจารณาวาใครที่ทานกําลังเขาเฝามุนาญาจอยู และทานเขาเฝามุ นาญาจอยางไร และดวยอะไรที่ทานไดเขาเฝามุนาญาจ ? ฉะน้ัน สมควรอยางยิ่งที่ทา นตองทําอยางสุดความสามารถ และใหรูสึกสนั่ กลวั และหนา ซีดเนอ่ื งดว ยความหวาดหว่นั และเกรงกลวั 153

สวนการตักบีร เม่ือทานไดกลาวมันดวยลิ้นก็สมควรที่ จะตองไมโกหกหัวใจของทาน ซึ่งหากในหัวใจของทานมีส่ิงอ่ืนท่ี ย่งิ ใหญก วา อัลลอฮฺก็ถือวาทานเปน คนโกหก และหากวา คาํ กลา วนนั้ มันมีความสัจจริงเฉกเชนท่ีพวกมุนาฟกูนไดยืนยันในคํากลาวของ พวกเขาไววา “แทจริงทานเปน เราะสูลของอัลลอฮ”ฺ แสดงวาความ ใครของทานอยูเหนือคําส่งั ใชของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ซึง่ ทา นได เชื่อฟงคลอยตามมันมากกวาอัลลอฮฺ ตะอาลา ซึ่งแนนอนวาทาน กําลังยึดมันเปนพระเจาของทานและยกมันเหนือส่ิงอื่นใด จนใน ที่สุดคํากลาวของทานท่ีวา “อัลลอฮุอักบัร-อัลลอฮฺทรงย่ิงใหญ ท่ีสุด” ก็จะเปน เพียงลมปาก ท้ังๆ ท่ีหัวใจของทา นไมมีสวนใดๆ กับ มันเลย และมันคงเปนส่ิงอันตรายอยางย่ิงหากไมมีการเตาบัตกลับ เน้อื กลบั ตัว และการคดิ บวกท่ีมีตอ ความกรณุ าธคิ ณุ ของอัลลอฮฺ ตะ อาลา และการใหอ ภัยของพระองค ไดกลาวสควือน΅กⁿา‫ض‬รดَ ‫ุر‬อْ ‫َﻷ‬าอ‫وا‬อิส‫ ِت‬ต‫ิا‬ฟ‫ﻤ َﻮ‬ต‫َﺴ‬า‫ل‬ห‫ฺ ا‬น‫ﻄ้ั َﺮ‬นَ �َ ใน‫ ْي‬ป�ِ ร‫ل‬ะ�โَ ยِ ค‫ ْﺟ‬ท‫ َو‬อ‫ﺖ‬นُ แ‫ﺟ ْﻬ‬รَّ ก‫ َو‬₧ท่ีท(าขนา พระองคขอผินหนาของขาพระองคแดผูที่สรางบรรดาชั้นฟาและ แผนดิน) ในท่ีน้ีไมใชผินหนาไปยังพระพักตของอัลลอฮฺจริงๆ แต เปนการผินหนาไปยังทิศกิบลัต เพราะอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอา ลา ไมไดอยูทางทิศน้ัน แตใหใชหัวใจในการมุงสูผูที่สรางบรรดาช้ัน ฟาและแผนดิน แลวใหพิจารณาดูวามันไดมุงสูความเพอฝนและ แรงจูงใจที่มีอยูในบานและทองตลาดซึ่งเปนการคลอยตามความ 154

ใคร หรือมุงสูผูท่ีสรางบรรดาชั้นฟาทั้งหลาย ? และขอใหทานระวงั การเร่มิ เขา เฝา มนุ าญาจดวยการเสแสรง ซึ่งทานไมสามารถผินหนาไปสูอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดเวนแต ทานจะตองไมผินไปยังสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค ดังนั้น จงมุงมั่น ต้ังใจในชวงขณะที่ผินหนาไปยังพระองค และหากทานไมสามารถ ทาํ เชนนน้ั ไดตลอดเวลาก็ใหท า นกลาวประโยคนี้ดวยความสจั จริง และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ‫ َﺣﻨِ ْﻴ ًﻔﺎ ُم ْﺴﻠِ ًﻤﺎ‬₧΅(ในฐานะผูใฝหา ความจรงิ ผูสวามิภกั ดิ์) สมควรอยางยง่ิ ทท่ี า นตองสํานึกอยูเ สมอวา คนท่ีเปนมุสลิมน้ัน ล้ินและมือของเขาจะตองใหความปลอดภัยตอ คนมุสลิมทั้งหลาย ซึ่งหากทานไมทําเชนนั้นก็ถือวาทานเปนคน โกหก ดังนั้น จงมุงมั่นต้ังใจทําส่ิงตางๆ ในภายภาคหนาดวยดีและ ใหเ สยี ใจในสง่ิ ตา งๆ ทไ่ี ดทําไปกอนหนา นี้ และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ �َ ِ�‫ َو َﻣﺎ أ َﻧﺎ ِﻣ َﻦ ال ُﻤ ْﺸﺮ‬₧΅(และขา พระองคมิใชคนหนึ่งในหมูผูตั้งภาคี) ก็ใหทานนึกถึงการทําชิริก เลก็ เพราะคําดํารสั ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทีว่ า ِ‫بِ ِع َبا َدة‬ ‫�ُ ۡ ِ� ۡك‬ �َ ‫َو‬ ‫َ�ٰلِ ٗحا‬ �ٗ ‫َ� َم‬ ‫َف ۡل َي ۡع َم ۡل‬ ‫َي ۡر ُجواْ ِل َقآ َء َر ّ�ِهِۦ‬ ‫﴿ َ� َمن َ� َن‬ [١١٠ :‫﴾ ]الﻜﻬﻒ‬ ١١٠ �‫َر ّ�ِهِۦٓ أَ َح َ ۢد‬ ความวา “ดังน้ัน ผูใดหวังท่ีจะพบพระผูเปนเจาของเขา ก็ใหเขา ประกอบการงานที่ดี และอยาต้ังผูใดเปนภาคีในการเคารพภักดี ตอพระผเู ปน เจาของเขาเลย” (สูเราะฮอฺ ัล-กะฮฺฟ อายะฮทฺ ี่ 110) 155

ซึ่งถูกประทานลงมาแกคนท่ีมุงเจตนาทําอิบาดะฮฺเพ่ือ แสวงหาพระพักตของอัลลอฮฺในขณะเดียวกันก็ตองการคําช่ืนชม ของผูคนดวย เมื่อเปนเชนนี้ทานจงระวังจากการทําชิริกน้ีดวยเถิด และใหสรางความรูสึกที่ไมสบายใจหากทานพบวาตัวทานน้ันไมได เปนหนึง่ ในชาวมชุ รกิ นี แตก ็ยังไมไ ดหลดุ พน จากการทาํ ชริ กิ น้ี เพราะ ข้นึ ช่อื วา ชริ กิ นน้ั มันเกดิ ขน้ึ ไดท ง้ั ในกรณีเลก็ นอยและมากมาย และเม่ือทา นกลา ววา ΅ⁿِ‫ َ ْ� َﻴﺎ َي َو َم َﻤﺎ ِﺗﻲ ﷲ‬₧΅(การมีชีวิตของ ขาพระองค และการตายของขาพระองคน ้ันเพื่ออัลลอฮฺ) พึงรูเ ถิด วา น่ีคือสภาพท่ีบาวคนหน่ึงไมมีอะไรหลงเหลือ แตเขาก็ยังมีนาย ของเขาอยู แตหากมันมาจากผูที่กระตุนเขาในการมีชีวิตและเตือน สําทับจากการเสียชีวิตในเร่ืองที่เก่ียวกับโลกดุนยา เขาก็จะไมมี ความรูส ึกที่เจบ็ ปวดในสภาพเชนน้ัน และเมื่อทานกลาววา΅ⁿ ‫أﻋﻮذ ﺑﺎﷲ ﻣﻦ الﺸﻴﻄﺎن الﺮﺟﻴﻢ‬₧΅ (ฉันขอความคุมครองตออัลลอฮฺจากชัยฏอนที่ถูกสาปแชง) พึงรู เถิดวา มันเปนศัตรูของทานและคอยจองหันเหหัวใจของทาน จากอลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เนื่องดวยความอิจฉารษิ ยาท่ีทานไดเ ขา เฝามุนาญาจและสุูดตออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ในขณะที่ มันถูกสาปแชงเน่ืองดวยการปฏิเสธการสุูดเพียงคร้ังเดียวและไม เห็นดวยที่จะทํามัน และการขอความคุมครองตออัลลอฮฺ สุบหา นะฮู วะตะอาลา จากมันนั้นตองเปนไปดวยการละท้ิงส่ิงที่มันชื่น ชอบ และส่ิงที่มันไดบ ิดเบือนจากท่ีอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทรงชื่น 156

ชอบ ไมใชเปนเพียงแคลมปากเทานั้น เหมือนกับผูที่กําลังถูกสตั วด ุ รายมุงทํารายหรือคนท่ีเปนศัตรูจองท่ีจะทํารายหรือฆา แลวเขา เพียงกลา ววา ฉนั ขอความคมุ ครองจากความเลวรายของมนั ท้งั ๆ ที่ เขาก็ยังอยูท่ีเดิมไมไดหนีไปไหน การทําเชนนั้นไมไดกอประโยชน อะไร แตหนทางท่ีจะไดรับการปกปองจากมันก็คือการไมอยูท่ีเดิม เชนเดียวกันกับการคลอยตามความใครซ่ึงเปนส่ิงที่ชัยฏอนช่ืนชอบ แตเปนส่ิงท่ีผูทรงเมตตานั้นไมชื่นชอบก็ไมเพียงพอกับการกลาว เพียงแคล มปาก ดังนน้ั ตอ งควบคคู ํากลา วนัน้ ดว ยการมงุ มนั่ ตั้งใจขอ ความคุมครองตออัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จากความช่ัวรายของ ชัยฏอน และพึงรูเถิดวา หน่ึงในกลลวงของมันในการหลอกลอให ทานวุนในละหมาดกค็ ือ การทาํ ใหทานนกึ ถงึ โลกอาคเิ ราะฮฺและการ ทําความดตี างๆ ท้ังนีเ้ พ่อื หกั หา มทานจากการทําความเขาใจในส่ิงที่ ทานกําลงั กลา วอยู ดังนั้นพึงรูเถิดวา ส่ิงใดก็ตามที่ทานกําลังวุนอยูกับมันอื่น จากการทําความเขาใจในนยั ที่ทานกําลังกลาวอยูนนั้ คือการกระซิบ กระซาบ (วิสวาส) เพราะการขยับของล้ินนั้นไมไดเปนเปาหมาย หลัก แตเ ปา หมายหลกั ของมันคอื นัยของมันตา งหาก สําหรับการอานในละหมาดน้ันไดแบงผูคนออกเปนสาม ระดบั ข้ัน หนงึ่ คนทใี่ ชล้นิ กลาว แตห วั ใจกลบั หลงลืม 157

สอง คนทใ่ี ชล ้นิ กลา ว และหวั ใจของเขากค็ ลอ ยตามสิง่ ทลี่ นิ้ กลาว ซ่ึงเขาจะทาํ ความเขาใจและสดบั ฟงมันประหนง่ึ วาเขาไดส ดบั ฟงจากคนอ่ืน จําพวกนี้คือระดับข้ันของชาวอัศหาบุลยะมีน (กลุม คนทไี่ ดเ ขา สวนสวรรค) สาม คนที่หัวใจของเขาไดบรรลุถึงนัยตางๆ ที่เขาไดกลาว แลวหัวใจของเขาก็ใชล ิ้นเปน กระบอกเสียงถายทอดมันออกมา มั น มี ค ว า ม แ ต ก ต า ง กั น ม า ก ร ะ ห ว า ง ก า ร ที่ ลิ้ น เ ป น กระบอกเสียงของหัวใจกับการท่ีมันเปนผูสงขอมูลแกหัวใจ แต สาํ หรบั คนท่มี คี วามใกลชดิ (อัลมกุ ็อรรอบนู ) น้ัน ล้นิ ของพวกเขาจะ คอยเปน กระบอกเสียงของหัวใจ โดยไมปลอยใหห วั ใจคลอ ยตามมัน สวนรายละเอียดของการอธิบายนัยตางๆ ของคํากลาวน้ัน เม่ือทานกลาววา΅ⁿ ‫�ﺴﻢ اﷲ الﺮﺣﻤﻦ الﺮﺣﻴﻢ‬₧΅(ดวยพระนาม ของอัลลอฮฺ ผูทรงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ใหทานต้ัง เจตนาขอความบารอกัตจากการอานนี้ในการเร่ิมตนอานคําดํารัส ของอลั ลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา และใหเขา ใจวากิจการทกุ อยาง ลวนเปนของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ซึ่งนัยของพระนามใน ที่นี้คือพระนามท่ีถูกเรียกขาน และหากกิจการท้ังหลายลวนเปน ของอัลลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา จึงไมแ ปลกที่΅ⁿ‫اﻟﺤﻤﺪ ﷲ‬₧΅(การ สรรเสริญท้ังหลายเปนสิทธิของอัลลอฮฺ) จะมีนัยเปนการขอบคณุ หรือชุกูรตออัลลอฮฺ เน่ืองจากความโปรดปรานท้ังหลายนั้นมา จากอัลลอฮฺ ซ่ึงใครก็ตามที่เห็นวายังมีความโปรดปรานอ่ืน 158

จากอัลลอฮฺ หรือมุงขอบคุณตอส่ิงอ่ืนจากอัลลอฮฺ โดยเชื่อวามันไม ไดมาจากอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ดังนั้น การกลาวพระนามของ พระองคและการสรรเสริญพระองคนั้นยอมมีความบกพรองเทาท่ี เขาไดหันเหไปยังส่ิงอ่ืนจากอัลลอฮฺ ตะอาลา ซึ่งเมื่อทานกลาววา΅ ⁿ‫الﺮﺣﻤﻦ الﺮﺣﻴﻢ‬₧΅(ผทู รงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ก็ใหหัวใจ ของทานนึกถึงความกรุณาธิคุณของพระองคทั้งหมด ท้ังน้ีเพ่ือท่ีจะ ไดรูถึงความเมตตาของพระองค ซ่ึงจะทําใหทานมีความหวังตอมัน หลังจากนั้นก็ใหหัวใจของทานมีความรูสึกถึงความยิ่งใหญและมี ความหวาดหว่ันดว ยการกลา ววา ⁿ‫ﻣﺎلﻚ ﻳﻮم اﻟﺪﻳﻦ‬₧΅(ผูทรงอภสิ ิทธ์ิ แหงวันตอบแทน) การท่ีตองรูสึกถึงความย่ิงใหญก เ็ นือ่ งจากวาไมมี ผูใดที่จะทรงอภิสิทธิ์นอกจากพระองคเทาน้ัน สวนความหวาดหวนั่ น้ันมันเกิดมาจากความนา สะพรงึ กลัวของวนั แหง การตอบแทนและ วนั แหงการสอบสวนซึง่ พระองคเ ปน ผทู รงอภสิ ิทธ์ิเหนือมนั หลงั จาก นนั้ ก็ใหท า นปรับการตง้ั เจตนาใหมีความบรสิ ุทธิ์ใหมอกี คร้ังดวยการ กลาววา΅ⁿ‫إﻳﺎك ﻧﻌﺒﺪ‬₧΅(เฉพาะพระองคเทานั้น ที่พวกขาพระองค เคารพอิบาดะฮฺ) และใหทานยอมรับในความออนแอและมีความ ตองการในการพ่ึงพาพระองค รวมถึงใหปฏิเสธความสามารถของ ตัวเองดวยการกลาววา΅ⁿ �‫و�ﻳﺎك �ﺴﺘﻌ‬₧΅(และเฉพาะพระองค เทาน้ันท่ีพวกขาพระองคขอความชวยเหลือ) และใหเช่ือมั่นวา ทานไมอาจท่ีจะฏออะฮฺตอ พระองคไดอยางงา ยดายเวน แตดวยการ ชวยเหลือของพระองค ซึ่งถือวาเปนความโปรดปรานหากพระองค 159

ไดเตาฟกใหทานสามารถฏออะฮฺตอพระองคและทรงเปดโอกาสให ทานรับใชดวยการทําอิบาดะฮฺตอพระองค นอกจากนี้ยังทําใหทาน เปนกลุมชนที่มีสิทธิ์เขาเฝามุนาญาจตอพระองค และหากวา พระองคทรงหกั หามตวั ทานจากการไดรบั เตาฟก แนน อนวาตัวทา น จะกลายเปนคนท่ีถูกขับไลไสสงพรอมๆ กับชัยฏอนที่ถูกสาปแชง ซ่ึงหลังจากท่ีทานไดกลาวขอความคุมครอง และกลาว΅ⁿ ‫الﺮﺣﻤﻦ‬ ‫الﺮﺣﻴﻢ‬₧΅(ผูทรงกรุณาปรานี ผูทรงเมตตาเสมอ) ตามดวยการ สรรเสริญตอพระองค และใหเผยถึงความรูสึกที่ตองพ่ึงพาความ ชวยเหลือตอพระองค ก็ใหทานวอนขอตอพระองคในส่ิงท่ีทานมี ความตองการมากท่ีสดุ โดยใหกลาว΅ⁿ‫اﻫﺪﻧﺎ الﺼﺮاط اﻟﻤﺴﺘﻘﻴﻢ‬₧΅(ขอ พระองคท รงแนะนาํ พวกขาพระองค ซึ่งทางอันเท่ียงตรง) ซง่ึ เปน ส่งิ ทจี่ ะนาํ พาเราไปสกู ารใกลชดิ พระองค และจะทําใหเ ราไปสคู วาม พึงพอพระทัยของพระองค นอกจากนี้ยังใหเนนย้ําดวยการขออยู รวมกับกลุมชนท่ีพระองคไดใหความโปรดปรานแหง ทางนําแกพ วก เขา อันไดแกบรรดานบี บรรดาผูที่เชื่อโดยดุษฎี บรรดาผูที่เสียชวี ิต ในสงคราม และบรรดาผูที่ประพฤติดี ไมใชกลุมชนที่พระองคทรง โกรธกร้วิ พวกเขา อนั ไดแ กพ วกปฏเิ สธศรัทธา และกลมุ ชนท่หี ลงผดิ ที่เปนชาวยิว ชาวคริสต และชาวศอบิอีน (พวกบูชาดวงดาว) หลังจากน้ันใหวอนขอการตอบรับจากพระองคดวยการกลาววา΅ ⁿ�‫آﻣ‬₧΅(ขอพระองคทรงตอบรับมันดวยเถิด) ซ่ึงเม่ือทานอานสู เราะฮฺอัล-ฟาติหะฮฺก็ใหทานมีความรูสึกเสมือนวาเปนหน่ึงในคน 160

ที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ดํารัสถึงพวกเขา ดังท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ลยั ฮวิ ะสัลลัม ไดก ลาววา ΅΅ ‫نلال‬،‫ﺒْااَّﺒﺒْْ ِﺪَِ�ََوِِﻗﻗﺪﺪِ�يﺎﺎ َََيذَْيي‬،�‫َْﻟ�ٰ ََّﺬِﻲَﺪَ�َاﻓوَ ِ�ِﺈط ِﻟَََ�يذذَ َٱﻌ‬،ْ‫َﺒ‬،‫�ﺎََِ�ﺪﺳَلﺄَضوَِْ َصَي��ِلاَﻫ‬،ِْْ‫ﻤَيﻴﻣَْﻓََﺎِ�ﺪََّمﻮَﻗﺒ‬،ِ�ِ‫ََٱﻗَﻋلﺎََأََّوﺰوطَْﺛَِّﻟَﻗلضََﺎٱوَﻌآلَۡ�ﺒََّْلِلﺟﻫُم َِّﺪﻋََﺬَۡﻞم�سﻠَاَّﺮََّتيﻲﺣًَة﴾َق‬،‫ﻴَِِْۡ�ح﴾َرﻓِ�يۡﺈِع� َﻗٱُِبَملذﺎبۡ َُاَوَدمال﴾َ�ۡﻟغَﻗْاﺎَﻌﻗَُ�َﺎﺎ�ضَّﻟليَُﻤﷲاول َ�ََِا﴿ك�ﺒْبَ�ّا ِ�َﺪَۡ﴾ﺪُهَﷲعِ ۡ َِﻗسلَدي�ﺎَۡتيَنَﻋَاِﻧِهِعَّلَﺰ�ۡٱْماﺒُْلﺼَ�وََِﺪوﻔََُِّْﷲﺟص﴾�ََِّي��ٰﻞ‬،‫َٱةﻳَلَ ِلكََّ�َرﻦﷲغ‬،‫اَ�ََََﻗﻗﻓوﻟۡ�ﺎِﺈ﴿ِﻟَََﻌَََعﺴﻣذَلﻌﺒْﺎۡاْمﻤﺒْلُِﺪ َِﺪَُِﻗ﴿تﺎﺖﻚٱ َْل﴿ياﻳالََّرلعﻟﻮ ََلﻣِﺤَمۡﺎيﺼ﴿ﻤاِِهإ�َﻟَّيۡﺪﺳمﻼِّﺪاﺄ‬ ‫َو ِﻟ َﻌﺒْ ِﺪ ْي َﻣﺎ َﺳﺄ َل‬ ความวา “พระองคอัลลอฮฺไดทรงกลาววา ขาแบงการละหมาด ระหวางขากับบาวของขาเปนสองสวน และสําหรับบาวของขา จะไดรับในสิ่งที่เขาขอ ฉะน้ันเมื่อบาวไดกลาววา “อัลหัมดุลิล ลาฮิร็อบบิลอาละมีน” พระองคอัลลอฮฺก็กลาววา บาวของขาได สรรเสริญขา และเม่ือบาวกลาววา “อัรเราะหฺมานิรรอฮีม” พระองคอัลลอฮฺก็กลาววา บาวของขาไดขอบคุณขา และเมื่อ บาวกลาววา “มาลิกิเยามดิ ดีน” พระองคอัลลอฮกฺ ็กลา ววา บาว ของขาไดใหความยิ่งใหญแกขา และบางคร้ังกก็ ลาววา บาวของ ขา ไดใหความสําคญั แกขา และเมอ่ื บาวกลาววา “อยิ ยฺ ากะนะอฺบุ ดุ วะอิยฺยากะนัสตะอนี ” พระองคอัลลอฮกฺ ็กลาววา ส่ิงน้ีระหวาง 161

ขากับบาวของขา และสําหรับบาวของขาจะไดรับในสิ่งที่เขาขอ และเม่ือบาวกลาววา “อิฮฺดินัศศิรอฏ็อลมุสตะกีม...(จนจบสู เราะฮ)ฺ ” พระองคอ ัลลอฮกฺ ็กลาววา สิง่ นีส้ ําหรับบา วของขา และ สาํ หรบั บา วของขา จะไดร บั ในสง่ิ ท่ีเขาขอ” (บันทกึ โดยมสุ ลิม) ดงั นน้ั หากทานไมไดรบั สิ่งใดเลยจากการที่ทานไดละหมาด นอกจากการท่ีอัลลอฮฺไดกลาวถึงทานในความเกรียงไกรและความ ยิ่งใหญข องพระองค มันกเ็ ปนสง่ิ ที่เพยี งพอยง่ิ กวาทรัพยสมบัตติ า งๆ เชนเดียวกันสมควรอยางยิ่งท่ีจะตองทําความเขาใจสิ่งท่ีทานไดอา น สูเราะฮฺตางๆ (ดังท่ีเราจะนําเสนอเทคนิคการอานอัลกุรอาน หลังจากน้ี) ซง่ึ ทา นจะตองไมลืมเนือ้ หาทีเ่ ปน ขอ ส่ังใช ขอหา ม คาํ มน่ั สัญญา ขอเตือนสําทับ รวมถึงเรื่องเลาเก่ียวกับบรรดานบีและการ กลาวถึงความโปรดปรานและความกรุณาธิคุณท่ีมีอยูในนั้น ซึ่งทุก ส่ิงทุกอยางลวนมีสิ่งท่ีคูควรกับมัน สําหรับความหวังก็คูควรกับ คําม่ันสัญญา สวนความหวาดกลัวก็คูควรกับขอเตือนสําทับ และ ความมุงม่ันตั้งใจก็คูควรกับคําสั่งใชและคําสั่งหาม และการกลาว เตือนใหตระหนกั กค็ คู วรกับขอตกั เตอื น สว นการขอบคุณก็คูควรกบั การกลาวถึงความโปรดปรานที่มอี ยู และการใหร าํ ลกึ เก็บบทเรียนก็ คูควรกบั เรอื่ งเลา ของบรรดานบี มีรายงานวาหลังจากที่ทานซุรอเราะฮฺ บินเอาฟาอานคํา ดํารัสนข้ี องอลั ลอฮฺ ตะอาลา จบ 162

΅ [٨ :‫ ﴾ ]اﻟﻤﺪﺛﺮ‬٨ ِ‫﴿ فَإِ َذا نُقِ َر ِ� ٱ�َّاقُور‬ ความวา “ในที่สุด เมื่อเสียงเปาถกู เปาขน้ึ ” (สูเราะฮฺอัล-มุดดัษษิร อายะฮฺที่ 8) ทานก็ลมลงเสียชีวิต (ดูใน “อัล-หิลยะฮฺ” โดยอบูนุอัยม หนา 2/258) และเมื่อทานอิบรอฮีม อัน-นะเคาะอี ไดยินคําดํารัส ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ทีว่ า [١ :‫ ﴾ ]اﻻ�ﺸﻘﺎق‬١ ‫﴿ إِ َذا ٱل َّس َمآ ُء ٱ� َش َّق ۡت‬ ความวา “เมื่อช้ันฟาไดแตกแยกออก” (สูเราะฮฺอัล-อินชิกอก อา ยะฮฺท่ี 1) จะรูส กึ ลุกลีล้ กุ ลนตามขอ กระดกู ตา งๆ ซึ่งปฏิกิริยาในท่ีน้ีจะเปนไปตามระดับขั้นของความเขาใจ และความเขา ใจก็จะเปน ไปตามความรูท ี่มีอยูและความบรสิ ุทธ์ิของ หัวใจ ซึ่งระดับขั้นของมันจะไมม ีขีดจํากัด สําหรับการละหมาดน้ัน คือกุญแจไขไปสูหวั ใจ ซ่ึงในนนั้ จะ เผยความมหัศจรรยของถอยคําตางๆ ที่ถูกซอนไว และนี่คือสิ่งที่ คูค วรของการอา นอลั กรุ อาน และเปนสงิ่ เดยี วกันกับการอา นอซั การ และการกลาวตสั บีหตฺ างๆ นอกจากน้ีใหร ักษาความรสู ึกท่ีใหเกียรติ ในขณะทอ่ี า นมัน โดยใหอ า นแบบชัดถอ ยชดั คําไมต องรีบเรง เพราะ 163

มนั จะงายตอ การพนิ จิ ใครครวญในความหมาย และใหใ ชเ สยี งในแต ละอายะฮฺแตกตางกันไปตามเนื้อหา อายะฮฺท่ีกลาวถึงความเมตตา กลาวถึงการลงโทษ กลาวถึงคํามั่นสัญญา กลาวถึงการเตือนสําทับ การสรรเสริญ การแสดงถึงความย่ิงใหญ และการยกยองเชิดชู เหลานี้ตองใชน ้าํ เสยี งท่แี ตกตา งกนั เมอื่ ทานอัน-นะเคาะอีอานมาถึงคําดํารัสของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ทว่ี า [٩١ : ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٩١ ‫﴿ َما ٱ َّ َ� َذ ٱ َّ ُ� ِمن َو َ ٖ� َو َما َ� َن َم َع ُهۥ ِم ۡن إِ َ�ٰ ٍ�ه‬ ความวา “อัลลอฮฺมิไดทรงตั้งผูใดเปนพระบุตร และไมมีพระเจา อนื่ ใดคูเคยี งกับพระองค” (สเู ราะฮอฺ ัล-มุอมินนู อายะฮฺที่ 91) ทานก็จะลดเสียงใหคอยลงเนือ่ งจากละอายที่จะกลา วสิ่งใด ก็ตามที่ไมคูควรกับพระองค (ในกรณีเชนน้ีใชในขณะที่ละหมาด เพยี งลาํ พังเทานน้ั แตใ นกรณีทีล่ ะหมาดเปน ญะมาอะฮฺ จําเปน ท่ีเขา ตองเปลงเสียงใหมะอมูมไดยิน เน่ืองจากไมมสี ุนนะฮฺที่ขดั แยงกนั ใน เร่ืองน้ี) และมีรายงานวา (ในวันอาคิเราะฮฺ) จะมีผูท่ีกลาวแกนัก อา นอลั กรุ อานวา ‫اﻗْ َﺮأْ َوا ْرﺗَ ِﻖ َو َرﺗِّ ْﻞ َﻛ َﻤﺎ ُﻛﻨْ َﺖ ﺗُ َﺮﺗِّ ُﻞ ﻓﻲ اﻟ ُّﺪ ْ� َﻴﺎ‬ 164

ความวา “จงอานและจงเล่ือนขึ้นตามระดับขั้น (ในสวรรค) และ จงอา นอยา งชัดถอยชัดคาํ ดงั ทีท่ า นเคยอานในโลกดนุ ยามากอน” (บันทกึ โดยอบูดาวุด) สําหรับชวงขณะท่ีกําลังยืนละหมาดน้ันใหเขาเอาใจใสให หัวใจอยูกับอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ตลอดเวลา โดยไมวอกแวกไป มา เพราะทานนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลมั ไดกลา ววา ‫إِ َّن ا َّ َ� َﻋ َّﺰ َو َﺟ َّﻞ ُﻣ ْﻘ ِﺒ ٌﻞ ﻋَﻠَﻰ الْ ُﻤ َﺼ ِّ� َﻣﺎ لَ ْﻢ ﻳَﻠْﺘَ ِﻔ ْﺖ‬ ความวา “แทจริง อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จะคงผินไปยังคน ละหมาดตราบท่ีเขาไมหันไปไหน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มสุ ลิม) และเฉกเชนท่ีตองระวังศีรษะและสายตาจากการวอกแวก ไปมา ก็ตองระวังจิตใจจากการวอกแวกไปยังสิ่งอ่ืนจากการ ละหมาดดวย ดังน้ันหากเขาไดหันเหไปยังสิ่งอ่ืนเขาก็จะนึกถึงการ เฝามองของอัลลอฮทฺ ี่มีตอ เขา และการทเ่ี ขาหลงลืมผูท่กี ําลงั เขา เฝา อยูน้ันถือเปนการกระทําท่ีนารังเกียจทําใหเขาตองหวนกลับมายัง พระองคอีกคร้ัง ทั้งยังมุงม่ันตั้งใจที่จะทําใหหัวใจมีสมาธิมากยิ่งข้ึน เพราะการควบคมุ ไมใหจติ ใจและรา งกายวอกแวกไดน นั้ มันเปนผลท่ี เกิดจากการมสี มาธิ (คชุ ูอฺ) 165

ขณะท่ีทานอบูบักรฺ อัศ-ศิดดีกละหมาด ทานจะเปน ประหน่ึงตอกหมุดที่ม่ันคง สวนทานอิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ จะเปน ประหน่ึงไมขอน สวนการรุกูอฺของเศาะหาบะฮฺบางทานจะสงบน่ิง จนกระท่ังนกสามารถยืนเกาะไดเพราะคิดวาเปนทอนไม สภาพ เหลานี้มันจะเปนเหมือนการยืนตอหนาคนที่เรารับรูวาเขาเปนคน ใหญคนโต แลวเปนไปไดอยางไรหากมันไมถูกใชสําหรับการยืนอยู เบ้ืองหนาผูท่ีรูดีวาเปนกษัตรยิ ของบรรดากษัตริยท้ังหลาย แนนอน วาคนท่ีมีความสงบน่ิงเม่ืออยูตอหนาผูอ่ืนจากอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ละ แตเขากลับลุกลี้ลุกลนเม่ืออยูเบ้ืองหนาอัลลอฮฺนั้นมันเกิดจาก การที่เขาบกพรองในการรับรูถึงความเกรียงไกรของอัลลอฮฺ และ การเฝา มองดสู ่งิ ทีค่ วามนึกคดิ ของเขาไดซอนเรน อยู ทา นอกิ ริมะฮไฺ ดกลาวถึงคาํ ดาํ รสั ของอัลลอฮทฺ ีว่ า َّ ‫َو َ� َق ُّل َب َك‬ ‫َ� ُقو ُم‬ �َ ‫ِح‬ ‫يَ َرٮٰ َك‬ ‫ٱ ِ�ي‬ ،٢١٨ : ‫]الﺸﻌﺮاء‬ ﴾ ٢١٩ ‫ٱل َّٰس ِج ِدي َن‬ �ِ ٢١٨ ﴿ [٢١٩ ความวา “ผูทรงเห็นเจาขณะที่เจายนื อยู และการเคล่อื นไหวของ เจา ในหมผู สู ุูด” (สเู ราะฮฺอัช-ชอุ ะรออ อายะฮทฺ ่ี 218-219) พระองคทรงเห็นขณะที่เขายืน ขณะท่ีเขารุกูอฺ ขณะท่ีเขา สุูด และขณะที่เขานง่ั สวนการรุกูอฺและการสุูดนั้น สมควรท่ีทานจะตองนึกถึง ความยง่ิ ใหญของอลั ลอฮฺ สบุ หานะฮู วะตะอาลา และใหวอนขอการ 166

อภัยโทษตอพระองค อัซซะวะญัลละ จากการลงโทษของพระองค ดวยการปรับเจตนาใหมและดําเนินตามสุนนะฮฺของทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หลังจากน้ันก็ใหคะย้ันคะยอพระองค อยางนอบนอมถอมตนดวยการรุกูอฺของทาน และใหมุงม่ันต้ังใจ ปรับหัวใจของทานและใหมันมีสมาธิใหมอีกคร้ัง พรอมๆ กับใหมี ความรูสึกถึงเกียรติอันสูงสงของพระเจาของทาน ในขณะท่ีตัวทาน ออนแอแตพระผอู ภิบาลของทา นนนั้ มีความสูงสงอยางยง่ิ นอกจากน้ีใหทานใชลิ้นชวยกระตุนหัวใจของทานดวยการ กลาวแสดงความบริสุทธ์ิตอพระผูอภิบาลของทาน และยืนยันถึง ความย่ิงใหญของพระองคน้ันมีเหนือทุกส่ิงทุกอยาง และใหหัวใจ ของทานทําหนาที่ยืนยันมัน ทั้งนี้เพื่อเปนการตอกย้ําถึงความ ยิ่งใหญของพระองค หลังจากนั้นใหท านเงยจากการรกุ ูอใฺ นสภาพที่ เปย มไปดว ยความหวังวา พระองคจะทรงเมตตาทาน และใหต อกย้าํ ความหวังที่ทานมีอยูดวยการกลาว΅ⁿ‫ﺳﻤﻊ اﷲ ﻟﻤﻦ ﺣﻤﺪه‬₧΅(อัลลอฮฺ ทรงไดยินผูท่ีกลาวสรรเสริญพระองค) หมายถึง พระองคจะทรง ตอบรับผูที่ขอบคุณพระองค หลังจากน้ันก็ใหตอดวยการกลาววา΅ ⁿ‫ر�ﻨﺎ لﻚ اﻟﺤﻤﺪ‬₧΅(โอพระผูอภิบาลของเรา การสรรเสริญนั้นเปน ของพระองค) และใหเพิ่มการสรรเสริญดวยการกลาววา΅ⁿ ‫مﻞء‬ ‫الﺴﻤﻮات ومﻞء اﻷرض‬₧΅(เปนการสรรเสริญท่ีเต็มฟากฟาและ แผนดิน) หลังจากนน้ั ก็ใหล งไปสุูด ซ่ึงเปนการแสดงถงึ ความนอบ นอมท่ีสุดยอดที่สุด เพราะเปนการเอารางกายสวนที่มีเกียรติท่ีสุด 167

นั่นคือใบหนาไปสูสิ่งท่ีตํ่าตอยที่สุดน่ันคือพ้ืนดิน และถาทาน สามารถทําไดก็อยาใหมีส่ิงที่ก้ันระหวางมันท้ังสอง แตใหทานลง สุูดบนพ้ืนดิน เพราะมันจะทําใหมีความคุชูอฺและจะทําใหเกิด ความรสู ึกทนี่ อบนอ มตํา่ ตอยมากยงิ่ ข้นึ และเมื่อทานวางตัวทานลงสูสถานที่ตํ่าตอยนั้น ก็พึงรูเถิด วาทานกําลังหวนมันกลับไปสูสภาพเดิม เพราะตัวทานถูกสรางมา จากดนิ และจะตองหวนกลับไปยงั มันอีก ซงึ่ ในขณะนนั้ เองใหร ้ือฟน หัวใจของทานใหรูสึกถึงความย่ิงใหญของอัลลอฮฺ และใหกลาววา΅ ⁿ‫ﺳﺒﺤﺎن ر� اﻷﻋﻠﻰ‬₧΅(โอพระผูอภิบาลของฉนั ผูทรงสูงสง เหนือสง่ิ อื่นใด) โดยใหอ า นมันซ้าํ ไปมา เพราะการอานเพยี งครงั้ เดียวอาจจะ ไมสงผลอะไรมาก แตเม่ือใดท่ีหัวใจของทานรูสึกโอนออนข้ึนก็จง ปลุกความหวังท่ีมีตอความเมตตาของอัลลอฮฺ เพราะความเมตตา ของพระองคน้นั จะมขี ึ้นโดยทนั ทีในสภาพทม่ี ีความออนแอและนอบ นอม แตมันจะไมเกิดกับความหยิ่งยโส หลังจากน้ันก็ใหทานเงย ศีรษะข้ึนมาพรอมๆ กับกลาวตักบีรและวอนขอความตองการของ ทานดวยการกลาววา΅ⁿ‫رب اﻏﻔﺮ ﻟﻲ رب اﻏﻔﺮ ﻟﻲ‬₧΅(โออัลลอฮฺได โปรดอภัยโทษแกฉันเถิด โออัลลอฮฺไดโปรดอภัยโทษแกฉันเถิด) แลวใหกลาวมันซํ้าไปมาเพ่ือเปนการตอกย้ํา หลังจากนั้นก็ใหลงไป สุูดอกี ครง้ั สวนการกลาวตะชะฮฺฮุดน้ัน เม่ือทานไดนั่งลงไปก็ใหน่ัง อยางมีมารยาท และใหตระหนักวาส่ิงที่เก่ียวของกับการเศาะละ 168

วาตและความดีงามตางๆ น้ัน คือการแสดงมารยาทที่บริสุทธิ์ ตออัลลอฮฺ เชนเดียวกันกรรมสิทธ์ิทั้งหลายนั้นเปนของอัลลอฮฺ ซ่ึง มันเปนนัยของคําวา ⁿ ‫اﻟﺘﺤﻴﺎت‬₧΅และใหทานนึกถึงทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และบุคลิกภาพที่สูงสงของทาน และ ใหกลาววา΅ⁿ‫الﺴﻼم ﻋﻠﻴﻚ أﻳﻬﺎ اﻟﻨﺒﻲ ورﺣﻤﺔ اﷲ و�ﺮ�ﺗﻪ‬₧΅(ขอความ สันติสุขจงประสบแดทานโอผูเปนนบีรวมทั้งเมตตาแหงอัลลอฮฺ และความประเสริฐทั้งหลายที่มาจากพระองค) และใหทานมี ความเช่ือมั่นวาการใหสลามท่ีไดกลาวไปนั้นจะไปถึงทานนบีอยาง แนนอนและทานนบีก็จะตอบกลับสลามทานดวยกับสิ่งท่ีดีกวา หลังจากน้ันก็ใหสลามแกตัวทานเองรวมถึงบาวท่ีดีของอัลลอฮฺทุก คน หลังจากน้ันก็ใหมีความหวังวาอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา จะตอบกลับสลามของทานอยางมากมาย เทากับจํานวนคนดี ท้ังหลาย แลวใหท านปฏิญาณตอ อลั ลอฮฺ ตะอาลา ดว ยการแสดงถงึ ความเปนเอกะของพระองค และยอมรับในคําส่ังสอนของทานนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งเปนการฟนฟูคําม่นั สญั ญา ที่มีตออัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ดวยการกลาวปฏิญาณทั้ง สองซ้ําอกี คร้งั และเปน แสดงถึงการดูแลเอาใจใสต อ มันใหมอ กี ครัง้ หลังจากนั้นใหทานขอดุอาอในชวงทายของการละหมาด ดวยการขอดอุ าอทม่ี ีแบบฉบบั จากทานนบีในสภาพทน่ี อบนอ มถอม ตน มีความจริงใจ และเช่ือมั่นวาจะถูกตอบรับ และใหบิดามารดา ของทา นรวมถงึ พีน่ องมสุ ลิมทงั้ หลายมอี ยใู นการดุอาอของทา นดวย 169

และใหตั้งเปาหมายขณะท่ีใหสลามน้ันเปนการสลามแก บรรดามลาอิกะฮฺและคนท่ีรวมอยูดวย และใหตั้งเจตนาวาเปนการ ปด ทายการละหมาด และใหปลกุ ความรูส ึกในการขอบคณุ ตออลั ลอ ฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ท่ีพระองคไดเตาฟกหรืออํานวยความ สะดวกใหสามารถทําอิบาดะฮฺนี้จนแลวเสร็จ และใหนึกวาการ ละหมาดของทานในคร้ังน้ีอาจจะเปนการละหมาดครั้งสุดทาย ซึ่ง บางทีทานอาจจะไมมีโอกาสใชชีวิตเชนนี้อีก นอกจากน้ีใหทานมี ความรสู กึ ละอายใจในความบกพรองที่มีในละหมาด และหวาดหวน่ั วาการละหมาดของทานอาจจะไมถูกตอบรับก็เปนไปได และมัน อาจจะทําใหทานไดรับบาปท้ังโดยเปดเผยหรือท่ีซอนเรน ซ่ึงมันจะ สงผลใหการละหมาดจะไมถูกตอบรับโดยทันที แตกระนั้นก็ตาม ทานก็จะตองมีความหวงั วา การละหมาดของทานจะถูกตอบรับดวย ความกรุณาธิคณุ ของพระองคและความโปรดปรานของพระองค เมื่อทานยะหฺยา บินวัษษาบ เสร็จจากการละหมาด ทานก็ จะนั่งอยูกับท่ีตามท่ีอัลลอฮฺทรงประสงค ท้ังน้ีเพ่ือสํานึกในความ บกพรองของการละหมาดดว ยความรสู กึ ท่เี ศราเสยี ใจ และมีรายงานวา หลังจากที่ทานอิบรอฮีมละหมาด ทานจะ นงั่ อยกู ับท่ีเปนชัว่ โมงเหมือนคนทก่ี าํ ลังปว ย ซ่ึงน่คี อื รายละเอยี ดของการละหมาดทค่ี ชุ อู ฺ [٢ : ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٢ ‫﴿ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم ِ� َص َ�تِ ِه ۡم َ�ٰ ِش ُعو َن‬ 170

ความวา “บรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูนอบนอมถอมตนในเวลา ละหมาดของพวกเขา” (สเู ราะฮอฺ ัล-มอุ ม นิ ูน อายะฮฺที่ 2) [٩ : ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٩ ‫﴿ َوٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َصلَ َ�ٰتِ ِه ۡم ُ�َافِ ُظو َن‬ ความวา “และบรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูรักษาการละหมาดของ พวกเขา” (สเู ราะฮฺอลั -มุอม ินนู อายะฮฺท่ี 9) [٢٣ :‫ ﴾ ]اﻟﻤﻌﺎرج‬٢٣ ‫﴿ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َص َ�تِ ِه ۡم َدآ�ِ ُمو َن‬ ความวา “บรรดาผูท่ีดํารงม่ันอยูในการทําละหมาดของพวกเขา เปน ประจาํ ” (สูเราะฮอฺ ลั -มะอาริจฺ อายะฮทฺ ี่ 23) สวนคนที่เขาเฝาอัลลอฮฺเทาทเี่ ขาสามารถจะทําได ก็ใหเขา สะทอนการละหมาดนั้นดวยตัวเอง ซ่ึงเทาที่เขาสามารถเขาถงึ ความ คุชูอก็สมควรทีเ่ ขาจะปลมื้ ปต ยิ ินดี สว นสง่ิ ท่เี ขาขาดตกบกพรอ งไปก็ สมควรทเ่ี ขาตอ งแสดงถึงความเสยี อกเสยี ใจ สวนการละหมาดของคนท่ีหลงลืมน้ันถือวาอันตรายอยาง ย่ิง นอกจากอัลลอฮฺจะปกคลมุ เขาดวยกบั ความเมตตาของพระองค ซึ่งความเมตตาของพระองคนั้นกวางใหญไพศาล สวนความ กรุณาธิคุณของพระองคก็มีอยางลนหลาม ดังน้ัน เราขอวิงวอน ตออัลลอฮฺใหทรงแผความเมตตาของพระองคปกคลุมเรา และได 171

โปรดใหอภัยแกเรา เพราะไมมีวิธีใดอีกแลวนอกจากจะตองยอมรบั ในความออนแอของตวั เองในการดํารงซึ่งการฏออะฮฺตอ พระองค และพึงรูเถิดวา การทําใหการละหมาดมีความบริสุทธิ์จาก ส่ิงโสมมตางๆ รวมถึงการทําใหมีความบริสุทธิ์ใจเพ่ือพระพักต ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในการดํารงมันน้ัน ทําไดดวยการ ปฏิบัติตามเงื่อนไขสิ่งท่ีอยูภายในตามที่เราไดนําเสนอไปในขางตน ไมวาจะเปนความคุชูอฺ การรําลึกถึงความยิ่งใหญ และการรูสึก ละอายใจ ซ่งึ ลว นเปน สาเหตสุ าํ คัญทจี่ ะทาํ ใหมีรศั มใี นหวั ใจ และมัน จะเปนกุญแจไปสูการประจักษทางจิตวญิ ญาณ เพราะคนท่ีอัลลอฮฺ รักน้ันจะประจักษถึงพลังอํานาจของพระองคที่มีอยูบนช้ันฟาและ แผนดิน รวมถึงความลับท่ีซอนอยูเบ้ืองหลังของการเปนพระผู อภบิ าลเปนอยางดี โดยทก่ี ารละหมาดจะเปน ทที่ ําใหเ ขาไดป ระจกั ษ อยางถองแท โดยเฉพาะอยางยิ่งในขณะที่สุูดเน่ืองจากสภาพท่ี บาวคนหนึ่งจะมีความใกลชิดกับพระผูอภิบาลของเขามากท่ีสุดก็ ดว ยกับการสุูด ดวยเหตนุ ี้อลั ลอฮฺ ตะอาลา จึงตรัสวา [١٩ :‫ ﴾ ]اﻟﻌﻠﻖ‬١٩ ۩‫﴿ َو� َوٱ ۡق َ ِ�ب‬ ความวา “จงสุูด และเขาใกลอัลลอฮฺเถิด” (สูเราะฮฺอัล-อะลัก อายะฮฺที่ 19) ในความเปนจรงิ ทุกคนทลี่ ะหมาดสามารถประจักษท างจิต วิญญาณเทาท่ีตัวเขามีความบริสุทธิ์จากความโสมมของโลกดุนยา 172

ซ่ึงแตละคนจะมีความแตกตา งกันไป จนกระท่ังบางคนจะประจักษ ดวยสายตาตัวเอง หรือบางคนจะประจักษดวยมโนภาพ เฉกเชนที่ บางคนจะประจักษถึงโลกดุนยาในรูปซากศพและประจักษถึง ชัยฏอนในรปู สุนัขทกี่ ําลงั อยบู นซากศพนัน้ แลว ไดเชิญชวนไปสูมนั เชนเดียวกัน การประจักษในท่ีน้ียังมีความแตกตางกันซึ่ง บางคนจะประจกั ษถ งึ คุณลกั ษณะของอลั ลอฮฺ ตะอาลา สว นบางคน ก็จะประจักษถ งึ การกระทําของอลั ลอฮฺ และบางคนก็จะประจกั ษถ งึ แนวทางการปฏิสมั พันธก ับอลั ลอฮฺ และการที่จะระบุเจาะจงในสวนรูปแบบของการประจักษ ในแตละชวงเวลาน้ันมีปจจัยที่ซอนอยูอยางมากมายจนนับไมถวน แตส่ิงสําคัญที่สุดคือมันเกี่ยวของโดยตรงกับความมุงมั่น เพราะ เมื่อใดท่ีมันใหความสนใจไปยังส่ิงใด มันก็จะยิ่งมีโอกาสท่ีจะ ประจักษถึงส่ิงนั้น ซ่ึงมันอาจจะยังไมเห็นภาพนอกจากจะเปน เสมือนผูหญิงที่มีสนิมเกาะแลวไดสองกระจกใส โดยแนนอนวามัน จะตองปดบังรูปลักษณท่ีดี ซึ่งไมไดเปนเพราะผูใหไมอยากใหมี รูปลักษณท่ีดี แตเปนเพราะการสะสมของสนิมตางหากที่ปดบังมัน ไว ทําใหหลายคนตางตัดพอในสิ่งท่ีไดเห็นนัน้ เพราะธรรมชาตขิ อง คนนนั้ มักจะปฏิเสธสิ่งทไ่ี มเ ห็นตรงหนา และหากทารกท่อี ยใู นครรภ มสี ตปิ ญ ญาเขากค็ งปฏเิ สธความเปน ไปไดทจี่ ะมมี นษุ ยอ ยบู นโลกอนั กวางใหญไพศาล และหากเปนเดก็ ท่ีพอจะแยกแยะอะไรไดบ า งเขา ก็คงปฏิเสธส่ิงที่ผูใหญท่ีมีสติปญญากลาวอางวาไดรับรูถึงพลัง 173

อํานาจของอัลลอฮฺที่มีอยูบนช้ันฟาและแผนดิน ซึ่งมนุษยก็เปน เชนนี้แหละในแตละชวงวัยก็มักจะปฏิเสธตอส่ิงที่ยังมาไมถึง แตส่ิง ท่ีไดกลาวมาท้ังหมดนั้นไมอาจจะเกิดข้ึนไดเวนแตดวยกับการมี ความคุชูอฺในละหมาด ดวยเหตุนี้ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จึงดํารัส วา : ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٢ ‫ ٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم ِ� َص َ�تِ ِه ۡم َ�ٰ ِش ُعو َن‬١ ‫﴿ َق ۡد أَ ۡف َل َح ٱلۡ ُم ۡؤ ِم ُنو َن‬ [٢ ،١ ความวา “แนนอนบรรดาผูศรัทธาไดประสบความสําเร็จแลว บรรดาผูที่พวกเขาเปนผูนอบนอมถอมตนในเวลาละหมาดของ พวกเขา” (สเู ราะฮอฺ ัล-มอุ ม ินูน อายะฮทฺ ่ี 1-2) ซึง่ อลั ลอฮฺไดยกยองพวกเขาหลงั จากที่กลาวถึงความศรทั ธา ดวยการละหมาดเปนการเฉพาะ น้ันคือการละหมาดท่ีมีคุชูอฺ หลังจากนั้นพระองคไดปดทายคุณลักษณะของบรรดาผูที่ประสบ ความสําเร็จดวยการละหมาดเชนเดียวกัน อัลลอฮฺ ตะอาลา ได ดํารัสวา [٩ : ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٩ ‫﴿ َوٱ َّ ِ�ي َن ُه ۡم َ َ ٰ� َص َل َ�ٰتِ ِه ۡم ُ�َافِ ُظو َن‬ ความวา “และบรรดาผูท่ีพวกเขาเปนผูรักษาการละหมาดของ พวกเขา” (สูเราะฮฺอัล-มุอมินูน อายะฮทฺ ี่ 9) 174

หลังจากนั้นพระองคก็ไดดํารสั ถึงผลของคุณลักษณะเหลาน้ี ไวว า ﴾ ١١ ‫ ٱ َّ ِ�ي َن َيرِ ُثو َن ٱ ۡلفِ ۡر َد ۡو َس ُه ۡم ِ�ي َها َ�ٰ ِ ُ�و َن‬١٠ ‫﴿ أُ ْو َلٰٓ�ِ َك ُه ُم ٱ ۡل َ�ٰ ِرثُو َن‬ [١١ ،١٠ : ‫]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬ ความวา “ชนเหลาน้ีแหละพวกเขาเปนทายาท ซ่ึงพวกเขา จะ ไดรับมรดกสวนสวรรคชั้นฟรเดาสฺ พวกเขาจะพํานักอยูในนั้น ตลอดกาล” (สูเราะฮอฺ ลั -มอุ มนิ ูน อายะฮฺที่ 10-11) พระองคไ ดพ รรณนาถงึ พวกเขาดวยความสําเร็จในตอนแรก และดวยกับการเปนทายาทท่ีจะไดรับมรดกสวนสวรรคชั้นฟรเดาส ในตอนทาย แตสําหรับการขยับลิ้นอยางรวดเร็ว ท้ังๆ ท่ีหัวใจมี ความหลงลืม แนนอนเขาจะไมรับส่ิงใด ดวยเหตุน้ี อัลลอฮฺ อัซซะ วะญลั ละ จงึ ดํารสั ถงึ คณุ ลักษณะที่ตรงขา มของพวกเขาคอื ،٤٢ :‫ ﴾ ]اﻟﻤﺪﺛﺮ‬٤٣ �َ ِ‫ َقالُواْ لَ ۡم َن ُك ِم َن ٱلۡ ُم َص ّل‬٤٢ ‫﴿ َما َس َل َك ُ� ۡم ِ� َس َق َر‬ [٤٣ ความวา “อะไรท่ีนําพวกทานเขาสูกองไฟที่เผาไหม พวกเขา กลาววา เรามิไดอยูในหมูผูทําละหมาด” (สูเราะฮฺอัล-มุดดัษษิร อายะฮทฺ ่ี 42-43) 175

ดังนั้น ทุกคนท่ีละหมาดจึงเปน ทายาทที่จะไดร ับมรดกสวน สวรรคช้ันฟรเดาส และพวกเขาจะมองเห็นรัศมีของอัลลอฮฺ ตะอา ลา และมีความสขุ ท่ีไดอ ยูใ กลช ดิ และเคยี งขางพระองค เราขอตออลั ลอฮฺไดโ ปรดทําใหเราเปนหนึ่งในพวกเขา และ ขอใหพระองคทรงปกปองคุมครองเราจากการมีคําพูดที่สวยหรูแต การกระทํากลับต่ําทราม แทจริงพระองคเปนผูทรงใจบุญ ผูทรง มอบสงิ่ ทดี่ ี ผทู รงนริ นั ดร ผทู รงคุณธรรม และขอการสดุดจี ากอัลลอ ฮพฺ งึ มีแดบ าวทถ่ี ูกเลอื กสรรแลวทุกคน ΅΅ 176

เทคนิคการลิ้มรสความหอมหวานของ การอานอัลกุรอาน พึงรูเถิดวา ทานไมอาจล้ิมรสความหอมหวานของการ อานอัลกุรอานน้ีได นอกจากขณะท่ีกําลังอานอัลกุรอานอยูน้ันตอง ใหปจจัยทั้งสิบประการน้ีครบถวนสมบูรณเสียกอน ไดแก รูถึงที่มา ของคําดํารัสนี้, รูถึงความยิ่งใหญของคําดํารัสน้ี, หัวใจตองมีสมาธิ อยูกับมัน, ตะดับบุรใฺ นเนอื้ หาของมนั , ทําความเขาใจในเน้ือหาของ มัน, หลีกเล่ียงจากปจจยั ท่ีกีดกัน้ ไมใหเกดิ ความเขา ใจในเน้ือหาของ มัน, ตระหนกั วา อัลกุรอานกําลังกลาวถึงเรา, มีปฏิกิริยาตามเนื้อหา ของมัน, มีความรูสึกวากําลังฟงคําดํารัสจากพระองคโ ดยตรง, และ ตอ งไมเ ขา ขางตวั เอง 1. รถู ึงความยงิ่ ใหญข องคาํ ดํารสั น้ี รวมถึงความสูงสง ความโปรดปราน และความกรุณาธิคุณ ของอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ท่ีทรงประทานคําดํารัสนี้จาก บัลลังกที่ยิ่งใหญของพระองคสูปวงบาวในระดับท่ีปวงบาวสามารถ เขาใจมันได ดังนั้น จงพินิจพิจารณาวาพระองคทรงกรุณาธิคุณตอ ปวงบาวในการถายทอดเน้ือหาคําดํารัสของพระองคสูความเขาใจ ของปวงบาวอยางไรบาง ? และการที่พระองคไดใหศิฟตนี้ 177

(คุณลักษณะของอลั ลอฮฺ นนั่ คอื คําดํารสั ของพระองค) ไดปรากฏแก ปวงบาวดวยการแปลงใหเปนตัวอักษรและนํ้าเสียงที่เปนศิฟตของ มนษุ ย เพราะมนษุ ยยอมไมส ามารถเขาใจในศิฟตของอัลลอฮฺ อซั ซะ วะญัลละ ได นอกจากดวยกับศิฟตท่ีพวกเขามีอยูเทานั้น และถา หากพระองคไมไดปกปดความเกรียงไกรของคําดํารัสนี้ดวยการมี อาภรณแหงตัวอักษร (มีคัมภีร) ก็จะไมมีใครสามารถสดับฟงคํา ดาํ รสั นแี้ ละรับประโยชนจากมันไดอยางแนน อน และมนั จะทําใหไม มีส่ิงใดหลงเหลืออยูเลยเน่ืองดวยความย่ิงใหญในอํานาจและความ เจิดจรสั ของพระองค อลั ลอฮไฺ ดด าํ รสั วา ﴾ �ِۚ َّ ‫﴿ لَ ۡو َأن َز ۡ َ�ا َ ٰ� َذا ٱ ۡل ُق ۡر َءا َن َ َ ٰ� َج َب ٖل لَّ َر َ� ۡ� َت ُهۥ َ ٰ� ِش ٗعا ُّم َت َص ِّد ٗ� ِّم ۡن َخ ۡش َي ِة ٱ‬ [21 :‫]اﻟﺤﺸﺮ‬ ความวา “หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงมาบนภูเขาลูกหน่ึง แนนอนเจาจะเห็นมันนอบนอมแตกแยกเปนเส่ียงๆ เน่ืองเพราะ ความกลัวตอ อัลลอฮ”ฺ (สูเราะฮฺอัล-หชั รฺ อายะฮทฺ ่ี 21) และถาหากอัลลอฮฺไมทรงใหทานนบีมูซาสลบลมไปกอน แลวไซร ทานนบีมูซาก็จะไมสามารถสดับฟงคําดํารัสของพระองค ได เฉกเชน ทภ่ี ูเขาไมสามารถต้งั ม่ันอยูในทขี่ องมันไดเ มื่อพระองคได ประจักษ กระทั่งมันทลายตวั ลงอยางราบเรยี บ อัลลอฮไฺ ดดาํ รัสวา 178

[143 :‫﴿ َف َل َّما َ َ� َّ ٰ� َر ُّ� ُهۥ لِ ۡل َج َب ِل َج َع َل ُهۥ َد ّٗ�ا َو َخ َّر ُمو َ ٰ� َصعِ ٗقاۚ ﴾ ]اﻻﻋﺮاف‬ ความวา “ครั้นเม่ือพระเจาของเขาไดป ระจักษท่ีภูเขาน้ัน ก็ทําให มนั ทลายตัวลงอยา งราบเรียบ และมูซากล็ มลงในสภาพหมดสติ” (สูเราะฮฺอัล-อะอรฺ อฟ อายะฮฺที่ 143 ) 2. รถู งึ ความยิ่งใหญของผทู ่ดี าํ รัส คนอานอัลกุรอานตองดึงความรูสึกของหัวใจในขณะท่ีเร่ิม อานอัลกุรอานถึงความย่ิงใหญของผูท่ีดํารัส และใหรูวาส่ิงท่ีไดอา น ไปนน้ั ไมใ ชคําพูดของมนษุ ยแ ตเ ปน การอา นคาํ ดํารัสของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญัลละ ในเรือ่ งนอ้ี ลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารัสวา َّ َّ ‫ٱلۡ ُم َط َّه ُرو َن‬ �ِ‫إ‬ � [٧٩ :‫]الﻮاﻗﻌﺔ‬ ﴾ ٧٩ ‫َ� َم ُّس ُه ٓۥ‬ ﴿ ความวา “ไมมีผูใดจะแตะตองอัลกุรอาน นอกจากบรรดาผู บรสิ ุทธิ์เทา นนั้ ” (สูเราะฮฺอัล-วากอิ ะฮฺ อายะฮฺท่ี 79) ซึ่งในสวนของรูปเลมและกระดาษของอัลกุรอาน (มุศหัฟ) นั้น จะไดรับการปกปองจากการสัมผัสโดยตรงของมนุษย นอกจาก คนๆ น้นั จะอยูใ นสภาพทสี่ ะอาดเสียกอ น แตอีกนยั หน่ึงนนั้ คือความ มีเกียรติและความสูงสงของมนั จะถกู บรรจใุ นหวั ใจไดก็ตอ เม่อื หัวใจ นั้นตอ งบริสทุ ธจิ์ ากความโสมมตา งๆ และมคี วามผุดผอ งดว ยกบั รศั มี 179

ของการใหเกียรติและนอบนอมตอมัน เฉกเชนท่ีไมอนุญาตสัมผัส เลม อลั กุรอานดวยมอื โดยตรงนอกจากมือนั้นตองสะอาด ดงั น้นั ก็ไม อนุญาตท่ีจะใหลิ้นของผูใดอานอักขระของมันนอกจากลิ้นน้ันตอง บริสุทธ์ิจากส่ิงโสมม และหัวใจก็ไมอาจไดรับบทเรียนใดๆ ของมัน นอกจากหัวใจนั้นจะบริสุทธผ์ิ ุดผอง ซึ่งการใหเกียรติตอ คําดาํ รสั นก้ี ็ ถือเปนการใหเกียรติตอผูท่ีดํารัสมัน แนนอนท่ีสุด ทานจะไม สามารถรูถึงความย่ิงใหญของผูที่ดํารัสได หากทานไมคิดใครครวญ ถึงคุณลักษณะ ความเกรียงไกร และกิจการงานของพระองค ซ่ึงถา หัวใจของทานไดรําลึกถึงบัลลังกและการประทับของพระองคบน น้ัน รําลึกถึงเกาอี้ที่มีความกวางใหญเทากับบรรดาช้ันฟาและ แผนดิน และรําลึกถึงความกวางใหญไ พศาลของช้ันฟาและแผน ดิน และสิ่งที่มีอยูระหวางมันทั้งสอง ไมวาจะเปนญิน มนุษย สัตว พืช พันธตางๆ และรูดีวาพระองคเปนผูทรงสรางสรรคสรรพส่ิงตางๆ ทั้งหมด ทรงมอี าํ นาจเหนือมนั ทั้งหมด และทรงเปนผใู หป จจยั ยังชีพ แกพวกมันเพียงพระองคเดียว และทุกสิ่งทุกอยางอยูภายใตอ าํ นาจ ของพระองค ซึง่ พระองคจ ะใหม หี มุนเวยี นกันไประหวางความโปรด ปรานและความเมตตาของพระองคกับการลงโทษและความ เด็ดขาดของพระองค ซึ่งหากพระองคทรงประทานก็ดวยกับความ โปรดปรานของพระองค แตถาหากพระองคทรงลงโทษก็ดวยกับ ความยุตธิ รรมของพระองค ซง่ึ พระองคเปน ผทู ก่ี ลาววา คนกลุมนเ้ี ขา สวรรคโดยท่ีจะไมส นใจผูใด และคนกลุมน้เี ขานรกโดยที่จะไมสนใจ 180

ผูใด และนี่คือสุดยอดของความย่ิงใหญแ ละความสูงสง ของพระองค ดังน้ันการคิดใครครวญในรูปแบบนี้เองที่จะทําใหรูถึงความยิ่งใหญ ของผทู ดี่ ํารสั แลวหลงั จากนัน้ ก็จะไดร ถู งึ ความยงิ่ ใหญของคําดํารัส 3. หวั ใจตองมสี มาธิอยาใหม นั วอกแวก นกั วิชาการบางทา นไดอ ธิบายอายะฮนฺ ีว้ า [١٢ :‫ ﴾ ]مﺮ�ﻢ‬١٢�ٖ�‫﴿ َ�ٰ َي ۡح َ ٰي ُخ ِذ ٱ ۡل ِك َ�ٰ َب بِ ُق َّو‬ ความวา “โอยะหฺยาเอย ! เจาจงยึดม่ันในคัมภีร (เตารอต) อยาง มน่ั คง” (สูเราะฮฺมรั ยัม อายะฮทฺ ่ี 12) กลาวคือ ใหมุงม่ันดวยความจริงจัง ซ่ึงการยึดมั่นในคัมภีร ดวยความมุงมั่นนั้นคือ การไดจดจออยูกับมันตลอดของการอาน โดยไมมีส่ิงอ่ืนใดมาทาํ ใหว อกแวกจากมนั ไดเลย มีคนถามนักวิชาการทานหนึ่งวา “ขณะที่ทานกําลัง อานอัลกุรอานอยูน้ันจิตใจของทานวอกแวกกับส่ิงใดหรือไม ?” เขาจึงตอบวา “จะมีส่ิงใดอีกที่จะเปนรักยิ่งสําหรับฉนั มากกวา อลั กรุ อาน จนทําใหจติ ใจของฉันตอ งไปสนใจกบั มนั ” ชาวสะลัฟบางคน “เมื่ออานอัลกุรอานอายะฮฺใดแลว ถา หัวใจไมไดจดจออยูในเนื้อหาของมัน เขาจะกลับไปอานมันอีก รอบ” 181

ซ่ึงน่ีคือคุณลักษณะท่ีเปนผลสืบเนือ่ งมาจากกอ นหนา น้ี นน่ั คอื การรูถึงความยิ่งใหญข องคําดํารสั นี้ ซ่ึงคนท่รี ูถ ึงความยง่ิ ใหญข อง คําดํารัสท่ีเขากําลังอานอยูนั้นมันจะนํามาซึ่งความปลื้มปติ ความ ผกู พนั และจะไมส ามารถลืมเลือนมนั ได เพราะในอัลกุรอานนั้นจะมี เน้ือหาที่สรางความผูกพันแกหัวใจ ซ่ึงหากคนท่ีอานอัลกุรอานไดมี ความรูสึกเชนน้ันแลว มันจะเปนไปไดอยางไรท่ีความคิดของเขา ตองการสรางความผูกพันกับสิ่งอื่นอีก ทั้งๆ ท่ีอัลกุรอานคือส่ิงท่ีจะ สรางความบริสุทธ์ิและคลี่คลายความทุกขยากตางๆ ซ่ึงคนที่ ตองการคล่ีคลายมลทินตางๆ ใหบริสุทธ์ิน้ันเขาจะไมไปครุนคิดกับ สง่ิ อนื่ อกี กลา วกันวาอัลกรุ อานคอื สถานท่อี นั กวา งใหญ คือเรอื กสวน ท่ีกวางขวาง คือพระราชวังท่ีใหญโตโออ า คือเจาสาวในวันแตงงาน คือผาไหมยกเงนิ ยกทอง และคือสถานทส่ี ําหรับทองเที่ยว ซ่ึงเมื่อใด ก็ตามที่คนอานไดทองไปในสถานที่อันกวางใหญ ไดเก็บเกี่ยวผลไม ในเรือกสวน ไดเขาไปในพระราชวังท่ีใหญโตโออา ไดมองไปยัง เจาสาวในวนั แตงงาน ไดสวมผาไหมยกเงินยกทอง และไดทองเทยี่ ว ในสถานท่ีตา งๆ เขากจ็ ะดืม่ ด่าํ ไปกบั มัน จนเขาจะไมม วั สาละวนกับ สง่ิ อื่นใดอกี เมอ่ื เปนเชน น้ันแลวหัวใจของเขากจ็ ะไมออกหา งไปไหน และความคดิ ของเขาก็จะไมเ รือ่ ยเปอย 182

4. ตองตะดับบุรฺ (พินิจใครครวญ) ในความหมายของอัลกุ รอาน ซึ่งมนั เปน ผลสืบเนือ่ งจากการท่หี วั ใจมสี มาธิ โดยที่เขาจะไม ครุนคิดตอ สิ่งอ่ืนใดอีกนอกจากความหมายของอัลกุรอาน แตที่มัน เปนปญหาคือการท่ีเขาฟงอัลกุรอานจากตัวของเขาเองโดยไมมีการ ตะดบั บรุ ใดๆ ทง้ั ๆ นยั ของการอา นอลั กุรอานนัน้ คือการไดตะดบั บรุ ในความหมายของมัน ดวยเหตุน้ีจึงมีสุนนะฮฺใหอานโดยชัดถอยชัด คํา ท้ังน้กี ็เพอ่ื ใหเ กดิ การตะดบั บรุ ในความหมายของมัน ทานอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไดกลาววา “ไมมีความดีงาม ใดในการทาํ อิบาดะฮฺหากไมมีความเขาใจตอมัน และไมมีความดี งามในการอานอัลกุรอานหากไมมีการตะดับบุรฺในเน้ือหาของ มัน” หากไมสามารถทีจ่ ะตะดบั บรุ อฺ ลั กรุ อานไดน อกจากตอ งอา น ทวนไปมาหลายๆ ครั้ง ก็ใหเขาอานทวนไปมา (จนกวาจะตะดบั บุร ในเนอื้ หาของอลั กรุ อานได) ยกเวน ในกรณีทล่ี ะหมาดตามหลงั อมิ าม เพราะถาเขาจดจอ ตะดบั บรุ ใฺ นความหมายของอายะฮหฺ นง่ึ แตอิมาม กําลังอานอยางครํ่าเครงอีกอายะฮฺหน่ึงก็ถือเปนการกระทําท่ีไม ถูกตอง เฉกเชน ท่บี างคนมคี วามรูสึกชืน่ ชอบเพยี งแคค ําเดยี วจากสง่ิ ท่ีเขากําลังวอนขอ แตเขากลับละทิ้งการทําความเขาใจในเนื้อหาที่ เหลอื ไป ในกรณีการตัสบหี ฺขณะรกุ อู ฺก็เชน เดยี วกนั หากเขานึกถงึ อา 183

ยะฮฺท่ีอิมามอานในกอ นหนา นน้ั ก็ถือเปนอาการวสิ วาส (การกระซบิ กระซาบจากชัยฏอน) ดังท่ีมีรายงานจากทานอามิร บินอับดิก็อยสฺ ซึ่งทานกลาววา “อาการวิสวาสไดเขามารบกวนฉันในละหมาด แลว” จึงมีคนถามวา “เก่ียวกบั เรอื่ งดนุ ยาใชไหม ?” ทานจึงตอบ วา “การท่ีซ่ีฟนของฉันมันซอนกัน ยังเปนสิ่งที่ฉันช่ืนชอบยง่ิ กวา มันเสยี อีก แตห ัวใจของฉนั กาํ ลังสาละวนอยกู ับสถานะของฉัน ณ เบ้ืองหนาของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ตางหาก ซึ่งฉันไมรูวา จะตองทําอยางไร เพราะวิสวาสนี้ก็ยังกลับมารบกวนฉันซํ้าแลว ซ้ําเลา” จะเห็นไดวา เขาไมไดว นุ อยูกบั การทาํ ความเขาใจในเนอ้ื หา ที่มีอยู ซ่ึงชัยฏอนไมสามารถหลอกคนอยางเขาได นอกจากใหเขา วุนอยูกับในเร่ืองสําคัญๆ ของศาสนา แตมันกลับทําใหเขาพลาด จากสง่ิ ทสี่ ําคญั ยง่ิ กวา จากทานอบีซรั เราะฎยิ ัลลอฮอุ นั ฮุ เลา วา ทานเราะสูลลุ ลอ ฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยนําละหมาดพวกเราในคํ่าคืน หนึง่ ดว ยการอานเพยี งอายะฮฺเดียวซา้ํ ไปมา ١١٨ ‫﴿ إِن ُ� َع ِّذ ۡ� ُه ۡم فَإِ َّ� ُه ۡم ِع َبا ُد َكۖ �ن َ� ۡغ ِف ۡر لَ ُه ۡم فَإِنَّ َك أَن َت ٱ ۡل َعزِ� ُز ٱ ۡ َ� ِكي ُم‬ [١١٨ :‫﴾ ]اﻟﻤﺎﺋﺪة‬ ความวา “หากพระองคจะทรงลงโทษพวกเขาแทจริงพวกเขาก็ คือบาวของพระองค และหากพระองคจ ะทรงอภัยโทษใหแกพวก เขา แทจ ริงพระองคท านคอื ผูทรงเดชานุภาพ ผทู รงปรชี าญาณ” (สูเราะฮฺอลั -มาอิดะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 118) 184

และทานตะมีม อัดดารี เคยละหมาดยามค่ําคืนดวยการ อา นอายะฮนฺ ี้เพียงอายะฮเฺ ดียว ْ ‫َو َع ِملُوا‬ ْ ‫َكٱ َّ ِ�ي َن‬ ‫َّ ۡ� َعلَ ُه ۡم‬ َ ‫ٱل َّس ِّ�ا ِت‬ ْ‫ٱ ۡج َ َ� ُحوا‬ ‫ٱ َّ ِ�ي َن‬ ‫أَ ۡم‬ ‫َءا َم ُنوا‬ ‫أن‬ ‫َح ِس َب‬ ﴿ [٢١ : ‫ ﴾ ]اﻟﺠﺎﺛﻴﺔ‬٢١ ‫ٱل َّ ٰصلِ َ�ٰ ِت َس َوآ ٗء َّ ۡ� َيا ُه ۡم َو َم َما ُ� ُه ۡۚم َسآ َء َما َ ۡ� ُك ُمو َن‬ ความวา “หรือบรรดาผูท่ีกระทําความช่ัว คิดหรือวาเราจะทําให พวกเขาเปนเชนกับบรรดาผูศรัทธาและกระทําความดีทั้งหลาย ใหเทาเทียมกันทั้งในเวลามีชีวิตของพวกเขาและการตายของ พวกเขา ส่ิงท่ีพวกเขาตัดสินนั้นมันชั่วแทๆ” (สูเราะฮฺอัล-ญาษิ ยะฮฺ อายะฮฺท่ี 21) สวนทานสะอีด บินุบัยรฺ เคยละหมาดยามค่ําคืนดวยการ อา นอายะฮนฺ ้ีซา้ํ ไปมา [٥٩ :‫ ﴾ ]�ﺲ‬٥٩ ‫﴿ َوٱ ۡم َ�ٰ ُزواْ ٱ ۡ�َ ۡو َم َ� ُّ� َها ٱلۡ ُم ۡج ِر ُمو َن‬ ความวา “โอบรรดาอาชญากรทั้งหลายเอย! วันนี้พวกเจาจงถอย หา งออกไปใหพน” (สเู ราะฮยฺ าสนี อายะฮทฺ ี่ 59) ชาวสะลัฟทานหนึ่งไดกลาววา “ฉันไดเริ่มละหมาดดวย การอานสูเราะฮฺหน่งึ แลวบางอายะฮฺในน้ันก็ไดท าํ ใหฉ ันจดจออยู กับเนือ้ หาของมนั จนกระทง่ั แสงรุง อรุณไดปรากฏข้ึน” 185

ชาวสะลัฟอีกทานกลาววา “อายะฮฺใดก็ตามที่ฉันไมไดทํา ความเขาใจในเนื้อหาของมัน และหัวใจของฉันไมไดมีปฏิกิริยา ใดๆ ไปกับมนั ฉันจะไมถือวา (การอานครงั้ นัน้ ) ไดรับผลบุญ” มีรายงานจากทานอบีสุลัยมาน อัด-ดารอนี ไดกลาววา “ฉันต้ังใจวาจะอานอายะฮฺหน่ึง ซึ่งฉันจะยืนละหมาดดวยการ อานมันตลอดทั้งส่ีคืนหรือหาคืน และถาหากฉันไมสามารถหยุด ครุนคิดในเนื้อหาของมันแลวไซร ฉันจะไมขามไปอานอายะฮฺอ่ืน ตออยางแนนอน” และมีรายงานอีกวา “ชาวสะลัฟบางทานไดจดจออยูกับ การอา นสเู ราะฮฮฺ ดู ตลอดทง้ั หกเดอื น โดยทท่ี านจะอา นทวนซํา้ ไป มา ซึ่งทานจะไมปลอยใหพลาดจากการตะดับบุรฺในเนื้อหาของ มันเลย” ชาวสะลัฟทานหน่ึงไดกลาววา “สําหรับฉันแลวทุกๆ วัน ศุกรกจ็ ะเคาะตัมอลั กรุ อานหนึ่งครงั้ ในทุกๆ เดอื นกจ็ ะเคาะตัมอลั กรุ อานหน่ึงครง้ั และในทุกๆ ปนน้ั กจ็ ะเคาะตัมอลั กุรอานหนงึ่ ครง้ั ซึ่งฉันไดเคาะตัมอัลกุรอานตั้งแตสามสิบกวาปแลว โดยที่ฉันไม เคยพลาดเลยสกั คร้ังเดยี ว” ซึ่งมันทําเชนน้ันไดจริงๆ ตามประสิทธิภาพของการตะดับ บรุ และการศกึ ษาเรยี นรูอัลกุรอานของแตล ะคน 186

และมีสะลัฟทานหนึ่งกลาวอีกวา “ฉันไดทําใหตัวของฉัน อยูในสถานะท่ีไดรับผลบุญโดยตลอด ซึ่งตัวฉันไดทํามันทุกๆ วัน ทุกๆ วันศุกร ทุกๆ เดือน และทุกๆ ป” (หมายถึง คือดวยกับผล บุญของทุกๆ วัน, ทุกๆ วันศุกร, ทุกๆ เดือน, และทุกๆ ป ซึ่งเปน การบงช้ีวาสะลัฟทานนั้นไดเคาะตัมอัลกุรอานในทุกๆ ชวงเวลา ขา งตน ) 5. ใหทําความเขา ใจในความหมายของอัลกุรอาน กลาวคือใหทําความเขาใจในทุกๆ อายะฮฺในส่ิงท่ีคูควรกับ มนั เพราะอัลกรุ อานไดก ลา วถึงเนอ้ื หาตา งๆ ไดอ ยา งครบถวน ไมว า จะเปน คณุ ลักษณะของอัลลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ และกจิ การงานของ พระองค รวมถึงเร่ืองราวของบรรดานบี อะลัยฮิมุสลาม และ พฤติกรรมของคนท่ีปฏิเสธศรัทธาตอพวกทาน และสภาพความ พินาศท่ีพวกเขาไดประสบ นอกจากนี้ยังกลาวถึงคําสั่งใชและคําสัง่ หา มตางๆ รวมถึงเรื่องราวของสวนสวรรคและนรกอกี ดวย ในสวนคุณลักษณะของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ น้ัน เชนที่ พระองคไดด าํ รสั วา [١١ :‫ ﴾ ]الﺸﻮرى‬١١ �ُ ‫ۖ َو ُه َو ٱل َّس ِمي ُع ٱ ۡ�َ ِص‬ٞ‫﴿ لَ ۡي َس َك ِم ۡثلِهِۦ َ ۡ�ء‬ ความวา “ไมมีส่ิงใดเสมอเหมือนพระองค และพระองคผูทรงได ยนิ ผทู รงเหน็ ” (สูเราะฮอฺ ัช-ชูรอ อายะฮทฺ ี่ 11) 187

และเชนทีพ่ ระองคไ ดด ํารสั อกี วา ﴾ ٢٣ ۚ�ُ ِّ ‫﴿ ٱلۡ َملِ ُك ٱ ۡل ُق ُّدو ُس ٱل َّس َ�ٰ ُم ٱلۡ ُم ۡؤ ِم ُن ٱلۡ ُم َه ۡي ِم ُن ٱ ۡل َعزِ� ُز ٱ ۡ َ� َّبا ُر ٱلۡ ُم َت َك‬ [٢٣ :‫]اﻟﺤﺸﺮ‬ ความวา “ผูทรงอํานาจสงู สุด ผูทรงบริสทุ ธ์ิ ผูทรงความศานติสขุ ผูทรงคุมครองการศรัทธา ผูทรงปกปกรักษาความปลอดภัย ผู ทรงอํานาจย่ิง ผูทรงปราบใหเรียบรอย ผูทรงความย่ิงใหญ ภูมิใจ” (สูเราะฮฺอัล-หัชรฺ อายะฮทฺ ี่ 23) ซึ่งถาไดพินิจใครครวญในความหมายของพระนามและ คุณลักษณะตางๆ ของอัลลอฮฺใหดี แนนอนจะพบวามันมีความลับ ตางๆ แฝงอยูในนั้น และนัยตางๆ ที่ถูกปกปดอยูก็จะถูกเผยให ออกมา ซ่ึงไมมีผูใดสามารถเผยนัยนนั้ ไดนอกจากคนที่อัลลอฮฺไดใ ห เตาฟกแกเขาเทาน้ัน สําหรับในเร่ืองน้ีทานอลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เคยกลา วถึงมนั มาแลว หลังจากทม่ี ีคนถามทา นวา “พวกทา นไดรับ บางสิ่งบางอยางจากทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม อื่นจากอัลกุรอานบางไหม ?” ทานจึงตอบวา “ไมมีสิ่ง ใดอีก ขอสาบานตอผูท่ีทําใหเมล็ดพันธุงอกเงยและเติบโต นอก จากอลั ลอฮทฺ รงประทานใหป วงบาวมีความเขา ใจในเนอื้ หาคมั ภรี  ของพระองค” 188

สวนกิจการงานของอัลลอฮฺ ตะอาลา น้ัน เชนที่พระองคไ ด กลาวถึงการสรางชั้นฟาและแผนดิน เปนตน ในสวนน้ีคนท่ีอานจะ ไดเขาใจถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ผูทรงย่ิงใหญและเกรียงไกรยิ่ง เพราะกิจการงานเปนส่ิงท่ีบงช้ีถึงผูท่ีทํากิจการงานน้ัน แนนอนวา มนั เปนส่ิงท่บี งชถ้ี ึงความยิ่งใหญข องพระองค สวนเรื่องราวของบรรดานบี อะลัยฮิมุสลาม เม่ือใดก็ตามท่ี ไดยินเรื่องราวการปฏิเสธศรัทธา การตอตาน และการเขนฆานบี บางทาน ก็ใหเขาใจเร่ืองราวน้ันถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ ที่ไมตองพึ่งพาสิ่งใด แมกระท่ังจากบรรดาเราะสูลท่ีถูก สงไปยังกลุมชนตางๆ เพราะถึงแมวาพระองคจะทําใหบรรดาเราะ สูลเสียชีวิตไปท้ังหมด อํานาจความเกรียงไกรของพระองคก็จะไม ลดลงแตอยางใด และเมื่อใดก็ตามท่ีไดยินเร่ืองราวการชวยเหลือ ของอัลลอฮฺท่ีมีตอบรรดานบี ก็ใหเขาใจเร่ืองราวนั้นถึง ความสามารถของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ และพระประสงคของ พระองคทีจ่ ะชว ยเหลือสนับสนุนความจริงและสัจธรรม สวนเรื่องราวของผูท่ีปฏิเสธศรัทธา เชนชาวอาดและษะมูด และส่ิงท่ีพวกเขาไดประสบนั้น ใหเขาใจเร่ืองราวน้ันโดยการทําให เกิดความรูสึกเกรงกลัวตอความเด็ดขาดและการลงโทษของ พระองค และใหตัวเขาไดรับประโยชนจ ากเรอื่ งราวน้นั โดยใหสํานึก อยูตลอดวาถาหากเขาลืมตัว และมีพฤติกรรมที่ตํ่าทราม และลุม 189

หลงกับสิ่งท่ีถูกประทานมาให บางทีเขาอาจจะตองประสบกับการ ลงโทษและไดเผชิญกับเคราะหกรรมน้นั ก็เปนไปได เชน เดยี วกันถาไดยนิ เรอ่ื งราวของสวนสวรรคและนรก และ ทุกเรื่องท่ีมีอยูในอัลกุรอาน มันยอมเปนไปไมไดท่ีจะแจกแจง รายละเอียดทั้งหมดที่ไดเขาใจจากมัน เพราะในเร่ืองนี้มันไมมี ขีดจํากดั ซ่งึ บา วแตละคนจะไดรบั รซิ กใี นสว นน้ีท่ีแตกตางกันไป ‫َ�ِ َ�ٰ ُت‬ ‫تَن َف َد‬ َ ‫َ� ۡب َل‬ ‫ٱ ۡ َ� ۡح ُر‬ ‫َ�َفِ َد‬ �ِّ ‫َر‬ ‫ّلِ َ�ِ َ�ٰ ِت‬ ‫ِم َدا ٗدا‬ ‫ٱ ۡ َ� ۡح ُر‬ ‫َ� َن‬ ‫لَّ ۡو‬ ‫ُقل‬ ‫أن‬ ﴿ [١٠٩ :‫ ﴾ ]الﻜﻬﻒ‬١٠٩ ‫َر ِّ� َولَ ۡو ِج ۡئ َنا بِ ِم ۡثلِهِۦ َم َد ٗدا‬ ความวา “จงกลาวเถิดมุฮัมมัด หากวาทะเลเปนนํ้าหมึกสําหรับ บันทึกพจนารถของพระผูเปนเจาของฉัน แนนอน ทะเลจะเหือด แหงกอนท่ีคํากลาวของพระผูเปนเจาของฉันหมดส้ินไป และ แมวาเราจะนํามันเย่ียงนั้นมาเปนนํ้าหมึกอีกก็ตาม” (สูเราะฮฺอัล- กะฮฟฺ  อายะฮฺที่ 109) เปาหมายหลกั ในสงิ่ ทีเ่ ราไดน าํ เสนอไปนนั้ เพ่ือเปนการตอก ยํ้าแนวทางการทําความเขาใจความหมายของอัลกุรอาน ทั้งนี้ก็ เพื่อใหไดลิ้มรสความหอมหวานของมัน สวนรายละเอียดความ เขาใจในแตล ะเร่อื งราวนั้นเปน ส่ิงท่ีไมมีขีดจํากัด ซึ่งใครกต็ ามที่ไมม ี ความเขาใจในเน้ือหาของอัลกุรอานแมจะเปนเพียงความเขาใจใน ระดับเบอื้ งตน เขาก็จะอยใู นคําดาํ รสั ของอลั ลอฮฺ ตะอาลา ท่วี า 190

ْ‫﴿ َو ِم ۡن ُهم َّمن � َ ۡس َت ِم ُع إِ َ ۡ� َك َح َّ ٰٓ� إِ َذا َخ َر ُجواْ ِم ۡن ِعن ِد َك َقالُواْ لِ َّ ِ�ي َن أُوتُوا‬ : ‫ ﴾ ]�ﻤﺪ‬١٦ ‫ٱ ۡلعِ ۡل َم َما َذا َقا َل َءانِ ًفاۚ أُ ْو َلٰٓ�ِ َك ٱ َّ ِ�ي َن َط َب َع ٱ َّ ُ� َ َ ٰ� ُقلُو�ِ ِه ۡم‬ [١٦ ความวา “ในหมูพวกเขามีผูเง่ียหูฟงเจาจนกระทั่งเมื่อพวกเขา ออกไปจากเจา พวกเขาก็จะพูดแกผูมีความรูวา เมื่อกี้นี้เขา (มุฮัมมัด) พูดอะไรกัน ชนเหลาน้ีแหละคือบรรดาผูท่ีอัลลอฮฺทรง ประทับตราบนหัวใจของพวกเขา” (สเู ราะฮมฺ ฮุ ัมมดั อายะฮฺท่ี 16) ซึ่งการประทับตราในที่น้ีหมายถึง ปจจัยท่ีกีดก้ันไมใหเกิด ความเขาใจ ซ่งึ ขา พเจาจะกลาวถงึ ในหวั ขอตอ ไป 6. หลีกหางจากปจจัยที่กีดก้ันไมใหเกิดความเขาใจ (ใน ความหมายของอัลกรุ อาน) ซ่ึงคนสวนใหญจะถูกกีดก้ันไมใหเกิดความเขาใจใน ความหมายของอัลกุรอานเน่ืองดวยสาเหตุตางๆ และดวยกับการที่ ชัยฏอนไดปดกั้นหัวใจของพวกเขา ทําใหหัวใจของพวกเขาไม สามารถรับรูถึงความลับตางๆ ที่แฝงอยูในอัลกุรอาน สวนปจจัยที่ ปด ก้ันไมใ หเกดิ ความเขาใจนัน้ มีอยูส ามประการดงั นี้ 6.1 การใหความสําคัญกับการออกเสียงอักขระ (มัคร็อจฺ) มากจนเกินไป ซ่ึงน่ีคือส่ิงท่ีชัยฏอนไดพยายามใหนัก 191

อานอัลกุรอานคร่ําเครงไปกับมัน ท้ังน้ีก็เพ่ือไมใหพวกเขาไดเขาใจ ในเน้ือหาของคาํ ดํารัสของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ซึ่งมันจะคอยทํา ใหพวกเขาขะมักเขมนอยูกับการออกเสียงอักขระ (มัคร็อจฺ) โดย ใหพวกเขาคิดไปเองวายังไมสามารถออกเสียงอักขระตามมัคร็อ จของมันได ดังกลาวนี้เองทําใหความมุงหวังของพวกเขานั้นจํากัด เฉพาะการออกเสียงอักขระใหถูกตองเพียงเทาน้ัน แลวพวกเขาจะ ไดล้ิมรสความหอมหวานของความหมายอัลกุรอานไดอยางไร ? ซ่ึง ส่ิงท่ีทําใหชัยฏอนดีใจมากท่ีสุดคือคนท่ีหลงไปกับเลหกลของมัน เชนน้ี 6.2 การยึดติดในแนวคิด (มัซฮับ) ท่ีถูกถายทอดกัน มาอยางมืดบอด (ตะอัศศุบ) ซ่ึงไดทําตามแนวคิดนั้นเทาท่ีถูก ถายทอดกันมาโดยไมไดศึกษาคนควาและหาขอเท็จจริงตอ ดังน้ัน คนเชนน้ีเองที่จะตีกรอบความเช่ือของตัวเองไมใหเกินจากท่ีเขา ไดรับการถายทอดกันมา จนทําใหหัวใจของเขาไมสามารถที่จะ ครุนคิดในความเชื่ออ่ืนจากน้ัน ในท่ีสุดมุมมองของเขาก็จะจํากัด เฉพาะสิ่งที่เขาไดรับการถายทอดกันมาเพียงเทาน้ัน ดังนั้นเม่ือมี ขอ มูลอืน่ ทีเ่ ขามาใหมห รือมขี อ มลู ทีส่ รางความกระจา งชัดตอ เน้อื หา ท่ีเขาไดรับการถายทอดกันมา ชัยฏอนก็จะลอลวงใหเขายึดมั่นตอ สิ่งท่ีเขาไดเช่ือในกอนหนาน้ี และมันจะกลาววา “เจาจะครุนคิดใน เร่ืองนีไ้ ดอยางไรกัน ในเม่อื มนั สวนทางกบั สิ่งที่บรรพบุรษุ ของเจา ได 192

เชื่อถือกัน” และแลวเขาก็หลงเช่ือในการลอ ลวงของชัยฏอน จนทํา ใหเขาหางไกลจากการทําความเขาใจในเนื้อหาน้ันและจะยังคง รักษาแนวคิดเกาๆ เชนเดิม เฉกเชนคนที่อานคําดํารัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ท่ีวา [٥ :‫ ﴾ ]ﻃﻪ‬٥ ‫﴿ ٱل َّر ۡح َ�ٰ ُن َ َ� ٱ ۡل َع ۡر ِش ٱ ۡس َت َو ٰى‬ ความวา “ผูทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตยอยูบนบัลลังก” (สู เราะฮฏฺ อฮา อายะฮทฺ ่ี 5) ซึ่งในเน้ือหาน้ีไดกลาวถึงความสูงสงของอัลลอฮฺ อัซซะ วะญัลละ เหนือสรรพสิง่ ทงั้ หลาย และพระองคท รงบรหิ ารจัดการใน ทุกสิ่งที่มีอยู ซึ่งคนที่ยึดมั่นในแนวคิดที่ถูกถายทอดกันมาวาจําเปน ที่จะตองไมเช่ือวาอัลลอฮฺทรงมีตําแหนงทิศทางนั้น ก็จะถูกปดกั้น จากการพินิจใครครวญในคุณลักษณะแหงความสูงสงและการ ประทบั เหนือบลั ลังกของพระองค ซงึ่ เปนคณุ ลักษณะทม่ี ีการเนน ยา้ํ ในอัลกุรอานโดยมีเปาประสงคเพื่อตอกยํ้าถึงความเกรียงไกรและ ความย่ิงใหญของอัลลอฮฺ รวมถึงความสูงสงของพระองคที่มีเหนือ สรรพสิง่ ท่ีถกู สรา งทัง้ หลาย 6.3 ทําความผิดเปนอาจิณ มีความหย่ิงยโส และลุม หลงไปกับความเพริศแพรวของโลกดุนยา ซึ่งมันเปนสาเหตุทําให หัวใจมืดบอดและเปนสนิม เชนการหลงใหลในตัวผูหญิง ซ่ึงถือเปน 193

ปจจัยที่สําคัญมากท่ีทําใหหัวใจถูกปดก้ัน และส่ิงนี้เองท่ีทําใหหัวใจ ของคนสวนมากถูกปด กน้ั และเทาท่ีความใครมีมากเพียงใดก็จะทําใหเนื้อหาของคํา ดํารัสของอัลลอฮฺถูกปดกั้นมากขึ้นเทานั้น และเทาที่หัวใจสามารถ สละความวุนวายของโลกดุนยามากเพียงใด ก็ใกลแลวที่เน้ือหา ของอัลกุรอานจะเขาถึงหัวใจนั้น ดังน้ันหัวใจเปรียบเสมือนกระจก สวนความใครเปรียบเสมือนสนิม และเนื้อหาของอัลกุรอาน เปรียบเสมือนภาพท่ีเห็นในกระจกนั้น และการทําใหหัวใจมีความ ต่ืนตัวน้ันก็ดวยกับการขจัดความใครออกไป เชนการไมใหความ สนใจตอความสวยงามของผูหญงิ อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดวางเงื่อนไขของการสํานกึ ผิดผกู กบั การทาํ ความเขาใจและการพนิ จิ ใครค รวญ ดังที่อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [٨ :‫ ﴾ ]ق‬٨ ‫﴿ َ� ۡب ِ َ� ٗة َوذِ ۡك َر ٰى لِ ُ ّ ِ� َ� ۡب ٖد ُّمنِي ٖب‬ ความวา “เพื่อใหเปนที่สังเกตและเปนการเตือนใหรําลึกแกบาว ทกุ คนผสู ํานกึ ผิด” (สูเราะฮกฺ อ็ ฟ อายะฮทฺ ่ี 8) อลั ลอฮฺ อซั ซะวะญลั ละ ไดก ลา วอกี วา ‫َمن‬ َّ ‫َ� َت َذ َّك ُر‬ ‫َو َما‬ �ِ‫إ‬ [١٣ :‫]ﻏﺎﻓﺮ‬ ﴾ ١٣ ‫يُنِي ُب‬ ﴿ ความวา “และจะไมมีใครใครครวญนอกจากผูสํานึกตัว” (สู เราะฮฺฆอฟร อายะฮทฺ ี่ 13) 194

และอัลลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [٩ :‫ ﴾ ]الﺰمﺮ‬٩ ‫﴿ إِ َّ� َما َ� َت َذ َّك ُر أُ ْولُواْ ٱ ۡ�َ ۡل َ�ٰ ِب‬ ความวา “แทจรงิ บรรดาผมู ีสตปิ ญญาเทา นน้ั ที่จะใครค รวญ” (สู เราะฮฺอัซ-ซมุ ัร อายะฮทฺ ี่ 9) ดังนั้นคนท่ีลุมหลงในความเพริศแพรวของโลกดุนยา มากกวาความผาสุกของโลกอาคิเราะฮฺ เขาตองไมใชเปนผูท่ีมี สติปญญาอยางแนนอน และดวยเหตุน้ันเองทําใหเขาไมสามารถ เขาถงึ ความลับตา งๆ ของคัมภีรเลมน้ี 7. ตองตระหนักวาทุกอายะฮฺของอัลกุรอานกําลังพูดถึงตัว เขา ซึ่งเมื่อเขาฟงคาํ สงั่ ใชหรอื คาํ สงั่ หาม เขาจะตองตระหนักวา ตัวเขาถกู สั่งใชแ ละถูกสง่ั หามในเรื่องน้นั และเมอ่ื เขาฟงอายะฮทฺ ี่ถูก สัญญาวาจะตอบแทนคุณงามความดีหรือสัญญาวาจะลงโทษใน ความชั่วน้ันเขาจะตองรูสึกวาอายะฮฺน้ันกําลังพูดถึงตัวเขาอยู และ เม่ือเขาฟงอายะฮฺท่ีเลาเร่ืองราวของกลุมชนรุนกอนและบรรดานบี ท้ังหลาย ก็ใหรูวามันไมไดเปนเพียงการเลานิทานกอนนอนเพียง เทานั้น แตนัยของมันจริงๆ คือการนําเร่ืองราวน้ันและหยิบยก อุทาหรณของมันมาเปนบทเรียน ซ่ึงไมมีเร่ืองราวใดในอัลกุรอาน 195

นอกจากมันจะมีเน้ือหาที่ใหประโยชนแกทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ลัยฮวิ ะสัลลัม และประชาชาติของทา น ดวยเหตนุ ้ีเองอัลลอฮฺ ตะอา ลา จงึ ดํารัสวา [١٢٠ :‫ ﴾ ]ﻫﻮد‬١٢٠ ۚ‫﴿ َما نُ َث ّبِ ُت بِهِۦ ُف َؤا َد َك‬ ความวา “เพ่ือทําใหจิตใจของเจาหนักแนน” (สูเราะฮฺฮูด อายะฮฺ ท่ี 120) ดังน้ัน บาวแตละคนตองตระหนักวาอัลลอฮฺสามารถทําให หัวใจของเขาม่ันคงไดดวยกบั การที่พระองคทรงเลาถึงเร่ืองราวของ บรรดานบีและความอดทนของพวกทานตอการถูกทํารายใน รูปแบบตา งๆ และการยนื หยัดของพวกทานในศาสนาน้ี ท้ังนเ้ี พ่อื รอ คอยความชวยเหลอื จากอลั ลอฮฺ ตะอาลา จะไมใหมีความรูสึกที่ตองตระหนักเชนน้ีไดอยางไร ใน เมื่ออัลกรุ อานไมถ ูกประทานลงมาแกท า นเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพ่ือทานเราะสูลุลลอฮฺโดยเฉพาะ แตอัลลอฮฺได ทรงประทานคัมภีรของพระองคลงมาเพ่ือเปนชิฟาอ (การเยียวยา) เปนฮุดา (ทางนํา) เปนเราะหมฺ ะฮฺ (ความเมตตา) เปนนูรฺ (รัศมี) แก มนุษยทกุ คน และดว ยเหตนุ เ้ี องอัลลอฮฺ ตะอาลา จงึ ใชใหท ุกคนชกุ รู ฺ (ขอบคุณ) ในความโปรดปรานทพี่ ระองคทรงประทานคมั ภีรน้ี อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดด าํ รสั วา 196

‫﴿ َوٱ ۡذ ُك ُرواْ نِ ۡع َم َت ٱ َّ�ِ َع َل ۡي ُ� ۡم َو َمآ أَن َز َل َع َل ۡي ُ�م ِّم َن ٱ ۡل ِك َ�ٰ ِب َوٱ ۡ�ِ ۡك َم ِة‬ ΅ [٢٣١ :‫ ﴾ ]اﻟﺒﻘﺮة‬٢٣١ ‫يَعِ ُظ ُ�م بِهِۚۦ‬ ความวา “และพึงรําลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีแก พวกเจา และสิ่งที่พระองคไดทรงประทานลงมาแกพวกเจา อัน ไดแกคัมภีร และบทบัญญัติ (ที่มีอยูในคัมภีรน้ัน) ซ่ึงพระองคจะ ทรงใชคัมภีรน้ันแนะนําตักเตือนพวกเจา” (สูเราะฮฺอัล-บะเกาะ เราะฮฺ อายะฮฺท่ี 231) อัลลอฮฺ อซั ซะวะญัลละ ไดดาํ รสั อกี วา [١٠ :‫ ﴾ ]اﻻﻧبﻴﺎء‬١٠ ‫﴿ لَ َق ۡد أَن َز ۡ�َآ إِ َ ۡ� ُ� ۡم كِ َ�ٰ ٗبا �ِيهِ ذِ ۡك ُر ُ� ۡۚم أَ َف َ� َ� ۡع ِقلُو َن‬ ความวา “เราขอสาบานวา แทจริงเราไดใหคมั ภรี อ ลั กุรอานมายัง พวกเจา ในน้ันมีขอเตือนสติแกพ วกเจา พวกเจาไมใชสตปิ ญญา คดิ บา งดอกหรอื ” (สเู ราะฮฺอัล-อมิ บยิ าอ อายะฮทฺ ี่ 10) พระองคไดดาํ รสั อีกวา ΅΅ [٤٤ :‫ ﴾ ]اﻟﻨﺤﻞ‬٤٤ ‫﴿ َوأَن َز ۡ�َآ إِ َ ۡ� َك ٱ ِّ� ۡك َر ِ ُ� َب ِّ َ� لِل َّنا ِس َما نُ ّزِ َل إِ َ ۡ� ِه ۡم‬ ความวา “และเราไดใหอัลกุรอานแกเจาเพื่อเจาจะไดช้ีแจง (ให กระจา ง) แกม นุษยซ ึ่งสิง่ ท่ไี ดถ กู ประทานมาแกพ วกเขา” (สูเราะฮฺ อัน-นะหลฺ ิ อายะฮฺที่ 44) 197

พระองคไ ดด ํารัสอีกวา [٣ : ‫ ﴾ ]�ﻤﺪ‬٣ ‫﴿ َك َ�ٰلِ َك يَ ۡ ِ� ُب ٱ َّ ُ� لِل َّنا ِس أَ ۡم َ�ٰ َل ُه ۡم‬ ความวา “เชนน้ีแหละอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณทั้งหลายของพวก เขาแกป วงมนษุ ย” (สูเราะฮมฺ ุฮมั มดั อายะฮทฺ ี่ 3) พระองคไดดาํ รสั อกี วา [٥٥ :‫ ﴾ ]الﺰمﺮ‬٥٥ ‫﴿ َوٱتَّبِ ُع ٓواْ أَ ۡح َس َن َمآ أُن ِز َل إِ َ ۡ� ُ�م ِّمن َّر ّ�ِ ُ�م‬ ความวา “และจงปฏิบัติตามส่ิงที่ดียิ่งท่ีไดถูกประทานลงมายัง พวกทานจากพระเจาของพวกทาน” (สูเราะฮฺอัซ-ซุมัร อายะฮฺท่ี 55) พระองคไดดํารัสอกี วา [٢٠ : ‫ ﴾ ]اﻟﺠﺎﺛﻴﺔ‬٢٠ ‫ ّلِ َق ۡو ٖ� يُوقِ ُنو َن‬ٞ‫﴿ َ�ٰ َذا بَ َ ٰٓص�ِ ُر لِل َّنا ِس َو ُه ٗدى َو َر ۡ َ�ة‬ ความวา “อัลกุรอานน้ีเปนแสงสวางแกมวลมนุษย และเปน แนวทางที่ถูกตอ งและความเมตตาแกห มูชนที่มคี วามเชื่อมั่น” (สู เราะฮอฺ ัล-ญาษิยะฮฺ อายะฮทฺ ่ี 20) พระองคไดดาํ รัสอีกวา [١٣٨ :‫ ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان‬١٣٨ �َ ‫ ّلِ ۡل ُم َّت ِق‬ٞ‫ن ّلِل َّنا ِس َو ُه ٗدى َو َم ۡو ِع َظة‬ٞ ‫﴿ َ�ٰ َذا َ� َيا‬ 198

ความวา “น่ีคือขอช้ีแจงอันชัดเจนสําหรับมนุษยและเปน คําแนะนําที่ถูกตอง และเปนคําตักเตือนสําหรับผูยําเกรง ท้งั หลาย” (สเู ราะฮฺอาล อมิ รอน อายะฮฺท่ี 138) หากเปาหมายของการกลาวถึงน้ันสําหรับมนุษยทุกคน แนนอนวาแตล ะคนกเ็ ปนเปา หมายของมนั ดว ย ดงั นน้ั คนท่ีอา นอลั กุ รอานเพียงคนเดียวคอื กลุมเปาหมายของมัน นับประสาอะไรกบั คน อื่นทเี่ หลือ ดงั น้ันจงตระหนักเถิดวา ตัวทา นเปนกลุมเปา หมายทอี่ ลั กุ รอานกําลงั กลาวถงึ อยู อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา [١٩ :‫ ﴾ ]اﻻﻧﻌﺎم‬١٩ ۚ‫﴿ َوأُو ِ َ� إِ َ َّ� َ�ٰ َذا ٱ ۡل ُق ۡر َءا ُن ِ�ُن ِذ َر ُ�م بِهِۦ َو َم ۢن بَلَ َغ‬ ความวา “และอัลกุรอานน้ีก็ไดถูกประทานลงมาแกฉัน เพื่อท่ีฉัน จะไดใชอัลกุรอานนี้ ตักเตือนพวกทาน และผูท่ีอัลกุรอานน้ีไป ถึง” (สเู ราะฮอฺ ัล-อันอาม อายะฮทฺ ี่ 19) ทานมุฮัมมัด บินกะอฺบ อัล-กุเราะซี ไดกลาววา “ผูใดท่ีอัล กรุ อานไปถงึ เขา ก็ประหนง่ึ วาอลั ลอฮกฺ าํ ลังสนทนากบั เขาอย”ู เม่ือไดตระหนกั เชน นนั้ แลว ไมควรทเ่ี ขาจะศกึ ษาอลั กรุ อาน โดยยึดเปนเพียงกิจวัตรประจําวันเพียงเทานั้น แตเขาตองอานมัน 199


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook