Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 30 ปี ประกันสังคม

30 ปี ประกันสังคม

Description: 30 ปี ประกันสังคม

Search

Read the Text Version

30 ปี เส้นทำงสสู้ ู่ประกันสงั คม ประวตั ศิ าสตรการตอสู และการปฏิรูปกฎหมายประกนั สังคม หนงั สอื เล่นนี้เปน็ สว่ นหน่งึ ของโครงการวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการ 30 ปี ระบบประกันสังคมเพอ่ื ลดความเหล่ือมล้า� ต่อผใู้ ช้แรงงาน และรองรบั แรงงานกลมุ่ ใหมท่ ่จี า้ งงานผ่านแพลตฟอร์ม โดย มูลนธิ ิหญิงชายกา้ วไกล (มญช.) สา� นักงานกองทุนสนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ผสู้ นับสนุน

คำ� น�ำ ผมเรียนเอกประวัติศาสตร์ วิชาความรู้ที่ได้เรียนมามีแต่จดจ�ำ เร่อื งของชนชน้ั น�ำ เหตกุ ารณว์ ัน เดือน ปี ของชนช้นั น�ำท�ำอะไร ที่ผ่านมา ไม่มีประวัติศาสตร์ของคนเล็กคนน้อย ชาวไร่ ชาวนา คนงาน ประชาชน ธรรมดา พอมาท�ำงานกับคนงานที่ยากจน ค่าแรงไม่ถึงร้อยบาทต่อวันใน พื้นที่โรงงาน ไมว่ า่ อ้อมน้อย ออ้ มใหญ่ พระประแดง รงั สิต ชีวติ คนงานถกู เอารดั เอาเปรยี บจากนายทนุ ไมว่ ่าจะเป็นเร่ืองคา่ แรง และสวัสดกิ ารต่าง ๆ ท่ีไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นธรรม ซึ่งผมมองว่าคนงานคือคนจนท่ีสร้าง ฐานเศรษฐกิจใหส้ งั คมไทยได้เจรญิ เตบิ โตมาถึงทุกวนั น้ี ช่วงท่ีผมเข้ามาเรียนรู้กับคนงานนั้น เป็นช่วงที่คนงานกลุ่มย่าน อตุ สาหกรรมสามกลุ่มย่าน คือ อ้อมนอ้ ย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรงั สติ คนงานระดับรากหญ้าได้สร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีเป็น ประโยชนก์ บั คนงานในหลาย ๆ เรอ่ื ง เชน่ กฎหมายประกนั สงั คม การลาคลอด เก้าสิบวัน สัญญาจ้างชั่วคราว การต่อสู้เหล่าน้ีมีตำ� นานและชีวิตเลือดเน้ือ ของพวกเขา โดยเฉพาะเร่ืองกฎหมายประกันสังคมน้ัน ผมได้ฟังผู้น�ำ แรงงานหลายคนสะท้อนให้ฟังว่าคนงานรุ่นใหม่ และบุคคลท่ัวไป เข้าใจ กันว่ากฎหมายประกันสังคมน้ัน รัฐเป็นผู้ให้ ไม่เคยรับทราบถึงท่ีมาของ กฎหมายฉบบั นว้ี า่ เปน็ การตอ่ สขู้ องคนงาน ฟงั แลว้ กร็ สู้ กึ วา่ ประวตั ศิ าสตรน์ นั้ เป็นเร่ืองส�ำคัญท่ีคนงานและคนในสังคมต้องเรียนรู้และท�ำความเข้าใจว่า กฎหมายที่ให้ประโยชน์กับประชาชนนั้นมาจากการต่อสู้ของประชาชน ไมไ่ ดม้ าจากรฐั เปน็ ผใู้ ห้ การบนั ทกึ ประวตั ศิ าสตรก์ ารตอ่ สขู้ องคนเลก็ คนนอ้ ย

คนงาน คนยากจน เป็นเร่ืองที่ส�ำคัญและจ�ำเป็นต้องสร้างพ้ืนที่ให้ผู้คน เห็นพลังมวลชน ได้ยินเสียงของประชาชนว่าถ้าเกิดการกดทับ การเอารัด เอาเปรียบจากนายทุนและรัฐ จะต้องมีการลุกข้ึนต่อสู้เท่าน้ันถึงมีโอกาส ได้ชวี ิตทดี่ ีกว่า กฎหมายประกนั สังคมเริ่มต้นจากการต่อสู้ของคนงาน คนยากจน ทถ่ี ูกกดทบั ไรส้ วัสดกิ าร ไรค้ ุณภาพชวี ิตท่ดี ี ซง่ึ ก้าวผา่ นมาถงึ 31 ปี ยงั คงมี หลายประเด็นที่ต้องต่อสู้ให้คนงานทุกกลุ่มอาชีพให้ได้รับประโยชน์ และ ผลกั ดนั ไปสกู่ ารปฏริ ปู กฎหมายประกนั สงั คมใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงเพอ่ื เปน็ รากฐานให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้สิ่งที่ต้องการให้ดีขึ้น จนไปถึงมีรัฐสวัสดิการ เกดิ ขึน้ ในสงั คม - จะเด็จ เชาวน์วไิ ล -

สารบัญ 5 บทน�ำ 9 บทบาทการผลักดันกฎหมายประกันสงั คมขององค์กรแรงงาน • จะเด็จ เชาวน์วไิ ล 67 บทบาทองคก์ รพฒั นาเอกชนดา้ นแรงงาน • ทรงศักด์ิ บญุ กวีนภานนท ์ 83 บทบาทของนกั ศึกษาในการผลกั ดันกฎหมายประกนั สังคม 105 • วรดลุ ย์ ตลุ ารกั ษ์ และ ศิโรตม์ คลา้ มไพบูลย์ 115 บทสรปุ 115 สัมภาษณผ์ รู้ ว่ มตอ่ สู้กฎหมายประกนั สังคม 118 ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา... เฉิดโฉม อภชิ าตชิ ยั กลุ 122 คุณศรีไพร นนทรีย.์ .. เฉดิ โฉม อภชิ าติชัยกุล 126 คุณอากร ภวู สุธร... มณี ขุนภกั ด ี 131 คณุ วัฒนะ เอีย่ มบารงุ ... องั คณา อนิ ทสา 134 ลงุ บุญมี วันด.ี .. รวีวุฒิ สวุ รรณรัตน์ 137 คุณศรายทุ ธ ตั้งประเสริฐ... เฉิดโฉม อภิชาตชิ ัยกุล 137 แด่ผูท้ ่ีจากไป • จะเดจ็ เชาวนว์ ิไล 147 คุณสมบัติ ทองเปลว 148 พบี่ ญุ ขำ� ศรกี ร่างทอง ปา้ บุญช่วย จนั ทร์ลบ 151 ลอกคราบความเหล่อื มล้ำ� ของระบบการประกนั สังคม • บณั ฑติ ย์ ธนชัยเศรษฐวุฒ ิ 203 คนงานแพลตฟอร์มส่งอาหารกับการประกนั ทางสังคม 257 • รดลุ ย์ ตลุ ารักษ์ ภาคผนวก

บทนำ� โดยส่วนใหญ่ของการศึกษานโยบายสาธารณะนั้น มักเร่ิมต้นด้วย สมมติฐานวา่ นโยบายสาธารณะมีความหมายเทา่ กบั นโยบายรัฐ งานเขียนเร่ือง นโยบายสาธารณะจ�ำนวนมาก จึงมีข้อคิดมูลฐานอยู่ที่การพิจารณานโยบาย สาธารณะ ในฐานะที่เป็นผลผลิตของรัฐหรือรัฐบาล ฐานคิดในการศึกษาแบบ นี้ ทำ� ใหก้ ารทำ� ความเขา้ ใจนโยบายสาธารณะตามแบบฉบับของวิชา “นโยบาย สาธารณะศึกษา” มีหนว่ ยในการวเิ คราะหอ์ ยู่ทีท่ ศั นคตแิ ละบทบาทของรัฐบาล หรือผู้น�ำประเทศต่อนโยบายสาธารณะเร่ืองหน่ึง ๆ หรือไม่อย่างนั้นก็ได้แก่การ สรา้ งคำ� อรรถาธบิ ายเชงิ พรรณาถงึ ตวั แปรทางสงั คมศาสตร์ ซง่ึ ผลกั ดนั ใหร้ ฐั บาล หรือผู้น�ำประเทศมีทัศนคติและท่าทีต่อนโยบายสาธารณะแต่ละเร่ืองดังท่ีเป็น ไปแล้ว โดยท่ีค�ำอรรถาธิบายนี้มักวนเวียนอยู่ในกรอบของทฤษฎีสังคมศาสตร์ ว่าด้วยรัฐไม่กี่ส�ำนัก เช่น รัฐในฐานะกรรมการก�ำกับการแข่งขัน และต่อรอง ระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ในสังคมกลุ่มต่าง ๆ รัฐในฐานะท่ีเป็นเคร่ืองมือของ ชนชน้ั นายทนุ หรอื รฐั ในฐานะหนว่ ยทางการเมอื งซง่ึ มคี วามอสิ ระในตวั เอง ฯลฯ โดยผลจากแนวคิดในการศึกษานโยบายสาธารณะแบบนี้ ทำ� ให้ “สงั คม” กลาย เป็นหนว่ ยที่หายไปจากการศึกษาโดยปรยิ าย การศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกฎหมายประกันสังคมใน ที่นี้ มีสมมติฐานเบื้องต้นซึ่งแตกต่างจากการศึกษานโยบายสาธารณะที่ท�ำกัน ทว่ั ไป กลา่ วคอื นโยบายสาธารณะไม่ไดม้ คี วามหมายเทา่ กับนโยบายรฐั โดยตัว เอง การศึกษานโยบายสาธารณะจงึ ไมค่ วรรวมศูนยอ์ ย่ทู ก่ี ารศึกษานโยบายของ รฐั หรอื รฐั บาลชดุ หนง่ึ ชดุ ใดอยา่ งทม่ี กั ท�ำกนั ในอดตี หากควรเพง่ ความสนใจไปที่ การเมอื งของการแปรสภาพความต้องการของกลุ่มพลงั ทางเศรษฐกจิ การเมือง ในสังคมไปเป็นนโยบายรัฐ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายถึงการศึกษาการเมือง ของการแปรสภาพความตอ้ งการของ “สงั คม” ไปเปน็ แนวทาง และมาตรการตา่ ง  ๆ ของรฐั บาล ขอบขา่ ยของการศกึ ษาในทน่ี ี้ จงึ ไมไ่ ดจ้ �ำกดั อยทู่ ท่ี า่ ทหี รอื ทศั นคติ 5

ของผู้มีอ�ำนาจทางการเมืองรายบคุ คลหรือรายคณะ แตค่ อื การมุ่งพจิ ารณาการ ก่อตัวของการรวมกลุ่มเพ่ือผลักดันให้หลักการประกันสังคมมีสภาพเป็นคำ� สั่ง นโยบาย และกฎหมายของรัฐ มูลเหตแุ ละแรงจงู ใจของกล่มุ พลงั ในสังคมแตล่ ะ ฝ่าย กลยุทธ์ในการรณรงค์เคล่ือนไหว รวมทั้งประเมินจุดเด่นและจุดด้อยของ แนวทางการผลกั ดันที่ไดก้ ลา่ วมา เป็นความจริงว่า สังคมไทยมีร่องรอยของความพยายามสร้างกลไก เพอ่ื ความมน่ั คงทางสงั คมสำ� หรบั ผใู้ ชแ้ รงงานมาชา้ นานแลว้ กลา่ วคอื หากคดิ ถงึ การประกนั สงั คมในความหมายกวา้ ง ใหม้ ีขอบเขตครอบคลมุ ถงึ การสร้างความ มั่นคงทางสังคมโดยฝ่ายราษฎรเองแล้ว ก็อาจถือว่าประวัติศาสตร์ของความ พยายามต่อสู้เพ่ือให้ได้มาซึ่งหลักความม่ันคงทางสังคมในสังคมไทยน้ัน มีร่อง รอยทอ่ี าจยอ้ นไปไดไ้ กลถงึ ทศวรรษ 2470 เมอื่ ถวตั ิ ฤทธเิ ดช เสนอความคดิ เรอ่ื ง การจัดต้ัง “สถานแทนทวยราษฎร์” เลยก็ว่าได้ 1 แต่ถ้าหากคิดถึงความม่ันคง ทางสงั คมในความหมายเชิงสถาบันหรือการมีนโยบายรฐั และกฎหมายประกัน สังคมอยา่ งเป็นกิจจะลักษณะ งานศกึ ษาของ อาจารย์นิคม จันทรวทิ ุร ก็เสนอ วา่ ประเทศไทยมีความพยายามสรา้ งระบบประกันสังคมรวมแลว้ ท้ังส้นิ 5 ระยะ ระยะแรก คือ ความพยายามออกกฎหมายประกันสังคมในสมัย จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม พ.ศ. 2495 ระยะที่สอง คือ การพิจารณาประเด็นน้ี ในท่ีประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2507 ระยะท่ีสาม เกิดข้ึนเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการเตรียมการประกัน สังคม พ.ศ. 2518 ระยะที่สี่ คือ การต้ังคณะกรรมการเตรียมการประกันสังคมโดยรัฐบาล พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ พ.ศ. 2524 และระยะทห่ี า้ คอื การพิจารณาขอ้ เสนอนี้ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของนายกรฐั มนตรีคนเดยี วกันเม่อื พ.ศ. 2528 2 1 ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย,์ แรงงานวจิ ารณเ์ จา้ (กรงุ เทพฯ : ศิลปวัฒนธรรม, 2547) 2 นิคม จันทรวิทุร, ข้อเท็จจริงในความพยายามจัดตั้งประกันสังคมในประเทศไทย (กรุงเทพฯ : สมาคม สังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, 2530) 6

ค�ำถาม คอื ขณะทค่ี วามพยายามในอดีตทงั้ หมดลม้ เหลว และปดิ ฉาก ดว้ ยการทไี่ มม่ นี ายกรฐั มนตรี และรฐั บาลชดุ ไหนลงนามรบั รองกฎหมายประกนั สังคมแม้แต่รายเดียว อะไรคือเหตุปัจจัยท่ีท�ำให้การผลักดันกฎหมายประกัน สงั คมใน พ.ศ. 2533 ประสบความสำ� เรจ็ ถงึ ข้ันได้รบั คะแนนเสยี งเห็นชอบอย่าง เป็นเอกฉนั ท์จากสภาผแู้ ทนราษฎร กลา่ วอยา่ งรวบรดั ทส่ี ดุ แลว้ การผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม พ.ศ. 2533 มีข้อแตกต่างจากการผลักดันกฎหมายประกันสังคมท่ีเคยมีมาก่อน อย่างน้อย ทส่ี ดุ กใ็ นสองแงม่ มุ แงม่ มุ แรกคอื ขณะทกี่ ารผลกั ดนั ใหไ้ ดม้ าซง่ึ กฎหมายประกนั สงั คมในอดตี เกดิ ขน้ึ และด�ำเนนิ ไปโดยความรเิ รม่ิ ของขา้ ราชการประจ�ำและนกั วิชาการ การผลักดันกฎหมายประกันสังคมในปี 2533 กลับริเร่ิมและดำ� เนิน ไปโดยมวลชน และกลุ่มพลังนอกระบบราชการท้ังหมด ดังมีกลุ่มแรงงานย่าน อตุ สาหกรรมอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรังสิต กลุ่มสหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจ องค์กรพัฒนาเอกชนดา้ นแรงงาน นสิ ติ นักศึกษา ฯลฯ แง่มุมท่ีสองคือ ขณะที่การได้มาซึ่งกฎหมายประกันสังคมในอดีต กระทำ� ผา่ นวธิ ใี หข้ า้ ราชการประจำ� ผลกั ดนั ใหร้ ฐั บาล หรอื นายกรฐั มนตรพี จิ ารณา เหน็ ชอบ การตอ่ สเู้ พอื่ กฎหมายประกนั สงั คมในปี 2533 กลบั ดำ� เนนิ ไปโดยวธิ เี ดนิ ขบวน ชมุ นมุ อดอาหารประทว้ ง รวมทง้ั จดั การเคลอื่ นไหวในพนื้ ทส่ี าธารณะเพอ่ื สร้างความเขา้ ใจกบั ผ้คู นในสังคม โดยทกี่ ระบวนการเหลา่ นีม้ คี วามส�ำคญั อย่าง ยง่ิ ยวดตอ่ การกดดนั ให้รฐั บาลและรัฐสภารับรองกฎหมายฉบบั นีใ้ นบนั้ ปลาย ประเด็นซึ่งควรท�ำความเข้าใจก็คือ บรรยากาศทางการเมืองท่ี เปลี่ยนแปลงไปน้ัน เป็นปัจจัยแวดล้อมที่ส�ำคัญต่อสัมฤทธิผลของการผลักดัน กฎหมายประกนั สงั คม พ.ศ. 2533 เพราะปี 2533 คอื ปซี ง่ึ ประเทศไทยมรี ะบอบ การเมอื งแบบประชาธปิ ไตยรฐั สภาทนี่ ายกรฐั มนตรมี าจากการเลอื กตงั้ เปน็ ครงั้ แรก หลงั การสงั หารหมปู่ ระชาชนเมอ่ื วนั ท่ี 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 นนั่ หมายความ ว่า สภาพทางการเมืองในเวลานั้นคือการมีประชาธิปไตยรัฐสภา ท่ีสภาผู้แทน ราษฎรมอี ำ� นาจในการพจิ ารณารบั รองกฎหมายมากกวา่ ในอดตี พรรคการเมอื ง และนักการเมืองที่มาจากการเลือกต้ังเร่ิมมีความสำ� คัญกว่ากองทัพและระบบ ราชการ ประชาชนสามารถรวมตัวเดินขบวนและชุมนุมเพื่อผลักดันเร่ืองต่าง ๆ 7

ไดอ้ ย่างเปิดเผย ส่ือมวลชนสามารถแสดงความเหน็ และเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสาร ไดโ้ ดยอสิ ระกว่าในอดตี พูดอกี อย่าง คอื การผลกั ดนั กฎหมายประกนั สังคมใน ปี 2533 เกิดข้ึนท่ามกลางพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของระบอบการเมือง แบบประชาธิปไตยรัฐสภา และการขยายตัวของพ้ืนท่ีสาธารณะสมัยใหม่ ซึ่ง ในท่ีสุดก็เอื้ออ�ำนวยความเป็นไปได้ที่คนแต่ละกลุ่มจะเคล่ือนไหวทางการเมือง เพื่อสร้างฉันทานุมัติกับผู้คนในสังคม จากนั้นจึงผลักดันให้ข้อเรียกร้องเหล่า นี้เป็นนโยบายสาธารณะผ่านกระบวนการพรรคการเมือง การเลือกต้ัง และ ประชาธิปไตยรัฐสภา งานศึกษาท่ีปรากฏอยู่ต่อหน้าน้ี เป็นผลของความพยายามทำ� ความ เข้าใจยุทธศาสตร์ของฝ่ายแรงงาน ในการผลักดันกฎหมายประกันสังคม พ.ศ.  2533 โดยการกลับไปสำ� รวจแนวคิด และบทบาทของกลมุ่ ต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง กับการเคลื่อนไหวในเวลานั้น นอกจากนั้น ก็ยังพยายามส�ำรวจความต้องการ ของกลมุ่ เหลา่ นนั้ และองคก์ รอน่ื ตอ่ การปฏริ ปู กฎหมายประกนั สงั คมในปจั จบุ นั แน่นอนว่าการทบทวนยุทธศาสตร์ของการเปล่ียนแปลงที่ผ่านไปได้ราวสาม ทศวรรษทำ� นองนี้ เปน็ เรอื่ งทท่ี ำ� ไดไ้ มง่ า่ ย เชน่ เดยี วกบั การประมวลความตอ้ งการ ของคนทกุ ฝา่ ยตอ่ การประกนั สงั คมในประเทศไทย เหตผุ ลคอื ขอ้ มลู หลายอยา่ ง ไมป่ รากฏเป็นเอกสาร ขอ้ มูลหลายอยา่ งหายสาบสูญไปแล้ว หรอื จะรู้ได้อย่างไร วา่ กลมุ่ ทค่ี ณะผวู้ จิ ยั สำ� รวจความเหน็ นนั้ เปน็ ตวั แทนของคนทง้ั หมดในสงั คม ฯลฯ งานศึกษานี้จึงเป็นเพียงบทเร่ิมต้นท่ียังไม่เสร็จสมบูรณ์ในตัวเอง แต่จ�ำเป็นต้อง ได้รับการค้นควา้ ต่อไป คณะผูศ้ ึกษา ขอขอบคุณผ้นู ำ� แรงงาน ผนู้ �ำนักศึกษา เจ้าหนา้ ท่ีองค์กร พฒั นาเอกชน และบคุ คลอกี หลายทา่ นทไ่ี มส่ ามารถระบชุ อ่ื ในทนี่ ไ้ี ดค้ รบถว้ น ขอ ขอบคณุ คณุ อากร ภวู สธุ ร ทส่ี นบั สนนุ เอกสารตา่ ง ๆ ซงึ่ ปจั จบุ นั หาไดย้ ากยงิ่ งาน ศึกษานี้ไม่อาจส�ำเร็จได้โดยปราศจากการสนับสนุนทางการเงินของส�ำนักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จึงขอขอบคุณอย่างสูงมา ณ ทน่ี ีด้ ้วยเช่นกัน - คณะผูศ้ กึ ษา - 8

บทบาทการขผอลงักอดงันคกก์ ฎรแหรมงางยาปนระกันสังคม จะเดจ็ เชาวน์วไิ ล ประเทศไทยมกี ฎหมายประกนั สงั คมฉบบั แรกเมอื่ พ.ศ. 2497 (พ.ร.บ.  ประกันสงั คม พ.ศ. 2497) แตไ่ ม่ได้มกี ารนำ� ออกมาบงั คบั ใชเ้ ป็นเวลากวา่ 30 ปี ภายหลังจากรัฐบาลในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ยับย้ังการใช้กฎหมายน้ี โดยไม่มกี �ำหนดในปี 2499 หลังจากน้ันมา ความพยายามในการผลักดันกฎหมายท่ีเก่ียวกับการ ประกันสังคมกม็ มี าตลอดในชว่ งเวลา 30 ปที ่ผี า่ นมา • ความพยายามครง้ั แรก ยอ้ นหลงั ไป พ.ศ. 2495 รฐั บาลในขณะนนั้ ไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะกรรมการขน้ึ มาชุดหน่ึง ชอ่ื วา่ “คณะกรรมการสังคมสงเคราะห์” ท�ำหน้าที่พิจารณาวิธีการด�ำเนิน งาน เพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชนด้านสวัสดิการ คณะกรรมการชุดน้ีได้ แต่งต้ังคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพ่ือท�ำหน้าที่ร่างกฎหมายประกัน สงั คมขน้ึ พ.ร.บ. นไ้ี ดผ้ า่ นการพจิ ารณาเปน็ กฎหมายในปี 2497 นบั เปน็ กฎหมาย ทวี่ างแนวการประกนั สงั คมฉบบั แรกทคี่ อ่ นขา้ งกวา้ งขวาง และมแี นวทางกา้ วหนา้ ในเร่อื งการช่วยเหลอื สงเคราะห์ประชาชน แนวทางทก่ี วา้ งขวางเช่นน้ี เป็นทน่ี า่ เสียดายว่าไมเ่ คยได้มกี ารทดลอง ใชก้ ็ถูกยับยั้งโดยไมม่ ีกำ� หนด 9

• ความพยายามครัง้ ทส่ี อง ในปี 2507 คณะกรรมการซ่งึ แต่งตัง้ โดยคณะรัฐมนตรี ได้เสนอเรอื่ ง กฎหมายประกนั สงั คม ตอ่ คณะรฐั มนตรเี พอื่ พจิ ารณาอกี ครง้ั หนงึ่ คณะรฐั มนตรี ได้มอบหมายให้สภาวิจัยแห่งชาติ นำ� ไปพิจารณาศึกษาเพ่ิมเติม เพ่ือประกอบ การพจิ ารณา ผลจากการพิจารณาของสภาวิจัยแห่งชาติ ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในปี 2508 ไดร้ ะบขุ ้อคิดเหน็ สำ� คัญ ๆ อยู่ 3 ประการ ดังน้ี 1. ประชาชนไมพ่ รอ้ มท่ีจะเสียเบี้ยประกัน เพราะยงั ยากจนอยู่ อาจ เดอื ดรอ้ นได้ ส่วนคนทมี่ ีรายได้ดีอยูแ่ ล้ว ก็ประสงคจ์ ะหาแพทย์ตามใจชอบของ ตนเอง ท�ำให้ไม่เห็นประโยชนท์ ี่จะมีกฎหมายนี้ 2. หากนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเป็น 2 เท่า ค่าใช้จ่ายเหล่าน้ี จะบวกเขา้ ไปเปน็ ตน้ ทนุ สนิ คา้ และบริการ ท�ำใหป้ ระชาชนเดือดรอ้ น 3. เสนอใหง้ ดการใช้ พ.ร.บ. นไ้ี วก้ อ่ น จนกวา่ คนงานจะมจี ำ� นวนมากขนึ้ หรอื มกี ารเรยี กรอ้ ง หรอื ไมก่ ใ็ หใ้ ชใ้ นลกั ษณะเปน็ การทดลองดว้ ยวธิ กี ารสมคั รใจ ตอ่ มาคณะรัฐมนตรีในขณะน้ัน ไดม้ มี ตใิ หง้ ดใช้ พ.ร.บ. นไี้ วก้ อ่ นตาม ข้อเสนอของสภาวิจัยแหง่ ชาติ กฎหมายกองทนุ เงนิ ทดแทน : ส่ิงทีม่ าทดแทน กฎหมายกองทุนเงินทดแทนถือเป็นส่วนหน่ึงของการประกันสังคม แต่ไม่เต็มรูป กฎหมายฉบับน้ีออกโดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับท่ี 103 วันท่ี 16 มนี าคม 2515 ซง่ึ ก�ำหนดใหม้ สี ำ� นกั งานกองทนุ เงนิ ทดแทนขน้ึ ท�ำหนา้ ทเี่ กบ็ เงนิ สมทบจากนายจา้ งทม่ี ลี กู จ้างต้งั แต่ 20 คนข้นึ ไป กฎหมายฉบับน้ีมผี ลบังคับ ใชต้ ง้ั แต่ปี 2517 ตอ่ มามกี ารขยายการคมุ้ ครองไปสกู่ จิ การทม่ี ลี กู จา้ ง 1 คนขน้ึ ไป ตงั้ แต่ เดือนกรกฎาคม 2531 และใหส้ ำ� นกั งานนท้ี ำ� หนา้ ทจี่ า่ ยเงนิ ทดแทนแกล่ กู จา้ งทเี่ จบ็ ปว่ ย หรอื ประสบอนั ตรายเน่ืองจากการทำ� งานแทนนายจ้าง 10

• ความพยายามคร้งั ท่ีสาม ในปี 2518 คณะรฐั มนตรีไดแ้ ตง่ ตั้งคณะกรรมการเตรียมการประกนั สังคม เพ่อื จดั ท�ำขอ้ เสนอต่าง ๆ ส�ำหรับการประกนั สังคม ตอ่ มาคณะกรรมการ ชดุ น้ีไดท้ ำ� เรื่องเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย เพอ่ื ใหค้ ณะรัฐมนตรีอนมุ ตั ใิ นหลกั การ กอ่ นพิจารณายกรา่ งกฎหมายประกันสังคม ในปี 2521 คณะกรรมการเตรียมการประกันสังคมได้จัดตั้งคณะ กรรมการเฉพาะกจิ ขึน้ 2 คณะ คณะแรก ท�ำหนา้ ท่พี จิ ารณาขอบเขตประโยชน์ ทดแทน เงินสมทบ และการบรหิ ารกองทนุ คณะที่สอง พจิ ารณาเก่ยี วกบั สถาน พยาบาลและเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วข้อง เพื่อเตรยี มการประกันสังคมทง้ั หมด ในปเี ดยี วกนั น้ี คณะรฐั มนตรมี มี ตใิ หส้ ถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ (นดิ า้ ) ทำ� การศกึ ษาวิจยั ว่า ประเทศไทยควรมรี ะบบการประกนั สังคมหรือไม่ ในปี 2522 คณะกรรมการเฉพาะกจิ ไดเ้ สนอรา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม ฉบบั ใหม่ พรอ้ มทงั้ รายงานการเตรียมการประกันสังคม โดยหลกั การที่นำ� เสนอ ในคร้ังนนั้ มสี าระส�ำคัญ คือ การประกนั สงั คมในระยะแรก ควรเรม่ิ จากบรกิ ารประกนั สขุ ภาพ โดย เฉพาะการให้ประโยชน์ด้านการเจ็บป่วยและการคลอดบุตร ส่วนการประกัน ประโยชน์ระยะยาวดา้ นอน่ื อาทิ ชราภาพ ทุพพลภาพ และการวา่ งงาน คณะ กรรมการขณะนนั้ เหน็ วา่ ยงั ไมม่ ขี อ้ มลู เพยี งพอ สำ� หรบั กองทนุ ประกนั สงั คมกใ็ ห้ เก็บจาก 3 ฝา่ ย รวมกนั รอ้ ยละ 4.5 อันเปน็ อตั ราซึง่ คำ� นวณแลว้ ว่าจะสามารถ ครอบคลุมถงึ ค่าใชจ้ ่ายได้ และในระยะแรกใหส้ �ำนกั งานกองทนุ เงินทดแทนเปน็ ผ้บู ริหารกองทุนไปก่อน ตอ่ ไปให้มหี น่วยงานอสิ ระประกอบดว้ ยผู้แทน 3 ฝา่ ย เป็นผู้บริหารกองทุน โดยให้กฎหมายน้ีมีผลบังคับใช้ในระยะแรกกับกิจการท่ีมี ลกู จ้าง 20 คนขึ้นไป ในเขตกรงุ เทพฯ และจงั หวดั ใกลเ้ คียง 5 จังหวัด ต่อมา กระทรวงมหาดไทยน�ำเสนอร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมฉบับนี้ ตอ่ คณะรฐั มนตรี แต่คณะรัฐมนตรมี ีมติใหช้ ะลอเรือ่ งนไ้ี ว้เสนอรัฐบาลตอ่ ไป 11

• ความพยายามครั้งที่สี่ การผลักดันกฎหมายประกันสังคมคร้ังที่สี่ เกิดขึ้นเมื่อ พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ ในฐานะนายกรฐั มนตรี ไดก้ ลา่ วปราศรยั ในวนั แรงงานแหง่ ชาติ พ.ศ.  2523 โดยมใี จความตอนหนง่ึ วา่ รฐั บาลจะพจิ ารณาใหม้ กี ารประกนั สงั คมรปู แบบ ต่าง ๆ เพื่อการกระจายรายได้ และสร้างความม่นั คงทางสงั คมใหผ้ ูใ้ ชแ้ รงงาน ในปี 2524 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการ ประกันสังคม โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และมีคณะ อนุกรรมการอีก 4 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการด้านการแพทย์ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คณะอนุกรรมการด้านการบริหาร และ คณะอนุกรรมการด้านการเงินและค่าใช้จ่าย หน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ คอื การศึกษาทบทวน พ.ร.บ. ประกนั สงั คม พ.ศ. 2497 โครงการประกันสงั คม ของสภาที่ปรึกษาเพ่ือพัฒนาแรงงานแห่งชาติ รายงานของคณะอนุกรรมการ เตรยี มการประกนั สงั คม และโครงการประกนั สงั คมทจี่ ดั ท�ำขนึ้ โดยสถาบนั บณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์ ในปลายปี 2524 คณะกรรมการเตรียมการประกันสังคมมีการ เสนอเรื่องการประกันสังคมผ่านกระทรวงมหาดไทยไปยังคณะรัฐมนตรี โดย มีหลักการคล้ายร่างฉบับท่ีผ่านมา กล่าวคือ การประกันสังคมระยะแรก จะคุ้มครองในเร่ืองการเจ็บป่วย การคลอดบุตร ทุพพลภาพ และการตาย ส่วนเงินสมทบนั้นให้เก็บจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในอัตราส่วนเท่ากัน โดย ให้มีการจัดต้ังส�ำนักงานประกันสังคมภายใต้คณะกรรมการไตรภาคีเพื่อ ท�ำหน้าท่ีบริหารเงินสมทบ และให้ถือว่าส�ำนักงานน้ีมีฐานะเทียบเท่ากรม สังกัดกระทรวงมหาดไทย ส�ำหรับการประกันสังคมระยะต้นน้ัน ให้คุ้มครอง เฉพาะลูกจา้ งในสถานประกอบการทีม่ ีลกู จา้ ง 20 คนขึ้นไปก่อน และให้ลกู จา้ ง มีสิทธิคงเดิมในกรณีที่ท�ำงานในสถานประกอบการซึ่งนายจ้างจัดสวัสดิการสูง กวา่ ทีก่ ฎหมายบญั ญัตไิ ว้ 12

คณะรัฐมนตรีได้มกี ารอนุมัติร่างกฎหมายฉบับนี้ในปี 2525 แตเ่ สนอ ให้น�ำเร่ืองน้ีเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการปฏิรูประบบราชการและ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ระหว่างนั้นให้ส�ำนักงานกองทุนเงินทดแทน พิจารณาขยายขอบเขตการคุ้มครองในประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี 103 ให้ ครอบคลมุ ถงึ การเจ็บป่วยนอกงานดว้ ย ในปี 2527 คณะกรรมการปฏิรูประบบราชการฯ พิจารณาข้อเสนอ และมีความเห็นว่า ให้มีการวางรากฐานการประกันสังคมโดยวิธีขยายขอบเขต งานกองทนุ เงินทดแทนออกไปให้ทว่ั ทกุ จงั หวดั ซ่งึ คณะรฐั มนตรเี ห็นชอบต่อขอ้ เสนอนี้ และมมี ตคิ ณะรฐั มนตรใี นเดอื นพฤษภาคม ใหข้ ยายกองทนุ ไปทว่ั ประเทศ ในปี 2528 ยกเวน้ 3 จงั หวดั ซึ่งยงั มิได้ประกาศใชใ้ นปจั จบุ ัน ได้แก่ แม่ฮอ่ งสอน มุกดาหาร และอุทัยธานี • ความพยายามครั้งท่ีหา้ สภาท่ีปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติได้จัดท�ำข้อเสนอเร่ือง การ ขยายงานกองทุนเงินทดแทน โดยจัดต้ังระบบการประกันสังคมในรูปแบบ ของกองทุนสุขภาพ เพือ่ เสนอตอ่ นายกรัฐมนตรี ซึ่งไดส้ ง่ เรอ่ื งเข้าส่กู ารพจิ ารณา ของกระทรวงมหาดไทยเมอื่ ปลายปี 2527 เดือนพฤษภาคม ปี 2528 คณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อเสนอของสภา ทป่ี รกึ ษาฯ และมมี ตริ บั หลกั การ แตใ่ หก้ ระทรวงมหาดไทยพจิ ารณารายละเอยี ด การด�ำเนินการ โดยน�ำข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณา กลา่ วคือ 1. การประกนั การเจบ็ ปว่ ยนอกงาน ควรใชแ้ ต่กับแรงงานภาคเอกชน ไมค่ วรรวมภาครัฐวสิ าหกิจ 2. ให้พิจารณาความสามารถในการรับภาระของนายจ้าง ผลกระทบ และภาระของลูกจ้าง รวมทั้งอาจไม่เก็บเงินสมทบจากลูกจ้างในกรณีท่ีกองทุน เงนิ ทดแทนมเี งินมากแล้ว 13

3. ใหพ้ จิ ารณาผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ด้านตา่ ง ๆ เช่น การทจุ ริต การ ปลอมแปลงเอกสารค่ารกั ษาพยาบาล 4. สำ� หรบั บรษิ ทั ใหญ่ ๆ ทดี่ �ำเนนิ การเรอื่ งนไี้ ปแลว้ และใหป้ ระโยชนท์ ่ี ดีกว่า ก็ใหด้ ำ� เนินการตามน้นั ต่อไป 5. ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข เพือ่ น�ำเงินสมทบให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงฯ ทำ� การดแู ลรักษาโดยตรง ในปี 2529 มพี รรคการเมอื ง 2 พรรค คอื พรรคประชาธปิ ตั ย์ และ พรรคกิจสังคม เสนอร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดย ปรับปรุงจากร่างกฎหมายซ่ึงคณะเตรียมการประกันสังคมได้จัดท�ำเมื่อ ปี 2524 ขณะที่สภาท่ีปรกึ ษาเพือ่ พัฒนาแรงงานแหง่ ชาติ ได้จัดทำ� รา่ ง พ.ร.บ. กองทุนเจ็บป่วยนอกงานข้ึนในเวลาเดยี วกัน ในวนั ท่ี 11 สงิ หาคม 2530 คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ หน็ ชอบกบั กองทนุ การ เจบ็ ปว่ ยนอกงาน และใหก้ ระทรวงมหาดไทยนำ� ไปจดั ท�ำร่างกฎหมายเพื่อเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครงั้ จากการสรุปของอาจารย์นิคม จันทรวิทุร นักวิชาการด้านแรงงาน ในเร่ืองพัฒนาการการผลักดันกฎหมายประกันสังคม ระบุว่า ความพยายาม ของชนช้ันน�ำ คือ ผู้น�ำรัฐบาล นักวิชาการ พรรคการเมือง เป็นจุดเริ่มต้นท่ีมี ความส�ำคัญเพราะแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยต้องการกฎหมายประกันสังคม ที่เป็นประโยชน์ต่อคนงานและคนยากจน แต่การออกกฎหมายน้ีก็มีความ ล่าช้า เนื่องจากรัฐบาลและนักวิชาการบางส่วนไม่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อน ของคนงานท่ียากจน ซ่ึงไม่มีสวัสดิการคุ้มครองแม้แต่น้อย ไม่เช่นน้ันก็อ้าง ว่าฝ่ายคนงานไม่พร้อมจ่ายเงินสมทบ หรือจ�ำนวนคนงานยังมีน้อยอยู่ โดยท่ี รัฐบาลและนักวิชาการบางส่วนนี้ไม่เคยสอบถามความต้องการคนงานหรือ องค์กรแรงงานโดยตรง ท�ำให้เสนอความเห็นโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของ คนงาน ประกอบกับการปราศจากความเคลื่อนไหวของฝ่ายผู้ใช้แรงงานและ 14

องค์กรแรงงานมีไม่มากในการผลักดันกฎหมาย ท�ำให้ความพยายามในอดีตไม่ ประสบความส�ำเร็จ เพราะขาดบทบาทของผู้ใช้แรงงานซ่ึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย • โดยตรงกับกฎหมายน้ี บริบททางเศรษฐกจิ และดา้ นแรงงานหลงั เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก่อนที่จะเห็นบริบทการเคลื่อนไหวผลักดันกฎหมายประกันสังคม ของแรงงาน ควรได้ทำ� ความเขา้ ใจบรบิ ททางเศรษฐกิจและบทบาทของแรงงาน หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ปี 2519 เสียก่อน หลังเหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม นักศกึ ษาและผนู้ �ำแรงงานทงั้ หญิงและชาย ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ท�ำให้การเคล่ือนไหว ของขบวนการแรงงานขณะนั้นยุติลง ขณะที่การพัฒนาเศรษฐกิจไทยก็ค่อย ๆ เตบิ โตขน้ึ ในชว่ งรฐั บาล พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ โดยทกี่ ารพฒั นาอตุ สาหกรรม ไทยเริ่มจากการสะสมทุนแบบทดแทนการน�ำเข้า ซ่ึงเป็นไปอย่างสอดคล้องกับ กระบวนการแบ่งงานกนั ท�ำของการพัฒนาทนุ นิยมโลก รัฐบาลไทยได้รับประโยชน์จากการพัฒนาของระบบทุนนิยมโลก ด้วยการเริ่มต้นการผลิตสินค้าขั้นปฐม เช่น อุตสาหกรรมส่ิงทอ ตัดเย็บเสื้อผ้า รองเท้า อุตสาหกรรมอาหาร แผงวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งล้วนแต่เป็น อุตสาหกรรมประเภททมี่ กี ารใชแ้ รงงานหญิงอย่างเข้มข้นทง้ั สนิ้ ในช่วงการพัฒนาอุตสาหกรรมเพ่ือการส่งออกของแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3-4 จนกระทั่งถึงปี 2523-2532 เศรษฐกิจของไทยมอี ัตราการขยายตัวสูงข้นึ ในโลกถงึ รอ้ ยละ 11 อุตสาหกรรม สิ่งทอ ตัดเย็บเส้ือผ้า อัญมณีและเคร่ืองประดับ และอิเล็กทรอนิกส์ ก้าวสู่ แนวหน้าของอุตสาหกรรมส่งออก โดยครองอันดับหน่ึงท่ีสามารถท�ำรายได้ เข้าประเทศอย่างมหาศาล จนกระทั่งมีการขยายการผลิตและส่งเสริม 15

การลงทุนเพ่ิมมากข้ึนเป็นประวัติการณ์ อาจกล่าวได้ว่า ในช่วงของแผน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 6 ประเทศไทยได้กลายมาเป็น ประเทศอุตสาหกรรมเกิดใหม่ จากเง่ือนไขและการตลาดของระบบธุรกิจโลก เป็นการแสวงหาลู่ทางการผลิตและการตลาด เพ่ือไม่ให้สูญเสียศักยภาพ ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยกลุ่มบรรษัทข้ามชาติเหล่าน้ี เล็งเห็นว่าประเทศไทยมตี ลาดแรงงานราคาถกู สามารถลดต้นทุนแรงงานได้ถึง ร้อยละ 50 และยังเป็นแรงงานรุ่นใหม่ที่เพ่ิงอพยพมาจากชนบท เป็นแรงงาน ที่มีความขยัน มัธยัสถ์ ทรหดอดทนอย่างดีเยี่ยม แรงงานท่ีว่าคือแรงงานหญิง ที่มีอย่างเหลือเฟือในตลาดแรงงาน อันเป็นแรงงานส�ำรองของการพัฒนา อุตสาหกรรมทด่ี เี ย่ียม ส�ำหรบั การสะสมทุนอุตสาหกรรม ดังนั้น แรงงานหญิงจึงนับเป็นส่วนส�ำคัญอย่างมากต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจการเข้าสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม จะเห็นได้จากใน ปี 2532 ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 54-55 ล้านคน ในจ�ำนวนน้ี มีผู้มีงานท�ำเป็นผู้ท�ำงานในภาคเกษตรกรรม 19,576,500 คน ท�ำงานใน ภาคอุตสาหกรรม 3,205,900 คน ท�ำงานในภาคพาณชิ ยกรรม 2,896,700 คน และท�ำงานในภาคบริการ 3,777,700 คนผู้มีงานท�ำดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วน หญงิ ทำ� งานในภาคต่าง ๆ คือ ภาคเกษตรกรรมรอ้ ยละ 47.33 ภาคอตุ สาหกรรม ร้อยละ 38.60 ภาคพาณิชยกรรมร้อยละ 53.60 และภาคบรกิ ารรอ้ ยละ 40.26 จะเห็นได้ว่ากำ� ลังแรงงานหญิงมีสัดส่วนใกล้เคียงกับแรงงานชายมาก และเป็นที่คาดการได้ว่าจ�ำนวนแรงงานหญิงจะเพ่ิมขยายมากขึ้นตามล�ำดับ ย่ิง อุตสาหกรรมสมัยใหม่เติบโตมากขึ้นเพียงใด แรงงานชายก็ถูกจะแรงงานหญิง กีดกนั ออกไปมากขนึ้ เพียงนัน้ การพฒั นาทไ่ี มส่ มดลุ ดว้ ยการทงิ้ ภาคเกษตรกรรมท�ำใหช้ มุ ชนหมบู่ า้ น พังทลายลง การผลิตเพ่ือการยังชีพ และการพ่ึงตนเองในครัวเรือน ถูกแทนที่ ด้วยการผลิตเพื่อการค้า สินค้าอุตสาหกรรมเข้าไปเปล่ียนแปลงวิถีชีวิตของ 16

สงั คมชนบทมากขึ้น จนกอ่ เกิดให้การว่างงานในชนบท ความยากจน และการ สูญเสียท่ีดินท�ำกิน ในขณะที่การด�ำรงชีพขึ้นอยู่กับรายได้และเงินตรา ที่ต้อง แสวงหามาเพ่ือการบริโภค ได้ผลักดันให้แรงงานหญิงเข้ามาท�ำงานในเมือง ในภาคอุตสาหกรรมท่ีนิยมชมชอบกับแรงงานหญิง ซ่ึงจัดได้ว่าเป็นแรงงาน ไร้ฝีมอื สามารถให้ค่าจา้ งต่�ำได้ แรงงานหญิงที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ภาคอุตสาหกรรม เป็นแรงงานที่มี การศึกษาค่อนข้างน้อย จบการศึกษาเพียงแค่ชั้นประถม นอกจากมีสาเหตุ จากความยากจนแล้ว ยังเปน็ ผลมาจากการขาดโอกาสทางการศกึ ษาของสงั คม ในชนบท ดังนั้น ทางเลือกของแรงงานหญิงจึงมีไม่มากนักในการเลือกหางาน ท�ำในเมือง ซึ่งก็หนีไม่พ้นภาคบริการและอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงานหญิง ไร้ฝีมือ แต่สร้างรายได้มหาศาล อย่างเช่น อุตสาหกรรมส่ิงทอ ตัดเย็บเสื้อผ้า เปน็ ตน้ (ดูตาราง) ตารางแสดงมูลคา่ การสง่ ออกสนิ คา้ ไทย พ.ศ. 2528-2531 ประเภทของสินค้า ปี 2528 ปี 2529 ปี 2530 ปี 2531 1. สิง่ ทอ 24,660 34,075 50,400 60,786 2. อญั มณีและเครื่องประดับ 8,530 13,181 20,111 24,580 3. แผงวงจรไฟฟา้ (อเิ ล็กทรอนิกส์) 8,249 11,640 15,173 18,763 4. อาหารกระป๋อง 7,737 11,750 13,220 18,316 5. รองเท้า 2,368 3,185 5,918 9,727 หนว่ ย : ลา้ นบาท ในขณะที่อุตสาหกรรมประเภทดังกล่าว ท�ำรายได้ให้กับประเทศ เป็นอนั ดบั แรก ๆ แต่สภาพความเป็นจริงของชีวติ แรงงานไม่ไดด้ ีข้ึนตามไปด้วย การกระจายผลประโยชนย์ งั ไมเ่ ปน็ ธรรม ทำ� ใหต้ อ้ งประสบปญั หาตา่ ง ๆ มากมาย 17

• ผลกระทบปญั หาแรงงานหญงิ และแรงงาน ในยคุ เศรษฐกิจขาข้ึน (ปี 2525-2533) เมอื่ ระบบเศรษฐกจิ ของไทยเขา้ สกู่ ระแสทนุ โลก อตุ สาหกรรมมเี งนิ ทนุ หมุนเวียนมากข้ึน แต่แรงงานกลับไม่ได้รับการพัฒนาหรือปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ เพ่ือให้เอ้ือประโยชน์ต่อแรงงานมากขึ้นตามไปด้วย แรงงานยังคงต้องเผชิญกับ ปญั หาในมติ ติ า่ ง ๆ ตามสภาพของโรงงานแตล่ ะแหง่ ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั ปญั หา เหลา่ น้ี ได้แก่ 1. ปญั หาสุขอนามยั ท่เี กิดจากสภาพแวดล้อมในการทำ� งาน แรงงานหญิงต้องท�ำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีเลวร้าย โดยที่ไม่รู้ว่า ส่งิ ต่าง ๆ เหล่าน้ีจะสง่ ผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจติ ของตนอย่างไรบ้าง คนงานส่วนมากท่ีท�ำงานในโรงงานเหล่าน้ีต้องท�ำงานอยู่ในลักษณะท่าเดิม ตลอดเวลา เช่น น่ังก็จะนั่งเย็บตลอดเวลา หรือเดินก็จะเดินตลอดเวลา ส่งผล ต่อร่างกาย ท�ำให้มีอาการปวดเมื่อย เป็นเส้นเลือดขอด เป็นต้น นอกจากน้ี ยังมปี ัญหาจากสภาพแวดลอ้ มการทำ� งานในดา้ นอนื่  ๆ ไดแ้ ก่ • ปัญหาสารเคมีท่ีเป็นอันตราย ซ่ึงนายจ้างไม่เห็นความส�ำคัญ จึง ไม่ได้จัดหาเคร่ืองป้องกันให้ และหากมีการจัดให้ก็จะเป็นเคร่ืองป้องกันท่ีไม่มี ประสิทธิภาพเพียงพอ หรือในโรงงานทอผ้าจะมีฝุ่นละอองมาจากฝุ่นผ้าส่ง ผลต่อระบบทางเดนิ หายใจ ทำ� ให้เกดิ เปน็ โรคปอดไดใ้ นอนาคต • ปัญหาเสียง โรงงานทอผ้าโดยเฉพาะโรงทอส่วนใหญ่มีเสียงดังเกิน มาตรฐานทก่ี ฎหมายกำ� หนด โดยพบวา่ คนงานทที่ ำ� งานในโรงงานทอผา้ ประมาณ 5 - 10 ปี หูจะเร่ิมเส่อื มสมรรถภาพ หหู นวก มีเนื้องอกในหู เป็นตน้ • ปัญหาแสงสวา่ ง ท่ีมีไม่เพียงพอหรือมีแสงสว่างจ้าเกินไป ทำ� ให้เป็น อันตรายต่อสายตาของคนงาน ส่งผลท�ำให้สายตาสั้นหรือมีปัญหาด้านสายตา อน่ื  ๆ ตามมา 18

• ปัญหาอากาศในโรงงานท่ีร้อนเกินมาตรฐานท่ีกฎหมายก�ำหนด เนือ่ งจากอาคารท่ีสร้างเตย้ี ทบึ และสว่ นมากไม่มเี คร่ืองปรบั อากาศ 2. ปัญหาท่เี กิดจากระบบการทำ� งาน • การทำ� งานในโรงงานสว่ นใหญ่ตอ้ งท�ำงานระบบกะ ระบบการท�ำงานในโรงงานจะแบ่งเป็น 2 กะ หรือ 3 กะ โดยจะ มีการหมุนเวียนเปล่ียนกะทุกสัปดาห์ เป็นเหตุให้คนงานมีการรับประทาน อาหารท่ีไม่เป็นเวลา ส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร ระบบขับถ่ายและ ประจ�ำเดือนไม่ปกติ เกิดภาวะความตึงเครียดทางด้านจิตใจ บางรายปรับตัว ไม่ได้ ท�ำให้เป็นมีอาการโรคประสาทอ่อน ๆ หรือแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ ออกมา เช่น กรีดร้องโดยไมร่ ู้ตัว ตัวอยา่ งการแบง่ งานแบบ 3 กะ คอื กะเชา้ เริ่มท�ำงานเวลา 08.00 - 17.00 น. กะบ่าย เริม่ ทำ� งานเวลา 16.55 - 24.00 น. กะดกึ เรม่ิ ท�ำงานเวลา 23.55 - 08.00 น. • การทำ� งานล่วงเวลา การให้คนงานท�ำงานล่วงเวลา เป็นนโยบายเพ่ิมผลผลิตของนายจ้าง โดยเพ่ิมเวลาการท�ำงานแต่ไม่เพ่ิมจ�ำนวนคน คนงานส่วนใหญ่ต้องท�ำงานล่วง เวลาเพราะคา่ แรงทีไ่ ด้จากเวลาท�ำงานปกติ 8 ชวั่ โมง ไม่เพียงพอส�ำหรับการใช้ จา่ ยของตนเองและครอบครวั จงึ ตอ้ งหารายไดเ้ พม่ิ แรงงานหนงึ่ คนทำ� งานเฉลยี่ วนั ละ 8-16 ชว่ั โมง บางโรงงานบงั คบั ใหท้ ำ� งานลว่ งเวลา คนงานไมท่ ำ� กก็ ลวั จะถกู ไลอ่ อก บางรายท�ำงานหนกั มากจนไม่มีเวลาพกั ผอ่ น ตอ้ งกนิ ยากระตนุ้ รา่ งกาย เพอื่ ใหท้ ำ� งานไดน้ าน จนมอี าการประสาทหลอน และเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตไุ ด้ งา่ ย เพราะต้องท�ำงานอยกู่ ับเครือ่ งจกั รตลอดเวลา 19

3. ปญั หาค่าแรงน้อย เน่ืองจากค่าแรงที่ได้รับไม่เพียงพอกับรายจ่าย (ช่วงนั้นค่าจ้างขั้นต�่ำ วันละ 90 บาท) โดยเฉพาะแรงงานหญิง (ประมาณร้อยละ 90) ย่ิงถ้าเป็น คนงานทมี่ คี รอบครวั คา่ ใชจ้ า่ ยเพม่ิ ทวคี ณู ตอ้ งสง่ เงนิ กลบั บา้ นเดอื นหนง่ึ เฉลยี่ ไม่ ต�่ำกวา่ 500 บาท บางโรงงานนายจา้ งจะจ่ายคา่ จา้ งนอ้ ยกวา่ คา่ จ้างขัน้ ตำ�่ หรือ บางโรงงานจ่ายคา่ จ้างแรงงานหญิงนอ้ ยกวา่ แรงงานชาย 4. ปัญหาสัญญาจ้างและความม่นั คงในการท�ำงาน หลังจากรัฐบาลมีการแก้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องสัญญา จ้างชั่วคราว แต่ปรากฏว่าในทางปฏิบัติยังคงมีช่องว่างให้นายจ้างสามารถ ใชป้ ระโยชนจ์ ากสญั ญาจา้ งชว่ั คราวได้ โดยจะจา้ งโดยวธิ กี ารทดลองงาน 3 เดอื น แล้วให้มาต่อสัญญาใหม่ หรือยืดระยะเวลาการต่อสัญญาออกไปเป็นปี หรือสองปี ท�ำให้แรงงานไม่มีความมั่นคงในการท�ำงาน และไม่มีสิทธิได้รับ สวัสดกิ ารเหมอื นลกู จา้ งประจ�ำ • “เพศสภาพ\" ทัศนคติและวธิ ีคิดบางประการ ท่สี รา้ งปญั หาให้เพศหญงิ สภาพปัญหาที่แรงงานหญิงประสบอยู่เป็นสิ่งส�ำคัญ เพราะนอกจาก ปัญหาจากการท�ำงานแล้ว แรงงานหญิงยังต้องประสบกับปัญหาค่านิยม ความเช่อื และวัฒนธรรมทม่ี ตี อ่ เพศหญิง กอ่ ให้เกดิ การเลือกปฏิบัตริ ะหวา่ งเพศ เช่น เปน็ ผู้หญิงต้องทำ� งานบ้าน ผู้หญงิ ต้องเปน็ ผตู้ าม งานบางตำ� แหนง่ ท�ำไม่ได้ เพราะเป็นเพศหญิง สิ่งตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ ท�ำใหผ้ ู้หญงิ ถกู จ�ำกัดโอกาสในการไดร้ ับ การพฒั นาศกั ยภาพของตนเองทงั้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คมและการเมอื ง สง่ ผลให้ ผหู้ ญงิ มบี คุ ลกิ ภาพขาดความเชือ่ ม่นั ในตนเอง ไม่กลา้ แสดงความคดิ เหน็ ไมก่ ล้า แสดงออก ตกอยู่ในสภาพต้องยอมจำ� นน โดยจะพบเห็นปัญหาด้านเพศสภาพ ทแี่ รงงานหญิงต้องประสบ ได้แก่ 20

• การลาคลอด ตามกฎหมายระบุให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพ่ือการคลอดได้ 30 วัน โดย ได้รับค่าจ้าง และสามารถลาต่อได้อีก 30 วัน แต่ไม่ได้รับค่าจ้าง รวมมีสิทธิ ลาคลอดได้ทั้งหมด 60 วัน นายจ้างจะมองว่าคนงานหญิงท่ีตั้งท้องน้ันท�ำให้ ตอ้ งขาดงานทำ� ใหผ้ ลผลติ ลดลง นายจา้ งสว่ นใหญจ่ ะไมค่ อ่ ยปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย แรงงาน ใช้วิธีเลี่ยงกฎหมายคือ เม่ือคนงานตั้งท้องก็ให้ลาออกได้ 30 วัน โดยไม่จ่ายค่าจ้าง ฉะนั้นคนงานบางคนพอคลอดได้เพียง 15 วัน ก็ต้อง รีบกลับมาท�ำงานเพราะภาวะเศรษฐกิจบีบรัด บางโรงงานห้ามไม่ให้ลูกจ้าง ต้ังท้อง ถ้าต้ังท้องก็จะไล่ออก คนงานบางคนแก้ปัญหาโดยใช้ผ้ารัดหน้าท้อง จนกระทงั่ ครบกำ� หนดคลอดกม็ ี คนงานหญงิ ทต่ี งั้ ทอ้ งสว่ นใหญย่ งั คงตอ้ งทำ� งาน ในต�ำแหน่งเดิมที่ท�ำอยู่ ไม่ได้รับการเปลี่ยนต�ำแหน่งให้ไปท�ำงานที่เบากว่า ทีเ่ หมาะสมกบั คนต้ังท้อง • ปญั หาความเชื่อและค่านยิ มทางเพศต่อความเป็นเพศหญิง สงั คมมองวา่ ผหู้ ญงิ ตอ้ งเปน็ ผตู้ าม ออ่ นแอ โอกาสไดร้ บั การศกึ ษานอ้ ย กวา่ ชาย เพราะฉะนนั้ เมอื่ เขา้ มาทำ� งาน ทศั นคตใิ นเรอื่ งเพศของนายจา้ งจงึ ทำ� ให้ ผหู้ ญงิ ถกู เอารดั เอาเปรยี บคา่ แรง สวสั ดกิ าร โอกาสในการเลอื่ นชน้ั เลอื่ นตำ� แหนง่ มนี อ้ ยหรอื แทบจะไมม่ เี ลย เชน่ การเปน็ หวั หนา้ งาน หรอื การเลอื่ นไปสตู่ �ำแหนง่ หรอื หน้าทที่ ส่ี งู ขึน้ หรอื ดีกว่าเดิม ชายจะมโี อกาสมากกว่าหญิง แมบ้ างครงั้ จะมี ความสามารถเทา่ กนั ในการทำ� งานในหนา้ ท่นี ั้น ๆ ก็ตาม • ปัญหาครอบครัว กรณีคนงานหญิงท่ีแต่งงานแล้ว นอกจากจะต้องท�ำงานในโรงงาน วนั หน่ึงไมต่ ่�ำกว่า 8-16 ชัว่ โมงแล้ว (ปกตทิ ำ� งานวันละ 8 ช่วั โมง แต่ทท่ี �ำงาน ให้ท�ำงานล่วงเวลา) แรงงานหญิงยังต้องแบกภาระทางบ้าน เลี้ยงดูลูก ปรนนบิ ตั สิ ามี เพราะคา่ นยิ มของสงั คมกำ� หนดใหบ้ ทบาทเหลา่ นก้ี บั ผหู้ ญงิ ผหู้ ญงิ 21

จงึ ต้องอยูใ่ นภาวะจำ� ยอม สง่ ผลใหม้ เี วลาพักผอ่ นน้อย หรือไมม่ เี วลาในการท่จี ะ พัฒนาศักยภาพตนเอง หรอื เข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ กจิ กรรมของสหภาพแรงงาน คนงานหญิงบางรายถูกสามีห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมเพราะคิดว่าไม่เหมาะสม และไม่ใช่บทบาทของผู้หญิง นอกจากนี้คนงานหญิงยังต้องประสบกับปัญหา ความรุนแรงในครอบครัว ทะเลาะเบาะแว้ง ถูกสามีทุบตี สามีไปมีหญิงอื่น ซง่ึ พบมาก เนอื่ งจากโรงงานดงั กลา่ วจะมผี หู้ ญงิ ประมาณรอ้ ยละ 90 โอกาสทผ่ี ชู้ าย จะไปคบกับผู้หญิงอื่นจึงมีมาก มีผลท�ำให้ครอบครัวแตกแยก ผู้หญิงบางคน ก็ยอมอดทนกับสภาพดังกล่าวเพื่อลูก หรือกลัวสังคมจะต�ำหนิติเตียนว่าเป็น ผูห้ ญงิ ไมด่ ถี ้าหยา่ ขาดกบั สามี • ปัญหาการเขา้ มามสี ว่ นร่วมในขบวนการแรงงาน ถึงแม้ว่าในโรงงานหรือในสหภาพแรงงานจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แตใ่ นบทบาทการคดิ การวางแผน สว่ นมากจะเปน็ ผชู้ าย มเี พยี งสหภาพแรงงาน เท่าน้ันท่ีเป็นบทบาทผู้หญิง นอกจากนี้การเข้าไปมีส่วนร่วมในสหพันธ์แรงงาน หรือสภาแรงงานระดับชาติของผู้หญิงมีน้อยมาก แม้จะเข้าไปร่วมได้ แต่ก็ไม่ ค่อยมีบทบาท และยังไม่สามารถสร้างการยอมรับให้เกิดขึ้นได้ เพราะท้ังหญิง และชายส่วนมากต่างคิดว่าบทบาทเหล่านี้เป็นของผู้ชาย หรือบางรายก็คิดว่า ผู้หญิงสามารถท�ำได้ แต่ขาดความม่ันใจในการที่จะก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมคิด ร่วมวางแผน หรือบางคร้ังคนงานหญิงเองมีความมั่นใจ มีความสามารถ แต่ก็ ไม่ไดร้ บั การยอมรบั จากคนงานดว้ ยกัน ในชว่ งนน้ั ทางรฐั บาลและแวดวงแรงงานเองยงั มองไมเ่ หน็ ความสำ� คญั ของปญั หาเหลา่ น้ี โดยเฉพาะปญั หาความเปน็ เพศหญงิ ทถี่ กู มองละเลยไป เพราะ คิดวา่ เปน็ เร่ืองธรรมดาทีผ่ ูห้ ญิงจะต้องยอมจ�ำนนอยแู่ ลว้ อีกท้ังยงั ไม่เปดิ โอกาส ไม่เข้าใจปัญหาแรงงานหญิง และปัญหาของผู้หญิงอย่างแท้จริง โอกาสที่ผู้ใช้ แรงงานหญิงจะไดร้ บั การพฒั นาศกั ยภาพของตนเองจึงแทบจะไมม่ ีเลย 22

จากสถานการณ์ปัญหาท่ีเกิดขึ้น ท�ำให้เกิดการเข้าไปแก้ปัญหาของ แรงงานหญิงจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน โดยการลงไปสนับสนุนการ รวมกลมุ่ ฝกึ อบรม ให้ข้อมูล ทำ� ให้เกิดการลงไปทำ� งานกบั แรงงานหญิงในพ้นื ที่ • อตุ สาหกรรม ยา่ นอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรังสิต บรบิ ทการเมอื งและแรงงานหลังเหตุการณ์ 6 ตลุ าคม 2519 หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ฝ่ายทหารยังคงใช้ความ อุปถัมภ์ผู้น�ำของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ แนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหน่ึง ของยุทธศาสตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ กล่าวคือ ฝ่ายทหารจะหาทางชักจูง กลุ่มผลประโยชน์ท่ีอาจจะฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ให้มาเป็นพวกเดียวกับฝ่าย ตน ดังนั้น สหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย (สรท.) จึงอยู่ในการควบคุม และอุปถัมภ์ของฝ่ายกองทัพ ใน พ.ศ. 2521 พล.อ. เกรียงศักด์ิ ชมะนันทน์ ซึ่งได้เจรจากับ สรท. ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ. เกรียงศักด์ิ ได้ เชิญผู้น�ำของ สรท. ไปท่ีบ้าน และรับเป็นประธานจัดงานวันกรรมกรให้ อีก ท้ังยังให้ค�ำมั่นสัญญาว่าจะร่วมมือกับฝ่ายแรงงานเพ่ือผลประโยชน์ร่วมกัน หลังจากน้ันรัฐบาลภายใต้การน�ำของ พล.อ. เกรียงศักด์ิ ก็ได้สลายกลุ่ม สหภาพแรงงานที่มีอยู่ในขณะน้ันทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อ สหภาพแรงงานแห่ง ประเทศไทย เป็น สภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย นอกจากน้ี ฝา่ ยทหารยงั ชว่ ย ก่อต้ังสภาองค์การลูกจ้างขึ้นอีกสององค์กร สหภาพแรงงานส�ำคัญ ๆ ในกลุ่ม รัฐวิสาหกจิ กเ็ ขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ สภาแรงงานแห่งประเทศไทย อาจารย์ผาสุก พงษ์ไพจิตรและคริส เบเคอร์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ เศรษฐกิจการเมืองไทยสมัยกรุงเทพฯ ว่า ช่วงทศวรรษ 2520 ความสัมพันธ์ ระหว่างฝ่ายทหารและรัฐวิสาหกิจในท�ำนองดังกล่าวให้ประโยชน์กับคนงาน ในการปรับอัตราจ้างขั้นต�่ำประจ�ำปี กลายเป็นวิธีเพ่ิมระดับค่าจ้างโดยรวม ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งปกติมีระดับค่าจ้างสูงกว่าค่าจ้างเฉล่ียอยู่แล้ว ผู้น�ำของสหภาพรัฐวิสาหกิจจึงใช้เวลา และใช้ความพยายามในการเจรจา ต่อรองในกรอบไตรภาคี เพ่อื ก�ำหนดคา่ จา้ งข้นั ต่�ำทุก ๆ ปี 23

ในปี 2525 พนักงานรัฐวิสาหกิจมีรายได้มากกว่าคนงานในภาค ธุรกิจเอกชนโดยเฉล่ียร้อยละ 28 พ.ศ. 2530 ช่องว่างรายได้มีการเพิ่มข้ึน เป็นร้อยละ 51 ส�ำหรับคนงานที่มีฝีมือและกึ่งฝีมือช่องว่างจะต่างกันอยู่ถึง รอ้ ยละ 90 ผู้น�ำสหภาพแรงงานมีการตอบแทนกองทัพท่ีให้ผลประโยชน์เหล่าน้ี โดยการชักจูงให้คนงานในสังกัดสนับสนุนกองทัพ พ.ศ. 2525 ผู้น�ำ 2 คน ของกลมุ่ ได้แก่ อาหมัด ขามเทศทอง และสวสั ดิ์ ลกู โดด ได้รับเลือกเปน็ ผู้นำ� สภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย ทงั้ สองเขา้ มาแทนไพศาล ธวชั ชยั นนั ท์ ผซู้ ง่ึ ไมเ่ หน็ ด้วยกับบทบาทการเมืองของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ และปลีกตัวออกไป เพือ่ ก่อตั้งสภาองค์การลูกจ้างสมาพนั ธ์แรงงานแห่งประเทศไทย อาหมัดและสวัสด์ิมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองอ�ำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ท้ังสองเคยท�ำงานใกล้ชิด กับ พล.อ. อาทิตย์ ก�ำลังเอก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซ่ึงมุ่งหวังจะเป็น นายกรัฐมนตรีแทน พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ต้นปี 2526 กอ.รมน. และ พล.อ. อาทิตย์ เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพ่ือที่จะช่วยให้ข้าราชการฝ่ายทหาร มีต�ำแหน่งในคณะรัฐมนตรีได้ โดยไม่ต้องลาออกจากการเป็นข้าราชการ ประจ�ำ มีนักการเมืองที่มาจากการเลือกต้ังและกลุ่มการเมืองอ่ืน ๆ ต่อต้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญในแนวทางดังกล่าว แต่อาหมัด และสวัสดิ์ ประกาศ สนับสนุน โดยขู่ที่จะน�ำคนงานประมาณ 1 แสนคน มาให้การสนับสนุนฝ่าย ทหาร สหภาพแรงงานซ่ึงเป็นสมาชิกของสภาแรงงานฯ ก็ให้การสนับสนุน มีการนัดหยุดงานขึ้นท่ีโรงงานยาสูบและการส่ือสารแห่งประเทศไทย คนงาน ขนส่งกอ็ อกมาเดนิ ขบวนด้วย ภายหลังมติที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป แต่การร่วมมือกันระหว่าง สภาแรงงานฯ และ พล.อ. อาทิตย์ ก็ยังคงด�ำเนินตอ่ ไป ปลายปี 2526 อาหมัด และสวัสดิ์ร่วมมือกับบุคคลฝ่ายทหารเพื่อก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ไตยแรงงาน 24

ข้ึน เพื่อท่ีจะส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้ง ส.ส. ความพยายามดังกล่าวไม่ประสบ ความสำ� เร็จเท่าใดนัก มี ส.ส. จากพรรคไดร้ ับการเลือกตงั้ เพยี งคนเดยี ว พ.ศ.  2527 พล.อ. อาทิตย์ คัดค้านการลดค่าเงินบาทและขู่จะท�ำรัฐประหาร หาก รัฐบาลไม่เปล่ยี นนโยบาย ครง้ั นท้ี ้งั อาหมัดและสวสั ด์ิ ให้ความสนับสนนุ พล.อ.  อาทติ ย์ ในนามของสหภาพแรงงาน ทัง้ สองพยายามที่จะดึง พล.อ. อาทิตย์ ให้ เขา้ มาชว่ ยแกไ้ ขกรณพี พิ าทแรงงาน อาหมดั พดู ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกลมุ่ คน งานและ พล.อ. อาทติ ย์ ว่าเป็นเรือ่ งของมติ รภาพ และเสนอว่าคนงานตอ้ งเพิ่ม บทบาทของตนเอง และไมค่ วรจำ� กดั บทบาทอยเู่ พยี งเรอื่ งสหภาพแรงงานเทา่ นนั้ เดือนกันยายน พ.ศ. 2528 อาหมัดและสวัสดิ์ร่วมมือกับกลุ่มท่ี พยายามท�ำการรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลภายใต้การนำ� ของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ กลุ่มของอาหมัดและสวัสด์ิมุ่งหวังว่า หากร่วมมือกันท�ำ รัฐประหารส�ำเร็จจะสามารถเสนอข้อเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของคน งาน เขาเสนอข้อเรียกร้องฝ่ายแรงงาน 7 ข้อ ซ่ึงรวมถึงการมี พ.ร.บ. การ ประกันสังคมเพ่ือคนงาน การให้ความคุ้มครองทางด้านกฎหมายแก่กรรมการ สหภาพฯ การให้คนงานมีบทบาทในการจัดการและกลุ่มสหภาพรัฐวิสาหกิจ ภายหลังที่รฐั ประหารลม้ เหลว สวสั ด์ิ อาหมัด และคนงานอกี 4 คน ถูกจับกุม และถูกจำ� คกุ เป็นเวลา 2 ปี ทางด้านเอกชน สหภาพแรงงานในบริษัทเอกชนถูกโจมตีหลัง เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่รัฐบาลออกกฎหมาย แรงงาน พ.ศ. 2518 ธุรกิจเอกชนหลายแห่งท่ีใช้แรงงานราคาถูก และมีระบบ การบริหารจัดการแรงงานแบบป่าเถื่อน ได้พยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงกฎหมาย แรงงาน บางธรุ กิจมีการถ่ายโอนคนงานในระบบเงินเดอื นมาเป็นการท�ำงานใน ระบบเหมางาน ทำ� งานเป็นชน้ิ หรือทำ� งานชั่วคราว เพอื่ ที่จะหลกี เล่ียงกฎหมาย แรงงานที่ให้สิทธิลูกจ้างหยุดพักผ่อน ลาป่วย ได้รับค่าจ้างล่วงเวลา ได้รับ เงินทดแทนเมื่อถูกไล่ออก และได้รับประโยชน์อื่น ๆ บางแห่งใช้การเลิกจ้าง 25

คนงานเป็นจ�ำนวนมากแล้วจ้างเข้ามาใหม่ภายใต้ระบบเหมางานหรือการ ท�ำงานช่ัวคราว ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีน้ีอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมทอผ้าหรือ อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้า พ.ศ. 2518 นายจ้างกลุ่มหนึ่งได้ก่อต้ัง สมาคม จัดการแรงงาน ข้ึน เพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการหลีกเลี่ยงกฎหมาย แรงงาน และการกีดกันไม่ให้ลูกจ้างก่อต้ังสหภาพแรงงาน สมาคมดังกล่าว มรี ายชื่อของผนู้ �ำคนงานทถี่ อื ว่ามแี นวคดิ หัวรุนแรง เดือนมกราคม พ.ศ. 2524 รัฐบาลยอมให้คนงานมีสิทธินัดหยุดงาน ซ่ึงสิทธินี้ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 คล้ายกับภาวะการณ์ ในช่วงกลางทศวรรษ 2510 การฟื้นฟูขบวนการแรงงานในสมัยนั้นเกิดขึ้น ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ธุรกิจซบเซา และมีปัญหาการส่งออก เน่ืองจาก วิกฤตการณ์ราคาน�้ำมันสูงที่ข้ึน และท�ำนองเดียวกันกับภาวะการณ์เมื่อ ทศวรรษ 2510 ที่อุตสาหกรรมทอผ้าประสบปัญหา นายจ้างจ�ำเป็นต้องลด ต้นทุนการผลิตและเลิกจ้างคนงานเพ่ือแก้ปัญหาอุปสงค์จากต่างประเทศลดลง สมาชิกของสหภาพแรงงานและกิจกรรมของสหภาพแรงงานเพ่ิมขึ้นในธุรกิจ เอกชน โดยเฉพาะในอตุ สาหกรรมทอผ้าระหวา่ ง พ.ศ. 2523-2526 จำ� นวนของ สหภาพแรงงานท่ไี ด้รบั การจดทะเบียนมีเพ่ิมขึ้น จากเดมิ 255 แห่ง เป็น 413 แห่ง ใน พ.ศ. 2524 มีการนัดหยุดงานของคนงาน 54 ครั้ง มีคนงานเข้าร่วม ประมาณ 22,000 คน ในช่วงเศรษฐกิจตกต่�ำ นายจ้างหลายแห่งต่อต้านการก่อตัวของ สหภาพแรงงาน ธุรกิจบางแห่งพบว่ากลไกการแก้ปัญหาแรงงานไม่ได้ ปกป้องคนงานจากการถูกเลิกจ้าง บางธุรกิจใช้วิธีการก�ำจัดคนงานที่เป็นนัก เคล่ือนไหว โดยย้ายพวกเขาให้ไปรวมอยู่แผนกเดียวกัน แล้วปิดแผนกงาน นั้นเสีย แล้วท�ำการเลิกจ้างคนงานท้ังหมด ในกรณีอ่ืน ๆ มีการเลิกจ้างคนงาน เป็นรายคน การส�ำรวจธุรกิจอุตสาหกรรมในเขตรอบกรุงเทพฯ 3 เขต พบ ว่า จากตัวอย่างธุรกิจ 100 แห่ง มีการเลิกจ้างหัวหน้าสหภาพแรงงาน 232 26

คน และพนักงานท่ัวไปอีก 1,531 คน พ.ศ. 2527 คนงานประมาณ 26,000 คนถูกเลิกจ้าง ซึ่งมีจ�ำนวนใกล้เคียงกับ พ.ศ. 2528 ท่ีคนงานถูกเลิกจ้าง ขณะที่การเลิกจ้างส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะน้ัน แต่ก็มีการเลิกจ้างหลายกรณีท่ีนายจ้างต้องการกำ� จัดผู้น�ำคนงาน นกั เคลอื่ นไหวใหอ้ อกไป • จุดเร่มิ ตน้ ขององคก์ รแรงงานในการขบั เคลอ่ื น กฎหมายประกนั สงั คม ตั้งแต่ปี 2518 กลุ่มสหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย สภาแรงงาน แห่งประเทศไทย และกลุ่มสหภาพแรงงานย่านต่าง ๆ ได้เคลื่อนไหวผลักดัน ให้มีการออกกฎหมายประกันสังคมมาโดยตลอด โดยในช่วงต้นปี 2519 กลุ่ม สหภาพแรงงาน 11 องค์กร ได้จัดสัมมนาร่วมกันที่บางแสน จ.ชลบุรี โดยมี มติเห็นชอบให้มีการผลักดันกฎหมายประกันสังคม ท�ำให้วันแรงงานแห่งชาติ ท่ีจัดขึ้น ณ สวนลุมพินี เม่ือวันท่ี 1 พฤษภาคม 2519 ซึ่งมีนายไพศาล ธวัชชัยนันท์ เป็นประธาน ได้ชูข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเพียงประเด็นเดียว คือ ให้รัฐบาลออกกฎหมายประกันสังคม หลังจาก พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา การจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ณ ทอ้ งสนามหลวง โดยสภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย ซงึ่ มนี ายไพศาล ธวชั ชยั นนั ท์ เปน็ ประธาน กไ็ ดช้ ปู ระเดน็ เรยี กรอ้ งประกนั สงั คมมาตลอด กระท่ัง พ.ศ. 2523 นายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ตณิ สูลานนท์ จึงประกาศในวนั แรงงานแห่งชาติว่า รฐั บาลจะพจิ ารณาให้มปี ระกนั สังคมจนปรากฏเป็นนโยบายรฐั บาลในปตี อ่ มา ในปี 2525 กลุ่มของนายไพศาล ธวัชชัยนันท์ และนายเอกชัย เอกหาญกมล ได้แยกตัวจากสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย และจดั ต้ังสภาองค์การลกู จา้ งสมาพนั ธแ์ รงงานแหง่ ประเทศไทยข้นึ โดยการจัด งานวันแรงงานแหง่ ชาติในปนี ้ัน สมาพันธ์แรงงานฯ ได้ชกู ฎหมายประกนั สังคม เปน็ ขอ้ เรยี กรอ้ งเดยี วกนั กบั สภาแรงงานฯ 27

อน่ึง 7 กลุ่มย่านสหภาพแรงงาน ซึ่งมีบทบาทส�ำคัญในขณะน้ัน ก็ได้มีส่วนส�ำคัญในการผลักดัน พ.ร.บ. ประกันสังคมด้วย (สัมภาษณ์ ทวีป กาญจนวงศ,์ 2551) การเคลอื่ นไหวขององคก์ รแรงงานมคี วามเขม้ ขน้ อกี ครงั้ ในชว่ งปี 2530 โดยเฉพาะเมื่อสมาพันธแ์ รงงานฯ จัดประชุมขึน้ เมื่อวนั ที่ 2 ตลุ าคม 2530 เพ่ือ พจิ ารณาและให้ความเหน็ ชอบร่าง พ.ร.บ. ประกนั สังคมฉบับทย่ี กร่างโดยคณะ ทำ� งานของสมาพันธ์แรงงานฯ ตงั้ แตว่ ันท่ี 25 พฤษภาคม ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมของสมาพันธ์แรงงานฯ กับของพรรค ประชาธปิ ตั ยม์ คี วามแตกตา่ งกนั กล่าวคอื • เกย่ี วกบั ขอบเขตพนื้ ทที่ บ่ี งั คบั ใช้ รา่ งของพรรคประชาธปิ ตั ยก์ ำ� หนด ไว้ 10 จังหวัด ที่เหลือให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ส่วนร่างของสมาพันธ์แร งงานฯ ขยายพื้นทบี่ ังคับเป็น 16 จงั หวัด ที่เหลอื ใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎกี า และขยายการบงั คับใชไ้ ปถึงสถานประกอบการทม่ี ีลกู จา้ งตง้ั แต่ 10 คนขึ้นไป • เก่ียวกับส�ำนักงานประกันสังคม ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ให้ สังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับ ผิดชอบ ในขณะท่ีร่างของสมาพันธ์แรงงานฯ ให้สำ� นักงานประกันสังคมสังกัด ส�ำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีประจ�ำส�ำนักนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบ และมีฐานะเปน็ กรม • เกี่ยวกับคณะกรรมการประกันสังคม ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วยฝ่ายรัฐบาล 10 คน และตวั แทนจากฝ่ายนายจา้ งและลูกจา้ งฝ่าย ละ 4 คน มีวาระการท�ำงาน 2 ปี ส่วนรา่ งของสมาพันธแ์ รงงานฯ คณะกรรมการ ประกันสังคมมีลักษณะเหมือนระบบไตรภาคี คือ มีตัวแทนจาก 3 ฝ่าย ฝ่าย รัฐบาลโดยการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง และตัวแทนฝ่าย นายจ้าง ฝา่ ยละ 5 คน มวี าระ 3 ปี 28

• เกยี่ วกบั เงินสมทบ ร่างของพรรคประชาธปิ ัตยก์ �ำหนดใหท้ ง้ั 3 ฝา่ ย เปน็ คนออกเงนิ สมทบสำ� หรบั เรอื่ งมใิ ชอ่ บุ ตั เิ หตแุ ละการเจบ็ ปว่ ย สว่ นรา่ งของสมา พนั ธแ์ รงงานฯ นน้ั ก�ำหนดให้รฐั บาลเป็นคนออกเงินสมทบสำ� หรับการเจบ็ ปว่ ย การคลอดบตุ ร ตาย และทุพพลภาพ • กระทรวงมหาดไทยรบั หลักการร่าง พ.ร.บ. ประกนั สังคม กระทรวงมหาดไทยมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม จัดต้ังกองทุนช่วยเหลือลูกจ้าง 7 ประเภท ได้แก่ เจ็บป่วยทั้งในและนอก เวลางาน ตาย คลอดบตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร พกิ าร ชราภาพ และวา่ งงาน พรอ้ มตง้ั คณะกรรมการประกันสงั คม มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเปน็ ประธาน กรรมการ มาจากตวั แทนทุกฝ่าย และผทู้ รงคุณวฒุ ิ รา่ ง พ.ร.บ. ดงั กลา่ ว ระบใุ หม้ คี ณะกรรมการประกนั สงั คม ซงึ่ ประกอบ ด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง และผแู้ ทนกระทรวงสาธารณสขุ เปน็ กรรมการ กบั ผแู้ ทนฝา่ ยนายจา้ ง และลกู จา้ ง ฝา่ ยละเท่า ๆ กนั แต่ไม่เกินฝา่ ยละ 4 คน ผูท้ รงคณุ วุฒทิ างกฎหมาย ทางระบบ งานประกันสังคม ทางการแรงงาน ทางการแพทย์ และผทู้ รงคุณวุฒอิ ืน่ ซงึ่ คณะ รัฐมนตรแี ต่งตั้งเป็นกรรมการ • สภาแรงงานฯ รว่ มผลกั ดันกฎหมายประกันสงั คม เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2531 นายทนง โพธิ์อ่าน ประธานสภา องค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ประกาศว่า สภาแรงงานฯ จะ ร่วมกับสมาพันธ์แรงงานฯ เคล่ือนไหวใน 3 เรื่อง ได้แก่ การจ้างงานที่มีระยะ เวลาแน่นอน (สัญญาจ้างระยะส้ัน) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการประกัน สังคม อีกทั้งจัดต้ังคณะท�ำงานขึ้นมาชุดหนึ่งช่ือว่า “คณะกรรมการอ�ำนวย การผลักดันการประกันสังคม” เพ่ือเชิญผู้แทนจากทุกสภาองค์การลูกจ้าง สภาละ 1 คน รวมทั้งตัวแทนจากสหพันธ์แรงงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม ผลกั ดนั เรื่องนร้ี ว่ มกนั 29

• ผใู้ ชแ้ รงงานเคล่ือนไหวผลักดันกฎหมายประกันสงั คม วันที่ 13 มีนาคม 2531 ท่ีหอประชุมคุรุสภา นายวิชิต แสงทอง รฐั มนตรปี ระจำ� สำ� นกั นายกรฐั มนตรี ไดเ้ ปน็ ประธานเปดิ ประชมุ การประกนั สงั คม โดยมผี ใู้ ชแ้ รงงานในสงั กดั สภาองคก์ ารลกู จา้ งสภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย และ สภาองคก์ ารลกู จา้ งสมาพนั ธแ์ รงงานแหง่ ประเทศไทย เขา้ รว่ มประมาณ 400 คน นายวชิ ติ กลา่ ววา่ การประกนั สงั คมนนั้ สอดคลอ้ งกบั นโยบายทางดา้ น เศรษฐกจิ ของรฐั บาลและนโยบายของทกุ พรรคการเมอื ง แตท่ ย่ี งั ไมส่ ามารถเกดิ ข้ึนได้ เพราะความล่าช้าของรัฐบาลที่เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของเงินสมทบใน กองทนุ ประกันสงั คมที่ตอ้ งมีการพิจารณาโดยละเอียด นายวิชติ กลา่ วเพ่ิมเติมว่า รฐั บาลไมพ่ รอ้ มออกกฎหมายประกันสงั คม และสงิ่ ทรี่ บี ดว่ นกวา่ คอื การบงั คบั ใหน้ ายจา้ งจา่ ยเงนิ คา่ จา้ งขน้ั ตำ�่ แกผ่ ใู้ ชแ้ รงงาน ตามอัตราที่กฎหมายกำ� หนด การประกันสังคมเป็นข้อเรียกร้องที่สูงเกินไป จะ เป็นการบีบให้นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงสูงขึ้น ท�ำให้นายจ้างต้องหาทางออกโดย การนำ� เคร่อื งจักรมาใชแ้ ทนแรงงานคน ต่อมา มีการอภิปรายเรื่อง “แรงงานไทยกับการประกันสังคม ความจำ� เป็นและประโยชน”์ มผี ูอ้ ภปิ รายคอื อาจารย์นคิ ม จนั ทรวิทุร ประธาน กรรมการสภาท่ีปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแหง่ ชาติ นายจำ� รสั มัฆนาโส สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร จ.อดุ รธานี และโฆษกกรรมาธกิ ารแรงงาน นายทนง โพธอ์ิ า่ น ประธานสภาแรงงานฯ นายเอกชยั เอกหาญกมล รองประธานสมาพนั ธแ์ รงงานฯ และนายปรชี า ศรมี ที รัพย์ วุฒิสมาชิก เปน็ ผู้ด�ำเนินการอภิปราย อาจารย์นคิ ม กล่าววา่ ไม่เหน็ ดว้ ยกบั ความคิดของนายวิชิต ว่าทำ� ไม จะต้องไปรอให้รัฐบาลพร้อมเสียก่อน เพราะเร่ืองนี้ได้มีการคุยกันในทุก ๆ หน่วยงานมาเป็นเวลา 20 ปี แต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ตนคิดว่าควรเร่ิมการ ประกันสังคม เพราะการออกกฎหมายประกันสังคมน้ันจะมีผลต่อเร่ืองค่าแรง ข้นั ต�่ำดว้ ย 30

นายจำ� รสั กลา่ ววา่ รฐั ธรรมนญู มาตรา 152 บงั คบั ใหฝ้ า่ ยบรหิ ารปฏบิ ตั ิ ตามนโยบายท่ีประกาศไว้ แต่จนถึงขณะนี้กฎหมายประกันสังคมยังไม่ออกมา สำ� หรบั นายกรฐั มนตรนี นั้ แมไ้ มไ่ ดเ้ ซน็ รบั รองรา่ งกฎหมายประกนั สงั คม แตไ่ ดพ้ ดู ในทีป่ ระชมุ คณะรัฐมนตรวี ่า ให้นำ� กฎหมายนเ้ี ขา้ พจิ ารณาในสภาผูแ้ ทนราษฎร อยา่ งไรก็ตาม จากการพจิ ารณาในรายละเอียดแลว้ ร่าง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม ซึง่ มที ัง้ หมด 4 รา่ งนน้ั ยังไมม่ รี ่างไหนท่ีระบวุ ่าใครจะเปน็ ผู้รบั ผิดชอบหากเกดิ กรณีเงนิ กองทนุ ประกันสงั คมสญู หาย นายเอกชัย กลา่ ววา่ ไดฟ้ ังนายวิชติ พดู แลว้ ตนแปลกใจท่ีรฐั บาลกลัว ประชาชนจะมคี วามเปน็ อยดู่ ขี ้นึ แม้คณะกรรมการกฤษฎีกาเองก็ยังเหน็ ว่า รา่ ง กฎหมายประกนั สงั คมเปน็ สงั คมนยิ ม พล.อ. เปรม เคยพดู ในวนั แรงงานแหง่ ชาติ เมอื่ วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2523 อยากทราบวา่ พล.อ. เปรม ยงั จำ� คำ� พดู นนั้ ไดห้ รอื ไม่ นายทนง กลา่ ววา่ ตนเสยี ดายแทนรฐั บาลที่พูดวา่ ไม่พรอ้ มท่ีจะมีการ ประกนั สงั คม อยา่ งไรก็ตาม ผใู้ ช้แรงงานจะตอ้ งมกี ฎหมายประกนั สงั คมเกิดขน้ึ ให้ได้ แมใ้ นที่สุดแล้วจะมกี ารเสียเลือดเสียเน้ือกนั กต็ าม ในวันท่ี 20 มีนาคม 2531 ทางสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงาน แห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายอัฑฒ์ ศรีอาจ เป็นประธาน ได้จัดประชุมหัวข้อ “ความเป็นไปได้ในการออกกฎหมายประกันสังคม” โดยนายเฉลียว วัชรพุกก์ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทย ไปรว่ มบรรยาย มผี เู้ ขา้ รว่ มฟงั ประมาณ 200 คน นายเฉลียว กล่าวว่า การประกันสังคมเป็นสิ่งท่ีทุกคนให้ความสนใจ เป็นอย่างมาก ซึ่ง พ.ร.บ. ประกันสังคมเม่ือปี 2497 ก็เคยออกมา แต่ไม่ได้ ใช้ จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มี แต่รัฐบาลในสมัยนั้นจนมาถึงปัจจุบันได้ให้ ความสนใจเร่ืองนี้ และรัฐบาลปัจจุบันได้ออกกฎหมายแรงงาน ซึ่งมีบางเร่ือง เก่ียวกับการประกันสังคม เช่น กองทุนเงินทดแทน และเร่ืองความมั่นคงของ ผู้ใช้แรงงาน 31

นายเฉลยี ว กล่าวต่อวา่ กฎหมายประกนั สังคมของประเทศเรามีแลว้ แต่บางเรอื่ งบางประเภททีเ่ ราไม่สามารถท�ำให้เหมือนกบั ประเทศอน่ื ได้ เพราะ เราไมจ่ ำ� เปน็ ต้องเอาตามอย่างเขา อยู่ท่ีวา่ จะออกมาในรูปแบบไหนจึงจะเหมาะ สมในแตล่ ะประเทศ ทง้ั นปี้ ระเทศทม่ี กี ารพฒั นากม็ สี ถานภาพคลา้ ยกบั เราคอื มี การประกันสังคมไมค่ รบทุกประเภท นายเฉลียว กลา่ วต่อไปวา่ ประเทศทม่ี ีเศรษฐกิจดี ประชากรมรี ายได้ สงู กส็ ามารถมกี ารประกนั ครบทกุ ประเภท แต่ส�ำหรับเมืองไทยทีป่ ระชาชนคง รบั ภาระไมไ่ หว รฐั บาลจงึ พจิ ารณารา่ งประกนั สงั คมใหค้ รอบคลมุ สทิ ธปิ ระโยชน์ ออกมา 3 ประเภท ไดแ้ ก่ การเจ็บป่วยในงาน การเจ็บปว่ ยนอกงาน และการ คลอดบุตร ซ่ึงผู้ใช้แรงงานอาจจะต้องออกเงินสมทบประมาณประเภทละร้อย ละ 2 รวมเป็นร้อยละ 6 • ผู้นำ� แรงงานเร่งผลักดันกฎหมายประกนั สงั คมไม่หยุดยั้ง วันท่ี 3 เมษายน 2531 เวลา 10.00 น. ท่ีห้องพิมาน โรงแรม บางกอกพาเลซ ประตูน้�ำ คณะกรรมการอ�ำนวยการผลักดันการประกันสังคม จัดประชุมก�ำหนดแนวทางการต่อสู้และผลักดันกฎหมายการประกันสังคม ท่ี ประชุมสรุปว่า 1) รัฐบาลยงั ขาดนโยบายทแ่ี น่นอนชดั เจนในเรื่องนี้ 2) รัฐบาลมแี นวโนม้ เหน็ วา่ การประกนั สงั คมไมใ่ ชเ่ รอ่ื งจำ� เป็น 3) ผู้ใช้แรงงานเองขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการประกันสังคม เม่อื เวลาเรียกแสดงพลงั ประชามติจงึ มีคนร่วมเพียงรอ้ ยละ 20 ของจำ� นวนผู้ใช้ แรงงานทั้งหมดที่มีกวา่ 300,000 คน 4) การขาดแนวรว่ มหรอื กลุม่ สนับสนุนอย่างเพียงพอ 32

ที่ประชุมเสนอว่าคณะกรรมการอ�ำนวยการต้องเร่งให้ความรู้ และ ขยายแนวรว่ มใหก้ วา้ งขวาง รวมทง้ั จะยน่ื หนงั สอื และรา่ งกฎหมายประกนั สงั คม ตอ่ พล.อ. เปรม ตณิ สลู านนท์ นายกรัฐมนตรี ในวนั ท่ี 5 เมษายน และจะยืน่ ตอ่ หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคท่ีสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 7 เมษายน 2531 คาดวา่ จะมผี เู้ ขา้ รว่ มย่ืนหนังสือประมาณ 500 คน สำ� หรบั รา่ งกฎหมายประกนั สงั คมทค่ี ณะกรรมการอ�ำนวยการผลกั ดนั การประกันสังคม จะนำ� เสนอต่อนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคการเมือง ใน วนั ที่ 7 เมษายน สรปุ ไดด้ งั นี้ 1. ขอบเขตของการประกันสังคมในระยะเร่ิมแรก ให้ใช้บังคับใน เขตท้องท่ีกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ชลบรุ ี เชยี งใหม่ ขอนแก่น สงขลา ภูเกต็ นครศรีธรรมราช สุราษฎรธ์ านี อยุธยา นครราชสมี า นครสวรรค์ ระนอง และสระบรุ ี โดยใหใ้ ชบ้ งั คบั แกง่ านอตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม ขนสง่ ประมง กอ่ สรา้ ง เกษตรกรรม งานหตั ถกรรม และงานอน่ื  ๆ ทม่ี ีลูกจ้างต้ังแต่ 10 คนขึน้ ไป 2. คณะกรรมการประกันสังคม ให้ประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย ใน ลักษณะไตรภาคีจำ� นวน 15 คน โดยมผี ู้แทนฝา่ ยละ 5 คน 3. ใหส้ ำ� นกั งานประกนั สงั คมสงั กดั กระทรวงแรงงาน ในเวลาทยี่ งั ไมจ่ ดั ตัง้ กระทรวงแรงงาน ใหส้ ำ� นักงานประกนั สังคมสังกดั ส�ำนกั นายกรฐั มนตรี 4. ให้การประกันสังคมและการออกเงินสมทบคุ้มครองการเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร ชราภาพ การวา่ งงาน และการสงเคราะหบ์ ุตร 5. กิจการใดที่นายจ้างจัดสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างในอัตราท่ีสูงกว่า ก็ให้รับประโยชน์หรือบริการนั้นไปตามสภาพเดิม โดยรัฐบาล นายจ้าง หรือ ลูกจ้าง ไมต่ ้องจ่ายเงนิ สมทบในส่วนนี้ 33

• สถานการณ์เลือกตัง้ กับการผลกั ดนั ประกนั สงั คม ภายหลังที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพ่ือจัดการเลือกต้ังใหม่ใน วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2531 คณะกรรมการอ�ำนวยการผลักดันการ ประกันสังคม ได้จัดประชุมเร่ือง “การใช้สถานการณ์เลือกต้ังให้เป็นประโยชน์ ในการผลกั ดันประกันสงั คม” ผ้อู ภปิ รายประกอบด้วย อาจารยน์ ิคม จันทรวิทุร ประธานสภาที่ปรึกษาเพ่ือพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และนายวัฒนะ เอี่ยมบ�ำรุง ประธานสภาองค์การลูกจา้ งสมาพันธแ์ รงงานแห่งประเทศไทย นายวฒั นะ กลา่ ววา่ สมาพนั ธ์แรงงานฯ ต้องการผลกั ดันการประกัน สังคมร่วมกับ 2 สภาแรงงาน และจะสนับสนุนเฉพาะพรรคการเมืองท่ีตอบ เป็นรูปธรรมว่าจะผลักดันกฎหมายประกันสังคมอย่างไร เห็นด้วยกับร่าง กฎหมายฉบับผู้ใช้แรงงานหรือไม่ รวมทั้งต้องมีการท�ำพันธสัญญาร่วมกัน ใหช้ ัดเจน ขณะทอี่ าจารยน์ ิคม กลา่ ววา่ การเมอื งกบั แรงงานเปน็ เรื่องที่แยกกัน ไมอ่ อก การเคลือ่ นไหวต่อไป คือ 1. จัดแถลงข่าวชี้แจงสถานะของคณะกรรมการฯ และความต้องการ ของคนงาน 2. เข้าพบอธิบดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย เพอ่ื รบั ทราบผลการพจิ ารณารา่ งกฎหมายประกนั สงั คมของ กระทรวงมหาดไทย 3. จัดเวทีให้หัวหน้าพรรคการเมืองช้ีแจงนโยบายประกันสังคม และ • ท�ำค�ำม่นั สัญญาร่วมกัน รัฐบาลรบั หลกั การรา่ งกฎหมายประกนั สงั คม คณะกรรมการกฤษฎกี าไดเ้ ปลยี่ นชอ่ื รา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม เปน็ รา่ ง พ.ร.บ. กองทนุ สวสั ดกิ ารแรงงาน จากน้ันจงึ เสนอให้คณะรฐั มนตรมี มี ตริ ับหลัก การร่าง พ.ร.บ.น้ี เมื่อวันท่ี 10 ตลุ าคม 2531 และส่งให้คณะกรรมการประสาน งานรัฐสภาของพรรครว่ มรฐั บาลพิจารณา เพอ่ื นำ� เขา้ สูส่ ภาผู้แทนราษฎร 34

คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอข้อสงั เกตเพื่อแกไ้ ขรา่ ง พ.ร.บ. ประกัน สังคม ซ่ึงคณะรัฐมนตรอี นุมตั ิมาก่อนหน้าน้แี ลว้ 5 ประการ คือ 1. ขอบเขตใหก้ ารสงเคราะห์ กฎหมายเดมิ ใหส้ งเคราะหค์ นงานรวม 7 ประเภท แตส่ �ำนกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาเหน็ ว่าควรดำ� เนนิ การอย่างค่อย เปน็ คอ่ ยไป จึงสมควรสงเคราะห์เพยี ง 3 ประเภท คอื กรณกี ารเจ็บปว่ ยอนั มิใช่ จากการท�ำงาน การคลอดบตุ ร และการตาย 2. กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ดำ� เนินการรวมกองทุนสำ� รองเลี้ยงชีพ กบั กฎหมายวา่ ดว้ ยกองทนุ เงนิ ทดแทน ซงึ่ สำ� นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี าเหน็ วา่ มหี ลกั การแตกตา่ งกนั ในรา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม จงึ ใหเ้ ปลยี่ นชอ่ื มาเปน็ รา่ ง พ.ร.บ. กองทุนสวสั ดิการแรงงาน และไมค่ วรรวมกนั 3. รัฐวิสาหกิจไม่ควรอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายฉบับน้ี เพราะแต่ละแห่งใหส้ วัสดกิ ารดีอยแู่ ล้ว 4. รา่ งเดมิ กำ� หนดใหน้ ายจา้ ง ลกู จา้ ง และรฐั บาลออกเงนิ สมทบรว่ มกนั แต่ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขให้เป็นภาระของนายจ้างกับลูกจ้าง เท่านั้น และถา้ เงินกองทุนไม่พอ กใ็ ห้รัฐบาลมหี น้าทจี่ า่ ยเงนิ อุดหนนุ ตามความ จ�ำเป็น 5. หนว่ ยงานทด่ี ำ� เนนิ การเรอื่ งน้ี รา่ งกฎหมายเดมิ ใหต้ ง้ั หนว่ ยงานใหม่ ระดับกรม แต่ส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่างานดังกล่าวลดน้อยลง จงึ ใหห้ นว่ ยงานรบั ผดิ ชอบเปน็ ระดบั กอง ในรปู คณะกรรมการกองทนุ สวสั ดกิ าร แรงงาน และแกไ้ ขจากรา่ งเดิมทใี่ ห้มี 16-20 คน มปี ลัดกระทรวงมหาดไทยเปน็ ประธาน เหลอื เพียง 11-15 คน มอี ธบิ ดีกรมแรงงานเป็นประธาน จากการเคลื่อนไหวขององค์กรแรงงานของสภาองค์การลูกจ้างสภา แรงงานแหง่ ประเทศไทย สภาองคก์ ารลกู จา้ งสมาพนั ธแ์ รงงานแหง่ ประเทศไทย ซง่ึ จะเหน็ วา่ สององคก์ ารหลกั นท้ี ขี่ บั เคลอื่ นกฎหมายประกนั สงั คมรว่ มกบั องคก์ ร 35

แรงงานอน่ื  ๆ นนั้ เหน็ ไดว้ า่ การเคลอ่ื นไหวนนั้ จะอยใู่ นระดบั ผนู้ �ำแรงงาน องคก์ ร แรงงานทม่ี คี วามสำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื นกฎหมายประกนั สงั คมทมี่ คี วามคบื หนา้ จนท�ำให้กฎหมายน้ีผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ยังขาดการมีส่วนร่วม ขององค์กรแรงงานระดับรากหญ้าในระดับกลุ่มย่านอุตสาหกรรม น่ันคือ กลุ่ม ยา่ นอ้อมนอ้ ย-อ้อมใหญ่ พระประแดง และรังสติ ทม่ี ีกำ� ลังคนในการขบั เคลื่อน การผลักดันกฎหมายให้มีพลัง รวมทั้งยังขาดการให้การศึกษา สร้างความเข้าใจให้กับผู้ใช้แรงงาน ระดับล่าง ให้เห็นประโยชน์ของกฎหมายประกันสังคม ท�ำให้คนงานระดับ พ้ืนฐานเข้ามามีส่วนร่วมน้อย และการเคลื่อนไหวนั้นมีบทบาทอยู่ในวงแคบ คือ การสัมมนา ล็อบบ้ี และย่ืนหนังสือถึงรัฐบาล และพรรคการเมืองเท่านั้น ท�ำให้ความเคลื่อนไหวยังขาดพลังในการขับเคลื่อน และกดดันให้กฎหมาย ออกมาใช้ได้ นอกจากน้ีรัฐบาล พล.อ. เปรม ก็ไม่มีความชัดเจนที่จะสนับสนุน กฎหมายประกันสังคม เพราะรัฐมนตรีบางท่านก็ออกมาพูดไม่เห็นด้วยกับ กฎหมายประกันสังคม ท�ำให้การผลักดันกฎหมายประกันสังคมเป็นไปด้วย ความลา่ ชา้ ทงั้ ที่ พล.อ. เปรม ก็ไดส้ ัญญากับผู้ใชแ้ รงงานในวนั แรงงานแห่งชาติ ปี 2523 จนถงึ ปลายรฐั บาล พล.อ. เปรม กฎหมายประกนั สังคมก็ยงั ไมส่ ามารถ คลอดออกมาได้ เราจะสังเกตเห็นได้ว่าแม้รัฐบาล พล.อ. เปรม เป็นรัฐบาลท่ี มีระยะเวลาการบริหารประเทศยาวนาน แต่ก็ไม่ยอมผลักดันกฎหมายท่ีเป็น ประโยชนต์ อ่ สังคมท่ีออกมาช่วยเหลอื คนงาน กลา่ วโดยภาพรวมแลว้ การผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คมในชว่ งพ.ศ.  2530-2532 โดยคณะกรรมการอำ� นวยการผลักดันกฎหมายประกนั สังคม ตอ้ ง พบกับขอ้ จ�ำกดั ดงั น้ี 1. การเคล่ือนไหวผลักดัน พ.ร.บ. ประกันสังคม เป็นกฎหมายที่ เก่ียวข้องกับผใู้ ช้แรงงานโดยตรง แต่องค์กรผูน้ ำ� และผู้ใช้แรงงานสว่ นตา่ ง ๆ ยัง ไม่มีส่วนร่วมเคล่อื นไหว หรอื มบี ทบาทผลักดนั เรอ่ื งนอี้ ย่างจริงจัง 36

2. พนกั งานรฐั วสิ าหกจิ ซงึ่ เปน็ สว่ นหวั ของขบวนแรงงาน ยงั มขี อ้ ขดั แยง้ เกี่ยวกับผลประโยชนท์ ่ีจะได้รับจากกฎหมายประกันสังคม เพราะในช่วงแรกยัง ไมม่ คี วามชดั เจนวา่ จะรวมพนกั งานรฐั วสิ าหกจิ เขา้ ไปบงั คบั ใชอ้ ยใู่ นกฎหมายฉบบั น้หี รือไม่ 3. คนงานในโรงงานขนาดเล็ก ซ่ึงไม่ได้รับสวัสดิการใด ๆ และเป็นผู้ ที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจาก พ.ร.บ. ประกันสังคมน้ี กลับเป็นคนงาน กลมุ่ ทม่ี คี วามรเู้ กยี่ วกบั กฎหมายฉบบั นนี้ อ้ ยทสี่ ดุ เพราะขาดขา่ วสารขอ้ มลู ทำ� ให้ เขา้ มามีสว่ นร่วมน้อย 4. การเคล่อื นไหวผลกั ดัน พ.ร.บ. ประกนั สังคม อยู่ในวงจำ� กดั และ มีรปู แบบเหมอื น ๆ เดิม แค่การจดั เวทสี ัมมนา การยืน่ หนังสือ และการลอ็ บบ้ี ผู้น�ำของรัฐบาลและพรรคการเมือง ท�ำให้ขาดพลังการเคล่ือนไหวท่ีแสดงถึง ความตอ้ งการของคนงานไดอ้ ยา่ งแท้จริง • กฎหมายประกนั สงั คมผ่านสภาผแู้ ทนราษฎร และการเคลือ่ นไหวโคง้ สุดท้ายของคนงานระดบั กลมุ่ ย่าน วันที่ 17 พฤษภาคม 2532 สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับ หลักการของรา่ ง พ.ร.บ. กองทนุ สวัสดิการแรงงาน พ.ศ......(คณะรฐั มนตรี เปน็ ผเู้ สนอ) รา่ ง พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ....... (นายชวลติ โอสถานเุ คราะห ์ กับ คณะพรรคกจิ สังคม เป็นผู้เสนอ) ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ.......(นางเตือน ใจ นอุ ุปละ กับคณะพรรคประชาธปิ ตั ย์ เปน็ ผูเ้ สนอ) รา่ ง พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ.......(นายณรงค์ วงศ์วรรณ กับคณะพรรคเอกภาพ เป็นผู้เสนอ) และร่าง พ.ร.บ. กองทุนการเจบ็ ปว่ ยนอกงาน พ.ศ.......(นายเจริญ เชาวป์ ระยรู กับคณะ พรรคเอกภาพ เปน็ ผู้เสนอ) และแต่งตงั้ กรรมาธกิ ารวิสามญั ขึ้นมาคณะหน่งึ เพื่อ พิจารณา โดยถือรา่ งของคณะรฐั มนตรเี ป็นหลักในการพิจารณาแปรญัตติ 37

คณะกรรมาธิการวสิ ามัญคณะน้ี ประกอบด้วย 1. นายประสพ บุษราคมั ประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ 2. นายนคิ ม จนั ทรวิทรุ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ี 1 3. นายเจรญิ เชาวป์ ระยูร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 2 4. นางอมั พร จณุ ณานนท ์ เลขานุการคณะกรรมาธิการ 5. นายประวิช รัตนเพยี ร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมาธิการ คนที่ 1 6. นายสมศักดิ์ คุณเงิน ผชู้ ว่ ยเลขาธิการคณะกรรมาธกิ าร คนท่ี 2 7. นายศุภสทิ ธ์ิ เตชะตานนท ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ 8. นายอาคม เอง่ ฉ้วน ผ้ชู ่วยโฆษกคณะกรรมาธิการ คนท่ี 1 9. นางเตอื นใจ นุอุปละ ผู้ชว่ ยโฆษกคณะกรรมาธิการ คนท่ี 2 10. นายกิตติศักด์ิ หตั ถสงเคราะห์ 11. นางจรรยส์ มร วธั นเวคนิ 12. นายชวลิต มหาจันทร์ 13. นายชวลติ โอสถานเุ คราะห์ 14. นายไชยวัฒน์ พรหมประสิทธิ์ 15. นายบวั พรหม ธรี กลั ยาณพนั ธ์ 16. นายบญุ ชู โรจเสถียร 17. นายปิยะณฐั วชั ราภรณ์ 18. นายเรวุฒิ จนิ ดาพล 19. นายวจิ ิตร แจม่ ใส 20. นายวเิ ชยี ร ขาวข�ำ 21. นายวุฒิชยั สงวนวงศ์ชัย 38

22. นายศิริ เกวลนิ สฤษด์ิ (อธบิ ดกี รมแรงงาน) 23. นายสมพร อศั วเหม 24. นางสมศรี กันธมาลา 25. นายสุเทพ วงศก์ ำ� แหง 26. พล.อ. หาญ ลนี านนท์ 27. นายอุดร ทองนอ้ ย ในรา่ งฉบบั ของรฐั บาลมหี ลกั การให้จัดการประกนั สงั คม ดา้ นประกัน การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุนอกเวลาท�ำงาน การคลอดบุตร และการเสียชีวิต ใช้บังคับสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 20 คนข้ึนไป ในเขตท้องที่ที่ประกาศ ในพระราชกฤษฎีกา ให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายเงินสมทบฝ่ายละเท่ากันคือ ร้อยละ 1.5 ของรายได้ผู้ประกันตน โดยรัฐบาลไม่ต้องออกเงินสมทบ และให้ การบรหิ ารอยภู่ ายใตค้ ณะกรรมการไตรภาคี ประกอบดว้ ยผแู้ ทนลกู จา้ ง นายจา้ ง รัฐบาล ฝา่ ยละ 3 คน และผทู้ รงคุณวฒุ ไิ มเ่ กนิ 5 คน ส�ำหรับร่างกฎหมายประกันสังคมของคณะกรรมาธิการวิสามัญสภา ผู้แทนราษฎร มีขอบเขตการคุ้มครองกว้างขวางกว่าร่างของรัฐบาล กล่าวคือ ถือวา่ ประโยชนท์ ดแทนมี 7 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ประสบอันตรายหรือเจบ็ ป่วยมิใชเ่ น่ืองจากการทำ� งาน 2) คลอดบตุ ร 3) ทพุ พลภาพมิใชเ่ นอ่ื งจากการท�ำงาน 4) กรณีตายมิใช่เนอื่ งจากการทำ� งาน 5) สงเคราะห์บตุ ร 6) ชราภาพ 7) วา่ งงาน 39

• กฎหมายประกันสงั คมทแ่ี รงงานต้องการ คณะกรรมการประสานงานการศึกษากลุ่มสหภาพสหพันธ์แรงงาน จัดสัมมนาเรื่อง “กฎหมายประกันสังคมที่ผู้ใช้แรงงานต้องการ” ในวันท่ี 18 มถิ นุ ายน 2532 สรุปความต้องการของผู้ใช้แรงงานตามร่างกฎหมายประกันสังคม ของสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการ กลางเพือ่ ผลักดนั กฎหมายประกนั สังคม มีรายละเอียด ดังนี้ 1. ให้มีขอบเขตการใช้บังคับ 18 จังหวัด ใช้กับงานทุกประเภทท่ีมี ลกู จา้ งตง้ั แต่ 10 คนข้นึ ไป หากจะมีการบังคับใชใ้ นท้องทอี่ ืน่ กจิ การหรอื บคุ คล ประเภทอนื่ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎกี า 2. ใหร้ ฐั มนตรปี ระจำ� สำ� นกั นายกรฐั มนตรรี กั ษาการตามกฎหมาย และ ให้โอนไปสงั กดั กระทรวงแรงงานเมื่อจัดตงั้ ขน้ึ 3. คณะกรรมการประกันสังคมให้เป็นคณะไตรภาคีมีผู้แทนฝ่ายละ 5 คน ฝ่ายลกู จา้ งให้แต่งตั้งจากบคุ คลทีส่ หภาพแรงงานเลอื กต้งั วิธกี ารเลือกต้ัง ใหถ้ อื ตามจ�ำนวนสมาชิกแต่ละสหภาพ 4. คณะกรรมการประกันสังคมเป็นองค์กรที่มีอ�ำนาจสูงสุดในการ ตดั สินใจและวางนโยบายประกนั สงั คม 5. เงินสมทบกองทนุ ประกันสงั คม • ให้รัฐบาลและนายจ้างออกเงินส�ำหรับประโยชน์ทดแทนการตาย ประโยชน์ทดแทนการทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทนการเจ็บป่วย ประโยชน์ ทดแทนการคลอดบุตร ตามอัตราทกี่ ำ� หนด • ให้รฐั บาล นายจา้ ง และลกู จ้าง ออกเงนิ สมทบสำ� หรบั ประโยชน์ ทดแทนการชราภาพ ประโยชน์ทดแทนการว่างงาน ประโยชน์ทดแทนการ สงเคราะห์บุตร ตามอัตราทกี่ �ำหนด 40

6. ให้คณะกรรมการประกันสังคมมีหน้าที่รับอุทธรณ์ข้อขัดแย้ง โดย ค�ำวินจิ ฉยั ของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด 7. การดำ� เนินการประกนั สงั คม ใหแ้ บ่งระยะเวลา ดังนี้ • ประโยชนก์ ารทดแทนการทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทนการตาย ประโยชนท์ ดแทนการเจบ็ ป่วย ประโยชนท์ ดแทนการคลอดบุตร จะด�ำเนินการ ทนั ทีทกี่ ฎหมายบงั คับใช้ • ประโยชน์ทดแทนการว่างงาน ประโยชน์ทดแทนการชราภาพ และประโยชนท์ ดแทนการสงเคราะหบ์ ุตร จะด�ำเนินการภายหลังเม่ือกฎหมาย น้ีบังคบั ใชไ้ ปแล้ว 4 ปี 8. ให้โอนเงิน บุคลากร และเงินกองทุนเงินทดแทน กรมแรงงาน มาเปน็ ส่วนหน่งึ ของส�ำนักงานประกนั สังคม ขณะเดียวกัน กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มีการจัด ประชุมด่วนในวันท่ี 19 มิถุนายน 2532 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุม สหภาพแรงงานการประปานครหลวง เพ่ือพิจารณาท่าทีต่อการเคล่ือนไหว กฎหมายประกันสังคมที่ผู้ใช้แรงงานต้องการ ที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการ 7 ท่าน คือ นายเอกชัย เอกหาญกมล นายสมบูรณ์ ทรัพย์สาร นายบัญญัติ กล่ันสุวรรณ นายไพบูลย์ แก้วเพทาย นายยศ ยะคะเสม และนายธวัชศักด์ิ พว่ งจนิ ดา ทำ� หน้าทป่ี ระสานกับ 4 สภาแรงงาน • การรณรงคก์ ฎหมายประกนั สงั คม กับการเผชญิ ปัญหาอปุ สรรค การพิจารณาร่างกฎหมายประกันสังคมต้องเผชิญกับแรงต้านในท่ี ประชมุ คณะรฐั มนตรี วนั ท่ี 11 กรกฎาคม 2532 เมอ่ื พล.อ. ประมาณ อดเิ รกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แสดงความไม่พอใจร่างแก้ไขของคณะ กรรมาธิการวิสามญั ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 41

ประการแรก ชื่อของร่าง พ.ร.บ. ถูกแก้ไขจาก พ.ร.บ. กองทุน สวสั ดิการแรงงาน มาเปน็ พ.ร.บ. ประกนั สังคม และใหใ้ ช้กองทนุ ประกันสงั คม น�ำหน้ากองทนุ ตา่ ง ๆ ประการทสี่ อง รา่ งรฐั บาลเดมิ เสนอประโยชนท์ ดแทนเพยี ง 3 ประเภท แตค่ ณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ เป็น 7 ประเภท ซึง่ รวมถงึ ประโยชน์ ทดแทนการวา่ งงาน ประการทีส่ าม ร่างเดิมไม่ก�ำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบ แต่ร่างท่ี แก้ไขใหมน่ ใ้ี ห้ทุกฝ่ายจา่ ยเงนิ สมทบเท่ากนั คอื ฝา่ ยลูกจ้าง ฝา่ ยนายจ้าง และ ฝา่ ยรัฐบาล ความขัดแยง้ นท้ี ำ� ใหท้ ี่ประชมุ สภาผู้แทนราษฎร วันท่ี 12 กรกฎาคม 2532 มีมติ 93 ต่อ 43 เสียง ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ นายจรัส พั้วช่วย ส.ส.พรรคเอกภาพ เร่อื งการบรรจุร่าง พ.ร.บ. ประกันสงั คมเป็นวาระดว่ นพิเศษ โดยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 กรกฎาคม ก็ไม่ได้มีการน�ำร่าง พ.ร.บ. ประกนั สังคม เข้าสู่การพจิ ารณา วันท่ี 12 กรกฎาคม 2532 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ใช้แรงงาน ประมาณ 1,000 คน จากสภาองค์การลกู จ้างทัง้ 4 แหง่ กลุ่มสหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกลุ่มสหภาพแรงงานเขตย่านต่าง ๆ เช่น ย่าน อ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ย่านสมุทรปราการ ร่วมชุมนุมกันท่ีลานพระบรมรูป ทรงม้า และเดินขบวนไปยังหน้ารัฐสภาเพ่ืออภิปรายสนับสนุนการพิจารณาให้ ผา่ นร่าง พ.ร.บ. ประกันสงั คมตามแนวทางของผใู้ ช้แรงงาน นายทนง โพธ์ิอ่าน ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่ง ประเทศไทย วุฒิสมาชิก และกรรมาธิการแรงงานของวุฒิสภา เปิดเผยว่า จะมีวุฒิสมาชิก 6 คน ค้านร่างกฎหมายประกันสังคมฉบับที่คณะกรรมาธิการ วิสามญั แปรญัตติ เพราะเหน็ ด้วยกบั ร่าง พ.ร.บ. กองทนุ สวัสดกิ ารแรงงานของ กระทรวงมหาดไทย 42

วฒุ สิ มาชกิ ดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ นายอาคม มกรานนท์ นายโอสถ โกสนิ นาย สานนท์ สายสวา่ ง นายพชิ ยั วาสนาสง่ คณุ หญงิ นนั ทกา สปุ ระภาตะนนั ทน์ และ คุณหญิงแร่ม พรหโมบล บุณยประสพ • การประชมุ เพอื่ รุกคบื ของกลมุ่ ยา่ นพระประแดง และอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2532 คนงานกลุ่มย่านพระประแดง และ กลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ มีการประชุมกันที่ศูนย์วัฒนธรรมของคนงาน อ้อมน้อย ประเด็นท่ีมีการพูดคุยกันมากที่สุด คือ การที่สภาผู้แทนราษฎร จะผา่ นรา่ งกฎหมายประกันสงั คมวาระท่ี 2 และ 3 ในวนั ที่ 27 กรกฎาคม 2532 โดยที่ประชุมเห็นว่าควรมีการเคล่ือนไหวกฎหมายนี้ในวันที่ 26 กรกฎาคม ถงึ วันที่ 27 กรกฎาคม เน่ืองจากถา้ ใหเ้ ฉพาะ 4 สภาแรงงานเคลือ่ นไหว กม็ ี เพยี งการยน่ื หนงั สอื ไมม่ พี ลงั กดดนั คนงานสองกลมุ่ ยา่ นจงึ ตกลงกนั วา่ จะชมุ นมุ • หนา้ รฐั สภา ในวนั ท่ี 26-27 กรกฎาคม 2532 กฎหมายประกนั สงั คมต้องรอปีหนา้ ในวนั ท่ี 26-27 กรกฎาคม 2532 กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นพระประแดง และยา่ นออ้ มนอ้ ย-ออ้ มใหญ่ ไดน้ ดั ชมุ นมุ เคลอ่ื นไหวทห่ี นา้ รฐั สภาเพอ่ื ผลกั ดนั ให้ ร่างกฎหมายประกันสังคมผ่านสภาผู้แทนราษฎร มีคนงานจากย่านต่าง ๆ เข้า รว่ มชุมนุมถงึ ประมาณ 1,500 คน ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2532 สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติผ่าน ร่างกฎหมายประกันสังคมในวาระ 3 แต่ไม่ได้รับการบรรจุในวาระการประชุม ของวฒุ สิ มาชกิ ในวนั รงุ่ ขน้ึ กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นตา่ ง ๆ จงึ มกี ารนดั ประชมุ กนั ในวันที่ 20 สงิ หาคม 2532 ที่ห้องประชมุ สหภาพแรงงานการประปานครหลวง โดยมีประธานสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย สภา องคก์ ารลกู จา้ งสภาแรงงานแหง่ ประเทศไทย และสภาองคก์ ารลกู จา้ งแรงงานเสรี แหง่ ชาติ เข้าร่วมประชมุ 43

ทป่ี ระชมุ วนั นนั้ มมี ตวิ า่ จะสง่ ตวั แทนผใู้ ชแ้ รงงานเขา้ พบนายกรฐั มนตรี เพ่อื ยืน่ หนงั สือ และขอความชัดเจนในการสนับสนนุ รา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สังคม ต่อมาในวันท่ี 22 สิงหาคม 2532 ผู้น�ำจากสภาแรงงานและกลุ่ม ย่านได้เข้าพบ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัน นายกรัฐมนตรี ท่ีท�ำเนียบรัฐบาล เพ่ือเร่งรัดให้วุฒิสภาพิจารณาร่างกฎหมายประกันสังคม ในการเปิดประชุม วิสามัญระหวา่ งวันท่ี 6-12 กันยายน นายกรฐั มนตรชี แี้ จงว่า ไม่สามารถท�ำได้ เพราะการประชุมวิสามัญเป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจ�ำปี แต่รับปากว่าในการประชุมสมัยหน้า จะผลักดันให้ร่างกฎหมายประกันสังคม ผา่ นการพิจารณา 3 วาระอย่างแน่นอน ในวันเดียวกันนี้เอง ได้มีผู้น�ำแรงงานอีกกลุ่ม คือ กลุ่มสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจแหง่ ชาติ นำ� โดย นายนิวัติ นาคะสุวรรณ และนายพนัส ไทย ล้วน ได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายประกันสังคมที่ ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพราะเห็นว่าควรยกเว้นไม่ให้บังคับใช้กับพนักงาน รัฐวิสาหกิจ เนื่องจากพนักงานรัฐวิสาหกิจได้รับสวัสดิการดีกว่าที่กฎหมาย ก�ำหนดอยู่แล้ว จงึ ไมค่ วรตอ้ งออกเงนิ สมทบอีก • ใช้การชุมนมุ คัดค้านการจา้ งงานระยะสนั้ เปน็ พื้นฐานการเคลอื่ นไหวประกนั สงั คม กลุ่มสหภาพแรงงานย่านพระประแดง สมุทรปราการและใกล้เคียง ได้จัดสัมมนาสรุปการเคล่ือนไหวกฎหมายประกันสังคม และพิจารณา ประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับท่ี 11 เร่ืองการคุ้มครองแรงงาน ลงวันท่ี 11 ตลุ าคม 2532 เมอ่ื วนั ท่ี 15 ตลุ าคม 2532 ทส่ี วนอาหารสวนทะเล ซ.สขุ สวสั ด์ิ 62 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เวลา 9.00-16.00 น. โดยมีกรรมการ สหภาพแรงงานต่าง ๆ เข้ารว่ มทั้งหมด 57 คน ที่ประชุมสรุปถึงอุปสรรคการเคล่ือนไหวกฎหมายประกันสังคมที่ ผา่ นมา ได้แก่ 44

1. ความเข้าใจสาระส�ำคัญของกฎหมายประกันสังคมมีจ�ำกัดเฉพาะ ผ้นู ำ� บางคน 2. ปัญหาการระดมเงนิ ทุนสนบั สนุนการเคลื่อนไหว 3. ผู้น�ำแรงงานและสหภาพแรงงานบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย ประกันสังคม เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตนเอง เช่น กล่มุ สหภาพแรงงานรฐั วิสาหกจิ แหง่ ชาติ ด้วยเหตุนี้ ท่ีประชุมจึงมีมติให้จัดการศึกษาแก่สมาชิกสหภาพ แรงงาน เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจกฎหมายประกนั สงั คมอยา่ งกวา้ งขวาง ขยายกลมุ่ เปา้ หมาย ในการจัดการศึกษาไปสู่คนงานท่ีไม่มีสหภาพแรงงาน รวมท้ังท�ำการรณรงค์ใน พืน้ ที่ 3 กลุ่มย่านอุตสาหกรรม ที่ประชุมได้วิจารณ์กรรมการไตรภาคีฝ่ายลูกจ้างในสภาท่ีปรึกษา เพ่ือพัฒนาแรงงานแห่งชาติ ว่า ไม่มีความรู้ทางกฎหมายอย่างแท้จริง บางคน ขาดจุดยืนเพื่อแรงงานส่วนใหญ่ ไม่เตรียมพร้อมส�ำหรับการถกเถียงพูดคุยกับ ตัวแทนนายจ้างและรัฐบาล ท�ำให้การแก้ไขประกาศกระทรวงมหาดไทยมีจุด อ่อนท่ีเป็นผลเสียกับลูกจ้าง รวมท้ังไม่อาจแก้ปัญหาการจ้างงานแบบเหมา ช่วงที่นายจา้ งจะน�ำมาใชม้ ากขน้ึ ในอนาคต คนงานกลุ่มย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ กลุ่มย่านพระประแดงและ ใกล้เคียง ร่วมกับ 4 สภาแรงงาน จัดชุมนุมใหญ่คัดค้านสัญญาจ้างช่ัวคราว ในวันที่ 13 ตุลาคม 2532 โดยวางแผนว่า เม่ือประเด็นสัญญาจ้างงาน ช่ัวคราวยุติลง ก็จะจัดกิจกรรมอบรมการประกันสังคมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2532 จนถึงเดือนเมษายน 2533 เพื่อให้คนงานเข้าใจและสนับสนุนร่างของ สภาผู้แทนราษฎรที่เป็นประโยชน์แก่คนงานมากที่สุด โดยมีองค์กรพัฒนา เอกชนในพื้นท่ี คือ สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน และกลุ่มเพื่อนหญิง คอยสนบั สนุนดา้ นขอ้ มูล 45

การชุมนุมใหญ่ ณ ท้องสนามหลวงในเย็นวันท่ี 13 ตุลาคม 2532 มีการประกาศเจตนารมณ์ระหว่างแรงงานจาก 3 กลุ่มย่าน กลุ่มรัฐวิสาหกิจ สัมพันธ์ องค์กรพัฒนาเอกชน ผู้แทนจากองค์การนักศึกษา การชุมนุมนี้ จึงเป็นจุดเร่ิมต้นส�ำคัญของการประสานงานผลักดันประกันสังคมของ ทุกฝ่ายในเวลาตอ่ มา • การผลักดันประกันสงั คมโค้งสดุ ทา้ ย เดือนเมษายน 2533 ได้เกิดการประชุมระหว่างองค์การนักศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มสหภาพแรงงาน 3 กลุ่มย่าน กลุ่มสหพันธ์แรงงาน กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ค่ายแรงงาน เพ่ือวางแผนผลักดัน กฎหมายประกันสังคมที่ก�ำลงั จะเข้าสูท่ ปี่ ระชมุ วฒุ ิสภา ในวันท่ี 18 พฤษภาคม ทป่ี ระชมุ มมี ตวิ า่ จะเคลอ่ื นไหวกดดนั วฒุ สิ มาชกิ โดยวธิ ชี มุ นมุ อดอาหารประทว้ ง จากผแู้ ทนกลมุ่ ตา่ ง ๆ ควบคไู่ ปกบั การชมุ นมุ ของคนงานจากทกุ ฝา่ ยทหี่ นา้ รฐั สภา ต้ังแต่เท่ยี งวนั ท่ี 17 พฤษภาคม ถึง 18 พฤษภาคม 2533 นอกจากนี้ ทปี่ ระชมุ มมี ตจิ ดั ตง้ั คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สังคม ประกอบด้วย 1. กลุ่มสหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-ออ้ มใหญ่ 2. กลมุ่ สหภาพแรงงานย่านพระประแดง 3. สหพันธ์แรงงานกระดาษและการพิมพแ์ หง่ ประเทศไทย 4. สหพนั ธแ์ รงงานโลหะแหง่ ประเทศไทย 5. สหพนั ธแ์ รงงานธนาคารและการเงนิ แหง่ ประเทศไทย 6. สมาพันธค์ นงานในกจิ การอาหาร เครอื่ งด่ืม โรงแรม และ ก ิจการท่คี ล้ายคลงึ 7. กล่มุ สหภาพแรงงานรฐั วิสาหกิจสมั พนั ธ์ 8. สหพันธแ์ รงงานอตุ สาหกรรมสิ่งทอ การตัดเยบ็ เสอ้ื ผา้ และ ผ ลติ ภัณฑเ์ คร่ืองหนังแหง่ ประเทศไทย 46

9. สหพันธน์ สิ ติ นกั ศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย (สนนท.) 1 0. สมาคมสิทธิเสรภี าพของประชาชน 11. มูลนิธิ อารมณ์พงศ์พงนั 1 2. กลมุ่ เยาวชนคนงาน 1 3. กลมุ่ เพอ่ื นหญิง หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2532 ซ่ึงเป็นร่างที่สมบูรณ์เป็น ประโยชน์กับคนงาน ต่อมาในวันท่ี 4 พฤษภาคม 2533 วุฒิสภาได้ลงมติ รับรองร่าง พ.ร.บ. น้ี และได้แต่งต้ังกรรมาธิการวิสามัญข้ึนเพ่ือพิจารณาแก้ไข โดยมี นายโอสถ โกศิน เป็นประธาน แต่ไม่มีวุฒิสมาชิกสายแรงงาน หรือ นักวิชาการท่ีมีบทบาทผลักดันกฎหมายน้ี เช่น อาจารย์นิคม จันทรวิทุร นายทนง โพธิ์อา่ น คณะกรรมาธิการวิสามญั ชดุ นี้ จงึ เปน็ เวทขี องวฒุ สิ มาชิกปีก ทคี่ ดั คา้ นกฎหมายประกนั สงั คม ในวันท่ี 15 พฤษภาคม 2533 คณะกรรมการผลักดันกฎหมาย ประกันสงั คม ไดย้ ื่นหนังสือถงึ พล.อ. ชวลิต ยงใจยทุ ธ ประธานคณะกรรมการ ประสานงานวุฒิสมาชิก และนายโอสถ โกศิน ประธานคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม เรียกร้องไม่ให้ยื้อเวลาด้วยการ เตะถ่วง รวมถึงแก้ไขร่างกฎหมายประกันสังคมจนปราศจากประโยชน์ต่อ ผูใ้ ชแ้ รงงาน แต่ พล.อ. ชวลติ ยงใจยุทธ ไม่ออกมารบั จดหมาย วนั ท่ี 17 พฤษภาคม 2533 เวลา 12.00 น. คณะกรรมการผลักดัน กฎหมายประกันสังคม จัดชุมนุมเคลื่อนไหวท่ีหน้ารัฐสภา ขณะที่ก�ำลังมีการ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีผู้น�ำแรงงานจ�ำนวน 12 คน ประกาศอดอาหาร ประท้วงจนกวา่ วฒุ สิ ภาจะผ่านร่าง พ.ร.บ. ประกันสงั คม ในตอนเย็นของวนั เดียวกนั มีกลมุ่ ผใู้ ช้แรงงานจากย่านสมทุ รปราการ ย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ สหภาพแรงงานจากย่านรังสิต กลุ่มสหภาพแรงงาน 47

รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ มาชุมนุมให้ก�ำลังใจผู้อดอาหาร และร่วมสนับสนุน การเคลอ่ื นไหวประมาณ 5,000 คน นอกจากนี้ ไดม้ คี นงานและนกั ศกึ ษาประกาศ ร่วมอดอาหารเพ่มิ จนมผี ู้อดขา้ วประทว้ งเพิม่ เป็น 18 คน ไดแ้ ก่ 1. นายสชุ นิ เพช็ รรอด กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นพระประแดง 2. น.ส.สภุ า ชยั อ�ำนาจ กลมุ่ สหภาพแรงงานย่านพระประแดง 3. นายวันชยั โอนโกย่ กลุม่ สหภาพแรงงานย่านพระประแดง 4. น.ส.สงั เวียน ทาลาด กลมุ่ สหภาพแรงงานยา่ นพระประแดง 5. น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตยี กล่มุ สหภาพแรงงานย่านออ้ มน้อย-อ้อมใหญ่ 6. นายพร้อมณรงคศ์ ักด์ิ ทัศแก้ว กลมุ่ สหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-ออ้ มใหญ่ 7. น.ส.ลกู จนั ทร์ ทองมาเอง กลมุ่ สหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อย-ออ้ มใหญ่ 8. นายบุญทศิ เหมาะตวั สหพนั ธแ์ รงงานโลหะแหง่ ประเทศไทย 9. นายวัฒนะ เอ่ียมบำ� รงุ กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกจิ สมั พนั ธ์ 10. นายเช่ียวศักด์ิ ยงคต์ ระกลู กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสมั พนั ธ์ 11. นายสุคนธ์ แขกประยูร กลุ่มสหภาพแรงงานรฐั วิสาหกิจสมั พันธ์ 12. นายถวิล แสงแกว้ กลมุ่ สหภาพแรงงานรฐั วิสาหกจิ สัมพนั ธ์ 13. นายสงคราม นาควัชระ กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสมั พันธ์ 14. นายสมบูรณ์ วิจารณจ์ นั ทร ์ กล่มุ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกจิ สัมพันธ์ 15. นายสงวน จงุ สกุล สหพนั ธ์นิสติ นักศกึ ษาแหง่ ประเทศไทย 16. นายศรายทุ ธ ต้ังประเสรฐิ สหพนั ธน์ สิ ติ นกั ศึกษาแหง่ ประเทศไทย 17. นายศโิ รตม์ คลา้ มไพบูลย์ สหพนั ธน์ สิ ิตนกั ศึกษาแห่งประเทศไทย 18. น.ส.พรรณ์ ตรังคสนั ต์ สหพนั ธน์ สิ ิตนกั ศกึ ษาแห่งประเทศไทย วนั ท่ี 18 พฤษภาคม 2533 มกี ารประชมุ ของวฒุ สิ ภา เรมิ่ ขนึ้ เวลา 9.30 น. คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประกนั สงั คม ได้แก้ไขเนอ้ื หา ของกฎหมายประกันสงั คมที่ผา่ นสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้ 48

• ตัดลูกจ้างช่ัวคราวของหน่วยงานราชการออกจากการบังคับใช้ ของกฎหมายประกันสังคม • ตดั รฐั วสิ าหกจิ ทตี่ ง้ั ขน้ึ โดยกฎหมายเฉพาะ ออกจากการบงั คบั ใชข้ อง กฎหมายประกนั สงั คม • ตัดการประกันสังคมส�ำหรับลูกจ้างเหมาช่วง และมีอาชีพอิสระ (เกษตรกร ทนายความ) • กรณกี ารประกนั สงั คมเรอื่ งการวา่ งงาน ชราภาพ และสงเคราะหบ์ ตุ ร ที่ในร่างเดิมก�ำหนดให้ท�ำภายใน 6 ปี แก้เป็นให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกา บงั คับใชเ้ มอ่ื ไรก็ได้ การแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม ท�ำให้วุฒิสมาชิกสายแรงงาน ไม่พอใจ เพราะเห็นวา่ เป็นการแก้ไขทล่ี ิดรอนสทิ ธปิ ระโยชน์ของคนงานเปน็ อัน มาก เม่ือมีการลงมติว่าจะให้แก้ไขตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ หรือ ไม่ ผลคอื มผี ลู้ งมตใิ ห้แก้ไขดว้ ยคะแนนเสียง 119 ต่อ 6 เสียง โดยผทู้ อ่ี อกเสยี ง คดั ค้าน คอื วฒุ สิ มาชกิ สายแรงงาน ในส่วนกลุ่มคนงาน นักศึกษา ซ่ึงอดอาหารประท้วงในช่วงประชุม ของวุฒิสมาชิก ด้านนอกอาคารได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ผู้อดข้าว และผู้ชุมนุมประท้วงท้ังหมดได้ยืนหยัดอย่างอดทน ไม่ยอมหลบฝน โดย มีผู้เข้าร่วมให้ก�ำลังใจตลอดวัน กระทั่งเวลา 17.00 น. คนงานจากย่าน อ้อมน้อย-ออ้ มใหญ่ ยา่ นรงั สติ และยา่ นพระประแดง กไ็ ดท้ ยอยมารว่ มชุมนุม ประท้วงจ�ำนวน 6,000 คน ต่อมาเวลา 18.30 น. ทป่ี ระชุมได้ทำ� พธิ เี ผารูปปืนและรูปธนบัตร ซ่ึง เปน็ สญั ลกั ษณข์ องวฒุ สิ มาชกิ สายทหารและนายทนุ และท�ำพธิ เี ผาพรกิ เผาเกลอื สาปแชง่ ผู้ที่ไม่จริงใจตอ่ การออกกฎหมายประกนั สงั คม โดยกอ่ นทจี่ ะสลายการ ชุมนมุ ตัวแทนกรรมกร นกั ศึกษา และองคก์ รพฒั นาเอกชน ได้ประกาศผนกึ ก�ำลงั ในการต่อสเู้ พื่อกฎหมายประกันสงั คมต่อไป 49

ในวันท่ี 21 มิถุนายน 2533 คณะกรรมการผลักดันกฎหมาย ประกันสังคม ได้ท�ำจดหมายถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค ขอให้ผลักดัน นำ� รา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สังคม บรรจเุ ปน็ วาระเรง่ ดว่ น ใหท้ นั สมยั ประชมุ น้ี วนั ที่ 3 กรกฎาคม 2533 คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม เข้ายื่นหนังสือถึงรัฐบาล พร้อมกับนำ� คนงานจากย่านอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ และ ยา่ นพระประแดง จ�ำนวน 200 คน ชมุ นมุ หน้าทำ� เนยี บรัฐบาล เพ่ือขอทราบผล การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีต่อการผลักดันกฎหมายประกันสังคมตามที่ได้ ย่ืนหนังสือไปแล้ว มีการท�ำพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ เพื่อขอให้เร่งรัด ออกกฎหมายประกนั สังคม วนั ท่ี 4 กรกฎาคม 2533 คณะกรรมการผลกั ดนั กฎหมายประกนั สงั คม ไดย้ ่นื หนังสอื ถงึ นายบญุ เออื้ ประเสริฐสุวรรณ ประธานคณะกรรมการประสาน งานสภาผแู้ ทนราษฎร (วปิ ส.ส.) เพอื่ ขอใหบ้ รรจวุ าระการประชมุ เรอื่ งกฎหมาย ประกันสังคมเป็นวาระเรง่ ด่วน วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2533 มกี ารประชุมวุฒสิ ภา คณะกรรมการผลกั ดันกฎหมายประกันสังคมได้ส่งผู้แทนเข้าฟังการประชุม เม่ือผลการประชุม ออกมาว่า วุฒิสภาคว�่ำร่างกฎหมายประกันสังคมฉบับของสภาผู้แทนราษฎร สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) จึงได้มีการวิจารณ์บทบาท วฒุ สิ ภา พร้อมนำ� พวงหรีดไปวางหนา้ บ้านนายกรฐั มนตรที ีซ่ อยราชครใู นตอน คำ่� วันเดยี วกนั และออกแถลงการณ์ ต่อมาวันเสาร์ที่ 7 และอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2533 สนนท. ก็ได้ ออกปราศรัยกับประชาชนในชุมชนเขตกรุงเทพฯ แจกใบปลิวและช้ีแจง ถงึ เบอ้ื งหน้าเบอื้ งหลังของวฒุ สิ ภาทไ่ี มผ่ า่ นรา่ ง พ.ร.บ. ประกนั สังคม และเรียก รอ้ งให้สภาผแู้ ทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ใหท้ ันสมัยประชมุ น้ี วนั ที่ 10 กรกฎาคม 2533 เวลา 16.00 น. คณะกรรมการผลกั ดัน กฎหมายประกนั สงั คม จดั แถลงขา่ วทอี่ งคก์ ารนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เพ่ือชี้แจงว่า หากวันที่ 11 กรกฎาคม สภาผู้แทนราษฎรไม่ผ่านร่างกฎหมาย ประกนั สังคม จะมกี ารตง้ั เมรเุ ผาศพนายกรฐั มนตรี วฒุ สิ มาชกิ และสภาผู้แทน ราษฎร 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook