Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคนิคการดะอ์วะฮ์ของนบีนูห์ โดย : มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง

เทคนิคการดะอ์วะฮ์ของนบีนูห์ โดย : มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง

Published by Ismail Rao, 2021-01-12 03:12:27

Description: การอดทนและยืนหยัดในการทำหน้าที่ดะอฺวะฮ์ของนบีนูห์เป็นเวลา
ยาวนานถึง 950 ปี การขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ และผลตอบแทนจากพระองค์ต่อผู้ปฏิเสธศรัทธา ด้วยการลงโทษพวกเขาในโลกนี้ โดยทรงให้พวกเขาอยู่ในการหลงผิด และทรงลงโทษต่อมาด้วยน้าท่วมโลก และการลงโทษพวกเขาในโลกหน้าด้วยการถูกให้เข้าอยู่ในไฟนรกอันลุกโชน

เทคนิคการดะอฺวะฮฺของนบีนูห์ ใช้ดะอฺวะฮฺที่หลากหลาย ทั้งการกล่าวตักเตือน การดะอ์วะฮ์ด้วยความสุภาพอ่อนโยน การเรียกร้องเชิญชวนอย่างลับๆและเปิดเผย การดะอฺ์ะฮฺ์ด้วยการชี้แนะ ให้ขออภัยโทษจากพระเจ้า ด้วยการบอกข่าวดีทั้งในอาคิเราะฮฺ์และดุนยา การดะอ์วะฮฺ์ด้วยการให้ใคร่ครวญถึง
ความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ การใช้เวลาที่เหมาะสม ทั้งกลางคืนและกลางวัน อย่างสม่าเสมอโดยมิให้บกพร่องแต่อย่างใดเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ

Search

Read the Text Version

50 บทที่ 2 ชีวประวตั ขิ องท่านนบีนูหฺ  2.1 ช่ือและวงศ์ตระกูล ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นหน่ึงในบรรดาเราะสูล 13ของอลั ลอฮฺ  ซ่ึงนาสาสนจ์ าก พระองคส์ ู่มวลมนุษยชาติ ท่านเป็นหน่ึงในบรรดานบีและเราะสูลที่ถูกกล่าวถึงในอลั กรุ อานจาก หลายๆ สูเราะฮฺซ่ึงช้ีใหเ้ ห็นเกี่ยวกบั หนา้ ท่ีท่ียงิ่ ใหญ่นน่ั คื อการดะอฺวะฮฺที่ทา่ นตอ้ งปฏิบตั ิตามคา บญั ชาของอลั ลอฮฺ  โดยการเชิญชวนประชาชาติของท่านสู่หนทางแห่งการศรัทธาอยา่ งแทจ้ ริง แต่ดว้ ยบททดสอบอนั มากมาย และการต่อสู้ดว้ ยความเหนื่อยยากลาบากเพ่อื ยนื หยดั บนหนทางท่ี ถูกตอ้ ง ท่านจึงตอ้ งใชค้ วามพยายาม อุตสาหะและความอดทนเป็นอยา่ งมากในการเผยแผเ่ ป็นเวลา ยาวนานถึง 950 ปี ทา่ นคือหน่ึงในตวั อยา่ งอนั มากมายที่กล่าวไวใ้ นหลากหลายอายะฮฺในอลั กรุ อาน เก่ียวกบั เร่ืองราวของชนรุ่นก่อนเพื่อเป็นอุทาหรณ์และขอ้ เตือนสติใหก้ บั ประชาชาติชนรุ่นหลงั ดงั อายะฮฺต่อไปน้ี ‫ﭽﭑ ﭒﭓﭔ ﭕﭖﭗﭘﭙﭚﭛﭜﭝ‬ ‫ﭞﭟﭼ‬ )99 :‫(طو‬ 13ในศาสนาอิสลามน้นั มีตาแหน่งที่เกี่ยวขอ้ งกบั คาวา่ ศาสดา ท่ีสาคญั อยู่ 2 คา คือ คาวา่ “นบี” และ “เราะสูล” นบี หมายถึง ผทู้ ่ีอลั ลอฮฺ  ไดป้ ระทานว ะฮฺยู (ววิ รณ์) ดว้ ยชะรีอะฮฺเดิมของศาสนทูตก่อนหนา้ เขา เพื่อที่พวกเขาไดเ้ ผยแพร่ไปยงั บรรดาพรรคพวกและกล่มุ คนท่ีเป็ นเป้ าหมายของชะรีอะฮฺดงั กลา่ วเพอ่ื ฟ้ื นฟใู ห้ บรรดาคนเหล่าน้นั ไดม้ าปฏิบตั ิชะรีอะฮฺอีกคร้ัง เราะสูล หมายถึง ผทู้ ี่อลั ลอฮฺ  ไดป้ ระทานวะฮฺยู (ววิ รณ์) เกี่ยวกบั ชะรีอะฮฺ (บทบญั ญตั ิต่างๆ) และคา บญั ชาของพระองค์ เพอ่ื เผยแพร่ไปยงั ผทู้ ่ีไม่รู้หรือผทู้ ี่รู้แต่ยงั ปฏิเสธ ศรัทธา ดงั น้นั เราะสูล ทุกคนเป็ นนบี แต่ ตรงกนั ขา้ มกนั คือนบีทุกคนอาจจะไม่ไดเ้ ป็ นเราะสูล ส่วนความหม ายท่ีบรรดานกั วชิ าการไดส้ รุปไวก้ ็คือ “นบี” และ “เราะสูล ” น้นั มีความเหมือนกนั ใน หลายๆ ดา้ น ส่วนความแตกตา่ งของท้งั สอง คือ 1. “นบี” น้นั ไม่ไดม้ ีหนา้ ที่จาเป็ นที่จะตอ้ งเผยแผห่ ลกั ธรรมกบั ประชาชน แต่ “เราะสูล” น้นั มีหนา้ ท่ีตอ้ งเผยแผ่ 2. “นบี” น้นั จะปฏิบตั ิตามขอ้ บญั ญตั ิท่ีเราะสูลก่อนไดร้ ับมา แต่ “เราะสูล” น้นั ไมจ่ าเป็ นตอ้ งปฏิบตั ิตาม เราะสูลคน ก่อนก็ได้ อาจ ยกเลิก หรือเพ่มิ เติมขอ้ บั ญญตั ิใดก็ได้ ตามแต่ที่จะไดร้ ับคาบญั ชามาจาก อลั ลอฮฺ  (‘Izzah Muhammad Husīn, n.d: 148-150)

51 ความวา่ “เช่นนีแ้ หละ เราได้บอกเล่าข่าวคราวท่ีได้เกิดขึน้ แต่กาล ก่อนแก่เจ้า และแน่นอน เราได้ให้ข้อเตือนสติจากเราแก่เจ้า” (ฏอฮา: 99) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 9/148-149) ได้ อรรถาธิบายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงเล่าเร่ืองราวของชนรุ่นก่อนหนา้ เจา้ โอม้ ุฮมั มดั  ซ่ึงพระองคไ์ ดเ้ ล่าบางส่วน และบางส่วนกม็ ิไดเ้ ล่า ไวใ้ นอลั กุรอาน “และมีบรรดาเราะสูล ซ่ึงเราได้ เล่าถึงพวกเขาแก่เจา้ มาก่อนแลว้ และมีบรรดา เราะสูล ซ่ึงเรามิไดเ้ ล่าแก่เจา้ เกี่ยวกบั พวกเขา ” (อนั นิสาอ:์ 164) ท้งั น้ีเพอ่ื เพ่ิมความรู้ และเพ่ิมปาฏิหาริย์ ใหก้ บั ทา่ นนบี  ทาใหจ้ ิตใจของท่านหนกั แน่นจากการที่ทา่ นถูกใส่ร้ายจากกลุ่มชนของทา่ น และเป็นขอ้ เตือนสติแก่บรรดาผศู้ รัทธา” อลั ลอฮฺ  ไดต้ รัสในอายะฮฺอื่นอีกวา่ ‫ﭽ ﭯﭰ ﭱﭲﭳﭴﭵﭶﭷﭸﭹ‬ ‫ﭺﭻﭼﭽﭾﭿﮀﮁﭼ‬ (120 :‫)ىود‬ ความวา่ “และท้ังหมดนีเ้ ราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเร่ืองราวของ บรรดาร่อซูล เพื่อทาให้จิตใจของเจ้าหนกั แน่น และได้มายงั เจ้า แล้วใน (เรื่องราวเหล่า ) นีซ้ ่ึงความจริงและข้อตกั เตือน และข้อ ราลึกสาหรับผ้ศู รัทธาท้ังหลาย” (ฮดู : 120) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวี ย์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 7/295) ได้ อรรถาธิบายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ขา้ (อลั ลอฮฺ ) ไดเ้ ล่าทุกๆเร่ืองราวของเราะสูลก่อนหนา้ เจา้ โอม้ ุฮมั มดั  ท้งั น้ีเพ่อื ทาใหจ้ ิตใจของเจา้ หนกั แน่น เช่ือมนั่ และเพื่อเป็นการปลอบขวญั ใหก้ บั บรรดาเศาะฮาบะฮฺที่ถูกทาร้ายอนั เน่ืองมาจากการทางานดะฮฺวะฮฺ และส่ิงที่มีอยใู่ นอลั กรุ อานน้นั ยอ่ ม สัจจริง และเป็นขอ้ เตือนสติท่ีดีเลิศ”

52 อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2006: 2/504) ไดก้ ล่าววา่ “ในสูเราะฮฺน้ีเตม็ ไปดว้ ย เร่ืองราวของบรรดาเราะสูล ชยั ชนะจากอลั ลอฮฺ  สู่พวกเขา และบรรดา ผศู้ รัทธา ความพงั พินาศ ยอ่ ยยบั ยอ่ มประสบแก่ผปู้ ฏิเสธศรัทธา และเร่ืองราวตา่ งๆ (ที่มาจากอลั กุรอาน ) น้นั เป็นความจริง และเพือ่ เป็นขอ้ เตือนสติใหก้ บั มุอม์ ินผศู้ รัทธา” ชื่อของท่านนบีนูหฺ  ไดถ้ ูกกล่าวไวใ้ นอลั กุรอานในสูเราะฮฺต่างๆ และอลั ลอฮฺ  ยงั ไดต้ ้งั ชื่อสูเราะฮฺหน่ึงในอลั กุรอานวา่ “สูเราะฮฺนูหฺ” เพ่ือเป็นการใหเ้ กียรติกบั ท่าน อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวในอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮀ ﮁﮂﮃ ﮄﮅﮆ ﮇﮈﮉﮊﮋ‬ ‫ﮌﮍﮎﭼ‬ )1 :‫(نوح‬ ความวา่ “ แท้จริงเราได้ส่งนู หฺไปยงั หม่ชู นของเขา (โดยบญั ชา ว่า) เจ้าจงกล่ าวตักเตือนหม่ชู นของเจ้า ก่อนที่การลงโทษอัน เจบ็ ปวดจะมาถึงพวกเขา” (นูหฺ: 1) จากการคน้ ควา้ พบวา่ มีการกล่าวถึงชื่อของทา่ นนบีนูหฺ  ในหะดีษหลายๆบท ซ่ึงช้ีใหเ้ ห็นถึงความสอดคลอ้ งของอลั กรุ อานและหะดีษเก่ียวกบั ช่ือของท่าน เช่นเดียวกบั บรรดา อุละมาอไ์ ดม้ ีการกล่าวถึงชื่อของท่าน สาหรับวงศต์ ระกลู ของท่านนบีนูหฺ  น้นั มิไดป้ รากฏวา่ มี การบอกเล่าในอลั กรุ อานหรือหะดีษจากท่านนบีมุฮมั หมดั  แตอ่ ยา่ งใด จากการคน้ ควา้ วจิ ยั พบวา่ ไดม้ ีการบอกเล่าจากอิสรออีลียาต 14และสายรายงานท่ีฎออีฟ (ออ่ น) (Hassān Muhammad Husīn Zaghl, 2008: 28) แต่กระน้นั ในหะดีษบทหน่ึงซ่ึงรายงานโดยอลั บุคอรีย์ จากทา่ น นบีมุฮมั มดั  ได้ วจนะเกี่ยวกบั การรายงานเร่ืองราวท่ีมีการบอกเล่าจากอิสรออีลียาตไวว้ า่ 14อิสรออีลียาต เป็ นคาพหูพจน์ของคาวา่ “อิสรออีลียะฮฺ” สืบมาจาก “บนีอิสรออีล” (ชนเผา่ อิสรออีล หรือบรรพ บุรุษของชาวยวิ ) โดยส่วนใหญค่ าวา่ “อิสรออีลียาต ” น้นั หมายถึง เร่ืองเลา่ จากบนีอิสรออีล (ชาวยวิ ) ในตฟั สีร (Ahmad Zaghlūl ,Ṣādiq 2007:178)

53 ‫ كمنكذ ب‬،‫ كحدثواعنبٍتإسرائيللكاحرج‬،‫((بلغواعٍت كلوآية‬ ))‫فلتيبوأمقعدهمنالنار‬،‫عليمتعمدا‬ )3641 :1998،‫(ركاهالبخار م‬ ความวา่ “ท่านทั้งหลายจงเผยแผ่สิ่งท่ีได้จากฉัน แม้เพียงหนึ่ง อายะฮฺ (เพียงเลก็ น้อย) และจงรายงาน(เล่าเร่ืองราวต่างๆ) จากบนี อิสรออีลโดยไม่ต้องกงั วล ใดๆ ผ้ใู ดโกหกต่อฉัน เขาจงเตรียมที่ พานกั ของเขาในไฟนรก” (บนั ทึกโดย al-Bukhāriy,1998: 3641) จากหะดีษขา้ งตน้ รายงานโดยอลั บุคอรียไ์ ดใ้ หค้ วามหมายเชิงอนุญาตในการรับ และรายงานเร่ืองราวของบนีอิสรออีลได้ โดยมี เง่ือนไขวา่ ตอ้ งเป็นความจริงหา้ มโกหกใดๆท้งั สิ้น และหากผใู้ ดโกหกนรกเท่าน้นั คือที่พานกั ของพวกเขา ดว้ ยเหตุน้ี เรื่องราวจากอิสรออีลียาตสามารถ รายงานไดห้ ากไม่ขดั แยง้ ใดๆกบั ศาสนา แต่หากมีการขดั แยง้ ใหล้ ะทิ้งเสีย และหากไมท่ ราบวา่ ขดั แยง้ หรือไม่ การกล่าวถึงเร่ืองราวท่ีม าจากอิสรออีลียาตเพียงเพื่อบอกเล่าใหร้ ู้วา่ มีการกล่าวถึง เรื่องราวดงั กล่าวในอิสรออีลียาตเท่าน้นั (Ahmad Zaghlūl Ṣādiq, 2007:232) ในท่ีน้ีจึงขอกล่าวถึงช่ือ และวงศต์ ระกลู ของท่านนบีนูหฺ  ตามที่อุละมาอไ์ ดก้ ล่าวไว้ อิบนุ กะษิร (Ibn Kathīr, 1997: 83) ไดก้ ล่าววา่ “ท่านนบีนูหฺ คือ นูหฺ  บุตรของ ลามกั บุตรของ มะตูชาลิค บุตรของ เคาะนูค เขาคือ อิดรีส  บุตรของ ยาริด บุตรของ มะฮฺลา บีล บุตรของ กีนาน บุตรของ อะนูช บุตรของ ชีษ บุตรของ อาดมั ” อลั กรุ ฺฏุบีย์ (Al-Qurṭubiy, 2005: 208) ไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ชื่อของทา่ นนบีนู หฺ  เช่นเดียวกบั ที่ ทา่ นอิบนุ กะษิร ได้กล่าวไว้ และทา่ นไดเ้ พ่ิมวา่ “ท่านวะฮบั กล่าววา่ ท้งั หมดในวงศ์ ตระกลู ของท่านนบีนูหฺ  ลว้ นแลว้ เป็นบรรดาผศู้ รัทธา” อฏั เฏาะบะรีย์ (Al-Ṭabariy, 1987: 108) ไดก้ ล่าวเก่ียวกบั วงศต์ ระกลู ของทา่ นนบี นูหฺ  วา่ “ท่านลามกั บุตร ของ มะตูชาลิค บุตรของ อคั นูค ไดส้ มรสกบั บตั นูซ บุตรีของ บะรอกีล บุตรของ มะฮฺวลี บุตรของ คอนูค บุตรของ กีน บุตรของ อาดมั  และไดบ้ ุตรชาย คือนูหฺ  และหลงั จากน้นั นูหฺ บุตรของ ลามกั ไดส้ มรสกบั อุมษะเราะฮฺ บุตรีของ บะรอกีล บุตร

54 ของ มะฮฺวลี บุตรของ คอนูค บุ ตรของ กีน บุตรของ อาดมั  และไดบ้ ุตร คือ ซาม ฮาม และ ยาฟิ ษ” น่ีคือสิ่งที่ปรากฏในอิสรออีลียาต และมิไดก้ ล่างถึงในหะดีษเศาะหีหฺ หรือหะซนั แต่อยา่ งใด อุละมาอบ์ างทา่ นไดม้ ีการอธิบายชื่อของทา่ นนบีนูหฺ  บา้ งวา่ ชื่อของท่านมิได้ มีรากศพั ทม์ าจากภาษาอาหรับแต่ อยา่ งใด เน่ืองจากสมยั ทา่ นน้นั มิไดม้ ีการใชภ้ าษาอาหรับในการ ส่ือสาร และมิไดป้ รากฏช่ือนูหฺในกลุ่มชนอาหรับก่อนหนา้ น้ี ถึงแมว้ า่ ปัจจุบนั มีคนอาหรับมากมาย ท่ีต้งั ชื่อวา่ “นูหฺ” กม็ ิไดห้ มายความวา่ จะตอ้ งมาจากรากศพั ทอ์ าหรับทุกคา ซ่ึงใน ดา้ นภาษาแลว้ “นูหฺ” เป็นคาอะอฺญะมีย1์ 5สาหรับชื่ออ่ืนๆก็เช่นกนั ที่มีพยญั ชนะ 3 ตวั และตวั กลางสระสุ กนู 16เช่น ลูฏ ฮูด เป็นตน้ แต่กม็ ีอุละมาอ์ บางท่าน เช่น ทา่ นอิมา มอลั กุรฺฏุ บียไ์ ดก้ ล่าววา่ “คาวา่ “นูหฺ” น้นั สามารถผนั คาไดม้ าจากรากศพั ทเ์ ดิมวา่ “นาหฺ ยะนูหฺ” เพราะเป็นพยญั ชนะท่ีเรียงกนั 3 ตวั ตามหลกั ไวยกรณ์อาหรับ (Hassān Muhammad Husīn Zaghl, 2008: 28) วงศต์ ระกลู ของทา่ นนบีนูหฺ  ตามท่ีไดค้ น้ ควา้ วจิ ยั พบวา่ ทา่ นมาจากตระกลู ผู้ ศรัทธา ซ่ึงมีการกล่าวถึงชดั เจนในอลั กุรอานเกี่ยวกบั บิดามารดาของทา่ นนบีนูหฺ  นน่ั คือท่าน ท้งั สองคือผศู้ รัทธา อุละมาอ์ หลายๆท่านไดใ้ หห้ ลกั ฐานวา่ ท่านนบีนูหฺ  ไดก้ ล่าวดุอาอ์ ซ่ึงถูก ระบุในอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﰁﰂ ﰃﰄﰅﰆﰇ ﰈﰉ‬ ‫ﰊﰋﰌﰍﰎ ﰏﰐ ﭼ‬ )28 :‫(نوح‬ ความวา่ “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงอภัย โทษให้แก่ข้าพระองค์ และพ่อแม่ของข้าพระองค์ และผ้ทู ี่เข้ามา ในบ้านของข้าพระองค์เป็นผ้ศู รัทธา และบรรดาผ้ศู รัทธาชาย 15 คาวา่ “อะอฺญะมีย”์ แปลวา่ ที่มิใช่อาหรับ (Ibn Manzūr, 2003: 6/107) ในที่น้ี หมายถึง คาที่ไมใ่ ช่ภาษาอาหรับ แต่เป็ นคาในภาษาอื่นที่นอกเหนือจากภาษาอาหรับ 16 สุกนู แปลวา่ ตรงขา้ มกบั เคล่ือนไหว หมายถึง หยดุ น่ิงหรือตาย (Ibn Manzūr, 2003: 4/630) ในท่ีน้ีหมายถึงสระ หน่ึงในภาษาอาหรับ หาก อซั ซุกนู ไปปรากฏบนอกั ษรใดก็ตามอกั ษรน้ั นจะหยดุ นิ่งไมม่ ีเสียงข้ึนมาอีก ยกเวน้ อกั ษรที่เป็ น กอลเกาะละฮฺ (เสียงสะทอ้ น) เพราะเม่ือเป็ นซุกนู จะมีเสียงสะทอ้ นข้ึนมาเลก็ นอ้ ย

55 และบรรดาผ้ศู รัทธาหญิง และพระองค์ท่าน อย่าได้เพิ่มอันใดแก่ พวกอธรรมเหล่านน้ั นอกจากความพินาศหายนะเท่าน้ัน” (นูหฺ: 28) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 15/126) ได้ อรรถาธิบายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ \"ทา่ นนบีนูหฺ  ไดก้ ล่าววา่ “โอพ้ ระเจา้ ของขา้ พระองค์ ไดโ้ ปรด อภยั โทษแก่ขา้ พระองคซ์ ่ึงความผดิ พลาดของขา้ พระองค์ และไดโ้ ปรดอภยั โทษแก่บิดามารดาของ ขา้ พระองคซ์ ่ึงความผดิ พลาดของพวกเขาดว้ ยเถิด ” และจากดุอาอฺดงั กล่าวสามารถ เขา้ ใจไดว้ า่ ทา่ น ท้งั สองเป็นผศู้ รัทธา และถา้ มิใช่เช่นน้นั แลว้ คงจะไมข่ อดุอาอฺเช่นน้ี ” เพราะการขอดุอาอ์จากอลั ลอฮฺ  ใหอ้ ภยั โทษน้นั สามารถวงิ วอนขอไดแ้ ต่เพียงผศู้ รัทธาเท่าน้นั เน่ืองจากอลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไว้ ในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮢﮣﮤﮥ ﮦﮧﮨ ﮩﮪﮫ ﮬﮭ ﮮﮯ‬ ‫ﮰﮱ﮲﮳﮴﮵ ﮶﮷ﭼ‬ )48 :‫(النساء‬ ความวา่ “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภยั โทษให้แ ก่การท่ีสิ่งหน่ึง จะถกู ให้ มีภาคีขึน้ แก่พระองค์และพระองค์ทรงอภัยให้แก่ส่ิงอื่น จากน้ันสาหรับผ้ทู ่ีพระองค์ทรงประสงค์ และผ้ใู ดให้มีภาคีขึน้ แก่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนเขากไ็ ด้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวง ขึน้ ” (อนั -นิซาอฺ: 48) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 15/126) ได้ อรรถาธิบายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “แทจ้ ริง อลั ลอฮฺ  จะไมท่ รงอภยั โทษใหก้ บั ผปู้ ฏิเสธศรัทธาท่ีตาย ในขณะที่เขาเป็นผปู้ ฏิเสธ และพระองคจ์ ะทรงอภยั โทษใหก้ บั บ่าวของพระองคท์ ี่ไม่ปฏิเสธศรัทธา จากความผดิ พลาดและบาปต่างๆตามที่พระองคท์ รงประสงค์ แมน้ วา่ บา่ วของพระอง คจ์ ะตายใน ขณะที่ยงั มิไดท้ าการเตาบะฮฺกลบั เน้ือกลบั ตวั กต็ าม ดงั น้นั มุสลิมคนใดที่ตายโดยท่ียงั ไม่เตาบะฮฺ กลบั เน้ือกลบั ตวั จากความผดิ บาปซ่ึงผกู มดั เขาอยกู่ ข็ อมอบหมายต่อพระองค์ หากพระองคท์ รง

56 ประสงคท์ ี่จะอภยั โทษให้ บ่าวผนู้ ้นั กจ็ ะไดอ้ ยใู่ นสวนสวรรค์ และหากพระองคท์ รงประ สงคท์ ่ีจะ ไมอ่ ภยั โทษกจ็ ะถูกลงโทษก่อนและหลงั จากน้นั กไ็ ดเ้ ขา้ สวรรค”์ จากอายะฮฺขา้ งตน้ ช้ีใหเ้ ห็นวา่ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวว้ า่ พระองคจ์ ะไมท่ รงอภยั โทษ ใหก้ บั ผทู้ ี่ต้งั ภาคีต่อพระองค์ ดงั น้นั หากบิดามารดาของทา่ นนบีนูหฺ  คือผปู้ ฏิเสธศรัทธา ท่าน นบีนูหฺ  จะไม่ขอดุอาอต์ ่อพระองคใ์ หอ้ ภยั โทษใหก้ บั บิดามารดาของทา่ นเพราะการขอดุอาอ์ ของท่านยอ่ มไมเ่ กิดประโยชนใ์ ดๆ แต่การที่ทา่ นนบีนูหฺ  ไดข้ อดุอาอใ์ หก้ บั บิดามารดาของเขา ใหไ้ ดร้ ับการอภยั โทษในความผดิ พลาดของท่านท้งั สอง ยอ่ มหมายถึงท่านท้งั สองอยใู่ นหมผู่ ู้ ศรัทธา ตามขอ้ มูลขา้ ง ตน้ ท้งั หมด สามารถสรุปไดว้ า่ ช่ือและวงศต์ ระกลู ของทา่ นนบีนูหฺ  น้นั ไมไ่ ดม้ ีที่มาอยา่ งชดั เจน อีกท้งั มิไดถ้ ูกกล่าวไวใ้ นอลั กรุ อาน หะดีษเศาะหีหฺ หรือแมแ้ ต่ หะดีษหะซนั แตอ่ ยา่ งใด และขอ้ มูลท่ีไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ เพอื่ ใหท้ ราบวา่ ไดม้ ีการบนั ทึกไวใ้ น หนงั สือประวตั ิศาสตร์ (ตารีค) แต่ถึงกระน้นั กเ็ ป็นสายรายงานท่ีมาจากอิสรออีลียาต และไม่จาเป็น ที่จะสาธยายใหม้ ากความ และไม่ควรจะยดึ เป็นหลกั ฐาน เน่ืองจากชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  เป็นมุบฮมั 17จากเร่ืองราวท่ีมีอยใู่ นอลั กรุ อาน และสมควรที่จะใหม้ นั เป็นมุบฮมั ตอ่ ไปอนั เน่ืองมาจากมิไดม้ ีการอธิบายเพิม่ เติมจากหะดีษที่น่าเช่ือถือแตอ่ ยา่ งใด วลั ลอฮุอะอฺลมั (อลั ลอฮฺ  เท่าน้นั ผทู้ รงรู้ยงิ่ ) 2.2 การกาเนิดของท่านนบนี ูหฺ  ทา่ นนบีนูหฺ  ไดถ้ ือกาเนิดในครอบครัวท่ีถูกขดั เกลาดว้ ยการศรัทธา ตามที่ อลั กุรอานไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ ก่อนหนา้ น้ี อลั กุรอานและอลั หะดีษไมไ่ ดม้ ีการระบุวนั เดือน ปี และเวลา ที่กาเนิดอยา่ งชดั เจนแตอ่ ยา่ งใด เทา่ ท่ีผวู้ จิ ยั ไดค้ น้ ควา้ พบวา่ ไดม้ ีการกล่าวถึงการกาเนิดของทา่ น นบีนูหฺ  ในหนงั สือ Qasas al-Anbiyā ซ่ึงท่านอิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 1997: 83) ไดก้ ล่าวไว้ วา่ “ทา่ นนบีนูหฺ  ไดก้ าเนิดหลงั จากท่ีทา่ นนบีอาดมั เสียชีวติ เป็น เวลา 126 ปี ตามที่อิบนุ ญะรี รฺ และอุล ะมาอ์ทา่ นอ่ืนๆ ไดก้ ล่าวไว้ ” และตามประวตั ิศาสตร์ของชาวคมั ภีร์ (ชาวยวิ และคริสต์ ) 17“มบุ ฮมั ” หมายถึง สิ่งท่ีคลุมเครือไมช่ ดั เจน หรือสิ่งท่ีมิไดม้ ีการอธิบายอยา่ งละเอียดชดั เจน (Sha‘bān ‘Abd al- ‘ Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 76)

57 ด้งั เดิมไดก้ ล่าววา่ “ระหวา่ งการกาเนิดของทา่ นนบีนูหฺ  และการเสียชีวติ ของทา่ นนบีอาดมั  น้นั เป็นเวลา 146 ปี ” แต่ท้งั สองขอ้ มลู ก็ไมไ่ ดป้ ระจกั ษว์ นั เวลาที่กาเนิดอยา่ งชดั เจน อุละมาอห์ ลายท่านไดใ้ หค้ วามเห็นวา่ ร ะหวา่ งทา่ นนบีนูหฺ  และท่านนบีอาดมั  น้นั มีระยะเวลาห่างกนั หน่ึงสหสั วรรษ ผคู้ นอยใู่ นการทาความดี เคารพจงรักภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ  เพียงองคเ์ ดียว หน่ึงในน้นั คือทา่ น อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2003: 1/98) ซ่ึงไดใ้ หห้ ลกั ฐานดว้ ย การรายงานหะดีษ โดยอา้ งจากการบนั ทึกของอลั บุคอรีย์ จากหะดีษ อิบนุอบั บาส  ซ่ึงท่านกล่าว วา่ ))‫))كافبُتآدـ كنوحعشرةقركفكلهمعلىلاإسلاـ‬ ความวา่ “ปราก ฏวา่ ระยะเวลา ระหวา่ งอาดมั และนู หฺคือหน่ึง สหสั วรรษ ทุกคนยดึ มน่ั บนหนทางแห่งอิสลาม” ในหะดีษอีกบทหน่ึงจากอบีอุมามะฮฺ  ไดก้ ล่าววา่ ‫مَكلّم‬،‫نعم‬: ‫ ((يارسو ؿلاله ٌأنبّييبكافآدـ ؟قا ؿ‬: ‫أفرجلاقا ؿ‬ )) ‫عشرةقركف‬: ‫فكمكافبينو كبُتنوح ؟قا ؿ‬: ‫قا ؿ‬، (6190 : 2009 ،‫(ركاهابنحباف‬ ความวา่ “แท้จริงได้มีชายคนหน่ึงกล่าวว่า : โอ้ท่านเราะสูล ของอัลลอฮฺ นบีของเราคือนบีอาดัมใช่ไหม ? ท่านนบี  ตอบ ว่า:ใช่ . เขาถามต่อว่า : แล้วระหว่างนบีอาดัมและนบีนูหฺมี ระยะห่างเท่าใด? ท่านนบีตอบว่า หน่ึงสหัสวรรษ” (บนั ทึกโดย Ibn Hibban, 2009 : 6190) สะอีด อบั ดุลอะซีม (Sa‘īd ‘Abd al-‘Aẓīm, 2002: 1/11) ไดอ้ า้ งถึงคากล่าวของอิบนุ กะษิรฺ ท่ีไดอ้ ธิบายไวใ้ นหนงั สือ al-Bidāyah wa al-Nihāyah วา่ “หากคาวา่ ศตวรรษ หมายถึง หน่ึง ร้อยปี ตามความหมายท่ีผคู้ นส่วนใหญ่เขา้ ใจ ซ่ึงในหะดีษไดก้ ล่าวไว้ สหสั วรรษ (สิบศตวรรษ ) ยอ่ มหมายถึง ระหวา่ งท้งั สองน้นั มีระยะห่างกนั หน่ึงพนั ปี อยา่ งหลีกเล่ียงไมไ่ ด้ แต่มิไดจ้ ากดั ชดั เจน

58 และอาจจะมากกวา่ น้นั ก็ เป็นได้ เน่ืองจากท่านอิบนุ อบั บาส  ไดก้ ล่าวคาวา่ “อลั อิสลาม ” ซ่ึง หมายถึง หน่ึงพนั ปี ผคู้ นยดึ มน่ั อลั อิสลามตามความหมายหะดีษ และระหวา่ งท้งั สองมีระยะเวลา ห่างกนั เป็นเวลาหลายศตวรรษ อาจจะมีผทู้ ี่มิไดศ้ รัทธาและยดึ มนั่ บนแนวทางอลั อิสลามหลงั จาก น้นั อีกกเ็ ป็นได้ ส่วนหะดีษของทา่ นอบีอุมามะฮฺน้นั ไดจ้ ากดั ระยะห่างระหวา่ งท้งั สองเป็นเวลาหน่ึง พนั ปี และอิบนฺอบั บาส  ยงั ไดย้ ้าอีกวา่ ทุกคนยดึ มนั่ บนหนทางแห่งอิสลาม อีกความหมายหน่ึง อาจจะหมายถึง รุ่นหน่ึงจากประชาชาติ ดงั น้นั อายะฮฺต่างๆ ในอลั กุรอานที่จะกล่าวถึงต่อไปน้ียอ่ มใหค้ าตอบท่ีดีในเรื่องการขดั แยง้ ระหวา่ งหะดีษข้ างตน้ กบั คา กล่าวของชาวคมั ภีร์ (ชาวยวิ และคริสต)์ ” 1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁﰂﰃﰄﰅﰆﰇﰈ‬ ‫ﰉﰊﰋﰌﭼ‬ )17 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “ และก่ีศตวรรษแล้วหลงั จากนหู ฺ ท่ีเราได้ทาลายและ พอเพียงกบั พระเจ้าของเจ้าผ้ทู รงรอบรู้ ทรงเห็นความผิดของปวง บ่าวของพระองค์” (อลั -อะอฺรอฟ: 17) 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭲ ﭳ ﭴﭵ ﭶﭷﭸ ﭼ‬ )31 :‫ل(ادؤمنكف‬ ความวา่ “แล้วหลงั จากพวกเขา เราได้บงั เกิดชนอีกกล่มุ หน่ึง (พวกอ๊าด)” (อลั มุอฺมินูน: 31)

59 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮍﮎﮏﮐ ﮑﭼ‬ )38 :‫(الفرقاف‬ ความวา่ “ และชนชาติอีกมากมายระหว่างน้นั ” (อลั ฟุรกอน: 38) 4) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯖ ﯗﯘﯙﯚﯛﯜﯝﯞﯟ ﭼ‬ )74 :‫(مًرن‬ ความวา่ “ และกี่มากน้อยแล้วประชาชาติก่อนพวกเขาเราได้ ทาลายพวกเขา โดยท่ีพวกเขามีส่ิงของ เคร่ืองใช้และรูปร่าง ลกั ษณะดีกว่า” (มรั ยมั : 74) อายะฮฺขา้ งตน้ ท้งั หมดไดช้ ้ีใหเ้ ห็นวา่ ชนก่อนหนา้ ท่านนบีนูหฺ  ไดใ้ ชช้ ีวติ เป็น เวล ายาวนานหลายศตวรษ ซ่ึงหมายถึง ระหวา่ งท่านนบีนูหฺ  และท่านนบีอาดมั  มี ระยะเวลาห่างกนั เป็นพนั ๆ ปี หากเป็นเช่นน้นั แลว้ ยอ่ มหมายความวา่ ส่ิงท่ี ชาวคมั ภีร์ (ชาวยวิ และ คริสต์) ไดก้ ล่าววา่ ระหวา่ งทา่ นนบีท้งั สอง มีระยะเวลาห่างกนั ร้อยกวา่ ปี น้นั ยอ่ มไม่ถูกตอ้ ง เพราะ อายะฮฺขา้ งตน้ ไดใ้ หค้ วามหมายที่ชดั เจน รวมถึงหะดีษที่ไดก้ ล่าวไว้ ความวา่ “ปรากฏวา่ ระยะเวลา ระหวา่ งอาดมั และนู หฺคือหน่ึงสหสั วรรษ ทุกคนยดึ มนั่ บนหนทางแห่งอิสลาม” เป็นหะดีษเศาะหีหฺ น่าเช่ือถือมากกวา่ คากล่าวของชาวคมั ภีร์อยา่ งแน่นอน(Ibn Kathīr, 1997: 83-84)

60 2.3 สภาพสังคมในสมยั นบนี ูหฺ  สภาพสังคมในแตล่ ะยคุ สมยั น้นั ยอ่ มมีความแตกตา่ งกนั ข้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ ม ภายในสงั คม และผคู้ นในสังคมน้นั ๆ หากสภาพสัง คมดี ผคู้ นในสงั คมกจ็ ะดี และหากสภาพสงั คม เส่ือมเสีย จะนามาซ่ึงความเสื่อมเสียของผคู้ นในสังคมน้นั ๆ หากมองยอ้ นกลบั ไปยงั สังคมเล็กๆ นนั่ คือครอบครัวของทา่ นนบีนูหฺ  แลว้ พบวา่ บิดาและมารดาของท่านเป็นผศู้ รัทธา อนั หมายถึงวา่ ทา่ นเกิดมาในครอบครัวที่มีพ้นื ฐานดา้ นการศรัท ธาและถูกปลูกฝังความถูกตอ้ งเหล่าน้นั และ อลั ลอฮฺ  ยอ่ มรักษาบรรดาศาสนทูตของพระองคม์ ิใหห้ ลงทางอยา่ งแน่นอน ซ่ึงอุละมาอห์ ลายๆ ท่านไดใ้ หห้ ลกั ฐานวา่ ทา่ น ไดก้ ล่าวดุอาอฺใหก้ บั บิดามารดาของทา่ นซ่ึงไดถ้ ูกกล่าวไวใ้ นอลั กรุ อาน วา่ ‫ﭽﰁﰂ ﰃﰄﰅﰆﰇ ﰈﰉ‬ ‫ﰊﰋﰌﰍﰎ ﰏﰐ ﭼ‬ )28 :‫(نوح‬ ความวา่ “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงอ ภยั โทษให้แก่ข้าพระองค์ และพ่อแม่ของข้าพระองค์ และผ้ทู ี่เข้ามา ในบ้านของข้าพระองค์เป็นผ้ศู รัทธา และบรรดาผ้ศู รัทธาชาย และบรรดาผ้ศู รัทธาหญิง และพระองค์ท่านอย่าได้เพ่ิมอันใดแก่ พวกอธรรมเหล่านน้ั นอกจากความพินาศหายนะเท่านนั้ ” (นูหฺ: 28) อายะฮฺขา้ งตน้ ช้ีใหเ้ ห็นวา่ การดุอาอ์ ของท่านนบีนูหฺ  ใหแ้ ก่บิดามารดาของ ท่าน คือการภกั ดีของทา่ นตอ่ บิดามารดาที่เป็นมุอ์ มินผศู้ รัทธา และน่ีเป็นหลกั ฐานยนื ยนั ว่ าสภาพ ครอบครัวของทา่ นน้นั ถูกปูทางดว้ ยหลกั การศรัทธาอนั มนั่ คงแลว้ จากการคน้ ควา้ วจิ ยั สภาพสังคมในช่วงระหวา่ งท่านนบีอาดมั  และทา่ นนบี นูหฺ  พบวา่ ผคู้ นยดึ มน่ั ในหนทางแห่งอิสลาม รวมถึงบิดามารดาของทา่ น ดงั ท่ีทา่ นอิบนุ กะษิรฺ

61 (Ibn Kathīr, 2003: 1/98) ไดร้ ายงานหะดีษ โดยอา้ งจากการบนั ทึกของอลั บุคอรีย์ จากหะดีษ อิบนุ อบั บาส  ซ่ึงทา่ นกล่าววา่ ))‫))كافبُتآدـ كنوحعشرةقركفكلهمعلىلاإسلاـ‬ ความวา่ “ปรากฏวา่ ระยะเวลา ระหวา่ งอาดมั และนู หฺคือหน่ึง สหสั วรรษ ทุกคนยดึ มนั่ บนหนทางแห่งอิสลาม” จากหะดีษขา้ งตน้ เป็นการยนื ยันถึงสภาพสังคมในช่วงระหวา่ งทา่ นนบีอาดมั  และทา่ นนบีนูหฺ  นอกจากบิดามารดาของทา่ นนบีนูหฺ  ซ่ึงเป็นผศู้ รัทธาแลว้ ยงั มีบรรดา ผทู้ าความดีอยใู่ นหนทางที่ถูกตอ้ งชื่อ วดั ดฺ สุวาอฺ ยะฆูษ ยะอกู๊ และนซั รฺและผคู้ นในสมยั น้นั ก็ปฏิบตั ิ ตามบรรดาคนดีเหล่าน้นั ดว้ ย หลงั จากท่ี คนดีในหมพู่ วกเขาตายไป พวกเขากเ็ ศร้าเสียใจ จึงมีการ เสนอใหส้ ร้างรูปป้ันข้ึนเพ่ือเป็นการราลึกถึงคนดีเหล่าน้นั แต่เม่ือเวลาผา่ นไปหลายยคุ หลายสมยั พวกเขาก็หลงลืมพระเจา้ ท่ีแทจ้ ริง เริ่มมีการเคารพสักการะรูปป้ัน วดั ดฺ สุวาอฺ ยะฆษู ยะอกู๊ และนซั รฺ ซ่ึงมีตน้ เหตุมาจากชยั ฏอนท่ีทาการกระซิบกระซาบโดย หลอกใหพ้ วกเขาสร้างรูปป้ันข้ึน และกล่าว วา่ แทจ้ ริงรูปป้ันน้นั สามารถใหน้ ้าฝน และใหป้ ระโยชน์อนั มากมาย และเมื่อกาลเวลาผา่ นไปจนถึง ช่วงสมยั ของประชาชาติของนบีนูหฺ  กลุ่มชนของทา่ นกก็ ม้ หนา้ กม้ ตาสกั การะรูปป้ันท้งั ๆที่ไม่รู้ วา่ มีท่ีมาจากที่ใดและรู้แตเ่ พียงวา่ บรรพบุรุษของพวกเขาไดป้ ฏิบตั ิมาก่อนหนา้ น้ีเท่าน้นั และพวกเขา เชื่อวา่ รูปป้ันท่ีพวกเขาสร้างข้ึนน้นั จะสามารถใหท้ ุกขแ์ ละสุขได้ อีกท้งั ยงั สามารถใหโ้ ทษและยงั ประโยชนก์ บั พวกเขาได้ พวกเขาจึงผนิ หลงั ใหก้ บั แนวทางอนั ถูกตอ้ งและหนั หนา้ สู่การเคารพ สักการะบูชารูปป้ันและสร้างรูปป้ันเพม่ิ ข้ึนดว้ ยน้ามือของพวกเขา นี่คือสภาพสงั คมหลงั จากท่ีถูก หล่อหลอมโดยชยั ฏอนท่ีมีหนา้ ที่หลอกล่อผคู้ นสู่การหลงทาง อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮥﮦﮧﮨﮩﮪﮫﮬﮭﮮﮯ‬ ‫ﮰﮱ﮲ﭼ‬ (23 :‫(نوح‬

62 ความวา่ “และพวกเขาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ พระเจ้าทั้งหลายของพวกท่านเป็นอันขาด พวกท่านอย่าได้ ทอดทิง้ วดั ดฺ และสุวาอฺ และยะฆูษ และยะอู๊ก และนัซรฺ เป็นอัน ขาด” (นูหฺ: 23) วะฮฺบะฮฺ อซั ซุ หยั ลีย์ (Wahbah al-Zuḥailiy, 2009: 15/162) ไดอ้ รรถาธิบายอายะฮฺ ขา้ งตน้ วา่ “และผนู้ าของพวกเขาไดก้ ล่าวแก่ผตู้ ามวา่ ใหล้ ะเมิดตอ่ ทา่ นนบีนูหฺ  และอยา่ ไดเ้ ช่ือ ฟังคาส่ังของเขา และคาพดู ของ เขา ผนู้ าของพวกเขายงั ไดก้ ล่าว อีกวา่ พวกท่านอยา่ ละทิง้ การ สกั การะตอ่ พระเจา้ ของ พวกท่าน แลว้ หนั ไปเคารพภกั ดีต่อพระเจา้ ของนูหฺ และพวกท่านอยา่ ได้ ทอดทิ้งการสักการะเจวด็ อยา่ งแทจ้ ริง ซ่ึงเราไดร้ ับการสืบทอดกนั มาจากบรรพบุรุษ นน่ั คือ วดั ดฺ และ สุวาอฺ และยะฆษู และยะอกู๊ และนซั รฺ แทจ้ ริงน้นั วดั ดฺ มาจาก เผา่ กลั บฺ ส่วนสุวาอฺ มาจากเผา่ ฮุซยั ลฺ ส่วนยะฆษู มาจากเผา่ ฆิฏฟาน(บางคนเรียกฆุฏ็อยฟฺ) ส่วนยะอูก๊ มาจากฮมั ดาน และนซั รฺมาจากหิมยรั ฺซ่ึงเป็นของเครือญาติ พรรคพวกกบั ซิลกิลาอฺ ซ่ึงท้งั หมดน้ีคือชื่อของคนดีในกลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ  หลงั จากท่ีพวก เขาตายไปชยั ฏอนไดท้ าการกระซิบกระซาบกลุ่มชนของพวกเขาใหส้ ร้างรูปป้ันเ พื่อทาการระลึกถึง คนดีที่ไดต้ ายไป และต้งั ชื่อรูปป้ันดว้ ยชื่อของ บรรดาคนดีเหล่าน้นั ดงั น้นั พวกเขาจึงไดท้ าตาม คา กระซิบกระซาบน้นั และเม่ือกลุ่มชน รุ่นแรกที่ทาการสร้างรูปป้ัน เหล่าน้นั ไดต้ ายไป กลุ่มชน หลงั จากน้นั ถูกชยั ฏอนหลอกอีกโดยกระซิบกระซาบชนรุ่นหลงั วา่ รูปป้ันเหล่าน้นั คือรูปป้ันท่ีบรรพ บุรุษไดท้ าการสักการะบชู า และมนั ไดใ้ หป้ ระโยชนโ์ ดยสามารถทาใหฝ้ นตกได้ ชนรุ่นหลงั จึงหลง สักการะบูชารูปป้ันเหล่าน้นั ” หะดีษไดอ้ ธิบายเกี่ยวกบั เหตุการณ์ในสมยั ท่านนบีนูหฺ  บนั ทึกโดยอลั บุคอรีย์ เล่าจากอิบนฺอบั บาส  ไดก้ ล่าววา่ ‫قا ؿابنعبا س ((صار تلاأكثافالتيكانتفيقوـنوحفيالعرب‬ ‫ كأماسواعكانت‬،‫أما كدفكانتلكلببدكمةلاجند ؿ‬،‫بعد‬ ‫ثملبٍتغطيفبلاجوؼعند‬،‫ كأمايغو ثفكانتلدراد‬،‫لذذيل‬ ‫ كأمانسرفكانتلحَمتلآ ؿ‬،‫ كأمايعوؽفكانتلذمداف‬،‫سبأ‬

63 ‫فلماىلكوا‬،‫أسماء رجا ؿصلاحُتمنقوـنوح‬،‫ذ مالكلاع‬ ‫أكحى الشيطافإلىقومهمأف انصبواإلىلرالسهم التيكانوا‬ ‫فلمتعبدحتى‬،‫ففعلوا‬،‫لغلسوففيهاأنصابا سكموىابأسمائهم‬ ))‫ىلكأكلئك كتنسخالعلمعبد ت‬ )4920 :1988 ،‫(أخرجوالبخار م‬ ความวา่ “ รูปเคารพท่ี เกิดข้ึนมาจากกลุ่มชนนบีนูหฺ  สมยั ก่อนไดก้ ลายเป็นส่ิงเคารพบชู าของหมชู่ นชาวอาหรับ หลงั จากน้นั วดั ดฺน้นั กลายเป็นรูปป้ันที่เคารพบูชาของเผา่ กลั บฺซ่ึง อาศยั อยแู่ ถบเดามะตุลํุนดุล ส่วนสุวาอฺเป็นรูปป้ันของเผา่ ฮุซยั ลฺ ส่วนยะฆูษเป็นรูปป้ันของพวกมุรอด ตอ่ มาก็กลายเป็นรู ปป้ัน ของเผา่ ฆุฏ็อยฟซฺ ่ึงอาศยั อยแู่ ถบเมืองเญาฟฺ ในแควน้ สะบะ อ์ ส่วนยะอู๊ กกก็ ลายเป็นรูปป้ันของพวกฮมั ดาน และนัซรฺเป็นรูป ป้ันของชนชาวหิมยรั ฺซ่ึงเป็นของเครือญาติพรรคพวกกบั ซิลกิลาอฺ ช่ือรูปป้ันเหล่าน้ีเป็นช่ือของบรรดาศอลิ หีน18ในหมู่ชนของทา่ น นบีนูหฺ  หลงั จากบุคคลเหล่าน้ีไดเ้ สียชีวติ ชยั ฏอนไดล้ ่อลวง ใหห้ มูช่ นของพวกเขาทาการสร้างเทวรูปบุคคลเหล่าน้นั ณ ที่ท่ี พวกเขาเคยนง่ั ชุมนุมกนั และใหต้ ้งั ชื่อเทวรูปเหล่าน้ีเหมือนกบั ชื่อ พวกเขา แลว้ หมู่ชนของพวกเขาก็ไดท้ าตามแต่ยงั ไมม่ ีการบูชา แตอ่ ยา่ งใด จนกระทง่ั คนรุ่นแรกเหล่าน้ีไดเ้ สียชีวติ ลงและความรู้ สืบทอดเกี่ยวกบั เรื่องราวตา่ งๆในอดีตไดเ้ ปล่ียนไปทีละเล็กละ นอ้ ย จากน้นั จึงไดม้ ีการบูชาเทวรูปเหล่าน้ีข้ึน” (บนั ทึกโดย al-Bukhāriy,1998: 4920) อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงแตง่ ต้งั ศาสนทูตของพระองคเ์ พอ่ื ทาหนา้ ที่ เรียกร้องมวลมนุษย์ ไปสู่การใหเ้ อกภาพ การจงรักภกั ดี และการอิบาดะฮฺตอ่ พระองค์ เพียงองคเ์ ดียวเทา่ น้นั หลงั จากท่ี 18ศอลิหีน เป็ นคาที่มาจากภาษาอาหรับ หมายถึง บรรดาผทู้ าความดีท่ียดึ มน่ั ในหนา้ ท่ีของตน (Sha‘bān ‘Abd al- ‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 539)

64 ผคู้ นในสมยั น้นั เร่ิมมีการเคารพสั กการะส่ิงอื่นนอกเหนือจากพระองค์ โดยพระองคท์ าการแตง่ ต้งั เราะสูลท่านแรกสู่มนุษยโ์ ลก นน่ั คือ ท่านนบีนูหฺ  1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮀ ﮁﮂﮃ ﮄﮅﮆ ﮇﮈﮉﮊﮋ‬ ‫ﮌﮍﮎﭼ‬ )1 :‫(نوح‬ ความวา่ “ แท้จริงเราได้ส่งนู หฺไปยงั หม่ชู นของเขา (โดยบญั ชา ว่า) เจ้าจงกล่าวตกั เตือนหม่ชู นของเจ้า ก่อนท่ีการลงโทษอัน เจบ็ ปวดจะมาถึงพวกเขา” (นูหฺ: 1) 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭥﭦﭧﭨ ﭩﭪﭫﭬﭭﭮﭯ‬ ‫ﭰﭱﭲﭳ ﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭼ‬ )59 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “และแท้จริงเราได้ส่งนูหฺไปยงั ประชาชาติของเขา แล้ว เขาได้กล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉันจงเคารพสักการะอัลลอฮฺ เถิดไม่มีผ้ไู ด้รับการเคารพสักการะใด ๆ สาหรับพวกท่านอีกแล้ว อื่นจากพระองค์ แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวนั อันย่ิงใหญ่จะ ประสบแก่พวกท่าน” (อลั -อะอฺรอฟ: 59)

65 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣﮤﮥﮦ ﭼ‬ )25 :‫(ىود‬ ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้ส่งนู หฺไปยงั กล่มุ ชนของเขา (โดยกล่าวว่า ) “แท้จริงฉันเป็นผ้ตู ักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่าน แล้ว” (ฮดู : 25) 4) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮎ ﮏﮐﮑ ﮒﮓﮔ ﮕﮖﮗﮘﮙ‬ ‫ﮚ ﮛﮜﮝﮞﮟﭼ‬ )23 :‫ل(ادؤمنوف‬ ความวา่ “ และเป็นท่ีแน่นอนยิ่ง เราได้ส่งนูหฺไปยงั หม่ชู นของเขา ดงั น้นั เขาได้กล่าวว่า “โอ้หม่ชู นของฉันเอ๋ย พวกท่านจงเคารพ ภักดีอัลลอฮฺเถิด สาหรับพวกท่านนน้ั ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยาเกรง (การลงโทษของพระองค์ ) หรื อ” (อลั มุอฺมินูน: 23) 5) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯨﯩﯪﯫ ﯬﯭﯮﯯﯰﯱ‬ ‫ﯲﯳﯴﯵﯶﯷﯸ ﭼ‬ )14 :‫(ا ؿعنبكو ت‬

66 ความวา่ “ และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺ ไปยงั หม่ชู นของเขา และเขาได้อย่รู ่วมกบั พวกเขาหนึ่งพนั ปี เว้นห้าสิบปี (950 ปี )” (อลั องั กะบตู : 14) จากอายะฮฺท้งั หมดขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ อลั ลอฮฺ  ไดใ้ ช้คาวา่ “อรั ซลั นา” หมายถึง เราได้ส่ง ในที่น้ีจึงหมายถึง พระองค์ ไดท้ รงแต่งต้งั ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นเราะสูลของพระองค์ และ ไดท้ รงส่งท่านเพ่ือทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของท่านในสมยั น้นั สู่การเคารพภกั ดีต่อ พระองค์เพยี ง องคเ์ ดียว และทาการตกั เตือนกลุ่มช นของทา่ นใหอ้ ยใู่ นหนทางท่ีถูกตอ้ งก่อนการลงโทษจะประสบ แก่ผทู้ ่ีปฏิเสธศรัทธา อลั หะดีษซ่ึงถือเป็นธรรมนูญขอ งประชาชาติอิสลามเป็นลาดบั ที่สอง ไดก้ ล่าว ยนื ยนั อีกคร้ังถึงการเป็นเราะสูลท่านแรกในโลกน้ี หลงั จากท่ีอลั กรุ อานไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ หะดีษท่ีรายงานโดยอบู ฮุร็อยเราะฮฺ  ที่กล่าวเก่ียวกบั อชั ชะฟาอะฮฺ(ความ ช่วยเหลือในวนั กิยามะฮฺ) ในหะดีษดงั กล่าวน้ีทา่ นนบีมุฮมั มดั  ไดเ้ ล่าวา่ ‫ىلتدركفبم ؟لغمعلالهلاأكلُت‬،‫((أناسيد القوـيوـالقيامة‬ ،‫ فيبصرىمالناظر كيسمعهمالداعي‬،‫كلاآخرينفيصعيد كاحد‬ ‫لأاتركفإلىماأنتم‬:‫فيقو ؿبعضا ؿنا س‬،‫كتدنومنهمالشمس‬ ‫فيقو ؿ‬،‫إلىمابلغكم؟لأاتنظركفإلىمنيشفعلكمإلىربكم‬،‫فيو‬ ،‫ياآدـأنتأبوالبشر‬: ‫فيأتونوفيقولوف‬،‫أبوكمآدـ‬:‫بعضالنا س‬ ،‫ كأمرلادلائكةفسجدكالك‬،‫ كنفخفيكمنركحو‬،‫خلقكلالهبيده‬ ‫لأاترلمانح ففيو كما‬،‫لأاتشفعلناإلىربك‬،‫كأسكنكلاجنة‬ ‫لكايغضب‬،‫بريغضبغضبالميغضبقبلومثلو‬:‫بلغنا ؟فيقو ؿ‬ ‫اذىبواإلى‬،‫نفسينفسي‬،‫نكهانيعنالشجرةفعصيتو‬،‫بعدهمثلو‬ ‫أنتأك ؿ‬،‫يانوح‬: ‫فيقولوف‬،‫فيأتوفنوحا‬،‫اذىبواإلىنوح‬،‫َغت م‬ ‫أماترلإلىمالضن‬،‫سكما ؾلالهعبداشكورا‬،‫الرسلإلىأىللاأر ض‬ ‫ بري‬: ‫لأاتشفعلناإلىربك ؟فيقو ؿ‬،‫لأاترلإلىمابلغنا‬،‫فيو‬

67 ،‫لكايغضببعدهمثلو‬،‫غضباليوـغضبالميغضبقبلومثلو‬ : ‫فيقا ؿ‬،‫فيأتنويفأسجدتحتالعرش‬، ‫ائتواالنبي‬،‫نفسينفسي‬ (( ‫ كسلتعطو‬،‫ كاشفعتشفع‬،‫يالزمدارفعرأسك‬ )3340 :1998،‫(أخرجوالبخار م‬ ความวา่ “ฉันคือผ้นู ามนษุ ยชาติในวนั กิยามะฮฺ พวกท่านทราบ หรือเปล่าว่าเป็นเพราะเหตุใด วนั น้นั อัลลอฮฺจะรวมมวลมนษุ ย์ ตง้ั แต่ยคุ แรกจนถึงยคุ สุดท้ายในสถานที่เดียวกัน ณ ท่ีน้ันสายตา จะเพ่งไปยงั พวกเข า และจะได้ยินเสียงเรียกอย่างระงม และดวง อาทิ ตย์อย่ใู กล้ศีรษะจนทาให้ทุรนทุรายจนมิอาจรับสภาพได้ ผ้คู นต่างพดู จาระหว่างกนั ว่า “ท่านไม่คิดดอกหรือว่าทุกข์ ทรมานที่ท่านได้รับนีจ้ ะมีผ้ทู ่ีชะฟาอะฮฺ (ช่วยปลดปล่อย)ณ เบือ้ ง พระพกั ต์ของพระผ้เู ป็นเจ้า ” เสียงหนึ่งกก็ ล่าวว่า “บรรพบรุ ุษ ของเราท่านนบีอาดมั เราไปหาท่านกันเถิด” และพวกเขากล่าวว่า “โอ้ อาดมั ท่านคือบรรพบุรุษซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงสร้างท่านด้วย พระหัตถ์ของพระองค์เอง และได้ทรงเป่ าวิญญาณสู่ร่างท่านและ ได้ทรงมีบญั ชาให้มวลมลาอิกะฮฺกราบท่านแล้วพวกเขากก็ ราบ ท่าน และทรงให้ท่านซ่ึงท่ีพานักในสวนสวรรค์ ท่านกท็ ราบ ไม่ใช่หรือว่าพวกเราได้รับความทุกข์ทรมานเพียงใด ขอท่านช่วย หาหนทางปลดปล่อยพวกเรา ณ เบือ้ งพระพกั ตร์ของพระองค์ เถิด” ท่านนบีอาดัมกล่าวว่า “ความจริงในวนั นี้ อัลลอฮฺทรง พิโรธเหลือเกิน พระองค์มิเคยพิโรธเช่นนีม้ าก่อนเลย พระองค์ได้ ทรงห้ามมิให้ฉันเข้าใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งแต่ฉันเนรคุณ ต่อพระองค์ อนิจจาฉันมีความผิด พวกท่านจงไปหาคนอ่ืนเถิด ตวั ฉันกต็ ัวฉัน ตัวท่านกต็ ัวท่าน พวกเจ้าทั้งหลายจงไปหานบีท่านอื่นจากฉันเถิด พวกเจ้าท้ังหลายจงไปหานูหฺเถิด ” แล้วพวกเขาทั้งหลายกไ็ ด้ไป พบนหู ฺ และพวกเขาได้กล่าวไว้ว่า “โอ้นูหฺ ท่านเป็น เราะสูล คน แรกท่ีได้ถกู ส่ งมายงั มนษุ ย์โลก และทรงเรียกชื่อท่านว่าบ่าวผู้ ขอบคุณ ท่านกท็ ราบไม่ใช่หรือว่าพวกเราได้รับความทุกข์ ทรมานเพียงใด ขอท่านช่วยหาหนทางปลดปล่อยพวกเรา ณ

68 เบือ้ งพระพักตร์ของพระองค์เถิด ” ท่านนบีนหู ฺกล่าวว่า “ความ จริงในวนั นี้ อัลลอฮฺทรงพิโรธเหลือเกิน พระองค์มิเคยพิโรธ เช่นนีม้ าก่อนเลย ตัวฉันกต็ วั ฉัน ตวั ท่านกต็ วั ท่าน พวกเจ้า ทั้งหลายจงไปหานบีมุ ฮัมมดั  เถิด ” ท่านนบี  เล่าต่อว่า จากน้ันพวกเขาต่างกเ็ ข้าหาฉัน ดังน้ันฉันจึงม่งุ หน้าไปยงั ใต้ บัลลังค์ ฉันก้มลงกราบพระผ้เู ป็นเจ้าของฉัน จากน้ันมีสุรเสียงว่า “โอ้มุฮัมมดั จงเงยหน้ าขึน้ เถิด จงขอแล้วเจ้าจะถกู ตอบรับ จงขอ ไถ่โทษและเจ้าจะได้ถกู ตอบรับ” (บนั ทึกโดย al-Bukhāriy,1998: 3340) หะดีษขา้ งตน้ เป็นการยนื ยนั วา่ ท่านนบีนูหฺ  เป็นเราะสูลทา่ นแรกท่ีถูกส่งมายงั มนุษยโ์ ลก ส่วนทา่ นนบีอาดมั  ทา่ นนบีอิดรีส  และทา่ นนบีอื่นๆ ก่อนหนา้ ทา่ นน้นั เป็น เพยี งบรรดานบีเทา่ น้นั มิใช่เราะสูล อีกท้งั หะดีษขา้ งตน้ ได้ ยนื ยนั ถึงการที่ท่าน เป็นบา่ วท่ีกตญั ํู ผู้ ชูโกร(ผทู้ ี่ขอบคุณตอ่ อลั ลอฮฺ ) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭵﭶﭷﭸﭹﭺﭻﭼ ﭽﭾﭿﭼ‬ )3 :‫(لاإسراء‬ ความวา่ “ โอเ้ ผา่ พนั ธุ์ของเราไดบ้ รรทุก (ไวใ้ นเรือ) กบั นูหเอ๋ย แทจ้ ริงเขาเป็นบ่าวผกู้ ตญั ํู” (อลั อิสรออฺ: 3) สะอีด อบั ดุลอะซีม (Sa‘īd ‘Abd al-‘Aẓīm, 2002: 1/13) ไดก้ ล่าววา่ “อายะฮฺขา้ งตน้ ไดย้ นื ยนั วา่ ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นบ่าวผกู้ ตญั ํู (ผทู้ ่ีชูโกรต่ออลั ลอฮฺ ) มีการกล่าวถึงเร่ืองดงั กล่าว ในหะดีษ และอลั อะษรั ฺ 19วา่ ท่านน้นั ไดส้ รรเสริญต่อ พระองค์ ที่ทรงประทานปัจจยั ยงั ชีพอาหาร 19 อลั อะษรั ฺ )‫ (لاأثر‬คือ สิ่งท่ีอา้ งถึงเศาะหาบะฮฺ และอตั ตาบีอีน บางคร้ังอลั อะษรั ฺมีความหมายเหมือนกบั อลั หะดีษ แตต่ อ้ งมีการระบุ เช่น การกล่าววา่ อลั อะษรั ฺจากท่านนบี (Mahmūd al-Ṭaḥḥān, n.d.:15)

69 เคร่ืองด่ืม และเครื่องนุ่งห่ม และ ในทุกๆเร่ือง ดว้ ยเหตุน้ี พระองค์จึงขนานนามเรียกทา่ นวา่ “บา่ วผู้ กตญั ํู” อิบนุ ฮะญรั ฺ อลั อซั เกาะลานีย์ (Ibn Hajar al-‘Asqalāniy, 1998: 1/152) ไดก้ ล่าววา่ “อุละมาอไ์ ดม้ ีความเห็นขดั แยง้ กนั ในเร่ืองการแตง่ ต้งั เป็นเราะสูลของท่านนบีนูหฺ  อุละมาอ์ บางทา่ นไดก้ ล่าววา่ ท่านถูกแตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นเราะสูลในขณะที่อายุ 50 ปี รายงานจากทา่ นอิบนุ ญะริรฺ จากท่านอิบนุอบั บาสไดก้ ล่าววา่ ทา่ นถูกแต่งต้งั ใหเ้ ป็นเราะสูลในขณะที่อายุ 350 ปี และบางทา่ นได้ กล่าววา่ ท่านถูกแต่งต้งั ใหเ้ ป็นเราะสูลในขณะที่อายุ 480 ปี ” อลั กุรฺฏุบีย์ (Al-Qurtubiy, 2005: 208) ไดก้ ล่าวเก่ียวกบั อายขุ องทา่ นนบีนูหฺ  วา่ “ท่านวะฮบั กล่าววา่ “ทา่ นนบีนูหฺ  ถูกส่งใหท้ าหนา้ ท่ี ดะอฺวะฮฺประชาชาติของทา่ น เมื่อท่านมี อายุ 50 ปี ” ทา่ นอิบนฺ อบั บาส ไดก้ ล่าวา่ “เม่ือทา่ นมีอายุ 40 ปี ” และทา่ นอบั ดุลลอฮฺ บิน ชะดา้ ด ได้ กล่าววา่ “ทา่ นถูกแต่งต้งั เม่ือมีอายุ 350 ปี ” ถึงแมอ้ ุละมาอจ์ ะมีความเห็นที่ขดั แยง้ กนั เก่ียวกบั อายขุ อง ท่านนบีนูหฺ  ในขณะที่ถูกแต่งต้งั ใหเ้ ป็นเราะสูล แตเ่ นื่องจากไมไ่ ดถ้ ูกกล่าวไวใ้ นอลั กรุ อาน และหะดีษท่ีน่าเช่ือถือ จึงไม่ควรสาธยายใหม้ ากความ แทจ้ ริงอลั ลอฮฺ  เท่าน้นั ผทู้ รงรอบรู้” สภาพสงั คมในสมยั ทา่ นนบีนูหฺ  พบวา่ กลุ่มชนของท่าน ตา่ งหลงลืมอลั ลอฮฺ  ซ่ึงมีสาเหตุจากการกระซิบกระซาบจากชยั ฏอน ทาใหพ้ วกเขาปฏิเสธที่จะตอบรับการดะอฺวะฮฺ ของทา่ น อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานเก่ียวกบั เร่ืองดงั กล่าววา่ ‫ﭽﮓﮔﮕﮖ ﮗﮘﮙﮚ ﮛﮜﮝﮞ‬ ‫ﮟﮠﮡﮢﮣﮤﮥﮦﮧﮨﮩ‬ ‫ﮪﮫﮬﮭﮮﮯﮰ ﮱ﮲﮳﮴ﯖﯗ‬ ‫ﯘﯙﯚﯛ ﯜﯝﭼ‬ )24-21 :‫(نوح‬

70 ความวา่ “นูหฺได้กล่ าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริง พวกเขาได้ฝ่ าฝื นข้าพระองค์และเช่ือฟังผ้ทู ี่ทรัพย์สินของเขา และ ลกู หลานของเขามิได้เพิ่มพูนอันใดแก่เขานอกจากการขาดทุ น (21) และพวกเขาได้วางแผนร้ายอันย่ิงใหญ่ (22) และพวกเขาได้ กล่าวว่า พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ พระเจ้าทั้งหลายขอ งพวกท่าน เป็นอันขาด พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ วดั ดฺ และสุวาอฺ และยะฆษู และยะอู๊ก และนซั รฺ เป็นอันขาด (23) และโดยแน่นอน พวกเขา ได้ทาให้หม่ชู นจานวนมากหลง ดงั นั้นขอพระองค์ท่านอย่าได้ เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมเหล่านั้น นอกจากกการหลงผิดเท่าน้ัน (24)” (นูหฺ: 21-24) แมก้ ระทงั่ ภรรยาและลูกๆของทา่ นเอง (ก่อนการลงโทษ ) ก็มิไดศ้ รัทธาตอ่ ท่าน สาหรับภรรยาของท่านนบีนูหฺ  น้นั ช่ือวา่ ‚วาอิละฮฺ‛ บา้ งกล่าววา่ “วาฆิละฮฺ” หรือ “วาลิฮะฮฺ” แต่ท้งั หมดน้ีรายงานมาจากอิสรออีลียาต และหากวา่ การกล่าวถึงช่ือภรรยาของท่านนบีนูหฺ  มี ความสาคญั และมีประโยชน์อนั ยง่ิ ใหญ่แลว้ ไซร้ อลั กรุ อานและหะดีษคงมีการกล่าวถึงอยา่ งแน่นอน แตท่ ้งั น้ีอลั กรุ อานและหะดีษมิไดม้ ีการกล่าวถึง เป็นการดีที่ควรไม่พดู ถึงมนั และอลั กรุ อานไดย้ นื ยนั เพียงวา่ เธอมิไดอ้ ยใู่ นกลุ่มผศู้ รัทธาโดยมิไดก้ ล่าวช่ือของเธอโดยตรง (Hassān Muhammad Husīn Zaghl, 2008: 30) และน่ีคือบททดสอบอนั ใหญ่หลวงที่บรรดาศาสนทูตของอลั ลอฮฺไดร้ ับเพื่อพสิ ูจน์ ศกั ยภาพของพวกเขา อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽ ﮏﮐﮑ ﮒﮓ ﮔﮕﮖﮗﮘ‬ ‫ﮙﮚﮛﮜﮝﮞﮟﮠﮡ‬ ‫ﮢﮣﮤﮥﮦﮧﮨ ﮩﮪ ﮫﭼ‬ )10 : ‫(ات ؿحًرن‬

71 ความวา่ “อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผ้ปู ฏิเสธศรัทธาถึง ภริยาของนูหฺ และภริยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอย่ภู ายใต้การ ปกครองของบ่าวท่ีดีทั้งสองในหม่ปู วงบ่าวของเ รา แต่นางท้ัง สองได้ ทรยศต่ อเขาทั้งสองให้ พ้ นจากการลงโทษาของอัลลอฮฺ แต่ ประการใด จึงมีเสียงกล่าวขึน้ ว่า เจ้าท้ังสองจงเข้าไปในไฟนรก พร้อมกบั บรรดาผ้ทู ่ีเข้าไปในมนั ” (อตั ตะหฺรีม: 10) อลั ลอฮฺ  ทรงยกอุทาหรณ์ถึงพวกกฟุ ฟารใ นการที่พวกเขาไม่ไดร้ ับประโยชน์ อะไรกบั ความใกลช้ ิดกบั บรรดามุอ์มิน โดยการยกตวั อยา่ ง สภาพภรรยาของทา่ นนบีนูหฺ  และ ภรรยาของท่านนบีลูฏ  ซ่ึงนางท้งั สองไดท้ รยศต่อศาสนาของนางท้งั สอง นางท้งั สองจึงเป็นผู้ ปฏิเสธศรัทธา ภรรยาของท่านนบีนูหฺ  ไดเ้ ผยความลบั แก่ผทู้ ่ีปฏิเส ธศรัทธาตอ่ สามีคือบรรดา หวั หนา้ ผเู้ กร้ียวกราดของหมู่ชน ของทา่ นนบีนูหฺ  และวา่ สามีของนางเป็นคนบา้ และภรรยา ของท่านนบีลู๊ฏ  ผปู้ ฏิเสธศรัทธาไดช้ ้ีแนะแก่บรรดาอาชญากรเมื่อเวลามีแขกของ ท่านนบีลู๊ฏ  มาเยอื นท่าน เช่นเวลากลางคืน ก็ส่งสัญญาณเป็นแสงไฟ เวลากลางวนั ก็ส่งสั ญญาณเป็นควนั ไฟ เพ่ือใหบ้ รรดาอาชญากรเหล่าน้นั มารบกวนแขกของ ท่านนบีลู๊ฏ  เมื่อนางท้งั สองเป็นผู้ ปฏิเสธศรัทธาดงั น้นั ความใกลช้ ิดคือการเป็นภร รยาของนบีก็มิไดช้ ่วยเหลือใหน้ างพน้ จากการ ลงโทษไปได้ ในวนั กิยามะฮฺมีเสียงกล่าวแก่นางท้งั สองวา่ จงเขา้ ไปอยใู่ นนรกพร้อมกบั ห มู่ชนของ ท่านนบีนูหฺ  และหมชู่ นขอ งทา่ นนบีลู๊ฏ  เถิด (สมาคมนกั เรียนเก่าอาหรับประเทศไทย , 2542: 1527) 2.4 ภัยพบิ ัตใิ นสมัยนบนี ูหฺ  ภยั พิบตั ิในสมยั ท่านนบีนูหฺ  น้นั ไดม้ ีการเล่าขานอยา่ งแพร่หลาย และเป็นที่ รู้จกั ของคนทว่ั โลก อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงถ่ายทอดเ ร่ืองราวภยั พิบตั ิแห่งนูหฺ โดยผา่ นการบอกเล่า จากศาสนทตู หลายๆทา่ น และคมั ภีร์หลายๆเล่ม แตท่ ุกคร้ังท่ีมีการถ่ายทอดจากศาสนทตู และเมื่อ กาลเวลาไดผ้ า่ นไปมากๆ จึงเกิดการบิดเบือนไปจากเดิม ทาใหเ้ รื่องราวภยั พิบตั ิแห่งนูหฺเป็นเพยี ง ส่วนหน่ึงในเทพนิยายปรัมปรา เม่ือทาการค้ นควา้ วจิ ยั พบวา่ ในคมั ภีร์บางบทของพนั ธสัญญาเก่า และใหม่ บนั ทึกโบราณตา่ งๆ และหนงั สือประวตั ิศาสตร์ไดม้ ีการกล่าวถึงเหตุการณ์น้ีเช่นกนั แต่มี เพียงอลั กรุ อานเท่าน้นั ที่ไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ภยั พบิ ตั ิแห่งนูหฺไดถ้ ูกตอ้ งเที่ยงตรง มีความสอดคลอ้ งกบั

72 การพบท่ีไดจ้ ากการสงั เกตแ ละไดร้ ับการยอมรับเป็นอยา่ งมาก เพราะพระองคไ์ ดท้ รงปกป้ อง รักษาอลั กุรอานไวจ้ ากบิดเบือนและเปล่ียนแปลง(ฮารูน ยะฮฺยา, 2548: 47) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮗﮘﮙﮚ ﮛﮜ ﮝﮞ ﭼ‬ )9 :‫(الحجر‬ ความวา่ “แท้จริงเราได้ให้ข้อตกั เตือน (อัลกุรอาน)ลงมา และ แท้จริงเราเป็นผ้รุ ักษามนั อย่างแน่นอน” (อลั ฮิจรฺ: 9) อายะฮฺขา้ งตน้ ไดช้ ้ีชดั ใหเ้ ห็นวา่ อลั กุรอานเทา่ น้นั ท่ียงั คงความเท่ียงตรงมากท่ีสุด เพราะอลั ลอฮฺ  คือผทู้ ี่รักษามนั ไวอ้ ยา่ งดีปราศจากการบิดเบือนแตอ่ ยา่ งใด พระองคย์ งั ไดก้ ล่าวถึง ภยั พิบตั ิแห่งนูหฺในอลั กุรอานไวอ้ ยา่ งชดั เจน เร่ิมตน้ ดว้ ยการกล่าวถึงการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  การปฏิเสธศรัทธาของกลุ่มชนของทา่ น จนกระทงั่ ถึงการลงโทษจากพระองค์ ท่านนบีนูหฺ  ไดร้ ับหนา้ ท่ีใหท้ าการเชิญชวนผคู้ นสู่การจงรักภกั ดี ตอ่ อลั ลอฮฺ  พระองคไ์ ด้ทรงส่งท่านซ่ึงเป็นศาสนทูตของพระองคใ์ หท้ าการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของทา่ นสู่การ เคารพภกั ดีผทู้ รงสร้างสรรพส่ิงท้งั หลายและช้ีแนะแนวทางท่ีถูกตอ้ งใหก้ บั พวกเขา อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭥﭦﭧﭨ ﭩﭪﭫﭬﭭﭮﭯ‬ ‫ﭰﭱﭲﭳ ﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭼ‬ )59 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “และแท้จริงเราได้ส่งนหู ฺ ไปยงั ประชาชาติของเขา แล้ว เขาได้กล่าวว่าโอ้ประชาชาติของฉันจงเคารพสักการะอัลลอฮฺ เถิด

73 ไม่มีผ้ไู ด้รับการเคารพสักการะใด ๆ สาหรับพวกท่านอีกแล้วอื่น จากพระองค์ แท้จริงฉั นกลัวการลงโทษในวนั อันยิ่งใหญ่จะ ประสบแก่พวกท่าน” (อลั -อะอฺรอฟ: 59) อบั ดุรเราะฮฺมาน บิน นาศิรฺ อสั สะอฺดีย์ (‘Abd al-Rahmān ibn Nāsir al-Sa‘diy, 2004.: 272) ไดใ้ หค้ วามหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ทา่ นนบีนูหฺ  ไดท้ าการดะอฺวะฮฺกลุ่มชน ของเขา สู่การศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียว อนั เนื่องมาจากพวกเขาสักการะรูปป้ัน โดยท่ีเขากล่าวแก่ พวกเขาวา่ โอก้ ลุ่มชนของฉนั จงเคารพสักการะอลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียวเถิด เพราะพระองคค์ ือผู้ ทรงประทานปัจจยั ยงั ชีพ ผทู้ รงควบคุมทุกสรรพส่ิงโดยท่ีไม่มีมนุษยค์ นใดควบคุ มไดเ้ ฉกเช่น พระองค์ หลงั จากน้นั เขายงั กล่าวถึงความน่ากลวั ของการลงโทษหากพวกเขาไมเ่ คารพสกั การะ พระองคด์ ว้ ย” อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮎ ﮏﮐﮑ ﮒﮓﮔ ﮕﮖﮗﮘﮙ‬ ‫ﮚ ﮛﮜﮝﮞﮟ ﭼ‬ )23 :‫(لامؤمنوف‬ ความวา่ “และเป็นท่ีแน่นอนยิ่ งเราได้ส่งนูหฺ ไปยงั หม่ชู นของเขา ดงั นั้นเขาได้กล่าวว่า โอ้หม่ชู นของฉั นเอ๋ย พวกท่านจงเคารพ ภักดีอัลล อฮฺ เถิ ดสาหรั บพวกท่ านน้ันไม่มีพระเจ้ าอ่ืนใดนอกจาก พระองค์ ดังน้ันพวกท่านจะไม่ยาเกรง (การลงโทษของพระองค์ ) หรื อ” (อลั มุอฺมินูน: 23) อบั ดุรเราะฮฺมาน บิน นาศิรฺ อสั สะอฺดีย์ (‘Abd al-Rahmān ibn Nāsir al-Sa‘diy, 2004.: 526) ไดใ้ หค้ วามหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “อลั ลอฮฺ  ทรงส่งทา่ นนบีนูหฺ  ซ่ึงเป็นเราะสูล ทา่ นแรกบนหนา้ แผน่ ดินเพอื่ ทาการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของเขาที่เคารพสกั การะรูปป้ันสู่การศรัทธา

74 ตอ่ อลั ลอฮฺ  เพียงองคเ์ ดียว โดยที่เขากล่าวแก่พวกเขาวา่ โอก้ ลุ่มชนของฉนั จงเคารพสักการะ อลั ลอฮฺ  ดว้ ยความบริสุทธ์ิใจเถิด สาหรับพ วกท่านน้นั ไม่มีพระเจา้ อื่นใดนอกจากพระองค์ ที่ คู่ควรแก่การเคารพสักการะเพราะพระองคค์ ือผทู้ รงสร้างสรรพส่ิง ผทู้ รงประทานปัจจยั ยงั ชีพ เหตุ ใดพวกท่านถึงไม่ยาเกรงดว้ ยการต้งั ภาคีต่อพระเจา้ ถึงแมท้ ่านจะทาการดะอฺวะฮฺอยา่ งตอ่ เน่ืองท้งั กลางคืนและกลางวนั ดว้ ยการดะอฺวะฮฺอยา่ งลบั ๆและเปิ ดเผยเป็นเวลา 950 ปี แตพ่ วกเขาก็ยงั ปฏิเสธ และเมินเฉยต่อท่าน” อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯽ ﯾ ﯿ ﰀ ﰁ ﰂﰃ ﰄﰅﰆ ﰇ‬ ‫ﰈ ﰉ ﰊﰋ ﰌ ﰍ ﰎﰏ ﰐ ﰑﰒﰓ ﰔ‬ ‫ﰕﰖﭼ‬ )110-107 :‫(ا ؿشعراء‬ ความวา่ “แท้จริงฉันคือ เราะสูล ผ้ซู ื่อสัตย์สาหรับพวกท่าน (107)ดังนน้ั พวกท่านจงยาเกรงอัลลอฮฺ และเช่ือฟังฉัน (108)และ ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนีจ้ ากพวกท่าน ค่าตอบแทนของ ฉันมิได้มาจากผ้ใู ดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก (109)ดงั นน้ั จง ยาเกรงอัลลอฮฺเถิดและจงเช่ือฟังฉัน(110)” (อชั ชุอะรออฺ: 107-110) อบั ดุรเราะฮฺมาน บิน นาศิรฺ อสั สะอฺดีย์ (‘Abd al-Rahmān ibn Nāsir al-Sa‘diy, 2004.: 569) ไดใ้ หค้ วามหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ท่านนบีนูหฺ  ถูกส่งมาใหก้ บั กลุ่มชนของท่าน โดยเฉพาะ จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีพวกเขาตอ้ งตอบรับและศรัทธาต่อท่าน ขอบคุณอลั ลอฮฺ  ท่ีทรงส่ง เราะสูลท่ีซื่อสตั ย์ ไมบ่ ิดเบือนหรือเติม แตง่ สาสน์ของพระองค์ ดงั น้นั ท่านจึงกล่าวแก่พวกเขาวา่ จง ยาเกรงและปฏิบตั ิตามคาสง่ั ใชแ้ ละคาสั่งหา้ ม เพราะฉนั มิไดข้ อคา่ ตอบแทนจากพวกท่านนอกจาก พระองค์ ฉนั เพยี งแค่จะตกั เตือนพวกท่านสู่หนทางแห่งสจั ธรรมเท่าน้นั ดงั น้นั จงยาเกรงพระองค์ และปฏิบตั ิตามฉนั เป็นการพดู ย้าซ่ึงช้ีใหเ้ ห็นถึงการดะอฺวะฮฺของทา่ นเป็นเวลายาวนาน ”

75 ท่านนบีนูหฺ  ไดร้ ับคาบญั ชาจากอลั ลอฮฺ  ใหท้ าการตกั เตือนผทู้ ่ีตอ่ ตา้ น อลั ลอฮฺ  และท่านยงั ไดต้ กั เตือนพวกเขาใหก้ ลวั การลงโทษจากพระองคท์ ่ีจะมาถึงในเวลา อนั ใกลน้ ้ี อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅﮆ ﮇ ﮈ ﮉ ﮊﮋ‬ ‫ﮌﮍﮎﭼ‬ )1 :‫(نوح‬ ความวา่ “แท้จริงเราได้ส่งนูหฺ ไปยงั ห ม่ชู นของพวกเขา (โดย บัญชาว่า ) เจ้าจงตักเตือนหม่ชู นของเจ้า ก่อนท่ีการลงโทษอัน เจบ็ ปวดจะมาถึงพวกเขา” (นูหฺ: 1) ทา่ นนบีนูหฺ  ไดท้ าการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของท่านตามคาบญั ชาจากอลั ลอฮฺ  ใหเ้ คารพอีบาดะฮฺพระองคเ์ พียงองคเ์ ดียว และตกั เตื อนใหห้ ่างไกลจากการเคารพส่ิงอื่นนอกจาก พระองคท์ ่ีจะนาพาซ่ึงการลงโทษอนั เจบ็ ปวด อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣﮤﮥﮦ ﮧﮨ‬ ‫ﮩﮪ ﮫﮬ ﮭ ﮮﮯﮰ ﮱ﮲ ﮳ﭼ‬ )26-25 :‫(ىود‬ ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้ส่งนูหฺ ไปยงั กล่มุ ชนของเขา (โดยกล่าวว่า ) แท้จริงฉันเป็นผ้ตู ักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่าน แล้ว(25)คือพวกท่านอย่าเคารพอิบาดะฮฺผ้ใู ดนอกจากอัลลอฮฺ

76 แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษในวนั อันเจบ็ ปวด (26)” (ฮูด: 25-26) บรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาจากกลุ่มชนของทา่ นนบีนูหฺ  ตา่ งปฏิเสธคาเชิญชวน ของท่านนบีนูหฺ  และกล่าวแก่ทา่ นวา่ ทา่ นคือผหู้ ลงผดิ ท้งั ท่ีความจริงแลว้ พวกเขาเหล่าน้นั คือผู้ หลงผดิ อนั ชดั แจง้ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭺﭻﭼﭽﭾﭿﮀﮁﮂﮃﮄ‬ ‫ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍ ﮎ‬ ‫ﮏﮐﮑﮒﮓﮔﮕﮖﮗﮘ‬ ‫ﮙﮚﭼ‬ )62-60 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “บรรดาชนช้ันนาในหม่ปู ระชาชนของเขาได้กล่าวว่า แท้จริงเขาเห็นท่านอย่ใู นความหลงผิดอันชัดแจ้ง (60)เขากล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน ไม่มีความห ลงผิดใด ๆ อย่ทู ี่ฉัน แต่ทว่า ฉันคือฑตู คนหนึ่งซ่ึงมาจากพระเจ้าแห่งสาก ลโลก(61)โดยท่ีฉัน จะประกาศแก่พวกท่านซึ่งบรรดาสาส์นแห่งพระเจ้าของฉัน และ ฉันจะชี้แจงและแนะนาให้แก่พวกท่าน และฉันรู้จากอัลลอฮฺส่ิงท่ี พวกท่านไม่รู้(62)” (อลั -อะอฺรอฟ: 60-62) นอกจากบรรดาชนช้นั นาในหม่ชู นของท่านนบีนูหฺ  จะปฏิเสธการเชิญช วน ของท่านแลว้ พวกเขายงั กล่าววา่ ทา่ นนบีนูหฺ  น้นั เป็นเพียงสามญั ชนธรรมดาเช่นพวกเขา มิได้ ประเสริฐมากกวา่ พวกเขาและยงั กล่าวหาวา่ ท่านเป็นผโู้ กหกท่ีพยายามเชิญชวนพวกเขา และไม่มีผู้ ปฏิบตั ิตามทา่ นยกเวน้ ผตู้ ่าตอ้ ยในหมูช่ นของพวกเขาเท่าน้นั

77 อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽ﮴﮵﮶﮷ ﮸﮹﮺﮻﮼﮽﮾‬ ‫﮿﯀﯁﯂﯃﯄﯅﯆﯇﯈﯉‬ ‫﯊﯋﯌﯍﯎﯏﯐ ﯑ﭼ‬ )27 :‫(ىود‬ ความวา่ “แล้วบรรดาบุคคลช้ันนาซึ่งปฏิเสธศรัทธาจาก กล่มุ ชน ของเขากล่าวว่า เรามิเห็นท่านเป็นอ่ืนใด นอกจากสามญั ชนเช่น เรา และเรามิเห็นผ้ใู ดปฏิบตั ิตามท่าน นอกจากบรรดาผ้ตู า่ ช้าของ พวกเราท่ีมีความคิดเห็นตืน้ ๆ และเรามิเห็นว่าพวกท่านประเสริฐ กว่าพวกเรา แต่เราคิดว่าพวกท่านเป็นพวกโกหก” (ฮูด: 27) นอกจากชนช้นั นาในหมู่ชนของทา่ นนบีนูหฺ  ไดก้ ล่าวหาวา่ ท่านเป็นผโู้ กหก แลว้ พวกเขายงั กล่าวหาวา่ ทา่ นเป็นคนบา้ และถูกขบู่ งั คบั อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽ ﭤﭥ ﭦﭧﭨﭩﭪﭫﭬﭭﭮﭼ‬ )9 :‫(القمر‬ ความวา่ “ก่อนหน้าพวกเขานั้น หม่ชู นของนูหฺได้ปฏิเสธ พวกเขา ได้ปฏิเสธบ่าวของเราโดยกล่าวว่าเขา (นูหฺ) เป็นคนบ้า และถกู ขู่ บงั คับ” (อลั เกาะมรั : 9) หวั หนา้ ของบรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาพยายามกล่าวแก่หมชู่ นของเขาวา่ ทา่ นนบีนูหฺ  น้นั เป็นเพยี งปุถุชนคนธรรมดาท่ีพยายามทาตวั เป็นผนู้ าใหด้ ีเด่นเหนือคนอ่ืนโดยการอา้ งวา่

78 ไดร้ ับการบญั ชาจากพระเจา้ เพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงความมงั่ คงั่ และมีหนา้ มีตาในสงั คม พวกเขาจึงพยายาม ท่ีจะกาจดั ท่านและบีบบงั คบั ทา่ น โดยกล่าวหาวา่ ทา่ นไม่ไดเ้ ป็นสิ่งอื่นใดนอกจากคนบา้ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮠﮡﮢﮣ ﮤﮥﮦﮧ ﮨ ﮩﮪﮫ‬ ‫ﮬﮭ ﮮﮯﮰﮱ﮲﮳﮴﮵﮶‬ ‫﮷ ﮸﮹﮺﮻﮼﮽﮾﮿﯀﯁ ﯂‬ ‫﯃﯄﯅ﭼ‬ )25-24 :‫ل(ادؤمنوف‬ ความวา่ “แล้วหัวหน้าของบรรดาผ้ปู ฏิเสธศรัทธาในหม่ชู นของ เขาได้กล่าวขึน้ ว่า เขาผ้ทู ่ีมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถชุ นคน ธรรมดาเช่นเดียวกบั พวกท่านเพียงแต่เขาต้องการท่ีจะทาตวั ให้ ดีเด่นเหนือพวกท่าน และหา กอัลลอฮฺ ทรงประสงค์แล้ว แน่นอน พระองค์จะทรงส่งมลาอิกะฮฺ ลงมา เราไม่เคยได้ยินคาพูดเช่นนี้ ในสมยั บรรพบรุ ุษของเราแต่กาลก่อนเลย (24) เขามิได้เป็นอะไร นอกจากเป็นคนบ้า ดงั น้ันพวกท่านจงอดทนคอยเขาสัก ระยะเวลาหนึ่ง(25)” (อลั มุอฺมินูน: 24-25) บรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาไดก้ ล่าวแก่ท่านนบีนูหฺ  ดว้ ยความเอือมระอาและเบื่อ หน่ายตอ่ การเชิญชวนของท่านโดยทาการทา้ ทายใหท้ า่ นนามาซ่ึงการลงโทษที่ไดส้ ญั ญาไวเ้ น่ืองจาก พวกเขาเห็นวา่ ไมป่ รากฏการลงโทษใดๆในระยะเวลาอนั ยาวนานที่ทา่ นไดท้ าการดะอฺวะฮฺ ท่านจึง ตอบพวกเขาวา่ หากอลั ลอฮฺ  ทรงประสงคใ์ หก้ ารลงโทษเกิดข้ึนกจ็ ะไมม่ ีผรู้ อดไปได้

79 อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮘﮙﮚﮛﮜ ﮝﮞﮟ ﮠ‬ ‫ﮡ ﮢﮣﮤﮥﮦ ﮧ ﮨﮩ ﮪﮫ ﮬ‬ ‫ﮭﮮﮯﮰﮱ﮲ ﮳﮴ ﮵﮶﮷﮸‬ ‫﮹ ﮺ ﮻﮼﮽﮾﮿ ﯀﯁﯂﯃﯄ﭼ‬ )34-32 :‫(ىود‬ ความวา่ “พวกเขากล่าวว่า โอ้นูหฺเอ๋ย แน่นอนท่านได้โต้เถียงของ เรามากเร่ืองขึน้ ดงั นั้นจงนามาให้เราเถิดสิ่งที่สัญญากบั เราไว้ถ้า ท่านอย่ใู นหม่ผู ้สู ั ตย์จริง (32)เขา (นูหฺ ) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺ เท่าน้นั ที่จะทรงนามนั มายงั พวกท่าน หากพระองค์ทรงประสงค์ และพวกท่านจะไม่เป็นผ้รู อดไปได้ (33) และคาส่ังสอนของฉัน จะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกท่านตามท่ีฉันปรารถนาจะสั่งสอน พวกท่านถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์จะให้พวกท่านหลงผิด พระอ งค์ คือพระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะถกู นากลับไปยงั พระองค์(34)” (ฮูด: 32-34) นอกจากคาพดู ที่กลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ  ไดท้ าการทา้ ทายใหม้ ีการลงโทษ พวกเขาตามท่ีทา่ นไดก้ ล่าวไว้ พวกเขายงั หมกมุ่นดว้ ยการเคารพสกั การะรูปป้ัน ท่านจึงยนื หยดั หนา้ ที่ดะอฺวะฮฺของท่าน ถึงแมว้ า่ จะถูกเหยยี ดหยามจากกลุ่มชนของทา่ นกต็ าม โดยทา่ นได้ กล่าว ตกั เตือนแก่พวกเขาวา่ รูปป้ันที่พวกเขาสร้างข้ึนเพอื่ บูชาน้นั มิไดย้ นิ หรือเห็น และมิไดย้ งั ประโยชน์ อนั ใดเลย ผคู้ นในสมยั ของท่านแตกเป็นสองกลุ่มทนั ทีหลงั ไดร้ ับคาตกั เตือน คาพดู ของเขากระทบ เขา้ กบั หวั ใจของค นอ่อนแอ คนจน และผทู้ ุกขย์ าก และพบกบั การบรรเทาจิตใจดว้ ยความเมตตาน้ี แตก่ บั คนรวย คนเขม้ แขง็ คนมีอานาจ ผปู้ กครอง พวกเขามองขา้ มคาตกั เตือนดว้ ยความคลางแคลง ใจ พวกเขายงั เห็นเชื่อวา่ ยงั อยไู่ ดด้ ีปกติสุขเช่นที่เคยเป็นมา พวกเขาเริ่มประกาศสงคราม โดยการ กล่าวคากล่าวคา้ นกบั ท่านนบี

80 อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﰗﰘﰙﰚﰛﰜﰝ ﭑﭒﭓﭔ‬ ‫ﭕ ﭖﭗﭘﭙﭚﭛﭜﭝ ﭞ ﭟﭠﭡ‬ ‫ﭢﭣ ﭤﭥﭦﭧﭨﭩﭪﭫﭼ‬ )115-111 :‫(ا ؿشعراء‬ ความวา่ “พวกเขากล่าวว่า จะให้พวกเราศรัทธาต่อท่านกระนั้น หรือ ในเม่ือพวกตา่ ต้อยเท่าน้ันที่เชื่อฟังปฏิบตั ิตามท่าน (111) เขา (นูหฺ) กล่าวว่า ฉันไม่มีความรู้อันใดเลยในส่ิงท่ีพวกเขาปฏิบตั ิกนั (112)การตอบแทนของพวกเขามิได้อย่ทู ่ีผ้ใู ดเล ยนอกจากท่ีพระ เจ้าของฉัน หากพวกท่านมีความรู้สึก(113)และฉันจะไม่เป็นผ้ขู บั ไล่บรรดาผ้ศู รัทธา (114)ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผ้ตู กั เตือน อันชัดแจ้ง(115)” (อชั ชุอะรออฺ: 111-115) กลุ่มชนของทา่ นนบีนูหฺ  หมกมุน่ จมอยกู่ บั การหลงทางและเชื่อวา่ ก ารเคารพ บชู ารูปป้ันท่ีไดส้ ืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาน้นั เป็นสิ่งที่ถูกตอ้ ง ปรากฏวา่ คนในรุ่น ตอ่ ๆมาไดร้ ับการสืบทอดคาเตือนใหป้ ฏิเสธการเรียกร้องของ ท่านและไดส้ ร้างสงครามต่อตา้ นเขา อยา่ งต่อเน่ือง พวกเขาไดส้ อนลูกๆเก่ียวกบั เรื่องที่เกิดข้ึนระหวา่ งพวกเขากบั ทา่ น ให้เด็กๆคา้ นเขา และปฏิเสธการเรียกร้องของเขา เม่ือพวกเด็กๆเหล่าน้นั เติบโตข้ึนจึงปฏิเสธไม่เช่ือฟังการดาเนินตาม สัจธรรมเป็ นธรรมดาไป ท่านนบีนูหฺ  พบวา่ จานวนผศู้ รัทธาไม่เพิ่มข้ึนขณะท่ีจานวนผปู้ ฏิเสธ ศรัทธา กลบั เป็นไปในทางตรงกนั ขา้ ม เขาเสียใจกบั การกระทาของผคู้ นเหล่ าน้นั แตเ่ ขาก็ไมย่ อ่ ทอ้ สิ้นหวงั และไดใ้ ชค้ วามอดทนและพยายามในการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของเขาท้งั กลางวนั และกลางคืน ท้งั โดย วธิ ีลบั และเปิ ดเผย ถึงแมท้ ่านจะพยายามอยา่ งมากก็ตามแต่ผลที่ไดร้ ับคือ กลุ่มชนของท่านไดห้ นีห่าง ออกจากทา่ น และตา่ งใชน้ ิ้วอุดรูหูของพวกเขาท้งั น้ีเพ่ื อไมใ่ หไ้ ดย้ นิ การดะอฺวะฮฺของท่าน การ

81 โตต้ อบระหวา่ งท่านและกลุ่ มชนท่ีไมศ่ รัทธาจึงไดเ้ ริ่มข้ึน อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวแก่ท่านเพือ่ เป็น กาลงั ใจแก่ทา่ น อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯴﯵ ﯶﯷﯸﯹﯺ ﯻﯼ ﯽﯾﯿ‬ ‫ﰀﰁﰂﰃ ﰄﰅﭼ‬ )36 :‫(ىود‬ ความวา่ “และได้มีวะฮีย์ (บญั ชา)แก่นูหฺ ว่า แท้จริงจะไม่มีผ้ใู ด จากหม่ชู นของเจ้าศรัทธา เว้นแต่ผ้ทู ่ีได้ศรัทธาแล้ว ดงั น้ัน เจ้าอย่า เศร้ าหมองในส่ิ งท่ีพวกเขากระทา” (ฮดู : 36) ท่านนบีนูหฺ  ไดท้ าการดะอฺวะฮฺตอ่ ไป และ ใชค้ าพดู ท่ีดีเพือ่ ช้ีแจงเหตุผลของ การทาการดะอฺวะฮฺของท่าน ทา่ น ทาการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของทา่ นเป็นเวลายาวนาวถึง 950 ปี ซ่ึงไดม้ ีการยนื ยนั ถึงการดะอฺวะฮฺของท่านอนั ยาวนานน้ีในอลั กุรอาน อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﯨﯩﯪﯫ ﯬﯭﯮﯯﯰﯱ‬ ‫ﯲﯳﯴﯵﯶﯷﯸﭼ‬ ) 14 :‫(العنكبو ت‬ ความวา่ “และโดยแน่นอนเราไดส้ ่งนูหฺไปยงั หม่ชู นของเขา และ เขาไดอ้ ยรู่ ่วมกบั พวกเขา หน่ึงพนั ปี เวน้ หา้ สิบปี (950 ปี ) ดงั น้นั อุทกภยั ไดค้ ร่าพวกเขาขณะท่ีพวกเขาเป็นผอู้ ธรรม” (อลั องั กะบูต: 14)

82 ทา่ นนบีนูหฺ  ไดท้ าการดะอฺวะฮฺเชิญชวนกลุ่มชนของทา่ นเป็นเวลายาวนานแต่ กไ็ มท่ าใหจ้ ิตใจของพวกเขาศรัทธาได้ ทา่ นจึงไดห้ นั หนา้ เขา้ ร้องเรียนต่ออลั ลอฮฺ  วา่ ขา้ พระองค์ ไดท้ าหนา้ ที่อยา่ งเตม็ ความสามารถ ดว้ ยความเหน่ือยยากลาบากและความพยายามท้งั หมดท่ีมี แต่ พวกเขาไมย่ อมเชื่อฟัง ปฏิเสธและไดฝ้ ่ าฝืนขา้ พระองค์ ยงิ่ ไปกว่าน้นั พวกเขากลบั เห็นดีเห็นชอบ เชื่อฟังและปฏิบตั ิตามผทู้ ี่ทรัพยส์ มบตั ิและลูกหลานของเขามิไดอ้ านวยประโยชน์อนั ใดแก่พวกเขา เลย นอกจากความหายนะและการขาดทุนเท่าน้นั ไมแ่ ต่เพยี งเทา่ น้นั แต่พวกเขายงั ไดว้ างแผนร้ายอนั ยง่ิ ใหญ่เพอ่ื ทาลายลา้ งการเผยแผแ่ ละการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่สจั ธรรมอีกดว้ ย (สมาคมนกั เรียนเก่า อาหรับประเทศไทย, 2542: 1572) อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮓﮔﮕﮖ ﮗﮘﮙﮚ ﮛ ﮜﮝﮞ‬ ‫ﮟﮠﭼ‬ )21 :‫(نوح‬ ความวา่ “ นูหฺได้กล่าวว่ า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริง พวกเขาได้ฝ่ าฝื นข้าพระองค์และเชื่อฟังผ้ทู ี่ทรัพย์สินของเขา และลูกหลานของเขามิได้เพิ่มพนู อันใดแก่เขานอกจากการ ขาดทุน” (นูหฺ: 21) หวั หนา้ ของบรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธา ไดก้ ล่าวเตือนวา่ พวกทา่ นอยา่ ไดท้ อดทิ้ง พระเจา้ ท้งั หลายของพวกท่าน ท้งั น้ีเพื่อเป็นการส่งเสริมใหม้ ีความรังเกียจตอ่ การเรียกร้องของ ทา่ น นบีนูหฺ  ข้ึนในจิตใจของพวกเขา และไดเ้ จาะจงกล่าวถึงชื่อบรรดาเจวด็ เพอื่ เป็นการกระตุน้ เตือนใหเ้ กิดความรู้สึกข้ึนในจิตใจของหม่ชู นทว่ั ไป บรรดาผนู้ าที่หลงผดิ จะร วบรวมพลพรรค ให้ เรียงรายลอ้ มรอบรูปป้ันและเจวด็ ที่เป็นกรวดหินดินทราย รูปป้ันท่ีเป็นตวั บุคคลและรูปป้ันเจวด็ ทาง แนวความคิด ท้งั หมดน้ีอยใู่ นสภาพเดียวกนั หมด เพ่ือจะปิ ดก้นั มิใหห้ นั หนา้ เขา้ หาการเรียกร้อง สู่อลั ลอฮฺ  และเพื่อโน้มนา้ วจิตใจใหห้ นั ห่างจากการเรียกร้องเชิญชวนดว้ ยการว างแผนร้ายอนั

83 ยง่ิ ใหญ่ ดว้ ยเล่ห์กลและการผนึกกาลงั ดงั น้นั ขอพระองคท์ ่านไดโ้ ปรดใหพ้ วกอธรรมเหล่าน้นั จมอยู่ แต่ในการหลงผดิ เทา่ น้นั (สมาคมนกั เรียนเก่าอาหรับประเทศไทย, 2542: 1573) อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽ﮳﮴ﯖﯗﯘ ﯙ ﯚﯛ ﯜﯝ ﭼ‬ )24 :‫(نوح‬ ความวา่ “และโดยแน่นอน พวกเขาได้ทาให้หม่ชู นจานวนมาก หลง ดังนน้ั ขอพระองค์ท่านอย่าได้เพ่ิมอันใดแก่พวกอธรรม เหล่านั้น นอกจากกการหลงผิดเท่าน้นั ” (นูหฺ: 24) ทา่ นนบีนูหฺ  จึงไดร้ ้องเรียนตอ่ อลั ลอฮฺ  วา่ ความพยายามของท่านในการ เชิญชวนดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของทา่ นสู่หนทางแห่งสัจธรรมท้งั กลางวนั และกลางคืนน้นั ไม่ยงั ประโยชน์อนั ใดแก่กลุ่มชนของทา่ น อีกท้งั ยงั นามาซ่ึงการหลบหนีและปฏิเสธ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮱ﮲﮳ ﮴﮵﮶﮷﮸﮹﮺ ﮻﮼﮽﮾ﭼ‬ )6-5 :‫(نوح‬ ความวา่ “เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของ ข้าพระองค์ แท้จริงข้า พระองค์ได้เรียกร้องเชิญชวนหม่ชู นของข้าพระองค์ทั้งกลางคืน และกลางวนั (5)แต่การเรียกร้องเชิญชวนของข้าพระองค์มิได้ เพิ่มพนู ส่ิงใดแก่เขา นอกจากการหลบหนี(6)” (นูหฺ: 5-6)

84 กลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ  ไดท้ าการปฏิเสธการดะอฺวะฮฺของทา่ นและไมย่ อม เช่ือฟังท่าน ท่านจึงไดข้ อวงิ วอนต่ออลั ลอฮฺ  ใหพ้ ระองคท์ รงช่วยเหลือท่าน และตดั สินระหวา่ ง ทา่ นและกลุ่มชนของทา่ นโดยยตุ ิธรรม แน่นอนพระองคท์ รงตอบรับดุอาอข์ องท่าน อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭯﭰﭱﭲﭳﭴﭼ‬ )10 :‫(القمر‬ ความวา่ “เขาจึงวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาว่า แท้จริงข้า พระองค์ถกู พิชิตเสียแล้ว ได้โปรดช่วยเหลือ (ข้าพระองค์) ด้วย” (อลั เกาะมรั : 10) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽ﯆﯇ ﯈ ﯉﯊﯋ﭼ‬ )26 :‫ل(ادؤمنوف‬ ความวา่ “นหู ฺได้กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้ าของข้าพระองค์ขอ พระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วยเพราะพวกเขา ปฏิเสธไม่ยอมเช่ือข้าพระองค์” (อลั มุอฺมินูน: 26) นอกจากการท่ีท่านนบีนูหฺ  ไดข้ อวงิ วอนตอ่ อลั ลอฮฺ  ใหพ้ ระองคท์ รง ช่วยเหลือท่าน และตดั สินระหวา่ งท่าน และกลุ่มชนของท่านโดยยตุ ิธรรมแลว้ ทา่ นยงั ขอดุอาอใ์ ห้ พระองคท์ รงช่วยเหลือทา่ นและบรรดาผศู้ รัทธาที่ยดึ มน่ั ตามแนวทางของพระองคใ์ หร้ อดพน้ จาก การลงโทษดว้ ย

85 อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭻﭼﭽﭾﭿﮀ ﮁﮂﮃﮄ ﭼ‬ )118 :‫(الشعراء‬ ความวา่ “ดังนนั้ ขอพระองค์ทรงตดั สินระหว่างฉันกบั พวกเขา โดยยตุ ิธรรมเถิด และทรงโปรดช่วยฉัน และบรรดาผ้ศู รัทธาที่อยู่ ร่วมกบั ฉันให้รอดพ้นด้วยเถิด” (อชั ชุอะรออฺ: 118) วนั ที่อลั ลอฮฺ  สญั ญาไวไ้ ดม้ าถึง เมื่อพระองคท์ รงเปิ ดเผยกบั ทา่ นนบีนูหฺ  วา่ จะไม่มีใครศรัทธาตอ่ เขาอีกแลว้ และพระองคไ์ ดบ้ ลั ดาลใจใหเ้ ขาไมเ่ ศร้าเสียใจในเรื่องน้นั ดว้ ย เหตุน้ีเองท่านจึงเริ่มดุอาอ์ให้พระองคท์ าลายบรรดาผปู้ ฏิเสธ อลั ลอฮฺ ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﯫﯬﯭﯮ ﯯ ﯰﯱﯲﯳ ﯴﯵﯶﯷ‬ ‫ﯸﯹﯺﯻﯼﯽ ﯾﯿﰀﭼ‬ )27-26 :‫(نوح‬ ความวา่ “ และนหู ฺได้กล่าวว่า ข้า แต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอ พระองค์ทรงอย่าปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออย่ใู น แผ่นดินนีเ้ ลย (26) เพราะแท้จริง หากพระองค์ทรงปล่อยให้พวก เขาหลงเหลืออยู่ พวกเขากจ็ ะทาให้ปวงบ่าว ของพระองค์หลงผิด และพวกเขานน้ั ให้กาเนิดแต่พวกเลวทราม พวกปฏิเสธศรัทธา เท่านน้ั (27)” (นูหฺ: 26-27)

86 อลั ลอฮฺ  ตอบรับคาวงิ วอนของ ท่านนบีนูหฺ  คดีน้ีจึงถูกปิ ดลง พระองค์ได้ พพิ ากษาการปฏิเสธของพวกเขาดว้ ยการทาใหน้ ้าทว่ ม อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ น อลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯺ ﯻ ﯼ ﯽ ﯾ ﯿ ﭼ‬ )75 :‫(الصافا ت‬ ความวา่ “และโดยแน่นอนนูหฺ ไดร้ ้องขอเราดงั น้นั ผตู้ อบสนอง ช่างประเสริฐเสียน่ีกระไร” (อศั ศอ็ ฟฟาต: 75) อลั ลอฮฺ  ผสู้ ูงส่งทรงส่งั ให้ท่านนบีนูหฺ  สร้างเรือขนาดใหญ่ ข้ึนดว้ ยความรู้ และการแนะนาของพระองค์ และดว้ ยการช่วยเหลือของมลาอิกะฮฺ อุละมาอม์ ีความคิดเห็นต่างกนั เกี่ยวกบั เรือ โดยใหค้ วามเห็นดงั น้ี 1) สูง 80 ศอก กวา้ ง 50 ศอก 2) ในคมั ภีร์เตารอตไดก้ ล่าววา่ สูง 300 ศอก กวา้ ง 50 ศอก 3) หะซนั บศั รียม์ ีความคิดเห็นวา่ สูง 600 ศอก กวา้ ง 300 ศอก 4) อิบนุ อบั บาสมีความคิดเห็นวา่ สูง 1200 ศอก กวา้ ง 600 ศอก 5) สูง 1000 ศอก กวา้ ง 100 ศอก 4) อุละมาอส์ ่วนใหญม่ ีความคิดเห็นตรงกนั วา่ สูง 30 ศอก มีสามช้นั แต่ละช้นั สูง 10 ศอก ช้นั ล่างสุด สาหรับสัตวส์ ่ีขาและสตั วเ์ ล้ือยคลาน ช้นั ที่สองสาหรับมนุษย์ และช้นั บนสุดสาหรับนกและสัตวป์ ี ก (Ibn Hajar al-‘Asqalāniy, 1998: 156) อลั ลอฮฺ  ผทู้ รงอานาจไดส้ ั่งการวา่ ‫ﭽﰆﰇﰈ ﰉﰊ ﰋﰌﰍﰎﰏ‬ ‫ﰐ ﰑﰒﭼ‬ )37 :‫(ىود‬

87 ความวา่ “ และเจ้าจงสร้างเรือต่อหน้าเราและตามคาบญั ชาของ เราและอย่ามา พูดกับข้าถึงบรรดาผ้อู ธรรมแท้จริงพวกเขาจะถกู จมนา้ ตาย” (ฮดู : 37) อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงบญั ชาใหท้ า่ นนบีนูหฺ  สร้างเรือเพอ่ื รอเวลาที่พระองคท์ รง กาหนดสาหรับการลงโทษที่จะเกิดข้ึน ทา่ นนบีนูหฺ  เลือกสถานท่ีบริเวณนอกเมือง ห่างออกไป จากทะเล ท่านรวบรวมไมแ้ ละเครื่องมือแลว้ จึงเริ่มทางานท้งั กลางวนั กลางคืน เพ่ือการสร้างเรือ บรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาท่ีผา่ นมาพบเห็นตา่ ง เยาะเยย้ ท่านอยา่ งต่อเน่ือง ดว้ ยความไม่รู้ โดยกล่าวเชิง เหยยี ดหยามทา่ นวา่ ท่านไดเ้ ปลี่ยนอาชีพจากการเป็นน บีสู่การเป็นช่างไม้ อิบนุ อบั บาส ไดก้ ล่าววา่ “ไมม่ ีแมน่ ้าหรือทะเลบนแผน่ ดินก่อนเหตุการณ์น้าทว่ มโลก พวกเขาจึงเยาะเยย้ ทา่ นนบี ” ท่านนบี นูหฺ  ตอบกบั พวกเขาเหล่าน้นั วา่ ทา่ นจะไดร้ ู้วา่ ใครจะตกอยภู่ าย ใตค้ วามอบั อาย และความทุกข์ ทรมานดว้ ยการลงโทษอนั อปั ยศที่จะมาถึงในเวลาอนั ใกลน้ ้ี (Sa‘īd ‘Abd al-‘Aẓīm, 2002: 55) อลั ลอฮฺ  ไดเ้ ล่าเหตุการณ์ในตอนน้นั ไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭑﭒﭓﭔﭕﭖ ﭗﭘﭙ‬ ‫ﭚﭛﭜﭝﭞﭟ ﭠﭡﭢﭣ ﭤﭥ‬ ‫ﭦﭧﭨﭩﭪﭫﭬﭭﭮ‬ ‫ﭯﭰﭼ‬ )39-38 :‫(ىود‬ ความวา่ “ และเขาได้สร้างเรือ และคราใดท่ีบุคคลชั้นนาจากหมู่ ชนของผ่านเขา(นหู ฺ) พวกเขากเ็ ยาะเย้ยเขา เขากจ็ ะกล่าวว่า “หาก พวกท่านเยาะเย้ยพวกเรา แท้จริงเรากจ็ ะเยาะเย้ยพวกท่าน เช่นเดียวกับท่ีพวกท่านเยาะเย้ย (38) แล้วพวกท่านกจ็ ะรู้ว่าผ้ใู ดที่ การลงโทษอันอั ปยศจะมายงั เขา และการลงโทษอันยงั่ ยืนจะ ประสบแก่เขา (39)” (ฮดู : 38-39)

88 เรือถูกสร้างเสร็จแลว้ และท่านนบีนูหฺ  นง่ั รอคาบญั ชาจากอลั ลอฮฺ  ที่จะลง มายงั เขา ทนั ใดน้นั น้าไดพ้ ุง่ ข้ึนมาอยา่ งพศิ วงจากเตาอบ (หรืออีกทรรศนะหน่ึง ชาวอาหรับเ รียก แผน่ ดินวา่ เตาอบ )ในบา้ นของ ท่านซ่ึงจะเป็นสญั ญาณการเริ่มตน้ แห่งอุทกภยั สญั ญาณให้ ทา่ นเร่ิม ปฏิบตั ิการ วนั อนั เลวร้ายมาถึง เม่ือเตาอบในบา้ น ของทา่ นเอ่อลน้ ไปดว้ ยน้า ทา่ นรีบเร่งเปิ ดเรือและ เรียกผศู้ รัทธา และเขาไดน้ าสตั วท์ ุกชนิดท้งั แมลงและนกอยา่ งละคูเ่ พศผแู้ ละเพศเมี ยข้ึนไปกบั เขา เมื่อผคู้ นเห็นเขานาสัตวเ์ หล่าน้นั ข้ึนไปบนเรือ พวกเขาหวั เราะลนั่ และกล่าวหาวา่ ท่าน บา้ ไปแลว้ จะ เอาสัตวเ์ หล่าน้นั ข้ึนเรือไปทาไม อลั ลอฮฺ  ผทู้ รงอานาจเล่าเร่ืองน้าและลกั ษณะของอุทกภยั วา่ ‫ﭽ﯌﯍ ﯎﯏﯐﯑ ﯒ﯓﯔ‬ ‫ﯕﯖ ﯗﯘﯙﯚ ﯛ ﯜﯝﯞ‬ ‫ﰀﰁﰂﰃﰄﰅ ﰆﰇﰈ ﰉﰊ‬ ‫ﰋ ﰌﰍﰎﰏﰐ ﭼ‬ )27 :‫ل(ادؤمنوف‬ ความวา่ “ดงั นน้ั เราจึงวะฮีย์แก่เขาให้ต่อเรือภายใต้การคุ้มครอง ของเราและคาส่ังสอนของเรา และเม่ือคา บัญชาของเราได้มาถึง นา้ ในเตากจ็ ะเดือดพุ่งเจ้าจงบรรทุกทุกชนิดของสัตว์เป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย นอกจากผ้ทู ่ีคาดารัสได้บนั ทึกไว้ก่อน แล้ว (ให้หายนะ ) ในหม่พู วกเขา (ที่ไม่ยอมศรัทธา ) และเจ้า อย่าได้ขอช่วยเหลือเขา ในบรรดาผ้ทู ่ีอธรรม แท้จริงพวกเขาจะ ถกู ให้จมนา้ ตาย” (อลั มุอฺมินูน: 27)

89 อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭱﭲﭳﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭺﭻ‬ ‫ﭼﭽﭾﭿ ﮀﮁﮂﮃ ﮄﮅﮆﮇ‬ ‫ﮈﮉﮊ ﮋﮌﭼ‬ )40 :‫(ىود‬ ความวา่ “ จนกระท่ังเมื่อคาบญั ชาของเราได้มา และบนพืน้ แผ่นดินนา้ ได้พวยพุ่งขึน้ เรากล่าวว่า ”จงบรรทุกไว้ในเรือจาก ทุกชนิดเป็นคู่ ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย เว้นแต่ผ้ทู ี่พระดารัส ได้กาหนดแก่เขาไว้ก่อน และผ้ศู รัทธา แต่ไม่มีผ้ศู รัทธาร่วมกับ เขานอกจากจานวนเลก็ น้อย” (ฮดู : 40) อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭵﭶﭷﭸﭹ ﭺﭻﭼﭽ‬ ‫ﭾﭿ ﮀﮁﮂﮃﮄﮅﮆﮇﮈﮉ‬ ‫ﮊﮋﮌﮍﮎﮏ ﮐ ﮑﮒﮓﮔﮕ‬ ‫ﮖﮗﮘﭼ‬ )15-11 :‫(القمر‬ ความวา่ “ดงั นั้น เราจึงได้เปิ ดประตูแห่งชั้นฟ้ าให้นา้ ฝนเทลงมา อย่างหนกั (11) และเราได้ทาให้แผ่นดินแยกออกเป็นตานา้ ไหล พุ่ง ดงั น้ัน นา้ ฝนและตานา้ ได้มาบรรจบกนั ตามกิจการท่ีได้ถกู กาหนดไว้แล้ว (12)และเราได้บรรทุกเขาไว้บนเรือท่ีทาด้วยแผ่น ไม้กระดาน และตอกติดด้ วยตะปู (13)มนั (เรือ) ได้แล่นไปต่อ

90 หน้าเรา (ภายใต้การคุ้มครองของเรา) เป็นการตอบแทนแก่ผ้ทู ี่ถกู ปฏิเสธ(14)และโดยแน่นอนเราได้ทิง้ มนั ไว้เป็นสัญญาณหนึ่ง แต่ มีผ้ใู ดบ้างที่รับข้อตกั เตือนนั้น(15)” (อลั เกาะมรั : 11-15) กลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ  ท่ีปฏิเสธศรัทธาตา่ งประสบกบั ภยั พบิ ตั ิดว้ ยการ จมน้าและพระองคท์ รงปกป้ องบรรดาผศู้ รัทธาใหร้ อดพน้ จากภยั พิบตั ิในคร้ังน้นั อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮩﮪﮫﮬﮭﮮﮯﮰ‬ ‫ﮱ ﮲﮳﮴ ﮵﮶﮷﮸ﭼ‬ )64 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “แล้วพวกเขาได้ปฏิเสธนหู ฺ ภายหลงั เรา ได้ช่วยเขา และ บรรดาผ้ทู ี่อย่กู ับเขาในเรือให้รอดนน้ั และเราได้ให้บรรดาผ้ทู ี่ ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราจมนา้ แท้จริงพวกเขาน้นั เป็น กลุ่มชนท่ีมืดบอด” (อลั -อะอฺรอฟ: 64) อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮅﮆﮇﮈﮉﮊ ﮋﮌﮍﮎ‬ ‫ﮏﮐﭼ‬ )120-119 :‫(الشعراء‬ ความวา่ “ดงั น้ันเราได้ช่วยเขาและผ้อู ย่รู ่วมกบั เขาให้อย่ใู นเรือที่ เตม็ เป่ี ยม(119) แล้วเราได้ให้พวกท่ีเหลืออย่จู มนา้ ตาย(120)” (อชั ชุอะรออฺ: 119-120)

91 อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽ ﮦﮧﮨﮩﮪ ﮫﮬﮭ‬ ‫ﮮﮯﮰﮱ﮲ ﮳ ﮴ﭼ‬ )72 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “แล้วเราได้ช่วยเขา และบรรดาผ้ทู ่ีร่วมอย่กู ับเขาให้รอด พ้น ด้วยความเอน็ ดเู มตตาจากเรา และเราได้ตดั ขาดซึ่งคนสุดท้าย ของบรรดาผ้ทู ี่ปฏิเสธโองการท้ังหลายของเรา และมิเคยปราก ฏ ว่าพวกเขาเป็นผ้ศู รัทธา” (อลั -อะอฺรอฟ: 72) อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงปกป้ องบรรดาผศู้ รัทธาใหร้ อดพน้ จากภยั พบิ ตั ิดว้ ยความเอน็ ดู เมตตาจากพระองค์ และไดท้ าใหม้ นั เป็นสัญญาณหน่ึงแก่ประชาชาติ อลั ลอฮฺ  กล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭑﭒﭓ ﭔ ﭕ ﭖﭗ ﭼ‬ )15 :‫(العنكبو ت‬ ความวา่ “ดงั นนั้ เราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือให้รอดพ้น และเราได้ทาให้มนั เป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ” (อลั องั กะบตู : 15) ภรรยาของทา่ นนบีนูหฺ  ก็เป็นหน่ึงในผทู้ ่ีกาฟิ รฺปฏิเสธศรัทธาและไม่เชื่อฟังตอ่ ท่าน โดยการปฏิเสธศรัทธาตอ่ ท่านอยา่ งลบั ๆ แตแ่ สดงออกต่อหน้ าท่านให้ทา่ นคิดวา่ เธอเช่ือตาม ดงั น้นั เธอจึงไม่ร่วมไปกบั ทา่ นดว้ ยรวมท้งั ลูกๆบางคนของทา่ นดว้ ย

92 บรรดาผรู้ ู้ศาสนา (อุละมาอ)์ มีหลายทรรศนะในเร่ืองของบรรดาผทู้ ่ีข้ึนเรือไปกบั ท่านนบีนูหฺ  อิบนุ อบั บาส กล่าววา่ มีแปดสิบคน รวมถึงสตรีดว้ ย ขณะที่กะอบั อลั อะฮฺบรั ฺ กล่าววา่ มีเจด็ สิบสองคน และคนอื่นๆบอกวา่ มีสิบคน (Ibn Kathīr, 1997: 104) น้าพงุ่ ออกจากรอยแยกของโลก ไมม่ ีรอยแยกใดท่ีน้าไม่ไดพ้ ุง่ ข้ึนมา น้าฝนมี ปริมาณมากชนิดท่ีไมเ่ คยพบเห็นกนั มาก่อน น้าฝนเทลงมาจากทอ้ งฟ้ าอยา่ งต่อเนื่องผนวกรวมเขา้ กบั น้าท่ีพงุ่ ออกมาจากรอยแตกของโลก ระดบั น้าจึงสูงข้ึนชว่ั โมงต่อชวั่ โมง น้าทะเลและคล่ืนกลืน กินแผน่ ดิน กายภาพภายในของโลกขยบั ตวั ในทิศทางที่แปลกออกไป พ้นื มหาสมุทรยกระดบั ข้ึน ทว่ มแผน่ ดินฉบั พลนั แผน่ ดินไดจ้ มลงสู่ผนื น้าเป็นคร้ังแรก อลั ลอฮฺ  บอกเราถึงเรื่องราวในคร้ังน้นั วา่ ‫ﭽﮌﮍﮎ ﮏﮐﮑﮒﮓﮔ‬ ‫ﮕﮖﮗ ﮘﮙﮚﮛﮜﮝ‬ ‫ﮞﮟﮠ ﮡﮢ ﮣﮤﭼ‬ )5 :‫(غافر‬ ความวา่ “(เพราะ) ก่อนหน้าพวกเขานนั้ หม่ชู นของนู หฺและพล พรรคต่างๆ หลงั จากพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว และทุกๆ ประชาชาติได้ต้ังใจท่ีจะทาลายล้างเราะสูลของพวกเขา และ โต้เถียงด้วยความเทจ็ เพ่ือที่จะลบล้างความจริงให้สูญสิ้นไป ดังนัน้ ข้าจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วเป็นอย่างไรบ้างการลงโทษ ของข้า” (ฆอฟิ ร: 5) อลั ลอฮฺ  ไดย้ ้าถึงการลงโทษของพระองคท์ ี่มีสาหรับผกู้ ระทาความผดิ บาปอนั มากมาย และจะไม่มีผใู้ ดช่วยเหลือใหร้ อดพน้ จากการลงโทษของพระองคไ์ ดเ้ วน้ แต่ ความโปรด ปรานเมตตาของพระองคเ์ ทา่ น้นั

93 อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯞ ﯟﯠﯡﯢﯣﯤﯥﯦﯧ ﯨ‬ ‫ﯩﯪﭼ‬ )25 :‫(نوح‬ ความวา่ “อันเนื่องมาจากความผิดมากหลายของพวกเขา พวกเขา จึงถกู จมนา้ ตาย และจะถกู ให้เข้า อย่ใู นไฟนรก ดังนนั้ พวกเขาจะ ไม่ได้พบผ้ชู ่วยเหลือสาหรับพวกเขาอื่นจากอัลลอฮฺ” (นูหฺ: 25) อลั ลอฮฺ  ไดเ้ ล่าเกี่ยวกบั เหตุการณ์ภยั พิบตั ิท่ีเกิดข้ึน รวมถึงการโตต้ อบระหวา่ ง ท่านนบีนูหฺ  กบั ลูกชายของท่าน การร้องเรียนของทา่ นตอ่ พระองคว์ า่ ลูกชายของทา่ นเป็นหน่ึง ในครอบครัวของทา่ น พระองคจ์ ึงไดต้ รัสใหท้ ่านทราบวา่ แทจ้ ริงลูกชายของทา่ นไม่ไดน้ บั วา่ เป็น หน่ึงในครอบครัวของท่านเนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของเขา และพระองคย์ งั ไดเ้ ล่าเหตุการณ์ หลงั จากน้าทว่ มอนั มาซ่ึงความศานติ สงบสุข อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮍﮎﮏ ﮐﮑ ﮒﮓﮔﮕﮖ ﮗﮘ‬ ‫ﮙﮚﮛﮜﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣ‬ ‫ﮤﮥﮦﮧﮨﮩﮪﮫﮬﮭﮮ‬ ‫ﮯﮰﮱ ﮲﮳﮴ﯖﯗﯘﯙﯚ ﯛﯜ‬ ‫ﯝﯞﯟﯠﯡﯢﯣ ﯤﯥﯦ ﯧﯨ‬ ‫ﯩﯪﯫﯬﯭﯮﯯﯰﯱﯲ‬ ‫ﯳﯴﯵﯶﯷﯸ ﯹﯺﯻ ﯼﯽ‬

94 ‫ﯾﯿﰀﰁﰂ ﰃﰄﰅﰆﰇﰈﰉ‬ ‫ﰊﰋﰌ ﭑﭒﭓ ﭔﭕﭖﭗﭘ ﭙﭚ‬ ‫ﭛﭜﭝ ﭞ ﭟﭠﭡﭢ ﭣﭤﭥ ﭦﭧﭨﭩﭪ‬ ‫ﭫ ﭬﭭﭮ ﭯﭰ ﭱﭲﭳﭴﭵﭶ ﭷﭸﭹ‬ ‫ﭺ ﭻﭼﭽﭾﭿﮀﮁﮂ ﮃ‬ ‫ﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌ ﮍﮎﮏ‬ ‫ﮐﮑﮒﮓﮔﭼ‬ )48-41 :‫(ىود‬ ความวา่ “และเขากล่าวว่า “พวกท่านจงลงในเรือด้วยพระนาม ของอัล ลอฮฺ ท้ังในยามแล่นของมนั และในยามจอดของมนั แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผ้ทู รงอภัย ผ้ทู รงเมตตาเสมอ(41) และ มนั แล่นพาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา และนู หฺได้ร้อง เรียกลูกชายของเขาซึ่งอย่อู ย่างโดดเด่ียว “โอ้ลูกของฉันเอ๋ย จงมา โดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผ้ปู ฏิเสธศรัทธาเลย” (42) เขา(ลกู ชาย) กล่าวว่า “ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง มนั จะ คุ้มครองฉันจากนา้ นีไ้ ด้ ” เขา(นูหฺ) กล่าวว่า “ไม่มีผ้ใู ดคุ้มครอง ในวนั นีจ้ ากพระบัญชาของอัลลอฮฺ เว้นแต่ผ้ทู ีพระองค์ทรง เมตตา” และคลื่นได้ซัดเข้ามาร ะหว่างเขาท้ังสอง และเขา (ลกู ชาย)ได้อย่ใู นหม่ผู ้จู มนา้ (43) และได้มีเสียงกล่าวว่า “แผ่นดิน เอ๋ย จงกลืนนา้ ของเจ้า และฟ้ าเอ๋ย จงหยดุ ” และนา้ ได้ลดลงและ กิจการได้ถกู ตัดสิน และมนั ได้จอดเทียบอย่ทู ี่ภเู ขาญดีย์ และได้มี เสียงกล่าวว่า “ความหายนะจงประสบแก่หม่ชู นผ้อู ธรรมเถิด ” (44) และนูหฺได้ร้องเรี ยนต่อพระเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า “ข้าแต่ พระผ้เู ป็นเจ้าของพระองค์แท้จริงลูกชายของข้าพระองค์เป็นคน หน่ึงในครอบครัวของข้าพระองค์ และแท้จริงสัญญาของ พระองค์น้นั เป็นความจริง และพระองค์ ท่านน้นั ทรงตัดสินเท่ียง ธรรมย่ิงในหม่ผู ้ตู ัดสินทั้งหลาย (45) พระองค์ทรงตรัสว่า “โอ้

95 นูหฺเอ๋ย แท้จริงเขามิได้เป็นคนหน่ึงในครอบครัวของเจ้า แท้จริง การกระทาของเขาไม่ดี ดังน้นั เจ้าอย่าร้องเรียนต่อข้าในสิ่งท่ีเจ้า ไม่มีความรู้ แท้จริงข้าขอเตือนเจ้าที่เจ้าจะอย่ใู นหม่ผู ้งู มงาย (46) เขากล่าวว่า “ข้าแต่พระผ้เู ป็นเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้า พระองค์ ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ท่าน ให้พ้นจากการ ร้ องเรี ยนต่อพระองค์ ท่ านในสิ่ งที่ข้าพระองค์ ไม่มีความร้ ูในเร่ื อง นนั้ และหากพระองค์ไม่ทรงอภัยแก่ข้าพระองค์ และไม่ทรง เมตตาข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์กจ็ ะอย่ใู นหม่ผู ้ขู าดทุน ” (47) ได้มีเสียงกล่าวว่า “โอ้นูหฺเอ๋ย จงลงไปจาก เรือด้วยความศานติ จากเรา และความจาเริญแก่เจ้า และแก่กล่มุ ชนท่ีอย่กู บั เจ้า และ กล่มุ ชนอื่นที่เราจะให้พวกเขาหลงระเริง แล้วการลงโทษอย่าง เจบ็ ปวดจากเรากจ็ ะประสบแก่พวกเขา (48)” (ฮดู : 41-48) ดว้ ยคา บญั ชาแห่งพระผเู้ ป็นเจา้ ความสงบไดก้ ลบั คืนสู่โลก น้าลดระดบั ลง แผน่ ดินแหง้ ตวั ลงดว้ ยแสงอาทิตย์ อุทกภยั ไดท้ าความสะอาดโลกแห่งผปู้ ฏิเสธ และผยู้ ดึ ถือพระเจา้ หลายองค์ อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงลงโทษผปู้ ฏิเสธศรัทธาดว้ ยการจมน้า และทรงช่วยเหลือท่าน นบีนูหฺ  และผศู้ รัทธาจากภยั พิบตั ิอนั ร้ายแรง พระองคท์ รงใหล้ ูกหลานของท่านท่ียงั คงมีชีวติ อยู่ สืบทอดเช้ือสายจากท่านและพระองคท์ รงยกยอ่ งเกียรติคุณของทา่ นในหมปู่ ระชาชาติรุ่นหลงั ๆ ท้งั หลาย เพราะทา่ นอยใู่ นหมู่ปวงบา่ วผศู้ รัทธามนั่ ตอ่ พระองคเ์ พยี งองคเ์ ดียวเท่าน้นั อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﰀﰁﰂﰃﰄ ﰅ ﭑﭒﭓ‬ ‫ﭔ ﭕﭖﭗﭘﭙﭚﭛﭜﭝﭞﭟ‬ ‫ﭠﭡﭢ ﭣﭤﭥﭦﭧﭨﭩﭪ‬ ‫ﭫﭬﭭﭮﭼ‬ )82-76 :‫(الصافا ت‬

96 ความวา่ “และเราได้ช่วยเขาและชุมชนของเขาให้พ้นจากทุกข์ภัย อันมหันต์(76)และเราได้ให้ลูกหลานของเขายงั คงมีชีวิตเหลืออยู่ (77) และเราได้ปล่อยทิง้ ไว้ (เกียรติคุณ ) แก่เขาในกล่มุ ชนรุ่น หลงั ๆ (78)ความศานติจงมีแด่นหู ฺในหม่ปู ระชาชาติทั้งหลาย (79)แท้จริง เช่นน้ันแหละเราจะตอบแทนผ้กู ระทาความดี ทั้งหลาย (80) แท้จริง เขา (นูหฺ) อย่ใู นปวงบ่าวของเราผ้ศู รัทธา (81) แล้วเราได้ให้พวกอ่ืนจมนา้ ตาย(82)” (อศั ศอ็ ฟฟาต: 76-82) อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงใหอ้ ุทกภยั คร้ังน้ีเป็นเคร่ืองเตือนสติแก่บรรดาผศู้ รัทธา เพอ่ื ให้ พวกเขาไดจ้ ดจาถึงการลงโทษบรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาไดอ้ ยา่ งแมน่ ยา อลั ลอฮฺ  ยงั ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭟﭠﭡﭢﭣﭤﭥ ﭦﭧﭨﭩ ﭪ‬ ‫ﭫﭬﭭﭼ‬ )12-11 :‫(لاحاقة‬ ความวา่ “เมื่อนา้ ท่วมสูงขึน้ แท้จริงเรา ได้บรรทุกพวกเจ้าไว้ใน เรือของนูหฺ(11)เพื่อเราจักได้ทาให้มนั เป็นเครื่องเตือนสติแก่พวก เจ้า และหูท่ีสาเหนียกจะได้จดจามนั ไว้อย่างแม่นยา(12)” (อลั หากเกาะฮฺ: 11-12) 2.5 มุอญฺ ซิ ะฮฺ (ปาฏิหาริย์) ของท่านนบนี ูหฺ  มุอฺญิซะฮฺ (ปาฏิหาริย)์ ของทา่ นนบีนูหฺ  น้นั ไดม้ ีการพดู ถึงมากมาย เพราะการ ทุ่มเทเพอ่ื งานดะอฺวะฮฺที่เป็นหนา้ ท่ีหลกั ของบรรดาศาสนทตู ของอลั ลอฮฺ  สาหรับ มุอฺญิซะฮฺ (ปาฏิหาริย)์ ของท่านนบีนูหฺ  น้นั สามารถจาแนกออกเป็นขอ้ ๆ ดงั น้ี

97 2.5.1 ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นเราะสูลท่านแรกของโลก ซ่ึงอลั ลอฮฺ  ไดท้ รงแตง่ ต้งั เพื่อ ทาการดะอฺวะฮฺผคู้ นสู่หนทางอนั ถูกตอ้ ง อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮀ ﮁﮂﮃ ﮄﮅﮆ ﮇﮈﮉﮊﮋ‬ ‫ﮌﮍﮎﭼ‬ )1 :‫(نوح‬ ความวา่ “ แท้จริงเราได้ส่งนู หฺไปยงั หม่ชู นของเขา (โดยบัญชา ว่า) เจ้าจงกล่าวตักเตือนหม่ชู นของเจ้า ก่อนท่ีการลงโทษอัน เจบ็ ปวดจะมาถึงพวกเขา” (นูหฺ: 1) อายะฮฺขา้ งตน้ ไดก้ ล่าวถึงการท่ีอลั ลอฮฺ  ได้ทรงส่งทา่ นนบีนูหฺ  ไปยงั หมู่ ชนของเขาโดยบญั ชาใหก้ ล่าวตกั เตือนพวกเขาวา่ การลงโทษน้นั จะเกิดข้ึนไมช่ า้ ก็เร็ว คือท้งั ในโลก น้ีและโลกหนา้ และไดป้ ระกาศใหพ้ วกเขาทราบอยา่ งตรงไปตรงมาและชดั เจนวา่ ท่านน้นั คือผู้ ตกั เตือนอนั ชดั แจง้ ของพวก เขา ดงั น้นั หนา้ ที่ของพวก เขาก็คือ การเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ เพียงองค์ เดียว เพราะมนั คือแนวทางท่ีถูกตอ้ งและเป็ นรากฐานแห่งการดาเนินชีวติ และ ไดท้ าการกาชบั ให้ยา เกรงตอ่ อลั ลอฮฺเพยี งผเู้ ดียว เพราะมนั เป็นสิ่งค้าประกนั อยา่ งแทจ้ ริงในการรักษาความเท่ียงธรรมของ มนุษย์ และการเชื่อฟังปฏิบตั ิตาม เราะสูล นบั ไดว้ า่ เป็นแนวทางสาคญั ยง่ิ ในการดาเนินชีวติ อยา่ ง ถูกตอ้ ง อายะฮฺ ขา้ งตน้ เป็นการกล่าวถึงการที่อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงแต่งต้งั ท่านนบีนูหฺ  ใหท้ าหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺตกั เตือนหมูช่ นของเขา โดยที่สานวนของอายะฮฺไมไ่ ดก้ ล่าวถึงการแต่งต้งั ทา่ น ใหเ้ ป็นเราะสูลทา่ นแรก แตห่ ากทาการคน้ ควา้ วจิ ยั จากอายะฮฺในอลั กุรอานท้งั หมด และการ อรรถาธิบายอลั กุรอานจ ากอุละมาอห์ ลายๆท่านยอ่ มเขา้ ใจไดว้ า่ ท่านนบีนูหฺ  น้นั เป็นเราะสูล ทา่ นแรก แต่เพ่อื ใหเ้ กิดความกระจา่ งในเร่ืองดงั กล่าว ผวู้ จิ ยั ขอยกหะดีษที่รายงานโดยอบฮู ุร็อยเราะฮฺ  ที่กล่าวเก่ียวกบั อชั ชะฟาอะฮฺ (ความช่วยเหลือในวนั กิยามะฮฺ ) ในหะดีษดงั กล่าวน้ี รายงานโดย

98 อลั บุคอรียซ์ ่ึงถือเป็นหะดีษเศาะหีหฺน่าเช่ือถือมากที่สุด ทา่ นนบีมุฮมั มดั  ไดเ้ ล่ายนื ยนั ดว้ ยสานวน ท่ีชดั เจนวา่ ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นเราะสูลท่านแรกดงั น้ี ‫يانوحأنتأك ؿالرسلإلى‬: ‫فيأتوفنوحافيقولوف‬،‫))اذىبواإلىنوح‬ ))‫أىللاأر ض‬ )194 :1998 ،‫ كمسلـ‬3340 :1998 ‫(ركاهالبخار م‬ ความวา่ “(นบีอาดมั ได้กล่าวแก่มนุษย์ท้ังหลายว่า )พวกเจ้า ทั้งหลายจงไปหานหู ฺเถิด แล้วพวกเขาทั้งหลายกไ็ ด้ไปพบนูหฺ และพวกเขาได้กล่าวไว้ว่า โอ้นหู ฺ ท่านเป็น เราะสูล คนแรกท่ีได้ ถกู ส่งมายงั มนุษย์โลก” (บนั ทึกโดย al-Bukhāriy, 1998: 3340 และ Muslim, 1998: 194) 2.5.2 ทา่ นนบีนูหฺ  เป็นหน่ึงในบรรดา “อลู ุลอซั มี”20 5 ท่าน อนั ไดแ้ ก่ ทา่ นนบีนูหฺ  ท่านนบีอิบรอฮีม  ทา่ นนบีมซู า  ท่านนบีอีซา  และทา่ น นบีมุฮมั มดั  อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭹﭺﭻﭼﭽﭾﭿﮀ ﮁﮂﮃ‬ ‫ﮄﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍﮎ ﮏ‬ ‫ﮐ ﮑﮒ ﭼ‬ )13 :‫(الشورل‬ 20 อูลุลอซั มี หมายถึง บรรดาเราะสูลท่ีมีจิตใจต้งั มน่ั ผทู้ ี่มีประวตั ิท่ียงิ่ ใหญ่ท่ีสุด ตอ้ งพบพานกบั อปุ สรรคที่สาหสั และไดร้ ับการยกยอ่ งจากอลั ลอฮฺ  ใหเ้ ป็ นเราะสูลท่ีมีฐานะที่สูงกวา่ บรรดาเราะสูลท่านอื่นๆ (‘Afāf ‘Aliy al- Najjār, 2009: 11)

99 ความวา่ “ พระองค์ได้ทรงกาหนดศาสนาแก่พวกเจ้า เช่นเดียวกบั ท่ีพระองค์ได้ทรงบญั ชาแก่นหู ฺ และท่ีเราได้วะฮฺ ยแู ก่ เจ้ากเ็ ช่นเดียวกบั ท่ีเราได้บญั ชาแก่อิบรอฮิม แ ละมซู า และอีซาว่า พวกเจ้าจงดารงศาสนาไว้ให้คงมนั่ และอย่าแตกแยกกันในเรื่อง ศาสนา แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตัง้ ภาคีท่ีเจ้าเรียกร้อง เชิญชวน พวกเขาไปสู่ศาสนาน้นั อัลลอฮฺทรงเลือกสาหรับพระองค์ผ้ทู ่ี พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชีแ้ นะทางสู่พระองค์ผ้ทู ่ีผินหน้าสู่ พระองค์ ” (อชั ชูรอ: 13) และอลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮛﮜﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣ‬ ‫ﮤﮥﮦﮧﮨﮩﮪﮫ ﮬ‬ ‫ﮭﮮﮯﮰﮱ﮲﮳﮴﮵ ﮶﮷﮸‬ ‫﮹﮺﮻﮼﮽﮾﮿ ﭼ‬ )81 :‫(آ ؿعمراف‬ ความวา่ “ และจงราลึกถึงขณะที่อัลลอฮฺ ได้ทรงเอาข้อสัญญา แก่นบีทั้งหลายว่า สิ่งที่ข้าได้ให้แก่พวกเจ้านั้นไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ กด็ ี และความรู้เกี่ยวกบั ข้อปฏิบัติในบญั ญตั ิศาสนากด็ ี ภายหลัง ได้มีร่อซูลคนใดมายงั พวกเจ้าซ่ึงเป็นผ้ยู ืนยนั ในส่ิงท่ี มีอย่กู บั พวก เจ้าแล้ว แน่นอนพวกเจ้าจะต้องศรัทธาต่อเขา และช่วยเหลือเขา พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้ายอมรับและเอาข้อสัญญาของข้าดงั กล่าว นนั้ แล้วใช่ไหม พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ยอมรับแล้ว พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้าจงเป็ นพยานเถิด และข้ากอ็ ย่ใู นหม่เู ป็น พยานร่ วมกับพวกเจ้ าด้วย” (อาละอิมรอน: 81)