“...เม่ือครัง้ ท่หี ลวงพอ่ ปญั ญานันทะมาเผยแผธ่ รรมะทเี่ ชยี งใหม่ ผมก็ ยงั ร่วมสมัยอยู่ แม่บ้านผม(นางบัวชม กนั ทะปา) เลิกนบั ถือคริสต์ศาสนา ก็เพราะ หลวงพอ่ ปญั ญานนั ทะ ท่านเทศน์ได้เนือ้ หาสาระ มีแก่นสารดีมาก คนมปี ญั ญา สามารถรู้ทนั ทีเลย แมบ่ า้ นผมก็ไปน่ังฟงั ท่านเทศน์ด้วย ตอนนัน้ ผมใช้วิธอี ยา่ งน้ี หลงั จากทีผ่ มแต่งงานกนั แล้ว ภรรยาไปโบสถค์ ริสต์ ผมกไ็ ปนงั่ ฟงั บาทหลวงดว้ ย เวลาวัดมงี านเทศน์ ผมกช็ วนภรรยามานง่ั ฟงั ดว้ ย ต่างฝ่ายต่างก็ฟงั ทง้ั ๒ ศาสนา เม่อื ฟังแล้วกลับมาบ้าน เรากม็ าคุยกันว่า ที่เราไปฟงั วนั น้ี บาทหลวงพูดไดส้ าระ อะไรบา้ ง ถ้าไปฟงั หลวงพ่อปัญญานนั ทะเทศน์ได้สาระอะไรบ้าง เมือ่ เปรียบ เทยี บกนั แลว้ ก็เหน็ ความแตกตา่ งราวฟา้ กับดิน คริสตศ์ าสนานส้ี อนแตใ่ ห้เชื่อ อย่างเดียว แต่ของพุทธศาสนาสอนไม่ให้เช่ือ แต่ให้ใชป้ ญั ญาพจิ ารณา มที ้ังเหตุมี ท้งั ผล คนที่มปี ัญญาฟังแล้วก็รู้เรอ่ื งเข้าใจ ภายหลังภรรยาผมก็หันมานับถือพุทธ ศาสนา ผมใชว้ ิธพี าไปฟงั พระที่เทศนแ์ บบปฏภิ าณโวหาร สว่ นพระทีเ่ ทศน์ตาม คมั ภรี ใ์ บลาน ผมไม่พาไปเพราะมันลา้ สมยั ฟังแล้วไม่รู้เร่อื ง ส่วนใหญจ่ ะเทศน์ แตน่ ิทาน หลวงพอ่ ปญั ญานันทะเทศน์น่ี คนเลกิ นบั ถือผี นบั ถอื อะไรเยอะมาก อย่างแม่บา้ นผม ก่อนตายส่ังไว้วา่ อย่าทำ� พธิ รี ดนำ�้ ศพ เพราะไม่ใชป่ ระเพณีบ้าน เรา ไมใ่ ห้พระราชทานเพลงิ ศพ ไม่ให้ท�ำปราสาท ไมใ่ ห้เอาดนตรมี าแหป่ ระโคม เพราะญาติพน่ี อ้ งมางานร่วมท�ำบุญงานศพ เขาอยากพบปะพดู คุยกนั บางที เสยี งดนตรดี ังรบกวน ทำ� ใหเ้ ขาฟังไม่รเู้ รื่อง ส่วนดอกไมแ้ ตง่ ศพ กไ็ ม่ให้เอาดอก อะไรมาก ให้เอาแต่ดอกสขี าวก็พอ ทง้ั น้เี พราะเขาเคยฟงั หลวงพอ่ ปัญญานันทะ เทศน์มากอ่ น ก็เลยเขา้ ใจชวี ิต การเทศน์แบบปาฐกถาและแบบปฏิภาณจะเข้ายคุ สมยั กวา่ คนฟงั ก็ได้ ปญั ญา สว่ นพระสงฆ์องคเ์ ทศน์ กไ็ ด้ศึกษาค้นคว้าหาความรูใ้ หม่ๆอยู่เสมอส่วน การเทศนแ์ บบจารตี พระสงฆอ์ งคเ์ ทศนไ์ ม่ตอ้ งค้นควา้ หาความร้อู ะไร เพยี งแต่ อา่ นตามท่ีนักปราชญ์เขียนให้คล่องกใ็ ชไ้ ด้ งานศพท่ผี มเคยเห็น เจา้ ภาพนมิ นต์ พระสงฆ์ ๔ รูปมาเทศน์แบบอา่ นตามคัมภรี ์ เจา้ ภาพแบ่งกันเป็นเจ้าภาพกัณฑ์ เทศน์คนละกณั ฑ์ แลว้ พระก็เทศนแ์ บบพอเปน็ พธิ ี คอื เทศนข์ า้ งหนา้ ๑ ใบแลว้ ข้ามไปอา่ นใบสดุ ท้าย ๑ ใบ เรียกว่า เทศนเ์ ค้าใบปลายใบ หรอื เทศน์เอาอานิสงส์ ผมวา่ มันไมถ่ ูกตอ้ ง เพราะไม่ไดป้ ระโยชนจ์ ากการฟงั เทศน์ แตถ่ า้ เทศน์แบบ ปฏภิ าณโวหาร พระตอ้ งศกึ ษาค้นควา้ และวิเคราะหว์ า่ งานศพนค้ี วรจะเทศน์ เรอ่ื งอะไรบา้ ง เพ่อื ให้คนฟงั ได้ปญั ญาอยา่ งเตม็ ที่ อย่างน้ีจะส่งผลดตี อ่ ผเู้ ทศน์ ผู้ ฟัง และพระศาสนาดว้ ย ...” 251
การเปล่ียนแปลงทัศนคติและความต้องการของผู้ฟัง จึงเป็นปัจจัย ประการหนึง่ ทท่ี �ำให้พระสงฆล์ ้านนาพัฒนารูปแบบการเทศน์ใหส้ อดคลอ้ งความ ต้องการของผู้ฟัง แม้ชาวลา้ นนากลุ่มหนึง่ ต้องการฟงั เทศนเ์ พือ่ ต้องการเน้ือหา สาระธรรม แตผ่ ู้ฟังอีกกล่มุ หน่ึงก็ตอ้ งการฟังเทศนแ์ บบสนุกสนาน ดังนน้ั พระนัก เทศนแ์ บบปฏิภาณโวหารและปาฐกถาในลา้ นนาจึงมี ๒ ประเภท คอื พระนกั เทศน์ท่เี นน้ เนอ้ื หาสาระและพระนักเทศน์แบบตลกขบขนั การนิมนตพ์ ระสงฆ์ แต่ละรูปมาเทศนน์ ้นั จึงขึ้นอย่กู ับความตอ้ งการของผ้จู ดั ว่า จะนิมนต์พระนัก เทศนป์ ระเภทไหนใหเ้ หมาะสมกับงานและความต้องการของผู้ฟงั พัฒนาการเทศน์ในวัฒนธรรมล้านนา ตั้งแต่เจ้าคุณพระนพีสีพิศาลคุณ เร่ิมนำ� รปู แบบการเทศน์แบบพระสงฆไ์ ทยภาคกลางมาเผยแพรใ่ นปี พ.ศ. ๒๔๓๙ จนถึงปจั จุบัน (๒๕๕๖) อาจสรปุ ได้ดงั นี้ 252
แผนผงั แสดงพฒั นาการเทศนใ์ นลา้ นนาต้งั แต่ พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๕๕๖ (ธรรมครา่ ว) 253
บทท่ี ๔ สรุปและขอ้ เสนอแนะ การเผยแผธ่ รรมในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจา้ ทรง ใชว้ ธิ เี ผยแผ่ในเชงิ รกุ ด้วยปฏิภาณโวหาร ไม่เปน็ พิธกี าร และเป็นธรรมะท่บี ริสทุ ธิ์ ท่เี กิดจากการตรสั รู้ของพระองค์ แต่เนอ่ื งจากอินเดียในสมยั นัน้ มีลทั ธิศาสนา และความเช่อื ด้งั เดิมอยอู่ ย่างแน่นแฟน้ การท่ที รงแสดงพระธรรมเทศนาในสภาพ สังคมเชน่ นี้ จึงเป็นส่งิ ทีท่ ำ� ไดย้ ากยิ่ง เพราะตอ้ งล้มล้างคติความเช่อื ดั้งเดมิ แต่ด้วย พระมหากรุณาคณุ พระปัญญาคุณ และพระวิสุทธคิ ณุ ทีม่ งุ่ ใหผ้ ฟู้ ังได้ประโยชน์ สงู สดุ คอื พน้ จากความทกุ ขไ์ ดอ้ ยา่ งสนิ้ เชงิ จงึ ทำ� ใหพ้ ระองคแ์ สวงหาวธิ กี ารเผยแผ่ พระธรรมที่สอดคลอ้ งกับอุปนสิ ัยของผู้ฟังแตล่ ะคน จนประสบผลส�ำเร็จ มพี ระ อริยบคุ คลจ�ำนวนมากท่บี รรลุธรรมตาม มอี บุ าสกอบุ าสิกายึดเอาพระรัตนตรัย เป็นท่ีพง่ึ พระพทุ ธศาสนาจึงเจริญรงุ่ เรืองโดยลำ� ดับ สว่ นลา้ นนา เมื่อรับพระพทุ ธศาสนาเข้ามาแล้ว ในระยะแรกกใ็ ช้การ เผยแผใ่ นเชิงรุกเชน่ กนั เพราะชาวลา้ นนาในอดีต นบั ถือผี วิญญาณศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ และอ�ำนาจเหนือธรรมชาติ ดังจะเห็นได้จากต�ำนานในท้องถิ่นที่แสดงถึงการ ปะทะกันระหวา่ งคติความเช่ือท้องถน่ิ กบั พระพทุ ธศาสนา เชน่ ต�ำนานยา่ ขวันเข้า (ตำ� นานแม่โพสพ) ตำ� นานผีป่แู สะยา่ แสะ ต�ำนานการบวชนาค เปน็ ตน้ ภายหลัง ไดป้ ระนีประนอมทางความคดิ กนั จนเกดิ การผสมระหว่างพระพุทธศาสนากับ คติท้องถนิ่ ดังน้นั พระพุทธศาสนาในลา้ นนาจึงมลี ักษณะแตกตา่ งจากพระพุทธ ศาสนาในอินเดียสมยั พทุ ธกาล เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาในลา้ นนา ไดป้ ระดษิ ฐานเจรญิ มนั่ คงแลว้ การเผยแผ่ จงึ มลี กั ษณะเปน็ เชงิ รบั คอื พระสงฆต์ ง้ั รบั อยกู่ บั ท่ี รอใหศ้ รทั ธาญาตโิ ยมทส่ี นใจ เขา้ มาฟงั ธรรมในวดั หรอื นมิ นตใ์ หไ้ ปเทศนใ์ นงานบญุ ประเพณตี า่ งๆ โดยทพ่ี ระสงฆ์ ไมต่ อ้ งจารกิ ไปเทศนใ์ หฟ้ งั สว่ นรปู แบบการเทศนก์ ใ็ ชก้ ารอา่ นตามคมั ภรี ท์ น่ี กั ปราชญ์ ไดแ้ ตง่ เอาไว้ด้วยทำ� นองขบั ขานในทอ้ งถ่นิ จัดเปน็ พิธกี ารศักดส์ิ ทิ ธ์ิ แมช้ าวลา้ นนา ทไี่ ดฟ้ งั เทศนแ์ ลว้ ไมส่ ามารถบรรลธุ รรมเหมอื นในสมยั พทุ ธกาล แตก่ ม็ คี วามศรทั ธา ตง้ั มนั่ ในพระรตั นตรยั ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามพระธรรมคำ� สงั่ สอน จนสังคมล้านนา สงบสขุ นอกจากนนั้ ยงั ไดป้ ระดษิ ฐส์ รา้ งสรรคพ์ ทุ ธศลิ ปกรรมทเี่ กดิ จากความศรทั ธา บรสิ ทุ ธใิ์ นรูปแบบต่างๆ เช่น จติ รกรรม สถาปตั ยกรรม วรรณกรรม ประเพณี วฒั นธรรม เปน็ ตน้ ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาในลา้ นนามเี อกลกั ษณท์ อ้ งถนิ่ ทโ่ี ดดเดน่ สบื 254 มาจนทกุ วนั นี้
การเทศน์ในล้านนา แมจ้ ะเปลีย่ นแปลงหรือพัฒนาไปในรปู แบบใดก็ตาม แตห่ วั ใจสำ� คญั ของการเทศน์ คอื การเผยแผพ่ ระธรรมคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ โดย มงุ่ หวงั ประโยชนส์ งู สดุ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจและเขา้ ถงึ แกน่ แทข้ องพระพทุ ธศาสนา รู้แจ้งเห็นจริงในพระสัทธรรม แล้วน�ำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจ�ำวันอย่าง ถูกต้อง จนบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือวิมุตติ ได้แก่การหลุดพ้นจากอาสวะกิเลส บรรลุมรรคผลและนิพพาน อันเป็นพุทธประสงค์ในการประกาศพระสัทธรรม แมผ้ ฟู้ ังจะเขา้ ไมถ่ งึ วิมตุ ตขิ ้ันโลกุตระ แตก่ พ็ ยายามให้เขา้ ถงึ วิมตุ ติข้ันโลกิยะ โดย เฉพาะตทังควมิ ตุ ติ คือการหลดุ พ้นกเิ ลสไดช้ ่ัวคร้ังชั่วคราว รู้จกั แยกแยะความดี ความชั่ว สิง่ ใดควรท�ำ ไมค่ วรท�ำ ร้จู ักยับยั้งจิตใจไม่ให้ท�ำความชว่ั มุ่งท�ำความดี สัง่ สมบญุ บารมดี ้วยการใหท้ าน รักษาศลี และการเจรญิ เมตตาภาวนา การเทศน์แบบจารีตล้านนา การเทศน์แบบปฏิภาณโวหาร และการ ปาฐกถาธรรม ล้วนเป็นรูปแบบการเผยแผ่ธรรมเหมือนกัน แต่ละรูปแบบต่าง มคี วามส�ำคญั มีความโดดเด่น และมีความเหมาะสมกับผฟู้ ังในแตล่ ะวัย แตล่ ะ โอกาส อีกทง้ั ผูฟ้ ังแต่ละคนตา่ งยึดปมาณกิ ะธรรม (ส่งิ ท่ีทำ� ใหเ้ กดิ ความเล่ือมใส) ตอ่ พระผเู้ ทศนท์ ีแ่ ตกตา่ งกัน ไดแ้ ก่ ๑. บางคนศรทั ธาในรปู ปั ปมาณกิ า คอื ชนื่ ชอบหรอื ศรทั ธาพระผเู้ ทศนท์ ม่ี ี อวยั วะรา่ งกายท่สี มบูรณ์ สมสว่ น ท่าทางสง่างาม หนา้ ตาดี นงุ่ ห่มผ้าจีวรท่ี สะอาดเรียบรอ้ ย และจัดวดั หรือกจิ กรรมท่ีเปน็ ระเบยี บงดงาม บุคคลประเภทนี้ จะยดึ ตดิ หรอื หลงใหลในรปู ลกั ษณภ์ ายนอก หากพระสงฆร์ ปู ใดมรี ปู รา่ งไมส่ งา่ งาม ไม่มรี ะเบียบวินยั กจ็ ะไม่ให้ความสนใจ ๒. บางคนศรัทธาในโฆสัปปมาณิกา คือชื่นชอบพระสงฆ์ท่ีมีส�ำเนียง ไพเราะเทศน์เอื้อนเสียงข้ึน - ลง ลากเสียงยาว ออ่ นหวาน ชัดเจน และได้ อรรถรส เช่น การเทศน์แบบอ่านตามคัมภีร์ใบลานท้ังท�ำนองธรรมวัตร และ ท�ำนองมหาชาติ เป็นตน้ ยิง่ เปน็ พระนกั เทศน์ทม่ี ีชือ่ เสยี ง เปน็ ทย่ี กย่องสรรเสรญิ โดยทว่ั ไป กย็ งิ่ เพิม่ พนู ความศรทั ธามากขึน้ วัฒนธรรมการเทศน์แบบจารีตของชาวพุทธในกลุ่มชาติพันธุ์ไทใน ภมู ภิ าคลมุ่ แมน่ ำ้� โขงเชน่ ไทยวน(ลา้ นนา)ไทยสยาม(ภาคกลางประเทศไทย)ไทลอื้ (เมอื งสิบสองพันนา) ไทเขนิ (เมืองเชยี งตุง) ไทยอง (ชาวไทล้ือในพมา่ ) เป็นตน้ นิยมเทศนแ์ บบอ่านตามคัมภรี ์ใบลาน ดว้ ยทำ� นองขับขานที่นยิ มในท้องถ่นิ เป็น 255
สำ� คญั จนมีท�ำนองเทศน์ (ระบ�ำเทศน)์ ประจำ� ถิ่นหลายทำ� นอง โดยท่พี ระผูเ้ ทศน์ จะนั่งบนธรรมาสน์ทรงปราสาทสงู ซึง่ ผูฟ้ งั มองไม่เห็น เพียงแตไ่ ด้ยนิ เสียงเทศน์ เทา่ น้ัน แสดงให้เหน็ ว่า ชาวพุทธในกล่มุ ชาติพันธุ์ไท ซึง่ สว่ นใหญ่นับถือนกิ าย เถรวาท ลัทธลิ ังกาวงศ์ นิยมฟงั เทศนโ์ ดยยดึ โฆสปั ปมาณกิ า จนเกิดเป็นประเพณี การเทศน์ในท้องถิน่ มีการสร้างสรรค์พทุ ธศิลปกรรมเกยี่ วกบั การเทศน์อย่าง หลากหลาย เช่น ธรรมาสน์ คัมภีรธ์ รรม เคร่อื งบูชาการเทศน์ เคร่อื งประดับการ เทศน์ ตลอดถึงวรรณกรรมหรือส�ำนวนโวหารเกี่ยวกับการเทศน์ เปน็ ตน้ จน กลายเป็นเอกลกั ษณท์ างวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนาในภูมิภาคนี้ ๓. บางคนศรัทธาในลูขปั ปมาณิกา คือชน่ื ชอบพระผเู้ ทศนท์ ี่แลดูสันโดษ ใช้สอยสิ่งของเคร่ืองใช้ที่เศร้าหมองคร่�ำคร่า ไม่ฟุ่มเฟือยด้วยส่ิงอ�ำนวยความ สะดวกสมยั ใหม่ เคร่งครดั ในพระธรรมวินัย และมอี ายพุ รรษามาก บางรูปมอี ายุ มาก แมเ้ ทศนไ์ มเ่ ก่ง แตก่ ็ให้ความศรทั ธาเคารพนับถือ โดยเฉพาะล้านนานยิ ม ใหค้ วามเคารพนับถอื พระสงฆท์ ่มี ีอายพุ รรษามากต้งั แต่ ๕๐ ปีขึ้นไป และมวี ตั ร ปฏิบตั ิท่สี นั โดษ ถงึ แม้พระสงฆ์เหล่านั้นไมใ่ ช่พระนกั เทศน์ เชน่ ครบู าศรีวชิ ัย สริ ิ วชิ โย ครบู าเกษม เขมโก ครบู าพรหมา พรหมฺ จกโฺ ก ครบู าอนิ ทจกั ร์ อนิ ทฺ จกโฺ ก ครบู าธรรมชัย ธมฺมชโย ครูบาชัยยะวงศาพฒั นา เปน็ ต้น แต่ปจั จุบนั มพี ระสงฆส์ ามเณรลา้ นนาบางรปู ทีม่ อี ายุพรรษาน้อย ได้ สถาปนาหรอื เรยี กตนเองว่า ครบู า โดยน�ำ ลูขปั ปมาณกิ า มาปรับใช้ เพื่อให้คนเกิด ความเคารพศรัทธา เชน่ การนุ่งหม่ ผ้าสเี ศร้าหมองแบบรดั อก (นิยมนงุ่ ห่มผา้ จีวร สแี ดง แตกต่างจากพระสงฆ์ท่วั ไป) หอ้ ยลกู ประค�ำ ถือพัดใบลานหรือพัดขนนก ยูง ถอื ไม้เท้า เดินหลงั โกง่ พูดส�ำเนยี งคนชรา ชอบเปน็ เจ้าพิธีกรรมลา้ นนาโบราณ นิยมไสยศาสตร์และผลติ วัตถมุ งคลประเภทต่างๆ เช่น คาถา ยนั ต์เทียน อาบ น�้ำมนต์ ตระกรดุ เหรยี ญ รปู หล่อ ผ้ายันต์ เปน็ ต้น ชาวลา้ นนามักพดู ลอ้ เลยี นวา่ ครบู าอกุ๊ แกส๊ หรอื ครูบาบ่มแก๊ส เปน็ คำ� อุปมาพระภกิ ษุ-สามเณรท่ีมีอายพุ รรษา ไม่ถึง บุญบารมไี ม่แกก่ ลา้ แตอ่ ปุ โลกน์ตนเองเปน็ ครบู า เปรียบเหมือนการน�ำ ผลมะมว่ งทย่ี งั ไมแ่ กส่ กุ ไดท้ ่ี ไปบ่มด้วยแกส๊ เพื่อเรง่ ให้สุกก่อนกำ� หนด คนทีศ่ ัทธา พระสงฆส์ ามเณรประเภทนกี้ ม็ ีมากเช่นกัน ๔. บางคนศรัทธาในธัมมัปปมาณิกา คือชื่นชอบพระผู้เทศน์ท่ีปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวนิ ยั และเทศนไ์ ดอ้ ย่างมสี าระ มงุ่ แก่นแท้ของพุทธรรม 256
โดยไม่ใหค้ วามส�ำคัญกบั รปู ร่าง หนา้ ตา ส�ำเนยี งเสยี งพูด ไมย่ ดึ ติดอายุ พรรษา สมณศกั ดิ์ หรือต�ำแหน่งการปกครองทางคณะสงฆ์ แม้สามเณรน้อยหรอื ภกิ ษุ หนุ่มเป็นผ้เู ทศน์ก็เกิดความศรัทธา เรยี กวา่ ถอื เอาธรรมเป็นที่ต้ัง คนกลมุ่ นจ้ี ะมี ความศรทั ธาในพระพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไม่หวัน่ ไหว แม้จะมขี า่ วทางส่ือมวลชน เก่ียวกับการประพฤติตนไม่เหมาะสมของพระสงฆ์บางรูป แต่ก็มีปัญญารู้จัก แยกแยะและต้งั ใจมั่นในการทำ� บุญ ให้ทาน รกั ษาศลี อยเู่ สมอ การเผยแผ่ธรรมแต่ละรูปแบบ มีบทบาทหน้าที่และมีความเหมาะสม แตกตา่ งกัน กลา่ วคอื การเทศนแ์ บบจารตี เปน็ พธิ กี ารทศ่ี กั ดส์ิ ทิ ธิ์ เป็นการเทศนข์ น้ั พื้นฐาน ที่ต้องอาศัยการอ่านตามตัวหนังสือที่เรียบเรียงไว้ ให้ถูกต้องชัดเจนตามหลัก ไวยากรณ์ ตอ้ งเออื้ นเสยี งขน้ึ - ลง ลากเสยี งยาว ใหถ้ กู ตอ้ งตามทำ� นองนยิ มในทอ้ งถน่ิ สามารถควบคุมจิตให้มีสมาธิ ไม่ประหม่า ส�ำรวมระวังกิริยามารยาท ยึดกรอบ จารตี การเทศนต์ ามพทุ ธโอวาทและคตทิ ้องถนิ่ อย่างเคร่งครัด แตไ่ มส่ ามารถคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ หรือแต่งอธิบายขยายความพุทธธรรมตามประสบการณ์ ได้ ต้องอ่านต�ำราหรือคัมภีร์ใบลานท่ีนักปราชญ์ได้รจนาไว้เป็นแนวทาง เพื่อ ไม่ให้เทศน์ออกนอกประเด็น อาจกลา่ วไดว้ ่าเปน็ การฝกึ เทศน์ขัน้ พ้ืนฐาน เหมาะ ส�ำหรับพระภกิ ษุ - สามเณรที่บวชใหม่และเริม่ ต้นเทศน์ ปจั จบุ ันการเทศนแ์ บบ จารีตเป็นองค์ประกอบสำ� คัญอยา่ งหนง่ึ ของพธิ กี รรม การเทศน์แบบปฏภิ าณโวหาร เป็นการเทศนก์ ึ่งพิธีการ กง่ึ ศกั ด์ิสิทธิ์ แมผ้ ้เู ทศนจ์ ะสามารถคิดแต่งบทเทศนใ์ นใจ แล้วพดู ไปด้วยอยา่ งคลอ่ งแคล่ว แต่ ยงั ตอ้ งยึดจารตี การเทศน์ โครงร่างบทเทศน์ หลักการการเทศน์ และจดบนั ทึก หัวข้อส�ำคัญไว้ เพ่ือล�ำดับความคิดไม่ให้สับสน หรือเทศน์ออกนอกประเด็น เหมาะสำ� หรับพระภิกษุสามเณรที่เรม่ิ คดิ ตีความ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และอธิบาย ขยายความพุทธธรรมดว้ ยประสบการณ์ การเผยแผแ่ บบปาฐกถาธรรม เปน็ การเผยแผ่ธรรมแบบเปน็ กันเอง ผู้ ปาฐกถาสามารถขบคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และอธิบายขยายความพทุ ธธรรม เช่ือมโยงกับปัญหาสังคมปัจจุบันได้ด้วยประสบการณ์อย่างแตกฉาน แล้วพูด ได้อย่างฉบั พลนั ทันที มีความเชอ่ื มั่นในตนเองสูง ไม่ยดึ ติดพิธีการ โครงสรา้ งบท เทศน์และกรอบจารตี การเทศน์ มปี ฏิภาณไหวพริบดี มคี วามสามารถในการแก้ 257
ปัญหาเฉพาะหน้า และมีอสิ ระในการนำ� เสนอสงิ่ ใหม่ๆ ทอ่ี าจเปลีย่ นแปลงผู้ฟงั หรือสังคมได้ บรรยากาศมีความเปน็ กันเอง เหมาะส�ำหรบั พระสงฆท์ ีม่ ีความเป็น ตวั ของตวั เองและมีความคดิ ก้าวหน้า เป็นพระนกั พฒั นาสังคม การเผยแผ่ธรรมแต่ละรูปแบบ ในแต่ละโอกาส มักขึ้นอยู่กับความ ต้องการของเจ้าภาพที่จะเป็นผู้ก�ำหนดว่า จะใช้การเผยแผ่รูปแบบใดให้เหมาะ กบั งาน แตบ่ างคร้ังพระสงฆก์ เ็ ปน็ ผู้ก�ำหนดรปู แบบการเผยแผ่เอง โดยวเิ คราะห์ กลมุ่ ผู้ฟังวา่ มอี ายุ เพศ ความสนใจ และโอกาสอยา่ งไร แลว้ จะใชธ้ รรมะข้อใด ให้ เหมาะสมสอดคล้องกบั กลมุ่ ผู้ฟังและกาลเทศะ หากพระนักเทศนแ์ ตล่ ะรปู เปน็ พระนกั เทศน์ที่ดีมจี รรยา ยดึ พุทธจริยา และอรหันตปฏิปทาเป็นแบบอย่าง โดยด�ำเนินตามหลักการเทศน์ที่ทรงวางไว้ เปน็ แนวทาง การเผยแผ่ธรรมแตล่ ะครั้ง ไมว่ ่ารปู แบบใด สถานการณ์ใด ยอ่ ม ประสบผลสำ� เร็จ และผู้ฟงั ยอ่ มไดป้ ระโยชนส์ ูงสุดอยา่ งแทจ้ ริง การที่จะเปน็ พระนกั เทศนท์ ี่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมหรือผูฟ้ ังได้ ตอ้ ง เปน็ ผู้รแู้ จง้ เหน็ จรงิ แตกฉานในพระสัทธรรม และมองเหน็ ปญั หาสงั คมท่แี ท้จรงิ กล้าทจี่ ะน�ำเสนอหลกั ธรรมและแนวคดิ ใหมๆ่ เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาสงั คม และมีศลิ ปะ การเผยแผธ่ รรมทดี่ ี ซ่งึ อาจเป็นท่ีพอใจและไม่เป็นทีพ่ อใจของคนบางกลุ่มได้ ในอนาคต สังคมลา้ นนาต้องเผชิญกับปัญหาทหี่ ลากหลายและซับซ้อน มากยงิ่ ข้ึน ชาวลา้ นนารนุ่ ใหม่ได้รบั การศึกษาแบบใหม่ มคี วามรู้ มที ศั นคติ และ ค่านิยมสมัยใหม่ มีการติดต่อส่ือสารพบปะกับสังคมและวัฒนธรรมภายนอก วิทยาการตะวันตกและคนต่างถิ่นหล่ังไหลเข้าสู่ล้านนามากข้ึน อีกทั้งศาสนา อืน่ มกี ารปรับปรุงวิธีการเผยแผ่ตลอดเวลา เพือ่ รกุ ชงิ ศาสนกิ ชนชาวลา้ นนา ใน ขณะท่ีพระสงฆ์ล้านนาขาดการเผยแผ่เชิงรุก รอต้ังรับอยู่กับวัด จึงมักถูกต้ัง ค�ำถามจากคนรุ่นใหม่อยู่เสมอถึงบทบาทของพระสงฆ์ท่ีมีต่อสังคม ดังจะเห็น ได้จากพฤติกรรมและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อพระพุทธศาสนาอย่างไม่ เหมาะสม การออกพระราชบัญญัตคิ วบคมุ เครือ่ งด่มื แอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ห้ามไมใ่ ห้บริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ในบรเิ วณวดั การรณรงคใ์ หแ้ ตง่ กายอยา่ ง สภุ าพในวดั การน�ำศิลปกรรมทางพระพทุ ธศาสนาไปใช้อยา่ งไมเ่ หมาะสม การ แสดงทัศนคติเชิงลบต่อพระสงฆ์ผ่านสื่อและเครือข่ายออนไลน์ ตลอดจนการ เปลยี่ นไปนบั ถอื ศาสนาอนื่ และบางคนประกาศตนไมน่ บั ถอื ศาสนาใดๆ ลว้ นแลว้ 258
แตเ่ ปน็ สงิ่ ทพี่ ระสงฆต์ อ้ งรบั ฟงั และนำ� มาคดิ ทบทวนบทบาทของตนเอง แลว้ หา แนวทางในการแกป้ ญั หา พฒั นาการเผยแผเ่ ชงิ รกุ ใหท้ นั สมยั และมปี ระสิทธภิ าพ โดยยึดประโยชน์สงู สดุ ต่อผฟู้ งั และพระพุทธศาสนาเปน็ ส�ำคญั ภาพจิตรกรรม พระพทุ ธศาสนากับคนร่นุ ใหม่ 259
ข้อเสนอแนะ ๑. คณะสงฆ์และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ควรจัดท�ำหลักสูตรสอนการเทศน์ โดยเฉพาะ และส่งเสรมิ ให้พระสงฆส์ ามเณรร่นุ ใหมไ่ ด้ศกึ ษาการเทศน์ ทั้งภาค ทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ท้งั การเทศน์แบบจารีต แบบปฏิภาณโวหาร และปาฐกถา ธรรม เน่อื งจากปัจจุบนั หลักสูตรการเรยี นการสอนในโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ยงั ไมส่ อดคลอ้ งกบั บทบาทหน้าทข่ี องพระสงฆ์ โดยเฉพาะ บทบาทในการเผยแผ่พทุ ธธรรม ๒. คณะสงฆ์ควรมีมาตรการดูแลและตรวจสอบการเผยแผ่ธรรมะให้ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะปัจจุบันมีพระนักเทศนบ์ างรปู เทศนอ์ อกนอก ประเดน็ มุ่งตลกขบขันเปน็ ส่วนใหญ่ บางรปู เทศน์มุ่งเอาปจั จยั ถ้าเจา้ ภาพถวาย ปจั จัยนอ้ ย มักถูกพระนักเทศนโ์ ทรศพั ทไ์ ปทักท้วง บางรูปเทศน์เร่ียไรทางสถานี วิทยุ บางรูปน�ำสิ่งของและวัตถุมงคลไปจ�ำหนา่ ยในงานเทศน์ดว้ ย เชน่ เหรยี ญ ผ้ายนั ต์ ตะกรุด เทยี นบูชา เป็นตน้ ท�ำใหเ้ ป็นทีเ่ ออื มระอาของเจา้ ภาพและผู้ฟัง ๓. ควรศึกษาความพึงพอใจของชาวล้านนาที่มีต่อรูปแบบการเทศน์ใน ล้านนาปจั จบุ นั เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการจัดการเทศนใ์ หเ้ หมาะสมกบั กล่มุ ผู้ฟงั ต่อไป ๔. ควรศึกษาลีลาการเทศน์แบบปฏิภาณโวหารของพระสงฆ์ล้านนาที่มี ชื่อเสียงในแต่ละจังหวัดในภาคเหนือ เพอ่ื ใช้เปน็ แบบอยา่ งส�ำหรับพระนักเทศน์ รุ่นใหม่ 260
บรรณานกุ รม ๑.๑ ขอ้ มลู ปฐมภูมิ ๑.๑.๑ คมั ภรี ์ธรรมและพับสา คัมภรี ใ์ บลานเร่อื ง ต�ำนานพระแกว้ ดอนเต้า ฉบบั วดั ชัยสถาน (ปา่ เสร้านอ้ ย) ตำ� บลสนั ปเู ลย อ�ำเภอดอยสะเกด็ จังหวดั เชยี งใหม่ ปริวรรตจากอกั ษรล้านนาเปน็ ภาษาไทยกลาง โดย พระนคร ปญญฺ าวชโิ ร. คัมภรี ใ์ บลาน ฉบับวดั บ้านแวน อ�ำเภอล้ี จังหวัดล�ำพูน รหสั ไมโครฟลิ ม์ ๘๖.๑๕๑.๐๗.๐๕๙-๐๕๙ สถาบนั วจิ ยั สงั คม มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปริวรรตจากอักษรล้านนาเป็นภาษาไทยกลาง โดย พระนคร ปญฺญาวชโิ ร. คัมภรี ใ์ บลานเรอื่ ง มหาชาติเวสสันดรชาดก ฉบับหง่ิ แก้วมโนวอน. ฉบบั วดั แมต่ นื อ�ำเภอล้ี จงั หวดั ล�ำพนู หน้าลานท่ี ๑๗. ปรวิ รรตจากอกั ษรลา้ นนาเป็นอักษรไทย โดย พระครอู ดลุ สลี กติ ติ์ เจา้ อาวาส วดั ธาตคุ ำ� ตำ� บลหายยา อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม.่ คมั ภรี ใ์ บลานเรอื่ ง มทุ งิ คเภรี ฉบบั วดั ดอนปนี ตำ� บลแชช่ า้ ง อำ� เภอสนั กำ� แพง จงั หวดั เชยี งใหม่ รหสั ไมโครฟลิ ม์ ๗๙-๐๒๔-๐๑E-๐๖๔ – ๐๖๔ สถาบนั วจิ ยั สงั คม มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ ปริวรรตโดย พระนคร ปญฺญาวชโิ ร. ๒๕๕๕. คมั ภรี ใ์ บลานพมิ พด์ ว้ ยอกั ษรลา้ นนาเรอื่ ง ชา้ ง ๓ งา ปลา ๓ เงยี่ ง ผกู ท่ี ๑. มหาทวี เขอ่ื นแกว้ จดั พมิ พ์. เชียงใหม:่ ร้านพัฒนาการคา้ . ๒๕๐๗. คัมภีร์ธรรมลานกระดาษเรอื่ ง มาลยั โผดโลก. มปพ. ลำ� พูน: ร้านภญิ โญ. คัมภรี ์ธรรมลานเทยี มเร่อื ง มหาวบิ าก. มปพ. ล�ำพนู : ร้านภญิ โญ. คัมภีรธ์ รรมลานเทียมเรือ่ ง วสิ ทุ ธยิ า. มปพ. เชียงใหม:่ ธาราทองการพิมพ์. พบั สาลา้ นนา ฉบบั วดั ศรีเตี้ย ต�ำบลศรีเตี้ย อำ� เภอบา้ นโฮง่ จงั หวัดล�ำพนู รหสั ไมโครฟลิ ม์ ๘๐.๐๕๐.๑๑.๐๐๓ -๐๐๓ สถาบนั วจิ ยั สงั คม มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปรวิ รรตจากอกั ษรลา้ นนาเปน็ ภาษาไทยกลาง โดย พระนคร ปัญญาวชิโร. ๑.๑.๒ สมุดบันทึก พระมหาสมณศาสน์ เลม่ ๑ เกย่ี วกบั การพระศาสนา (ฉบบั ท่ี ๙๐) ลงวนั ที่ ๑ พฤศจกิ ายน ร.ศ. ๑๑๙ พ.ศ. ๒๔๔๓. กรงุ เทพฯ: มูลนมิ หามกุฏราชวทิ ยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ.์ พมิ พเ์ นือ่ งในมหาสมณานุสรณ์ครบ ๕๐ ปี วันสิน้ พระชนม์สมเดจ็ พระมหาสมณ เจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสพ.ศ. ๒๕๑๔. สมดุ บนั ทกึ สว่ นตวั ของพระครธู รรมรตั นโ์ พธิ (เขยี น) อดตี เจา้ อาวาสวดั สวนหอม อดตี เจา้ คณะ อ�ำเภอเมือง จงั หวัดน่าน. ถ่ายสำ� เนาตน้ ฉบบั จาก ร.ศ.ธเนศว์ เจริญเมือง มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ๒๕๕๐. 261
๑.๑.๓ แถบบันทกึ เสียง แถบบนั ทกึ เสยี งพระครโู สภณบญุ ญาภรณ์ เรอื่ ง เทศนม์ หาชาตปิ ระยกุ ต์ จดั จำ� หนา่ ยโดย ห.จ.ก. ทพิ ยเ์ นตรเอนเตอรไ์ พรส์ ๒๒๘ ต�ำบลหายยา อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั เชียงใหม.่ แถบบนั ทึกเสยี งพระครโู สภณบุญญาภรณ์ การแสดงธรรมเทศนาประยกุ ต์เรื่อง มหาเวสสันดร กัณฑ์ชูชก จัดจ�ำหน่ายโดย ห.จ.ก.ทิพยเ์ นตรเอนเตอรไ์ พรส์ ๒๒๘ ตำ� บลหายยา อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม.่ แถบบันทึกเสยี งพระครโู สภณบุญญาภรณ์ ปาฐกถาธรรมเร่ือง แผน่ ดินธรรมแผ่นดินทอง จดั จ�ำหน่ายโดย ห.จ.ก.ทพิ ย์เนตรเอนเตอร์ไพรส์ ๒๒๘ ตำ� บลหายยา อ�ำเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม.่ ๑.๒ ข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ ๑.๒.๑ หนังสอื กรมศลิ ปากร. ๒๕๔๘. ประชมุ ภาพประวตั ศิ าสตรแ์ ผน่ ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั . กรงุ เทพมหานคร: กรมศิลปากร. คณะอนกุ รรมการตรวจสอบและชำ� ระตำ� นานพนื้ เมอื งเชยี งใหม.่ ๒๕๓๘. ตำ� นานพนื้ เมอื งเชยี งใหม่ ฉบับ เชยี งใหม่ ๗๐๐ ปี. เชียงใหม:่ มง่ิ เมือง. คณาจารยแ์ หง่ โรงพิมพเ์ ลี่ยงเซยี ง. ๒๕๓๕. อนุพุทธประวตั ิ ๘๐ องค์ ฉบบั มาตรฐาน. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพเ์ ล่ยี งเซียง. ชวี ะประวตั ขิ องพระศรธี รรมนเิ ทศก.์ รำ� ลกึ ๑๒ ปี พระศรธี รรมนเิ ทศก์ ๒๒ มนี าคม ๒๕๓๙. เชียงใหม:่ ดาวคอมพิวกราฟกิ . ๒๕๓๙. ญาณสัมปนั โณ. ตำ� ราพธิ ีกรรมโบราณ. มปพ. ล�ำพูน: รา้ นภิญโญ. ทวี วรคณุ . ๒๕๓๘. งานพระธรรมทตู คมู่ อื การฝกึ อบรมพระธรรมทตู รนุ่ ที่ ๔. กรงุ เทพมหานคร: วดั ปากน�ำ้ ภาษีเจริญ. ทรงพนั ธ์ วรรณมาศ. ๒๕๓๖. “ปราสาท-ธรรมาสน์ในเขตจังหวดั เชียงรายและพะเยา” บทความรว่ มนำ� เสนอในหนงั สอื เรอ่ื งวฒั นธรรมพนื้ บา้ น:ศลิ ปกรรม.กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ทรงศกั ด์ิ ปรางค์วัฒนากุล และแพทรเี ซีย ชีสแมน. ๒๕๓๐. ผา้ ล้านนา ยวน ลือ้ ลาว. กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์พร้ินต้ิง. ทองพรรณ ราชภกั ด.์ิ ๒๕๒๔. “วิเคราะหธ์ รรมยุต”ิ บทความใน สงฆไ์ ทยใน ๒๐๐ ปี เลม่ ๑, กรุงเทพมหานคร: มหาจฬุ าบรรณาคาร. นธิ ิ เอยี วศรีวงศ์. ๒๕๓๒. “ความหลากหลายของวฒั นธรรมไทย ความท้าทายใหม่”. สคู่ วามเขา้ ใจวฒั นธรรม. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ 262
นริ าลยั . คมู่ อื พระนกั เทศน์ วธิ กี ารเทศนแ์ ละเทคนคิ การพดู - การสอนธรรมะ นกั ปาฐกถาธรรม นักพูด นกั สอนนักบรรยายธรรม. มปพ. กรงุ เทพฯ: ธรรมสภา. แน่งนอ้ ย ปัญจพรรค์ และคณะ. ๒๕๓๗. เสนห่ ์ไมแ้ กะสลกั ลา้ นนา. กรุงเทพฯ: เรงิ รมย์. บ�ำเพญ็ ระวนิ . วนิ ยั ดอกเด่ือ : คัมภีรพ์ ระวินยั ที่ถือว่าอกั ขระเป็นพ้ืนฐานของพุทธธรรม บทความใน Proceedings of the 6 th International Conference on Thai Studies Theme VI Chiang Mai, thailand, 14-17 October 1996. ประมวลขอ้ มลู เกยี่ วกับจารกึ พ่อขุนรามคำ� แหง.๒๕๔๗. กรุงเทพฯ: สำ� นกั หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร. ประเสรฐิ ณ นคร และปวงค�ำ ตยุ้ เขียว. ๒๕๓๗. ตำ� นานมลู ศาสนาเชียงใหมแ่ ละเชยี งตงุ . กรงุ เทพฯ: ศกั ดโ์ิ สภาการพิมพ.์ ปัญญานนั ทะภกิ ขุ. ๒๕๒๖. ปาฐกถาพิเศษเน่อื งในอายคุ รบ ๕ รอบ เรอื่ ง ชวี ิตของข้าพเจ้า ในหนังสือ ๗๒ ปี ปัญญานันทะภกิ ขุ. กรุงเทพฯ: หจก. การพิมพพ์ ระนคร. ปัญญา ใช้บางยาง. มปพ. ๘๐ พระอรหันต์ (ฉบับสมบูรณ)์ .กรุงเทพฯ:ธรรมสภา. ฝ่ายวชิ าการ กองศาสนศกึ ษา กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธกิ าร. ๒๕๓๗. พทุ ธประวัต.ิ กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา. พอล คารุส (เขยี น) และ ส.ศวิ รกั ษ์ (แปล). ๒๕๓๒. กรรม นพิ พาน มหาสาวิกาสมัยพทุ ธกาล พิมพค์ รง้ั ท่ี ๔. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พมิ พม์ ลู นธิ ิโกมลคมี ทอง. พระครสู งั ฆกจิ จารักษ์ ธมมฺ ธโี ร. ๒๔๙๕. หนังสือแบบเรียนอักขระพยญั ชนะตวั เมอื งเหนอื (ลานนาไทย). เชยี งใหม:่ ม.ป.ท. พระครโู สภณกวีวฒั น์. ๒๕๕๐. พระนพีสีพศิ าลคณุ บทความในหนังสอื อนุสรณพ์ ระราชทาน เพลงิ ศพ พระอมราภริ กั ขติ (มงคล เปมสโี ล) วดั เจดยี ห์ ลวงวรวหิ าร ตำ� บลพระสงิ ห์ อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม.่ ................................ ๒๕๕๒. พระนพสี พี ิศาลคณุ บทความในหนังสอื สมโภชพระวหิ าร หลวงวดั เจดียห์ ลวงวรวิหาร ต�ำบลพระสงิ ห์ อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั เชียงใหม่ ๒๘ - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒. เชยี งใหม:่ โรงพมิ พน์ นั ทพนั ธ์. พระครอู ดลุ สลี กิตต์ิ. ๒๕๔๙. การศกึ ษาของสามเณรและพระภิกษหุ ลังการบวช บทความ ในหนงั สอื ประวตั ศิ าสตรพ์ ทุ ธศาสนาในลา้ นนา ฉบบั ๖๓๕ ปี พระบรมธาตดุ อยสเุ ทพ. เชยี งใหม่: มูลนธิ ิพระบรมธาตุดอยสเุ ทพ. ............................... ๒๕๕๑. ปจั จัยท่มี ีอทิ ธิพลต่อความนยิ มมหาชาตเิ วสสนั ดรชาดกใน ล้านนา. วิทยานพิ นธ์ ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑติ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . 263
พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระจนั ทบรุ นี ฤนาถ. ๒๕๑๓. ปทานกุ รม บาลี ไทย องั กฤษ สนั สกฤต ฉบับพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระจันทบุรนี ฤนาถ. กรุงเทพมหานคร: มหามกุฏ ราชวทิ ยาลัย. พระดิเรก วชิรญาโณ (อินจันทร)์ . ๒๕๔๕. คมู่ อื การส�ำรวจคัมภีร์ใบลาน. เชียงใหม่: ส�ำนักงานกองทนุ เพือ่ สังคม และโฮงเฮยี นสืบสานภมู ปิ ญั ญาลา้ นนา. ................................ ๒๕๔๖. การศึกษาคมั ภรี ป์ กรณว์ ิเสสพระวินัยลา้ นนา. วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรบณั ฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. พ.ต.ท. อนุ เนินหาด. ซะป๊ะเร่อื งเกา่ . หนงั สือพมิ พไ์ ทยนิวส์ ปีท่ี ๓๗. ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๙. พระเทพโสภณ (ประยูร ธมมฺ จิตฺโต). ๒๕๔๘. หลักการและวิธกี ารเทศน์ บทความในหนังสือ ศิลปะการเทศนา. กรงุ เทพมหานคร : วดั ประยูรวงศาวาสวรวิหาร, พระนคร ปรงั ฤทธ์ิ และคณะ. ๒๕๕๑. ต�ำนานย่าขวันเข้า: ส่อื พื้นบา้ นเพื่อการพัฒนา สุขภาวะของชมุ ชน เอกสารประกอบการน�ำเสนอเวทเี สริมการเรียนรเู้ ร่อื งขา้ วใน วัฒนธรรมล้านนา ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติคร้งั ท่ี ๕ ณ อมิ แพค็ เมืองทองธานี ๓ - ๗ กนั ยายน ๒๕๕๑. เชยี งใหม่: มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตเชียงใหม่. พระธรรมกิตติวงศ์. ๒๕๕๐. เทศน์ : การเผยแผท่ ส่ี ำ� คญั ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ พมิ พค์ รั้งท่ี ๓ . กรงุ เทพฯ: สำ� นักพมิ พเ์ ล่ยี งเซียง. ................................ ๒๕๕๑. ภาษาเทศน์ ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พิมพ์เลย่ี งเซยี ง. พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยตุ โต). ๒๕๔๒. พทุ ธวิธใี นการสอน. นครปฐม: เบกิ ม่าน. ................................ ๒๕๓๘. พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๙. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . ................................ ๒๕๔๐. พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๙ กรงุ เทพฯ: โรงพิมพม์ หาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั . พระธรรมวโรดม (บุญมา คณุ สมฺปนฺโน). ๒๕๔๓. เทศนาวิธี บทความใน วชิ าการเทศนา กรุงเทพมหานคร: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , พระมหาจรรยา สุทธฺ ิญาโณ. ๒๕๓๕. ชวี ติ ข้อคดิ และงานของเจา้ ชนื่ . กรงุ เทพฯ: บรษิ ัทอมรินทร์พร้นิ ติ้งกรุ๊พ จำ� กดั . พระราชธรรมวาที (ชยั วัฒน์ ธมฺมวฑฒฺ โน). ๒๕๔๘. นทิ านกับการเทศน์ บทความในหนังสือ ศิลปะการเทศนา. กรุงเทพมหานคร: วัดประยรู วงศาวาสวรวิหาร. พระราชวรมนุ ี (ประยทุ ธ์ ปยตุ โฺ ต). ๒๕๒๘. พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. 264
พระราชนันทมนุ .ี ๒๕๓๒. พุทธทาสกบั เชียงใหม่ ปาฐกถาธรรมในหนังสอื พทุ ธทาสปริทศั น์. กรุงเทพฯ: เจรญิ วิทยก์ ารพิมพ.์ พระประชา ปสนฺนธมฺโม และสันตสิ ุข โสภนสริ ,ิ บรรณาธิการ. ๒๕๒๙. ภาพชีวิต ๘๐ ปี พุทธทาสภิกขุ. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพม์ ลู นิธิโกมลคีมทอง. พระพทุ ธโฆสเถระ. คมั ภีรว์ สิ ุทธมิ รรค. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร). ๒๕๕๖. แปลและเรียบเรยี ง. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั ธนาเพรส จ�ำกัด. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต). ๒๕๕๑. พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ (ชำ� ระ - เพมิ่ เตมิ ชว่ งท่ี ๑) ครงั้ ท่ี ๑๒. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . ................................พทุ ธวธิ ใี นการสอน พิมพ์ครัง้ ท่ี ๒๓. ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: บริษทั พิมพส์ วย จำ� กดั . พระโภณธรรมวาที (บญุ มา อาคมปญโฺ ญ). ๒๕๔๘. บทฝกึ อบรมภาคปฏบิ ตั ิ บทความในหนงั สอื ศิลปะการเทศนา. กรุงเทพมหานคร: วดั ประยูรวงศาวาสวรวหิ าร. พระมหาประดษิ ฐ์ ปณฑฺ ติ ธมโฺ ม (ปญั ญาจนี ) ๒๕๔๖. ชวี ติ และผลงานของพระศรธี รรมนเิ ทศก์ (กมล โชตมนฺโต). วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาพุทธศาสตรมหาบณั ฑติ บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. พระวินยั โกศล (จันทร์ กสุ โล). ๒๕๓๕. คณะธรรมยตุ ิกนิกายภาคเหนอื บทความในหนังสอื นานาสาระ อนุสรณง์ านพระราชทานเพลงิ ศพ พระธรรมดิลก (ขนั ติ์ ขนตฺ โิ ก) ณ เมรชุ ว่ั คราว วดั สวนดอก อำ� เภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่ ๔ มกราคม ๒๕๓๕. เชยี งใหม:่ ส.ทรัพย์การพมิ พ์. พระวสิ ทุ ธญิ าณมนุ ี.บนั ทึกเทศนา. ๒๕๓๕.จัดพมิ พ์เปน็ ที่ระลึกในงานท�ำบญุ อายุครบ ๘๖ ปี พระครวู ิมลวรเวทย์ (บุญมี ชยวฑุ โฺ ฒ) วดั ทา่ สะต๋อย ต�ำบลวัดเกต อ�ำเภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่. ๒๐ กันยายน ๒๕๓๕. พระภกิ ษสุ มบญุ กนทฺ สโี ล. ๒๔๙๖. อรญั วาสแมก่ างปา่ ขวี อำ� เภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชยี งใหม.่ หนงั สอื อกั ษรลา้ นนาเรื่อง แบบสมถกัมมฏั ฐานภาวนาและวิปสั สนากัมมัฏฐาน. เชียงใหม:่ โรงพมิ พ์ อุปะติพงษ์. พระอบุ าลคี ณุ ปู มาจารย์ (ฟู อตตฺ สโิ ว) เรยี บเรยี ง. จรยี ์ สนุ ทรสงิ ห์ ปรวิ รรตเปน็ อกั ษรลา้ นนา. ๒๕๕๑. มหาชาตภิ าคพายพั ฉบบั สรอ้ ยสงั กร. เชยี งใหม:่ สำ� นกั พมิ พม์ รดกลา้ นนา. พิชติ อัคนจิ และคณะ. ๒๕๔๑. การศกึ ษาเชงิ วเิ คราะหป์ ัญญาสชาดกฉบบั ลา้ นนาไทย. เชยี งใหม่: ภาควิชาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. พสิ ฐิ เจริญสขุ . ๒๕๓๙. คูม่ ือเผยแผ่พทุ ธศาสนา. กรุงเทพฯ: กรมการศาสนา. 265
มณี พยอมยงค.์ วัฒนธรรมลา้ นนาไทย. ๒๕๓๔. กรุงเทพฯ: สำ� นกั งานวฒั นธรรมแหง่ ชาติ. ................................ และศิริรตั น์ อาศนะ. ๒๕๓๘. เคร่อื งสกั การะในล้านนาไทย. เชียงใหม:่ ส.ทรพั ยก์ ารพมิ พ.์ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย. ๒๕๓๙. พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบับมหาจฬุ าลงกรณราช วิทยาลยั เล่ม๑ - ๔๕. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั . มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชยี งใหม.่ ๒๕๔๓. แบบเรยี นภาษา ลา้ นนา. เชียงใหม่: มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม.่ มณี พยอมยงค์ และศริ ิรตั น์ อาศนะ. ๒๕๓๘. เครือ่ งสกั การะในล้านนาไทย. เชยี งใหม:่ ส.ทรัพย์การพมิ พ.์ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตเชยี งใหม่. ๒๕๔๓. แบบเรียนภาษา ล้านนา. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตเชียงใหม่. มน่ั เกียรติ โกศลนิรัตวิ งษ.์ ๒๕๔๑. ทฤษฎแี ละเทคนิคการให้คำ� ปรกึ ษาพุทธรรม. กรงุ เทพฯ: สุวีริยาสาส์น. มลู นธิ ภิ กิ ขุปัญญานนั ทะ. ๒๕๓๔. 80 ปี ปัญญานนั ทภกิ ข.ุ นนทบรุ ี: มูลนธิ ิภิกขุ ปัญญานนั ทะ. ยพุ ิน เข็มมกุ ด.์ ๒๕๕๐. นครกณั ฑ:์ ผ้า เคร่ืองประดับและความงามของพระนางมัทรี พิมพ์ครั้งที่ ๒. เชียงใหม:่ สุทนิ การพมิ พ.์ ราชบณั ฑติ ยสถาน. ๒๕๔๖. พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรงุ เทพฯ: นานมีบุ๊คพบั ลเิ คชัน่ . ลมลู จนั ทน์หอม. ๒๕๓๔. วรรณกรรมท้องถ่ินล้านนา พิมพค์ รง้ั ท่ี ๓. เชียงใหม่: วทิ ยาลยั ครูเชียงใหม่ สหวิทยาลยั ลา้ นนาเชียงใหม.่ ลขิ ติ ลขิ ิตานนท.์ ๒๕๔๐. วรรณกรรมพุทธในลา้ นนาประเภทปกรณ์พิเศษอดุ ม บทความในหนังสอื วรรณกรรมพุทธศาสนาในล้านนา, พรรณเพญ็ เครอื ไทย บรรณาธกิ าร. เชียงใหม:่ สถาบันวจิ ัยสงั คมมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. วดั ประยรู วงศาวาสวรวหิ าร. ๒๕๔๘. ศลิ ปะการเทศนา. กรงุ เทพฯ: วดั ประยรู วงศาวาสวรวหิ าร. วดั ลอยเคราะห.์ มปพ. คมู่ อื ฝกึ เทศนท์ ำ� นองเมอื งเหนอื . หนว่ ยอบรมประชาชนตำ� บลชา้ งคลาน วดั ลอยเคราะห์ ต�ำบลชา้ งคลาน อ�ำเภอเมือง จงั หวัดเชยี งใหม่. วชั ระ สนิ ธปุ ระมา. มปพ. ภาษาทใ่ี ชใ้ นการสอนและการสอนภาษาในโรงเรยี นของมชิ ชัน ทางภาคเหนือ นับตง้ั แต่เร่ิมตน้ จนถงึ ช่วงสงครามโลกครง้ั ที่สอง บทความใน ศาสนาครสิ ต์ - มชิ ชนั นารี - สังคมไทย รวมบทความชุดท่ี ๑ ฝา่ ยประวตั ศิ าสตร์ สภาครสิ ตจักรแหง่ ประเทศไทย. เชียงใหม:่ เจรญิ การพิมพ.์ 266
วิโรจน์ อินทนนท์. ๒๕๕๓. พระพุทธศาสนาในลา้ นนา บทความในหนงั สือ เถราภิเษก: พธิ ยี กยอสมณศกั ดพ์ิ ระสงฆใ์ นลา้ นนา.พระนครปรงั ฤทธ์ิ(ปญั ญาวชโิ ร) บรรณาธกิ าร. เชยี งใหม:่ โครงการศนู ยศ์ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาประเทศเพอ่ื นบา้ น ฝา่ ยบรกิ ารและวจิ ยั ส�ำนักวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตเชยี งใหม.่ สนามหลวงแผนกธรรม. ๒๕๕๐. ประวัตินักธรรม. ธรรมศึกษาชั้นตรี ฉบับปรบั ปรงุ ใหม่ที่ ประกาศใช้ปัจจุบนั . กรงุ เทพฯ: กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. สรสั วดี ออ๋ งสกลุ . ๒๕๔๒. วฒั นธรรมและการเมอื งลา้ นนา พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ: ตน้ ออ้ . ................................ ๒๕๓๙. ประวตั ิศาสตรล์ ้านนา. กรงุ เทพมหานคร: อมรนิ ทร์พรน้ิ ติ้ง แอนด์พับลิชซิ่ง จ�ำกดั (มหาชน). สารานกุ รมวฒั นธรรมไทย ภาคเหนือ เล่มท่ี ๖ . ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ: มูลนธิ สิ ารานุกรม วฒั นธรรมไทย ธนาคารไทยพานชิ ย.์ สงิ ฆะ วรรณสยั . ๒๕๓๒. ปรทิ ศั นว์ รรณคดลี านนาไทย. เชียงใหม:่ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ. คนไทยอยทู่ นี่ ่ี ทอ่ี ษุ าคเนย.์ ๒๕๓๗. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พศ์ ลิ ปวฒั นธรรม. ................................ ดนตรไี ทยมาจากไหน?. ๒๕๕๓. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พิมพว์ ทิ ยาลยั ดุริยางคศลิ ป์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล. สุมน อมรววิ ัฒน์และคณะ ๒๕๔๑. ปรีชาญาณสยาม: บทวิเคราะหด์ ้านการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สุชพี ปุญญานุภาพ. ๒๕๓๙. พระไตรปฎิ ก ฉบับสำ� หรับประชาชน พิมพ์ครงั้ ที่ ๑๖ . กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถมั ภ.์ ................................ ๒๕๕๐. พระไตรปิฎกฉบบั ส�ำหรับประชาชน พมิ พ์ครั้งที่ ๑๗. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวทิ ยาลัย ในพระบรมราชูปถมั ภ.์ สเุ ทพ พรมเลศิ . ๒๕๓๘. พระไตรปิฎกศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยรายวนั การพิมพ.์ สุทธพิ งศ์ ตนั ตยาพศิ าลสุทธิ์. ๒๕๔๐. กฎ ระเบียบ และค�ำสง่ั ของคณะสงฆ.์ กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา. สมเดจ็ พระธรี ญาณมนุ ี (สนทิ เขมจาร)ี . ๒๕๔๒. วถิ นี กั เทศน.์ กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พเ์ ลย่ี งเซยี ง. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. ๒๕๓๘. นวโกวาท พิมพ์ครั้งที่ ๗๘. กรุงเทพมหานคร: มหามกุฏราชวิทยาลยั . สำ� นกั หอสมุดแห่งชาต.ิ ๒๕๔๗. ประมวลข้อมลู เกย่ี วกบั จารึกพอ่ ขุนรามคำ� แหง, กรุงเทพมหานคร: สำ� นกั หอสมุดแหง่ ชาติ กรมศิลปากร. 267
สมหมาย เปรมจติ ต์. ๒๕๓๙. พระพทุ ธศาสนาในเชียงใหม่ ๗๐๐ ปี : อดตี และแนวโน้ม ในอนาคต. เอกสารประกอบการสอน ไทยศึกษา ๖. ภาควิชา ภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม.่ สริ วิ ัฒน์ ค�ำวนั สา. ๒๕๒๔. สงฆไ์ ทยใน ๒๐๐ ปี เลม่ ๑. กรงุ เทพฯ: มหาจฬุ าบรรณาคาร. ................................ สงฆไ์ ทยใน ๒๐๐ ปี เลม่ ๒. ๒๕๒๕. กรงุ เทพฯ: มหาจฬุ าบรรณาคาร. สิงฆะ วรรณสัย. ๒๕๓๒. ปรทิ ศั น์วรรณคดีลานนาไทย. เชยี งใหม:่ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ แสง จันทร์งาม. ๒๕๔๐. วธิ ีสอนของพระพทุ ธเจา้ . กรงุ เทพฯ: มหามกฏุ ราชวิทยาลัย. ................................ ๒๕๔๘. คู่มือนักเผยแผ่ธรรมะส�ำหรบั พระภกิ ษสุ ามเณร. เชยี งใหม่: มหาวิทยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตลา้ นนา. ................................ วธิ สี อนของพระพทุ ธเจา้ . ๒๕๔๐. กรงุ เทพฯ: มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั . แสง มนวฑิ รู . ๒๕๕๒. ชนิ กาลมาลปี กรณ์ จดั พมิ พค์ รง้ั ที่ ๘. เชยี งใหม:่ จดั พพิ มใ์ นงานทำ� บญุ อายวุ ัฒนมงคลพระครสู ุวตั ถ์ิปญั ญาโสภติ วดั แสนเมอื งมาหลวง (หวั ข่วง) อ�ำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม.่ หน่วยอบรมประชาชนตำ� บลช้างคลาน. มปพ. เอกสารคมู่ ือฝกึ เทศนท์ ำ� นองเมืองเหนอื . เชียงใหม่: วดั ลอยเคราะห์ ต�ำบลช้างคลาน อำ� เภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่. อดุ ม รุ่งเรืองศรี. ๒๕๔๗. พจนานกุ รมลา้ นนา-ไทย ฉบบั แมฟ่ ้าหลวง ปรบั ปรุงครง้ั ท่ี ๑. เชยี งใหม:่ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ ................................ ๒๕๔๕. เวสสนั ตรชาดก ฉบบั ไม้ไผ่แจ้เรยี วแดง พิมพค์ รัง้ ที่ ๑. เชียงใหม:่ โรงพิมพ์มงิ่ เมือง. ................................ ๒๕๔๒. วรรณกรรมลา้ นนา ปรบั ปรงุ คร้ังที่ ๑. ภาควชิ าภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่. ................................ วรรณกรรมลา้ นนา ปรับปรุงครง้ั ท่ี ๓. ๒๕๔๔. เชียงใหม:่ ภาควิชา ภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. ................................ ๒๕๔๐. วรรณกรรมชาดกทมี่ ีลกั ษณะเปน็ ล้านนา. บทความในหนงั สอื วรรณกรรมพุทธศาสนาในล้านนา. พรรณเพญ็ เครือไทย บรรณาธกิ าร. เชียงใหม:่ สถาบนั วิจยั สังคม มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ ................................ และเกริก อัครชิโนเรศ. ๒๕๕๒. พระญาติโลกราชะ. เชียงใหม:่ โฮงเฮียน สบื สานภมู ปิ ญั ญาลา้ นนา 268
๑.๒.๒ เอกสารงานวิจัย ไข่มกุ อุทยาวลี. ๒๕๓๗. การเปลี่ยนแปลงด้านการศกึ ษาของพระสงฆ์ในเมอื งเชียงใหม่ ในระยะครึ่งหลังของพทุ ธศตวรรษที่ ๒๕. วิทยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. บุญคดิ วชั รศาสตร.์ ๒๕๕๒. บทบาทของธรรมกระดาษ (ลานเทียม)ในล้านนา. เชยี งใหม:่ มหาวิทยาลัย มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตเชียงใหม่. พระครูสิริสุตาภิมณฑ์ (ศภุ ชัย คำ� ปัน). ๒๕๔๕. การศึกษาวิเคราะหว์ รรณกรรมทใ่ี ช้ ในพิธพี ุทธาภเิ ษกแบบล้านนา. วทิ ยานพิ นธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. พระครูอดลุ สลี กิตต์.ิ ๒๕๕๑. ปัจจัยทีม่ อี ิทธพิ ลต่อความนิยมมหาชาตเิ วสสนั ดรชาดก ในล้านนา. วิทยานิพนธ์ปริญญาพทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. พระนคร ปรงั ฤทธ.์ิ ๒๕๔๖. การศกึ ษาวิเคราะหก์ ารเทศนแ์ บบปฏภิ าณทีม่ ลี ักษณะขบขัน ของพระสงฆ์จังหวดั เชยี งใหม.่ วทิ ยานิพนธป์ ริญญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ พระมหาประดษิ ฐ์ ปณฑฺ ติ ธมฺโม. ๒๕๔๖. ชวี ิตและผลงานของพระศรธี รรมนเิ ทศก์ (กมล โชตมิ นฺโต). วิทยานิพนธ์ปริญญาพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระมหาสงิ หค์ ำ� รกั ปา่ . ๒๕๔๓. การศกึ ษาวเิ คราะหค์ ัมภรี อ์ านสิ งส์ลา้ นนา. วทิ ยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. วีรยุทธ นาคเจริญ. ๒๕๔๕. การศึกษาวเิ คราะห์วรรณกรรมทีใ่ ช้เทศนใ์ นพธิ ศี พแบบ ล้านนา. วิทยานิพนธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย เชยี งใหม่. ๑.๓ ส่อื ออนไลน์ 269 สลุ ักษณ์ สิวลกั ษณ์ (ส.ศวิ ลักษณ)์ . เกบ็ ความจากรายการกรองสถานการณ์ สถานี โทรทัศน์แห่งประเทศไทย. [ออนไลน์]. แหล่งท่ีมา : http://www.youtube. com/watch?v=s_cg50Y0qHg&feature =g-vrec ๒๙. พฤษภาคม ๒๕๕๕. ขอ้ มลู ประกาศส�ำนกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยรฐั นิยม ฉะบบั ท่ี ๙ เร่ืองภาษาและหนงั สอื ไทยกับหน้าที่พลเมืองดจี าก http://www.ratchakitcha.soc.th ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖.
๑.๔ สัมภาษณ์วทิ ยากร พระครอู ดลุ สีลกิตต์ิ วัดธาตคุ ำ� ต�ำบลหายยา อ�ำเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่ ๑๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๒ และ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔. พระครสู ุวิมลธรรมรักษ์ วัดลอยเคราะห์ ต�ำบลชา้ งคลาน อ�ำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่. ๒๓ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ พระมหาสงา่ ธีรสวํ โร วัดผาลาด ต�ำบลสเุ ทพ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งใหม่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๑. พระไชยวทิ ย์ ธมมฺ รโต วัดทา่ ทุ่ม ตำ� บลสันพระเนตร อำ� เภอสนั ทราย จงั หวัดเชยี งใหม่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑. พระธรี วัตร ขตตฺ ิโย วัดมหาวัน ต�ำบลช้างม่อย อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่ ๒๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๔. พระอรุณ ชุติปัญโญ วดั โสภณาราม ต�ำบลดอนแกว้ อำ� เภอแม่ริม จงั หวัดเชยี งใหม่ ๒๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๔. ศาสตราจารย์ ดร. อุดม รุ่งเรืองศรี ส�ำนกั เรือนเดิม คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชยี งใหม่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑. รศ. (พเิ ศษ) ถาวร เสารศ์ รจี นั ทร์ มจร. เชยี งใหม่ วดั สวนดอก ต�ำบลสุเทพ อำ� เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ ๑๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๔. ดร.พรศลิ ป์ รัตนชูเดช มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชยี งใหม่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒. นายศรีเลา เกษพรหม ๔๙ หมู่ ๒ บ้านศรีสองเมือง ต�ำบลไชยสถาน อำ� เภอสารภี จังหวัด เชยี งใหม่ ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๑. นายบญั ญตั ิ อนิ ทรธนู พุทธสมาคมจังหวดั เชยี งใหม่ ต�ำบลชา้ งคลาน อ�ำเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ ๑๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑. นายบญุ คิด วัชรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั วิทยาเขตเชยี งใหม่ ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๕๓. นายเกรกิ อัครชิโนเรศ ส�ำนักเรอื นเดมิ คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑. นายสมบูรณ์ กนั ทะปา ณ สถานปฏิบัตธิ รรมนานาชาติ มจร. วทิ ยาเขตเชียงใหม่ ต�ำบลปา่ ไผ่ อำ� เภอสันทราย จงั หวดั เชียงใหม่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔. นายสุชาติ แกว้ ก้อ บ้านเลขท่ี ๓๒๗/๔๙ หมู่บ้านเศรษฐกี าญจน์ ตำ� บลหนองผ้งึ อำ� เภอ สารภี จงั หวัดเชยี งใหม่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔. 270
นายจรี สนุ ทรสิงห์. สำ� นกั พมิ พ์มรดกล้านนา ๑๔ ถนนศิรมิ งั คลาจารย์ ซอยสายนำ้� ผง้ึ ตำ� บลสเุ ทพ อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่. นายดุสติ ชวชาติ บ้านเลขท่ี ๙๖ ถนนทา้ ยวัง ต�ำบลช้างมอ่ ย อ�ำเภอเมือง จังหวัด เชยี งใหม่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕. ขอบคณุ ภาพประกอบจาก พระมหาสงา่ ธรี สวํ โร. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม.่ ๒๕๕๖. พระศุภชยั ชยสโุ ภ. วดั สวนดอก ต�ำบลสุเทพ อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่. ๒๕๕๖. พระจตพุ ล จติ ตสงั วโร. วดั บวกคา้ ง ตำ� บลบวกคา้ ง อำ� เภอสนั กำ� แพง จงั หวดั เชยี งใหม.่ ๒๕๕๖. พระสมหุ จ์ กั รนิ ทร์ กติ ตฺ ภิ ทโฺ ท. สวนดอก ตำ� บลสเุ ทพ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม.่ ๒๕๕๖. ดร. พรศลิ ป์ รตั นชเู ดช. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม.่ ๒๕๕๕. บุญเสรมิ สาสตราภยั . ๒๕๕๕. อาจารยพ์ งษพ์ รรณ เรือนนันชยั . บา้ นเลขท่ี ๑๒๗ ต�ำบลเวยี งตาล อำ� เภอ หา้ งฉตั ร จงั หวดั ลำ� ปาง. ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๖. อาจารยร์ ัฐพงษ์ ทาสี คณะพุทธศลิ ปกรรม มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลยั . วิทยาเขตเชียงใหม่. ๙ กนั ยายน ๒๕๕๖. อาจารยพ์ รรณเพญ็ เครอื ไทย. สถาบนั วจิ ัยสงั คม มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. ๑๕ สงิ หาคม ๒๕๕๖. นายจรีย์ สุนทรสิงห์. ๑๔ ถนนศริ มิ งั คลาจารย์ ซอยสายนำ�้ ผ้ึง ตำ� บลสเุ ทพ อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดเชียงใหม่. ๒๕ กนั ยายน ๒๕๕๖. นายดเิ รก อินจันทร์. สถาบันใบลานศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม.่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖. นางสาวอมรรัตน์ เฟ่อื งวรธรรม. สถาบนั วิจัยสงั คม มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ ๒๕๕๖. นางทัศนยี ์ ยะจา หจก. บ้านศลิ าดล เลขที่ ๗ หมทู่ ่ี ๓ ถนนเชียงใหม่-สันกำ� แพง ต�ำบลสันกลาง อำ� เภอสนั กำ� แพง จงั หวัดเชยี งใหม.่ ๒๕๕๕. นายบุญญฤทธิ์ ตุลาพนั ธ์พงศ์. สำ� นกั งานหนังสือพมิ พ์เชยี งใหม่นวิ ส์ อ�ำเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม.่ ๒๕๕๖. นายครี ินทร์ หนิ คง. มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตเชียงใหม่. ๒๕๕๖. นายศรมี ลู แสนเมอื งมา. มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม.่ ๒๕๕๖. 271
นายตัวดี ท. ทวิ เทอื กเขา http://www.youtube.com/watch?v=jNCZFUdH6g4 ธงชัย เปาอินทร.์ บทความ ตักบาตรเท่ียงคืนบชู าพระอรหันต์ “พระอุปคุต”. จากส่ือออนไลน์ http://thongthailand.igetweb.com/index. php?lite=article&qid=498969 มณี พยอมยงค์ และศริ ริ ัตน์ อาศนะ. ๒๕๓๘. เครื่องสกั การะในล้านนาไทย. เชยี งใหม:่ ส.ทรัพย์การพิมพ์. มลู นธิ ิโกมลคมี ทอง มลู นิธเิ ด็ก คณะกรรมการศาสนาเพ่ือการพฒั นา ปาจารยสาร สวน สร้างสรรค์ นาคร-บวรรตั น.์ อนทุ ินภาพ ๖๐ ปี สวนโมกข์: ประทีปธรรมแหง่ สยาม. อรศรี งามวิทยาพงศ์ บรรณาธกิ าร. กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์ พร้นิ ตง้ิ กรุ๊พ จำ� กัด. ๒๕๓๕. หนา้ ๓๕, ๗๑, ๗๘. วัดพระธาตดุ อยสะเกด็ พระอารามหลวง อ�ำเภอดอยสะเก็ด จังหวดั เชยี งใหม.่ ๒๕๕๖. วดั ลอยเคราะห์ http://www.watloikroh.com/showactdetail.php?act_id=474. ๒๕๕๖. ส�ำนกั เรอื นเดมิ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่. ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖. ศนู ยใ์ บลานศึกษา สถาบันล้านนา มหาวิทยาลัยราภฏั เชียงใหม.่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๖. หนังสือคัมภรี ว์ ิสทุ ธิมรรค พระพุทธโฆสเถระ รจนา, สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) แปลและเรียบเรียง. กรงุ เทพฯ: บริษัท ธนาเพรส จำ� กดั . พมิ พค์ รั้งที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๕๖. httpwww.oknation.netblogprint.phpid=817545 272
ประวัตผิ ้เู ขียน พระนคร ปญญฺ าวชิโร (ปรงั ฤทธ)ิ์ ภมู ลิ ำ� เนาเดมิ ๘๒ หมู่ ๓ ตำ� บลศลิ าเพชร อำ� เภอปวั จงั หวดั นา่ น ปจั จบุ นั สงั กดั วดั ชยั สถาน (ปา่ เสรา้ นอ้ ย) ตำ� บลสนั ปเู ลย อำ� เภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชยี งใหม่ ตำ� แหนง่ ปจั จบุ นั เจา้ หนา้ ทศี่ นู ยศ์ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาประเทศเพอ่ื นบา้ น ฝา่ ยวชิ าการ และวจิ ยั สำ� นกั วชิ าการ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต เชยี งใหม่ การศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๓๒ นกั ธรรมเอก วัดพญาภู ส�ำนักเรยี นเจา้ คณะจังหวดั น่าน พ.ศ. ๒๕๔๑ ปรญิ ญาศาสนศาสตรบณั ฑติ (ภาษาไทย) มหาวทิ ยาลยั มหากฏุ ราชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๖ ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ (ภาษาและวรรณกรรม ลา้ นนา) มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ 273
เกยี รตบิ ตั ร พ.ศ. ๒๕๕๔ เกยี รตบิ ตั รเชดิ ชเู กยี รตผิ ทู้ ำ� คณุ ประโยชนต์ อ่ กระทรวง วฒั นธรรม ระดบั จงั หวดั เชยี งใหม่ ผลงาน การวจิ ยั ๑. ศกั ยภาพและบทเรยี นของวดั ในการดแู ลสขุ ภาพชมุ ชนจงั หวดั เชยี งใหม.่ เครอื ขา่ ยบรหิ ารการวจิ ยั ภาคเหนอื ตอนบน สำ� นกั งานคณะกรรมการการ อดุ มศกึ ษา ๒๕๕๑. (ผวู้ จิ ยั รว่ ม) ๒. การศกึ ษารปู แบบการเทศนาธรรมในลา้ นนา. สถาบนั วจิ ยั พทุ ธศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ๒๕๕๐. หนงั สอื วชิ าการ ๑. หนงั สอื วถิ ไี ทเขนิ เมอื งเชยี งตงุ (บทความ พระพทุ ธศาสนา ศนู ยก์ ลางจติ วญิ ญาณชาวเชยี งตงุ ) ๒. หนงั สอื ประเพณี ๑๒ เดอื น เมอื งเชยี งตงุ ๓. หนงั สอื กลองในพระไตรปฎิ กทปี่ รากฏในลา้ นนา ๔. หนงั สอื เถราภเิ ษก : พธิ ยี กยอสมณศกั ดพิ์ ระสงฆใ์ นลา้ นนา (บรรณาธกิ าร) ๕. หนงั สอื เครอื่ งสกั การะและเครอ่ื งประกอบพธิ ใี นพระพทุ ธศาสนาเมอื ง เชยี งตงุ เลม่ ๑ ๖. หนงั สอื วถิ ไี ทลอื้ เมอื งสบิ สองพนั นา (บรรณาธกิ าร และเขยี น บทความเรอื่ งพระพทุ ธศาสนาในเมอื งสบิ สองพนั นา) ๗. หนงั สอื ภมู ปิ ญั ญาเชงิ ชา่ งเชยี งใหม่ (บทความสลา่ แปงกลองชยั มงคล) ๘. หนงั สอื ไหวส้ าปาระมพี ระบรมธาตดุ อยสเุ ทพ วสิ าขบชู า ๒๕๕๕ ฉลองพทุ ธชยนั ตี ๒,๖๐๐ ปี แหง่ การตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ (บทความ ธงสญั ลกั ษณพ์ ทุ ธชยนั ต)ี ๙. หนงั สอื ยาฝน ยาขอ หมอวาน ๑๐. หนงั สอื กลองสะบดั ชยั : ศลิ ปะการแสดงลา้ นนา 274
เขยี นบทและถา่ ยทำ� สารคดเี ผยแพรใ่ นรายการขว่ งธรรม สถานโี ทรทศั น์ NBT เชยี งใหม่ ๑. เยอื นถน่ิ เชยี งตงุ สบื สรา้ งทางบญุ ตอน สงั ขานตป์ ใี หม่ เมอื งเชยี งตงุ ๒. เยอื นถนิ่ เชยี งตงุ สบื สรา้ งทางบญุ ตอน เปดิ ตำ� นานนครเชยี งตงุ ๓. เปดิ บนั ทกึ ชาตพิ นั ธไุ์ ท วถิ พี ทุ ธ นครเชยี งตงุ ชนเผา่ ลวั ะ ๔. เปดิ บนั ทกึ ชาตพิ นั ธไุ์ ท วถิ พี ทุ ธ นครเชยี งตงุ ชนเผา่ แอน่ ๕. เปดิ บนั ทกึ ชาตพิ นั ธไ์ุ ท วถิ พี ทุ ธ นครเชยี งตงุ ชนเผา่ ปะหลอ่ ง (ดาระอง้ั ) ๖. ทอ่ งแดนไทลอ้ื เมอื งสบิ สองพนั นา ๗. เยอื นถนิ่ พทุ ธศาสนาไทลอื้ เมอื งสบิ สองพนั นา ๘. สานสมั พนั ธพ์ ระพทุ ธศาสนาในอาเซยี น ลา้ นนา-สบิ สองพนั นา ๙. สารคดสี ถานศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาและปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน นานาชาติ เฉลมิ พระเกยี รติ ๗๒ พรรษา มหาราชนิ ี มหาวทิ ยาลยั มหา จฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตเชยี งใหม่ บา้ นศรวี งั ธาร ตำ� บลปา่ ไผ่ อำ� เภอสนั ทราย จงั หวดั เชยี งใหม่ ประสบการณท์ ำ� งานดา้ นวฒั นธรรม ๑. ผทู้ รงคณุ วฒุ ปิ ระจำ� ภาคเหนอื การดำ� เนนิ โครงการพฒั นาองคค์ วามรู้ ดา้ นวฒั นธรรม สำ� นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงวฒั นธรรม พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. ผทู้ รงคณุ วฒุ จิ ดั ทำ� ฐานขอ้ มลู วฒั นธรรมไทใหญ่ ชมุ ชนวดั ปา่ เปา้ ในโครงการสบื สานวฒั นธรรมวถิ ี ๔ ไท สำ� นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. คณะกรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ศนู ยว์ ฒั นธรรมเฉลมิ ราช วดั พระธาตดุ อยสะเกด็ พระอารามหลวง พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔. อาจารยพ์ เิ ศษ สาขาวชิ า วฒั นธรรมไทย สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ ปที ่ี ๒ (คฤหสั ถ)์ ภาคพเิ ศษ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต เชยี งใหม่ 275
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275