150 ผใู้ ดกต็ ามท่ีไม่พจิ ารณาอลั กรุ อานพวกเขาจะไม่รู้วา่ ในน้นั เตม็ ไปดว้ ยความสจั จริง เพราะอลั กรุ อานน้นั มาจากอลั ลอฮฺ และหากอลั กรุ อานม าจากผทู้ ่ีไมใ่ ช่อลั ลอฮฺ แลว้ แน่นอน จะพบวา่ ในน้นั มีความขดั แยง้ อยา่ งมากมาย จากการวจิ ยั พบวา่ ในอลั กุรอานมีการใชภ้ าษาท่ี สละสลวย คาท่ีคลอ้ งจอง คาตรงกนั ขา้ ม และอีกหลากหลายรูปแบบที่เป็นการยนื ยนั วา่ อลั กรุ อาน น้นั มาจากอลั ลอฮฺ เพียงองคเ์ ดียวและไม่มีผใู้ ดเลียนแบบได้ หลกั การใชภ้ าษาในสูเราะฮฺนูหฺ มีดงั ตอ่ ไปน้ี 1. อลั ลอฮฺ ไดใ้ ชค้ าที่หลากหลายในสูเราะฮฺนูหฺ มีการใชร้ ูปแบบ )(الطباؽ อตั ติบาก25(Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/150) ซ่ึงเป็นคาสองคาท่ีตรงขา้ มกนั ดงั คาต่อไปน้ี 1.1 คาวา่ ﭽ﮶ﭼหมายถึงกลางคืนและ ﭽ﮷ﭼหมายถึงกลางวนั 1.2 คาวา่ ﭽﯲﭼหมายถึงเปิ ดเผยและ ﭽﯺﭼหมายถึงการปกปิ ด หรือความลบั 1.3 คาวา่ ﭽﯶﭼหมายถึง ขา้ พระองค์ ไดป้ ระกาศอยา่ งเปิ ดเผย และ ﭽﯸﭼหมายถึงขา้ พระองคไ์ ดป้ ระกาศอยา่ งลบั ๆ 1.4 คาวา่ ﭽ ﮃ ﭼหมายถึง จะ ทรงใหพ้ วกท่านกลบั เขา้ สู่ และ ﭽﮅﭼหมายถึงทรงใหพ้ วกท่านออกมา 2. อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานโดยใชร้ ูปแบบ ) ل(امجا زلادرسلอลั มะญาส อลั มุรซลั 26 เป็นคาที่กล่าวในอายะฮฺใหค้ วามหมายตา่ งจากความหมายจริงของคา แต่ความหมายท่ีใช้ และความหมายจริงของคา มีความเกี่ยวขอ้ งกนั ดงั อายะฮฺตอ่ ไปน้ี 25 อตั ติบาก ) (الطباؽเป็ นประเภทหน่ึงของหลกั ภาษา ) (البلاغةท่ีกลา่ วถึงการใชค้ าในภาษาอาหรับ โดยท่ีคาสอง คาที่อยใู่ นประโยคเดียวกนั แตท่ ้งั สองคามีความหมายตรงขา้ มกนั และคลอ้ งจองกนั (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:65) 26 อลั มะญาส อลั มุรซลั )ل(امجا زلادرسلคือ การใชค้ าในภาษาอาหรับ โดยท่ีคาน้นั ๆ ใหค้ วามหมายตา่ งจากคาที่ใช้ จริง แตค่ าท่ีใชแ้ ละความหมายของคามีความเก่ียวขอ้ งกนั (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:215)
151 2.1 อลั ลอฮฺ กล่าววา่ ﭽﯥﯦ ﯧﯨ ﭼความวา่ “พวกเขา กเ็ อานิว้ มืออุดรูหูของพวกเขา ” ในที่น้ีไมไ่ ดใ้ หค้ วามหมายวา่ การเอามืออุดรูหู เนื่องจากมนุษยไ์ ม่ สามารถเอามืออุดรูหูได้ แต่ความหมายที่แทจ้ ริงคือ การท่ีพวกเขาเอาปลายนิ้วมืออุดรูหูของพวกเข า (Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/150) 2.2 อลั ลอฮฺ กล่าววา่ ﭽ ﭑ ﭒﭓﭔ ﭼความวา่ “พระองค์จะทรง ส่งท้องฟ้ าอย่างมากมายแก่พวกท่าน ” ในท่ีน้ีไม่ไดใ้ หค้ วามหมายวา่ ทอ้ งฟ้ าถึงแม้ จะใชค้ าวา่ ทอ้ งฟ้ า แต่ ความหมายท่ีแทจ้ ริงคือ การหลงั่ น้าฝน เพราะน้าฝนลงมาจากทอ้ งฟ้ า (‘Iṣām zuhd, 2005: 19) 2.3 อลั ลอฮฺ กล่าววา่ ﭽ ﯻﯼﯽ ﯾ ﯿﭼความวา่ “และ พวกเขาน้ันให้กาเนิดแต่พวกเลวทราม พวกปฏิเสธศรัทธาเท่านั้น ” ในท่ีน้ีไมไ่ ดใ้ หค้ วามหมายวา่ กลุ่มชนท่ีด้ือร้ันหากอลั ลอฮฺ ทรงประสงคใ์ หพ้ วกเขากาเนิดลูก พวกเขาจะใหก้ าเนิดแต่ ลูกท่ีเลว ทรามและปฏิเสธศรัทธา แต่ความหมายท่ีแทจ้ ริงคือ กลุ่มชนที่ด้ือร้ันหากอลั ลอฮฺ ทรงประสงค์ ใหพ้ วกเขากาเนิดลูก พวกเขากจ็ ะทาการสอนสง่ั ลูกๆของพวกเขาใหป้ ฏิบตั ิตามบรรพบุรุษในการ สักการะรูปป้ันเฉกเช่นที่พวกเขาปฏิบตั ิมาเป็นเวลายาวนาน ซ่ึงผลที่จะตามมาคือลูกๆ ของพวกเขาก็ ปฏิบตั ิตามพวกเขาโดยการปฏิเสธศรัทธา และสกั การะสิ่งอื่นนอกเหนือจากอลั ลอฮฺ ซ่ึงเป็นการ กระทาที่เลวทรามยงิ่ ตอ่ พระองค์ (‘Iṣām zuhd, 2005: 19) 3. อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานโดยใชร้ ูปแบบ) (لاإستعارةอลั อิซติอาเราะฮฺ 27 ซ่ึงเป็นการเปรียบเทียบวา่ ﭽﭼﭽﭾ ﭿﮀﮁ ﭼความวา่ “และอัลลอฮฺทรงบงั เกิด พวกท่านจากแผ่นดินเช่นพืชผกั ” ในอายะฮฺน้ีอลั ลอฮฺ ไดใ้ ชค้ าวา่ ﭽﭽﭼอนั หมายถึงงอก เงย ซ่ึงเป็นการใชส้ านวนโดยการเปรียบเทียบการบงั เกิดมนุษยเ์ ช่นพืชผกั เพราะพืชผกั งอกหรือ เติบโตมาจากดินและมีระยะการเติบโตของ พชื ผกั เปรียบเช่นการบงั เกิดมนุษยท์ ี่ถูกสร้างมาจากดิน และมีระยะการเติบโตของมนุษย์ (Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/150) 27 อลั อิซติอาเราะฮฺ ) (لاإستعارةคือ การนาความหมายจริงเพ่ือเปรียบเทียบหรืออุปมาดว้ ยการลบหน่ึงในสองสิ่งที่ ถูกอุปมา (อาจจะลบมุชบั บะฮฺ บิฮฺ-ส่ิงที่ถูกอปุ มาดว้ ยมนั หรือลบมชุ บั บะฮฺ-สิ่งที่ถูกอปุ มา) ก็ได้ (Muhammad Ah- mad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:192)
152 4. อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานในรูปแบบ ) (لاإطنا بอลั อิฏนาบ28 โดยใช้ คานาม ) ل(ادصدرอลั มศั ดรั ฺ 29 ในอายะฮฺซ่ึงเป็นการยนื ยนั ถึงการกระทาน้นั ๆ (Wahbah al- Zuḥailiy,2009: 15/150) 4.1 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺที่ 7 วา่ ﭽﭼ ความวา่ “และหยิ่งยะโสด้วยความจองหอง ” เป็นกล่าวถึงคุณลกั ษณะกลุ่มชนของทา่ นนบีนูหฺ ท่ีปฏิเสธศรัทธาซ่ึงพวกเขาเป็นพวกหยงิ่ ยโสอีกท้งั จองหอง 4.2 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺท่ี 9 วา่ ﭽﯗ ﯘﯙﭼความ วา่ “อีกทั้งข้าพระองค์ยงั ได้บอกกล่าวแก่พวกเขาอย่างลบั ๆ อีกด้วย” เป็นการกล่าวถึงรูปแบบการ ดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ รูปแบบหน่ึงนน่ั ก็คือการดะอฺวะฮฺอยา่ งลบั ๆ 4.3 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺที่ 18 วา่ ﭽﮅ ﮆﭼความ วา่ “และจะทรงให้พวกท่านออกมาอีกเพ่ือคืนชีพ ” เป็นการกล่าวถึงการท่ีอลั ลอฮฺ จะทรงให้ มนุษยอ์ อกมาจากผนื ดินอีกคร้ังในวนั ฟ้ื นคืนชีพ 5. อลั กินายะฮฺ30 ) (الكنايةคือ คาที่ตอ้ งการความหมายอ่ืนที่สอดคลอ้ งกบั คาเดิม พร้อมกบั อาจส่ือถึงความหมายเดิมไปพร้อมๆกนั (‘Iṣām zuhd, 2005: 19) ดงั อายะฮฺตอ่ ไปน้ี อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานอายะฮฺที่ 7 วา่ ﭽ ﭼ )7 :(نوح ความวา่ “และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลมุ โปง” (นูหฺ: 7) 28 อลั อิฏนาบ ) (لاإطنا بคือ การเพิม่ คาเขา้ ไปในประโยคเพ่อื ใหเ้ กิดประโยชน์ โดยที่ความหมายยงั คงเดิ ม (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:362) 29 อลั มศั ดรั ฺ )ل(ادصدرคือคานามที่ถกู ผนั มาจากคากริยา (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 529) 30อลั กินายะฮฺ ) (الكنايةคือ คาท่ีตอ้ งการความหมายอื่นท่ีสอด คลอ้ งกบั คาเดิม พร้อมกบั อาจส่ือถึงความหมาย เดิมไปพร้อมๆกนั (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:241)
153 ในอายะฮฺน้ีไดช้ ้ีใหเ้ ห็นถึงคุณลกั ษณะกลุ่มชนของทา่ นนบีนูหฺ ที่ด้ือร้ันโดยที่ พวกเขาไมย่ อมฟังการดะอฺวะฮฺเชิญชวนของท่านนบีนูหฺ และไมต่ อ้ งการใหซ้ ึมซบั ในหูของ พวกเขา เปรียบกบั การเอาเส้ือผา้ คลุมโปงเพ่ือไม่ใหไ้ ดย้ นิ สิ่งใด 6. อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานในรูปแบบ ) (لاإطنا بอลั อิฏนาบโดยกล่าว เจาะจงหลงั จากที่กล่าวโดยรวมทว่ั ไป ) (لاخاصبعدالعاـอลั คอส บะอฺด์ อลั อาม 31 อลั ลอฮฺ ได้ กล่าววา่ ﭽﮥﮦﮧﮨﮩ ﮪﮫﮬﮭﮮﮯﮰ ﮱ﮲ ﭼความวา่ “และพวกเขาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ พระเจ้าทั้งหลายของพว กท่านเป็นอันขาด พวก ท่านอย่าได้ทอดทิง้ วดั ดฺ และสุวาอฺ และยะฆูษ และยะอู๊ก และนซั รฺ เป็นอันขาด ” ในอายะฮฺน้ีได้ กล่าวคาวา่ ﭽﮦﮧﮨ ﭼความวา่ “พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ พระเจ้าท้ังหลายของพวกท่าน เป็นอันขาด ” ซ่ึงเป็นการกล่าวโดยรวมถึงพระเจา้ หลายองค์ และไดเ้ จาะจงดว้ ยป ระโยคท่ีวา่ ﭽﮩ ﮪﮫﮬﮭﮮﮯﮰ ﮱ ﭼความวา่ “พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ วดั ดฺ และ สุวาอฺ และยะฆษู และยะอู๊ก และนซั รฺ เป็นอันขาด ” (Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/160) พระเจา้ หลายองคท์ ่ีกล่าวถึงขา้ งตน้ คือ วดั ดฺ สุวาอฺ ยะฆู ษ ยะอูก๊ และนซั รฺ ซ่ึงท้งั หมดน้ีเป็นช่ือของคนดี ในกลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ แตเ่ มื่อพวกเขาตายไป ชยั ฏอนจึงทาการกระซิบกระซาบใหส้ ร้าง รูปป้ันเพ่อื เป็นการราลึกถึงคนดีท่ีจากไป แตเ่ มื่อเวลาผา่ นไปนานเขา้ ชนรุ่นหลงั ก็ทาการเคารพ สักการะรูปป้ันตามบรรพบุรุษโดยท่ีไม่รู้ที่ มาและเขา้ ใจวา่ การเคารพสกั การะรูปป้ันของพวกเขาคือ ส่ิงท่ีถูกตอ้ ง จึงทาการเจาะจงชื่อพระเจา้ ของพวกเขาเหล่าน้นั เพอ่ื เป็นการกระตุน้ เตือนใหเ้ กิด ความรู้สึกข้ึนในใจของพวกเขาในการปฏิเสธการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ 7. ในสูเราะฮฺน้ีมีอายะฮฺที่มีคาคลา้ ยคลึง (ل)ادشتابو32 เพอื่ ใหเ้ กิดความหมายท่ีเจาะจง เฉพาะ (‘Iṣām zuhd, 2005: 17-18) ดงั น้ี 31 อลั คอส บะอฺดา อลั อาม ) (لاخاصبعدالعاـเป็ นประเภทหน่ึงของอิฏนาบ (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al- Dīn Dīb, 2003:241) คือ การกล่าวเจาะจงเร่ืองๆหน่ึงในประโยคหลงั จากท่ีไดก้ ล่าวภาพรวมโดยทวั่ ไปแลว้ 32 อลั มตุ ะชาบิฮฺ )ل(ادتشابوคือการอธิบายส่ิงหน่ึงหรือประโยคหน่ึงซ่ึงมีความคลา้ ยคลึงกนั ในดา้ นคุณลกั ษณะหรือ มากกวา่ น้นั ดว้ ยสญั ลกั ษณ์ของการตชั บีฮฺ หรืออาจไมม่ ีสญั ลกั ษณ์แต่สามารถเขา้ ใจจากประโยค (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:143)
154 7.1 การใชป้ ระโยคข้ึนตน้ คลา้ ยคลึงกนั แต่ตา่ งกนั ที่การเจาะจงไม่ใส่ พยญั ชนะวาว ) (الواكในอายะฮฺหน่ึงแลว้ ใส่พยญั ชนะวาวอีกอายะฮฺหน่ึงหลงั จากน้นั เพือ่ สื่อวา่ เป็น เรื่องราวเดียวกนั ดงั อายะฮฺต่อไปน้ี อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺท่ี 21 วา่ ﭽﮓﮔﮕﮖ ﮗﮘﮙﮚ ﮛ ﮜﮝﮞ ﮟﮠﭼ )21 :(نوح ความวา่ “นูหฺได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริง พวกเขาได้ฝ่ าฝื นข้าพระองค์และเชื่อฟังผ้ทู ่ีทรัพย์สินของเขา และ ลูกหลานของเขามิได้เพิ่มพนู อันใดแก่เขานอกจากการขาดทุน (21)” (นูหฺ: 21) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺท่ี 26 วา่ ﭽﯫﯬﯭﯮ ﯯ ﯰﯱﯲﯳ ﯴﯵﭼ )26 :(نوح ความวา่ “และนูหฺได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอ พระองค์ทรงอย่าปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออย่ใู น แผ่นดิน(26)” (นูหฺ: 26)
155 อายะฮฺท่ี 21 น้นั ไม่มีพยญั ชนะ วาว ) (الواكเนื่องจากเป็นการเร่ิมตน้ การดะอฺวะฮฺ ของทา่ นนบีนูหฺ ส่วนอายะฮฺท่ี 26 น้นั มีการเพมิ่ พยญั ชนะวาว ซ่ึงใหค้ วามวา่ “และ” ซ่ึงเป็นผล ตอ่ เนื่องจากการดะอฺวะฮฺของทา่ น ต่อไปน้ี 7.2 การใชป้ ระโยคลงทา้ ยท่ีคลา้ ยคลึงกนั แตค่ าลงทา้ ยต่างกนั ดงั อายะฮฺ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานอายะฮฺท่ี 24 วา่ ﭽ﮳﮴ﯖﯗﯘ ﯙ ﯚ ﯛ ﯜﯝ ﭼ )24 :(نوح ความวา่ “และโดยแน่นอน พวกเขาได้ทาให้หม่ชู นจานวนมาก หลง ดงั น้ันขอพระองค์ท่านอย่ าได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรม เหล่านนั้ นอกจากการหลงผิดเท่านน้ั (24)” (นูหฺ: 24) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานอายะฮฺท่ี 28 วา่ ﭽﰋ ﰌﰍﰎ ﰏﰐ ﭼ )28 :(نوح ความวา่ “และพระองค์ท่านอย่าได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรม เหล่าน้ัน นอกจากความพินาศหายนะเท่านนั้ (28)” (นูหฺ: 28) ในอายะฮฺที่ 24 และ 28 น้นั ประโยคท่ีเหมือนกนั คือ ) )ﰋ ﰌﰍﰎความวา่ “และพระองคท์ า่ นอยา่ ไดเ้ พิ่มอนั ใดแก่พวกอธรรมเหล่าน้นั นอกจาก” แตท่ ่ีตา่ งกนั คือคาลงทา้ ย นน่ั คือในอายะฮฺที่ 24 ไดใ้ ชค้ าลงทา้ ยวา่ ( ) ﯜความวา่ “การหลงผดิ ” ท้งั น้ีเนื่องจากก่อนหนา้
