ส่ิงที่ได้เรียนรู้ นธิ นันท์ นาเมอื งรกั ษ์ (กอ้ ย) ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นร่องค�ำ “การเขา้ มาท�ำ งานในจดุ นมี้ นั เปลยี่ นทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งของตวั ผมไปเลย เมอ่ื กอ่ นนผ้ี มเปน็ คนขอ้ี าย ไมก่ ลา้ พดู ไมก่ ลา้ คดิ แตพ่ อไดท้ �ำ จงึ ท�ำ ให้ เรารู้ว่าน่ีคือส่ิงท่ีเราชอบ จึงหันตนเองเข้าสู่วงการสิ่งแวดล้อมอย่าง เต็มตัว อยากให้ชุมชนมีสภาพแวดล้อมท่ีดี ทุกคนร่วมมือกันดูแล สง่ิ แวดลอ้ มใหอ้ ยนู่ านๆ จนชว่ั ลูกหลาน และอยากพัฒนาศกั ยภาพ ตนเองในเรอื่ งสง่ิ แวดลอ้ มไปเรื่อยๆ” ดารารตั น์ นาพรมมา (ยุย้ ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นรอ่ งคำ� “เมอ่ื กอ่ นไม่เคยสนใจอะไรรอบตัว ไมเ่ คยคิดท�ำ กิจกรรม และไม่คิด ว่าต้องมาทำ�งานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อได้เข้ามาทำ�กิจกรรม ร่วมกับรุ่นพ่ี ได้เรียนรู้และเริ่มมีความรู้ในการทำ�กิจกรรมเพ่ือชุมชน ได้ความร่วมมือจากชุมชน ได้ทำ�งานด้านท่ีตัวเองถนัด ก็ทำ�ให้รู้สึก อยากท�ำ และอยากสานงานตอ่ จากรนุ่ พ่ีอยากดแู ลสง่ิ แวดลอ้ มใหด้ ขี น้ึ อยากใหช้ มุ ชนชว่ ยกนั ดแู ลหว้ ยทรายรว่ มกบั เดก็ ๆอยา่ งพวกเราตอ่ ไป” 100 ปลูกใจรกั ษ์โลก
ทปี่ รึกษากล่มุ เยาวชน กล่อมจิต ดอนภริ มย์ โครงการเยาวชนคนรักบ้านเกิดจติ อาสาพฒั นาฟน้ื ฟู ห้วยทรายให้ยง่ั ยนื อาจารย์ท่ปี รึกษาชมรมอนรุ กั ษส์ ิง่ แวดล้อม โดย : กลมุ่ เยาวชนคนรกั บา้ นเกดิ จติ อาสาพฒั นาฟน้ื ฟหู ว้ ยทราย “การทำ�งานอย่างมีส่วนร่วมเป็นการ ให้ยง่ั ยืน โรงเรียนร่องค�ำ จ.กาฬสินธุ์ ลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียนได้ หวั หนา้ โครงการ ดมี าก คอื เขากเ็ ขา้ ใจเรา เรากเ็ ขา้ ใจเขา นายนธิ นนั ท์ นาเมืองรักษ ์ เป็นมิตรแท้ต่างวัยต่อกัน โครงการ คณะท�ำ งานโครงการ ปลูกใจ รักษ์โลก แตกต่างจาก 1. นางสาวชไมพร เยาวพันธ์ โครงการอน่ื ตรงทโี่ ครงการอื่นท�ำ เสรจ็ 2. นางสาวทัศนยี ์ คงสมหวัง แล้วจบ แตโ่ ครงการน้สี อนเร่อื งความ 3. นางสาวอรพรรณ โพนไสว ยงั่ ยนื ตรงนมี้ ีคุณค่ามากกวา่ รางวลั ท่ี 4. นางสาวดารารัตน์ นาพรมมา เราได้รับ ส่ิงที่เด็กและครูได้คือความ 5. นางสาวชนติ า แกว้ ชารี ยั่งยืนในการเรียนรู้ ก็อยากพัฒนา ทป่ี รึกษาโครงการ ศักยภาพการทำ�งานของกลุ่มชมรม อาจารยก์ ลอ่ มจติ ดอนภริ มย ์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปลูกฝัง โรงเรยี นรอ่ งค�ำ จิตสำ�นึกให้กับเด็กเยาวชนให้รักษ์ สง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชนของตนเองตอ่ ไป” 101
102 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
07 ‘พลบั พลงึ ธาร’ แตกช่ออ่อนเหนอื ก้อนหนิ โดย : เครอื ขา่ ยเยาวชนชายฝง่ั ทะเลอนั ดามนั ตอนบน จ.พังงา ขน้ึ ชอ่ื วา่ ‘หนิ กอ้ นเดยี ว’ คนทว่ั ไปอาจไมเ่ หน็ ความส�ำ คญั อะไรมากมายนกั แต่ถ้าหินก้อนเดียวน้ัน คือแหล่งยึดรากของต้นไม้ต้นหนึ่งที่กำ�ลังใกล้จะ สญู พนั ธ์ุ และเผอญิ วา่ ไมต้ น้ นน้ั มสี ว่ นส�ำ คญั อยา่ งยง่ิ ตอ่ ระบบนเิ วศชมุ ชน หนิ กอ้ นนน้ั กย็ อ่ มไม่ใชห่ นิ ธรรมดาๆ อกี ตอ่ ไป แตค่ อื ‘ทพ่ี ง่ึ ’ ของไมต้ น้ นน้ั และคอื ‘ความหวงั ’ ของชมุ ชนโดยรอบ ขอชวนคุณล่องใต้สู่ จ.พงั งา ไปรจู้ ักกบั หนิ กอ้ นเล็กๆ ก้อนนั้น 103
‘พลบั พลึงธาร’ หายไปเม่ือวัน ‘ฟ้า’ ใส ‘พลบั พลงึ ธาร’ หรอื ‘หอมนา้ํ ’ เปน็ พชื นา้ํ เฉพาะถน่ิ หายาก ทอ่ี ยใู่ นบญั ชแี ดง ของสหภาพเพอ่ื การอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ (IUCN Red List) โดยพบไดแ้ หง่ เดยี วในโลก ในเขตพ้ืนที่ จ.ระนอง ตอนล่าง และ จ.พังงา ตอนบน เทา่ น้นั พลับพลึงธารมีใบแบนยาวไหลไปตามกระแสน้ํา จึงเหมาะเป็นแหล่ง ทอ่ี ยอู่ าศยั ทหี่ ลบภยั และทว่ี างไขข่ องสตั วน์ าํ้ นานาชนดิ บรเิ วณใดทม่ี พี ลบั พลงึ ธาร ขึ้นหนาแน่นจะช่วยลดความแรงของกระแสนํ้าได้ รวมท้ังเป็นแหล่งดักตะกอน ท�ำ ใหน้ าํ้ ใสสะอาด ขณะทดี่ อกของพลบั พลงึ ธารกม็ คี วามสวยงาม เปน็ แหลง่ อาหาร ของเหล่าแมลง และมนุษย์เองก็ใช้ประโยชน์จากพลับพลึงธารได้มากมาย อาทิ น�ำ ไปเปน็ สว่ นผสมของครมี บ�ำ รงุ ผวิ เปน็ พชื นาํ้ สง่ ออกราคาแพง และอนรุ กั ษใ์ หเ้ ปน็ แหล่งท่องเท่ยี วเชงิ นเิ วศได้ ในอดีต ตามแมน่ ้าํ ลำ�คลองใน อ.คุระบุรี จ.พังงา เราจะพบเห็นพลับพลึง ธารเตบิ โตสวยงามตามสายคลองตงั้ แตห่ มทู่ ่ี 6 (บา้ นหว้ ยทรพั ย)์ ยาวไปถงึ หมทู่ ี่ 11 (บา้ นแสงธรรม) แต่ปจั จบุ ัน พลับพลึงธารได้ลดจำ�นวนลงอยา่ งรวดเร็วจนเส่ียงตอ่ การสญู พนั ธ์ุ จะพบไดก้ เ็ พยี งใน 2 หมบู่ า้ นเทา่ นน้ั คอื หมทู่ ่ี 6 และหมทู่ ่ี 7 (บา้ นบางซอย) ทง้ั น้ี สาเหตกุ ารลดจำ�นวนลงของพลับพลงึ ธารมีทงั้ ทางตรงและทางออ้ ม ทางตรงคือมีการลักลอบขุดหัวพลับพลึงธารไปขายท้งั ในและต่างประเทศ ขณะท่ี ทางอ้อมเกิดจากการขุดลอกคลอง การขุดหินและทรายในคลองมาใช้ประโยชน์ รูปแบบการใช้ดินริมฝ่ังคลองที่เปลี่ยนแปลงไป จากพ้ืนท่ีป่าไม้และพ้ืนที่เกษตร ด้ังเดิมมาเป็นพื้นที่เกษตรเชิงเด่ียว โดยเฉพาะการปลูกยางพาราและปาล์มนํ้ามัน ทงั้ หมดนที้ �ำ ให้กระแสนาํ้ ไหลแรงขนึ้ และเกดิ การชะลา้ งพงั ทลายของหนา้ ดนิ และ เมอ่ื เกดิ อทุ กภยั กระแสนา้ํ กจ็ ะพดั พาพลบั พลงึ ธารหลดุ ไปตามกระแสนา้ํ สง่ ผลให้ พลับพลึงธารหายไปจากพืน้ ทีอ่ ยา่ งรวดเร็ว พลับพลึงธารท่ี อ.คุระบุรี กำ�ลังจะสูญพันธ์ุ จากการขุดลอกคลอง จึงเกิดความสนใจท่ีจะ เข้าร่วมขยายพันธ์ุพลับพลึงธารให้อยู่ไป นานๆ 104 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
‘คลองนางย่อน’ ซ่ึงไหลผ่านหมู่บ้านบางซอย ต.คุระ ถือเป็นพ้ืนที่หน่ึงที่ กำ�ลังประสบปัญหาการขุดลอกคลอง และเส่ียงต่อการหายไปของพลับพลึงธาร แตถ่ อื เปน็ โชคดที ช่ี าวบา้ นและกลมุ่ เยาวชนในพนื้ ทไี่ ดเ้ ลง็ เหน็ ถงึ ปญั หา จงึ ไดม้ กี าร ร่วมกันติดตามการเปลี่ยนแปลงของคลองนางย่อน และทดลองทำ�การอนุบาล พลับพลึงธารกันมาต้ังแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรด้าน สิ่งแวดลอ้ มในพ้นื ทค่ี ุระบรุ ี ซ่ึงหน่ึงในเยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังน้ันก็คือ สุธารัตน์ พรมเกิด หรือ ‘ฟ้า’ ท่ีได้เปิดโลกทัศน์และเรียนรู้ถึงความส�ำ คัญของธรรมชาติจากผู้ใหญ่ใน ชมุ ชน จนเกดิ การเตบิ โตทางความคดิ และจติ ส�ำ นกึ กอปรกบั พลงั ของวยั รนุ่ ทพี่ รอ้ ม จะลงแรงในสิ่งท่ีตนศรัทธา ก็ได้ทำ�ให้ฟ้ากลายมาเป็นแกนนำ�กลุ่มเยาวชนรักษา ถนิ่ เกดิ ในเวลาตอ่ มา จิตสำ�นกึ ทแ่ี ขง็ แกรง่ กลายเป็นหนิ ด้วยตระหนักถึงปัญหาที่กำ�ลังเกิดข้ึนในพ้ืนถิ่นของตนเอง ฟ้าและเพื่อนๆ ในหมู่บ้านบางซอยจึงได้รวมกลุ่มกันก่อต้ัง ‘เครือข่ายเยาวชนชายฝ่ังทะเลอันดามัน ตอนบน จ.พังงา’ ข้ึน และได้มีโอกาสฝึกปรือพัฒนาความรู้และศักยภาพของตนเอง ผา่ นการเขา้ รว่ มท�ำ กจิ กรรมตา่ งๆ ในพน้ื ท่ี จ.ระนอง-พงั งา-ภเู กต็ ของพๆ่ี กลมุ่ อนั ดามนั ดสิ คฟั เวอรร์ ่ี และ IUCN อย่างสม่ำ�เสมอ 105
กระท่ังได้รับทราบข่าวของโครงการปลูกใจ รักษ์โลก ด้วยอยากจะดูแล พลบั พลงึ ธารและทรพั ยากรธรรมชาตขิ องบา้ นเกดิ ไมใ่ หเ้ สอ่ื มโทรมสญู พนั ธุ์ ฟา้ และ เครือข่ายจึงได้จัดทำ� ‘โครงการหินก้อนเดียว’ ข้ึน โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก แนวคดิ ของคณุ อาช�ำ นิ ผดู้ แู ลพลบั พลงึ ธาร ในคลองนาคา จ.ระนอง ทเี่ คยกลา่ ววา่ “แคห่ นิ กอ้ นเดยี วใตต้ น้ ไมใ้ หญท่ ห่ี ายไป ยงั ท�ำ ใหต้ น้ ไมใ้ หญห่ ลดุ ไปกบั กระแสนา้ํ ได้ และถ้าเกิดขนหินกันไปเปน็ รถสิบล้อจะเกดิ อะไรขน้ึ ” หนิ กอ้ นหนงึ่ ทเี่ ปน็ แหลง่ ยดึ รากของตน้ ไมใ้ หญใ่ นวนั ทกี่ ระแสนา้ํ ไหลเชยี่ ว จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่หินก้อนหนึ่ง แต่คือท่ีพ่ึงสุดท้ายของไม้ใหญ่และระบบนิเวศ ของชมุ ชน และในวนั นที้ ป่ี ญั หาการขดุ ลอกคคู ลอง น�ำ หนิ และทรายออกไปจากพน้ื ท่ี ทำ�ให้นํ้าไหลแรงและต้นไม้ไร้ที่พึ่ง ฟ้าและผองเพ่ือนจึงปรารถนาที่จะทำ�หน้าท่ี เสมอื นหนิ กอ้ นนนั้ ทแี่ มจ้ ะแลดเู ลก็ นอ้ ย แตก่ เ็ ปน็ พลงั ของกลมุ่ กอ้ นเลก็ ๆ ทมี่ คี วาม แขง็ แกรง่ ยง่ิ ใหญ่ในอนั ทจี่ ะอนรุ กั ษส์ ายนาํ้ และระบบนเิ วศของชมุ ชนผา่ นการรกั ษา พลับพลึงธารไว้ให้อยู่คชู่ มุ ชนตลอดไป “ตอนเดก็ ๆ เคยท�ำ กจิ กรรมกบั พๆ่ี ในชมุ ชนบา้ นบางซอย ไดท้ �ำ การส�ำ รวจ พลับพลงึ ธาร ตน้ อ้อลิง ได้ตรวจวัดคณุ ภาพน้าํ วดั กระแสนํ้า จนเมื่อไดย้ ินวา่ จะมี การทำ�โครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงอยากทำ�เร่ืองพลับพลึงธารที่เราพอมีความรู้ อยูบ่ า้ งแล้ว” ฟา้ กล่าวด้วยรอยย้มิ อย่างไรก็ตาม ท่ีผ่านมาการทำ�งานของเครือข่ายเยาวชนชายฝั่งทะเล อันดามันตอนบน จ.พังงา ยงั ขาดการเชอ่ื มตอ่ กบั เยาวชนในหม่บู า้ นอ่นื อยู่ การหา หินก้อนอื่นๆ มาช่วยขับเคล่ือนงาน จึงเป็นแนวทางท่ีฟ้าและเพื่อนเห็นว่าเป็น 106 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
สิ่งสำ�คัญ แต่ด้วยเยาวชนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังเป็นเด็กเล็ก ขณะท่ีเด็กรุ่นราว คราวเดียวกับฟ้าก็ย้ายถ่ินไปเรียนต่างพ้นื ท่กี ันหมด ฟ้าจึงชวนเพ่ือนๆ ท่วี ิทยาลัย- การอาชพี ตะกั่วป่า มาเป็นแกนนำ� ช่วยกันทำ�โครงการฯ เผยแพร่องค์ความรู้และ สรา้ งความเขา้ ใจเรอ่ื งระบบนเิ วศคลองนางยอ่ นใหเ้ ยาวชนในพน้ื ท่ี ต.ครุ ะ อ.ครุ ะบรุ ี จ.พังงา เห็นคุณค่าของพลับพลึงธาร และช่วยกันอนุรักษ์ฟ้ืนฟูพลับพลึงธารและ แมน่ า้ํ ในทอ้ งถนิ่ ของตวั เอง เพราะพลบั พลงึ ธารเตบิ โตในแหลง่ นาํ้ สะอาด การรกั ษา ดแู ลพลับพลึงธารจงึ ตอ้ งดูแลแม่นา้ํ ล�ำ คลองไปดว้ ยโดยปริยาย “ฟ้าเล่าให้ฟังว่า พลับพลึงธารที่ อ.คุระบุรี กำ�ลังจะสูญพันธ์ุจากการ ขดุ ลอกคลอง จงึ เกดิ ความสนใจทจ่ี ะเขา้ รว่ มขยายพนั ธพุ์ ลบั พลงึ ธารใหอ้ ยไู่ ปนานๆ และมารว่ มเปน็ แกนน�ำ เยาวชนในโครงการหนิ กอ้ นเดยี ว” วชั ราภรณ์ การคลอด หรอื ‘เมย์’ สมาชิกเครอื ขา่ ยฯ กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการเขา้ รว่ มกลมุ่ พลับพลงึ ธาร ขยายพันธุอ์ ยู่กบั ‘อวน’ รูปแบบการอนุรักษ์พลับพลึงธารของเครือข่ายเยาวชนชายฝ่ังทะเล อันดามันตอนบน จ.พังงา ใช้วิธีการดูแลและขยายพันธ์ุพลับพลึงธาร ก่อนนำ�ไป ปลกู คนื แกธ่ รรมชาติ ซง่ึ ฟา้ ไดไ้ ปเรยี นรวู้ ธิ กี ารจากพจ่ี รสั ผใู้ หญใ่ จดกี อ่ นลงมอื ท�ำ จรงิ โดยเร่ิมต้น แกนนำ�เยาวชนได้ชักชวนเยาวชนบ้านบางซอย 8 คน มาช่วยกันเก็บ เมล็ดพันธุ์พลับพลึงธารบริเวณคลองตาเลื่อนเพ่ือนำ�เมล็ดมาอนุบาล แต่ด้วยขาด ความรทู้ �ำ ใหเ้ มลด็ พนั ธท์ุ เ่ี กบ็ มาหลายเมลด็ ใชไ้ มไ่ ด้ และหลายเมลด็ กเ็ นา่ เสยี เดก็ ๆ จงึ ไดบ้ ทเรยี นวา่ การท�ำ กจิ กรรมควรมกี ารวางแผนและศกึ ษาหาความรใู้ หด้ เี สยี กอ่ น “เราใหน้ อ้ งเรยี นรเู้ องจากการท�ำ โครงการ ท�ำ ไดด้ ว้ ยตวั เอง เรยี นรดู้ ว้ ยตวั เอง ถา้ ผา่ น อุปสรรคต่างๆ ไปได้ ก็จะแกร่งและคิดเป็น” เพชรรุ่ง สุขพงษ์ หรือ ‘เอ’ พ่ีเลี้ยง โครงการ กลา่ วถงึ แนวทางการท�ำ งานของเครือขา่ ยฯ หลังจากเก็บเมล็ดพันธุ์จนได้จำ�นวนท่ีต้องการ ก็ถึงเวลานำ�มาเพาะพันธ์ุ ซ่ึงเน่ืองจากพลับพลึงธารเป็นพืชน้ํา การเพาะจึงต้องเพาะในลำ�ห้วย และต้องมี ทย่ี ดึ เมลด็ ไว้ไม่ให้ลอยไหลไปตามกระแสนํ้า ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดีอย่างพี่จรัส ลุงผู้ใหญ่บ้าน น้าผู้ช่วย องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล รวมถงึ แมข่ องฟา้ เอง เดก็ ๆ จงึ ไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารเพาะเมลด็ พลับพลงึ ธารโดยการใชอ้ วนยึดเมลด็ ฟา้ และผองเพ่อื นชว่ ยกนั ตัดอวนเป็นแผง ขนาดแผงละ 20x20 ซม. โดย อวน 1 แผงน้ีใช้เพาะเมล็ดพลับพลึงธารได้ 9 เมล็ด ซึ่งฟ้าและเพื่อนๆ ตัดอวน ไดท้ งั้ หมด 95 แผง ทำ�ให้สามารถเพาะได้ถึง 855 เมลด็ เลยทเี ดียว รอจนเมลด็ แตกรากเลก็ ๆ ออกมาเกาะกบั อวน ฟา้ และเพอื่ นกน็ �ำ ไปทดลอง ปลูกบริเวณคลองตาเล่ือน (หมู่ท่ี 7) ซึ่งเป็นท่ีท่ีเด็กๆ เก็บเมล็ดพันธ์ุมาเพาะ 107
เราให้น้องเรียนรู้เองจากการทำ�โครงการ ทำ�ได้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าผ่าน อปุ สรรคตา่ งๆ ไปได้ ก็จะแกร่งและคิดเป็น จงึ สญั ญากบั ตาเลอ่ื นเจา้ ของพน้ื ทไ่ี วว้ า่ เมอ่ื เพาะแลว้ จะน�ำ มาปลกู ไวท้ น่ี ่ี กอ่ นขยายพนั ธ์ุ ไปยังล�ำ คลองอ่ืนๆ ต่อมาไม่นาน การอนุบาลเมล็ดพนั ธ์แุ ละลงปลกู พลบั พลึงธารอย่างตัง้ ใจ ของเด็กๆ ได้ไปเข้าตานายสรุ ัตน์ อัครวิโรจนก์ ลุ นายอำ�เภอคุระบรุ ี ซงึ่ นายอำ�เภอ เลง็ เหน็ วา่ การดแู ลพลบั พลงึ ธารเปน็ เรอ่ื งของสว่ นรวม จงึ ใหก้ ารสนบั สนนุ จดั กจิ กรรม ‘สร้างบ้านสร้างชีวิตพลับพลึงธาร’ ข้ึนบริเวณคลองห้วยทรัพย์ (หมู่ที่ 6) เพื่อ ประชาสัมพนั ธ์โครงการของเด็กๆ ในวงกวา้ งและสรา้ งจิตสำ�นึกใหท้ ุกคนหวงแหน พลับพลงึ ธาร โดยมีชาวบ้าน ข้าราชการและหน่วยงานในพื้นท่ี มาชว่ ยกนั น�ำ อวน เพาะพลับพลึงธารไปปลูกจำ�นวนถึง 60 แผง ท่ามกลางบรรยากาศท่ีสนุกสนาน และมีชวี ิตชีวาอย่างยิ่ง ขยายความรสู้ ชู่ มุ ชน เฝ้าตดิ ตามผลสรา้ งองคค์ วามรู้ ด้วยตระหนักดีว่า ความรู้เป็นปัจจัยสำ�คัญในการขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ อกี 1 เดอื นตอ่ มา เดก็ ๆ โดยการสนบั สนนุ จาก อ.ครุ ะบรุ ี จงึ ไดร้ วมตวั กนั จดั กจิ กรรม ปลกู พลบั พลงึ ธารขนึ้ อกี คร้งั ทคี่ ลองตาเลอ่ื น แต่กอ่ นทีจ่ ะเร่ิมปลกู ฟา้ ไดต้ ิดตอ่ ผูท้ ี่ มคี วามรเู้ กย่ี วกบั พลบั พลงึ ธารจากองคก์ รดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มในพน้ื ทค่ี รุ ะบรุ ี มาจดั อบรม ใหค้ วามรแู้ ละเทคนคิ การฟนื้ ฟพู ลบั พลงึ ธารใหแ้ กผ่ เู้ ขา้ รว่ มงาน อนั ไดแ้ กข่ า้ ราชการ ผู้นำ�ชุมชน ชาวบ้าน และเยาวชนจากหลากหลายกลุ่ม อาทิ แกนนำ�เยาวชน โรงเรียนคุระบุรีชัยพัฒนาพิทยาคม กลุ่มอนุรักษ์ดินและนํ้าบ้านบางซอย และ กลุม่ เด็กปั่นจักรยานครชู าลี รวมผู้เขา้ ร่วมงานท้งั สน้ิ กว่า 50 คน โดยบรรยากาศ ในการอบรมเป็นไปอย่างกระตือรือร้น นอกจากได้รับความรู้จากงานวิจัย เทคนิค และการฟนื้ ฟพู ลับพลงึ ธารแบบตา่ งๆ แล้ว ผ้เู ข้าร่วมยังไดร้ ่วมแสดงความคดิ เหน็ ในการอนุรักษพ์ ลับพลงึ ธารในท้องถ่นิ ของตนแลกเปลีย่ นกันอีกดว้ ย 108 ปลูกใจรักษ์โลก
หลังจากอบรมเสร็จ ผู้เข้าร่วมอบรมก็ได้ร่วมลงแรงปรับภูมิทัศน์บริเวณ คลองตาเล่ือน โดยการตัดก่ิงไม้ที่บังแสงไม่ให้ส่องถึงลำ�น้ําและถางหญ้าริมคลอง ซ่ึงกเ็ กดิ ปัญหาทไี่ มค่ าดฝนั ขึ้น “การทค่ี นลงไปในล�ำ คลองพรอ้ มกนั เยอะๆ เพราะคดิ แคว่ า่ จะชว่ ยกนั แต่ ลืมนึกไปว่า เมื่อคนลงไปมากๆ ก็จะไปทำ�อันตรายกับพลับพลึงธารที่มีอยู่แต่เดิม ด้วย” ฟา้ กล่าวถงึ ปัญหาท่เี กดิ ขึน้ เพราะขาดการวางแผนแบง่ หนา้ ท่ี ทกุ คนจงึ มะรมุ มะตมุ้ ลงไปในล�ำ คลอง ทำ�ให้นา้ํ ข่นุ จนมองไมเ่ หน็ และเผลอเหยียบพลับพลงึ ธารทีข่ ้ึนอยกู่ อ่ นแลว้ ซ่ึงจาก ปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ฟา้ และเพอื่ นๆ ไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งทนั ทว่ งที เมอ่ื ปรบั ภมู ทิ ศั นเ์ สรจ็ จงึ มี การวางแผนแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนเสียก่อน ช่วยให้กิจกรรมปิดท้ายซ่ึงก็คือการเอา อวนลงปลกู ในดิน เป็นไปด้วยความราบร่นื ไมโ่ กลาหลเหมอื นตอนปรบั ภูมทิ ศั น์ ทง้ั น้ี นอกจากการรบั ความรจู้ ากภายนอกแลว้ เดก็ ๆ ยงั มกี ารสรา้ งความรู้ ของตัวเอง โดยการลงมือติดตามผลและเก็บข้อมูลอัตราการเติบโตและการรอด ของเมล็ดพลบั พลึงธารที่ปลกู ไปแลว้ อกี ด้วย โดยหลังจากปลกู เมลด็ พลบั พลงึ ธาร ลงสพู่ ื้นดินทคี่ ลองตาเลอื่ นและคลองหว้ ยทรพั ย์ ทุกๆ เดือนฟา้ กับเพือ่ นๆ จะคอย ตดิ ตามการเจรญิ เตบิ โต เพอ่ื หาพน้ื ทเ่ี หมาะสมทพ่ี ลบั พลงึ ธารจะเตบิ โตได้ โดยการ ตรวจแผงอวนทลี่ งไปวางและนบั จ�ำ นวนเมลด็ ทยี่ งั เจรญิ เตบิ โต ซง่ึ พบวา่ มบี างเมลด็ ทแี่ หง้ ตาย บางเมลด็ หลดุ หายไปกบั นาํ้ บางอวนแหง้ ตายทง้ั แผงเพราะปลกู บรเิ วณ ที่นา้ํ ท่วมไม่ถึง ขณะทบ่ี างแผงหายไปทง้ั อวน 109
เราต้องเข้าใจธรรมชาติ และใช้หลักการ จัดระบบนิเวศลุ่มน้ํา เพ่ือรักษาถ่ินท่ีอยู่ของ พลับพลงึ ธารต่อไป 110 ปลูกใจรักษ์โลก
สำ�หรับเมล็ดพันธุ์ท่ียังอยู่ ฟ้าและเพ่ือนๆ จะเฝ้าติดตามการเจริญเติบโต โดยการวัดความยาว จำ�นวนใบ และจดจำ�นวนเมล็ดท่ียังไม่เติบโตในแต่ละแผง เนื่องจากตอนเก็บเมลด็ มีความอ่อน-แกต่ า่ งกนั เหลา่ นค้ี อื รปู แบบการตดิ ตามผลอนั น�ำ มาซง่ึ ความรู้ ซง่ึ ฟา้ และเพอ่ื นๆ จะได้ น�ำ ไปขยายผลในวงกว้างสืบตอ่ ไป “เราต้องเข้าใจธรรมชาติ และใช้หลักการจัดระบบนิเวศลุ่มน้ํา เพ่ือรักษา ถน่ิ ท่อี ยู่ของพลับพลึงธารตอ่ ไป” ฟา้ กล่าวดว้ ยความมุ่งม่นั พลับพลงึ ธารบานเบ่ง ในวันที่หนิ ก้อนใหญข่ ้ึน จากกิจกรรมที่เกิดข้ึน ไม่เพียงพลับพลึงธารจะถูกเพาะพันธุ์จนกลับมา เบ่งบานในสายนํ้าของ ต.คุระ เท่าน้ัน แต่พร้อมๆ กับที่พลับพลึงธารกำ�ลังบาน เดก็ ๆ ในนามเครอื ขา่ ยเยาวชนชายฝงั่ ทะเลอนั ดามนั ตอนบน จ.พงั งา กก็ �ำ ลงั เตบิ โต อยา่ งเขม้ แขง็ เปรยี บเหมือนหินก้อนเล็กๆ ทม่ี าบดั นี้กลบั แข็งแรงและขยายขนาด ใหญ่ข้ึน ซ่ึงพัฒนาการของพวกเขาเกิดข้ึนได้จากการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ�จริง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการปลูกพลับพลึงธาร ท่ีเด็กๆ ตั้งต้นการศึกษาจากผู้รู้ ก่อนจะเรียนรู้จากการทดลองปลูกและเฝ้าดูติดตามผล จนเกิดเป็นความรู้ของ พวกเขาเอง เชน่ วา่ พนื้ ทท่ี เี่ หมาะสมในการฟนื้ ฟพู ลบั พลงึ ธารตอ้ งเปน็ ทท่ี ม่ี นี า้ํ ไหล น้ําสะอาด ดินที่ปลูกเป็นดินปนทรายและด้านล่างมีหินเพื่อให้รากพลับพลึงธาร เกาะยดึ เป็นต้น นอกจากน้ี เดก็ ๆ ยงั เตบิ โตขนึ้ จากการไดเ้ รยี นรบู้ ทเรยี นจากความผดิ พลาด การได้รู้จักแบ่งเวลาจากภารกิจส่วนตัวมาทำ�กิจกรรม และท่ีเด่นชัดมากท่ีสุดคือ การกล้าท่ีจะประสานและปรึกษากับผู้ใหญ่ท้ังในและนอกชุมชน ไม่ว่าจะเป็น องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล ผู้ใหญ่บ้าน นายอำ�เภอ และหน่วยงานอนื่ ๆ จนเกดิ เปน็ เครือข่ายความร่วมมือ ที่มาร่วมสนับสนุนและแก้ไขปัญหาต่างๆ จนโครงการ ประสบความส�ำ เร็จอย่างน่าช่ืนใจ ถึงวันน้ีเมื่อโครงการส้ินสุดลง แม้จะน่าเสียดายที่เด็กๆ หลายคนมีความ จ�ำ เปน็ ตอ้ งขอหยดุ พกั จากกจิ กรรมเพอ่ื ไปศกึ ษาตอ่ แตอ่ ยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ ดว้ ยจติ ส�ำ นกึ ท่ีแข็งแกร่งอันเกิดจากการได้ร่วมโครงการ ทำ�ให้เช่ือได้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไร หิน หลายๆ กอ้ นทกี่ ระจดั กระจาย สดุ ทา้ ยกจ็ ะกลบั มารวมกนั เปน็ หนิ กอ้ นเดยี ว ทพี่ รอ้ ม จะรกั ษาและฟน้ื ฟพู ลบั พลงึ ธารและทรพั ยากรธรรมชาตใิ นพน้ื ทบ่ี า้ นเกดิ ใหอ้ ดุ มสมบรู ณ์ อยา่ งย่ังยนื นานอย่างแนน่ อน 111
สรปุ ข้ันตอนการทำ�งาน พลบั พลงึ ธาร มีจำ�นวนลดลง เยาวชนรวมตัวกนั ปลกู ใจรกั ษ์โลก ฟื้นฟพู ลับพลงึ ธาร 112
เยาวชนรวมตวั กนั ศกึ ษาและ ทดลองขยายพนั ธ์พุ ลบั พลงึ ธาร และจดั กิจกรรมปลูกพลบั พลึงธาร ร่วมกบั อ�ำ เภอโดยใหค้ นในชมุ ชน และเยาวชนมสี ว่ นร่วม เก็บขอ้ มลู อตั ราการเตบิ โตและการรอด ของเมล็ดพนั ธ์เุ พ่อื ขยายผลต่อไป 113
สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้ สุธารัตน์ พรมเกดิ (ฟ้า) ปวช. สายการโรงแรม วทิ ยาลยั การอาชีพตะกัว่ ปา่ “สิ่งที่ได้จากโครงการคือ ทักษะการเก็บข้อมูลและประเมินผล การเตบิ โต ท�ำ ใหเ้ รารจู้ กั คดิ รจู้ กั การวางแผนและแบง่ เวลา เพราะวา่ เราตอ้ งเรยี นและฝกึ งานดว้ ย จงึ ตอ้ งจดั สรรเวลาใหด้ ี ในสว่ นประเดน็ เรือ่ งสิง่ แวดล้อม เมอ่ื กอ่ นคดิ ว่าเร่อื งการมสี ว่ นรว่ ม ความรบั ผดิ ชอบ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัวมาก แต่ตอนน้ีเราเอง ตอ้ งมสี ว่ นรว่ มการท�ำ งานอนรุ กั ษแ์ ละรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มเราไมส่ ามารถ ท�ำ งานคนเดยี วได้ ตอ้ งมแี นวรว่ ม ทกุ คนตอ้ งชว่ ยเหลอื กนั ฟา้ อยากให้ เด็กๆ ในหมู่บ้าน เยาวชนรุ่นหลังๆ เห็นคุณค่าของพลับพลึงธาร มากกวา่ น้ี จะไดช้ ว่ ยกนั ออกมารกั ษาพชื ทมี่ คี ณุ คา่ ในทอ้ งถน่ิ ของเรา ใหค้ งอยู่ตอ่ ไป” วชั ราภรณ์ การคลอด (เมย์) ปวช. สายการโรงแรม วิทยาลัยการอาชีพตะกว่ั ป่า “จากการรว่ มท�ำ โครงการท�ำ ใหไ้ ดค้ วามรวู้ า่ พลบั พลงึ ธารมคี วามส�ำ คญั กับชุมชนมาก และจากการลงมือ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็ได้สร้าง ความมนั่ ใจใหเ้ ราอยากบอกเลา่ เรอื่ งราวของพลบั พลงึ ธารใหค้ นอน่ื ๆ ได้รับรดู้ ้วย” 114 ปลูกใจรกั ษ์โลก
ท่ีปรกึ ษากลมุ่ เยาวชน เพชรรงุ่ สขุ พงษ์ (เอ) นักปฏิบตั กิ ารอสิ ระเรอื่ งสิ่งแวดลอ้ ม วจิ ยั การจัดการทรัพยากรชายฝงั่ หญ้าทะเล และปะการงั “ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ มสว่ นใหญเ่ กดิ จาก การกระทำ�ของคน ไม่ได้มองแยกว่า เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ดังนั้น การทำ�งานกบั น้องๆ เราจะมองวา่ เขา เป็นคน ไม่ใช่เด็ก เราให้เกียรติกัน ท�ำ งานเป็นทมี เรยี นรูด้ ้วยกัน” โครงการหนิ ก้อนเดยี ว โดย : เครอื ขา่ ยเยาวชนชายฝง่ั ทะเลอันดามันตอนบน จ.พงั งา หวั หน้าโครงการ นางสาวสธุ ารตั น์ พรมเกดิ คณะทำ�งานโครงการ 1. นางสาววชั ราภรณ์ การคลอด 2. นางสาวจิราภรณ์ ช่ืนลอ้ ม ท่ีปรกึ ษาโครงการ นางสาวเพชรรงุ่ สุขพงษ ์ องคก์ ารระหวา่ งประเทศเพ่ือการอนรุ ักษธ์ รรมชาติ (IUCN) 115
116 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
08 ปฏบิ ตั กิ ารยกป่ามาไวห้ ลังบ้าน สร้างความ มั่นคงทางอาหาร สบื สานพันธ์ุพชื ทอ้ งถน่ิ โดย : กลุ่มเยาวชนเมลด็ พนั ธ์ุใหม่ สานใจฟ้นื ฟูปา่ จ.เพชรบรู ณ์ ประเด็นเร่ืองพื้นท่ีทำ�กินทับซ้อนกับเขตอุทยาน และประเด็นเร่ืองหนี้สิน จากการทำ�เกษตรเชิงเด่ียว เป็นปัญหาที่ชุมชนเกษตรกรรมหลายแห่งใน ประเทศไทยตอ้ งประสบมาเนนิ่ นาน ซง่ึ ผลลพั ธส์ �ำ หรบั หลายๆ ชมุ ชนทจี่ นมมุ ตอ่ ปัญหาดังกล่าว ก็คือภาระหนี้สิน อันนำ�ไปสู่การสูญเสียท่ีดินทำ�กินและวิถีของ ชุมชนสญู สลายหายไป แตช่ มุ ชนเลก็ ๆ 2 แหง่ ใน จ.เพชรบรู ณ์ ทแี่ มจ้ ะประสบปญั หาทงั้ 2 ประเดน็ ขา้ งตน้ แตด่ ว้ ยจติ วญิ ญาณนกั สกู้ ็ไดป้ ลกุ ใหช้ าวบา้ นเกดิ การรวมกลมุ่ กนั จดั การ กับความขัดแย้งและปรับเปล่ียนวิถีการเกษตรจากการใช้สารเคมีไปสู่วิถีเกษตร แบบดง้ั เดมิ เพอ่ื ปกปอ้ งรกั ษาพน้ื ทท่ี �ำ กนิ ไว้ใหล้ กู หลานในอนาคตของพวกเขาเอง และวนั น้ี การแตกยอดหยดั ตน้ ขน้ึ ตอ่ สขู้ องผู้ใหญ่ ก็ไดส้ ง่ ผา่ นแรงบนั ดาลใจ ไปสเู่ มลด็ พนั ธ์ุใหมข่ องชมุ ชน ในนามกลมุ่ เยาวชนเมลด็ พนั ธุ์ใหม่ สานใจฟนื้ ฟปู า่ ทแี่ ตกยอดเตบิ โตขน้ึ พรอ้ มเปน็ ก�ำ ลงั รว่ มกบั ชมุ ชนในการจดั การทรพั ยากรปา่ ไม้ เพ่ือสร้างความมน่ั คงทางอาหารและปกปอ้ งพนั ธุ์ไม้ทอ้ งถนิ่ ของชุมชน 117
แตเ่ ดมิ ตอ้ งรอซอื้ ผกั และกบั ขา้ วจากรถพมุ่ พวง เวลารถพุ่มพวงไม่มาขายก็จะไม่มีกับข้าวกิน จนวันหน่ึงเหลือวุ้นเส้นถุงเดียวในตู้เย็น จงึ เกิดความร้สู ึกว่า เรารอไม่ได้แล้ว ภูผาแดงโมเดล ปลูกใจรกั ษ์โลก กบั การพลกิ วิกฤตเปน็ โอกาส ‘ป่าภูผาแดง’ เป็นพ้ืนท่ีป่าท่ีชาวบ้านห้วยระหงส์และบ้านห้วยกลทา ต.ปากชอ่ ง อ.หลม่ สกั จ.เพชรบรู ณ์ ใชป้ ระโยชนท์ �ำ กนิ มาเนน่ิ นานหลายปี จนกระทง่ั มีการประกาศเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูผาแดง ซ่ึงมีเขตพ้ืนท่ีติดต่อกับอุทยาน- แหง่ ชาตินํ้าหนาวขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2542 ก็ได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่ต้ังรกราก หากินอยู่กับป่ามานานปี เนื่องจากพ้ืนที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดงที่ ประกาศขึ้น มีส่วนท่ีซ้อนทับกับท่ีทำ�กินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน จนเกิดเป็น ความขดั แยง้ ขน้ึ เมอ่ื มกี ารประกาศใหช้ าวบา้ นออกจากพน้ื ท่ี และมกี ารจบั กมุ ชาวบา้ น ห้วยระหงสแ์ ละบ้านห้วยกลทาในขอ้ หาบกุ รกุ และถกู ด�ำ เนนิ คดี เม่ือชาวบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้เหมือนดังก่อน อีกท้ัง การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพ่ือส่งขายเป็นหลัก ทำ�ให้ชุมชนต้องพึ่งพาอาหารในชีวิต ประจ�ำ วนั จากภายนอก รวมถงึ การใชส้ ารเคมใี นการเกษตรกไ็ ดเ้ พมิ่ ตน้ ทนุ การผลติ ท�ำ ให้ชาวบา้ นหลายคนเป็นหน้ีเปน็ สิน และตอ้ งแก้ปญั หาด้วยการขายท่ีดนิ ท�ำ กิน ใหแ้ ก่นายทุนจากภายนอก จากปัญหาที่เกิดข้ึน กลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวกันก่อต้ัง ‘เครือข่ายองค์กร ชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าภูผาแดง’ ขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เพื่อแก้ไขปัญหา การประกาศเขตทับซ้อนท่ีทำ�กินและจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายในชุมชนของตนเอง โดยได้ทำ�บันทึกความร่วมมือกับเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า ภูผาแดง จดั การที่ดนิ ในรูปแบบของโฉนดชมุ ชน พร้อมท้งั ปรบั เปลี่ยนการผลิตใน ชุมชนเป็นเกษตรผสมผสาน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและการใช้สารเคมี ซ่ึงเป็น ตน้ เหตขุ องปญั หาหนส้ี นิ อนั น�ำ ไปสกู่ ารเขา้ มาถอื ครองทด่ี นิ ของนายทนุ ทง้ั หมดทง้ั มวล ก็เพื่อรักษาท่ีดินไว้เป็นมรดกให้แก่ลูกหลานในอนาคต ซึ่งรูปแบบการดำ�เนินงาน ของชุมชนในคร้ังน้ี ได้กลายเป็น ‘ภูผาแดงโมเดล’ ที่ชุมชนอื่นๆ ใช้ศึกษาเรียนรู้ การจดั การกบั ความขดั แยง้ เรอื่ งทดี่ นิ ท�ำ กนิ และการปรบั เปลย่ี นมาสกู่ ารท�ำ เกษตร ผสมผสานเพื่อการพึง่ พาตนเองดา้ นอาหารโดยสมบูรณใ์ นเวลาตอ่ มา 118
พวกเราจึงคิดจะอนุรักษ์พันธ์ุไม้ป่า ทำ�ให้ เห็นวา่ เราอยู่รว่ มกบั ปา่ ไมไ่ ดท้ �ำ ลาย จติ วิญญาณจากพอ่ แม่ บันดาลใจสู่ร่นุ ลกู ภาพของพ่อแม่ที่ลุกข้ึนต่อสู้เพ่ือปกป้องท่ีดินทำ�กินของตนเองและชุมชน คือพลังสำ�คัญท่ีสร้างแรงบันดาลใจและจิตสำ�นึกให้แก่เยาวชนผู้เป็นลูกหลาน ในชุมชน และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของพ่อแม่ทำ�ให้เยาวชนกลุ่มหนึ่ง หนั กลบั มาวเิ คราะหส์ ถานการณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน กอ่ นจะพบวา่ หลายสง่ิ หลายอยา่ ง ในชมุ ชนก�ำ ลังหายไป โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในประเด็นเรื่องอาหาร การพง่ึ พาตนเอง โดยอาศยั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และวถิ ขี องชมุ ชน จงึ เปน็ ทางเลอื กหนง่ึ ทกี่ ลมุ่ เยาวชน ได้คำ�นงึ ถึง 119
จนในปี พ.ศ. 2549 กลุ่มเยาวชนจำ�นวน 8 คน ได้มีโอกาสเดินทางไป ศึกษาดูงานของกลุ่มเด็กรักษ์ป่าที่ จ.สุรินทร์ ซ่ึงการดูงานครั้งนี้น่ีเองท่ีทำ�ให้ กลมุ่ เยาวชนเกดิ ความคดิ อยากท�ำ กจิ กรรมอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตภิ ายในชมุ ชน ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าง ‘กลุ่มเยาวชนเมล็ดพันธ์ุใหม่ สานใจฟื้นฟูป่า’ จึงเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2550 โดยการสนบั สนนุ ของผใู้ หญใ่ นชมุ ชน มสี มาชกิ กอ่ ตง้ั รวม 15 คน ทต่ี า่ ง ตอ้ งการเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชมุ ชนในการชว่ ยรกั ษาและฟน้ื ฟวู ถิ กี ารเกษตรแบบดงั้ เดมิ ท่ีไม่ใช้สารเคมี อนุรักษ์พันธ์ุไม้ท้องถิ่นไว้ในชุมชน และขยายผลให้แก่เยาวชนใน พน้ื ที่อ่นื ๆ ไดม้ าศึกษาเรยี นร้แู ละรว่ มกนั รักษาทรัพยากรธรรมชาตติ อ่ ไป ในเม่ือเราใช้ประโยชน์จากป่าอยู่แล้ว เราก็ ยกปา่ มาไว้หลงั บ้านซะเลย 120 ปลูกใจรกั ษ์โลก
“แต่เดิมต้องรอซ้ือผักและกับข้าวจากรถพุ่มพวง (รถขายกับข้าว) เวลา รถพุ่มพวงไม่มาขายก็จะไม่มีกับข้าวกิน จนวันหน่ึงเหลือวุ้นเส้นถุงเดียวในตู้เย็น จงึ เกิดความรู้สกึ วา่ เรารอไม่ไดแ้ ล้ว” สกุ ัญญา ค�ำ พิมพ์ หรือ ‘เลย์’ ผู้ประสานงาน กลมุ่ เยาวชนเมลด็ พนั ธใุ์ หม่ สานใจฟนื้ ฟปู า่ กลา่ วถงึ ทม่ี าของการทช่ี มุ ชนตดั สนิ ใจ ลุกขึ้นสู้และปรบั เปลย่ี นวถิ ชี วี ติ ของชมุ ชนเอง จนเมอ่ื ไดท้ ราบขา่ วของโครงการปลกู ใจ รกั ษโ์ ลก กลมุ่ จงึ เกดิ แรงบนั ดาลใจ จัดทำ� ‘โครงการฟื้นฟูพืชท้องถิ่นเพ่ือเพิ่มศักยภาพของป่าไม้ในระบบนิเวศ’ ข้ึน โดยคาดหวังจะใช้การอนุรักษ์พืชท้องถ่ินเป็นเครื่องมือให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าใจ ปญั หาชมุ ชน ฐานทรพั ยากร เปน็ การรว่ มดแู ลปา่ ไปในตวั รวมทง้ั เปน็ การเพม่ิ ความ หลากหลายทางชวี ภาพใหป้ า่ ชมุ ชน โดยการปลกู เพม่ิ และการน�ำ ไปปลกู ทบ่ี า้ นตนเอง “ความคิดของคนส่วนใหญ่ในสังคมจะมองว่า ชุมชนที่อยู่ทับซ้อนกับ เขตอทุ ยานเขตอนรุ กั ษค์ อื คนทที่ �ำ ลายปา่ พวกเราจงึ คดิ จะอนรุ กั ษพ์ นั ธไุ์ มป้ า่ ท�ำ ให้ เหน็ วา่ เราอยรู่ ว่ มกบั ปา่ ไมไ่ ดท้ �ำ ลาย” เสาวลกั ษณ์ รปู ขาว หรอื ‘ปอย’ ประชาสมั พนั ธ์ ของกลุ่ม กลา่ วด้วยรอยย้มิ สรา้ งฐานความรู้ ยกปา่ มาไว้หลงั บ้าน การด�ำ เนนิ กจิ กรรมฟน้ื ฟพู ชื ทอ้ งถน่ิ ของกลมุ่ เรม่ิ ตน้ ทก่ี ารส�ำ รวจพน้ื ทป่ี า่ ใน ชมุ ชนของตนเอง ในชอ่ื ‘กจิ กรรมส�ำ รวจพนั ธไ์ุ มใ้ นปา่ ชมุ ชนภพู รา้ ว’ ทบ่ี า้ นหว้ ยระหงส์ พาเยาวชนเรียนรู้ป่าบ้านตัวเอง และเก็บพันธุ์ไม้ไปขยายพันธ์ุ ก่อนจัดกิจกรรม แกนน�ำ ไดป้ ระสานงานผรู้ ู้ และเปน็ ผทู้ ใ่ี ชป้ ระโยชนจ์ ากปา่ ซง่ึ รจู้ กั ปา่ ผนื นเ้ี ปน็ อยา่ งดี มาให้ความรู้เด็กๆ เกี่ยวกับพันธ์ุไม้ในป่า รวมถึงประสานงานเด็กและเยาวชนใน หมบู่ า้ นมาเขา้ รว่ มเรยี นรู้ และกอ่ นเขา้ ไปเรยี นรใู้ นปา่ ไดแ้ บง่ หนา้ ทก่ี นั รบั ผดิ ชอบคอื กลมุ่ หนงึ่ จดบนั ทกึ ชอ่ื และขอ้ มลู พนั ธไ์ุ มใ้ นปา่ และอกี กลมุ่ รบั ผดิ ชอบเกบ็ เมลด็ พนั ธุ์ ในวันจัดกิจกรรมเราจึงเห็นเด็กๆ เดินทางมาร่วมกิจกรรมพร้อมกับสมุด และปากกา เพ่ือใช้เก็บข้อมูลพันธุ์ไม้ในพ้ืนท่ี และมากกว่านั้น แต่ละคนยังมีถุง ใบนอ้ ยติดตัวมาดว้ ย เพื่อเก็บรวบรวมเมล็ด ต้นกล้า และหวั ของต้นไมใ้ นป่า เนน้ ที่ พืชผกั ทีช่ าวบา้ นใชก้ ินและพืชสมุนไพร เพือ่ นำ�ไปขยายพนั ธุต์ อ่ ในคราวเดยี ว “ถึงแมจ้ ะเพิ่งเข้ามารว่ มกจิ กรรมในกล่มุ แต่การไดร้ ่วมกจิ กรรมสำ�รวจป่า กท็ �ำ ใหร้ วู้ า่ ในปา่ เรามพี ชื พนั ธไ์ุ มอ้ ะไรบา้ ง มสี มนุ ไพรอะไรบา้ ง ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร” ปอยกล่าวถึงความรู้ทีไ่ ด้รบั จากกิจกรรมสำ�รวจปา่ ของกลุม่ ในวนั นน้ั เดก็ ๆ ไดต้ นื่ ตากบั พนั ธไ์ุ มใ้ นปา่ ทงั้ สมอ เหด็ ไผ่ ฯลฯ และมากกวา่ การได้รับรู้ถงึ ทรัพยากรพืชท้องถิน่ ในชมุ ชนของตน ผา่ นการส�ำ รวจ ค้นหา คัดเลอื ก เมลด็ พนั ธุ์ เพอื่ น�ำ ไปขยายพนั ธแ์ุ ลว้ จากกจิ กรรมเดยี วกนั นเี้ ดก็ ๆ ยงั ไดร้ จู้ กั รากเหงา้ 121
วิถีการกินอยู่ของชุมชน และได้ตระหนักถึงความมั่นคงทางด้านอาหารไป พรอ้ มๆ กนั หลงั จากเกบ็ เมลด็ พนั ธแ์ุ ลว้ กลมุ่ ไดจ้ ดั ท�ำ เรอื นเพาะช�ำ เพอื่ เพาะเมลด็ พนั ธ์ุ พืชท้องถิ่นที่เก็บมาได้ โดยแนวทางต่อไปของกลุ่มก็คือ การขยายพันธ์ุพืชน้ันๆ ใหแ้ กค่ นในชุมชน นำ�ไปปลกู เป็นป่ากนิ ไดห้ ลงั บ้านของตัวเอง ซงึ่ ถอื เป็นการยิงปนื นัดเดียวได้นกหลายตัว ทั้งอนุรักษ์พืชท้องถ่ิน สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ให้แก่ชุมชน ทั้งยงั ชว่ ยลดรายจ่ายในชวี ิตประจำ�วันไดอ้ กี ดว้ ย “ในเม่ือเราใช้ประโยชน์จากป่าอยู่แล้ว เราก็ยกป่ามาไว้หลังบ้านซะเลย” เลย์กล่าวพรอ้ มรอยยมิ้ แจ่มใส ไม่ว่าปัญหาอุปสรรคมันจะใหญ่สักแค่ไหน ขอเพียงแค่เรามีใจรักท่ีจะทำ� มันก็สามารถ ฝ่าฟนั อปุ สรรคนั้นไปได้ กา้ วยา่ ง ปลกู ใจรักษ์โลก ของการแตกยอด การศึกษาสำ�รวจพืชท้องถิ่น สำ�รวจทรัพยากร การประสานงาน การนำ� กจิ กรรม ทง้ั หมดนี้ พเี่ ลยี้ งโครงการถอื เปน็ กญุ แจส�ำ คญั ทชี่ ว่ ยสตารท์ ตดิ เครอ่ื ง และ ชแ้ี นะแนวทางการท�ำ งานใหแ้ กเ่ ดก็ ๆ ไดฝ้ กึ ปรอื งานอนรุ กั ษท์ ลี ะเลก็ ละนอ้ ย รวมถงึ ชว่ ยแกป้ ญั หาบางประการเปน็ ตวั อยา่ งใหแ้ กเ่ ดก็ ๆ ไดเ้ รยี นรู้ เพอ่ื จะท�ำ ไดด้ ว้ ยตวั เอง ตอ่ ไปในอนาคต เชน่ การประสานงานชมุ ชน ทใี่ นตอนแรกเดก็ ๆ ไมก่ ลา้ ทจ่ี ะเขา้ หา ผใู้ หญแ่ ละขอความรว่ มมอื พเ่ี ลย้ี งอยา่ ง ‘เมย’์ กสุ มุ า ค�ำ พมิ พ์ จงึ ตอ้ งประสานงาน เปน็ หลกั แตก่ ไ็ มล่ มื ทจ่ี ะพาเดก็ ๆ ไปเรยี นรวู้ ธิ กี ารพดู คยุ กบั ผใู้ หญด่ ว้ ย จนปจั จบุ นั เดก็ ๆ กลา้ ทจี่ ะพดู บอกกลา่ ว หรอื ขอความชว่ ยเหลอื จากผใู้ หญม่ ากขนึ้ สง่ิ นท้ี �ำ ให้ เดก็ ๆ ไดเ้ รยี นรวู้ า่ ไมม่ ปี ญั หาอะไรทใี่ หญเ่ กนิ ไป ทกุ ปญั หามที างออก ขน้ึ อยกู่ บั วา่ หัวใจของเราพร้อมท่ีจะแก้ปัญหานั้นมากน้อยแค่ไหน เหมือนกับอีกปัญหาหน่ึง ของกลุ่มท่ีเมย์เลา่ ให้ฟังว่า “ชมุ ชนมอี าชพี ท�ำ ไรข่ า้ วโพด แลว้ ทกุ เสารอ์ าทติ ยเ์ ดก็ จะตอ้ งไปชว่ ยพอ่ แม่ ท�ำ งาน จงึ ท�ำ ใหก้ ารมารว่ มกลมุ่ ท�ำ กจิ กรรมเกดิ ความลา่ ชา้ แตเ่ รากห็ าวธิ กี ารแกไ้ ข รว่ มกนั โดยใชเ้ วลาชว่ งเยน็ ประชมุ พดู คยุ กนั เพราะเราคดิ วา่ ไมว่ า่ ปญั หาอปุ สรรค 122
มนั จะใหญส่ กั แคไ่ หน ขอเพยี งแคเ่ รามใี จรกั ทจี่ ะท�ำ มนั กส็ ามารถฝา่ ฟนั อปุ สรรคนน้ั ไปได้” ศูนย์เรียนรูเ้ ล็กๆ ท่ียิ่งใหญ่ อกี หนง่ึ การขบั เคลอื่ นโครงการของกลมุ่ นอกจากขยายพนั ธพ์ุ ชื ทอ้ งถน่ิ และ ยกปา่ มาไวห้ ลงั บา้ นแลว้ การตง้ั ‘ศนู ยเ์ รยี นรเู้ กษตรนอ้ ย’กเ็ ปน็ สง่ิ ทก่ี ลมุ่ เหน็ ความส�ำ คญั เพอ่ื รวบรวมความรเู้ กย่ี วกบั ปา่ พชื พนั ธสุ์ มนุ ไพร และวถิ กี ารท�ำ เกษตรของชมุ ชนไว้ พรอ้ มกบั ถา่ ยทอดความรเู้ หลา่ นใี้ หแ้ กเ่ ยาวชนรนุ่ ตอ่ ๆ ไป รวมถงึ บคุ คลจากภายนอก เพอ่ื สบื สานวถิ เี กษตรของชมุ ชนให้อยู่ยงอยา่ งยง่ั ยนื และนอกจากน้ี เพ่ือพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเน่ือง รวมถึง ขยายฐานความร่วมมือออกไปในวงกว้าง กลุ่มยังมีการเรียนรู้และเปลี่ยนมุมมอง ในการท�ำ งาน และประสานความร่วมมอื ต่างๆ กบั กลุ่มเยาวชนอื่นๆ เช่น เครอื ข่าย ภาคีต้นกล้าในป่าใหญ่ เครือข่ายโลกเย็นที่เป็นธรรม เครือข่ายปลูกใจ รักษ์โลก เปน็ ตน้ ซง่ึ นอกจากจะชว่ ยท�ำ ใหเ้ ดก็ ๆ เกดิ มมุ มองในการท�ำ งานใหมๆ่ และขยายฐาน ความรว่ มมือแล้ว การได้พบปะกับเพอื่ นๆ เยาวชนวัยไล่เลีย่ กัน ยงั เป็นแรงผลกั ดัน ให้เดก็ ๆ เกิดก�ำ ลังใจในการทำ�งานเพ่อื ชมุ ชนของตนเองตอ่ ไปไดอ้ ีกดว้ ย ถึงวันน้ี บนเส้นทางของการรักษาวิถีป่า วิถีเกษตร และวิถีชุมชนของ ชาวบ้านห้วยระหงส์และบ้านห้วยกลทา ยังคงมีประเด็นให้ต้องต่อสู้และฟันฝ่า อีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม น่าปล้ืมใจที่วันน้ีพวกเขาไม่ได้ต่อสู้ตามลำ�พัง แต่มี กลมุ่ เยาวชนทเ่ี หน็ คา่ ของการรกั ษาวถิ ธี รรมชาตขิ องชมุ ชน และตง้ั ใจลกุ ขน้ึ สรู้ ว่ มกบั ผู้ใหญอ่ ย่างแขง็ ขนั เพ่ือความอิ่มท้อง เพ่ือความอิ่มใจ และเพ่ือความภูมิใจในวิถีถิ่นเกิดของ ตนเอง 123
สรปุ ข้นั ตอนการท�ำ งาน ชาวบ้านสูญเสยี ทด่ี ิน และวิถชี มุ ชนหายไป จากปัญหาการทบั ซ้อน ของท่ีดินเขตอทุ ยาน กลมุ่ เยาวชนรวมตวั ร่วมฟนื้ ฟปู า่ ปลูกใจรกั ษ์โลก 124
ส�ำ รวจพืน้ ท่ปี า่ ในชุมชน พาเยาวชน เรียนรู้ป่าบ้านตัวเอง เกบ็ ขอ้ มูลพันธไุ์ ม้ และเกบ็ รวบรวมเมล็ดพนั ธ์ุ ท�ำ ศูนย์เรียนรู้เกษตรน้อย รวมพันธ์พุ ืช สมุนไพรในป่า พรอ้ มถ่ายทอดความรู้ แก่เยาวชนรุ่นต่อไป 125
สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ เสาวลกั ษณ์ รปู ขาว (ปอย) ประชาสมั พันธ์ กลุ่มเยาวชนเมลด็ พนั ธ์ุใหม่ สานใจฟ้ืนฟูปา่ ช้ัน ม.6 โรงเรยี นบ้านหว้ ยระหงส์ จ.เพชรบรู ณ์ “เม่ือก่อนเห็นต้นไม้ก็แค่ต้นไม้ แต่พอได้เข้าไปสำ�รวจก็ได้รู้ว่ามัน ช่อื อะไร มีประโยชน์อย่างไร นอกจากน้ีกิจกรรมยังทำ�ให้ปอยกล้า แสดงความคิดเห็นมากข้ึน กล้าพูดกับเพื่อนใหม่ๆ เม่ือก่อนไปกัน สี่ห้าคนกค็ ยุ กนั แคน่ น้ั ไดร้ จู้ กั การท�ำ งานมากขน้ึ ไดล้ งมอื ท�ำ แลว้ เรา มคี วามสขุ ได้ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและตวั เรา” สกุ ัญญา คำ�พมิ พ์ (เลย)์ ผู้ประสานงาน กลมุ่ เยาวชนเมล็ดพนั ธุใ์ หม่ สานใจฟื้นฟูปา่ ชั้น ม.6 โรงเรยี นบ้านห้วยระหงส์ จ.เพชรบรู ณ์ “การที่เราได้ลงสำ�รวจข้อมูลเองทำ�ให้เรารู้จักพันธ์ุพืช วิธีการเพาะ ขยายพันธุ์ พอได้ทำ�กิจกรรมมากขึ้นก็ทำ�ให้รู้ระบบการทำ�งานท่ี เปน็ ขนั้ เปน็ ตอนมากขึ้น” 126 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
ทป่ี รกึ ษากล่มุ เยาวชน กสุ ุมา ค�ำ พมิ พ์ (เมย)์ โครงการฟื้นฟพู ชื ท้องถน่ิ เพ่อื เพม่ิ ศกั ยภาพของปา่ ไมใ้ น ระบบนเิ วศ เจา้ หน้าทศ่ี นู ย์ศึกษาและฟน้ื ฟูนเิ วศ โดย : กลมุ่ เยาวชนเมล็ดพนั ธุ์ใหม่ สานใจฟ้ืนฟปู า่ จ.เพชรบรู ณ์ วฒั นธรรมชุมชนเทือกเขาเพชรบูรณ์ หัวหนา้ โครงการ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ นางสาวสุกัญญา ค�ำ พมิ พ ์ คณะทำ�งานโครงการ การเปน็ คนในพน้ื ที่ อยใู่ กลช้ ดิ กบั พน้ื ที่ 1. นางสาวพรสุดา วังครี ี และสถานการณ์ ทำ�ให้สามารถปรับ 2. นางสาวพรรณมณี วงั คีรี และประยุกต์การทำ�งานในพ้ืนท่ีได้ 3. นางสาวเสาวลักษณ์ รูปขาว หลากหลายและบรู ณาการการท�ำ งาน 4. นายนนั ทวัฒน์ วังคีรี ใหเ้ ดก็ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มไดใ้ นทกุ กจิ กรรม ที่ปรึกษาโครงการ ของชมุ ชนอย่างไมแ่ ยกสว่ น นางสาวกสุ มุ า ค�ำ พิมพ ์ “ ภู มิ ใ จ ท่ี เ ห็ น ก ลุ่ ม เ ย า ว ช น ก ลุ่ ม นี้ ศนู ยศ์ ึกษาและฟนื้ ฟนู เิ วศน์วัฒนธรรมชมุ ชนเทอื กเขา มีความเสียสละตัวเองเพ่ือช่วยเหลือ เพชรบรู ณ์ ชุมชน และให้ความสำ�คัญกับการ ท�ำ งานดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม โดยทพ่ี วกเขา 127 พยายามท�ำ ทกุ อยา่ งทจี่ ะสอื่ สารใหก้ บั คนภายนอกและคนรุ่นใหม่ได้รู้ว่า ชมุ ชนของเขาสามารถอยรู่ ว่ มกบั ปา่ ได”้
เพราะดนิ คอื แหลง่ ก�ำ เนดิ ของสรรพชวี ติ เปน็ ทงั้ ผใู้ หก้ �ำ เนดิ ปา่ ไมแ้ ละ สายนาํ้ เปน็ ทง้ั แหลง่ อาศยั ของสตั วน์ อ้ ยสตั วใ์ หญ่ รวมถงึ เปน็ แหลง่ อาหารให้ พชื พนั ธไ์ุ ดแ้ ตกยอดเบง่ บานออกผล น�ำ ไปสกู่ ารแปรรปู เปน็ ปจั จยั 4 ของมนษุ ย์ กระนั้น นับแต่ท่ีโลกเกิดการปฏิวัติเขียว (The Green Revolution) คุณค่าและสถานะของดินก็ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นเพียงทุนของการผลิตใน รปู แบบอตุ สาหกรรม เทคโนโลยแี ละเครอื่ งจกั รกลทางการเกษตรถกู น�ำ เขา้ มา บนนาข้าว ปุ๋ยและสารเคมีแพร่กระจายไปท่ัวไร่สวน เกษตรแบบพ่ึงพา ธรรมชาตสิ ญู สลายกลายไปเปน็ เกษตรแบบพง่ึ พาปจั จยั การผลติ จากภายนอก ทง้ั หมดทง้ั มวลกเ็ พอื่ ปรมิ าณของผลผลติ อนั น�ำ ไปสคู่ วามมง่ั คง่ั ของเกษตรกร โดยหารู้ไม่ว่า ทุกๆ การฉีดพ่นสารเคมีและทุกๆ วินาทีที่ปุ๋ยเคมีละลายตัว ความอุดมสมบรู ณ์ของดนิ กเ็ ริม่ สลายหายไปทีละเลก็ ละนอ้ ย จนกว่าคร่ึงศตวรรษผ่านไป ผลพวงจากปฏิวัติเขียวก็ได้เผยตัวขึ้น อยา่ งเปน็ รปู ธรรม นนั่ คอื ดนิ ในหลายพน้ื ทท่ี วั่ ประเทศประสบปญั หาเสอื่ มโทรม ขาดสารอาหาร แห้งแลง้ ไมอ่ าจปลูกพชื พันธใ์ุ ดๆ ไดอ้ ีก 130 ปลูกใจรักษ์โลก
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เกษตรกรหลายรายถอดใจ ละท้ิงท่ีดินทำ�กิน แกป้ ญั หาดนิ เสอ่ื มโทรมดว้ ยการหมนุ เวยี นพน้ื ทท่ี �ำ การเกษตรไปเรอ่ื ยๆ หวงั ให้ ดนิ ไดพ้ กั แตไ่ มไ่ ดป้ รบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตนเองในการใชส้ ารเคมที �ำ การเกษตร ยงั มเี ยาวชน 3 กลมุ่ ทเี่ หน็ ปญั หา และเกดิ ความมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะแกป้ ญั หาใหแ้ กด่ นิ ในบ้านเกิดของตัวเอง ท้ังการสืบค้นถึงต้นตอของปัญหาดินเสื่อม การศึกษา ให้รู้จักสภาพโครงสร้างของดินอย่างละเอียด เพื่อหาแนวทางการฟื้นฟูดิน อยา่ งเปน็ รปู ธรรม ไปพรอ้ มๆ กบั การขยายแนวรว่ มกลมุ่ เยาวชน และขยายผล การรบั รไู้ ปสชู่ าวบา้ นเกษตรกร รวมทง้ั หาวธิ จี ดั การรว่ มกนั ระหวา่ งเยาวชนและ แกนนำ�ชุมชน เพ่อื ให้เกดิ การต้ังต้นปรับเปลยี่ นพฤติกรรมและวิถีเกษตรแบบ ปฏิวตั เิ ขียว ไปส่กู ารพึ่งพาธรรมชาติแบบด้ังเดมิ เพอ่ื ใหช้ มุ ชนมดี นิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ พชื ผลทไ่ี ดส้ ะอาดปลอดภยั ตอ่ ทกุ คน และเกษตรกรไม่ตอ้ งพึง่ พาสารเคมีให้เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ย ไมน่ ่าจะมวี ถิ ีใดท่ีทกุ คนเป็นสุขไดม้ ากไปกว่านอ้ี กี แลว้ 131
132 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
09 หมอดนิ นอ้ ย กบั ภารกจิ ตามหาส้มท่หี ายไป โดย : กลุม่ เยาวชนรกั ษ์ส้มรังสติ จ.ปทุมธานี ปัญหาการใช้สารเคมีในการเกษตร ถือเป็นปัจจัยสำ�คัญท่ีส่งผลให้ พชื ทอ้ งถนิ่ หลายชนดิ มอี นั ตอ้ งลม้ หายตายจากไปอยา่ งนา่ เสยี ดาย หนง่ึ ในนน้ั ที่กำ�ลังประสบภาวะสุม่ เสย่ี งจะหายไปกค็ ือ ‘สม้ รังสิต’ สม้ รงั สติ ชอ่ื นน้ั บง่ บอกชดั เจนวา่ เปน็ ผลผลติ จาก ‘ทงุ่ รงั สติ ’ ซง่ึ แตเ่ ดมิ เป็นพื้นที่ราบลุ่มและนาข้าว กระท่ังพื้นที่ปลูกส้มบางมดประสบปัญหาถูก นํ้าทะเลหนุนท่วม เกษตรกรและชาวสวนส้มส่วนหนึ่งจึงย้ายพ้ืนท่ีมาปลูกที่ ทุ่งรงั สติ จนเกิดเปน็ ตำ�นานส้มรังสิตตลอด 30 ปีทีผ่ า่ นมา แต่ถึงปัจจุบัน ช่ือของส้มรังสิตกลายเป็นชื่อที่แปลกหูของคนทั่วไป เนอื่ งจากผลผลติ ส้มรงั สิตนบั วนั จะยิ่งเหลือออกสทู่ ้องตลาดนอ้ ยลงทกุ ที สม้ รงั สติ หายไปไหน? และท�ำ ไมถงึ หายไป? กลมุ่ เยาวชนรกั ษส์ ม้ รงั สติ มีคำ�ตอบ 133
สม้ รงั สติ ทเ่ี คยปลกู ใหผ้ ลผลติ ดแี ละมรี สชาติ อร่อยในอดีตนั้น เมื่อปลูกไปเรื่อยๆ บน ที่ดินเดิม กลับให้ผลผลิตที่ลดน้อยลง... เกดิ โรค และในที่สดุ กต็ าย ปญั หาเรอ้ื รงั ของเกษตรกรไทย จาก ‘โครงการนกั ส�ำ รวจทอ้ งทงุ่ ’ ในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ของโรงเรยี นธญั รตั น์ ในปี พ.ศ. 2552 ทอี่ าจารยไ์ ดพ้ าออกจากหอ้ งเรยี นมาเปดิ โลกทศั นศ์ กึ ษาโลกกวา้ ง ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.2 ครั้งนั้น ได้ทำ�ให้นักเรียนในกลุ่มเกิดข้อสงสัยขึ้นว่า ท้องทุ่ง บรเิ วณรังสิตปจั จบุ นั ท�ำ ไมถึงไมม่ ีส้มรังสติ ทั้งๆ ที่ส้มรังสิตเคยเปน็ ผลผลิตข้ึนชอื่ ขนาดปรากฏอยู่ในคำ�ขวัญประจำ� จ.ปทุมธานี ในอดีตที่ว่า ‘เมืองก๋วยเตี๋ยวเรือ กงุ้ เต้น สม้ เขยี วหวาน ลอนตาลสด’ เลยทเี ดยี ว ด้วยความสงสยั เด็กกลมุ่ น้จี งึ สวมวญิ ญาณนักสืบ สบื หาการหายไปของ ส้มรังสิตจากพอ่ แม่ลุงปา้ นา้ อาท่เี คยทำ�สวนส้ม กอ่ นจะไดค้ ำ�ตอบจากผูใ้ หญ่ว่า “ส้มรังสิตท่ีเคยปลูกให้ผลผลิตดีและมีรสชาติอร่อยในอดีตนั้น เมื่อปลูก ไปเรือ่ ยๆ บนท่ดี ินเดิม กลับให้ผลผลิตท่ีลดน้อยลง ใบเหลือง เกิดโรค และในท่สี ุด กต็ าย จนหลายสวนตอ้ งเลกิ ปลกู ขายทด่ี นิ ทง้ิ หรอื หนั ไปปลกู สม้ ด�ำ เนนิ หรอื พชื อน่ื แทน” สอดคลอ้ งกบั สภาพความเปน็ จรงิ ในปจั จบุ นั ทพี่ น้ื ทสี่ วนสม้ รงั สติ มจี �ำ นวน ลดนอ้ ยลง เนอ่ื งจากเกดิ โรคระบาด เกษตรกรประสบปญั หาขาดทนุ จากการใชส้ ารเคมี จนละทง้ิ พน้ื ทใี่ หก้ ลายเปน็ สวนสม้ รา้ งนบั แสนไร่ กอ่ นทภี่ าครฐั จะเขา้ มาแกป้ ญั หา โดยพัฒนาสวนส้มร้างเป็นพ้ืนที่ปลูกปาล์มนํ้ามัน และส่งเสริมการทำ�เกษตรแบบ ผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงเวลาท่ีผ่านมามีการพัฒนาพ้ืนท่ี บรเิ วณนเ้ี ปน็ แหลง่ อตุ สาหกรรม หมบู่ า้ นจดั สรร และอาคารพาณชิ ยม์ ากขนึ้ ท�ำ ให้ สวนส้มรงั สิตแทบจะไม่เหลือพนื้ ท่ีอกี ตอ่ ไป จากขอ้ มลู ที่พบ เดก็ ๆ ไดต้ ้ังขอ้ สงสัยเก่ียวกบั การตายและการให้ผลผลิต ลดลงของต้นส้มรังสิต ว่าเกิดจาก ‘ปัญหาดินเสื่อม’ เพราะข้อมูลท่ีพวกเขาเก็บได้ ระบวุ า่ การปลกู สม้ รงั สติ ในอดตี ตอ้ งอดั ปยุ๋ เคมี ฉดี ยาฆา่ แมลงและยาก�ำ จดั วชั พชื ปรมิ าณมาก เนอ่ื งจากชาวสวนคดิ วา่ ท�ำ ใหไ้ ดผ้ ลผลติ ดี แตก่ ลบั ไมเ่ คยมกี ารตรวจสอบ คุณภาพดินว่าขาดธาตุอาหารอะไรบ้าง 134 ปลูกใจรกั ษ์โลก
เมอ่ื พบปญั หาจงึ อยากแก้ เพราะสง่ิ ดใี กลต้ วั ก�ำ ลงั จะสญู หายไปในรนุ่ ของ พวกเขา ทำ�ให้เด็กและเยาวชนหลายคนต่ืนตัว บวกกับการสนับสนุนของคุณครู สาระวทิ ยาศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2553 - 2555 จงึ ชวนกนั ท�ำ โครงการ ‘สบื สวนปว่ นสม้ ’ เพอ่ื ขอรบั การสนบั สนนุ งบประมาณ ความรู้ และเครอ่ื งมอื จากหนว่ ยงานภายนอก อาทิ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก สำ�นักงานประเทศไทย (WWF-Thailand) กรมพัฒนาที่ดินจังหวัดปทุมธานี จนมาถึง ‘โครงการรักษ์ส้มรังสิตพัฒนาดิน เส่ือมโทรม’ ทไี่ ด้รับการสนับสนนุ จากโครงการปลูกใจ รักษโ์ ลก มูลนิธกิ องทนุ ไทย เรา..เก็บดินไปตรวจสอบทีก่ รมพฒั นาทีด่ ิน ให้เขาแนะนำ�วธิ ีการปรับสภาพดนิ โดยเขา จะใหส้ ูตรปุย๋ มา เราก็มาคดิ อีกทวี า่ จะใส่ปุ๋ย อยา่ งไร 135
สรา้ ง ‘หมอดินน้อย’ ปลูกใจรักษ์โลก ดว้ ยทกั ษะวิทยาศาสตร์ โครงการรกั ษส์ ม้ รงั สติ พฒั นาดนิ เสอ่ื มโทรม ของกลมุ่ เยาวชนรกั ษส์ ม้ รงั สติ มีเป้าหมายเพ่ือสร้างเยาวชนหมอดินน้อยท่ีมีทักษะการตรวจวัดคุณภาพดิน ทั้ง ค่าอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม ซ่ึงเป็นธาตุอาหารที่จำ�เป็นต่อพืช และการปรบั ปรงุ คณุ ภาพดนิ โดยน�ำ ทกั ษะวทิ ยาศาสตรจ์ ากในหอ้ งเรยี นมาประยกุ ต์ ใชใ้ นการท�ำ งานจรงิ กอ่ นจะน�ำ ผลของการปรบั ปรงุ ดนิ นนั้ สง่ มอบคนื ใหแ้ กเ่ กษตรกร น�ำ ไปปรบั ปรงุ คณุ ภาพดนิ ในสวนของตวั เองใหเ้ หมาะสมกบั การปลกู สม้ รงั สติ และ ผลไม้อืน่ ๆ ต่อไป กลุ่มเร่ิมต้นด้วยการสร้างแนวร่วมในโรงเรียน เพื่อค้นหาเพื่อนๆ น้องๆ ทสี่ นใจอยากท�ำ กจิ กรรมนร้ี ว่ มกบั ทางกลมุ่ โดยรนุ่ พแี่ กนน�ำ ชนั้ ม.5 จ�ำ นวน 15 คน 136
บางคนทเ่ี ขา้ มาแรกๆ อาจแค่อยากสนกุ อยากลอง แต่พอสกั พักก็เบื่อแลว้ หายไป เพราะงานน้ีมนั ต้องใชใ้ จรักจรงิ ๆ ในการทำ� ใช้วธิ ีการเดินเขา้ ไปประชาสัมพันธต์ ามหอ้ งเรียน จนไดน้ อ้ งๆ ช้ัน ม.2 - 4 จำ�นวน 100 คนทส่ี นใจเขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ จากนนั้ แกนน�ำ จงึ ไดจ้ ดั คา่ ยอบรม ‘หมอดนิ นอ้ ย 100 คน’ โดยเชญิ วทิ ยากรผมู้ คี วามรจู้ ากหนว่ ยงานตา่ งๆ มาใหค้ วามรดู้ า้ นการตรวจวดั คณุ ภาพดนิ และปรบั ปรงุ ดนิ โดยใชธ้ รรมชาตทิ ดแทนสารเคมี เพอ่ื ใหส้ มาชกิ ของกลมุ่ มพี นื้ ฐานในการทำ�วิจยั กอ่ นลงส�ำ รวจพื้นทจ่ี รงิ การสำ�รวจพื้นที่จริง เริ่มด้วยการขออนุญาตคุณลุงคุณป้าเจ้าของสวน เข้าไปเก็บดินที่ใช้ปลูกส้ม เพ่ือนำ�ไปตรวจและทดลองหาวิธีปรับปรุงบำ�รุงดิน ซ่ึง คณุ ลงุ คณุ ปา้ เจา้ ของสวนสว่ นใหญก่ ใ็ หค้ วามรว่ มมอื ดว้ ยดี สวนที่ 1 ของ ‘ลงุ สบื ’ ซงึ่ เป็นสวนส้มที่เหลือเพียงแห่งเดียวในพ้ืนที่ใกล้โรงเรียน ยินดีแบ่งที่ดินซึ่งมีต้นส้ม ถงึ 10 ตน้ และสวนที่ 2 ของ ‘ลงุ เปย๊ี ก’ มตี น้ สม้ 5 ตน้ ทง้ั สองสวนไดใ้ หก้ ลมุ่ เยาวชน มาขดุ เกบ็ ดนิ ไปตรวจวดั คณุ ภาพ ธาตอุ าหาร และทดลองปรบั ปรงุ ดนิ ดว้ ยวธิ ชี วี ภาพ ด้วยปฏิบัติการปรับปรุงคุณภาพดินที่เป็นกรดและขาดโปรแตสเซียม โดยการนำ� เปลือกไข่ เปลอื กหอย อ้อย กาบมะพรา้ ว เปลอื กกลว้ ย มาเผาจนเป็นถา่ น จากนัน้ น�ำ ไปใสท่ ี่โคนตน้ ส้ม 1 กิโลกรมั ตอ่ 1 ชนดิ เว้น 2 สัปดาหแ์ ล้วใสอ่ กี 6 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 7 เดือนของโครงการ กลุ่มได้มีการลงพ้ืนที่สำ�รวจ อย่างตอ่ เนื่อง แตส่ ามารถแบ่งข้นั ตอนการท�ำ งานออกไดเ้ ป็น 3 ชว่ งหลัก คือ 1. สำ�รวจและเก็บตวั อยา่ งดนิ จากสวน 2. นำ�ดินไปตรวจสอบค่าอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม ยังกรมพัฒนาที่ดิน พร้อมขอคำ�แนะนำ�ในการปรับปรุงดิน ก่อนลงพ้ืนท่ีอีกคร้ังไป ใส่ปุ๋ยและปรับปรุงดินในพ้ืนท่ีด้วยวิธีทางชีวภาพ โดยการทดลองใช้ปุ๋ยชีวภาพ 2 - 3 ชนดิ 3. ตดิ ตามผลท่เี กดิ ขึน้ ในพื้นท่ี การลงพ้ืนที่ในแต่ละครั้ง กลุ่มพี่ๆ แกนนำ�จะแบ่งน้องหมอดินน้อย ออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน แต่ละกลุ่มจะมีพ่ีแกนนำ�คอยดูแลและจ่ายงาน เพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะให้ชำ�นาญ เช่น กลุ่มของ วิภาดา แก้วพร หรอื ‘นา้ํ มน’ นกั เรยี นชนั้ ม.5 หนงึ่ ในแกนน�ำ พานอ้ งไปเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ ในสวนของ ลงุ เป๊ยี ก บรเิ วณรังสติ คลอง 11 ก่อนจะลงพื้นทีค่ ร้ังที่ 2 เพอ่ื ไปเติมปุ๋ยใหด้ ิน และ ลงพ้ืนที่ครั้งที่ 3 เพ่ือเก็บตัวอย่างดินท่ีเติมปุ๋ยแล้วไปตรวจอีกครั้งหน่ึง โดยในสวน 137
ของลุกเปี๊ยกน้ี มีต้นส้มที่เข้าร่วมโครงการ 5 ต้น แรกเริ่มการวิจัยมีการทดลองใส่ ปลูกใจรักษ์โลก ปุ๋ยชีวภาพ 4 ต้น ไม่ใส่ปุ๋ย 1 ต้น เพื่อเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้น จนกระทั่งน้ํามน น�ำ ดนิ ไปตรวจและเรยี นรสู้ ตู รปยุ๋ จากกรมพฒั นาทด่ี นิ จ.ปทมุ ธานี จงึ ไดเ้ กดิ แนวทาง ทดลองใสป่ ยุ๋ ชวี ภาพ 1 ตน้ โดยขดุ ดนิ รอบต้นส้มลกึ ประมาณ 15 ซม. เพราะเปน็ ระดับช้ันของดินท่ีมีแร่ธาตุอยู่ จากน้ันจะลงพื้นที่เก็บข้อมูลในรอบ 2 เดือนเพ่ือ วดั ขนาดความโตของตน้ ความสงู และเสน้ รอบวง เพอ่ื สรปุ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ คอื ไดส้ ตู ร ปุ๋ยชวี ภาพท่เี หมาะสมทที่ ำ�ใหด้ ินอุดมสมบรู ณ์ขน้ึ และต้นสม้ เตบิ โตได้ดี “สวนนี้จะเป็นสวนของน้องๆ ซึ่งพ่อของเขาเป็นคนทำ� เรามาขออนุญาต เกบ็ ดนิ ไปตรวจเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพดนิ ทกี่ รมพฒั นาทดี่ นิ ใหเ้ ขาแนะน�ำ วธิ กี ารปรบั สภาพดนิ โดยเขาจะใหส้ ตู รปยุ๋ มา เรากม็ าคดิ อกี ทวี า่ จะใสป่ ยุ๋ อยา่ งไร” นา้ํ มนเลา่ ถงึ ขน้ั ตอนการวจิ ยั ของกลมุ่ ซง่ึ สดุ ทา้ ยปลายทางคอื การเผยแพรผ่ ลการวจิ ยั ในรปู ของ องค์ความรู้ไปสู่เยาวชนรุ่นน้อง และเกษตรกรในพ้ืนที่ เพ่ือให้เกิดการแก้ปัญหา ดนิ เสื่อมต่อไป สร้างเครอื ข่าย นกั วิจยั ระยะยาว ด้วยเล็งเห็นว่าปัญหาดินเสื่อมที่เกิดข้ึนย่อมส่งผลกระทบต่อเรือกสวน ในภาพรวม ดงั นน้ั นอกจากสม้ รงั สติ แลว้ ทางกลมุ่ จงึ ไดท้ �ำ การลงพน้ื ทสี่ �ำ รวจและ เกบ็ ตวั อยา่ งดนิ เพอ่ื การวจิ ยั จากสวนผลไมอ้ น่ื ๆ ซง่ึ กระจายตวั อยใู่ นเขตรงั สติ คลอง 7, 8, 10, 11 และ 12 รวมท้ังส้นิ จ�ำ นวน 12 สวนรว่ มดว้ ย ซ่ึงแน่นอนว่า การวิจัยท่ีตั้งต้นขึ้นแล้วนี้ไม่สามารถทำ�ให้แล้วเสร็จได้ ในเวลาไม่ก่ีเดือน แต่ต้องมีการสืบทอดคนทำ�งานในระยะยาว อาจารย์ขวัญชีวิต นชุ บวั หรอื ‘ครขู วญั ’ ทปี่ รกึ ษาโครงการฯ จงึ ไดว้ างแผนเปดิ รบั สมคั รนกั เรยี นรนุ่ ถดั ๆ ไปตงั้ แต่เน่ินๆ เพือ่ ให้การวิจัยดำ�เนนิ ต่อไปไมส่ ะดดุ และเพื่อพัฒนาศักยภาพของ นักเรยี น รวมถึงสรา้ งเครือข่ายร่นุ พีร่ นุ่ นอ้ งในระยะยาวไปด้วยในตัว “พอรุ่น ม.2 โตข้ึนมา แกนนำ� ม.5 ในปัจจุบันก็จะถอยไปเป็นพี่เลี้ยง ใหน้ อ้ งๆ และจะถา่ ยทอดงานผ่านกระบวนการกลมุ่ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ ๆ ไดร้ จู้ ักกนั เรยี นรู้ การทำ�งานร่วมกนั เคารพกนั พูดคยุ หารอื กนั ซง่ึ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องงาน แต่มีทง้ั เรอื่ ง เรียนและเรอ่ื งส่วนตัว” ครูขวัญกล่าวด้วยรอยย้มิ กระนน้ั สงิ่ ทส่ี �ำ คญั ทส่ี ดุ ในการท�ำ งานอนรุ กั ษเ์ ชงิ วจิ ยั และเปน็ สง่ิ ทค่ี รขู วญั อยากเห็นทีส่ ดุ จากเด็กๆ ก็คือ หวั ใจ ซึ่งประเด็นน้ี น้าํ มนอธบิ ายได้น่าสนใจ “บางคนทเี่ ขา้ มาแรกๆ อาจแคอ่ ยากสนกุ อยากลอง แตพ่ อสกั พกั กเ็ บอื่ แลว้ หายไป เพราะงานนี้มันต้องใช้ใจรักจริงๆ ในการทำ� ซึ่งตอนนี้ก็มีน้องๆ ท่ีขึ้นมา ท�ำ แทนได้บ้างแลว้ ถ้าเราขน้ึ ม.6 ก็คงให้น้องๆ เปน็ แกนนำ�หลกั ตอ่ ไป” ทั้งน้ี ได้เห็นกระบวนการทำ�งานของกลุ่มเยาวชนรักษ์ส้มรังสิต ท่ีแลดู มีแผนงานชัดเจนเป็นข้ันเป็นตอนตามแบบนักวิจัย แต่เบ้ืองหลังนั้นกลับมีปัญหา 138
อปุ สรรคตา่ งๆ ใหต้ อ้ งแกไ้ ข โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ปญั หาหลกั ในการสอ่ื สารกบั เจา้ ของสวน ในการมสี ว่ นรว่ มตรวจวดั และปรบั ปรงุ คณุ ภาพดิน ซง่ึ ผ้ทู ม่ี ีบทบาทส�ำ คัญอย่างยง่ิ ในการชว่ ยแกไ้ ขปญั หา กค็ อื ครพู เ่ี ลย้ี ง ทน่ี อกจากจะชว่ ยแกไ้ ขแลว้ ยงั เปน็ ผหู้ นนุ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ๆ เกิดการเรียนรู้และพัฒนาศกั ยภาพตวั เองได้อยา่ งนา่ ชน่ื ใจ “ปัญหาในการทำ�โครงการของเด็กๆ คือ เจ้าของสวนรายใหม่ๆ ไม่ให้ ความเช่ือถือเด็กหากครูไม่ลงไปทำ�กิจกรรมด้วย เราจึงต้องทุ่มเทพาเขาเข้าไปทำ� หรอื อยา่ งการเรยี กนอ้ งๆ มาประชมุ กเ็ หมอื นกนั ไมไ่ ดท้ �ำ ครง้ั เดยี วส�ำ เรจ็ ตอ้ งวางแผน หลายๆ ครง้ั ซง่ึ เรากจ็ ะชว่ ยดแู ล แตต่ อ้ งใหเ้ ดก็ ท�ำ เปน็ หลกั เพราะตวั เขาเองนน่ั แหละ จะได้สงิ่ ท่ีดๆี กลบั ไป” ครขู วญั กล่าวด้วยแววตาภาคภูมิใจในตัวลกู ศิษย์ ก่อนกล่นั ความรู้สกึ ภายในออกมาเปน็ คำ�พดู จบประโยควา่ “ตวั เราเองภมู ใิ จกบั การท�ำ งานของเดก็ ๆ พวกเขารบั ผดิ ชอบและท�ำ งานได้ ขนาดน้ี แสดงวา่ เขารักในสิ่งทีเ่ ขาท�ำ แลว้ ” ถา้ จะเปน็ นกั วชิ าการกต็ อ้ งหาขอ้ มลู อยา่ เชอ่ื ครู เพราะครูไมไ่ ด้ร้ทู ุกเรอื่ ง 139
อยากเห็นผลไม้ในชุมชนออกสู่ตลาดอย่าง มีคณุ ภาพ อยากพัฒนาโครงการตอ่ เพราะ ถ้าเราไม่อนุรักษ์ดูแลดิน ก็จะมีผลต่อผลไม้ ท่ีปลูก ส้มบางลูกก็สุกไม่เต็มท่ีหรือไม่ถูกใจ คนกิน นักวิจยั วัยเยาว์ และทักษะชวี ติ จากการทำ�งาน ไมอ่ าจปฏเิ สธวา่ การท�ำ โครงการในครง้ั น้ี แกนน�ำ กลมุ่ เยาวชนรกั ษส์ ม้ รงั สติ ไดม้ โี อกาสเรยี นรกู้ ารเปน็ หมอดนิ และพฒั นาศกั ยภาพของตวั เองผา่ นการลงพนื้ ท่ี ทำ�วิจัยอย่างจริงจัง ซ่ึงด้วยการหนุนเสริมของครูขวัญ ก็ได้ทำ�ให้แกนนำ�หลายคน เกิดทักษะความเป็นนกั วิจัยเพ่อื การพฒั นาอย่างเต็มตัว “กับบ๊ิว ครูจะบอกเขาเสมอว่า ถ้าจะเป็นนักวิชาการก็ต้องหาข้อมูล อยา่ เชอ่ื ครู เพราะครไู มไ่ ดร้ ทู้ กุ เรอื่ ง แตเ่ ดมิ บว๊ิ เปน็ คนเชอ่ื มนั่ ในความคดิ ของตวั เอง และยืนยนั ท่จี ะท�ำ แตใ่ นส่งิ ทีต่ วั เองคิดไว้ คอื จะท�ำ แตเ่ รือ่ งส้มเทา่ นน้ั แตท่ า้ ยทส่ี ุด เมื่อได้ลงมือทำ�และเรียนรู้ก็เกิดการเปลี่ยนแนวคิด มองภาพที่กว้างข้ึน เชื่อมโยง สพู่ ชื อน่ื ๆ จนน�ำ ไปสกู่ ารแกป้ ญั หาดนิ ในพนื้ ทปี่ ลกู มะมว่ ง มะละกอ นาขา้ ว กลว้ ย” ครูขวัญกล่าวถึงพัฒนาการของลูกศิษย์ ที่ปัจจุบันสามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอด กระบวนการตรวจสอบคณุ ภาพดนิ ให้แกร่ ุ่นน้องได้เป็นอยา่ งดี ขณะท่ีตัวของบ๊ิวเอง นอกจากทักษะด้านการเป็นนักวิจัยและผู้นำ� กระบวนการแล้ว เธอก็ยอมรับว่า การทำ�โครงการน้ี ได้ช่วยละลายอัตตาของเธอ ไดม้ าก เพราะตอ้ งเรยี นรกู้ ารท�ำ งานเป็นทีมรว่ มกับเพือ่ นๆ และนอ้ งๆ ซ่งึ แต่ละคน ย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป บ๊ิวจึงถือโอกาสน้ีเรียนรู้และรับฟังความคิด ของคนอื่น จนเกดิ ทักษะการทำ�งานร่วมกับคนอน่ื ๆ มากข้ึน ในขณะท่ีนํ้ามน ก็ได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับความเครียดท่ีเกิดจากการ ทำ�งานรว่ มกบั คนอ่นื และไดเ้ รียนรูท้ กั ษะการแก้ไขด้วยวิธีการพูดคุยแบบเปิดอก 140 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
“ปญั หาสว่ นใหญจ่ ะเกดิ ขน้ึ กบั ตวั เอง (หวั เราะ) โดยเฉพาะความทอ้ เกดิ ขน้ึ บ่อยมาก เพราะหนูเป็นคนท่ีเครียดและจริงจังกับการทำ�งาน เมื่อมีเพ่ือนๆ และ นอ้ งๆ บางกลมุ่ ทเ่ี ราควบคมุ ไมไ่ ด้ เรากจ็ ะรสู้ กึ ไมด่ ี ซง่ึ การท�ำ งานกส็ อนใหเ้ ราเรยี นรู้ ทจี่ ะพูดคยุ กับเขา ว่าการท�ำ อย่างนมี้ ันดหี รือไม่ดีอย่างไร เปดิ อกคยุ เพอื่ ให้งานมัน สามารถเดินตอ่ ไปไดค้ ่ะ” นํา้ มนกลา่ ว และแน่นอน อีกหนึ่งปัญหาคลาสสิกท่ีเยาวชนแทบทุกโครงการต้อง พบเจอ กค็ อื ปญั หาการแบง่ เวลามาท�ำ กจิ กรรม ซงึ่ คนทไ่ี ดเ้ รยี นรใู้ นประเดน็ นม้ี าก ที่สุด กค็ อื แกนน�ำ อกี คนหนงึ่ ของกล่มุ อุมาภรณ์ หอมเกษร หรือ ‘เมย์’ ทีส่ ามารถ บริหารจดั การการเรยี นของตัวเองไปพร้อมกับทำ�กิจกรรมไดอ้ ยา่ งราบรน่ื “เรอื่ งเรยี น เมยจ์ ะเรยี นทง้ั ในหอ้ งและเรยี นพเิ ศษคะ่ จนั ทรถ์ งึ ศกุ รต์ อนเยน็ จะท�ำ การบา้ น และคยุ เรอื่ งงานโครงการไปดว้ ย ทสี่ �ำ คญั คอื เวลานดั นอ้ งท�ำ กจิ กรรม จะนดั ไวก้ อ่ นลว่ งหนา้ หลายๆ สปั ดาห์ และกอ่ นจะถงึ วนั นดั 2 - 3 วนั เรากจ็ ะย�ำ้ อกี ทคี ะ่ ” เมย์เผยวธิ ีการบริหารเวลาดว้ ยสหี น้าแชม่ ช่นื 141
อนาคตของ ‘พืชรังสติ ’ และกา้ วย่างของชวี ิตหมอดินนอ้ ย จากโครงงานที่ต้ังต้นด้วยการมองแค่ ‘ส้มรังสิต’ เมื่อผ่านการลงพื้นที่ เกดิ การพฒั นากระบวนการคดิ ทเ่ี ปน็ ระบบจากการวางแผนงานโครงการและมกี าร วเิ คราะหป์ ญั หาและสาเหตุ ถงึ วนั นี้ เปา้ หมายของกลมุ่ จงึ ไดข้ ยายขอบเขตจากการ รกั ษาพนั ธสุ์ ม้ รงั สติ ไปสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพของพชื ผกั ผลไมอ้ นื่ ๆ ในยา่ นน้ี ผา่ นการ จัดการกับตัวแปรสำ�คัญ นั่นคือ การวิจัยและปรับปรุงคุณภาพดินในสวนของ เกษตรกรดว้ ยวธิ ที างชวี ภาพ ใหด้ นิ มคี ณุ สมบตั ทิ สี่ มบรู ณ์ เหมาะแกก่ ารเจรญิ เตบิ โต ของพชื พันธต์ุ า่ งๆ ซึ่งแม้โครงการจะส้ินสุดลง แต่กลุ่มแกนนำ�ก็พร้อมจะผลักดันรุ่นน้องให้ ทำ�การวิจัยและพัฒนาดินอย่างต่อเน่ือง รวมถึงวางแผนจะขยายผลให้แก่เกษตร ในพ้ืนที่ โดยใช้การอบรมและท�ำ วจิ ยั รว่ มกันกับกลุ่มต่อไป “ผมอยากเห็นผลไม้ในชุมชนออกสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพ อยากพัฒนา โครงการต่อ เพราะถ้าเราไม่อนุรักษ์ดูแลดิน ก็จะมีผลต่อผลไม้ท่ีปลูก ส้มบางลูก ก็สุกไม่เต็มท่ีหรือไม่ถูกใจคนกิน” พงษ์วัฒน์ พันธุ์ไพโรจน์ หรือ ‘ปลื้ม’ หนึ่งใน สมาชิกกล่มุ กลา่ วถงึ ความต้ังใจด้วยรอยย้ิม เชน่ เดยี วกบั นา้ํ มน ทค่ี าดหวงั วา่ งานวจิ ยั นจี้ ะถกู สานตอ่ โดยรนุ่ นอ้ งๆ แมว้ า่ โครงการจะส้ินสุดลงแล้วก็ตาม 142 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
“หนูอยากทำ�ต่อค่ะ อยากให้เกษตรกรท่ีทำ�สวนเข้ามาเรียนรู้กับพวกหนู ว่าสิ่งท่ีพวกหนูทำ�เป็นประโยชน์กับเกษตรกรเอง และอยากให้น้องๆ มีความรู้ สว่ นพ่ๆี ก็คอยให้ค�ำ ปรึกษาน้องๆ รุน่ ตอ่ ไป” นํา้ มนทง้ิ ทา้ ยดว้ ยรอยย้ิม ทง้ั หมดทงั้ มวล แมง้ านวจิ ยั จะยงั ตอ้ งการการสานตอ่ ในระยะยาว แตด่ ว้ ย เครือข่ายการทำ�งานที่ประสานเป็นหน่ึงเดียวกันระหว่างรุ่นพ่ี-รุ่นน้อง-อาจารย์- โรงเรียน-เกษตรกร ทำ�ให้เชื่อเหลือเกินว่า ดินรังสิตท่ีเส่ือมโทรมลงจากสารเคมี จะคอ่ ยๆ ไดร้ บั การดแู ลและปรบั ปรงุ จนกลบั มาอดุ มสมบรู ณอ์ กี ครงั้ ผา่ นเครอ่ื งมอื สำ�คัญซึ่งก็คอื การวิจยั ร่วมกนั ระหว่างเยาวชนและเกษตรกร และดนิ ทด่ี นี เ้ี อง ทจ่ี ะน�ำ สม้ รงั สติ อนั เปน็ สญั ลกั ษณข์ องยา่ นรงั สติ กลบั คนื มา เพยี งแตก่ ารกลบั มาในครงั้ นี้ จะมมี ะมว่ ง มะละกอ ขา้ ว กลว้ ย และพชื อน่ื ๆ ตามมาดว้ ย เพราะดนิ ท่ดี ี ปลกู อะไรกข็ นึ้ ดี กลุ่มนกั วิจยั น้อยคอนเฟิรม์ ! 143
สรปุ ขน้ั ตอนการทำ�งาน สืบหาการหายไปของส้มรังสติ จากชาวสวนส้ม พบสาเหตุเกิดจากการใช้สารเคมเี ยอะ ท�ำ ให้ดนิ เสอ่ื มและยังไมม่ กี ารตรวจ สภาพดินอกี ด้วย รบั สมคั รเยาวชน ‘หมอดนิ น้อย’ เรียนรู้ การวดั คุณภาพดินและปรับปรุงดนิ 144 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
เกบ็ ดินในสวน น�ำ ไปตรวจ และหาวิธีปรบั ปรุงดิน หาความรเู้ กี่ยวกับการตรวจคุณภาพดนิ เยาวชนปรบั ปรงุ บ�ำ รงุ ดนิ ร่วมกับเกษตรกร ให้หมอดินนอ้ ยทมี่ ที กั ษะและ ความรู้เรอื่ งการตรวจวัด คุณภาพดนิ และการปรบั ปรงุ ดนิ 145
ส่ิงท่ีได้เรยี นรู้ กมลรัตน์ เทอื กไชยคำ� (บวิ๊ ) หวั หน้าโครงการ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 “การไดเ้ ขา้ รว่ มโครงการท�ำ ใหเ้ ราไดค้ วามรมู้ ากมาย ทงั้ การตรวจสอบ คณุ ภาพดนิ การแบง่ เวลาไดเ้ รยี นรกู้ ารท�ำ งานกบั นอ้ งไดเ้ รยี นรคู้ วามคดิ ของน้องๆ รวมไปถงึ การจัดค่าย” วภิ าดา แก้วพร (นํา้ มน) ประสานงานโครงการฯ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 “ตอนแรกหนูเข้ามาเพราะต้องทำ�โครงงานส่ง แต่พอทำ�ยิ่งได้เรียนรู้ ท�ำ แลว้ สนกุ ไดท้ �ำ หลายอยา่ งทเ่ี ราไมเ่ คยท�ำ ไดค้ วามรใู้ สห่ วั ไดท้ �ำ งาน รว่ มกบั เพอื่ น จากทไ่ี มเ่ คยไดย้ นิ ชอ่ื สม้ รงั สติ ตอนนหี้ นอู ยากจะพฒั นา สม้ รังสติ ใหม้ ีคนปลกู คนกิน และคนรูจ้ กั มากข้นึ ” อุมาภรณ์ หอมเกษร (เมย์) แกนน�ำ กลุ่มเยาวชนฯ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 “จากคนที่ไม่กล้าพูดคุยกับชาวสวน จะถามเฉพาะคำ�ถามท่ีอยากรู้ หรอื ถามตามทอี่ าจารยส์ งั่ หลงั จากไดท้ �ำ โครงการ ท�ำ ใหห้ นกู ลา้ แสดง ความคดิ เหน็ มากขน้ึ หากเราเหน็ วา่ ควรเพม่ิ อะไรกก็ ลา้ ทจ่ี ะบอกอาจารย์ นอกจากน้ียังได้เรียนรู้การตรวจวัดดิน รู้ว่าหากดินคุณภาพไม่ดี ควรจะใส่อะไรลงไปเพอื่ ให้ดนิ มีคุณภาพท่ดี ขี ึน้ ” 146 ปลูกใจรกั ษ์โลก
ท่ีปรกึ ษากลมุ่ เยาวชน ขวญั ชีวติ นชุ บวั (ขวัญ) โครงการรักษส์ ม้ รงั สิตพัฒนาดินเส่ือมโทรม โดย : กลุ่มเยาวชนรกั ษส์ ม้ รังสติ อาจารยว์ ทิ ยาศาสตร์ โรงเรียนธญั รัตน์ โรงเรียนธัญรตั น์ จ.ปทุมธานี หวั หนา้ โครงการ ครูขวัญมีบทบาทเป็นที่ปรึกษา ช่วย นางสาวกมลรัตน์ เทือกไชยค�ำ วางแผนโครงการ ประสานงานการ จัดกิจกรรมกับหน่วยงานภายนอก คณะท�ำ งานโครงการ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารโครงการให้ 1. นางสาวอมุ าภรณ์ หอมเกษร บุคลากรและนักเรียนในโรงเรียนรับรู้ 2. นางสาววิภาดา แกว้ พร สรา้ งแรงจงู ใจในการท�ำ โครงการใหแ้ ก่ 3. นางสาวอทติ ยา มาตรกลาง นักเรียน และขยายผลไปสู่นักเรียน ทีป่ รกึ ษาโครงการ รนุ่ ถดั ไป 1. อาจารย์ขวัญชวี ติ นชุ บวั “เราเป็นพี่เล้ียงก็จริง แต่เราก็ต้อง อาจารยว์ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นธญั รัตน์ ยกย่องให้คนอื่นเป็นพ่ีเล้ียงเราด้วย เ พ ร า ะ ฉ ะ น้ั น เ ร า ต้ อ ง ล ด บ ท บ า ท ความสำ�คัญของตัวเองให้น้อยที่สุด แต่ยกความสำ�คัญของคนอื่นให้มาก ท่ีสดุ งานถงึ จะประสบผลสำ�เรจ็ และ สามารถสร้างเยาวชนให้เป็นผู้นำ� กิจกรรมดา้ นสิ่งแวดล้อมได้” 147
148 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
10 กลา้ ออ่ นของจติ ส�ำ นกึ บนดนิ แดนแห่งความหวงั โดย : กลุ่มเยาวชนฮกั นะเชยี งยืน โรงเรยี นเชียงยืนพทิ ยาคม จ.มหาสารคาม การใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม ในแง่หน่ึงอาจช่วยให้ได้ผลผลิตดี แต่ในอกี แงห่ นงึ่ กเ็ ปน็ ท�ำ ลายดนิ ท�ำ ใหด้ นิ เสอ่ื ม อนั จะสง่ ผลตอ่ การปลกู พชื ผกั ในระยะยาว และนอกจากดนิ เสอื่ มแลว้ บางครง้ั การใชส้ ารเคมนี นั้ อาจสง่ ผลโดยตรง ตอ่ สตั ว์ในพน้ื ที่ รวมไปถงึ ตวั เกษตรกรเองในกรณที ส่ี มั ผสั ถกู สารเคมีโดยตรง ทง้ั น้ีไมต่ อ้ งนบั รวมถงึ ผบู้ ริโภค ทจ่ี ะไดร้ บั ประทานเพยี งความสวยงามของพชื ผล แต่ภายในนัน้ อดุ มไปด้วยสารรา้ ยทำ�ลายชีวติ คงเพราะสารเคมสี ง่ ผลเสยี รอบดา้ นเชน่ นี้ จงึ ท�ำ ใหเ้ ยาวชนกลมุ่ หนงึ่ ใน จ.มหาสารคาม ตัดสินใจลุกขึ้นรณรงค์ให้เกษตรกรในพื้นที่ลดละเลิกการใช้ สารเคมี เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติของดินไว้ และเพ่ือตัว เกษตรกร รวมถงึ คนรอบข้างเอง 149
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306