อภิบาล ผูสรางสรรค ผูบริหารจัดการอยู และจะไมมีพระเจาอ่ืนใด ที่เปนพระผูอภิบาลและเปนผูบริหารจัดการและคูควรแกการทําอิ บาดะฮฺนอกจากพระองคเ ทานั้น และดวยกับขอยืนยันน้ีเองอลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ จึงสั่งใหชาวมุชริกีนพินิจใครครวญในขอเท็จจริงน้ี อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารัสวา ْ﴿ ۞ ُق ۡل إِ َّ� َمآ أَ ِع ُظ ُ�م بِ َ�ٰ ِح َد ٍة�أَن َ� ُقو ُمواْ ِ َّ�ِ َم ۡث َ ٰ� َو ُف َ�ٰ َد ٰى ُ� َّم َ� َت َف َّك ُر ۚوا َع َذا ٖب َّل ُ�م َّ ٤٦ َش ِدي ٖد يَ َد ۡي �َ ۡ َب رٞ نَ ِذي �ِإ ُه َو إِ ۡن �ِج َّن ٍة ِّمن بِ َصا ِحبِ ُ�م َما [٤٦ :﴾ ]ﺳﺒﺎ ความวา “จงกลาวเถิด (มุฮัมมัด) ฉันขอเตือนพวกทานเพียงขอ เดียววา พวกทานจงยืนขึ้นเพื่ออัลลอฮฺ (คร้ังละ) สองคนและคน เดียว แลวจงไตรตรองดู (ก็จะประจักษวา) สหายของพวกทาน น้ันมิไดเปนบา แตเขาเปนเพียงผูตักเตือนพวกทานถึงการ เผชิญหนากบั การลงโทษอยางสาหัสเทาน้ัน” (สูเราะฮฺสะบะอ อา ยะฮฺที่ 46) ﴿ ُق ۡل َمن َي ۡر ُز ُق ُ�م ِّم َن ٱل َّس َمآ ِء َوٱ ۡ َ�� ِض أَ َّمن َ� ۡملِ ُك ٱل َّس ۡم َع َوٱ ۡ َ� ۡب َ�ٰ َر ۚرِفَ ُ َج�ٰلِٱلۡ َم ُ�ّيِ ُم َتٱ َّ ِم ُ� َن َرٱُّ� ۡل َ ُ�ِّ� ُم َوٱ َم ۡ َ�ن ُّقيُۖ ََ�د ّبَِم ُار َذٱا ۡ َ�َ� ۡۡعم ََرد٣ۡخ١ َفَو ََمس َين ُق ُولۡ�ُورِ َنُجٱٱ َّۡل ُ�َۚ ََّ�� ُق ِۡمل َنأَفَٱلَۡ َم� ّيِ َ� َّتِتُقوَو َُ�ن �ٰ َّ �َ َۖف َّ ٱ ۡ َ� ِّق [٣٢ ،٣١ : ]ﻳﻮ�ﺲ ﴾ ٣٢ تُ ۡ َ�فُو َن ٱل َّض َ�ٰ ُل �ِإ 250
ความวา “จงกลาวเถดิ (มุฮัมมัด) ใครเปนผูประทานปจจัยยงั ชีพ ท่ีมาจากฟากฟาและแผนดินแกพวกทาน หรือใครเปนเจาของ การไดยินและการมองและใครเปนผูใหมีชีวิตหลังจากการตาย และเปนผูใหตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเปนผูบริหารกิจการ แลว พวกเขาจะกลาวกนั วา อัลลอฮฺ ดังนนั้ จงกลาวเถิด (มฮุ ัมมดั ) พวกทานไมยําเกรงหรือ น่ันแหละอัลลอฮฺ พระเจาที่แทจริงของ พวกทาน ฉะน้ันหลังจากความจริงแลวจะมีอะไรอีกเลานอกจาก ความหลงผดิ เทานั้น แลว ทําไมเลาพวกทา นจึงถูกใหห นั เหออกไป อีก” (สเู ราะฮฺยนู สุ อายะฮฺท่ี 31-32) และพึงรูเถิดวา นี่คือหน่ึงในอิบาดะฮฺท่ีสําคัญที่สุดท่ีจะทํา ใหมนุษยไดเขาใกลพ ระผูอภิบาลของเขา และจะทําใหเขาประจักษ ในความเกรียงไกรและความย่ิงใหญของพระองค ยิ่งกวานนั้ มันเปน ความรูที่อัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดถือวามีขอเกี่ยวพันกับการยํา เกรงตอ อลั ลอฮฺ พระองคไ ดด าํ รสั วา َۚ� َۡل� ََو�ٰ ُِِ�مم َهَۡننا٢َّ ٧دًفٱاٞ ِرلآِ ٌءِ ُّ ۡ�فَم َتآ َ�لِٗء ۡلٌ ََف�ٰأَفُن ُهَۡخ�ۥَۡلر َ�ٰۡجَُك�َن َاَه�ٰالِبِهََِوكۦَۗغ ِإَ�َرَّ�اَم َِ�َم�ٰاي ٖ َُتبۡ� ُّ َُۡ�س َتو�لٞ َ َ�ٰضن ِمٱ َلو ُ َُّ ۡس�ۡ� َتَمٞ ٱَو﴿ َِّ�م َا� َلَنِ ۡمٱستَ َۡرَِ�وٱأََبا ََّّن�ِلَٱوآ َّ ُ ّجَِ�بَدأَنَُدوَۢزٱ َِۡ�ل َي� ۡن ِم [٢٨ ،٢٧ : ﴾ ]ﻓﺎﻃﺮ٢٨ ِع َبا ِدهِ ٱ ۡل ُعلَ َٰٓم ُۗؤاْ إِ َّن ٱ َّ َ� َعزِ� ٌز َ� ُفو ٌر 251
ความวา “เจามิไดพ ิจารณาดอกหรือวา แทจริงอัลลอฮนฺ ้ันทรงให น้ําหล่ังลงมาจากฟากฟา แลวเราไดใหพืชผลงอกเงยออกมาดว ย มัน (จากน้ํา) สีสันของมันแตกตางกันไป และในหมูภูเขา ทั้งหลายมีชนิดตาง ๆ ขาวและแดง หลากหลายสี และสีดําสนทิ และในหมูมนุษย และสัตว และปศุสัตว ก็มีหลากหลายสี เชนเดียวกัน แทจริง บรรดาผูท่ีมีความรูจากปวงบาวของ พระองคเทานั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ แทจริงอัลลอฮฺ นั้นเปนผูทรง อาํ นาจ ผทู รงอภยั เสมอ” (สูเราะฮฺฟาฏิร อายะฮทฺ ี่ 27-28) และหนึ่งในอบิ าดะฮฺทผี่ คู นมกั จะลมื นนั้ คอื การทําอบิ าดะฮฺ ตะบตั ตัล กลาวคอื การตั้งจิตม่ันตอ อัลลอฮฺอยา งเครง ครดั อลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดดาํ รัสวา [٨ : ﴾ ]اﻟﻤﺰمﻞ٨ �ٗ ﴿ َوٱ ۡذ ُك ِر ٱ ۡس َم َر ّ�ِ َك َوتَبَ َّت ۡل إِ َ ۡ�هِ تَ ۡبتِي ความวา “และจงรําลึกถงึ พระนามแหงพระเจา ของเจา และจงตง้ั จติ ม่นั ตอพระองคอยา งเครงครดั ” (สูเราะฮอฺ ลั -มุซซัมมิล อายะฮฺท่ี 8) การทําอิบาดะฮฺดังขางตนนี้มีความสําคัญอยางย่ิงสําหรับ ผูค นในทกุ ยุคทุกสมยั กลาวคือการที่รางกายของเขาอยูรวมกบั ผคู น แตจิตวิญญาณของเขาไดทองไปรอบๆ บังลังกของอัลลอฮฺ เขาจะ พูดคุยกับผูคนดวยตัวตนและล้ินของเขาแตในกนบึ้งของหัวใจจะ 252
ตระหนักถึงความยิ่งใหญของอัลลอฮฺและความเกรียงไกรของ พระองค เขาจะมีความสุขเมื่อผูคนมีความสุขแตห วั ใจของเขาเปยม ลนไปดวยความรูสึกท่ีโศกเศรา หวาดหวั่น และยําเกรงตอพระผู อภิบาล เขาจะโศกเศราเสียใจเม่ือผูคนไดโศกเศราเสียใจแตหัวใจ ของเขาเปยมลนไปดวยความรูสึกที่ผูกพัน มีความพึงพอใจ และมี ความยนิ ดีตอสิ่งท่ีอลั ลอฮทฺ รงกาํ หนดมา และหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ีถูกลืมสําหรับในเดือนนี้ก็คือ การ บริจาคทานและการใชจายในหนทางของอัลลอฮฺเปนประจํา ซึ่ง มันคือหน่งึ ในอิบาดะฮฺเฉพาะสาํ หรับผูท่ีมงุ สูอัลลอฮฺ ซึ่งบทเรยี นท่ีมี อยูในมันสงผลอยางมหาศาลตอจิตใจ ในการบันทึกโดยอัล-บุคอรี แِﻓﻰลنะُ ม�ﻮสُุ ลَﻳมิ ﻣﺎจَ า ُدกﺟ َﻮทْ า َأน َنอ�َิบ َوน،سอุ ับِ ﺎบﻟ َّﻨาاส َﻮ َدเﺟรْ า َأะ َﻢฎَّﺳﻠเิ َ ร َوาะﻴْ ِﻪยَัﻠล َﻋล�อُ َّ ฮุاอ�ันَّ ﺻฮَ ุมﻲาﺒเﻨลاﻟาنวَ าﻛَﺎ �ُ َّ � َﺻ َّ� ا.ِ ِّﺮ َﻓ�ﻠَِﺢَﺮاُﺳلْ ُﻮﻤ ُ ْﺮل َﺳاﻠَ َِّﺔ،ُﻞ َ�أَﻴُ ْﺟَﺪ َﻮا ُدِرﺑُِﺳﺎ ُﻪﻟ ْﺨَا ْ ْﻟِ� ُﻘ ِْﻣﺮآَﻦ َنال،�َرَﻋ َﻠَمﻴْ َِﻪﻀﺎ َو َ َنﺳ ّﻠَ َِﻢﺣ َِ�ﺣ َﻳ َ�ﻠْ َﻘﻳَﺎﻠْ ُهَﻘﺎ ُهِﺟ ْﺒ ِ ِﺟﺮ ْﺒ� ِﺮُﻞ ความวา “ทา นนบี ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสัลลัม เปนคนทเี่ อ้ือเฟอ มากที่สดุ และทานจะเอ้ือเฟอมากยงิ่ ไปอกี ในชวงที่มลาอกิ ะฮฺญบิ รีลมาพบทานในเดือนเราะมะฎอน แลวญิบรีลก็จะศึกษา ทบทวนอัลกุรอานกับทาน ซึ่งชวงที่ทานญิบรีลมาพบทานเราะสู ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทานจะเปนคนท่ีเอื้อเฟอ 253
ความดี (ใจบุญอยางกวางขวาง) มากมายย่ิงกวาลมที่หอบพัด เสยี อีก” (บันทึกโดยอัล-บคุ อรแี ละมุสลิม) ทานอัช-ชาฟอี เราะหิมะฮุลลอฮฺ ไดกลาววา “สงเสริมให คนๆ หน่ึงมีความใจบุญมากเปนพิเศษในชวงเดือนเราะมะฎอน ท้ังนี้เพื่อปฏิบัติตามทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม และเน่ืองจากผูคนมีความตองการในประโยชนของมัน อีกทั้งผูคนสวนใหญตางวุนอยูกับการถือศีลอดและละหมาด มากกวาการหารายไดเ ล้ยี งชีพ” อยางไรก็ตาม ไมไดหมายความวาใหบริจาคดวยจํานวนที่ มาก แตใหบริจาคเปนประจําอยางตอเนื่องแมจะคร้ังละเล็กนอยก็ ตาม เพราะบางทีคนท่ีบรจิ าคหนึ่งบาทในขณะทเี่ ขามีเพยี งสองบาท เปนการกระทําท่ีอัลลอฮฺทรงรักย่ิงกวาคนที่บริจาคหน่ึงรอ ยบาทใน ขณะทีเ่ ขามีอยูเปนพันๆ บาท ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลยั ฮิวะสลั ลัม ไดก ลาววา َرَﻋ ُْﺟﺮ ٌِﻞﺿ ِﻟَﻪ ُﻪ ِﻣ ِدﺎﺋَْر َﺔَﻫأََﻤﻟْﺎ ٍ ِنﻒأَ َ�َﺧ َﺘ َﺬَﺼأَ َّﺪَﺣ َقَﺪﺑُِﻫ َﻬ َﻤﺎﺎ :َوَﺳ َرﺒَ َُﺟﻖ ٌﻞِدﻟَْر ُﻪ َﻫ ٌَﻣﻢﺎ ٌِﻣلﺎﺋَ َﻛَﺔ ِﺜأَﻟٌْ� ِ َﻓﺄَﻒ َِﺧد َْرﺬ َﻫ ٍِﻣﻢ ْﻦ ،َ� َﺘ َﺼ َّﺪ َق ﺑِ ِﻪ ความวา “การบริจาคเพียงหนึ่งดิรฮัมมีคุณคาเหนือกวาการ บริจาคหนึ่งแสนดิรฮัม” กลาวคือ “คนๆ หน่ึงท่ีท้ังตัวเขามีเพียง สองดิรฮัม แตเขาก็เอาหนึ่งดิรฮัมไปบริจาค สวนอีกคนตัวเขามี 254
ทรัพยสินท่ีมากมาย แตเขาเอาทรัพยสินสวนหน่ึงท่ีมีมูลคาเพียง หนึ่งแสนดิรฮมั ไปบรจิ าค” (บันทกึ โดยอนั -นะสาอ)ี ทานอบูบักรฺ เคยบริจาคทรัพยสินท้ังหมดที่มีอยู และเหลือ ใหค รอบครัวเพียงอลั ลอฮแฺ ละเราะสูลของพระองคเทา นน้ั สว นทาน อุมัรเคยบริจาคทรัพยสินคร่ึงหน่ึงของทาน และทานอับดุรเราะหฺ มาน บินเอาฟฺ เคยบริจาคกองคาราวานสินคาที่จะมายังเมืองมะดี นะฮฺทั้งหมด รวมถงึ ทกุ สิง่ ทกุ อยา งที่ติดอยกู ับตวั สตั วพ าหนะนน้ั สวนมารยาทของคนท่ีจะบริจาคน้ันเขาจะตอ งตระหนกั ดถี งึ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺท่ีพระองคทรงประทานริซกีที่เปน ทรัพยสินใหแกเขา และพระองคยังทรงอํานวยใหเขาสามารถ บริจาคมัน ย่ิงกวาน้ันพระองคยังจัดสรรใหมีคนมารับการบริจาค ของเขา แลวพระองคก็ทรงตอบรับการบรจิ าคของเขา ท้ังๆ เปนส่งิ ทพี่ ระองคทรงประทานใหเขา และใหเขาบริจาคในส่ิงที่ดีท่ีสุด อัลลอฮฺ ตะอาลา ไดดํารัส วา [٩٢ : ﴾ ]ال ﻋﻤﺮان٩٢ ﴿ لَن َ� َنالُواْ ٱلۡ ِ َّ� َح َّ ٰ� تُنفِ ُقواْ ِم َّما ُ�ِ ُّبو َ ۚن ความวา “พวกเจาจะไมไดคุณธรรมเลย จนกวาพวกเจาจะ บรจิ าคจากสงิ่ ท่พี วกเจา ชอบ” (สเู ราะฮอฺ าล อิมรอน อายะฮฺที่ 92) 255
และใหเขาบริจาคแกคนท่ีขัดสนหรือมีความตองการตอ มัน ดวยความออนโยน จนกระทั่งคนท่ีรับจะไมรูสึกถึงเปนหน้ีบุญคุณ ซ่ึงเขาควรที่จะบริจาคใหลับๆ หรือฝากใหคนใกลชิดของคนรับ จดั การให เปนตน ชาวสะลัฟบางทานเมื่อจะบริจาคส่ิงใด เขาจะวางสิ่งน้ันบน ฝามือเพ่ือใหคนขัดสนหยิบดวยตัวของเขาเอง มีคนถามวาทําไมถึง เชน นัน้ เขาตอบวา เพอื่ ใหม อื ของคนขัดสนนั้นเปนมอื บน ซง่ึ เปนสง่ิ ท่บี งชี้ถึงคํากลาวของทานนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะสลั ลมั ที่วา �َ َواﻟْ َﻴ ُﺪ اﻟْ ُﻌﻠْﻴَﺎ َﺧ ْ ٌ� ِﻣ َﻦ اﻟْﻴَ ِﺪ ال ُّﺴ ْﻔ ความวา “มือบนยอมดีกวามือลาง” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มสุ ลิม) นี่คือสุดยอดความสุภาพออนโยนท่ีบรรพชนผูย่ิงใหญของ เราไดท ําไว ขออลั ลอฮทฺ รงอาํ นวยในการทาํ ความดี และหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ีถูกลืมและถือเปนหนึ่งในอิบาดะฮฺท่ี สําคัญที่สุดคือ การกระตุนจิตใจใหอยากสูรบและออกญิฮาด โดยเฉพาะในชวงเดือนเราะมะฎอน เพราะถือเปนเดือนที่เคยมี สงครามคร้ังสําคัญ เชนสงครามบะดัร, การพิชิตเมืองมักกะฮฺ เปน ตน ย่ิงกวาการกระตุนจิตใจตออิบาดะฮฺนี้ถือเปนส่ิงท่ีวาญิบดวยซา้ํ 256
ซึง่ ไมอนญุ าตออกหางจากมนั ทานนบี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดกลา ววา َﻣ ْﻦ َﻣﺎ َت َولَ ْﻢ َ� ْﻐ ُﺰ َولَ ْﻢ ُ َ� ِّﺪ ْث َ� ْﻔ َﺴ ُﻪ ﺑِﺎﻟْ َﻐ ْﺰ ِو َﻣﺎ َت ﻋَﻠَﻰ ُﺷ ْﻌﺒَ ٍﺔ ِﻣ ْﻦ ﻧِ َﻔﺎ ٍق ความวา “ผูใดที่เสียชีวิตโดยที่ไมเคยออกสูรบและไมเคยกระตุน จิตใจใหอยากสูรบ เขาจะเสียชีวิตในสภาพท่ีเปนสวนหนึ่งของ การกลบั กลอก (นิฟาก)” (บันทึกโดยอะหมฺ ัดและมุสลมิ ) ซ่ึงเปนหลักฐานท่ีบงชี้วาวาญิบท่ีจะตองทําอยางหนึ่งอยาง ใด ทั้งน้เี พอ่ื เปนการปฏิเสธลกั ษณะของการกลบั กลอก สวนประโยชนของการกระตุนจิตใจใหอยากสูรบก็คือ เปน การฟนฟูนัยของการญิฮาด การสูรบ การแสดงถึงความรักใครและ ชว ยเหลือศาสนา และเปน การปฏเิ สธการปฏเิ สธศรัทธา การตั้งภาคี และเปนการแสดงถึงการเปนศัตรูตอคนท่ีมีลักษณะนี้ และเปนการ นําจิตใจไปสูระดับข้ันสูงสุดของการทุมเทเสียสละ ดวยการทุมเท เสยี สละจติ วญิ ญาณและเลอื ดเนอ้ื ในหนทางของอลั ลอฮฺ ซึ่งในนัยน้ีเองที่มันถูกลืม จนกระท่ังบรรดามุสลิมเองก็ หลงลืมมันอยางสิ้นเชิง จึงสมควรอยางย่ิงที่เราจะตองหวนมาฟนฟู นัยนี้ดวยกันในเดือนท่ีประเสริฐ เดือนแหงการอดทน การทุมเท เสียสละ และการตอสกู ับจติ ใจ เหลาน้ีคือตัวอยางของอิบาดะฮฺท่ีถูกลืม และหากทาน พจิ ารณาคาํ กลาวของทา นนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม นี้ 257
أﻋﻼﻫﺎ ﻻ إﻟَـ َﻪ إ َّﻻ، ﻦأَا ْوﻟ َّﺑِﻄ ِْﺮﻀ� ِﻊﻖ َو َﺳﺒْ ُﻌﻮ َن ُﺷ ْﻌ َﺒ ًﺔ،ِ ـ ََﻤوأﺎَ ْدُنﻧَﺎﺑِ َﻫ ْﺎﻀإٌﻊ َﻣﺎَو َ ِﻃﺳ ُُّﺘﺔﻮا َن َﻷ َذ ُﺷ ْىﻌ َﺒﺔَﻋ،ْااﻹ ُﷲﻳ ความวา “การศรัทธามีมากกวา 60 ประเภท หรือมีมากกวา 70 ประเภท ระดับท่ีสูงสุด คือ การกลาววาไมมีพระเจาอื่นใดท่ี สมควรแกการกราบไวนอกจากอัลลอฮฺ ระดับท่ีตํ่าสุด คือ การ ขจัดส่ิงที่เปนอันตรายออกจากถนน” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีและ มุสลมิ ) ทานก็จะรูวามีผูคนจํานวนไมนอยเลยทีเดียวท่ีไดละทิ้งการ ศรัทธาในภาคปฏิบัติ รวมถึงชองทางในการทําดีที่จะนําไปสูความ พงึ พอพระทยั ของพระผูอภบิ าล ตะบาเราะกะ วะตะอาลา ขออัลลอฮฺทรงชว ยเหลือ 258
11. รบั รูอุปสรรคที่อยูในเสนทางมุงสอู ลั ลอฮฺ มาถึงตรงนี้ทานคงพรอมที่จะมุงมั่น และไดกระตุนแรง ปณิธานท่ีไดมอดไปแลว และคงจุดประกายความต้ังใจที่หยุดน่ิงให พรอ มลุกโชน และสามารถควบคมุ ความใครท่มี ีอยดู วยบงั เหยี นของ ความปรารถนา พรอมๆ กับผนวกความหวังกับการมอบหมาย ตออัลลอฮฺอยางสุดหัวใจในการงานตางๆ และคงไดเร่ิมตนเดินทาง มุงสูอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ เพื่อใหบรรลุถึงเดือนเราะมะฎอนแลว และอันท่ีจริงทานคงไดจุดประกายความต้งั ใจ และขับเคล่ือนความ ปรารถนาใหม งุ มนั่ ต้งั ใจยอมจํานนท่ีจะปฏบิ ตั ิตามแลว ดังนั้น จงระมัดระวังอุปสรรคท่ีมีอยูบนเสนทางท่ีไมเรียบ งายนี้ เพราะมันเปนเสนทางท่ีจะนําไปสูสวนสวรรคท่ีหอมลอมไป ดวยความใคร ตัณหาราคะ ชัยฏอน การย่ัวยุ และสิ่งคลุมเครือ ทั้งหลาย ซ่ึงท้ังหมดลวนเปนอุปสรรคท่ีจะขัดขวางสูเสนทางแหง ความสําเรจ็ ดังน้ัน เรามาทําความรูจักกับคุณลักษณะบางประการของ อุปสรรคทีอ่ ยูในเสนทางที่มงุ สูอัลลอฮฺ รวมถึงพลงั ทีซ่ ุกซอ นอยู และ 259
การลอลวงของมันดว ยกนั เถิด เพราะการเรียนรูค ุณลักษณะของสง่ิ ทไี่ มดีนั้นกเ็ พือ่ หลีกหา งจากมันได ฉนั รูจกั ความชว่ั ไมใชเพอื่ จะทําความชวั่ แตเพอื่ ปองกนั จากมนั ตางหาก เพราะผใู ดทไี่ มร จู กั ความชว่ั เขากย็ อ มทาํ มนั ซึ่งมีเปาหมายเพ่ือนําเสนอตัวอยางของอุปสรรคบาง ประการเพื่อเปนขอแนะนําสําหรับหลายๆ คน ในจํานวนนั้นคือ ความเกียจครานและความเบ่ือหนาย ซ่ึงถือเปนเรื่องใหญท่ีเกิด ขึ้นกับผูที่เดินทางมุงสูอัลลอฮฺ และอาจจะลุกลามมากยิ่งขึ้นถึงข้ัน เปนสาเหตุของการผินหลังใหกับศาสนาก็เปนไปได เราขอความ คุมครองตออลั ลอฮจฺ ากสภาพเชนน้ัน โดยปกติแลวความเกียจครานมักเกิดจากความรูสึกตื่นเตน ดีใจท่ีสามารถทําความดีแตกลับไมขอบคณุ ตออัลลอฮฺ ทัง้ ยงั เขา ขาง ตัวเองวาอัลลอฮฺไดโปรดปรานตอเขาอยางมาก และหลงตัวเองท่ี สามารถทําสิ่งน้ันได ซ่ึงทานอิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได อธบิ ายและใหคาํ แนะนาํ ในการจดั การกับโรคน้ีไววา “ดังน้นั เมื่อใด คนทม่ี ุง สูอ ัลลอฮไฺ ดห ลงลมื ตัวเองและมคี วามรสู ึกต่ืนเตนดีใจ โดย ไมแฝงดวยความรูสึกที่หวาดหว่ัน ก็ใหเขายอนกลับไปสูชวง เริ่มแรกของการกาวเดิน เพราะหวังวาจะทําใหเขาสามารถมุงสู เสนทางน้ีดวยความขยันขันแข็งที่จะนําไปสูความยําเกรงไดอีก 260
ครั้ง ซ่ึงการละท้ิงความเกียจครานน้ันยอมทําใหเกิดความสุขอัน มากมาย” ทําใหคนที่มุงสูอัลลอฮฺทุกคนมักจะประสบกับความเกียจ ครานอยางหลีกเล่ียงไมไ ด ดังน้ัน ผูใดที่ความเกียจครานไมไดถงึ ขัน้ ทําใหหลุดออกจากการทําสิ่งท่ีเปนฟรฎและไมทําใหไปทําส่ิงที่หะ รอม กย็ งั พอมีหวงั วาเขาจะกลับมาดกี วา เดิมไดอกี ทานอุมัร บินอัล-ค็อฏฏอบ ไดกลาววา “แทจริง บางที หัวใจก็เขาหาความดีแตบางทีมันก็หลีกหนีไป ซ่ึงหากมันเขาหา ความดีก็จงทําสิ่งท่ีเปนสนุ ัตดว ย แตถามันหลีกหนีไปกใ็ หทําสิ่งท่ี เปน ฟรฎอ ยา ใหข าด” อันท่ีจริงความเกียจครานและอุปสรรคตางๆ ที่เกิดข้ึนกับผู ที่มุงสูอัลลอฮฺน้ันลวนมีหิกมะฮหฺ รือเหตุผลทีซ่ ุกซอนอยูเบอื้ งหลังใน ส่ิงที่ไมมีผูใดรูในรายละเอียดของมันนอกจากอัลลอฮฺเทาน้ัน และ ดว ยส่ิงน้ีเองที่ทาํ ใหแ ยกแยะไดวาผใู ดที่สัจจริงและผูใดที่ปล้นิ ปลอน ซึ่งผูท่ีปล้ินปลอนน้ันจะหันสนเทาของเขากลับและจะหวนไปสู สัญชาตญาณเดิมและความใครของเขา สวนผูท่ีสัจจริงนั้นพวกเขา จะรอคอยความชวยเหลือโดยไมสิ้นหวังตออัลลอฮฺ และจะทําให ตัวเองอยูในสภาพท่ีเฝา รอการชวยเหลอื ประหนงึ่ ภาชนะทีว่ า งเปลา โดยไมมีส่ิงใดอยูในนั้นเลย เพียงแตเฝารอใหเจาของภาชนะนั้นเตมิ สิ่งที่จะเปนประโยชน ซึ่งมันไมใชสาเหตุท่ีมาจากบาว ถึงแมวาการ เฝารอความชวยเหลือน้ันถือเปนหนึ่งในสาเหตุสําคัญก็ตาม แตมัน 261
มาจากผูท่ีใหความโปรดปรานแกทาน และทําใหทานมีความรูสึกท่ี ปลอ ยวาง และพระองคน น้ั [24 :﴿ َ�ُو ُل بَ ۡ َ� ٱلۡ َم ۡر ِء َوقَ ۡلبِهِۦ ﴾ ]اﻷﻧﻔﺎل ความวา “จะทรงกั้นระหวางบุคคลกับหัวใจของเขา” (สู เราะฮฺอัล-อนั ฟาล อายะฮฺท่ี 24) ดังนั้น หากทานเห็นวาพระองคทรงใหทานอยูในสถานะนี้ ก็พึงรูเถิดวาพระองคตองการเมตตาทานและเติมเต็มภาชนะของ ทาน แตหากหัวใจของทานไมไดเปนไปเชนน้ีก็พึงรูเถิดวามันเปน หัวใจท่ีเสียแลว ดังน้ัน จงวอนขอตอพระผูอภิบาลของทานและผูท่ี กุมหวั ใจระหวา งพระหัตถของพระองคใหมอบหัวใจดวงใหมแกท าน และทา นนบี ศอ็ ลลัลลอฮอุ ะลัยฮิวะสลั ลัม ไดกลาววา َو ِﻟ ُﻜ ِّﻞ ِﺷ َّﺮ ٍة ﻓَ ْﺘ َﺮ ٌة، إِ َّن ِﻟ ُﻜ ِّﻞ َ� َﻤ ٍﻞ ِﺷ َّﺮ ًة คว ามวา “ แทจริง ทุก ๆ ก า ร งา นยอมมีชวงท่ีมี ค ว า ม กระปรี้กระเปรา และทุกๆ ความกระปรี้กระเปราก็จะมีความ เกยี จครา น” ดงั นัน้ คนทม่ี ุงม่ันต้ังใจทําความดยี อมตองมชี วงเวลาท่เี กยี จ ครานเปนเร่ืองธรรมดา แตเขาจะนึกถึงชวงเวลาท่ีมีความมุงม่ัน ตง้ั ใจ ทําใหเขากลบั มาทาํ ความดไี ดอ กี คร้ัง 262
และบางทคี นทีม่ ุงสอู ัลลอฮฺน้ันเริ่มตน ดวยความขยนั ขันแข็ง และมีปณธิ านอันแนว แน ทําใหชวงเวลาที่มคี วามเกยี จครานนน้ั เขา สามารถกลับไปนึกถึงชวงเร่ิมตนได จึงทําใหเขากลับมามีความ มงุ มั่นตัง้ ใจอกี ครั้ง และทําใหเ รง เราเขาใหช กุ รู ตอ อลั ลอฮฺโดยทันที ทานอัล-ุนัยดฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ มักจะนึกถึงบรรยากาศที่ เขาไดทําความดีในชวงแรก และเมื่อใดท่ีทานนึกถึงมันก็จะกลา ววา “ฉันถวิลถึงชวงเวลาแรกๆ ท่ีไดทําความดีเปนอยางยิ่ง” หมายถึง ความสขุ ทม่ี ใี นชว งเวลาแรกๆ ซงึ่ ทาํ ใหสามารถรวบรวมแรงปณธิ าน ในการมุงสูอัลลอฮฺและหันหลังใหกับสรรพสิ่งทั้งหลายได (สรุปจาก “มะดารจิ ฺ อัส-สาลกิ นี ”) และหากทานมีความรูสึกที่เบ่ือหนายในการทําอิบาดะฮฺ เชน ละหมาด ซิกิร หรืออานอัลกุรอาน ก็อยาปลอยใหชัยฏอนมา ควบคุมความใครของทานได เพราะทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม ไดกลา ววา َ� َﻤﻠُّﻮا َﺣ َّﺘﻰ َ� َﻤ ُّﻞ َ ا َﷲ ِإ َّن �ِ َﻓ َﻮا ﻻ ความวา “ขอสาบานตออัลลอฮฺ แทจริงอัลลอฮฺไมทรงเบ่ือหนาย เวนแตพวกทานจะเบื่อหนายเสียกอน” (บันทึกโดยอัล-บคุ อรีและ มสุ ลิม) ซ่ึงกอนหนานเ้ี ราไดน ําเสนอแกทานแลวในบท “การฝกตน ใหมีความมุงมั่นต้ังใจ” เกี่ยวกับความเขาใจของหะดีษบทน้ีและ 263
ตัวอยางจากบรรดาอิมามผูปราดเปรื่อง ดังน้ัน จึงเปนการดีสําหรับ คนท่ีมีความเบ่ือหนายในการทําอิบาดะฮฺท่ีจะตองทําใหตัวเองรูสึก หวาดหวนั่ วา มันอาจจะทําใหอัลลอฮฺไมสนใจเขาก็เปน ไปได และให หัวใจของเขามีความรูสึกวากําลังเสียมารยาทกับอัลลอฮฺอยางมาก และใหรูสึกวาเขายังไมไดใหเกียติและเช่ือในความเดชานุภาพของ พระองคอยางแทจริง เพราะจิตใจของเขาไดเหน็ ดีเห็นงามตอ ความ ใครในความเพริศแพรวของโลกดุนยา และปลอยใหลูกๆ และ ภรรยาเอาเวลาสวนใหญของเขาไป แตแลวเขากลับรูสึกเบ่ือหนาย ในการทําอบิ าดะฮฺหลังจากท่ไี ดทาํ มันไดไ มนาน ชาวสะลฟั ทานหนึง่ ไดเลาวา “ชาวสะลฟั พวกเขาคอ นขาง รูสึกไมดีกับชวงเวลารุงอรุณ เพราะถือวามันไดปดกั้นพวกเขา จากความสุขของการเขาเฝามุนาญาจ” ในทนี่ ้หี มายถงึ วาพวกเขา เสียใจที่ไมสามารถลิ้มรสความสุขของการเขาเฝามุนาญาจตอไปได อีก ไมใชพวกเขารังเกียจการที่รุงอรุณไดทอแสงขึ้น และให ความสําคัญกับการกิยามุลลัยลฺมากกวาการละหมาดฟรฎ ซ่ึงมัน ชางหางไกลจากแบบอยางท่ีมีอยูในชีวประวัติของพวกเขา มันจะ เปนเชนน้ันไดอยางไรในเมื่อพวกเขารูดีวาการอานอัลกุรอาน ชวงเวลารุงอรุณน้ันบรรดามลาอิกะฮฺตางเปนสักขีพยานและเปน การงานทจี่ ะถูกนาํ ไปสอู ัลลอฮฺ และหนง่ึ ในอุปสรรคที่มีอยูในเสนทางท่ีมุงสูอลั ลอฮคฺ ือ การ ซิบกระซาบและการมีความนึกคิดท่ีไมดีที่จะสงผลตอผูที่มุงสู 264
เสนทางของโลกอาคิเราะฮฺ ซึ่งความนึกคิดท่ีไมดียังหมายรวมถึง จินตนาการท่ีแฝงไปดวยความใครและส่ิงที่หลงใหล และยังหมาย รวมถงึ คนท่มี คี วามอาฆาตแคน อิจฉาริษยา และโรคทางจิตใจตางๆ ซึ่งท้ังหมดนี้ลวนเปนส่ิงท่ีทําใหผูที่มุงสูเสนทางของโลกอาคิเราะฮมฺ ี พฤติกรรมท่ีไมดี และที่รายแรงที่สุดคือการกระซิบกระซาบใหมี ความคลุมเครือเรื่องการมีอยูจริงของอัลลอฮฺ รวมถึงตัวตนและ คุณลักษณะของพระองค ซึ่งเปนส่ิงท่ีคนหนุมสาวสวนใหญใน ปจจุบันมักถูกทดสอบทั้งนี้ก็เพื่อครอบงําใหพวกเขามีแนวคิดที่ ปฏิเสธพระเจาและเซคคิวลาร โดยเกิดจากการอธิบายสรรพสิ่ง ตางๆ ดวยกับความรูทางวิทยาศาสตรและการแพรกระจายของ ความช่ัวชาและความใครทพ่ี รอมจะหันเหหวั ใจจากการเคารพภกั ดี และนอบนอมปฏบิ ัติตามอัลลอฮฺ และจากการวิเคราะหแลวสามารถแบงความนึกคิด ออกเปนสามประเภท ดังนี้ หน่ึง ความนึกคิดท่ีคลุมเครือ ซ่ึงเปนสิ่งที่จะปดก้ันความ เช่ือการมีอยูจริงของอัลลอฮฺ รวมถึงตัวตนและคุณลักษณะของ พระองค นอกจากนี้ยังรวมถงึ คัมภีรอ ัลกุรอานของพระองค บรรดา ศาสดาและศาสนทูตของพระองค และการกําหนดสภาวะตางๆ ของพระองค สอง ความนึกคิดที่แฝงดวยความใคร ซึ่งเปนส่ิงท่ีจะชักจูง ใหค วามนกึ คิดไดจนิ ตนาการตอ สงิ่ ที่หลงใหล 265
สาม ความนึกคิดท่ีเต็มไปดวยโรคทางจิตใจ เชน การหย่ิง ยะโส การหลงตวั เอง การอาฆาตแคน และการอจิ ฉารษิ ยา สําหรับความนึกคิดประเภทแรก วิธีเยียวยาคือการทําใหมี ความเชื่อมั่น (ยะกีน) แตเปนวิธีสําหรับคนท่ีเช่ือการมีอยูจริง ของอัลลอฮเฺ ทา น้นั สําหรบั คนท่ปี ฏเิ สธการมีอยูจ ริงของอัลลอฮฺวิธีนี้ ไมไดเปนผลใดๆ เพราะในทัศนะของขาพเจาน้ันแนวคิดการปฏเิ สธ การมีอยูจริงของอัลลอฮนฺ ้ันถอื เปนประเภทหนึ่งของโรคบา ทม่ี นษุ ย เปนกัน แตใ ครทเ่ี ชือ่ ในการมอี ยูจรงิ ของอลั ลอฮฺ เชอ่ื ในการเปนพระ ผูอภิบาลของพระองค การปกครองของพระองค การบรหิ ารจัดการ ของพระองค ความยุติธรรมของพระองค และความรอบรูของ พระองค ซ่ึงความเช่ือมั่นน้ันกเ็ ปนประหนึ่งการมองเห็นดวงอาทิตย แตแลวก็มีส่ิงท่ีคลุมเครือมาบดบังซ่ึงเปนประหน่ึงคนท่ีโตแยงการ มองเห็นดวงอาทิตย และเรียกรองหาหลักฐานเพ่ือยืนยันวามันได ทอแสงขนึ้ มาจรงิ อัลลอฮจฺ ึงดาํ รสั วา َ َوٱ ۡ�َ� ِ �ض ٱل َّس َ�ٰ َ�ٰ ِت َفا ِط ِر كّٞ َش ِ�َّ ٱ �ِ ﴿أ [10 :]اﺑﺮاﻫﻴﻢ ﴾ ความวา “มีการสงสัยในอัลลอฮฺ พระผูสรางช้ันฟาทั้งหลายและ แผนดนิ กระนัน้ หรอื ” (สูเราะฮฺอิบรอฮีม อายะฮฺที่ 10) เขาจึงกลาวซํ้าๆ วา “ฉันศรัทธาตออัลลอฮฺแลว” และขอ ความคุมครองตออัลลอฮฺจากการยั่วยุของชัยฏอน ซ่ึงเปนการขอ 266
ความคุมครองตออัลลอฮฺรวมถึงการปกปกษรักษาและการเฝาดแู ล ของพระองคใหร ูสึกประหลาดใจในความไรส าระของส่ิงที่คลมุ เครอื นั้น เปน ไปไมไ ดท ีส่ ตปิ ญ ญา จะเรยี กรอ งหลักฐานในการมอี ยจู รงิ ของกลางวนั สวนความนึกคิดประเภทที่สอง ซ่ึงเกิดข้ึนกับคนโดยท่วั ไป และเปนท่ีแพรห ลายในหมูผคู น และการเยียวยามันนน้ั ถือเปนเรอ่ื ง ยากท่ีสุด กระนั้นก็ตามเราจะขอนําเสนอเฉพาะสวนสําคัญที่จะ จัดการโรครา ยนใี้ หหายขาดเทา น้ัน พึงรูเถิดวา ความใครเปนธรรมชาติดั่งเดิมที่คนๆ หนึ่งไม อาจหลีกพนได ซ่ึงเปนเร่ืองปกติท่ีจะมีความโกรธ มีการแสวงหา ความสุข และมีความช่นื ชอบอาหารท่มี ีอยูหลากหลาย เพราะความ ใครม ันถูกฝง ลกึ ในกมลสนั ดานโดยมีเปา หมายคอื เพ่ือเปนการรักษา ชีวิตดวยการบริโภคอาหาร เปนการตอบโตและปกปองตัวเองดวย การใชความโกรธ และเพ่ือรักษาเช้ือสายวงศตระกูลดวยการ แสวงหาความสุขจากการใชอวัยวะเพศ แตเมื่อใดท่ีมันมีมาก จนเกินไปมันก็จะไมดี ดวยเหตุน้ีทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม จึงเนนยํ้าใหร กั ษาอวัยวะเพศ ทอง และล้ิน เพราะมนั เปน สาเหตสุ ําคญั ทีจ่ ะทําใหประสบความสําเร็จ 267
เม่ือรูเชนน้ีแลวก็เปนที่กระจางชัดวาทานจะตองควบคุม ความใครท่ีมีอยูใหได ซ่ึงอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดส่ังใชใหทํามัน อยางจริงจัง และทําใหทานควบคุมมันได ดังนั้นหนาท่ีของทานจึง ไมมีสิ่งใดนอกจากการปฏิบัติตามคําส่ังใชน้ันโดยไมหวาดหวั่นหรือ ลาชา และวิธีการลดความใครใหนอยลงก็ทําไดดวยการลดปจจัย ตางๆ ที่จะทําใหเกิดมัน ซึ่งปจจัยสําคัญท่ีสุดคือความหลงใหลใน โลกดุนยาและความปรารถนาในความเพริศแพรวตางๆ ของมัน ดังน้ัน จงตัดขาดจากความเพริศแพรวตางๆ ที่มีอยูในโลกดุนยาให ออกจากหัวใจ ซึ่งเพียงพอแลวท่ีจะหันความมุงมั่นต้ังใจจากโลกดุน ยาแลวไปใหความสาํ คญั กับส่ิงทที่ าํ ใหป ระสบกบั ความสาํ เรจ็ และน่ีคือขอแนะนําบางประการในการลดบทบาทของ ความใครแ ละการจัดการกบั ความนกึ คดิ ทีแ่ ฝงดว ยความใคร หน่ึง ปฏิเสธพลังความสามารถของจิตใจ และใหขอความ ชวยเหลือและการปกปกษรักษาและการคุมครองตออัลลอฮฺ และ คํากลาวที่ดีท่ีสุดสําหรับคนที่ถูกทดสอบดวยความใครจะกลาวซา้ํ ๆ คือ “( ”ﻻﺣﻮل وﻻﻗﻮة إﻻ ﺑﺎﷲไมมีความสามารถและพละกําลังใดที่ เกิดขึ้นเวนแตดวยการอนุมัติของอัลลอฮฺ) หมายถึง ไมมี ความสามารถใดที่จะทําใหรอดพนจากการฝาฝนเวนแตดวยการ ชว ยเหลอื ของอัลลอฮฺ และไมม พี ละกําลงั ใดท่จี ะฏออะฮฺตอพระองค เวนแตด ว ยกับการอํานวยความสะดวกของพระองค 268
สอง นึกถึงความโกลาหลที่จะเกิดข้ึน ไมวาจะเปนความ เจ็บปวดของความตาย การที่วิญญาณหลุดออกจากรางกาย สภาพ ความนากลัวของหลุมฝงศพ การสอบสวนของมลาอิกะฮฺสองทาน การฟนคืนชพี ความนา สะพรึงกลัวของวนั กิยามะฮฺ การยืนอยเู บ้ือง หนาอัลลอฮฺในสภาพที่เปนผูฝาฝนและทําความผิดอยางมากมาย รวมถงึ ความนา สะพรึงกลวั ของไฟนรก สาม นกึ ถึงสิง่ ที่ตองคนึงถึง เชน ความสุขของการไดเ ขา เฝา มุนาญาจ การไดรับอํานวยความสะดวก (เตาฟกฺ) จากอัลลอฮฺ ใหฏออะฮฺตอพระองค การไดรับเกียรติในการเปนคนรัก (วะลี) ของอัลลอฮฺ การเปนคนในพรรคของอัลลอฮฺ สิ่งอันนาพิศวง (กา รอมัต) ท่ีเกิดกับคนรักของอัลลอฮใฺ นขณะท่เี สยี ชีวิต การไดเขาสวน สวรรค หุรุลอัยน (นางฟาชาวสวรรค) ที่ความสวยงามของนางนั้น ไมมีสิ่งใดบนโลกน้ีท่จี ะเทียบเคียงไดแ มเพียงปลายนิ้วเดยี วของนาง ก็ตาม การมองเห็นอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ในวันกิยามะฮฺ และ ความพึงพอพระทัยของพระองคท ี่มีตอชาวสวรรค สี่ นึกถึงความงดงามของผูทรงสรางความงดงามของมนุษย ซึ่งทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทรงเรียกพระองค “อัล- ญะมีล” (ผูทรงงดงาม) ดังนั้น ความงดงามใดก็ตามท่ีลอตาลอใจ คนๆ หนึ่ง หากไปเทียบกับความงดงามของอัลลอฮฺ อัซซะวะญลั ละ แลว ความนึกคิดทไ่ี มด ตี างๆ กจ็ ะหายไปทนั ที 269
หา นึกถงึ ผลเสยี ของจินตนาการที่กาํ ลังหลงใหล รวมถึงโรค รา ยตา งๆ ทีส่ รางความเสยี หายแกสง่ิ ทีอ่ ยูภายในและภายนอก หก ออกหา งจากส่งิ ย่ัวยตุ า งๆ เชน การสญั จรตามทองถนน โดยเฉพาะในชวงเวลาและสถานท่ีที่เต็มไปดวยสิ่งท่ีลามกอนาจาร หรือการเสพสื่อออนไลนและออฟไลนตางๆ ท่ีลอแหลม ซึ่งไดเยา ยวนจิตใจทม่ี ีความสงบและพยายามแพรส่ิงที่ลามกอนาจารในหมผู ู ศรัทธา และหนึ่งในขอแนะนําคือ เม่ือรูสึกมีความใครก็อยาอยูคน เดยี วตามลาํ พัง แตพยายามวนุ อยกู ับอะไรบางอยา งทีส่ ามารถทาํ ให ความนึกคิดไดจดจออยูกับมัน เชน การรําลึกถึงอัลลอฮฺ การเย่ียม เยียนคนดี การเขารวมวงการเรียนรู หรือการชวยเหลือคนใน ครอบครวั และคนมสุ ลมิ ทว่ั ไป นอกจากน้ที านอบิ นลุ กอ็ ยยมิ ยงั ไดใ หข อ แนะนําในเร่อื งน้ีวา 1. ใหตระหนักรูถึงการเฝามองของพระผูอภิบาล สุบหานะฮู วะตะอาลา และการมองไปยังหัวใจของทานของพระองค รวมถึง ความรอบรูของพระองคใ นรายละเอยี ดตางๆ ทท่ี านไดนกึ คดิ 2. มีความละอายตอพระองค 3. เทิดเกยี รติตอ พระองค ดวยการใหพ ระองคเหน็ ความนกึ คดิ ตางๆ ที่มอี ยใู นหัวใจซงึ่ พระองคทรงสรา งมานั้น เปนไปเพ่อื การรูจกั และรักพระองค 4. เกรงกลวั ตอการมองของพระองคไปยงั ความนกึ คดิ ของทา น 270
5. ใหรูสึกหวงแหนตอพระองคในการท่ีหัวใจของทานไมไดรัก พระองค 6. ใหหวั่นเกรงวาจะเกิดความนึกคิดที่นําไปสูความชั่วราย แลวมันก็จะกัดกินอีมานและความรักท่ีมีตออัลลอฮฺในหัวใจ ซ่ึงมัน จะหายไปโดยท่ที านไมร สู ึกตัว 7. ตองรูวาความนึกคิดน้ันเหมือนกับเมล็ดพืชท่ีถูกโยนเพื่อ เปนเหย่ือลอนก ดังนั้นพึงรูเถิดวา ความนึกคิดที่มอี ยูนัน้ คอื เมลด็ พืช ที่วางอยูในกับดกั เพ่อื ลอทา น โดยทท่ี า นไมรูสึกตัว 8. ตอ งรูวา ความนกึ คดิ ทไ่ี มดนี ัน้ จะอยรู ว มกับความนึกคิดทม่ี อี ี มานและความนึกคิดที่เรียกรองไปสูความรักและการผินกลับไปสู อลั ลอฮไฺ มไ ดอยางแนน อน แตม นั จะตา นกันในทุกรูปแบบ 9. ตองรูวาความนึกคิดนั้นเปรียบด่ังมหาสมุทรแหง จินตนาการที่ไมมีชายฝง ดังน้ันเมื่อใดที่หัวใจไดตกอยูในกนบ้ึงของ ความนึกคิด มันก็จะจมและหลงในความมืดมิดของมัน ซึ่งการ หาทางรอดน้ันแทบจะไมมีพบหนทางใดๆ เลย ทําใหเขาหางไกล จากความสาํ เรจ็ 10. ตอ งรวู า ความนกึ คดิ นนั้ เปน หุบเหวของคนท่ีเบาปญญาและ เปนความเพอฝนของคนโงเขลา ซึ่งมันจะไมสงผลใดๆ นอกจาก ความเสียใจและความโศกเศรา และเมอ่ื ใดท่ีมันครอบงาํ หวั ใจไดมัน ก็จะทําใหเกดิ การกระซิบกระซาบ และเปน การยากท่จี ะควบคมุ มัน 271
ไดอีก นอกจากนี้ยังทําใหดวงตาของเขาถูกปด และเขาจะอยูใน สภาพตกเปน เชลยของมันตลอดไป สวนความนึกคิดประเภทท่ีสาม คือ ความนึกคิดท่ีเต็มไป ดวยโรคทางจิตใจ เชน การอาฆาตแคน การอิจฉาริษยา การหย่ิง ยะโส และการหลงตัวเอง ซ่ึงลวนเปนความผิดบาปที่ซอนเรน ภายใน ดงั ทอ่ี ลั ลอฮฺ ตะอาลา ไดด ํารสั วา [120 :﴿ َو َذ ُرواْ َ�ٰ ِه َر ٱ ۡ ِ�ثۡ ِم َو َ�ا ِط َن ُهۚ ٓۥ ﴾ ]اﻷﻧﻌﺎم ความวา “และพวกเจาจงละเสียซึ่งบาปที่เปดเผยและบาปทซี่ อน เรนภายใน” (สูเราะฮฺอัล-อนั อาม อายะฮทฺ ี่ 120) ซ่ึงวิธีเยียวยาโรคเหลานี้คือ การเห็นถึงความออนแอของ จิตใจดวยการขอความชวยเหลือตอ อัลลอฮฺ และเขาใจหกิ มะฮหฺ รอื เหตุผลที่ซอ นอยูเบ้ืองหลังของอัลลอฮใฺ นการบรหิ ารจัดการสรรพสิง่ ตางๆ ซ่ึงความรูสึกเชนน้ีเองท่ีจะก้ันระหวางตัวเขากับการปฏิเสธ การจัดสรรริซกีและความโปรดปรานตางๆ และก้ันระหวางตัวเขา กับการหลงในความสามารถของตัวเอง ทําใหเขาอยูในสภาพนอม รับในความโปรดปรานของอลั ลอฮฺ ความยุติธรรมของพระองค และ ความปรีชาญาณของพระองค อันทีจ่ ริงทา นอมิ าม อิบนุลเญาซีเคยกลา วถงึ โรคเหลานไ้ี ดดี มากๆ ในหนังสือของทาน “อัฏ-ฏิบ อัร-รูหานี” ซ่ึงหลังจากท่ีเรา 272
ยอนกลับไปดูก็พบวิธีเยียวยาโรคตางๆ อยางละเอียด แตเพียงพอ แลวสําหรับเราท่ีจะดูตัวอยางเดียวจากที่มีอยูทั้งหมดเปนรอยเปน พนั อยางไรก็ตาม ทานอิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได กลาวถึงพลังของโรครายนี้ และยังไดอธิบายลักษณะของมันอยาง ละเอียด หลังจากนน้ั ทา นกไ็ ดแนะนําวธิ เี ยียวยามนั ซ่ึงทานไดกลา ว วา “พึงรูเถิดวา ความนึกคิดและการกระซิบกระซาบนั้นจะ นําไปสูการคิด ซึ่งการคิดก็จะนําไปสูการรําลึกถึง สวนการรําลึก ถึงก็จะนําไปสูการปรารถนา และการปรารถนาก็จะนําไปสู อวัยวะและการลงมือปฏิบัติจนกลายเปนความเคยชิน ดังนั้น การปฏิเสธมันตั้งแตเร่ิมแรกเปนสิ่งที่งายกวาการตัดขาดมัน หลงั จากท่ีมันมีพลังและสมบรู ณแลว และเปนทร่ี กู ันวาคนๆ หนงึ่ ไมสามารถท่ีจะทําลายความนึกคิดได นอกจากนี้ไมสามารถที่จะ ตัดขาดมันได เพราะมันไดจูโจมเขาสูจิตใจโดยตรง เวนแตพลัง ของความศรทั ธาและสตปิ ญญาเทานั้นท่ีจะชว ยใหร ับเฉพาะสวน ท่ีดีของความนึกคิดน้ันและพึงพอใจกับมันและยอมใหมันอยูกับ เขา ท้ังนี้เพ่ือขับไลความนึกคิดที่ไมดีและท่ีนารังเกียจใหออกไป และเพ่อื ทีค่ วามนกึ คดิ น้ันไดออกไปจากเขา ดังท่ีเศาะหาบะฮทฺ า น หน่ึงไดถามทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม วา หากคนใดในหมูพวกเรามคี วามนกึ คดิ อะไรบางอยาง การที่มนั ถกู เผาจนกลายเปนเถาถานเปนส่ิงท่ีฉันรักยิ่งกวาการกลาวถึงมัน” 273
ทานนบจี ึงกลาววา “พวกทา นพบมันกระนน้ั หรือ ?” บรรดาเศาะ หาบะฮฺจึงกลาว “ใชแลว” ทานนบีจึงกลาววา “นั่นคืออีมานที่ ชดั เจนยิง่ ” และในบางสํานวนไดระบุวา “การสรรเสริญท้ังหลาย เปนสิทธิของอัลลอฮฺ ผูทรงตอบโตแผนการณของชัยฏอนให เหลือเพียงการกระซิบกระซาบเทานั้น” ในท่ีน้ีมีสองคําอธิบาย หน่ึง การปฏิเสธและรังเกยี จมันน้ันถือเปนอีมานที่ชัดเจนยง่ิ สอง การมีอยูของมนั และการท่ีชยั ฏอนใหมันมีอยูในจิตใจน้ันถือเปน อี มานทชี่ ดั เจนย่งิ เพราะการทม่ี นั ทาํ ใหจติ ใจมีส่ิงนั้นก็เพอ่ื ตองการ ใหมีการปฏิเสธอีมานและตองการลบลางมันใหหมด และอันที่ จริงอัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา ไดสรางจิตใจประหน่ึงเครื่อง โมแปง ซึ่งมันตองบดบางอยางโดยตลอด ดังนั้นหากไดใสธญั พชื ในนั้นมันก็จะบดส่ิงน้ัน และหากใสดินหรือกอนกรวดมันก็จะบด สิ่งนั้น ซ่ึงความคิดและความนึกคิดท่ีวนอยูในจิตใจนั้นเปรียบ ประหนึ่งเมล็ดพืชท่ีใสในเคร่ืองโมแปงท่ีไมมีวันหยุดทํางานและ ตองมีอะไรบางอยางใสลงในนั้นตลอด ซ่ึงเคร่ืองโมแปงของบาง คนก็จะบดเมล็ดพืชจนกลายเปน แปง แลวเปน ประโยชนต อ ตวั เขา และตอคนอ่ืน แตเคร่ืองโมแ ปงของคนสวนใหญม ักจะบดกอ นหิน และกอ นกรวด ดงั นั้นเม่อื ใดทถ่ี ึงเวลานวด ตวั แปงกจ็ ะเผยถงึ การ บดน้ันวาเปน เชน ไร” (อลั -ฟะวาอิด หนา 161) เหลาน้ีคืออุปสรรคตางๆ ท่ีมีอยูในเสนทางท่ีมุงสูอัลลอฮฺ และท่ีมีอยูในชวงของการเดินทางสูโลกอาคิเราะฮฺ และการ 274
ขวนขวายใหรอดพนจากลงโทษในไฟนรกและการทุมเทใหไดมาซึ่ง สวนสวรรค ดังน้ันจงระมัดระวังจากปจจัยตางๆ และใหเตรียมตัว เผชิญหนากับมันอยางจริงจัง ขออัลลอฮฺทรงอํานวยความสะดวก (เตาฟก ) แกท าน 275
คําแนะนําบางประการ กอนเขาสเู ดือนเราะมะฎอน 1. ใหขะมักเขมนในการทําความดีในสิบวันสุดทายของ เดอื นเราะมะฎอนและชว งทา ยสดุ ของสิบวนั สดุ ทาย มีบันทึกในอัศ-เศาะฮีหัยน จากการรายงานของทานอาอิ ช َﻴﺎะ ْﺣฮَ ฺَوأเร،ُهา َرะ َﺰฎิِم ْﺌยﺪลั َّ ล َﺷอُﺮฮْﺸอุ َﻌนั ﻟฮ اาَﺧ َﻞเล َدา ว َذاา ِإ َو َﺳ َﻠّ َﻢ َﻋﻠَﻴْ ِﻪ ا ُﷲ �َّ ﻛ َﺎ َن َر ُﺳﻮ ُل اﷲ َﺻ َوأَ ْ� َﻘ َﻆ أَ ْﻫﻠَ ُﻪ،َﻟﻴْﻠَ ُﻪ ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูชวงสิบวันสุดทายของเราะมะฎอน ทานจะรัดผานุงไวให แนน (ไมรวมหลับนอนกับภรรยา) ทานจะสรางบรรยากาศใหค่ํา คืนมีชีวติ ชวี า (ทําอบิ าดะฮฺในยามค่าํ คนื ) และทา นจะปลกุ บรรดา ภรรยาของทาน (ใหลุกข้ึนมาทําอิบาดะฮฺ)” (บันทึกโดยอัล-บุคอ รี) สวนสาํ นวนท่ีบันทึก َرโَﺰด ْﺌยلْ ِﻤมุاส َّﺪล َﺷมิ َوน َّﺪน้ั َﺟมี َوร،ะﻠَ ُﻪบุ ْﻫวَأาَوأَ ْ� َﻘ َﻆ، أَ ْﺣ َﻴﺎ ال َّﻠﻴْ َﻞ ความวา “ทานจะสรางบรรยากาศใหค่ําคืนมีชีวิตชีวา (ทําอิบา ดะฮฺในยามคํ่าคืน) และทานจะปลุกบรรดาภรรยาของทาน (ให 276
ลุกข้ึนมาทําอิบาดะฮฺ) และจะทุมเทอยางเต็มท่ี (ในการทําอิบา ดะฮฺ) โดยจะรัดผานุงไวใหแนน หมายถึงไมรวมหลับนอนกับ ภรรยา)” (บันทึกโดยมสุ ลมิ ) َ َﻣﺎ ،ِﺧ ِﺮแล َواะ َﻷอْ اกี ِﺮสํﺸาْ นْﻟ َﻌวاนﻲห ِﻓน่ ُﺪงึ ِﻬทَ่ี ْ�ﺘบَ นั َﻢทَึﺳ ّﻠกَ وโَ ด ِﻪยَْﻴมَﻋﻠสุ ล ُﷲมิ มี اร�َّะﺻบَ วุ ِﷲา ا َر ُﺳﻮ ُل ﻛَﺎ َن ﻻ َِ�ْ َﺘ ِﻬ ُﺪ ِﻓﻲ َﻏ ْ ِ�ه ความวา “ทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได ทุมเทอยางเต็มท่ี (ในการทําอิบาดะฮฺ) ตลอดสิบวันสุดทายของ เดือนเราะมะฎอน อยางท่ีไมเคยปรากฏในเดือนอื่นมากอน” (บนั ทึกโดยมสุ ลิม) และมีบันทึกโดยทานอบูนุอัยม แตในสายรายงานมีนัก รายงานท่ีเฎาะอฟี จากการรายงานของทานอนสั ไดเลาวา ﻛ َﺎ َن َﻓ ِﺈ َذا َوﻧَﺎ َم َﻗﺎ َم َر َم َﻀﺎ َن َﺷ ِﻬ َﺪ ِإ َذا َو َﺳ ّﻠَ َﻢ َﺻ َّ� ا ُﷲ َﻋﻠَﻴْ ِﻪ أَﻛ َ ْﺎر َ�َنًﻌﺎ َر َُوﺳ ِﻋﻮ ُ ْﺸل ِاﺮ� َِﷲﻦ لَ ْﻢ ﻳَ ُﺬ ْق َ� ْﻤ ًﻀﺎ ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูเ ดือนเราะมะฎอน ทานจะยนื ละหมาดแลว นอนพักผอ นดวย แตเม่ือถึงชวงวันท่ีย่ีสิบส่ีทานจะไมนอนเลย (โดยจะทําอิบาดะฮฺ ตลอดทั้งคืน)” (บันทกึ โดยอบนู ุอยั ม ในหนังสอื “หลิ ยะฮฺ อัล-เอาลิ ยาอฯ”) 277
และมีบันทึกในอัล-บุคอรี จากการรายงานของทานอบีสะ อ:ีﻌﻮا ٌﻢดِ ُﻗ ْﺎﻄلอَั ُﻣล،«ﻲ-ِِﺮﻟคﺖَﺤดุ ُ ﺴรَّ لِ�ีﻴจ أَاาِّ�ﻰกﺣِإ َّﺘทَ ْﻢา� ُﻞนْ ﺻนِ ِﺘบَ َُﻴﻬีﻴَْﻮائศْ็َﻓ َﻛﻠอ،ﺖลَُﻞลัْﺻﺴลِ َلล�َﻮاอِّ ُﻳฮ ْن ِإ:ุอَأَلะ َﺎدลَرا َﻗยั�ِ َّ َأฮิااวل َذะ َ ِإสั�ﺳ ْﻮﻢลُُ َرลัมﻞ َﻓﺄﻳََﺎُّﻳไ،ُดِﻮاﺻก ُاﻠลِ َﺻﻮาُﺗวََﻮﻚاวُﺗาَّﻓ ِﺈَﻻ َﻧ �ِ َو َﺳﺎ ٍق � َ ْﺴ ِﻘ،�ِ ُ� ْﻄ ِﻌ ُﻤ ความวา “พวกทานจงอยาถือศีลอดติดตอกัน ดังน้ัน ผูใดในหมู พวกทานประสงคที่จะถือศีลอดติดตอกัน ก็จงถือศีลอดติดตอกนั จนกระทั่งรุงสาง แลวบรรดาเศาะหาบะฮฺก็ไดถามทานนบีวา “แตท า นถือศลี อดติดตอ กัน โอท า นเราะสูลุลลอฮฺ ?” ทา นตอบวา “ฉันไมเหมือนกับลักษณะของพวกทาน แทจริงขณะท่ีฉันนอน ฉันมีผูใหอาหารคอยใหอาหารฉัน และฉันมีผูใหเครื่องด่ืมคอยให ฉมั ดมื่ ” (บันทึกโดยอัล-บุคอร)ี และมีบนั ทกึ โดยอิบนอุ บีอาศมิ ดวยสายรายงานทที่ านอบิ นุ เราะญับไดกลาววามีนักรายงานที่ “มุกอร็อบ (เปนนักรายงานที่ เชื่อถือไดแตอยูในลําดับขั้นที่ทายสุด)” โดยเปนการรายงานของ ทานหญิงอาอิชะฮฺ ซง่ึ ทานหญงิ เลา วา ﻓﺈذا، إذا ﻛﺎن رمﻀﺎن ﻗﺎم وﻧﺎم- ﺻ� اﷲ ﻋﻠﻴﻪ وﺳﻠﻢ- ﻛﺎن رﺳﻮل اﷲ وﺟﻌﻞ،� واﻏتﺴﻞ ﺑ� اﻷذاﻧ،دﺧﻞ اﻟﻌﺸﺮ ﺷﺪ اﻟﻤﺌﺰر واﺟﺘﻨﺐ اﻟنﺴﺎء ًاﻟﻌﺸﺎء ﺳﺤﻮرا 278
ความวา “เมื่อทานเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เขาสูเดือนเราะมะฎอน ทานจะยืนละหมาดและนอนพักผอน แต เม่ือเขาสูชวงสิบวันสุดทายทานจะรัดผานุงไวใหแนน (ไมรวม หลับนอนกับภรรยา) จะไมเขาใกลบรรดาภรรยา และจะอาบนํ้า ระหวางสองอะซาน (ระหวางละหมาดมัฆริบกับอิชาอ) และทาน จะรบั ประทานอาหารม้ือค่ําในชวงสะหรู ” และมีบันทึกในอัศ-เศาะฮีหัยนฺ จากการรายงานของทาน ห َنญิ َﻀﺎงمอَ َرาอิ ْﻦช ِﻣะَﺮฮ ฺِﺧเاร َوา َﻷะاฎิ َﺮยั ْﺸล َﻌลاﻟอﻒฮُอุ ั ِﻜนَﺘฮ ْﻌา�َ เลาวา َﻋﻠَﻴْ ِﻪ أَ َﺣَّن َّﺘاﻰﻟ َّﻨﺗَِﺒَﻮ َّﻲَّﻓﺎ ُه َﺻا َّ َّ� ُ�ا ُﷲ ﻛ َﺎ َن، َو َﺳﻠَّ َﻢ ความวา “ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟชวง สิบวันสุดทายของเดือนเราะมะฎอนจนกระทั่งอัลลอฮฺไดเอาชีวิต ทานไป” ซึง่ จากหะดษี ขา งตนนเี้ ราไดรับขอ มูลในสว นของสุนนะฮทฺ มี่ ี การเนนย้ํา (สุนนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ) บางประการท่ีสมควรเอาใจใส ในชวงสิบวันสุดทายของเดือนเราะมะฎอน และถือเปนภารกิจหลกั ที่ตองใหมีข้ึนในเดือนที่มีเกียรตินี้ เพราะมันจะจากไปอยางรวดเร็ว และเปนการปด ทา ยภารกจิ ของเดือนน้ไี ดเ ปน อยา งดี 279
อยางไรก็ตาม เราจะสรุปสุนนะฮฺบางประการพรอม คาํ อธิบายถงึ หลักปฏบิ ัติและเคล็ดลบั ตางๆ ทมี่ อี ยูใ หแ กทา น ดงั น้ี หนง่ึ สรา งบรรยากาศใหคํ่าคืนมีชวี ิตชวี า ในสว นนี้มหี ลักฐานทใี่ หป ฏบิ ัตอิ ยา งชดั เจนจากคาํ กลาวของ ทานหญงิ อาอิชะฮทฺ ่ีวา΅ⁿأﺣﻴﺎ الﻠﻴﻞ₧΅(ทานนบีจะสรา งบรรยากาศให คํ่าคืนมีชีวิตชีวา) และมีบางสํานวนซึ่งเปนหะดีษท่ีเฎาะอีฟไดระบุ วา΅ⁿأﺣﻴﺎ الﻠﻴﻞ ﻛﻠﻪ₧΅(ทานนบีจะสรางบรรยากาศใหตลอดท้ังคืนมี ชีวติ ชวี า) และยังมีสาํ นวนอืน่ ทไ่ี ดเ สรมิ คาํ ส่ังใชนเี้ ชน เดียวกนั น่ันคอื ⁿﺟﺪ₧หมายถึง ทุมเทอยางเต็มที่ในการฏออะฮฺและทาํ อะมลั และนี่คือภารกิจสําคัญที่ตองปฏิบัติในชวงทายของเดือน เราะมะฎอน ซ่ึงจําเปนท่ีตอ งนอนใหน อยเทาทีส่ ามารถทําได แตให นอนในชวงกลางวันแทน สวนกลางคืนนั้นใหขะมักเขมนดวยการ ละหมาดและซกิ ิรตออลั ลอฮฺ มีรายงานจากชาวสะลัฟบางทานทไ่ี ดอ ธบิ ายนิยามของการ สรางบรรยากาศใหค่ําคืนมีชีวิตชีวา ซ่ึงบางทานไดกลาววา คือการ ยืนละหมาดโดยใชเวลาสวนใหญของค่ําคืน (ซึ่งเปนคําอธิบายท่ีมี นํ้าหนกั มากทสี่ ดุ ) หรอื ครึ่งหนง่ึ ของมนั และสะลัฟบางทา นกอ็ ธบิ าย วาการที่จะไดรับความประเสริฐของการสรางบรรยากาศใหค าํ่ คืนมี ชีวิตชีวานั้นทําไดดวยการยืนละหมาดเพียงชวงเวลาหนึ่งเทานั้น และมีรายงานจากทา นอชั -ชาฟอีและทานอืน่ ๆ ไดกลาววา การท่จี ะ ไดรับความประเสริฐของการสรา งบรรยากาศใหค าํ่ คนื มชี ีวิตชวี านัน้ 280
ทําไดดวยการละหมาดอิชาอเปนญะมาอะฮฺและการตั้งใจท่ีจะ ละหมาดศุบหุ ฺเปนญะมาอะฮฺ ซ่ึงการใหค ํานิยามดงั ขา งตน นนั้ หมาย รวมทุกๆ ค่ําคืนของเดือนเราะมะฎอน และชวงสิบคืนสุดทายเปน การเฉพาะ และในคํา่ คืนลยั ละตลุ กอ็ ดรเฺ ปนการเฉพาะพเิ ศษ อยางไรก็ตาม ความพยายามในการทําเชนน้นี ั้นจําเปนตอ ง มีการเตรียมพรอมหลายองคประกอบตามท่ีเราไดนําเสนอใน หลายๆ บทกอนหนาน้ี รวมถึงการตั้งใจและมุงม่ันฝกฝน การอด หลับอดนอน และอดทนในความเหน็ดเหน่ือยจากการทุมเทอยาง เตม็ ทใี่ นการทาํ อิบาดะฮฺ สว นตวั ชว ยของมันนน้ั ทาํ ไดด ว ยการกนิ ใหน อ ย และทาํ อิบา ดะฮฺใหมีความหลากหลาย ไมวาจะเปนการยืนละหมาด การรุกูอฺ การสุูด การซกิ รุลลอฮฺ การอา นอัลกรุ อาน การคลุกคลอี ยกู บั คนที่ ขยนั ทําอบิ าดะฮฺ ท้งั น้กี ็เพอ่ื เปนแรงผลักดันใหมคี วามมุงมนั่ ทํามนั สวนบทสรุปของตัวชวยท้ังหมดนั้นก็คือ การขอวิงวอนขอ ความชวยเหลอื แรงสนับสนุน และความกรุณาธคิ ุณของอัลลอฮฺ อัซ ซะวะญัลละ เพราะพระองคสามารถท่ีจะทําใหทานยืนละหมาดอยู เบื้องหนาพระองคไดตลอดท้ังปโดยไมรูสึกเหน็ดเหน่ือยหรือ เจ็บปวยและเสียชวี ิต สอง สรา งบรรยากาศในบานใหเตม็ เปย มดวยความศรทั ธา 281
ดวยการกระตุนสมาชิกภายในบานใหทุมเทอยางเต็ม ความสามารถในการฏออะฮฺและทําอะมัล รวมถึงปลุกพวกเขาใน กยาลมาวคขํ่าอคงืนทเาพน่ือหลญะหิงอมาาอดิชตะะฮฮฺทัจ่ีวา΅ุดⁿُﻪซَึ่ﻠง ْﻫใَأนﻆเَ ร่ื َﻘอ�ْ َأง َوน₧ี้΅ม(ีแหลละักทฐาานนจจะาปกลคุกํา บรรดาภรรยาของทา นใหล กุ ข้ึนมาทาํ อิบาดะฮ)ฺ สาม รดั ผา นงุ ไวใหแนน ซ่ึงคํานิยามท่ีถูกตองที่สุดคือ การปลีกตัวหางจากภรรยา ดวยการไมมีเพศสัมพันธ ไมจูบ และไมเลาโลมเธอ โดยมีหลักฐาน จากที่ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟในมัสญิด เพ่ือแสวงหาค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺ และเปนการแสดงใหเหน็ ในสว น น้ีวา ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะรวมหลับนอนกับ ภรรยาในชวงย่ีสิบคืนแรกของเดอื นเราะมะฎอน หลังจากนั้นทา นก็ จะปลีกตัวหางจากภรรยา ทั้งนี้ก็เพ่ือแสวงหาคํ่าคืนลัยละตุลก็อดรฺ ในชวงสิบคนื สุดทาย ส่ี การอิอตฺ กิ าฟ ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “การท่ีทานนบี ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไดอิอฺติกาฟในชวงสิบคืนสุดทายเพื่อแสวงหาค่ํา คืนลัยละตุลก็อดรฺนั้น เปนไปในรูปแบบที่ตัดขาดจากภารกิจท่ี วุนวายตางๆ และเพื่อใหหัวใจมีความปลอดโปรง รวมถึงเพื่อปลีก 282
ตัวเขาเฝาพระผูอภิบาล ดวยการซิกิรและวิงวอนขอดุอาอตอ พระองค ซ่ึงทานนบีไดตงั้ ขอบเขตพ้ืนทขี่ องตวั เองแลวไดอยูในพ้ืนที่ นนั้ ตามลําพัง โดยไมค ลุกคลีและวุนวายกับใคร” ตามทัศนะของอิมามอะหฺมัด บินหัมบัลนั้น ไมสงเสริมให คนที่อิอฺติกาฟคลุกคลีกับผูคนแมกระท่ังการเรียนการสอนความรู ตางๆ และอัลกุรอาน แตท่ีดีทีส่ ุดคอื การปลีกตวั อยูคนเดียวและเขา เฝาอัลลอฮฺดวยการซิกิรและวิงวอนขอดุอาอตอพระองค ซ่ึงน่ีคือ การอิอฺติกาฟในรูปแบบของการปลีกตัวตามหลักการศาสนา และ ตองทําในมัสญิด ทั้งนี้ก็เพื่อไมใหพลาดจากการละหมาดวันศุกร และละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺ สวนการปลีกตัวทท่ี ําใหพลาดจาก การละหมาดวันศุกรและละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺนั้นศาสนาได หา มทาํ เชน นั้น ทานอิบนุอับบาสถูกถามถึงชายคนหนึ่งท่ีขยันถือศีลอด ในชวงกลางวนั และละหมาดในยามค่าํ คนื แตเ ขาไมรวมละหมาดวนั ศุกรและละหมาดฟรฎเปนญะมาอะฮฺ ? ทานไดตอบวา เขาคนน้ัน ตอ งอยูในไฟนรก ดังน้ันการปลีกตัว (ค็อลวะฮฺ) ของอุมมะฮฺน้ีท่ีหลักการ ศาสนาอนุญาตนั้นคือการอิอฺติกาฟในมัสญิด โดยเฉพาะในเดือน เราะมะฎอนและโดยเฉพาะอยา งยิ่งในชวงสิบคนื สุดทาย ดงั ท่ที านน บี ศ็อลลัลลอฮอุ ะลัยฮวิ ะสัลลมั ไดทําเปน แบบอยางไว ซึ่งคนทีอ่ ิอตฺ ิ กาฟนั้นเขาจะควบคุมตัวเองใหอยูในบรรยากาศการฏออะฮฺ 283
ตออัลลอฮฺและรําลึกถึงพระองคอยูเสมอ และจะตัดขาดจากความ วุนวายตางๆ และพยายามทําใหทั้งหัวใจและสติปญญาของเขาอยู กับอัลลอฮฺและสิ่งท่ีทําใหไดเขาใกลพระองค ซึ่งส่ิงที่เหลืออยูน ้นั ก็มี เพยี งความมุงมั่นทมี่ ีตออัลลอฮแฺ ละสง่ิ ท่พี ระองคท รงพึงพอพระทัย ดังนั้น ความหมายของการอิอฺติกาฟและแกนแทของมนั คือ “การตดั ขาดความผูกพันกบั สรรพสิ่งตา งๆ แลวมุงสูการรับใชพ ระผู ทรงสราง” ซ่ึงคราใดก็ตามทก่ี ารรูจักอัลลอฮฺ รวมถึงการมอบความ รักตอพระองค และความมักคุนกับพระองคมีมากยิ่งข้ึน มันก็จะ สงผลใหตัวเขาไดอยูกับอัลลอฮฺอยางสมบูรณในทุกสภาวการณได มากขึ้นเทานั้น ดังท่ีชาวสะลัฟบางทานพยายามที่จะปลีกตัวอยูแต ในบานของตัวเองเพ่ือเขาเฝาตออัลลอฮฺ จนกระท่ังมีคนถามเขาวา “ทานไมรูสึกเหงาบางหรอื ?” แตเขากลับตอบวา “มันจะรูสกึ เหงา ไดอยางไร ในเมื่อพระองคไดดํารสั วา ขาจะน่ังรว มอยูกบั คนท่ีราํ ลึก ถึงขา” (อัล-ละฏออฟิ หนา 348) หา กินแตพ อดีเพอ่ื ใหบ รรลเุ ปาหมายทวี่ างไว หรือใหกินม้ือ หนกั ในชว งเวลาสะหัรรวดเดยี ว นักวิชาการมีความคิดท่ีเห็นตางในประเด็นการวิศอล (การ ถือศีลอดติดตอกัน) สําหรับอิมามอะหฺมัดและทานอิสหากน้ัน อนุญาตใหทําได แตที่ถูกตองที่สุดคือใหถือศีลอดติดตอกัน 284
จนกระท่ังชวงเวลาสะหัร (กอนเขาเวลาศุบุหฺเล็กนอย) เทาน้ัน เพราะทานนบี ศอ็ ลล ِﺮลั َﺤลَّﺴอلฮุ اอَّﺘﻰะَﺣลัยْﻞฮﺻวิِ ะَﻮاสُﻴลัْﻓَﻠล،ัมﺻ َﻞไِ ดاกﻳُ َﻮลنาْ วَ أว َدาَﻓﺄَﻳُّ ُ� ْﻢ إِ َذا أَ َرا ความวา “ดังน้ัน ใครก็ตามประสงคท่ีจะถือศีลอดติดตอกัน ก็จง ถอื ศีลอดตดิ ตอ กันจนกระทงั่ ชวงเวลาสะหรั ” (บันทึกโดยอัล-บุคอ รี) ซ่ึงเปาหมายของมันไดเปนไปตามท่ีนักวิชาการไดกลาววา เปนการทําใหทอ งและความใครลดความตองการลง และการทที่ อ ง ไดวางลงน้ันจะทําใหหัวใจเต็มเปยมดวยความเขาใจในนัยตางๆ ได เปนอยางดี ซึ่งย่ิงมีความหิวกระหายและความเจ็บปวดมันก็จะ สงผลใหห วั ใจมคี วามออนโยน นมิ่ นวล และมสี มาธิมากตามไปดวย ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “นักวิชาการไดเนนย้ําให เลื่อนการละศีลอดดวยอาหารม้ือหนักไปในชวงทายของค่ําคืน โดยเฉพาะในชว งเวลาที่ตอ งการแสวงหาคาํ่ คนื ลยั ละตุลกอ็ ดร”ฺ ทานซิร บินหุบัยชไดกลาวถึงคํ่าคืนท่ี 27 ไววา “ผูใดที่ สามารถเลื่อนการละศีลอดก็จงทําเถิด และใหเขาละศีลอดดวย การดม่ื นมชนดิ หนง่ึ ท่ผี สมกบั นาํ้ ” (อลั -ละฏออฟิ หนา 346) หก อาบนํ้าแตงตวั ใหดูดีชวงระหวางมัฆริบและอิชาอใ นทกุ คํ่าคนื ของสิบคืนสุดทาย 285
ซึ่งในเร่ืองน้ีมีรายงานจากบางหะดีษที่เฎาะอีฟและมี รายงานจากการกระทําของชาวสะลัฟอยางมากมายเกี่ยวกับการ อาบน้ําใหสะอาดและการแตงตัวดวยเสื้อผาใหดูดี และในเร่ืองนี้ยงั หมายรวมอยูในคําสั่งใหมีการอาบน้าํ ใหสะอาดและการแตงตวั ใหด ู ดีโดยทั่วไปอยูแลว ซ่ึงคนท่ีอานชีวประวัติของทานนบี ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะสลั ลมั และบรรดาเศาะหาบะฮฺ รวมถงึ บรรดาชาวสะลฟั นั้น จะรับรูอยางดีวาพวกเขาจะหมั่นอาบน้ําแตงตัวใหดูดีใน ชว งเวลาของการทําอบิ าดะฮฺและการฏออะฮฺตออัลลอฮฺ พึงรูเถิดโอผูที่ต่ืนตัวในการทําความดีเอย ภารกิจตางๆ ดัง ขางตนน้ีจะเปนแรงผลักดันในการไดร ับและประสบกับคํ่าคืนลัยละ ตลุ ก็อดรฺ ตามท่ีทานนบี ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสลั ลัม ไดก ลาวถึงวา ΅ َﻣ ْﻦ َﻗﺎ َم َﻟﻴْﻠَ َﺔ اﻟ َﻘ ْﺪ ِر ِإﻳ َﻤﺎﻧًﺎ َوا ْﺣتِ َﺴﺎﺑًﺎ ُﻏ ِﻔ َﺮ ﻟَ ُﻪ َﻣﺎ َ� َﻘ َّﺪ َم ِﻣ ْﻦ َذﻧْ ِﺒ ِﻪ ความวา “ ผูใดที่ละหมาดในคืนลยั ละตุลก็อดรฺ ดวยความศรทั ธา มั่นและหวังตอการตอบแทน เขาจะไดรับการอภัยในความผิดท่ี ผา นมา” (บนั ทกึ โดยอลั -บคุ อร)ี มันคือค่ําคืนท่ีมุสลิมจะแสวงหาอยางทุมสุดตัวเพื่อไดรับ ความประเสริฐและผลบุญของมนั ในเรื่องนีอ้ ลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ไดด ํารัสวา [3 : ِّم ۡن َ� ۡل ِف َش ۡه ٖر ﴾ ]اﻟﻘﺪرٞ�ۡ ﴿ َ ۡ� َل ُة ٱ ۡل َق ۡدرِ َخ 286
ความวา “คืนอัลก็อดรฺนั้นดีย่ิงกวาหนึ่งพันเดือน” (สูเราะฮฺอัล- เกาะดรั อายะฮทฺ ่ี 3) กลาวคือ การงานท่ีทําข้ึนในค่ําคืนนั้นมีความประเสริฐยิ่ง กวาการทาํ การงานในหนึ่งพันเดอื น ซง่ึ ประมาณ 80 ปหรือมากกวา นน้ั สวนความเพอฝนและจินตนาการที่มีอยูนั้นจะไมชวยให ทานม่ันคงในการแสวงหาค่าํ คืนนั้นใดๆ เลย แตสิ่งท่ีจําเปนท่สี ุดคือ การพยายามอยางสุดความสามารถในการพิชิตมันมาใหได และ ใหอัลลอฮฺทรงเห็นความดงี ามที่มีอยูในตวั ของทาน จนกวาพระองค จะไดเห็นความพยายามของทานแลวพระองคก ็จะทรงตอบรบั ทา น และไดเห็นความมุงม่ันตั้งใจของทานแลวพระองคก็จะทรงใหค วาม กรุณาธิคุณตอสถานะของทาน และจะทรงสถาปนาการเปนคนรัก ของพระองคแ กทา น และพระองคจะทรงบันทกึ ช่อื ของทา นในกลมุ คนท่รี อดพน จากไฟนรก สวนการกําหนดเจาะจงค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺนั้นมีความ เปนไปไดตามที่ทัศนะที่ถูกตอง ดังท่ีทานอัน-นะวะวีไดระบุไว ซ่ึง ทานอิบนุหะญัร เราะหิมะฮุมัลลอฮฺ ไดเห็นดวย กระนั้นก็ตามใน เรื่องนี้สําหรับคนท่ีอัลลอฮฺไดเผยสัญญาณใหแกเขาเพียงเทาน้ัน ย่ิงกวานั้นตามทัศนะของนักวิชาการสวนใหญแลวผลบุญของความ ประเสรฐิ ของมันจะไดเฉพาะคนที่มโี อกาสประสบกบั มันเทานัน้ แต 287
ในเร่ืองนี้ทานอัฏ-เฏาะบะรี, ทานอิบนุอัล-อะเราะบี, และ นกั วชิ าการทานอ่ืนๆ มคี วามคิดเหน็ วา ผลบุญความประเสรฐิ ของมนั นั้นจะไดกับทุกคนที่ประสบกับมันแมวาจะไมมีสัญญาณใดๆ เผย ใหแกเขาก็ตาม ในแงมุมน้ีทําใหเ กิดประเด็นปลกี ยอยออกมาน้ันคือ จะมีสัญญาณของค่ําคืนลัยละตุลก็อดรฺหรือไม ? ซ่ึงนักวิชาการกลุม หนึ่งเห็นวามีสัญญาณบางประการทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ เชน จะเห็นทกุ สรรพ สิ่งกําลังสุูด และนักวิชาการบางทานก็กลาววา จะมีแสงสวางไป ทว่ั ทิศแมก ระทัง่ ในพ้ืนท่ีมดื สนิท และบางทา นกไ็ ดก ลาววา ในคาํ่ คนื น้ันจะไดยินเสียงสลามและการโตตอบของมลาอิกะฮฺ และบางทาน ก็กลาววาสัญญาณของมนั กค็ ือดุอาอของคนท่ีวอนขอจะถูกตอบรบั โดยทนั ที แตทานอัฏ-เฏาะบะรมี ีความคิดเห็นวา สญั ญาณทั้งหมดดงั ขางตนน้ันไมจําเปนตองมีขึ้นเสมอไป และการท่ีจะไดรับความ ประเสริฐของมันนั้นไมไดมีเง่ือนไขวาจะตองเห็นหรือไดยินอะไร บางอยา ง อยางไรก็ตาม ทานอิบนุหะญัร เราะหิมะฮุลลอฮฺ มี ความเห็นวาคาํ่ คืนลัยละตุลก็อดรฺมีสัญญาณของมัน ซ่ึงเง่ือนไขของ คนที่จะไดรับผลบุญของมันตามท่ีถูกสัญญาไวนั้นคือคนท่ีรับรู สัญญาณนั้นเทาน้ัน ซ่ึงไมใชคนท่ีเฝายืนละหมาดแลวตรงกับค่ําคืน นั้น แมวาเขาจะไดรับผลบุญของการยืนละหมาดอยางมหาศาล เนอื่ งจากการแสวงหามันก็ตาม 288
ประเด็นตอมาหากมีใครคนหนึ่งรูวาคํ่าคืนนั้นเปนคํ่าคืนลัย ละตลุ กอ็ ดรเฺ ขาสามารถบอกคนอ่ืนไดห รือไม ? ในเร่ืองนี้ทานตะกียุดดีน อัส-สุบกีไดวิเคราะหจากคํากลา ว ข ْنอَ أงﻰท َﺴาَﻋนﺴَو ِﺔนَ ﺖบَﺨﻌَ ีﺎ ِْمศ็ﻓِﻟอ َوُﺮاล َﻓ،،ลٌن ِﺔลัﺑَِﻼ َﻌลﺴﺎอَّو ُﻓฮَالอุ ٌنَوะ،ِﺔ َﻼลﻓَُﻌยั ِﺳฮิﺎﻰวﻟ ََّﺘﺣะاَﻼสﻓَﺘﻲลัِ�َ ลﻫﺎ،َ มัُﺴْﺪﻮِرทีِ่ﻤ َﻘว َﺘاﻟาْﻴْﻠَﻓَﺎِﺔﻟ،َﻳَ َﺧ َﺮ ُ� ْﺟﻮ َُنﺖ َِﺧ ُﻷ ْ ًْ�ﺧا ِﺒ َﺮﻟَ ُ� ْﻢ ُ�ﺑِ ْﻢﻠ ความวา “ฉันออกมาเพื่อแจงขาวแกพวกเจาเกี่ยวกับคํ่าคืนอัลก็ อดรแฺ ตแลวกม็ ีคนน้ันและคนน้ันกาํ ลังโตเ ถยี งและดา วา กนั ดังนั้น มันจึงถูกยกกลับไป (ทําใหทานลืมไป) และหวังวามันจะเปนการ ดีสําหรับพวกเจา (ที่ไมมีการเจาะจงค่ําคืนอัลก็อดรฺ) ดังนั้นพวก เจาจงแสวงหามันในคํ่าคืนที่ 29 หรือ 27 หรือ 25” (บันทึก โดยอลั -บคุ อร)ี จากการวิเคราะหเน้ือหาของหะดีษบทน้ี สงเสริมใหคนท่ี พบเห็นคํ่าคืนลัยละตุลก็อดรฺปกปดมันโดยไมตองแจงใหใครรู ซึ่ง หลักฐานในเร่ืองน้ีคือ อัลลอฮฺไดกําหนดไมใหนบีของพระองคแจง ขอมูลเกี่ยวกับมันแกใคร เพราะทุกส่ิงที่ถูกกาํ หนดน้ันลวนมคี วามดี งามอยู ดังน้ันจึงสงเสริมใหปฏิบัติตามทานในเร่ืองน้ี และในสิ่งที่ ทานไดกลาวถึงค่ําคืนใดน้ันก็ใหพิสูจนและพินิจพิจารณาใหดี ทานอัล-หาวีไดกลาวในชัรหฺ อัล-มินฮาจญเก่ียวกับเร่ืองน้ีวา หิก มะฮฺในเรื่องน้ีคือ มันเปนกะรอมะฮฺ (ปาฏหิ าริย) ท่สี มควรอยา งยิ่งที่ 289
จะตองปกปดมันโดยไมตอ งแจงใหใครรู ซ่ึงเปนท่ีเห็นพองกันในหมู ผูท่ีมุงสูอัลลอฮฺ เพราะในแงของจิตใจน้ันเปนการยากท่ีจะรอดพน จากการหลงตวั เอง และอีกแงม มุ หนึง่ มันยากท่ีจะรอดพนจากการริ ยาอ (โออวด) สวนในแงของจรรยามารยาทนน้ั จะไมทําใหไปวนุ อยู กับการเฝามองดมู ันและการบอกแกผูอ่นื จนลืมชุกูรตออลั ลอฮฺ และ ในอีกแงมมุ หนึ่งนัน้ มันยากทีจ่ ะรอดพนจากความอิจฉารษิ ยาและจะ ทําใหคนอ่ืนตกอยูในความผิดบาป ซึ่งคํากลาวของทานนบียะอฺกูบ ไดส นบั สนุนแงมุมนไี้ ดอยา งดี น่นั คอื ΅ [٥ : ﴾ ]ﻳﻮﺳﻒ٥ ﴿ َ�ٰ ُب َ َّ� َ� َ� ۡق ُص ۡص ُر ۡءيَا َك َ َ ٰٓ� إِ ۡخ َوتِ َك ความวา “โอลูกรักเอย เจาอยาเลาความฝนของเจาแกพ่ีนอง ของเจา” (สเู ราะฮยฺ ูสุฟ อายะฮฺที่ 5) ซ่ึงน่ีคือขอแนะนําที่ดีที่สุดในเร่ืองนี้ ขออัลลอฮฺทรงอํานวย ในการทําความดี 2. ไมเพิกเฉยตอการเชิญชวนทําความดีและหักหามจาก การทําความช่ัวเทาท่ีสามารถ เพราะมันเปนหัวใจหลักของคําสอน ในการมีชีวิตอยูของทาน ย่ิงกวาน้ันมันเปนผลของการทําอิบาดะฮฺ ตางๆ และเปนการใหความสําคัญตอคําส่ังใชและคําส่ังหาม สวน การละท้ิงภารกิจนี้น้ันจะทําใหการทําความดีและอิบาดะฮฺตางๆ ท่ี 290
ไดทําไวไมมีอรรถรสของความหอมหวาน ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะ ล ُ ْوبยัﺎ َأฮ، َﺠวิ َﺘِﺮะ َْﻜﺴสُ�ْัﻨลﻼ ُﻤลْัاَلมُﻪِﻦ َﻓไﻋดﻮ ََﻧก ُنﻋลَّ ﻮْﺪาُ َﻬﺘวَ �َْﻨว َﺘาَﻌ َﻟََﺘﺚﺄْ ُمَﻋ ُﺮﻠَﻴَّْن ِﺑ ُ�ﺎلْْﻢ َﻤ ْﻌِﻋ ُﺮَﻘﺎو ًﺑ ِﺎف ِﻣ َﻨْو َُﻪﻟ،َْأِ� َﻴْن ِﺪ َِه�ﺒ َ� ْﻔ ِﺴﻲ ي َّ َوا ﻟ ِﺬ �ُ َّ َﻟ ُﻴﻮ ِﺷ َ� َّﻦ ا ﻟَ ُ� ْﻢ ความวา “ขอสาบานดวยกับผูท่ีชีวิตขาอยูในพระหัตถของ พระองค พวกทานตองรวมกันสั่งเสียในความดี หักหามจาก ความชวั่ หรือ (ถา พวกทา นไมทําเชน นนั้ ) เหน็ ทอี ัลลอฮจฺ ะสง การ ลงโทษของพระองคลงมายังพวกทาน เมื่อน้ันแมพวกทานจะ วิงวอนขอจากพระองค พระองคก็จะไมทรงตอบรับ” (บันทึก โดยอัต-ติรมิซี) แลวมันจะมปี ระโยชนอ ะไรในการท่ีทานไดย ืนอยูเบื้องหนา พระผูอภิบาล โดยท่ีผูคนท้ังหลายยังคงละเมิดขอหามของพระองค และหาญกลาในการฝาฝนพระองคอยางโจงแจง โดยท่ีทานไมรูสึก โกรธเคืองตอ ตวั พวกเขาเลย แตหากทานไมสามารถท่ีจะเรียกรองเชญิ ชวนไปสูพระองค หรือช้ีนําผูคนไปสูพระองค รวมถึงไมสามารถที่จะส่ังใชพวกเขาให ทาํ ความดแี ละหามปรามพวกเขาจากการทําความชั่วได กใ็ หท านใช มันกลาวอางตอ อลั ลอฮฺ อัซซะวะญัลละ วา ทานไดพยายามตกั เตือน แลว และทา นไมไ ดล ะทิ้งการตกั เตอื นผูคนแตอยางใด 291
ِّم ۡن ُه ۡم لِ َم َت ِع ُظو َن َق ۡو ًما ٱ َّ ُ� ُم ۡهلِ ُك ُه ۡم أَ ۡو ُم َع ِّذ ُ� ُه ۡم َع َذا ٗباٞ﴿ � ۡذ َقا َل ۡت أُ َّمة [١٦٤ : ﴾ ]اﻷﻋﺮاف١٦٤ َش ِدي ٗد�ۖ َقالُواْ َم ۡع ِذ َرةً إِ َ ٰ� َر ّ�ِ ُ� ۡم َو َل َع َّل ُه ۡم َ� َّت ُقو َن ความวา “และจงรําลึกขณะที่กลุมหนึ่ง ในพวกเขากลาววา เพราะเหตุใดเลาพวกทานจึงตักเตือนกลุมชน ท่ีอัลลอฮฺจะทรง เปนผทู ําลายพวกเขาหรอื เปนผลู งโทษพวกเขาอยางรุนแรง พวก เขากลาววา (การที่เราตักเตือนนั้น) เพ่ือเปนขออางตอพระ เจาของพวกเจา และเพ่ือวาพวกเขาจะไดยําเกรง” (สูเราะฮฺอัล- อะอรฺ อฟ อายะฮฺท่ี 164) 3. ถาหากทา นเปน อิมาม หรือเคาะฏีบ หรือนกั ดาอี กใ็ หต วั ทานพยายามมบี ทบาทในการเชิญชวนผูคนไปสูพระผูทรงสรา งและ พระผูทรงอภิสิทธิ์ของพวกเขา เพราะการเชิญชวนสูอัลลอฮฺคือ ภารกิจสําคัญของบรรดานบีและเราะสูล สวนการไมทําหนาท่ีเชิญ ชวนไปสูอัลลอฮฺน้ันจะปดกั้นตัวทานจากการไดอยูรวมกับคนท่ีได เขา สวรรค อยา งไรกต็ าม ทานอยาลืมเขมงวดทจ่ี ะพจิ ารณาตัวเองวา ได ทําความดีน้ันหรือไม ท้ังนี้เพ่ือปกปองตัวทานจากการเขามาของ ความใคร 4. หากชว งเวลาสว นใหญข องเดือนผา นพนไปแลว ก็อยาทอ ใจท่ีจะมุงมั่นในชวงเวลาท่ีเหลืออยู และอยาปลอยใหชัยฏอน 292
กระซิบกระซาบหัวใจของทานใหรูสึกส้ินหวังแลวทานก็หยุดไมทํา อะไรเลย แตจงอยาปลีกตัวออกจากคนท่ีมุงม่ันขยันหม่ันเพียร เพราะอัลลอฮฺอาจจะใหทานเปนสวนหนึ่งของพวกเขาก็เปนได ดังน้นั จงทํามันตอ ไปเถิด 5. หากทา นไมรสู ึกกงั วลและหวาดหวั่นตอ คณุ งามความดีที่ ไดทําไปวาจะถูกตอบรับหรือไม ยอมเปนสัญญาณท่ีไมดี เพราะ คุณลกั ษณะของผศู รทั ธานั้นพวกเขา ﴾ ]اﻟﻤﺆﻣﻨﻮن٦٠ ﴿ يُ ۡؤتُو َن َمآ َءاتَواْ َّو ُقلُو ُ� ُه ۡم َو ِجلَ ٌة َ� َّ� ُه ۡم إِ َ ٰ� َر ّ�ِ ِه ۡم َ�ٰ ِج ُعو َن [٦٠ : ความวา “พวกเขาไดบริจาคสิ่งที่ไดมา โดยท่ีจิตใจของเขาเปยม ไดดวยความหว่ันเกรงวา แทจริงพวกเขาตองกลับไปหาพระ เจาของพวกเขา” (สูเราะฮฺอัล-มุอมินนู อายะฮฺที่ 60) ทานมาลิก บินดีนารไดกลาววา “ความหวาดหวั่นตอการ งานที่อาจจะไมถ ูกตอบรับมคี วามสาํ คญั ยง่ิ กวา การทําการงาน” ทานอะฏออ อัส-สุลัยมีไดกลาววา “อัล-หัซร (การเฝา ระวัง) คือ การระวังตอการงานที่ไดทําท่ีอาจไมไดเปนไปเพ่ือ อัลลอฮฺ” ทานอับดุลอะซีซ บินอบีเราวาดไดกลาววา “ฉันไดพบกับ กลุมชนหน่ึงซึ่งพวกเขามีความขะมักเขมนอยางมากในการทํา 293
การงานท่ีดี ซ่ึงเมื่อพวกเขาไดทาํ การนั้นพวกเขาก็จะมีความรสู กึ กังวลวา มนั จะถกู ตอบรบั หรือไม ” ทานอิบนุเราะญับไดกลาววา “สะลัฟบางทานจะเผยถึง ความรูสึกท่ีโศกเศราในวันอีดฟฏรฺ” จึงมีคนกลาวแกเขาวา “วันน้ีเปนวันร่ืนเริงและปติยินดีไมใชหรือ ?” เขาจึงตอบวา “พวกทานพูดถูก แตฉันเปนบาวท่ีพระผูอภิบาลของฉันไดสั่งใช ใหทําการงาน ซึ่งฉันไมรูเลยวาการงานที่ไดทําไปจะถูกตอบรับ หรือไม ?” และมีรายงานวาทานอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ไดปาว ประกาศในคํ่าคืนสุดทา ยของเดอื นเราะมะฎอนวา “โออ นิจจา หาก ฉันไดรูวาการงานน้ันถูกตอบรับฉันจะไดยินดีไปกับมัน และการ งานนั้นไมถ กู ตอบรับฉนั จะไดเสียใจไปกับมัน” 6. อยาทอแทตอภาระหนาที่ที่มีอยู แมเวลาท่ีจะทําอะมัล ศึกษาหาความรู และดูแลครอบครัว ฯลฯ จะมีอยูอยางจํากดั ก็ตาม เชนเดียวกับผูหญิงที่มีภาระหนาที่อันหนักอ้ึงในการอบรมดแู ลลกู ๆ และจัดการเรื่องท่ีมีอยใู นครัวเรอื น ซ่ึงแมวาสง่ิ เหลา นจ้ี ะเปนภาระท่ี แสนสาหัสมากๆ แตมันก็ไมอาจที่จะยับย้ังจากการรับใชผูที่คูควร แกการเคารพภักดแี ละการทมุ เททาํ ความดีในเดอื นน้ี สําหรับสาเหตุที่ทําใหพวกเขาลมเหลวก็เปนเพราะการ เช่ือมั่นและพ่ึงพาในความสามารถและความเกงกาจของพวกเขา 294
เพียงอยางเดียว ซ่ึงเปนการเชื่อม่ันตอความออนแอและความ บกพรอ งของพวกเขาเอง แตการขอความชว ยเหลือตอ อลั ลอฮฺดว ยความจรงิ ใจนั้นมนั จะเปนส่ิงที่คํ้าประกันในส่ิงที่เปนไปตามกาลเวลา รวมถึงความมุ มานะและพลังความสามารถที่มีอยู จนทําใหในแตละวันน้ันเขาจะ พบกับแสงเจิดจรัสอันยาวนาน (ความชวยเหลือและการอํานวย ความสะดวกในการทําภารกิจตางๆ) โดยไมรูสึกตัว และขณะท่ี กําลังวังชาไดออนเปลี้ยเพลียแรงไปเร่ือยๆ แตการแบกรับภารภิจ อันหนึกอ้ึงของการฏออะฮฺน้ันกลับพบกับความงายดาย หรือทาน แปลกใจการท่ีเศาะหาบะฮฺไดออกรวมทําสงครามโดยมีเสบียงเปน อินทผลัมไมกี่เม็ดท่ีพวกเขาใชด ูดกัน แตแลวมันก็ทําใหรา งกายของ พวกเขามพี ลงั ตอ หนาบรรดาศัตรูได ดว ยอัลลอฮฺสาํ หรบั การเชือ่ มั่น และยงั พระองคสําหรับการมุง กลับไป และดวยพระองคส าํ หรบั การขอความชวยเหลอื ซึ่งหากทําเชน นั้นไดทกุ ส่ิงกจ็ ะเอื้อแกท าน ΅΅ 7. อยาปลอยใหเวลาผานพนไปโดยไมทําคุณงามความดี ใดๆ และจงเตรียมอะมัลทางเลือกท่ีมีความหลากหลาย เพราะเม่ือ 295
ทานมีความรูส กึ ทีเ่ บ่ือหนายจากการทาํ อะมัลหนง่ึ ทานก็จะมอี ะมัล อนื่ เพ่อื ใหท ําตอ ซ่ึงเราขอแนะนํากิจวัตรในเดือนเราะมะฎอนแกทาน ดงั ตอไปน้ี อานอัลกรุ อานวันละ 5 ยุซเปนอยางนอ ย ไปมสั ญดิ กอ นเขา เวลาอะซานตั้งแตเนิ่นๆ พยายามละหมาดสุนตั เราะวาตบิ และที่ไมใ ชเราะวาติบ พยายามใหมีสมาธิในการละหมาดและหม่ันทบทวนตัวเอง กอ นและหลังละหมาด ใหละหมาดตะรอวีหฺและตะฮัจุดในทุกค่ําคืน 3 ช่ัวโมง เปน อยา งนอ ย และถาละหมาดตะรอวีหเฺ ปน ญะมาอะฮแฺ ลว ก็ใหใ ชเวลาสวนหนงึ่ ละหมาดกิยามุลลัยลฺทบี่ า นดวย หม่ันซิกรุลลอฮฺดวยล้ินและหัวใจ โดยเฉพาะการอานอัซ การยามเชาและเยน็ หมน่ั ขอดุอาอและวิงวอนขอตอ พระองค ไมปลอยใหชวงเวลาของเดือนเราะมะฎอนหมดไปโดยที่ ไมไดท าํ สง่ิ ทเี่ ปน สุนตั ยกเวน ชวงเวลาท่ีไมอ นุญาตใหทํา ใหละหมาดฎฮาทีม่ ัสญิดหลังละหมาดศบุ ุหฺ บริจาคทานทุกๆ วัน 296
โอผูท่ีใฝในความดีเอย นี่คือขอแนะนําอันนอยนิดสําหรับ คนที่ขยันมุงมั่นทําความดีในเดือนเราะมะฎอน และถือเปนอะมัล จํานวนหนึ่งท่ีชาวสะลัฟเคยปฏิบัติไว เมื่อเทียบกับคนท่ีไมคอยเอา ไหนในการทาํ อะมลั หรอื คนท่ีขเี้ กียจ ดงั น้นั จงมคี วามตงั้ ใจและขยนั ทําอะมัลตางๆ ท่ีจะทําใหทานรอดพนจากไฟนรกเถิด และใครที่ มงุ มน่ั ตงั้ ใจมากเพยี งใด ความมุงมัน่ ต้งั ใจกจ็ ะเพมิ่ ขึ้นอกี มากเทา นนั้ 8. การเตรียมตัวเพ่ือเขาสูเดือนเราะมะฎอนและการมี ความรูสึกท่ีถวิลถึงและอยากอยูในชวงเวลาของมันนั้น จําตอง กระตุนกอนที่เราะมะฎอนจะมาถึงเปนเวลาหลายเดือน ซึ่งทาน จะตองปลุกความรูสึกในนัยตามที่เราไดนําเสนอในหนังสือเลมน้ี พรอมกับตระเตรียมตัวเองเพ่ือการฝกฝนใหมีความมุงม่ันตั้งใจ ตามท่ีเราไดนําเสนอไปแลว รวมถึงการที่ทานจะตองมีความหวังที่ จะไดรับการอภัยโทษและการปกปอ งใหรอดพนจากไฟนรกดว ย ส่ิง เหลาน้ีเองท่ีจะทําใหทานเปนคนท่ีมีความพรอมในการเขาสูเดือนน้ี อยา งจริงจงั ทานอิบนุเราะญบั ไดกลาววา “ชาวสะลัฟบางทานจะวอน ขอตออัลลอฮฺตลอดท้ังหกเดือนเพ่ือใหพวกเขาไดมีโอกาสอยู ในชวงเดือนเราะมะฎอน หลงั จากน้ันพวกเขาจะวอนขอตออลั ลอ ฮฺตลอดหกเดือนท่ีเหลือเพื่อใหพ ระองคต อบรับส่งิ ทีพ่ วกเขาไดทํา ไว” 297
ซง่ึ สง่ิ ท่สี ะทอ นใหเ ห็นจากคาํ กลา วของชาวสะลัฟขา งตนนี้ก็ คือ พวกเขาจะวอนขอตลอดท้ังเดือนเราะมะฎอนใหอัลลอฮฺทรง ตอบรับการงานที่พวกเขาไดทํา หรือวอนขอใหพวกเขามีโอกาสอยู ในเดือนเราะมะฎอนที่จะมาถึงในปถัดไป และนี่คือสุดยอดแหง ความหวงั ของคนๆ หนึง่ ทม่ี ีตอพระผูอภบิ าลของเขาดวยการวิงวอน ขอใหพระองคท รงตอบรับการทําความดีของเขาและขอใหพ ระองค ทรงอํานวยใหเขามีโอกาสไดท าํ มนั อกี โอผูท่ีมุงสูโลกอาคิเราะฮฺ เรายังคงเนนย้ําวัตถุประสงค เริ่มแรกของหนงั สือเลม นี้ (นั่นคอื วัตถปุ ระสงคข องการมงุ สโู ลกอาคิ เราะฮ)ฺ และเราพยายามนําเสนอเนือ้ หาดว ยสาํ นวนทีเ่ ขาใจงา ยทสี่ ดุ แลว ซ่ึงหากทานไดซึมซับในส่ิงท่ีเราไดนําเสนอไปก็จงปลุกเราแรง ปณิธานของทานแลว กระโจนเขา สูสนามใหฝ ุนตลบฟงุ และบกุ เขา ไป ทามกลางอุปสรรคทั้งหลายนั้นเถิด (กลาวคือ ใหลงมือทําอยาง จริงจัง โดยพรอมท่ีจะเผชิญกับบททดสอบตางๆ) หากไมแลวก็จง พนิ ิจใครครวญคําดํารสั ของอัลลอฮฺ อัซซะวะญัลละ ทวี่ า َلَنكۚ َف�َوأُ َِخمْواَرَٰلٓةُ�َِأ�َ َ َكن ۡ�َ ََ�� ُ�ََطنآَد ُءََرس َۡعَر ُي�ّ�ِٰ ُه َٖتكمٞ َ[َٰو�َ�ُه ََ� َطو ۡعآ ُءِٖم ۡ�ؤَضر ِّ�مِ َو٢َۡان١ َيۡمِم َه،ُۡهع١ضس ِء٩ٓ�ََ َ :خ َُّ َدر َةف﴾ َٰٓه َ]َفُوؤا َََّسض�ٓﻹَ ۡلِء ٰﺳ�َناَوﺮلَآََٰه�َهء ُاۡعؤ٢ِِۡيم١نا َُِدُضظ ّٗيۡرٱ ٗ��نَُّ�ك١ٱفر٩َۡ ََ�أ٢�٠َََّومأَ﴿ۡ� ۡ ُش َظو ۡ ُ�وَكم ًَروۡاُ�نٗر 298
ความวา “และผูใดปรารถนาโลกอาคิเราะฮฺ และขวนขวายเพ่ือ มันอยางจริงจัง โดยท่ีเขาเปนผูศรัทธา ชนเหลานั้น การ ขวนขวายของพวกเขาจะไดรับการชมเชย ท้ังหมดเราชวยเขา เหลานี้และเขาเหลา โนนจากการประทานใหของพระเจาของเจา และการประทานใหของพระเจาของเจาน้ันมิถูกหาม (แกผูใด) จงดูเถิด เราไดทําใหบางคนในหมูพวกเขาดีเดนกวาอีกบางคน อยางไร และแนนอนโลกอาคิเราะฮฺนั้นมีฐานะย่ิงใหญกวาหลาย ชั้น และย่ิงใหญกวาในทางดีเดน” (สูเราะฮฺอัล-อิสรออ อายะฮฺที่ 19-21) และคําวิงวอนสุดทายของเราคือ การสรรเสริญทั้งหลาย เปน สทิ ธิของอัลลอฮฺ พระผูอภบิ าลแหงสากลโลก ΅ 299
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301