156 น้ีอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวไวใ้ นอายะฮฺน้ีวา่ ) (﮳﮴ﯖﯗความวา่ “และโดยแน่นอน พวกเขาไดท้ า ใหห้ ม่ชู นจานวนมากหลง” อายะฮฺที่ 24 จึงหมายถึงอนั เน่ืองจากการที่กลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ ไดท้ า ใหห้ มชู่ นจานวนมากหลงทาง ดงั น้นั ทา่ นนบี นูหฺ จึงขอใหอ้ ลั ลอฮฺ ทรงเพิ่มการหลงผดิ ใหก้ บั พวกเข า สาหรับอายะฮฺท่ี 28 น้นั ไดใ้ ชค้ าลงทา้ ยว่ า ) (ﰏﯗความวา่ “ความพินาศหายนะ ” เนื่องจากก่อนหนา้ น้ีอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวไวใ้ นอายะฮฺที่ 26 วา่ ) (ﯮ ﯯ ﯰﯱﯲﯳ ﯴ ความวา่ “ขอพระองคท์ รงอยา่ ปล่อยใหพ้ วกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยใู่ นแผน่ ดินน้ีเลย ” อายะฮฺที่ 28 จึงหมายถึงอนั เน่ืองมาจากการท่ีท่านนบีนูหฺ ไดข้ อจากอลั ลอฮฺ ทรงอยา่ ปล่อยใหก้ ลุ่ม ชนที่ด้ือร้ันหลงเหลืออยใู่ นแผน่ ดิน ดงั น้นั ทา่ นจึงขอจากพระองคท์ รงใหค้ วามพินาศหายนะประสบ แก่พวกเขา 8. อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานในรูปแบบ ) (سجعمرصعซะญะอฺมุรฺเสาะอฺ 33 ซ่ึงเป็นการคลอ้ งจองและสมั ผสั สระในแตล่ ะอายะฮฺ เช่น อายะฮฺท่ี 3-4 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอา ยะฮฺท่ี 3 โดยใชค้ าลงทา้ ยวา่ ؤﭽﮚﭼและอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอายะฮฺที่ 4 โดยใชค้ าลง ทา้ ยวา่ ﭽﮯﭼซ่ึงท้งั สองอายะฮฺมีความคลอ้ งจองและสมั ผสั สระเหมือนกนั และท่ีพบมาก ท่ีสุดในสูเราะฮฺน้ีท่ีมีการสัมผสั สระนอกจากน้ียงั มีหลายอา ยะฮฺท่ีมีการสัมผสั พยญั ชนะตวั หลงั สุด คือ พยญั ชนะรออ์ ) (حرؼراءและมีความคลอ้ งจองกนั ดงั อายะฮฺท่ี 5-28 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอา ยะฮฺที่ 5 โดยใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽ﮷ﭼในอายะฮฺท่ี 6 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽ ﮽ﭼในอายะฮฺที่ 7 ใชค้ า ลงทา้ ยวา่ ﭽﭼในอายะฮฺท่ี 8 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭼในอายะฮฺที่ 9 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﯙﭼในอายะฮฺที่ 10 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﰁﭼในอายะฮฺท่ี 11 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽ ﭔﭼ ในอายะฮฺที่ 12 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭞﭼในอายะฮฺท่ี 13 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭥﭼในอายะฮฺท่ี 14 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭩﭼในอายะฮฺที่ 15 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭲﭼในอายะฮฺท่ี 16 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﭺﭼในอายะฮฺท่ี 17 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮀﭼในอายะฮฺท่ี 18 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮆﭼ 33 ซะญะอฺมุรฺเสาะอฺ ) (سجعمرصعคือ การสมั ผสั สระทา้ ยประโยค อาจมีการสมั ผสั พยญั ชนะดว้ ย และมีความ คลอ้ งจองกนั (Muhammad Ahmad Qāsim/Maḥy al-Dīn Dīb, 2003:107)
157 ในอายะฮฺท่ี 19 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮌﭼในอายะฮฺท่ี 20 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮑﭼในอายะฮฺที่ 21 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮟﭼในอายะฮฺที่ 22 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﮣﭼในอายะฮฺ ที่ 23 ใชค้ า ลงทา้ ยวา่ ﭽ ﮱﭼในอายะฮฺท่ี 24 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﯜﭼในอายะฮฺที่ 25 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽ ﯩﭼในอายะฮฺท่ี 26 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﯴﭼในอายะฮฺท่ี 27 ใชค้ าลงทา้ ยวา่ ﭽﯿﭼ และในอายะฮฺที่ 28 อลั ลอฮฺ ไดใ้ ชค้ าลงทา้ ยวา่ ( ﭽﰏﭼWahbah al-Zuḥailiy, 2009: 15/151)
158 บทท่ี 4 เทคนิคการดะอวฺ ะฮฺของท่านนบนี ูหฺ ในสูเราะฮฺ นูหฺ 4.1 ความหมายของการดะอวฺ ะฮฺ 4.1.1 ความหมายเชิงภาษาศาสตร์ จากการคน้ ควา้ วจิ ยั พบวา่ มีการใหค้ วามหมายดะอฺวะฮฺในเชิงภาษาศาสตร์มากมาย แบ่งไดห้ ลายความหมาย ดงั น้ี 4.1.1.1 คาวา่ al-Da‘wah ใหค้ วามหมายวา่ (1)สิ่งท่ีไดเ้ รียกร้อง (2)การขอเพ่อื ใหไ้ ด้ ส่ิงตอบแทน (3)การเชิญมารับประทานอาหารและเครื่องด่ืม (4)การกล่าวอา้ ง (Sha‘bān ‘Abd al- ‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn, 2008: 297) (5) เป็ นนามของ Marrah หมายถึงการขอ (Ibn Manzūr, 2003: 14/257) (6) การเรียกร้อง (Abū al-Hasan Ahmad ibn Fāris ibn Zakariyya, n.d..: 2/280) 4.1.1.2 คาวา่ Da‘wā หมายถึงการขอใหน้ าพาส่ิงน้นั มา และการขอจากเขาสู่สิ่ง หน่ึง คือการชกั ชวนใหท้ าตามเจตนารมณ์ของตนเอง และคนที่ทาหนา้ ที่เชิญชวน หากเขาเชิญชวน ผคู้ นสู่การบิดพลิ้วหรือสู่ศาสนา (Ibn Manzūr, 2003: 14/257) 4.1.1.3 คาวา่ al-Dā‘ī หมายถึงผทู้ ี่เรียกร้องหรือขอจากผอู้ ื่น โดยที่เขาเป็นผทู้ ่ีทาการ เรียกร้องเชิญชวน และแบกรับภาระหนา้ ท่ีท่ีตอ้ งรับผดิ ชอบ ซ่ึงอยใู่ นรูปของ Ism al-Fā ‘il (Abū al- Hasan Ahmad ibn Fāris ibn Zakariyya, n.d.: 2/280) 4.1.1.4 คาวา่ al-Mad‘ū หมายถึงผทู้ ี่ถูกเรียกร้องและถูกขอ ซ่ึงอยใู่ นรูปของ Ism al- Maf‘ūl (Abū al-Hasan Ahmad ibn Fāris ibn Zakariyya, n.d.: 2/280) 4.1.1.5 คาวา่ al-Du‘āh หมายถึงกลุ่มชนท่ีชกั ชวนผคู้ นสู่ทางนาหรือการหลงทาง และเอกพจน์ของมนั คือ Dā’ (Abū al-Hasan Ahmad ibn Fāris ibn Zakariyya, n.d.: 2/280) 4.1.1.6 คาวา่ Dā‘iyah ใหค้ วามหมายวา่ ผทู้ ่ีทาการเชิญชวนไปยงั ศาสนา หรือ ความคิด (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn, 2008: 296) 4.1.1.7 คาวา่ Da‘ā แปลไดห้ ลายความหมายส รุปไดด้ งั ต่อไปน้ี คือ (1)การขอให้ นามา (2)การเชิญชวนเรียกร้อง (3)การขอพร (4)การตะโกนเรียก (5)การขอความช่วยเหลือ (6)การ คาดหวงั ซ่ึงความดี (7)การต้งั ช่ือ (8)การเชิญ เช่นเชิญรับประทานอาหาร เป็นตน้ (Sha‘bān ‘Abd al- ‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn, 2008: 296)
159 4.1.1.8 คาวา่ al-Di‘āyah ใหค้ วามหมายวา่ การเชิญชวนสู่สานกั คิด ความคิดหน่ึง ความคิดใดดว้ ยการเขียน การกล่าวปราศรัย (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn, 2008: 297) จากนิยามขา้ งตน้ การดะอฺวะฮฺในเชิงภาษาศาสตร์สามารถตีความไดห้ ลายนยั ดว้ ยกนั คาว่าดะอฺวะฮฺท่ีพบจากสารานุ กรมอาหรับหรือหนงั สือตา่ งๆ ใหค้ วามหมายที่มุง่ ในดา้ นการ เรียกร้อง การขอ การเชิญชวน แตก่ ม็ ีบา้ งที่ใหค้ วามหมายในดา้ นอื่นๆ ตามจุดมุ่งหมายของ ความหมายแตล่ ะคา 4.1.2 ความหมายเชิงวชิ าการ จากการศึกษาคน้ ควา้ การดะอฺวะฮฺในอลั กรุ อาน หะดีษ ชี วประวตั ิการดะอฺวะฮฺของ ทา่ นเราะสูล และบรรดาเศาะฮาบะฮฺท้งั หลายพบวา่ ไดม้ ีนกั วชิ าการใหค้ วามหมายของคาวา่ ดะอฺวะฮฺแตกต่างกนั โดยสามารถแบ่งคานิยามออกเป็น 3 ทศั นะ ดงั ตอ่ ไปน้ี 4.1.2.1 ทศั นะท่ี 1 เป็นการใหค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ เป็นการเชิญชวนมนุษยส์ ู่อลั ลอฮฺ ดงั ท่ีอุละมาอไ์ ดใ้ หค้ านิยามต่อน้ี 1) Ibn Taimiyah (1995: 1/57) ไดใ้ หน้ ิยามดะอฺวะฮฺวา่ “การดะอฺวะฮฺ สู่อลั ลอฮฺ คือ การดะอฺวะฮฺสู่การศรัทธาต่อพระองค์ และศรัทธาตอ่ สิ่งที่ทา่ นเราะสูล นามา เผยแผ่ และการจงรักภกั ดีต่อคาสง่ั ใช”้ 2) Ibn Kathīr (1996: 2/495) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “การดะอฺวะฮฺ สู่อลั ลอฮฺ คือ การเชิญชวนผคู้ นสู่การปฏิญานตนโดยไม่ต้งั ภาคีใดๆต่อพระองค”์ 3) Taufīq al-Wā‘iy (1995: 16)ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺ คือ การเรียกร้องและเชิญชวนมนุษยด์ ว้ ยคาพดู และการกระทาสู่อิสลาม เพอ่ื ให้รับอิสลามดว้ ยการยดึ มน่ั หลกั การศาสนาและปฏิบตั ิตามหลกั ชะรีอะฮฺ” 4) Muhammad Amīn Husīn (1983: 17) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺสู่ อลั ลอฮฺ คือ การเผยแผด่ ะอฺวะฮฺอิสลามสู่มนุษยท์ ้งั หลาย และแนะทางนาดว้ ยคาพดู และการกระทาในทุกสมยั ทุกสถานที่ ดว้ ย รูปแบบและแนวทางเฉพาะที่เหมาะสมสาหรับผถู้ ูกเชิญ ชวน ตามความแตกต่างของแตล่ ะบุคคล”
160 จากทศั นะของอุละมาอท์ ้งั หลายท่ีไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ และไดย้ ดึ ทศั นะแรก ท้งั หมด ไดใ้ หค้ านิยามท่ีคลา้ ยคลึงกนั ความหมายของดะอฺวะฮฺโดยรวมคือ การเชิญชวนมนุษยส์ ู่สจั ธรรม ทคือการเชิญชวนมนุ ษยส์ ู่อลั ลอฮฺ นนั่ เอง ดงั ท่ีทา่ น ‘Abd al-Karīm Zaidān (1987: 1/108) ไดใ้ ห้ คานิยาม ดะอฺวะฮฺวา่ “ความหมายของการดะอฺวะฮฺคือ การเชิญชวนมนุษยส์ ู่อลั ลอฮฺ ” คานิยาม เช่นน้ีสอดคลอ้ งกบั อายะฮฺอลั กรุ อานต่อไปน้ี อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﮀﮁ ﮂﮃﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌﭼ )108 :(يوسف ความวา่ “จงกล่าวเถิดมฮุ ัมมดั นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้อง ไปสู่อัลลอฮฺอย่างประจักษ์แจ้งทั้งตัวฉันและผ้ปู ฏิบตั ิตามฉัน” (ยซู ุฟ: 108) 4.1.2.2 ทศั นะท่ี 2 เป็นการใหค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ คือการใหบ้ ทเรียน และความรู้ เก่ียวกบั อิสลามใหก้ บั มวลมนุษย์ ดงั ท่ีอุละมาอไ์ ดใ้ หค้ านิยามต่อไปน้ี 1) Abū Bakr Dhikriy (1977: 17) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺ คือ ความพยายามของบรรดาอุละมาอ์ และผทู้ ่ีเขา้ ใจศาสนา ในการสอนคนทว่ั ไปเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจถึงสิ่ง ต่างๆที่เก่ียวขอ้ งกบั ศาสนาและดุนยาเทา่ ท่ีตนมีความสามารถ” 2) Muhammad Ghazāliy (1985: 17) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺ คือ โครงการท่ีสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมในดา้ นความรู้ตา่ งๆท่ีจาเป็นสาหรับมนุษย์ เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจถึง เป้ าหมายของการมีชีวติ และแนวทางที่นาพาพวกเขาสู่การรอดพน้ (จากไฟนรก )และสิ่งท่ีถูกตอ้ ง (สรวงสวรรค)์ ” การใหค้ านิยามขา้ งตน้ ถือไดว้ า่ เป็นงานด ะอฺวะฮฺในข้นั ที่สอง คือการเชิญชวนม มนุษยใ์ หก้ ระทาความดีหลงั จากที่ไดร้ ู้จกั อลั ลอฮฺ เป็นการใหบ้ ทเรียนและความรู้เก่ียวกบั คาสอน อิสลามสู่มนุษย์ เพอ่ื ท่ีพวกเขาไดร้ ับความจริงท่ีชดั แจง้ เพือ่ ใหไ้ ดป้ ฏิบตั ิจริงอยา่ งถูกตอ้ งใน ชีวติ ประจาวนั เพอ่ื ใหพ้ วกเขาไดร้ ับผลตอบแทนที่ดีในโลกหนา้ คือสรวงสวรรค์
161 4.1.2.3 ทศั นะที่ 3 ถือไดว้ า่ เป็นทศั นะท่ีใหค้ านิยามการดะอฺวะฮฺไดค้ รอบคลุม คือ การเชิญชวนมนุษยส์ ู่ทางนาท่ีถูกตอ้ ง โดยใหก้ ระทาในสิ่งที่ชอบ และหา้ มปรามในสิ่งท่ีมิชอบ ดงั ที่ ทา่ นอุละมาอไ์ ดใหท้ ศั นะตอ่ ไปน้ี 1) ‘Aliy al-Mahfūz (1852: 17) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺ คือ การเชิญชวนมนุษยส์ ู่ความดีงามและทางนา การสัง่ ใชใ้ นส่ิงที่ชอบ และหา้ มปรามในส่ิงท่ีมิชอบ เพื่อ จะไดร้ ับความผาสุกท้งั ดุนยาและอาคีเราะฮฺ ” 2) ‘Aliy bin Ṣālih al-Murshid (1989: 21) ไดใ้ หค้ านิยามดะอฺวะฮฺวา่ “ดะอฺวะฮฺ คือ การเผยแผด่ ะอฺวะฮฺอิสลามสู่มนุษยใ์ นทุกสมยั ทุกสถานที่ ดว้ ยรูปแบบและแนวทางที่ เหมาะสมสาหรับผถู้ ูกเชิญชวน หรือ การส่งเสริมใหม้ นุษยท์ าความดี ห่างไกลความชวั่ การสั่งใชใ้ น ส่ิงที่ชอบ และหา้ มปรามในส่ิงท่ีมิชอบ เพอ่ื ใหเ้ กิดความผาสุกท้งั ดุนยาและอาคีเราะ ฮฺ หรือ การรวม มนุษยบ์ นความดี และช้ีแนะแนวทางท่ีถูกตอ้ งดว้ ยการส่ังใชใ้ นสิ่งที่ชอบ และหา้ มปรามในสิ่งที่มิ ชอบ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﮖﮗﮘﮙﮚﮛ ﮜﮝ ﮞ ﮟ ﮠﮡ ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﭼ )104 :(آ ؿعمراف ความวา่ “และจงให้มีขึน้ จากพวกเจ้า ซึ่งคณะหน่ึงท่ีจะเชิญชวน ไปสู่ความดีและใช้ให้กระทาส่ิงท่ีชอบ และห้ามมิให้กระทาส่ิงท่ี มิชอบและชนเหล่านีแ้ หละพวกเขาคือผ้ไู ด้รับความสาเร็จ” (อาละอิมรอน: 104) การใหค้ านิยามขา้ งตน้ เป็นการใหค้ านิยามงานดะอฺวะฮฺที่อยใู่ นข้นั ตอนสุดทา้ ยที่ สมบรู ณ์แบบ และเป็นงานดะอฺวะฮฺท่ีใกลเ้ คียงกบั งานดะอฺวะฮฺที่ท่านเราะสูล ไดด้ าเนินการท่ี เมืองมะดีนะฮฺ ซ่ึงเป็นสมยั ที่ทา่ นเราะสูล และประชาชาติอิสลามมีความเขม้ แขง็ มากที่สุด เพราะ ไดก้ าเนิดรัฐอิสลามที่สมบูรณืแบบมีศกั ยภาพที่สุด สามารถท่ีจะเชิญชวนมนุษยด์ ว้ ยการสงั่ ใชใ้ หท้ า ในส่ิงที่ชอบ และหา้ มปรามในส่ิงที่มิชอบได้ ซ่ึงถือวา่ เป็นงานดะอฺวะฮฺที่เหมาะสมกบั ประชาชาติ
162 มุสลิมมอยา่ งแทจ้ ริง เพราะไดร้ ู้จกั อลั ลอฮฺ และไดป้ ฏิบตั ิตามคาสั่งสอนของทา่ นเราะสูล ดงั น้นั การดะอฺวะฮฺกลุ่มชนเหล่าน้ีจึงเป็นรายละเอียดตา่ งๆของอิสลาม ไมว่ า่ จะเป็นการส่งเสริมให้ ทาความดี หา้ มปรามใหล้ ะเวน้ ความชว่ั เป็นการดะอฺวะฮฺศาสนาท่ีอลั ลอฮฺ ทรงพอพระทยั สาหรับประชาชาติ โดยที่ยดึ หลกั ฐานจากอายะฮฺอลั กุรอานที่วา่ ﭽﭺﭻ ﭼﭽﭾﭿ ﮀﮁﮂ ﮃﮄﮅﮆﮇﮈﮉ ﮊﮋﮌﮍﮎ ﮏﮐﮑﮒﮓﭼ )3 :ل(ادائدة ความวา่ “วนั นีข้ ้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่ งศาสนาของ พวกเจ้ าและข้าได้ ให้ ครบถ้ วนแก่ พวกเจ้ าแล้ วซ่ึ งความกรุ ณา เมตตาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้า แล้ว ผ้ใู ดได้รับความคับขนั ในความหิวโหย โดยมิใช่เป็นผ้จู งใจ กระทาบาปแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮฺ นนั้ เป็นผ้ทู รงอภยั โทษผู้ ทรงเมตตาเสมอ” (อลั มาอิดะฮฺ: 3) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานอีกวา่ ﭽﭯﭰﭱﭲ ﭳﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭺﭻﭼﭼ )85 :(آ ؿعمراف ความวา่ “และผ้ใู ดแสวงหาศาสนาหนึ่งศา สนาใดอ่ืนจากอิสลาม แล้ว ศาสนานัน้ กจ็ ะไม่ถกู รับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลก เขาจะอย่ใู นหม่ผู ้ขู าดทุน” (อาละอิรอน: 85)
163 จากการใหค้ าอธิบายความหมายดะอฺวะฮฺท้งั สามทศั นะที่ไดก้ ล่าวมา ความหมาย ดะอฺวะฮฺที่ถูกตอ้ งครอบคลุมสมบูรณ์แบบ คือ คาอธิบายของ Ibn Taimiyah (n.d.: 15/164) ทา่ นได้ กล่าววา่ “งานดะอฺวะฮฺ คือ ทุกส่ิงทุกอยา่ งอนั เป็นส่ิงที่อลั ลอฮฺ และเราะสูล รัก ไมว่ า่ ส่ิงน้นั จะ เป็นส่ิงท่ีวาญิบหรือสุนตั ส่ิงเร้นลบั หรือชดั แจง้ หนา้ ท่ีงานดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอ ฮฺ คือ การสั่งใชใ้ ห้ ปฏิบตั ิดว้ ยสิ่งน้นั และทุกส่ิงทุกอยา่ งอนั เป็นสิ่งท่ีอลั ลอฮฺ และเราะสูล ไม่พอใจ ไมว่ า่ ส่ิงน้นั จะเป็นส่ิงเร้นลบั หรือชดั แจง้ หนา้ ที่งานดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอฮฺ คือ การสง่ั หา้ มมิใหป้ ฏิบตั ิดว้ ยสิ่งน้นั การดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอฮฺ จะไม่สมบรู ณ์จนกวา่ งานดะอฺวะฮฺน้นั เป็นการเชิญชวนสู่การปฏิบตั ิในส่ิง ท่ีอลั ลอฮฺ รัก และละทิ้งในส่ิงท่ีพระองคท์ รงกริ้ว ไม่วา่ จะดว้ ยคาพดู หรือการกระทาที่ชดั เจน หรือเร้นลบั ก็ตาม” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﭞﭟﭠﭡﭢﭣﭤ ﭥﭦﭧ ﭨﭩﭪﭫﭬ ﭭ ﭮﭯﭰ ﭱﭲﭳﭴ ﭵ ﭶﭷﭼ )110 :(آ ؿعمراف ความวา่ “พวกเจ้านนั้ เป็นประชาชาติท่ีดียิ่งซึ่งถกู ให้อุบตั ิขึน้ สาหรับมนษุ ย์ชาติ โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ปฏิบัติ สิ่งท่ีชอบ และห้าม มิให้ปฏิบตั ิสิ่งท่ีมิชอบ และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และถ้าหากว่า บรรดาผ้ทู ี่ได้รับคัมภีร์ศรัทธากันแล้ว แน่นอนมนั กเ็ ป็นการดีแก่ พวกเขา จากพวกเขานนั้ มีบรรดาผ้ทู ่ีศรัทธา และส่วนมากของ พวกเขานั้นเป็นผ้ลู ะเมิด” (อาละอิมรอน: 110)
164 4.2 จุดประสงค์ในการดะอฺวะฮฺ ในปัจจุบนั พบวา่ ผคู้ นจานวนมากท่ีใชช้ ีวติ ไปกบั การหลงทาง หลงผดิ อนั เน่ืองมาจากการที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธา ดว้ ยเหตุน้ีจึงเชิญชวนผศู้ รัทธาท้งั หลายใหท้ าหนา้ ที่ของ ตนเองใหส้ ุดความ สามารถ ในการดะอฺวะฮฺ เพอ่ื หาทางแกป้ ัญหาในดา้ นความคิดความเขา้ ใจของ ผู้ ปฏิเสธศรัทธา เก่ียวกบั โลก มนุษย์ และชีวติ ความเป็นอยู่ และเชิญชวนพวกเขาสู่การปฏิบตั ิตาม แนวทางของอิสลาม อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭯﭰﭱﭲ ﭳﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭺﭻﭼﭼ )85 :(آ ؿعمراف ความวา่ “และผ้ใู ดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลาม แล้ว ศาสนานั้นกจ็ ะไม่ถกู รับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลก เขาจะอย่ใู นหม่ผู ้ขู าดทุน” (อาละอิมรอน: 85) อลั ลอฮฺ น้นั ไดท้ รงมอบหนา้ ท่ีอนั ยงิ่ ใหญ่น้ีใหก้ บั ผมู้ ีการศึ กษาและเขา้ ใจ อิสลามอยา่ งแทจ้ ริง ในการเชิญชวนผคู้ นสู่ทางนาตามท่ีอิสลามไดส้ อนส่ังเพ่ือปกป้ องผคู้ นเหล่าน้นั ใหห้ ่างไกลจากชีวติ ความเป็นอยทู่ ่ีญาฮิ ลียะฮฺลา้ หลงั สู่ความสันติและสงบสุข ดว้ ยเหตุน้ีผใู้ ดก็ตามท่ี เขามีความรู้ดา้ นอิสลามอยา่ งแทจ้ ริงจาเป็นสาหรับเขาที่จะตอ้ งทาหนา้ ท่ีเชิญชวนผทู้ ่ียงั เขลาไม่รู้ ศาสนา อลั กรุ อานและหะดีษไดก้ ล่าวอยา่ งชดั เจนถึงความจาเป็นในการทางานดะอฺวะฮฺเผย แผศ่ าสนาของอลั ลอฮฺ โดยกาชบั ใหท้ าหนา้ ท่ีน้ีอยา่ งจริงจงั ดงั หลกั ฐานตอ่ ไปน้ี
165 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﮖﮗﮘﮙﮚﮛ ﮜﮝ ﮞ ﮟ ﮠﮡ ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﭼ )104 :(آ ؿعمراف ความวา่ “และจงให้มีขึน้ จากพวกเจ้า ซ่ึงคณะหน่ึงท่ีจะเชิญชวน ไปสู่ความดีและใช้ให้กระทาสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้กระทาส่ิงท่ี มิชอบและชนเหล่านีแ้ หละพวกเขาคือผ้ไู ด้รับความสาเร็จ” (อาละอิมรอน: 104) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 2/201-202) ได้ อรรถาธิบายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “โอผ้ ศู้ รัทธาท้งั หลาย จงใหม้ ีข้ึนในกลุ่มคณะจากพวกเจา้ ท่ีการศรัทธา มน่ั คงและอิคลาศบริสุทธ์ิใจในการทาหนา้ ที่น้ี เสียสละและพยายามในการเชิญชวนผู้ คนใหก้ ระทา ความดี เพ่ือฟ้ื นฟูในเร่ืองของมนุษย์ และในการสั่งใชต้ อ้ งยดึ หลกั ความรู้และมารยาทที่ดีงามท่ี สอดคลอ้ งกบั อลั กุรอาน หะดีษและความคิดท่ีถูกตอ้ ง และหา้ มปรามในส่ิงท่ีไมด่ ี คือสิ่งที่กฎหมาย อิสลามปฏิเสธและจิตวญิ ญาณท่ีดีต่างหลีกหนี” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﮀﮁ ﮂﮃﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌ ﮍﮎﮏﮐﮑﮒﮓﭼ )108:(يوسف ความวา่ “จงกล่าวเถิดมฮุ ัมมดั นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้อง ไปสู่อัลลอฮฺอย่างประจักษ์แจ้งทั้งตัวฉันและผ้ปู ฏิบัติตามฉัน และ มหาบริสุทธ์ิแห่งอัลลอฮฺ ฉันมิได้อย่ใู นหม่ตู ั้งภาคี” (ยซู ุฟ: 108)
166 ในอายะฮฺน้ีไดอ้ ธิบายอยา่ งชดั เจนวา่ ผทู้ ี่ปฏิบตั ิตามบรรดาเราะสูลคือผทู้ ี่ทาการ ดะอฺวะฮฺเชิญชวนสู่อลั ลอฮฺ พวกเขาคือผทู้ ี่เจาะจงที่จะทางานภาคสนามในการดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอฮฺ พวกเขาพร้อมที่จะดะอฺวะฮฺตามความสามารถที่พวกเขามีอยู่ และพยายามท่ีจะปลูกฝังศาสนา แห่งอลั ลอฮฺ สู่จิตใจของมนุษย์ หะดีษท่ีรายงานโดยอุบาดะฮฺ บิน อศั ศอมิด ท่ีกล่าวเก่ียวกบั การสัตยาบนั ของ เศาะฮาบะฮฺ ในหะดีษดงั กล่าวน้ีทา่ นไดเ้ ล่าวา่ ،على السمع كالطاعةفي العسر كاليسر ((بايػعنا رسو ؿ لاله ، كعلىأفلاننا زعلاأمرأىلو، كعلىأثرةعلينا،لكادنشطلكادكره فكي- لالطاؼفيلالهلومةلائم،كعلىأفنقو ؿبلاحقأينماكنا «لإاأفتركاكفرابواحا:قا ؿ-ركايةبعدأفلاننا زعلاأمرأىػلو )) عندكممنلالهفيقبرىاف )1709 :1998 ، كمسلـ7056 :1998 ،(أخرجوالبخار م ความวา่ “พวกเราได้ทาสัตยาบันต่อท่าน เราะสูลุลลอฮฺ ว่าจะ เช่ือฟังและปฏิบัติตามทั้งในเร่ืองท่ียากและเร่ืองที่ง่าย ในส่ิงท่ีรัก และส่ิงที่ไม่พอใจ ในเรื่องที่เราต้องเสียสละให้แก่ผ้อู ่ืน เราไม่แข่ง แย่งกิจการ (ตาแหน่ง ) กบั ผ้ทู ี่เป็นเจ้าของอยู่ เราจะพูดในเร่ือง สัจธรรมไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ไหน เราจะไม่กลวั การตาหนิในกิจการ ของอัลลอฮฺ – อีกสายรายงาน หลังจาก เราไม่แก่งแย่งกิจการ (ตาแหน่ง) กบั ผ้ทู ี่เป็นเจ้ าของอยู่ เขากล่าวว่า ((ยกเว้นในกรณีท่ี พวกท่านมีหลกั ฐานอย่างชัดแจ้งถึงการปฏิเสธต่ออัลลอฮฺของ พวกเขา” (บนั ทึกโดย al-Bukhāriy, 1998: 7056 และ Muslim, 1998: 1709) ในหะดีษน้ีไดช้ ้ีแจงอยา่ งชดั เจนวา่ บุคคลใดก็ตามที่อยใู่ นญะมาอะฮฺกลุ่มชนมุสลิม จาเป็นสาหรับพวกเขาเหล่าน้นั ในการทาสตั ยาบนั สัญญาต่อหวั หนา้ ของพวกเขาโดยท่ีพร้อมเชื่อฟัง และจงรักภกั ดีปฏิบตั ิตามท้งั ในเร่ืองที่ยากและง่าย และไม่ควรแตกแยกออกจากกลุ่มนอกจากพวก
167 เขาถูกส่งั ใชใ้ นสิ่งที่เป็นเมาะซียตั ผดิ บาปหรือมีหลกั ฐานชดั เจนส่อถึงการปฏิเสธศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ และสมควรอยา่ งยงิ่ สาหรับนกั ดาอียใ์ นการพดู ส่ิงที่เป็นสัจธรรมไมว่ า่ จะอยู่ ณ ท่ีใด อีกท้งั มิควร กลวั ต่อการตาหนิในกิจการของอลั ลอฮฺ อิสลามใหค้ วามสาคญั ในการทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺ เพราะสาสน์แห่งอิสลามไดถ้ ูกส่ง ลงมาใหม้ วลมนุษย์ โดยที่พวกเขาตอ้ งดาเนินตามระบบรูปแบบท่ีสมบูรณ์เพ่ือใหบ้ รรลุจุดประสงค์ ในการดะอฺวะฮฺตามที่อลั ลอฮฺ ทรงบญั ชา ดว้ ยเหตุน้ีจาเป็นสาหรับนกั ดาอียท์ ้งั ชายและหญิงตอ้ งบรรลุจุดประสงคใ์ นการทา หนา้ ที่ดะอฺวะฮฺตามความสามารถและความ พยายามท่ีตนมีใหไ้ ดม้ ากท่ีสุด ในที่น้ีสามารถแบ่ง จุดประสงคใ์ นการดะอฺวะฮฺออกเป็นขอ้ ยอ่ ย ดงั น้ี 1) เพอ่ื ช่วยเหลือมนุษยใ์ หห้ นั สู่การเคารพอิบาดะฮฺต่ออลั ลอฮฺ ตามที่อิสลามได้ สอนส่งั (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 169) และเพื่อใหม้ นุษยร์ ู้จกั พระเจา้ ท่ีแทจ้ ริง และการ ใชจ้ ิตวญิ ญาณท่ีมีเกียรติ จิตใจที่สูงส่งในการสร้างมนุษยท์ ่ีบริสุทธ์ิที่ดีเลิศ และยกการกระทาและการ ปฏิบตั ิที่จะนาพาซ่ึงความอยากความตอ้ งการอนั ไมร่ ู้จกั เพียงพอ การรู้จกั ยบั ย้งั ชง่ั ใจในการที่จะ ปฏิบตั ิตามมารร้ายชยั ฏอน (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 107) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﮁﮂ ﮃﮄﮅ ﮆﮇ ﮈﮉ ﮊﮋﭼ )79 :(آ ؿعمراف ความวา่ “หากแต่ (เขาจะกล่าวว่า) ท่านท้ังหลายจงเป็นผ้ทู ่ีผกู พัน กับพระเจ้า (คือเป็นผ้ศู รัทธาต่อพระองค์ และให้เอกภาพแด่ พระองค์ตลอดจนปฏิบัติตามบัญญตั ิของพระองค์โดยเคร่งครัด ) เถิด เน่ืองจ ากการที่พวกท่านเคยสอนคัมภีร์ (คือเคยสอนคัมภีร์
168 เตารอต และศึกษาคัมภีร์น้นั มาก่อนในฐานะที่เคยศรัทธาต่อ ท่านนบีมซู า) และเคยศึกษาคัมภีร์มา” (อาละอิมรอน: 79) 2) เพ่อื ขดั เกลาจิตใจของมนุษยใ์ หม้ ีเกียรติและสูงส่ง เพราะอลั ลอฮฺ น้นั ทรงให้ เกียรติกบั มนุษยอ์ ยา่ งมากมาย อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ กล่าววา่ ﭽﮎﮏﮐ ﮑﮒﮓ ﮔﮕﮖﮗ ﮘﮙﮚﮛﮜﮝﮞﮟ ﮠﭼ )70 :(لاإسراء ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้ให้เกียรติแ ก่ลูกหลานของ อาดมั และเราได้บรรทุกพวกเขาท้ังทางบกและทางทะเล และได้ ให้ปัจจัยยงั ชีพที่ดีท้ังหลายแก่พวกเขา และเราได้ให้พวกเขาดีเด่น อย่างมีเกียรติเหนือกว่าผ้ทู ่ีเราได้ให้บังเกิดมาเป็นส่วนใหญ่” (อลั อิสรออ:์ 70) จากหะดีษท่ีรายงานโดยอบูฮุร็อยเราะฮฺ ซ่ึงท่านไดก้ ล่าววา่ ทา่ นนบีมุฮมั มดั نفسلالهعنوكربةمن،((مننفسعنمؤمنكربةمنكربالدنيا ي ّسرلالهعليوفيالدنيا، كمني ّسرعلىمعسر،كربيوـالقيامة لكالهفيعوف، كمن ًستمؤمنا ًستهلالهفيالدنيا كلاآخرة،كلاآخرة ))العبدماكافالعبدفيعوفأخيو )2699 :1998 ،(أخرجومسلـ
169 ความวา่ “ผ้ใู ดท่ีช่วยปลดเปลือ้ งความทุกข์ยากแก่ผ้ศู รัทธาคน หนึ่งในโลกนี้ อัลลอฮฺจะช่วยปลดเปลือ้ งหน่ึงความทุกข์แก่เขาใน วนั กิยามะฮฺ และผ้ใู ดได้ช่วยอาน วยความสะดวกแก่ผ้ทู ่ีประสบ ความยากลาบาก อัลลอฮฺจะช่วยอานวยความสะดวกแก่เขาใน โลกนีแ้ ละในวนั อาคีเราะฮฺ และผ้ใู ดที่ช่วยปกปิ ด (ความลบั หรือ สิ่งที่ไม่ดีที่มีอยู่ )ของมสุ ลิมคนหนึ่ง อัลลอฮฺจะทรงปกปิ ด (ความลับและส่ิงท่ีไม่ดีต่างๆ )แก่เขาในโลกนีแ้ ละในวนั อาคีเราะฮฺ และอัลลอฮฺทรงช่วยเหลือบ่าวเสมอ ตราบใดท่ีบ่าวคน น้นั ช่วยเหลือพี่น้องของเขา” (บนั ทึกโดย และMuslim, 1998: 2699) 3) เพอ่ื ช่วยเหลือมนุษยใ์ นการฟ้ื นฟซู ุนนะฮฺการตะอารุฟทาความรู้จกั ซ่ึงกนั และกนั (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 169) และเพือ่ ประกาศความเป็นพีน่ อ้ งและความเท่าเทียมซ่ึง กนั และกนั ไม่มีความเหลื่อมล้าระหวา่ งชาติพนั ธ์ ตาแหน่งยศถาบรรดาศกั ด์ิ ชาติตระกลู สีผวิ หรือ เช้ือชาติ แต่ผหู้ น่ึงผใู้ ดจะสูงส่งอยทู่ ี่การงานท่ีดีของเขา การใหป้ ระโยชนแ์ ก่ส่วนรวม ความพยายามที่ น่ายกยอ่ ง การกระทาท่ีดี และหวั ใจท่ียาเกรงพระเจา้ อยา่ งแทจ้ ริง (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 109) การตะอารุฟทาความรู้จกั กนั น้นั เพอื่ ยนื ยนั ถึงความเป็นพีน่ อ้ งร่วมสายเชือกแห่ง การศรัทธา และสายเชือกแห่งพระเจา้ การรู้จกั ใหส้ ิทธิของพน่ี อ้ งมุสลิมจนกระทง่ั ความรักและความ ห่วงใยไดป้ กคลุมพวกเขาซ่ึงกนั และกนั (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 109) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭵﭶﭷ ﭸﭹﭺﭻﭼ ﭽﭾ ﭿﮀﮁ ﮂﮃﮄﮅﮆﮇﮈ ﮉﮊﮋﭼ )13 :(لاحجرا ت ความวา่ “โอ้มนษุ ยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจาก เพศชาย และเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่า และ
170 ตระกลู เพื่อจะได้รู้จักกนั แท้จริงผ้ทู ่ีมีเกียรติย่ิงในหม่พู วกเจ้า ณ ที่อัลลอ ฮฺนัน้ คือผ้ทู ่ีมีความยาเกรงยิ่งในหม่พู วกเจ้า แท้ จริง อัลลอฮฺ นัน้ เป็นผ้ทู รงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ” (อลั ฮุํุรอต: 13) บรรดาอุละมาอม์ ีความคิดเห็นวา่ การตะอารุฟทาความรู้จกั กนั น้นั เป็นส่ิงที่วาญิบ ในศาสนาโดยยดึ หลกั ฐานจากอายะฮฺอลั กรุ อานขา้ งตน้ เพ ราะมนุษยน์ ้นั หากปราศจากซ่ึงการ ตะอารุฟทาความรู้จกั ซ่ึงกนั และกนั แลว้ พวกเขาจะไมส่ ามารถท่ีจะช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ได้ และ หนา้ ที่ท่ีสาคญั ของนกั ดาอีย์ คือ การใหค้ วามเขา้ ใจกบั มนุษยเ์ กี่ยวกบั ความสาคญั ของการตะอารุฟทา ความรู้จกั เพ่อื ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ของพวกเขา (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 169) มีรายงานหะดีษซ่ึงบนั ทึกโดยทา่ นอิมามบุคอรียแ์ ละมุสลิม จากทา่ นอนสั บิน มาลิก เล่าวา่ ทา่ นนบีมุฮมั มดั ไดก้ ล่าววา่ : )) (ل(ايؤمنأحدكمحتىلػبلأخيومالػبلنفسو )45 :1998 ، كمسلم13 :1998 ،(أخرجوالبخار م ความวา่ “คนหนึ่งคนใดในหม่พู วก ท่านจะยงั ไม่มีศรัทธาอย่าง แท้จริง จนกว่าเขาจะปรารถนาให้พี่น้องของเขาได้รับในสิ่งท่ีเขา ปรารถนาจะให้ ตนเองได้ รั บ” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 13 และ Muslim, 1998: 45) 4) เพ่ือช่วยเหลือมนุษยใ์ นการเปลี่ยนแปลงความเสื่อมโทรมในสงั คมซ่ึงพบวา่ มี มุสลิมร่วมอาศยั อยเู่ ป็นจานวนมากในปัจจุบนั โดยช้ีใหพ้ วกเขาเห็นถึงความจาเป็นในการกลบั ไปยงั ศาสนา ใกลช้ ิดอลั ลอฮฺ และใกลช้ ิดมนุษย์ เพือ่ ที่จะช่วยกนั ร่วมมือในการฟ้ื นฟสู ังคมใหน้ ่าอยู่ ตามท่ีอิสลามได้สอนส่งั ไว้ (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 169) และเพอ่ื เป็นการยนื ยนั ถึง การไดร้ ับสิทธิดา้ นชีวติ ทรัพยส์ ิน การงาน สุขภาพ อิสรภาพและความปลอดภยั ของทุกคน และ กาหนดขอบเขตการแสวงหาแตส่ ิ่งท่ีฮาลาลเป็นที่อนุมตั ิ ดงั น้นั สงั คมท่ีสามารถรักษาสิทธิเหล่าน้ี ยอ่ มเป็นสงั คมท่ีมีความมนั่ คง การงานท่ีถาวร เห็นผลชดั เจน จิตใจสงบสุข และสามารถท่ีจะปกป้ อง
171 ดูแลตวั เองไดด้ ีกวา่ สงั คมที่กีดกนั สิทธิ ลดเกียรติ และทาลายความสงบความปลอดภยั (Taufīq al- Wā‘iy, 1995: 109) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭑﭒﭓﭔﭕ ﭖﭗﭘﭙ ﭚﭛﭼ )82 :(لاأنعاـ ความวา่ “บรรดาผ้ทู ่ีศรัทธา โดยท่ีมิได้ให้การศรัทธาของพวกเขา ปะปนกับการอธรรมนัน้ ชนเหล่านีแ้ หละพวกเขาจะได้รับความ ปลอดภยั และพวกเขาคือผ้ทู ี่รับเอาคาแนะนาไว้ ” (อลั อนั อาม: 82) จากหะดีษท่ีรายงานโดยมุศอบั บิน ซะอฺด์ บิน อบีวกั กอศ ซ่ึงทา่ นไดก้ ล่าววา่ ىل: فقا ؿالنبي،أفلوفضلاعلىمن دكنو ((رأ لسعد ))تنصركف كترزقوفلإابضعفائكم )2896 :1998 ،(أخرجوالبخار م ความวา่ “ท่านซะอฺด์จะเห็นว่าเขามีความเหนือกว่าคนอื่นๆ ท่านนบี จึงกล่าวว่า : แท้จริงพวกท่านได้รับ ปัจจัยยงั ชีพ และ ได้รับการช่วยเหลือนอกจากบรรดาผ้ตู า่ ต้อยจากพวกท่าน” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 2896) 5) เพ่อื ทาหนา้ ท่ีตรั บียะฮฺอบรมสอนส่ังมุสลิมตามรูปแบบการตรั ฺบียะฮฺ อิสลามียะฮฺ ที่สมบูรณ์ ใหค้ รอบคลุมทุกๆดา้ น ท้งั ดา้ นจิตวญิ ญาณ ความคิด มารยาท สุขภาวะดา้ นร่างกาย และ สังคม และน่ีคือส่วนสาคญั ของนกั ดาอียใ์ นการทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺเชิญชวนสู่อลั ลอฮฺ และจาเป็น สาหรับผรู้ ับผดิ ชอบหนา้ ท่ีน้ีในการปฏิบตั ิภารกิจใหล้ ุล่วงสาเร็จ และประชาชาติหน่ึงจะไมน่ าสมยั
172 นอกจากจะทาการตรั ฺบียะฮฺลูกหลานใหด้ ีในทุกๆดา้ นที่กล่าวมา และหากมนุษยเ์ ร่งรีบในการหา รูปแบบตรั ฺบียะฮฺตั วบุคคล แน่นอนอลั ลอฮฺ ไดม้ อบใหก้ บั ประชาชาติอิสลามการตรั ฺบียะฮฺท่ี สมบรู ณ์แบบและดีท่ีสุดแลว้ (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 169) 6) เพื่อเป็นการปฏิบตั ิภา รกิจในการเตรียมพร้อมสงั คมมุสลิม ท่ีจาเป็นจะตอ้ งเติม เตม็ ดว้ ยจรรยามารยาทแบบอิสลาม และแต่ละตวั บุคคลจะตอ้ งมีมารยาทเหล่าน้ี จาเป็นอยา่ งยงิ่ สาหรับสังคมที่จะตอ้ งใชแ้ นวทางและระบบอิสลามในทุกๆดา้ น (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 170) โดยการส่ังใชใ้ หก้ ระทาสิ่งท่ีชอบ ใชค้ วามพยายามอุตสาหะในการตกั เ ตือน และหา้ ม ปรามการกระทาในส่ิงท่ีมิชอบพร้อมตดั ขาดการกระทาเหล่าน้นั อยา่ งจริงจงั (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 111) อิสลามคือศาสนาแห่งมารยาท สมบูรณ์แบบ ดีเลิศ สูงส่งและบริสุทธ์ิ ดงั น้นั จึง จาเป็นสาหรับมุสลิมที่จะตอ้ งมีมารยาทที่ดี สงั คมใดที่ปราศจากมารยาท สงั ค มน้นั กจ็ ะปราศจาก ความสุขและความสงบสุข และชีวติ ก็จะดาเนินไปโดยปราศจากมนุษยธรรม (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 111) จากหะดีษที่รายงานโดยอนั เนาวาส บิน ซมั อาน ซ่ึงทา่ นไดก้ ล่าววา่ มีผถู้ ามท่าน เราะสูล เก่ียวกบั ความดี ท่านไดก้ ล่าวตอบวา่ ))((ابلرحسنلاخلق )2553 :1998 ،(أخرجومسلم ความวา่ “คณุ ธรรมน้ันคือ การมีมารยาทที่ดีงาม” (บนั ทึกโดย Muslim, 1998: 2553) แทจ้ ริงนกั ดาอี ยข์ องอลั ลอฮฺ น้นั พวกเขามีหนา้ ท่ีในการเชิญชวนมนุษยส์ ู่การ สร้างสังคมมุสลิมท่ีบริสุทธ์ิ สงั คมใดที่สามารถส่งั ใชใ้ หก้ ระทาในสิ่งท่ีชอบและหา้ มปรามในสิ่งที่มิ ชอบ ยดึ ในหลกั ยตุ ิธรรมและความดี แน่นอนสงั คมน้นั จะเตม็ ไปดว้ ยผคู้ นที่ใชช้ ีวติ ในสังคมอยา่ งมี ความสุข สอดคลอ้ ง กบั ชีวติ ความเป็นอยทู่ ้งั โลกน้ีและโลกหนา้ (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 170)
173 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﭑﭒﭓﭔﭕﭖﭗﭘﭙ ﭚﭛﭜﭝﭞﭟﭠ ﭡ ﭢ ﭣﭤﭼ )30 :(فصلت ความวา่ “แท้จริงบรรดาผ้กู ล่าวว่าอัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกเรา แล้วพวกเขากย็ ืนหยดั ตามคากล่าวนนั้ มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวก เขา (โดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลวั และอย่าเศร้า สลดใจแต่จงต้อนรับข่าวดี คือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถกู สัญญา ไว้” (ฟุศศิลตั : 30) 7) เพ่อื เป็นการปฏิบตั ิภารกิจในการสร้างการปกครองระบอบอิสลามในทุกๆ รูปแบบ เพราะเป็นส่วนสาคญั ในการวางรูปแบบการปกครองก่อนสิ่งอื่นใด (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 170) การปกครองระบอบอิสลามจาเป็นท่ีจะตอ้ งใชก้ ฎหมายระบบอิสลาม ซ่ึงความจริง จะปรากฏ และความเทจ็ จะมลายหายไป ความยตุ ิธรรม ความดีจะเกิดข้ึน การสง่ั ใชใ้ หก้ ระทาในส่ิง ที่ชอบและหา้ มปรามในสิ่งท่ีมิชอบจะปรากฏ และมนุษยจ์ ะถูกปกคลุมดว้ ยความดีงาม และสิ่งชว่ั ร้ายจะจางหาย ไป และจะพร้อมในการตอ่ สู้ในหนทางของอลั ลอฮฺ จนกระทง่ั สามารถเชิดชู อิสลามใหส้ ูงส่ง นกั ดาอียข์ องอลั ลอฮฺ พร้อมท่ีจะเชิดชูคุณลกั ษณะตา่ งๆท่ีจะทาใหก้ ารปกครอง ระบอบอิสลามเกิดข้ึนจริง พวกเขาคือผทู้ ี่จะทาการชกั ชวนมนุษยใ์ หย้ ดึ คุณลกั ษณะต่างๆที่กล่าวมา ใหม้ ีข้ึนในตวั บุ คคลและในระบบการปกครอง เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงสิทธิและหนา้ ที่ (‘Aliy ‘Abd al- Halīm Mahmūd, 2003: 170) 8) เพื่อเป็นการปฏิบตั ิภารกิจในการปกป้ องประชาชาติอิสลามจากศตั รู ซ่ึงมายดึ ดินแดนหรือคุกคามในทุกรูปแบบ ไมว่ า่ ในดา้ นวฒั นธรรม การเมือง เศรษฐกิจ หรือสงั คม เนื่องจา ก
174 หนา้ ท่ีน้ีจาเป็นสาหรับทุกคนหากประเทศมุสลิมยงั ตกอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของผทู้ ี่มิใช่มุสลิม (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 171) และเพ่อื ปกป้ องคนมุสลิมท้งั หลายทว่ั ผนื แผน่ ดินใน การกล่าว “ไม่มีพระเจา้ อ่ืนใดนอกจากอลั ลอฮฺ และทา่ น นบีมุฮมั มดั คือศาสนทตู ของพระอง ค”์ (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 112) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﮢ ﮣ ﮤ ﮥ ﮦﮧ ﮨ ﮩ ﮪ ﮫ ﮬ ﮭﮮ ﮯﮰﮱﭼ )78 :(لاحج ความวา่ “และจงต่อสู้เพื่ออัลลอฮฺ ซึ่งเป็นการต่อสู้ท่ีแท้จริงเพ่ือ พระองค์ พระองค์ทรงคัดเลือกพวกเจ้า และพระองค์มิได้ทรงทา ให้เป็นการลาบากแก่พวกเจ้าในเร่ืองของศาสนา ” (อลั ฮจั ญ:์ 78) จากหะดีษที่รายงานโดยอนสั บิน มาลิก ซ่ึงท่านไดก้ ล่าววา่ ทา่ นเราะสูล ได้ กล่าววา่ ))((لغدكةفيسبيللالهأكركحة َختمنالدنيا كمافيها )1880 :1998 ، كمسلم2792 :1998 ،(أخرجوالبخار م ความวา่ “แน่นอนการออกเดินทาง (ในช่วงแรกของวนั )หรือ เดินทาง(ในช่วงท้ายของวนั )เพื่อต่อสู้ในแนวทางของอัลลอฮฺน้นั ดีย่ิงกว่าโลกนีแ้ ละสิ่งที่มีอย่ใู นโลกนีท้ ั้งหมด” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 2792 และ Muslim, 1998: 1880) นกั ดาอียจ์ ะตอ้ งทาการอธิบายใหม้ นุษยท์ ราบถึงความจาเป็นดงั กล่าว และจะตอ้ ง เชิญชวนใหพ้ วกเขาปฏิบตั ิหนา้ ที่น้ีอยา่ งจริงจงั และขอ้ เทจ็ จริงที่มุสลิมไมส่ งสยั คือการต่ อสู้ใน
175 หนทางของอลั ลอฮฺ เป็นส่ิงวาญิบสาหรับทุกคนเพอื่ ใหผ้ นื แผน่ ดินอิสลามกลบั มาดงั เดิม (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 171) 9) เพอ่ื เป็นการปฏิบตั ิภารกิจในการรวมคนมุสลิมทว่ั โลกใหเ้ ป็นหน่ึงเดียว โดย เริ่มตน้ จากการรวมเป็นหน่ึงเดียวดา้ นความคิด วฒั นธรรม แล ะอ่ืนๆ และเชิดชูจุดประสงคแ์ ละ เป้ าหมายที่ชดั เจน หลงั จากน้นั การรวมตวั ดา้ นเศรษฐกิจของประเทศมุสลิมใหเ้ ป็นปึ กแผน่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนมุมมองประเทศมุสลิมเป็นผนู้ าดา้ นเศรษฐกิจโดยไมม่ ีผใู้ ดแทรกแซงได้ หลงั จากน้นั การรวมตวั ดา้ นการเมืองเพื่อใหเ้ กิดรัฐอิสลามท่ีใชก้ ฎหมายที่อลั ลอฮฺ กาหนด นกั ดาอียค์ ือกลุ่มชนท่ีต่อสู้อยา่ งจริงจงั ดว้ ยความรู้ท่ีมี ประสบการณ์ และความแน่ว แน่ในการดะอฺวะฮฺสู่หนทางของอลั ลอฮฺ ดว้ ยการรวมตวั เป็นหน่ึง ซ่ึงเป็นสิ่งสาคญั ที่สุดในชีวติ พร้อมกบั อธิบายใหท้ ราบถึงสงั คมที่ไมม่ ีการรวมตวั สงั คมน้นั กจ็ ะออ่ นแ อ (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 171) 10) เพือ่ ปฏิบตั ิภารกิจในการดะอฺวะฮฺสู่หนทางแห่งอลั ลอฮฺ ทวั่ แผน่ ดิน ใหค้ น มุสลิมศรัทธาวา่ อิสลามคือศาสนาแห่งมนุษยชาติ โดยพวกเขาจะตอ้ งเตรียมความพร้อม ความ พยายาม ทรัพยส์ ิน เวลา ความรู้และความเขา้ ใจในการทาหนา้ ท่ีน้ี ซ่ึงวาญิบสาหรับทุกคนท้งั ชาย และหญิง (‘Aliy ‘Abd al-Halīm Mahmūd, 2003: 172) และเป็นการช่วยเหลือประชาชาติใหน้ าสมยั ในทุกดา้ นของชีวติ และในสมรภุมิทุกรูปแบบ นกั ดาอียข์ องพระองคจ์ ึงจาเป็ นที่จะตอ้ งทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺมนุษ ยแ์ ละช่วยเหลือ พวกเขาตามท่ีพระองคไ์ ดท้ รง มอบความรู้ใหก้ บั เขาพร้อมดว้ ยสิ่งที่มีอยใู่ นอลั กรุ อานและดว้ ยการ ดะอฺวะฮฺที่เตม็ ไปดว้ ยวทิ ยปัญญาและความสามารถในการอธิบายและอรรถาธิบาย (‘Aliy ‘Abd al- Halīm Mahmūd, 2003: 169) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﰈﰉﰊﰋ ﰌﰍﰎﰏ ﰐﰑﭼ )11 :ل(امجادلة
176 ความวา่ “อัลลอฮฺจะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผ้ศู รัทธาใน หม่พู วกเจ้า และบรรดาผ้ไู ด้รับความรู้หลาย ช้ัน” (อลั มุญาดะละฮฺ: 11) จากหะดีษที่รายงานโดยอบูฮุร็อยเราะฮฺ ซ่ึงทา่ นไดก้ ล่าววา่ ท่านนบีมุฮมั มดั กล่าววา่ ((كمنسلكطريقايلتمسفيوعلماسهللالهلوبوطريقاإلى ))لاجنة )2699 :1998 ،(أخرجومسلم ความวา่ “และผ้ใู ดท่ีแสวงหาหนทางเพ่ือที่จะแสวงหาความรู้ หนึ่ง อัลลอฮฺจะทรงทาให้หนทางไปสู่สวนสวรรค์น้นั ง่ายดายแก่ เขา” (บนั ทึกโดย Muslim, 1998: 2699) 11) เพ่อื ยนื ยนั ถึงหลกั การเชื่อวนั แห่งการตอบแทน เพราะมนุษยน์ ้นั จะ ถูกใหฟ้ ้ื น คืนชีพในวนั ที่ยงิ่ ใหญ่ วนั ที่มนุษยจ์ ะยนื ตอ่ หนา้ พระเจา้ แห่งสากลโลก อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽ ﮞﮟﮠﮡﮢ ﮣﮤﮥﮦ ﮧﮨﮩﮪ ﮫﮬ ﮭﮮﮯﮰﮱ﮲ ﮳﮴ ﮵﮶﮷﮸ﭼ )185 :(آ ؿعمراف ความวา่ “แต่ละชีวิตน้นั จะได้ลิม้ รสแห่งความตาย และแท้จริงที่ พวกเจ้าจะได้รับรางวลั ของพวกเจ้าโดยครบถ้วนนน้ั คือวนั ปรโลก แล้วผ้ใู ดที่ถกู ให้ห่างไกลจากไฟนรก และถกู ให้เข้า
177 สวรรค์แล้วไซร้ แน่นอนเขากช็ นะแล้ว และชีวิตความเป็นอยู่ แห่งโลก นีน้ ้ัน มิใช่อะไรอื่นนอกจากส่ิงอานวยประโยชน์แห่ง การหลอกลวงเท่าน้ัน” (อาละอิมรอน: 185) มนุษยท์ ุกคนควรทราบอยา่ งยงิ่ วา่ สาหรับพวกเขาน้นั ยงั มีชีวติ ในโลกอ่ืนท่ีพวกเขา จะตอ้ งปฏิบตั ิภารกิจเพ่ือเตรียมพร้ อมสาหรับโลกหนา้ และภารกิจท่ีตอ้ งปฏิบตั ิกค็ ือการงานที่ดี จึง เป็นการวาญิบที่จะตอ้ งรีบขวนขวายการงานที่ดีบนโลกน้ี จากหะดีษที่รายงานโดยอบูฮุร็อยเราะฮฺ ซ่ึงท่านไดก้ ล่าววา่ ท่านนบีมุฮมั มดั กล่าววา่ أك غ نى،ىلتنتظركفلإافقرامنسيا: ((بادركابلاأعما ؿسبعا أكالدجا ؿ،أكموتامجىزا،أكىرمامفنيا،أكمرضامفسدا،مطغيا ))أكالساعةفالساعةأدىى كأمر،فشرغائبينتظر )2306 :1998 ،(أخرجواًلتمذ م ความวา่ “ท่านท้ังหลายจงรีบเร่งทาความดี ก่อนที่เจ็ ดประการนี้ จะเกิดขึน้ กับพวกท่าน พวกท่านไม่ได้รอคอยส่ิงใดนอกจาก ความจนท่ีถกู ลืมไปแล้ว หรือความรวยท่ีกดข่ี หรือความเจบ็ ปวด ท่ีทาให้ถดถอย หรือความชราภาพท่ีทาให้สติเลอะเลือน หรือ ความตายท่ีเกิดขึน้ อย่างกะทันหัน หรือดจั ญาลซึ่งเป็นสิ่งท่ีเร้นลับ ที่เลวร้าย หรือวนั กิยามะฮฺนัน้ ว่นุ วายและขื่นขมย่ิง” (บนั ทึกโดย Tirmidhiy, 1998: 2306) ดว้ ยเหตุน้ีจาเป็นสาหรับนกั ดาอียท์ ้งั หลายในการปฏิบตั ิภารกิจน้ีและทาการเผยแผ่ ตามจุดประสงคท์ ี่ชดั เจน และอยา่ บรรลุเพียงส่วนหน่ึงของจุดประสงค์ แตใ่ ห้ บรรลุจุดประสงค์ ท้งั หมดเพ่อื เชิดชูศาสนาอิสลามศาสนาแห่งอลั ลอฮฺ (Taufīq al-Wā‘iy, 1995: 114)
178 4.3 นักดาอยี ์และคุณลกั ษณะของนักดาอยี ์ การดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอฮฺ เ ปรียบเสมือนตึกท่ีก่อตวั อยา่ งแนบแน่น โดยมีเสาหลกั เป็นตวั ค้าจุน และการดะอฺวะฮฺสู่อลั ลอฮฺ น้นั จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยรากฐานและเง่ือนไขต่างๆ และเง่ือนไขหลกั และสาคญั ที่จะตอ้ งมี คือ นกั ดาอีย์ ซ่ึงมีหนา้ ท่ีในการเผยแผแ่ ละเชิญชวนมนุษยส์ ู่ การเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ ดงั น้นั จาเป็นอยา่ งยง่ิ ในการดะอฺวะฮฺที่จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยนกั ดาอีย์ ซ่ึงตอ้ งทา หนา้ ท่ีน้ี ไม่วา่ ตวั บุคคล หรือตวั แทน เช่น สถานทตู รัฐบาล สถาบนั ต่างๆ เป็นตน้ เพอื่ ทาการ ดะอฺวะฮฺในดา้ นความคิด หลกั ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ และแน่นอนบุคคลแรกที่เป็นแบบอยา่ ง ใหก้ บั มนุษยใ์ นเรื่องการดะอฺวะฮฺ ผทู้ ี่เผยแผส่ าสนค์ นแรก ใหค้ าตกั เตือนประชาชาติ นามนุษยอ์ อก จากความมืดม น ผทู้ ่ีรักษาอมานะฮฺ และผทู้ ่ีพยายามอยา่ งยง่ิ ในการเผยแผศ่ าสนาแห่งอลั ลอฮฺ สู่ มนุษยชาติ นน่ั คือ ผนู้ าแห่งการดะอฺวะฮฺ ท่านนบีมุฮมั มดั อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﭛﭜﭝ ﭞﭟﭠﭡﭢ ﭣﭤ ﭥﭦ ﭧﭨﭩﭼ )46-45 :(لاأحزا ب ความวา่ “โอ้นบีเอ๋ย แท้จริงเราได้ส่งเจ้ามาเพื่อให้เป็นพยาน และ ผ้แู จ้งข่าวดี และผ้ตู ักเตือน (45) และเป็นผ้เู รียกร้องเชิญชวนไปสู่ อัลลอฮฺตามพระบัญชาของพระองค์ และเป็นดวงประทีปอันแ จ่ม จรัส(46)” (อลั อะหฺซาบ: 45-46) เพยี งพอแลว้ สาหรับนกั ดาอียใ์ นการไดร้ ับเกียรติและตาแหน่ง ณ ที่อลั ลอฮฺ เพราะพวกเขาคือ ผเู้ ผยแผ่ และผเู้ ชิญชวนสู่การศรัทธาตอ่ อลั ลอฮฺ หลงั จากที่ภารกิจน้ีบรรดา ศาสนทตู ของพระองคไ์ ดด้ าเนินการมาแลว้ และเพียงพอแลว้ ท่ีการดะอฺวะฮฺ น้นั มีเกียรติ และความดี
179 ของมนั ยง่ิ ใหญ่ และตาแหน่งของมนั สูงส่ง อนั เน่ืองมาจากหนา้ ท่ีน้ีเป็นหนา้ ท่ีของบรรดานบีและ บรรดาเราะสูลของพระองค์ อลั ลอฮฺ ไดท้ รงบงั เกิดบรรดานบีและบรรดาเราะสูลของพระองค์ ในการเป็น นกั ดาอียผ์ ชู้ ้ีแนะแนวทางและผตู้ กั เตือน และการทางานดะอฺวะฮฺไปสู่พระองคจ์ ึงเป็นการร้ือฟ้ื น หนา้ ท่ีของบรรดานบีและบรรดาเราะสูลของพระองคอ์ ยา่ งยงั่ ยนื ยาวนานและตลอดไป อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭾﭿ ﮀﮁﮂ ﮃﮄﮅﮆ ﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍ ﮎﭼ )165 :(النساء ความวา่ “คือบรรดา เราะสูล ในฐานะผ้แู จ้งข่าวดีและในฐานะผู้ ตักเตือน เพื่อว่ามนุษย์จะได้ไม่มีหลกั ฐานใดๆ อ้างแก้ตัว แก่อัลลอฮฺได้ หลงั จากบรรดา เราะสูลเหล่านน้ั และอัลลอฮฺเป็นผู้ ทรงเดชานุภาพ ผ้ทู รงปรีชาญาณ” (อนั -นิซาอฺ: 165) ความสาคญั และตาแหน่งของนกั ดาอียใ์ นการเผยแผเ่ ชิญชวนมนุษยไ์ มไ่ ดด้ อ้ ยไป กวา่ ทหารในสนามรบ เพราะหากไมม่ ีกองกาลงั ทหาร ก็จะไมม่ ีผถู้ ืออาวธุ ยทุ โธปกรณ์ และเครื่องมือ ตา่ งๆในการปกป้ องผนื แผน่ ดิน เช่นเดียวกนั การดะอฺวะฮฺไม่สามารถจะหยง่ั ถึงความคิดของมนุษย์ และหวั ใจของพวกเขาหากไมม่ ีนกั ดาอีย์ ดงั น้นั นกั ดาอียเ์ ปรียบเสมือนลิ้นแห่งชะรีอะฮฺและล่ามแห่ง สาสน์อิสลาม การดะอฺวะฮฺผคู้ นสู่แนวทางแห่งอลั ลอฮฺ น้ันยงั ดาเนินไปเร่ือยๆ อยา่ ง แพร่หลาย ตราบใดที่หวั ใจของผคู้ นเหล่าน้นั ปราศจากโรคแห่งการสงสัย แต่การดะอฺวะฮฺไม่ สามารถดาเนินไปอยา่ งรวดเร็วดว้ ยตวั ของมนั เองได้
180 ดว้ ยเหตุน้ีการดะอฺวะฮฺอิสลามจะดาเนินไปอยา่ งรวดเร็วน้นั จาเป็นอยา่ งยงิ่ ที่จะตอ้ ง มีนกั ดาอียผ์ มู้ ากความ รู้ในการเผยแผแ่ นวทางแห่งอลั กรุ อาน ซ่ึงอลั ลอฮฺ ไดอ้ ธิบายใหก้ บั ท่าน เราะสูล ดว้ ยวทิ ยปัญญา ความสุขมุ การตกั เตือนดว้ ยดี และการโตแ้ ยง้ ในสิ่งท่ีดีกวา่ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﮦﮧ ﮨﮩﮪ ﮫﮬﮭ ﮮ ﮯ ﮰ ﮱ﮲ ﭼ )125 :(النحل ความวา่ “จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขมุ และการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยส่ิงที่ดีกว่า” (อนั นะหฺล:์ 125) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานอีกวา่ ﭽﮀﮁ ﮂﮃﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌ ﮍ ﮎ ﮏﮐﮑ ﮒ ﮓﭼ )108 :(يوسف ความวา่ “จงกล่าวเถิดมฮุ ัมมดั น่ีคือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้อง ไปสู่อัลลอฮฺอย่างประจักษ์แจ้งท้ังตัวฉันและผ้ปู ฏิบตั ิตามฉัน และ มหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮฺ ฉันมิได้อย่ใู นหม่ตู ง้ั ภาคี” (ยซู ุฟ: 108) ในปัจจุบนั ถึงแมว้ า่ สงั คมจะเตม็ ไปดว้ ยความสะดวกในดา้ นต่ างๆ แตค่ วามสาคญั ของนกั ดาอียน์ ้นั ไม่ไดล้ ดนอ้ ยถอยลง เพราะนกั ดาอียค์ ือ ผทู้ ี่มีพลงั และสร้างความกระตือรือร้นใน ดา้ นการดะอฺวะฮฺอิสลามเป็นอยา่ งดี เพราะอลั ลอฮฺ ทรงประสงคใ์ หพ้ วกเขาสามารถกระตุน้
181 ความรู้สึกในจิตใจของมนุษยไ์ ด้ ยง่ิ ไปกวา่ น้นั พวกเขาสามารถท่ีจะนาพาปัจ เจกชนและสังคมสู่ส่ิงที่ ดีและมีความสุขท้งั โลกน้ีและโลกหนา้ 4.3.1 ความหมายของ “นักดาอยี ์” นกั ดาอีย์ หมายถึง ผทู้ ี่ทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺ ซ่ึงเป็นหน่ึงในเงื่อนไขสาคญั ของการทา หนา้ ท่ีเผยแผ่ นกั ดาอีย์ตามความหมายเชิงภาษาศาสตร์น้นั มาจากคาวา่ Dā ‘ī มาในรูปของ Ism al- Fā‘il (นามของผกู้ ระทา) และหากเติมพยญั ชนะ Hā ’ เขา้ ไปเพอื่ แสดงถึงความทวคี ูณ (Sha‘bān ‘Abd al-‘ Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn, 2008: 296-297) คาวา่ Da‘ā ilā Allah หมายถึงการเชิญชวนสู่การอิบาดะฮฺต่ออลั ลอฮฺ ดงั ที่ พระองคไ์ ดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﯛﯜ ﯝﯞﯟﯠﯡﯢﯣ ﯤﯥ ﭼ )24 :(لاأنفا ؿ ความวา่ “บรรดาผ้ศู รัทธาท้ังหลาย จงตอบรับอัลลอ ฮฺ และ เราะสูล เถิด เม่ือเขาได้เชิญชวนพวกเจ้าสู่ส่ิงที่ทาให้พวกเจ้ามี ชีวิตชีวาขึน้ ” (อลั อนั ฟาล: 24) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานอีกวา่ ﭽﭼﭽﭾﭿﮀ ﮁﮂﮃﮄﮅ ﮆ ﮇﮈﭼ )33 :(فصلت
182 ความวา่ “และผ้ใู ดเล่าจะมีคาพูดที่ดีเลิศยิ่งไปกว่าผ้เู ชิญชวนไปสู่ อัลลอฮฺ และเขาปฏิบัติงานท่ีดี และกล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นคน หน่ึงในบรรดาผ้นู อบน้อม” (ฟุศศิลตั : 33) อายะฮฺขา้ งตน้ ช้ีใหเ้ ห็นถึงความสาคญั ของการทาหนา้ ที่เชิญชวนผคู้ นสู่อลั ลอฮฺ ซ่ึงเป็นมร ดกจากบรรดานบีและเราะสูลของพระองค์ เพ่ือใหผ้ ถู้ ูกดะอฺวะฮฺตอบรับการเชิญชวนน้ี และเพอ่ื ใหพ้ วกเขาไดร้ ับผลตอบแทนท่ีดีท้งั โลกน้ีและโลกหนา้ ความหมายของนกั ดาอียเ์ ชิงวชิ าการ หมายถึงผทู้ ี่ถูกใหร้ ับผดิ ชอบตามที่อิสลามได้ บญั ญตั ิไว้ โดยตอ้ งทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺไปสู่อลั ลอฮฺ หรือผทู้ ี่กาหนดใหต้ วั เองทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺ ไปสู่อลั ลอฮฺ เพยี งองคเ์ ดียว ใหศ้ รัทธาต่อพระองค์ ต่อทา่ นนบีมุฮมั มดั และสู่การทาความดี ในดา้ นอิบาดะฮฺ การดาเนินชีวติ และสั่งใชใ้ หก้ ระทานสิ่งท่ีชอบและหา้ มปรามในสิ่งที่มิชอบ (‘Abd al-Karīm Zaidān, 1987: 305) 4.3.2 คุณลกั ษณะของนักดาอยี ์ เป็นที่ทราบกนั ดีวา่ นกั ดาอียใ์ นมุมมองของอิสลามน้นั พวกเขาเปรียบเสมือน ตวั แทนของบรรดานบีและบรรดาเราะสูลของอลั ลอฮฺ ในการเผยแผส่ าสน์ ช้ีแนะแนวทางใหก้ บั มนุษยส์ ู่ทางแห่งพระเจา้ ท่ีถูกตอ้ ง พวกเขาคือผปู้ กป้ องชะรีอะฮฺ ผรู้ ักษาศาส นาของพระองค์ ผยู้ นื หยดั ขอบเขตของพระองค์ ผทู้ ี่มีความรู้ดา้ นต่างๆท่ีพระองคท์ รงวาญิบใหก้ บั มนุษย์ และคือผทู้ ี่หาก เขากล่าวปาฐกถาต่อหนา้ สาธารณชน หูของผถู้ ูกดะอฺวะฮฺจะสดบั ฟัง หวั ใจจะระลึก และลิ้นจะตอบ รับ และหากพวกเขาทาสิ่งใดต่อหนา้ สาธารณชน ก็จะถูกผคู้ นนามาเป็นแบบอยา่ ง นกั ดาอียจ์ ึงมีอิทธิพลตอ่ ผคู้ นจานวนมาก เพราะเขาเปรียบเสมือนหลกั ฐานอนั ชดั แจง้ และรัศมีท่ีแผก่ วา้ งออกไปสู่การแนะแนวทางใหก้ บั มนุษย์ นกั ดาอียจ์ ึงมีความสาคญั อยา่ งมาก มีหนา้ ที่ที่จะตอ้ งรับผดิ ชอบ จนกระทง่ั พวกเขาจะสามารถปฏิบตั ิหนา้ ท่ีน้ีไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ พวกเขา จาเป็นจะตอ้ งมีคุณลกั ษณะท่ีสาคญั ดงั ต่อไปน้ี
183 1) การรู้จักอลั ลอฮฺ อย่างแท้จริงและมีความใกล้ชิดกบั พระองค์อย่างแน่วแน่ คุณลกั ษณะแรกที่นกั ดาอียพ์ ึงมี คือ การรู้จกั อลั ลอฮฺ อยา่ งแทจ้ ริง และมีความ ใกลช้ ิดกบั พระองคอ์ ยา่ งแน่วแน่ เพราะนกั ดาอียน์ ้นั ตอ้ งทาหนา้ ท่ีในการแนะแนวทางใ หก้ บั มนุษยส์ ู่ ความดีและการกระทาดี และทาหนา้ ท่ีเชิญชวนมนุษยส์ ู่การเคารพภกั ดีตอ่ อลั ลอฮฺ และการยา เกรงตอ่ พระองคท์ ้งั ในท่ีลบั และท่ีแจง้ โดยการปฏิบตั ิในส่ิงท่ีพระองคส์ ่งั ใชแ้ ละห่างไกลในสิ่งที่ พระองคท์ รงหา้ ม พวกเขาจะไมส่ ามารถปฏิบตั ิภารกิจน้ี ไดน้ อกจากจะตอ้ งรู้จกั พระเจา้ อยา่ งแทจ้ ริง มีจิตใจผกู พนั และใกลช้ ิดตอ่ พระองค์ พวกเขาจะตอ้ งสร้างการศรัทธาที่เขม้ แขง็ มีความผกู พนั และ มอบหมายตอ่ พระองคเ์ พยี งองคเ์ ดียว และเช่ือมน่ั ท้งั ในดา้ นคาพดู และการกระทาอยา่ งแทจ้ ริงวา่ พระองคค์ ือผเู้ ดียวท่ีสามารถสร้างและบริหาร ใหโ้ ทษและใหป้ ระโยชน์ ผทู้ รงประทานในทุกสรรพ ส่ิงอยา่ งมากมาย ‘Abd al-Karīm Zaidān (1987: 343) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียจ์ ะตอ้ งเชื่ออยา่ งแน่วแน่ วา่ ในการทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺน้นั อลั ลอฮฺ จะทรงดูแล ปกปักษร์ ักษา และปกป้ องใหร้ อดพน้ จากส่ิง ชว่ั ร้ายท้งั มวล” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﯽﯾ ﯿﰀﰁﰂﰃﭼ )38 :(لاحج ความวา่ “แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงปกป้ องบรรดาผ้ศู รัทธาให้พ้นจาก ศัตรู” (อลั ฮจั ญ:์ 38) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานอีกวา่ ﭽﮮ ﮯﮰ ﮱ﮲﮳﮴﮵﮶﮷ ﮸﮹﮺﮻ ﮼ﭼ )173-171 :(الصافا ت
184 ความวา่ “และโดยแน่นอน ลิขิตของเราได้บันทึกไว้ก่อนแล้วแก่ ปวงบ่าวของเราที่เป็ นเราะสูล(171) ว่าแน่นอนพวกเขาจะได้รับ ความช่วยเหลือ(172) และแท้จริงไพร่พลของเรานั้น สาหรับพวก เขาจะเป็นผ้มู ีชัยชนะ(173)” (อศั ศอ็ ฟฟาต: 171-173) แน่นอนนกั ดาอียจ์ ะมอบหมายต่ออลั ลอฮฺ อยา่ งสม่าเสมอ โดยไม่ลงั เลแต่อยา่ ง ใด พวกเขาจะมอบหมายต่อพระองคใ์ นดา้ นต่างๆ ไมว่ า่ จะเป็นดา้ นปัจจยั ยงั ชีพ พวกเขากจ็ ะ มอบหมายต่อพระองคเ์ พียงองคเ์ ดียวอยา่ งสิ้นเชิง Sulaimān al-Dabshah (1980: 85) ไดก้ ล่าววา่ “เป็นที่รู้กนั วา่ หากบ่าวของอลั ลอฮฺ เช่ือมนั่ และรู้จกั พระเจา้ อยา่ งแทจ้ ริงยอ่ มเพ่ิมความรักของเขาท่ีมีต่อพระองคอ์ ยา่ งมากมาย ยงิ่ ไป กวา่ น้นั การท่ีเขาจะตอ้ งทาหนา้ ที่เชิญชวนมนุษยใ์ หร้ ู้จกั พระเจา้ จาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีเขาเหล่าน้นั ตอ้ งรู้จกั พระเจา้ อยา่ งละเอียดถ่ีถว้ นโดยเฉพาะนกั ดาอีย์ มิฉะน้นั พวกเขาจะทาการเชิญชวนมนุษยใ์ หม้ ีความ ผกู พนั ใกลช้ ิดพระเจา้ ไดอ้ ยา่ งไร หากพวกเขาเองปราศจากความผกู พนั และความใกลช้ ิดต่อพระองค์ ดว้ ยเหตุน้ีการดะอฺวะฮฺจะไม่บรรลุผลสาหรับบุคคลใดกต็ ามท่ีไม่ผกู พนั กบั อลั ลอฮฺ และห่างไกล จากการรู้จกั พระเจา้ อยา่ งแทจ้ ริง” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﭵﭶﭷﭸﭹﭺ ﭻﭼﭽﭾ ﭿﮀﮁﮂﮃﮄﮅ ﮆﮇﭼ )59 :(الفرقاف ความวา่ “พระผ้ทู รงสร้างช้ันฟ้ าท้ังหลายและแผ่นดินและสิ่งท่ีมี อย่ใู นระหว่างท้ังสองน้นั ในระยะหกวนั แล้วพระองค์ทรงสถิตย์ อย่บู นบลั ลังก์ พระผ้ทู รงกรุณาปรานี ดงั นั้นจงถามผ้รู ู้เกี่ยวกบั พระองค์” (อลั ฟุรฺกอน: 59)
185 นกั ดาอียต์ อ้ งเริ่มตน้ ภารกิจแห่งการดะอฺวะ ฮฺดว้ ยสิ่งท่ีจาเป็นท่ีสุดก่อน ซ่ึงส่ิงท่ี จาเป็นที่สุดในศาสนาอิสลา ม คือ ส่ิงที่เก่ียวขอ้ งกบั หลกั ศรัทธา เพราะฉะน้นั นกั ดาอียต์ อ้ งเริ่มตน้ ภารกิจแห่งการดะอฺวะ ฮฺของเขา ดว้ ยการเผยแผแ่ ละอธิบาย เกี่ยวกบั หลกั ศรัทธาท่ีถูกตอ้ งเป็นลาดบั แรก ก่อนท่ีจะเผยแผใ่ นเรื่องอ่ืนๆ ทา่ นนบีมุฮมั มดั ไดก้ ล่าวกบั มุอาซ บิน ญะบลั ขณะท่ีจะส่ง เขาไปเรียกร้องเชิญชวนชาวเยเมนไปสู่การเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ วา่ فادعهمإلىشهادةأفلاإلو،((إنكتأتىقومامنأىلالكتا ب فإفىمأطاعوالذلكفأعلمهمأفلاله،لإالاله كأني رسو ؿلاله ))اًفت ضعليهمخمسصلوا ت )19 :1998 ، كمسلم1458 :1998 ،(أخرجوالبخار م ความวา่ “แท้จริงท่านกาลงั จะต้องพบกบั กล่มุ ชนหนึ่งจากบรรดา ชาวคัมภีร์ ดังนนั้ จงเชิญชวนพวกเขาไปสู่การกล่าวปฏิญาณตน ว่าไม่มีพระเจ้ าอ่ืนใดนอกจากอัลลอฮฺ และฉันเป็ นศาสนทูต แห่งอัลลอฮฺ หากพวกเขาตอบรับท่า นในเรื่องดังกล่าว จงบอก พวกเขาว่าอัลลอฮฺได้บญั ญตั ิการละหมาดห้าเวลาให้แก่พวกเขา” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 1458 และ Muslim, 1998: 19) การเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อลั ลอฮฺ เป็นพนั ธกิจของบรรดานบีและศาสนทตู เป้ าประสงคค์ ือ การเชิญชวนผคู้ นไปสู่การยอมจานนต่ ออิสลามดว้ ยคาพดู และการกระทาอยา่ ง ศิโรราบ และการเรียกร้องสู่เตาฮีด (การใหเ้ อกภาพต่ออลั ลอฮฺ ) อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﮖ ﮗ ﮘ ﮙ ﮚ ﮛ ﮜﭼ )36 :(النساء
186 ความวา่ “และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺ เถิด และอย่าให้มีส่ิงหน่ึง สิ่ งใดเป็ นภาคีกับพระองค์ ” (อนั -นิซาอฺ: 36) ดงั น้นั ภารกิจแห่งการดะอฺวะฮฺที่ไม่ไดเ้ รียกร้องสู่เตาฮีดเป็นลาดบั แรก ท้งั ๆท่ีมนุษย์ อยกู่ บั การต้งั ภาคีในรู ปแบบตา่ งๆน้นั ยอ่ มเป็นการกิจแห่งการดะอฺวะ ฮฺท่ีตรงกนั ขา้ มกบั ภารกิจแห่ง การดะอฺวะฮฺของบรรดาศาสนทตู และจะไม่ประสบความสาเร็จอยา่ งแน่นอน นกั ดาอียท์ ่ีสละเวลาของเขาเพ่ืออลั ลอฮฺ และปกป้ องมนุษยใ์ หอ้ ยใู่ นหนทางของ พระองค์ จาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่พวกเขาจะตอ้ งมีความรู้สึกลึกซ้ึง ผกู พนั ตอ่ พระเจา้ อยา่ งแน่วแน่ ทางานใน หนทางของพระองคต์ ลอดเวลา และใกลช้ ิดต่อพระองคอ์ ยา่ งชดั เจน ดงั น้นั จาเป็นอยา่ งยงิ่ สาหรับ นกั ดาอียท์ ี่รู้จกั พระเจา้ อยา่ งแทจ้ ริงจะตอ้ งรักษาการศรัทธาของเขาตอ่ พระองคเ์ พยี งองคเ์ ดียว และไม่ แยแสต่อความตอ้ งการของมนุษย์ เช่นเดียวกนั พวกเขาจะตอ้ งมีความยาเกรงซึมซบั สู่หวั ใจของพวก เขาไม่วา่ จะอยตู่ อ่ หนา้ มนุษยท์ ่ีมีอานาจกต็ าม (Sulaimān al-Dabshah, 1980: 87) หลายๆอายะฮฺในอลั กรุ อานท่ีมีการกล่าวถึงหลกั ฐานตา่ งๆท่ีจะทาใหก้ ารศรัทธา เพิ่มข้ึน โดยการใหม้ นุษยท์ ้งั หลาย โดยเฉพาะนกั ดาอียใ์ นการ พนิ ิจพิจารณาจากสรรพส่ิงตา่ งๆ ท่ีอลั ลอฮฺ ทรงสร้าง ไมว่ า่ จะเป็นโลก ส่ิงต่างๆในโลก หรือส่ิงท่ีแปลกประหลาดที่ควรแก่การ พินิจพิเคราะห์ถึงผสู้ ร้าง อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﮈﮉﮊﮋﮌ ﮍﮎﮏﮐﮑ ﮒﮓﮔﮕﮖﮗﭼ )101 :(يونس ความวา่ “จงกล่าวเถิด (มฮุ ัมมดั ) พวกท่านจงดูว่ามีอะไรในชั้นฟ้ า ท้ังหลายและแผ่นดิน และสัญญาณท้ังหลายและการตักเตือน
187 ทั้งหลายจะไม่อานวยผลแก่กล่มุ ชนท่ีไม่ศรัทธา” (ยนู ุส: 101) และอลั ลอฮฺ ยงั ทรงช้ีแนะใหม้ นุษยร์ ู้จกั พนิ ิจพจิ ารณาถึงการสร้างพวกเขา และ ส่ิงมหศั จรรยท์ ี่มีอยใู่ นตวั มนุษย์ เพื่อใหพ้ วกเขามีความผกู พนั และมีศรัทธาที่เช่ือมนั่ ตอ่ ผสู้ ร้างผา่ น การพนิ ิจพิเคราะห์ถึงความยงิ่ ใหญ่ของพระองคใ์ นการสร้างมนุษย์ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﮢ ﮣﮤ ﮥ ﮦ ﮧ ﭼ )21 :(الذاريا ت ความวา่ “และในตวั ของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าไม่เห็นดอกหรือ” (อซั ซาริยาต: 21) ท้งั หมดน้ีเป็นการช้ีใหเ้ ห็นถึงความรอบคอบและละเอียดออ่ น เพ่ือที่จะใหม้ นุษย์ ศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ อยา่ งแน่วแน่ไม่ส่นั คลอน โดยการพิจารณาส่ิงท่ีพระองคท์ รงสร้าง พวกเขาจะ เชื่อมน่ั ศรัทธาและพร้อมที่จะปฏิบตั ิตามในสิ่งท่ีพระองคท์ รงสั่งใช้ เพราะจุดประสงคท์ ี่พระองคท์ รง สร้างมนุษยแ์ ละญินเพ่ือใหท้ าการเคารพภกั ดีต่อพระองคเ์ พยี งองคเ์ ดียวเท่าน้นั อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭳ ﭴﭵﭶﭷﭸ ﭹﭼ )56 :(الذاريا ت ความวา่ “และข้ามิได้สร้างญิน และมนษุ ย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อ เคารพภกั ดีต่อข้า” (อซั ซาริยาต: 56)
188 การอิบาดะฮฺเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ น้นั ไมใ่ ช่เพยี งการป ฏิบตั ิส่ิงที่ศาสนาได้ กาหนดไวใ้ หก้ ระทาส่ิงน้นั วาญิบ เช่นการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาตและการทาฮจั ญ์ เทา่ น้นั แตม่ นุษยท์ ้งั หลายโดยเฉพาะนกั ดาอียจ์ ะตอ้ งปฏิบตั ิในทุกดา้ นของชีวติ ดว้ ยการกระทาท่ี เป็นการอิบาดะฮฺตอ่ พระองค์ ตามแบบอยา่ งท่ีท่านนบีมุฮมั มดั ไดก้ ระทาไว้ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﯓﯔﯕﯖﯗﯘﯙ ﯚﯛ ﭼ )162 :(لاأنعاـ ความวา่ “จงกล่าวเถิด(มฮุ ัมมดั )ว่า แท้จริงการละหมาดของฉัน และ การอิบาดะฮฺของฉัน และการมีชี วิตของฉัน และการตายของฉันน้ัน เพื่ออัลลอฮฺผ้เู ป็นพระเจ้าแห่งสากลโลกเท่าน้ัน” (อลั อนั อาม: 162) Muhammad Ghazāliy (1985: 191) ไดก้ ล่าววา่ “การปฏิบตั ิตามแบบอยา่ งของ ท่านนบีมุฮมั มดั ทาใหน้ กั ดาอียม์ ีความผกู พนั ที่ดีตอ่ มนุษย์ เม่ือมีผปู้ ่ วยก็ใหก้ ารช่วยเหลือ เม่ือมีผู้ หิวโหยกใ็ หอ้ าหาร เม่ือพบเจอสิ่งที่จะทาใหเ้ กิดอนั ตรายบนทางเดินก็ช่วยขจดั ออกไป และทาการ ขวนขวายเพอ่ื จะกระทาส่ิงท่ีชอบและเชิญชวนใหม้ นุษยป์ ฏิบตั ิตาม และส่ิงชวั่ ร้ายใหห้ ลีกหนีและ หา้ มปรามมนุษยใ์ นการเขา้ ใกล้ และชีวติ ของพวกเขาจะเตม็ ไปการราลึกถึงอลั ลอฮฺ ” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﮕﮖﮗﮘﮙ ﮚﮛ ﮜﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣﮤ ﮥﮦﮧﮨﮩ ﮪﭼ )191 :(آ ؿعمراف
189 ความวา่ “คือบรรดาผ้ทู ี่ราลึกถึงอัลลอฮฺ ท้ังในสภาพยืน และนงั่ และในสภาพที่นอนตะแคง และพวกเขาพินิจพิจารณากันในการ สร้างบรรดาช้ันฟ้ าและแผ่นดิน (โดยกล่าวว่า)โอ้พระเจ้าของพวก ข้าพระองค์ พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งนีม้ าโดยไร้สาระ มหา บริสุทธ์ิพระองค์ท่าน โปรดทรงคุ้มครองพวกข้าพระองค์ให้พ้น จากการลงโทษแห่ งไฟนรกด้ วยเถิด” (อาละอิมรอน: 191) คุณลกั ษณะขา้ งตน้ บ่งบอกถึงความสมบูรณ์แบบของการใกลช้ ิดอลั ลอฮฺ โดย การใหค้ วามยงิ่ ใหญต่ ่อคมั ภี ร์ของพระองค์ สม่าเสมอในการอา่ น เขา้ ใจความหมายอยา่ งลึกซ้ึง เพื่อใหจ้ ิตใจสงบสุข มีสมองที่ใสบริสุทธ์ิ พร้อมท่ีจะขบั เคล่ือนการทางานดะอฺวะฮฺตอ่ ไป และตาม แบบอยา่ งของท่านนบีมุฮมั มดั ในการวงิ วอนขอต่อพระเจา้ ใหก้ ารงานของทา่ นยดึ มน่ั ตามคมั ภีร์ ของพระองค์ จากหะดีษที่ รายงานโดยอบั ดุลเลาะฮฺ บิน มสั อูด ซ่ึงท่านไดก้ ล่าววา่ ทา่ น เราะสูล ไดก้ ล่าววา่ ما ضفي،ناصيتيبيد ؾ،((اللهػمإنيعبد ؾ كابنعبد ؾ كابنأمتك سميتبػو،أسألكبكلاسمىولك،عد ؿفيقضاؤ ؾ،حكمك أك،أكأنزلتػوفيكتابكأكعلمتوأحدامنخلقك،نفسك ،أفتػجعلالقرآف ربيعقلبي،استأثر تبػوفيعلػمالغيبعند ؾ )) كذىا بىػمي، كجلاءحنزي،كنورصدر م )4318 :1998 ،(أخرجوأحمد ความวา่ “โอ้อัลลอฮฺ ข้าคือบ่าวของพระองค์ บตุ รของบ่าวชาย ของพระองค์ บุตรของบ่าวหญิงของพระองค์ ขม่อมของข้าอย่ใู น พระหัตถ์ของพระองค์ กาหนดการของพระองค์ดาเนินบนตวั ข้า ลิขิตแห่งพระองค์นั้นยตุ ิธรรมแก่ข้าแล้ว ข้าขอต่อพระองค์ด้วย พระนามทุกนามของพระองค์ ท่ีซึ่งพระองค์ได้ต้งั ไว้สาหรับตัว
190 พระองค์เอง หรือท่ีพระองค์ได้สอนมนั แก่บ่ าวผ้ใู ดผ้หู น่ึงของ พระองค์ หรือท่ีพระองค์เกบ็ ไว้เป็นความลับในความรอบรู้ของ พระองค์ ข้าขอให้พระองค์ทรงโปรดประทานให้อัลกุรอานเป็น ส่ิงที่ร่ืนรมย์แก่ใจข้า เป็นรัศมีแก่อกข้า เป็นสิ่งที่ขจัดความ โศกเศร้าของข้า และเป็นส่ิงท่ีลบความกงั วลของข้าให้หมดไป” (บนั ทึกโดย Ahmad, 1998: 4318) หะดีษขา้ งตน้ ช้ีใหม้ นุษยป์ ฏิบตั ิ ตามแบบอยา่ งของทา่ นนบีมุฮมั มดั ในเรื่อง ความผกู พนั อยา่ งแนบแน่นตอ่ อลั ลอฮฺ ในทุกๆดา้ น โดยการราลึกถึงพระองคต์ ลอดเวลา เชื่อมนั่ ตอ่ พระองค์ เคารพ ยาเกรง รัก และนอบนอ้ มถ่อมตนท้งั กลางวนั และกลางคืน 2) มีความเข้าใจอย่างละเอยี ดในเร่ืองศาสนาและดุนยา คุณลกั ษณะน้ีจาเป็นสาหรับนกั ดาอียเ์ ป็นอยา่ งมาก หลงั จากที่มีคุณลกั ษณะการ รู้จกั อลั ลอฮฺ อยา่ งละเอียด และมีความผกู พนั อยา่ งแน่วแน่ตอ่ พระองค์ เพราะหากนกั ดาอียไ์ ม่มี คุณลกั ษณะขา้ งตน้ พวกเขาไมส่ ามารถที่จะทาหนา้ ท่ีในการดะอฺวะฮฺเชิญชวน แนะแนวทาง ใหก้ าร ฟัตวา หรือใหค้ านาซีฮตั ตกั เตือนมนุษยไ์ ด้ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﯞﯟﯠﯡﯢﯣﯤ ﯥﯦﯧ ﯨ ﯩﭼ )28 :(فاطر ความวา่ “แท้จริง บรรดาผ้ทู ่ีมีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์ เท่าน้ันท่ีเกรงกลัวอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺ น้นั เป็นผ้ทู รงอานาจ ผู้ ทรงอภัยเสมอ” (ฟาฏิรฺ: 28) การดะอฺวะฮฺไปสู่อลั ลอฮฺ น้นั จาเป็นจะตอ้ งมีความคิด ความเขา้ ใจ และมีความรู้ และการดะอฺวะฮฺจะไมบ่ รรลุผลหากนกั ดาอียข์ าดความคิด ความเขา้ ใจ และความรู้อยา่ งลึกซ้ึง ซ่ึงใน
191 ท่ีน้ีหมายถึงการมีหลกั ฐานที่ชดั เจน สามารถอธิบายไ ดอ้ ยา่ งละเอียด มีความการจ่าง และมีความ เขา้ ใจที่ลึกซ้ึงเกี่ยวกบั การดะอฺวะฮฺและผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ นนั่ คือการท่ีนกั ดาอียจ์ ะตอ้ งมีความเขา้ ใจอยา่ ง ละเอียดในเร่ืองศาสนาและดุนยา Muhammad al-Saiyid al-Wakīl (1986: 62-63) ไดก้ ล่าววา่ “การดะอฺวะฮฺอิสลามคือ การดะอฺวะฮฺท่ั วโลก เพราะมนั หมายถึงการดะอฺวะฮมนุษยท์ ้งั มวล และวาญิบสาหรับนกั ดาอียท์ ี่ จะตอ้ งปฏิบตั ิภารกิจน้ี จะตอ้ งรอบรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ อยา่ งชดั เจน สามารถรวบรวมหลกั ฐานเพ่อื ใชใ้ นการนาเสนอและดะอฺวะฮ จนกระทง่ั ผทู้ ่ีกาลงั โตแ้ ยง้ เห็นดว้ ยและพอใจ และสามารถแนะ แนวทางที่ถูกตอ้ งใหก้ บั ผหู้ ลงทาง” ‘Abd al-Karīm Zaidān (1987: 315-316) ไดก้ ล่าววา่ “ดว้ ยเหตุน้ี อลั ลอฮฺ ได้ สอนไวใ้ นอลั กรุ อานใหค้ นมุสลิมท้งั หลายศึกษาหาความรู้ ต้งั ใจอยา่ งแน่วแน่ และศึกษาคน้ ควา้ ความรู้เพมิ่ เติมใหม้ ากๆอยเู่ สมอ และพระองคย์ งั ทรงหา้ มในการปฏิบตั ิตามผไู้ มม่ ีความรู้ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﭖﭗﭘﭙﭚﭛ ﭜﭝﭞﭟﭠ ﭡﭢﭣﭤﭼ )114 :(طو ความวา่ “และเจ้า อย่ารีบเร่งในการอ่านอัลกรุ อาน ก่อนที่วะฮีย์ ของพระองค์จะจบลงและจงกล่าวเถิดข้าแต่พระเจ้า ของข้า พระองค์ขอพระองค์ทรงโปรดเพ่ิมพูนความรู้แก่ข้าพระองค์ ด้วย” (ฏอฮา: 114) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานอีกวา่ ﭽﯯﯰﯱﯲﯳﯴﯵﯶ ﯷﯸﯹ ﯺﯻ ﯼﯽ ﯾﯿﰀﭼ )36 :(لاإسراء
192 ความวา่ “และอย่าติดตามส่ิงที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องน้ัน แท้จริง หูและตาและหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านัน้ จะถกู สอบสวน” (อลั อิสรออ:์ 36) และดว้ ยความรู้ทาใหม้ นุษยส์ ามารถเขา้ ใจอยา่ งกระจ่างและต้งั ใจอยา่ งแน่วแน่ สมมุติวา่ มนุษยก์ าลงั พดู ถึงสิ่งที่พวกเขาไมม่ ีความรู้โดยการเอะอะโวยวาย ยอ่ มเป็นเรื่องน่าขนั และ เป็นท่ีดูถูก แต่ตราบใดที่พวกเขาพดู ในส่ิงที่พวกเขามีความรู้อยา่ งชดั เจน จบั ประเด็นไดถ้ ูกตอ้ ง พวก เขาก็จะมีคุณค่าและมีเกียรติในสายตาของมนุษย์ คาพดู ของพวกเขากจ็ ะซึมซบั สู่หวั ใจของผฟู้ ัง มี ความรู้สึกสนใจ ยนิ ดีท่ีจะรับฟัง และจะปฏิบตั ิตามอยา่ งรวดเร็ว ” (‘Abd al-Karīm Zaidān, 1987: 315-316) นกั ดาอียท์ ่ีจะทาหน้ าท่ีในการเชิญชวนสู่อลั ลอฮฺ จะตอ้ งมีการเสียสละและ พยายามในการขวนขวายหาความรู้ ความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งบริสุทธ์ิ โดยเฉพาะคมั ภีร์อลั กุรอานและ หะดีษของท่านเราะสูล จนกวา่ พวกเขาจะสามารถหยงั่ ถึงและเขา้ ใจอยา่ งถ่องแทใ้ นเรื่องศาสนา ของพระองค์ เพื่อใหพ้ วกเขาสามารถที่ จะวนิ ิจฉยั โรคตา่ งๆของมนุษยแ์ ละสามารถที่จะขวนขวาย วธิ ีการรักษาท่ีเหมาะสมโดยทางนาแห่งอิสลาม ซ่ึงจะทาใหจ้ ิตใจของมนุษยส์ งบลงจากการรักษา จึง กล่าวไดว้ า่ พวกเขาคือผตู้ กั เตือน แพทยข์ องผปู้ ่ วย และรัศมีในการช้ีแนะแนวทาง อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽ ﯘﯙﯚﯛ ﯜﯝﯞﯟ ﯠﯡ ﯢﯣﯤﯥﯦﯧﯨﯩﯪ ﯫ ﯬﯭﯮﭼ )54 :(لاحج ความวา่ “และเพ่ือบรรดาผ้รู ู้จะตระหนักว่า แท้จริงอัลกรุ อา นนั้น คือสัจธรรมจากพระเจ้าของเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้ศรัทธาต่อมนั (อัล กุรอาน ) แล้วจิตใจของพวกเขาจะได้นอบน้อมต่อมนั
193 (อัลกุรอาน) และแท้จริงอัลลอฮฺ ทรงเเป็นผ้ชู ีแ้ นะบรรดาผ้ศู รัทธา สู่แนวทางอันเที่ยงตรง” (อลั ฮจั ญ:์ 54) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานอีกวา่ ﭽﯔﯕﯖﯗﯘ ﯙﯚ ﯛﯜﯝ ﯞﯟﯠﯡﯢ ﯣﯤﭼ )6 :(سبأ ความวา่ “และบรรดาผ้ไู ด้รับความรู้ ตระหนกั ดีว่า สิ่งที่ได้ถกู ประทานแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้านั้นเป็น สัจธรรม และจะชี้ นาไปสู่แนวทางแห่งพระผ้ทู รงอานาจ ผ้ทู รงได้รับการ สรรเสริ ญ” (สะบะอฺ: 6) Muhammad Ghazāliy (1985: 195) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียไ์ ม่สามารถท่ีจะทาหนา้ ที่ ดะอฺวะฮฺโดยการมีคุ ณลกั ษณะอมานะฮฺซ่ือสัตย์ และสั จจริงเท่าน้นั แตพ่ วกเขาจะตอ้ งขวนขวาย ความรู้ความเขา้ ใจ วทิ ยปัญญา และความสามารถในการเผชิญสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเสนอวธิ ีการ แกไ้ ขปัญหาดว้ ยความรู้ท่ีกวา้ งขวาง ความเขา้ ใจท่ีลึกซ้ึง และผลตอบรับท่ีดี” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ﭽﭤﭥﭦ ﭧﭨﭩ ﭪ ﭫﭬﭭﭮ ﭯﭰ ﭱ ﭲ ﭳ ﭴﭵﭶﭷﭼ )18 :(آ ؿعمراف ความวา่ “อัลลอฮฺ ทรงยืนยนั ว่า แท้จริงไม่มีผ้ทู ี่ควรได้รับการ เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และมลาอิกะฮฺ
194 และผ้มู ีความรู้ในฐานะดารงไว้ซึ่งความยตุ ิธรรมนนั้ กย็ ืนยนั ด้วย ว่าไม่มีผ้ทู ่ีควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ผู้ ทรงเดชานุภาพ ผ้ทู รงปรีชาญาณเท่านั้น” (อาละอิมรอน: 18) และอลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานอีกวา่ ﭽﯰ ﯱﯲﯳ ﯴﯵﯶﯷ ﯸﯹ ﯺ ﯻﯼﯽﯾﯿﰀﰁﰂﰃ ﰄﰅﰆﰇ ﰈﰉﰊ ﰋﰌﭼ )162 :(النساء ความวา่ “แต่ทว่าบรรดาผ้มู นั่ ในความรู้ในหม่พู วกเขา และ บรรดาผ้ทู ี่ศรัทธานนั้ พวกเขาย่อมศรัทธาต่อส่ิงท่ีถกู ประทานลง มาแก่เจ้า และสิ่งที่ถกู ประทานลงมาก่อนเจ้า และบรรดาผ้ทู ่ีดารง ไว้ซึ่งการละหมาด และบรรดาผ้ทู ี่ชาระซะกาต และบรรดาผู้ ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และในวนั ปรโลกชนเหล่านีแ้ หละ เราจะให้ เขาซ่ึงรางวลั อันใหญ่หลวง” (อนั -นิซาอฺ: 162) จาเป็นสาหรับนกั ดาอียท์ ี่จะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในเร่ืองฮาลาลและหะรอม สิ่ง ที่วาญิบและสุนนะฮฺ(ส่งเสริมใหป้ ฏิบตั ิ) หลกั การเช่ือและกฎหมาย หะดีษต่อไปน้ีเป็นการยนื ยนั วา่ นกั ดาอีย์ น้นั มีความจาเป็นอยา่ งยง่ิ ในการศึกษาหา ความรู้ โดยเฉพาะความรู้ศาสนา รายงานโดยมุอาวยี ะฮฺ ซ่ึงทา่ นกล่าววา่ ท่านเราะสูล ได้ กล่าววา่ ))((منيردلالهبو َختايفقهوفيالدين )1037 :1998 ، كمسلم3116 :1998 ،(أخرجوالبخار م
195 ความวา่ “ผ้ใู ดท่ีอัลลอฮฺต้องการให้เขาได้ รับความดีงาม พระองค์ จะให้ เขาเข้าใจในเร่ื องศาสนา” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 3116 และ Muslim, 1998: 1037) Muhammad Ghazāliy (1985: 205) ไดก้ ล่าววา่ “จาเป็นสาหรับนกั ดาอีย์ ที่จะตอ้ ง เรียนรู้อลั กรุ อานโดยการท่องจาและเขา้ ใจความหมาย และจะตอ้ งเรียนรู้ประวตั ิของท่านนบีมุฮมั มดั ในการปฏิบตั ิตามแนวทางอลั กรุ อาน และประวตั ิของบรรดาเศาะหาบะฮฺและเคาะลีฟะฮฺในการ ตอ่ สู้ของพวกเขาเพ่ือใหอ้ ิสลามมนั่ คง และนี่เป็นสิ่งท่ีเช่ือมน่ั วา่ นกั ดาอียจ์ ะต้ องใหค้ วามรู้อยา่ ง ชดั เจนเก่ียวกบั อิสลามในทุกๆเร่ือง” หะดีษที่ทา่ นนบีมุฮมั มดั ซ่ึงทา่ นไดก้ ล่าวกบั มุอาซ บิน ญะบลั ขณะท่ีจะส่ง เขาไปเรียกร้องเชิญชวนชาวเยเมนไปสู่การเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ วา่ ،أقضيبكتا بلاله:قا ؿ، ((كيفتقضيإذاعر ضلكقضاء فإف:قا ؿ، فبسنةرسو ؿلاله:قا ؿ،فإفلمتجدفيكتا بلاله:قا ؿ أجتهد رأيي:قا ؿ،لكافيكتا بلاله لمتجدفيسنةرسو ؿلاله لاحمدللهالذ م كفق: صدره كقا ؿ فضربرسو ؿلاله،لكاآلو ))رسو ؿرسو ؿلالهلدايرضيرسو ؿلاله )3592 :1998 ،(أخرجوأبو داكد ความวา่ “ท่านจะตัดสินอย่างไรหากมีคดีหน่ึงเกิดขึน้ กับท่า น เขา กล่าวว่า: ฉันจะตัดสินด้วยกบั สิ่งที่อย่ใู น คัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่าน เราะสูลกล่าวว่า: หากไม่มีระบุไว้ใน คัมภีร์ของอัลลอฮฺ ล่ะ เขา กล่าวว่า: กด็ ้วยสุนนะฮฺของเราะสูล ท่านนบีกล่าวว่า: หากไม่ มีระบุไว้ในสุนนะฮฺของเราะสูล ล่ะ เขาตอบว่า: ฉันกจ็ ะทา การวินิจฉัยกับความเห็นของฉัน โดยฉันจะไม่ทาให้บกพร่อง ดังนัน้ ท่าน เราะสูล กไ็ ด้ตบอกของมอุ าซฺ แล้วกล่าวว่า การ สรรเสริญเป็นอภิสิทธิ์ของอัล ลอฮฺ ผ้ทู รง ชี้นาทูตของ เราะสูล ให้กบั ส่ิงที่ทาให้เราะสูลพอใจ” (บนั ทึกโดย Abū Dāwūd, 1998: 3592)
196 หะดีษน้ีช้ีใหเ้ ห็นวา่ นกั ดาอียท์ ่ีจะทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺน้นั จะตอ้ งมีความรู้ที่ครอบคลุม เพ่ือจะใชเ้ ป็นอาวธุ ในการปฏิบตั ิภารกิจสาคญั น้ีใหล้ ุล่วงดว้ ยดี 3) มคี วามรอบรู้ในเรื่องของผู้ถูกดะอฺวะฮฺ ‘Abd al-Qādir Sayyid ‘Abd al-Ra’ūf (1987: 20) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอีย์ เปรียบเสมือนแพทยท์ ่ีจะตอ้ งทาการวนิ ิจฉยั โรคที่เกิดข้ึนในสังคม เพื่อหาทางรักษาไดถ้ ูกวธิ ี โดยที่ พวกเขาจะตอ้ งรู้วา่ ผถู้ ูกดะอฺวะฮฺน้นั มีลกั ษณะนิสยั และมารยาทอยา่ งไร เพื่อสามารถที่จะเชิญชวนได้ อยา่ งถูกทางและง่ายดาย” นกั ดาอียน์ ้นั มิไดถ้ ูกจากดั ในการดะอฺวะฮฺเพียงผทู้ ่ีรู้จกั เท่าน้นั เพราะอิสลามคือ ศาสนาสาหรับมนุษยชาติ สาหรับนกั ดาอียจ์ าเป็นอยา่ งยง่ิ ในการทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺที่จะตอ้ งเชิญชว น ผคู้ นจานวนมากท้งั ท่ีรู้จกั และไม่รู้จกั พวกเขาจะตอ้ งพยายามในการหาขอ้ มลู บุคคลท่ีไมร่ ู้จกั เพื่อหา หวั ขอ้ รูปแบบ และแนวทางที่เหมาะสมในการทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺเพอื่ ใหบ้ รรลุผลและตอบรับอยา่ ง รวดเร็ว คุณลกั ษณะของนกั ดาอียด์ งั กล่าวน้ี ท่านนบีมุฮมั มดั ไดเ้ ผชิญการดะอฺวะ ฮฺผทู้ ่ียง่ิ ใหญ่ใน แผน่ ดิน หะดีษรายงานโดยอนสั บิน มาลิก ท่านไดก้ ล่าววา่ ، كإلىالنجاشي، كإلىقيصر،كتبإلىكسرل ((أفنبيلاله )) يدعوىمإلىلالهتعالى،كإلىكلجبار )1774 :1998 ،(أخرجومسلم ความวา่ “ท่านนบี ได้เขียนจดหมายไปยงั กิสรอ (ชื่อตาแหน่ง ของกษัตริย์เปอร์เซีย ) และกอ็ ยศอ็ รฺ (ชื่อตาแหน่งของกษตั ริย์ โรมนั ) และอันนะญาซีย์(ช่ือตาแหน่งของกษตั ริย์เอธิโอเปี ย) และ ส่งไปยงั ผ้มู ีอานาจบารมี (และยศถาบรรดาศักดิ์ ณ ที่ต่างๆ ) เพื่อ เชิญชวนพวกเขาไปสู่อัลลอฮฺ ” (บนั ทึกโดย Muslim, 1998: 1774)
197 นกั ดาอียจ์ ะตอ้ งมีประสบการณ์ที่โชกโชน มีความรู้ความเขา้ ใจที่กวา้ งขวาง ตอ้ ง ศึกษากบั ผรู้ ู้ จะตอ้ งเรียนรู้ความเป็นอยขู่ องผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ รู้ปัญหาและแนวทางแกไ้ ข จึงจาเป็นที่ จะตอ้ งมีความรู้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. วชิ าประวตั ิศาสตร์ Yūsuf al-Qaradhāwiy (1991: 88) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียจ์ ะตอ้ งมีความรู้วชิ า ประวตั ิศาสตร์เพื่อใหเ้ ขารอบรู้เก่ียวกบั เร่ืองราวของชนรุ่นก่อนและประวตั ิศาสตร์ของวรี บุรุษใน อดีต เขาจะไดไ้ ตร่ตรองถึงสาเหตุที่ทาใหส้ ังคมในสมยั น้นั มีการพฒั นาและเจริญรุ่งเรือง และสาเหตุ ท่ีทาใหด้ อ้ ยและตกต่า เพราะในประวตั ิศาสตร์ไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ผลตอบแทนสาหรับผทู้ ่ีศรัทธาและ ยาเกรง และผลตอบแทนผทู้ ่ีทาความชวั่ และผดิ บาป ดว้ ยเหตุน้ีอลั กรุ อานไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ประวตั ิ ของชนรุ่นก่อนเพื่อใหเ้ ป็นบทเรียนที่ชดั เจน และเป็นขอ้ เตือนใจตลอดกาล” อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ﭽﯫﯬ ﯭﯮﯯﯰﯱﯳﯴ ﯵ ﯶﯷﯸﯹﯺﯻ ﯼ ﯽﯾﯿﰀﰁ ﰂﰃﭼ )111 :(يوسف ความวา่ “โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขาเป็นบทเรียน สาหรับบรรดาผ้มู ีสติปัญญา มิใช่เป็นเรื่องราวท่ีถกู ป้ันแต่งขึน้ แต่ ว่าเป็นการยืนยนั ความจริงท่ีอย่ตู ่อหน้าเขา และเป็นการแจกแจง ทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นการชีท้ างท่ีถกู ต้อง และเป็นการเมตตาแก่ หม่ชู นผ้ศู รัทธา” (ยซู ุฟ: 111) 2. วชิ าภมู ิศาสตร์ ‘Abd al-Qādir Sayyid ‘Abd al-Ra’ūf (1987: 29) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียม์ ีความ จาเป็นท่ีจะตอ้ งเรียนรู้วชิ าภมู ิศาสตร์ เพื่อที่จะรู้จกั ประเทศ และดินแดนที่เขาจาเป็ นตอ้ งทาหนา้ ท่ี
198 ดะอฺวะฮฺ เขาจะไดไ้ ตร่ตรองความเป็นไปในสังคม และอาชีพของคนในพ้นื ที่ เพ่อื ใหค้ วามสาคญั ใน การบริหารความคิดที่จะทาการสื่อใหถ้ ูกตอ้ งตามสภาพแวดลอ้ ม และบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ไดเ้ คย เรียนรู้เก่ียวกบั เรื่องราวของผคู้ นในสมยั ของพวกเขาและประวตั ิศาสตร์ซ่ึงเรียก กนั ในสมยั น้ีวา่ วชิ า ภมู ิศาสตร์ ดว้ ยเหตุน้ีพวกเขาสามารถท่ีจะพิชิตและสู้รบกบั กลุ่มชนท่ีปฏิเสธศรัทธา และไดร้ ับชยั ชนะเพราะการเรียนรู้มิใช่เพราะความโง่เขลา” 3. วชิ าจิตวทิ ยา Yūsuf al-Qaradhāwiy (1991: 125-126) ไดก้ ล่าววา่ “การเรียนรู้วชิ าจิตวทิ ยาน้นั เป็นสิ่งสาคัญสาหรับนกั ดาอีย์ เพ่อื เขาจะไดร้ ู้สิ่งที่อยใู่ นจิตใจของมนุษย์ แนวโนม้ ความสนใจของ พวกเขา ส่ิงที่จะกระทบหรือเกิดผลกระทบการใชช้ ีวติ ของพวกเขาในสงั คม ซ่ึงวชิ าจิตวทิ ยาน้นั ให้ ประโยชน์กบั นกั ดาอียม์ ากมายหลายดา้ น ดงั น้ี 3.1 สามารถอธิบายถึงผลกระทบที่ดี ผลประโยชน์ของการศรัทธา การใช้ ชีวติ และมีพฤติกรรมที่มีสติ 3.2 สามารถช่วยใหน้ กั ดาอียเ์ ขา้ ใจตวั ตนของผทู้ ี่ตนทาการดะอฺวะฮฺท้งั ตวั บุคคลและสังคม เรียนรู้ในการใหค้ วามสาคญั กบั พวกเขา สิ่งที่กระตุน้ ต่อจิตใจของพวกเขาในการ ทางานดะอฺวะฮฺใหเ้ หมาะสมกบั การรับรู้ของพวกเขา การใหค้ วามรู้แก่พวกเขาเทา่ ที่พวกเขาสามารถ จะรับได้ โดยที่ไม่ทาใหเ้ กิดความยากลาบาก เป็นภาระ หรือทาใหพ้ วกเขาเบื่อหน่าย” ‘Uṭiyyah Ṣaqr (1988: 185-186) ไดก้ ล่าววา่ “การดะอฺวะฮฺไปสู่อลั ลอฮฺ น้นั เป็น การตรั ฺบียะฮฺและการสอน ตอ้ งกากบั ดูแล และตอ้ งรอบรู้ในเร่ืองรากฐานหลกั การตรั ฺบียะฮฺและ รอบ รู้เก่ียวกบั จิตวทิ ยา หากไมม่ ีความรู้ในดา้ นน้ียอ่ มทาใหเ้ กิดอนั ตรายจากการท่ีคิดวา่ มนั จะทาใหเ้ กิด ประโยชน”์ จากหะดีษรายงานโดยอบมู ูซา อลั อชั อารีย์ กล่าววา่ ท่านเราะสูล ไดแ้ ตง่ ต้งั ใหท้ ่านและมุอาซ ทาการดะอฺวะฮฺท่ีเยเมน และท่านเราะสูล ไดก้ ล่าววา่ )) كتطاكعالكاتختلفا، كبشرالكاتنفرا،(( مسرالكاتعسرا )1733 :1998 ، كمسلم3038 :1998 ،(أخرجوالبخار م
199 ความวา่ “จงทาให้ง่ายและอย่าทาให้ยาก จงให้ข่าวดีและอย่าทา ให้ตะเพิดหนี จงภักดีและอย่าขดั แย้งกัน” (บนั ทึกโดย Bukhāriy, 1998: 3038 และ Muslim, 1998: 1733) หากนกั ดาอียม์ ีความรอบรู้ในเร่ืองจิตวทิ ยา สามารถอา่ นความคิดของผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ รู้จกั จิต และพฤติกรรมของพวกเขา จะสร้างประโยชนแ์ ละสร้างความสาเร็จอยา่ งมากมายในการ ดะอฺวะฮฺ 4. วชิ าสงั คมศาสตร์ Yūsuf al-Qaradhāwiy (1991: 126-127) ไดก้ ล่าววา่ “การเรียนรู้วชิ าสงั คมศาสตร์ น้นั เป็นวชิ าที่สาคญั ที่สุดสาหรับนกั ดาอียท์ ่ีจะตอ้ งรอบรู้ เรียนรู้อยา่ งละเอียด ส่งเสริมใหน้ กั ดาอียท์ า การเรียนรู้พ้ืนฐานของวชิ าน้ี การรู้จกั สังคมของชนกลุ่มหน่ึงในมุมมองอิสลาม ความคิดความอ่านที่ คงเส้นคง วาเกี่ยวกบั อิสลาม มุมมองของเขาตอ่ ศาสนา ชีวติ มนุษย์ และประวตั ิศาสตร์เพอ่ื เป็น แนวทางในการเขา้ ใจสภาพของสงั คม และเรียนรู้สาเหตุและปัญหา เพือ่ หาแนวทางในการแกไ้ ข ปัญหาอยา่ งตรงจุด” ‘Aliy al-Mahfūz (1852: 100) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียน์ ้นั ควรเรียนรู้วชิ าน้ี เพราะจ ะ ช่วยในการเขา้ ใจสภาพสังคมและสภาพแวดลอ้ ม และจะทาใหเ้ ขารู้ทุกสิ่งรอบตวั ตามความเป็นจริง และส่ิงใหม่ๆที่เกิดข้ึน และมีรายงานวา่ สาเหตุที่บรรดาเศาะฮาบะฮฺ น้นั พอใจต่อการปกครอง ของเคาะลีฟะฮฺอบูบกั รฺ เนื่องจากทา่ นสืบเช้ือสายจากอาหรับ ซ่ึงความหมายในที่น้ีคือ ท่าน รอบรู้ ถึงสภาพความเป็นอยขู่ องชนเผา่ อาหรับและรายละเอียดของมนั รู้ถึงประวตั ิศาสตร์ของทุกๆชนเผา่ และรู้ถึงพฤติกรรมมารยาทของพวกเขา เช่น กลา้ หาญ หรือข้ีขลาด อมานะฮฺซื่อสัตย์ หรือทุจริต รู้วา่ จุดใดออ่ นจุดใดเขม้ แขง็ ยากจนหรือร่ารวย และการที่ทา่ นเผชิญหนา้ กบั พวกมุรฺตดั (ออกจากศาสนา) ท้งั ๆท่ีท่านเป็นที่รู้จกั วา่ เป็นคนอ่อนโยนและมีมารยาทงดงาม แต่ที่ท่านทาเพราะดว้ ยความรอบรู้ อยา่ งละเอียดนน่ั เอง” 5. วชิ าภาษาศาสตร์ Uṭiyyah Ṣaqr (1988: 183) ไดก้ ล่าววา่ “นกั ดาอียน์ ้นั จะตอ้ งเรียนรู้และเขา้ ใจอยา่ ง แน่วแน่ในดา้ นภาษาของผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ เพอื่ ใหพ้ วกเขาเขา้ ใจอิสลาม เพราะลิ้นคืออาวธุ ท่ียงิ่ ใหญใ่ น การทาความเขา้ ใจกบั มนุษย์ เขา้ ร่วมติดตอ่ สื่อสารกบั พวกเขา และรอบรู้ในเร่ืองความเป็นอยขู่ อง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347