Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

Published by supasit.kon, 2022-06-08 03:15:39

Description: การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียนใหม่

Search

Read the Text Version

การออกแบบการเรยี นรแู้ ละการจดั การชน้ั เรยี น 131939 ไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้วิธีการสอนแบบนิรนัย การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นก็จะ เปน็ การเรียนรทู้ ี่ยั่งยืนเพราะผเู้ รียนได้สรา้ งความรู้ดว้ ยตัวเอง (2) รายวิชาที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้จากการค้นคว้าทดลอง และการอภิปรายโดยใช้หลักเหตุผล เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ผู้เรียนมีโอกาสที่จะได้สร้าง ความรู้เองโดยตรงเพียงแต่ผู้สอนต้องรู้จักการใช้คาถามที่ย่ัวยุและเชื่อมโยงความคิด ประกอบกับการได้มีโอกาสทาการทดลองเป็นการปฏิบัติร่วมกัน ผู้เรียนจะได้มีปฏิสัมพันธ์ กนั มีการเคลื่อนไหวร่างกายเพือ่ สร้างความรู้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ทากันมา อยู่แล้ว (3) รายวิชาที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับข้อมูลที่หลาก หลายเกี่ยวกับการ ดาเนินชีวติ ของคนในสงั คม ความสัมพันธ์ระหว่างบคุ คลข้อมลู ที่มลี ักษณะย่ัวยุให้ออกความ คิดเห็นได้เช่น วิชาสังคมศึกษา และวรรณคดีเป็นลักษณะพิเศษที่ผู้สอนจะนามาใช้เป็น เคร่ืองมือให้เกิดกิจกรรมการใช้ความคิด อภิปราย นาไปสู่ข้อสรุป เป็นผลของการเรียนรู้ และการสร้างนิสัยยอมรับฟังความคิดเห็นกัน เป็นวิถีทางที่ดีในการปลูกฝังประชาธิปไตย ให้กับผเู้ รียน (4) รายวิชาที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นหลักเช่น วิชาพลศึกษา และการงานอาชีพ ผู้สอนควรใช้โอกาสดังกล่าว ให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ผ่านกระบวนการ ทางาน (5) รายวิชาที่ส่งเสริมความคิดจินตนาการ และการสร้างสุนทรียภาพ เช่น วิชาศิลปะและดนตรี นอกจากจะมีโอกาสเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ผู้เรียนยังมีโอกาสได้ สร้างความรู้ และความรู้สึกที่ดี ผ่านกระบวนทางานที่ผู้สอนออกแบบไว้ให้ผู้สอนที่ประสบ ความสาเรจ็ ในการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญมักเป็นผู้สอนที่มีความต้ังใจ และสนุกในการทางานสอน เป็นคนช่างสังเกตและเอาใจใส่ผู้เรียนและมักจะได้ผลการ ตอบสนองที่ดีจากผู้เรียน แม้จะยังไม่มากในจุดเริ่มต้น แต่เม่ือปฏิบัติอย่างสม่าเสมอก็จะ สงั เกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้เรยี นในทางทีด่ ีข้ึน ดังนั้น หลักการพื้นฐานของแนวคิดที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สามารถสรุปได้ว่า การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญนี้เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ ที่มี ลักษณะแตกต่างจากการจดั กระบวนการเรียนรู้แบบดั้งเดิมท่ัวไป คือ

140 Learning Design and Classroom Management 140 1) ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน ผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ บทบาทของผู้สอน คือ ผู้สนับสนุน (Supporter) และเป็นแหล่งความรู้ Resource Person) ของผู้เรียนผู้เรียนจะรับผิดชอบตั้งแต่เลือก และวางแผนสิ่งที่ตนจะเรียนหรือเข้าไปมีส่วน ร่วมในการเลือกและจะเริ่มต้นการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยการศึกษาค้นคว้ารับผิดชอบการ เรียนตลอดจนประเมินผลการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 2) เน้ือหาวิชามีความสาคัญและมีความหมายต่อการเรียนรู้ในการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ปัจจัยสาคัญที่จะต้องนามาพิจารณาประกอบด้วยได้แก่ เน้ือหาวิชา ประสบการณ์เดิมและความต้องการของผู้เรียน การเรียนรู้ที่สาคัญและมีความหมายจึง ขึน้ อยู่กบั สิง่ ที่สอน (เนือ้ หา) และวธิ ีที่ใชส้ อน (เทคนิคการสอน) 3) การเรียนรู้จะประสบผลสาเร็จหากผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน การสอนผู้เรยี นจะได้รบั ความสนกุ สนานจากการเรียน หากได้เข้าไปมีสว่ นร่วมในการเรียนรู้ ได้ทางานร่วมกันกับเพื่อน ๆ ได้ค้นพบข้อคาถามและคาตอบใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ ประเด็นที่ ท้าทายและความสามารถในเร่ืองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นรวมท้ังการบรรลุผลสาเร็จของงานที่พวก เขารเิ ริ่มดว้ ยตนเอง 4) สัมพนั ธภาพระหว่างผู้เรียน การมีสัมพันธภาพในกลุ่มจะช่วยส่งเสริมความ เจริญงอกงามการพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ การปรับปรุงการทางานและการจัดการกับชีวิต ของแต่ละบุคคลสัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในกลุ่มจึงเป็นสิ่งสาคัญที่จะช่วยส่งเสริมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันของผเู้ รียน 5) ผู้สอนคือผู้อานวยความสะดวกและเป็นแหล่งความรู้ในการจัดการเรียน การสอนแบบเน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ผู้สอนจะต้องมีความสามารถที่จะค้นพบความต้องการ ที่แท้จริงของผู้เรียนเป็นแหล่งความรู้ที่ทรงคุณค่าของผู้เรียน และสามารถค้นคว้าหาสื่อ วัสดุอุปกรณ์ทีเ่ หมาะสมกบั ผู้เรยี นสิ่งที่สาคัญทีส่ ดุ คือความเต็มใจของผู้สอนที่จะช่วยเหลือ โดยไม่มีเง่ือนไข ผู้สอนจะให้ทุกอย่างแก่ผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญ ความรู้เจตคติ และการฝึกฝนโดย ผเู้ รียนมีอสิ ระที่จะรบั หรือไม่รับการให้นนั้ กไ็ ด้ 6) ผู้เรยี นมีโอกาสเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างจากเดิม การจัดการเรียนการ สอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มุ่งให้ผู้เรียนมองเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างออกไป ผู้เรียน จะมีความมั่นใจในตนเอง และควบคุมตนเองได้มากขึ้นสามารถเป็นในสิ่งที่อยากเป็นมี

การออกแบบการเรียนรูแ้ ละการจัดการช้นั เรียน 141141 วุฒิภาวะสูงมากขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม และมีส่วน ร่วมกับเหตุการณต์ ่าง ๆ มากขึ้น 7) การศึกษา คือการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนหลายๆ ด้าน พร้อมกันไปการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นจุดเริ่มของการพัฒนาผู้เรียนหลายๆ ด้านเช่นคุณลักษณะด้านความรู้ความคิด ด้านการปฏิบัติและด้านอารมณ์ ความรู้สึกจะ ได้รับการพฒั นาไปพร้อมๆกนั 6.4 องคป์ ระกอบ ตัวบ่งชีก้ ารจดั การเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มุ่งให้ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง ดี และมีความสุข ซึ่งจาเป็นต้อง อาศัยปัจจัยหลายประการได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านการจัดการเรียนรู้ และด้าน การเรียนรขู้ องผู้เรยี น (มหาวิทยาลยั ราชภัฏร้อยเอด็ , 2556 : 5-7) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 6.4.1 การบริหารจดั การ การบริหารจัดการนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ สาคัญ โดยเฉพาะการบริหารจดั การของโรงเรียนที่เน้นการพฒั นาท้ังระบบของโรงเรียน การพัฒนาท้ังระบบของโรงเรียน หมายถึง การดาเนินงานในทุกองค์ประกอบของ โรงเรียนใหไ้ ปสู่เป้าหมายเดียวกนั คอื คุณภาพของนักเรียนตามวิสัยทัศน์ที่โรงเรียนกาหนด ดังนน้ั ตวั บ่งชีท้ ี่แสดงถึงการพัฒนาทั้งระบบของโรงเรียนประกอบด้วย 1) การกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาที่มีจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพนักเรียน อย่างชัดเจน 2) การกาหนดแผนยทุ ธศาสตรส์ อดคล้องกบั เป้าหมาย 3) การกาหนดแผนการดาเนินงานในทุกองค์ประกอบของโรงเรียนสอดคล้อง กับเป้าหมายและเปน็ ไปตามแผนยุทธศาสตร์ 4) การจัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายใน 5) การจัดทารายงานประจาปีเพื่อรายงานผู้เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับแนว ทางการประกันคณุ ภาพจากภายนอก

142 Learning Design and Classroom Management 142 อย่างไรก็ตาม การดาเนินงานของโรงเรียนตามพระราชบัญญัติการศึกษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 เน้นถึงการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของ โรงเรียน ดังนั้น ในการดาเนินการของโรงเรียนจึงเปิดโอกาส ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามี ส่วนร่วม ได้แก่ ร่วมในการกาหนดเป้าหมายและการจัดทาแผนยุทธศาสตร์ ร่วมในการ สนับสนนุ การจดั การเรียนรู้ ร่วมในการประเมนิ ผล เป็นต้น 6.4.2 การจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบด้าน “การจัดการเรียนรู้” นับว่าเป็นองค์ประกอบหลักที่แสดงถึง การเรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของ การเรียนรู้ บทบาทของครู และบทบาทของผู้เรยี น การจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเป็นสาคัญจะทาได้สาเร็จเม่ือผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ ครู และผู้เรียน มีความเข้าใจตรงกันเกี่ ยวกับ ความหมายของการเรียนรู้ ดงั ที่ ทิศนา แขมมณี (2557) ได้กล่าวไว้ดงั น้ี 1) การเรียนรเู้ ป็นงานเฉพาะบุคคล ทาแทนกนั ไม่ได้ ครทู ี่ต้องการให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรตู้ ้องเปิดโอกาสใหเ้ ขาได้มปี ระสบการณก์ ารเรียนรดู้ ้วยตัวของเขาเอง 2) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาที่ต้องมีการใช้กระบวนการคิด สร้างความเข้าใจ ความหมายของสิ่งต่างๆ ดังน้ันครูจึงควรกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการ คิดทาความเข้าใจสิ่งตา่ งๆ 3) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม เพราะในเร่ืองเดียวกัน อาจคิดได้ หลายแง่ หลายมุมทาให้เกิดการขยาย เติมเต็มข้อความรู้ ตรวจสอบความถูกต้องของการ เรียนรู้ตามที่สังคมยอมรับด้วย ดังนั้นครูที่ปรารถนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จะต้องเปิด โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกบั บคุ คลอื่นหรอื แหลง่ ขอ้ มลู อน่ื ๆ 4) การเรียนรเู้ ปน็ กิจกรรมทีส่ นกุ สนาน เป็นความรู้สึกเบิกบาน เพราะหลุดพ้น จากความไม่รู้ นาไปสู่ความใฝ่รู้ อยากรู้อีก เพราะเป็นเร่ืองน่าสนุก ครูจึงควรสร้างภาวะที่ กระตนุ้ ให้เกิดความอยากรู้หรอื คบั ข้องใจบ้าง ผเู้ รียนจะหาคาตอบเพื่อให้หลุดพ้นจากความ ข้องใจ และเกิดความสขุ ขึน้ จากการได้เรียนรู้ เมือ่ พบคาตอบด้วยตนเอง 5) การเรียนรู้เป็นงานต่อเน่อื งตลอดชีวติ ขยายพรมแดนความรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด ครูจงึ ควรสร้างกิจกรรมทีก่ ระตนุ้ ให้เกิดการแสวงหาความรไู้ ม่รู้จบ

การออกแบบการเรียนรู้และการจดั การช้นั เรียน 141343 6) การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลง เพราะได้รู้มากขึ้นทาให้เกิดการนาความรู้ ไปใช้ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เป็นการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ครูควรเปิด โอกาสใหผ้ เู้ รียนได้รบั รู้ผลการพัฒนาของตัวเขาเองด้วย จากความหมายของการเรียนรู้ที่กล่าวมา ครูจึงต้องคานึงถึงประเด็นต่างๆ ในการ จดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ดงั น้ี 1) ความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผู้เรยี น 2) การเน้นความต้องการของผู้เรียนเปน็ หลัก 3) การพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตของผเู้ รียน 4) การจดั กิจกรรมใหน้ ่าสนใจ ไม่ทาให้ผู้เรยี นรู้สึกเบื่อหน่าย 5) ความเมตตากรุณาตอ่ ผเู้ รียน 6) การท้าทายใหผ้ เู้ รียนอยากรู้ 7) การตระหนกั ถึงเวลาทีเ่ หมาะสมที่ผเู้ รียนจะเกิดการเรยี นรู้ 8) การสร้างบรรยากาศ สถานการณใ์ ห้ผู้เรยี นได้เรียนรโู้ ดยการปฏิบตั ิจรงิ 9) การสนับสนนุ และส่งเสริมการเรยี นรู้ 10) การมจี ุดมงุ่ หมายของการสอน 11) ความเข้าใจผเู้ รียน 12) ภมู ิหลังของผู้เรยี น 13) การไม่ยึดวิธีการใดวิธีการหนึ่งเท่านั้น 14) การเรียนการสอนที่ดีเป็นพลวัตร (dynamic) กล่าวคือ มีการเคลื่อนไหว เปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งในด้านการจัดกิจกรรม การสร้างบรรยากาศ รูปแบบเนื้อหา สาระ เทคนิค วธิ ีการ 15) การสอนในสิ่งที่ไม่ไกลตัวผเู้ รียนมากเกินไป 16) การวางแผนการเรียนการสอนอย่างเปน็ ระบบ 6.4.3 การเรียนรขู้ องผู้เรียน องค์ประกอบสุดท้ายทีส่ าคัญและนับว่าเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ คือ องค์ประกอบด้านการเรียนรู้ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากเดิมที่เน้น เนื้อหาสาระเป็นสาคัญ และสอดคล้องกับองค์ประกอบด้านการจัดการเรียนรู้ ท้ังนี้เพราะ

144 Learning Design and Classroom Management 144 การจัดการเรียนรู้กเ็ พื่อเน้นให้มผี ลตอ่ การเรียนรู้ ดงั นั้น ตวั บ่งชที้ ี่บอกถึงลักษณะการเรียนรู้ ของผู้เรยี น ประกอบด้วย 1) การเรียนรู้อย่างมีความสุข อันเนื่องมาจากการจัดการเรียนรู้ที่คานึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล คานึงถึงการทางานของสมองที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และ พัฒนาการทางอารมณ์ของผู้เรียน ผู้เรียนได้เรียนรู้เร่ืองที่ต้องการเรียนรู้ในบรรยากาศที่ เป็นธรรมชาติ บรรยากาศของการเอื้ออาทรและเป็นมิตร ตลอดจนแหล่งเรียนรู้ที่ หลากหลาย นาผลการเรียนรู้ไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ 2) การเรียนรู้จากการได้คิดและลงมือปฏิบัติจริง หรือกล่าวอีกลักษณะ หนึ่งคือ “เรียนด้วยสมองและสองมือ” เป็นผลจากการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้คิด ไม่ว่า จะเกิดจากสถานการณ์หรือคาถามก็ตามและได้ลงมือปฏิบัติจริงซึ่งเป็นการฝึกทักษะที่ สาคัญคือ การแก้ปญั หา ความมเี หตุผล 3) การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย และเรียนรู้ร่วมกับบุคคล อื่น เป้าหมายสาคัญด้านหนึ่งในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญคือ ผู้เรียน แสวงหาความรทู้ ีห่ ลากหลายท้ังในและนอกโรงเรียน ท้ังที่เป็นเอกสาร วัสดุ สถานที่ สถาน ประกอบการ บุคคลซึ่งประกอบด้วย เพื่อน กลุ่มเพื่อน วิทยากร หรือผู้เป็นภูมิปัญญาของ ชมุ ชน 4) การเรียนรู้แบบองค์รวมหรือบูรณาการ เป็นการเรียนรู้ที่ผสมผสาน สาระความรดู้ ้านต่างๆ ได้สดั ส่วนกัน รวมท้ังปลกู ฝงั คุณธรรม ความดงี าม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ในทกุ วิชาที่จัดใหเ้ รียนรู้ 5) การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง เป็นผลสืบเนื่องมาจาก ความเข้าใจของผู้สอนที่ยึดหลักการว่าทุกคนเรียนรู้ได้และเป้าหมายที่สาคัญคือ พัฒนา ผเู้ รียนให้มีความสามารถที่จะแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ผู้สอนจึงควรสังเกตและศึกษา ธรรมชาติของการเรียนรู้ของผู้เรียน ว่าถนัดที่จะเรียนรู้แบบใดมากที่สุด ในขณะเดียวกัน กิจกรรมการเรียนรู้จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง การสนับสนุน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง ผู้เรียนจะได้รับการฝึกด้านการ จัดการแล้วยังฝึกด้านสมาธิความมวี ินัยในตนเอง และการรจู้ ักตนเองมากขึ้น

การออกแบบการเรยี นรูแ้ ละการจดั การชั้นเรียน 141545 เม่ือครูจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลแล้ว และมีความประสงค์จะ ตรวจสอบว่าได้ดาเนินการถูกต้องตามหลักการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็น สาคัญหรือไม่ ครูสามารถตรวจสอบด้วยตนเอง โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานด้านกระบวนการ มาตรฐานที่ 18 ซึ่งมตี ัวบ่งชีด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1) มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติและสนองความตอ้ งการของผู้เรียน 2) มีการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ คิด สงั เคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปญั หาและตัดสินใจ 3) มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาหาความรู้ แสวงหาคาตอบและสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเอง 4) มีการนาภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีและสื่อที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ใน การจัดการเรียนการสอน 5) มีการจดั กิจกรรมเพือ่ ฝึกและสง่ เสริมคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของผู้เรยี น 6) มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสุนทรียภาพ อย่างครบถ้วน ท้ังด้านดนตรี ศลิ ปะและกีฬา 7) ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย การทางานร่วมกับผู้อื่นและความ รบั ผิดชอบต่อกลุ่มรว่ มกัน 8) มีการประเมินพฒั นาการของผู้เรยี นด้วยวิธีการหลากหลายและต่อเน่ือง 9) มีการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนรักสถานศึกษาของตนและมีความกระตือรือร้น ในการไปเรียน สรุปว่า การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือ การจัดการให้ ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่โดยผ่านกระบวนการคิดด้วยตนเอง ทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการ ลงมอื ปฏิบตั ิ เกิดความเข้าใจและสามารถนาความรู้ไปบูรณาการใช้ในชีวิตประจาวัน และมี คุณสมบัติตามกับเป้าหมายของการจดั การศึกษาที่ตอ้ งการให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง คนดีและมี ความสขุ

146 Learning Design and Classroom Management 146 6.5 ตวั บ่งชีก้ ารจัดการเรียนรูท้ ี่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ ตัวบ่งชี้ของการจัดการเรียนรูที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ที่ผู้สอนโดยทั่วไปน่าจะใช้ เปน็ หลกั ในการสอน และยึดถือเป็นแนวปฏิบัติดังต่อไปนี้ 6.5.1 พระราชบญั ญตั ิการศึกษา 2542 และทีแ่ ก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 24 (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545 : 4-6) การจัด กระบวนการเรียนรู้ใหส้ ถานศกึ ษาและหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องดาเนนิ งานดังต่อไปนี้ 1) จัดเนือ้ หาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของ ผเู้ รียนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล 2) ฝกึ ทักษะกระบวนการคิด การจดั การ การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ ความรมู้ าใช้เพือ่ ป้องกนั และแก้ไขปญั หา 3) จดั กิจกรรมให้ผู้เรยี นได้เรียนรจู้ ากประสบการณจ์ ริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเปน็ รกั การอ่านและการใฝร่ ู้ 4) จัดการเรียนรู้ โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ ได้อย่างได้สัดส่วน สมดุลรวมท้ังการปลูกฝงั คุณธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุก วิชา 5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการ เรียนและอานวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้ง สามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ท้ังนี้ ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ ไปพร้อมกันจากสือ่ การเรียนการสอน และแหลง่ วิทยาการประเภทต่าง ๆ 6) จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือ กับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกสาย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตาม ศักยภาพ 6.5.2 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาแหง่ ชาติ, 2543 อ้างองิ ใน ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, 2559 : 21) ได้พัฒนาแนวทางการ ประเมินตามมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติไว้ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เปน็ สาคญั ได้มีการระบตุ ัวบ่งชีไ้ ว้ในมาตนฐานที่ 6 ที่ว่า การจัดการเรียนรู้โดยเน้นให้ผู้เรียน

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการชนั้ เรียน 141747 มีโอกาสในการแสวงหาความรไู้ ด้ดว้ ยตนเองโดยผู้สอนเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้มาเป็นผู้ชี้นา ความรู้และจัดประสบการณก์ ารเรียนรใู้ ห้ผู้เรยี นอย่างเหมาะสม ซึง่ มีตัวบ่งชดี้ ังน้ี 1) มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสมกับธรรมชาติของผู้เรยี น 2) มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรยี นสืบค้น ค้นคว้า สังเกต รวบรวมข้อมูล วิเคราะหค์ ดิ อย่างหลากหลาย สร้างสรรค์ และสามารถสร้างองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง 3) มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาหาความรู้และ แสดงหาคาตอบด้วยตนเอง 4) มีการนาความรู้ภมู ิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยี และสิง่ ทีเ่ หมาะสมมาประยุกต์ใช้ ในการจดั การเรียนการสอน 5) มีการจดั กิกรรมเพื่อฝึกและสง่ เสริมคณุ ภาพและจรยิ ธรรมของผเู้ รียน 6) มีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นได้รับการพัฒนาสุนทรียภาพอย่าง ครบถ้วนท้ังด้านดนตรี ศลิ ปะ และกีฬาเขต 7) ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในการทางานร่วมกับผู้อื่น และการมีความ รบั ผดิ ชอบต่อกลุ่ม 8) มีการประเมินพัฒนาการของผู้เรยี น ด้วยวิธการทีห่ ลากหลายและต่อเน่อื ง 9) ผเู้ รียนรักโรงเรยี นของตนและมีความกระตอื รอื ร้นในการไปโรงเรียน 6.5.3 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ได้เสนอตัวบ่งชี้การเรียนรู้ ที่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั และผสู้ อนไว้ดังน้ี (วฒั นาพร ระงบั ทกุ ข์, 2542 : 8-10) 1) ตัวบ่งชีก้ ารเรียนรทู้ ี่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั ของผู้เรยี น (1.1) ผเู้ รียนมีประสบการณต์ รงสัมพนั ธ์กบั ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม (1.2) ผเู้ รียนฝกึ ปฏิบัติจนค้นพบว่าความถนัดและวิธการของตนเอง (1.3) ผเู้ รียนทากิจกรรมและเปลี่ยนเรียนรจู้ ากกลุ่ม (1.4) ผู้เรียนฝึกคิดอย่างหลากหลายและสร้างสรรค์จิตนาการรวมทั้งได้ แสดงออกอย่างชัดเจน และมีเหตุผล (1.5) ผู้เรียนได้รับการเสริมแรงให้ค้นหาคาตอบ แก้ปัญหาท้ังด้วยตนเอง และร่วมกับผอู้ ืน่ (1.6) ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล และสร้างสรรค์ความรู้ด้วย ตนเอง

148 Learning Design and Classroom Management 148 (1.7) ผู้เรียนได้เลือกทากิจกรรมตามความสามารถ ความถนัด และความ สนใจของตนเองอย่างมคี วามสุข (1.8) ผเู้ รียนฝกึ ตนเองให้มีวนิ ยั และมีความรับผดิ ชอบต่อในการทางาน (1.9) ผู้เรียนประเมินปรับปรุงตนเองและยอมรับผู้อื่น ตลอดจนสนใจไปหา ความรู้อย่างตอ่ เนื่อง 2) ตัวบ่งชีก้ ารเรียนรทู้ ีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั ของผู้สอน (2.1) ผสู้ อนเตรียมการสอนทั้งเน้ือหาและวิธีการ (2.2) ผู้สอนจัดสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศที่ปลุกเร้าจูงใจและเสริมแรงให้ ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรู้ (2.3) ผู้สอนเอาใจใส่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แสดงความเมตตาผู้เรียนอย่าง ทว่ั ถึง (2.4) ผู้สอนจัดกิจกรรมและสถานการณ์ให้ผู้เรียนได้แสดงออกและคิด อย่างสรา้ งสรรค์ (2.5) ผสู้ อนส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี น ฝกึ คิด ฝกึ ทา และฝกึ ปรบั ปรงุ ตนเอง (2.7) ผู้สอนนสส่ง่งเเสสรริมิมกกิจิจกการรรรมมแแลลกะเปล่ียนเรียนรู้จากกลุ่มพร้อมทั้งสั งเกต ส่วนดีและสว่ นปรบั ปรุง (2.8) ผู้สอนใช้สื่อการสอนฝึกการการคิด การแก้ปัญหา และการค้นพบ ความรู้ (2.9) ผสู้ อนใช้แหล่งเรียนรู้ทีห่ ลากหลายและเชอ่ื มโยงประสบการณ์จริง (2.10) ผสู้ อนฝกึ ฝนกิริยามารยาท และวินัยตามวิถีวัฒนธรรมไทย (2.11) ผสู้ อนสังเกตและประเมินพฒั นาการของผู้เรยี นอย่างตอ่ เนื่อง 6.5.4 พิมพันธุ์ เตชะคุปต์ (2550 : 28) ได้ให้แนวทางในการพิจารณาการ จดั การเรยี นรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ โดยพิจารณาทั้งผสู้ อนและผเู้ รียนมีดงั นี้ 1) พิจารณาด้านผู้สอน (1) ผู้สอนจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่เอง (construction of the new knowledge) (2) ผู้สอนให้ผู้เรียนใช้ทักษะกระบวนการ (process skills) คือ กระบวนการ คิด (thinking process) และสรา้ งความรู้ดว้ ยตนเอง

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการชนั้ เรียน 141949 (3) ผู้สอนให้ผผู้เู้เรรียียนนมมีสีส่ว่วนนรร่ว่วมมในในกกาารรเรเรียียนน(p(apratirctipcaiptiaotnio)nค)ือคมือีสม่วีสนท่วนั้งดร่้าวนม ปทั้ญงดญ้านาปกัญาญย าอากรามยณอ์ แาลระมสณัง์คแมลระสวมังคทมั้งใหร้วผมู้เรทียั้งนใหม้ผีปู้เฏริสียัมนพมีัปนฏธ์ิส(ัมInพteันraธc์ t(ioInnt)eกraับctสioิ่งnม)ีชกีวิับต แสล่งิ มะกชี วีบั ิตสแิ่งลไมะ่มกชีับีวสติ ่งิ ไเมช่มนชี หวี นิตังเสชือ่นสหถนานังสทอื ีต่ สา่ ถงาๆนทคอ่ตี ม่างพๆิวเตคอรม์ พวิ เตอร์ (4) ผสู้ อนสร้างบรรยากาศเลอื กออกการเรียนรทู้ ั้งบรรยากาศทางกายภาพ และจติ ใจเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนเรียนอย่างมคี วามสขุ (Happy Leaning) (5) ผู้สอนมีการวัดและประเมินผลท้ังทักษะกระบวนการคิดความสามารถ ศักยภาพของผู้เ้เรรียียนนแแลละะผผลลผผลลิติตจจาากกกกาารรเเรรียียนนรรู้ซู้ซึ้ง่ึงเปเป็น็นกกาารรปปรระะเมเมินินตตามามสสภภาพาพรจริง (Authentic Assessment) (6) ผู้สอนพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ (Application) (7) ผู้สอนเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้อานวยความสะดวก (Facilitator) คือเป็นผู้ จัดประสบการณ์ รวมทั้งส่อื การจัดการเรียนรู้เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนใช้เป็นแนวทางสร้างความรู้ด้วย ตนเอง ผสู้ อนที่เปน็ ผู้อานวยความสะดวกนั้นมบี ทบาทอย่างน้ี 7.1) เป็นผู้นาเสนอ (presenter) 7.2) เป็นผู้สังเกต (Observer) 7.3) เป็นผู้ถาม (Asker) 7.4) เปน็ ผู้ให้การเสริมแรง (Rein forcers) 7.5) เปน็ ผู้แนะนา (Director) 7.6) เปน็ สะท้อนความคิด (Reflector) 7.7) เป็นผู้จดั บรรยากาศ (Atmosphere organizer) 7.8) เป็นผู้จดั ระเบียบ (Organizer) 7.9) เป็นผู้แนะแนว (Guide) 7.10) เป็นผู้ประเมนิ (Evaluator) 7.11) เปน็ ผู้ให้คาชืน่ ชม (Appraiser) 7.12) เปน็ ผู้กากบั (Coacher)

150 Learning Design and Classroom Management 150 2) พิจารณาด้านผู้เรยี น (1) ผู้เรรียียนนสสรร้า้างงคคววาามมรรู้คู้ อ(นCo(nCsotnrustcruticotnio)n)รวรวมมทท้ัง้ังสสรร้า้างงสสิ่งิ่งปปรระะดดิษิษฐฐ์ด์ด้วย ตนเอง (2) ผเู้ รียนใช้ทักษะกระบวนการ (Process Skills) (3) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน (Participation) และมีประสิทธิภาพ ปฏิสัมพนั ธ์ (Interaction) (4) ผเู้ รียนเรียนรู้อย่างมคี วามสุข (Happy Learning) (5) ผเู้ รียนสามารถนา�ำความรไู้ ปใช้ได้ (Application) ตวั บ่งชีก้ ารจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือการให้ผู้เรียนใช้กระบวนการ สร้างความรู้ใหม่ และสิง่ ประดิษฐ์ใหมด่ ้วยตนเอง ดังภาพ แผนภาพท่ี 6.1 : การใชก้ ระบวนการสร้างความรใู้ หม่และส่งิ ประดิษฐ์ ที่มา : พิมพันธ์ เดชะคปุ ต์ (2550 : 28) จากตวั บ่งชีก้ ารจดั การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า จากแนวทางของ พระราชบัญญัติการศึกษา 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 มาตรา 24 และการกาหนดการพัฒนาแนวทางการประเมินการศึกษา มาตรฐานที่ 6 ของสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ รวมท้ังความคิดเห็นของนักวิชาการด้านการศึกษา ได้มี ความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า ตัวบ่งชี้ที่สาคัญประกอบด้วย การจัดเน้ือหาสาระและ กิจกรรมทีต่ รงกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยมีกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริม

151 ให้ผู้เรียนได้คิด ได้ลงมือปฏิบัติจากสถานกากราอรอกณแ์จบบรกิงาทรี่หเรยีลนารกูแ้ ลหะลกาารยจดั สกาารมชาัน้ รเรถียสนร้างอ1ง5ค1์ ความรดู้ ้วยตนเอง และผเู้ รียนได้ฝึกประเมินปรับปรุงพัฒนาการของตนเองอย่างตอ่ เนื่อง 6.6 ข้อคิดเก่ยี วกับการเรียนรทู้ ี่เนน้ ผ้เู รียนเป็นสาคญั การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญนั้น ผู้สอนจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชื่อ มี ความศรัทธาในความสามารถของบุคคลว่าสามารถจะพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ ดังนั้น ผู้สอนจึงควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกวิธีการที่จะเรียนรู้เอง นอกจากนั้นผู้สอนจะต้องมี ลักษณะจริงใจ เป็นคนตรงไม่เสแสร้งในการสร้างสัมพันธภาพจะต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่างแท้จริง สิ่งสาคัญคือผู้สอนจะต้องให้เกียรติผู้เรียนท้ังในแง่ของความรู้สึกและความ คิดเห็น ความสามารถที่จะเข้าใจปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภายในตัวผู้เรียน ตลอดจน การตระหนักถึงกระบวนการของการศึกษาอันพึงมีต่อตัวผู้เรียน ซึ่งมีข้อคิดเกี่ยวกับการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2543 : 18-19) ได้เสนอข้อคิด เกีย่ วกับการเรียนรทู้ ี่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ 1) สมองมนุษย์มีศักยภาพในการเรียนรู้สูงสุด สมองของมนุษย์ ประกอบด้วยเซลล์สมองประมาณหนึ่งแสนล้านเซลล์ ซึ่งสมองมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ ตั้งแต่แรกเกิดสามารถเรียนรู้ให้บรรลุได้ การเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง ธรรมชาติ และทุกสิ่ง รอบตัวมนษุ ย์ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ต้องอาศัยสมองและระบบประสาทสัมผัส ซึ่งเป็น พื้นฐานของการรับรู้โดยผ่านตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ดังน้ัน กระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพผสู้ อนจงึ ควรให้ผู้เรยี นได้พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสมองจิตใจ (Heart) มือ (Hand) และสุขภาพองค์รวม (Health) 2) ความหลากหลายขอ งสติปัญญา สติปัญญา ของแต่ละคนมี ความสามารถแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบเฉพาะบุคคลและสิ่งแวดล้อมที่จัดให้ผู้เรียน ดังนั้น การจัดกระบวนการเรียนรู้จึงควรมีความหลากหลาย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของ ผเู้ รียนแตล่ ะคน 3) การเรียนรู้ประสบการณ์ตรง การจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ผู้สอน ควรลดการถ่ายทอดเนื้อหาวิชาลง โดยให้ผู้เรียนและผู้สอนควรมีบทบาทร่วมกันในการ

152 Learning Design and Classroom Management 152 แสวงหาความรู้โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ให้ผู้เรียนได้เรียนจากสถานการณ์จริงที่ เป็นประโยชน์และสัมพันธ์กับกิจกรรม โดยได้เรียนในแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ผู้สอนมี หนา้ ทีเ่ ตรยี มการจดั สิ่งเร้าให้คาปรึกษาวางแนวกิจกรรมและประเมินผลพฒั นาการผู้เรยี น McCombs and Whisler (1997 อ้างถึงใน กระทรวงศึกษาธิการ, 2546 : 18-20) ได้เสนอข้อคดิ เกี่ยวกับการเรียนรทู้ ีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ดังน้ี 1) ผเู้ รียนมีแนวคิดหลัก หรอื กรอบสาหรับอ้างอิงอย่างชัดเจน ซึ่งได้รับจากภูมิ หลังของตน สภาพแวดล้อม สิ่งสนใจ และเป้าหมาย ความเชื่อ วิธีคิดและอื่นๆ ดังน้ัน ผู้สอนจะต้องให้ความสนใจและเคารพในสิ่งเหล่านี้ หากจะให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและ รับผดิ ชอบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 2) ผู้เรียนทุกคนแตกต่างกันไป โดยลักษณะเฉพาะของตนทางด้านอารมณ์ สภาพจิตใจ อัตราการเรียนรู้แบบการเรียนรู้ ข้ันพัฒนาการ ความสามารถ พรสวรรค์ และ ความต้องการอ่ืน ๆ ผู้สอนต้องคา�ำนึงถึงส่ิงเหล่านี้ หากจะให้ผู้เรียยนนไไดด้ร้รับับกกาารพพัฒัฒนนาาตตนนเอง ตามที่ต้องการ 3) การเรียนรเู้ ป็นกระบวนการสร้างสรรค์ซึ่งเกิดได้ดีที่สุด เม่ือสิ่งที่เรียนรู้นั้นมี ความหมายต่อผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนได้ซึ่งความรู้ของตนเองจากสิ่งที่กาลังเรียนอยู่กับ ประสบการณค์ วามรเู้ ดิม 4) การเรียนรู้เกิดได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่บุคคลต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ และปฏิสัมพันธ์ดีต่อกันมีความสบายและเป็นระเบียบ โดยผู้เรียนรู้จะได้รับการชื่นชม และ ยอมรบั นบั ถือ 5) การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางธรรมชาติผู้เรียนมีความอยากรู้อยากเห็น โดยธรรมชาติจะสนใจที่จะเรียนรู้และควบคมุ ตนเองได้ จากข้อคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า กระบวนการ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้สอนควรจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีความ หลากหลาย เปิดโอกาสให้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนแต่ ละคนและใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมในการคิดและตดั สินใจด้วย ในขณะเรียนผู้สอนต้องสนับสนุน และเคารพในมุมมองของผู้เรียน ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ความสามารถ รูปแบบการ ทางาน พฒั นาการและความตอ้ งการของผเู้ รียนแตล่ ะคนที่แตกต่างกันไป ผู้สอนควรปฏิบัติ ต่อผู้เรยี นเสมอื นเปน็ ผู้รว่ มคิด ร่วมสรา้ งสรรคแ์ ละสร้างสมั พนั ธ์อนั ดีตอ่ ผเู้ รียน

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการช้ันเรียน 151353 6.7 หลกั การจัดการเรียนร้ทู ีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การจดั การเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนต้องเป็นผู้มีบทบาทหรือมีส่วน ร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้มากกว่าผู้สอนโดย “การมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัว” หรือ “Active Participation” นี้ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะลักษ ณะที่แสดงออกทางกายอย่าง กระฉบั กระเฉงเท่าน้ัน แต่หมายรวมถึงความกระฉับกระเฉง ทั้งทางกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ ดังที่นักวิชาการได้กล่าวถึงหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญไว้ อย่างหลากหลายดังต่อไปนี้ ทิศนา แขมมณี (2557 : 120-122) ได้เสนอหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคญั ไว้ดังนี้ 1) การมีส่วนร่วมอย่างส่วนตัวทางกาย (Physical Participation) หมายถึง การมีความพร้อมทางร่างกาย กายตื่นตัวพร้อมที่จะรับรู้และเรียนรู้ กายที่ต่ืนตัว มักจะเป็นกายที่เคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวทาให้ร่างกายตื่นตัว ประสาทการรับรู้ต่ืนตัว ช่วยคนเกิดความพร้อมที่จะรับรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ดังนั้น การเคลื่อนไหวทากิจกรรม ต่างๆ อย่างหลากหลายเหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ได้ เช่น การให้ ผเู้ รียนได้ออกไปสารวจสิ่งแวดล้อมในโรงเรยี น 2 ) ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม อ ย่ า ง ส่ ว น ตั ว ท า ง ส ติ ปั ญ ญ า ( Intellectual Participation) หมายถึง การต่ืนตัวทางสมองหรือต่างความคิด หากบุคคลต้องใช้ ความคิดและเต็มใจที่จะคิด มีความคิดจดจ่ออยู่กับเร่ืองที่เรียนรู้ บุคคลนั้นย่อมมีโอกาสที่ จะเกิดการเรียนรู้ที่ดี การเคลื่อนตัวทางความคิดก็เกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยสิ่งเร้าที่ท้าทาย ความคิด เชน่ การหาโจทย์ปญั หาในชีวติ ประจาวันมาให้เดก็ ฝกึ คิดแก้ปัญหา 3) การมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัวทางสังคม (Social Participation) หมายถึง การส่วนตัวอันเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ทางสังคม หากบุคคลได้มีโอกาสที่จะมีปฏิสัมพันธ์ กับผู้อื่น หากอยู่เพียงลาพังจะรู้สึกหงอยเหงา นอกจากน้ันการสัมพันธ์กันยังช่วยให้บุคคล ได้เรยี นรู้จากกันและกนั ด้วย เชน่ การให้ผู้เรยี นแบ่งกลุ่มทางานรว่ มกัน 4) การมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัวทางอารมณ์ (Emotional Participation) หมายถถึงึง สสิ่งิ่งทที่เรี่แียสนดแงสอดองกอทอากงทอาางรอมาณรม์หณร์หือรคือวคาวมารมู้สรึกู้สขึกอขงอบงบุคุคคลลหหาากกสส่ิงิ่งทท่ีเี่เรรียียนท�ำาให้ บุคคลรู้สึกสนุกบุคคลนั้นก็ย่อมต้องการและสนใจที่จะเรียนรู้อีกในทางตรงกันข้าม หากสิ่ง

154 Learning Design and Classroom Management 154 ที่เรียนรู้ทาให้บุคคลเทียบและไม่ได้รับผลประโยชน์นั้น บุคคลน้ันก็อาจไม่ต้องการหรือไม่ ชอบที่จะเรียนรู้สง่ิ นน้ั อีก เชน่ การให้เรยี นได้เลือกแหลง่ เรียนรทู้ ี่ตนเองสนใจอยากจะเรยี นรู้ กระทรวงศึกษาธิการ (2542 : 20) ได้เสนอหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เปน็ สาคญั ไว้ ดังน้ี 1) การเรียนเป็นกระบวนการที่ควรเป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา ดังน้ันผู้เรียนจึงควร มีบทบาทรบั ผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน และมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ 2) การเรียนรู้เกิดจากแหล่งต่างๆกัน มิใช่จากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเพียงแหล่ง เดียว ประสบการณ์ความรสู้ ึกนึกคิดของแตล่ ะบคุ คลถือว่าเปน็ แหล่งการเรียนรทู้ ีส่ าคญั 3) การเรียนรู้ที่ดีจะต้องการเรียนรู้ที่เกิดจากจากความเข้าใจ จึงจะช่วยให้ ผู้เรียนจดจาและสามารถใช้การเรียนรู้น้ันให้เป็นประโยชน์ได้ การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็น ผคู้ ้นพบด้วยตนเองน้ันมีสว่ นชว่ ยใหเ้ กิดความเข้าใจลึกซึง้ และจดจาได้ดี 4) การเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ที่มีความสาคัญ หากผู้เรียนเข้าใจและมี ทักษะในเร่ืองนี้แล้วจะสามารถใช้เป็นเคร่ืองมือแสวงหาความรู้และคาตอบต่างๆ ที่ตน ต้องการได้ 5) การเรียนรู้ที่มีความหมายแก่ผู้เรียน คือ การเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ จากหลกั การจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า ผู้สอนควรให้ผู้เรียน มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือกระบวนการเรียนรู้อย่างตื่นตัวท้ังทางกาย ทางสติปัญญา ทาง อารมณ์ และสังคม โดยการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนน้ันต้องต่ืนตัวใน กระบวนการเรียนรู้รวมท้ังเป็นกระบวนการเรียนที่มีชีวิตชีวา ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการ เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ผู้สอนควรใช้หลักการทางจิตวิทยา ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยสิ่งที่เรียนรู้ต้องมีความหมายและสามารถนาสิ่ง ที่เรยี นรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการช้นั เรยี น 151555 6.8 รปู แบบการจัดการเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั รูปแบบ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรีย นเป็นสาคัญ ที่ผู้สอนสามารถ นาไ ปใ ช้ไ ด้ แบ่งเป็น 3 รูปแบบดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2542 : 21-22) 1) รูปแบบ Student-centred class เป็นรูปแบบที่ผู้สอนยังมีบทบาทเป็นผู้ เตรียมเน้ือหาวัสดุอุปกรณ์และสื่อการเรียนทั้งหมด ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินกิจกรรมการเรียน โดยมีผู้สอนคอยดูแลกากับกิจกรรม ซึ่งลักษณะกิจกรรมส่วนมากอาจเป็นกิจกรรมกลุ่ม หรอื จับคู่ 2) รูปแบบ Learner-based teaching รูปแบบนี้ผู้สอนจะลดบทบาทลง โดยทาหน้าที่เป็นผู้กระตุ้นหรือมอบหมายให้ผู้เรียนค้นคว้าเนื้อหาของเร่ืองที่จะเรียน หรือ จดั ทาส่ือการเรียนรขู้ ึน้ โดยใช้ความรปู้ ระสบการณค์ วามชานาญของผเู้ รียน 3) รูปแบบ Learner independence or Self-directed learning เป็น รูปแบบที่ผู้เรียนเป็นอิสระจากชั้นเรียน ผู้เรียนสามารถเลือกศึกษาจากสื่อที่จัดไว้ในห้อง หรือศูนย์การเรียนด้วยตนเอง แล้วเลือกทางานหรือฝึกปฏิบัติตามความต้องการความ สนใจและศักยภาพของตนโดยศกึ ษาตามลาพังหรอื จบั คู่กับเพื่อนก็ได้ จากรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า การเรียนรู้นั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลเน่ืองมาจากกระบวนการเรียนรู้ โดยมีการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนค่อนข้างถาวรหรือถาวร ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญนั้นสามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบ โดยเริ่มจากระดับที่ผู้เรียนมีส่วน ร่วมน้อยกว่าผสู้ อนหรือการมีบทบาทผู้เรียนที่เท่าๆ กับผู้สอนและการทีผู้เรียนมีบทบาทใน การเรียนด้วยตัวเองมากกว่าผู้สอนตามลาดัง ท้ังนี้การเลือกรูปแบบการเรียนดังกล่าว ผู้สอนต้องพิจารณาในหลายส่วนประกอบกัน ว่าจะเลือกรูปแบบใดหรือจะผสมผสานกัน อย่างไร โดยอาจพิจารณาจากจุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหาสาระในการเรียนลักษณะ ผู้เรียน ศักยภาพผู้เรียน วิธีการเรียนรู้แต่ละบุคคล ศักยภาพและความถนัดของผู้สอน บริบท สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในการเรียนรู้น้ันๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและแสวงหา ความรดู้ ้วยตนเองได้ในอนาคต

156 Learning Design and Classroom Management 156 6.9 ปัจจยั สนบั สนนุ การจัดการเรียนรูท้ ี่เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นการจัดประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน โดยผู้สอนพิจารณาจากความสามารถ ความถนัดและความสนใจของผู้เรียน ดังนั้นจึงต้อง คานงึ ถึงปจั จัยสนับสนนุ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ดงั ทีน่ ักวิชาการได้กล่าวไว้ดังตอ่ ไปนี้ McCormbs and Whister (1997 อา้ งถึง กระทรวงศึกษาธิการ, 2546 : 19-30) ได้ เสนอหลักการทางจิตวทิ ยาเกี่ยวกบั การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ไว้ 14 ข้อ ซึ่งแบ่งกลุ่ม ตามลักษณะของปัจจัย คือ ปัจจัยด้านการรู้คิดและการรู้คิดที่เกิดจากตนเอง 6 ข้อ ปัจจัย ด้านแรงจูงใจและอารมณ์ 3 ข้อ ปัจจัยด้านการพัฒนาการทางสังคม 2 ข้อ และปัจจัยด้าน ความแตกต่างระหว่างบุคคล 3 ข้อ ซึ่งเป็นระบบแนวคิดแบบองค์รวมของการเรียนรู้ที่เน้น ผเู้ รียนเปน็ สาคัญได้ ดังภาพ แผนภาพท่ี 6.2 : แบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญ : แนวคิดทีเ่ ปน็ องค์รวม ที่มา : (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546 : 19)

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจดั การช้ันเรยี น 157 157 จากภาพ หลกั การทางจิตวทิ ยาการเรยี นรู้ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั 14 ข้อ ของแต่ละ ปจั จยั มีดังน้ี 1) ปัจจยั ดา้ นการรู้คดิ และการรู้คดิ ท่เี กิดจากตนเอง 1.1) ลักษณะของกระบวนการเรียนรู้ ผเู้ รียนจะเรียนรู้เน้ือหาสาระที่ซับซ้อน ได้ดีที่สุดต่อเม่ือมีความตั้งใจ สร้างความหมายจากข้อมูล ประสบการณ์ที่ได้รับ ซึ่งผู้เรียน อาจจะสร้างความหมายจากข้อมลู ประสบการณ์ ความคิดอ่าน และความเชื่อมโยงของตน ผู้เรียนที่ประสบผลสาเร็จจะกระตือรือร้น มีเป้าหมายแน่วแน่ สามารถนาหรือผลักดัน ตนเอง และรบั ผิดชอบการเรียนรขู้ องตนเอง 1.2) เป้าหมายของกระบวนการเรียนรู้ เม่ือผู้เรียนได้รับการสนับสนุนและ ชี้แนะจากผู้สอน ผู้เรียนที่ประสบความสาเร็จ สามารถสร้างความรู้ที่มีความหมายและ ผสมผสานสอดคล้องกันซึ่งในระยะเริ่มต้น เป้าหมายของผู้เรียนอาจจะยังไม่ชัดนัก แต่เม่ือ เวลาผ่านไปความเข้าใจจะดีขึ้นด้วยการเติมช่องว่าง แก้ไขความไม่ประสานสอดคล้องและ สร้างความเข้าใจในเน้ือหาสาระให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายในระยะยาวต่อไป ผู้สอนสามารถช่วยเหลือผู้เรียนในการกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่มีความหมาย ซึ่ง สอดคล้องกบั ความใฝฝ่ ันและความสนใจทางการศกึ ษา 1.3) การสร้างความรู้ ผู้เรียนที่ประสบผลสาเร็จสามารถเชื่อมโยงข้อมูล ใหม่ที่ได้รับให้เข้ากับความรู้ที่มีอยู่เดิมด้วยวิธีการต่างๆ ที่มีความหมาย ความรู้จะขยายวง กว้างและมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น เม่ือผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและประสบการณ์ใหม่กับ ฐานความรู้ที่มีอยู่เดิม การเชื่อมโยงมีหลายรูปแบบ เช่นการเสริมเติมแต่งการปรับขยาย หรือจัดระบบความรู้หรือทักษะที่มีอยู่เสียใหม่ ผู้สอนจึงควรช่วยให้ผู้เรียนได้รับและ บรู ณาการความรู้ เชน่ การวางกรอบความคิด การจดั ระบบหวั ข้อหรอื การแยกประเภท 1.4) การคิดเชิงกลยุทธ์ ผู้เรียนที่ประสบผลสาเร็จสามารถสร้างและใช้ กลยุทธ์ทางการคิดและการใช้เหตุผลเพื่อบรรลุเป้าหมาย การเรียนรู้ที่ซับซ้อนได้ผู้เรียนท่ี ประสบผลสาเร็จจะคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นวิธีการในการเรียนรู้ใช้เหตุผลแก้ปัญหาหรือ เรียนรู้ในเร่ืองความคิดรวบยอด ผู้เรียนเหล่านี้มีความเข้าใจและสามารถใช้กลยุทธ์อัน หลากหลายเพื่อช่วยให้คนเข้าถึงเป้าหมายในการเรียนรู้และการปฏิบัติต่างๆ และสามารถ นาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ อีกท้ังยังคงสะสมกลยุทธ์ของตนให้เพิ่มขึ้น

158 Learning Design and Classroom Management 158 โดยการย้อนคิดทบทวนวิธีที่ตนใช้เพื่อดูว่าวิธีใดที่ดีที่สุด โดยการสังเกตหรือมีปฏิสัมพันธ์ กับต้นแบบที่เหมาะสม การได้รับการชี้แนะและการให้ข้อมูลย้อนกลับจากผู้อื่นผู้สอนจึง ควรให้การช่วยเหลือผู้เรียนในการพัฒนาประยุกต์ใช้ และประเมินผลทักษะการเรียนรู้ เชงิ กลยุทธ์ของตน 1.5) การคิดทบทวนเกี่ยวกับการคิดของตน กลยุทธ์ในระดับสูงสาหรับ เลือกสรรและติดตามดแู ลปฏิบตั ิการทางสติปัญญานั้น ช่วยเหลือให้ความสะดวกในการคิด เชงิ สรา้ งสรรคแ์ ละการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ ผเู้ รียนทีป่ ระสบผลสาเรจ็ สามารถ พินิจ พิเคราะห์ว่าตนคิด และเรียนรู้ได้อย่างไร ต้ังเป้าหมายการเรียนรู้ หรือความสามารถของ ตนอย่างมีเหตุมีผล เลือกกลยุทธ์หรือวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม และดูแลควบคุม ความก้าวหน้าที่จะไปสู่เป้าหมายได้ ผู้สอนจึงควรเน้นการช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนากลยุทธ์ ระดับสงู ทีจ่ ะช่วยยกระดับการเรียนรแู้ ละความรบั ผดิ ชอบของตนต่อการเรียนรใู้ ห้ดีข้นึ 1.6) สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การเรียนรู้ได้รับอิทธิพลปัจจัยต่างๆ ทาง สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม เทคโนโลยีและการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมีผลท้ังทางบวกและทาง ลบ ดังนั้นในการจัดการเรียนรู้ต้องเหมาะสมกับความรู้เดิม ความสามารถด้านการรู้คิด กลยทุ ธ์การเรียนรู้ของผเู้ รียน 2) ปัจจยั ดา้ นแรงจงู ใจและอารมณ์ 2.1) ปัจจยั ด้านแรงจูงใจและอารมณ์ที่มีต่อการเรียนรู้ แรงจูงใจของผู้เรียน มีอิทธิพลต่อสิ่งที่ผู้เรียนเรียนรู้ รวมท้ังวิธีเรียนรู้ในทานองเดียวกันแรงจูงใจที่จะเรียน ก็ ได้รับอิทธิพลจากสภาพอารมณ์ความเชื่อความสนใจ เป้าหมายและนิสัยในการสร้าง ความคิดของแต่ละคนคน ปัจจัยด้านแรงจูงใจและอารมณ์มีอิทธิพลอย่างเหมาะอย่างมาก ต่อองค์ประกอบด้านการรู้คิดอารมณ์และความรู้สึกของผู้เรียน ผู้สอนจึงต้องคานึงถึง สภาพอารมณ์ สภาพทางอารมณ์ของผู้เรียนและอิทธิพลของการจัดการเรียนรู้ที่มีต่อสภา อารมณข์ องผู้เรยี นด้วย 2.2) แรงจูงใจภายในที่จะเรียนรู้ในการสร้างสรรค์การคิดระดับสูงและ ความอยากรู้อยากเห็นของผู้เรียน งานที่โรงเรียนรับรู้ว่าเป็นของใหม่มาก และยากที่สุดที่ เกี่ยวข้องกับความสนใจของตนและตนมีโอกาสเลือกและปฏิบัติที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิด แรงจูงใจภายในที่จะเรียนรู้ ผู้สอนจึงควรส่งเสริมสนับสนุนความอยากรู้อยากเห็นของ

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การช้นั เรยี น 151959 ผู้เรียนโดยมอบหมายงานให้ที่เกี่ยวข้องและมีความหมายสาหรับผู้เรียนที่มีความยุ่งยาก ซบั ซ้อนพอเหมาะ และเปน็ งานที่ผเู้ รียนสามารถประสบผลสาเร็จได้ 2.3) ผลของแรงจูงใจที่มีความพยายาม ผู้เรียนต้องใช้ความพยายามและ ฝึกซ้อมปฏิบัติอย่างมาก เพื่อให้ได้รับความรู้ทักษะที่ซับซ้อน หากผู้เรียนขาดแรงจูงใจที่จะ เรียนรู้วา่ จะไม่เต็มใจที่จะพยายาม นอกจากจะถูกบีบบังคับ เช่น ความพยายามนี้จะเป็นตัว บ่งชี้สาคัญอย่างหนึ่งที่จะเรียนรู้ ผู้สอนจึงต้องช่วยสร้างอารมณ์ด้านบวก และแรงจูงใจ ภายในให้ผู้เรียนโดยจัดกิจกรรมที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจนน่าสนใจ และมีความหมาย สาหรับผู้เรยี น 3) ปัจจยั ดา้ นการพฒั นาการทางสังคม 3.1) อิทธิพลด้านการพฒั นาการที่มีต่อผู้เรยี น ที่มีตอ่ การเรียนรู้ การเรียนรู้ จะมีประสิทธิผล เม่ือคานึงถึงการพัฒนาการที่แตกต่างกัน ท้ังทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคมของผู้เรียน โดยบุคคลที่จะเรียนรู้ได้ดีที่สุด เม่ือสิ่งที่เรียนรู้เหมาะสมกับ ระดับพัฒนาการาขขอองงตตนนแแลละะมมีกีกาารรนน�ำาเเสสนนออดด้ว้วยยววิธิธีกีกาารรทท่ีสี่สนนุกุกแแลละะนน่า่าสสนนใใจจ ผู้สอนจึงต้อง ตระหนักและมีความเข้าใจในความแตกต่างของพัฒนาการของผู้เรียน ท้ังทางด้านร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ สังคม ซึง่ จะช่วยใหเ้ กิดบรรยากาศการเรียนรู้ได้มากที่สุด 3.2) อิทธิพลทางสังคมต่อการเรียนรู้ การเรียนรู้ได้รับอิทธิพลจาก ปฏิสมั พพนั ันธธ์ท์ทาางงสสังังคคมมควคาวมาสมมั สพัมนั พธัน์ทธา์รงะระหหวว่า่างงบาุคบคุคลคลกการารสส่ือื่อสสาารรจจะะมมีมีมาากกขขึ้นึ้นเมื่อผู้เรียน ได้มโี อกาสสร้างปฏิสมั พันธ์และความรว่ มมอื กบั ผอู้ ืน่ ซึ่งจะช่วยใหผ้ เู้ รียนมีโอกาสใช้แนวคิด และวิจารณญาณ ทีจ่ ะนาไปสู่พัฒนาการทางดา้ นสงั คมและจรยิ ธรรมที่สูงขึ้น ผู้สอนจึงควร สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ทางบวก โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดความคิดขั้น สูง ให้ผู้เรยี นรู้สึกปลอดภัยจะช่วยให้เกิดการแสดงความคิดเห็นการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ในกระบวนการเรียนรู้และการสร้างชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ได้ 4) ปจั จยั ด้านความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล 4.1) ความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนรู้ซึ่งผู้เรียนจะมีกลยุทธ์ วิธีการและความสามารถในการเรียนรตู้ ่างกนั ซึง่ เกิดขึน้ จากพันธกุ รรมและประสบการณ์ที่ ได้รับ ผู้สอนจะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ ที่ผู้เรียนชอบ มีการปรับหลักสูตรวิธีการเรียนรู้ สิง่ แวดล้อมและสอ่ื อุปกรณ์ทีเ่ อือ้ และสอดคล้องกบั ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รียน

160 Learning Design and Classroom Management 160 4.2) การเรียนรแู้ ละความหลากหลายการเรียนรู้จะมีประสิทธิผลมากที่สุด เมือ่ คานึงถึงภมู ิหลังทีแ่ ตกต่างกนั ของผู้เรยี นในด้านภาษา วัฒนธรรม และสังคม ผู้สอนต้อง ให้ความเอาใจใส่และรับรู้ความแตกต่างระหว่างบุคคลในด้านความสามารถ ภูมิหลัง วัฒนธรรม และประสบการณ์ผู้เรียน ได้เห็นคุณค่าได้รับการยอมรับนับถือ ผู้เรียนจะมี ระดับแรงจงู ใจและรบั ผลสัมฤทธิ์ทีส่ ูงข้ึน 4.3) มาตรฐานและการประเมินผล การต้ังมาตรฐานที่สูงอย่างเหมาะสม และท้าทายในการประเมินผลผู้เรียน และความก้าวหน้าในการเรียนรู้ รวมท้ังการประเมิน เชงิ วิจยั วินจิ ฉัย การประเมินเชิงกระบวนการ และประเมินผลสัมฤทธิ์ ล้วนเป็นส่วนสาคัญ ที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ในกระบวนการเรียนรู้ ดังนั้น ผู้สอนจึงควรกาหนดเป้าหมายใน ระดับที่สูงเหมาะสมกับผู้เรียนซึ่งการประเมินจุดแข็งจุดอ่อน ด้านการรู้คิด ความรู้และ ทักษะของผู้เรียน จึงมีความสาคัญมาก ในการกาหนดวิธีการจัดการเรียนรู้ การเลือกซื้อ อุปกรณ์การจัดการเรียนรู้ รวมทั้งการประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของตนเองให้ เกิดแรงจูงใจและการเรียนรมู้ ากขึ้นได้ คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ (2543 : 21) ได้เสนอและปัจจัยสาคัญที่ช่วย สนับสนนุ กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคัญให้ประสบผลสาเร็จไว้ดังนี้ 1) กระบวนการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าผู้เรียนมีโอกาสคิด ทา สร้างสวรรค์ โดยที่ผู้สอนช่วยจดั บรรยากาศการเรียนรู้ จดั สือ่ และสรุปการเรียนรู้ร่วมกัน 2) ผู้สอนควรคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ในด้านความสามารถทาง สติปัญญาอารมณ์ สงั คม ความพร้อมของร่างกายและจิตใจ และสร้างโอกาสผู้เรียนให้เกิด การเรียนรู้ ด้วยวิธีการอย่างหลากหลายและตอ่ เนื่อง 3) การจัดสาระการเรียนรู้ ควรให้มีความสมดุลของความเหมาะสมกับวัย ความถนัด ความสนใจของผู้เรียนและความคาดหวังของสังคม ท้ังนี้ ผลการเรียนรู้จาก สาระและกระบวนการจะต้องทาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดี และมี ความสุขในการเรียนรู้ 4) การจัดแหล่งเรียนรู้ควรมีหลากหลายและเพียงพอ ที่จะทาให้ผู้เรียนได้ใช้ เปน็ แหล่งค้นคว้าหาความรตู้ ามความถนดั และความสนใจ

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการช้นั เรียน 161161 5) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน และระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ควรมี ลักษณะเป็นกัลยาณมิตร ช่วยเหลือเกื้อกูลห่วงใย มีกิจกรรมร่วมกันได้ในกระบวนการ เรียนรู้ เพือ่ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ร่วมคดิ และร่วมแก้ไขปญั หา 6) มีความศรัทธาต่อผสู้ อนในสาระทีเ่ รยี น รวมทั้งกระบวนการที่ก่อให้เกิดการ เรียนรู้ ผู้เรียนใฝ่รู้ มีใจรักที่จะเรียนรู้ ทั้งนี้ผู้สอนต้องมีความเชื่อว่าศิษย์ทุกคนสามารถ เรียนรู้ได้ และมีวธิ ีการเรียนรู้ทีแ่ ตกต่างกนั 7) สาระการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์และ สิ่งแวดล้อมรอบตัวของผู้เรียน จนผู้เรียนสามารถนาผลจากการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ใน ชีวติ จรงิ 8) กระบวนการเรียนรู้มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่น ๆ เช่น ชุมชนครอบครัว องค์กรตา่ ง ๆ เพื่อสรา้ งความสัมพันธ์ และความร่วมมือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และได้รับ ประโยชน์จากการเรียนรู้สูงสดุ จากปัจจัยสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปได้ว่า กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั จะประสบผลสาเร็จได้น้ัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยสาคัญ ที่ช่วยให้การสนับสนุนหลายประการโดยเริ่มที่ผู้สอนต้องมีความเชื่อว่าผู้เรียนทุ กคน สามารถเรียนรไู้ ด้ มีการจดั สาระการเรียนรู้ที่สมดุลเหมาะสมกับวัย ความถนัด ความสนใจ และความคาดหวังของสังคม ในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้มี โอกาสได้คิดทิศทางสร้างสรรค์ทางานด้วยตนเอง ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมี แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่น เช่น ชุมชน ครอบครัว องค์กรต่าง ๆ ภายใต้บรรยากาศการเรียนรทู้ ี่มปี ฏิสมั พันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน และระหว่างผู้เรียนกับ ผเู้ รียน 6.10 แนวทางในการจดั การเรียนรูท้ ี่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ ณิรดา เวชญาลักษณ์ (2561 : 46-47) ได้เสนอแนะแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้สอนหาวิธีการที่สามารถสร้าง และพัฒนา ผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ต้องการในยุคโลกาภิวัตน์ เนื่องจากเป็นการให้ ความสาคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยด้วยตนเอง เรียนในเร่ืองที่

162 Learning Design and Classroom Management 162 สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของตนเอง และได้พัฒนาศักยภาพของ ตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งแนวคิดการจัดการศึกษานี้ เป็นแนวคิดที่มีรากฐานจากปรัชญา การศึกษา และทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเน่ือง ยาวนาน และเป็น แนวทางที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะตามต้องการอย่าง ได้ผล สาหรบั ผู้สอนในการจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) กา�ำหนดเป้า้าหหมมาายยขขอองงกกาารรเเรรียียนนรรู้แู้แลละะววาางงแแผผนนกกาารราจจัดัดปปรระะสสบบกกาารรณณ์ก์กาารร เรียนรู้ในบรรยากาศที่ยืดหยุ่น 2) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนสร้างความรู้ ความเข้าใจในการ เรียนรู้ดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย 3) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่กระตุ้นและส่งเสริมการคิด การค้นคว้าหา ความรจู้ ากแหล่งเรียนรู้หรอื แหลง่ ขอ้ มลู ที่หลากหลาย 4) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกและสร้างผลงาน จากการเรียนรู้ตามถนัดและความสนใจของตนเอง 5) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึง แหลง่ ขอ้ มลู และการจดั การกระทาขอ้ มูล 6) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงหรือประยุกต์ใช้สิ่งที่เรียนใน ชีวติ จรงิ หรอื สถานการณท์ ี่เป็นจรงิ ให้มากทีส่ ดุ 7) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนฝึกคิด ฝึกปฏิบัติ และฝกึ ปรบั ปรงุ ตนเอง 8) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยน เรียนรู้รว่ มกนั จากเพือ่ ในกลุ่ม 9) ส่งเสริมให้มีโอกาสฝึกการทางานเป็นทีม ความมีวินัยและความรับผิดชอบ จดั สิง่ แวดล้อมและบรรยากาศการเรียนรทู้ ีเ่ ป็นกัลยาณมติ ร มีชีวติ ชีวาและมีความสุข 10) ใช้ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ทีห่ ลากหลายเพือ่ สง่ เสริมการคิด การแก้ปัญหา และการค้นพบความรู้ 11) ประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาการทุกด้านของผู้เรียนอย่างต่อเนื่องและ ตรงสภาพจริง

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการชนั้ เรยี น 161363 12) เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นประเมินและสะท้อนผลการเรียนของตนเองและ เพื่อน แนวทางดังกล่าวข้างต้น เป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้ ผเู้ รียน ผู้สอนจะต้องตระหนักอยู่เสมอว่าแนวคิดการจัดการเรียนรู้เป็นสาคัญ มุ่งให้ผู้เรียน มบี ทบาทสำ�าคัญในการเรยี นรู้โดยการมใสสี ่ว่วนนรร่ว่วมมออยย่า่างงตตื่นน่ื ตตัวัว กกรระะตือรือร้น ในการเรียนท้ังใน ด้านร่างกาย สติปัญญา สังคม และอารมณ์ สร้างความรู้ โดยกระบวนการกลุ่มและการ เรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ ความพร้อมในการเรียนรู้ โดยเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะในการ แสวงหาความรู้ได้ใช้ทักษะกระบวนการคิดร่วมกับการแสวงหาความรู้ ซึ่งอาจจะเป็นการ เรียนรู้โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งมาบูรณาการกัน เพื่อให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ผเู้ รียน เพื่อให้กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ สรปุ ความ การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นวิธีการจัดการของผู้สอนโดยยึดว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ให้ผู้เรียนรู้จักตนเอง รู้จักโลก สามารถพึ่งตนเองได้ มีอิสรภาพ ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพของความเป็นมนุษย์และ เรียนรู้อย่างมีความสุข ซึ่งตัวบ่งชี้ที่สาคัญประกอบด้วย การจัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมที่ ตรงกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน ได้ลงมือปฏิบัติจากสถานการณ์จริงที่ หลากหลาย สสาามมาารรถถสสรร้า้างงอองงคค์ค์คววาามมรรู้ดู้ด้ว้วยยตตนนเอเองงโดโดยยแแนนวควคิดิดขอของกงการาจรัดจัดกกรระบวนการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือ ผู้สอนต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เปิด โอกาสให้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง ส่งเสริมศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคนและให้ผู้เรียนมี ส่วนรว่ มในการคิดและตดั สินใจด้วย หลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญน้ัน ผู้สอนควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในกิจกรรมหรือกระบวนการเรียนรู้อย่างตื่นตัว ทั้งทางกาย สติปัญญา ทางอารมณ์ และ สังคม และใช้หลักการทางจิตวิทยา ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถค้นพบองค์ความรู้ด้วย ตนเอง สามารถนาสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ โดยผู้สอนควรเลือกรูปแบบที่ เหมาะสมกับจะประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหาสาระในการเรียน ลักษณะผู้เรียน ศักยภาพ

164 Learning Design and Classroom Management 164 ผู้เรียน วิธีการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละบุคคล ศักยภาพและความถนัดของผู้สอน บริบท สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ในการเรียนรนู้ ั้น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองได้ในอนาคต ซึ่งต้องคานึงถึงปัจจัยด้านการรู้คิดและการรู้คิดที่เกิดจากตนเอง ปัจจัยด้านแรงจูงใจและอารมณ์ความรู้สึก ปัจจัยด้านพัฒนาการทางอารมณ์ และปัจจัย ด้านความแตกต่างระหว่างบุคคล ภายใต้บรรยากาศการเรียนรู้ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผเู้ รียนกบั ผสู้ อนและระหว่างผู้เรยี นกบั ผเู้ รียน คคาถำ� ถาามมทท้าา้ ยยบบทท 23415...แ ..ทกหกบกกี่มาาลาาบรลีรรรักใเจจเหกัรกรดััดมียษาีย12354กกน่รณ.น....ท า าจกกกกกหกะ่มีรรัดาาาาาลาแเเลีรกรรรรรรรตกั สกัียาียสเจจเกกรอษรรนนดัดัอยีตาีเยนณกรกกนรรน่านทู้ทายีาาทจงะกรกีเ่รรี่เนจัดี่เแนานสนเเาราตกรรร้น้นอ้นรู้ทกยยีีสกาผผนผสกีเ่รนนอตนู้เู้เทู้เอเารรรกน่ารร้นรี่เยียีนู้ทงยีาทยีนผจนนจรทเี่นน่เี้นู้เนัดนเสาเรเี่เรปผป้นปกกน้นอยีู้ทู้เน็น็ผร็นกผ้นนรนีเ่ สสะู้เนาสยีู้เเทผรบรปาารน้นาีเ่ยีู้เียคควจ็นนคเรผนนปนญัดััญส้นีญัยู้เเเรกน็กปาผนปเยีาสกคหรู้เ็นเเน็ รนรปะปาิดัญมสสยีเบเค็นข็รานป�ำำ�นวญัก้ึนยียมคส็นคเนานถจปีอญั�ตสำัญกราึรง็นะค้อ�ำจเาอกู้แไกสคัหญงัดรรบะพิดจำ�ญับเมไกบรนื้คัดขรา้ารยีเดฐัญ้ึนใมงยปะนหา้ังจบถอี็ตนเนร้สาดงึะว้อู้แกคอกอไิมนบงารวดพะกทจบบราคไ้นืาัด่ัวมจรด้าลฐรไใัเงดง้ัป้อเหชารเกน่ือองด้สียกรคยใมิอนดะับ่าวดทรบงาสคู้ั่วแไมวิง่ไบรลปนใเบ้อชดอก่ืองใยาหกใ่าดรมับงเ่สรไรี่งิยในดรู้ เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). การจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลาง. เอกสารชดุ แนวทางปฏิรูปการศกึ ษาในโรงเรยี นสงั กดั กรมสามัญศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : การศาสนา. _______. (2543). การจดั การเรียนการสอนท่เี น้นผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์คุรสุ ภาลาดพรา้ ว. _______. (2546). เรยี นรู้แบบเน้นผู้เรยี นเป็นสาคญั . กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพรา้ ว. คณะอนกุ รรมการการปฏิรปู การเรียนร.ู้ (2543). รปู แบบการจดั การเรียนการสอน ท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญทส่ี ดุ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา.

การออกแบบการเรยี นรูแ้ ละการจดั การช้ันเรียน 161565 ชยั วัฒน์ สุทธิรตั น์. (2559). 80 นวตั กรรมการจัดการเรียนร้ทู ี่เนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั . พิมพ์ครงั้ ที 7. นนทบุรี : พี บาลานซ์ดไี ซด์แอนด์ปริ้นติ้ง. ณิรดา เวชญาลกั ษณ์. (2561). หลักการจดั การเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2545). กระบวนการเรยี นรู้ : ความหมาย แนวทางพัฒนาและ ปัญญาขอ้ งใจ. กรงุ เทพฯ : เอกสารเผยแพร่ในโครงการ วพร. ลาดบั ที่ 01. ทิศนา แขมมณี. (2557). ศาสตร์การสอน :องค์ความรู้เพือ่ การจดั การกระบวนการ เรยี นร้ทู ่มี ีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครง้ั ที่ 21). กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ประเวศ วะสี. (2543). การศึกษาชาติกบั ภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ในสานกั งานคณะกรรมการ การประถมศึกษาแหง่ ชาติ (ผูร้ วบรวม) สัมมนาทางวชิ าการ เรอ่ื ง ภูมิปัญญา ชาวบ้านกบั การดาเนินงานดา้ นวัฒนธรรมกับการพัฒนาชนบท. กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2550). ทักษะ 5G เพื่อการพัฒนาหนว่ ยการเรียนรแู้ ละการ จัดการเรียนการสอนแบบบรู ณาการ. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. มหาวิทยาลยั ราชภฏั ร้อยเอด็ . (2556). คูม่ ือกระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้น ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั (พ.ศ. 2556). ร้อยเอด็ : สานกั วิชาการและประมวลผล มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด. ราชกิจจานุเบกษา. (2542). พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542. กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ สานกั นายกรัฐมนตร.ี วัฒนาพร ระงบั ทุกข์. (2542). แผนการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : ธนพร. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2545). พระบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : พริกหวาน กราฟฟิค.

166 Learning Design and Classroom Management ฝากธรรมยำ้ เตียน F เกง กลา เพราะจำเปนตองสู F รู เพราะเคยพลาด F ฉลาด เพราะเคยผิด F คิดเปน เพราะทกุ ข F สุข เพราะผานวิกฤติ

บทที่ 7 7กการาจรดั กจาดั รเกรียานรรเูแรบียบนเชริงรู้แุกบบบเชททิงรี่ กุ (Activ(eALcetairvneingL)earning) ความนา กระบวนการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆที่ผู้สอนจัดให้แก่ผู้เรียนล้วนแล้วแต่ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ เข้าใจในบทเรียน จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สอนต้องมีการ พัฒนาวิธีการเรียนการสอน การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เป็นกระบวนการหนึ่งที่เป็นเทคนิค การสอนแนวใหม่ ให้ผู้เรียนเกิดความใฝุรู้ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมโดยตรงใน กิจกรรมการเรียนรู้ ได้พฒั นาการเรียนรู้ตามศักยภาพความต้องการ ความสนใจและความ ถนัดของแต่ละบุคคล ผู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติและมีโอกาสสร้างความรู้ด้วยตนเอง โ ด ย ผ่ า น ก ร ะ บ ว น ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น เ รี ย น รู้ อี ก ท้ั ง ไ ด้ มี โ อ ก า ส ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ค ว า ม รู้ อ ย่ า ง มี ประสิทธิภาพ 7.1 ความหมายของการจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทาง ปัญญา(Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเน้ือหาวิชา เพื่อช่วยให้ผู้เรียน สามารถเชื่อมโยงความรู้ หรอื สร้างความรู้ใหเ้ กิดข้ึนในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่าน สื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนา กระตุ้น หรืออานวยความสะดวก ให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้น โดยกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher order thinking) กล่าวคือ ผเู้ รียนมีการวิเคราะหส์ ังเคราะห์ และการประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทาให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนาไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้อย่างมี ประสิทธิภาพ

168 Learning Design and Classroom Management 168 ในการศึกษาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เป็นเร่ืองที่ต้องทาความเข้าใจความหมาย เพือ่ การนาไปปฏิบตั ิกับผเู้ รียนอย่างถกู ต้อง ดังนักวิชาการทั้งต่างประเทศและในประเทศได้ กล่าวถึงความหมายของการจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) กระทรวงศึกษาธิการ (2552) ที่ได้กล่าวโดยสรุปว่า Active Learning หมายถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือ ระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ในการนี้ครูต้องลดบทบาทในการสอนและการให้ข้อความรู้แก่ ผเู้ รียนโดยตรง แต่ไปเพิม่ กระบวนการและกิจกรรมที่จะทาให้ผู้เรียนทากิจกรรมต่างๆ มาก ขึ้น และอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยการพูด การเขียน การอภิปรายกับเพื่อนๆ เพื่อให้บรรลุผลสาเร็จทางด้านวิชาการ เกิดทักษะทางด้านการ ติดตอ่ สื่อสารระหวา่ งกนั มกี ารพฒั นาทกั ษะ กกรระะบบววนนกกาารรคคดิ ิดไไปปสสใู่ ู่ในนรระะดดบั ับททส่ี ี่สงู ูงขขนึ้ ึน้ เกเกดิ ิดเจตเจคติ คทตด่ี ิทีตีด่อีตวชิอ่ าวทิช่เีารทียีเ่ นรยีแลนะแเลกะิดเกแริดงแจรูงใจจงู ตใจ่อตก่อารกเารรยี เนรยี น 2) ดิเรก พรสีมา (2559) มีความเห็นว่า Active Learning คือ การจัด กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีลักษณะทาให้ผู้เรียนแต่ละคนกระตือรือร้น คิดค้นหาความรู้และ คาตอบอยู่ตลอดเวลา (Active Learner) โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่งผลทาให้เกิดคาว่า Work-based Learning หรือ Work-integrated Learning หรือ Site- based Learning จะเป็นผลทาให้นักเรียนและครูค้นพบความรู้ใหม่ สร้างสรรค์ความรู้ใหม่ และสร้างนวตั กรรมใหม่ได้ ผเู้ รียนจะต้องมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นให้ผู้เรียน สร้างองค์ความรู้จากการแก้ปญั หาจากการลงมือกระทาด้วยตนเอง 3) มหาวิทยาลัยทักษิณ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (2561: 1) ได้ให้ความหมายของการเรียนเชิงรุก (Active Learning) คือ การเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมี ปฏิสัมพันธ์กับการเรียนการสอนกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking) ด้วยการวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่า ไม่เพียงแต่ฟัง ผู้เรียนต้องอ่าน เขียน ถามคาถาม อภิปรายร่วมกันและลงมือปฏิบัติจริง โดยต้องคานึงถึงความรู้เดิมและ ความต้องการของผู้เรียนเป็นสาคัญ ท้ังนี้ผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ไปสู่ การมสี ่วนรว่ มในการสร้างความรู้ 4) วารินท์พร ฟันเฟื่องฟู (2562 : 135) สรุปว่า การจัดการเรียนรู้ Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เน้นบทบาทและการมีส่วน ร่วมของผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ เรียนรู้และดาเนินกิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง

การออกแบบการเรยี นรแู้ ละการจัดการช้ันเรยี น 161969 โดยมีครูเป็นผู้ให้คาแนะนา ชี้แนะกระตุ้น หรืออานวยความสะดวก ให้ผู้เรียนได้เกิดการ เรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียน และ การนาเสนอข้อมลู 5) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2562 : 4) ได้ให้ ความหมายของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) คือ การเรียนที่เน้นให้ผู้เรียนมี ปฏิสัมพันธ์กับการเรียนการสอน กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดข้ันสูง (Higher- Order Thinking) ด้วยการวิเคราะห์สังเคราะห์และประเมินค่า ไม่เพียงแต่เป็นผู้ฟัง ผู้เรียน ต้องอ่าน เขียน ตั้งคาถามและถาม อภิปรายร่วมกัน ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง โดยต้อง คานึงถึงความรู้เดิมและความต้องการของผู้เรียนเป็นสาคัญ ท้ังนี้ผู้เรียนจะถูกเปลี่ยน บทบาทจากผู้รบั ความรไู้ ปสู่การมีสว่ นร่วมในการสรา้ งความรู้ 6) บัญญัติ ชานาญกิจ (2549 : 3) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เป็น การเรียนรแู้ บบใฝุรู้ เปน็ การเรียนการสอนที่ผู้เรียนจะต้องค้นหาเน้ือเร่ืองเพื่อก่อให้เกิดองค์ ความรู้ โดยการพูดคุย การเรียน การอ่านหรือการต้ังคาถามหรือการเรียนการสอนที่ ผเู้ รียนมีความเคลือ่ นไหว อาจให้ผู้เรยี นทางานคนเดียว เปน็ กลุ่มเล็กหรอื กลุ่มใหญ่ได้ 7) ปราวีณยา สุวรรณณัฐโชติ (2551 : 1) กล่าวว่า การเรียนรู้เชิงรุก เป็น การเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน ดาเนินกิจกรรมต่างๆ ในการเรียนให้เกิดการ เรียนรู้อย่างมีความหมาย ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ในระดับลึก ผู้เรียนจะสร้างความเข้าใจและ คน้ หาความหมายของเนือ้ หาสาระโดยเชื่อมกับประสบการณ์เดิมที่มี แแยยกแยะความรู้ใหม่ที่ ได้รับกับความรู้เก่าที่มีอยู่เดิม สามารถประเมินต่อเติมและสร้างแนวคิดของตนเอง ซึ่ง เรียกว่ามีการเรียนรู้เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากวิธีการเรียนรู้ในระดับผิวเผิน ซึ่งเน้นการรับ ข้อมลู และจดจาข้อมลู เท่านั้น ผเู้ รียนลกั ษณะนี้จะเป็นผู้เรียนที่เรียนรู้วิธีการเรียน (Learning low to learn) เปน็ ผู้เรยี นที่กระตอื รือร้นและมีทักษะที่สามารถเลือกรับข้อมูลวิเคราะห์ และ สงั เคราะหข์ ้อมลู อย่างมรี ะบบ จากความหมายข้างต้นที่กล่าวมา สรุปได้ว่า การเรียนรู้เชิงรุก หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน และการทากิจกรรม ต่าง ๆ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน และเพื่อนในช้ันเรียน โดยการเขียน การพดู การฟงั การอา่ นและนามาอภปิ รายเพือ่ สะท้อนความคดิ

170 Learning Design and Classroom Management 170 7.2 แนวคิดและทฤษฎีของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ( Active Learning) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในช้ันเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ ผเู้ รียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้อานวยความสะดวก (Facilitator) สร้างแรงบันดาลใจ ให้ คาปรึกษา ดูแล แนะนา ทาหน้าที่เป็นโค้ชและพี่เลี้ยง (Coach & Mentor) แสวงหาเทคนิค วิธีการจัดการเรียนรู้ และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย (Meaningful learning) ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ได้มีความเข้าใจในตนเอง ใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมที่บ่งบอกถึงการมีสมรรถนะสาคัญในศตวรรษที่ 21 มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะวิชาชีพ บรรลุเปูาหมายการเรียนรู้ตามระดับช่วงวัย (สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน, 2562 : 4) สุระ บรรจงจิตร (2551 : 35 – 37) ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้กับรูปแบบการ เรียนการสอนแบบ Active Learning ไว้ว่า ศาสตร์เกี่ยวกับการเรียนรู้ ได้มีการพัฒนาอย่าง ต่อเน่ืองควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยในช่วงแรกของ การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์เป็นการศึกษาในเชิงพฤติกรรมศาสตร์ โดยนักพฤติกรรมศาสตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้ให้นิยามการเรียนรู้ว่าเป็น “กระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า (Stimuli) กับการตอบสนอง (Responses)โดย แรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้มักมีที่มาจากความต้องการพื้นฐาน” เช่น การเรียนรู้ที่จะหา อาหารมาจากสิ่งเร้าคือ ความหิว เป็นต้น อย่างไรก็ดีนิยามของการเรียนรู้ในเชิงพฤติกรรม ศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ได้ เช่น การทา ความเข้าใจและการใช้เหตุผล เป็นต้น ต่อมาเม่ือการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์การรู้คิด (Cognitive Science) ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จึงได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการเรียนรู้ใน เชิงสหวิทยาการ (Multidisciplinary) มากยิ่งขึ้น โดยรวมเอาความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ เช่น มานุษยวิทยา จิตวิทยา ประสาทวิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์ มาประยุกต์เพื่อศึกษา และทาความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ โดยการเรียนรู้ในมุมมองของ วิทยาศาสตร์ การรู้คิดมีความหมายที่ครอบคลุมมากกว่านิยามเดิม กล่าวคือ เป็น

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการช้นั เรียน 171171 ความสามารถในการจดจา การทาความเข้าใจ การจัดโครงสร้างความรู้ และการถ่ายทอด เพือ่ นาความรู้ที่มีไปใช้ในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ดีศาสตร์เกี่ยวกับการเรียนรู้ของมนุษย์ยัง ไม่ได้ข้อยุติและยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์อย่างต่อเน่ือง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจนมากยิ่งขึ้นจากความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ การรู้คิดในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งประเภทของความจาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ออกเป็นสองประเภทคือ ความจาระยะสั้น (Working Memory) และความจาระยะยาว (Long-Term Memory) โดยความจาระยะสั้นคือ ส่วนของความจาที่ใช้ในการคิด ประมวลผล จากการศึกษาของ Peterson and Peterson และ Miller พบว่า ความจาระยะ สั้นสามารถเก็บข้อมูลได้ไม่เกิน 7 ข้อมูล และข้อมูลในความจาระยะสั้นจะถูกลืมไปภายใน 30 วินาทีหากไม่มีการทบทวน ส่วนความจาระยะยาวคือ ส่วนของความจาที่เก็บข้อมูล จานวนมาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีอิทธิพลสาคัญต่อการตัดสินใจในชีวิตประจาวันของมนุษย์ การศกึ ษาเกี่ยวกับการเรียนรแู้ ละประเภทของความจาดังที่กล่าวมาข้างต้น ได้นาไปสู่ความ เข้าใจในความแตกต่างระหว่างผู้เริ่มต้น (Novice) กับผู้เชี่ยวชาญ (Expert) โดยคณะทางาน เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้ (Committee on Developments in the Science of Learning) ของสภาการวิจัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้ให้นิยามของผู้เชี่ยวชาญว่าเป็น ผู้ที่สามารถคิดได้อย่างมีประสิทธิผลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในสาขาความชานาญน้ัน ซึ่ง การศึกษาความแตกต่างระหว่างผู้เริ่มต้นกับผู้เชี่ยวชาญนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อนาไปสู่การ พัฒนาความสามารถในการคิดและแก้ปัญหา ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการเรียนรู้ โดยจากการศกึ ษาพบว่า ผู้เชีย่ วชาญมีความแตกต่างจากผู้เริ่มต้นตรงที่ผู้เชี่ยวชาญมีข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับสาขาความเชี่ยวชาญอยู่ภายในความจาระยะยาวมากเพียงพอที่จะสามารถ แยกแยะรูปแบบของข้อมูลที่สาคัญได้ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังมีแนวโน้มในการจัดเก็บ ความรู้ที่ดีโดยจัดข้อมูลที่มีลักษณะเป็นข้อมูลปลีกย่อยไว้รอบข้อมูลที่เป็นหัวข้อสาคัญ ซึ่ง การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกมาจาก ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในความจาระยะยาวเพื่อนามาใช้งานได้อย่างรวดเร็วทฤษฎีเกี่ยวกับ การเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์การรู้คิดอีกทฤษฎีหนึ่งคือ ทฤษฎีการจัดหมวดหมู่ วัตถุประสงค์ของการศึกษา (Taxonomy of Educational Objectives) ซึ่งทฤษฎีนี้จัดแบ่ง หมวดหมู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในด้านการรู้คิด (Cognitive Domain) ไว้ 6 ระดับ โดย วัตถุประสงค์ใน 3 ระดบั แรก ประกอบด้วยวตั ถุประสงค์ข้ันตน้ ดงั น้ี

172 Learning Design and Classroom Management 172 1) ความรู้หมายถึง ความสามารถในการจดจาข้อเท็จจริง แนวคิด และ หลักการ ด้วยการท่องจา 2) ความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถในการตีความและทาความเข้าใจ ความหมายของสิง่ ที่จาได้ในมุมมองของผเู้ รียนเอง 3) การนาไปใช้ หมายถึง การนาความรู้และความเข้าใจที่มีไปปรับใช้ใน ชีวติ ประจาวัน จะเห็นได้ว่าวัตถปุ ระสงคแ์ ตล่ ะระดับเป็นพืน้ ฐานที่จะนาไปสู่วัตถุประสงค์ในระดับ ต่อๆไป โดยวตั ถุประสงค์ข้ันตน้ 3 ระดับแรกนีเ้ ป็นพื้นฐานที่จาเป็นสาหรับวัตถุประสงค์ของ การศกึ ษาในข้ันสูงอกี 3 ระดบั ดงั น้ี (1) การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยกองค์ประกอบย่อยของ ความรทู้ ีม่ ี และทาความเขาใจแตล่ ะองค์ประกอบน้ันได้ (2) การประเมินค่า หมายถึง ความสามารถในการประเมินผลงานที่ เกี่ยวข้องกบั ความรู้ที่มดี ้วยเกณฑ์การตัดสินที่เหมาะสม (3) การสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ จากพืน้ ฐานของความรู้เดิมที่มีอยซู่ ึง่ ในเอกสารตนฉบับเดิมของ Bloom จัดการสังเคราะห์ไว้ ที่ระดับที่ 5 แต่นักวิทยาศาสตร์การรู้คิดสมัยใหม่นิยมที่จะจัดการสังเคราะห์เป็น วัตถปุ ระสงค์ระดบั สงู สุด เน่ืองจากในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าการสังเคราะห์สิ่งใหม่เป็น งานทีย่ ากกว่าการประเมนิ ค่าสิ่งที่มอี ยู่แลว้ จากความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์การรู้คิด ทาให้เกิดแนวความคิดในการ เรียนรู้แขนงใหม่ขึ้นมา เรียกว่า Constructivist ซึ่งเป็นที่มาของแนวความคิดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยแนวคิด Constructivist มีนิยามของการเรียนรู้ว่า เป็นการสร้างข้อมูล ใหม่ในความจาระยะยาวด้วยการนาข้อมูลที่ไดรับในความจาระยะส้ันไปผสมผสานกับ ข้อมูลที่มีอยู่แล้วในความจาระยะยาว ดังนั้น ผู้เรียนจึงเป็นผู้สร้างความรู้จากข้อมูลที่ได้ รบั มาใหมด่ ้วยการนาไปประกอบกบั ประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งตัวผู้เรียนเอง จะมีบทบาทสาคัญที่สดุ ในการเรียนรู้และการจดั องคค์ วามรใู้ นความจาระยะยาวของตนเอง ด้วยเหตนุ ้ผี ู้ที่สนบั สนุนแนวคิดนจี้ งึ เน้นกระบวนการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีโอกาส เรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยการลงมือปฏิบัติ การแก้ปัญหา และการทางานเป็นกลุ่ม

การออกแบบการเรยี นรูแ้ ละการจดั การช้ันเรยี น 171373 มากกว่าการน่ังฟังผู้สอนในห้องเรียน ซึ่งแนวคิดนี้ไดพ้ ัฒนาต่อมาเป็นรูปแบบการเรียนรู้ แบบ Active Learning 7.3 ความสาคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สาเร็จน้ันมีหลายวิธี แต่ Active Learning สามารถ ทาให้บรรลุเปูาหมายหรือวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ เนื่องจากเหตผุ ลหลายๆประการ ดงั น้ี (Stanford Teaching Commons, 2015) 1) Active Learning ส่งเสริมการมีอิสระทางด้านความคิดและการกระทาของ ผเู้ รียน การมีวจิ ารณญาณและการคิดสรา้ งสรรคผ์ เู้ รียนจะมีโอกาสในการมีส่วนร่วมในการ ปฏิบัติจริงและมีการใช้วิจารณญาณในการคิดและตัดสินใจในการปฏิบัติน้ัน โดยครูเป็น ผดู้ ูแล ใหค้ าปรึกษาและกระตุ้น ซึ่งอาจใช้การถามหรือเทคนิคการสอนต่างๆที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการวิเคราะห์สังเคราะห์ และประยุกต์ใช้อุปกรณ์ต่างๆในการปฏิบัติงาน หรอื ในการเรียนรู้อย่างสรา้ งสรรค์ 2) Active Leaning สนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ ซึง่ ความรว่ มมอื ในการปฏิบัติงานกลุ่มจะนาไปสู่ความสาเร็จในภาพรวม 3) Active Learning ทาให้ผู้เรียนทุ่มเทในการเรียน จูงใจในการเรียนและทาให้ ผู้เรียนแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ เม่ือผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติอย่าง กระตือรือร้น ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออานวย ผู้เรียนจะมีความทุ่มเทเพื่อมุ่งสู่ความสาเร็จ ของงาน และมีความรับผิดชอบ เช่นเดียวกันถ้าผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเขาก็จะ ทุ่มเทมุ่งเรียนรู้และใช้ความรู้อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งสอดคล้องกับสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (2562 : 4-5) ได้กล่าวถึงความสาคัญของการจัดการ เรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ไว้ดงั นี้ 1) Active Learning ส่งเสริมการมีอิสระทางด้านความคิดและการกระทาของ ผู้เรียน การมีวิจารณญาณ และการคิดสร้างสรรค์ ผู้เรียนจะมีโอกาส มีส่วนร่วมในการ ปฏิบัติจริงและมีการใช้วิจารณญาณในการคิดและตัดสินใจในการปฏิบัติกิจกรรมนั้น มุ่ง สร้างให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้กากบั ทิศทางการเรยี นรู้ค้นหาสไตล์การเรียนรู้ของตนเอง สู่การเป็นผู้รู้ คิด รู้ตัดสินใจด้วยตนเอง (Metacognition) เพราะฉะนั้น Active Learning จึงเป็นแนว

174 Learning Design and Classroom Management 174 ทางการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความคิดขั้นสูง (Higher order thinking) ในการมีวิจารณญาณ การวิเคราะห์ การคิดแก้ปัญหา การประเมิน ตัดสินใจ และการ สร้างสรรค์ 2) Active Leaning สนับสนุนส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันอย่างมี ประสิทธิภาพ ซึง่ ความรว่ มมอื ในการปฏิบตั ิงานกลุ่มจะนาไปสู่ความสาเรจ็ ในภาพรวม 3) Active Learning ทาให้ผู้เรียนทุ่มเทในการเรียน จูงใจในการเรียนและทาให้ ผู้เรียนแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ เม่ือผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม อย่างกระตือรือร้นในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออานวย ผ่านการใช้กิจกรรมที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ อย่างหลากหลาย ผู้เรียนเลือกเรียนรู้กิจกรรมต่างๆตามความสนใจและความถนัดของ ตนเอง เกิดความรับผิดชอบและทุ่มเทเพือ่ มงุ่ สคู่ วามสาเรจ็ 4) Active Learning ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาเชิงบวก ทั้งตัวผเู้ รียนและตัวครู เป็นการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน ผู้เรียนจะมีโอกาสได้เลือกใช้ ความถนัด ความสนใจ ความสามารถที่เป็นความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) สอดรบั กบั แนวคิดพหุปัญญา (Multiple Intelligence) เพือ่ แสดงออกถึงตัวตนและ ศักยภาพของตัวเอง ส่วนครูผู้สอนต้องมีความตระหนักที่จะปรับเปลี่ยนบทบาท แสวงหา วิธีการ กิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคน สิ่งเหล่านี้ จะทาให้ครูเกิดทักษะในการสอนและมีความเชี่ยวชาญในบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ เป็น การพฒั นาตน พัฒนางาน และพฒั นาผู้เรยี นไปพร้อมกนั นอกจากนี้ การจัดการเรียนรู้ Active Learning มีประโยชน์ ดังนี้ (Center For Teaching Innovation, 2019) 1) พฒั นาการมีส่วนร่วมของผู้เรียนให้คิดและทาตลอดจนพัฒนาความคิดและ ทกั ษะ 2) มีการให้ขอ้ มลู ย้อนกลับเพื่อการพัฒนาของผู้เรยี น 3) ให้ความสาคัญกบั ความแตกต่างของผเู้ รียน 4) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิด และพูดในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและได้ฝึก ปฏิบัติจริง 5) สร้างเครือข่ายระหว่างบุคคลรวมถึงสื่ออุปกรณ์ในการเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งทา ให้ผู้เรยี นเกิดความสนใจในการเรียนรู้

การออกแบบการเรยี นรู้และการจัดการช้ันเรียน 171575 6) มุ่งฝึกฝนทักษะสาคัญให้กับผู้เรียน เช่น การร่วมมือร่วมใจในการทางาน การทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ 7) ทาให้ผู้เรยี นมีความม่ันใจในการนาเสนอผลงานของตนเอง 8) สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ในห้องเรียน โดยการสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างครูกับนักเรียนและนักเรียนกับนักเรียนในการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ สาหรับวารินท์พร ฟันเฟื่องฟู (2562 : 139) สรุปว่า การจัดการเรียนรู้ Active Leaning มีขอ้ ดีคือ ผู้สอนใชว้ ิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลากหลายในการจัดการเรียนรู้ครั้งหนึ่งๆ ซึ่ง เป็นวิธีสอนที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม โดยผู้สอนเป็นผู้กากับและอานวยความสะดวก รวมทั้ง เป็นผู้สนับสนุนและเสริมแรงให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงและตอบ ผู้เรียนถูกกระตุ้นให้มีส่วนร่วม ในการเรียน รวมท้ังเกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ผู้เรียนได้รับการส่งเสริมใน การทางานกลุ่ม มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interaction) ทาให้ปรับตัวอยู่ในสังคมอย่างมี ความสุข ผู้เรียนถูกกระตุ้นให้มีความกระตือรือร้น (Active) ผู้เรียนเกิดการชอบเรียน ต้องการเรียนรู้และต้องการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วย ความเข้าใจ (Meaningful Learning) นอกจากนี้การจัดการเรียนรู้Active Leaning ยัง สามารถทาให้ผู้เรยี นสามารถคิดวิเคราะหส์ ังเคราะห์และประเมินผลเป็น 7.4 ลกั ษณะของการจดั การเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning) กระบวนการเรียนรู้ Active Learning ทาให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้ อยู่คงทนได้มากและนานกว่ากระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการ เรียนรู้Active Learning สอดคล้องกับการทางานของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจา โดย สามารถเก็บและจาสิ่งที่ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้สอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถเก็บจาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory) ทาให้ผลการเรียนรู้ ยังคงอยู่ได้ในปริมาณที่มากกว่าระยะยาวกว่า ซึง่ อธิบายไว้ดังภาพ

176 Learning Design and Classroom Management 176 แผนภาพท่ี 7.1 : กรวยแห่งการเรียนรู้ จากแผนภาพภาพ จะเห็นได้ว่า กรวยแห่งการเรียนรู้นี้สามารถแบ่งเป็น 2 กระบวนการ คือ 1. กระบวนการเรยี นรู้ Passive Learning 1.1 กระบวนการเรียนรู้โดยการอ่าน ท่องจา ผู้เรียนจะจาได้ในสิ่งที่เรียนได้ เพียง 10% 1.2 การเรียนรู้โดยการฟังบรรยายเพียงอย่างเดียวโดยที่ผู้เรียนไม่มีโอกาส ได้มสี ่วนรว่ มในการเรียนรู้ดว้ ยกิจกรรมอืน่ ในขณะทีผ่ ู้สอนสอน เมือ่ เวลาผ่านไปผู้เรียนจะจา ได้เพียง 20% 1.3 หากในการเรียนการสอนผู้เรียนมีโอกาสได้เห็นภาพประกอบด้วย ก็จะ ทาให้ผลการเรียนรู้คงอยู่ได้เพิม่ ข้ึนเปน็ 30% 1.4 กระบวนการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเพิ่มขึ้น เช่น การให้ดูภาพยนตร์การสาธิต จัดนิทรรศการให้ผู้เรียนได้ดูรวมทั้งการนาผู้เรียนไป ทัศนศึกษา หรอื ดงู าน กท็ าให้ผลการเรียนรู้เพิ่มขนึ้ เป็น 50%

การออกแบบการเรยี นรูแ้ ละการจัดการช้ันเรยี น 171777 2. กระบวนการเรยี นรู้Active Learning 2.1 การให้ผู้เรียนมีบทบาทในการแสวงหาความรู้และเรียนรู้อย่างมี ปฏิสัมพันธ์จนเกิดความรู้ความเข้าใจ นาไปประยุกต์ใช้สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่าหรือสร้างสรรค์สิ่งต่างๆและพัฒนาตนเองเต็มความสามารถ รวมถึงการจัด ประสบการณก์ ารเรียนรใู้ ห้เขาได้มีโอกาสร่วมอภิปรายให้มีโอกาสฝึกทักษะการสื่อสาร ทา ให้ผลการเรียนรู้เพิม่ ข้นึ 70% 2.2 การนาเสนองานทางวิชาการ เรียนรู้ในสถานการณ์จาลอง ท้ังมีการ ฝึกปฏิบัติในสภาพจริง มีการเชื่อมโยงกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะทาให้ผลการเรียนรู้ เกิดข้ึนถึง 90% นอกจากนั้นแล้ว ไชยยศ เรืองสุวรรณ (ม.ป.ป.) ได้อธิบายถึงลักษณะสาคัญของ การจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ดังนี้ 1) เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การ แก้ปัญหา และการนาความรไู้ ปประยุกต์ใช้ 2) เป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการ เรียนรู้สูงสุด 3) ผเู้ รียนสร้างองค์ความรู้และจัดระบบการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 4) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ การ สร้างปฎิสมั พันธ์ร่วมกัน และร่วมมือกันมากกว่าการแขง่ ขัน 5) ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทางานและการ แบ่งหน้าทีค่ วามรับผดิ ชอบ 6) เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟัง คิด อย่างลุ่มลึก ผเู้ รียนจะเป็นผู้จดั ระบบการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 7) เปน็ กิจกรรมการเรยี นการสอนเน้นทักษะการคิดขน้ั สงู 8) เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ และหลักการสู่การสร้างความคิดรวบยอด 9) ผสู้ อนจะเปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ ปฏิบัติดว้ ยตนเอง

178 Learning Design and Classroom Management 178 10) ความรู้เกิดจากประสบการณ์การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปทบทวน ของผู้เรยี น สาหรับทวีวัฒ วัฒนกุลเจริญ (2555) ได้กล่าวถึง ลักษณะสาคัญของการเรียน เชงิ รุก ที่เสนอโดย Alaska Pacific University; Oklahoma University ไว้ดังต่อไปนี้ 1) ก1า) รกจาัดรกจิจดั กรจิ รกมรใรหม้ผใหู้เรผ้ ียเู้ รนยี มนีโมอโีกอากสาศสึกศษกึ าษดา้วดย้วตยนตนเอเองเงพเพื่ออื่ ใหให้เกเ้ กิดดิ ปปรระะสสบบกการณ์ ตรงกับการแก้ปัญหาในสถานการณจ์ รงิ (Authentic Situation) 2) การจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้กาหนดแนวคิด วางแผน ยอมรับ ประเมินผลและนาเสนอผลงานรว่ มกนั 3) การบรู ณาการเน้ือหารายวิชาเพื่อเช่อื มโยงความเข้าใจวิชาต่างๆ ที่แตกต่าง กัน 4) การจดั บรรยากาศในชั้นเรียนใหเ้ อือ้ ต่อการทางานร่วมกัน (Collaboration) 5) ใช้กลวิธีของกระบวนการกลุ่ม (Group Processing) 6) การจัดให้มีการประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment) นอกจากนีจ้ รรยา ดาสา (2552) กล่าวถึงลักษณะสาคัญพื้นฐานของกิจกรรมการ เรียนรู้ดว้ ยวิธีการเรียนเชิงรุก ไว้ 4 ลักษณะ ได้แก่ การฟังและพูด การอ่าน การเขียน และ การไตร่ตรองหรอื โต้ตอบความคิดเหน็ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) การฟังและพูด ผู้สอนจะต้องให้ผู้เรียนฟังให้เป็น คือจับใจความสาคัญของ เร่ืองที่ฟังให้ได้เม่ือฟังแล้วผู้เรียนควรจะสื่อสารออกมาเป็นคาพูดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ สามารถ พดู สื่อสารข้อคดิ เหน็ ของตนเองได้ 2) การอ่าน ในการอ่านแต่ละคร้ัง ผู้สอนต้องมั่นใจว่าผู้เรียนสามารถจับ ใจความหรอื ประเดน็ สาคญั จากเรื่องที่อา่ นได้ 3) กากราเขรียเขนียนในใกนากราเรขเียขนียหนาหกาผกู้ผเรู้เียรีนยนไมไม่เข่เข้า้าใจใจเนเน้ือ้ือหหาาออยย่า่างงแแทท้จ้จรริงิง จะไม่ สามารถเขียนด้วยภาษาของตนเองเพื่อสื่อสารให้ตนเองหรือผู้อื่นเข้าใจได้ ดังน้ันการเขียน แต่ละครั้งผู้เรียนต้องกลั่นกรองและเรียบเรียงความคิดของตนเองเป็นอย่างดีก่อนลงมือ เขียน 4) การไตร่ตรองหรือการโต้ตอบความคิดเห็น การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มี โอกาสโต้ตอบความคิดเห็นของตนเองและแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่ตนเองคิดกับผู้อื่นจะช่วย

การออกแบบการเรียนรแู้ ละการจดั การช้นั เรยี น 171979 ให้ผู้เรียนเกิดการเชื่อมโยงแนวคิดที่มากขึ้น ทาให้รู้ได้มากขึ้นหรือทาให้การเรียนรู้นั้นมี ความหมายมากขึน้ เยาวเรศ ภักดีจิตร (2557) กล่าวว่า การเรียนรู้แบบใฝุรู้ (Active Learning) เป็น การเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะความคิดระดับสูงอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินข้อมูลในสถานการณ์ใหม่ได้ดีในที่สุด จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจ จนสามารถชี้นาตลอดชีวิตในฐานะผู้ฝักใฝุการเรียนรู้ ธรรมชาติของการเรียนรู้แบบ Active Learning ประกอบด้วยลักษณะสาคัญต่อไปนี้ 1) เปเป็น็นกกาารรเรเรียียนนรรู้ทู้ที่มี่มุ่งุ่งลลดดกกาารรถถ่า่ายยททออดดคคววาามมรรู้จู้จาากกผผู้สู้สออนนสสู่ผู ู้เรียนให้น้อยลง และพัฒนาทักษะให้เกิดกับผเู้ รียน 2) ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในชนั้ เรียนโดยลงมอื กระทามากกว่านง่ั ฟังเพียงอย่างเดียว 3) ผเู้ รียนมีสว่ นในกิจกรรม เชน่ อ่าน อภปิ ราย และเขียน 4) เน้นการสารวจเจตคติและคุณค่าที่มอี ยู่ในผู้เรยี น 5) ผเู้ รียนได้พัฒนาการคิดระดับสูงในการวิเคราะห์สังเคราะห์และประเมินผล การนาไปใช้ 6) ททั้งผ้ังผู้เรู้เียรียนนแแลละะผผู้สู้สออนนรรับับขข้อ้อมมูลูลปป้อูอนนกกลลับับจจาากกกกาารรสสะะทท้อนความคิดได้อย่าง รวดเร็ว การเรียนรแู้ บบใฝุรู้ ถือได้ว่าเปน็ การเรียนรทู้ ีต่ อ้ งการกิจกรรมการเรียนการสอนที่ หลากหลายที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองผ่านการจัดการตนเอง ให้ความรู้และช่วย พัฒนาเพื่อนร่วมช้ันซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างสรรค์พัฒนาความรู้ความเข้าใจและทักษะที่ หลากหลาย เปน็ กระบวนการที่ประณีตรดั กุมและผเู้ รียนได้รับประโยชน์มากกว่าการเรียนรู้ ที่ผู้เรียนเป็นฝุายรับความรู้อาจนามาขยายความให้เห็นเป็นลักษณะสาคัญของการจัดการ เรียนการสอนแบบ Active Learning ได้ดงั นี้ 1) เปเ็นปก็นากราเรเียรนียกนากราสรอสนอทนี่พทัี่ฒพัฒนานศาักศยักภยาภพาพททางาสงสมมอองงไดได้แ้แกก่ ่ กกาารรคคิดิ การ แก้ปัญหาและการนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ 2) เปเ็นปก็นากราเรเียรนียกนากราสรอสนอนทท่ีเปี่เปิดิดโอโอกกาาสสใหให้ผ้ผู้เู้เรรียียนนมมีสีส่ว่วนนรร่ว่วมมใในกระบวนการ เรียนรู้สูงสดุ 3) ผเู้ รียนสร้างองค์ความรู้และจัดระบบการเรียนรดู้ ้วยตนเอง

180 Learning Design and Classroom Management 180 4) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน ท้ังในด้านการสร้างองค์ความรู้การ สร้างปฎิสมั พนั ธ์ร่วมกนั รว่ มมอื กนั มากกว่าการแขง่ ขนั 5) ผู้เรียนเรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทางาน การแบ่ง หนา้ ทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ 6) เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟัง คิดอย่างลุ่มลึก ผเู้ รียนจะเป็นผู้จดั ระบบการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 7) เปน็ กิจกรรมการเรยี นการสอนเน้นทกั ษะการคิดขนั้ สงู 8) เปน็ กเจิปก็นรกริจมกทรเ่ี ปรดิมโทอี่เกปาิดสโใหอผ้กเู้ ารสยี นใหบ้ผรู ู้ณเราียกนาบรูขรอ้ณมาลู กขา่ รวขส้อารมหูลรขอื ่าสวาสราสรนหเทรศือ สแลาระสหนลเักทกศารแคลวะาหมลคกั ดิ กราวรบคยวอามดคดิ รวบยอด 9) ผสู้ อนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ ปฏิบัติดว้ ยตนเอง 10) ความรู้เกิดจากประสบการณ์การสร้างองค์ความรู้และการสรุปทบทวน ของผู้เรยี น สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2562 : 5) ได้สรุปลักษณะของ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีดังนี้ 1) เป็นการพัฒนาศักยภาพการคิด การแก้ปัญหา และการนาความรู้ไป ประยกุ ต์ใช้ 2) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้โดยมี ปฏิสัมพนั ธ์รว่ มกนั ในรปู แบบของความร่วมมอื มากกว่าการแขง่ ขนั 3) เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมในกระบวนการเรียนรู้สงู สดุ 4) เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ สู่ทักษะการ คิดวิเคราะหแ์ ละประเมินค่า 5) ผเู้ รียนได้เรียนรคู้ วามมวี ินัยในการทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ 6) ความรเู้ กิดจากประสบการณแ์ ละการสรปุ ของผเู้ รียน 7) ผู้สอนเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ ปฏิบัติดว้ ยตนเอง ลกั ษณะการจัดการเรียนรู้ Active Learning ตามแนวคิดของวารนิ ท์พร ฟันเฟื่องฟู (2562 : 135) กล่าวไว้ว่า ผู้เรียนจะเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการดาเนินกิจกรรม สามารถ

การออกแบบการเรียนรู้และการจดั การช้ันเรียน 181181 บูรณาการความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ เรียนรู้และเกิดองค์ความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งมีรูปแบบ และเทคนิคของการจัดการเรียนรู้ Active Learning ที่หลากหลาย โดยผู้สอนสามารถ นามาใช้ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนรู้ เหมาะสมกับ ผู้เรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในช้ันเรียน ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน และผู้เรียนกับผู้สอน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์และความสาเร็จในการเรียน เป็น การจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ส่งเสริมให้ผู้เรียนประยุกต์ใช้ทักษะ และเช่อื มโยงองค์ความรู้นาไปปฏิบัติเพือ่ แก้ไขปัญหาหรือประกอบอาชีพในอนาคต และถือ เป็นการจัดการเรียนรู้ประเภทหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะสอดคล้องกับการ เปลี่ยนแปลงในยคุ ปัจจุบัน จากการที่นักการศึกษาได้ให้ทัศนะเกี่ยวลักษณะสาคัญของการจัดการกิจกรรม การเรียนรู้ สามารถสรุปได้วา่ ลกั ษณะสาคัญของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้ นอกจากการฟัง บรรยายอย่างเดียว หรือสร้างประสบการณ์ผ่านการลงมือทา การสังเกต ได้สนทนากับ ตนเองและผอู้ ืน่ ผา่ นรปู แบบหรอื เทคนิคการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยผู้สอน สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ท้ังรายบุคคลหรือแบบกลุ่มโดยพิจารณาให้ เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา และผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียน ได้รบั การพฒั นาทักษะการคิดขน้ั สูง 7.5 กระบวนการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2562 : 5) ได้เสนอกระบวนการ จดั การเรยี นรู้ดงั น้ี 1) จดั การเรยี นรู้ทีพ่ ัฒนาศกั ยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหาและ การนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ 2) จัดการเรยี นรู้ที่เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมในกระบวนการเรียนรู้สงู สุด 3) จดั ให้ผู้เรยี นสร้างองค์ความรู้และจดั กระบวนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง

182 Learning Design and Classroom Management 182 4) จัดให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ท้ังในด้านการสร้างองค์ความรู้การ สร้างปฏิสมั พันธ์ร่วมกนั สร้างรว่ มมือกนั มากกว่าการแขง่ ขัน 5) จัดให้ผู้เรียนเรียนรู้เร่ืองความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทางาน และการแบ่งหนา้ ที่ความรบั ผดิ ชอบในภารกิจตา่ งๆ 6) จัดกระบวนการเรียนที่สร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟัง คิดอย่าง ลุ่มลกึ ผเู้ รียนจะเป็นผู้จดั ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง 7) จดั กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ทีเ่ น้นทักษะการคิดขนั้ สงู 8) จดั กจจิ ัดกกริรจมกทรเ่ีรปมดิ ทโอี่เปกิาดสโใอหกผ้ าเู้ รสยี ในหบ้ผรู้เรณียานกบารู ขณอ้ ามกลู าขรา่ ขว้อสมารูลหขร่าอื วสสาารสรนหเทรืศอ สแลาระสหนลเักทกศาแรลคะวหาลมกัคกดิ ารรวคบวยาอมดคดิ รวบยอด 9) ผสู้ อนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง 10) จดั กระบวนการสร้างความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรปุ ทบทวนของผู้เรยี น การจดั การเรียนรู้เชิงรุก (Active learning ) เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนเป็นผู้ มีบทบาทหรือมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัว (active) ในการดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเอง โดยความต่ืนตัวนี้ควรเป็นไปท้ังทางร่างกาย (physically active) ทางการคิดและสติปัญญา (intellectually active) ทางอารมณ์และจิตใจ (emotionally active) และทางสังคม (socially active) การเรียนรู้ที่มีความต่ืนตัวท้ัง 4 ด้าน จะส่งผลให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ดี ซึ่งจะต่าง จากการเรียนรู้เชิงรับ (passive learning) ซึ่งผู้เรียนเป็นผู้รับที่ไม่มีบทบาท หรือมีบทบาท น้อยในกระบวนการสร้างความเข้าใจในเร่ืองที่เรียนรู้ ทาให้ความตื่นตัวที่จะเรียนรู้ให้เข้าใจ มีน้อย จึงส่งผลให้การเรียนรู้ขาดประสิทธิภาพ ดังนั้น กลยุทธ์ (Strategies) ในการจัดการ เรียนรู้เชิงรกุ กค็ ือ การจัดกิจกรรมและประสบการณก์ ารเรียนรใู้ ห้ผู้เรยี นได้มสี ่วนรว่ ม ใน กระบวนการเรียนรู้ของตนอย่างต่นื ตวั ทั้งทางกาย สติปัญญา สังคมและอารมณ์ กล่าวคือ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหผ้ เู้ รียน ดงั น้ี 1) ได้เคลื่อนไหวทางร่างกาย (physically active) อย่างเหมาะสมตามวัยและ ความสนใจของตน เพื่อช่วยให้ประสาทการรับรู้ มีความตื่นตัวสามารถรับข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ได้อย่างดีและรวดเร็ว ดังนั้นในการจัดกิจกรรมต่างๆ ควรให้มี ลักษณะหลากหลายเพื่อใหผ้ เู้ รียนได้เปลี่ยนอิรยิ าบถ และสามารถคงความสนใจของผู้เรียน

การออกแบบการเรียนร้แู ละการจัดการชัน้ เรยี น 181383 ไว้ได้ ซึ่งเร่ืองนี้ จะมีความสาคัญเป็นพิเศษ สาหรับผู้เรียนในระดับปฐมวัย และ ประถมศึกษาตอนตน้ 2) ได้เคลื่อนไหวทางสมองหรือสติปัญญา (intellectually active) ซึ่งก็คือการ คิดนน่ั เองผู้เรยี นจะต่นื ตัวถ้าได้ใช้ความคิด การคิดเป็นเคร่ืองมือในการทาความเข้าใจในสิ่ง ทีเ่ รยี นรู้ การคิดในเรื่องที่ผู้เรยี นสนใจ ประเดน็ ท้าทาย ประเดน็ ที่มคี วามหมายต่อตนเอง จะ ทาให้ผู้เรยี นมีความผูกพนั ในการคิดและการกระทา (engagement) ในเร่ืองที่เรียน ส่งผลให้ การเรียนรมู้ ีประสิทธิภาพมากขึน้ 3) ได้เคลื่อนไหวทางทางสังคม (socially active) คือได้มีโอกาสนาเสนอ ความคิดของตนต่อผู้อื่น ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้อื่น ได้รับข้อมูล ย้อนกลับ ได้ตรวจสอบความคิดของตน ได้ขยายความคิดของตนเอง ได้เรียนรู้จากผู้อื่น กระบวนการต่างๆ จะช่วยให้ผู้เรียนมีความตื่นตัวในการเรียนรู้สามารถรับรู้และเกิดการ เรียนรู้ได้ดี 4) ได้เคลื่อนไหวทางทางอารมณ์ ความรู้สึก และจิตใจ (emotionally active) ซึง่ หมายถึงกิจกรรมและประสบการณ์ที่จัดให้ผู้เรียนน้ัน ควรกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก ของผู้เรียนในทางที่เอื้อต่อการเรียนรู้ในเร่ืองที่เรียน กิจกรรมใดกระทบต่อความรู้สึกของ ผเู้ รียน กิจกรรมน้ันมกั มีความหมายต่อผู้เรยี นและจะส่งผลตอ่ พฤติกรรมของผเู้ รียนด้วย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก สามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบ เป็นกิจกรรมที่ จัดขึ้นโดยผู้สอน ใช้ได้ทั้งก่อนเริ่มบทเรียน ระหว่างเรียนและหลังการเรียนการสอนเพื่อสรุป บทเรียน ดงั ที่ ณฐั พร เดชะและสุทธาสินี เกสร์ประทุม (2550 : 3-6) กล่าวว่า กิจกรรมการ จัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning ไว้ดังนี้ 1. กิจกรรมเดีย่ ว 1) Minute Papers เปน็ กิจกรรมการเรยี นทีใ่ ห้ระยะเวลาผู้เรยี นในการเขียนตอง คาถามเป็นเวลา 1 นาที โดยกิจกรรมนี้สามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลาของการเรียนการสอนไม่ ว่าจะเป็นก่อนเข้าสู่บทเรียน ระหว่างบทเรียนและท้ายบทเรียน เช่น ก่อนเริ่มเข้าสู่บทเรียน ผสู้ อนอาจให้ผู้เรยี นเขียนสรปุ สิ่งทีไ่ ด้เรียนไปเมื่อครงั้ ที่แลว้ ในช่องระหว่างและท้ายบทเรียน อาจถามวา่ “ ประเด็นสาคญั ของหัวข้อน้คี อื อะไร” 2) Writing Activities เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเขียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเขียนสรปุ เขียนรายงาน เขียนตอบคาถาม เป็นต้น

184 Learning Design and Classroom Management 184 3) Muddiest Point เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนเขียนในสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจหรือยั้ง ไม่กระจ่าง ซึ่งกิจกรรมนี้จะเป็นประโยชน์สาหรับผู้สอน เพราะจะช่วยให้ผู้สอนในการ เตรียมการสอนในครั้งต่อไป เพราะจะทาให้ทราบว่าผู้เรียนยังมีข้อสงสัยในจุดใดบ้าง เพื่อ จะได้กลบั ไปเน้นย้าในจุดนั้นอกี ครั้งหนง่ึ 4) Active Response เป็นกิจกรรมทีใ่ ห้ผู้เรยี นเขียนแสดงความรสู้ ึกของตนเองที่ มีต่อการเรียนการสอนคร้ังต่อไปเพราะจะทาให้ทราบว่าผู้เรียนยังมีข้อสงสัยในจุดใดบ้าง เพื่อจะได้กลับไปเน้นย้าในจุดน้ันอกี คร้ังหน่งึ 5) Daily Journal ให้ผู้เรียนเขียนบันทึกกิจกรรมประจาวันของตนเอง โดยอาจ ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือในการทา คือให้ผู้เรียนใส่บันทึกของตนเองลงในอินเทอร์เนต หรือที่เรียกว่าการเขียน Blog ซึ่งจะเป็นการบูรณาการการสอนโดยการนาเทคโนโลยีมาใช้ ผสู้ อนอาจใช้วธิ ีการให้ผู้เรยี นเขียนความคดิ เห็น หรอื คิดวิเคราะหเ์ กี่ยวกบั หัวข้อที่ได้เรียนไป ในแต่ละคร้ังลงใน Blog เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการคิด ไม่ว่าจะเป็นการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ เปน็ ต้น 66)) RReeaaddininggQuiQzuกizจิ กรกริจมกกรารรมอก่าานรปอร่าะนเภปทรตะเ่าภงทๆตเ่าชง่นกๆาเรชอ่น่ากนาเพรอื่ ่าตนอเบพคื่อำ� ตถอาบม คกาถรอาม่านกเพาร่อื อสา่ รนปุ เใพจื่อคสวราุปมใสจำ� คควัญามสาคัญ 7) Concept Maps การให้ผู้เรียนสรุปความรู้หรือแนวคิดที่ตนเองได้รับออกมา ในภาพรวมในรูปแบบของภาพวาด แผนภาพ หรือการทา mind mapping ซึ่งวิธีการนี้จะ เป็นประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะกับผเู้ รียนที่มีปัญหาในการถ่ายทอดความคิดออกมาเป็น ภาษาเขียน แตอ่ าจมคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรอู้ อกมาเป็นภาษาภาพ 88)) PPosotseter/rD/Drraawwiinngg/Display กกาารรใใหห้ผ้ผู้เู้เรรียียนนไไดด้ลงมือปฏิบัติจริงโดยมีผลงาน ออกมาอย่างเป็นรปู ธรรม 2. กิจกรรมกลุ่ม 1) Think-Pair-share เป็นกิจกรรมทีใ่ ห้ผู้เรียนร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ไข ปัญหา เป็นคู่ ๆ โดยวิธีการนี้สามารถปรับเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ เช่น การให้ผู้เรียนต่างคน ต่างหาคาตอบ จากน้ันค่อย ๆ มาแลกเปลีย่ นคาตอบ แล้วรว่ มกันสรุปคาตอบขึน้ ใหม่ 2) BrBarianisntsotromrminingg กกาารรรระะดดมมสสมมอองงชช่วยกันคิดเป็นกลุ่มโดยสามารถร่วมกัน ระดมสมองทั้งห้อง หรือแบ่งกลุ่มแล้วให้ช่วยกันคิดเฉพาะในกลุ่ม จากน้ันจึงมาแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ กนั

การออกแบบการเรียนรู้และการจัดการช้ันเรยี น 181585 3) Games การเล่นเกม ทีเ่ กีย่ วข้องกบั เนือ้ หา 4) Debates การโต้วาที โดยการให้หัวข้อในการอภิปรายและให้ผู้เรียนเป็น ผู้ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเองจากนั้น จึงนาเหตุผลของท้ังสองฝุายมาโต้กัน กิจกรรมนี้มี ประโยชน์อย่างมากในการฝึกทักษะกระบวนการคิดข้ันสูง (Meta Cognition) เช่นการคิด อย่างมเี หตุผล การคิดวิเคราะห์ และสงั เคราะห์ 5) Teaching การสอนหรือการบรรยาย ซึ่งวิธีการสอนด้ังเดิมแบบนี้ก็ สามาารรถถนนา�ำมมาาปประรยะุกยตุก์ใตห์ใม้ หีค้มวีคามวเาปม็นเกปา็นรกจาดั รกจาัดรเกราียรนเรรู้อียยน่ารงู้มอชียีว่าติ งชมีวีชาีวเดิตียชวีวกาันยยกกตตัวัวออย่าง เช่น การสอดแทรก การสาธิตเข้าไประหว่างการบรรยาย หรือการใช้กิจกรรมการเขียน หรอื การบรรยาย ทีเ่ รียกว่า “Guided Lecture” ซึ่งให้เวลาผู้เรียนในการฟังการบรรยายเป็น เวลา 20-30 นาที โดยให้มีการจดเม่ือจบการบรรยาย จึงเปิดโอกาสให้ผู้เรียนจดสิ่งที่ ตนเองสามารถจดจาได้โดยให้เวลา 5 นาที หลังจากนั้นจึงให้ผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพือ่ แลกเปลี่ยนสิ่งทีต่ นเองจดจาได้กับเพือ่ นในกลุ่ม แล้วจึงมีการสรปุ โดยผู้สอนอีกครั้งหนง่ึ 6) Jigsaw กิจกรรมนี้มีรูปแบบคล้ายคลึงกับการต่อจ๊ิกซอว์ คือการให้ข้อมูล เพียงบางส่วนกับผู้เรียน จากนั้นผู้เรียนต้องศึกษาข้อมูลส่วนที่ตนเองได้รับและไป แลกเปลี่ยนความรทู้ ี่ได้กับเพื่อนในกลุ่มอกี ทอดหน่งึ 7) Demonstrations การสอนแบบการสาธิตที่ทาให้ผู้เรียนได้เป็นถึงข้ันตอน และวิธีการทาสิ่งต่าง ๆ อย่างแท้จรงิ ซึง่ จะตรงกับหลักการจัดการเรียนรู้แบบนี้จะเน้นให้ใช้ สิ่งทีม่ อี ยู่จรงิ ที่ผู้เรยี นจะสามารถพบเหน็ ได้จรงิ 8) Socratic Method เป็นวิธีการสอนที่เน้นที่การต้ังคาถาม โดยดึงเอาหลัก แนวคิดของนักปราชญ์ชาวกรีซผมู้ ีชือ่ เสียง คือ โสกราตีส (Socrates) วิธีการสอนแบบนี้เน้น ให้เกิดกระบวนการคิดขน้ั สูงกับผเู้ รียนมากกว่าการมงุ่ เน้นทีก่ ารหาคาตอบของคาถามนนั้ 9) Wait Times การเว้นจังหวะให้เกิดความเงียบเพื่อรอคาตอบขอบงผู้เรียน หลังจากที่ผู้สอนถามคาถาม หรอื การเว้นจังหวะของผู้สอน หลังจากที่ผู้เรียนตั้งคาถาม ซึ่ง มีงานวิจัยทีช่ ีช้ ัดว่าการเว้นจังหวะให้นานขึ้นเป็น 3-5 วินาที จะเกิดผลดีต่อผู้เรียนเพราะจะ ทาให้ผู้เรยี นมีคาตอบหลากหลายและยาวมากขึ้น 10) Student Summary of Student Answer ให้ผู้เรียนสรุปคาตอบของเพื่อน ร่วมช้ันที่ได้กล่าว หรือเขียนไปแล้ว โดยวิธีการนี้สามารถใช้เป็นวิธีการที่ตรวจสอบความ สนใจของผู้เรยี นในหอ้ งเรียนได้อีกด้วย

186 Learning Design and Classroom Management 186 11) Fish Bowl เป็นกิจกรรมทีให้ผู้เรียนเขียนคาตอบใส่กระดาษไว้แล้วผู้สอน นามารวมใส่ไว้ในโถ จากนั้นจึงสุ่มเลือกคาตอบน้ันมาอ่าน โดยจะบอกชื่อหรือไม่ก็ได้ จากน้ันจึงแสดงความคิดเห็นต่อคาตอบน้ัน หรือจัดแบ่งประเภทคาตอบของผู้เรียน โดย อาจให้ผู้เรียนช่วยกันคิดเพื่อจัดประเภทหรือลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกคาตอบที่ดีที่สุด นอกจากนี้ วธิ ีการน้ียงั สามารถปรับเปลีย่ นได้หลายรูปแบบ เช่น ให้ผู้เรียนเขียนคาถามแล้ว ผสู้ อนสุ่มเลอื กเพื่อตอบคาถาม หรือให้ผู้เรียนเป็นผู้เขียนคาถามแล้วผู้สอนสุ่มเลือกคาถาม หรอื ให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้สมุ่ เลือกคาตอบจากโถแทนผู้สอน 12) Finger Symbols การใช้สัญลักษณ์มือเพื่อสื่อความหมายหรืออารมณ์ แทนการพูด ซึ่งจะช่วยใหเ้ กิดความสนกุ สนาน และแปลกใหม่ในชนั้ เรียน 13) Role Playing การแสดงบทบาทสมมุติที่นอกจากจะช่วยให้เกิดความ สนกุ สนานยังกระตนุ้ ให้ผู้เรยี นเกดความกล้าแสดงออก 14) Panel Discussion การอภิปรายแบบกลุ่มเช่นเดียวกันกับการโต้วาทีที่ วิธีการนี้ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะกระบวนการคิดขั้นสูง (Metacognition) และเรียนรู้เนื้อหาไป พร้อมกัน กิจกรรมการเรียนการสอน ตัวอย่างกิจกรรมและหัวข้อเร่ืองอาจจะเป็นเร่ืองง่าย ที่สุด ไล่ไปถึงยากที่สุดก็ได้ และลักษณะกิจกรรมก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามผู้ที่วาง แผนการสอนและผสู้ อน เช่น สมมุติว่าเนื้อหาที่เรียนเป็นเร่ือง “พืช” ผู้สอนอาจจะแบ่งกลุ่ม ให้ผู้เรียนช่วยกันคิดว่าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับพืช (ผู้สอนต้องคอยดึงประเด็นไม่ให้นอกเร่ือง มากเกินไปด้วย) แล้วให้แต่ละกลุ่มไปหาเมล็ดพืชที่ตัวเองสนใจมาปลูก สัปดาห์แรกอาจจะ กาหนดเป็นพืชผักสวนครัว เม่ือปลูกเสร็จก็ให้ผู้เรียนวางแผนการขาย และขั้นตอนสุดท้าย คือนาเสนอผลงานหน้าห้องกิจกรรมนี้สิ่งที่ผู้เรียนรู้ก็คือพืชสวนครัวมีอะไรบ้าง แล้วข้ัน กิจกรรมนสี้ ิ่งที่ผู้เรยี นเรียนรกู้ ็คือพชื สวนครัวมีอะไรบ้าง แล้วขั้นตอนการปลูก การวางแผน การขายต้องกาหนดต้นทนุ ราคา และคิดหากาไร สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ การลงมือทาผู้เรียนจะเกิดประสบการณ์ตรง แล้วใช้ความ ผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสาคัญในการแก้ปัญหาและปรับปรุงให้ดีขึ้น ผู้เรียนมีการ ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ อย่างหลากหลายทาให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ มากมาย ผู้เรียนคิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาได้เม่ือได้ลงมือปฏิบัติ ผู้เรียนจะต้องจาความรู้ได้แม่นและนานกว่าการ ท่องจา เกิดความคิดสร้างสรรคใ์ หม่ๆ จากการทากิจกรรม

การออกแบบการเรยี นรแู้ ละการจัดการชัน้ เรียน 181787 การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน จงึ เป็นหัวใจของการนาผู้เรียนไปสู่จุดมุ่งหมาย ของหลักสูตร ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ได้ดีเพียงใด ขึ้นอยู่กับการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนของผู้สอนเปน็ สาคัญ ซึง่ มีจดุ มุ่งหมายให้ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการติดตัว สามารถ นาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตได้ นอกจากนี้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจะต้องจัดให้ เหมาะสมกับวัย ความสามารถ ความสนใจของผู้เรียน เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและ ลักษณะของเน้ือหาวิชา โดยเป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา ลักษณะการจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยที่ผู้สอนจะเปลี่ยนบทบาท จากการเป็นผู้ชีน้ า ผู้ถ่ายทอดความรู้ มลี ักษณะของการจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ได้สรุปออกเป็น คาว่า CHART PIG ได้ดงั นี้ 1) C = Construct เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้ค้นพบสาระสาคัญหรือองค์การ ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง อันเกิดจากการได้ศึกษาค้นกว้าทดลอง แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ ลงมือปฏิบัติจริง ทาให้ผู้เรียนรักการอ่าน รักการศึกษาค้นคว้า เกิดทักษะในการแสวงหา ความรู้ เห็นความสาคัญของการเรียนรู้ซึ่งจาไปสู่การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ (Learning Man) ทีพ่ ึงประสงค์ 2) H = Happiness เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข เป็นความสุข ที่เกิดจากประการที่หนึ่ง ผู้เรียนได้เรียนในสิ่งที่ตนสนใจสาระการเรียนรู้ ชวนให้สนใจ ค้นคว้าศึกษา ท้าทายให้แสดงความสามารถและให้ใช้ศักยภาพของเราให้เต็มที่ ประการที่ สองปฏิสัมพันธ์ (interaction) ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน มี ลักษณะเป็นกัลยาณมิตร มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีกิจกรรมร่วมด้วยช่วยกัน ทาให้ผู้เรยี นมีความสุขและสนุกสนานกับการเรียน 3) A = Active Learning เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนเป็นผู้กระทา หรือปฏิบัติด้วย ตนเองด้วยความกระตือรือร้น เช่น ได้คิด ได้ค้นคว้า ทดลองรายงาน ทาโครงการ สัมภาษณ์ แก้ปัญหาฯลฯ ได้ใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ ทาให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อย่างแท้จริง ผู้สอนทาหน้าทีเ่ ตรียมการจัดบรรยากาศการเรียนรู้ จัดสื่อสิ่งเร้าเสริมแรง ให้ คาปรึกษา และสรุปสาระการเรียนรรู้ ่วมกนั 4) R = Resource เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ที่ หลากหลาย ท้ังบุคคลและเคร่ืองมือท้ังในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ผู้เรียนได้สัมผัสและ

188 Learning Design and Classroom Management 188 สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นมนุษย์ (เช่น ชุมชน ครอบครัว องค์กรต่าง ๆ) ธรรมชาติและ เทคโนโลยี ตามหลกั การที่ว่า “การเรียนรเู้ กิดข้ึนได้ทุกที่ทกุ เวลาและทุกสถานการณ์” 5) T = Thinking เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการคิด ผู้เรียนได้ฝึกวิธีคิดใน หลายลักษณะ เช่น คิดคล่อง คิดหลากหลาย คิดละเอียด คิดชัดเจน คิดถูก ทางคิดกว้าง คิดลึกซึง้ คิดไกล คิดอย่างมเี หตผุ ล การฝึกใหผ้ เู้ รียนได้คิดอยู่เสมอในลักษณะต่าง ๆ จะทา ให้ผู้เรียนเป็นคนคิดเป็น คิดอย่างรอบคอบ มีเหตุผล มีวิจารณญาณในการคิด มีความคิด สร้างสรรค์ มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่จะเลือกรับและปฏิเสธข้อมูลต่าง ๆ ได้ อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถแสดงความคิดเห็นออกได้อย่างชัดเจน มีเหตุผลอันเป็น ประโยชน์ตอ่ การดารงชีวติ ประจาวนั 6) P = Participation เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนกาหนด งานวางเปูาหมายร่วมกนั และมีโอกาสเลือกทางานหรอื ศกึ ษาค้นคว้าในเร่ืองที่ตรงกับความ ถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง ทาให้ผู้เรียนเรียนด้วยความกระตือรือร้น มอง เปน็ คณุ ค่าในสิง่ ที่เรียนและสามารถประยกุ ต์ความรนู้ าไปใช้ประโยชน์ในชีวติ จรงิ 7) I = Individualization เป็นกิจกรรมทีผ่ สู้ อนให้ความสาคัญแก่ผู้เรียนในความ เป็นอตั ตบุคคล ผู้สอนยอมรับในความสามารถ ความคิดเห็น ความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพมากกว่าเปรียบเทียบแข่งขัน ระหว่างกันโดยมีความเชื่อม่ันว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ได้และมีวิธีการ เรียนรู้ทีแ่ ตกต่างกัน 8) G = Good Habit เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะนิสัยที่ดีงาม เช่น ความรับผิดชอบ ความเมตตา กรุณา ความมีน้าใจ ความขยัน ความมีระเบียบวินัย ความเสียสละ ฯลฯ และลักษณะนิสัยในการทางานอย่างเป็นกระบวนการ การทางาน ร่วมกับผอู้ ืน่ การยอมรับผู้อ่นื และการเหน็ ค่าของงาน สุวิทย์ เมษษิณทรีย์ (2556 : 229) กล่าวว่า การจดั การเรยี นการสอนเชิงรุกที่เน้น การเปลีย่ นแปลงจะเกิดข้ึน เป็นมรรคเปน็ ผลจะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายด้าน ที่เกี่ยวข้องกับการสอน และมีส่วนส่งเสริมให้การสอนประสบความสาเร็จได้ จัดว่าเป็น องค์ประกอบของการสอนทั้งสิ้น ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน ในช่วง ระยะสิบปีที่ผา่ นมา หลายประเทศมีการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน โดยจะเน้นหนักไปที่ การสอนที่นาไปสู่การปฏิบัติจริงในสถานการณ์โลกที่กาลังเปลี่ยนแปลง ด้วยการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook