Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปลูกใจรักษ์โลกปี1

ปลูกใจรักษ์โลกปี1

Published by 500bookchonlibrary, 2021-06-02 07:45:58

Description: ปลูกใจรักษ์โลกปี1

Search

Read the Text Version

เมอ่ื ลงสำ�รวจแปลง..พบวา่ ไม่มีสตั วอ์ าศัยอยู่ ในบริเวณน้ันเลย..และบรเิ วณที่น�ำ เน้ือแตง ไปทิง้ หญ้าบรเิ วณนนั้ ก็จะไหมต้ าย แคนตาลูปเคลอื บยาพษิ ปลูกใจรกั ษ์โลก กบั คณุ ภาพชีวิตทต่ี กต�ำ่ ลง จดุ เรมิ่ ตน้ ของโครงการลดมลพษิ ฟนื้ ชวี ติ ดนิ เรม่ิ ตน้ จากการทก่ี ลมุ่ เยาวชน ฮักนะเชียงยืนได้เห็นถึงสภาพปัญหาในชุมชน น่ันคือ การใช้สารเคมีในการปลูก แคนตาลปู จากการลงพน้ื ทส่ี �ำ รวจขอ้ มลู กลมุ่ เยาวชนพบวา่ หมบู่ า้ นแบก อ.เชยี งยนื จ.มหาสารคาม เป็นพ้ืนที่ขนาดใหญ่ท่ีมีการปลูกแคนตาลูปเพื่อขายเมล็ดพันธุ์ เน่ืองจากมีสภาพภูมินิเวศที่มีคลองชลประทานไหลผ่านและมีบริษัทคอยรับซื้อ ท่ีแน่นอนในรูปแบบของการทำ�เกษตรพันธสัญญาท่ีบริษัทวางเงื่อนไขไว้ ทำ�ให้ เกษตรกรสว่ นใหญจ่ งึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งพงึ่ พาสารเคมใี นแทบจะทกุ ขน้ั ตอนการปลกู ตงั้ แต่ การเตรยี มดนิ เพาะเมลด็ การผสมพนั ธก์ุ ารฉดี พน่ เรง่ ผล การรกั ษาโรคและการก�ำ จดั แมลงศตั รพู ชื เรยี กไดว้ า่ นอกจากจะอยกู่ บั แคนตาลปู ทต่ี วั เองปลกู แลว้ เกษตรกรยงั ตอ้ งอยรู่ ว่ มกบั สารเคมใี นแทบจะทกุ ขน้ั ตอนเลยทเี ดยี วโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ หลงั จาก เก็บเกี่ยว ทเ่ี กษตรกรตอ้ งนำ�แคนตาลูปมาล้างเปลือกด้วยสารเคมเี พื่อฆา่ เชอ้ื กอ่ น ผ่าเอาเมล็ด ถือเป็นการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง ส่งผลต่อสุขภาพของเกษตรกร ในระยะยาว และไมใ่ ชเ่ พยี งเกษตรกรผปู้ ลกู แตส่ ารเคมยี งั ฝงั ลกึ ลงสดู่ นิ เกดิ เปน็ ปญั หา ดนิ เสอ่ื มคณุ ภาพ รวมไปถงึ สง่ ผลกระทบตอ่ ชาวบา้ นในบรเิ วณนน้ั ทม่ี อี าการเจบ็ ปว่ ย เรื้อรัง อันเกิดจากการแพ้สารเคมี มีอาการวิงเวียนศีรษะจากการสูดดมสารเคมี ขณะฉดี พน่ หรอื ในชว่ งทฝี่ นตกหากเดนิ ไปตามพน้ื ทเ่ี พาะปลกู กจ็ ะเกดิ อาการคนั เทา้ เป็นผ่ืนทำ�ให้ชาวบ้านบางรายไม่กล้าเดินผ่านแปลงปลูกแคนตาลูปกันเลยทีเดียว ทง้ั นย้ี งั ไมน่ บั สตั วน์ อ้ ยสตั วใ์ หญใ่ นพน้ื ที่ ทต่ี า่ งหายไปไมเ่ หน็ แมแ้ ตเ่ งา สง่ สญั ญาณ บ่งบอกถงึ ภัยเงยี บจากสารเคมีในดินน้ัน “เมื่อลงสำ�รวจแปลงที่ปลูกสลับกับนาข้าว พบว่าไม่มีสัตว์อาศัยอยู่ใน บรเิ วณนนั้ เลยไมว่ า่ จะเปน็ จงิ้ หรดี มดแดง เขยี ด หรอื งู และบรเิ วณทนี่ �ำ เนอื้ แตงไป ทง้ิ หญา้ บรเิ วณนน้ั กจ็ ะไหมต้ าย” ธรี ะวฒุ ิ ศรมี งั คละ หรอื ‘แสน’ แกนน�ำ กลมุ่ เยาวชน ฮกั นะเชยี งยนื เลา่ ถึงอนั ตรายจากสารเคมีท่ไี ดพ้ บกบั ตวั 150

และทน่ี า่ กงั วลคอื จากการส�ำ รวจพบวา่ มกี ารน�ำ บตุ รหลานในชมุ ชน ทง้ั เดก็ ท่ีเป็นบุตรหลานที่ต้องช่วยงานครอบครัว รวมถึงเด็กที่รับจ้างเกษตรกรรายอื่นๆ มาช่วยในกระบวนการปลูกแคนตาลูปทุกขั้นตอน ซ่ึงส่วนใหญ่เด็กไม่ได้มีการใช้ อปุ กรณ์ปอ้ งกันสารเคมี ท�ำ ให้ตอ้ งสมั ผสั กบั สารเคมีโดยตรง จนอาจเกดิ การสะสม ของสารเคมีในร่างกาย รวมไปถึงในข้ันตอนของการผสมพันธ์ุแคนตาลูปน้ัน นอกจากทำ�ในเวลากลางวันแล้ว ยังนิยมท�ำ กันในเวลากลางคืนเนื่องจากให้ผลได้ ดกี วา่ เดก็ บางคนจงึ รบั จา้ งท�ำ ทง้ั กะกลางวนั และกลางคนื เพอ่ื แลกกบั รายได้ 500 บาท จนร่างกายอ่อนเพลีย ต้องอาศัยหลับในห้องเรียนหรือขาดเรียน ซ่ึงทำ�ให้เด็กเสีย การเรยี นอยา่ งน่าเสียดาย กอ่ ร่างสรา้ งกลุม่ บนพ้นื ฐานการคิดวเิ คราะห์ ด้วยตระหนักถึงผลกระทบที่กระจายครอบคลุมไปแทบทุกส่วน เยาวชน กลุ่มหน่ึงของโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคมจึงร่วมใจกันก่อต้ัง ‘กลุ่มเยาวชนฮักนะ เชียงยืน’ ขึ้นและจัดทำ� ‘โครงการลดมลพิษฟ้ืนชีวิตดิน’ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การ สร้างแนวร่วมในชุมชนท้ังกลุ่มเกษตรกรในหมู่บ้านแบก และกลุ่มเยาวชนท่ีเป็น เด็กนักเรียนช้ันประถมในโรงเรียนบ้านแบกสมบูรณ์วิทย์ ให้เกิดความเข้าใจและ ตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการเกษตรและร่วมดำ�เนินกิจกรรม พลกิ ฟนื้ คนื ชพี ใหแ้ กด่ นิ ซง่ึ เปน็ ทรพั ยากรทเี่ ปน็ แหลง่ อาหารของคนในหมบู่ า้ นตอ่ ไป 151

เยาวชนไดเ้ หน็ มมุ มองหลายๆ ดา้ น เกดิ การ ถกเถยี งบนเหตแุ ละผลเพอ่ื หาขอ้ สรปุ รว่ มกนั ในการด�ำ เนินงาน ซ่ึงชว่ ยใหเ้ ยาวชนเกดิ กระบวนการคดิ วิเคราะหก์ อ่ นท่ีจะลงมอื ทำ� กิจกรรม ในเม่ือหัวใจหลักของการสร้างแนวร่วมเพื่อนำ�ไปสู่การเปลี่ยนแปลงคือ ข้อมูลของชุมชน กลุ่มจึงได้ทำ�การลงพื้นที่สำ�รวจข้อมูลและสอบถามข้อมูลจาก ชาวบ้านอย่างต่อเน่ือง แต่ด้วยความท่ีเด็กๆ ล้วนเป็นมือใหม่ด้วยกันท้ังสิ้น ทำ�ให้ พเ่ี ลยี้ งโครงการอยา่ งอาจารยเ์ พญ็ ศรี ใจกลา้ ตอ้ งกา้ วเขา้ มาเปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั ในการ สร้างแรงบันดาลใจและแนะแนวรูปแบบการดำ�เนินงานให้แก่กลุ่ม โดยอาจารย์ เพ็ญศรีมีบทบาทในการช่วยหนุนเสริมกลุ่มด้วยการสร้างกระบวนการเรียนรู้ใน รปู แบบของ Project/Problem based Learning หรอื การเรยี นรจู้ ากการท�ำ โครงการ และผ่านปัญหา โดยมุ่งให้ลูกศิษย์ได้เรียนรู้การแก้ปัญหาและร่วมรับผิดชอบต่อ สงั คมผา่ นกระบวนการ 3 ขนั้ ตอน คือ 1. เรยี นร้จู ากโจทยป์ ัญหาในพนื้ ที่ 2. ลงมือปฏิบัตใิ หร้ จู้ ริง 3. สรุปบทเรียนรว่ มกัน โดยท้ังหมดน้ี อาจารย์เพ็ญศรีจะใช้วิธีการต้ังคำ�ถามให้เด็กๆ ได้คิดก่อน ปล่อยให้พวกเขาได้ตัดสินใจเลือกแนวทางการทำ�งานและแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึน ด้วยตวั เองโดยอาจารย์วางตวั เป็นผรู้ ับฟงั “วธิ นี ท้ี �ำ ใหเ้ ยาวชนไดเ้ หน็ มมุ มองหลายๆ ดา้ น เกดิ การถกเถยี งบนเหตแุ ละ ผลเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการดำ�เนินงาน ซึ่งช่วยให้เยาวชนเกิดกระบวนการ คิดวิเคราะห์ก่อนท่ีจะลงมือทำ�กิจกรรมถึงแม้บางคร้ังอาจมีกระบวนการช้ีนำ�บ้าง แต่ก็เพอ่ื ลดความขัดแย้งทก่ี ำ�ลงั จะเกิดข้นึ จากการถกเถยี งกนั ของสมาชกิ ในกล่มุ ” อาจารยเ์ พ็ญศรีกล่าวถงึ บทบาทของตนเองในฐานะพ่เี ลีย้ งอย่างอารมณ์ดี 152 ปลูกใจรักษ์โลก

ร่วมใจพลิกฟ้ืน คนื ชวี ิตใหด้ ิน ดว้ ยค�ำ แนะน�ำ จากอาจารยเ์ พญ็ ศรแี ละพเ่ี ลย้ี งโครงการจากมลู นธิ กิ องทนุ ไทย กลุ่มจึงได้มีการประชุมหารือกันเพื่อวางแนวทางในการดำ�เนินโครงการให้มีความ ชัดเจนและเป็นระบบมากขึน้ โดยอาศัย ‘ภูเขา 3 ลกู ’ ซ่งึ เป็นเครือ่ งมือท่ชี ่วยในการ คดิ และวางเปา้ หมายในแตล่ ะระยะของการท�ำ งาน ท�ำ ใหก้ ลมุ่ เหน็ ภาพการกา้ วเดนิ ไปสูค่ วามสำ�เร็จไดช้ ดั เจนข้ึน “การแบง่ ภเู ขาออกเปน็ 3 ลกู คอื การแบง่ งานออกเปน็ 3 สว่ น โดยเรม่ิ จาก ระดับง่ายระดับปานกลาง และระดับยาก ทำ�ให้เกิดความเข้าใจและเห็นภาพการ ดำ�เนินงานได้ชัดกว่า” ศิริลักษณ์ สงคราม หรือ ‘เปรี้ยว’ หนึ่งในแกนนำ�กล่าวถึง เครื่องมือการท�ำ งานทเี่ ธอได้เรยี นรู้ก่อนอธบิ ายต่อว่า 1. ระดับง่าย เป็นงานท่ีง่ายที่สุด และต้องทำ�ก่อนเป็นอันดับแรก ได้แก่ การลงพื้นที่ ศึกษา เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การลงพ้ืนท่ีเก็บข้อมูล พนื้ ฐานการปลกู แคนตาลปู และสารเคมที ใ่ี ชจ้ ากเกษตรกรในพนื้ ท่ี การประสานกบั โรงพยาบาลหรอื โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพต�ำ บลเพอื่ ศกึ ษาขอ้ มลู การเจบ็ ปว่ ยของ คนในชุมชน การศึกษาวิธีการทำ�ปุ๋ยชีวภาพและการตรวจวัดสารตกค้างในดิน การเข้าร่วมเวทีเสวนาชาวบ้านเรื่องการทำ�เกษตรพันธะสัญญา รวมไปถึงการเก็บ 153

การแบง่ ภูเขาออกเปน็ 3 ลกู คือการแบ่ง งานออกเปน็ 3 สว่ นโดยเรม่ิ จากระดบั ง่าย ระดับกลางและระดบั ยากทำ�ใหเ้ กดิ ความ เข้าใจและเห็นภาพการดำ�เนนิ งานได้ชัดกวา่ ตัวอย่างดินและนำ�ไปตรวจสอบสารตกค้าง และการนำ�ข้อมูลมาวิเคราะห์และ สรุปผล 2. ระดับปานกลาง เป็นงานทขี่ ยายผลต่อจากระดบั งา่ ย คือการน�ำ ขอ้ มูล ทไี่ ดม้ าขยายผลเพอื่ สรา้ งเครอื ขา่ ย ผา่ นกจิ กรรมคา่ ยตา่ งๆ และน�ำ ไปสกู่ ารผลกั ดนั ในกลุ่มและเครือข่ายให้เกิดการลงมือปฏิบัติงานจริง เช่น การเก็บตัวอย่างดินใน สวนของนอ้ งๆ เครอื ขา่ ย, การตรวจวดั สารตกคา้ งในดนิ รวมถงึ การลงพนื้ ทส่ี อบถาม อาการเจ็บปว่ ยจากการใช้สารเคมีของคนในชมุ ชน 154 ปลกู ใจรักษ์โลก

3. ระดับยาก เปน็ งานที่ต้องอาศัยความร่วมมือของคนในชุมชน และต้อง ใช้เวลานานเพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงในทางที่ดีข้ึน ซ่ึงกิจกรรมท่ีกลุ่มตั้งไว้คือ การคนื ขอ้ มลู ผลการตรวจดนิ ใหแ้ กช่ มุ ชน โดยใชร้ ปู แบบการน�ำ เสนอดว้ ยละครเวที พรอ้ มเปดิ เวทเี สวนาแลกเปลยี่ นกบั ชมุ ชน เพอื่ น�ำ ไปสเู่ ปา้ หมายสงู สดุ นน่ั คอื ชมุ ชน ตระหนัก เข้าใจ และลดการใชส้ ารเคมี หลังจากได้วางแนวทางการดำ�เนินโครงการอย่างชัดเจนแล้ว กลุ่มก็ได้ ต้ังต้นลงพ้ืนท่ีสำ�รวจและเก็บข้อมูลอีกคร้ังอย่างละเอียดโดยทำ�การเก็บข้อมูล การปลูกแคนตาลูปทุกข้ันตอน เพ่อื ให้เห็นวงรอบของการผลติ รวมถึงสารเคมีทใี่ ช้ ในแตล่ ะขน้ั ตอนพรอ้ มทง้ั ศกึ ษาผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการใชส้ ารเคมใี นการเพาะปลกู และสารตกค้างในดินจากการใช้สารเคมีโดยใช้ความพยายามหาวิธีตรวจวัด สารตกคา้ ง แตก่ เ็ กนิ ก�ำ ลงั ความสามารถ เนอื่ งจากวธิ กี ารตรวจวดั ตอ้ งใชผ้ เู้ ชย่ี วชาญ และมีความซับซ้อน จึงปรับมาเปน็ การตรวจวดั ความอดุ มสมบูรณ์ของดนิ แทน “เราลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู และสรา้ งความคนุ้ เคยกบั ชาวบา้ นครง้ั แลว้ ครง้ั เลา่ ในทกุ ๆ ครง้ั เราจะประชมุ กนั กอ่ นลงพนื้ ท่ี และหลงั การลงพน้ื ทกี่ จ็ ะมานงั่ สรปุ กนั วา่ เราได้อะไรจากการลงพ้ืนท่ีแต่ละคร้ังและยังขาดเหลืออะไรบ้าง เราควรลงพ้ืนท่ี เกบ็ ขอ้ มลู อกี หรอื ไม่ สว่ นเรอ่ื งสารเคมเี รากล็ งพน้ื ทไ่ี ปศกึ ษาการปลกู แคนตาลปู และ การใช้สารเคมีของชาวบ้านเองถึงแปลงเพาะปลูกกันจริงๆ เลย” เปรี้ยวกล่าว ดว้ ยรอยย้ิม 155

ขอบเขตการลงพนื้ ทส่ี �ำ รวจและเกบ็ ขอ้ มลู ของกลมุ่ นน้ั ครอบคลมุ ใน 2 ประเดน็ ใหญ่ ปลูกใจรักษ์โลก คือ สภาพของดิน และสภาพของคน สภาพของดิน กลุ่มได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการเพาะปลูก อันได้แก่ การใช้ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชประเภทสารเคมีของเกษตรกรรวมถึง ระยะเวลาในการใช้สารเคมีพร้อมๆ กับการศึกษาเรียนรู้โครงสร้างของดินและ ดำ�เนินกระบวนการตรวจวัดความอุดมสมบูรณ์ของดิน อาทิ ธาตุอาหารในดิน เน้ือดนิ สารอนิ ทรยี ใ์ นดนิ จากอาจารย์มหาวทิ ยาลยั มหาสารคามร่วมดว้ ย สภาพของคน กลมุ่ ไดท้ �ำ การศกึ ษาผลการตรวจเลอื ดของชมุ ชนและขอ้ มลู การเจ็บป่วยของคนในชุมชน จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บลบ้านแบก (รพสต.) พร้อมประสานกับนักวิจัยท่ีกำ�ลังดำ�เนินการวิจัยติดตามผลกระทบต่อ สุขภาพจากการท�ำ เกษตรพนั ธะสัญญารว่ มด้วย ซงึ่ เปน็ การหาขอ้ มลู เหลา่ นเี้ อง ทท่ี �ำ ใหก้ ลมุ่ ไดร้ จู้ กั การท�ำ งานเปน็ ทมี และ การผา่ นพ้นอุปสรรคด้วยความเข้าใจ “ในการหาข้อมูลของพวกเรามีท้ังความยากง่ายร่วมกัน ผ่านพ้นอุปสรรค ด้วยกันนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเร่ืองเวลา สถานที่ สถานการณ์ และเร่ือง สว่ นตวั มหี ลายครงั้ ทท่ี ะเลาะ มปี ญั หากนั แตก่ ส็ ามารถปรบั ความเขา้ ใจกนั ไดแ้ ละ การหาข้อมูลก็ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน แต่ไปศึกษาหาข้อมูลจากหลายท่ี เช่น มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ขอ้ มลู จากปราชญช์ าวบา้ น ขอ้ มลู งานวจิ ยั ของชาวบา้ น” เปรยี้ วกลา่ ว 156

เมอ่ื ไดข้ อ้ มลู แลว้ กลมุ่ ไดน้ �ำ ขอ้ มลู ทง้ั 2 สว่ นมาประชมุ สงั เคราะหแ์ ละสรปุ ผล ออกมาซึ่งผลก็เป็นไปตามที่กลุ่มสันนิษฐานไว้ น่ันคือ มีดินเสื่อมโทรม ความอุดม สมบูรณข์ องดนิ ต�ำ่ ซง่ึ อาจสง่ ผลตอ่ การเพาะปลกู และผลผลิตในอนาคต อนง่ึ กลมุ่ คงจะไมส่ ามารถด�ำ เนนิ กจิ กรรมไดอ้ ยา่ งคลอ่ งตวั นกั หากไมไ่ ดร้ บั ความช่วยเหลือและสนับสนุนจากอาจารย์เพ็ญศรี ที่ช่วยประสานงานขออนุญาต ผอู้ �ำ นวยการโรงเรยี น ครปู ระจ�ำ วชิ า รวมถงึ ครปู ระจ�ำ ชน้ั ใหน้ กั เรยี นในกลมุ่ สามารถ ออกไปทำ�กจิ กรรมภายนอกโรงเรียนได้ แตท่ ัง้ นี้ ความชว่ ยเหลือในการประสานงานดังกล่าวกเ็ ปน็ เพยี งระยะแรก เท่าน้ัน เพราะหลังจากได้เรียนรู้วิธีการประสานงานจากครูพ่ีเล้ียงแล้ว เยาวชนได้ มีการแบ่งบทบาทในการประสานงานด้วยตัวเอง ครูเพ็ญศรีจึงมีหน้าที่เพียงช่วย รา่ งหนงั สอื ขออนญุ าตการท�ำ กจิ กรรมใหแ้ กก่ ลมุ่ และทางกลมุ่ จะเปน็ ผเู้ ดนิ เรอ่ื งตอ่ กนั เองทง้ั การประสานงานกับชุมชนและหน่วยงานราชการ กอ่ ร่างสร้างเครอื ข่าย และขยายผลสูช่ ุมชน เมอ่ื ไดข้ อ้ มลู ทสี่ ามารถชช้ี ดั ไดถ้ งึ ผลกระทบจากสารเคมที เี่ กดิ ขนึ้ อยา่ งเปน็ รูปธรรมแล้ว ก็ถึงเวลาท่ีกลุ่มจะขยายผลข้อมูลน้ันออกสู่ภายนอกกลุ่ม โดยมีการ ขยายผล 2 ระดับ คอื ระดับเยาวชน และระดับชุมชน ระดับเยาวชน ค่ายเป็นเคร่ืองมือในการขยายผล เป็นการขยายผลข้อมูล เพอ่ื สรา้ งเครอื ขา่ ยเยาวชนแนวรว่ มใหต้ ระหนกั ถงึ ผลการใชส้ ารเคมใี นการเพาะปลกู และใหเ้ ครอื ขา่ ยเยาวชนเปน็ ผขู้ ยายผลขอ้ มลู ตอ่ อกี ทอดหนง่ึ โดยกลมุ่ ใชก้ ารจดั คา่ ย เปน็ เคร่อื งมือในการขยายผล 2 คา่ ยด้วยกัน ไดแ้ ก่ - คา่ ยเพอ่ื นบอกเพอ่ื น จดั ขน้ึ เพอ่ื บอกเลา่ ถงึ ผลการตรวจเลอื ดและการเจบ็ ปว่ ยของคนในชุมชน อันเกิดจากสารเคมีท่ีใช้ในการเพาะปลูกรวมไปถึงให้ความรู้ เรื่องมลพิษในดินและการเก็บตัวอย่างดินให้แก่เพ่ือนในโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม จำ�นวน 78 คน - คา่ ยรกั บา้ นเกดิ เปน็ การน�ำ เยาวชนทม่ี าเขา้ รว่ มลงพน้ื ทเ่ี รยี นรผู้ ลกระทบ จากการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกและเรียนรู้การเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่จริงโดย จดั ให้กบั นอ้ งระดับประถมศกึ ษาโรงเรยี นบ้านแบกซง่ึ อยู่ในพื้นที่จ�ำ นวน 100 คน “เรารแู้ ละบอกตอ่ ใหเ้ ครอื ขา่ ยไดร้ เู้ พราะเราไมใ่ ชค่ นทอี่ ยใู่ นพนื้ ทที่ ม่ี ปี ญั หา เราบอกเพ่ือนแล้วให้เพื่อนไปบอกต่อ” ศิรินญา บุญอาจ หรือ ‘เนส’ กล่าวถึง กศุ โลบายในการจัดคา่ ยของกลุม่ ระดับชุมชน เมื่อศึกษาข้อมูลได้ครบทุกด้าน ก็ถึงเวลาท่ีกลุ่มจะทำ�การ ขยายผลและคนื ขอ้ มลู ให้แกช่ มุ ชน โดยกลุ่มได้จัด ‘เวทกี ิจกรรมปลกู รกั ษ์บ้านเกิด’ เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่คนในชุมชนได้รู้และเข้าใจถึงผลกระทบจากการใช้ 157

บา้ นแบกเวลานเ้ี ปน็ ดนิ แดนแหง่ ความหวงั คะ่ ครหู วงั วา่ ชมุ ชนจะดขี น้ึ จากเดก็ ๆ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ และเติบโตอยา่ งมคี ุณภาพบนความถูกต้อง และบนทางทีด่ ี สารเคมีในการเพาะปลูก พร้อมท้ังพยายามผลักดันไปสู่การเปล่ียนแปลงรูปแบบ การเพาะปลกู โดยไมใ่ ช้สารเคมใี นอนาคต ซ่งึ การขยายผลในระดบั น้ี กลุม่ เลือกใช้ วธิ กี ารจดั เวทเี สวนาคนื ขอ้ มลู จากการศกึ ษาสชู่ มุ ชน โดยใชก้ ารสอื่ สารผา่ นละครซง่ึ ในขนั้ ตอนนน้ี อ้ งๆ ตอ้ งเรยี นรรู้ ว่ มกนั ในการท�ำ ละคร เพอ่ื สอื่ สารประเดน็ ปญั หา โดย เลอื กเนอ้ื หาทน่ี า่ สนใจแลว้ น�ำ มาสรา้ งเปน็ บทละคร ฉายภาพใหเ้ หน็ ถงึ ในอดตี ทช่ี มุ ชน มีประเพณบี ุญเบิกฟ้า เปน็ พิธีกรรมทช่ี าวบา้ นเคารพธรรมชาตแิ ลว้ น�ำ ปยุ๋ มาใสด่ ิน และหลังจากน้ัน กลุ่มได้จัดให้มีการร่วมพูดคุยหาทางออกร่วมกับคนใน ชุมชนผ่านเวทีเสวนา โดยมีผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำ�นวยการโรงเรียนบ้านแบก ตัวแทน โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพต�ำ บล เกษตรกร และตวั แทนเยาวชน ไดม้ าพูดคยุ ถงึ สถานการณ์ปัญหาในมมุ มองของแต่ละคน เรียนร้เู พื่อเตบิ โต และก้าวตอ่ ไป ผลของการจัดเสวนาคืนข้อมูลให้แก่คนในชุมชนของกลุ่มถือว่าประสบ ความส�ำ เร็จ แตไ่ ม่เตม็ ร้อย เนื่องจากเกษตรกรหลายคนยังเข้าใจเป้าหมายในการ ทำ�โครงการของกลุ่มผิดไป คือ ไม่เข้าใจว่าเด็กต้องการเก็บข้อมูลไปใช้ในการ วิเคราะห์เพื่อช่วยแก้ปัญหาดินเสื่อมโทรมและแก้ปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน และแม้กลุ่มจะพยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ แต่แนวทางในการต่อยอด การรับรไู้ ปสกู่ ารปฏิบัติจริงนน้ั ก็ยงั ไม่เหน็ หนทาง “ชาวบา้ นบอกวา่ ถา้ ใหค้ นบา้ นแบกเลกิ เขาเลกิ ไมไ่ ดห้ รอกเพราะเขามรี ายได้ จากตรงน้ี ชาวบา้ นเขา้ ใจวา่ เราจะใหเ้ ขาเลกิ ท�ำ ไปเลย” เปรย้ี วเลา่ ถงึ ความเขา้ ใจผดิ ของชาวบ้านสว่ นใหญ่ ขณะทเี่ นสกย็ อมรับวา่ “การสรา้ งการรับรูใ้ หก้ ับคนในชมุ ชนเป็นเรอื่ งยาก และต้องใชเ้ วลานานพอสมควร” 158 ปลกู ใจรักษ์โลก

อย่างไรก็ตาม แม้สิ่งที่คาดหวังจะยังมาไม่เต็มร้อย เนื่องจากงานพัฒนา เปน็ งานทต่ี อ้ งอาศัยระยะเวลาและความอดทนอย่างสงู แตอ่ ยา่ งนอ้ ยที่สุด ณ วนั น้ี ชาวบ้านแบกส่วนใหญ่ก็ได้รับรู้ถึงผลกระทบมากมายที่เกิดจากการใช้สารเคมี ในการปลูกแคนตาลูป ซ่ึงถือเป็นจุดเริ่มต้นท่ีจะนำ�ไปสู่การเปล่ียนแปลงต่อไป ในอนาคต ท่ีเช่ือเช่นนั้น เพราะว่าวันนี้ในชุมชนได้มีคณะทำ�งานด้านการอนุรักษ์ดิน เกิดข้ึนแล้ว แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเยาวชน แต่กลุ่มเยาวชนเหล่าน้ีแหละท่ีได้ศึกษา หาความรู้มากมาย ได้ลงมือปฏิบัติงานบนพื้นที่จริง ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกัน ทำ�งานเป็นทีม และมีจิตสำ�นึกเต็มเป่ียมท่ีจะร่วมเป็นส่วนหน่ึงในการช่วยพลิกฟ้ืน ผืนดินของถิ่นเกิดให้รอดพ้นจากความเสื่อมโทรม พร้อมๆ กับช่วยชีวิตของคนใน ชมุ ชน ใหร้ อดพน้ จากสารเคมีอันตรายที่แพร่กระจายอยู่ในทกุ ลมหายใจ “บ้านแบกเวลาน้ีเป็นดินแดนแห่งความหวังค่ะ ครูหวังว่าชุมชนจะดีข้ึน จากเด็กๆ ที่ได้เรียนรู้และเติบโตอย่างมีคุณภาพบนความถูกต้องและบนทางท่ีดี” ครูเพญ็ ศรที ง้ิ ทา้ ยพลางทอดสายตาไกลออกไป ในวันน้ี แม้สารเคมีจะยังไม่หายไป แต่หมู่บ้านแบก อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม กไ็ ดก้ ลายเปน็ ดนิ แดนแหง่ ความหวงั ของใครหลายๆ คน วา่ สกั วนั หนง่ึ ความหวังที่สารเคมีจะถูกลด ละ เลิก ดินจะกลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง พร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนท่ีจะเปลี่ยนแปลงไปในทางท่ีดี ทุกอย่าง จะเกิดข้ึนอยา่ งเปน็ รปู ธรรม ด้วยฝีมือของเหล่ากล้าอ่อน...เยาวชนผู้รักษ์แผ่นดินเกิดเหล่าน้ีท่ีกำ�ลัง เตบิ โตเป็นไม้ใหญ่ อมุ้ ชชู มุ ชนในอนาคตขา้ งหนา้ สืบตอ่ ไป 159

สรุปขัน้ ตอนการทำ�งาน ท�ำ ยงั ไงดี ทจ่ี ะทำ�ใหช้ าวบา้ นเลิกใช้ สารเคมเี พราะมันทำ�ให้ดนิ เสื่อมสภาพ แถมสารเคมยี ังสะสมในร่างกายของ เกษตรกรอกี ด้วย เก็บขอ้ มูลกระบวนการปลกู แคนตาลปู ผลกระทบจากการใชส้ ารเคมี และสารตกคา้ งในดิน เรียนรู้เรอ่ื งดนิ และการตรวจ ความอุดมสมบูรณข์ องดินจาก ผเู้ ชยี่ วชาญ 160 ปลูกใจรักษ์โลก

ศกึ ษาผลการตรวจเลอื ดของคน ในชุมชน จัดคา่ ยบอกเลา่ สถานการณแ์ ละ ผลกระทบจากการใช้สารเคมแี ก่ เพื่อนในโรงเรียน หวงั บอกตอ่ สู่พอ่ แม่ คืนข้อมลู ใหค้ นในชุมชน โดยนำ�เสนอ ผา่ นละครเวที 161

สิ่งที่ได้เรยี นรู้ ธีระวุฒิ ศรมี ังคละ (แสน) “การไดเ้ ขา้ รว่ มโครงการท�ำ ใหผ้ มไดเ้ รยี นรกู้ ารท�ำ งานเปน็ ทมี ไดเ้ ปดิ ใจ รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆ ไม่จำ�กัดความคิดของเพื่อนด้วย ความคิดของตัวเองเพราะจะทำ�ให้เพ่ือนไม่กล้าที่จะพูดหรือแสดง ความคิดเหน็ ออกมา” ศริ ินญา บุญอาจ (เนส) “โครงการทำ�ให้ได้รู้ว่า ส่ิงสำ�คัญของการขับเคล่ือนงานคือตัวเอง ต้องรู้ในเรื่องต่างๆ อย่างถ่องแท้ก่อน ทั้งเร่ืองเศรษฐกิจ การทำ� การเกษตรภายใตพ้ นั ธะสญั ญากระบวนการผลติ แคนตาลปู ผลกระทบ ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แมลงศัตรูพืช วิถีการทำ�เกษตรด้ังเดิม ของชุมชน หรือการตรวจสารตกค้างในดิน เราจำ�เป็นต้องศึกษาให้ รู้จริงก่อนท่ีจะส่ือสารหรอื ไปบอกต่อแก่คนอ่ืน” ศริ ลิ กั ษณ์ สงคราม (เปรีย้ ว) “ได้เรียนรู้การทำ�งานร่วมกันเป็นทีมที่ทุกคนต้องให้ความสำ�คัญ ซึ่งกนั และกัน หว่ งใยกัน เข้าใจถึงการแสดงออกของเพอ่ื นๆ การได้ รว่ มท�ำ กจิ กรรมกนั บอ่ ยๆ ท�ำ ใหไ้ ดร้ จู้ กั ชวี ติ ของเพอ่ื นๆ ในกลมุ่ มากขน้ึ สนทิ กนั และไวว้ างใจกนั มากขน้ึ นอกจากนยี้ งั ไดเ้ รยี นรกู้ ารจดั ระบบ ระเบียบการทำ�งานของตัวเองว่างานไหนควรทำ�ก่อนและงานไหน ควรท�ำ ทีหลัง” 162 ปลกู ใจรักษ์โลก

ท่ปี รกึ ษากลมุ่ เยาวชน ครเู พ็ญศรี ใจกลา้ “อยากใหเ้ ดก็ ๆ ไดเ้ รียนรู้ และมที ักษะ การอยู่รอดในวันท่ีพวกเขาเติบโตไป ทำ�งานอยู่ในสังคม ครูอยากเห็น พัฒนาการของพวกเขาว่าจะพัฒนา ไปถงึ ไหนตลอดมาจงึ พยายามสง่ เสรมิ ศกั ยภาพแกพ่ วกเขา ใหพ้ วกเขาเรยี นรู้ ผา่ นกระบวนการแกป้ ญั หาและครเู อง ก็ได้เรยี นรไู้ ปพร้อมกบั พวกเขาด้วย” โครงการลดมลพิษฟน้ื ชีวติ ดิน โดย : กลมุ่ เยาวชนฮักนะเชยี งยนื โรงเรยี นเชียงยืนพทิ ยาคม จ.มหาสารคาม หัวหนา้ โครงการ นายธีระวุฒิ ศรมี งั คละ คณะท�ำ งานโครงการ 1. นางสาวศริ ินญา บญุ อาจ 2. นายอนชุ า ฆ้องแก้ว 3. นางสาวศริ ลิ กั ษณ์ โพธิห์ ล้า 4. นางสาวศริ ิลกั ษณ์ สงคราม 5. นายกฤษฎา นาซอน 6. นายเกยี รตพิ ล พลศิริ 7. นางสาวนสุ รยิ า พมิ พา 8. นางสาวภาวิณี แกว้ ศิลา 9. นางสาวศริ ิวรรณ ทะสา ทป่ี รกึ ษาโครงการ 1. อาจารยเ์ พญ็ ศรี ใจกลา้ โรงเรยี นเชยี งยนื พทิ ยาคม 163

164 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

11 จากนกั เกษตรกรน้อย ส่กู ารฟ้นื ฟูดนิ เพอ่ื เกษตรยง่ั ยนื โดย : กลุ่มฅนอาสา วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บรุ ี จ.สิงห์บุรี ในยคุ ทวี่ ถิ ขี องคนสว่ นใหญเ่ วยี นวา่ ยอยบู่ นพน้ื ซเี มนตเ์ ปน็ อาจณิ ‘ดนิ ’ อาจเปน็ เพยี งภาพแทนของพน้ื ทท่ี ค่ี วามเจรญิ ยงั กา้ วเขา้ ไปไมถ่ งึ ทง้ั ทแ่ี ทจ้ รงิ แลว้ ปจั จยั 4 ในการด�ำ รงชวี ติ ของคนทกุ คนบนพน้ื ซเี มนต์ ลว้ นเกดิ มาจากดนิ ดว้ ยกนั ทง้ั หมดท้งั ส้ิน เพราะดินคือทรัพยากรสำ�คัญในการปลูกพืช ที่นำ�ไปแปรรูปเป็นท้ัง อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม เปรียบได้กับแม่พระธรณี ผู้ใหช้ วี ติ แตเ่ มอื่ ยคุ สมยั ผา่ นไป ดนิ กลบั ถกู ลดสถานะเปน็ เพยี งภาพของความ ลา้ หลัง และเป็นเครื่องมือในการปลูกพืชเพื่อการพาณชิ ย์เท่านั้น สภาพการณ์ดังกล่าวเราสามารถเห็นได้จากการใช้สารเคมีอย่าง ไมบ่ นั ยะบนั ยงั เพอ่ื ใหพ้ ชื ผลดกงามปราศจากแมลง ขายไดร้ าคางาม แต่ไมอ่ าทร ตอ่ สขุ ภาพของดนิ ทถ่ี กู สารเคมที �ำ รา้ ยจนแหง้ กรอบเสอ่ื มโทรม รวมไปถงึ ปญั หา ทค่ี นรนุ่ ใหม่ในทอ้ งถน่ิ ละทง้ิ ทด่ี นิ ไปย�ำ่ เทา้ อยบู่ นพน้ื ซเี มนต์ในเมอื งหลวง ท�ำ ให้ ชุมชนขาดคนสานต่อด้านการท�ำ เกษตรและการอนุรกั ษบ์ �ำ รุงดนิ เหตกุ ารณเ์ หลา่ นที้ �ำ ใหเ้ ยาวชนกลมุ่ หนง่ึ ในพน้ื ทปี่ ลกู ขา้ วรายใหญข่ อง ประเทศ ลุกขึ้นมาทำ�กิจกรรมเพ่ือกระตุ้นเตือนถึงความสำ�คัญของดิน ว่ามี ‘คณุ ’ มากเกนิ กวา่ จะเปน็ เพยี งเครอ่ื งมอื ทางการเกษตร และอยากใหค้ นรนุ่ ใหม่ เปล่ียนทัศนคติ เห็นค่าของการทำ�งานอยู่กับดินในฐานะเกษตรกรธรรมชาติ ว่ามคี วามม่ันคงมากกวา่ การไปเปน็ มนษุ ย์เงินอยู่บนพนื้ ซเี มนต์มากนัก ขอชวนไปรจู้ กั กบั เยาวชนกลมุ่ น้ี ที่ ต.พรหมบรุ ี อ.พรหมบรุ ี จ.สงิ หบ์ รุ ี 165

เด็กทีเ่ รียนจบจากวิทยาลยั ฯ สว่ นใหญจ่ ะไป ทำ�งานโรงงาน ผมจึงมีความคิดวา่ อยากสรา้ ง ทศั นคตทิ ด่ี ใี หร้ นุ่ นอ้ งเหน็ คณุ คา่ การท�ำ อาชพี เกษตร ควบคไู่ ปกบั การเรยี นรกู้ ารฟน้ื ฟดู นิ ซง่ึ เปน็ โจทยป์ ญั หาของพ้นื ที่ ปัญหาดินเส่ือมโทรม ปลกู ใจรักษ์โลก ท่ี ‘พรหมบุร’ี ต.พรหมบรุ ี อ.พรหมบรุ ี จ.สงิ หบ์ รุ ี เปน็ พน้ื ทที่ ดี่ นิ มคี วามอดุ มสมบรู ณแ์ ละ มีแม่น้ําลพบุรีไหลผ่าน จึงทำ�ให้เหมาะแก่การทำ�เกษตรกรรมโดยเฉพาะปลูกข้าว โดย 33.72 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องประชากรทง้ั ต�ำ บลมอี าชพี เกษตรกร ซง่ึ แตเ่ ดมิ วถิ กี ารผลติ ทางการเกษตรของชุมชนจะพึ่งพิงธรรมชาติและอาศัยแรงคนเป็นหลัก แต่ในช่วง 30 ปีทผ่ี ่านมาวิถีการผลติ เปลย่ี นไปเปน็ เชงิ อตุ สาหกรรม โดยท�ำ เกษตรตลอดทั้งปี พ่ึงเทคโนโลยีและใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในการเกษตรมากข้ึนเพ่ือให้ได้ผลผลิต จ�ำ นวนมากๆ วถิ ดี งั กลา่ วท�ำ ใหด้ นิ ถกู ท�ำ ลายอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จนเสอ่ื มโทรมขาดความสมบรู ณ์ ขาดธาตุอาหาร เกษตรกรจึงต้องใช้ปุ๋ยเคมีมากข้ึนทุกปี จนดินแข็งกระด้าง ไม่มี สิ่งมีชวี ิตอาศัยอยู่ในดนิ ได้ และท�ำ ใหร้ ะบบนเิ วศโดยรวมเสยี สมดลุ ไป เหตกุ ารณด์ งั กลา่ วน้ี รวมไปถงึ สภาพแวดลอ้ มโดยรวมในพนื้ ทที่ เี่ รมิ่ ประสบ กบั ปญั หาสิ่งแวดลอ้ มถกู รกุ รานท�ำ ลาย ท�ำ ใหน้ อ้ งๆ นกั ศกึ ษาวทิ ยาลยั เกษตรและ เทคโนโลยีสงิ ห์บรุ ี ซงึ่ เปน็ ผู้ท่ศี กึ ษาเก่ยี วกับเทคโนโลยีการเกษตรโดยตรง ได้กอ่ ต้ัง ‘กลุ่มฅนอาสา’ ข้ึน โดยมีเป้าหมายในการจัดกิจกรรม 3 ด้าน คือ กิจกรรมด้าน การเกษตร กจิ กรรมจติ อาสา และกจิ กรรมดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม โดยทผี่ า่ นมากลมุ่ มกี าร รวมตวั กนั ท�ำ กจิ กรรมในชว่ งเสาร์ - อาทติ ยอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทง้ั กจิ กรรมปลกู ปา่ กจิ กรรม การเรียนร้กู ารท�ำ เกษตรยั่งยืน และกิจกรรมคา่ ยสรา้ งเยาวชนจติ อาสา จนกระท่ังถึงจุดหน่ึงท่ีกลุ่มเห็นว่า ดินซ่ึงเป็นรากฐานของความมั่นคง ทางอาหารและปจั จัย 4 และเปน็ ทม่ี าของรายได้หลักในชมุ ชน กำ�ลังประสบภาวะ เสือ่ มโทรมอย่างหนกั และคนรุ่นใหม่กไ็ ม่ใส่ใจในอาชพี เกษตรกร กอปรทง้ั ในเวลา เดียวกันก็ได้ทราบข่าวของโครงการปลูกใจ รักษ์โลก กลุ่มจึงเห็นดีเห็นงามท่ีจะ จดั ท�ำ ‘โครงการนกั เกษตรกบั การฟน้ื ฟดู นิ สคู่ วามยง่ั ยนื ทางเกษตรและสง่ิ แวดลอ้ ม’ ขน้ึ 166

“วทิ ยาลยั เราอยใู่ กลก้ บั ชมุ ชนและพนื้ ทที่ �ำ เกษตรครบั กอ่ นหนา้ นไ้ี ดม้ กี าร พาน้องๆ ลงพนื้ ท่ชี มุ ชนเพอื่ เก็บขอ้ มูล ทำ�ให้ทราบว่าขณะน้ีพ้ืนท่เี กษตรโดยเฉพาะ นาขา้ ว เกดิ ปญั หาดนิ เสอ่ื มโทรมอยา่ งรนุ แรง เนอ่ื งจากระบบการผลติ ทส่ี ง่ ผลกระทบ ตอ่ หนา้ ดนิ และคณุ ภาพดนิ ” ชลติ ตรนี ติ ย์ หรอื ‘ลติ ’ แกนน�ำ กลมุ่ ฅนอาสา เกรนิ่ ถงึ ท่ีมาของการทำ�โครงการ กอ่ นจะเลา่ ตอ่ วา่ “กบั อกี ประเดน็ ปญั หาทพ่ี บคอื เดก็ ทเี่ รยี นจบจากวทิ ยาลยั สว่ นใหญจ่ ะไป ทำ�งานโรงงาน ผมจึงมีความคิดว่าอยากสร้างทัศนคติที่ดีให้รุ่นน้องเห็นคุณค่า การทำ�อาชีพเกษตรกรรม ควบคู่ไปกับการเรียนรู้การฟื้นฟูดินซึ่งเป็นโจทย์ปัญหา ของพน้ื ท่ี โดยกระบวนการเรยี นรจู้ ะเปน็ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ระหวา่ งนกั ศกึ ษากบั ชาวบา้ น” สร้างแนวรว่ ม ปรบั ทศั นคติสูว่ ิถีเกษตรกร การท�ำ โครงการของกลมุ่ แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ นดว้ ยกนั คอื 1. ขยายแนวรว่ ม และปรบั ทศั นคตขิ องนกั ศกึ ษาใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของอาชพี เกษตรกรมากขน้ึ และ 2. สง่ เสรมิ ใหช้ าวบา้ นในชมุ ชน ต.พรหมบรุ ี หนั มาฟนื้ ฟดู นิ โดยแบง่ พนื้ ทที่ ดลองใชป้ ยุ๋ ชวี ภาพ และสารชวี ภาพควบคกู่ บั การใชส้ ารเคมใี นการท�ำ การเกษตร เพอื่ ลดปรมิ าณการใช้ ป๋ยุ เคมแี ละสารเคมตี อ่ ไปในอนาคต 167

“เราเรมิ่ จากกลมุ่ เลก็ ๆ กอ่ นแลว้ คอ่ ยขยายไปครบั เพราะเราก�ำ ลงั ท�ำ เรอื่ ง การปรบั ทศั นคตแิ ละความเชอ่ื และการทจ่ี ะใหช้ าวบา้ นหนั มาใชว้ ธิ ชี วี ภาพรว่ มกบั การใชส้ ารเคมนี น้ั เราไมอ่ าจใหเ้ กษตรกรหยดุ ใชส้ ารเคมไี ดท้ ง้ั หมด จงึ ตอ้ งท�ำ แบบ คอ่ ยเป็นค่อยไป” ลิตกลา่ วถงึ แนวทางของกลุม่ ในส่วนท่ี 1. นั้น กลุ่มเร่ิมต้นโครงการด้วยการชักชวนนักศึกษาให้เข้ามา รว่ มโครงการโดยใชว้ ธิ บี อกปากตอ่ ปาก ซง่ึ มนี กั ศกึ ษาทส่ี นใจเขา้ รว่ มโครงการทง้ั หมด 15 คน แม้จำ�นวนอาจไม่มากนัก แต่การเร่ิมต้นจากกลุ่มเล็กๆ ย่อมมีคุณภาพ มากกว่า กิจกรรมแรกของกลุ่ม เป็นการพาสมาชิกจำ�นวน 15 คนลงพื้นท่ีไปกิน- นอน-เรยี นร-ู้ ลงมอื ท�ำ เกษตรในพน้ื ทร่ี ว่ มกบั ชาวบา้ นท่ี ต.หนองมะโมง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อสร้างความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ เกษตรให้แก่สมาชิก โดยการลงพ้ืนที่ในครั้งน้ี ได้มีกระบวนการกลุ่มให้สมาชิก แตล่ ะคนไดพ้ ดู คยุ และสะทอ้ นทศั นคตติ อ่ การท�ำ อาชพี เกษตร ซง่ึ หลกั ใหญใ่ จความนน้ั อยทู่ ว่ี า่ ‘อาชพี เกษตรกรเปน็ อาชพี ทต่ี อ้ งใชแ้ รงงานเหนอ่ื ย’ ท�ำ ใหบ้ างคนไมเ่ หน็ คณุ คา่ ของการทำ�เกษตร แต่เมื่อได้ลงไปคลุกคลีอยู่กับเกษตรกรตัวจริง ได้เรียนรู้และลงมือทำ� ก็ทำ�ให้สมาชิกหลายคนเกิดทัศนคติท่ีดีข้ึนต่ออาชีพเกษตรกร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สมบุญ เว้ยยือกู่ หรอื ‘บุญ’ สมาชิกทสี่ นใจเขา้ มาร่วมในโครงการ “อยากรู้อยากลองในสิ่งที่ตนเองกำ�ลังเรียนอยู่ อีกอย่างทางบ้านมีอาชีพ การเกษตร แต่เปน็ การใชส้ ารเคมี จงึ อยากศกึ ษาเพือ่ น�ำ ไปปรับปรงุ การท�ำ เกษตร ท่ีบ้านของตนเองครบั ” บุญกล่าวดว้ ยรอยยม้ิ อย่างไรก็ตาม การหว่านพืชนั้นไม่สามารถคาดหวังผลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันใด การสร้างแนวร่วมเพื่อการพัฒนาก็เป็นฉันนั้น โดยหลังกลับมายังวิทยาลัย แนวร่วมที่สนใจต่างก็ไปชักชวนเพื่อนๆ ของตนให้มาเข้าร่วมโครงการ ในขณะท่ี คนทไ่ี ม่สนใจกห็ ายไปอยา่ งไร้ร่องรอย แตน่ ัน่ ก็ไม่ได้ทำ�ใหก้ ลมุ่ เกดิ ท้อแท้ ยังมีการ จัดกิจรรมกลุ่มเพ่ือพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเป็นระยะ พร้อมสร้างความเข้าใจให้แก่ สมาชกิ ทง้ั ใหมเ่ กา่ ดว้ ยสอ่ื สารคดกี ารท�ำ เกษตรและสง่ิ แวดลอ้ ม เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจ ใหส้ มาชกิ เหน็ ผลกระทบของการท�ำ เกษตรโดยใชส้ ารเคมี ซง่ึ ผลกระทบไมไ่ ดเ้ กดิ กบั ดนิ อยา่ งเดยี ว แตย่ งั สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ เศรษฐกจิ สง่ิ แวดลอ้ ม และสงั คมอกี ดว้ ย “ฉะนั้นการทำ�เกษตรท่ีดี เราควรคำ�นึงถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วย” ลิตกล่าวถงึ ปณิธานท่ีตอ้ งการส่งมอบให้แก่สมาชิกของโครงการทกุ คน 168 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

..มีความคดิ ตอ่ อาชีพเกษตรกรท่ดี ขี น้ึ รู้สกึ มคี วามมนั่ ใจท่จี ะท�ำ อาชีพนี้ เพราะได้เห็น คนที่ประสบความสำ�เรจ็ และไดม้ าพบปะ พดู คุยกบั เพ่ือน เรยี นรู้ (สิ่งมี) ชีวิต สกู่ ารทำ�เกษตรย่งั ยืน หลังจากปรับทัศนคติเป็นผลสำ�เร็จแล้ว กิจกรรมต่อไปก็คือการลงลึกถึง วิธีการทำ�เกษตรอย่างยั่งยืนโดยไม่ใช้สารเคมี เพราะความสมบูรณ์ของดินเกิดได้ จากความหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ ในดนิ ไมว่ า่ จะเปน็ จลุ นิ ทรยี ์ ไสเ้ ดอื น หรอื แมลง ปีกแข็ง ท่ีอาศัยอยู่ในดินจะช่วยให้โครงสร้างของดินดีข้ึน เม่ือโครงสร้างของดินดี นํ้าและอากาศกเ็ คล่อื นผา่ นดนิ ไดด้ ี พชื ก็สามารถนำ�ไปใชไ้ ดด้ ี นอกจากนสี้ ง่ิ มีชวี ติ ในดินยังช่วยควบคุมโรคพืชได้อีกด้วย โดยวิถีเกษตรเมื่อก่อนนั้นเกษตรกรจะใช้ 169

ปยุ๋ คอก ปยุ๋ หมกั หรอื ปยุ๋ พชื สด เพอ่ื เพม่ิ อนิ ทรยี วตั ถใุ นดนิ ซง่ึ อนิ ทรยี วตั ถมุ ปี ระโยชน์ ปลูกใจรักษ์โลก และมีบทบาทสำ�คัญในการเพ่ิมกิจกรรมของส่ิงมีชีวิตในดิน แต่ปัจจุบันการทำ� เกษตรกรรมใชส้ ารเคมีจ�ำ นวนมาก จึงมผี ลกระทบทำ�ให้ส่ิงมีชวี ติ ไมส่ ามารถอาศยั อยู่ในดนิ ได้ สง่ ผลใหด้ นิ แขง็ กระดา้ ง เส่อื มโทรม และขาดธาตอุ าหาร “การศกึ ษาสง่ิ มชี วี ติ ในดนิ เปน็ เรอ่ื งทผ่ี มถนดั และเคยเรยี นรมู้ าบา้ ง จงึ อยาก ถา่ ยทอดเรอื่ งนใี้ หแ้ กน่ อ้ งๆ เพราะเหน็ วา่ เปน็ เรอ่ื งทสี่ �ำ คญั ” ลติ เลา่ ถงึ ทม่ี าทไ่ี ปของ กจิ กรรมพานอ้ งๆ ศกึ ษาสง่ิ มชี วี ติ ในดนิ บรเิ วณวทิ ยาลยั กอ่ นพาไปศกึ ษาเปรยี บเทยี บ กบั สวนพฤกษศาสตรภ์ าคกลาง (พแุ ค) จ.สระบรุ ี และไปจบท่กี ารลงพื้นท่จี ริงของ ปราชญด์ า้ นเกษตร เพอื่ ให้สมาชกิ ไดเ้ ห็นวิถเี กษตรอนิ ทรีย์แบบทำ�จรงิ เห็นผลจริง โดยกลุ่มได้ลงพื้นท่ีไปขอความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับการทำ�เกษตรยั่งยืน ณ ศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านทฤษฎีใหม่ ของคุณธนพล ศรีใส บุคคลต้นแบบและ ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง จ.สิงห์บุรี ซ่ึง แต่ก่อนคุณธนพลเองก็เคยประสบปัญหาหนี้สิน ล้มเหลวจากการประกอบอาชีพ เกษตร จึงได้ปรับเปลี่ยนมาทำ�เกษตรทฤษฎีใหม่โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง โดยพ่ึงพาธรรมชาติ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ผลิตปุ๋ยพืชสดและฮอร์โมนใช้เอง ซ่ึงการลงพ้ืนที่ศึกษาดูงานน้ีได้ให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจแก่สมาชิกกลุ่ม เป็นอย่างมาก ดงั ทบี่ ญุ ได้กล่าวไว้ว่า “ตนเองมีความคิดต่ออาชีพเกษตรกรที่ดีขึ้น รู้สึกมีความม่ันใจที่จะทำ� อาชีพน้ี เพราะได้เห็นคนที่ประสบความสำ�เร็จ และได้มาพบปะพูดคุยกับเพื่อน สงิ่ หน่งึ ท่ีรสู้ ึกประทบั ใจมากๆ คือไดเ้ รียนรวู้ ิถีทธ่ี รรมชาติชว่ ยธรรมชาติ เชน่ แมลง ทีม่ ีประโยชนก์ �ำ จดั แมลงทีเ่ ปน็ ศัตรไู ด้ รวมไปถึงการใช้จลุ นิ ทรยี ฟ์ ้นื ฟูดิน” อปุ สรรค คอื แรงผลกั ให้กา้ วต่อไป การจัดทำ�โครงการในครั้งนี้ของกลุ่มฅนอาสา ถือว่าประสบความสำ�เร็จ ในสว่ นหนง่ึ นน่ั คอื การทแี่ กนน�ำ อยา่ งลติ น�ำ เอาความรแู้ ละทกั ษะทเ่ี รยี นมา ทงั้ การ ท�ำ เกษตรกรรม การตรวจวดั คณุ ภาพดนิ หรอื การปรบั ปรงุ ดนิ มาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการ ชกั ชวนนอ้ งๆ มาเขา้ รว่ มกจิ กรรมในรปู แบบเปดิ การเรยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี น ซง่ึ มขี น้ั ตอน การทำ�งานท่ีชัดเจน ต้ังแต่กระบวนการทำ�ความเข้าใจกับน้องๆ พาลงพ้ืนท่ีเรียนรู้ ปญั หาและแลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กบั เกษตรกรเพอ่ื ปรบั เปลย่ี นทศั นคติ พรอ้ มทง้ั ใชโ้ อกาสน้เี กบ็ ข้อมูลการท�ำ เกษตรกรรมของชมุ ชนไปในตวั ซง่ึ ท�ำ ให้นอ้ งๆ สมาชิก ไดค้ วามรู้ เกดิ การปรบั เปลย่ี นทศั นคตติ อ่ อาชพี เกษตรกรไปในทางทด่ี ขี น้ึ และพรอ้ ม จะกา้ วข้นึ มาเปน็ แกนนำ�ในการทำ�งานดา้ นเกษตรและฟน้ื ฟูดินตอ่ ไปในอนาคต “เมื่อก่อนเป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยครับ ทั้งเร่ืองการทำ�เกษตรหรือ สิง่ แวดล้อม” ปอ๋ หนึง่ ในสมาชกิ กลมุ่ เลา่ ถงึ พฒั นาการที่เกิดขึ้นกบั ตัวเอง “แต่เมื่อ 170

งานพฒั นาต้องใชเ้ วลาและใช้พลังใจสงู สำ�หรบั คนท�ำ งาน ไดเ้ ขา้ มารว่ มกจิ กรรมกบั พชี่ ลติ กท็ �ำ ใหเ้ ราไดค้ วามรจู้ ากการทดลองท�ำ คดิ วา่ จะน�ำ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรไู้ ปทดลองในแปลงนาของตนเอง และอยากขยายผลใหค้ นอน่ื ตอ่ ครบั ” อยา่ งไรกต็ าม ดว้ ยความท่ี ณ ขณะท�ำ โครงการนน้ั ในกลมุ่ มลี ติ เปน็ แกนน�ำ ท่ีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่เพียงคนเดียว ทำ�ให้การขยายผลในส่วนที่ 2. น่ันคือการ ส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชนตำ�บลพรหมบุรีหันมาฟื้นฟูดิน โดยใช้ปุ๋ยชีวภาพและ สารชวี ภาพรว่ มกับการใช้สารเคมใี นการท�ำ การเกษตร ไม่สำ�เร็จตามเปา้ ทีต่ ง้ั ไว้ “จากการลงพื้นทผี่ มรู้ตวั เลยวา่ ยังขาดทักษะการพูดให้เขา้ ใจ ไหนจะเรือ่ ง ที่เราไม่มีข้อมูล ไม่รู้พ้ืนท่ี ก็ทำ�ให้มีปัญหาในการสื่อสาร” ลิตวิเคราะห์ถึงจุดอ่อน ของตัวเอง ก่อนวิเคราะห์การทำ�งานทผี่ ่านมาตอ่ ว่า “เดก็ ทม่ี าเขา้ รว่ มกจิ กรรมไมใ่ ชแ่ กนน�ำ ครบั สง่ิ ทโ่ี ครงการเนน้ คอื ใหน้ กั ศกึ ษา หันมาสนใจท�ำ อาชีพเกษตรกรมากขนึ้ เรยี นร้เู รือ่ งดิน สง่ิ มชี ีวติ ในดนิ ซ่งึ เปน็ เพยี ง จุดเร่ิมต้น แต่ในกระบวนการทำ�งานก็พยายามพัฒนาให้น้องๆ ยกระดับตัวเอง ขนึ้ มาเปน็ แกนนำ�ในการทำ�งานเหมือนกนั ซงึ่ เอาจรงิ ๆ แล้วงานพัฒนาตอ้ งใช้เวลา และใชพ้ ลงั ใจสูงส�ำ หรับคนท�ำ งาน” การลงพ้ืนที่เก็บข้อมูลคุณภาพดินไปพร้อมๆ กับการชักชวนให้เกษตรกร ในพน้ื ทเ่ี ขา้ มารว่ มกบั โครงการของกลมุ่ แมจ้ ะไมส่ ามารถชกั ชวนใหเ้ กษตรกรเขา้ รว่ ม โครงการ เพอื่ รว่ มเรยี นรกู้ บั กลมุ่ ในการปรบั เปลยี่ นจากการท�ำ เกษตรแบบเคมมี าใช้ วิธผี สมผสานมากขน้ึ ได้ เนือ่ งจากเกษตรกรส่วนใหญไ่ ม่มเี วลา แต่อย่างน้อยการลงพื้นท่ี ก็ได้ทำ�ให้กลุ่มเกิดการเรียนรู้วิธีการสร้าง ความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนมากขน้ึ และมากกวา่ นน้ั กลมุ่ ยงั ไดส้ รา้ งการรบั รถู้ งึ ผลกระทบ ที่เกดิ จากสารเคมใี ห้แกเ่ กษตรกรจ�ำ นวน 5 รายในชมุ ชน ต.พรหมบุรี ทแ่ี มจ้ ะไม่ได้ เข้าร่วมโครงการ แต่ก็มีการฟื้นฟูดินในระยะต้นข้ึนเอง โดยเริ่มใช้ปุ๋ยชีวภาพและ สารชวี ภาพรว่ มกบั การใชส้ ารเคมใี นการท�ำ การเกษตร เพอื่ ลดปรมิ าณการใชป้ ยุ๋ เคมี และสารเคมีซง่ึ ถอื เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ทน่ี า่ จะน�ำ ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลงทย่ี างใหญไ่ ดใ้ นอนาคต แม้จะไม่สามารถขยายผลแนวร่วมที่เป็นชุมชน และสร้างกระบวนการ ลงมอื ปรบั เปลยี่ นวถิ กี ารเกษตรเพอ่ื ฟน้ื ฟดู นิ ได้ แตอ่ ยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ การท�ำ โครงการนี้ ในครง้ั นี้ กไ็ ดส้ รา้ งและพฒั นาศกั ยภาพของเยาวชนกลมุ่ หนง่ึ ขน้ึ มา เปน็ กลมุ่ เยาวชน ท่ีเปี่ยมด้วยจิตสำ�นึก มีทักษะและความรู้ และพร้อมจะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำ�การ เปลยี่ นแปลงดา้ นวถิ เี กษตรชมุ ชนและการฟน้ื ฟดู นิ ในอนาคตสบื ตอ่ ไปอยา่ งแนน่ อน 171

สรปุ ข้นั ตอนการทำ�งาน ดินเสอื่ ม ขาดความสมบูรณ์ เนือ่ งจากการใชส้ ารเคมี และอยาก สรา้ งทศั นคติให้นกั ศึกษาเห็น คณุ ค่าของอาชีพเกษตรกรรม ชวนเกษตรกรฟน้ื ฟดู นิ โดยใชป้ ยุ๋ ชวี ภาพ และสารชวี ภาพ 172 ปลูกใจรกั ษ์โลก

ศึกษาดงู านการท�ำ เกษตรอินทรยี ์ 173

สิง่ ท่ีได้เรยี นรู้ ชลิต ตรีนิตย์ (ลิต) หัวหน้าโครงการ ปวส. ชัน้ ปีท่ี 2 สาขาเกษตรศาสตร์ “การได้ทำ�โครงการน้ีทำ�ให้มีความรู้เร่ืองการตรวจดินมากข้ึน จากตอนเรียนก็พอรู้บ้างนิดหน่อย แต่พอได้มาเรียนรู้กับเพื่อนๆ ในค่ายก็พบว่าเราสามารถตรวจสารเคมีในดินได้ ได้เรียนร้เู ทคนิค การทำ�เกษตรกรรมจากปราชญ์ชาวบ้าน กับอีกสิ่งท่ีผมได้พัฒนา ทักษะมากขึ้นคือ วิธีการพูดเพื่อสร้างความน่าสนใจ ทั้งส�ำ หรับเด็ก และการลงชุมชน” สมบุญ เวย้ ยอื กู่ (บุญ) ปวช. ชน้ั ปีที่ 2 สาขาเกษตรศาสตร์ “ก่อนเข้าโครงการไม่ค่อยกล้าทำ�อะไรต่อหน้าคนเยอะๆ ขาจะส่ัน พูดไม่เก่งเพราะเรียบเรียงหัวข้อท่ีจะพูดไม่ถูก ไม่รู้จะเร่ิมตรงไหน รวมถึงแม้จะเรียนทางด้านเกษตรแต่ก็ไม่คิดท่ีจะทำ�อาชีพเกษตร แตพ่ อไดม้ ารว่ มโครงการกเ็ รม่ิ สนใจอยากท�ำ เกษตร ไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั เกษตรกรรมและการฟ้ืนฟูดนิ มากขน้ึ และทีส่ ำ�คัญคือ มีความม่ันใจ มากขน้ึ กลา้ พดู ตอ่ หน้าคนเยอะๆ” 174 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

โครงการนักเกษตรกบั การฟืน้ ฟูดนิ สู่ความย่งั ยนื ทางเกษตรและส่ิงแวดลอ้ ม โดย : กลุ่มฅนอาสา วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยสี ิงห์บุรี จ.สงิ ห์บรุ ี หวั หนา้ โครงการ นายชลิต ตรีนิตย์ คณะทำ�งานโครงการ 1. นายสมบญุ เวย้ ยอื กู่ 2. นายพงษส์ วสั ด์ิ แซ่มา้ 175





รอภาพป ตลอดมา วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชนในสงั คมไทยลว้ นขน้ึ ตรงกบั สายนาํ้ ไมว่ า่ จะเปน็ การใช้สายนํ้าในการอปุ โภคบรโิ ภค ท�ำ การเกษตร หรอื ใชเ้ ป็นเส้นทาง การคมนาคม แต่เมื่อยุคสมัยเปล่ียนไป จากที่เคยพ่ึงพาอาศัยสายน้ําในการ ด�ำ เนนิ ชวี ติ เทคโนโลยแี ละวถิ ขี องสงั คมเมอื งทเ่ี ตบิ โตขน้ึ ไดท้ �ำ ใหค้ นเหน็ คณุ คา่ ความส�ำ คญั ของสายนา้ํ นอ้ ยลง และท�ำ ลายสายนา้ํ โดยรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณม์ ากขน้ึ ท้ังการทิ้งขยะปฏิกูล หรือปล่อยน้ําเสียจากครัวเรือน ภาคการเกษตร และ อตุ สาหกรรม ลงสสู่ ายนา้ํ โดยไมม่ กี ารบ�ำ บดั ทด่ี พี อ ตา่ งๆ เหลา่ นไ้ี ดท้ �ำ ใหส้ ายนา้ํ ทเ่ี คยสดใส กลบั หมน่ คล�ำ้ ด�ำ แหง้ ลง หลายๆ พน้ื ทส่ี ายนา้ํ เสอ่ื มโทรมจนไมส่ ามารถ ใชป้ ระโยชน์ใดๆ ได้อกี อย่างไรก็ตาม เป็นข่าวดีที่ยังมีหลายๆ ชุมชนลุกขึ้นมาบูรณะจัดการ สายนา้ํ ในชมุ ชนของตนเอง ดว้ ยการจดั การอยา่ งเชอื่ มโยงเปน็ ระบบ ทง้ั ตน้ นาํ้ 178 ปลูกใจรักษ์โลก

ประกอบ ภาพโดย ชนินทร์ หิรัญรตั นไชย กลางน้ํา และปลายน้ํา และเป็นข่าวดียิ่งกว่า ที่กลุ่มเยาวชนจาก 3 พ้ืนที่ ทต่ี ระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั ของสายนา้ํ ลกุ ขน้ึ มารว่ มกบั ผใู้ หญใ่ นชมุ ชน เฝา้ ระวงั และรักษาแหล่งน้ําอย่างเข้มแข็ง ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการตรวจวัด คุณภาพนํ้า เพื่อให้รู้ปัญหาและสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง สร้างเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้เข้าใจและเป็นแนวร่วมเฝ้าระวังคุณภาพน้ําในชุมชน พร้อมทั้ง ขับเคลื่อนงานประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้คนในชุมชนเข้ามาเป็นแนวร่วม ในการอนรุ กั ษส์ ายนา้ํ รว่ มกนั เพอ่ื น�ำ ไปสกู่ ารเปลย่ี นพฤตกิ รรมของคนในพน้ื ท่ี ใช้น้าํ ให้หนั กลบั มาฟน้ื ฟสู ายนํา้ และใช้ประโยชน์อยา่ งถกู วธิ ี เพอ่ื ใหส้ ายนา้ํ กลบั มาสดใสและอยคู่ กู่ บั วถิ ชี มุ ชนตลอดไป พรอ้ มๆ กบั หัวใจการท�ำ งานเพ่อื ส่วนรวมของเยาวชนทค่ี ่อย ๆ เตบิ โตเชน่ กัน 179

180 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

12 นกั สบื สายนํ้า เฝ้าระวัง ‘แมน่ า้ํ ป่าสกั ’ โดย : กลุม่ เยาวชนรกั ษ์ป่าสัก โรงเรียนสวนกุหลาบวทิ ยาลัย จ.สระบรุ ี ‘นาํ้ ’ เปรยี บไดก้ ับเส้นเลอื ดใหญท่ ่หี ลอ่ เล้ียงชีวิตของมนษุ ย์ ใหม้ นษุ ย์ ได้ใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งหลากหลาย ทง้ั อปุ โภคบริโภคในครวั เรอื น ใช้ในการเกษตร และสายน้ําเองก็เปน็ แหลง่ อาหารอนั อุดมสมบูรณต์ ลอดมา แต่บางครั้งมนุษย์ก็ใช้ประโยชน์จากสายน้ําในทางท่ีผิด โดยเฉพาะ การเหน็ สายนา้ํ เปน็ ถงั ขยะใบเขอ่ื งทจ่ี ะทง้ิ อะไรลงไปก็ได้ ไมว่ า่ จะเปน็ ขยะชน้ิ ใหญน่ อ้ ย หรือนาํ้ เสยี จากการเกษตรและอตุ สาหกรรม ด้วยทัศนคติเช่นนี้เอง ท่ีทำ�ให้ปัจจุบันลำ�นํ้าหลายสายในหลายพ้ืนท่ี กำ�ลังประสบปัญหาคุณภาพน้ําลดลง ซึ่งหน่ึงในน้ันคือแม่น้ําที่หลายคนรู้จัก กนั ดีในชื่อ ‘แมน่ ํา้ ปา่ สัก’ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นโชคดีของแม่นํ้าป่าสักที่มีเยาวชนกลุ่มหนึ่ง สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของแม่นํ้า ก่อนจะรวมกลุ่มกันทำ�หน้าท่ีพิทักษ์ รักษาแม่นํ้าสายนี้เอาไว้ด้วยความรักในทรัพยากรพื้นถ่ินของตนเอง เพ่ือให้ แม่นํา้ อยคู่ กู่ บั ชุมชนตลอดไป 181

ขบวนอนรุ กั ษ์ เรม่ิ ตน้ จากจดุ เล็กๆ แม่นํ้าป่าสักเป็นแม่น้ําสายสำ�คัญของภาคกลาง และเป็นลำ�น้ําเพียง สายเดียวที่หล่อเล้ียงชีวิตของชาว จ.สระบุรี ทำ�ให้ชุมชนได้อาศัยนํ้าในการทำ� เกษตรกรรม อปุ โภคบรโิ ภค อตุ สาหกรรม และอน่ื ๆ อยา่ งหลากหลาย ซงึ่ ชาวสระบรุ ี กค็ งจะใชป้ ระโยชนจ์ ากแมน่ า้ํ เรอื่ ยไปโดยไมเ่ ฉลยี วใจวา่ แมน่ า้ํ ก�ำ ลงั ประสบปญั หา ถ้าเมื่อกลางปี พ.ศ. 2547 เด็กนักเรียน 2 คนที่อาศัยอยู่ริมน้ําไม่เกิดความสงสัย และเข้ามาถามอาจารยอ์ ารมณ์ เบสูงเนิน ว่า “ทำ�ไมปลาในแม่นํ้าถึงตาย?” นนั่ เองคอื จดุ เรม่ิ ตน้ ของการกอ่ ตงั้ ‘กลมุ่ เยาวชนรกั ษป์ า่ สกั ’ โดยมสี มาชกิ ตงั้ ตน้ เปน็ นกั เรยี น 4 คนทร่ี ว่ มมอื กนั ท�ำ กจิ กรรมเฝา้ ระวงั คณุ ภาพแมน่ า้ํ ปา่ สกั และ ตอ่ เนอื่ งเร่ือยมาจนถึงปี พ.ศ. 2556 รวมเวลากวา่ 9 ปี พน้ื ทท่ี ก่ี ลมุ่ เยาวชนรกั ษ์ป่าสกั เฝา้ ระวงั และตรวจวดั คณุ ภาพน้ํา ในปีแรก (พ.ศ. 2547) คือบริเวณชุมชนในเขต อ.เมือง จ.สระบรุ ี กอ่ นจะค่อยๆ ขยายไปยัง พ้ืนท่ีการเกษตรและพ้ืนท่ีอุตสาหกรรมตามลำ�ดับ ซ่ึงเป็นแผนงานท่ีถูกวางไว้มา ตัง้ แตส่ มัยรุ่นพยี่ งั เป็นแกนนำ� จนปัจจุบัน พื้นท่ีเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพน้ําของกลุ่ม ครอบคลุม ระยะทางของแม่นํา้ ป่าสกั กวา่ 102 กิโลเมตร นับจากเขอ่ื นป่าสักชลสทิ ธ์ิ จ.ลพบรุ ี ถึงท่านํ้าวัดพะเยาว์ อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี โดยกำ�หนดจุดตรวจวัดคุณภาพนํ้า ออกเป็น 4 สถานี คอื 1. พื้นทตี่ น้ นาํ้ : เขือ่ นป่าสักชลสิทธ์ิ 2. พ้ืนที่ทำ�การเกษตร : องค์การบริหารส่วนตำ�บลท่าคล้อ (จากเข่ือน ป่าสักชลสิทธ์ถิ งึ องคก์ ารบริหารสว่ นตำ�บลท่าคล้อ อ.แก่งคอย) 3. พ้ืนทอี่ ุตสาหกรรม : วดั ทา่ พง (จาก อ.แกง่ คอย ถึง อ.เมอื งสระบุร)ี 4. พื้นท่ชี ุมชนเมือง วัดพะเยาว์ (จาก อ.เมืองสระบรุ ี ถงึ อ.เสาไห)้ ในช่วงเดือนมิถุนายนมักจะเกิดนํ้าเสีย เนื่องจากเป็นหน้าฝน นํ้าจะชะสารเคมีพวก ไนเทรตและฟอสเฟตจากแปลงเกษตรลงสู่ แหล่งน้ําท�ำ ให้ปลาตาย 182 ปลูกใจรักษ์โลก

สบื ทอดจากทุนเดมิ สร้างเสริมคนทำ�งาน การเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพน้ํานับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2547 ของกลุ่ม เยาวชนรักษ์ป่าสักดำ�เนินการอย่างต่อเนื่องผ่านรุ่นสู่รุ่น โดยกลุ่มได้ดำ�เนินงาน เฝา้ ระวงั และตรวจวดั คณุ ภาพนา้ํ ของแมน่ า้ํ ปา่ สกั ในพน้ื ที่ จ.สระบรุ ี อยา่ งเปน็ ระบบ โดยจะลงพ้ืนท่ตี รวจวดั คณุ ภาพนํ้าทุกๆ 15 วนั ใน 3 ดา้ น คือ - ด้านเคมี ตรวจวัดระดบั ไนเทรต ฟอสเฟต คา่ ออกซิเจนละลายในน้ํา (DO : Disolved Oxygen) และค่า pH - ด้านชวี ภาพ ตรวจวดั สิง่ มชี วี ิตในนา้ํ - ดา้ นกายภาพ ตรวจวดั สี อณุ หภมู ิ และตะกอนในนํ้า เม่ือได้ข้อมูลทั้ง 3 ด้านมาแล้ว กลุ่มจะนำ�ข้อมูลมาวิเคราะห์คุณภาพน้ํา และเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานนํ้าทิ้ง จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเน่ืองกว่า 9 ปี ทำ�ให้กลุ่มรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการท่ีน้ําเสียและปลาตาย ว่าเกิดจากการสร้าง นา้ํ เสยี จากกจิ วตั รประจ�ำ วนั ในครวั เรอื น เชน่ นา้ํ ทงิ้ จากการสระผมและลา้ งจาน ฯลฯ มาเปน็ อนั ดบั หนง่ึ รองลงไป คอื สารเคมจี ากการเกษตรทไ่ี หลลงสแู่ มน่ า้ํ ทง้ั ตง้ั ใจและ ไม่ตง้ั ใจ และการปล่อยนาํ้ เสยี จากพื้นทอี่ ุตสาหกรรม 183

นอกจากนี้ ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ ยังทำ�ให้กลุ่มสามารถวิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงของแม่นํ้าป่าสักได้ รวมถึงสามารถพยากรณ์ถึงช่วงเวลาท่ีจะเกิด นํ้าเสียไดอ้ ีกด้วย “ในช่วงเดือนมิถุนายนมักจะเกิดน้ําเสียเนื่องจากเป็นหน้าฝน น้ําจะชะ สารเคมีพวกไนเทรตและฟอสเฟตจากแปลงเกษตรลงสู่แหล่งน้ําทำ�ให้ปลาตาย ซง่ึ เคยเตอื นชาวบา้ นทเ่ี ลย้ี งปลากระชงั แลว้ วา่ ใหเ้ กบ็ ปลาขน้ึ ในชว่ งเดอื นน้ี แตบ่ างคน กไ็ ม่เชือ่ เมอ่ื ถงึ เวลากเ็ กิดปลาตายจริงๆ” อาจารยอ์ ารมณ์ยกตัวอยา่ ง กิจกรรมการเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพน้ํานี้ นอกจากจะทำ�ให้กลุ่ม ได้รู้ถึงสภาพปัญหาแล้ว ยังถือเป็นการสร้างจิตสำ�นึกให้แก่สมาชิกในกลุ่มได้ เปน็ อยา่ งดี ท�ำ ใหน้ อ้ งๆ สมาชกิ หลายคนไดต้ ระหนกั และเปลย่ี นทศั นคตทิ ม่ี ตี อ่ แมน่ า้ํ และยังทำ�ให้สมาชิกได้รู้จักภูมินิเวศของจังหวัดสระบุรี เศรษฐกิจ และการ ประกอบอาชีพไปด้วยในตัว จากคุณค่าน้ี กลุ่มจึงได้ขยายผลความรู้ท่ีได้ออกสู่ วงกวา้ ง ดว้ ยการขบั เคลอื่ นงานภายใต้การหนนุ เสริมของโครงการปลูกใจรกั ษ์โลก ในเวลาต่อมา 184 ปลูกใจรักษ์โลก

เราตอ้ งจดั สรรเวลาให้ดีข้นึ ในชั่วโมงเรียนก็ ตง้ั ใจเรยี นมากขน้ึ กอ่ นงานคา่ ยจะรบี ท�ำ การบา้ น ให้เสร็จภายในคืนนั้น บางทีทำ�การบ้านถึง ตี 2 กลบั จากคา่ ยกต็ อ้ งมาอา่ นหนงั สอื ทบทวน บทเรียน ต่อยอดความรู้ ร่วมกอบกสู้ ายนํา้ ด้วยเล็งเห็นถึงความสำ�คัญของการขยายองค์ความรู้และสร้างเครือข่าย ความร่วมมือในวงกว้าง กลุ่มจึงได้จัดทำ�โครงการในชื่อเดียวกับกลุ่มว่า ‘โครงการ เยาวชนรักษ์ป่าสัก’ และเข้าร่วมกับโครงการปลูกใจรักษ์โลก เพ่อื ขยายองค์ความรู้ เรื่องการตรวจวัดคุณภาพน้ําสู่เยาวชนและชุมชนในพ้ืนท่ี โดยมุ่งสร้างให้เยาวชน คนรุ่นใหม่มีจิตสำ�นึกอนุรักษ์และมีทักษะกระบวนการติดตามคุณภาพนํ้า สร้าง เครือข่ายเฝ้าระวังคุณภาพนํ้าท้ังกับเยาวชนในโรงเรียนและโรงเรียนเครือข่าย ให้เยาวชนเครือข่ายเป็นผู้ไปถ่ายทอดและชักชวนผู้ปกครองในครัวเรือนให้ลดการ ใช้สารที่ก่อให้เกิดมลภาวะ ใช้สารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกิดเป็นครัวเรือน ต้นแบบในการอนุรกั ษน์ ํ้า ซึ่งท้งั หมดนถ้ี ูกดำ�เนนิ ผ่านหลายๆ กจิ กรรม อาทิ กิจกรรมการเฝ้าระวังและตรวจวัดคุณภาพน้ํา ซ่ึงเป็นกิจกรรมหลัก และ มีการดำ�เนนิ งานอย่างต่อเนอ่ื งตลอดมา กิจกรรมการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ ด้วยตระหนักว่าการแก้ไขคุณภาพน้ํา ต้องเร่ิมต้นจากตัวของเราเอง ทำ�ให้กลุ่มมีการศึกษาหาวิธีแก้ปัญหาน้ําเสียจาก หลากหลายช่องทาง ทั้งจากแหล่งวิทยาการและปราชญ์ชาวบ้าน ก่อนจะมีการ หารอื และสรปุ แนวคดิ รว่ มกนั วา่ ตอ้ งจดั ท�ำ แหลง่ เรยี นรขู้ องชมุ ชนขนึ้ จนน�ำ มาสกู่ าร จัดตั้ง ‘แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำ�ริ’ ข้ึนภายในโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย สระบุรี เพื่อทดลองแก้ปัญหานํ้าเสียในพื้นท่ีโรงเรียน อันนำ� ไปสู่ความรู้ต้นแบบในการแก้ปัญหาน้ํา และใช้เป็นฐานการเรียนรู้ของเยาวชนใน โรงเรยี นและชมุ ชน ผา่ นฐานกจิ กรรมมากมาย เช่น ฐานพ่ึงพาตนเอง, ฐานนํา้ หมกั จุลินทรยี ช์ ีวภาพชนิดนํา้ และชนดิ ก้อน สำ�หรบั ใชแ้ กป้ ญั หานาํ้ เน่าเสยี , ฐานความรู้ ดา้ นคณุ ภาพนาํ้ , ฐานความหลากหลายทางชวี ภาพ รวมไปถงึ ฐานนาํ้ หมกั ธรรมชาติ 185

ทเี่ ปน็ การท�ำ นา้ํ ยาอเนกประสงคแ์ ละสบู่ เพอื่ ชว่ ยแกป้ ญั หาการปลอ่ ยฟอสเฟตและ ปลูกใจรักษ์โลก ไนเทรตจากการอาบนํ้าและล้างจานในครัวเรอื นที่อาศัยอยรู่ มิ น้าํ เปน็ ต้น นอกจากน้ี ด้วยเล็งเห็นว่าน้ําเสียเป็นปัญหาระดับจังหวัด โรงเรียนจึงได้ หนุนเสริมความรู้แก่นักเรียน โดยการบรรจุวิธีการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ําเป็น หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนเลยทีเดียว โดยให้นักเรียนเรียนรู้ผ่าน ศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง เรม่ิ จาก ม.1 เรยี นรภู้ าคทฤษฎี ม.2 เรยี นรภู้ าคทฤษฎี และปฏิบัติ ส่วน ม.3 ให้คิดทำ�โครงงานเสนอ รวมไปถึงการเผยแพร่ความรู้ของ กลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าสักให้แก่เพ่ือนๆ พ่ีๆ น้องๆ ท่ีสนใจผ่านกิจกรรมต่างๆ ใน โรงเรียน อาทิ กจิ กรรมชมุ นุมวิทยาศาสตร์ กจิ กรรมจิตอาสา เป็นตน้ กิจกรรมการสร้างแนวร่วม ดังท่ีกล่าวไปแล้วว่า การที่จะปรับเปล่ียน พฤติกรรมของคนให้เห็นความสำ�คัญของแม่น้ําและนำ�ไปสู่การร่วมกันแก้ปัญหา น้ําเน่าเสีย จำ�เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแนวร่วม ท้ังระดับเยาวชน ชุมชน และ หน่วยงานในระดบั จังหวัด ซึ่งกลมุ่ กไ็ ด้ใช้ศกั ยภาพและความร้ทู ไ่ี ด้ศึกษาเรยี นร้มู า รว่ มกบั ค�ำ แนะน�ำ ของอาจารย์ ด�ำ เนนิ งานในสว่ นนผ้ี า่ นทางกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย อาทิ - กิจกรรมอบรมให้ความรู้การตรวจวัดคุณภาพน้ําและวิธีการบำ�บัดนํ้า ใหแ้ กน่ กั เรยี นชน้ั ม.2 และ ม.3 โรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั สระบรุ ี จ�ำ นวน 120 คน ซึ่งเป็นรูปแบบการส่งต่อความรู้และพัฒนาศักยภาพจากรุ่นพ่ีแกนนำ�สู่รุ่นน้อง โดยนอ้ ง ม.2 จะได้รบั การฝกึ การสือ่ สาร ทำ�หนา้ ที่เปน็ วิทยากรฐานเรยี นรู้และเป็น พเ่ี ล้ยี งใหน้ ้อง ม.1 ขณะท่พี ่ี ม.3 จะเปน็ ผปู้ ระสานงานจดั งานคา่ ยท้ังหมด 186

เดก็ ๆ พยายามเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู คณุ ภาพนา้ํ ในแม่นํ้าป่าสัก ส่งผ่านข้อมูลให้ครูและ หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง แตก่ ็ถกู ต่อวา่ กลับมาวา่ ไม่นา่ เชื่อถอื เพราะเปน็ งานท่ีเดก็ ๆ ทำ� - กิจกรรมครัวเรือนรักษ์นํ้า เพื่อขยายองค์ความรู้สู่นักเรียนชั้น ม.3 ของ เครือข่ายชุมชนวัดท่าช้างใต้และเครือข่ายชุมชนวัดท่าวัว ให้นำ�ความรู้ไปปรับใช้ท่ี ครัวเรอื นของตวั เอง พรอ้ มไปกบั ขยายผลสู่ผู้ปกครอง - กจิ กรรมจดั อบรมใหค้ วามรกู้ ารเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนา้ํ แมน่ า้ํ ปา่ สกั สนู่ กั เรยี น แกนน�ำ ในโรงเรยี นเครอื ขา่ ย 5 โรงเรยี น อนั ไดแ้ ก่ โรงเรยี นเสาไห้ (วมิ ลวทิ ยานกุ ลู ), โรงเรยี นสธุ รี ว์ ทิ ยา, โรงเรยี นหว้ ยบง, โรงเรยี นวดั โนนสภาราม และโรงเรยี นวดั ทา่ ววั กจิ กรรมดงั กลา่ ว สมาชกิ ของกลมุ่ จะเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบทงั้ หมด โดยมกี ารแบง่ บทบาท หน้าที่และกำ�หนดผู้รับผิดชอบงานอย่างชัดเจนตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่ง ด้วยความที่เรียนและทำ�กิจกรรมร่วมกันมาอย่างต่อเน่ือง ทำ�ให้สมาชิกแต่ละคน ตา่ งสนทิ สนม รถู้ งึ ศกั ยภาพและความถนดั ของเพอ่ื นแตล่ ะคนเปน็ อยา่ งดี และเมอื่ เกดิ ปญั หา กส็ ามารถเปิดอกคยุ กนั ได้อย่างสนทิ ใจ การรวมกลุ่มท�ำ งานไม่ใช่ปัญหาส�ำ หรับกลมุ่ แตป่ ัญหาหนงึ่ ท่เี กิดขึน้ กค็ ือ การแบง่ เวลาระหว่างเรยี น-เล่น-ทำ�กจิ กรรม แต่กระนัน้ สมาชกิ สว่ นใหญก่ ็สามารถ บรหิ ารจดั การไดด้ ใี นระดบั หนง่ึ เชน่ ท่ี ธญั ชนก โสภาคดษิ ฐ์ หรอื ‘ใบตอง’ เลา่ ใหฟ้ งั วา่ “จริงๆ ก็อยากอ่านนิยายบ้าง อยากเล่นเกม แต่ก็กลัวผลท่ีตามมาคือ สอบตก ทำ�ใหเ้ ราตอ้ งจดั สรรเวลาใหด้ ีข้นึ ในชว่ั โมงเรียนก็ตัง้ ใจเรยี นมากขึน้ ก่อน งานค่ายจะรีบทำ�การบา้ นให้เสรจ็ ภายในคนื น้ัน บางทที ำ�การบา้ นถึงตี 2 กลับจาก ค่ายกต็ อ้ งมาอ่านหนังสอื ทบทวนบนเรยี น” สง่ ผา่ นข้อมลู ความรู้ สรา้ งความรว่ มมือกบั ชุมชน นอกจากการจดั คา่ ยเพอ่ื ขยายแนวรว่ มเยาวชนทงั้ ในโรงเรยี นและในชมุ ชน แลว้ กลมุ่ ยงั มกี ารสง่ ตอ่ และขยายองคค์ วามรอู้ อกไปสรู่ ะดบั ชมุ ชนและระดบั จงั หวดั เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือขนาดใหญ่ท่ีพร้อมจะช่วยกันรักษาแม่น้ําป่าสัก อกี ด้วย 187

โดยกลุ่มเยาวชนได้ส่งผ่านข้อมูล ท้ังส่งให้แก่ชุมชนโดยตรงและส่งผล การวิเคราะห์การตรวจวัดคุณภาพน้ําให้แก่ภาคีและหน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวข้อง เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ฐานขอ้ มลู ในการพฒั นาคณุ ภาพนา้ํ ตอ่ ไป อาทิ สง่ิ แวดลอ้ มจงั หวดั , องคก์ าร บรหิ ารสว่ นต�ำ บลทา่ ชา้ งใต,้ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บลดาวเรอื ง ฯลฯ รวมไปถงึ สง่ ผา่ น ขอ้ มลู ใหแ้ กส่ อื่ มวลชนทอ้ งถน่ิ เชน่ สระบรุ เี คเบลิ วทิ ยุ หนงั สอื พมิ พเ์ ดลนิ วิ ส์ เปน็ ตน้ ท้ังนี้ นอกจากการส่งผ่านข้อมูลทางเดียวแล้ว กลุ่มยังมีการขยายผล องคค์ วามรใู้ นรปู แบบของการรว่ มกจิ กรรมประชาสมั พนั ธแ์ ละเวทที ป่ี ระชมุ อกี ดว้ ย เช่น กลุ่มได้มีโอกาสจัดแสดงนิทรรศการในงานสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสระบุรี, เขา้ รว่ มการประชมุ ภาคเี ครอื ขา่ ยสง่ิ แวดลอ้ ม อนั ประกอบดว้ ย 5 ภาคเี ครอื ขา่ ย ไดแ้ ก่ ภาครฐั ภาคการศกึ ษา ภาคประชาสงั คม ภาคประชาชน และภาคเอกชน แตก่ ย็ งั มี หน่วยงานบางแห่ง รวมถงึ บุคคลบางกล่มุ ยังไมค่ ่อยยอมรับส่งิ ทกี่ ลมุ่ ไดล้ งมอื ทำ� “เด็กๆ พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ําในแม่น้ําป่าสัก ส่งผ่าน ขอ้ มลู ใหค้ รแู ละหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง แตก่ ถ็ กู ตอ่ วา่ กลบั มาวา่ ไมน่ า่ เชอ่ื ถอื เพราะ เป็นงานทเ่ี ดก็ ๆ ทำ�” อาจารย์อารมณเ์ ลา่ ถงึ อปุ สรรคท่กี ลุ่มต้องประสบ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางส่วนท่ีไม่ยอมรับ แต่ด้วยความตั้งใจจริง ความตง้ั ใจดี และขอ้ มลู ทม่ี ศี กั ยภาพของกลมุ่ รวมทง้ั การสอื่ สารอยา่ งตอ่ เนอื่ ง กไ็ ด้ สรา้ งความเขา้ ใจแกห่ ลายฝา่ ย ท�ำ ใหเ้ หน็ ภาพสถานการณแ์ ละดงึ ดดู ใหภ้ าคเี ครอื ขา่ ย อีกจำ�นวนไม่น้อยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายรักษ์น้ํา เพ่ือขับเคลื่อนงานการปกป้อง แม่นํ้าป่าสักอย่างเข้มแข็งร่วมกัน เช่น สำ�นักงานส่ิงแวดล้อมจังหวัดสระบุรี, สำ�นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 4, ศูนย์อำ�นวยการประชาสัมพันธ์ จังหวดั สระบุร,ี ชมุ ชนปากข้าวสาร อ.เมือง, ชมุ ชนยุคลธร อ.เมือง, ชมุ ชนวัดทา่ ววั อ.เฉลิมพระเกียรต,ิ ชุมชนท่าช้างใต้ อ.เสาไห้ จ.สระบุร,ี ชมรมส่ิงแวดลอ้ มจงั หวดั สระบุรี, ศนู ย์ศกึ ษาธรรมชาตแิ ละระบบนเิ วศเกษตร, มลู นิธิสิง่ แวดลอ้ มศึกษาเพือ่ การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื , มลู นธิ กิ องทนุ ไทย รวมไปถงึ เครอื ขา่ ยครอบครวั กลมุ่ เยาวชน รักษ์ป่าสักเองก็มีจำ�นวนสมาชิกเพิ่มข้ึนเป็นลำ�ดับอย่างต่อเน่ือง และโดยเฉพาะ อย่างย่ิงทางจังหวัดท่ีให้ความเช่ือถือข้อมูลของกลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าสักอย่างมาก จนถึงขนาดที่ว่าเม่ือมีวาระเรื่องการแก้ปัญหาแม่นํ้าป่าสักของจังหวัดครั้งใด กลุ่มก็จะได้รับเชิญไปให้ขอ้ มูลสถานการณ์คุณภาพน้ําอยสู่ ม�่ำ เสมอเลยทีเดียว รวมพลงั ปกป้องปา่ สัก ด้วยความรกั และความรู้ การทำ�โครงการในคร้ังน้ี นอกจากกลุ่มเยาวชนรักษ์ป่าสักจะได้พัฒนา ตวั เองทง้ั ดา้ นความรคู้ วามสามารถและทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการ ตรวจวัดคุณภาพน้ํา รวมถึงทักษะการทำ�กระบวนการกลุ่ม การถ่ายทอดความรู้ และการทำ�งานเป็นทีมแลว้ 188 ปลูกใจรักษ์โลก

การที่กลุ่มเป็นหน่วยเฝ้าระวังคุณภาพแม่นํ้าป่าสักให้แก่ชุมชน สามารถ เสนอแนวทางการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีการทำ�กิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับ การใช้นํ้าและการบำ�บัดน้ําอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การซัก การล้าง การทำ�ความสะอาดร่างกาย ฯลฯ ทำ�ให้กลุ่มได้รับการยอมรับและสนับสนุนจาก โรงเรยี นชมุ ชนและสงั คมโดยเฉพาะชมุ ชนทเ่ี กดิ ความรสู้ กึ วา่ สามารถพง่ึ พากลมุ่ เยาวชน ได้ในเรื่องของนํ้า และย่ิงได้เห็นการทำ�งานของกลุ่ม ก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ ชมุ ชนเกดิ ความสนใจในการตรวจวดั คณุ ภาพนา้ํ และเขา้ มามสี ว่ นรว่ มกบั กลมุ่ โดยการ ตงั้ หนว่ ยรบั เรอื่ งรอ้ งเรยี นและหนว่ ยตรวจวดั คณุ ภาพนา้ํ ขนึ้ อยา่ งเปน็ ระบบ และจะ ทำ�การแจง้ แก่กลมุ่ ทนั ทีเม่อื พบเหน็ ปญั หาเกิดขึ้นกบั สายน้าํ ณ ปัจจุบัน กลุ่ม ชุมชน และเครือข่าย 5 โรงเรียน ได้ร่วมกันเฝ้าระวัง คุณภาพนาํ้ บรเิ วณแม่น้ําป่าสกั ที่ไหลผ่าน จ.สระบุรี อยา่ งแขง็ ขนั และได้มกี ารเพิ่ม จดุ ส�ำ รวจ ตดิ ตาม และเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนา้ํ เพม่ิ ขน้ึ อกี 2 สถานี พรอ้ มจลุ นิ ทรยี ช์ วี ภาพ ชนดิ นา้ํ และชนดิ กอ้ นทพ่ี รอ้ มจะแกไ้ ขปญั หานา้ํ เบอ้ื งตน้ ทนั ทที ต่ี รวจพบความผดิ ปกติ ทงั้ หมดทง้ั มวลไดส้ ง่ ผลใหก้ ารตรวจวดั ลา่ สดุ คณุ ภาพนาํ้ ของแมน่ าํ้ ปา่ สกั ทง้ั 4 สถานถี อื วา่ อยใู่ นเกณฑป์ านกลางถงึ ดี อาจมบี า้ งบางจดุ ทม่ี คี า่ ไนเทรตสงู ท�ำ ให้ พชื นาํ้ เจรญิ เตบิ โตไดด้ ี สง่ ผลใหค้ า่ DO ต�่ำ (Dissolved Oxygen : ปรมิ าณออกซเิ จน ละลายนํ้า) เนื่องจากพืชน้ําเหล่าน้ีจะไปแย่งออกซิเจนในนํ้าท่ีสัตว์น้ําใช้ในการ หายใจ ซึ่งอาจสง่ ผลใหน้ ํ้าเน่าเสยี ได้ 189

ขณะนโ้ี รงเรียน..มีเยาวชนและผ้ปู กครองท่ี มจี ติ ส�ำ นึกด้านส่งิ แวดลอ้ ม..ร่วมกันพัฒนา แมน่ า้ํ ปา่ สกั ใหเ้ ปน็ แมน่ า้ํ สวย นา้ํ ใส ปลาชกุ ชมุ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนผู้ใช้นํ้าได้ อย่างปราศจากมลพิษ 190 ปลูกใจรักษ์โลก

แต่อย่างไรก็ตาม การทำ�งานตลอดระยะเวลา 9 ปีท่ีผ่านมาได้บอกเรา ใหร้ ้แู ล้วว่า ไมว่ า่ จะอย่างไร กลมุ่ เยาวชนรักษ์ป่าสักจะยังคงขับเคลื่อนงานอนรุ กั ษ์ และฟน้ื ฟแู มน่ า้ํ ปา่ สกั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ผา่ นการสง่ ตอ่ ความรู้ จติ ส�ำ นกึ ทด่ี แี ละความรกั ในทรพั ยากรพื้นถิน่ จากรนุ่ พี่สรู่ ่นุ น้องตลอดไป แมว้ นั นคี้ ณุ ภาพนาํ้ ในแมน่ าํ้ ปา่ สกั จะมแี นวโนม้ ทดี่ ขี น้ึ มแี นวรว่ มเครอื ขา่ ย คนรนุ่ ใหมม่ ากมายทพ่ี รอ้ มจะรว่ มแรงรว่ มใจกบั กลมุ่ เยาวชนรกั ษป์ า่ สกั ในการอนรุ กั ษ์ สายนาํ้ แตถ่ งึ อยา่ งไรกต็ าม ภาคสว่ นทม่ี บี ทบาททสี่ ดุ อยา่ งครวั เรอื น ยงั คงเปน็ โจทย์ ส�ำ คญั ทก่ี ลมุ่ และแนวรว่ มจะตอ้ งหาแนวทางในการปรบั เปลยี่ นทศั นคติ และดงึ ให้ ครัวเรอื นในพ้ืนทีห่ นั มารว่ มอนุรกั ษ์สายนํ้าอย่างจริงจงั ถือเป็นความท้าทายท่ีรอให้เด็กน้อยหัวใจใหญ่กลุ่มน้ีสู้ต่อไป เพื่อลำ�น้ํา ของแผ่นดนิ เกดิ ที่สวยใส และเพ่อื คณุ ภาพชีวิตของคนในชุมชนทุกๆ คน 191

สรุปขัน้ ตอนการท�ำ งาน มีการปลอ่ ยน้�ำ ทิง้ จากครวั เรือน นาํ้ เสยี จากโรงงานอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร เฝา้ ระวงั และตรวจวัดคุณภาพน้าํ พฒั นาโรงเรียนให้เป็นศูนย์การเรยี นรู้ สร้างผลติ ภัณฑท์ ่เี ป็นมิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม 192 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

สรา้ งแนวร่วมกับชมุ ชนและหนว่ ยงาน เฝ้าระวงั แม่นาํ้ ปา่ สัก ร่วมมือรวมพลงั ส่งผ่านความรู้ข้อมลู คนื ชุมชน 193

สงิ่ ที่ได้เรียนรู้ กานต์ธดิ าศตี ิสาร (โมเม) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 “การได้เห็นอาจารย์และรุ่นพ่ีที่ทำ�โครงการ มีความมุ่งม่ันไม่ย่อท้อ เปน็ แรงบนั ดาลใจทท่ี �ำ ใหม้ าเขา้ โครงการจนสามารถการบรหิ ารจดั การ งานและจัดการคนได้ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำ�มาก่อน นอกจากนี้ยังได้ฝึก การเป็นวิทยากรให้ความรู้เร่ืองการทำ�ผลิตภัณฑ์ชีวภาพและการ วิเคราะห์คุณภาพนํ้ารูจ้ ักแบง่ เวลาและมคี วามรับผิดชอบมากขึน้ ” กันภริ มย์ เบญจรัตนานนท์ (เปา) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 “ผลทเี่ กดิ ขนึ้ เมอ่ื เปาไดเ้ ขา้ รว่ มโครงการคอื มคี วามรบั ผดิ ชอบในงาน ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ กั ษะตา่ งๆ เชน่ กระบวนการท�ำ งานการจดั คา่ ย อบรมดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มการคดิ วเิ คราะห์ และสามารถเปน็ วทิ ยากรให้ ความรกู้ ารท�ำ ผลติ ภณั ฑช์ ีวภาพและการวิเคราะหค์ ณุ ภาพนํ้าได”้ ธญั ชนก โสภาคดิษฐ์ (ใบตอง) ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 “มอี าจารยเ์ ปน็ แรงบนั ดาลใจในการท�ำ งานเพอ่ื สว่ นรวมเพอ่ื สง่ิ แวดลอ้ ม และเพ่ือสังคม นอกจากน้ียังได้ทักษะการประสานงานชุมชน และ สามารถเป็นวิทยากรให้ความรู้การทำ�ผลิตภัณฑ์ชีวภาพและการ วเิ คราะหค์ ณุ ภาพนา้ํ ได้” 194 ปลกู ใจรักษ์โลก

ท่ปี รกึ ษากลุ่มเยาวชน อาจารยอ์ ารมณ์ เบสูงเนนิ (ครูเบ) โครงการเยาวชนรกั ษป์ า่ สกั โดย : กล่มุ เยาวชนรกั ษป์ ่าสัก โรงเรียนสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั จ.สระบรุ ี โรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั จ.สระบุรี หัวหน้าโครงการ มีบทบาทหนุนเสริมการทำ�งานของ นางสาวกานต์ธิตา ศตี ิสาร กลุ่มเยาวชน ให้อิสระในการคิดและ การวางแผนทำ�งานของเด็กๆ ชวน คณะท�ำ งานโครงการ วเิ คราะหส์ รปุ ผลการตรวจวดั คณุ ภาพ 1. นางสาวกนั ตภ์ ริ มย์ เบญจรัตนานนท์ น้ําบนฐานเหตุและผล ให้คำ�ปรึกษา 2. นางสาวธญั ชนก โสภาคดิษฐ์ พาเยาวชนไปเรียนรู้กับหน่วยงาน 3. นางสาวธนภรณ์ กลั ยาณมติ ร ต่างๆและอ�ำ นวยความสะดวกในการ 4. นาวสาวสวรส สายบวั เดนิ ทางของเยาวชน 5. นางสาวสชุ ญั ญา นิลกำ�แหง “พระเจ้าอยู่หัวทรงงานหนักเพ่ือให้ 6. นางสาวณชั ชา นามเคน ประชาชนชาวไทยสามารถอยไู่ ดอ้ ยา่ ง 7. นางสาวศิริพร เกสรทอง พอเพยี ง หากมโี อกาสไดแ้ บง่ เบาภาระ 8. นางสาวสโรชนิ ี โหลสกุล พระองค์ท่าน แมเ้ พียงนอ้ ยนดิ ก็ตั้งใจ 9. นางสาวฐติ ริ ตั น์ รูปสม จะทำ�ตามแนวพระราชด�ำ ร”ิ 10. นางสาวนุสรา บวั บาน 11. นางสาวสนุ สิ า พรอินทร์ 12. นางสาวพัชราภรณ์ โพยพา 13. นางสาวขวญั หทัย เพมิ่ ความสุข ท่ีปรึกษาโครงการ 1. อาจารยอ์ ารมณ์ เบสงู เนนิ โรงเรียนสวนกหุ ลาบวิทยาลัย จ.สระบุรี 195

196 ปลกู ใจรกั ษ์โลก

13 แมน่ ้าํ สดใส ด้วยหวั ใจนักอนรุ กั ษ์ โดย : กลุ่มยวุ ทูตคณุ ภาพแมน่ ํา้ ประแสรแ์ ห่งเทศบาล ต�ำ บลเมอื งแกลง โรงเรียนแกลง “วทิ ยสถาวร” จ.ระยอง การดำ�เนินงานในสายอนุรักษ์ให้เกิดความย่ังยืนนั้น ไม่อาจเกิดขึ้นได้ จากกจิ กรรมขนาดใหญเ่ พยี งกจิ กรรมเดยี วหรอื สองกจิ กรรม แตอ่ ยทู่ ก่ี จิ กรรม เลก็ ๆ ทีถ่ กู ขับเคลือ่ นอย่างต่อเนื่อง ดงั เชน่ ท่ี อ.แกลง ในวนั น้ี จากทแ่ี มน่ าํ้ สายส�ำ คญั เคยเนา่ เสยี อยา่ งหนกั ดว้ ยแรงขบั เคล่อื นของชุมชนและการสานตอ่ การเฝา้ ระวงั โดยกลมุ่ เยาวชนใน พ้นื ที่อยา่ งต่อเนอ่ื ง ท�ำ ให้แม่น้ําสายน้ันคอ่ ยๆ ฟื้นคนื สู่ความสดใสอกี ครง้ั ขอชวนคุณเดินทางสู่ระยองฮิ ไปดูว่าเยาวชนกลุ่มท่ีว่าน้ันเขาช่วยให้ แมน่ าํ้ ของเขากลบั ฟนื้ คืนมาไดอ้ ย่างไร 197

เฝ้าระวังแมน่ ํ้าประแสร์ จากรุน่ สรู่ ุ่น แม่นํ้าประแสร์ถือเป็นแม่น้ําสายสำ�คัญท่ีหล่อเลี้ยงชีวิตชาวแกลงมา นับแต่อดีต ทำ�ให้ชาวแกลงได้อาศัยน้ําในการอุปโภคบริโภค ทำ�การเกษตร และ ทำ�ประมง แต่จากสายนํ้าที่เคยสวยใสให้หลายชุมชนได้ใช้ประโยชน์มายาวนาน ในปี พ.ศ. 2545 แมน่ ้ําประแสรก์ ลบั แปรเปล่ยี นเปน็ สีดำ� ส่งกลนิ่ เหมน็ มขี ยะและ เศษปฏกิ ลู ลอยฟ่อง โดยเฉพาะชว่ งท่ไี หลผา่ นเทศบาลตำ�บลเมอื งแกลง เปน็ ชว่ งที่ ประสบปญั หาหนกั ทส่ี ดุ ท�ำ ใหช้ าวแกลงไมส่ ามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากแมน่ าํ้ ไดด้ งั เกา่ ชาวประมงหาปลาหากงุ้ ไดน้ อ้ ยลง ซงึ่ จากการศกึ ษาหาขอ้ มลู พบวา่ สาเหตทุ ที่ �ำ ให้ นํ้าเสียเกิดจากการปล่อยนํ้าทิ้งจากครัวเรือนและน้ําล้างตลาดสดลงสู่แม่น้ําโดย ไม่มีการบำ�บัด รวมไปถึงการฉีดเลนลงสู่แม่น้ําหลังจากการจับกุ้งก็เป็นอีกหน่ึง สาเหตสุ ำ�คญั จากความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้น ชาวแกลงเห็นว่าหากไม่ช่วยกันแก้ไข ก็จะทำ�ให้น้ําเน่าเสียมากขึ้น เทศบาลตำ�บลเมืองแกลงจึงได้จับมือกับชุมชนและ หน่วยงานต่างๆ ร่วมฟื้นฟูแม่น้ําประแสร์ให้กลับมาเหมือนดังเดิม โดยเทศบาล ได้ออกเทศบัญญัติ พ.ศ. 2549 ให้บ้านเรือนที่สร้างใหม่ต้องติดต้ังถังดักไขมัน 198 ปลูกใจรกั ษ์โลก

ไปพรอ้ มๆ กบั รณรงคใ์ หบ้ า้ นเรอื น รา้ นอาหาร และโรงเรยี นทอ่ี ยดู่ ง้ั เดมิ ตดิ ตง้ั ถงั ดกั ไข มนั ในระบบระบายนา้ํ เสยี โดยเทศบาลจะมบี รกิ ารตกั ไขมนั ออกจากถงั ใหท้ กุ เดอื น นอกจากน้ัน อีกหน่ึงกลไกสำ�คัญในการร่วมฟื้นฟูแม่น้ําประแสร์ก็คือ การเฝา้ ระวงั คณุ ภาพแมน่ า้ํ ซง่ึ นกั เรยี นโรงเรยี นแกลง “วทิ ยสถาวร” เปน็ หนง่ึ กลมุ่ ท่ี ไดร้ ว่ มท�ำ หน้าทีเ่ ฝ้าระวังคณุ ภาพนาํ้ มาอย่างตอ่ เนื่อง และมีการสานต่อจากรนุ่ พี่สู่ รุ่นน้อง จนในปี พ.ศ. 2552 ได้จัดต้ังกลุ่มข้ึนอย่างเป็นทางการในช่ือ ‘กลุ่มยุวทูต คณุ ภาพแมน่ า้ํ ประแสรแ์ หง่ เทศบาลต�ำ บลเมอื งแกลง’ และตอ่ มาไดจ้ ดั ท�ำ โครงการ ในช่ือเดียวกนั กับชือ่ กลมุ่ และเขา้ ร่วมโครงการปลกู ใจรักษโ์ ลก ในเวลาตอ่ มา “อยากดูแลรักษาสง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นของเรา เพราะแม่นํา้ ประแสร์เปน็ แมน่ ้าํ สายหลักของชุมชนเราทใ่ี ช้ในการอุปโภคบริโภค ดังน้ันเราต้องชว่ ยกันดูแล” สุชาดา ทรัพย์เมือง หรือ ‘น้ําฝน’ แกนนำ�กลุ่มกล่าวถึงปณิธานในการทำ�งานของ กลมุ่ ยุวทตู โดยการท�ำ โครงการครงั้ น้ี เดก็ ๆ วางเปา้ หมายของโครงการยวุ ทตู คณุ ภาพ แมน่ าํ้ ประแสรแ์ หง่ เทศบาลต�ำ บลเมอื งแกลงไว้ วา่ อยากใหค้ นในชมุ ชนเขา้ ใจสาเหตุ ทท่ี �ำ ใหน้ า้ํ เนา่ เสยี และตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั ของแมน่ า้ํ ประแสร์ และหนั มาชว่ ยกนั ดแู ลรักษาโดยปรับคณุ ภาพนํ้าทง้ิ ก่อนปลอ่ ยลงส่แู มน่ ํา้ พยายามให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการทำ�กิจกรรม โดยท่ีเราไม่ได้ลงไปควบคุม แต่ให้เขาเรียนรู้ ด้วยตัวเอง กลมุ่ ยวุ ทตู คณุ ภาพแมน่ า้ํ ประแสรแ์ หง่ เทศบาลต�ำ บลเมอื งแกลงเปน็ ก�ำ ลงั หลกั ในการเฝา้ ระวงั คณุ ภาพแมน่ า้ํ ประแสร์ โดยกลมุ่ จะออกตรวจวดั และเกบ็ ขอ้ มลู คณุ ภาพนา้ํ ทุกๆ 2 เดือนใน 4 จุด คอื ทะเลนอ้ ย, แหลมทา่ ตะเคียน, ศาลาตน้ โพธ์ิ และสะพานโรงเลื่อย โดยมี อาจารย์รัชนี พรมจนั ทร์ หรือ ‘ครจู ุ่ย’ ซงึ่ ไดน้ �ำ กิจกรรม ด้านสิ่งแวดล้อมมาบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในรายวิชาท่ีรับผิดชอบใน โรงเรยี น เปน็ ผทู้ �ำ หนา้ ทส่ี อนวธิ กี ารใชเ้ ครอ่ื งมอื ตา่ งๆ รวมไปถงึ ออกแบบกระบวนการ เรยี นร้แู ละการสรุปผลใหแ้ กล่ ูกศิษยใ์ นกล่มุ จากรนุ่ สรู่ ุ่น “กจิ กรรมเฝา้ ระวงั เราท�ำ เปน็ ปกตอิ ยแู่ ลว้ แตช่ ว่ งหลงั ๆ เดก็ ชดุ ใหมม่ คี วาม สนใจอยากเรียนรู้ แตข่ าดทักษะกระบวนการ แกนน�ำ รนุ่ พจ่ี ึงมคี วามคิดวา่ เราควร ใหน้ อ้ งๆไดเ้ รยี นรู้โดยท�ำ เปน็ ฐานเรยี นรกู้ อ่ นลงพนื้ ทจ่ี รงิ ”ครจู ยุ่ กลา่ วถงึ กระบวนการ ถา่ ยทอดงานจากร่นุ พสี่ รู่ ุ่นนอ้ งของกลุม่ ทีต่ ้องฝึกทักษะความช�ำ นาญกอ่ นลงพ้ืนที่ เฝ้าระวังจริง ซ่ึงทำ�ให้เยาวชนกลุ่มนี้มีโอกาสในการสร้างคนรุ่นใหม่ และปรับปรุง การก�ำ จดั ไขมันจากครัวเรอื นในจดุ ทีย่ งั มปี ญั หา 199


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook