Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความสุขของการทำอิบาดะฮ

ความสุขของการทำอิบาดะฮ

Published by Ismail Rao, 2020-06-26 07:36:11

Description: ความสุขกับการทำอิบาดะฮฺ์ และการเตรียมตัวสู่เดือนเราะมะฎอน
โดย อบูมุฮัมมัด อัลมุอฺตัซซุบิลลาฮฺ
ริฎอ บินอะหฺมัด สมะดี
คำนิยมโดย ชัยคฺอบูอิสหาก อัลหุวัยนี
ชัยคฺมุฮัมมัด หุสัยน์ ยะอฺกูบ
แปลโดย อบูอิบานะฮฺ ฟิตยะตุลฮัก

Search

Read the Text Version

อภิบาล ผูสรางสรรค ผูบริหารจัดการอยู และจะไมมีพระเจาอ่ืนใด ที่เปนพระผูอภิบาลและเปนผูบริหารจัดการและคูควรแกการทําอิ บาดะฮฺนอกจากพระองคเ ทานั้น และดวยกับขอยืนยันน้ีเองอลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จึงสั่งใหชาวมุชริกีนพินิจใครครวญในขอเท็จจริงน้ี อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารัสวา ْ‫﴿ ۞ ُق ۡل إِ َّ� َمآ أَ ِع ُظ ُ�م بِ َ�ٰ ِح َد ٍة�أَن َ� ُقو ُمواْ ِ َّ�ِ َم ۡث َ ٰ� َو ُف َ�ٰ َد ٰى ُ� َّم َ� َت َف َّك ُر ۚوا‬ ‫َع َذا ٖب‬ ‫َّل ُ�م‬ َّ ٤٦ ‫َش ِدي ٖد‬ ‫يَ َد ۡي‬ �َ ۡ َ‫ب‬ ‫ر‬ٞ ‫نَ ِذي‬ �ِ‫إ‬ ‫ُه َو‬ ‫إِ ۡن‬ �‫ِج َّن ٍة‬ ‫ِّمن‬ ‫بِ َصا ِحبِ ُ�م‬ ‫َما‬ [٤٦ :‫﴾ ]ﺳﺒﺎ‬ ความวา “จงกลาวเถิด (มุฮัมมัด) ฉันขอเตือนพวกทานเพียงขอ เดียววา พวกทานจงยืนขึ้นเพื่ออัลลอฮฺ (คร้ังละ) สองคนและคน เดียว แลวจงไตรตรองดู (ก็จะประจักษวา) สหายของพวกทาน น้ันมิไดเปนบา แตเขาเปนเพียงผูตักเตือนพวกทานถึงการ เผชิญหนากบั การลงโทษอยางสาหัสเทาน้ัน” (สูเราะฮฺสะบะอ อา ยะฮฺที่ 46) ‫﴿ ُق ۡل َمن َي ۡر ُز ُق ُ�م ِّم َن ٱل َّس َمآ ِء َوٱ ۡ َ�� ِض أَ َّمن َ� ۡملِ ُك ٱل َّس ۡم َع َوٱ ۡ َ� ۡب َ�ٰ َر‬ ۚ‫رِفَ ُ َج�ٰلِٱلۡ َم ُ�ّيِ ُم َتٱ َّ ِم ُ� َن َرٱُّ� ۡل َ ُ�ِّ� ُم َوٱ َم ۡ َ�ن ُّقيُۖ ََ�د ّبَِم ُار َذٱا ۡ َ�َ� ۡۡعم ََرد‬٣‫ۡخ‬١ ‫َفَو ََمس َين ُق ُولۡ�ُورِ َنُجٱٱ َّۡل ُ�َۚ ََّ�� ُق ِۡمل َنأَفَٱلَۡ َم� ّيِ َ� َّتِتُقوَو َُ�ن‬ �ٰ َّ �َ َ‫ۖف‬ َّ ‫ٱ ۡ َ� ِّق‬ [٣٢ ،٣١ : ‫]ﻳﻮ�ﺲ‬ ﴾ ٣٢ ‫تُ ۡ َ�فُو َن‬ ‫ٱل َّض َ�ٰ ُل‬ �ِ‫إ‬ 250

ความวา “จงกลาวเถดิ (มุฮัมมัด) ใครเปนผูประทานปจจัยยงั ชีพ ท่ีมาจากฟากฟาและแผนดินแกพวกทาน หรือใครเปนเจาของ การไดยินและการมองและใครเปนผูใหมีชีวิตหลังจากการตาย และเปนผูใหตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเปนผูบริหารกิจการ แลว พวกเขาจะกลาวกนั วา อัลลอฮฺ ดังนนั้ จงกลาวเถิด (มฮุ ัมมดั ) พวกทานไมยําเกรงหรือ น่ันแหละอัลลอฮฺ พระเจาที่แทจริงของ พวกทาน ฉะน้ันหลังจากความจริงแลวจะมีอะไรอีกเลานอกจาก ความหลงผดิ เทานั้น แลว ทําไมเลาพวกทา นจึงถูกใหห นั เหออกไป อีก” (สเู ราะฮฺยนู สุ อายะฮฺท่ี 31-32) และพึงรูเถิดวา นี่คือหน่ึงในอิบาดะฮฺท่ีสําคัญที่สุดท่ีจะทํา ใหมนุษยไดเขาใกลพ ระผูอภิบาลของเขา และจะทําใหเขาประจักษ ในความเกรียงไกรและความย่ิงใหญของพระองค ยิ่งกวานนั้ มันเปน ความรูที่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดถือวามีขอเกี่ยวพันกับการยํา เกรงตอ อลั ลอฮฺ พระองคไ ดด าํ รสั วา ۚ‫َ� َۡل� ََو�ٰ ُِِ�مم َهَۡننا‬٢َّ ٧‫دًفٱا‬ٞ ِ‫رلآِ ٌءِ ُّ ۡ�فَم َتآ َ�لِٗء ۡلٌ ََف�ٰأَفُن ُهَۡخ�ۥَۡلر َ�ٰۡجَُك�َن َاَه�ٰالِبِهََِوكۦَۗغ ِإَ�َرَّ�اَم َِ�َم�ٰاي ٖ َُتبۡ� ُّ َُۡ�س َتو�ل‬ٞ ‫َ َ�ٰضن ِمٱ َلو ُ َُّ ۡس�ۡ� َتَم‬ٞ ‫ٱَو﴿ َِّ�م َا� َلَنِ ۡمٱستَ َۡرَِ�وٱأََبا ََّّن�ِلَٱوآ َّ ُ ّجَِ�بَدأَنَُدوَۢزٱ َِۡ�ل َي� ۡن ِم‬ [٢٨ ،٢٧ :‫ ﴾ ]ﻓﺎﻃﺮ‬٢٨ ‫ِع َبا ِدهِ ٱ ۡل ُعلَ َٰٓم ُۗؤاْ إِ َّن ٱ َّ َ� َعزِ� ٌز َ� ُفو ٌر‬ 251

ความวา “เจามิไดพ ิจารณาดอกหรือวา แทจริงอัลลอฮนฺ ้ันทรงให น้ําหล่ังลงมาจากฟากฟา แลวเราไดใหพืชผลงอกเงยออกมาดว ย มัน (จากน้ํา) สีสันของมันแตกตางกันไป และในหมูภูเขา ทั้งหลายมีชนิดตาง ๆ ขาวและแดง หลากหลายสี และสีดําสนทิ และในหมูมนุษย และสัตว และปศุสัตว ก็มีหลากหลายสี เชนเดียวกัน แทจริง บรรดาผูท่ีมีความรูจากปวงบาวของ พระองคเทานั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ แทจริงอัลลอฮฺ นั้นเปนผูทรง อาํ นาจ ผทู รงอภยั เสมอ” (สูเราะฮฺฟาฏิร อายะฮทฺ ี่ 27-28) และหนึ่งในอบิ าดะฮฺทผี่ คู นมกั จะลมื นนั้ คอื การทําอบิ าดะฮฺ ตะบตั ตัล กลาวคอื การตั้งจิตม่ันตอ อัลลอฮฺอยา งเครง ครดั อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา [٨ :‫ ﴾ ]اﻟﻤﺰمﻞ‬٨ �ٗ ‫﴿ َوٱ ۡذ ُك ِر ٱ ۡس َم َر ّ�ِ َك َوتَبَ َّت ۡل إِ َ ۡ�هِ تَ ۡبتِي‬ ความวา “และจงรําลึกถงึ พระนามแหงพระเจา ของเจา และจงตง้ั จติ ม่นั ตอพระองคอยา งเครงครดั ” (สูเราะฮอฺ ลั -มุซซัมมิล อายะฮฺท่ี 8) การทําอิบาดะฮฺดังขางตนนี้มีความสําคัญอยางย่ิงสําหรับ ผูค นในทกุ ยุคทุกสมยั กลาวคือการที่รางกายของเขาอยูรวมกบั ผคู น แตจิตวิญญาณของเขาไดทองไปรอบๆ บังลังกของอัลลอฮฺ เขาจะ พูดคุยกับผูคนดวยตัวตนและล้ินของเขาแตในกนบึ้งของหัวใจจะ 252

ตระหนักถึงความยิ่งใหญของอัลลอฮฺและความเกรียงไกรของ พระองค เขาจะมีความสุขเมื่อผูคนมีความสุขแตห วั ใจของเขาเปยม ลนไปดวยความรูสึกท่ีโศกเศรา หวาดหวั่น และยําเกรงตอพระผู อภิบาล เขาจะโศกเศราเสียใจเม่ือผูคนไดโศกเศราเสียใจแตหัวใจ ของเขาเปยมลนไปดวยความรูสึกที่ผูกพัน มีความพึงพอใจ และมี ความยนิ ดีตอสิ่งท่ีอลั ลอฮทฺ รงกาํ หนดมา และหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ีถูกลืมสําหรับในเดือนนี้ก็คือ การ บริจาคทานและการใชจายในหนทางของอัลลอฮฺเปนประจํา ซึ่ง มันคือหน่งึ ในอิบาดะฮฺเฉพาะสาํ หรับผูท่ีมงุ สูอัลลอฮฺ ซึ่งบทเรยี นท่ีมี อยูในมันสงผลอยางมหาศาลตอจิตใจ ในการบันทึกโดยอัล-บุคอรี แ‫ِﻓﻰ‬ล‫ن‬ะُ ม‫�ﻮ‬สُุ ล‫َﻳ‬มิ ‫ﻣﺎ‬จَ า‫ ُد‬ก‫ﺟ َﻮ‬ทْ า‫ َأ‬น‫ َن‬อ�َิบ‫ َو‬น،‫س‬อุ ับِ ‫ﺎ‬บ‫ﻟ َّﻨ‬า‫ا‬ส‫ َﻮ َد‬เ‫ﺟ‬รْ า‫ َأ‬ะ‫ َﻢ‬ฎَّ‫ﺳﻠ‬เิ َ ร‫ َو‬าะ‫ﻴْ ِﻪ‬ยَ‫ัﻠ‬ล‫ َﻋ‬ล�อُ َّ ฮ‫ุا‬อ�ันَّ ‫ﺻ‬ฮَ ุม‫ﻲ‬า‫ﺒ‬เ‫ﻨ‬ล‫اﻟ‬า‫ن‬วَ า‫ﻛَﺎ‬ �ُ َّ ‫� َﺻ َّ� ا‬.ِ ‫ ِّﺮ َﻓ�ﻠَِﺢَﺮاُﺳلْ ُﻮﻤ ُ ْﺮل َﺳاﻠَ َِّﺔ‬،‫ُﻞ َ�أَﻴُ ْﺟَﺪ َﻮا ُدِرﺑُِﺳﺎ ُﻪﻟ ْﺨَا ْ ْﻟِ� ُﻘ ِْﻣﺮآَﻦ َنال‬،�‫َرَﻋ َﻠَمﻴْ َِﻪﻀﺎ َو َ َنﺳ ّﻠَ َِﻢﺣ َِ�ﺣ َﻳ َ�ﻠْ َﻘﻳَﺎﻠْ ُهَﻘﺎ ُهِﺟ ْﺒ ِ ِﺟﺮ ْﺒ� ِﺮُﻞ‬ ความวา “ทา นนบี ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสัลลัม เปนคนทเี่ อ้ือเฟอ มากที่สดุ และทานจะเอ้ือเฟอมากยงิ่ ไปอกี ในชวงที่มลาอกิ ะฮฺญบิ รีลมาพบทานในเดือนเราะมะฎอน แลวญิบรีลก็จะศึกษา ทบทวนอัลกุรอานกับทาน ซึ่งชวงที่ทานญิบรีลมาพบทานเราะสู ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทานจะเปนคนท่ีเอื้อเฟอ 253

ความดี (ใจบุญอยางกวางขวาง) มากมายย่ิงกวาลมที่หอบพัด เสยี อีก” (บันทึกโดยอัล-บคุ อรแี ละมุสลิม) ทานอัช-ชาฟอี เราะหิมะฮุลลอฮฺ ไดกลาววา “สงเสริมให คนๆ หน่ึงมีความใจบุญมากเปนพิเศษในชวงเดือนเราะมะฎอน ท้ังนี้เพื่อปฏิบัติตามทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม และเน่ืองจากผูคนมีความตองการในประโยชนของมัน อีกทั้งผูคนสวนใหญตางวุนอยูกับการถือศีลอดและละหมาด มากกวาการหารายไดเ ล้ยี งชีพ” อยางไรก็ตาม ไมไดหมายความวาใหบริจาคดวยจํานวนที่ มาก แตใหบริจาคเปนประจําอยางตอเนื่องแมจะคร้ังละเล็กนอยก็ ตาม เพราะบางทีคนท่ีบรจิ าคหนึ่งบาทในขณะทเี่ ขามีเพยี งสองบาท เปนการกระทําท่ีอัลลอฮฺทรงรักย่ิงกวาคนที่บริจาคหน่ึงรอ ยบาทใน ขณะทีเ่ ขามีอยูเปนพันๆ บาท ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลัม ไดก ลาววา ‫َرَﻋ ُْﺟﺮ ٌِﻞﺿ ِﻟَﻪ ُﻪ ِﻣ ِدﺎﺋَْر َﺔَﻫأََﻤﻟْﺎ ٍ ِنﻒأَ َ�َﺧ َﺘ َﺬَﺼأَ َّﺪَﺣ َقَﺪﺑُِﻫ َﻬ َﻤﺎﺎ‬ :‫َوَﺳ َرﺒَ َُﺟﻖ ٌﻞِدﻟَْر ُﻪ َﻫ ٌَﻣﻢﺎ ٌِﻣلﺎﺋَ َﻛَﺔ ِﺜأَﻟٌْ� ِ َﻓﺄَﻒ َِﺧد َْرﺬ َﻫ ٍِﻣﻢ ْﻦ‬ ،‫َ� َﺘ َﺼ َّﺪ َق ﺑِ ِﻪ‬ ความวา “การบริจาคเพียงหนึ่งดิรฮัมมีคุณคาเหนือกวาการ บริจาคหนึ่งแสนดิรฮัม” กลาวคือ “คนๆ หน่ึงท่ีท้ังตัวเขามีเพียง สองดิรฮัม แตเขาก็เอาหนึ่งดิรฮัมไปบริจาค สวนอีกคนตัวเขามี 254

ทรัพยสินท่ีมากมาย แตเขาเอาทรัพยสินสวนหน่ึงท่ีมีมูลคาเพียง หนึ่งแสนดิรฮมั ไปบรจิ าค” (บันทกึ โดยอนั -นะสาอ)ี ทานอบูบักรฺ เคยบริจาคทรัพยสินท้ังหมดที่มีอยู และเหลือ ใหค รอบครัวเพียงอลั ลอฮแฺ ละเราะสูลของพระองคเทา นน้ั สว นทาน อุมัรเคยบริจาคทรัพยสินคร่ึงหน่ึงของทาน และทานอับดุรเราะหฺ มาน บินเอาฟฺ เคยบริจาคกองคาราวานสินคาที่จะมายังเมืองมะดี นะฮฺทั้งหมด รวมถงึ ทกุ สิง่ ทกุ อยา งที่ติดอยกู ับตวั สตั วพ าหนะนน้ั สวนมารยาทของคนท่ีจะบริจาคน้ันเขาจะตอ งตระหนกั ดถี งึ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺท่ีพระองคทรงประทานริซกีที่เปน ทรัพยสินใหแกเขา และพระองคยังทรงอํานวยใหเขาสามารถ บริจาคมัน ย่ิงกวาน้ันพระองคยังจัดสรรใหมีคนมารับการบริจาค ของเขา แลวพระองคก็ทรงตอบรับการบรจิ าคของเขา ท้ังๆ เปนส่งิ ทพี่ ระองคทรงประทานใหเขา และใหเขาบริจาคในส่ิงที่ดีท่ีสุด อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดํารัส วา [٩٢ :‫ ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان‬٩٢ ‫﴿ لَن َ� َنالُواْ ٱلۡ ِ َّ� َح َّ ٰ� تُنفِ ُقواْ ِم َّما ُ�ِ ُّبو َ ۚن‬ ความวา “พวกเจาจะไมไดคุณธรรมเลย จนกวาพวกเจาจะ บรจิ าคจากสงิ่ ท่พี วกเจา ชอบ” (สเู ราะฮอฺ าล อิมรอน อายะฮฺที่ 92) 255

และใหเขาบริจาคแกคนท่ีขัดสนหรือมีความตองการตอ มัน ดวยความออนโยน จนกระทั่งคนท่ีรับจะไมรูสึกถึงเปนหน้ีบุญคุณ ซ่ึงเขาควรที่จะบริจาคใหลับๆ หรือฝากใหคนใกลชิดของคนรับ จดั การให เปนตน ชาวสะลัฟบางทานเมื่อจะบริจาคส่ิงใด เขาจะวางสิ่งน้ันบน ฝามือเพ่ือใหคนขัดสนหยิบดวยตัวของเขาเอง มีคนถามวาทําไมถึง เชน นัน้ เขาตอบวา เพอื่ ใหม อื ของคนขัดสนนั้นเปนมอื บน ซง่ึ เปนสง่ิ ท่บี งชี้ถึงคํากลาวของทานนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั ที่วา �َ ‫َواﻟْ َﻴ ُﺪ اﻟْ ُﻌﻠْﻴَﺎ َﺧ ْ ٌ� ِﻣ َﻦ اﻟْﻴَ ِﺪ ال ُّﺴ ْﻔ‬ ความวา “มือบนยอมดีกวามือลาง” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มสุ ลิม) นี่คือสุดยอดความสุภาพออนโยนท่ีบรรพชนผูย่ิงใหญของ เราไดท ําไว ขออลั ลอฮทฺ รงอาํ นวยในการทาํ ความดี และหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ีถูกลืมและถือเปนหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ี สําคัญที่สุดคือ การกระตุนจิตใจใหอยากสูรบและออกญิฮาด โดยเฉพาะในชวงเดือนเราะมะฎอน เพราะถือเปนเดือนที่เคยมี สงครามคร้ังสําคัญ เชนสงครามบะดัร, การพิชิตเมืองมักกะฮฺ เปน ตน ย่ิงกวาการกระตุนจิตใจตออิบาดะฮฺนี้ถือเปนส่ิงท่ีวาญิบดวยซา้ํ 256

ซึง่ ไมอนญุ าตออกหางจากมนั ทานนบี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดกลา ววา ‫َﻣ ْﻦ َﻣﺎ َت َولَ ْﻢ َ� ْﻐ ُﺰ َولَ ْﻢ ُ َ� ِّﺪ ْث َ� ْﻔ َﺴ ُﻪ ﺑِﺎﻟْ َﻐ ْﺰ ِو َﻣﺎ َت ﻋَﻠَﻰ ُﺷ ْﻌﺒَ ٍﺔ ِﻣ ْﻦ ﻧِ َﻔﺎ ٍق‬ ความวา “ผูใดที่เสียชีวิตโดยที่ไมเคยออกสูรบและไมเคยกระตุน จิตใจใหอยากสูรบ เขาจะเสียชีวิตในสภาพท่ีเปนสวนหนึ่งของ การกลบั กลอก (นิฟาก)” (บันทึกโดยอะหมฺ ัดและมุสลมิ ) ซ่ึงเปนหลักฐานท่ีบงชี้วาวาญิบท่ีจะตองทําอยางหนึ่งอยาง ใด ทั้งน้เี พอ่ื เปนการปฏิเสธลกั ษณะของการกลบั กลอก สวนประโยชนของการกระตุนจิตใจใหอยากสูรบก็คือ เปน การฟนฟูนัยของการญิฮาด การสูรบ การแสดงถึงความรักใครและ ชว ยเหลือศาสนา และเปน การปฏเิ สธการปฏเิ สธศรัทธา การตั้งภาคี และเปนการแสดงถึงการเปนศัตรูตอคนท่ีมีลักษณะนี้ และเปนการ นําจิตใจไปสูระดับข้ันสูงสุดของการทุมเทเสียสละ ดวยการทุมเท เสยี สละจติ วญิ ญาณและเลอื ดเนอ้ื ในหนทางของอลั ลอฮฺ ซึ่งในนัยน้ีเองที่มันถูกลืม จนกระท่ังบรรดามุสลิมเองก็ หลงลืมมันอยางสิ้นเชิง จึงสมควรอยางย่ิงที่เราจะตองหวนมาฟนฟู นัยนี้ดวยกันในเดือนท่ีประเสริฐ เดือนแหงการอดทน การทุมเท เสียสละ และการตอสกู ับจติ ใจ เหลาน้ีคือตัวอยางของอิบาดะฮฺท่ีถูกลืม และหากทาน พจิ ารณาคาํ กลาวของทา นนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม นี้ 257

‫أﻋﻼﻫﺎ ﻻ إﻟَـ َﻪ إ َّﻻ‬، ‫ﻦأَا ْوﻟ َّﺑِﻄ ِْﺮﻀ� ِﻊﻖ َو َﺳﺒْ ُﻌﻮ َن ُﺷ ْﻌ َﺒ ًﺔ‬،ِ ‫ـ ََﻤوأﺎَ ْدُنﻧَﺎﺑِ َﻫ ْﺎﻀإٌﻊ َﻣﺎَو َ ِﻃﺳ ُُّﺘﺔﻮا َن َﻷ َذ ُﺷ ْىﻌ َﺒﺔَﻋ‬،ْ‫ااﻹ ُﷲﻳ‬ ความวา “การศรัทธามีมากกวา 60 ประเภท หรือมีมากกวา 70 ประเภท ระดับท่ีสูงสุด คือ การกลาววาไมมีพระเจาอื่นใดท่ี สมควรแกการกราบไวนอกจากอัลลอฮฺ ระดับท่ีตํ่าสุด คือ การ ขจัดส่ิงที่เปนอันตรายออกจากถนน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มุสลมิ ) ทานก็จะรูวามีผูคนจํานวนไมนอยเลยทีเดียวท่ีไดละทิ้งการ ศรัทธาในภาคปฏิบัติ รวมถึงชองทางในการทําดีที่จะนําไปสูความ พงึ พอพระทยั ของพระผูอภบิ าล ตะบาเราะกะ วะตะอาลา ขออัลลอฮฺทรงชว ยเหลือ 258

11. รบั รูอุปสรรคที่อยูในเสนทางมุงสอู ลั ลอฮฺ มาถึงตรงนี้ทานคงพรอมที่จะมุงมั่น และไดกระตุนแรง ปณิธานท่ีไดมอดไปแลว และคงจุดประกายความต้ังใจที่หยุดน่ิงให พรอ มลุกโชน และสามารถควบคมุ ความใครท่มี ีอยดู วยบงั เหยี นของ ความปรารถนา พรอมๆ กับผนวกความหวังกับการมอบหมาย ตออัลลอฮฺอยางสุดหัวใจในการงานตางๆ และคงไดเร่ิมตนเดินทาง มุงสูอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เพื่อใหบรรลุถึงเดือนเราะมะฎอนแลว และอันท่ีจริงทานคงไดจุดประกายความต้งั ใจ และขับเคล่ือนความ ปรารถนาใหม งุ มนั่ ต้งั ใจยอมจํานนท่ีจะปฏบิ ตั ิตามแลว ดังนั้น จงระมัดระวังอุปสรรคท่ีมีอยูบนเสนทางท่ีไมเรียบ งายนี้ เพราะมันเปนเสนทางท่ีจะนําไปสูสวนสวรรคท่ีหอมลอมไป ดวยความใคร ตัณหาราคะ ชัยฏอน การย่ัวยุ และสิ่งคลุมเครือ ทั้งหลาย ซ่ึงท้ังหมดลวนเปนอุปสรรคท่ีจะขัดขวางสูเสนทางแหง ความสําเรจ็ ดังน้ัน เรามาทําความรูจักกับคุณลักษณะบางประการของ อุปสรรคทีอ่ ยูในเสนทางที่มงุ สูอัลลอฮฺ รวมถึงพลงั ทีซ่ ุกซอ นอยู และ 259

การลอลวงของมันดว ยกนั เถิด เพราะการเรียนรูค ุณลักษณะของสง่ิ ทไี่ มดีนั้นกเ็ พือ่ หลีกหา งจากมันได ฉนั รูจกั ความชว่ั ไมใชเพอื่ จะทําความชวั่ แตเพอื่ ปองกนั จากมนั ตางหาก เพราะผใู ดทไี่ มร จู กั ความชว่ั เขากย็ อ มทาํ มนั ซึ่งมีเปาหมายเพ่ือนําเสนอตัวอยางของอุปสรรคบาง ประการเพื่อเปนขอแนะนําสําหรับหลายๆ คน ในจํานวนนั้นคือ ความเกียจครานและความเบ่ือหนาย ซ่ึงถือเปนเรื่องใหญท่ีเกิด ขึ้นกับผูที่เดินทางมุงสูอัลลอฮฺ และอาจจะลุกลามมากยิ่งขึ้นถึงข้ัน เปนสาเหตุของการผินหลังใหกับศาสนาก็เปนไปได เราขอความ คุมครองตออลั ลอฮจฺ ากสภาพเชนน้ัน โดยปกติแลวความเกียจครานมักเกิดจากความรูสึกตื่นเตน ดีใจท่ีสามารถทําความดีแตกลับไมขอบคณุ ตออัลลอฮฺ ทัง้ ยงั เขา ขาง ตัวเองวาอัลลอฮฺไดโปรดปรานตอเขาอยางมาก และหลงตัวเองท่ี สามารถทําสิ่งน้ันได ซ่ึงทานอิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได อธบิ ายและใหคาํ แนะนาํ ในการจดั การกับโรคน้ีไววา “ดังน้นั เมื่อใด คนทม่ี ุง สูอ ัลลอฮไฺ ดห ลงลมื ตัวเองและมคี วามรสู ึกต่ืนเตนดีใจ โดย ไมแฝงดวยความรูสึกที่หวาดหว่ัน ก็ใหเขายอนกลับไปสูชวง เริ่มแรกของการกาวเดิน เพราะหวังวาจะทําใหเขาสามารถมุงสู เสนทางน้ีดวยความขยันขันแข็งที่จะนําไปสูความยําเกรงไดอีก 260

ครั้ง ซ่ึงการละท้ิงความเกียจครานน้ันยอมทําใหเกิดความสุขอัน มากมาย” ทําใหคนที่มุงสูอัลลอฮฺทุกคนมักจะประสบกับความเกียจ ครานอยางหลีกเล่ียงไมไ ด ดังน้ัน ผูใดที่ความเกียจครานไมไดถงึ ขัน้ ทําใหหลุดออกจากการทําสิ่งท่ีเปนฟรฎและไมทําใหไปทําส่ิงที่หะ รอม กย็ งั พอมีหวงั วาเขาจะกลับมาดกี วา เดิมไดอกี ทานอุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ ไดกลาววา “แทจริง บางที หัวใจก็เขาหาความดีแตบางทีมันก็หลีกหนีไป ซ่ึงหากมันเขาหา ความดีก็จงทําสิ่งท่ีเปนสนุ ัตดว ย แตถามันหลีกหนีไปกใ็ หทําสิ่งท่ี เปน ฟรฎอ ยา ใหข าด” อันท่ีจริงความเกียจครานและอุปสรรคตางๆ ที่เกิดข้ึนกับผู ที่มุงสูอัลลอฮฺน้ันลวนมีหิกมะฮหฺ รือเหตุผลทีซ่ ุกซอนอยูเบอื้ งหลังใน ส่ิงที่ไมมีผูใดรูในรายละเอียดของมันนอกจากอัลลอฮฺเทาน้ัน และ ดว ยส่ิงน้ีเองที่ทาํ ใหแ ยกแยะไดวาผใู ดที่สัจจริงและผูใดที่ปล้นิ ปลอน ซึ่งผูท่ีปล้ินปลอนน้ันจะหันสนเทาของเขากลับและจะหวนไปสู สัญชาตญาณเดิมและความใครของเขา สวนผูท่ีสัจจริงนั้นพวกเขา จะรอคอยความชวยเหลือโดยไมสิ้นหวังตออัลลอฮฺ และจะทําให ตัวเองอยูในสภาพท่ีเฝา รอการชวยเหลอื ประหนงึ่ ภาชนะทีว่ า งเปลา โดยไมมีส่ิงใดอยูในนั้นเลย เพียงแตเฝารอใหเจาของภาชนะนั้นเตมิ สิ่งที่จะเปนประโยชน ซึ่งมันไมใชสาเหตุท่ีมาจากบาว ถึงแมวาการ เฝารอความชวยเหลือน้ันถือเปนหนึ่งในสาเหตุสําคัญก็ตาม แตมัน 261

มาจากผูท่ีใหความโปรดปรานแกทาน และทําใหทานมีความรูสึกท่ี ปลอ ยวาง และพระองคน น้ั [24 :‫﴿ َ�ُو ُل بَ ۡ َ� ٱلۡ َم ۡر ِء َوقَ ۡلبِهِۦ ﴾ ]اﻷﻧﻔﺎل‬ ความวา “จะทรงกั้นระหวางบุคคลกับหัวใจของเขา” (สู เราะฮฺอัล-อนั ฟาล อายะฮฺท่ี 24) ดังนั้น หากทานเห็นวาพระองคทรงใหทานอยูในสถานะนี้ ก็พึงรูเถิดวาพระองคตองการเมตตาทานและเติมเต็มภาชนะของ ทาน แตหากหัวใจของทานไมไดเปนไปเชนน้ีก็พึงรูเถิดวามันเปน หัวใจท่ีเสียแลว ดังน้ัน จงวอนขอตอพระผูอภิบาลของทานและผูท่ี กุมหวั ใจระหวา งพระหัตถของพระองคใหมอบหัวใจดวงใหมแกท าน และทา นนบี ศอ็ ลลัลลอฮอุ ะลัยฮิวะสลั ลัม ไดกลาววา ‫ َو ِﻟ ُﻜ ِّﻞ ِﺷ َّﺮ ٍة ﻓَ ْﺘ َﺮ ٌة‬، ‫إِ َّن ِﻟ ُﻜ ِّﻞ َ� َﻤ ٍﻞ ِﺷ َّﺮ ًة‬ คว ามวา “ แทจริง ทุก ๆ ก า ร งา นยอมมีชวงท่ีมี ค ว า ม กระปรี้กระเปรา และทุกๆ ความกระปรี้กระเปราก็จะมีความ เกยี จครา น” ดงั นัน้ คนทม่ี ุงม่ันต้ังใจทําความดยี อมตองมชี วงเวลาท่เี กยี จ ครานเปนเร่ืองธรรมดา แตเขาจะนึกถึงชวงเวลาท่ีมีความมุงม่ัน ตง้ั ใจ ทําใหเขากลบั มาทาํ ความดไี ดอ กี คร้ัง 262

และบางทคี นทีม่ ุงสอู ัลลอฮฺน้ันเริ่มตน ดวยความขยนั ขันแข็ง และมีปณธิ านอันแนว แน ทําใหชวงเวลาที่มคี วามเกยี จครานนน้ั เขา สามารถกลับไปนึกถึงชวงเร่ิมตนได จึงทําใหเขากลับมามีความ มงุ มั่นตัง้ ใจอกี ครั้ง และทําใหเ รง เราเขาใหช กุ รู ตอ อลั ลอฮฺโดยทันที ทานอัล-ุนัยดฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ มักจะนึกถึงบรรยากาศที่ เขาไดทําความดีในชวงแรก และเมื่อใดท่ีทานนึกถึงมันก็จะกลา ววา “ฉันถวิลถึงชวงเวลาแรกๆ ท่ีไดทําความดีเปนอยางยิ่ง” หมายถึง ความสขุ ทม่ี ใี นชว งเวลาแรกๆ ซงึ่ ทาํ ใหสามารถรวบรวมแรงปณธิ าน ในการมุงสูอัลลอฮฺและหันหลังใหกับสรรพสิ่งทั้งหลายได (สรุปจาก “มะดารจิ ฺ อัส-สาลกิ นี ”) และหากทานมีความรูสึกที่เบ่ือหนายในการทําอิบาดะฮฺ เชน ละหมาด ซิกิร หรืออานอัลกุรอาน ก็อยาปลอยใหชัยฏอนมา ควบคุมความใครของทานได เพราะทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม ไดกลา ววา ‫َ� َﻤﻠُّﻮا‬ ‫َﺣ َّﺘﻰ‬ ‫َ� َﻤ ُّﻞ‬ َ ‫ا َﷲ‬ ‫ِإ َّن‬ �ِ ‫َﻓ َﻮا‬ ‫ﻻ‬ ความวา “ขอสาบานตออัลลอฮฺ แทจริงอัลลอฮฺไมทรงเบ่ือหนาย เวนแตพวกทานจะเบื่อหนายเสียกอน” (บันทึกโดยอัล-บคุ อรีและ มสุ ลิม) ซ่ึงกอนหนานเ้ี ราไดน ําเสนอแกทานแลวในบท “การฝกตน ใหมีความมุงมั่นต้ังใจ” เกี่ยวกับความเขาใจของหะดีษบทน้ีและ 263

ตัวอยางจากบรรดาอิมามผูปราดเปรื่อง ดังน้ัน จึงเปนการดีสําหรับ คนท่ีมีความเบ่ือหนายในการทําอิบาดะฮฺท่ีจะตองทําใหตัวเองรูสึก หวาดหวนั่ วา มันอาจจะทําใหอัลลอฮฺไมสนใจเขาก็เปน ไปได และให หัวใจของเขามีความรูสึกวากําลังเสียมารยาทกับอัลลอฮฺอยางมาก และใหรูสึกวาเขายังไมไดใหเกียติและเช่ือในความเดชานุภาพของ พระองคอยางแทจริง เพราะจิตใจของเขาไดเหน็ ดีเห็นงามตอ ความ ใครในความเพริศแพรวของโลกดุนยา และปลอยใหลูกๆ และ ภรรยาเอาเวลาสวนใหญของเขาไป แตแลวเขากลับรูสึกเบ่ือหนาย ในการทําอบิ าดะฮฺหลังจากท่ไี ดทาํ มันไดไ มนาน ชาวสะลฟั ทานหนึง่ ไดเลาวา “ชาวสะลฟั พวกเขาคอ นขาง รูสึกไมดีกับชวงเวลารุงอรุณ เพราะถือวามันไดปดกั้นพวกเขา จากความสุขของการเขาเฝามุนาญาจ” ในทนี่ ้หี มายถงึ วาพวกเขา เสียใจที่ไมสามารถลิ้มรสความสุขของการเขาเฝามุนาญาจตอไปได อีก ไมใชพวกเขารังเกียจการที่รุงอรุณไดทอแสงขึ้น และให ความสําคัญกับการกิยามุลลัยลฺมากกวาการละหมาดฟรฎ ซ่ึงมัน ชางหางไกลจากแบบอยางท่ีมีอยูในชีวประวัติของพวกเขา มันจะ เปนเชนน้ันไดอยางไรในเมื่อพวกเขารูดีวาการอานอัลกุรอาน ชวงเวลารุงอรุณน้ันบรรดามลาอิกะฮฺตางเปนสักขีพยานและเปน การงานทจี่ ะถูกนาํ ไปสอู ัลลอฮฺ และหนง่ึ ในอุปสรรคที่มีอยูในเสนทางท่ีมุงสูอลั ลอฮคฺ ือ การ ซิบกระซาบและการมีความนึกคิดท่ีไมดีที่จะสงผลตอผูที่มุงสู 264

เสนทางของโลกอาคิเราะฮฺ ซึ่งความนึกคิดท่ีไมดียังหมายรวมถึง จินตนาการท่ีแฝงไปดวยความใครและส่ิงที่หลงใหล และยังหมาย รวมถงึ คนท่มี คี วามอาฆาตแคน อิจฉาริษยา และโรคทางจิตใจตางๆ ซึ่งท้ังหมดนี้ลวนเปนส่ิงท่ีทําใหผูที่มุงสูเสนทางของโลกอาคิเราะฮมฺ ี พฤติกรรมท่ีไมดี และที่รายแรงที่สุดคือการกระซิบกระซาบใหมี ความคลุมเครือเรื่องการมีอยูจริงของอัลลอฮฺ รวมถึงตัวตนและ คุณลักษณะของพระองค ซึ่งเปนส่ิงท่ีคนหนุมสาวสวนใหญใน ปจจุบันมักถูกทดสอบทั้งนี้ก็เพื่อครอบงําใหพวกเขามีแนวคิดที่ ปฏิเสธพระเจาและเซคคิวลาร โดยเกิดจากการอธิบายสรรพสิ่ง ตางๆ ดวยกับความรูทางวิทยาศาสตรและการแพรกระจายของ ความช่ัวชาและความใครทพ่ี รอมจะหันเหหวั ใจจากการเคารพภกั ดี และนอบนอมปฏบิ ัติตามอัลลอฮฺ และจากการวิเคราะหแลวสามารถแบงความนึกคิด ออกเปนสามประเภท ดังนี้ หน่ึง ความนึกคิดท่ีคลุมเครือ ซ่ึงเปนสิ่งที่จะปดก้ันความ เช่ือการมีอยูจริงของอัลลอฮฺ รวมถึงตัวตนและคุณลักษณะของ พระองค นอกจากนี้ยังรวมถงึ คัมภีรอ ัลกุรอานของพระองค บรรดา ศาสดาและศาสนทูตของพระองค และการกําหนดสภาวะตางๆ ของพระองค สอง ความนึกคิดที่แฝงดวยความใคร ซึ่งเปนส่ิงท่ีจะชักจูง ใหค วามนกึ คิดไดจนิ ตนาการตอ สงิ่ ที่หลงใหล 265

สาม ความนึกคิดท่ีเต็มไปดวยโรคทางจิตใจ เชน การหย่ิง ยะโส การหลงตวั เอง การอาฆาตแคน และการอจิ ฉารษิ ยา สําหรับความนึกคิดประเภทแรก วิธีเยียวยาคือการทําใหมี ความเชื่อมั่น (ยะกีน) แตเปนวิธีสําหรับคนท่ีเช่ือการมีอยูจริง ของอัลลอฮเฺ ทา น้นั สําหรบั คนท่ปี ฏเิ สธการมีอยูจ ริงของอัลลอฮฺวิธีนี้ ไมไดเปนผลใดๆ เพราะในทัศนะของขาพเจาน้ันแนวคิดการปฏเิ สธ การมีอยูจริงของอัลลอฮนฺ ้ันถอื เปนประเภทหนึ่งของโรคบา ทม่ี นษุ ย เปนกัน แตใ ครทเ่ี ชือ่ ในการมอี ยูจรงิ ของอลั ลอฮฺ เชอ่ื ในการเปนพระ ผูอภิบาลของพระองค การปกครองของพระองค การบรหิ ารจัดการ ของพระองค ความยุติธรรมของพระองค และความรอบรูของ พระองค ซ่ึงความเช่ือมั่นน้ันกเ็ ปนประหนึ่งการมองเห็นดวงอาทิตย แตแลวก็มีส่ิงท่ีคลุมเครือมาบดบังซ่ึงเปนประหน่ึงคนท่ีโตแยงการ มองเห็นดวงอาทิตย และเรียกรองหาหลักฐานเพ่ือยืนยันวามันได ทอแสงขนึ้ มาจรงิ อัลลอฮจฺ ึงดาํ รสั วา َ ‫َوٱ ۡ�َ� ِ �ض‬ ‫ٱل َّس َ�ٰ َ�ٰ ِت‬ ‫َفا ِط ِر‬ ‫ك‬ّٞ ‫َش‬ ِ�َّ ‫ٱ‬ �ِ ‫﴿أ‬ [10 :‫]اﺑﺮاﻫﻴﻢ‬ ﴾ ความวา “มีการสงสัยในอัลลอฮฺ พระผูสรางช้ันฟาทั้งหลายและ แผนดนิ กระนัน้ หรอื ” (สูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 10) เขาจึงกลาวซํ้าๆ วา “ฉันศรัทธาตออัลลอฮฺแลว” และขอ ความคุมครองตออัลลอฮฺจากการยั่วยุของชัยฏอน ซ่ึงเปนการขอ 266

ความคุมครองตออัลลอฮฺรวมถึงการปกปกษรักษาและการเฝาดแู ล ของพระองคใหร ูสึกประหลาดใจในความไรส าระของส่ิงที่คลมุ เครอื นั้น เปน ไปไมไ ดท ีส่ ตปิ ญ ญา จะเรยี กรอ งหลักฐานในการมอี ยจู รงิ ของกลางวนั สวนความนึกคิดประเภทที่สอง ซ่ึงเกิดข้ึนกับคนโดยท่วั ไป และเปนท่ีแพรห ลายในหมูผคู น และการเยียวยามันนน้ั ถือเปนเรอ่ื ง ยากท่ีสุด กระนั้นก็ตามเราจะขอนําเสนอเฉพาะสวนสําคัญที่จะ จัดการโรครา ยนใี้ หหายขาดเทา น้ัน พึงรูเถิดวา ความใครเปนธรรมชาติดั่งเดิมที่คนๆ หนึ่งไม อาจหลีกพนได ซ่ึงเปนเร่ืองปกติท่ีจะมีความโกรธ มีการแสวงหา ความสุข และมีความช่นื ชอบอาหารท่มี ีอยูหลากหลาย เพราะความ ใครม ันถูกฝง ลกึ ในกมลสนั ดานโดยมีเปา หมายคอื เพ่ือเปนการรักษา ชีวิตดวยการบริโภคอาหาร เปนการตอบโตและปกปองตัวเองดวย การใชความโกรธ และเพ่ือรักษาเช้ือสายวงศตระกูลดวยการ แสวงหาความสุขจากการใชอวัยวะเพศ แตเมื่อใดท่ีมันมีมาก จนเกินไปมันก็จะไมดี ดวยเหตุน้ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม จึงเนนยํ้าใหร กั ษาอวัยวะเพศ ทอง และล้ิน เพราะมนั เปน สาเหตสุ ําคญั ทีจ่ ะทําใหประสบความสําเร็จ 267

เม่ือรูเชนน้ีแลวก็เปนที่กระจางชัดวาทานจะตองควบคุม ความใครท่ีมีอยูใหได ซ่ึงอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดส่ังใชใหทํามัน อยางจริงจัง และทําใหทานควบคุมมันได ดังนั้นหนาท่ีของทานจึง ไมมีสิ่งใดนอกจากการปฏิบัติตามคําส่ังใชน้ันโดยไมหวาดหวั่นหรือ ลาชา และวิธีการลดความใครใหนอยลงก็ทําไดดวยการลดปจจัย ตางๆ ที่จะทําใหเกิดมัน ซึ่งปจจัยสําคัญท่ีสุดคือความหลงใหลใน โลกดุนยาและความปรารถนาในความเพริศแพรวตางๆ ของมัน ดังน้ัน จงตัดขาดจากความเพริศแพรวตางๆ ที่มีอยูในโลกดุนยาให ออกจากหัวใจ ซึ่งเพียงพอแลวท่ีจะหันความมุงมั่นต้ังใจจากโลกดุน ยาแลวไปใหความสาํ คญั กับส่ิงทที่ าํ ใหป ระสบกบั ความสาํ เรจ็ และน่ีคือขอแนะนําบางประการในการลดบทบาทของ ความใครแ ละการจัดการกบั ความนกึ คดิ ทีแ่ ฝงดว ยความใคร หน่ึง ปฏิเสธพลังความสามารถของจิตใจ และใหขอความ ชวยเหลือและการปกปกษรักษาและการคุมครองตออัลลอฮฺ และ คํากลาวที่ดีท่ีสุดสําหรับคนที่ถูกทดสอบดวยความใครจะกลาวซา้ํ ๆ คือ “‫( ”ﻻﺣﻮل وﻻﻗﻮة إﻻ ﺑﺎﷲ‬ไมมีความสามารถและพละกําลังใดที่ เกิดขึ้นเวนแตดวยการอนุมัติของอัลลอฮฺ) หมายถึง ไมมี ความสามารถใดที่จะทําใหรอดพนจากการฝาฝนเวนแตดวยการ ชว ยเหลอื ของอัลลอฮฺ และไมม พี ละกําลงั ใดท่จี ะฏออะฮฺตอพระองค เวนแตด ว ยกับการอํานวยความสะดวกของพระองค 268

สอง นึกถึงความโกลาหลที่จะเกิดข้ึน ไมวาจะเปนความ เจ็บปวดของความตาย การที่วิญญาณหลุดออกจากรางกาย สภาพ ความนากลัวของหลุมฝงศพ การสอบสวนของมลาอิกะฮฺสองทาน การฟนคืนชพี ความนา สะพรึงกลัวของวนั กิยามะฮฺ การยืนอยเู บ้ือง หนาอัลลอฮฺในสภาพที่เปนผูฝาฝนและทําความผิดอยางมากมาย รวมถงึ ความนา สะพรึงกลวั ของไฟนรก สาม นกึ ถึงสิง่ ที่ตองคนึงถึง เชน ความสุขของการไดเ ขา เฝา มุนาญาจ การไดรับอํานวยความสะดวก (เตาฟกฺ) จากอัลลอฮฺ ใหฏออะฮฺตอพระองค การไดรับเกียรติในการเปนคนรัก (วะลี) ของอัลลอฮฺ การเปนคนในพรรคของอัลลอฮฺ สิ่งอันนาพิศวง (กา รอมัต) ท่ีเกิดกับคนรักของอัลลอฮใฺ นขณะท่เี สยี ชีวิต การไดเขาสวน สวรรค หุรุลอัยน (นางฟาชาวสวรรค) ที่ความสวยงามของนางนั้น ไมมีสิ่งใดบนโลกน้ีท่จี ะเทียบเคียงไดแ มเพียงปลายนิ้วเดยี วของนาง ก็ตาม การมองเห็นอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในวันกิยามะฮฺ และ ความพึงพอพระทัยของพระองคท ี่มีตอชาวสวรรค สี่ นึกถึงความงดงามของผูทรงสรางความงดงามของมนุษย ซึ่งทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทรงเรียกพระองค “อัล- ญะมีล” (ผูทรงงดงาม) ดังนั้น ความงดงามใดก็ตามท่ีลอตาลอใจ คนๆ หนึ่ง หากไปเทียบกับความงดงามของอัลลอฮฺ อัซซะวะญลั ละ แลว ความนึกคิดทไ่ี มด ตี างๆ กจ็ ะหายไปทนั ที 269

หา นึกถงึ ผลเสยี ของจินตนาการที่กาํ ลังหลงใหล รวมถึงโรค รา ยตา งๆ ทีส่ รางความเสยี หายแกสง่ิ ทีอ่ ยูภายในและภายนอก หก ออกหา งจากส่งิ ย่ัวยตุ า งๆ เชน การสญั จรตามทองถนน โดยเฉพาะในชวงเวลาและสถานท่ีที่เต็มไปดวยสิ่งท่ีลามกอนาจาร หรือการเสพสื่อออนไลนและออฟไลนตางๆ ท่ีลอแหลม ซึ่งไดเยา ยวนจิตใจทม่ี ีความสงบและพยายามแพรส่ิงที่ลามกอนาจารในหมผู ู ศรัทธา และหนึ่งในขอแนะนําคือ เม่ือรูสึกมีความใครก็อยาอยูคน เดยี วตามลาํ พัง แตพยายามวนุ อยกู ับอะไรบางอยา งทีส่ ามารถทาํ ให ความนึกคิดไดจดจออยูกับมัน เชน การรําลึกถึงอัลลอฮฺ การเย่ียม เยียนคนดี การเขารวมวงการเรียนรู หรือการชวยเหลือคนใน ครอบครวั และคนมสุ ลมิ ทว่ั ไป นอกจากน้ที านอบิ นลุ กอ็ ยยมิ ยงั ไดใ หข อ แนะนําในเร่อื งน้ีวา 1. ใหตระหนักรูถึงการเฝามองของพระผูอภิบาล สุบหานะฮู วะตะอาลา และการมองไปยังหัวใจของทานของพระองค รวมถึง ความรอบรูของพระองคใ นรายละเอยี ดตางๆ ทท่ี านไดนกึ คดิ 2. มีความละอายตอพระองค 3. เทิดเกยี รติตอ พระองค ดวยการใหพ ระองคเหน็ ความนกึ คดิ ตางๆ ที่มอี ยใู นหัวใจซงึ่ พระองคทรงสรา งมานั้น เปนไปเพ่อื การรูจกั และรักพระองค 4. เกรงกลวั ตอการมองของพระองคไปยงั ความนกึ คดิ ของทา น 270

5. ใหรูสึกหวงแหนตอพระองคในการท่ีหัวใจของทานไมไดรัก พระองค 6. ใหหวั่นเกรงวาจะเกิดความนึกคิดที่นําไปสูความชั่วราย แลวมันก็จะกัดกินอีมานและความรักท่ีมีตออัลลอฮฺในหัวใจ ซ่ึงมัน จะหายไปโดยท่ที านไมร สู ึกตัว 7. ตองรูวาความนึกคิดน้ันเหมือนกับเมล็ดพืชท่ีถูกโยนเพื่อ เปนเหย่ือลอนก ดังนั้นพึงรูเถิดวา ความนึกคิดที่มอี ยูนัน้ คอื เมลด็ พืช ที่วางอยูในกับดกั เพ่อื ลอทา น โดยทท่ี า นไมรูสึกตัว 8. ตอ งรูวา ความนกึ คดิ ทไ่ี มดนี ัน้ จะอยรู ว มกับความนึกคิดทม่ี อี ี มานและความนึกคิดที่เรียกรองไปสูความรักและการผินกลับไปสู อลั ลอฮไฺ มไ ดอยางแนน อน แตม นั จะตา นกันในทุกรูปแบบ 9. ตองรูวาความนึกคิดนั้นเปรียบด่ังมหาสมุทรแหง จินตนาการที่ไมมีชายฝง ดังน้ันเมื่อใดที่หัวใจไดตกอยูในกนบ้ึงของ ความนึกคิด มันก็จะจมและหลงในความมืดมิดของมัน ซึ่งการ หาทางรอดน้ันแทบจะไมมีพบหนทางใดๆ เลย ทําใหเขาหางไกล จากความสาํ เรจ็ 10. ตอ งรวู า ความนกึ คดิ นนั้ เปน หุบเหวของคนท่ีเบาปญญาและ เปนความเพอฝนของคนโงเขลา ซึ่งมันจะไมสงผลใดๆ นอกจาก ความเสียใจและความโศกเศรา และเมอ่ื ใดท่ีมันครอบงาํ หวั ใจไดมัน ก็จะทําใหเกดิ การกระซิบกระซาบ และเปน การยากท่จี ะควบคมุ มัน 271

ไดอีก นอกจากนี้ยังทําใหดวงตาของเขาถูกปด และเขาจะอยูใน สภาพตกเปน เชลยของมันตลอดไป สวนความนึกคิดประเภทท่ีสาม คือ ความนึกคิดท่ีเต็มไป ดวยโรคทางจิตใจ เชน การอาฆาตแคน การอิจฉาริษยา การหย่ิง ยะโส และการหลงตัวเอง ซ่ึงลวนเปนความผิดบาปที่ซอนเรน ภายใน ดงั ทอ่ี ลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [120 :‫﴿ َو َذ ُرواْ َ�ٰ ِه َر ٱ ۡ ِ�ثۡ ِم َو َ�ا ِط َن ُهۚ ٓۥ ﴾ ]اﻷﻧﻌﺎم‬ ความวา “และพวกเจาจงละเสียซึ่งบาปที่เปดเผยและบาปทซี่ อน เรนภายใน” (สูเราะฮฺอัล-อนั อาม อายะฮทฺ ี่ 120) ซ่ึงวิธีเยียวยาโรคเหลานี้คือ การเห็นถึงความออนแอของ จิตใจดวยการขอความชวยเหลือตอ อัลลอฮฺ และเขาใจหกิ มะฮหฺ รอื เหตุผลที่ซอ นอยูเบ้ืองหลังของอัลลอฮใฺ นการบรหิ ารจัดการสรรพสิง่ ตางๆ ซ่ึงความรูสึกเชนน้ีเองท่ีจะก้ันระหวางตัวเขากับการปฏิเสธ การจัดสรรริซกีและความโปรดปรานตางๆ และก้ันระหวางตัวเขา กับการหลงในความสามารถของตัวเอง ทําใหเขาอยูในสภาพนอม รับในความโปรดปรานของอลั ลอฮฺ ความยุติธรรมของพระองค และ ความปรีชาญาณของพระองค อันทีจ่ ริงทา นอมิ าม อิบนุลเญาซีเคยกลา วถงึ โรคเหลานไ้ี ดดี มากๆ ในหนังสือของทาน “อัฏ-ฏิบ อัร-รูหานี” ซ่ึงหลังจากท่ีเรา 272

ยอนกลับไปดูก็พบวิธีเยียวยาโรคตางๆ อยางละเอียด แตเพียงพอ แลวสําหรับเราท่ีจะดูตัวอยางเดียวจากที่มีอยูทั้งหมดเปนรอยเปน พนั อยางไรก็ตาม ทานอิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได กลาวถึงพลังของโรครายนี้ และยังไดอธิบายลักษณะของมันอยาง ละเอียด หลังจากนน้ั ทา นกไ็ ดแนะนําวธิ เี ยียวยามนั ซ่ึงทานไดกลา ว วา “พึงรูเถิดวา ความนึกคิดและการกระซิบกระซาบนั้นจะ นําไปสูการคิด ซึ่งการคิดก็จะนําไปสูการรําลึกถึง สวนการรําลึก ถึงก็จะนําไปสูการปรารถนา และการปรารถนาก็จะนําไปสู อวัยวะและการลงมือปฏิบัติจนกลายเปนความเคยชิน ดังนั้น การปฏิเสธมันตั้งแตเร่ิมแรกเปนสิ่งที่งายกวาการตัดขาดมัน หลงั จากท่ีมันมีพลังและสมบรู ณแลว และเปนทร่ี กู ันวาคนๆ หนงึ่ ไมสามารถท่ีจะทําลายความนึกคิดได นอกจากนี้ไมสามารถที่จะ ตัดขาดมันได เพราะมันไดจูโจมเขาสูจิตใจโดยตรง เวนแตพลัง ของความศรทั ธาและสตปิ ญญาเทานั้นท่ีจะชว ยใหร ับเฉพาะสวน ท่ีดีของความนึกคิดน้ันและพึงพอใจกับมันและยอมใหมันอยูกับ เขา ท้ังนี้เพ่ือขับไลความนึกคิดที่ไมดีและท่ีนารังเกียจใหออกไป และเพ่อื ทีค่ วามนกึ คดิ น้ันไดออกไปจากเขา ดังท่ีเศาะหาบะฮทฺ า น หน่ึงไดถามทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม วา หากคนใดในหมูพวกเรามคี วามนกึ คดิ อะไรบางอยาง การที่มนั ถกู เผาจนกลายเปนเถาถานเปนส่ิงท่ีฉันรักยิ่งกวาการกลาวถึงมัน” 273

ทานนบจี ึงกลาววา “พวกทา นพบมันกระนน้ั หรือ ?” บรรดาเศาะ หาบะฮฺจึงกลาว “ใชแลว” ทานนบีจึงกลาววา “นั่นคืออีมานที่ ชดั เจนยิง่ ” และในบางสํานวนไดระบุวา “การสรรเสริญท้ังหลาย เปนสิทธิของอัลลอฮฺ ผูทรงตอบโตแผนการณของชัยฏอนให เหลือเพียงการกระซิบกระซาบเทานั้น” ในท่ีน้ีมีสองคําอธิบาย หน่ึง การปฏิเสธและรังเกยี จมันน้ันถือเปนอีมานที่ชัดเจนยง่ิ สอง การมีอยูของมนั และการท่ีชยั ฏอนใหมันมีอยูในจิตใจน้ันถือเปน อี มานทชี่ ดั เจนย่งิ เพราะการทม่ี นั ทาํ ใหจติ ใจมีส่ิงนั้นก็เพอ่ื ตองการ ใหมีการปฏิเสธอีมานและตองการลบลางมันใหหมด และอันที่ จริงอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ไดสรางจิตใจประหน่ึงเครื่อง โมแปง ซึ่งมันตองบดบางอยางโดยตลอด ดังนั้นหากไดใสธญั พชื ในนั้นมันก็จะบดส่ิงน้ัน และหากใสดินหรือกอนกรวดมันก็จะบด สิ่งนั้น ซ่ึงความคิดและความนึกคิดท่ีวนอยูในจิตใจนั้นเปรียบ ประหนึ่งเมล็ดพืชท่ีใสในเคร่ืองโมแปงท่ีไมมีวันหยุดทํางานและ ตองมีอะไรบางอยางใสลงในนั้นตลอด ซ่ึงเคร่ืองโมแปงของบาง คนก็จะบดเมล็ดพืชจนกลายเปน แปง แลวเปน ประโยชนต อ ตวั เขา และตอคนอ่ืน แตเคร่ืองโมแ ปงของคนสวนใหญม ักจะบดกอ นหิน และกอ นกรวด ดงั นั้นเม่อื ใดทถ่ี ึงเวลานวด ตวั แปงกจ็ ะเผยถงึ การ บดน้ันวาเปน เชน ไร” (อลั -ฟะวาอิด หนา 161) เหลาน้ีคืออุปสรรคตางๆ ท่ีมีอยูในเสนทางท่ีมุงสูอัลลอฮฺ และท่ีมีอยูในชวงของการเดินทางสูโลกอาคิเราะฮฺ และการ 274

ขวนขวายใหรอดพนจากลงโทษในไฟนรกและการทุมเทใหไดมาซึ่ง สวนสวรรค ดังน้ันจงระมัดระวังจากปจจัยตางๆ และใหเตรียมตัว เผชิญหนากับมันอยางจริงจัง ขออัลลอฮฺทรงอํานวยความสะดวก (เตาฟก ) แกท าน 275

คําแนะนําบางประการ กอนเขาสเู ดือนเราะมะฎอน 1. ใหขะมักเขมนในการทําความดีในสิบวันสุดทายของ เดอื นเราะมะฎอนและชว งทา ยสดุ ของสิบวนั สดุ ทาย มีบันทึกในอัศ-เศาะฮีหัยน จากการรายงานของทานอาอิ ช‫ َﻴﺎ‬ะ‫ ْﺣ‬ฮَ‫ ฺَوأ‬เร،‫ُه‬า‫ َر‬ะ‫ َﺰ‬ฎ‫ิِم ْﺌ‬ย‫ﺪ‬ลั َّ ล‫ َﺷ‬อ‫ُﺮ‬ฮ‫ْﺸ‬อุ ‫َﻌ‬นั ‫ﻟ‬ฮ‫ ا‬า‫َﺧ َﻞ‬เล‫ َد‬า ว‫ َذا‬า ‫ِإ‬ ‫َو َﺳ َﻠّ َﻢ‬ ‫َﻋﻠَﻴْ ِﻪ‬ ‫ا ُﷲ‬ �َّ ‫ﻛ َﺎ َن َر ُﺳﻮ ُل اﷲ َﺻ‬ ‫ َوأَ ْ� َﻘ َﻆ أَ ْﻫﻠَ ُﻪ‬،‫َﻟﻴْﻠَ ُﻪ‬ ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูชวงสิบวันสุดทายของเราะมะฎอน ทานจะรัดผานุงไวให แนน (ไมรวมหลับนอนกับภรรยา) ทานจะสรางบรรยากาศใหค่ํา คืนมีชีวติ ชวี า (ทําอบิ าดะฮฺในยามค่าํ คนื ) และทา นจะปลกุ บรรดา ภรรยาของทาน (ใหลุกข้ึนมาทําอิบาดะฮฺ)” (บันทึกโดยอัล-บุคอ รี) สวนสาํ นวนท่ีบันทึก‫ َر‬โ‫َﺰ‬ด‫ ْﺌ‬ย‫لْ ِﻤ‬ม‫ุا‬ส‫ َّﺪ‬ล‫ َﺷ‬มิ‫ َو‬น‫ َّﺪ‬น้ั ‫ َﺟ‬ม‫ี َو‬ร،ะ‫ﻠَ ُﻪ‬บ‫ุ ْﻫ‬วَ‫أ‬า‫َوأَ ْ� َﻘ َﻆ‬، ‫أَ ْﺣ َﻴﺎ ال َّﻠﻴْ َﻞ‬ ความวา “ทานจะสรางบรรยากาศใหค่ําคืนมีชีวิตชีวา (ทําอิบา ดะฮฺในยามคํ่าคืน) และทานจะปลุกบรรดาภรรยาของทาน (ให 276

ลุกข้ึนมาทําอิบาดะฮฺ) และจะทุมเทอยางเต็มท่ี (ในการทําอิบา ดะฮฺ) โดยจะรัดผานุงไวใหแนน หมายถึงไมรวมหลับนอนกับ ภรรยา)” (บันทึกโดยมสุ ลมิ ) َ ‫َﻣﺎ‬ ،‫ِﺧ ِﺮ‬แล‫ َوا‬ะ‫ َﻷ‬อْ ‫ا‬กี ‫ِﺮ‬ส‫ํﺸ‬าْ น‫ْﻟ َﻌ‬ว‫ا‬น‫ﻲ‬ห‫ ِﻓ‬น‫่ ُﺪ‬งึ‫ ِﻬ‬ทَ‫่ี ْ�ﺘ‬บَ นั ‫ َﻢ‬ทَ‫ึﺳ ّﻠ‬กَ ‫و‬โَ ด‫ ِﻪ‬ยْ‫َﻴ‬ม‫َﻋﻠ‬สุ ล‫ ُﷲ‬มิ ม‫ี ا‬ร�َّะ‫ﺻ‬บَ วุ ‫ِﷲ‬า ‫ا‬ ‫َر ُﺳﻮ ُل‬ ‫ﻛَﺎ َن‬ ‫ﻻ‬ ِ‫َ�ْ َﺘ ِﻬ ُﺪ ِﻓﻲ َﻏ ْ ِ�ه‬ ความวา “ทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ทุมเทอยางเต็มท่ี (ในการทําอิบาดะฮฺ) ตลอดสิบวันสุดทายของ เดือนเราะมะฎอน อยางท่ีไมเคยปรากฏในเดือนอื่นมากอน” (บนั ทึกโดยมสุ ลิม) และมีบันทึกโดยทานอบูนุอัยม แตในสายรายงานมีนัก รายงานท่ีเฎาะอฟี จากการรายงานของทานอนสั ไดเลาวา ‫ﻛ َﺎ َن‬ ‫َﻓ ِﺈ َذا‬ ‫َوﻧَﺎ َم‬ ‫َﻗﺎ َم‬ ‫َر َم َﻀﺎ َن‬ ‫َﺷ ِﻬ َﺪ‬ ‫ِإ َذا‬ ‫َو َﺳ ّﻠَ َﻢ‬ ‫َﺻ َّ� ا ُﷲ َﻋﻠَﻴْ ِﻪ‬ ‫أَﻛ َ ْﺎر َ�َنًﻌﺎ َر َُوﺳ ِﻋﻮ ُ ْﺸل ِاﺮ� َِﷲﻦ‬ ‫لَ ْﻢ ﻳَ ُﺬ ْق َ� ْﻤ ًﻀﺎ‬ ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูเ ดือนเราะมะฎอน ทานจะยนื ละหมาดแลว นอนพักผอ นดวย แตเม่ือถึงชวงวันท่ีย่ีสิบส่ีทานจะไมนอนเลย (โดยจะทําอิบาดะฮฺ ตลอดทั้งคืน)” (บันทกึ โดยอบนู ุอยั ม ในหนังสอื “หลิ ยะฮฺ อัล-เอาลิ ยาอฯ”) 277

และมีบันทึกในอัล-บุคอรี จากการรายงานของทานอบีสะ อ:‫ีﻌﻮا ٌﻢ‬ดِ ُ‫ﻗ ْﺎﻄل‬อَ‫ั ُﻣ‬ล،‫«ﻲ‬-‫ِِﺮﻟ‬ค‫ﺖَﺤ‬ดุ ُ ‫ﺴ‬รَّ ‫لِ�ีﻴ‬จ‫ أَا‬า‫ِّ�ﻰ‬ก‫ﺣِإ َّﺘ‬ทَ ‫ ْﻢ‬า�‫ ُﻞ‬นْ ‫ﺻ‬นِ ‫ ِﺘ‬บَ‫ َُﻴﻬีﻴَْﻮائ‬ศْ‫็َﻓ َﻛﻠ‬อ،‫ﺖ‬ลُ‫َﻞ‬ล‫ัْﺻﺴ‬ลِ َ‫ل‬ล‫�َﻮا‬อِّ‫ ُﻳ‬ฮ‫ ْن ِإ‬:ุอ‫َأَل‬ะ‫ َﺎد‬ล‫َرا َﻗ‬ยั�ِ ‫َّ َأ‬ฮ‫ิاا‬ว‫ل َذ‬ะ‫ َ ِإ‬ส‫ั�ﺳ ْﻮﻢ‬ลُُ ‫َر‬ลัม‫ﻞ َﻓﺄﻳََﺎُّﻳ‬ไ،ُด‫ِﻮاﺻ‬ก ُ‫اﻠ‬ล‫ِ َﺻﻮ‬าُ‫ﺗ‬ว‫ََﻮﻚا‬วُ‫ﺗ‬าّ‫َﻓ ِﺈَﻻ َﻧ‬ �ِ ‫ َو َﺳﺎ ٍق � َ ْﺴ ِﻘ‬،�ِ ‫ُ� ْﻄ ِﻌ ُﻤ‬ ความวา “พวกทานจงอยาถือศีลอดติดตอกัน ดังน้ัน ผูใดในหมู พวกทานประสงคที่จะถือศีลอดติดตอกัน ก็จงถือศีลอดติดตอกนั จนกระทั่งรุงสาง แลวบรรดาเศาะหาบะฮฺก็ไดถามทานนบีวา “แตท า นถือศลี อดติดตอ กัน โอท า นเราะสูลุลลอฮฺ ?” ทา นตอบวา “ฉันไมเหมือนกับลักษณะของพวกทาน แทจริงขณะท่ีฉันนอน ฉันมีผูใหอาหารคอยใหอาหารฉัน และฉันมีผูใหเครื่องด่ืมคอยให ฉมั ดมื่ ” (บันทึกโดยอัล-บุคอร)ี และมีบนั ทกึ โดยอิบนอุ บีอาศมิ ดวยสายรายงานทที่ านอบิ นุ เราะญับไดกลาววามีนักรายงานที่ “มุกอร็อบ (เปนนักรายงานที่ เชื่อถือไดแตอยูในลําดับขั้นที่ทายสุด)” โดยเปนการรายงานของ ทานหญิงอาอิชะฮฺ ซง่ึ ทานหญงิ เลา วา ‫ ﻓﺈذا‬،‫ إذا ﻛﺎن رمﻀﺎن ﻗﺎم وﻧﺎم‬- ‫ ﺻ� اﷲ ﻋﻠﻴﻪ وﺳﻠﻢ‬- ‫ﻛﺎن رﺳﻮل اﷲ‬ ‫ وﺟﻌﻞ‬،�‫ واﻏتﺴﻞ ﺑ� اﻷذاﻧ‬،‫دﺧﻞ اﻟﻌﺸﺮ ﺷﺪ اﻟﻤﺌﺰر واﺟﺘﻨﺐ اﻟنﺴﺎء‬ ً‫اﻟﻌﺸﺎء ﺳﺤﻮرا‬ 278

ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูเดือนเราะมะฎอน ทานจะยืนละหมาดและนอนพักผอน แต เม่ือเขาสูชวงสิบวันสุดทายทานจะรัดผานุงไวใหแนน (ไมรวม หลับนอนกับภรรยา) จะไมเขาใกลบรรดาภรรยา และจะอาบนํ้า ระหวางสองอะซาน (ระหวางละหมาดมัฆริบกับอิชาอ) และทาน จะรบั ประทานอาหารม้ือค่ําในชวงสะหรู ” และมีบันทึกในอัศ-เศาะฮีหัยนฺ จากการรายงานของทาน ห‫ َن‬ญ‫ิ َﻀﺎ‬ง‫م‬อَ ‫َر‬าอ‫ิ ْﻦ‬ช‫ ِﻣ‬ะ‫َﺮ‬ฮ‫ ฺِﺧ‬เ‫ا‬ร‫ َو‬า‫ َﻷ‬ะ‫ا‬ฎ‫ิ َﺮ‬ย‫ั ْﺸ‬ล‫ َﻌ‬ล‫اﻟ‬อ‫ﻒ‬ฮُอุ ‫ั ِﻜ‬นَ‫ﺘ‬ฮ‫ ْﻌ‬า�َ เลาวา ‫َﻋﻠَﻴْ ِﻪ‬ ‫أَ َﺣَّن َّﺘاﻰﻟ َّﻨﺗَِﺒَﻮ َّﻲَّﻓﺎ ُه َﺻا َّ َّ� ُ�ا ُﷲ‬ ‫ﻛ َﺎ َن‬، ‫َو َﺳﻠَّ َﻢ‬ ความวา “ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟชวง สิบวันสุดทายของเดือนเราะมะฎอนจนกระทั่งอัลลอฮฺไดเอาชีวิต ทานไป” ซึง่ จากหะดษี ขา งตนนเี้ ราไดรับขอ มูลในสว นของสุนนะฮทฺ มี่ ี การเนนย้ํา (สุนนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ) บางประการท่ีสมควรเอาใจใส ในชวงสิบวันสุดทายของเดือนเราะมะฎอน และถือเปนภารกิจหลกั ที่ตองใหมีข้ึนในเดือนที่มีเกียรตินี้ เพราะมันจะจากไปอยางรวดเร็ว และเปนการปด ทา ยภารกจิ ของเดือนน้ไี ดเ ปน อยา งดี 279

อยางไรก็ตาม เราจะสรุปสุนนะฮฺบางประการพรอม คาํ อธิบายถงึ หลักปฏบิ ัติและเคล็ดลบั ตางๆ ทมี่ อี ยูใ หแ กทา น ดงั น้ี หนง่ึ สรา งบรรยากาศใหคํ่าคืนมีชวี ิตชวี า ในสว นนี้มหี ลักฐานทใี่ หป ฏบิ ัตอิ ยา งชดั เจนจากคาํ กลาวของ ทานหญงิ อาอิชะฮทฺ ่ีวา΅ⁿ‫أﺣﻴﺎ الﻠﻴﻞ‬₧΅(ทานนบีจะสรา งบรรยากาศให คํ่าคืนมีชีวิตชีวา) และมีบางสํานวนซึ่งเปนหะดีษท่ีเฎาะอีฟไดระบุ วา΅ⁿ‫أﺣﻴﺎ الﻠﻴﻞ ﻛﻠﻪ‬₧΅(ทานนบีจะสรางบรรยากาศใหตลอดท้ังคืนมี ชีวติ ชวี า) และยังมีสาํ นวนอืน่ ทไ่ี ดเ สรมิ คาํ ส่ังใชนเี้ ชน เดียวกนั น่ันคอื ⁿ‫ﺟﺪ‬₧หมายถึง ทุมเทอยางเต็มที่ในการฏออะฮฺและทาํ อะมลั และนี่คือภารกิจสําคัญที่ตองปฏิบัติในชวงทายของเดือน เราะมะฎอน ซ่ึงจําเปนท่ีตอ งนอนใหน อยเทาทีส่ ามารถทําได แตให นอนในชวงกลางวันแทน สวนกลางคืนนั้นใหขะมักเขมนดวยการ ละหมาดและซกิ ิรตออลั ลอฮฺ มีรายงานจากชาวสะลัฟบางทานทไ่ี ดอ ธบิ ายนิยามของการ สรางบรรยากาศใหค่ําคืนมีชีวิตชีวา ซ่ึงบางทานไดกลาววา คือการ ยืนละหมาดโดยใชเวลาสวนใหญของค่ําคืน (ซึ่งเปนคําอธิบายท่ีมี นํ้าหนกั มากทสี่ ดุ ) หรอื ครึ่งหนง่ึ ของมนั และสะลัฟบางทา นกอ็ ธบิ าย วาการที่จะไดรับความประเสริฐของการสรางบรรยากาศใหค าํ่ คืนมี ชีวิตชีวานั้นทําไดดวยการยืนละหมาดเพียงชวงเวลาหนึ่งเทานั้น และมีรายงานจากทา นอชั -ชาฟอีและทานอืน่ ๆ ไดกลาววา การท่จี ะ ไดรับความประเสริฐของการสรา งบรรยากาศใหค าํ่ คนื มชี ีวิตชวี านัน้ 280

ทําไดดวยการละหมาดอิชาอเปนญะมาอะฮฺและการตั้งใจท่ีจะ ละหมาดศุบหุ ฺเปนญะมาอะฮฺ ซ่ึงการใหค ํานิยามดงั ขา งตน นนั้ หมาย รวมทุกๆ ค่ําคืนของเดือนเราะมะฎอน และชวงสิบคืนสุดทายเปน การเฉพาะ และในคํา่ คืนลยั ละตลุ กอ็ ดรเฺ ปนการเฉพาะพเิ ศษ อยางไรก็ตาม ความพยายามในการทําเชนน้นี ั้นจําเปนตอ ง มีการเตรียมพรอมหลายองคประกอบตามท่ีเราไดนําเสนอใน หลายๆ บทกอนหนาน้ี รวมถึงการตั้งใจและมุงม่ันฝกฝน การอด หลับอดนอน และอดทนในความเหน็ดเหน่ือยจากการทุมเทอยาง เตม็ ทใี่ นการทาํ อิบาดะฮฺ สว นตวั ชว ยของมันนน้ั ทาํ ไดด ว ยการกนิ ใหน อ ย และทาํ อิบา ดะฮฺใหมีความหลากหลาย ไมวาจะเปนการยืนละหมาด การรุกูอฺ การสุูด การซกิ รุลลอฮฺ การอา นอัลกรุ อาน การคลุกคลอี ยกู บั คนที่ ขยนั ทําอบิ าดะฮฺ ท้งั น้กี ็เพอ่ื เปนแรงผลักดันใหมคี วามมุงมนั่ ทํามนั สวนบทสรุปของตัวชวยท้ังหมดนั้นก็คือ การขอวิงวอนขอ ความชวยเหลอื แรงสนับสนุน และความกรุณาธคิ ุณของอัลลอฮฺ อัซ ซะวะญัลละ เพราะพระองคสามารถท่ีจะทําใหทานยืนละหมาดอยู เบื้องหนาพระองคไดตลอดท้ังปโดยไมรูสึกเหน็ดเหน่ือยหรือ เจ็บปวยและเสียชวี ิต สอง สรา งบรรยากาศในบานใหเตม็ เปย มดวยความศรทั ธา 281

ดวยการกระตุนสมาชิกภายในบานใหทุมเทอยางเต็ม ความสามารถในการฏออะฮฺและทําอะมัล รวมถึงปลุกพวกเขาใน กยาลมาวคขํ่าอคงืนทเาพน่ือหลญะหิงอมาาอดิชตะะฮฮฺทัจ่ีวา΅ุดⁿ‫ُﻪ‬ซَ‫ึ่ﻠ‬ง‫ ْﻫ‬ใَ‫أ‬น‫ﻆ‬เَ ร‫่ื َﻘ‬อ�ْ َ‫أ‬ง‫ َو‬น₧ี้΅ม(ีแหลละักทฐาานนจจะาปกลคุกํา บรรดาภรรยาของทา นใหล กุ ข้ึนมาทาํ อิบาดะฮ)ฺ สาม รดั ผา นงุ ไวใหแนน ซ่ึงคํานิยามท่ีถูกตองที่สุดคือ การปลีกตัวหางจากภรรยา ดวยการไมมีเพศสัมพันธ ไมจูบ และไมเลาโลมเธอ โดยมีหลักฐาน จากที่ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟในมัสญิด เพ่ือแสวงหาค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺ และเปนการแสดงใหเหน็ ในสว น น้ีวา ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะรวมหลับนอนกับ ภรรยาในชวงย่ีสิบคืนแรกของเดอื นเราะมะฎอน หลังจากนั้นทา นก็ จะปลีกตัวหางจากภรรยา ทั้งนี้ก็เพ่ือแสวงหาคํ่าคืนลัยละตุลก็อดรฺ ในชวงสิบคนื สุดทาย ส่ี การอิอตฺ กิ าฟ ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “การท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟในชวงสิบคืนสุดทายเพื่อแสวงหาค่ํา คืนลัยละตุลก็อดรฺนั้น เปนไปในรูปแบบที่ตัดขาดจากภารกิจท่ี วุนวายตางๆ และเพื่อใหหัวใจมีความปลอดโปรง รวมถึงเพื่อปลีก 282

ตัวเขาเฝาพระผูอภิบาล ดวยการซิกิรและวิงวอนขอดุอาอตอ พระองค ซ่ึงทานนบีไดตงั้ ขอบเขตพ้ืนทขี่ องตวั เองแลวไดอยูในพ้ืนที่ นนั้ ตามลําพัง โดยไมค ลุกคลีและวุนวายกับใคร” ตามทัศนะของอิมามอะหฺมัด บินหัมบัลนั้น ไมสงเสริมให คนที่อิอฺติกาฟคลุกคลีกับผูคนแมกระท่ังการเรียนการสอนความรู ตางๆ และอัลกุรอาน แตท่ีดีทีส่ ุดคอื การปลีกตวั อยูคนเดียวและเขา เฝาอัลลอฮฺดวยการซิกิรและวิงวอนขอดุอาอตอพระองค ซ่ึงน่ีคือ การอิอฺติกาฟในรูปแบบของการปลีกตัวตามหลักการศาสนา และ ตองทําในมัสญิด ทั้งนี้ก็เพื่อไมใหพลาดจากการละหมาดวันศุกร และละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺ สวนการปลีกตัวทท่ี ําใหพลาดจาก การละหมาดวันศุกรและละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺนั้นศาสนาได หา มทาํ เชน นั้น ทานอิบนุอับบาสถูกถามถึงชายคนหนึ่งท่ีขยันถือศีลอด ในชวงกลางวนั และละหมาดในยามค่าํ คนื แตเ ขาไมรวมละหมาดวนั ศุกรและละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺ ? ทานไดตอบวา เขาคนน้ัน ตอ งอยูในไฟนรก ดังน้ันการปลีกตัว (ค็อลวะฮฺ) ของอุมมะฮฺน้ีท่ีหลักการ ศาสนาอนุญาตนั้นคือการอิอฺติกาฟในมัสญิด โดยเฉพาะในเดือน เราะมะฎอนและโดยเฉพาะอยา งยิ่งในชวงสิบคนื สุดทาย ดงั ท่ที านน บี ศ็อลลัลลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสัลลมั ไดทําเปน แบบอยางไว ซึ่งคนทีอ่ ิอตฺ ิ กาฟนั้นเขาจะควบคุมตัวเองใหอยูในบรรยากาศการฏออะฮฺ 283

ตออัลลอฮฺและรําลึกถึงพระองคอยูเสมอ และจะตัดขาดจากความ วุนวายตางๆ และพยายามทําใหทั้งหัวใจและสติปญญาของเขาอยู กับอัลลอฮฺและสิ่งท่ีทําใหไดเขาใกลพระองค ซึ่งส่ิงที่เหลืออยูน ้นั ก็มี เพยี งความมุงมั่นทมี่ ีตออัลลอฮแฺ ละสง่ิ ท่พี ระองคท รงพึงพอพระทัย ดังนั้น ความหมายของการอิอฺติกาฟและแกนแทของมนั คือ “การตดั ขาดความผูกพันกบั สรรพสิ่งตา งๆ แลวมุงสูการรับใชพ ระผู ทรงสราง” ซ่ึงคราใดก็ตามทก่ี ารรูจักอัลลอฮฺ รวมถึงการมอบความ รักตอพระองค และความมักคุนกับพระองคมีมากยิ่งข้ึน มันก็จะ สงผลใหตัวเขาไดอยูกับอัลลอฮฺอยางสมบูรณในทุกสภาวการณได มากขึ้นเทานั้น ดังท่ีชาวสะลัฟบางทานพยายามที่จะปลีกตัวอยูแต ในบานของตัวเองเพ่ือเขาเฝาตออัลลอฮฺ จนกระท่ังมีคนถามเขาวา “ทานไมรูสึกเหงาบางหรอื ?” แตเขากลับตอบวา “มันจะรูสกึ เหงา ไดอยางไร ในเมื่อพระองคไดดํารสั วา ขาจะน่ังรว มอยูกบั คนท่ีราํ ลึก ถึงขา” (อัล-ละฏออฟิ หนา 348) หา กินแตพ อดีเพอ่ื ใหบ รรลเุ ปาหมายทวี่ างไว หรือใหกินม้ือ หนกั ในชว งเวลาสะหัรรวดเดยี ว นักวิชาการมีความคิดท่ีเห็นตางในประเด็นการวิศอล (การ ถือศีลอดติดตอกัน) สําหรับอิมามอะหฺมัดและทานอิสหากน้ัน อนุญาตใหทําได แตที่ถูกตองที่สุดคือใหถือศีลอดติดตอกัน 284

จนกระท่ังชวงเวลาสะหัร (กอนเขาเวลาศุบุหฺเล็กนอย) เทาน้ัน เพราะทานนบี ศอ็ ลล‫ ِﺮ‬ลั‫ َﺤ‬ล‫َّﺴ‬อ‫ل‬ฮ‫ุ ا‬อ‫َّﺘﻰ‬ะ‫َﺣ‬ลัย‫ْﻞ‬ฮ‫ﺻ‬วิِ ะ‫َﻮا‬สُ‫ﻴ‬ลัْ‫ﻓَﻠ‬ล،ัม‫ﺻ َﻞ‬ไِ ด‫ا‬ก‫ﻳُ َﻮ‬ล‫ن‬าْ วَ‫ أ‬ว‫ َد‬า‫َﻓﺄَﻳُّ ُ� ْﻢ إِ َذا أَ َرا‬ ความวา “ดังน้ัน ใครก็ตามประสงคท่ีจะถือศีลอดติดตอกัน ก็จง ถอื ศีลอดตดิ ตอ กันจนกระทงั่ ชวงเวลาสะหรั ” (บันทึกโดยอัล-บุคอ รี) ซ่ึงเปาหมายของมันไดเปนไปตามท่ีนักวิชาการไดกลาววา เปนการทําใหทอ งและความใครลดความตองการลง และการทที่ อ ง ไดวางลงน้ันจะทําใหหัวใจเต็มเปยมดวยความเขาใจในนัยตางๆ ได เปนอยางดี ซึ่งย่ิงมีความหิวกระหายและความเจ็บปวดมันก็จะ สงผลใหห วั ใจมคี วามออนโยน นมิ่ นวล และมสี มาธิมากตามไปดวย ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “นักวิชาการไดเนนย้ําให เลื่อนการละศีลอดดวยอาหารม้ือหนักไปในชวงทายของค่ําคืน โดยเฉพาะในชว งเวลาที่ตอ งการแสวงหาคาํ่ คนื ลยั ละตุลกอ็ ดร”ฺ ทานซิร บินหุบัยชไดกลาวถึงคํ่าคืนท่ี 27 ไววา “ผูใดที่ สามารถเลื่อนการละศีลอดก็จงทําเถิด และใหเขาละศีลอดดวย การดม่ื นมชนดิ หนง่ึ ท่ผี สมกบั นาํ้ ” (อลั -ละฏออฟิ หนา 346) หก อาบนํ้าแตงตวั ใหดูดีชวงระหวางมัฆริบและอิชาอใ นทกุ คํ่าคนื ของสิบคืนสุดทาย 285

ซึ่งในเร่ืองน้ีมีรายงานจากบางหะดีษที่เฎาะอีฟและมี รายงานจากการกระทําของชาวสะลัฟอยางมากมายเกี่ยวกับการ อาบน้ําใหสะอาดและการแตงตัวดวยเสื้อผาใหดูดี และในเร่ืองนี้ยงั หมายรวมอยูในคําสั่งใหมีการอาบน้าํ ใหสะอาดและการแตงตวั ใหด ู ดีโดยทั่วไปอยูแลว ซ่ึงคนท่ีอานชีวประวัติของทานนบี ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสลั ลมั และบรรดาเศาะหาบะฮฺ รวมถงึ บรรดาชาวสะลฟั นั้น จะรับรูอยางดีวาพวกเขาจะหมั่นอาบน้ําแตงตัวใหดูดีใน ชว งเวลาของการทําอบิ าดะฮฺและการฏออะฮฺตออัลลอฮฺ พึงรูเถิดโอผูที่ต่ืนตัวในการทําความดีเอย ภารกิจตางๆ ดัง ขางตนน้ีจะเปนแรงผลักดันในการไดร ับและประสบกับคํ่าคืนลัยละ ตลุ ก็อดรฺ ตามท่ีทานนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสลั ลัม ไดก ลาวถึงวา ΅ ‫َﻣ ْﻦ َﻗﺎ َم َﻟﻴْﻠَ َﺔ اﻟ َﻘ ْﺪ ِر ِإﻳ َﻤﺎﻧًﺎ َوا ْﺣتِ َﺴﺎﺑًﺎ ُﻏ ِﻔ َﺮ ﻟَ ُﻪ َﻣﺎ َ� َﻘ َّﺪ َم ِﻣ ْﻦ َذﻧْ ِﺒ ِﻪ‬ ความวา “ ผูใดที่ละหมาดในคืนลยั ละตุลก็อดรฺ ดวยความศรทั ธา มั่นและหวังตอการตอบแทน เขาจะไดรับการอภัยในความผิดท่ี ผา นมา” (บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อร)ี มันคือค่ําคืนท่ีมุสลิมจะแสวงหาอยางทุมสุดตัวเพื่อไดรับ ความประเสริฐและผลบุญของมนั ในเรื่องนีอ้ ลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดด ํารัสวา [3 :‫ ِّم ۡن َ� ۡل ِف َش ۡه ٖر ﴾ ]اﻟﻘﺪر‬ٞ�ۡ ‫﴿ َ ۡ� َل ُة ٱ ۡل َق ۡدرِ َخ‬ 286

ความวา “คืนอัลก็อดรฺนั้นดีย่ิงกวาหนึ่งพันเดือน” (สูเราะฮฺอัล- เกาะดรั อายะฮทฺ ่ี 3) กลาวคือ การงานท่ีทําข้ึนในค่ําคืนนั้นมีความประเสริฐยิ่ง กวาการทาํ การงานในหนึ่งพันเดอื น ซง่ึ ประมาณ 80 ปหรือมากกวา นน้ั สวนความเพอฝนและจินตนาการที่มีอยูนั้นจะไมชวยให ทานม่ันคงในการแสวงหาค่าํ คืนนั้นใดๆ เลย แตสิ่งท่ีจําเปนท่สี ุดคือ การพยายามอยางสุดความสามารถในการพิชิตมันมาใหได และ ใหอัลลอฮฺทรงเห็นความดงี ามที่มีอยูในตวั ของทาน จนกวาพระองค จะไดเห็นความพยายามของทานแลวพระองคก ็จะทรงตอบรบั ทา น และไดเห็นความมุงม่ันตั้งใจของทานแลวพระองคก็จะทรงใหค วาม กรุณาธิคุณตอสถานะของทาน และจะทรงสถาปนาการเปนคนรัก ของพระองคแ กทา น และพระองคจะทรงบันทกึ ช่อื ของทา นในกลมุ คนท่รี อดพน จากไฟนรก สวนการกําหนดเจาะจงค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺนั้นมีความ เปนไปไดตามที่ทัศนะที่ถูกตอง ดังท่ีทานอัน-นะวะวีไดระบุไว ซ่ึง ทานอิบนุหะญัร เราะหิมะฮุมัลลอฮฺ ไดเห็นดวย กระนั้นก็ตามใน เรื่องนี้สําหรับคนท่ีอัลลอฮฺไดเผยสัญญาณใหแกเขาเพียงเทาน้ัน ย่ิงกวานั้นตามทัศนะของนักวิชาการสวนใหญแลวผลบุญของความ ประเสรฐิ ของมันจะไดเฉพาะคนที่มโี อกาสประสบกบั มันเทานัน้ แต 287

ในเร่ืองนี้ทานอัฏ-เฏาะบะรี, ทานอิบนุอัล-อะเราะบี, และ นกั วชิ าการทานอ่ืนๆ มคี วามคิดเหน็ วา ผลบุญความประเสรฐิ ของมนั นั้นจะไดกับทุกคนที่ประสบกับมันแมวาจะไมมีสัญญาณใดๆ เผย ใหแกเขาก็ตาม ในแงมุมน้ีทําใหเ กิดประเด็นปลกี ยอยออกมาน้ันคือ จะมีสัญญาณของค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺหรือไม ? ซ่ึงนักวิชาการกลุม หนึ่งเห็นวามีสัญญาณบางประการทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ เชน จะเห็นทกุ สรรพ สิ่งกําลังสุูด และนักวิชาการบางทานก็กลาววา จะมีแสงสวางไป ทว่ั ทิศแมก ระทัง่ ในพ้ืนท่ีมดื สนิท และบางทา นกไ็ ดก ลาววา ในคาํ่ คนื น้ันจะไดยินเสียงสลามและการโตตอบของมลาอิกะฮฺ และบางทาน ก็กลาววาสัญญาณของมนั กค็ ือดุอาอของคนท่ีวอนขอจะถูกตอบรบั โดยทนั ที แตทานอัฏ-เฏาะบะรมี ีความคิดเห็นวา สญั ญาณทั้งหมดดงั ขางตนน้ันไมจําเปนตองมีขึ้นเสมอไป และการท่ีจะไดรับความ ประเสริฐของมันนั้นไมไดมีเง่ือนไขวาจะตองเห็นหรือไดยินอะไร บางอยา ง อยางไรก็ตาม ทานอิบนุหะญัร เราะหิมะฮุลลอฮฺ มี ความเห็นวาคาํ่ คืนลัยละตุลก็อดรฺมีสัญญาณของมัน ซ่ึงเง่ือนไขของ คนที่จะไดรับผลบุญของมันตามท่ีถูกสัญญาไวนั้นคือคนท่ีรับรู สัญญาณนั้นเทาน้ัน ซ่ึงไมใชคนท่ีเฝายืนละหมาดแลวตรงกับค่ําคืน นั้น แมวาเขาจะไดรับผลบุญของการยืนละหมาดอยางมหาศาล เนอื่ งจากการแสวงหามันก็ตาม 288

ประเด็นตอมาหากมีใครคนหนึ่งรูวาคํ่าคืนนั้นเปนคํ่าคืนลัย ละตลุ กอ็ ดรเฺ ขาสามารถบอกคนอ่ืนไดห รือไม ? ในเร่ืองนี้ทานตะกียุดดีน อัส-สุบกีไดวิเคราะหจากคํากลา ว ข‫ ْن‬อَ‫ أ‬ง‫ﻰ‬ท‫ َﺴ‬า‫َﻋ‬น‫ﺴَو ِﺔ‬นَ ‫ﺖ‬บ‫َﺨﻌَ ีﺎ ِْم‬ศ‫็ﻓِﻟ‬อ‫ َوُﺮا‬ล‫ َﻓ‬،،ล‫ٌن ِﺔ‬ลั‫ﺑَِﻼ َﻌ‬ล‫ﺴﺎ‬อَّ‫و ُﻓ‬ฮَ‫ال‬อุ‫ ٌنَو‬ะ،‫ِﺔ َﻼ‬ล‫ﻓَُﻌ‬ยั ‫ ِﺳ‬ฮ‫ิﺎﻰ‬ว‫ﻟ ََّﺘﺣ‬ะ‫اَﻼ‬ส‫ﻓَﺘﻲ‬ลัِ�َ ล‫ﻫﺎ‬،َ มั‫ُﺴْﺪﻮِر‬ท‫ีِ่ﻤ َﻘ‬ว‫ َﺘاﻟ‬าْ‫ﻴْﻠَﻓَﺎِﺔﻟ‬،َ‫ﻳَ َﺧ َﺮ ُ� ْﺟﻮ َُنﺖ َِﺧ ُﻷ ْ ًْ�ﺧا ِﺒ َﺮﻟَ ُ� ْﻢ ُ�ﺑِ ْﻢﻠ‬ ความวา “ฉันออกมาเพื่อแจงขาวแกพวกเจาเกี่ยวกับคํ่าคืนอัลก็ อดรแฺ ตแลวกม็ ีคนน้ันและคนน้ันกาํ ลังโตเ ถยี งและดา วา กนั ดังนั้น มันจึงถูกยกกลับไป (ทําใหทานลืมไป) และหวังวามันจะเปนการ ดีสําหรับพวกเจา (ที่ไมมีการเจาะจงค่ําคืนอัลก็อดรฺ) ดังนั้นพวก เจาจงแสวงหามันในคํ่าคืนที่ 29 หรือ 27 หรือ 25” (บันทึก โดยอลั -บคุ อร)ี จากการวิเคราะหเน้ือหาของหะดีษบทน้ี สงเสริมใหคนท่ี พบเห็นคํ่าคืนลัยละตุลก็อดรฺปกปดมันโดยไมตองแจงใหใครรู ซึ่ง หลักฐานในเร่ืองน้ีคือ อัลลอฮฺไดกําหนดไมใหนบีของพระองคแจง ขอมูลเกี่ยวกับมันแกใคร เพราะทุกส่ิงที่ถูกกาํ หนดน้ันลวนมคี วามดี งามอยู ดังน้ันจึงสงเสริมใหปฏิบัติตามทานในเร่ืองน้ี และในสิ่งที่ ทานไดกลาวถึงค่ําคืนใดน้ันก็ใหพิสูจนและพินิจพิจารณาใหดี ทานอัล-หาวีไดกลาวในชัรหฺ อัล-มินฮาจญเก่ียวกับเร่ืองน้ีวา หิก มะฮฺในเรื่องน้ีคือ มันเปนกะรอมะฮฺ (ปาฏหิ าริย) ท่สี มควรอยา งยิ่งที่ 289

จะตองปกปดมันโดยไมตอ งแจงใหใครรู ซ่ึงเปนท่ีเห็นพองกันในหมู ผูท่ีมุงสูอัลลอฮฺ เพราะในแงของจิตใจน้ันเปนการยากท่ีจะรอดพน จากการหลงตวั เอง และอีกแงม มุ หนึง่ มันยากท่ีจะรอดพนจากการริ ยาอ (โออวด) สวนในแงของจรรยามารยาทนน้ั จะไมทําใหไปวนุ อยู กับการเฝามองดมู ันและการบอกแกผูอ่นื จนลืมชุกูรตออลั ลอฮฺ และ ในอีกแงมมุ หนึ่งนัน้ มันยากทีจ่ ะรอดพนจากความอิจฉารษิ ยาและจะ ทําใหคนอ่ืนตกอยูในความผิดบาป ซึ่งคํากลาวของทานนบียะอฺกูบ ไดส นบั สนุนแงมุมนไี้ ดอยา งดี น่นั คอื ΅ [٥ :‫ ﴾ ]ﻳﻮﺳﻒ‬٥ ‫﴿ َ�ٰ ُب َ َّ� َ� َ� ۡق ُص ۡص ُر ۡءيَا َك َ َ ٰٓ� إِ ۡخ َوتِ َك‬ ความวา “โอลูกรักเอย เจาอยาเลาความฝนของเจาแกพ่ีนอง ของเจา” (สเู ราะฮยฺ ูสุฟ อายะฮฺที่ 5) ซ่ึงน่ีคือขอแนะนําที่ดีที่สุดในเร่ืองนี้ ขออัลลอฮฺทรงอํานวย ในการทําความดี 2. ไมเพิกเฉยตอการเชิญชวนทําความดีและหักหามจาก การทําความช่ัวเทาท่ีสามารถ เพราะมันเปนหัวใจหลักของคําสอน ในการมีชีวิตอยูของทาน ย่ิงกวาน้ันมันเปนผลของการทําอิบาดะฮฺ ตางๆ และเปนการใหความสําคัญตอคําส่ังใชและคําส่ังหาม สวน การละท้ิงภารกิจนี้น้ันจะทําใหการทําความดีและอิบาดะฮฺตางๆ ท่ี 290

ไดทําไวไมมีอรรถรสของความหอมหวาน ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ล‫ ُ ْوب‬ยั‫ﺎ َأ‬ฮ،‫ َﺠ‬วิ ‫ َﺘِﺮ‬ะ‫ َْﻜﺴ‬สُ�ْ‫ัﻨ‬ล‫ﻼ ُﻤ‬ลْ‫ัاَل‬ม‫ُﻪِﻦ َﻓ‬ไ‫ﻋ‬ด‫ﻮ ََﻧ‬ก ‫ ُنﻋ‬ลَّ ‫ﻮْﺪ‬าُ َ‫ﻬﺘ‬วَ �َْ‫ﻨ‬ว‫ َﺘ‬า‫َﻌ َﻟََﺘﺚﺄْ ُمَﻋ ُﺮﻠَﻴَّْن ِﺑ ُ�ﺎلْْﻢ َﻤ ْﻌِﻋ ُﺮَﻘﺎو ًﺑ ِﺎف ِﻣ َﻨْو َُﻪﻟ‬،ْ‫َأِ� َﻴْن ِﺪ َِه�ﺒ‬ ‫َ� ْﻔ ِﺴﻲ‬ ‫ي‬ َّ ‫َوا‬ ‫ﻟ ِﺬ‬ �ُ َّ ‫َﻟ ُﻴﻮ ِﺷ َ� َّﻦ ا‬ ‫ﻟَ ُ� ْﻢ‬ ความวา “ขอสาบานดวยกับผูท่ีชีวิตขาอยูในพระหัตถของ พระองค พวกทานตองรวมกันสั่งเสียในความดี หักหามจาก ความชวั่ หรือ (ถา พวกทา นไมทําเชน นนั้ ) เหน็ ทอี ัลลอฮจฺ ะสง การ ลงโทษของพระองคลงมายังพวกทาน เมื่อน้ันแมพวกทานจะ วิงวอนขอจากพระองค พระองคก็จะไมทรงตอบรับ” (บันทึก โดยอัต-ติรมิซี) แลวมันจะมปี ระโยชนอ ะไรในการท่ีทานไดย ืนอยูเบื้องหนา พระผูอภิบาล โดยท่ีผูคนท้ังหลายยังคงละเมิดขอหามของพระองค และหาญกลาในการฝาฝนพระองคอยางโจงแจง โดยท่ีทานไมรูสึก โกรธเคืองตอ ตวั พวกเขาเลย แตหากทานไมสามารถท่ีจะเรียกรองเชญิ ชวนไปสูพระองค หรือช้ีนําผูคนไปสูพระองค รวมถึงไมสามารถที่จะส่ังใชพวกเขาให ทาํ ความดแี ละหามปรามพวกเขาจากการทําความชั่วได กใ็ หท านใช มันกลาวอางตอ อลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ วา ทานไดพยายามตกั เตือน แลว และทา นไมไ ดล ะทิ้งการตกั เตอื นผูคนแตอยางใด 291

‫ ِّم ۡن ُه ۡم لِ َم َت ِع ُظو َن َق ۡو ًما ٱ َّ ُ� ُم ۡهلِ ُك ُه ۡم أَ ۡو ُم َع ِّذ ُ� ُه ۡم َع َذا ٗبا‬ٞ‫﴿ � ۡذ َقا َل ۡت أُ َّمة‬ [١٦٤ :‫ ﴾ ]اﻷﻋﺮاف‬١٦٤ ‫َش ِدي ٗد�ۖ َقالُواْ َم ۡع ِذ َرةً إِ َ ٰ� َر ّ�ِ ُ� ۡم َو َل َع َّل ُه ۡم َ� َّت ُقو َن‬ ความวา “และจงรําลึกขณะที่กลุมหนึ่ง ในพวกเขากลาววา เพราะเหตุใดเลาพวกทานจึงตักเตือนกลุมชน ท่ีอัลลอฮฺจะทรง เปนผทู ําลายพวกเขาหรอื เปนผลู งโทษพวกเขาอยางรุนแรง พวก เขากลาววา (การที่เราตักเตือนนั้น) เพ่ือเปนขออางตอพระ เจาของพวกเจา และเพ่ือวาพวกเขาจะไดยําเกรง” (สูเราะฮฺอัล- อะอรฺ อฟ อายะฮฺท่ี 164) 3. ถาหากทา นเปน อิมาม หรือเคาะฏีบ หรือนกั ดาอี กใ็ หต วั ทานพยายามมบี ทบาทในการเชิญชวนผูคนไปสูพระผูทรงสรา งและ พระผูทรงอภิสิทธิ์ของพวกเขา เพราะการเชิญชวนสูอัลลอฮฺคือ ภารกิจสําคัญของบรรดานบีและเราะสูล สวนการไมทําหนาท่ีเชิญ ชวนไปสูอัลลอฮฺน้ันจะปดกั้นตัวทานจากการไดอยูรวมกับคนท่ีได เขา สวรรค อยา งไรกต็ าม ทานอยาลืมเขมงวดทจ่ี ะพจิ ารณาตัวเองวา ได ทําความดีน้ันหรือไม ท้ังนี้เพ่ือปกปองตัวทานจากการเขามาของ ความใคร 4. หากชว งเวลาสว นใหญข องเดือนผา นพนไปแลว ก็อยาทอ ใจท่ีจะมุงมั่นในชวงเวลาท่ีเหลืออยู และอยาปลอยใหชัยฏอน 292

กระซิบกระซาบหัวใจของทานใหรูสึกส้ินหวังแลวทานก็หยุดไมทํา อะไรเลย แตจงอยาปลีกตัวออกจากคนท่ีมุงม่ันขยันหม่ันเพียร เพราะอัลลอฮฺอาจจะใหทานเปนสวนหนึ่งของพวกเขาก็เปนได ดังน้นั จงทํามันตอ ไปเถิด 5. หากทา นไมรสู ึกกงั วลและหวาดหวั่นตอ คณุ งามความดีที่ ไดทําไปวาจะถูกตอบรับหรือไม ยอมเปนสัญญาณท่ีไมดี เพราะ คุณลกั ษณะของผศู รทั ธานั้นพวกเขา ‫ ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن‬٦٠ ‫﴿ يُ ۡؤتُو َن َمآ َءاتَواْ َّو ُقلُو ُ� ُه ۡم َو ِجلَ ٌة َ� َّ� ُه ۡم إِ َ ٰ� َر ّ�ِ ِه ۡم َ�ٰ ِج ُعو َن‬ [٦٠ : ความวา “พวกเขาไดบริจาคสิ่งที่ไดมา โดยท่ีจิตใจของเขาเปยม ไดดวยความหว่ันเกรงวา แทจริงพวกเขาตองกลับไปหาพระ เจาของพวกเขา” (สูเราะฮฺอัล-มุอมินนู อายะฮฺที่ 60) ทานมาลิก บินดีนารไดกลาววา “ความหวาดหวั่นตอการ งานที่อาจจะไมถ ูกตอบรับมคี วามสาํ คญั ยง่ิ กวา การทําการงาน” ทานอะฏออ อัส-สุลัยมีไดกลาววา “อัล-หัซร (การเฝา ระวัง) คือ การระวังตอการงานที่ไดทําท่ีอาจไมไดเปนไปเพ่ือ อัลลอฮฺ” ทานอับดุลอะซีซ บินอบีเราวาดไดกลาววา “ฉันไดพบกับ กลุมชนหน่ึงซึ่งพวกเขามีความขะมักเขมนอยางมากในการทํา 293

การงานท่ีดี ซ่ึงเมื่อพวกเขาไดทาํ การนั้นพวกเขาก็จะมีความรสู กึ กังวลวา มนั จะถกู ตอบรบั หรือไม ” ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “สะลัฟบางทานจะเผยถึง ความรูสึกท่ีโศกเศราในวันอีดฟฏรฺ” จึงมีคนกลาวแกเขาวา “วันน้ีเปนวันร่ืนเริงและปติยินดีไมใชหรือ ?” เขาจึงตอบวา “พวกทานพูดถูก แตฉันเปนบาวท่ีพระผูอภิบาลของฉันไดสั่งใช ใหทําการงาน ซึ่งฉันไมรูเลยวาการงานที่ไดทําไปจะถูกตอบรับ หรือไม ?” และมีรายงานวาทานอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไดปาว ประกาศในคํ่าคืนสุดทา ยของเดอื นเราะมะฎอนวา “โออ นิจจา หาก ฉันไดรูวาการงานน้ันถูกตอบรับฉันจะไดยินดีไปกับมัน และการ งานนั้นไมถ กู ตอบรับฉนั จะไดเสียใจไปกับมัน” 6. อยาทอแทตอภาระหนาที่ที่มีอยู แมเวลาท่ีจะทําอะมัล ศึกษาหาความรู และดูแลครอบครัว ฯลฯ จะมีอยูอยางจํากดั ก็ตาม เชนเดียวกับผูหญิงที่มีภาระหนาที่อันหนักอ้ึงในการอบรมดแู ลลกู ๆ และจัดการเรื่องท่ีมีอยใู นครัวเรอื น ซ่ึงแมวาสง่ิ เหลา นจ้ี ะเปนภาระท่ี แสนสาหัสมากๆ แตมันก็ไมอาจที่จะยับย้ังจากการรับใชผูที่คูควร แกการเคารพภักดแี ละการทมุ เททาํ ความดีในเดอื นน้ี สําหรับสาเหตุที่ทําใหพวกเขาลมเหลวก็เปนเพราะการ เช่ือมั่นและพ่ึงพาในความสามารถและความเกงกาจของพวกเขา 294

เพียงอยางเดียว ซ่ึงเปนการเชื่อม่ันตอความออนแอและความ บกพรอ งของพวกเขาเอง แตการขอความชว ยเหลือตอ อลั ลอฮฺดว ยความจรงิ ใจนั้นมนั จะเปนส่ิงที่คํ้าประกันในส่ิงที่เปนไปตามกาลเวลา รวมถึงความมุ มานะและพลังความสามารถที่มีอยู จนทําใหในแตละวันน้ันเขาจะ พบกับแสงเจิดจรัสอันยาวนาน (ความชวยเหลือและการอํานวย ความสะดวกในการทําภารกิจตางๆ) โดยไมรูสึกตัว และขณะท่ี กําลังวังชาไดออนเปลี้ยเพลียแรงไปเร่ือยๆ แตการแบกรับภารภิจ อันหนึกอ้ึงของการฏออะฮฺน้ันกลับพบกับความงายดาย หรือทาน แปลกใจการท่ีเศาะหาบะฮฺไดออกรวมทําสงครามโดยมีเสบียงเปน อินทผลัมไมกี่เม็ดท่ีพวกเขาใชด ูดกัน แตแลวมันก็ทําใหรา งกายของ พวกเขามพี ลงั ตอ หนาบรรดาศัตรูได ดว ยอัลลอฮฺสาํ หรบั การเชือ่ มั่น และยงั พระองคสําหรับการมุง กลับไป และดวยพระองคส าํ หรบั การขอความชวยเหลอื ซึ่งหากทําเชน นั้นไดทกุ ส่ิงกจ็ ะเอื้อแกท าน ΅΅ 7. อยาปลอยใหเวลาผานพนไปโดยไมทําคุณงามความดี ใดๆ และจงเตรียมอะมัลทางเลือกท่ีมีความหลากหลาย เพราะเม่ือ 295

ทานมีความรูส กึ ทีเ่ บ่ือหนายจากการทาํ อะมัลหนง่ึ ทานก็จะมอี ะมัล อนื่ เพ่อื ใหท ําตอ ซ่ึงเราขอแนะนํากิจวัตรในเดือนเราะมะฎอนแกทาน ดงั ตอไปน้ี  อานอัลกรุ อานวันละ 5 ยุซเปนอยางนอ ย  ไปมสั ญดิ กอ นเขา เวลาอะซานตั้งแตเนิ่นๆ  พยายามละหมาดสุนตั เราะวาตบิ และที่ไมใ ชเราะวาติบ  พยายามใหมีสมาธิในการละหมาดและหม่ันทบทวนตัวเอง กอ นและหลังละหมาด  ใหละหมาดตะรอวีหฺและตะฮัจุดในทุกค่ําคืน 3 ช่ัวโมง เปน อยา งนอ ย และถาละหมาดตะรอวีหเฺ ปน ญะมาอะฮแฺ ลว ก็ใหใ ชเวลาสวนหนงึ่ ละหมาดกิยามุลลัยลฺทบี่ า นดวย  หม่ันซิกรุลลอฮฺดวยล้ินและหัวใจ โดยเฉพาะการอานอัซ การยามเชาและเยน็  หมน่ั ขอดุอาอและวิงวอนขอตอ พระองค  ไมปลอยใหชวงเวลาของเดือนเราะมะฎอนหมดไปโดยที่ ไมไดท าํ สง่ิ ทเี่ ปน สุนตั ยกเวน ชวงเวลาท่ีไมอ นุญาตใหทํา  ใหละหมาดฎฮาทีม่ ัสญิดหลังละหมาดศบุ ุหฺ  บริจาคทานทุกๆ วัน 296

โอผูท่ีใฝในความดีเอย นี่คือขอแนะนําอันนอยนิดสําหรับ คนที่ขยันมุงมั่นทําความดีในเดือนเราะมะฎอน และถือเปนอะมัล จํานวนหนึ่งท่ีชาวสะลัฟเคยปฏิบัติไว เมื่อเทียบกับคนท่ีไมคอยเอา ไหนในการทาํ อะมลั หรอื คนท่ีขเี้ กียจ ดงั น้นั จงมคี วามตงั้ ใจและขยนั ทําอะมัลตางๆ ท่ีจะทําใหทานรอดพนจากไฟนรกเถิด และใครที่ มงุ มน่ั ตงั้ ใจมากเพยี งใด ความมุงมัน่ ต้งั ใจกจ็ ะเพมิ่ ขึ้นอกี มากเทา นนั้ 8. การเตรียมตัวเพ่ือเขาสูเดือนเราะมะฎอนและการมี ความรูสึกท่ีถวิลถึงและอยากอยูในชวงเวลาของมันนั้น จําตอง กระตุนกอนที่เราะมะฎอนจะมาถึงเปนเวลาหลายเดือน ซึ่งทาน จะตองปลุกความรูสึกในนัยตามที่เราไดนําเสนอในหนังสือเลมน้ี พรอมกับตระเตรียมตัวเองเพ่ือการฝกฝนใหมีความมุงม่ันตั้งใจ ตามท่ีเราไดนําเสนอไปแลว รวมถึงการที่ทานจะตองมีความหวังที่ จะไดรับการอภัยโทษและการปกปอ งใหรอดพนจากไฟนรกดว ย ส่ิง เหลาน้ีเองท่ีจะทําใหทานเปนคนท่ีมีความพรอมในการเขาสูเดือนน้ี อยา งจริงจงั ทานอิบนุเราะญบั ไดกลาววา “ชาวสะลัฟบางทานจะวอน ขอตออัลลอฮฺตลอดท้ังหกเดือนเพ่ือใหพวกเขาไดมีโอกาสอยู ในชวงเดือนเราะมะฎอน หลงั จากน้ันพวกเขาจะวอนขอตออลั ลอ ฮฺตลอดหกเดือนท่ีเหลือเพื่อใหพ ระองคต อบรับส่งิ ทีพ่ วกเขาไดทํา ไว” 297

ซง่ึ สง่ิ ท่สี ะทอ นใหเ ห็นจากคาํ กลา วของชาวสะลัฟขา งตนนี้ก็ คือ พวกเขาจะวอนขอตลอดท้ังเดือนเราะมะฎอนใหอัลลอฮฺทรง ตอบรับการงานที่พวกเขาไดทํา หรือวอนขอใหพวกเขามีโอกาสอยู ในเดือนเราะมะฎอนที่จะมาถึงในปถัดไป และนี่คือสุดยอดแหง ความหวงั ของคนๆ หนึง่ ทม่ี ีตอพระผูอภบิ าลของเขาดวยการวิงวอน ขอใหพระองคท รงตอบรับการทําความดีของเขาและขอใหพ ระองค ทรงอํานวยใหเขามีโอกาสไดท าํ มนั อกี โอผูท่ีมุงสูโลกอาคิเราะฮฺ เรายังคงเนนย้ําวัตถุประสงค เริ่มแรกของหนงั สือเลม นี้ (นั่นคอื วัตถปุ ระสงคข องการมงุ สโู ลกอาคิ เราะฮ)ฺ และเราพยายามนําเสนอเนือ้ หาดว ยสาํ นวนทีเ่ ขาใจงา ยทสี่ ดุ แลว ซ่ึงหากทานไดซึมซับในส่ิงท่ีเราไดนําเสนอไปก็จงปลุกเราแรง ปณิธานของทานแลว กระโจนเขา สูสนามใหฝ ุนตลบฟงุ และบกุ เขา ไป ทามกลางอุปสรรคทั้งหลายนั้นเถิด (กลาวคือ ใหลงมือทําอยาง จริงจัง โดยพรอมท่ีจะเผชิญกับบททดสอบตางๆ) หากไมแลวก็จง พนิ ิจใครครวญคําดํารสั ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทวี่ า ‫َلَنكۚ َف�َوأُ َِخمْواَرَٰلٓةُ�َِأ�َ َ َكن ۡ�َ ََ�� ُ�ََطنآَد ُءََرس َۡعَر ُي�ّ�ِٰ ُه َٖتكم‬ٞ ‫ َ[َٰو�َ�ُه ََ� َطو ۡعآ ُءِٖم ۡ�ؤَضر ِّ�مِ َو‬٢َ‫ۡان‬١‫ َيۡمِم َه‬،‫ُۡهع‬١‫ضس ِء‬٩ٓ�ََ َ :‫خ َُّ َدر َةف﴾ َٰٓه َ]َفُوؤا َََّسض�ٓﻹَ ۡلِء ٰﺳ�َناَوﺮلَآََٰه�َهء ُاۡعؤ‬٢ِ‫ِۡيم‬١‫نا َُِدُضظ ّٗيۡرٱ ٗ��نَُّ�ك‬١‫ٱفر‬٩َۡ ‫ََ�أ‬٢�٠‫َََّومأَ﴿ۡ� ۡ ُش َظو ۡ ُ�وَكم ًَروۡاُ�نٗر‬ 298

ความวา “และผูใดปรารถนาโลกอาคิเราะฮฺ และขวนขวายเพ่ือ มันอยางจริงจัง โดยท่ีเขาเปนผูศรัทธา ชนเหลานั้น การ ขวนขวายของพวกเขาจะไดรับการชมเชย ท้ังหมดเราชวยเขา เหลานี้และเขาเหลา โนนจากการประทานใหของพระเจาของเจา และการประทานใหของพระเจาของเจาน้ันมิถูกหาม (แกผูใด) จงดูเถิด เราไดทําใหบางคนในหมูพวกเขาดีเดนกวาอีกบางคน อยางไร และแนนอนโลกอาคิเราะฮฺนั้นมีฐานะย่ิงใหญกวาหลาย ชั้น และย่ิงใหญกวาในทางดีเดน” (สูเราะฮฺอัล-อิสรออ อายะฮฺที่ 19-21) และคําวิงวอนสุดทายของเราคือ การสรรเสริญทั้งหลาย เปน สทิ ธิของอัลลอฮฺ พระผูอภบิ าลแหงสากลโลก ΅ 299


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook