Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

Published by supasit.kon, 2022-06-08 03:15:39

Description: การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

Search

Read the Text Version

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรยี น 8899 1.4 อุณหภูมิ ได้แก่ ระดับความชื้นของอากาศการถ่ายเทของอากาศการ ระบาย อากาศโดยธรรมชาติและการระบายอากาศจากอปุ กรณ์อํานวยความสะดวก ได้แก่ พัดลม เครื่องปรบั อากาศ เปน็ ต้น (2) สภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน ได้แก่ แหล่งความรู้ต่างๆเช่นแหล่ง วิทยบริการ ห้องปฏิบัติการห้องทดลองโรงฝึกงานห้องสมุดศูนย์วัฒนธรรมซึ่งสิ่งต่างๆนี้จะ มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ เ กี่ ย ว เ น่ื อ ง กั บ ก า ร เ รี ย น แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ค้ น ค ว้ า ห า ค ว า ม รู้ เ พิ่ ม เ ติ ม นอกเหนอื จากในหอ้ งเรียน 2) สภาพแวดล้อมทางด้านจิตภาพ หมายถึง สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบ ต่อความรู้สึกจิตใจเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนแบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบสาํ คัญคือ 2.1 องค์ประกอบด้านนกั เรียน ได้แก่ 2.1.1 บุคลิกภาพและพฤติกรรมของนักเรียนจะมีความสัมพันธ์และอิทธิพล ต่อ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนบคุ ลิกภาพและพฤติกรรมของนักเรียนที่สําคัญ ได้แก่ การร่วม กิจกรรม การเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ การสมาคมภายในกลุ่ม ความมีระเบียบในการ ทาํ งาน ความเป็นประชาธิปไตย เป็นต้น 2.1.2 ระดับสติปัญญาในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนควรเลือก เนือ้ หาและกิจกรรมให้เหมาะสมกบั ระดับสติปญั ญาของนักเรียน 2.1.3 สถานภาพทางครอบครัวจากงานวิจัย พบว่า พื้นฐานทางครอบครัว อาชีพและรายได้ของบิดามารดามีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอีกท้ังการเอา ใจใส่ของผู้ปกครอง จะส่งผลทางตรงกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดังน้ันการจัดการศึกษาก็ ควรคํานงึ ถึงในส่วนน้ีดว้ ย หากพบว่านักเรียนมาจากสภาพครอบครัวอย่างไรแล้วก็จะได้จัด สภาพแวดล้อมทางการเรียนให้มคี วาม เหมาะสมเช่นการจัดหาทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน ที่มสี ภาพครอบครัวที่ยากจนเพือ่ ทีน่ ักเรียนจะได้มีกาํ ลงั ใจในการทีจ่ ะศกึ ษาค้นคว้าเล่าเรียน ตามที่ใฝุฝันไว้ได้มากยิง่ ขึน้ 2.2 องค์ประกอบด้านผู้สอน ได้แก่ 2.2.1 บุคลิกภาพและพฤติกรรมของครูผู้สอนจะมีความสัมพันธ์กับ ผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นของนกั เรียนจากงานวจิ ัยพบว่าบุคลิกภาพและพฤติกรรมของครูที่ นักเรียนต้องการนั้น ได้แก่ อารมณ์ดี ร่าเริง ยิ้มแย้ม แจ่มใส ไม่ดุด่าหรือลงโทษนักเรียน

90 Learning Design and Classroom Management 90 โดย ไมไม่ม่มีเเีหหตตุผุผล พูดจจาาไไพพเเรราาะะออ่อ่อนนหหวาวนานไมไ่หมย่หายบาคบายคาไยม่ดไื่มมส่ดุร่ืมาสยาุรเาสยพายเส์ตพิดแตลิดะแเล่นะเกลา่นร พกานรันพนัน 2.2.22 ควาคมวารูม้แรลู้แะลปะรปะรสะบสกบากราณรณ์ม์ีมคีควาวมามสสัมัมพพันันธธ์แ์แลละะมมีอีอิทิทธธิพิพลลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งนี้จากงานวิจัย พบว่า วุฒิครูมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนกล่าวคือนักเรียนที่ เรียนกับครูที่มีวุฒิสูงจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่า นักเรียนที่เรียนจากครูที่มีวุฒิตํ่าท้ังนี้ เน่ืองจากครูที่มีวุฒิสูงกว่าย่อมจะผ่านกระบวนการ และเทคนิควิธีการสอนและวิชาการมากกว่าครูที่มีวุฒิตํ่าและยิ่งถ้าหากว่าได้สอนตรงหรือ สอดคล้องกับสาขาที่ได้เรียนมาด้วยแล้วจะทําให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู ขึน้ 2.2.3 เทคนิคการสอนการสอนของครูเริ่มต้ังแต่การวางแผนการสอนการ ดําเนินการสอนและการประเมินผลจากงานวิจัยพบว่าการวางแผนการสอนเป็นตัวแปร สําคัญที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหากครูผู้สอนมีการวางแผนการสอนที่ดีจะทําให้ การสอนดาํ เนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและทาํ ใหน้ กั เรียนมผี ลสมั ฤทธิ์สงู ขนึ้ 3) สภสาภพาแพวแดวลด้อลม้อทมาทงาดง้าดน้านสังสคังคมมหหมมาายยถถึงึงสสภภาาพพแแววดดลล้อ้อมมทท่ีเี่เกิดจาก ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบคุ คลเช่นความสัมพนั ธ์ระหว่าง นกั เรียนกับนักเรียนด้วยกันนักเรียนกับ ครูผู้สอนรวมถึงกฎรระะเเบบียียบบ แแลละะขข้ออบบังังคคับับตต่า่างงๆๆขขอองงโโรรงงเเรรียี น อองงคค์ป์ปรระะกกออบของ สภาพแวดล้อมทางการเรียนด้านสังคม เชน่ 33..11 กการาสรสรา้รง้าบงรบรรยรายกาากศาใศนใชนนั้ ชเรั้นยี เนรียจนากจงาากนงวาจิ นยั วพิจบัยวพา่ บวร่ารบยารกรายศาใกนาชศน้ั ใเนรชยี ั้น เมรคี ียวนามมี สคัมวาพมันสธัม์ในพทนั าธง์ใบนวทกากงบั วผกลกสับัมผฤลทสธมั ท์ิ ฤาทงกธาิท์ ราเงรกยี านรเรียน 3.2 การสร้างแรงจูงใจหากนักเรียนเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนจะทําให้ผลการ เรียนดีขนึ้ แรงจูงใจจะมีทั้งภายนอกและภายในสําหรับแรงจูงใจภายนอกน้ันผู้สอนสามารถ กระตนุ้ เพื่อให้ นักเรียนสามารถแสดงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งตามทีต่ ้องการได้ 33..33 ควคาวมาสมัมสพัมันพธัน์รธะ์รหะหว่าว่งาคงครรูกูกับับนนักักเรเรียียนนคคววาามมสส�ำําเเรร็จ็จดด้า้านวิชาการและ พฤติกรรมของ นนักักเเรรียียนนมมีผีผลลมมาาจจาากกคคววาามมสสัมัมพพันันธธ์ท่ีมีระหว่างครูและนักเรียนกล่าวคือ คุณภาพของความมสสมั ัมพพนั ันธธ์แ์แลละะการให้ความสนับสนุนร่วมมือกันส่วนบุคคลในชั้นเรียนมีผล ต่อระดับความต้องการของนักเรียนแต่ละคนเน่ืองมาจนสามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ และความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนและมีผลโดยตรงต่อความสําเร็จในการทํา กิจกรรมด้านการเรียน

การออกแบบการเรยี นรูแ้ ละการจดั การชั้นเรยี น 9911 จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าสภาพแวดล้อมทางการเรียนจะมีผลต่อการ จัดการเรียนการสอนตลอดจนส่งผลถึงผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนของนักเรียนเป็นอย่างมาก ในการจดั การเรียนการสอนจงึ ควรต้องตระหนักถึงการจดั สภาพแวดล้อมทางการเรียนด้าน ต่างๆดังที่กล่าวมาอย่างรอบคอบและจริงจังจึงจะบังเกิดผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน อ ย่ า ง แ ท้ จ ริ ง จ า ก อิ ท ธิ พ ล ข อ ง ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ท า ง ก า ร เ รี ย น ดั ง ก ล่ า ว แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ว่ า สภาพแวดล้อมทางการเรียนมอี ิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม ภ า ย น อ ก โ ร ง เ รี ย น ที่ มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ภ า ย ใ น โ ร ง เ รี ย น ห รื อ สภาพแวดล้อมภายในโรงเรยี นและทีใ่ กล้ตวั ผู้เรยี นมากกค็ ือสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน ยิ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนมากดังน้ันสภาพแวดล้อมทางการเรียนจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ ความสนใจเป็นอย่างยิ่งไม่ควรเพิกเฉยละเลยเพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกําหนดพฤติกรรม ของผู้เรียนแต่ละคนแต่ในสภาพความเป็นจริงนั้นเป็นที่สังเกตว่าสภาพแวดล้อมทางการ เรียนต่างๆดังกล่าวไม่ค่อยได้รับความเอาใจใส่เท่าใดนักส่วนใหญ่จะมองข้ามไปจนเกิดผล เสียต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนดังนั้นถ้าครูและผู้บริหารได้ตระหนักถึงความสําคัญของ สภาพแวดล้อ มทางการเ รียนทําความเข้าใจแล ะจัดสภาพแ วดล้อมท าง การเรียนใ ห้ เอือ้ อาํ นวยต่อการเรียนการสอนของผเู้ รียนก็จะช่วยส่งเสริมให้การเรียนรขู้ องผเู้ รียนดียิ่งข้ึน 4.4 นวตั กรรมการจัดการห้องเรียน การขยายโอกาสทางการศึกษาโดยการเรียนรู้ผ่านสื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ ทําให้โอกาส ในการศกึ ษาของประชาชน เพิ่มสูงขึน้ สง่ ผลใหป้ ระชาชนมีความรู้และทักษะที่สูงขึ้น ซึ่งเป็น ผลดตี ่อการพัฒนาประเทศ ไปสู่เศรษฐกิจที่ต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น อีก ท้ังต้นทุนในการจัดการศึกษายังต่ํากว่าการศึกษาในชั้นเรียน สามารถตอบสนองต่อผู้เรียน ได้มากกว่าการจัดการศึกษาในห้องเรียน เน่ืองจากผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกคน และไม่ว่าจะทําการศึกษา ณ สถานที่ใด การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะ ยังคงมีเน้ือหาเหมือนกัน และมีคุณภาพที่เท่าเทียมกัน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตาม ศักยภาพและความสนใจของผู้เรียน ในอนาคตสื่ออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นแหล่งรวมความรู้ จํานวนมหาศาล ผู้เรียนจึงมีช่องทางและวิธีการเรียนรู้ให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังน้ัน นวัตกรรมการจัดการห้องเรียนในอนาคตจึงควรให้ความสนใจกับการนําแนวคิดทาง

92 Learning Design and Classroom Management 92 อิเล็กทรอนิกส์มาสใชใช้ก้กาารรจจัดัดกกาารรหห้อ้องงเรเรียียนนเเชช่น่น การจัดการห้องเรียนเสมือน ((VViirrtual classroom) และการจดั การหอ้ งเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic classroom) 4.4.1 ห้องเรียนเสมือน (Virtual classroom) ห้องเรียนเสมือน เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมในความว่างเปล่า (Space) โดยอาศัย ศักยภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เป็นการจัดประสบการณ์เสมือนจริงแก่ผู้เรียน นอกนจาจกากนนั้ ั้นยังยมังมีสีิ่สงสิ่งสนันบับสนสุนอื่นๆๆ ทท่ีจี่จะะชช่ว่วยยทท�ำําใใหห้ก้กาารรมมีปีปฏฏิสิสัมัมพพันันธธ์แ์แบบบเเผผชชิญิญหหนน้า ที่บาง โอกาสอาจจะเปน็ ไปไม่ได้หรอื เป็นไปได้ยากนั้น สามารถกระทําได้เสมือนบรรยากาศพบกัน จริงๆๆ กกรระะบบววนนกกาารรทท้ัง้ังหหมมดดดดังังทที่กี่กลล่าวมาน้ีมิใช่เป็นการเดินทางไปที่โรงเรียนหรือ มหาวิทยาลัย แต่จะเป็นการเข้าถึงด้วยการพิมพ์ การอ่านข้อความหรือข้อมูลผ่าน คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟแวร์เพื่อควบคุมการสร้าง บรรยากาศแบบห้องเรียนเสมือน การมีส่วนร่วมจะเป็นแบบภาวะต่างเวลา ซึ่งจะทําให้ ผู้เรียนในระบบห้องเรรียียนนเเสสมมือือนนสสามมาารรถถเเชชื่อ่ื มต่อเข้าไปศึกษาได้ทุกท่ี่ ทุกเวลา (มนตรี แย้มกสิกร, 2554 : Online) 1) ความหมายของห้องเรียนเสมือน มนตรี แย้มกสิกร (2554: Online) กล่าวว่าห้องเรียนเสมือน หมายถึงการจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบของ Software โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยสนับสนุนให้ ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ โดยสามารถเลือกเวลาและสถานที่ที่จะเรียนรู้ได้ด้วย ตนเอง โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ต้องคํานึงถึงในการจัดห้องเรียนเสมือน คือ ระบบปฏิบัติการของห้องเรียนเสมือน ที่ต่างไปจากการเรียนในห้องเรียนปกติ รวมถึงการ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนว่าเป็นไปตาวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้หรือไม่ นอกจากน้ัน สิ่งที่การเรียนในห้องเรียนเสมือนมี คือการปฏิสัมพันธ์หรือสังคมระหว่างผู้เรียนด้วยกัน เปน็ สิ่งทีตอ้ งคิดวา่ หอ้ งเรียนเสมือนจะทาํ ให้เกิดข้ึนได้อย่างไร มหาวิทยาลัยขอนแก่น (2554 : Online) ได้กล่าวถึงความหมายของห้องเรียน เสมือน (Virtual classroom) ว่า หมายถึงการเรียนการสอนที่ผ่านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ของผู้เรยี นเข้าไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (File Server) และเคร่ืองคอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการ (Web Server) อาจจะเป็นการเชื่อมโยงระยะใกล้หรือ

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการชนั้ เรยี น 9933 ระยะไกล ผ่านทางระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ตด้วย กระบวนการสอนผู้สอนจะ ออกแบบระบบการเเรรียียนนกกาารรสสออนนไไวว้โ้โดดยยกกํา�ำหหนนดดกกิจิจกกรรรรมมตตา่ ่างงๆ นํา�ำเสนอผ่านเว็บไซต์ประจํา�ำ วิชา และสร้างเว็บเพจในแตล่ ะสว่ นใหส้ มบูรณ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (2554 : Online) กล่าวว่าห้องเรียนเสมือน (Virtual classroom) เป็นการจัดการเรียนการสอนทางไกลเต็มรูปแบบ โดยมีองค์ประกอบครบ ได้แก่ ตตัวัวผผู้เู้เรรียียนน ผผู้สู้สออนนแแลละะเพเพื่อ่ือนนรรว่วมมชชั้นั้นเขเข้า้าสสู่กู่กรระะบบววนนกกาารรเเรรียียนนกกาารรสสออนนพพรร้อ้อมมๆๆ กัน มี สื่อการสอนทั้งภาพและเสียง ผู้เรียนสามารถร่วมกิจกรรมกลุ่มหรือตอบโต้แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกับผู้สอนหรือกับเเพพ่ือื่อนรร่ว่วมมชช้ัน้ันไดได้เต้เต็ม็มทที่ (่ี ค(คลล้า้ายยกกับับchcahtat rroooomm) ส่วนผู้สอน สามารถตั้งโปรแกรมติดตามพัฒนาการ ประเมินผลการเรียนรวมท้ังประสิทธิภาพของ หลักสูตรได้ ทั้งนีไ้ ม่จํากดั เร่ืองสถานที่ แต่ผู้เรียนในชั้นและผู้สอนจะต้องนัดเวลาเรียนอย่าง พร้อมเพรียง จากแนวคิดดังกล่าวข้องต้น สามารถสรุปได้ว่า ห้องเรียนเสมือน หมายถึงการ จัดการเรยี นการสอนโดยผา่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมโยงผู้เรียนจํานวนมากใน เวลาเดียวกันเข้าสู่บทเรียนที่ถูกออกแบบไว้โดยผู้สอนบนระบบเครือข่าย โดยผู้เรียน สามารถเลือกสถานที่เรียน เวลาเรียน แแลละะเเนน้อื้อหหาทที่เี รียนได้ตามความต้องการของผู้เรียน อีกท้ังผู้เรียนสามารถถททํําากกิจิจกรรรมมกกลลุ่มุ่มโโดดยยกกาารรสสนนททนนาา หหรรือือแแลลกกเเปปลลี่ยี่ยนนคคววาามมคิดเห็นกับ ผสู้ อน และเพือ่ นรว่ มชั้นเรยี นได้ 2) ความจาเปน็ ของห้องเรียนเสมือน จากการเรียนการสอนแบบห้องเรียนปกติมีข้ออจจํา�ำกกัดัดตต่า่างงๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้อง มีการนําแนวคิดห้องเรียนเสมือนมาใช้ในการจัดการศึกษา (มนตรี แย้มกสิกร, 2554 : Online) ดงั น้ี 2.1) สถานที่จํากดั เฉพาะในห้องเรยี น 2.2) การเรียนรจู้ ํากัดเฉพาะกบั ครู ผเู้ รียนและตํารา 2.3) การจัดการเรียนการสอนกําหนดช่วงเวลาทีต่ ายตวั ไม่ยดื หยุ่น 2.4) สถานที่เรียนไม่เพียงพอกับผปู้ ระสงค์จะเรียน 2.5) สดั ส่วนของครแู ละนักเรียนไม่เหมาะสม

94 94 Learning Design and Classroom Management 3) ประเภทของห้องเรียนเสมือน มหาวิทยาลัยขอนแก่น (2554 : Online) ได้จําแนกประเภทการเรียนใน หอ้ งเรียนแบบเสมือนจริงไว้ 2 ลกั ษณะ คือ 3.1) จัดการเรียนการสอนในห้องเรรียียนนธธรรรรมมดดาา แต่มีการถ่ายทอดงสดภาพ และเสียงเกก่ียี่ยววกบับทบเทรียเรนียนโดโยดอยาอศาัยศรัยะรบะบโบทโรทครคมมนนาคาคมมแแลละะเคเครรือือขข่า่ายยคคออมมพพิวิวเเตตอร์ไปยัง ผู้เรียนที่อยู่นอกห้องเรียน นักศึกษาก็สามารถรับฟังและติดตามการสอนของผู้สอนได้จาก เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของตนเอง อีกท้ังยังสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอน หรือเพื่อนร่วม ชั้นเรียนได้ ห้องเรียนแบบนีย้ งั อาศยั สิง่ แวดล้อมทางกายภาพที่เป็นจริง ซึ่งเรียกว่า Physical education environment 3.2) การจัดห้องเรียนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างภาพเสมือนจริง เรียกว่า VViritrutualal rereaaliltityy โดยโดใชย้สใช่ือ้สทื่อ่ีเปท็ี่เนปต็นัวตหัวนหังนสังือสือ(te(txetx-tb-abasesedd)) หหรือภาพกราฟิกค (Graphical based) ส่งบทเรียนไปยังผู้เรียนโดยผ่านระบบโทรคมนาคมและเครือข่าย คอมพิวเตอร์ห้องเรียน ลักษณะนี้เรียกว่า Virtual education environment ซึ่งเป็น Virtual classroom ที่แท้จริง 4) เป้าหมาย จดุ เด่น และขอ้ จากัดของหอ้ งเรียนเสมือน เปูาหมายของหอ้ งเรียนเสมือนเป็นการเปิดโอกาสใหบ้ คุ คลสามารถเข้าถึงและ ได้รับการศึกษาหลังมัธยมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เปูาหมายเหล่านี้สามารถเชื่อมโยง เข้ากบั คํากล่าวที่วา่ “คณุ ไม่ได้เข้าชั้นเรยี นบางที่อาจจะทาํ ให้คุณเรียนได้ไม่มาก” นอกจากน้ันเปูาหมายประการสําคัญที่สอดคล้องและเป็นปัจจัยของห้องเรียน เสมือน คือ การเรียนแบบร่วมมือ (Collaborative leaning) (มนตรี แย้มกสิกร, 2554: Online) การจดั การหอ้ งเรียนเสมือนจุดเด่นในประเดน็ ต่าง ๆ ต่อไปนี้ 4.1) ทําเลเปูาหมาย ผู้เรียนอาจจะเลือกเรียนรายวิชาใดๆ จากผู้สอนคนใด คนหนง่ึ ทั่วโลกหากมีการเปิดโอกาสใหล้ งทะเบียนได้โดยไม่มีขดี จํากดั ในเร่อื งพื้นที่ 4.2) เวลาที่ยืดหยุ่น ผู้เรียนอาจจะมีส่วนร่วมได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น กลางวันหรือกลางคนื การได้รับข้อมูลย้อนกลับจากผู้สอนและเพื่อนที่เรียนร่วมกันจะไม่มี ข้อจํากัดเรือ่ งเวลา

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการช้ันเรยี น 9955 4.3) ไม่มีการเดินทาง ผู้เรียนสามารถทํางานและศึกษาอยู่กับบ้านได้อย่าง สะดวกสบายซึง่ อาจจะเป็นข้อดีสําําหรับผเู้ รียนทีม่ อี ุปสรรค อดนังเนื่องมาจากความพิการทําําให้ ไม่มีความจําเป็นต้องเดินทางหรือแม้แต่ผู้เรียนที่มีภาวะด้านครอบครัว ปัจจัยประการนี้ นับเป็นโอกาสทีท่ าํ ให้ทกุ คนมที างเลือกและความสะดวกสบาย 4.4) ประหยัดเวลา ผู้เรียนที่จําเป็นต้องเดินทางไปสถานศึกษาถ้าเรียนจาก หอ้ งเรียนเสมือนจะประหยัดการเดินทาง 4.5) ทํางานร่วมกัน ด้วยภาพทางเทคโนโลยี ทําให้ผู้เรียนสามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้ง่ายดาย ในขณะที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลในห้องเรียนปกติ กระทําได้ ผู้เรียนในระบบห้องเรียนเสมือนจะสามารถอภิปรายปัญหาร่วมกัน แลกเปลี่ยน เค้าโครงงานซึ่งกันและกันได้ 4.6) โอกาสมีส่วนร่วม ด้วยระบบสื่อสารด้วยคอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการถามคําถาม การให้ ข้อสงั เกตและการทํากิจกรรมรว่ มกนั นอกจากจุดเด่นของห้องเรียนเสมือนที่กล่าวมาแล้วน้ันในทางกลับกันห้องเรียน เสมือนกม็ ีขอ้ จํากดั ในการประเดน็ ต่างๆ ดงั น้ี 1) แหล่งเรียนมีจํากัด ในปัจจุบันยังมีสถาบันที่เสนอรายวิชาแบบห้องเรียน เสมือนจํากดั มาก ทาํ ให้ยังมขี ้อจํากัดเกีย่ วกับแหลง่ ที่จะเรียนในปัจจุบนั 2) เคร่ืองมือที่จําเป็น ผู้เรียนจะต้องมีเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์และโมเด็มที่ บ้านหรือที่ทํางาน พร้อมที่จะติดต่อเชื่อมเข้ากับโปรแกรมห้องเรียนเสมือน ดังนั้นการเรียน ในระบบห้องเรียนเสมือน จึงดูคล้ายกับผู้เรียนจะต้องมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอสมควร หรอื ไม่ก็จะตอ้ งทํางานในองค์กรที่มอี ุปกรณ์เหล่านี้ และพร้อมจะสนับสนุนให้เข้าเรียนได้ 3) การให้ข้อมูลย้อนกลับล่าช้า การสื่อสารในชั้นเรียนปกติจะเป็นการสื่อสาร แบบประจนั หน้า การถามคําถามจะได้รบั คาํ ตอบทนั ทีท่ นั ใดแต่ในสื่อที่มกี ารเรียนแบบภาวะ ต่างเวลาอาจจะต้องรอข้อมูลย้อนกลับ อาจจะเป็นช่ัวโมงหรือเป็นวัน ยิ่งไปกว่านั้นบางคร้ัง ผสู้ อนอาจจะะททําําใใหห้ข้ข้อ้อมมูลูลยย้อ้อนนกกลลบั ับแแบบบบเเปป็น็นกกลลุ่มุ่มแแบบบบรรววมมๆๆมมิไดิได้เฉ้เฉพพาาะะเจเจาาะะจจงงใหให้ก้กับับผผู้เรู้เรียียนน คนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามการให้ข้อมูลย้อนกลับทันทีทันใดสําหรับห้องเรียนเสมือน สามารถกระทาํําได้ ถถ้า้าผผู้ทู้ที่รี่รว่ ่วมมเเรรียยี นนททกุ กุ คคนนตติดิดตตอ่ ่อกกันนั แแบบบบออยยู่หู่หนนา้ ้าจจออคคออมมพพิววิ เเตตออรร์พ์พรร้อ้อมมๆๆกกันนั การพดู คุย การให้ข้อมลู ย้อนกลบั กนั และกนั จะต้องมกี ารเตรียมข้อความสําเร็จรูป จะทําให้

96 Learning Design and Classroom Management 96 การติดต่อระหว่างกันและกันภายในกลุ่มรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่โดยส่วนมากและการเรียนแบบ หอ้ งเสมือนมกั จะนิยมใชแ้ บบภาวะตา่ งเวลา จงึ ทําให้คาํ ตอบทีไ่ ด้รับล่าช้าออกไป 4) ทักษะเอกสาร ผู้เรียนที่จะเรียนในระบบห้องเรียนเสมือน จะต้องมีทักษะใน การอ่านและการเขียนเป็นอย่างดี เพราะผู้เรียนต้องใช้ทักษะในการใช้เคร่ือง ไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อการติดต่อสื่อสาร การใช้ซอฟแวร์ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาข้อ ข้องใจจากการใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์เบอื้ งต้นได้ 5) การออกแบบห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) ก า ร อ อ ก แ บ บ ห้ อ ง เ รี ย น เ ส มื อ น ส า ม า ร ถ อ อ ก แ บ บ ใ ห้ มี ลั ก ษ ณ ะ (มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, 2554 : Online) ดงั น้ี 5.1) Learning is fun โดยนําเทคโนโลยีจอง JAVA มาเสริมในการเรียนรู้ แบบสนุกสนานและไม่เครียด นักเรียนจะได้เล่นเกมทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ รายวิชาอืน่ ๆ ก็สามารถออกแบบในลกั ษณะนีไ้ ด้ 5.2) Multimedia นักเรียนจะเรียนรู้บทเรียนจากภาพและเสียง สามารถ ควบคมุ ขั้นตอนของการเรยี นรู้ได้ด้วยปลายนวิ้ สัมผสั ของตนเอง 5.3) Asynchronous learning หมายถึงการเรียนที่ไม่จําเป็นจะต้องมี ครูผู้สอนอยู่กับนักเรียนในเวลาและสถานที่เดียวกัน ครูจะจัดทํา/รวบรวม “บทเรียน ออนไลน์” ซึ่งใช้เรยี นทีไ่ หนกไ็ ด้ เวลาใดกไ็ ด้ 5.4) Electronic library เปน็ หอ้ งสมดุ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ นักเรียนสามารถค้นหา สิ่งที่ตอ้ งการจากแหล่งข้อมลู ตา่ งๆ ท่ัวโลกได้โดยใช้ - Search engine นอกจากนี้จังมีบริการให้ค้นหาหนังสือจากห้องสมุดของ มหาวิทยาลัยต่างๆ ค้นหาคาํ ศพั ท์และอน่ื ๆ จาก Web Site ต่างๆ - Information on demand นักเรียนสามารถเรียกดูข้อมูลสารสนเทศตามที่ ต้องการได้จากข้อมลู ตามคาํ ส่ัง ซึ่งได้แก่ ขา่ ว และสารพันความรู้ ในอนาคตที่จะปรากฏลักษณะของ Virtual classroom ผนวกกับกระแสความ เจริญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และความต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการ เรียนรู้ การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยการจัดการห้องเรียนแบบ Virtual classroom หรอื ห้องเรียนที่เป็นทางเลือกใหม่สําหรับนักการศึกษา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการ เรียนรู้ให้แก่ผเู้ รียนทุกเพศทกุ วยั และยงั สนับสนุนแนวคิดการศึกษาตลอดชวี ิตอกี ด้วย

การออกแบบการเรียนรูแ้ ละการจดั การชั้นเรียน 9977 4.4.2 ห้องเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Classroom) คือห้องเรียนที่จัดทําขึ้น เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของครูผู้สอน ที่มีสื่อ ประกอบการเรียนการสอนที่หลากหลาย มีอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ที่ทันสมัยประจําห้อง ไม่ว่า่าจจะะเเปป็น็นเเคครร่ือ่ืองงคคออมมพพิวิวเเตตออร์ ์ เเคครร่ือื่องงโโปปรรเเจจคคเเตตออรร์ช์ช่ว่วยยสสออนน(V(Visiusaulal ppreresseennttaation) ตลอดดจจนนออุปุปกกรรณณ์เค์เคร่ืรอ่ืองเงลเ่นล่นDVDDVD ที่เปท็ี่เนปส็น่ือสกื่อากราสรอสนอแนทแนทกนการาใรชใช้ก้กรระะดดาานนดดํําา หรือ Whiteboard ในขณะที่ตัวนักเรียนเองก็จะใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองมือหนึ่งในการ เรียนแทนการใชป้ ากกาและสมดุ (บญุ เกื้อ ควรหาเวช, 2554 : Online) ในห้องเรียน Electronic Classroom นี้นักเรียนจะสามารถพัฒนาการเรียนรู้เพิ่ม มากขึ้นและจะได้อะไรที่มากกว่าปกติ ตัวครูผู้สอนเองก็จะมีเคร่ืองมือที่พร้อมต่อการดึงสิ่ง ทีเ่ ปน็ ประโยชน์เข้ามาเปน็ ส่วนหนึง่ ของสอ่ื การเรียนการสอนไปยงั นกั เรียน หอ้ งเรียน Electronic Classroom เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการจัดการห้องเรียน ซึ่ง จัดขึ้นเพื่อตองสนองต่อรูปแบบการสอน ที่เน้นการใช้สื่อเทคโนโลยีและสื่ออิเลคทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต การสอนแบบ Online ตลอดจนการใช้ระบบ Electronic Classroom ในการควบคุมกระบวนการเรียนการสอน หรือการนําเสนอบทเรียน แบบฝึก ต่างๆ ห้องเรียน Electronic Classroom เป็นระบบการจัดการเรียนสอนสอนที่มุ่งอาศัย คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ผ่านทางระบบเครือข่าอินเทอร์เน็ต (Web base Learning) โดยไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นวิชาหนึ่งวิชาใด อีกทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ เรียนการสอน และกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้อินเทอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูล และติดต่อสื่อสาร กับครูผู้สอนอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากโครงสร้างในการจัดเน้ือหารายวิชาบนเครือข่าย แล้ว Electronic Classroom ยังมีเคร่ืองมือช่วยสอนต่างๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น ห้องสนทนนา คําถามที่ถูกถามบ่อย กระดานถาม-ตอบ แบบทดสอบ เอกสารการสอน ประกาศข่าว ปฏิทินและเวบ็ ลิง้ ค์ ดังนั้น อรรถประโยชน์พื้นฐานของ Electronic Classroom ก็คือ ให้ผู้เรียนได้รับ เน้ือหาวิชาที่เป็นปัจจุบันได้ในทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สถานศึกษาหรือสถานที่อื่น และยังช่วยประหยัดเวลาของครูผู้สอนในการที่จะขยายขอบเขตของเน้ือหาหรืออธิบาย เพิ่มเติมในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนด้วยประสิทธิ์ภาพของห้องเรียน Electronic

98 Learning Design and Classroom Management 98 Classroom ที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่คาดหวังว่า ห้องเรียน Electronic Classroom จะเป็น เครือ่ งมือทีส่ ามารถกระตุ้นใหผ้ เู้ รียนสนใจมากขึ้น 4.4.3 ห้องเรียนกลับทาง (Flipped room) จากการศกึ ษาหนังสือ “ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลังทาง” ของ วิจารณ์ พานิช (2556 : 19-65) สามารถสรปุ แนวคิดเกีย่ วกบั หอ้ งเรียนกลับทางได้ดังนี้ ห้องเรียนกลับทาง มีกําเนิดขึ้นเม่ือประมาณ 5 ปีมาแล้ว จากความคิดของครูสอนวิชาเคมีชั้นมัธยมใน สหรฐั อเมริกา 2 คน คือ Jonathan Bergman และ Aaron Sams ที่ต้องการช่วยนักเรียนที่มี ปญั หาตามช้ันเรยี นไม่ทันเพราะต้องขาดเรียนไปเล่นกีฬาหรือไปทํากิจกรรม หรือเพราะเขา เรียนรู้ได้ช้า โดยครูทําวิดีโอสอนวิชาไปแขวนไว้บนอินเทอร์เน็ต ให้ศิษย์ที่ขาดเรียนเข้าไป เรียนได้ ศิษย์ที่เรียนช้าก็เข้าไปทบทวนได้อีก ไม่ต้องพึ่งการจดผิดๆ ถูกๆ ตกๆ หล่น ๆ อีก ต่อไป แต่คุณค่าของวิดีโอบทเรียนที่แขวนไว้บนอินเทอร์เน็ตไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันนําไปสู่ การกลับทางการเรียนรู้ของศิษย์ วิดีโอบทเรียนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ช่วยให้นักเรียนไม่ จําเป็นต้องใช้เวลาที่โรงเรียนในการเรียนเนื้อหาวิชา แต่ใช้เวลาให้เกิดคุณค่าต่อตนเอง มากกว่าน้ัน คือ เรียนวิชาที่บ้าน ทําการบ้านที่โรงเรียน ไม่ใช่นักเรียนเท่าน้ันที่เรียนรู้ในทาง กลับกันครูก็สอนกลับด้วย คือ แทนที่จะสอนวิชาหน้าชั้นเรียน กลับสอนหน้ากล้องวิดีทัศน์ แล้วใช้เวลาเรียนที่โรงเรียนของศิษย์ทําหน้าที่ครูฝึก (Coach) ให้นักเรียนฝึกแปลงวิชาหรือ ประยุกต์ใช้วิชา ซึ่งในกระบวนการน้ันนักเรียนต้องสร้างความรู้ความเข้าใจของตนขึ้นมาใน สมองและหัวใจ ก่อนจะประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจกรรมหรือโจทย์แบบฝึกหัดเป็นการฝึกฝน เรียนรู้ที่แท้จริง 1) จดุ มงุ่ หมายของห้องเรียนกลบั ทาง 1.1) เพื่อเปลี่ยนวิธีการสอนของครู จากบรรยายหน้าช้ัน หรือเป็นครูสอน ไป เป็นครูฝึก ฝึกการทําแบบฝีกหัดหรือกิจกรรมอื่น ๆ ในชั้นเรียนหรืออาจเรียกว่าเป็นครู ติวเตอร์ 1.2) เพือ่ ใช้เทคโนโลยีการเรียนที่เดก็ สมัยใหมช่ อบ คือ ไอซีที หรืออาจเรียกว่า เป็นการนําโลกของนักเรียน คือโลกดิจติ อล

การออกแบบการเรียนรูแ้ ละการจัดการช้ันเรียน 9999 1.3) ช่วยเด็กที่มีงานยุ่ง เด็กสมัยนี้ธุระมาก กิจกรรมมาก การมีบทสอนด้วย วีดที ศั นอ์ ยู่อินเทอร์เนต็ ช่วยใหเ้ ดก็ เหล่านเี้ รียนไว้ล่วงหนา้ 1.4) ช่วยเด็กเรียนอ่อนที่ขวนขวายในห้องเรียนปกติ เด็กเหล่านี้จะถูกทอดทิ้ง แตใ่ นห้องเรยี นกลับทาง เดก็ เหล่านีจ้ ะได้รับความเอาใจใส่จากครูมากที่สุด คือ ครูเอาใจใส่ เดก็ ที่ตอ้ งการความช่วยเหลือมากที่สดุ โดยอัตโนมัติ 1.5) ช่วยเด็กที่มีความสามารถแตกต่างกันให้ก้าวหน้าในการเรียนตาม ความสามารถของตน เพราะเด็กสามารถฟงั วิดที ัศนก์ ีร่ อบกไ็ ด้ 1.6) ช่วยให้เด็กจัดเวลาเรียนตามที่ตนเองพอใจ เบื่อก็หยุดพักได้ แบ่งเวลาดู วีดที ัศนเ์ ปน็ ช่วง ๆ ได้ 1.7) ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครูเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรียกว่า การเรียนออนไลน์ การกลับทางห้องเรียนยังคงเปน็ การเรียนแบบนกั เรียนมาโรงเรียน 1.8) ช่วยเปลี่ยนหรือเพิ่มบทบาทของครูให้เป็นท้ังพี่เลี้ยง (Mentor) เพื่อนบ้าน (Neighbor) และผู้เชี่ยวชาญ (Expert) 1.9) ช่วยให้ครูรู้จักนักเรียนดีขึ้น หน้าที่ของครูไม่เพียงช่วยให้ศิษย์ได้วิชาหรือ เนื้อหา แต่ต้องกระตุ้นแรงบันดาลใจ (Inspire) ให้กําลังใจรับฟัง และช่วยส่งเสริมให้เด็กฝัน ถึงอนาคตของตน 1.10) ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักเรียนกันเอง จากเรียนเพื่อทําตาม คําส่ังครู หรือทํางานเพื่อให้เสร็จตามกําหนด เป็นการเรียนเพื่อตนเอง เพื่อการเรียนรู้ของ ตนไม่ใช่เพื่อคนอื่น ส่งผลให้เด็กเอาใจใส่ในการเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนใน หอ้ งเรียน เกีย่ วกบั การเรียนจะเพิ่มขึน้ โดยอตั โนมัติ นกั เรียนทีเ่ ข้าใจ จะทําแบบฝึกหัดได้ จะ ช่วยเหลือเพือ่ น สร้างไมตรจี ติ ระหว่างกนั 1.11) ช่วยให้เห็นคุณค่าของความแตกต่าง ซึ่งโดยธรรมชาติ เด็กในชั้นเรียน เดียวกันมีความแตกต่างกันมาก มีความถนัดและความชอบที่แตกต่างกัน การกลับทางชั้น เรียนช่วยให้ครูเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของนักเรียนแต่ละคน เพื่อนนักเรียนด้วยกันก็เห็น และช่วยเหลือกนั ด้วยจดุ แขง็ ของแตล่ ะคน 1.12) เป็นกาารรเเปปลลี่ย่ียนนกกาารรจจัดัดกกาารรหหอ้ ้องเงรเรียียนนปญัปัญหาหเาดเ็กดเ็กบเื่อบกื่อากราเรียเรนียกน่อก่อวนกชว้ัน เชรนั้ ียเนรยี หนรหือรหอื ลหบลไปบนไปั่งนใชงั่ ้สใชม้สามรา์ทรโ์ทฟโนฟแนชแทชกทับกเบัพเื่อพนอื่ นรวรมวทมท้ังสงั้ ิ่งสพงิ่ พึงปงึ ประรสะสงคงค์ใน์ในชชั้นนั้เรเรียยีนนออื่นนื่ ๆ จะ

100 Learning Design and Classroom Management 100 หมดไป เน่ืองจากในห้องเรียนกลับทางนักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นผู้รับถ่ายทอด อย่างในห้องเรียนแบบเดิม ไม่มคี รมู ายืนสอนปาวๆ หนา้ ชั้นใหน้ ่าเบือ่ หน่ายอีกต่อไป 1.13) เปลี่ยนคําสนทนากับพ่อแม่เด็ก จากถามว่าเด็กอยู่ในโอวาทของครู หรอื ไม่ ไปเป็นถามวา่ เด็กได้เรยี นรู้หรือไม่ หากเด็กคนไหนไม่ได้เรียนรู้เท่าที่ควร ผู้ปกครอง และครจู ะร่วมกนั ช่วยใหเ้ ด็กเรียนรู้ได้อย่างไร 1.14) ช่วยให้การศึกษาแก่พ่อแม่และคนในครอบครัว พ่อแม่เด็กบางคนดู วิดีทัศน์ไปพร้อมกับลูก บางบ้านดูกันท้ังบ้านก็มี ทําให้ผู้ใหญ่ก็ได้เรียนวิชานั้นไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครวั ทีด่ ้อยโอกาส 1.15) ช่วยให้เกิดดคคววาามมโโปปรร่ง่งใสในในกกาารรศศึกึกษษาาในในสสหหรรัฐัฐออเเมมรริกิกาามมีปีปัญั หาคนไม่ ศรัทธาเชื่อม่ันในระบบการศึกษา การกลับทางห้องเรียนเอาคําสอนในวีดีทัศน์ไปไว้บน อินเทอร์เน็ต เป็นการเปิดเผยเนือ้ หาสาระของการเรียนแก่สาธารณะชน ใครๆ ก็เข้าไปดไู ด้ 2) ขอ้ พึงตระหนักในการนาแนวคดิ หอ้ งเรียนกลังทางมาใช้ 2.1) ก่อนจะคิดใช้วีดีทัศน์ในการเรียนที่บ้านของนักเรียน ให้ไตร่ตรองให้ รอบคอบเสียก่อนวา่ จะเป็นประโยชน์แก่ผเู้ รียนจรงิ หรอื ไม่ 2.2) เมื่อตัดสินใจใช้วีดีทัศน์ก็ต้องคิดต่อว่าจะใช้ของคนอื่นที่มีอยู่แล้ว หรือคิด จะทําขนึ้ ใช้เอง ทั้ง 2 แนวทางต่างกม็ ีขอ้ เสีย 2.3) การทําวีดีทัศน์ต้องมีการวางแผนบทเรียน แล้วจึงถ่ายทําตามความ ต้องการ ตกแต่งแก้ไข แล้วจึงนําวีดีทัศน์ออกเผยแพร่ให้นักเรียนเข้าดูได้ 2.4) ครูต้องไม่หลงเข้าใจผิดว่า ส่วนที่สําคัญที่สุดในการเรียนแบบกลับทาง ห้องเรียนอยู่ที่วีดีทัศน์ ตรงกันข้ามเวลาสําคัญที่สุดของการเรียนแบบนี้อยู่ที่เวลาเรียน ใน ห้องเรียนครูจะต้องประเมินคุณค่าของเวลาช่วงนี้และออกแบบแล้วปรับปรุงเพื่อให้เป็ น เวลาที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้สูงสุดของเด็ก คือเกิดการเรียนรู้ในมิติที่ลึกและเชื่อมโยง มากกว่าการเรียนแบบเดิม

การออกแบบการเรยี นร้แู ละการจัดการชั้นเรยี น 101101 3) ห้องเรียนกลับทางส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบรู้จริง (Mastery Learning) ห้องเรียนกลับทางส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบสร้างความรู้ขึ้นในสมองของ ตนหรือการเรียนแบบรู้จริง (Mastery Learning) หลักการสําคัญของการเรียนแบบรู้จริง คือ ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ชุดหนึ่งตามอัตราเร็วของการเรียนรู้ของตน ไม่ใช่ ต้องเรียนตามอตั ราเรว็ ของครหู รอื ชั้นเรยี นกาํ หนด โดยองค์ประกอบของห้องเรียนกลับทาง เพื่อส่งเสริมการเรยี นใหร้ ู้จริง ประกอบด้วย - กําหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนให้ชดั เจน - ไตร่ตรองว่าวัตถุประสงค์ส่วนไหนควรเรียนแบบลงมือทําหรือ Inquiry ส่วน ไหนควรเรียนแบบรับถ่ายทอด - ให้แนใ่ จว่านักเรียนเข้าถึงวีดที ศั นเ์ พือ่ สาระวิชา - สร้างกิจกรรมให้นกั เรียนลงมือทาํ เพือ่ เรียนรู้ในชน้ั เรียน - สร้างวิธีสอบหลายวิธีเพื่อพิสูจน์ว่านักเรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตาม วัตถปุ ระสงค์ในแตล่ ะบทเรียน 4) ลกั ษณะของห้องเรียนกลบั ทาง 4.1) สอนให้นกั เรียนรับผดิ ชอบการเรียนของตนเอง ในห้องเรียนแบบกลับทาง นักเรียนรับผิดชอบต่อการเรียนของตนเอง การเรียนไม่ใช่สิ่งที่กระทําต่อนักเรียน แต่ กลายเปน็ สิ่งทีน่ ักเรียนเป็นเจ้าของ เปน็ ผู้กระทาํ และเป็นทกั ษะทีต่ ดิ ตัวตลอดไป 4.2) ทําให้ห้องเรียนเต็มไปด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ห้องเรียนกลับทางเป็น วิธีที่ทําให้เป็นกิจกรรมเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ที่มีกิจกรรมเรียนรู้แตกต่างกันใน หอ้ งเรียนเดียวกันเวลาเดียวกัน และเดก็ แต่ละคนเรียนด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน และครูก็ ดูแลเดก็ ด้วยมาตรฐานทีแ่ ตกต่างกนั 4.3) การเรียนรู้เป็นศูนย์กลางของห้องเรียนในห้องเรียนแบบเก่าครูเป็นจุด สนใจของหอ้ งเรียน แต่ในห้องเรียนกลับทางจุดสนใจอยู่ที่สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้หรือยังไม่รู้ ในห้องเรียนแบบนี้นักเรียนมาเข้าห้องเรียนพร้อมกับเปูาหมายของการเรียนรู้ ครูเป็นผู้จัด สิ่งของนักเรียนและสิ่งอํานวยความสะดวกต่อการเรียนรวมทั้งช่วยแนะนําให้นักเรียนวาง แผนการเรียนรขู้ องตน

102 Learning Design and Classroom Management 102 4.4) ห้องเรียนเปลี่ยนจากที่รับถ่ายทอด(ความรู้) มาเป็นที่พูดคุยแลกเปลี่ยน เพื่อการเรียนรู้ นักเรียนอยู่ในสภาพเป็นเจ้าของกระบวนการเรียนรู้ ไม่ใช่เพียงผู้รับ ถ่ายทอดสาระ หอ้ งเรียน (Classroom) เปน็ พืน้ ทีส่ าํ หรับการเรียนรู้ (Learning Space) 4.5) ให้บริการ Feedback แก่เด็กในทันทีและลดเอกสารที่ครูต้องทําการ ประเมินอย่างไม่เป็นทางการ การเรียนรู้แบบหลังทางจะให้ Feedback แก่เด็กในทันทีที่เด็ก ทํากิจกรรมในห้องเรียน ช่วยใหเ้ ดก็ ได้รคู้ วามก้าวหน้าทางการเรียนของตนทนั ที และครูก็ไม่ ต้องตรวจการบ้านกองโต นักเรียนจะเอาชิ้นผลงานมาคุยกับครูเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และ ประเด็นหลักของการเรียน ครูจะตรวจสอบความเข้าใจ และความเข้าใจผิดของเด็กไป พร้อมๆกัน ครูให้คะแนนได้ในช่ัวโมงเรียน และสามารถปรึกษาหรือวางแผนการเรียนที่ จําเป็นขั้นต่อไป เพื่อช่วยใหเ้ ข้าใจชดั ข้ึนหรอื เพือ่ ขจดั ความเข้าใจผดิ 4.6) ช่วยใหน้ กั เรียนมีโอกาสได้เรียนเสริมในช้ันเรียนตามเกณฑ์มีนักเรียนบาง คนไม่ผ่านการทดสอบในรอบแรก ซึ่งหากเป็นช้ันเรียนตามปกติ การสอนก็ดําเนินต่อไป และนักเรียนที่เเรรียียนนไไมม่ท่ทันันกก็จ็จะะคค่อ่อยยๆๆล้าหลังยิ่งข้ึนๆ จจนนเเบบื่อ่ือเเรรียียนน แแตต่ใ่ใหห้เ้เรรียียนนแแบบกลับทาง นักเรียนจะเรียนเร่ืองเดิมใหม่ จนกว่าจะรู้จริงและครูก็จะรู้ว่าจะต้องช่วยเหลือนักเรียนคน ใดในเร่อื งใด คือครูเอาใจใส่นักเรียนเป็นรายคน เม่ือนักเรียนที่เรียนอ่อนเหล่านี้ได้แก้ความ เข้าใจผดิ ของตน ก็จะสามารถเรียนบทเรียนต่อไปได้คล่องแคล่วข้ึน 4.7) เปิดช่องให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยหลากหลายวิธี ในการจัดการเรียนรู้แบบ กลับทางเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเรียนด้วยวิธีที่ตนถนัดที่สุด เช่น บางคนชอบเรียนจาก วีดที ศั น์ บางชอบเรียนจากตําราเรียน บางคนชอบค้นจากอินเทอร์เนต็ เป็นต้น ครูก็ส่งเสริม ทําให้เด็กรู้สึกมีอิสระและรู้สึกว่าการเรียนเป็นเร่ืองของตนเอง เป็นความรับผิดชอบต่อ ตนเอง 4.8) เปิดช่องให้นักเรียนแสดงภูมิรู้ได้หลากหลายแบบ นักเรียนบางคนอาจ แสดงความรู้ความเข้าใจได้ดีโดยการตอบข้อสอบตามปกติ แต่บางคนอาจแสดงความ เข้าใจได้ดีกว่า โดยการอภิปรายด้วยวาจากับครู หรือบางคนชอบการทดสอบโดยนําเสนอ ด้วย PowerPoint หรอื บางคนอาจเขียนเรียงความอธิบายความเข้าในที่ตน่ื ตาต่ืนใจที่สดุ 4.9) เปลี่ยนบทบาทของครู ครูได้ใช้เวลาให้เกิดคุณค่าต่อศิษย์มากที่สุด เพื่อ ช่วยใหเ้ วลาในห้องเรยี นเปน็ เวลาทีศ่ ิษย์เกิดการเรยี นรู้แบบรู้จริง

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การชั้นเรียน 101303 4.10) นักเรียนเห็นคุณค่าของการเรียนไม่ใช่รับจ้างมาโรงเรียน โดยท่ัวไป นกั เรียนมาโรงเรียนโดยหวังได้เกรด ผา่ นการท่องจําเน้ือวิชา ไม่ใช่หวังได้เรียนรู้ นักเรียนใน ช้ันเรียนแบบกลับทางจะเริ่มต้นด้วยความไม่พอใจวิธีเรียนแบบใหม่ที่ไม่ถ่ายทอดวิชาให้ โดยตรง แตใ่ นทีส่ ุดเดก็ เหล่านีจ้ ะค่อยๆ เปลีย่ นไปเป็นเด็กที่มที กั ษะแหง่ “นักเรียนรู้” 4.11) จัดซ้าํ ง่ายขยายชน้ั เรียนงา่ ยและจัดใหเ้ หมาะสมต่อเดก็ เป็นรายคนได้ง่าย 4.12) ช่วยเพิ่มเวลาพบหนา้ ระหว่างครูกับศษิ ย์ 4.13) ช่วยใหน้ กั เรียนทกุ คนอยู่กับการเรียน 4.14) ผทู้ าํ งานคือนกั เรียน 4.15) ช่วยใหเ้ ดก็ ติดตามการสาธิตของครูอย่างใกล้ชิด 4.16) เปิดโอกาสใหค้ รูชว่ ยเหลอื นักเรียน 5) วิธีดาเนินการห้องเรียนกลับทาง 5.1) อธิบายประโยชน์ของการเรียนแบบใหม่ และให้เด็กดูวีดีทัศน์ที่อธิบายวิธี เรียนแบบนี้ 5.2) แจ้งให้ผู้ปกครองนักเรียนทราบเรื่องการเรียนแบบใหม่ 5.3) สอนวิธีดูและจดั การวดี ีทศั นใ์ ห้แก่นกั เรียน 5.4) กําหนดให้นักเรียนตั้งคําถามที่น่าสนใจ โดยนักเรียนแต่ละคนต้องต้ัง คาํ ถามมาคนละ 1 คาํ ถามต่อวดี ที ศั น์ 1 ตอน 5.5) วางรูปแบบหอ้ งเรียนแบบกลบั ทาง โดยห้องเรียนเปลี่ยนจาก Classroom เป็น Studio คือกลายเป็นห้องทํางาน เป็นห้องที่จุดสนใจคือการเรียนของตนเอง เรียนโดย การลงมือทํา ไม่ใช่โดยการฟังครูสอนในห้องเรียนแบบเก่า เคร่ืองใช้ต่างๆในห้องต้องเน้น การใช้งานเพื่อการเรียนของนักเรียน และเพื่อการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของ นกั เรียน ไมใ่ ช่เพื่อการสอนของครูอย่างแต่ก่อน 5.6) ให้เด็กได้จัดการเวลาและงานของตนเองในห้องเรียนกลับทาง นักเรียน สามารถเรียนไว้ล่วงหน้า เรยี นวิชาบางวิชาให้จบเร็ว สามารถสอบไล่ก่อนเวลา และใช้เวลา ของวิชาที่เรียนจบเร็วเรียนวิชาอื่น นักเรียนที่เรียนช้าก็สามารถใช้เวลาเรียนซ้ําช่วงที่ ต้องการได้ สอบส่วนใดไม่ผ่านกส็ อบใหม่ได้เสมอ

104 Learning Design and Classroom Management 104 5.7) สส่ง่งเเสสรริมิมใใหห้เ้เดด็ก็กชช่ว่วยยเหเหลลือือกกันันเอเองงหห้อ้องเงรเียรีนยคนือคือLeLaernairnngingHHuubb ((ไไมม่ใช่ Teaching Hub) จุดสนใจคือนักเรียนเรียนด้วยตนเอง ไม่ใช่ครู นักเรียนจะตระหนักในความ จรงิ ขอ้ นีแ้ ละเรียนรู้รว่ มกนั และช่วยเหลือกนั จะรวมตวั กนั เองเป็นกลุ่มเพื่อเรียนรู้ร่วมกัน 5.8) สรา้ งระบบประเมนินททเ่ี ี่เหหมมาาะะสสมมรระะบบบบปปรระะเมเมนิ ินททปี่ ี่ประรเะมเนิมคินวคาวมาเมขเา้ ขใ้าจใขจอขงอเดวก็ง เอดย็ก่าองยแ่ามง่นแยมำ� ่นยาํ 5.9) การประเมินเพื่อปรับปรุง (Formative Assessment) ครูที่มีประสบการณ์ สูงจะสามารถบอกได้ทันทีว่าาเเดด็ก็กคคนนไไหหนนยยังังไไมม่เ่เขข้า้าใใจจเเรร่ือ่ืองงออะะไไรร โดโดยยเมเม่ือื่อคครรูเดูเดินินไปไปรรออบบๆ หอ้ งเรียนครูจะสอบถามบางคําําถามแกน่ กั เรียนบางคน และรีบแก้ความเขา้ ใจผดิ ทันที 5.10) ถามคําถามที่ถูกต้องในการทดสอบแบบ Formative คําถามที่ครูถาม ศิษย์ทีละคนจึงแตกต่างกันเป็นรายคน เป็นไปตามสถานการณ์ แตกต่างกันไป ตามระดับ ความเข้าใจ เเปป็น็นคคํา�ำถถาามมทที่ชี่ช่ว่วยยใใหห้ค้ครรูรูรู้วู้ว่า่านนักักเเรรียียนนคคนนนนั้นั้นๆ มีความก้าวหน้าในบทเรียนน้ันไป ถึงไหนแลว้ และนักเรียนตอ้ งการความช่วยเหลือหรือไมอ่ ย่างไร 5.11) การสอบแบบได้ – ตก (Summative Evaluation) นี่คือการสอบเพื่อดูว่า เดก็ บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของการเรียนรู้หรือไม่ โดยที่ครูต้องกําหนดว่าเกณฑ์สอบ ผ่าน – ไม่ ผา่ น คืออะไร 5.12) ความซือ่ สตั ย์ในการสอบ ครูตอ้ งหาวิธีปูองกันเด็กโกงสอบโดยการสอบ ที่เดก็ โกงไม่ได้หรอื ได้ยาก 5.13) ใช้เคร่ืองช่วยการสอบเพื่อผลได้ – ตก เคร่ืองช่วยนี้คือ Computer – Generated Exam ที่การออกข้อสอบและให้คะแนนทําโดยคอมพิวเตอร์ โดยครูเป็นผู้ออก ข้อสอบใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ (ครูต้องลงแรงออกข้อสอบมากข้อขึ้น) ทําให้นักเรียนแต่ละคน ได้รบั ข้อสอบคนละชดุ และครูสามารถปรบั ความยากง่ายของการสอบแต่ละครั้งได้ 5.14) ทํางานในวฒั นธรรมให้เกรด A – F ครูต้องไตร่ตรองว่าการให้ผลสอบ A – F ในห้องเรยี นแบบกลบั ด้านมคี วามหมายอย่างไร แตกต่างจาก A – F โดยท่วั ไปอย่างไร

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจดั การช้นั เรียน 101505 สรปุ ความ การจัดการช้ันเรียนในอนาคตจําเป็นต้องนํานวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้เป็น เคร่ืองมือในการจัดการห้องเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนตอบสนองความ ต้องการของผู้เรียนที่มีระดับความเร็วในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน สร้างโอกาสให้ผู้เรียนใน การเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม อีกท้ังอํานวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียนทุก กลุ่ม ดังน้ันเม่ือนําเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการห้องเรียน บทบาทของครูจะเปลี่ยนจาก การสอนมาเป็นผู้อํานวยความสะดวก ห้องเรียนจะเปลี่ยนสภาพเป็น Studio ที่มีเคร่ืองมือ อุปกรณ์พร้อมให้เด็กนําความรู้ที่ได้ศึกษามาแปลงเป็นชิ้นงานต่างๆ การเรียนรู้จะเปลี่ยน จากการเรียนเพ่ือสอบให้ได้คะแนนดีๆๆ เเปป็นการเรียนเเพพื่อื่อใใหห้รู้จริง ดังน้ันครูในฐานะ ผู้จัดการความรู้ต้องปรับเปลี่ยน เตรียมตัวเองให้มากขึ้นเพื่อจะได้เป็นผู้จัดการความรู้ที่มี ประสิทธิภาพ คค�ำาถถาามมททา้ ้ายยบบทท 1. 1จ. งจบงอบกอคกวคาวมาสม�ำสคําัญคัญขอขงอสงภสาภพาแพวแดวลด้อลม้อกมากราเรเียรนียรนู้ทรี่มู้ทีต่ม่อีตก่อากราจรัดจกัดากราเรเียรนียน การสอน 2.2 “.กา“รกจาดัรสจถัดาสนถทาี่นโตทะ๊ ี่ โเตก๊ะา้ อเ้ีกอ้าปุ อกี้ รอณุปกต์ รา่ งณๆ์ตใ่าหงง้ า่ ๆยตใหอ่ ้งก่าายรตเค่อลกอ่ื านรไเหควลโื่อยนกไยหา้ วยโยทกำ� ใยห้า้ ย ผทสู้ําใอหน้ผไปู้สถองึนตไปวั ผถเู้ึงรตยี ัวนผไดู้เรส้ ียะนดไวดก้สตะำ�ดแวหกนต่งํขาแอหงผน้สู ่งอขอนงไมผ่จู้สำ� อเนปไน็ มต่จอ้ ํางเอปย็น่หู ตน้อา้ งชอน้ั ยเู่หสมนอ้าชไปั้นเผสสู้ มออนไป อผาู้สจอนนง่ั อายจทู่ นา่ ม่ังอกยลู่าทง่าผมเู้ รกยี ลนาเงพผอื่ ู้เใรหีย้คนำ� เปพรื่อกึ ใษหา้ค”ําจปดั รอึกยษ่ใู นาอ”งคป์ รจะัดกออยบู่ใในดอของคงส์ปภราะพกแอวบดใลด้อขมอง กสาภราเพรยีแวนดรลู้ เ้อพมรากะาเรหเรตยีุใดนรู้ เพราะเหตุใด 3.3 จ.งจองธอิบธาิบยาแยนแวนควิดคเิดกเี่ยกวี่ยกวับกหับ้อหง้อเรงียเรนียเสนมเสือมนือจนรจิงร(ิงV(irVtuiratul acllacslsarsosoromo)mห) ้อหง้อเรงเียรนียน อิเล็กทรอนกิ ส์ (Electronic classroom) และห้องเรยี นกลับทาง (Flipped classroom) 4.4 จ.งจวงเิ ควริเคาะรหา์ขะ้อหด์ขขี ้อ้อดดีข้อ้อยดข้องยหข้อองงเหรยี้อนงเสรมียือนนเสจรมงิ ือ(นVจirtรuิงal(cVlairstsuraolom) หc้อlaงsเsรrียooนm) อหิเ้อลงก็ เทรียรอนนอกิ เลส็ก์ (Eทleรcอtrนoิกniสc์ c(lEalsescrtoronmic) และcหla้อsงsrเoรoยี mน)กลบั ทแาลงะ(หF้อlipงpเeรdียนclกasลsับroทomาง) (Flipped classroom)

106 Learning Design and Classroom Management 106 เอกสารอ้างอิง กิตติยา โพธิสาเกตแุ ละธัชชยั จติ รนนั ท์. (2561). การพัฒนาแนวทางการจัดสภาพ แวดล้อมการเรียนรู้ภายในสถานศึกษาเอกชน สังกัดอัครสังฆมณฑลท่าแร่ หนอง แสง. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม. 8(2). 54-62. ธเนศ ขําเกิด. (2558). คุยเฟื่องเรือ่ งนเิ ทศการศึกษา 30 ประสบการณก์ ารนเิ ทศ การศกึ ษาระดับเขตพื้นที่การศกึ ษาของ ผอ.กิตติพงศ์ ราชสิกข์/ธเนศ ขาํ เกิด. วารสารวิทยาจารย์. 114(8). 20-23. บญุ เกื้อ ควรหาเวช. (2554). นวัตกรรมการศึกษา. [ออนไลน์]. http://www.st.ac.th/ av/inno_eclass.htm. (วนั ที่สบื ค้น 25 กรกฎาคม 2564). ประวีณา โภควณิช. (2559). แนวทางการจัดสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ สาหรับสถานศึกษาเรียนรวมระดบั ประถมศึกษา จังหวดั ปทุมธานี. รายงาน การวิจยั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี, ปทมุ ธาน.ี พชั ราภรณ์ โพธิสัย. (2558). สภาพแวดลอ้ มทางการเรียนของนักเรยี นโรงเรยี นบา้ น นาคานาในสังกัด สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ . รายงานการวิจัย มหาวิทยาลยั บูรพา, ชลบุรี. ไพฑูรย์ ศรฟี ูา.การจัดสภาพแวดล้อมทางการเรยี น. [ออนไลน์]. http://srithai. hypermart.net/ environment.html. (วนั ที่สบื ค้น 25 กรกฎาคม 2564). มนตรี แย้มกสิกร. (2554). แนวคดิ เกีย่ วกบั ห้องเรียนเสมือน. [ออนไลน์]. http://www.csjoy.com/storynet/vclass.htm. (วนั ที่สบื ค้น 25 กรกฎาคม 2564). มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. (2544).การจดั ห้องเรียนเสมือนจรงิ (Virtual Classroom Online). [ออนไลน์]. http://std.kku.ac.th/4974500126/sara5.html. (วันทีส่ บื ค้น 25 กรกฎาคม 2564). มาริสา ธรรมมะ. (2545). ความพึงพอใจของนิสิตต่อสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัย บูรพา วิทยาเขตสารสนเทศสระแกว้ . รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยบรู พา, ชลบุรี.

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการชั้นเรยี น 101707 รฐั สภา พงษ์ภญิ โญ. (2556). การพฒั นาสภาพแวดล้อมการเรียนรใู้ นวิทยาลยั เทคโนโลยีพงษ์ภิญโญ. รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ขอนแก่น. วนิดา ปณุปิตตา. (2561). การพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของนักเรยี นใน โรงเรยี นบงใตโ้ นนรงั พฒั นา สงั กัดสานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา ประถมศึกษาสกลนคร เขต 2. รายงานการวิจยั มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, สกลนคร. วิจารณ์ พานชิ . (2546). ครเู พื่อศษิ ยส์ รา้ งหอ้ งเรียนกลบั ทาง. (พิมพ์ครง้ั ที่ 2). กรุงเทพฯ : บริษทั เอส.อาร์.พริน้ ตงิ้ แมสโปรดักส์ จาํ กัด. วิชิต เทพประสิทธิ.์ (2558). การจัดสภาพแวดลอ้ มในหอ้ งเรียน. กรงุ เทพฯ : แสงจนั ทร์ การพิมพ.์ อรพนั ธุ์ ประสิทธิรตั น์. (2545). การศึกษาสภาพแวดล้อมทางการเรียนของนิสิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ, รายงานการวิจยั มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ, กรุงเทพฯ. อรุณ รักธรรม. (2536). ทฤษฏีและแนวทางปฏิบัติในการบรหิ ารการศึกษา พฤติกรรม องคการ : ความสมั พันธ์ระหว่างบรรยากาศองคการกับปจจัยอื่นๆ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. Mcvey, G.F. (1989). Learning Environment in the International Encyclopedia of Educational Teaching. Oxford : Pergamum Press. Robbins, S. P. (1990). Oranization Theory Structure Design And Applications Englewood Cliffs. New Jersey : Prentice - Hall.

108 Learning Design and Classroom Management ฝากธรรมยำ้ เตียน F เกง กลา เพราะจำเปนตองสู F รู เพราะเคยพลาด F ฉลาด เพราะเคยผิด F คิดเปน เพราะทกุ ข F สุข เพราะผานวิกฤติ

บทที่ 5 5นวนัตวกตัรรกมเรพรือ่ มกาเรพจือ่ดั กกาารศรึกจษดั ากาบรทศทึกี่ ษา ความนา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 จาเป็นต้องมีนวัตกรรม ใหม่ ๆ เพื่อให้ทันต่อโลกยุคเทคโนโลยี ดังนั้น ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้สอนนั้น องค์ประกอบที่จะทาให้ประสบความสาเร็จคือรูปแบบการจัดกิจกรรมหรือเทคนิควิธีที่ แปลกใหม่ สร้างความสนใจให้ผู้เรียน หรือสื่อวัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของรายวิชานั้นๆ รูปแบบเทคนิค วิธีการ สิ่งประดิษฐ์หรือกระบวนการที่นามาใช้แก้ไขปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ให้มี ประสิทธิภาพตรงตามเปูาหมายที่ต้องการนั้นเรียกว่า “นวัตกรรมการศึกษา” (Educational) นน่ั เอง 5.1 ความหมายของนวัตกรรม ได้มีการศึกษาเร่ืองนวัตกรรม (Innovation) และกล่าวถึงมาเป็นระยะเวลา ค่อนขา้ งนานแลว้ แต่การให้คานิยามหรอื ความหมายของนวัตกรรม ตลอดจนความเข้าใจก็ ยงั มีความแตกต่างกัน ตามมุมมองและภูมิหลังของนักวิชาการแต่ละคน ซึ่งก็ยังไม่สามารถ กาหนดคานิยามให้เป็นที่ยอมรับกันท่ัวไป (Gopalakrishnan & Bierly, 1997) สาหรับราก ศัพท์ของคาว่า นวัตกรรม (Innovation) น้ันมาจากภาษาลาตินคาว่า “Innovare” แปลว่า “ทาสิ่งใหม่ขึ้นมา”และ“นวัตกรรม”มาจากภาษาบาลีสันสกฤต คือ นว (ใหม่) + อตฺต (ตัวเอง) + กรม (การกระทา) (สานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, 2550) จึงสามารถแปลได้ว่า กำารกระท�ำาทีใ่ หม่ของตตนนเเอองงหหรรอื ือกกำารรกกรระะทท�ำาขขอองงตตนนเอเองงททใ่ี หี่ใหมม่ใน่ในดด้ำ้านนกกำารศึกษาำ ดังที่ โโรรเจอร์ (Rogers, 2003 :12) ให้ความหมายว่า“นวัตกรรม”ในหนังสือ Diffusion of Innovations สามารถสรุปได้ว่า นวัตกรรม คือ ความคิด การกระทาหรือวัตถุใหม่ๆ ที่รับรู้ว่าเป็นสิ่งใหม่

110 Learning Design and Classroom Management 110 อาจรับรู้ด้วยตัวบุคคลแต่ละคนหรือหน่วยอื่นๆ ของการยอมรับในสังคม สอดคล้องกับ ฮิวซ์ (Hughes, 1971 อ้างถึงในกีรติ ยศยิ่งยง, 2552) อธิบายถึงนวัตกรรมว่า เป็นการนา วิธีการใหม่ๆ มาปฏิบัติหลังจากได้ผ่านการทดลองหรือได้รับการพัฒนามาเป็นขั้นเป็นตอน ตามลาดับ คือ การคิดค้น การพัฒนาและนาไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความแตกต่างจากการ ปฏิบตั ิเดิมที่เคยปฏิบัติ นอกจากนี้ โรเจอร์ (Rogers) ยังอธิบายถึงการพิจารณาว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็น นวัตกรรมจะข้ึนอยู่กับการรับรู้ของงแแตต่ละุบบุคุคคคลลหหรรือือกกลลุ่มุ่มบบุคุคคคลลวว่า่าเเปป็น็นสสิ่ง่ิงใใหหมม่ส่สา�ำหหรรับับเเขขาา ฉะนั้นนวัตกรรมของสงั คม ใดสังคมหนึ่งอาจไม่ใช่นวัตกรรมของสังคมอื่นก็ได้ ดังน้ัน ความ ใหม่ของนวตั กรรมมี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) สิง่ ใหม่ทียงั ไม่มใี ครทามาก่อน 2) สิง่ ใหม่ที่เคยทามาแล้วและถูกล้มเลิกไป และถูกรือ้ ฟืน้ ขึน้ มาใหม่ เพราะ ความเหมาะสม 3) สิง่ ใหม่ที่พัฒนามาจากของเก่าทีม่ อี ยู่เดิม ในด้านการศึกษาได้มีการนานวัตกรรมมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการจัดการเรียนการ สอนโดยนักวิชาการได้ให้ความหมายของนวัตกรรมการศึกษาไว้สอดคล้องกัน ได้แก่ วรวิทย์ นิเทศศลิ ป์ (2551 : 21) สคุ นธ์ สินธพานนท์ (2553 : 16) วัชรพล วิบูลยศริน (2556 : 10) และทิศนา แขมมณี (2559 : 148) ได้กล่าวว่า นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง การ นา�ำเอาความคิดหรอื วิธีปฏิบัติทางการศกึ ษาใหม่ๆมมาาใใชช้ก้กับับกกาารรศศกึ ึกษษาาไไดด้แ้แกก่ ่แแนนววคคิดิด รูปแบบ วิธีการปฏิบัติ กระบวนการ สื่อต่างๆ ทที่เ่เี กกี่ยี วกับการศึกษา หหรือสิ่งใหม่ๆ ทที่ยีย่ ังงั ไไมมแ่ พร่หลาย หรือยังไม่เคยใช้มาก่อน และเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการหรือสิ่งที่มีอยู่เดิม โดยผ่าน การคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือพัฒนาจากของเดิมที่มีอยู่ให้ทันสมัย และปรับปรุงจน ได้ผลดีมีประสิทธิภาพ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน หรอื พัฒนาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรยี นรู้อย่างมปี ระสิทธิภาพ กล่าวโดยสรุปว่า นวัตกรรม คือ“การทาขึ้นใหม่”หรือ“สิ่งที่ทาขึ้นใหม่” ซึ่งได้แก่ แนวคิด แนวทาง ระบบ รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ สื่อและเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การศกึ ษา ซึง่ ได้รับการคิดค้นและจัดทาขึ้นใหม่ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ทางการศึกษา ทา ให้เกิดผลในเชิงบวกเม่ือปฏิบัติ สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม เกิด ประสิทธิภาพสูงกว่าเกิด สามารถช่วยภาระด้านแรงงานและเวลาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่า

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการชน้ั เรียน 111111 นวตั กรรมนั้นจะปรากฏออกมาในรูปความคิด การกระทาหรือวัตถุก็ตาม ส่วน “นวัตกรรม การศึกษา”คือรูปแบบ แนวคิด กระบวนการ หรือสื่อใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา สอดคล้องกับหลักสูตร และสามารถแก้ปัญหาหรือพัฒนาความสามารถของผู้เรียนได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ 5.2 องคป์ ระกอบของนวตั กรรม การกล่าวว่าสิ่งใดเป็นนวัตกรรม ย่อมจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ดังเช่น อัจฉรา จนั ทร์ (2553 : 54) ได้อธิบายองค์ประกอบของนวตั กรรมมอี ยู่ 3 ประการ คือ 1) ความใหม่ (Newness) สิ่งที่จาได้รับการยอมรับว่า มีคุณลักษณะเป็น นวัตกรรมได้นั้นจะต้องมีก็คือความใหม่ หมายถึง เป็นสิ่งใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น ซึ่งอาจจะมี ลักษณะเป็นตัวผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกระบวนการ โดยจะเป็นปรับปรุงจากของเดิมหรือ พัฒนาข้นึ ใหมเ่ ลยก็ได้ 2) การใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ (Knowledge and Creativity Idea) หมายความว่า สิ่งที่จะถือเป็นนวัตกรรมได้น้ันจะต้องเกิดจากการใช้ความรู้และความคิด สร้างสรรคเ์ ป็นฐานการพฒั นาให้เกิดข้ึนใหม่ ไม่ใช่เกิดจากการลอกเลียนแบบการทาซ้า 3) ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ (Economic Benefits) และสังคม (Social) ก็คือ การให้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ หรือการสร้างความสาเร็จในเชิงพาณิชย์ กล่าวคือ นวัตกรรมจะต้องสามารถทาให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้นได้จากการพัฒนาสิ่งใหม่นั้น ๆ ซึ่ง ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นสามารถวัดได้เป็นตัวเงินโดยตรง และในเชิงสังคมเป็นการสร้าง คุณค่า ซึง่ ไม่สามารถวดั เป็นตวั เงินได้ สรุปได้ว่า องค์ประกอบของ “นวัตกรรม” คือ สิ่งใหม่ที่เกิดจากการใช้ความรู้ และความคิดสรา้ งสรรคท์ ีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ เศรษฐกิจและสงั คม

112 Learning Design and Classroom Management 112 5.3 นวัตกรรมการศึกษา (Educational innovation) นวตั กรรมการศกึ ษา (Educational innovation) มีผู้ให้ความหมายของนวัตกรรม การศกึ ษาไว้หลายท่าน ดังน้ี 1) นรเดช โซเซฟ มานะมุติ (ออนไลน์) กล่าวว่า ในที่นี้คาว่า “ นวัตกรรม การศกึ ษา ” จะประกอบด้วย 2 คาคือ คาวา่ “ นวัตกรรม ” และคาวา่ “ การศกึ ษา ” คาวา่ “นวตั กรรม” ตามความหมายที่สรุปไว้แล้วนั้น หมายถึง การนาแนวคิดใหม่ วิธีการใหม่หรือสิ่งใหม่มาใช้ท้ังหมดหรือการพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม แนวคิดเดิม วิธีการเดิมหรือสิ่งเดิมเพื่อช่วยให้การทางานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดี ยิง่ ข้นึ ส่วนคาว่า “การศึกษา” ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมายความว่ากระบวนการการเรียนรเู้ พือ่ ความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสังคมโดยการ ถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรแู้ ละปจั จยั เกื้อหนนุ ให้บุคคลเรียนรู้อย่างตอ่ เนื่องตลอดชวี ิต 2) สานักงานสภาสถาบันราชภัฏ (2544 : 32) ได้ให้ความหมายของ นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ นามาใช้แก้ปญั หาหรอื พฒั นาการเรียนรู้ใหม้ ีประสิทธิภาพตรงตามเปูาหมายของหลักสูตร นวัตกรรมที่ใช้ในการวิจัยชั้นเรียน หมายถึง รูปแบบใหม่ๆ ของสื่อการเรียนการ สอนเทคนิควิธี กิจกรรม หรือสิ่งอื่นใดที่ผู้สอนนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพ นวัตกรรมที่นามาใช้อาจเป็น นวัตกรรมที่ผู้สอนคิดขึ้นใหม่หรืออาจเป็นสิ่งที่มีผู้อื่นคิดค้นขึ้น หรือมีการใช้ทั่วไปในที่แห่ง หนง่ึ แล้วหากนามาปรบั ปรงุ แก้ไข และสามารถใช้ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพหรอื ประสิทธิผลใน ที่อกี แห่งหนง่ึ ก็ถือวา่ เปน็ นวัตกรรม 3) ทิศนา แขมมณี (2559 : 418) ได้ให้ความหมายของนวัตกรรม หมายถึง แนวคิด แนวทาง ระบบรูปแบบ วิธีการ กระบวนการ สื่อและ เทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การศกึ ษา ซึ่งได้รับการคิดค้นและจัดทาขึน้ ใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหา ต่าง ๆ ทางการศึกษา

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจดั การช้นั เรียน 111313 4) พิสณุ ฟองศรี (2551 : 65-71) ได้กล่าวถึงความหมายและความสาคัญ ของนวัตกรรมทางการศกึ ษาไว้ดงั นี้ นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการหรือสิ่งประดิษฐ์ ใหม่ ๆ ที่นามาใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพตรงตามเปูาหมายของ หลักสตู ร นวัตกรรมที่ใช้ในการวิจัยชั้นเรียน หมายถึง รูปแบบใหม่ๆ ของสื่อการเรียนการ สอนเทคนิควิธี กิจกรรม หรือสิ่งอื่นใดที่ผู้สอนนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพ นวัตกรรมที่นามาใช้อาจเป็น นวัตกรรมที่ผู้สอนคิดขึ้นใหม่หรืออาจเป็นสิ่งที่มีผู้อื่นคิดค้นขึ้นหรือมีการใช้ท่ัวไปในที่แห่ง หนง่ึ แล้วหากนามาปรบั ปรงุ แก้ไขและสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลใน ที่อกี แห่งหนง่ึ กถ็ ือวา่ เป็นนวัตกรรม 5) พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2559 : 81) ได้ให้ความหมายของนวัตกรรมการจัดการ เรียนรู้หมายถึง รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ เทคนิค สื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่ได้มี การศึกษาและพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้ครูนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน โดยอาจเป็นสิ่งใหม่ที่ได้รับการยอมรับและนาไปใช้บ้างแล้วแต่ยังไม่แพร่หลายหรือ ยังไม่ได้ใช้อย่างเป็นปกติ นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้จึงอาจเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดหรือใหม่ เพียงบางสว่ นหรอื เปน็ ส่วนหนึ่งของระบบการจัดการเรียนรู้ จากความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษาที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า นวตั กรรมทางการศึกษา หมายถึง รูปแบบ หรอื สือ่ การสอนหรือวิธีการ ที่ครูพัฒนาขึ้นจาก พื้นฐานของนวัตกรรมเดิมที่ยังไม่เคยนามาใช้พัฒนาผู้เรียนหรืออาจจะสร้างขึ้นมาใหม่ตาม แนวคิด ทฤษฎี หรือหลักวิชาการเพื่อนาสิ่งที่สร้างขึ้นไปใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนให้ บรรลตุ ามจุดมงุ่ หมายที่วางไว้

114 Learning Design and Classroom Management 114 5.4 ประเภทของนวัตกรรมการศกึ ษา การจาแนกประเภทของนวัตกรรมการศึกษา มีการแยกประเภทหรือจาแนก ประเภทโดยแบ่งตามการใชป้ ระโยชน์ และแบ่งตามลกั ษณะของนวตั กรรม ดังตอ่ ไปนี้ สานักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2550 : 155-172 อ้างถึงใน เกริก ท่วมกลาง, 2555) กล่าวถึงการจา�ำแนกประเภภททขขอองนนววัตัตกกรรรรมมกกาารรศึกษาว่า นนววัตัตกกรรรมทาง การศกึ ษาได้มผี คู้ ิดพัฒนาขึน้ มาเปน็ จานวนมาก สามารถจาแนกได้ดังน้ี 1) จาแนกตามผใู้ ช้ประโยชน์โดยตรง แบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ (1.1) ประเภทสส่อื ื่อสสำ� าหหรรับับคครรู ไู ดได้แ้แกก่ แ่ แผผนนกการาจรัดจัดกากราเรเียรนียรนู้ รคู้ ู่มคอื ู่มคือรคู รเูอกเอสกาาร สปารระปกรอะบกกอาบรกสาอรนสเอคนรอ่ื เคงมรื่องวมัดอืผวลัดอผุปลกอรปุ ณก์โรสณต์โทสศั ตนทวัศสั นดวุ ัสดุ (1.2) ประเภทสื่อสาหรับนักเรียน ได้แก่ แบบเรียนสาเร็จรูป เอกสาร ประกอบการเรียน ชุดฝกึ ปฏิบัติ ใบงาน ชุดเพลง ชุดเกม การต์ ูน 2) จาแนกตามลักษณะของนวตั กรรม แบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ (2.1) ประเภทเทคนิควิธีการหรือกิจกรรม เช่นบทบาทสมมุติ การสอนแบบ ศนู ย์การเรียนการสอน ความคิดรวบยอดด้วยวิธีสอนอปุ นยั ฯลฯ (2.2) ประเภทสื่อการเรียนการสอน เช่น บทเรียนสาเร็จรูป ชุดการสอน ชุดสื่อประสมบทเรียนโมดูล วีดีทัศน์ เกม เพลง ใบงาน มนสิช สิทธิสมบูรณ์ (2550 : 3-5) และชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2555 : 63-64) ได้ จาแนกประเภทของนวตั กรรมไว้ 5 ประเภท ดงั นี้ 1) นวัตกรรมททาางงดด้า้านนหหลลักักสสูตูตรรเปเป็น็นกกาารรใชใ้ชว้ิธวิีกธีากราใรหใมห่มๆ่ๆใในนการพัฒนา หลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น และตอบสนองความต้องการสอน บคุ คลใหม้ ากขึน้ เนอ่ื งจากหลักสูตรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและของโลก นอกจากนี้ การพัฒนาหลักสูตรยังมีความจาเป็นที่จะต้องอยู่บนฐานของแนวคิด ทฤษฎี และปรัชญา ทางการจัดการสัมมนาอีกด้วย การพัฒนาหลักสูตรตามหลักการและวิธีการดังกล่าวต้อง อาศัยแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ ที่เปน็ นวัตกรรมการศึกษาเข้ามาช่วยเหลือจัดการให้เป็นไป ในทิศทางทีต่ ้องการ นวตั กรรมทางดา้ นหลักสตู รในประเทศไทย ได้แก่

การออกแบบการเรียนรู้และการจดั การชั้นเรียน 111515 (1.2) หลักสูตรบูรณาการ เป็นการบูรณาการส่วนประกอบของหลักสูตร เข้าด้วยกันกับทางด้านวิทยาการในสาขาต่าง ๆ การศึกษาทางด้านจริยธรรมและสังคม โดยมุ่งใหผ้ เู้ รียนเปน็ คนดี สามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ในสาขาต่าง ๆ ให้สอดคล้อง กบั สภาพสงั คมอย่างมีจริยธรรม (1.3) หลักสูตรรายบุคคล เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อ การศึกษาตามอัตภาพ เพื่อตอบสนองแนวความคิดในการจัดการศึกษารายบุคคล ซึ่ง จะต้องออกแบบระบบเพื่อรองรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ (1.4) หลักสูตรกิจกรรมและประสบการณ์ เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้น กระบวนการในการจัดกิจกรรมและประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเพื่อนาไปสู่ความสาเร็จ เช่น กิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในบทเรียน ประสบการณ์การเรียนรู้จากการสืบค้น ด้วยตนเอง (1.5) หลักสูตรท้องถิ่น เป็นการพัฒนาหลักสูตรที่ต้องการกระจายการ บริหารจัดการออกสู่ท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับศิลปวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและความ เป็นอยู่ของประชาชนทีม่ ีอยู่ในแตล่ ะท้องถิ่น แทนที่หลักสตู รในแบบเดิมทีใ่ ช้อยู่ในส่วนกลาง 2) นวัตกรรมการเรียนการสอน เป็นการใช้วิธีระบบในการปรับปรุงและ คิดค้นพัฒนาวิธีสอนแบบใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองการเรียนรายบุคคล การสอนแบบ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนแบบมีส่วนร่วม การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา การพัฒนาวิธี สอนจาเป็นต้องอาศัยวิธีการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาจัดการและสนับสนุนการเรียน การสอน ตัวอย่างนวัตกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอนได้แก่ การสอนแบบศูนย์การเรียน การใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ การสอนแบบเรียนรู้ร่วมกัน และการเรียนผ่านเครือข่าย คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนต็ การวิจยั ในชั้นเรยี น ฯลฯ 3) นวัตกรรมการผลิตสื่อการสอน เนือ่ งจากมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครือข่าย และเทคโนโลยี โทรคมนาคม ทาให้นักการศึกษา พยายามนาศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในการผลิตสื่อการเรียนการสอนใหม่ๆ จานวนมากมาย ทั้งการเรียนด้วยตนเอง การเรียนเปน็ กลุ่มและการเรียนแบบมวลชน 4) นวัตกรรมทางด้านการประเมินผล เป็นนวัตกรรมที่ใช้เป็นเคร่ืองมือเพื่อ การวัดผลและประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทาได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการ วิจัยทางการศึกษา การวิจัยสถาบัน ด้วยการประยุกต์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มา

116 Learning Design and Classroom Management 116 สนับสนุนการวัดผล ประเมินผลของสถานศึกษา ครู อาจารย์ ตัวอย่างนวัตกรรมทางด้าน การประเมินผล ได้แก่ การพัฒนาคลังข้อสอบ การลงทะเบียนผ่านทางเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต การใช้บัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อการใช้บริการของ สถาบนั การศึกษา การใชค้ อมพิวเตอร์ในการตดั เกรด ฯลฯ 5) นวัตกรรมการบริหารจัดการ เป็นการใช้นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ สารสนเทศมาช่วยในการบริหารจัดการเพื่อการตัดสินใจของผู้บริหารการศึกษาให้มีความ รวดเร็วทันเหตุการณ์ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนวัตกรรมการศึกษาที่นามาใช้ ทางด้านการบริหาร จะเกี่ยวข้องกับระบบการจัดการฐานข้อมูลในหน่วยงานสถานศึกษา เช่น ฐานข้อมูลนักเรียน นักศึกษา ฐานข้อมูลคณะอาจารย์และบุคคลากรในสถานศึกษา ด้านการเงิน บัญชี พัสดุ และครุภัณฑ์ ฐานข้อมูลเหล่านี้ต้องการออกระบบที่สมบูรณ์มี ความปลอดภัยของขอ้ มูลสูง นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับสารสนเทศภายนอกหน่วยงาน เช่น ระเบียบ ปฏิบัติ กฎหมายพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการอบรม เก็บรักษาและออกแบบระบบการสืบค้นที่ดีพอ ซึ่งผู้บริหารสามารถสืบค้นข้อมูลมาใช้งาน ได้ทันทีตลอดเวลา การใช้นวัตกรรมแต่ละด้านอาจมีการผสมผสานที่ซ้อนทับกันในบาง เรือ่ ง ซึง่ จาเปน็ ต้องมีการพัฒนาร่วมกนั ไปพร้อมๆ กันหลายด้าน การพัฒนาฐานข้อมูลอาจ ต้องทาเปน็ กลุ่มเพื่อให้สามารถนามาใช้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการจาแนกประเภทของนวัตกรรมการศึกษา เห็นได้ชัดเจนว่าการจาแนก นวัตกรรมไม่สามารถใช้เกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งมาจาแนกได้ แต่จะขึ้นอยู่กับบริบทในขณะนั้น ว่าผู้พัฒนานวัตกรรมมุ่งเน้นไปที่จุดใด ต้องการพัฒนานวัตกรรมในส่วนใด ท้ังนี้ที่เห็นได้ ชัดเจนคือ การแยกประเภทตามการใช้ประโยชน์ และตามลักษณะของนวัตกรรม หาก จาแนกจากองค์ประกอบในภาพรวมของระบบการศึกษาก็สามารถจาแนกได้เป็น นวัตกรรมด้านหลักสูตร นวัตกรรมด้านการเรียนการสอน นวัตกรรมสื่อการ สอน นวัตกรรมประเมินผล และนวัตกรรมการบริหารจัดการ

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจัดการช้ันเรียน 111717 5.5 การนานวตั กรรมการศกึ ษาไปใช้ การนานวัตกรรมการศึกษาไปใช้ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนาการเรียนการสอน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น จาเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สอนจะต้องพิจารณาลักษณะต่าง ๆ ต่อไปนี้ (ทิศนา แขมมณี, 2559 : 419-420) 1) เปน็ นวตั กรรมที่ไม่ซบั ซ้อนและยุ่งยากจนเกินไป ใช้ง่าย ใช้สะดวก 2) เป็นนวตั กรรมทีไ่ ม่เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป 3) เป็นนวัตกรรมทีส่ าเรจ็ รปู อานวยความสะดวกในการใชง้ าน 4) เปน็ นวตั กรรมทีไ่ ม่กระทบกระเทือนบริบทเดิมมากนัก 5) เป็นนวัตกรรมที่ให้ผลชดั เจน นอกจากนี้ กิดานนั ท์ มลทิ อง (2543 : 248) ได้เสนอแนะว่าการนานวัตกรรมไปใช้ ในการจดั การเรยี นการสอน ผสู้ อนต้องคานงึ ถึงสง่ิ ตา่ ง ๆ ดังน้ี 1) นวัตกรรมที่น�าำมาใช้นั้นมีจุดเด่นที่เห็นได้จชัดเจนกว่าวัสดุ อุปกรณ์หรือ วิธีการที่ใช้อยู่ในปัจจบุ ันมากน้อยเพียงใด 2) นวตั กรรมนั้นมีความเหมาะสมหรอื ไม่กบั ระบบหรอื สภาพที่เป็นอยู่ 3) มีกรณีวจิ ัยหรอื การศกึ ษายืนยันแน่นอนแล้วว่า สามารถนามาได้ดีในสภาพ สภาวการณ์ทีค่ ล้ายคลึงกนั 4) นวตั กรรมน้ันมีความเกี่ยวข้องกบั ความต้องการของผู้ใช้อย่างจรงิ จัง พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2559 : 83-85) ได้กล่าวถึงการนานวัตกรรมการเรียนเพื่อการ จัดการเรยี นรู้ของครผู ู้สอนและการเรียนรู้ของผเู้ รียน ดงั น้ี 1) การใชน้ วตั กรรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาในการจดั การเรียนรู้ของครู (1.1) ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ ปัญหาที่มักพบอยู่เสมอคือ ครู ส่วนใหญ่ยังคงยึดรูปแบบวิธีการสอนแบบบรรยายโดยครูเป็นศูนย์กลางที่เน้นการพูด บรรยายถ่ายทอดเนื้อหาสระมากกว่าสอนในรูปแบบอื่น การสอนด้วยวิธีการแบบนี้ทาให้ ผู้เรียนเป็นฝุายรับรู้ (passive learner) ซึ่งจะมีผลให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่มีความสามารถ ในเชิงการคิด ประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานได้น้อย (passive ability) มักเป็นคนประเภท บริโภคนิยม บรรยากาศของการสอนแบบบรรยายนอกจากจะทาให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อ หน่าย ขาดความสนใจแล้ว ยังเป็นการปิดก้ันความคิดและสติปัญหาของผู้เรียนให้อยู่ใน

118 Learning Design and Classroom Management 118 ขอบเขตจากัดอีกด้วย แต่ถ้าครูผู้สอนได้ศึกษา ค้นหาวิธีการหรือนวัตกรรมจัดการเรียนรู้ที่ เน้นผู้เป็นสาคัญ มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่ทาให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้มากขึ้น และเปน็ ฝาุ ยลงมอื ปฏิบัติมากขึ้น (active learner) ก็จะทาให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่สามารถ คิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น (active ability) ดังนั้น การนานวัตกรรมมาใช้ใน การจดั การเรียนรู้จึงช่วยแก้ปญั หาเรอ่ื งวิธีการจดั การเรียนรู้ (1.2) ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาซึ่งในบางรายวิชามีเน้ือหาสาระการเรียนรู้ มากและบางวิชามีเนื้อหาเป็นนามธรรม ยากแก่การเข้าใจ จึงจาเป็นจะต้องนานวัตกรรม เข้ามาช่วยในการจัดการเรียนรู้เช่น การใช้ชุดการเรียนการสอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอน (CAI) บทเรียนการ์ตูน การเรียนแบบร่วมมือ (1.3) ปัญหาเกี่ยวกับสื่อ อุปกรณ์การจัดการเรียนรู้ ในบางเนื้อหามีสื่อ อปุ กรณ์การจดั การเรียนรู้เป็นจานวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการนาไปใช้ เพื่อทาให้ผู้เรียนเกิด ความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาวิชาได้ง่ายขึ้น จึงจาเป็นต้องมีการพัฒนาคิดค้นหาเทคนิค วิธีการจัดการเรียนรู้และผลิตสื่อการจัดการเรียนรู้ใหม่ ๆ เพื่อนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ใ ห้ เ พี ย ง พ อ เ ห ม า ะ ส ม กั บ ส ภ า พ ข อ ง ผู้ เ รี ย น จึ ง จ ะ ท า ใ ห้ ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ บ ร ร ลุ ต า ม จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2) การใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ ครูต้องการจะพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาเป็นที่ครูจะต้อง แ ส ว ง ห า ห รื อ พั ฒ น า น วั ต ก ร ร ม เ พื่ อ น า ม า ใ ช้ ใ น ก า ร พั ฒ น า ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ ใ ห้ มี ประสิทธิภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน เช่น ใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบโครงการเพื่อ พัฒนาทักษะด้านความคิด วิเคราะห์ การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง ความรสู้ ามคั คี การใช้แหล่งเรียนรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นสาหรับการเรียนรู้และสร้างความ รกั ท้องถิ่น 3) การใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยที่ผู้เรียนมีความ แตกต่างกันในหลายลักษณะ บางคนมีความสนใจในการเรียนและเรียนรู้ได้เร็ว ในขณะที่ บางคนขาดแรงจูงใจในการเรียน จึงไม่ให้ความสนใจต่อการเรียนและเรียนรู้ได้ช้า ดังน้ัน ครูผู้สอนจึงต้องพยายามศึกษาหาวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน ให้สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การชนั้ เรียน 111919 ตามศักยภาพซึ่งจะต้องใช้นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้มาช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี และมีคุณภาพ 4) การใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน เปูาหมายสูงสุดของ การจัดการเรียนรู้ คือ คณุ ภาพของผู้เรยี นทีเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ แต่จากผลการ ประเมินมักจะพบว่า คุณภาพของผู้เรียนยังไม่ได้มาตรฐาน แม้ว่าครูจะพยายามจัดการ เรียนรู้อย่างตั้งใจแล้วก็ตาม ทาให้ผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาพยายามหา วิธีการหรือใช้นวัตกรรมมาช่วยในการบริหารจัดการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การ บริหารสถานศึกษาแบบเครือข่ายความร่วมมือ การบริหารสถานศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็น ฐาน การจัดโครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพศึกษาโดยใช้รูปแบบต่างๆ ในขณะที่ครูหรือ นักวิชาการทางการศกึ ษาก็ได้ศกึ ษา ค้นคว้าหารูปแบบหรอื นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้เพื่อ นามาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน เช่น ครูใช้สื่อการ เรียนรู้หรอื รูปแบบ เทคนิควิธีในการจดั การเรยี นรู้แบบต่างๆ เพื่อพฒั นาคุณภาพของผู้เรียน ให้ได้มาตรฐานการศกึ ษาที่กาหนดไว จะเหน็ ได้ว่าการนานวตั กรรมการศกึ ษาไปใช้ในการแก้ปัญหาหรอื พฒั นาการเรียน การสอนควรเป็นนวัตกรรมที่ใชง้ า่ ย ใช้สะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก อานวยความสะดวกใน การใชง้ าน มีความเหมาะสมกับสภาพที่เป็นอยู่ ให้ผลชัดเจน สามารถนามาใช้ได้ดีในสภาพ สภาวการณ์ที่คล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังเป็นสื่อการสอนและวิธีการสอนใหม่ ๆ ที่ครูนามาใช้ พัฒนาผู้เรียนโดยเน้นที่ความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นความสามารถในการเรียนรู้ของ ผู้เรียนเป็นหลัก นวัตกรรมจะทาให้ผู้เรียนเข้าบทเรียนหรือเนื้อหามากขึ้น โดยสามารถ พัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะและด้านเจตคติของผู้เรียนทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้ เป็นไปตามมาตรฐานที่หลกั สตู รกาหนด

120 Learning Design and Classroom Management 120 5.6 การพัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการ เรียนรู้ การแก้ปัญหาหรอื การพัฒนาการเรียนรู้ เกิดขึ้นเม่ือผู้สอนวิเคราะห์และพิจารณา เลือกหรือหาวิธีการหรอื นวัตกรรมทีด่ ที ี่เหมาะสมที่สุดไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาการ เรียนรู้ รวมท้ังสร้างเคร่ืองมือวัดผลการเรียนรู้ เพื่อใช้ตรวจสอบผลการแก้ปัญหาหรือผล การพัฒนาการเรียนรู้ซึ่งคาว่า “วิธีการ หรือนวัตกรรม” และ “เคร่ืองมือวัดผล” หมายถึง กิจกรรม กระบวนการ เคร่อื งมอื สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ท้ังที่เป็นรูปแบบใหม่ๆ หรือของเก่าที่ ได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งผู้สอนไม่เคยนามาใช้ประกอบในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ เพือ่ ให้ผู้เรยี นเกิดความรู้ ทักษะและเจคติตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ กาหนดไว้ สว่ น “เครื่องมือวัดผลการเรียน”หมายถึง เคร่ืองมือที่ใช้วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนด้านความรู้ ทักษะและเจตคติตามวัตถุประสงค์ โดยการเรียนรู้ที่ผู้สอนกาหนด ไว้ ทั้งก่อน-ขณะ และหลังการดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งผู้สอนสามารถเก็บรวบรวม ข้อมูลการเรียนรู้ของผู้เรียน จากการใช้เคร่ืองมือวัดผลดังกล่าวเพื่อนามาวิเคราะห์และ เสนอผลการแก้ปัญหาหรอื พฒั นาการเรียนรู้ได้ วิชัย วงศ์ใหญ่และมารุต พัฒผล (2562 : 6-7) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับแนวทางการ พัฒนาทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรม ว่าผู้สอนสามารถพัฒนาทักษะการสร้างสรรค์ นวตั กรรมของผู้เรยี นผา่ นการจดั การเรียนรู้ตามแนวทางต่อไปนี้ 1) ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้ท้าทายความคิดตอบสนองธรรมชาติ ความ ต้องการ และความสนใจของผู้เรยี นเม่อื ผเู้ รียนเกิดความรู้สึกท้าทาย และเป็นสิ่งที่เขาอยาก เรียนรู้ จะทาให้ใชค้ วามคิดของตนเองอย่างเตม็ ความสามารถ 2) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้ความคิดของตนเองให้มากที่สุด โดยผู้สอนไม่นา ความคิดหรือประสบการณ์ของตนเองไปตัดสินความคิดของผู้เรียน แต่จะต้องกระตุ้นให้ ผเู้ รียนหาเหตผุ ลมาสนบั สนนุ ความคดิ ของตนเอง 3) ชีแ้ นะวิธีการแสวงหาความรจู้ ากแหล่งการเรียนรทู้ ีห่ ลากหลายให้กับผู้เรียน และโค้ชให้ผู้เรยี นใหน้ าความรตู้ ่างๆ มาสงั เคราะหแ์ ละนาไปใช้ในการสรา้ งสรรคน์ วตั กรรม

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การช้ันเรียน 121121 4) ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence Technology) มาเป็นเคร่ืองมือในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทาให้เกิดแนวคิด (Idea) ในการ สร้างสรรคส์ ิ่งใหม่ที่มปี ระโยชน์ตอ่ ส่วนรวม 5) สร้างโอกาสให้ผู้เรียนนาเสนอนวัตกรรมของตนเองผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณใ์ นการส่ือสารนวัตกรรมสู่สังคม คุณลักษณะจิตอาสา แบ่งปัน นวตั กรรมกับบคุ คลอืน่ 6) ประเมินทักษะการสร้างสรรค์นวัตกรรมของผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง ด้วย วิธีการประเมินอย่างหลากหลาย ในลักษณะของการประเมินที่เสริมพลังตามสภาพจริง และให้ข้อมูลย้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้เรียนนาไปต่อยอดทักษะการสร้างสรรค์ นวัตกรรมของตนเอง สุวิสาข์ เหล่าเกิด (ม.ป.ป. : 1-7) ได้กล่าวถึงการพฒั นาวิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อ แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ ว่าผู้สอนทาความเข้าใจเกี่ยวกับ“การพัฒนาวิธีการ หรือ นวตั กรรมการเรียนรู้” ว่าเป็นอย่างไร การที่เราจะแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ใดๆ เรา จาเป็นต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นวิธีการหรือนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ อาจด้วยการทาขึ้น ใหม่ทั้งหมด หรือการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วหรือออกแบบเพื่อพัฒนาวัสดุ อุปกรณ์ เทคนิค หรือวิธีการขึ้นมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับการ แก้ปัญหาหรอื ตรงกบั ความตอ้ งการทีค่ าดหวังไว้ โดยวิธีการหรือนวัตกรรมที่ได้มา ต้องเป็น เครือ่ งมือที่มีบทบาทสาคัญในการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากผู้สอนไปสู่ผู้เรียน ช่วยกระตุ้นความสนใจ และเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดาเนินไป อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ผู้เรียนมีพัฒนาการด้านความรู้ ความเข้าใจ ทักษะปฏิบัติและ ทัศนคติ ได้ตามที่ผสู้ อนต้องการ การถ่ายทอดความรแู้ ละประสบการณ์ ไม่วา่ จะอยู่ในลักษณะใด หากผู้สอนมีการ นานวัตกรรมการเรียนรู้มาเป็นเคร่ืองมือแล้ว ย่อมสามารถเอื้ออานวยให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ได้งา่ ยยิง่ ขึน้ ทั้งสิน้ ขณะเดียวกัน นวัตกรรมหรือวิธีการเรียนรู้ที่นามาใช้นั้นต้องได้รับ การพัฒนาขึ้นมา อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพและเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วย จึงจะเป็นผลดีต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้บรรลุ เปูาหมายที่กาหนดไว้ ซึ่งการสร้างนวัตกรรมขึ้นมาใช้น้ันผู้สอนต้องพิจารณาถึง ลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติของนวัตกรรมเสียก่อน เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การ

122 Learning Design and Classroom Management 122 สอน มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาดจนผู้เรียนสับสน หรือได้รับประสบการณ์ที่ เบี่ยงเบนไปจากเปูาหมายที่ผู้สอนต้องการได้ โดยขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรมหรือวิธีการ จัดการเรยี นรู้ให้มคี ุณภาพ มี 9 ขน้ั ตอน ดงั น้ี ข้ันตอนท่ี 1 การสร้างกรอบแนวคิดในการพัฒนา การสร้างกรอบแนวคิดในการ พัฒนา ใหพ้ ิจารณาองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องดงั น้ี 1) ศึกษาหลักสูตร เนื้อหาและเนื้อเร่ืองที่จะสอน โดยให้พิจารณาถึงความ จาเป็น สภาพความต้องการและความสาคัญที่ผู้สอนควรกาหนดขอบเขตการนาเสนอ เนือ้ หาด้วยนวตั กรรมการเรียนรู้เป็นหวั ข้อหลักและเปน็ หวั ข้อรองตามลาดบั 2) ศึกษาจุดเด่นและจุดด้อยของเนื้อหาวิชา เพื่อให้ทราบสภาพพื้นฐาน เบื้องต้นด้านโครงสร้าง สาระสาคัญและรายละเอียดที่ต้องดาเนินการปรับปรุงหรือ พัฒนาการเรียนรู้แก่ผเู้ รียน 3) ศึกษาสภาพปัญหา การจัดกิจกรรกมาเรียนรู้และระดับความต้องการใน ขณะน้ัน เพื่อนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาและช่วยให้นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น มีความ สอดคล้องและเหมาะสมกบั ปัญหาหรอื ความต้องการที่เกิดข้ึน 4) กาหนดแนวทางการพฒั นา และการประเมินคุณภาพ นวัตกรรมการเรียนรู้ ทีพ่ ฒั นาขึ้นว่า ต้องการนาไปให้ผู้สอนหรือผู้เรียนใช้ และหลังจากใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ที่ พัฒนาขึ้นตามกระบวนการที่กาหนดไว้แล้ว ผู้เรียนจะบรรลุเปูาหมายได้อย่างไร และจะ ทราบได้อย่างไรว่านวัตกรรมน้ันประสบผลสาเร็จในการนาไปใช้งานน้ัน ๆ ขั้นตอนท่ี 2 การวิเคราะห์หลักสูตร การวิเคราะห์หลักสูตรให้วิเคราะห์หา องค์ประกอบ ดังน้ี 1) วิเคราะห์โครงสร้างของเน้ือหา เพื่อศึกษาถึงองค์ประกอบของเนื้อหา ว่ามี ลักษณะโครงสร้างตามหลักสูตรที่กาหนดไว้ ควรประกอบด้วยสาระที่เป็นแกนหลักและ รายละเอียดใดบ้างที่ทาให้เนื้อหาสาระทีก่ าหนดขึ้น สามารถนาไปพัฒนานวัตกรรมได้อย่าง เหมาะสม มีความสมบูรณ์ทนั สมัย และตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ 2) วิเคราะห์ความยาวนานของเวลาที่ใช้ เพื่อแบ่งเน้ือหาสาระและจัดลาดับ การนาเสนอ นวัตกรรมให้เหมาะสมกับความคงทนในการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละกลุ่มและ แตล่ ะวยั

การออกแบบการเรยี นรู้และการจดั การชน้ั เรียน 121323 3) วิเคราะห์ผู้เรียน เพื่อพิจารณาคุณลักษณะผู้เรียนในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ประสบการณ์เดิม ลักษณะทางกายภาพ สติปัญญา อารมณ์ ความต้องการ เจตคติ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา สังคมและอารมณ์ของผู้เรียน เน่ืองจากลักษณะของผู้เรียนจะมีผลโดยตรงต่อ การพิจารณาเลือกพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนวิธีการนาเสนอให้สอดคล้องและเหมาะสม กบั การเรียนรู้ ข้ันตอนท่ี 3 การกาหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ การกาหนดวัตถุประสงค์การ เรียนรู้ ให้พิจารณาวิธีการกาหนดให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่แสดงถึงการเรียนรู้และระดับ ของพฤติกรรมที่ต้องการ ด้วยการจัดลาดับเนื้อหา กาหนดเวลาการนาเสนอและกิจกรรม เพื่อให้นวัตกรรมสามารถถ่ายทอดพฤติกรรมและคุณลักษณะที่ต้องการให้แก่ผู้เรียนได้ดี ยิง่ ข้นึ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทการเรียนรู้และระดับการเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ได้ ดังน้ี 1) พุทธิพิสัย (Cognitive) เป็นการรับข้อมูลและเน้ือหาความรู้จากสิ่งที่ง่ายไปสู่ สิ่งยาก อนั เปน็ การพัฒนาด้านสติปัญญาของมนุษย์ ซึง่ มี 6 ระดับ ได้แก่ (1) รู้และจาได้ (2) เข้าใจเรือ่ งราว (3) นาไปใช้ (4) วิเคราะหไ์ ด้ (5) สงั เคราะหไ์ ด้ (5) ประเมินคณุ ค่าได้ 2) ทกั ษะพิสัย ( Psycho-motor) เป็นการเรียนรู้ที่แสดงออกในด้านทักษะ และ ความสามารถทางด้านการบังคับกลไกของร่างกายในการปฏิบัติงานต่าง ๆ มี 7 ระดับ ได้แก่ (1) รบั รู้การกระทา (2) เตรียมความพรอ้ ม (3) ตอบสนองตามสภาพ (4) ปรับกลไกการตอบสนอง (5) ตอบสนองโดยอตั โนมตั ิ (6) ดดั แปลงกระบวนการตอบสนอง และ (7) ปรับประยุกต์ใชใ้ นสถานการณอ์ ืน่ ๆ 3) จิตพิสัย (Affective) เป็นการเรียนรู้ที่แสดงออกด้านทัศนคติ ความรู้สึก เพือ่ พัฒนาพฤติกรรมหรอื บคุ ลิกลกั ษณะของแต่ละบุคคล มี 5 ระดับ ได้แก่ (1) ต้ังใจรับรู้ (2) ยอมรับและเชอ่ื ถือ (3) เห็นคุณค่า (4) จัดระบบคุณค่าได้ (5) สร้างลักษณะนิสยั

124 Learning Design and Classroom Management 124 ขัน้ ตอนท่ี 4 การกาหนดคณุ ลกั ษณะนวัตกรรมการเรียนรู้การกาหนดคุณลักษณะ นวัตกรรมการเรียนรู้ ให้นาเอาวัตถุประสงค์มาเป็นกรอบคุณลักษณะ โดยให้พิจารณา คุณลกั ษณะดังตอ่ ไปนี้ 1) คุณลักษณะของนวัตกรรมการเรียนรู้ด้านประเภทการใช้งาน จัดอยู่ใน ประเภทใด เช่น นวัตกรรมประเภทเคร่ืองฉาย นวัตกรรมประเภทไม่ใช้เคร่ืองฉาย นวตั กรรมประเภทเครือ่ งเสียง เปน็ ต้น 2) คุณลักษณะของนวัตกรรมการเรียนรู้ด้านลาดับขั้นการเรียนรู้ ควรใช้ นวตั กรรมในลาดับข้ันการเรียนรู้แบบกรวยประสบการณ์ ซึ่งมีการเรียงลาดับกิจกรรมการ เรียนรู้ทีช่ ่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดประสบการณ์เรยี นรู้จากมากไปหาน้อยตามลาดับได้แก่ (1) ประสบการณต์ รง (2) ประสบการณร์ อง (3) ประสบการณจ์ ากการแสดง (4) การสาธิต (5) การศกึ ษานอกสถานที่ (6) นิทรรศการ (7) โทรทัศน์ (8) ภาพยนตร์ (9) การบันทึกเสียง (10) วิทยุ (11) ภาพนิ่ง (12) ทัศนสัญญาณ (13) วจนสญั ญาณ 3) คุณลักษณะของนวัตกรรมการเรียนรู้ เนื่องจากนวัตกรรมมีประสิทธิภาพ ในการถ่ายทอดประสบการณแ์ ละช่วยใหเ้ กิดการเรียนรู้ได้ในระดับหนึ่งที่แตกต่างกัน ดังน้ัน จะต้องพิจารณาคัดเลือกนวัตกรรมให้สอดคล้องกับประเภทของลักษณะข้อมูลและ ประสิทธิภาพการรับรู้ของผู้เรยี นดงั แสดงไว้ในตารางต่อไปนี้

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการชน้ั เรยี น 121525 ลกั ษณะข้อมลู / ขอ้ มลู เชงิ ภาพและ หลกั การ ขนั้ ตอนการ ข้ันตอนการ นวัตกรรม สถิติ สถานการณ์ แนวคดิ ปฏิบัติ ปฏิบตั ิ และตวั เลข จริง ทฤษฎี ** * *** *** ภาพนิ่ง *** ** ** ** ** * * ภาพยนตร์ ** *** *** ** * *** *** โทรทศั น์ ** *** *** ** ** ** ** วัสดุ 3 มิติ * * * เทปบันทึกเสียง * ** * การสาธิต * ** * สิง่ พิมพ์ *** * ** การบรรยาย ** * ** ***ประสทิ ธิภาพสงู สุด **ประสทิ ธิภาพปานกลาง *ประสทิ ธิภาพตา่ ขั้นตอนท่ี 5 การสารวจทรัพยากรการพัฒนานวัตกรรม การสารวจทรัพยากร การพฒั นานวัตกรรม ให้มกี ารสารวจทรัพยากรพัฒนานวตั กรรมการเรียนรู้ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) สารวจบุคลากร ควรสารวจบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้ ความสามารถในเรือ่ งทีเ่ กีย่ วข้องอาจได้แก่ (1) นักเทคโนโลยีการศึกษาด้านการพัฒนา การทดสอบ และทดลองใช้ นวตั กรรมการเรียนรู้ (2) นกั วิชาการ ด้านหลักสตู รและเนือ้ หา (3) นกั จิตวิทยาการศึกษา ด้านพฤติกรรมและพัฒนาการเรียนรู้ (4) ผสู้ อน ที่เปน็ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน (5) นกั วดั และประเมินผล ทีเ่ ป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวดั และประเมินผล 2) สารวจเคร่ืองมือ วัสดุและอุปกรณ์ ให้สารวจก่อนดาเนินงานเพื่อเตรียม ความพร้อมเกี่ยวกับการนาเคร่ืองมือ วัสดุและอุปกรณ์มาใช้ เพราะกระบวนการพัฒนา จาเป็นต้องใช้เคร่ืองมือและวัสดุอุปกรณ์มาใช้ในการดาเนินการตามขั้นตอนต่อไป รวมท้ัง จะได้คานวณถึงปริมาณหรอื งบประมาณในการดาเนินการ

126 Learning Design and Classroom Management 126 3) สารวจงบประมาณ ให้ทาการสารวจงบประมาณเพื่อดาเนินการ ซึ่งอาจ โดยการเขียนโครงการขอรับการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้มี เมตตาจติ ที่จะให้การอนุเคราะห์ 4) สารวจสถานที่ ให้ทาการสารวจสถานที่ที่จะนานวัตกรรมไปทดลองใช้ว่ามี ความเหมาะสมเพียงใด รวมทั้งสภาพแวดล้อมขา้ งเคียงด้วย ขั้นตอนท่ี 6 การออกแบบนวัตกรรมการเรียนรู้การออกแบบนวัตกรรมการ เรียนรู้ การออกแบบนวัตกรรมการเรียนรู้ทีดี ต้องให้ความสาคัญเกี่ยวกับหลักการและ ทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของนวัตกรรมการเรียนรู้พัฒนาขึ้น พิจารณาโดยยึดหลักการดังน้ี 1) หลักการและทฤษฎีทางจิตวิทยาการศึกษา ควรคานึงถึงหลักการและ ทฤษฎีทางจติ วิทยาการศกึ ษาดังน้ี (1) การเสริมแรงนวตั กรรมการเรียนรู้ต้องมีอทิ ธิพลต่อการจงู ใจผู้เรียนให้มาก ที่สดุ หรอื มากว่าทีเคยใช้มา (2) การให้ความรู้เฉพาะเร่ือง นวัตกรรมการเรียนรู้ต้องเป็นสิ่งที่มีอิทธิพล ต่อการเรียนรู้เน้ือหาสาระให้ผู้เรยี นเกิดประสบการณก์ ารเรียนรู้มากที่สุด (3) ความสัมพันธ์ เนื้อหาและแรงจูงใจท้ังภายในและภายนอกของ นวัตกรรมที่ดีมีคุณค่าและมีความหมายต่อผู้เรียนต้องสัมพันธ์กันในขณะจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ (4) พื้นฐานของการรับรู้ ความประณีต ความละเอียด ความสัมพันธ์กัน และความชดั เจนของเน้ือหาพืน้ ฐานของการรบั รู้ย่อมมีอิทธิพลต่อการพัฒนานวัตกรรมการ เรียนรู้อย่างยิง่ (5) การใช้องค์ประกอบ ความคุ้นเคยของผู้เรียนและการใช้เทคนิคการ นาเสนอของผู้สอนต้องสอดคล้องกับทัศนคติของผู้เรียน เป็นองค์ประกองสาคัญของการ พฒั นานวตั กรรม (6) ความเป็นรูปธรรม นวัตกรรมการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อผู้เรียน สามารถสมั ผัสได้อย่างเปน็ รูปธรรมเปน็ สิ่งที่ควรพฒั นาให้เกิดข้ึนอย่างยิง่

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชน้ั เรยี น 121727 (7) อัตราส่วนของเนื้อหาสาระ ในขณะนานวัตกรรมไปจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ต้องกาหนดปริมาณเน้ือหาและจัดลาดับการนาเสนอให้มีอิทธิพลและส่งผลต่อการ เรียนรู้มาที่สดุ (8) การจัดตัวแปรทางการสอน นวัตกรรมการเรียนรู้ต้องสามารถจัด สภาพขององค์ประกอบต่าง ๆ ให้สามารถเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนเฉพาะจุดมุ่งหมายที่ ต้องการได้มากทีส่ ดุ (9) ความเป็นผู้นาทางการสอน นวัตกรรมการเรียนรู้ต้องช่วยให้สามารถ ประยุกต์ใช้เทคนิควิธี หลักการและทฤษฎีต่าง ๆ ในการจัดการเรียนรู้มาหลอมรวมกับ ประสบการณ์เดิม เพื่อใช้กิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับ สถานการณแ์ ละสภาพของผู้เรยี น 2) หลักการสื่อสาร สิ่งที่เราควรคานึงในการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ ให้ คานึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่บรรจุไว้ในนวัตกรรม ต้องมุ่งเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ การสังเกต การจดจา มีความคิดสร้างสรรค์และกระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจกรรม โดยเฉพาะองค์ประกอบภายในนวัตกรรม ได้แก่ ความกลมกลืน สัดส่วน ความสมดุล จังหวะ การเน้นความเป็นเอกภาพและความแตกต่างหรือการตัดกันที่แสดงออกด้วยการใช้ เส้น สี แสงและเงา 3) หลักการสื่อสาร สิ่งที่เราควรคานึงในการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้ คือการ ถ่ายทอดข้อมูลอันเป็นความรู้และประสบการณ์จากผู้สอนไปยังผู้เรียน ด้วยการให้ ความสาคัญกับองค์ประกอบของการสื่อสาร ได้แก่ ผู้ส่งสารหรือแหล่งของสาร เน้ือหา เร่ืองราวของนวัตกรรมหรือช่องทางการนาข่าวสารไปถึงผู้รับหรือกลุ่มเปูาหมาย ผลที่ เกิดขึ้นและปฏิกิริยาต้องตอบสนองผู้เรียนที่สัมผัสได้ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณารูปแบบ ของการสอ่ื สารด้วยว่าเปน็ การส่ือสารทางเดียวหรอื การสื่อสารสองทางดว้ ย 4) หลักการเรียนรู้ใหพ้ ิจารณาว่านวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น ควรตอบสนองต่อการ เรียนรู้ ในลักษณะใดบ้าง เช่น โดยการวางเง่ือนไข ด้านภาษา ด้านทักษะ การสัมผัส การ แก้ปัญหา กระบวนการทางสังคม การสังเกต ความผิดพลาด การคัดค้านหรือโต้แย้ง เป็น ต้น

128 Learning Design and Classroom Management 128 ขั้นตอนท่ี 7 การวางแผน และดาเนินการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ วางแผน และดาเนนิ การพัฒนานวตั กรรมการเรียนรู้ ควรยึดหลกั การ ดังน้ี 1) กาหนดขน้ั ตอนการดาเนินงาน ตอ้ งกาหนดขั้นการปฏิบัติ เปูาหมาย จานวน ทรพั ยากร และระยะเวลาที่ใช้ในการดาเนินงานแตล่ ะข้ันตอนไว้ 2) การดาเนินงานตามแผน ให้นาเอาทรัพยากรต่าง ๆ ที่กาหนดไว้มา ดาเนินการพัฒนาตามแผนที่วางไว้ อย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจเป็นคู่มือหรือแบบประเมินผล หรอื ปฏิทินการดาเนนิ งานการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ เปน็ ต้น ข้ันตอนท่ี 8 การตรวจสอบ ทดลองพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ การตรวจสอบ ทดลองและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ โดยควรยึดหลักการ การวางแผนและดาเนินการ พฒั นานวตั กรรมการเรียนรู้ ควรยึดหลกั การ ดงั น้ี 1) การตรวจสอบเบอื้ งตน้ เป็นการตรวจสอบคุณภาพและความสอดคล้องกับ การนานวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นไปใช้งานจริง โดยกลุ่มผู้พัฒนาและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง เป็นการตรวจสอบที่เหมาะสมกบั การวิจยั เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ที่มีระยะเวลาแก้ไข ปญั หาในช่วงสน้ั ๆ 2) การทดลองและพัฒนา (Try – out) เป็นการตรวจสอบคุณภาพ โดยการ นาไปใช้กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อปรับปรุงแก้ไขความบกพร่องที่ค้นพบจากการ ทดลอง ในช้ันนี้จะมีความเหมาะสมกับการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ซึ่งการ ทดลองที่ได้มาตรฐานมี 3 ลาดับ ดงั น้ี (1) ขนั้ ตอนการทดลองแบบ 1 : 1 โดยการสังเกตพฤติกรรมของผู้สอนและ ผู้เรียนในขณะใช้นวัตกรรมการเรียนรู้โดยละเอียด หากพบว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง จะต้องดาเนนิ การแก้ไขให้ดียิง่ ขึน้ (2) ขน้ั ตอนการทดลองกลุ่มเล็ก (5-10 คน) โดยการสังเกตพฤติกรรมของ ผู้เรียนที่มีความสามารถทางการเรียนแตกต่างกัน ทั้งที่เรียนอ่อน ปานกลางและเก่ง หาก พบข้อผิดพลาดหรือบกพร่องก็ทาการแก้ไขอีกครั้งอันเป็นการตรวจสอบความเหมาะสม ของนวัตกรรมการเรยี นรู้ (3) ข้ันตอนการทดลองกลุ่มใหญ่ (30 คนขึ้นไป) เป็นการตรวจสอบ คุณภาพจากการใช้งานในสถานการณ์ที่จาลองขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มเล็ก ซึ่งประกอบด้วย

การออกแบบการเรยี นรแู้ ละการจดั การชน้ั เรียน 121929 กลุ่มผู้เรียนอ่อน ปานกลาง และเก่ง เช่นเดียวกันและหากพบข้อบกพร่องก็ให้ทาการแก้ไข ให้ดียิ่งๆ ขึน้ 3) การทดสอบประสิทธิภาพในสถานการณ์จริง หลังจากทดลองและปรับ คุณภาพจนแน่ใจว่านวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพอย่างแท้จริงแล้ว ต้องทดสอบ ประสิทธิภาพเพีอ่ ยืนยันว่านวัตกรรมน้ัน ๆ เปน็ นวตั กรรมที่มีมาตรฐานเชอ่ื ถือได้อีกครั้งหนึง่ อนึ่ง ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ด้วยการวิจัยในชั้นเรียนนั้น ควรใช้ เพียงการตรวจสอบเบื้องต้นเท่าน้ัน เพื่อความรวดเร็วและให้ทันกับสถานการณ์ที่ผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ในเรือ่ งต่อ ๆ ไป ขั้นตอนท่ี 9 การสรปุ และประเมนิ ผล ซึง่ ควรมีหลกั การพิจารณา 4 ประการดังน้ี 1) มีประสิทธิภาพ (Efficiency) หลังใช้นวัตกรรมการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนมี พฤติกรรมการเรียนรู้ตรงตามเปูาหมายที่หลกั สตู รกาหนดไว้อย่างชดั เจน 2) มีประสิทธิผล (Productivity) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยนวัตกรรมที่ พัฒนาข้นึ ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุเปูาหมายและวัตถุประสงค์การเรียนรู้ โดยผู้เรียนจานวนมาก หรอื ทุกคนเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ผ่านเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ 3) มีความประหยัด (Economy) นวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นเม่ือนามาใช้ สอนแล้วมีความคุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งด้านทุนทรัพย์ แรงงานและระยะเวลาที่สูญเสียไป ตลอดจนมคี วามคงที่ถาวร ไม่ชารุดเสียหายงา่ ย ๆ 4) มีคุณลักษณะที่ดี (Goodness) นวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นต้องตรงกับ วัตถุประสงค์การเรียนรู้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน เหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนรู้ เหมาะสมกับเน้ือหาวิชา ใช้ง่าย สะดวกปลอดภัย ไม่สิ้นเปลือง ประหยัดคุ้มค่า สามารถ แก้ปัญหาข้อบกพร่องของเน้ือหาวิชาและสถานการณ์การเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี สรุปได้ว่า การพัฒนาวิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ หรือจะกล่าวสั้นๆ ว่า การสร้างนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้น้ันมีหลักการหรือวิธีก าร 9 ขั้นตอน 1) สร้างกรอบแนวคิดในการพัฒนา 2) วิเคราะหห์ ลักสูตรการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน 3) กาหนดวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ 4) กาหนดคณุ ลักษณะนวตั กรรมการเรียนรู้

130 Learning Design and Classroom Management 130 5) สารวจทรัพยากรการพัฒนานวตั กรรม 6) ออกแบบนวตั กรรมการเรียนรู้ 7) วางแผนดาเนนิ การพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรู้ 8) ตรวจสอบ ทดลองและพฒั นานวัตกรรมการเรียนรู้ 9) สรปุ และประเมินผลการเรียนรู้ สรปุ ความ นวัตกรรมการศึกษา คือสิ่งที่ทาขึ้นใหม่ ได้แก่ แนวคิด แนวทาง ระบบ รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ สื่อและเทคนิคต่าง ๆ ทางการศึกษา ทาให้เกิดผลในเชิงบวก สอดคล้องกับหลักสูตร และสามารถแก้ปัญหาหรือพัฒนาความสามารถของผู้เรียนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนวัตกรรมตามระบบการศึกษาสามารถจาแนกได้เป็น นวัตกรรม ด้านหลักสูตร นวัตกรรมด้านการเรียนการสอน นวัตกรรมสื่อการสอน นวัตกรรมการ ประเมินผล และนวัตกรรมการบริหารจัดการ โดยการนานวัตกรรมการศึกษาไปใช้ในการ แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนการสอนควรเป็นนวัตกรรมที่ใช้ง่าย ใช้สะดวก ไม่เสีย ค่าใช้จา่ ยมาก อานวยความสะดวกในการใชง้ าน มีความเหมาะสมกับสภาพที่เป็นอยู่ ให้ผล ชดั เจน สามารถนามาใช้ได้ดีในสภาพสภาวการณ์ทีค่ ล้ายคลึงกัน ผู้สอนจึงต้องมีการออกแบบและสร้างนวัตกรรมในการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับ เนือ้ หา ที่สอน สรา้ งสรรคใ์ ห้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ เข้าใจในเนื้อหา และหาแนวทางปรับปรุง เพื่อให้เกิดนวัตกรรมการศึกษารูปแบบใหม่ ๆ เพื่อยกระดับการศึกษาให้ผู้เรียนต่อไป โดย ผสู้ อนสามารถพัฒนาวิธีการ หรอื นวตั กรรมเพือ่ แก้ปญั หาหรือพัฒนาการเรียนรู้ 9 ข้ันตอน คือ 1) สร้างกรอบแนวคิดในการพัฒนา 2) วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) กาหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ 4) กาหนดคุณลักษณะนวัตกรรมการเรียนรู้ 5) สารวจ ทรัพยากรการพัฒนานวัตกรรม 6) ออกแบบนวัตกรรมการเรียนรู้ 7) วางแผนดาเนินการ พัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ 8) ตรวจสอบ ทดลองและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้และ 9) สรุปและประเมินผลการเรียนรู้

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การชั้นเรียน 131131 คค�ำาถถาามมทท้า้ายยบบทท 1. 1จ. งจองธอิบธิบายาคยควาวมามขอของนงนวตัวตักกรรมรมททางากงการาศรศกึ ึกษษาา 2.2 น. วนตั วกตั รกรรมรทมาทงากงากราศรกึศษึกาษมาคีมวีคาวมาสม�ำสคาัญคัญอยอ่ายง่าไงรไตร่อตก่อากราจรัดจกดั ากราเรเยี รนียรนู้ รู้ 3.3 จ.งจยงกยตกวั ตอัวยอ่ายง่านงวนตั วกตั รกรรมรทมาทงากงากราศรกึศษึกาษทาี่เทปีเ่ ็นปรน็ ูปรธูปรธรรมรมามา5 5ตัวตอัวยอ่ายง่าง 4.4 ข.้ันขตั้นอตนอกนากราสรรส้ารงา้ นงวนัตวกตั รกรรมรทมาทงากงากราศรกึศษกึ าษมาีกม่ีขก้นั ีข่ ตนั้ อตนอนอะอไะรไบร้าบง้าง 5.5 จ.งอจธงิบอาธยิบกาายรกตารรวตจรสวอจบสคอุณบคภุณาพภนาพวัตนกวัตรรกมรทรมาทงกาางกรศารึกศษึกาษกา่อกน่อจนะจนะ�ำนไาปไใปชใ้ ช้ แแกก้ป้ปัญัญหหาาผผู้เเู้ รรยีียนน เอกสารอา้ งอิง กิดานันท์ มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีและนวัตกรรม. (พิมพ์ครง้ั ที่ 2). กรงุ เทพฯ : อรุณ การพิมพ.์ กีรติ ยศยิง่ ยง. (2552). องคก์ รแหง่ นวตั กรรม แนวคดิ และกระบวนการ. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . เกริก ท่วมกลาง และคณะ.(2555).การพฒั นาสื่อ/นวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อเลือ่ น วิทยฐานะ. กรุงเทพฯ : สถาพรบุ๊ค. ชยั วฒั น์ สุทธิรัตน.์ (2555). 80 นวตั กรรม :การจดั การเรียนรทู้ ีเ่ น้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ. (พิมพ์ครง้ั ที่ 5). กรุงเทพฯ : แดเนก็ ซ์ อินเตอรค์ อร์ปปอเรชน่ั . ณิรดา เวชญาลักษณ์. (2561). หลักการจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน : องคค์ วามรเู้ พือ่ การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ท่มี ีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครงั้ ที่ 20). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . นรเดช โซเซฟ มานะมุติ. [ออนไลน์]. http://www.learners.in.th/ blogs/posts/235365. (วันทีส่ บื ค้น 31 กรกฎาคม 2564)

132 Learning Design and Classroom Management 132 พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2559). เทคนิคการวจิ ัยเพือ่ พฒั นาการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิสณุ ฟองศร.ี (2551). วิจัยชน้ั เรยี น : หลักการและเทคนิคปฏิบตั ิ. (พิมพ์ครงั้ ที่ 6). กรงุ เทพฯ : บริษัทด่านสทุ ธาการพิมพ์ จากัด. ไพฑรู ย์ สินลารตั น.์ นวตั กรรมการศึกษายุค 4.0. [ออนไลน์]. https://sites.google.com /a/msu.ac.th/rangsima_/education4-0. (วันที่สบื ค้น 31 กรกฎาคม 2564) วรวิทย์ นิเทศศลิ ป์. (2551). สือ่ และนวัตกรรมแหง่ การเรียนรู้. ปทมุ ธานี : สกายบุ๊ค วัชรพล วิบูลยศรนิ . (2556). นวตั กรรมและการเรียนการสอนภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วิชยั วงศใ์ หญ่ และมารตุ พฒั ผล. (2562). การพฒั นาทกั ษะสร้างสรรคน์ วัตกรรม. กรงุ เทพฯ : ศูนย์ผู้นานวัตกรรมหลักสตู รและการเรียนรู้ มนสิช สินธพานนท์. (2550). ชดุ ฝึกอบรมเหนือตารา : การทาวิจัยเพือ่ เลื่อนวิทยฐานะ. พิษณุโลก : มหาววิทยาลยั นเรศวร. สานักงานนวตั กรรมแหง่ ชาติ. (2549). สุดยอดนวัตกรรมไทย. กรงุ เทพฯ : สานักงาน นวัตกรรมแหง่ ชาติกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สานักงานสภาสถาบนั ราชภัฏ. (2544). คู่มือการฝึกอบรมการวิจัยในช้นั เรยี น. กรุงเทพฯ : เสมาธรรม. สคุ นธ์ สินธพานนท์. (2553). นวตั กรรมการเรียนการสอนเพือ่ พฒั นาคณุ ภาพของ เยาวชน. (พิมพ์คร้งั ที่ 4). กรงุ เทพฯ : 9119 เทคนิคพริน้ ตงิ้ . สุวิสาข์ เหล่าเกิด. (ม.ป.ป.). เอกสารการเรยี นรู้รายวิชา นวตั กรรมและเทคโนโลยี สารสนเทศทางการศึกษา รหัส 30111708. นครพนม : มหาวิทยาลยั นครพนม. อัจฉรา จันทร์ฉาย. (2553). นวตั กรรม : ความหมาย ประเภท และความสาคญั ต่อการเปน็ ผปู้ ระกอบการ. วารสารหรหิ ารธุรกิจ. 33(128). Rogers, E.M. (2003). Diffusion of Innovations. 5th edition. New York : Free Press.

6การจดั การทเีรเ่ นียนนกผราูเรรู้ทียจีเ่ นดั นกเ้นปานผรเสเู้รรำียคียนัญนรูเปบ็นบทสทาททคี่ ี่ ัญ6 ความนา การจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ด้วยตนเองเป็นหลกั ให้เกิดทักษะกาำรคิดช้ันสงู กาำรคิดเชงิ วิพาำกษ์ กาำรแก้ไชขปัญหำาและกำาร คิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ เป็นการมุ่งเน้นที่ตัวผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งผู้สอนต้องมีวิธีการ จัดกระบวนการเรียนการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และทักษะที่ควรจะพัฒนาให้เป็น บุคคลที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งมี หลายรูปแบบ ตง้ั แต่การมีสว่ นร่วมในการเรียนรขู้ องผู้เรยี นบางส่วน จนถึงผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้ด้วยตนเองท้ังหมด และผู้สอนต้องคานึงถึงปัจจัยสนับสนุนด้านการรู้คิด ปัจจัยด้านแรงจูงใจและอารมณ์ ความรู้สึก ปัจจัยด้านพัฒนาการสังคม ปัจจัยด้านความ แตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน เพื่อนาไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาผู้เรียนมีคุณภาพ ต่อไป 6.1 ความเปน็ มาของการจดั การเรียนรทู้ ี่เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (2442 : 2-4) ได้กาหนดแนวทาง การาจัดการศึกษาไว้ในหมวดที่ 4 ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเรียนรู้ ที่มุ่งประโยชน์ สูงสุดแก่ผู้เรียน โดยมาตรา 22 ให้หลักการจัดการศึกษาว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลัก ว่าผเู้ รียนทกุ คนมคี วามสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญ ที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและ เต็มศักยภาพ และในมาตรา 24 ยังได้กาหนดการจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยเน้นที่การจัด เนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจความถนัด และความแตกต่างของ ผู้เรียน ฝึกทักษะกระบวนการคิดการจัดการ การเผชิญสถานการณ์และประยุกต์ใช้เพื่อ

134 Learning Design and Classroom Management 134 ป้องกันและแก้ปัญหาให้ผู้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น รัก การอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างสมดุล รวมทั้งปลกู ฝงั คณุ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทกุ วิชา ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อมสื่อการเรียนอานวยความสะดวกให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และใช้วิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและ ผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกัน จากสื่อและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย และให้พ่อแม่ ผู้ปกครองชุมชน มีส่วนร่วมในการาจัดการเรียนการสอนให้เกิดได้ทุกเวลาทุกสถานที่ใน มาตรา 26 การประเมินการเรียนรู้ ให้พิจารณาจากการพัฒนาการของผู้เรียน ความ ประพฤติ สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ควบคู่กันไปตาม ความเหมาะสมของแต่ละระดับและรปู แบบการศึกษาแห่งชาติ (ราชกิจจานุเบกษา, 2542 : 12-14 ) จากข้อกาหนดในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 นี้ การจัดการ เรียนรู้ที่ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญจึงมีส่วนสาคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และเป็น ส่วนผลักดันให้เกิดกระแสการจดั การเรยี นรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ในภาพกว้าง 6.2 ความหมายของการจดั การเรียนรทู้ ี่เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ จากพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ 2542 ที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้นในมาตรา 22 ได้กาหนดแนวทางในการจัดการศึกษา ต้องยึดว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และ พัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนสาคัญที่สุด ดังที่นักวิชาการได้ให้ความหมายของคาว่า “ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ” ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) พิมพันธ์ เดชะคุปต์ (2550) ได้ให้ความหมายว่า การเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ คือแนวการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่และ สิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยการใช้กระบวนการทางปัญญา(กระบวนการคิด) กระบวนการทาง สงั คม(กระบวนการกลุ่ม) และให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียนสามารถนา ความรไู้ ปประยกุ ต์ใชไ้ ด้โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้อานวยความสะดวกจัดประสบการณ์การ เรียนรู้ให้ผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญต้องจัดให้สอดคล้องกับ ความสนใจ ความสามารถและความถนัดเน้นการบูรณาการความรู้ในศาสตร์สาขาต่างๆ

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจดั การช้นั เรียน 131535 ใช้หลากหลายวิธีการสอนหลากหลายแหล่งความรู้สามารถพัฒนาปัญญาอย่าง หลากหลาย คือ พหปุ ัญญา รวมทั้งเน้นการวดั ผลอย่างหลากหลายวิธี 2) ประเวศ วะสี (2543 : 4) ได้ให้ความหมายว่า การจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผเู้ รียนเปน็ สาคญั เปน็ การจดั การเรยี นรู้ทีเ่ อาชีวติ จรงิ ของผู้เรียนเป็นตัวต้ัง เรียนรู้เพื่อสร้าง ปัญญา ให้รู้จักตนเองรู้จักโลก สามารถพึ่งตนเองได้ ท้ังทางเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม อยู่ ร่วมกันอย่างมีดุลยภาพ สามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเน่ือง มีความสุขสนุกสนาน และเกิด ฉนั ทะในการเรียนรู้ 3) กระทรวงศึกษาธิการ (2543 : 5) ได้ให้ความหมายว่า การจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีอิสรภาพ ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ ของความเป็นมนุษย์ เรียนรู้อย่างมีความสุข และกระบวนการคิดปฏิบัติได้จริงสอดคล้อง กับความถนดั ความสนใจ ความสอดคล้องกับคติที่ว่า สอนให้ทา นาให้คิด ลงมือทา เรียนรู้ สอนตนเอง เอาความจรงิ เป็นตัวตั้งเอาวิชาเป็นตัวประกอบ 4) ทศิ นา แขมมณี (2545 : 121) ได้ให้ความหมายว่า การจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการจัดสภาพการณ์ของการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วน ร่วมอย่างต่ืนตัวทั้งทางกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม ในกิจกรรมหรือกระบวนการ เรียนรู้โดยผเู้ รียนมีบทบาทดังกล่าวมากกว่าผสู้ อน จากความหมายของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า การ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญคือการยึดว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และ พัฒนาตนเองได้ เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เพื่อสร้างปัญญาให้รู้จักตนเอง รู้จักโลก สามารถ พึ่งตนเองได้ เป็นการเรียนรู้ที่ผู้มีอิสรภาพ ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพของความเป็น มนุษย์ เรียนรู้อย่างมีความสุข ให้ผู้เรียนมีบทบาทหรือมีส่วนร่วม ท้ังทางกาย สติปัญญา อารมณแ์ ละสงั คม ในกิจกรรมหรอื กระบวนการเรียนรู้ทีผ่ ู้สอนจดั ขึน้ 6.3 หลักการพืน้ ฐานของแนวคิดทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเกิดขึ้นจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า การ จัดการศึกษามีเป้าหมายสาคัญที่สุด คือ การจัดการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียน แต่ละคนได้พัฒนาตนเองสูงสุด ตามกาลังหรือศักยภาพของแต่ละคน แต่เน่ืองจากผู้เรียน

136 Learning Design and Classroom Management 136 แต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความต้องการ ความสนใจ ความถนัดและยังมีทักษะ พื้นฐานอันเป็นเคร่ืองมือสาคัญที่จะใช้ในการเรียนรู้ อันได้แก่ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียน ความสามารถทางสมอง ระดับสติปัญญา และการแสดงผลของการเรียนรู้ ออกมาในลักษณะที่ต่างกัน จึงควรมีการจัดการที่เหมาะสมในลักษณะที่แตกต่างกัน ตาม เหตปุ ัจจัยของผู้เรียนแต่ละคน และผู้ที่มีบทบาทสาคัญในกลไกของการจัดการนี้คือ ผู้สอน แตจ่ ากข้อมลู อันเป็นปัญหาวิกฤตทางการศกึ ษาและวิกฤตของผู้เรยี นที่ผ่านมา แสดงให้เห็น ว่า ผู้สอนยังแสดงบทบาทและทาหน้าที่ของตนเองไม่เหมาะสม จึงต้องทบทวนทาความ เข้าใจ ซึ่งนาไปสู่การปฏิบตั ิเพือ่ แก้ไขปัญหาวกิ ฤตทางการศกึ ษาและวิกฤตของผู้เรยี นต่อไป การทบทวนบทบาทของผู้สอน ควรเริ่มจากการทบทวนและปรับแต่งความคิด ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของการเรียน โดยต้องถือว่าแก่นแท้ของการเรียนคือการ เรียนรู้ของผู้เรียน ต้องเปลี่ยนจากการยึดวิชาเป็นตัวต้ังมาเป็นยึดมนุษย์หรือผู้เรียนเป็นตัว ตั้ง หรือที่เรียกว่า ผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้สอนต้องคานึงถึงหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล เป็นสาคัญ ถ้าจะเปรียบการทางานของอาจารย์(ผู้สอน) กับแพทย์คงไม่ต่างกันมากนัก แพทย์มีหน้าที่บาบัดรักษาอาการป่วยไข้ของผู้ป่วยด้วยการวิเคราะห์ วินิจฉัยอาการของ ผปู้ ่วยแตล่ ะคนทีม่ คี วามแตกต่างกัน แล้วจัดการบาบัดด้วยการใช้ยาหรือการปฏิบัติอื่นๆ ที่ แตกต่างกันวิธีการรักษาแบบหนง่ึ แบบใดคงจะใช้บาบัดรักษาผู้ป่วยทุกคนเหมือนๆ กันไม่ได้ นอกจากจะมีอาการป่วยแบบเดียวกัน ในทานองเดียวกันผู้สอนก็จาเป็นต้องทาความเข้าใจ และศึกษาให้รู้ข้อมูล อันเป็นความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน และหาวิธีสอนที่เหมาะสม เพือ่ ให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนน้ันให้บรรลุถึงศักยภาพ สูงสุดที่มีอยู่ และจากข้อมูลที่เป็นวิกฤตทางการศึกษา และวิกฤตของผู้เรียนอีกประการ หนง่ึ คือ การจดั การศกึ ษาทีไ่ ม่สง่ เสริมให้ผู้เรยี นได้นาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปฏิบัติในชีวิตจริง ทา ให้ไม่เกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ผู้สอนจึงต้องหันมาทบทวนบทบาทและหน้าที่ที่จะต้องแก้ไข โดยต้องตระหนักว่า คณุ ค่าของการเรยี นรู้คือการได้นาสิ่งที่เรียนรู้มานั้นไปปฏิบัติให้เกิดผล ด้วย (มหาวิทยาลัยราชภฏั ร้อยเอ็ด, 2556 : 1-2) ดังน้ันหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ จึงมีสาระที่สาคัญ 2 ประการ คือ (1) การจัดการโดยคานึงถึงความแตกต่างของผู้เรียนและ (2) การส่งเสริมให้ ผเู้ รียนได้นาเอาสิง่ ที่เรยี นรู้ไปปฏิบตั ิในการดาเนินชีวติ เพือ่ พฒั นาตนเองไปสู่ศักยภาพสูงสุด ที่แต่ละคนจะมีและเป็นได้การจดั การเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ หรือที่รู้จักใน

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจัดการชัน้ เรยี น 131737 ชื่อเดิมว่าการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Centered หรือ Child Centered) เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่รู้จักกันมานานในวงการศึกษาไทย แตไ่ ม่ประสบความสาเรจ็ ในการปฏิบตั ิรวมกับความเคยชินที่ได้รับการอบรมส่ังสอนมาด้วย รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยยึดครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher Centered)มาตลอด เม่ือผู้สอนเคยชินกับการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมๆ ที่เคยรู้จัก จึงทาให้ไม่ประสบ ความสาเร็จในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสาคัญเท่าที่ควร แต่ในยุคของ การปฏิรูปการศึกษานี้ได้มีการกาหนดเป็นกฎหมายแล้วว่า ผู้สอนทุกคนจะต้องใช้รูปแบบ การจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสาคัญได้จึงเป็นความจาเป็นที่ผู้สอนทุกคน จะต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดในส่วนน้ี โดยการศกึ ษาทาความเข้าใจ และหาแนวทาง มาใช้ในการปฏิบัติงานของตนให้ประสบผลสาเร็จ ดังนั้น การจัดการเรียนการสอนจึงเป็น การจัดการบรรยากาศ จัดกิจกรรม จัดสื่อจัดสถานการณ์ฯลฯ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ เต็มตามศักยภาพผู้สอนจึงมีความจาเป็นที่จะต้องรู้จักผู้เรียนให้ครอบคลุมอย่างรอบด้าน และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนาไปเป็นพื้นฐานการออกแบบหรือวางแผนการเรียนรู้ได้ สอดคล้องกับผู้เรียน สาหรับในการจัดกิจกรรมหรือออกแบบการเรียนรู้อาจทาได้หลาย วิธีการและหลายเทคนิค แต่มีขอ้ ควรคานึงว่า ในการจดั การเรียนรู้แต่ละคร้ัง แต่ละเร่ือง ได้ เปิดโอกาสใหก้ บั ผเู้ รียนในเรือ่ งต่อไปนีห้ รอื ไม่ 1) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้เลือกหรือตัดสินใจในเนื้อหาสาระที่สนใจเป็น ประโยชน์ตอ่ ตัวผเู้ รียนหรอื ไม่ 2) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้โดยได้คิดได้รวบรวม ความรู้และลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่ง ทิศนา แขมมณี (2557) ได้นาเสนอ แนวคิดในการเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมและสามารถนาไปใช้เป็นแนวปฏิบตั ิได้ดงั น้ี 2.1) กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีที่ควรช่วยให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมทางด้าน ร่างกาย (Physical Participation) คือ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเคลื่อนไหว ร่างกาย เพื่อช่วยให้ประสาทการเรียนรู้ของผู้เรียนต่ืนตัว พร้อมที่จะรับข้อมูลและการ เรียนรู้ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นการรับรู้เป็นปัจจัยสาคัญในการเรียนรู้ถ้าผู้เรียนอยู่ในสภาพที่ไม่ พร้อม แม้จะมีการให้ความรู้ที่ดีๆ ผู้เรียนก็ไม่สามารถรับได้ดังจะเห็นได้ว่า ถ้าปล่อยให้ ผู้เรียนน่ังนานๆ ในไม่ช้าผู้เรียนก็จะหลับหรือคิดเร่ืองอื่น ๆ แต่ถ้าให้มีการเคลื่อนไหวทาง กายบ้างก็จะทาให้ประสาทการเรียนรู้ของผู้เรียนตื่นตัวและพร้อมที่จะรับและเรียนรู้สิ่ง

138 Learning Design and Classroom Management 138 ต่างๆได้ดีดังน้ัน กิจกรรมที่จดั ให้ผู้เรยี น จงึ ควรเปน็ กิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เคลื่อนไหวใน ลักษณะใดลักษณะหนึ่งเป็นระยะๆตามความเหมาะสมกับวัยและระดับความสนใจของ ผเู้ รียน 2.2) กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรช่วยให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมทางสติปัญญา (Intellectual Participation) คือ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเคลื่อนไหวทาง สติปัญญาต้องเป็นกิจกรรมที่ท้าทายความคิดของผู้เรียน สามารถกระตุ้นสมองของผู้เรียน ให้เกิดการเคลื่อนไหวต้องเป็นเร่ืองที่ไม่ยากหรือง่ายเกินไปทาให้ผู้เรียนเกิดความสนุกที่จะ คิด 2.3) กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมทางสังคม (Social Participation) คือ เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับบุคคลหรือ สิ่งแวดล้อมรอบตวั เน่ืองจากมนษุ ย์จาเป็นต้องอยู่รวมกันเป็นหมคู่ ณะมนษุ ย์ต้องเรียนรู้ที่จะ ปรับตัวเข้ากับอื่นและสภาพแวดล้อมตา่ งๆ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นจะ ช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรยี นรู้ทางดา้ นสงั คม 2.4) กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรช่วยให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมทางอารมณ์ (Emotional Participation) คือ เป็นกิจกรรมที่ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้เรียน ซึ่งจะ ช่วยให้การเรียนรู้นั้น เกิดความหมายต่อตนเองโดยกิจกรรมดังกล่าวควรเกี่ยวข้องกับ ผู้เรียนโดยตรง โดยปกติการมีส่วนร่วมทางอารมณ์นี้มักเกิดขึ้นพร้อมกับการกระทาอื่นๆ อยู่แล้ว เช่น กิจกรรมทางกาย สติปัญญาและสังคม ทุกครั้งที่ผู้สอนให้ผู้เรียนเคลื่อนที่ เปลี่ยนอิริยาบถ เปลี่ยนกิจกรรม ผู้เรียนจะเกิดอารมณ์ความรู้สึกอาจเป็นความพอใจ ไม่ พอใจ หรอื เฉย ๆ การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญสามารถ ใช้ได้กับการจัดการเรียนการสอนทุกวิชาเพียงแต่ธรรมชาติของเนื้อหาวิชาที่ต่างกันจะมี ลักษณะที่เอื้ออานวยให้ผู้สอนออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ในจุดเด่นที่ตา่ งกนั คือ (1) รายวิชาทีม่ เี นือ้ หามุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้กฎเกณฑ์และการนาเอากฎเกณฑ์ ไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ เช่น วิชาคณิตศาสตร์ หรือการใช้ไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ ผู้สอนสามารถใช้กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วย ตวั เองโดยใช้วธิ ีสอนแบบอุปนัย และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นากฎเกณฑ์ที่ทาความเข้าใจได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook