978-616-08-3319-1
แผนการจัดการเรยี นรู้ Let’s Go 4th Edition level 5
คานา คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดหนังสอื ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th edition เป็นส่ือการเรียนรู้ใน ชดุ การเรียนการสอนรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th edition ที่จัดทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นแนวทางใน การจัดการเรียนรู้โดยยึดหลักการออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Outcome-Based Education ท่ีเป็น การศกึ ษาท่มี ่งุ ผลลพั ธ์ โดยผเู้ รยี นเปน็ ศูนย์กลาง (Student-centered)และครูอาจารย์เป็นผู้จัดกระบวนการ “เรียนรู้”และจดั การเรยี นการสอน “แนวระนาบ” ทีค่ รหู รอื อาจารยจ์ ะเรียนร้รู ว่ มกบั นกั เรยี น และเรียนรู้จาก นกั เรียนได้ด้วยนอกจากน้ี วธิ กี ารเรียนรู้จะใชก้ ิจกรรม และการลงมอื ปฏบิ ัติเปน็ หลกั และต้องมกี ารใหผ้ ู้เรยี นได้ สรปุ บทเรียนการเรียนรู้ (reflection) อยา่ งสมา่ เสมอ เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นไดแ้ ลกเปลยี่ นเรยี นรู้ซ่ึงกนั และกนั และตอ้ ง มีการประเมินผล หรือประเมิน “ผลลัพธ์”เพ่ือให้ผู้เรียนได้ เกิดการพัฒนาตนเอง นอกจากนี้ ให้นักเรียน สามารถเช่ือมโยงความรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ได้ในเชิงบูรณาการด้วยวิธีการที่หลากหลาย เน้น กระบวนการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรปุ ความรู้ด้วยตนเอง ทาให้นกั เรยี นได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ นาไปสู่การอยู่ รว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ติสขุ ชุดการเรยี นการสอน รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th edition ช้ันประถมปีที่ 1-6 โดย แต่ละช้ันประกอบด้วยสื่อการเรียนรู้ ดังน้ี 1) หนังสือเรียน Student Book 2) แผนซีดี (Audio CDs) 3) แบบฝึกหดั Workbook และ 4) คู่มอื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ การจดั ทาคมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาษาองั กฤษนไ้ี ดจ้ ัดทาตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซึง่ ครอบคลุมทุกสาระการเรียนรู้ คือ ภาษาเพื่อการสื่อสาร ภาษาและวัฒนธรรม ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ื่น และภาษากับความสมั พนั ธ์กบั ชมุ ชนและโลก ภายในเล่มได้ นาเสนอแผนการจดั การเรียนรเู้ ป็นรายช่ัวโมงตามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือให้ครูนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้ สะดวกยง่ิ ข้ึน นอกจากนี้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ยังมีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ท้ัง 3 ด้าน ได้แก่ ด้าน ความรู้ ด้านทักษะ/กระบวนการ และด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม ทาให้ทราบผลการเรียนรู้แต่ละ หน่วยการเรียนร้ขู องผเู้ รียนได้ทันที คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรยี นรู้ ภาษาอังกฤษชดุ นน้ี าเสนอเน้ือหาแบ่งเปน็ 2 ตอน คอื ตอนท่ี 1 คาแนะนาการจดั การเรยี นรชู้ ดุ การเรยี นการสอน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th edition ประกอบด้วย (1) แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ (2) การออกแบบการจัดการเรียนรู้ เทคนคิ และการวัด-ประเมินผลตามแนวคดิ ของการศึกษาท่ีมุ่งผลลัพธ์ (Outcome-based Education--OBE) กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (The Common European Framework of Reference for Languages--CEFR) และ การสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร (Communicative Language Teaching--CLT) และ (3) สาระมาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชี้วดั ช้ันปี
ตอนท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วยการเรยี นรู้ ไดเ้ สนอแนะแนวทางการจดั การเรียนรูโ้ ดยใช้ส่ือ การเรียนรู้ในชุดการเรียนการสอน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th edition 1-6 แบ่งเป็นแผน ย่อยรายชัว่ โมง ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้แต่ละแผนมีองค์ประกอบครบถ้วนตามแนวทางการจัดทาแผนการ จดั การเรยี นรู้ของสถานศึกษา คู่มือครู แผนการจัดการเรยี นรู้ ภาษาอังกฤษชุดนี้ได้ออกแบบการเรียนรู้ด้วยเทคนิคและวิธีการสอน อย่างหลากหลาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับ สภาพแวดลอ้ มของนกั เรียนตอ่ ไป คณะผู้จดั ทา
สารบัญ แนวทางการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ................2 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2.1..........................154 ตารางวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งของเนอ้ื หา แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5.............................160 สาระกบั มาตรฐานการเรยี นร้แู ละ หนว่ ยย่อยที่ 1: Let’s Talk ................162 ตัวช้ีวัดชนั้ ปี ........................................ 15 หนว่ ยย่อยท่ี 2: Let’s Learn..............168 แผนการจดั การเรยี นรู้ Let’s Go 4th หน่วยยอ่ ยที่ 3: Let’s Learn More ...173 Edition level 5................................. 34 หน่วยยอ่ ยท่ี 4: Let’s Read...............177 แผนการจดั การเรียนร้เู ตรยี มพ้ืนฐานก่อน แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 6.............................182 เรียน................................................... 34 หนว่ ยย่อยที่ 1: Let’s Talk ................187 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1.............................. 37 หน่วยยอ่ ยท่ี 2: Let’s Learn..............192 หนว่ ยยอ่ ยที่ 1: Let’s Talk.................. 42 หน่วยย่อยท่ี 3: Let’s Learn More ...197 หนว่ ยย่อยที่ 2: Let’s Learn............... 48 หน่วยย่อยที่ 4: Let’s Read...............201 หนว่ ยย่อยที่ 3: Let’s Learn More..... 53 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3.1..........................207 หน่วยย่อยท่ี 4: Let’s Read ................ 59 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 7.............................213 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2.............................. 65 หนว่ ยย่อยท่ี 1: Let’s Talk ................218 หน่วยยอ่ ยท่ี 1: Let’s Talk.................. 71 หน่วยย่อยที่ 2: Let’s Learn..............223 หนว่ ยยอ่ ยท่ี 2: Let’s Learn............... 77 หนว่ ยย่อยที่ 3: Let’s Learn More ...229 หน่วยยอ่ ยที่ 3: Let’s Learn More..... 82 หนว่ ยย่อยที่ 4: Let’s Read...............233 หนว่ ยย่อยท่ี 4: Let’s Read ................ 87 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8.............................239 บันทกึ ผลหลงั สอน ............................... 92 หน่วยย่อยที่ 1: Let’s Talk ................244 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2.1........................... 93 หน่วยยอ่ ยท่ี 2: Let’s Learn..............249 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3.............................. 99 หน่วยยอ่ ยที่ 3: Let’s Learn More ...254 หน่วยย่อยท่ี 1: Let’s Talk................ 104 หนว่ ยย่อยที่ 4: Let’s Read...............259 หน่วยยอ่ ยท่ี 2: Let’s Learn............. 109 บันทึกผลหลงั สอน........................................265 หนว่ ยย่อยที่ 3: Let’s Learn More... 113 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4.1..........................267 หน่วยย่อยท่ี 4: Let’s Read .............. 117 ตัวอย่างแบบประเมินผลทักษะ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2.1......................... 124 ภาษาอังกฤษ .....................................273 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 4............................ 130 ตัวอย่างเกณฑก์ ารคะแนนทกั ษะการฟงั .........274 หน่วยยอ่ ยท่ี 1: Let’s Talk................ 135 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ หนว่ ยยอ่ ยท่ี 2: Let’s Learn............. 141 (ภาษาอังกฤษ)...................................275 หนว่ ยย่อยที่ 3: Let’s Learn More... 145 ตวั อยา่ ง เกณฑ์การใหค้ ะแนนการอ่านออก หนว่ ยยอ่ ยท่ี 4: Let’s Read .............. 148 เสียงคาศัพท์ ......................................276
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ)...................................277 (ภาษาองั กฤษ) .................................. 287 ตัวอย่าง เกณฑ์การใหค้ ะแนนการพูด แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ประโยคตามโครงสร้าง........................278 ของผู้เรียน ด้านความซ่ือสตั ย์สจุ รติ มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ ม่ันในการทางาน... 287 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ)...................................279 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รียน ดา้ นรักชาติ ศาสน์ ตัวอย่าง เกณฑ์การให้คะแนนการพูด กษตั ริย์ อยอู่ ย่างพอเพียง รักความ โต้ตอบตามสถานการณท์ ก่ี าหนดให้.....280 เปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ...................... 289 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (ภาษาองั กฤษ)...................................281 ของผู้เรียน ดา้ นความซื่อสตั ยส์ จุ รติ มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน... 290 ตัวอย่าง เกณฑ์การให้คะแนนการพดู บรรยายตามสถานการณท์ ่กี าหนดให้...282 แบบประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน....... 291 แบบทดสอบ................................................ 292 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ เฉลยแบบทดสอบ........................................ 297 (ภาษาองั กฤษ)...................................283 ตวั อยา่ งเกณฑก์ ารประเมินการเขียน .............284 กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ)...................................285 ตัวอย่าง เกณฑ์การใหค้ ะแนนการทางาน กลุ่ม ..................................................286
ตอนท่ี 1 คาแนะการจดั การเรยี นรู้ชดุ การเรยี นการสอน รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาองั กฤษ Let’s Go 4th edition 1 Let’s Go 4th Edition level 5
1. แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ Let’s Go 4th editionเล่มน้ีจัดทาข้ึนเพื่อเป็นแนวทาง ใหค้ รูใช้ประกอบการจดั การเรยี นรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซึ่งการแบ่งหน่วยการเรียนรู้สาหรับจัดทาแผนการจัดการ เรียนรู้รายชัว่ โมงในคูม่ อื ครู หนังสอื เรยี น Let’s Go ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 4 แบ่งได้ออกเป็น 8 หนว่ ยการเรียนรู้ ดงั นี้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1: How Much Food? หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2: Comparing Animals หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3: Last Weekend หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4: Activities หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5: The Future หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6: Fun in the Seasons หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 7: The Senses หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8: New Experiences คมู่ ือครู แผนการจัดการเรียนรู้น้ีได้นาเสนอรายละเอียดไว้ครบถ้วนตามแนวทางการจัดทาแผนการ จดั การเรยี นรู้ตามแนวทาง การศกึ ษาทมี่ งุ่ ผลลัพธ์ (Outcome-based Education) และกรอบแนวคดิ ของคู่มือ การจดั การเรียนการสอนภาษาอังกฤษแนวใหมต่ ามกรอบอา้ งองิ ความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรปหรือ The Common European Framework of Reference for Languages (CEFR)และการสอนภาษาอังกฤษ เพ่ือการสื่อสาร (Communicative Language Teaching) ดังท่ีระบุไว้ในคู่มือการจัดการเรียนการสอน ภาษาอังกฤษแนวใหม่ตามกรอบ CEFR ตามนโยบายการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและแนว ทางการสอนภาษาองั กฤษแนวใหม่ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ อย่างครบถว้ นตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ครูควรศึกษาคู่มือครู แผนการ จัดการเรียนรู้นี้ให้ละเอียดเพื่อปรับใช้ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม สถานการณ์ และสภาพบริบทของ นักเรยี น ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะแบ่งออกเป็น 4 หน่วยย่อย ประกอบด้วย Let’s Talk, Let’s Learn, Let’s Learn More และ Let’s Read ทัง้ นี้ ในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้จะกาหนดเวลา ไว้ 5 ชวั่ โมงต่อ 1 หน่วยการเรียนรู้ โดยอาจารย์ผสู้ อนสามารถปรบั เวลาและกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของ ผูเ้ รยี นและสถานศกึ ษาของทา่ นได้ โดยในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นรู้ มอี งค์ประกอบดังนี้ 1. การวิเคราะหค์ วามสอดคล้องระหว่างวตั ถุประสงค์ของแผนฯ กับหลักสูตรแกนกลางฯ กลุ่มสาระ การเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ และกรอบแนวคดิ CEFR แผนการจัดการเรยี นรู้ 2
2. ผังมโนทศั น์ผลลพั ธ์การเรยี นรู้(Learning Outcomes) กรอบอ้างองิ ความสามารถทางภาษาCEFR แสดงขอบขา่ ยเน้ือหาการจดั การเรียนรู้ที่ครอบคลุมความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และภาระงาน/ช้นิ งาน 3. กรอบแนวคิดการออกแบบการเรียนรู้ตามแนวความคิดของการศึกษาที่มุ่งผลลัพธ์ (Outcome- based Education) ควบคู่กับการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร (Communicative Language Teaching) เปน็ กรอบแสดงแนวคิดในการจัดการเรียนรู้ของแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ แบ่งเปน็ 3 ข้นั ไดแ้ ก่ ภาพประกอบจาก สมุ ติ รา องั วัฒนกลุ (2540) ขัน้ ท่ี 1 ข้ันนาเสนอ (Presentation)เปน็ การให้ตัวป้อนทางภาษา (Language Input) แก่ผู้เรียน ซ่ึงจัดเป็นข้ันการสอนทสี่ าคญั ขั้นหนึง่ ในขน้ั น้ีครจู ะนาเสนอเนื้อหาใหม่ โดยจะมงุ่ เนน้ การใหผ้ ้เู รยี นได้รับรู้และ ทาความเขา้ ใจเกย่ี วกับความหมายและรปู แบบภาษาท่ีใชก้ นั จริงโดยทั่วไป รวมทัง้ วิธกี ารใชภ้ าษา ไม่ว่าเป็นด้าน การออกเสยี ง ความหมาย คาศัพท์ และโครงสร้างไวยากรณท์ ่ีเหมาะสมกบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ ควบคกู่ นั ไป ขน้ั ที่ 2 ขนั้ ฝึกปฏบิ ัติ (Practice)เป็นการฝึกให้ผู้เรียนมีความแม่นยาในรูปแบบภาษา เพ่ือจะได้ สามารถนาไปใช้ในการสื่อสารต่อไป หลังจากท่ีผู้เรียนได้รับรูปแบบภาษาว่าเป็นอย่างไรและสื่อความหมาย อย่างไรในข้ันนาเสนอไปแล้ว ในขั้นนี้ควรเป็นการฝึกท่ีเน้นความหมาย (Meaningful drills) เพราะผู้เรียนมี ความจาเปน็ ในการใช้ภาษาเพื่อส่ือความหมาย การฝึกเน้นความหมายมีหลายแบบ เช่น ฝึกการแลกเปล่ียน ข้อมูล (Information gap) การแสดงบทบาทสมมุติ (Role-play) ฝึกด้วยการเล่นเกมท่ีมีการควบคุมการใช้ ภาษา เป็นตน้ 3 Let’s Go 4th Edition level 5
ขนั้ ที่ 3 การนาไปใช้ (Production) เป็นการฝึกใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร เปรียบเสมือนการถ่าย โอนการเรียนรู้ภาษาจากสถานการณ์ในชั้นเรียนไปสู่การนาภาษาไปใช้จริง การฝึกใช้ภาษาเพื่อการส่ือสาร โดยท่ัวไป มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้ลองใช้ภาษาในสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีจาลองจากสถานการณ์จริง หรือที่เป็น สถานการณจ์ ริงด้วยตนเองโดยครผู สู้ อนเป็นเพียงผู้แนะแนวทางเท่าน้ัน ส่วนผู้เรียนมีหน้าท่ีในการผลิตภาษา กิจกรรมท่ีให้ผเู้ รยี นปฏิบัติควรเป็นกจิ กรรมทใ่ี หผ้ ู้เรียนมคี วามตอ้ งการและมีจดุ มุ่งหมายในการสือ่ สาร และเปิด โอกาสใหผ้ ้เู รยี นได้เลอื กใช้ภาษาหรือเน้ือหาด้วยตนเองมากทส่ี ุด อีกท้ังผเู้ รยี นควรจะได้ประเมินผลการสื่อสาร ของตนจากผลสะท้อนกลับของผูร้ ่วมสอื่ สารด้วย เพ่อื ใหก้ ารสอ่ื สารเหมอื นจริงมากทสี่ ุด 4. แผนการจัดการเรยี นร้รู ายชั่วโมง เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดการออกแบบการ จัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Outcome-based Educationและ Communicative Language Teaching ประกอบด้วย 4.1 ชื่อแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบด้วยลาดับท่ีของแผน ช่ือแผน และเวลาเรียน เช่น หน่วย การเรยี นรูท้ ี่ 1 School Days เวลา 5 ชว่ั โมง 4.2 สาระสาคญั เป็นความคิดรวบยอดของเนื้อหาที่นามาจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการ เรียนรู้ 4.3 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ หรือตัวชวี้ ัดช้ันปี ที่ใชต้ รวจสอบนกั เรยี นหลงั จากเรยี นจบเน้ือหาท่ีนาเสนอ ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้น้ัน ๆ ซ่ึงสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตรและกรอบแนวคิด CEFR 4.4 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เปน็ ส่วนท่ีบอกจดุ มุ่งหมายที่ตอ้ งการใหเ้ กิดขึ้นแกน่ กั เรียนภายหลังจาก การเรียนจบในแต่ละแผน ท้ังในด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) ด้านทักษะ/ กระบวนการ (P) ซึง่ สอดคล้องสัมพนั ธก์ ับตัวช้ีวัดชั้นปีและเนอ้ื หาในแผนการจัดการเรยี นรู้น้ัน ๆ 4.5 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เปน็ การตรวจสอบผลการจัดการเรียนรู้ว่าหลังจากจัดการ เรยี นรู้ในแตล่ ะแผนการจัดการเรียนรู้แล้ว นักเรียนมีพัฒนาการ ตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังไว้หรือไม่ และมีส่งิ ทีจ่ ะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาปรับปรุงส่งเสริมในด้านใดบ้าง ดังนั้น ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้จึงได้ ออกแบบวิธกี ารและเครอ่ื งมอื ในการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนไว้อย่างหลากหลาย เช่น การทาแบบทดสอบ การตอบคาถามส้ัน ๆ การตรวจผลงาน การสังเกตพฤติกรรมทั้งทีเ่ ปน็ รายบุคคลและ กล่มุ เปน็ ตน้ โดยเนน้ การปฏบิ ตั ใิ หส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกับผลลพั ธ์ ตวั ชวี้ ัดและมาตรฐานการเรียนรู้ 4.6 ผลลัพธ์และสาระการเรียนรู้ เป็นหัวข้อย่อยที่นามาจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการ เรียนรู้ ซึง่ สอดคลอ้ งกบั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 4.7 แนวทางบูรณาการ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ในเรื่องท่ีเรียนรู้ของ แต่ละแผนให้เชื่อมโยงสัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพและเทคโนโลยี เพ่ือให้การ เรียนรสู้ อดคลอ้ งและครอบคลมุ สถานการณจ์ ริง แผนการจดั การเรยี นรู้ 4
4.8 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ เปน็ การเสนอแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เน้ือหาในแต่ละ เร่ือง โดยใช้แนวคิดและทฤษฎกี ารเรียนรู้ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้ครูนาไปใช้ประโยชน์ในการ วางแผนการจัดการเรยี นรไู้ ด้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ซงึ่ การสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร (Communicative Language Teaching) ประกอบด้วย 3 ขัน้ ไดแ้ ก่ ขนั้ ที่ 1 ข้นั นา ข้ันท่ี 2 ขัน้ ปฏบิ ตั ิ ขั้นท่ี 3 ขน้ั นาไปใช้ 4.9 กจิ กรรมเสนอแนะ เปน็ กิจกรรมเสนอแนะสาหรับให้นักเรียนได้พัฒนาเพ่ิมเติมในด้านต่าง ๆ นอกเหนอื จากทไ่ี ด้จัดการเรยี นรมู้ าแล้วในช่วั โมงเรียน 4.10 ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ เปน็ รายชอื่ ส่อื การเรยี นรทู้ กุ ประเภททใี่ ช้ในการจดั การเรียนรู้ ซงึ่ มีทง้ั สอ่ื ธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และสอ่ื บคุ คล เชน่ หนงั สอื เอกสารความรู้ รปู ภาพ เครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ เปน็ ต้น 4.11 บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ เป็นส่วนที่ให้ครูบันทึกผลการจัดการเรียนรู้ว่าประสบ ความสาเรจ็ หรือไม่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง ได้แก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นอย่างไร สิ่งท่ีไม่ได้ ปฏิบัติตามแผนมีอะไรบ้าง และขอ้ เสนอแนะสาหรับการปรับปรงุ แผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ ตอ่ ไป ครูควรศึกษาแผนการจัดการเรยี นรู้เพ่ือเตรียมการสอนอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ จดั กิจกรรมใหน้ ักเรียนได้ พฒั นาครบทกุ สมรรถนะสาคัญทีก่ าหนดไว้ในหลักสตู รและกรอบ CEFR กล่าวคือ สมรรถนะในการสอื่ สาร การ คดิ การแกป้ ญั หา การใช้ทกั ษะชีวติ และการใช้เทคโนโลยี รวมถงึ คุณลักษณะอันพึงประสงคต์ ามหลักสตู ร และ กจิ กรรมเสนอแนะเพอื่ การเรียนรเู้ พิ่มเตมิ ใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพของนกั เรยี นแต่ละคน ซึ่งไดก้ าหนดไวใ้ นแผนการ จัดการเรยี นรู้น้แี ลว้ นอกจากนค้ี รูสามารถปรับปรงุ แผนการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพความพร้อมของนักเรียน และสถานการณเ์ ฉพาะหนา้ ได้ ซงึ่ จะใชเ้ ปน็ ผลงานเพื่อเลอ่ื นวทิ ยฐานะได้ 2. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ เทคนคิ และการวัด-ประเมินผลตามแนวคิดของการศึกษาท่ี มงุ่ ผลลัพธ์(Outcome-based Education--OBE) กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของ สหภาพยุโรป (The Common European Framework of Reference for Languages-- CEFR) และ การสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร (Communicative Language Teaching--CLT) 2.1 การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Outcome-based Education หลักการวัดและประเมินผลแบบ outcome-based assessment ท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมิน สัมฤทธิผลของนักเรียนตาม learning outcomes เมื่อผ่านกระบวนการเรียนการสอนในรายวิชา (ตาม 5 Let’s Go 4th Edition level 5
course learning outcomes) หรือในหลักสูตร (ตาม program learning outcomes) โดยท่ีวิธีการวัดผล ต่างๆ ต้องมีความสอดคล้องกับวิธีการเรียนการสอน (teaching and learning methods) และ learning outcomes ที่กาหนดไวใ้ นรายวิชาหรอื หลกั สตู ร นอกจากนีย้ ังตอ้ งเป็นวิธกี ารวัดผลที่มี validity มี reliability ตามมาตรฐานการวัดผลดว้ ย วัตถปุ ระสงคข์ องบทความน้ี เพื่อเสนอแนะแนวทางการวัดผลแบบ outcome-based assessment ท่ีมหี ลกั การแตกต่างจากวิธีการวัดผลทั่วไปท่ีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และเพื่อแนะนาแนวทางการพัฒนาวิธีการ วัดผลและการตดั สนิ ผลแบบ outcome-based assessment สาหรบั นักเรียนทเี่ รียนจบในรายวิชาดว้ ย ลกั ษณะและหลักการวดั ผลแบบ outcome-based assessment 1. เน้นการวัดผลท่เี ป็นผลลัพธ์ (outputs) หรือ ผลผลิตสดุ ทา้ ย (end products) หลกั การที่สาคัญของ outcome-based assessment คือการมงุ่ เน้นประเมินผลลัพธ์ (outputs) หรือ ผลผลิตสุดท้าย (end products) ของนักเรียน ซึ่งแตกต่างจากการวัดผลจากการเรียนการสอนแบบ บรรยายให้ความรู้โดยอาจารย์ และสอบวัดความรู้ที่อาจารย์สอนจากตัวนักเรียน แต่ outcome-based assessment จะเน้นทีก่ ารประยุกต์ใชค้ วามรูแ้ ละสามารถแสดง (performance) ให้เห็นถึงภูมิความรู้ ทักษะ และเจตคติที่นักเรียนต้องทาได้ตามบริบทเงื่อนไขท่ีพึงประสงค์เมื่อนักเรียนเรียนจบรา ยวิชา ซึ่งเป็น outcomes ท่ีได้แจ้งให้นักเรียนทราบและเข้าใจก่อนข้ึนเรียนในรายวิชา ว่าเมื่อจบแล้วจะวัดผลด้วยการ ประเมินอะไร ประเมินอย่างไร และเปน็ ท่ีเช่ือม่ันไดว้ า่ นกั เรียนจะบรรลุ outcomes ต่างๆ ตามท่ีได้กาหนดไว้ โดยมีหลกั การตัดสินผลที่อิงเกณฑ์ (criterion) ไม่ใชอ่ ิงกลุม่ (norm referencing) 2. หลักการวัดผลแบบ outcome-based assessment ใชก้ ารตดั สินผลแบบอิงเกณฑ์(criterion referenced) วธิ กี ารตดั สนิ ผลการสอบของนักเรียนแต่ละคนที่เข้าสอบด้วยวิธีต่างๆ จะเปล่ียนไปเกือบท้ังหมด โดยลดความสาคัญของการใช้หลักการอิงกลุ่ม (normal curve) ที่ใช้วิธีการตัดสินผลด้วยการเปรียบเทียบ ผลลัพธห์ รอื คะแนนท่ไี ด้ระหว่างนักเรยี นในกลมุ่ เดยี วกัน และเปลย่ี นมาใช้หลกั การการตดั สินผลแบบอิงเกณฑ์ เป็นสาคญั ซึง่ หมายถงึ การวดั ผลลัพธ์หรอื ผลผลิตสุดท้ายของนักเรียนแต่ละคนเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้ ลว่ งหนา้ (expected learning outcomes) ซ่ึงเป็นเกณฑ์ทก่ี าหนดขึน้ โดยไม่ไดข้ ้ึนกับผลลัพธ์หรอื ผลผลิตของ นักเรยี นคนอืน่ ๆ ทเ่ี รยี นในรายวิชาเดียวกนั การกาหนดสัญลักษณผ์ ลการเรยี น (grade) ก็กาหนดตามเกณฑ์ท่ี ได้ต้งั ไวต้ งั้ แตเ่ ร่มิ เปิดเรียนรายวิชาน้นั ๆ ซง่ึ จะช่วยใหน้ กั เรียนได้รับทราบถึงเป้าหมายทจ่ี ะต้องทาให้ได้ในระดับ ผ่านหรือระดับ A หรือช่วยให้นักเรียนประเมินตนเองได้ว่ายังมีความรู้ความสามารถห่างไกลจากเป้าหมาย เพียงใด 3. การวัดผลแบบ outcome-based assessment เปน็ การวดั ผลอยา่ งต่อเนือ่ ง Outcome-based assessment มีลักษณะเฉพาะที่ต้องใช้วิธีการสอบท่ีหลากหลายและต้องทา บ่อยๆ (continuous) เพอื่ เป็นตัว guide นักเรยี นหรอื feedback ใหม้ งุ่ ไปสู่ outcomes ต่างๆ ท่กี าหนดไว้ใน รายวิชา การ feedback จากผลการสอบจะชว่ ยให้อาจารย์ผูส้ อนสามารถชว่ ยแนะนาแนวทางการปรบั ปรงุ การ แผนการจัดการเรยี นรู้ 6
เรยี น ให้นกั เรยี นมคี วามก้าวหน้าในการเรยี นรู้ ซึ่งวิธกี ารสอบน้ันไม่จาเป็นต้องเป็นแบบ formal ในทุกคร้ัง และนับเป็นกลยุทธ์ในการชี้ให้นักเรียนทราบจุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและช่วยทาให้นักเรียนได้เรียนรู้เป็น ลาดบั จนประสบความสาเรจ็ ได้ 4. การวัดผลแบบ outcome-based assessment สามารถปรับใช้เพื่อประเมินทั้งแบบ formative และ summative assessment การวัดผลแบบ formative assessment มีไว้เพื่อประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนให้มุ่งสู่ outcomes ต่างๆ ที่ตอ้ งบรรลหุ รอื เปน็ ผทู้ ม่ี ีความสามารถ (competent) ถา้ ประเมินแลว้ นกั เรียนยังมีผลลัพธ์ หรือผลผลิตท่ีไม่ถึงเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ อาจารย์ผู้สอนต้องทาหน้าที่ช่วยแนะนาว่าขาดอะไรและจะพัฒนาได้ อยา่ งไรเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสามารถทาไดจ้ นถงึ เกณฑ์และเปน็ ผ้ทู มี่ ีความสามารถ (competent) สว่ น summative assessment เป็นการสอบแบบ formal ณ เวลาทน่ี ักเรียนเรยี นจบรายวิชาหรอื หลักสูตร และมีการตัดสินให้ เป็นผ่าน ไม่ผา่ นเกณฑ์ หรอื ให้เป็นสัญลักษณ์ (grade) ตามเกณฑ์ท่กี าหนดไว้ 5. การวัดผลแบบ outcome-based assessment กบั มาตรฐานการสอบ มาตรฐานการสอบท่ีทราบกันมา reliability ของข้อสอบหมายถึงความเช่ือม่ันในการวัดผลการ เรยี น (consistency of measurement) ทัง้ นก้ี ารวดั ผลแบบ outcome-based assessment กเ็ ออ้ื ตอ่ ความ เชอื่ ม่ันหรือ reliability โดยมีการกาหนด outcomes ชัดเจน และมีการกาหนดเกณฑ์ท่ีชัดเจนสาหรับในการ วัดผล ซ่ึงจะคงที่ตลอดไม่ว่าอาจารย์ท่านใดเป็นผู้คุมสอบหรือนักเรียนคนใดท่ีถูกสอบ ซึ่งอาจารย์ผู้สอบ สามารถใช้เปน็ เกณฑ์ในการเตรียมสอบ พฒั นาขอ้ สอบและกาหนดวธิ ีการจดั การสอบ ท้ังน้ี outcomes ต่างๆ และเกณฑ์ได้ประกาศให้เป็นท่ีทราบกันทั่วท้ังนักเรียนและอาจารย์ จึงเป็นกลไกสาคัญในการกากับให้ กระบวนการวดั ผล มคี วามเชือ่ มนั่ ทค่ี งท่ี (consistency) โปร่งใสและมีมาตรฐาน 6. ความเท่ยี งตรง (validity) ของวธิ ีการวดั ผลแบบ outcome-based assessment ความเที่ยงตรง (validity) หมายถึง วิธีการสอบและเกณฑ์จะต้องตรงกันกับ outcomes ต่างๆ ที่ต้องการวัด ถ้ามีการสอบท่ีวัดผลนอกเหนือจากท่ีกาหนดไว้จะถือว่าไม่มีความเที่ยงตรง ( invalid) เช่น การกาหนดชิน้ รายงานภาษาอังกฤษให้นักเรียนส่งเก็บคะแนนและอาจารยป์ ระเมนิ ผลงานนั้นตาม outcomes ทก่ี าหนดไว้ หากอาจารยห์ ักคะแนนเนื่องจากนกั เรยี นเขยี นรายงานผิดไวยากรณ์ ทั้งๆ ทไ่ี มไ่ ด้กาหนดเกณฑก์ าร ใหค้ ะแนนไวว้ ่ารายงานตอ้ งเขยี นไวยากรณ์ถูกต้อง กรณีนี้ถือว่าวิธีการวัดผลไม่เที่ยงตรง (invalid) และยังไม่ ยตุ ิธรรมกับนักเรยี นดว้ ย 7. วธิ ีการวดั ผลแบบ outcome-based assessment ตอ้ งรวมถึงการวัดผลแบบบูรณาการด้วย (integrated assessment) การวดั ผลแบบบรู ณาการเป็นวิธีการวัดผลท่ดี ีในการแสดงหลักฐานท่ีเชื่อมั่นได้ว่านักเรียนได้บรรลุ outcomes ตา่ งๆ ของรายวิชาหรือหลักสูตรได้ชัดเจน เป็นการรวมผลลัพธ์หรือผลผลิตของนักเรียนจากท้ัง formative และ summative assessment เพ่ือให้นักเรียนสามารถแสดงออก (demonstrate) ถึง ความสามารถ (competence) ในการบูรณาการการใช้ความรู้ ทักษะและเจตคติตาม outcomes ต่างๆ ท่ี 7 Let’s Go 4th Edition level 5
กาหนดไว้ ซึ่งเป็นเร่ืองท่ีเป็นไปไม่ได้หากเลือกใช้วิธีการสอบข้อเขียนวิธีเดียว แล้วมาสรุปว่านักเรียนบรรลุ outcomes ต่างๆ ในรายวิชานนั้ 8. การวัดผลแบบ outcome-based assessment สอดคล้องกับกระบวนการอื่นๆ ในการจัด การศึกษา เป้าหมายของการเรียนรู้ของนักเรียนคือ ผลการเรียนรู้ของหลักสูตรที่ได้กาหนดไว้ (expected learning outcomes) การที่นักเรียนจะบรรลุผลการเรียนรู้ได้ ต้องมีการจัดการศึกษาให้นักเรียนได้เรียนรู้ ตั้งแต่ลาดับต้นๆ จนมีความรู้เพิ่มสูงขึ้นถึงระดับสูงสุดของ competency ที่กาหนดไว้ ดังนั้น outcomes ตา่ งๆ ของแต่ละรายวิชาต้องมคี วามสอดคล้องกับ outcomes ต่างๆ ท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร โดยต้องจัดการ ให้มีความสอดคล้องระหว่างกิจกรรมการเรียนการสอน (teaching and learning methods) และวิธีการ วัดผล (assessment methods) ให้บรรลุ learning outcomes ดว้ ย ดงั แสดงในแผนผงั ภาพที่ 1 ภาพท่ี 1 แสดงความสอดคล้องและบูรณาการของการวัดผลกับกระบวนการจดั การศึกษาอ่ืนๆ 2.2 กรอบอ้างองิ ความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป )The Common European Framework of Reference for Languages--CEFR( การออกแบบการจดั การเรียนรตู้ ามแนวคิดของ Outcome-based Education นั้น มคี วามสอดคล้อง กับกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสหภาพยุโรป (The Common European Framework of Reference for Languages--CEFR) โดยท้งั 2 แนวคิดนนั้ มปี รัชญาของการจัดการเรียนร้โู ดยมเี ปา้ หมายหรือ ผลลัพธ์เป็นทีต่ ง้ั กรอบอ้างองิ ทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) คอื มาตรฐานการประเมนิ ความสามารถทางภาษาที่ สหภาพยุโรปจัดทาขึน้ โดยมวี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื ใช้เป็นแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนและการประเมนิ ภาษา ทส่ี องหรอื ภาษาต่างประเทศ ในปี ค.ศ. 2002 สภาแหง่ สหภาพยโุ รปไดก้ าหนดใหใ้ ช้กรอบอ้างองิ ทางภาษาของ สหภาพยุโรป (CEFR) ในการตรวจสอบความสามารถทางภาษา ปัจจุบันกรอบอ้างอิงน้ี (CEFR) ได้รับการ ยอมรับอย่างกวา้ งขวางวา่ เป็นมาตรฐานในการจัดลาดับความสามารถทางภาษาของแต่ละบุคคล แผนการจัดการเรียนรู้ 8
9 Let’s Go 4th Edition level 5
แผนการจดั การเรยี นรู้ 10
คาอธิบายกรอบอ้างองิ ทางภาษาของสหภาพยุโรป (CEFR) ที่มา: คมู่ อื การจดั การเรียนการสอนภาษาองั กฤษแนวใหมต่ ามกรอบอา้ งองิ ความสามารถทางภาษาของ สหภาพยุโรปโดย สถาบันภาษาองั กฤษ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน 11 Let’s Go 4th Edition level 5
2.3 การสอนภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่อื สาร )Communicative Language Teaching( การสอนภาษาเพื่อการส่ือสาร (Communicative Language Teaching : CLT) เป็นแนวคิดในการ สอนภาษาท่มี งุ่ เน้นความสาคัญของตัวผูเ้ รยี น ให้ผู้เรยี นไดใ้ ช้ภาษาองั กฤษเพื่อใช้ในการสือ่ สารในชวี ติ ประจาวัน ไดจ้ ริง มกี ารลาดบั การเรียนรู้เป็นขั้นตอนตามกระบวนการใช้ความคิดของผู้เรียนซ่ึงเชื่อมระหว่างความรู้ทาง ภาษา ทกั ษะทางภาษา และความสามารถในการสือ่ สาร เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนาความรดู้ า้ นภาษาไปใช้ในการ สอ่ื สาร ดงั น้นั ในการจัดการเรียนการสอน ครูผู้สอนต้องคานึงถึงการให้ผู้เรียนได้สื่อสารในชีวิตจริงกิจกรรม และภาระงานต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการสือ่ สารจริง สือ่ ทใ่ี ช้ก็เป็นสือ่ จรงิ แต่ก็ไมไ่ ด้ละเลยความรู้ด้านไวยากรณ์ เม่อื เกดิ ความผิดพลาดทางดา้ นไวยากรณเ์ พยี งเล็กน้อย แต่ยงั สามารถสอ่ื สารได้ ครูผู้สอนไม่ควรขัดจังหวะโดย การแก้ไขให้ถูกต้องทันที ควรแก้ไขเมื่อความผิดพลาดน้ันทาให้เกิดความไม่เข้าใจหรือสื่อสารไม่ประสบ ความสาเร็จเท่านนั้ ทัง้ นีเ้ พ่อื ทาให้ผเู้ รียนมีเจตคตทิ ี่ดตี อ่ การใชภ้ าษาอังกฤษเพือ่ การสอื่ สาร (Davies &Pearse, 2000 ; Brown, 2001 ; Richard, 2006) คเนลและสเวน (Canale and Swain, 1980) ได้แยกองค์ประกอบของความสามารถในการส่ือสารไว้ 4 องค์ประกอบ ดงั นี้ 1. ความสามารถทางด้านไวยากรณ์หรือโครงสร้าง (Linguistic competence and Grammatical competence) หมายถึงความรู้ด้านภาษา ได้แก่ ความรู้เก่ียวกับคาศัพท์ โครงสร้างของคา ประโยค ตลอดจนการสะกดและการออกเสยี ง 2. ความสามารถด้านสงั คม (Sociolinguistic competence) หมายถึงการใช้คาและโครงสร้าง ประโยคไดเ้ หมาะสมตามบรบิ ทของสังคมเช่นการขอโทษการขอบคุณการถามทิศทางและข้อมลู ต่างๆ และการ ใช้ประโยคคาส่ังเปน็ ตน้ 3. ความสามารถในการใช้โครงสรา้ งภาษาเพื่อสือ่ ความหมายด้านการพูดและเขียน (Discourse competence) หมายถึงความสามารถในการเชื่อระหว่างโครงสร้างภาษา (Grammatical form) กับ ความหมาย (Meaning) ในการพดู และเขียนตามรปู แบบและสถานการณท์ ี่แตกตา่ งกนั 4. ความสามารถในการใชก้ ลวิธีในการสือ่ ความหมาย (Strategic competence) หมายถึงการ ใชเ้ ทคนิคเพื่อให้การติดตอ่ สือ่ สารประสบความสาเรจ็ โดยเฉพาะการสือ่ สารด้านการพูดเชน่ การใช้ภาษาท่าทาง (body language) การขยายความโดยใชค้ าศัพทอ์ ่ืนแทนคาที่ผพู้ ูดนกึ ไมอ่ อกเปน็ ต้น จากแนวคิดข้างต้นการสอนภาษาตามแนวทางการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร เน้นการใช้ภาษาของ ผู้เรยี นมากกว่าเนน้ โครงสรา้ งทางไวยากรณ์แตก่ ไ็ ม่ได้ละเลยโครงสร้างทางไวยากรณ์เพียงแต่เน้นการนาหลัก ไวยากรณเ์ หล่านีไ้ ปใช้เพอ่ื การสอื่ ความหมายหรือการสื่อสารจึงเป็นการให้ความสาคัญกับความคล่องแคล่วใน การใช้ภาษา (fluency) และความถูกต้อง (accuracy) ด้วยดังนั้นการเรียนการสอนแนวนี้จะต้องเน้นการทา กจิ กรรมเพือ่ การฝกึ ฝนการใช้ภาษาให้ใกล้เคียงสถานการณ์จริงมากที่สุด (Littlewood, 1991 และ Larsen- Freeman, 2002) แผนการจดั การเรยี นรู้ 12
หลักการจัดการเรยี นการสอนภาษาเพ่ือการส่อื สาร การจดั การเรยี นรู้ตามแนวการสอนเพ่ือการส่ือสารมหี ลักสาคัญดังน้ี 1. ผู้เรยี นไดร้ บั การฝึกฝนรปู แบบภาษาท่ีเรียนทจี่ ะใชใ้ นสถานการณ์ท่ีมีความหมาย โดยครูต้อง บอกให้ผเู้ รียนทราบถึงจดุ มงุ่ หมายของการเรยี นการฝกึ การใช้ภาษาเพื่อให้การเรียนภาษาเปน็ ส่ิงที่มคี วามหมาย ต่อผู้เรียนให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเม่ือเรียนแล้วสามารถทาบางส่ิงบางอย่างได้เพ่ิมข้ึนสามารถส่ือสารได้ตามที่ตน ต้องการ 2. จดั การเรยี นการสอนแบบบรู ณาการหรอื ทกั ษะสมั พนั ธ์ (Integrated Skills) คอื ใชท้ กั ษะทาง ภาษาทงั้ 4 ประกอบดว้ ยกรยิ าท่าทางท่คี วรจะได้ทาพฤติกรรมเชน่ เดียวกบั ในชีวติ จรงิ 3. ฝึกสมรรถภาพด้านการสื่อสาร (Communicative Competence) คือผู้เรียนทากิจกรรม การใช้ภาษาท่ีมีลกั ษณะเหมอื นในชวี ติ ประจาวันใหม้ ากทีส่ ดุ เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นนาไปใช้ได้จรงิ กจิ กรรมการหาขอ้ มลู ท่ี ขาดหายไป (Information Gap) ผูเ้ รียนทากิจกรรมนีจ้ ะไมท่ ราบข้อมูลของอกี ฝา่ ยหนึ่งจาเป็นตอ้ งสอ่ื สารกันจึง จะทราบข้อมูลสามารถเลือกใช้ข้อความที่เหมาะสมกับบทบาทสถานการณ์สานวนภาษาในรูปแบบต่างๆ (function) 4. จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนใหผ้ ูเ้ รียนได้ใชค้ วามรู้รวมทงั้ ประสบการณ์ท่ไี ดร้ บั สามารถแสดง ความเห็นหรือระดมสมอง (Brainstorming Activity) ฝึกการทางานกลุ่มแสดงบทบาทสมมุติ (Role Play) เกมจาลองสถานการณ์ (Simulation) การแก้ปัญหา (Problem Solving) ฯลฯ 5. ฝึกผู้เรยี นใหใ้ ช้ภาษาในกรอบของความร้ทู างดา้ นหลักภาษา (Grammatical Competence) ความรู้เกย่ี วกับกฎเกณฑ์ของภาษาสอ่ื สารไดค้ ล่อง (Fluency) เน้นการใช้ภาษาตามสถานการณ์ (Function) 6. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนตามศกั ยภาพ 7. ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเป็นตัวของตวั เองมคี วามรบั ผิดชอบและสนับสนุนใหศ้ กึ ษาหาความรูน้ อกชัน้ เรยี น 8. สอนต้องจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนที่สนองความสนใจของผ้เู รยี น 9. ให้โอกาสผ้เู รียนพูดแสดงความคดิ เหน็ ตามทต่ี อ้ งการ 10. ต้องช่วยช้ีแนะนาทางผู้เรียนให้คาแนะนาในระหว่างการดาเนินกิจกรรมพร้อมกับตรวจ ความกา้ วหนา้ ทางการเรยี นของผู้เรยี น 3. สาระมาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชี้วัดชัน้ ปี 3.1 สาระมาตรฐานการเรยี นรู้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551กลุ่มสาระการเรียนูร้ภาษาต่างประเทศ ระบสุ าระและมาตรฐานการเรียนรูไ้ วด้ งั นี้ 13 Let’s Go 4th Edition level 5
สาระทภ่ี าษาเพ่ือการสือ่ สาร 1 มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่างๆ และแสดงความ คิดเหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มลู ข่าวสารแสดงความรู้สึก และความคดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่างๆ โดย การพูดและการเขียน สาระทภ่ี าษาและวฒั นธรรม 2 มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และ นาไปใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทยและนามาใช้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม สาระทภ่ี าษากับความสมั พันธ์กับก 3ลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และ เปน็ พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรแู้ ละเปดิ โลกทัศน์ของตน สาระทภ่ี าษากบั ความสมั พันธ์ก 4บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ทง้ั ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมอื พน้ื ฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชพี และการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กับสงั คมโลก แผนการจัดการเรียนรู้ 14
ตารางวิเคราะหค์ วามสอดคล้องของเนอื้ หาสาระกับมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัดช้ันปี กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ หนังสอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาองั กฤษ Let’s Go 4th edition ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้/ ความสอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี สาระท1ี่ สาระที่ 2 สาระที่ 3 สาระที่ 4 มฐ. ต มฐ. ต มฐ. ต 1.1 มฐ. ต 1.2 มฐ. ต 1.3 มฐ. ต มฐ. ต มฐ. ต 4.1 4.2 2.1 2.2 3.1 11 หนว่ ยการเรยี นรู้ 12 3 412345 1 2 3 12 3 1 2 1 Unit 1 How Much Food? Unit 2 Comparing Animals Unit 3 Last Weekend Unit 4 Activities Unit 5 The Future Unit 6 Fun in the Seasons Unit 7 The Senses Unit 8 New Experiences 15 Let’s Go 4th Edition level 5
ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของเนื้อหาสาระกบั มาตรฐานการเรียนรู้ตัวชวี้ ัดชนั้ ปีและกรอบอา้ งองิ ทางภาษาของสหภาพยโุ รป (CEFR) Unit Contents สาระและตัวชี้วัด CEFR 1 1. สามารถฟงั พดู อา่ นและเขียนคาศพั ท์ ต 1.1 ป5/1 ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอรอ้ งและ LEVEL: A1 เกี่ยวกบั อาหาร ผลไม้ และเครื่องด่มื คาแนะนางา่ ยๆทฟ่ี งั และอา่ น 1. Listening 2. สามารถสอบถามความคดิ เห็นและใหข้ ้อมลู ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสยี งประโยค ข้อความและ 1.1 การฟงั โดยรวม (OVERALL LISTENING) เกี่ยวกบั จานวน ในรปู ของการใชค้ าบอก บทกลอนสนั้ ๆถูกต้องตามหลักการ - สามารถเขา้ ใจคาและวลงี ่าย ๆท่ไี ดฟ้ ัง ปริมาณ (Quantifier Noun) และคา อ่าน - สามารถเข้าใจเวลาและวนั ท่ี ลกั ษณะนาม (Quantifying Noun) ต1.1 ป5/3 ระบ/ุ วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รือ 1.2 การฟังคสู่ นทนา (LISTEN TO 3. สามารถออกเสยี งและระบคุ วามแตกตา่ ง เครื่องหมายตรงตามความหมายของ INTERLOCUTOR) ของเสียง /mp/ /mb/ ได้ ประโยคและขอ้ ความส้นั ๆทีฟ่ งั หรือ - สามารถเขา้ ใจคาถามเพือ่ ขอข้อมลู ส่วนตัว 4. สามารถใช้คาคุณศพั ท์ขนั้ กวา่ เติม -er ได้ อา่ น ท่คี ู่สนทนากล่าวอยา่ งช้า ๆ ชัด ๆ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม 1.3 การฟังการอภิปราย (LISTEN IN จากการฟงั และอ่านบทสนทนาและ DISCUSSION) นทิ านง่ายๆหรือเรอ่ื งส้ันๆ - สามารถเขา้ ใจและประโยคส้นั ๆทกี่ ลา่ วอย่าง ต 1.2 ป.5/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการสอ่ื สาร ชา้ ๆ และชัดเจนเม่อื ฟงั บทสนทนา ระหว่างบคุ คล 2. Reading ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขยี น เพื่อขอและให้ขอ้ มลู 2.1 การอา่ นโดยรวม (OVERALL READING) เก่ยี วกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัว สามารถจาช่ือคาและวลที ่ีได้เรียนมาแลว้ และ และเร่ืองใกล้ตวั สามารถนาไปใช้ในประโยคงา่ ย ๆ ทม่ี ีรปู ภาพ ประกอบ แผนการจดั การเรยี นรู้ 16
Unit Contents สาระและตวั ช้ีวดั CEFR 17 Let’s Go 4th Edition level 5 ต 1.2 ป.5/5 พดู /เขียนแสดงความรู้สึกของตนเอง 3. Spoken Interaction เกี่ยวกบั เรื่องตา่ งๆใกลต้ วั และ 3.1 การสนทนา (CONVERSATION) กิจกรรมต่างๆพรอ้ มท้งั ให้เหตุผล - สามารถทกั ทายและกล่าวลางา่ ย ๆ ได้ สัน้ ๆประกอบ - สามารถถามทุกข-์ สขุ ได้ ต 1.3 ป5/1 พดู /เขยี นให้ข้อมลู เก่ยี วกบั ตนเอง - สามารถโต้ตอบเพอ่ื ถามและตอบคาถาม และเร่อื งใกลต้ ัว ง่าย ๆ และสามารถขอพดู ซา้ แกไ้ ขคาพูด ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เร่อื ง และขอความช่วยเหลอื ได้ ตา่ งๆใกล้ตัว - สามารถถามและตอบคาถามส่วนตวั งา่ ย ๆ ต 2.1 ป5/1 ใช้ถ้อยคา น้าเสียงและกรยิ าท่าทาง 3.2 การแลกเปลีย่ นข้อมลู อยา่ งสภุ าพตามมารยาททางสงั คม (INFORMATIONEXCHANGE) และวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา สามารถถาม - ตอบเกี่ยวกบั ทอ่ี ยบู่ ุคคลทร่ี ูจ้ กั ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมือน/ความแตกตา่ ง สิ่งของทมี่ ขี องตนเองและคสู่ นทนา ถ้าคู่ ระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนิด สนทนาพดู ชา้ ๆและชดั เจน ต่างๆ การใชเ้ ครอื่ งหมาย วรรคตอน 4. Spoken Production และการลาดับคาตามโครงสร้าง 4.1 การบรรยาย(DESCRIPTION) ประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ - สามารถให้ขอ้ มลู ส่วนตวั เช่นท่อี ยู่ หมายเลข ภาษาไทย โทรศพั ท์ สญั ชาตอิ ายุ ครอบครวั และงาน ต 2.2 ป.5/2 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ ง อดิเรก ระหว่างเทศกาลและงานฉลอง ของ - สามารถบรรยายเก่ียวกบั ตัวเองและ เจา้ ของภาษากับของไทย ครอบครวั ด้วยภาษางา่ ย ๆ
Unit Contents สาระและตวั ช้วี ดั CEFR 2 1. สามารถฟงั พูด อา่ นและเขียนคาศพั ท์ ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พูด และอา่ น/เขียนใน 5. Written Interaction เก่ียวกบั สตั ว์ชนดิ ตา่ งๆได้ สถานการณ์ตา่ งๆท่ีเกดิ ขึน้ ใน 5.1 การเขยี นโดยรวม (OVERALL WRITING) 2. สามารถถามและตอบเก่ียวกบั การ เปรียบเทยี บคาคณุ ศพั ท์ข้นั กวา่ และข้นั สดุ ห้องเรยี นและสถานศึกษา - สามารถเขยี นข้อความเก่ยี วกบั ตวั เอง ท่อี ยู่ 3. สามารถออกเสียงและระบุความแตกตา่ ง ต 4.2 ป.5/1 ใชภ้ าษาองั กฤษในการสืบคน้ และ อาศยั ดว้ ยวลีสัน้ ๆ และงา่ ย ๆ ได้ ของเสยี ง /ai/ /ir/ ได้ รวบรวมข้อมลู ต่างๆ - สามารถเขยี นการด์ 4. สามารถใชค้ าคุณศพั ท์ข้ันกว่า more+adj. และคาคณุ ศพั ทข์ ้ันสดุ เติม –est ต 1.1 ป5/1 ปฏิบัติตามคาสง่ั คาขอร้องและ 6. Strategies คาแนะนางา่ ยๆทฟี่ งั และอ่าน 6.1 การปฏิสมั พันธ์ (INTERACTION) ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสยี งประโยค ขอ้ ความและ - สามารถพูดตดิ ต่อกบั ผู้อนื่ ด้วยคา วลี หรือ บทกลอนสนั้ ๆถูกตอ้ งตามหลกั การ ภาษาทา่ ทางงา่ ย ๆ อ่าน 7. Language Quality ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รือ 7.1 ขอบข่ายของคาศัพท์ (RANGE) เคร่อื งหมายตรงตามความหมายของ - สามารถใชค้ า วลพี น้ื ฐานงา่ ย ๆเกยี่ วกบั ประโยคและข้อความสนั้ ๆทฟี่ งั หรอื ครอบครัวและรายละเอยี ดสว่ นบคุ คลและ อา่ น สถานการณป์ ระจาวันงา่ ย ๆ ได้ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม 7.2 ความแม่นยา (PRECISION) จากการฟังและอ่านบทสนทนาและ สามารถสือ่ สารขอ้ มลู พน้ื ฐานเกย่ี วกบั ตนเอง นิทานงา่ ยๆหรอื เรอ่ื งส้ันๆ ครอบครัวและงานทท่ี าอย่างงา่ ย ๆ ได้ ต 1.2 ป.5/1 พูด/เขยี นโต้ตอบในการสอ่ื สาร 7.3 การเช่ือมโยงเร่ืองและความคิด (LINKING ระหวา่ งบคุ คล TEXT AND IDEAS) แผนการจดั การเรยี นรู้ 18
Unit Contents สาระและตัวช้ีวดั CEFR 19 Let’s Go 4th Edition level 5 ต 1.2 ป.5/2 ใช้คาส่ัง คาขอร้อง คาขออนญุ าต สามารถเชอ่ื มวลดี ว้ ยคา เช่น and หรอื thenได้ และใหค้ าแนะนาง่ายๆ 7.4 ความถกู ตอ้ ง (ACCURACY) ต 1.2 ป.5/4 พดู /เขียน เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู สามารถใชว้ ลสี ้ัน ๆที่จาไดแ้ ล้วเพื่อจดุ ประสงค์ เกี่ยวกับตนเอง เพอ่ื น ครอบครัว บางอยา่ งไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและสมเหตสุ มผล และเร่อื งใกลต้ ัว 7.5 ความคลอ่ งแคลว่ (FLUENCY) ต 1.2 ป.5/5 พดู /เขยี นแสดงความรสู้ กึ ของตนเอง สามารถพดู ด้วยถอ้ ยคาเด่ยี ว ๆหรือวลที ส่ี ัน้ ได้ เก่ียวกบั เรื่องต่างๆใกล้ตวั และ กจิ กรรมต่างๆพรอ้ มทง้ั ให้เหตุผล LEVEL A1+ ส้นั ๆประกอบ 1. Listening ต 1.3 ป5/1 พดู /เขียนใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกับตนเอง 1.1 การฟังโดยรวม (OVERALL LISTENING) และเรอ่ื งใกล้ตัว - สามารถเขา้ ใจเรือ่ งท่ีฟัง เกี่ยวกับ ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั เรอื่ ง ชีวติ ประจาวันทผี่ ู้พดู พดู ชา้ ๆและชัดเจน ตา่ งๆใกล้ตัว - สามารถเขา้ ใจการบรรยายบคุ คล ส่งิ ของ ต 2.1 ป5/1 ใช้ถอ้ ยคา นา้ เสยี งและกริยาท่าทาง และคุณสมบตั ิ อย่างสภุ าพตามมารยาททางสงั คม 1.2 การฟงั คสู่ นทนา (LISTEN TO และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา INTERLOCUTOR) ต 2.1 ป.5/2 ตอบคาถาม/บอกความสาคญั ของ - สามารถเขา้ ใจเรื่องทฟี่ งั เก่ยี วกับคาถาม เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและ คาสงั่ คาแนะนางา่ ย ๆเมื่อผพู้ ูดพูดอยา่ งช้า ๆ ชีวติ ความเป็นอยงู่ า่ ยๆของเจา้ ของ 2. Reading ภาษา 2.1 การอา่ นโดยรวม (OVERALL READING)
Unit Contents สาระและตัวช้วี ดั CEFR 3 1. สามารถฟงั พดู อา่ นและเขียนคาศัพทท์ ีใ่ ช้ ต 2.1 ป.5/3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางภาษาและ สามารถอา่ นและเข้าใจบทอา่ นส้ัน ๆ และ คากริยารปู อดีตบอกกิจกรรมทที่ าไปแลว้ วฒั นธรรมตามความสนใจ ง่าย ๆ โดยจับใจความหลกั จากคา วลีท่ีคนุ้ เคย 2. สามารถขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกับกิจกรรม ต่างๆ ทท่ี าในรปู อดตี ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ ง 2.2 การอ่านคาสง่ั คาชี้แจงขน้ั ตอน (READ 3. สามารถออกเสียงและระบุความแตกตา่ ง ระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนิด INSTRUCTIONS) ของเสียง /st/ /str/ ได้ ตา่ งๆ การใช้เครอื่ งหมาย วรรคตอน สามารถอา่ นและปฏบิ ัตติ ามป้ายบอกเส้นทางได้ และการลาดบั คาตามโครงสรา้ ง เช่น การเดนิ ทางจากท่ีหนง่ึ ไปยงั อกี ทห่ี นง่ึ ประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ 3. Spoken Interaction ภาษาไทย 3.1 การสนทนา (CONVERSATION) ต 4.1 ป 5/1 ฟงั พดู และอา่ น/เขยี นใน - สามารถสอบถามทุกขส์ ุขของบคุ คลและ สถานการณ์ต่างๆทีเ่ กดิ ขน้ึ ใน มีปฏิสัมพนั ธต์ ่อข่าวสารนั้น ๆ หอ้ งเรียนและสถานศึกษา - สามารถ ถาม ตอบคาถามงา่ ย ๆ และโต้ตอบ ต 4.2 ป.5/1 ใช้ภาษาอังกฤษในการสบื ค้นและ ในเรอื่ งท่คี ุน้ เคย เช่น ครอบครวั ความเป็นอยู่ รวบรวมข้อมูลตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวัน ต 1.1 ป5/1 ปฏิบตั ติ ามคาสง่ั คาขอรอ้ งและ 3.2 การแลกเปล่ยี นขอ้ มลู (INFORMATION คาแนะนางา่ ยๆทีฟ่ ังและอา่ น EXCHANGE) ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสียงประโยค ขอ้ ความและ - สามารถบรรยายและถามเกยี่ วกบั เสอ้ื ผา้ บทกลอนสนั้ ๆถกู ตอ้ งตามหลกั การ เครอ่ื งแตง่ กายหรือสิ่งของอ่ืน ๆที่คนุ้ เคย อา่ น - สามารถระบเุ วลาโดยใชว้ ลี บ่งชเ้ี วลา 3.3 การติดต่อกจิ ธรุ ะ (TRANSACTIONS) -- สามารถพดู ขอและใหส้ ิ่งของได้ แผนการจัดการเรียนรู้ 20
Unit Contents สาระและตัวชี้วดั CEFR 4. สามารถเปลีย่ นรปู คานามเอกพจนท์ ีล่ งทา้ ย ดว้ ย yเป็นพหพู จน์ ไดโ้ ดยการเตมิ -ies ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รอื 4. Spoken Production เครอ่ื งหมายตรงตามความหมายของ 4.1 การบรรยาย(DESCRIPTION) ประโยคและขอ้ ความสน้ั ๆท่ีฟงั หรือ - สามารถแนะนาตนเอง เช่น บอกช่ือท่ีอยู่ อา่ น และอาชีพ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม - สามารถบรรยายเกยี่ วกบั ครอบครวั อยา่ ง จากการฟังและอา่ นบทสนทนาและ ง่าย ๆ เชน่ บุคคลในครอบครวั อายแุ ละ นทิ านง่ายๆหรือเรอื่ งส้นั ๆ อาชีพของแตล่ ะบุคคล ต 1.2 ป.5/1 พดู /เขียนโต้ตอบในการสอ่ื สาร - สามารถบรรยายเกย่ี วกบั ท่ีอย่ขู องตนเอง ระหว่างบคุ คล - สามารถบรรยายสงิ่ ท่ีชอบและไม่ชอบ เชน่ ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขยี น เพื่อขอและให้ขอ้ มลู กีฬา ดนตรีโรงเรียน และสตี า่ ง ๆ เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครวั - สามารถใชค้ าง่าย ๆ เพื่อบรรยายขนาด และเรื่องใกลต้ ัว รปู ร่าง และสขี องสิ่งต่าง ๆ ได้ ต 1.2 ป.5/5 พูด/เขยี นแสดงความรสู้ กึ ของตนเอง - สามารถบรรยายสงิ่ ที่ตนเองบคุ คลอืน่ หรอื เกยี่ วกับเรื่องต่างๆใกลต้ วั และ สตั วช์ นดิ ต่าง ๆสามารถทาไดแ้ ละไมส่ ามารถ กจิ กรรมต่างๆพรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ล ทาได้ ส้ันๆประกอบ 5. Written Interaction ต 1.3 ป5/1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เกีย่ วกับตนเอง 5.1 การเขยี นโดยรวม (OVERALL WRITING) และเรือ่ งใกลต้ ัว สามารถเขยี นประโยคง่าย ๆเกี่ยวกบั ตนเอง ต 1.3 ป.5/2 เขยี นภาพ แผนผังและแผนภมู ิ เช่นอยู่ทไี่ หน ทาอะไร แสดงขอ้ มลู ตา่ งๆตามทฟ่ี งั หรืออ่าน 21 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตัวช้วี ัด CEFR 4 1. สามารถฟงั พดู อ่านและเขยี นคาศพั ท์ ต 1.3 ป.5/3 พดู แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เรื่อง 6. Strategies เกี่ยวกบั การกระทาตา่ งๆได้ เช่น งานบ้าน ตา่ งๆใกล้ตวั 6.1 การปฏสิ มั พันธ์ (INTERACTION) ต 2.1 ป5/1 ใช้ถ้อยคา น้าเสียงและกรยิ าท่าทาง - สามารถขอร้องใหค้ ู่สนทนาพูดช้าลง อยา่ งสุภาพตามมารยาททางสงั คม - สามารถขอร้องให้คู่สนทนาพูดซา้ ในสง่ิ ทพ่ี ูด และวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา 6.2 การเทียบเคยี ง (COMPENSATION) ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมือน/ความแตกต่าง 7. Language Quality ระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนดิ 7.1 ขอบขา่ ยของคาศัพท์ (RANGE) ต่างๆ การใช้เครอื่ งหมาย วรรคตอน และการลาดับคาตามโครงสรา้ ง รู้จกั วลพี น้ื ฐานทใ่ี ชพ้ ูดเกี่ยวกับตนเอง และ ประโยคของภาษาต่างประเทศและ สื่อสารในชีวิตประจาวันได้ ภาษาไทย 7.2 ความแม่นยา (PRECISION) ต 3.1 ป.5/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ท์ทเี่ กยี่ วขอ้ ง สามารถส่อื สารแลกเปลย่ี นขอ้ มูลเฉพาะ กบั กลุ่มสาระการเรียนรอู้ น่ื และ เก่ยี วกบั ตัวเอง ครอบครัวและอาชพี นาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน 7.3 การเชือ่ มโยงเรื่องและความคิด (LINKING ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พดู และอา่ น/เขียนใน TEXT AND IDEAS) สถานการณต์ ่างๆท่ีเกิดขน้ึ ใน สามารถเช่อื มวลีด้วย “and” และ “but“ ห้องเรียนและสถานศกึ ษา หรือ “because” และ “then” ต 4.2 ป.5/1 ใชภ้ าษาอังกฤษในการสืบค้นและ 7.4 ความถูกต้อง (ACCURACY) รวบรวมข้อมูลตา่ งๆ สามารถใช้โครงสรา้ งประโยคง่าย ๆ ต 1.1 ป5/1 ปฏิบตั ิตามคาสงั่ คาขอร้องและ 7.5 ความคลอ่ งแคล่ว (FLUENCY) คาแนะนางา่ ยๆท่ีฟังและอา่ น แผนการจดั การเรียนรู้ 22
Unit Contents สาระและตัวชี้วัด CEFR สามารถพดู ช้า ๆ ด้วยวลสี นั้ ๆ หยดุ พดู ชว่ั ขณะ กฬี าและนันทนาการ ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสยี งประโยค ข้อความและ และสามารถพดู ต่อด้วยวลสี ั้น ๆ ทีแ่ ตกตา่ งกัน 7.6 ภาษาศาสตร์สงั คม (SOCIOLINGUISTIC) 2. สามารถใช้คากรยิ าวเิ ศษณบ์ รรยายลกั ษณะ บทกลอนสนั้ ๆถกู ต้องตามหลักการ สามารถกล่าวคาทักทายขอสิง่ ของ และกลา่ วลา อาการของผู้คนและการกระทาตา่ งๆได้ อ่าน 3. สามารถใชค้ ากริยาบรรยายกจิ กรรมทบ่ี คุ คล ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลักษณห์ รอื กระทาได้ เครอ่ื งหมายตรงตามความหมายของ 3. สามารถออกเสยี งและระบุความแตกตา่ ง ประโยคและขอ้ ความส้ันๆทีฟ่ งั หรอื ของเสียง /lt/ /ld/ ได้ อ่าน 4. สามารถเปลี่ยนรปู คาคณุ ศพั ทเ์ ปน็ คากรยิ า ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม วิเศษณ์ โดยการเติม –ly ได้ จากการฟงั และอา่ นบทสนทนาและ นทิ านง่ายๆหรอื เรอ่ื งสน้ั ๆ ต 1.2 ป.5/1 พดู /เขียนโต้ตอบในการสอื่ สาร ระหวา่ งบุคคล ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขียน เพื่อขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรอ่ื งใกล้ตวั ต 1.2 ป.5/5 พูด/เขยี นแสดงความรูส้ กึ ของตนเอง เกย่ี วกับเรื่องตา่ งๆใกล้ตวั และ กจิ กรรมต่างๆพร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผล สน้ั ๆประกอบ 23 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตวั ช้วี ัด CEFR แผนการจัดการเรียนรู้ 24 5 1. สามารถฟงั พูด อา่ นและเขียนคาศพั ท์ ต 1.3 ป5/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง เก่ยี วกบั อาชพี กจิ กรรมงานบา้ น กจิ กรรม และเรื่องใกลต้ ัว นนั ทนาการได้ ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั เรอ่ื ง ตา่ งๆใกล้ตัว ต 2.1 ป5/1 ใชถ้ อ้ ยคา นา้ เสียงและกรยิ าทา่ ทาง อย่างสภุ าพตามมารยาททางสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมอื น/ความแตกต่าง ระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิด ต่างๆ การใชเ้ ครอื่ งหมาย วรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้าง ประโยคของภาษาตา่ งประเทศและ ภาษาไทย ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พูด และอา่ น/เขยี นใน สถานการณต์ า่ งๆทเ่ี กิดขนึ้ ใน หอ้ งเรียนและสถานศึกษา ต 1.1 ป5/1 ปฏิบัติตามคาสง่ั คาขอรอ้ งและ คาแนะนาง่ายๆทฟ่ี งั และอ่าน ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสียงประโยค ข้อความและ บทกลอนสนั้ ๆถูกต้องตามหลักการ อา่ น
Unit Contents สาระและตวั ชี้วัด CEFR 2. สามารถใชค้ ากริยาช่วยบอกกิจกรรมทจี่ ะทา ต1.1 ป5/3 ระบ/ุ วาดภาพสญั ลักษณห์ รือ ในอนาคต หรอื ความต้ังใจทจ่ี ะปฏบิ ัติ เครือ่ งหมายตรงตามความหมายของ กิจกรรมต่างๆ ประโยคและข้อความสั้นๆทีฟ่ งั หรือ 3. สามารถออกเสยี งและระบุความแตกต่าง อา่ น ของเสยี ง /wr/ /wh/ ได้ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถาม 4. สามารถบอกความหมายของคานามประสม จากการฟังและอ่านบทสนทนาและ ได้ นทิ านงา่ ยๆหรอื เรอ่ื งสั้นๆ ต 1.2 ป.5/1 พูด/เขียนโตต้ อบในการสอื่ สาร ระหว่างบุคคล ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขยี น เพอื่ ขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรือ่ งใกลต้ วั ต 1.2 ป.5/5 พูด/เขยี นแสดงความรู้สกึ ของตนเอง เก่ยี วกับเร่อื งตา่ งๆใกลต้ ัวและ กิจกรรมตา่ งๆพร้อมทง้ั ใหเ้ หตผุ ล สั้นๆประกอบ ต 1.3 ป5/1 พดู /เขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง และเร่อื งใกล้ตวั ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั เรื่อง ตา่ งๆใกลต้ ัว 25 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตัวช้ีวดั CEFR แผนการจัดการเรียนรู้ 26 ต 2.1 ป5/1 ใชถ้ ้อยคา น้าเสียงและกรยิ าทา่ ทาง อยา่ งสภุ าพตามมารยาททางสงั คม และวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมือน/ความแตกตา่ ง ระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิด ตา่ งๆ การใชเ้ ครอ่ื งหมาย วรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้าง ประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พดู และอ่าน/เขียนใน สถานการณต์ า่ งๆทเี่ กิดข้ึนใน ห้องเรียนและสถานศึกษา ต 4.2 ป.5/1 ใช้ภาษาองั กฤษในการสืบคน้ และ รวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ 6 1. สามารถฟงั พูด อา่ นและเขียนคาศพั ท์ ต 1.1 ป5/1 ปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ คาขอร้องและ เก่ียวกับ กจิ กรรมนันทนาการ คาแนะนาง่ายๆทฟ่ี งั และอา่ น 2. สามารถใชค้ ากรยิ าชว่ ยบอกกิจกรรมทจ่ี ะทา ต 1.1 ป5/2 อา่ นออกเสยี งประโยค ขอ้ ความและ ในอนาคต หรือความต้ังใจทจ่ี ะปฏบิ ัติ บทกลอนสนั้ ๆถูกตอ้ งตามหลกั การ กิจกรรมตา่ งๆ อา่ น
Unit Contents สาระและตัวชี้วดั CEFR 3. สามารถใชค้ ากริยาบอกกจิ กรรมทที่ าในอดตี ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รอื ได้ เครอื่ งหมายตรงตามความหมายของ 4. สามารถออกเสียงและระบคุ วามแตกต่าง ประโยคและข้อความสั้นๆทฟี่ งั หรือ ของเสยี ง /spr/ /sp/ ได้ อ่าน 5. สามารถบอกความหมายของคาศพั ทท์ ่เี ตมิ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม suffix (-ful) ได้ จากการฟงั และอา่ นบทสนทนาและ นทิ านงา่ ยๆหรอื เรอ่ื งส้นั ๆ ต 1.2 ป.5/1 พูด/เขียนโต้ตอบในการสอ่ื สาร ระหว่างบคุ คล ต 1.2 ป.5/3 พดู /เขยี นแสดงความตอ้ งการ ขอ ความช่วยเหลอื ตอบรบั ละปฏเิ สธ การใหค้ วามช่วยเหลอื ใน สถานการณง์ า่ ยๆ ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขยี น เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกับตนเอง เพ่อื น ครอบครัว และเรอ่ื งใกลต้ วั ต 1.2 ป.5/5 พูด/เขยี นแสดงความร้สู ึกของตนเอง เก่ียวกบั เรื่องตา่ งๆใกล้ตัวและ กิจกรรมตา่ งๆพร้อมทงั้ ให้เหตุผล ส้ันๆประกอบ 27 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตวั ช้ีวดั CEFR แผนการจัดการเรียนรู้ 28 ต 1.3 ป5/1 พดู /เขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง และเรอ่ื งใกล้ตวั ต 1.3 ป.5/2 เขยี นภาพ แผนผงั และแผนภมู ิ แสดงขอ้ มลู ต่างๆตามท่ฟี งั หรืออ่าน ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั เรอื่ ง ต่างๆใกล้ตัว ต 2.1 ป5/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียงและกรยิ าท่าทาง อยา่ งสภุ าพตามมารยาททางสงั คม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมือน/ความแตกต่าง ระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนดิ ตา่ งๆ การใชเ้ ครอ่ื งหมาย วรรคตอน และการลาดับคาตามโครงสร้าง ประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย ต 3.1 ป.5/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศัพท์ทเี่ กย่ี วขอ้ ง กับกลุม่ สาระการเรยี นร้อู ่ืน และ นาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พดู และอ่าน/เขียนใน สถานการณต์ า่ งๆทเี่ กดิ ขนึ้ ใน หอ้ งเรยี นและสถานศึกษา
Unit Contents สาระและตัวชวี้ ัด CEFR ต 4.2 ป.5/1 ใช้ภาษาองั กฤษในการสืบค้นและ รวบรวมข้อมูลต่างๆ 7 1. สามารถฟงั พดู อา่ นและเขียนบรรยาย ต 1.1 ป5/1 ปฏบิ ตั ิตามคาสง่ั คาขอร้องและ ลักษณะของส่งิ ของต่างๆ คาแนะนางา่ ยๆที่ฟังและอ่าน 2. สามารถฟงั พูด อา่ นและเขยี นคาศพั ทเ์ พอ่ื ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสยี งประโยค ขอ้ ความและ บรรยายความร้สู กึ โดยใชค้ าคุณศพั ท์แสดง บทกลอนสนั้ ๆถูกตอ้ งตามหลกั การ ความรู้สกึ (Sensory adjectives) อ่าน 3. สามารถขอและใหข้ ้อมูลเกี่ยวกับกจิ กรรม ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รอื ต่างๆทท่ี าในรปู อดตี เครื่องหมายตรงตามความหมายของ 3. สามารถออกเสยี งและระบคุ วามแตกตา่ ง ประโยคและขอ้ ความสนั้ ๆท่ีฟงั หรือ ของเสียง /nch/ /ch/ ได้ อา่ น 4. สามารถเปลี่ยนรปู คานามใหเ้ ปน็ คาคุณศัพท์ ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม โดยการเตมิ -y จากการฟังและอา่ นบทสนทนาและ นทิ านงา่ ยๆหรอื เรอ่ื งสนั้ ๆ ต 1.2 ป.5/1 พูด/เขยี นโตต้ อบในการสอื่ สาร ระหวา่ งบุคคล ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขียน เพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู เกยี่ วกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัว 29 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตวั ช้ีวัด CEFR แผนการจดั การเรยี นรู้ 30 ต 1.2 ป.5/5 พดู /เขียนแสดงความรสู้ ึกของตนเอง เกี่ยวกับเรือ่ งตา่ งๆใกลต้ วั และ กจิ กรรมต่างๆพรอ้ มท้ังใหเ้ หตุผล ส้ันๆประกอบ ต 1.3 ป5/1 พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง และเรอ่ื งใกล้ตวั ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั เรื่อง ต่างๆใกลต้ วั ต 2.1 ป5/1 ใช้ถอ้ ยคา น้าเสยี งและกริยาทา่ ทาง อยา่ งสภุ าพตามมารยาททางสงั คม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมอื น/ความแตกต่าง ระหว่างการออกเสียงประโยคชนิด ตา่ งๆ การใชเ้ ครอ่ื งหมาย วรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสรา้ ง ประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พดู และอ่าน/เขยี นใน สถานการณต์ ่างๆทเี่ กดิ ขึน้ ใน หอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
Unit Contents สาระและตัวชว้ี ดั CEFR 8 1. สามารถบอกประสบการณ์ทเ่ี คยเกดิ ขน้ึ ใน ต 1.1 ป5/1 ปฏบิ ตั ติ ามคาสง่ั คาขอร้องและ อดีต เช่น ประสบการณก์ ารเดนิ ทาง คาแนะนางา่ ยๆทฟ่ี งั และอ่าน ประสบการณก์ ารรบั ประทานอาหารชนดิ ตา่ งๆ ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสียงประโยค ขอ้ ความและ 2. สามารถบอกศัพทส์ ถานท่ีต่างๆ เชน่ ช่อื บทกลอนสน้ั ๆถกู ต้องตามหลักการ ประเทศ ชื่ออาหารได้ อา่ น 4. สามารถแยกความแตกตา่ งและออกเสยี ง คาศัพทท์ ม่ี เี สียงสระ /tch/ และ /t/ ได้ ต 1.1 ป.5/3 ระบ/ุ วาดภาพสญั ลกั ษณห์ รอื ถูกตอ้ ง เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของ 5. สามารถใช้ prefix คาวา่ un ได้ ประโยค และข้อความสน้ั ๆท่ฟี งั หรอื อา่ น ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถาม จากการฟังและอา่ นบทสนทนาและ นิทานง่ายๆหรอื เรอ่ื งสน้ั ๆ ต 1.2 ป.5/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการสอื่ สาร ระหวา่ งบุคคล ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขียน เพื่อขอและให้ข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเรื่องใกลต้ ัว ต 1.2 ป.5/5 พูด/เขยี นแสดงความร้สู กึ ของตนเอง เกย่ี วกับเร่ืองตา่ งๆใกล้ตวั และ กิจกรรมต่างๆพร้อมทัง้ ใหเ้ หตผุ ล สัน้ ๆประกอบ 31 Let’s Go 4th Edition level 5
Unit Contents สาระและตัวชวี้ ัด CEFR แผนการจดั การเรยี นรู้ 32 ต 1.3 ป5/1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เกย่ี วกับตนเอง และเรื่องใกลต้ ัว ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เร่อื ง ต่างๆใกลต้ วั ต 2.1 ป5/1 ใช้ถอ้ ยคา นา้ เสยี งและกริยาท่าทาง อย่างสุภาพตามมารยาททางสงั คม และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ต 2.1 ป.5/2 ตอบคาถาม/บอกความสาคัญของ เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและ ชีวติ ความเป็นอย่งู ่ายๆของเจ้าของ ภาษา ต 2.1 ป.5/3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางภาษาและ วฒั นธรรมตามความสนใจ ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ ง ระหวา่ งการออกเสยี งประโยคชนิด ตา่ งๆ การใชเ้ ครอ่ื งหมาย วรรคตอน และการลาดับคาตามโครงสร้าง ประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย ต 4.1 ป 5/1 ฟงั พูด และอา่ น/เขียนใน สถานการณ์ตา่ งๆทีเ่ กิดข้ึนใน หอ้ งเรยี นและสถานศกึ ษา
ตอนท่ี 2 แผนการจดั การเรียนรู้รายหน่วยการเรยี นรู้ 33 Let’s Go 4th Edition level 5
แผนการจัดการเรยี นรู้ Let’s Go 4th Edition level 5 แ ผนก ารจ ัดก ารเรยี นร้เู ตรีย มพน้ื ฐานก อ่ นเรยี น แผนการจดั การเรียนร้เู ตรยี มพื้นฐานกอ่ นเรียน สาระที่ 1 2 3 4 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 Let’s remember เวลาประมาณ 1 ชว่ั โมง จ ดุ ประส งคก์ ารเรยี นรู้ 1. เพ่ือทบทวนเนือ้ หาและคาศัพทจ์ ากหนงั สอื เรยี น Let’s Go 4 th Edition level 4 เน้ือ หาทางภาษา Skills Listening Reading Functions Review of Let’s Go 4 th Edition level 4 Language Target Forms Target 1 Do you want to go skateboarding No, thanks. I can.t I have a stomachache. Target 2 That’s too bad. What happened? Target 3 I’m not sure. My kite was under the tree. Now it’s in the tree. Target 4 Which ball is bigger? My ball is bigger. Target 5 My ball is the biggest Are you going to go through the tunnel? Yes, I am. It’s dark. You need a flashlight. Is it going to rain? I’m not sure. I hope not. แผนการจดั การเรยี นรู้ 34
Vocabulary Key: 1. Objects: kite, tree, ball, tunnel, flashlight, skateboard 2. Adjective: big, bad, dark 3. Preposition: under, in ส ือ่ ก ารเรยี นรู้ - หนังสอื เรียน Let’s 5 (4th Edition) หนา้ 2-3 - CD 1 Track 02 ก ิจ ก รรมก ารเรีย นรู้แ ล ะทบทว น กิจกรรมท่ี 1 Listen, point, and say. 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนLet’s Go 4 th Edition level 5 หน้า 2 และ 3 หน่วย Let’s Remember ดูภาพและจับคู่กับเพ่ือน ช่วยกันดูว่ามีคาศัพท์ไหนท่ีนักเรียนรู้จักบ้าง และตอบครูเป็น ภาษาอังกฤษ 2. ครูนาเสนอคาศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีนักเรียนไม่สามารถตอบได้จากในรูปภาพและทบทวนคาท่ี นกั เรยี นได้ตอบแลว้ และแจง้ ใหน้ ักเรียนทราบว่า ในบทเรียนนี้ เป็นการทบทวนคาศัพท์และรูปแบบประโยค ต่างๆ ท่ีนักเรียนไดเ้ รียนมาแลว้ ในชนั้ ประถมศึกษาปที ี่4จากหนงั สอื เรียน Let’s Go 4 th Edition level 4 3. ครูเปดิ CD 1 Track 02 ใหน้ ักเรียนฟงั ให้นักเรียนตง้ั ใจฟังและพดู ตาม ทลี ะประโยค พร้อมท้ังชี้ท่ี ประโยคในหนังสอื ตามทไ่ี ดย้ นิ CD 1 Track 02 Do you want to go skateboarding? No, thanks I can’t. I have a stomachache. That’s too bad. What happened? I’m not sure. My kite was under the tree. Now it’s in the tree. Which ball is bigger? My ball is bigger. My ball is the biggest. Are you going to go through the tunnel? Yes, I am. It’s dark. You need a flashlight. Is it going to rain? I’m not sure. I hope not. 4. ครูเปิด CD 1 Track 02 ให้นักเรียนฟังอีก 2 รอบ และให้จับคู่ฝึกพูดกับเพ่ือนพร้อมทาท่าทาง ประกอบการพูดเหมือนในหนังสือ 5. ครแู บ่งกลุ่มนกั เรียนเปน็ 5 กลมุ่ โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ จับฉลากวา่ จะได้หวั ขอ้ Target 1, 2, 3, 4, หรือ 5 35 Let’s Go 4th Edition level 5
6. ให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มช่วยกันทบทวนความจาเกี่ยวกับประโยคต้นแบบทั้ง 5 กลุ่มว่าจะใช้ใน สถานการณ์ใด มรี ปู ประโยคอยา่ งไร และยกตวั อย่างประโยคทีใ่ ช้โครงสรา้ งเดียวกันแตเ่ ปล่ยี นคานามหรือกริยา ของประโยค โดยให้เวลานกั เรียนทางานกลมุ่ ประมาณ 15 นาที 7. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนมาอธบิ าย และแสดงบทบาทสมมติตามโจทย์ target language ที่กลุม่ ของ ตนเองได้ 8. ให้เพอ่ื นกลุม่ อ่ืนๆ สอบถามหรือชว่ ยเสริมในประเด็นทอ่ี าจจะยังไม่สมบูรณ์ 9. ใหท้ าเช่นนี้จนครบ 5 target ก จิ ก รรมหล งั ก ารทบทว น 10. ครูสรุปความคิดรวบยอดให้นักเรียนรับทราบว่าตัวอย่างประโยคท่ีนักเรียนออกมานาเสนอและ แสดงบทบาทสมมติน้ัน เปน็ ประโยคที่นักเรียนได้เรียนผา่ นมาแล้วในชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ 36
แผนการจดั การเรยี นรู้ Let’s Go 4th Edition level 5 แ ผนก ารจ ดั ก ารเรีย นรทู้ ี่ 1 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 สาระท่ี 1 2 3 4 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 How Much Food? เวลาประมาณ 6 ชวั่ โมง ขน้ั ท่ี 1 ผลลพั ธป์ ลายทางทต่ี ้องการให้เกดิ ขึ้นกบั นกั เรยี น มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร ต 1.1 ป5/1 ปฏิบตั ติ ามคาสงั่ คาขอรอ้ งและคาแนะนางา่ ยๆท่ีฟงั และอา่ น ต 1.1 ป5/2 อ่านออกเสยี งประโยค ข้อความและบทกลอนสน้ั ๆถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต1.1 ป5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลักษณห์ รอื เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและขอ้ ความส้นั ๆ ทฟ่ี ังหรอื อ่าน ต 1.1 ป 5/4 บอกใจความสาคัญและตอบคาถามจากการฟงั และอ่านบทสนทนาและนิทานงา่ ยๆหรือเร่อื ง สน้ั ๆ ต 1.2 ป.5/1 พดู /เขียนโต้ตอบในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคล ต 1.2 ป.5/4 พูด/เขยี นเพื่อขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพ่อื น ครอบครวั และเรอื่ งใกลต้ วั ต 1.3 ป5/1 พดู /เขียนใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ ัว ต 1.3 ป.5/3 พูดแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เร่อื งตา่ งๆใกล้ตวั สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม ต 2.1 ป5/1 ใชถ้ อ้ ยคา นา้ เสียงและกรยิ าท่าทางอยา่ งสภุ าพตามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา ต 2.2 ป5/1 บอกความเหมอื น/ความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนดิ ต่างๆ การใช้เครอ่ื งหมาย วรรคตอนและการลาดับคาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ต 2.2 ป.5/2 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาลและงานฉลอง ของเจา้ ของภาษากบั ของ ไทย สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พันธก์ บั ชมุ ชนและโลก ต 4.1 ป 5/1 ฟัง พูด และอ่าน/เขียนในสถานการณ์ต่างๆทีเ่ กดิ ขึ้นในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา ต 4.2 ป.5/1 ใชภ้ าษาองั กฤษในการสืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ 37 Let’s Go 4th Edition level 5
ความเขา้ ใจทีค่ งทนของนักเรียน คาถามสาคญั ที่ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่คงทน นักเรยี นจะสามารถ... 1. สามารถฟงั พดู อา่ นและเขียนคาศพั ท์ - นักเรยี นต้องการเรยี กช่อื อาหาร ผลไม้ เครือ่ งดม่ื เก่ยี วกบั อาหาร ผลไม้ เครอื่ งดม่ื เปน็ ภาษาอังกฤษ จะพดู หรอื อ่านคาศัพท์เปน็ 2. สามารถสอบถามความคิดเหน็ และให้ข้อมลู ภาษาอังกฤษได้อย่างไร เกีย่ วกับจานวน ในรูปของการใช้คาบอก - นักเรยี นตอ้ งการถามปริมาณสงิ่ ของ จะพดู เปน็ ปริมาณ (Quantifier Noun) และคา ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ลกั ษณะนาม (Quantifying Noun) - นักเรียนต้องการบอกจานวนในรปู คาบอกปรมิ าณ 3. สามารถออกเสยี งและระบุความแตกต่างของ จะพดู หรอื เขยี นเป็นภาษาองั กฤษได้อย่างไร เสยี ง /mp/ /mb/ ได้ - คาทีม่ เี สียงตัวสะกด /mp/ /mb/ ออกเสยี ง 4. สามารถใชค้ าคณุ ศพั ทข์ ้ันกว่าเติม -er ได้ แตกตา่ งกนั อย่างไร - คาคุณศพั ทท์ เ่ี ติม er มคี วามหมายและออกเสยี ง อยา่ งไร ความรขู้ องนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเขา้ ใจทีค่ งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนทจี่ ะนาไปสู่ความรู้ นักเรียนจะร้วู า่ ... ที่คงทน นักเรยี นจะสามารถ... 1. คาศพั ท์เกย่ี วกับอาหาร ผลไม้ เคร่อื งดม่ื เชน่ 1. รู้ เข้าใจ บอกคาศัพทเ์ กี่ยวกบั อาหาร ผลไม้ tomatoes, beans, potato chips, เครอื่ งดมื่ ได้ pretzels, water, soda, pizza, 2. ถามและตอบความคดิ เห็นเก่ียวกับปริมาณของ watermelon, nut, cupcake, blueberry, อาหารได้ cherry, sandwich, hamburger, 3. ถามและตอบเกี่ยวกบั จานวนหรือปรมิ าณอาหารได้ sausages, cookie, pudding, lemonade, 4. ออกเสียงคาศพั ทท์ ่มี ีตวั สะกดลงทา้ ยดว้ ย mp และ fruit, pie, chicken, popcorn mb ได้ 2. ประโยคถามตอบการสอบถามความคิดเห็น 5. ออกเสยี งเขียนคาคุณศพั ทท์ ีเ่ ติม -er ได้ เกี่ยวกับจานวน Q: Are there enough pretzels? A: I think so. / I don’t think so. 3. ประโยคถามตอบการใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั จานวน ในรูปของการใชค้ าบอกปรมิ าณ Q: How many cans of tomatoes are there? A: There is one can./There are tree cans. แผนการจัดการเรียนรู้ 38
Q: How many sandwiches are there? A: There are a lot of sandwiches./ There are a few sandwiches. Q: How much fruit is there? A: There is a lot of fruit./There is little fruit. 4. การออกเสียงคาศัพทท์ ม่ี ตี วั สะกด mp, mb เช่น jump, climb, lamp, comb 5. การเขยี น ออกเสียงคาคณุ ศพั ทท์ ีเ่ ตมิ er เช่น longer, shorter, taller ขัน้ ท่ี 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนร้ซู งึ่ เปน็ หลักฐานทแ่ี สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรยี นรู้ตามท่ี กาหนดไว้อย่างแทจ้ ริง 1. ภาระงานทีน่ กั เรียนตอ้ งปฏิบัติ 1.1 ศึกษาคาศัพท์และความหมายเกีย่ วกบั อาหาร ผลไม้ เครอ่ื งดืม่ และวลเี ก่ียวกบั การประกอบอาหาร กิจกรรม Vocabulary - ปฏบิ ัติกจิ กรรมประกอบการเรียนรู้ การอา่ นและระบคุ วามหมายจากกจิ กรรมก่อนการฟังและพูด - ปฏบิ ตั ิกิจกรรมประกอบการเรียนรู้ การฟังและฝกึ พดู คาศพั ทจ์ ากแถบบันทึกเสยี ง 1.2 ศึกษาบทสนทนา การสอบถามความคดิ เหน็ และการให้ขอ้ มลู เกีย่ วกบั จานวน ในรูปของการใช้คา บอกปริมาณ (Quantifier Noun) กิจกรรม Conversation - ปฏิบัติกิจกรรมประกอบการเรียนรู้ การฟงั และฝกึ พูดคาศัพทจ์ ากแถบบันทกึ เสยี ง - ปฏิบตั กิ ิจกรรมประกอบการเรยี นรู้ การฟงั และฝกึ พูดประโยคจากแถบบนั ทกึ เสียง - ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมบทบาทสมมตุ ิ 1.3 ศกึ ษาการอ่านออกเสียงคาศัพท์ทมี่ ตี ัวสะกด mb และ mp จากภาพและคาศพั ทท์ ่ีกาหนด 1.4 ศึกษาการเปรียบเทียบคาคุณศัพท์ขั้นกว่า เตมิ –er กจิ กรรม Sounds and words จากแถบบนั ทกึ เสยี ง - ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมประกอบการเรยี นรู้ การฟงั และฝกึ ออกเสียงคาศพั ท์จากแถบบันทกึ เสียง - ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมประกอบการเรียนรู้ตามทกี่ าหนด การเลือกระบกุ ารออกเสียงคาตามทฟี่ งั 1.5 ศกึ ษาและปฏบิ ัตกิ จิ กรรมประกอบการเรียนรู้ตามท่ีกาหนด กิจกรรม Song Activity จากแถบบนั ทึกเสียง - ปฏิบัติกจิ กรรมประกอบการเรยี นรู้ตามทกี่ าหนด การอา่ นออกเสียงเพลง บทอา่ นขนาดสั้น แสดง ท่าทางประกอบ และสรุปความหมาย 39 Let’s Go 4th Edition level 5
2. วธิ กี ารและเคร่ืองมือประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.1 วธิ ีการประเมินผลการเรียนรู้ 2.2 เครอ่ื งมือประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1) การทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรยี น 1) แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน 2) การทดสอบทักษะดา้ นการฟงั พูด อา่ น 2) แบบประเมินผลทกั ษะดา้ นการฟงั พดู อ่าน และเขยี น และเขียน 3) การประเมนิ ผลงาน/กิจกรรมเป็น 3) แบบประเมินผลงาน/กิจกรรมเป็นรายบคุ คล รายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่ หรือเปน็ กลมุ่ 4) การวัดและประเมนิ ผลดา้ นคณุ ธรรม 4) แบบประเมินพฤตกิ รรมของนกั เรยี น จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม 5) แบบทดสอบประจาหน่วย 5) การวดั และประเมนิ ผลด้านความรโู้ ดยใช้ แบบทดสอบ 3. สิ่งท่ีม่งุ ประเมนิ 3.1 ความเขา้ ใจ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ การอธบิ าย การช้ีแจง การแปลความและตีความ การประยุกตใ์ ช้ ดดั แปลง และนาไปใช้ การมมี ุมมองทหี่ ลากหลาย การใหค้ วามสาคญั ในความรู้สกึ ของผอู้ ื่น และการรู้จกั ตนเอง 3.2 สมรรถนะสาคญั ได้แก่ ความสามารถในการสือ่ สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใชท้ ักษะชีวติ และการใช้ เทคโนโลยี 3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต มีวนิ ัย ใฝค่ วามรู้ อยู่อย่าง พอเพียงมุ่งมนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ ขัน้ ท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1 How Much Food? เวลา 6 ช่วั โมง เน้ือ หาทางภาษา Skills Listening Speaking Reading Writing Functions 1. Using Quantifying and Quantifier Nouns in sentences. 2. Identifying vocabulary and different sounds. Language Target 1 Q:Are there enough pretzels? A: I think so. / I don’t think so. Target 2 Q: How many cans/sandwiches of tomatoes are there? A: There is one can. /There are three cans. แผนการจดั การเรยี นรู้ 40
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318