นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ทั้งปัตตานี ยะลา นราธิวาสถูกจับพร้อมกัน ใน พ.ศ. 2508 พ.ศ. 2510 นายอารีเพ็ญจบ ม.ศ.3 ก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ในระดับชั้น ม.ศ.4-5 อารีเพ็ญเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.4 ที่โรงเรียน ผดุงศิษย์พิทยา ทุกๆ วันพุธ นายอารีเพ็ญต้องทำหน้าที่ส่งข้าว ไปให้กับผู้ที่ถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำ และติดตามบุคคลเหล่านั้น ไปขึ้นศาลเป็นประจำทุกเดือน ทำให้นายอารีเพ็ญเริ่มสนใจ การเมอื ง ตง้ั แตน่ น้ั มาใน พ.ศ.2512 ทม่ี กี ารเลอื กตง้ั นายอารเี พญ็ สนใจการเมือง ติดตามฟังการปราศรัยของนักการเมืองในสมัย นั้น ผู้ที่ชื่นชอบคือ นายชวน หลีกภัย นายสมัคร สุนทรเวช นายอุทัย พิมพ์ใจชน ซึ่งบุคคลเหล่านี้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่ต่อสู้กับเผด็จการของรัฐบาลที่มาจากการ รัฐประหาร ทำให้การต่อสู่ของพรรคประชาธิปัตย์สะท้อนออกสู่ ต่างจังหวัด พ.ศ. 2514 นายอารีเพ็ญก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ตอนที่เรียนได้รับทุนจากรัฐบาล ซึ่งตอนนั้น พลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นรุ่นแรกของมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ที่ได้ทุนรัฐบาลตามที่จัดสรร ในภาคใต้ของเราก็ยัง มีกลุ่มขบวนการจับครูเรียกค่าไถ่ มีกลุ่มเปาะเยะ มะอิซอ กลุ่มต่างๆ ในสมัยนั้น ทำให้รัฐบาลคัดเลือกนักศึกษาในจังหวัด ชายแดนภาคใต้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย นายอารีเพ็ญ ก็เป็นคนที่ถูกคัดเลือกด้วย นายอารีเพ็ญ เล่าว่า จำได้ตอนที่ได้ทุนครั้งแรกจาก พลเอกประภาส พลเอกประภาสพูดต่อหน้าว่า ที่เขาให้ทุน 182
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส มาเรียนนี้ เพราะว่าเผื่อให้เรากลับไปปกครองพวกเรากันเอง กลับไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองกันเองจะทำให้ สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายในเรื่องต่างๆ นายอารีเพ็ญ ก็เรียนไปเรื่อยๆ ก็ทำงานตามชมรมต่างๆ จนถึงการเมืองใหญ่ คือชมรมนิติศึกษา ลงสมัครตัวแทนนักศึกษาในนามกลุ่ม การเมืองของมหาวิทยาลัย ในการเรียนมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ นายอารีเพ็ญก็ทำกิจกรรมทางการเมืองมาตลอด ปิดเทอมก็ออกค่ายพัฒนาต่างจังหวัด มาจังหวัดนราธิวาส หมู่บ้านต่างๆ มาในนามสมาคมนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย แห่งประเทศไทย สมาคมนี้รวมนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย กิจกรรมของสมาคมนี้คือ 1. การฝึกให้นักศึกษาเป็นผู้นำทาง สังคมทำให้เข้าใจบทบาทหน้าที่มากขึ้น เข้าใจความเป็นอยู่ของ ชาวบ้านมากขึ้น ตอนเป็นนักศึกษากลับไปที่อำเภอสุไหงปาดี เราเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่อยู่ในชนบทกับคนที่อยู่ ในเมืองมากขึ้น มีบ่อน้ำ น้ำก็ยังขุ่น สะพานข้ามต้องตัดต้น มะพร้าวมาวางข้าม นักศึกษาลงพื้นที่พัฒนาร่วมกับชาวบ้าน ชาวบ้านให้ความร่วมมือดี ทุกปีที่ปิดภาคการศึกษาจะเปลี่ยน เวียนกันไป จากการที่เป็นคนพื้นที่ เข้าใจความรู้สึกความเป็น อยู่ของชาวบ้านทำให้เราสนใจปัญหาของชาวบ้าน เมื่อมีการ ปฏิวัติ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 นายอารีเพ็ญ ในนามนักศึกษา กลุ่มมุสลิมวาดะห์ รวมนักศึกษาไทยมุสลิมเนื่องจากเป็น สมาคมนักศึกษาไทยมุสลิมแห่งประเทศไทยแล้ว มารวมเฉพาะ ภาคอีก ภาคใต้เราตั้งกลุ่มนักศึกษามุสลิม สลาตัน บาตัน เรียกย่อๆ ว่า สลาตัน หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงจากจอมพล ถนอม และจอมพลประภาส ออกไปจากประเทศ อาจารย์ 183
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส สัญญา ธรรมศักดิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็น นายกรัฐมนตรีได้จัดงบประมาณให้กับขบวนการนักศึกษาเพื่อ เผยแพร่ประชาธิปไตยนายอารีเพ็ญในนามกลุ่มนักศึกษา สลาตันก็ได้รับงบประมาณจำนวนหนึ่งประมาณ 80,000 บาท ลงพ้ืนที่ไปเผยแพร่ประชาธปิ ไตย ตอนนั้นมีนายชศู ักด ิ์ มีไชยกลู ซึ่งเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นประธาน พอ พ.ศ. 2517 นายอารีเพ็ญ ก็รับช่วงเป็นประธาน และ พ.ศ. 2518 นายอารีเพ็ญก็จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ หลงั จากนน้ั ประมาณ 2-3 รนุ่ กห็ ายไป มหาวิทยาลัยรามคำแหงก็มีนักศึกษาจากภาคใต้มากขึ้น บทบาทต่าง ๆ ก็ไปรวมกลุ่มที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็จัดตั้ง ขึ้นเป็นกลุ่ม PNY ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ซึ่งเป็นกลุ่มของ นายนัจมุดดีน อมู า ฐานเสียงและเครือข่ายทางการเมือง ตอนที่ นายอารีเพ็ญ จบการศึกษาใหม่ๆ ก็มีเหตุการณ์ เกิดขึ้น คือการฆ่ากันตายที่สะพานกอตอ อำเภอสายบุรี จังหวัด ปัตตานี ใน พ.ศ. 2518 มีการฆ่ากันตาย 6 ศพ เหลือรอด คนเดียวเป็นเด็กผู้ชายอายุ 13 ปี เด็กถูกแทงแล้วโยนลงแม่น้ำ สายบุรีแต่ไม่ตาย รอดมาได้ ก็เกิดความกลัวจากเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มของนายอารีเพ็ญ (กลุ่มสลาตัน) ยังเคลื่อนไหวอยู่ เรียกร้อง ความเป็นธรรมขณะนั้นขบวนการนักศึกษายังมีอิทธิพลอยู่ กลุ่มสลาตันพาเด็กชายคนนั้นไปกรุงเทพฯ ไปเจอกับศูนย์ นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ขณะนั้น นายเกรียงกมล โลหะไพโรจน์ เป็นประธาน การที่พาเด็กชายอายุ 13 ปีไป 184
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี คือ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช มีการเรียกร้องผ่านสื่อ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ บอกว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัด ปัตตานี พวกคุณก็ไปเรียกร้องความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการ ที่ปัตตานี กลุ่มสลาตันก็พาเด็กกลับมาเรียกร้องกับผู้ว่าราชการ จังหวัดปัตตานี ผู้ว่าราชการก็ไม่ได้สนใจ กลุ่มสลาตันตั้งเวที ประท้วงปราศรัยที่หน้าศาลากลาง ประท้วงวันที่ 2 ก็มีการปา ระเบิดเข้ามาในกลุ่มของผู้ปราศรัย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และตาย 2 คน ทำให้กลุ่มสลาตัน ตอนนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์พิทักษ์ ประชาชน” เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ สะพานกอตอ พอเกิดการปาระเบิดทางศูนย์คิดว่าต้องหาพื้นที่ ที่เหมาะและปลอดภัยเลยย้ายมาที่มัสยิดกลางปัตตานี พอม ี คนตายจากการปาระเบิดทำให้พี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมมาก ขึ้น มีการจัดเวทีปราศรัยมีแกนนำหลักๆ ที่ร่วมประท้วง คือ นายมุข สุไลมาน นายอารีเพ็ญ และเพื่อนๆ บางคนรับราชการ แล้วตอนนี้ ศูนย์พิทักษ์ประชาชนร่วมกันประท้วง 48 วัน 48 คืน เป็นการประท้วงที่ยาวนาน สื่อมาทำข่าวทุกวัน มีประชาชน มาฟังข่าวทุกวันทำให้ประชาชนเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้น ซึ่ง รัฐบาลเกลียดอย่างที่สุด จนมีคำล้อเลียนนายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมีการประท้วงนานๆ ประชาชน ชาวบ้านเกิดความเครียด จนวันหนึ่งมีรถยนต์วิ่งฝ่ากลาง ผู้ประท้วง เด็กวัยรุ่นที่อยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงจับคนขับรถยนต์ คันนั้นลงมาแล้วแทงตาย ผู้ที่ตายนั้นเป็นทหาร ทำให้ สถานการณ์ตอนนั้นตึงเครียดมากขึ้น ตอนนั้น พลเอกสันห์ จิตปฎิมา เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ นำรถถังออกมาปิดล้อมผู้ที่ 185
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ประท้วงอยู่กันเหตุการณ์จะบานปลาย จะเกิดเหตุการณ ์ เผาบ้านเผาเมือง ทางกลุ่มสลาตัน หรือศูนย์พิทักษ์ประชาชน จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์) มาเจรจา นายกฯ คึกฤทธิ์ ส่งทีมงานสำนักนายกฯ มาเจรจาแทน โดยทาง กลุ่มเสนอเงื่อนไข 4-5 ข้อ คือ 1. ชดใช้ค่าเสียหายกับผู้ที่เสีย ชีวิต 2.ไม่ให้เอาผิดผู้ที่มาประท้วง เพราะส่วนหนึ่งเป็น ข้าราชการมุสลิม 3.ให้มีการถอนทหารที่ก่อเหตุ คือหน่วยที่มี การทำร้ายร่างกายของประชาชนออกไปจากพื้นที่ รัฐบาล รับทุกข้อ ทางกลุ่มเลยประกาศสลายตัวในการประท้วง พอ เหตุการณ์ผ่านไป กลุ่มสลาตัน หรือศูนย์พิทักษ์ประชาชนถูก โดดเดี่ยว หลายคนคิดว่าถ้าเราเป็นผู้นำการประท้วงแบบนี้ ชื่อพวกเราก็จะอยู่กับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วจะถูกข่มเหง ถูกทำร้าย ร่างกาย หรือถูกจับ ปรากฏว่าจริงผู้ประท้วงหลายคนหายตัวไป หลายๆ คนถูกจับกุม นายอารีเพ็ญ ก็หลบๆ ซ่อนๆ บางคนก็ขึ้น ไปอยู่กรุงเทพฯ บางคนออกไปประเทศมาเลเซียจนรัฐบาล หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ยุบสภา เมื่อมีการเลือกตั้ง พ.ศ. 2519 พวกเรากลุ่มสลาตัน มารวมตัวกันใหม่ว่า ไหนๆ เรามาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราต้อง ต่อสู้ัทางสภาดีกว่าเพื่อนำเสียงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ไม่ ได้รับความถูกต้อง ไม่ได้รับความยุติธรรมเข้าไปพูดในสภา ในตอนนั้นมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งชื่อแนวสันติ ซึ่งมีคนมุสลิม เป็นผู้นำพรรค คือนายบรรจง ศรีจรูญ คือบุคคลหนึ่งในบรรดา แกนนำผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองสายมุสลิม พรรค แนวสันติส่งผู้สมัครในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก เป็นพรรคเล็ก และประชาชนคิดว่าพวกเราที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง 186
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ครั้งนี้เป็นวัยรุ่นมีประสบการณ์น้อยไม่สามารถทำงานการเมือง ในระดับชาติได้ ประชาชนจึงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ยกทีม ทั้งสามจังหวัด หลังจากการเลือกตั้ง พ.ศ.2519 น้าชายนาย อารีเพ็ญ คือ นายสิดดิก สารีฟ ที่ถูกจับข้อหาความมั่นคงก็ลง รับสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค ประชาธิปัตย์เหมือนกัน ลงเป็นสมัยที่ 2 สมัยแรกนั้นอยู่ไม่ กี่เดือนก็มีการยุบสภา พอสมัยที่ 2 นายสิดดิก สารีฟ ก็ได้รับ เลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นอยู่ 6 เดือน ขณะที่นายสิดดิก สารีฟ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ นายอารีเพ็ญ ก็มาช่วยงานด้วย พอรู้เรื่อง งานต่างๆ ก็เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ 6 ตุลาคม 2519 ก็แยกย้ายกัน นายอารีเพ็ญ กลับมาเป็นทนายความที่จังหวัดนราธิวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2520 นายอารีเพ็ญ กลับมาเป็นทนายความ คดีความที่จังหวัด นราธิวาสส่วนใหญ่เป็นคดีอาญา และเป็นคดีที่จับกุมแบบ เหวี่ยงแห ภัยสังคม ซึ่งสมัยนั้นใช้กฎอัยการศึกขึ้นศาลเดียวคือ ศาลชั้นต้น ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ หรือฎีกา นายอารีเพ็ญรับว่าความ ให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายมากพอสมควร บางคนมีพี่อยู่ ในป่าน้องถูกจับ ลูกอยู่ในป่าพ่อก็ถูกจับ คดีอย่างนี้มีมากใน สมัยนั้น นายอารีเพ็ญว่าความให้ชาวบ้านอยู่ประมาณ 2-3 ปี พ.ศ. 2523 ที่อำเภอสุไหงปาดี มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา จังหวัด เขาต้องการให้นายอารีเพ็ญ เป็นสมาชิกสภาจังหวัด นายอารีเพ็ญก็ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด นายอารีเพ็ญลงสมัครสมาชิกสภาจังหวัดครั้งแรกใช้เงินเพียง 3,000 บาท นายอารีเพ็ญเป็นสมาชิกสภาจังหวัดพร้อมๆ กับว่า 187
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ความไปด้วย ในสมัยนั้นประชุมปีละ 1 ครั้ง เบี้ยประชุมครั้งละ 225 บาท ในการพิจารณาข้อบัญญัติของจังหวัด ในสมัยนั้น สมาชิกสภาจังหวัดเป็นกรรมการตรวจรับงาน พอนายอารีเพ็ญ จะไปตรวจงาน นายอำเภอไปตรวจก่อนหน้าแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ ไปดู นายอารีเพ็ญไม่ยอมเซ็นรับงาน เนื่องจากงานไม่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง นายอารีเพ็ญให้แก้ไข ทำให้ทาง อำเภอ ทางจังหวัดไม่พอใจ พ.ศ. 2523 – 2525 ทางจังหวัด เห็นว่านายอารีเพ็ญเป็นคนหนุ่มที่สุดในจังหวัด อายุประมาณ 29 ปี ทางจังหวัดเลยแต่งตั้งให้เป็นประธานสภาจังหวัด และ นายอารีเพ็ญ เป็นผู้ที่ก่อตั้งสาขาพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัด นราธิวาส อดีตข้าราชการบำนาญเป็นศึกษาธิการเขต เป็น ประธานสาขาพรรค นายอารีเพ็ญ เป็นเลขาและทำงานเป็น ประธานสภาจังหวัดด้วย การเขา้ สกู่ ารเมือง ใน พ.ศ. 2526 มีการยุบสภา และมีการเลือกตั้ง ตอนนั้น พรรคประชาธิปัตย์หาตัวผู้สมัครยาก คนที่ลงพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านั้นก็ย้ายพรรคไปอยู่พรรคต่างๆ พรรคชาติไทย พอมี การเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคนลงสมัคร ทางนายศิริ อับดุลสาและ ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีและเป็นอดีตสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ได้วางมือทางการเมือง ระดับชาติมาลงเล่นการเมืองท้องถิ่นเห็นความเหมาะสมให ้ นายอารีเพ็ญลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญลงสมัครโดยไม่ได้เตรียมการ อะไรเพราะน้าชาย นายสิดดิก สารีฟ ก็ลงสมัครอยู่ พรรคมี การลงมติให้ลงสมัครนายอารีเพ็ญก็ลง การลงสมัครครั้งนี้ 188
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญมีเวลาในการหาเสียงเพียง 20 วันทั้งจังหวัด ลงครั้งแรกแพ้คนที่ 3 คือนายสิทธิชัย บือราเฮง 400 กว่า คะแนน เมื่อแพ้การเลือกตั้งใน พ.ศ. 2526 นายอารีเพ็ญก็กลับ มาเป็นทนายความต่อ พ.ศ.2529 มีการยุบสภา ก็มีการเลือกตั้ง นายอารีเพ็ญ ก็ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน กับ นายพิบูลย์ พงษ์ธเนศ จากอำเภอสุไหงโกลก นายนภดล ภัทราธิกุล จากอำเภอยี่งอ นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ใน พ.ศ. 2529 การหาเสียง ยากมาก ในปีนั้นพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนราธิวาสได้รับ เลือกตั้ง 2 คน ในปีนั้น นายเด่น โต๊ะมีนา เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานีอยากจะรวมกลุ่มนักการเมืองที่มี ความคิด ทิศทางเดียวกัน อุดมการณ์เดียวกัน ตั้งกลุ่มการเมือง กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในพรรคที่สะท้อนปัญหาของประชาชน และกลุ่ม จะเป็นการต่อรองให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่สามจังหวัด มีการจัดตั้งกลุ่มวาดะห์ขึ้น จังหวัดปัตตานี นายเด่น โต๊ะมีนา เป็นแกน จังหวัดยะลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นแกน จังหวัดนราธิวาส นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ เป็นแกน ตอนนั้น พรรคประชาธิปัตย์มีนายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค มีการปราศรัยว่าถ้าทางภาคใต้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 5 คน จะให้เป็นรัฐมนตรี 1 คน ไปปราศรัยที่ไหนก็พูดเหมือนกัน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือก จังหวัดนราธิวาส 2 คน จังหวัดปัตตานี 2 คน จังหวัดยะลา 1 คน รวมเป็น 5 คน พอดีกับพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมากมีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี สรุปการคัดเลือกรัฐมนตรีใน ครั้งนั้นเลือกนายเด่น โต๊ะมีนา เป็นรัฐมนตรีในโควต้า 189
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส สามจังหวัด แต่ทางพรรคปฏิเสธ พรรคบอกว่าไม่มีการลงมติ เป็นเพียงคำพูดของนายวีระเอง ทางพรรคบอกว่าจะเสนอชื่อ นายเด่น เข้าไป แต่พอถึงเวลากลับไม่มีชื่อนายเด่น ทำให้เกิด รอยร้าวในพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ เกิด ความไม่พอใจเข้าข้างนายวีระ ทำให้เกิดกลุ่ม 10 มกรา โดยมี นายเฉลิมพันธ์เป็นหัวหน้า กลุ่มวาดะห์ก็ย้ายมาอยู่ด้วยมีการ คานอำนาจกัน คนภายนอกมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้อง แตกแน่นอน ต่อมาในปี พ.ศ.2531 มีการยุบสภาและมีการเลือกตั้ง พรรคประชาธปิ ัตยโ์ ดยกลมุ่ 10 มกรา กแ็ ยกออกมาต้ังพรรคใหม่ คือพรรคประชาชน มีนายเฉลิมพันธ์ เป็นหัวหน้าพรรค มีพวก เราที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ อาทิเช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา) นายจาตุรนต์ คชสีห์ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร) นายธนิต ไตรวุฒิ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตราด) นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส) เมื่อได้รับ การเลือกตั้งพรรคประชาชนได้เป็นฝ่ายค้าน ตอนนั้นมีพรรค ชาติไทยเป็นแกนนำเอาพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมด้วย พอหลัง เลือกตั้งมีการพูดคุยกันว่าเราเป็นพรรคเล็กจะอยู่แบบโดดเดี่ยว ไม่ได้แล้ว จึงคิดกันว่าจะมีการรวมพรรค พรรครวมไทย พรรค กิจประชาคม พรรคก้าวหน้า พรรคประชาชน มารวมเป็นพรรค เดียวได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประมาณ 35 คน มีการรวมกัน เป็นพรรคเอกภาพ รัฐบาลอยู่ไม่นานมีการปรับคณะรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ออก แล้วรัฐบาลก็เอาพรรคเอกภาพเข้าไป ร่วมรัฐบาล นายเด่น โต๊ะมีนา ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ 190
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส กระทรวงสาธารณสุข เป็นประมาณ 3 เดือน ปลาย พ.ศ.2533 มีการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดย พลเอก สุนทร คงสมพงษ์ เป็นหัวหน้าคณะ พลเอกสุจินดา คราประยูร พลเอกอิสระพงษ์ หนุนภักดี ทำให้รัฐบาลหมดวาระลง พ.ศ.2533 มีการตั้งพรรคความหวังใหม่ พ.ศ.2534 มีการ ตั้งพรรคสามัคคีธรรมโดยการสนับสนุนของกลุ่มคณะรักษา ความสงบแห่งชาติเชิญกลุ่มเอกภาพเข้าพูดคุยโดยมีตัวแทนคือ นายเด่น โต๊ะมีนา กับนายวันมหู ะมัดนอร์ มะทา ต่อมาในปี พ.ศ.2535 มีการเลือกตั้ง พวกเราก็เข้าไปรวม กับพรรคความหวังใหม่ เราเห็นด้วยกับโครงการฮารับปันบารู ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มีการเลือกตั้งรัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยูร อยู่ได้ 3 เดือน ประชาชนไม่เห็นด้วยกับ รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มีการ ประท้วงเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงในตัว นายกรัฐมนตรีโดยเชิญนายอานันท์ ปันยารชุน มาเป็นนายก- รัฐมนตรี มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีมาจากการ เลือกตั้ง หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งใน พ.ศ.2535/2 ตอนนั้น พรรคทไ่ี ดเ้ สยี งขา้ งมากคอื พรรคประชาธปิ ตั ย์ พรรคประชาธปิ ตั ย์ ได้เป็นรัฐบาล นายเด่น โต๊ะมีนา ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทย นายอารีเพ็ญ ได้รับตำแหน่งเป็นเลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำงานในฝ่ายบริหาร มาตั้งแต่ พ.ศ.2535/2 เป็นเลขาฯ รัฐมนตรีอยู่ไม่นานก็เกิดกรณี สปก. ทางพรรคความหวังใหม่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ทำให้ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ยุบสภา แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ใน 191
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส พ.ศ.2538 พรรคความหวงั ใหมก่ ไ็ ดร้ ว่ มรฐั บาล นายวนั มู หะมดั นอร์ มะทา ก็ได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอารีเพ็ญ ก็ได้รับเลือกเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม รัฐบาลอยู่ได้ประมาณ 10 เดือน ผลงาน ตอนนั้นเกี่ยวกับการพัฒนาถนนหนทาง ถนน 4 เลนสมัยนั้น ปรับแผนการพัฒนามาอยู่ต้นๆ ถนน 4 เลน ถนนวงแหวน ถนนเลี่ยงเมืองก็เกิดขึ้นในสมัยนั้น ก็ยุบสภา เลือกตั้ง พ.ศ.2539 พรรคความหวังใหม่ได้เสียงข้างมาก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้รับเลือก เป็นประธานสภา สามจังหวัดภาคใต้ตอนนั้นได้สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร 5 – 6 คน เห็นว่าตำแหน่งประธานสภาไม่ได้เป็น ตำแหน่งในการบริหาร และตำแหน่งประธานสภานี้พวกเรา กลุ่มวาดะห์ก็ไม่อยากได้ เราต้องการทำงานช่วยเหลือพี่น้อง ประชาชนอยู่ในภาคบริหาร พ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2540 มีการปรับ คณะรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ก็เสนอชื่อนายอารีเพ็ญเป็น ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี นายอารีเพ็ญทำงานได้ประมาณ 3 เดือน นายกรฐั มนตรลี าออกดว้ ยเหตกุ ารณค์ า่ เงนิ บาท “กรณตี ม้ ยำกงุ้ ” พรรคความหวังใหม่ออกมาเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า หลังจากนั้นก็เป็นฝ่ายค้าน มาตลอดจนถึง พ.ศ.2544 ก็จะมีการเลือกตั้ง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีก็สัญญาว่าจะยุบสภาก่อนกำหนดใน พ.ศ.2544 ก็มีการเลือกตั้ง และเป็นครั้งแรกที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในการ เลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว นายอารีเพ็ญ ลงสมัครในเขต เลือกตั้งที่ 4 จังหวัดนราธิวาส คืออำเภอรือเสาะ อำเภอยี่งอ อำเภอบาเจาะ นายอารีเพ็ญก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา 192
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนราษฎรครั้งที่ 7 ตั้งแต่ลงสมัครครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2529 ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาสตั้งแต่มีการ เลือกตั้งทั้ง พ.ศ.2529 พ.ศ.2531 พ.ศ.2535/1 พ.ศ.2535/2 ครึ่งจังหวัด และมาลงเขตเลือกตั้งที่ 1 ของจังหวัดนราธิวาส มีอำเภอตากใบ อำเภอเมือง อำเภอยี่งอ อำเภอศรีสาคร อำเภอบาเจาะ มีผู้แทนเขตละ 2 คน พ.ศ. 2538 พ.ศ.2539 ก็ยังเป็นการเลือกตั้งแบบ 2 เขตการเลือกตั้ง มีผู้แทน 2 คน เหมือนกัน พ.ศ. 2544 มีการแบ่งการเลือกตั้งในจังหวัดนราธิวาส ออกเป็น 4 เขต มีผู้แทน 4 คน แบบเขตเดียวเบอร์เดียว นายอารีเพ็ญลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 ก็ได้รับการเลือกตั้ง เป็นรัฐบาลรวมกับพรรคไทยรักไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ใน พ.ศ.2544 นั้นตนเองเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเป็น รัฐมนตรีไม่ได้ รัฐมนตรีต้องมาจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทน แบบสัดส่วน นายอารีเพ็ญทำหน้าที่เป็นรองประธาน วิปรัฐบาล มีการบริหารประเทศไประยะหนึ่งพรรคความหวังใหม่มีความคิด ว่าในอนาคตการเมืองจะมีเพียงพรรคใหญ่ 2 พรรค พรรคไทย รักไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเล็กๆ จะอยู่ลำบาก เพราะ การเติบโตทางประชาธิปไตยทำให้ประชาชนนิยมระบอบใหม่ มากขน้ึ มกี ารหารอื วา่ เราตอ้ งยบุ พรรคมาอยกู่ บั พรรคไทยรกั ไทย ซึ่งเป็นรัฐบาล วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2547 มีการปล้นปืนที่บ้านปิเหล็ง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทำให้สถานการณ์ขยายไป 193
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เรื่อยๆ รัฐบาลเอาจริงพยายามหาตัวคนร้าย หาว่าให้เป็น คนปล้น รัฐบาลส่งคนลงพื้นที่หาข่าว ไปเจอหัวคะแนนฝ่าย ตรงข้าม ให้ข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากนักการเมือง นักการเมืองคือกลุ่มวาดะห์ที่ถูกเพ่งเล็งมาตลอด เพราะสิ่งที่เรา เรียกร้องและทำสำเร็จหลายอย่าง เราต่อสู้ในแนวทางศาสนา โดยเปลี่ยนการแต่งกายของนักเรียน นักศึกษา มีการขยาย โรงเรียนอิสลามศึกษาไปทั่วประเทศ ทำให้ฝ่ายความมั่นคง เพ่งเล็ง พยายามเชื่อมโยงจากหัวคะแนนมาถึงนักการเมือง เชื่อมโยงไปถึงโรงเรียนตาดีกา และมูลนิธิเบอร์ซากาที่นาย นจั มดุ ดนิ อมู า เปน็ ประธาน สรา้ งหลกั ฐานเทจ็ จบั นายนจั มดุ ดนิ อมู า ขอ้ หาวางแผนปลน้ ปนื มนี ายอารเี พญ็ กบั นายเดน่ โตะ๊ มนี า อยู่เบื้องหลังการวางแผนปล้นปืนในครั้งนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนั้นร้ายแรงมาก พวกที่โดนจับหายไปหลายคนก็มียิงทิ้ง จับโดยไม่มีความผิดก็มาก ประชาชนในพื้นที่หรือครอบครัวคน ที่ถูกจับมองว่าพึ่งพานักการเมืองไม่ได้ กลุ่มวาดะห์ใช้ไม่ได้ ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจ พอมีการเลือกตั้ง พ.ศ.2548 ผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยไม่ได้รับการเลือกตั้ง นักการเมืองกลุ่มวาดะห์ก็ตกหมด เหลือ นายวันนอร์ กับ นายอารีเพ็ญ ที่อยู่ในระบบสัดส่วน พรรคไทยรักไทยมีเสียง ข้างมากเกินกึ่งหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว รัฐบาลอยู่ไม่นาน พ.ศ.2549 มีการเลือกตั้งใหม่ และมีการยึดอำนาจ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 พอ พ.ศ. 2550 ก็มีการเลือกตั้งใหม่เป็นการเลือกตั้ง แบบ 2 เขต แต่เรียงเบอร์ นายอารีเพ็ญ ลงสมัครระบบแบบ สัดส่วน เบอร์หนึ่งของภาคใต้ในนามพรรคพลังประชาชน หลัง จากพรรคไทยรักไทยโดนยุบ พรรคพลังประชาชน 12 คนในภาค 194
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ใต้หาเสียงด้วยกัน จังหวัดนราธิวาส เขตการเลือกตั้งที่ 1 มีผู้แทน 3 คน เขตการเลือกตั้งที่ 2 มีผู้แทน 2 คน จังหวัด นราธิวาสมีนายนัจมุดดิน อูมา คนเดียวได้รับการเลือกตั้ง หลังจากจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบอีก กลุ่ม นายอารีเพ็ญ มองว่าความขัดแย้งในสังคมตอนนี้เราต้องวางตัว เป็นกลาง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง ใครเป็นรัฐบาลเราก็อยู่ได้ ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้เราต้องเกาะเกี่ยวในการเป็น รัฐบาลเพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชน มีความคิดเห็น ไม่ตรงกันกับนายวันนอร์ ว่าน่าจะอยู่พรรคใหญ่ดีกว่าที่จะออก ไปอยู่พรรคเล็ก ทางกลุ่มวาดะห์ก็แยกออกมาหาพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นผู้นำพรรคมาตุภูมิ ด้วยเหตุผลที่หนึ่ง พลเอก สนธิ เป็นมุสลิม สอง เป็นผู้บัญชาการทหารบก มีประวัติการ ทำงานที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอาชีพราชการ ถ้ามาอยู่ ในตำแหน่งทางการเมืองชื่อเสียงก็เป็นที่รู้จักทั้งภายในและ ภายนอกประเทศ และเป็นโอกาสดีที่เราจะเชื่อมสัมพันธ์กับ ประเทศมุสลิมในการแก้ปัญหาภาคใต้ ที่ปัจจุบันปัญหาไม่ได้ ลดน้อยลงตั้งแต่ พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2554 ยังมีการฆ่า กันตายทุกวัน ตายไปแล้วเป็นพัน บาดเจ็บเป็นหมื่น พรรค มาตุภูมิได้รับความนิยมจากประชาชนสูง สื่อรายงานว่าพรรค มาตุภูมิจะได้รับการเลือกตั้งประมาณ 6-7 คน ในพื้นที่ กระแส ของประชาชนต้องการอย่างนั้นจริงเพราะเราเป็นพรรคที่มี ผู้นำเป็นมุสลิม และไม่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก่อนวันเลือกตั้ง 2 วันมีการพลิกโดยวิธีการต่างๆ ในพื้นที่ ทำให้พรรคมาตุภูม ิ แพ้การเลือกตั้งใน พ.ศ.2554 ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดนราธิวาส ที่ปัตตานีได้ 1 คน 195
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เขตเลือกตั้งที่ 3 คะแนนระบบสัดส่วนของพรรคมาตุภูมิในสาม จังหวัดพรรคมาตุภูมิมาเป็นอันดับที่ 2 นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงรัฐบาลใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะบริหารประเทศได้นาน ขนาดไหน ก็เป็นเรื่องของการเมือง อีกสักระยะหนึ่งพรรค มาตุภูมิก็ต้องมาขับเคลื่อนงานการเมืองต่อ ก็ต้องจัดขบวนทัพ เพื่อรับการเลือกตั้งสมัยหน้าว่าจะเป็นแนวไหน ยุทธศาสตร์ อย่างไร ตรงไหน นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า จากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรมา 9 สมัย 25 ปี การเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก สมัยที่ อารีเพ็ญเริ่มเล่นการเมืองตอนเป็นหนุ่ม ประชาชนพี่น้องชาว มุสลิมยังไม่มากเหมือนกับปัจจุบัน พี่น้องประชาชนมุสลิม ส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบราชการที่จะมาเป็นนักการเมืองน้อยมาก การที่นายอารีเพ็ญ เล่นการเมืองตอนนั้นมีการแข่งขัน บุคคล เด่นๆ ที่มาเล่นการเมืองมีความรู้ระดับปริญญาตรีมีไม่กี่พรรค ที่ผ่านมาการต่อสู้ระหว่างกลุ่มวาดะห์กับพรรคประชาธิปัตย์ พอระยะหลังๆ ยอมรับว่าบุคลากรที่สนับสนุนเราคือสถาบัน โต๊ะครู เมื่อก่อนโต๊ะครูจะเป็นผู้ที่มีอายุไม่รู้ภาษาไทย เขาสร้าง โรงเรียนปอเนาะขึ้นมาส่งลูกหลานเรียนหนังสือจบปริญญาตรี ปริญญาโท ลูกกลับมาบริหารโรงเรียน สมัยรุ่นพ่ออยู่กลุ่ม วาดะห์ คนรุ่นใหม่ๆ มีคุณภาพ มีการศึกษา เมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ ก็ส่งคนลงมาเลือกหาตัวที่จะลงในนาม พรรค ก็มองไปยังโรงเรียนตาดีกา มองไปยังเด็กรุ่นใหม่ๆ ลูกโต๊ะครูที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนและไปทาบทามบุคคลเหล่านี้ มาลงสมัคร เมื่อที่นั่งมีจำนวนจำกัดในพรรคเราก็ต้องไปลง สมัครพรรคอื่น ทำให้เสียงของเราที่อยู่ในโรงเรียนตาดีกาหายไป 196
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ถูกเฉลี่ยไป ถ้าลูกโต๊ะครูลงหลายๆ คน คะแนนเสียงก็ถูกเฉลี่ย มากไปหลายๆ กลุ่ม อย่างน้อย 2 – 3 พรรค ต้องมีแน่นอน ระยะหลงั มกี ารตอ่ สทู้ างการเมอื งมากเทา่ ไหร่ พรรคประชาธปิ ตั ย์ ยิ่งได้เปรียบมาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความเป็นตัวตน อย่างคงทนถาวร มีคะแนนคนไทยพุทธซึ่งไม่ต้องไปหาเสียงเลย ได้ไปฟรีๆ ขณะที่คะแนนเสียงคนมุสลิมแตก ยิ่งมีคนมุสลิม ลงมากคะแนนยิ่งแตกมาก ในจังหวัดนราธิวาสแต่ละเขตมี คะแนนคนไทยพุทธไม่น้อยกว่า 20,000 คะแนน เป็นคะแนน ฟรีๆ นี้คือการได้เปรียบของพรรคประชาธิปัตย์ การหาเสียง จึงสามารถมองเป้าหมายออก การเมืองเปลี่ยนเพราะว่าคนที่ลง สมัครมีมากขึ้น มีความรู้จบปริญญาตรี ปริญญาโททั้งนั้น สมัยนั้นสู้กับคนที่ยังไม่จบปริญญาตรี พวกเจ้าพ่อ สมัยนี้สู้กับ คนมีความรู้ มีพรรค มีพวก เสียงที่เป็นกอบเป็นกำสมัยกลุ่ม วาดะห์ที่เคยรุ่งเรืองมาเมื่อก่อนก็หายไป ไม่มั่นคง วิธกี ารหาเสยี ง นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า การหาเสียงปัจจุบันยากตรงที่เรา ไม่สามารถใช้ยุทธวิธีการปราศรัยให้ประชาชนฟังเป็นหมื่นๆ ได้เหมือนเมื่อก่อน สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย สมัยก่อนการ เลือกตั้ง 2-3 วัน จัดการปราศรัยใหญ่ เราพูดให้ประชาชนฟัง การปลูกฝังความคิดให้กับประชาชนทำให้เราได้ประโยชน์ เราปราศรัยชาวบ้านชอบ ชาวบ้านเข้าใจ เดี๋ยวนี้การปราศรัยไม่ ถึงชาวบ้าน และไม่สามารถระดมคนมาฟังเป็นหมื่นๆ คนได้ ระยะหลังอิทธิพลของการใช้เงินสูงมาก และการใช้เงินค่อนข้าง จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อชาวบ้านขาดการเรียนรู้ 197
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ขาดข้อมูลข่าวสาร ก็ไม่ได้มองการณ์ไกล การเมืองสมัยนี ้ หาเสียงยากกว่าสมัยก่อน นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า การเมือง สมัยนี้ต้องสร้างคนรุ่นใหม่ๆ ให้เป็นคนที่รู้จักใช้ความคิด นำความคิดเราใส่ไป ชาวบ้านเดี๋ยวนี้ก็คนรุ่นใหม่ แต่ไม่เหมือน รุ่นใหม่เมื่อก่อน เมื่อก่อนสนใจการเมือง ในมหาวิทยาลัยก็หา คนสนใจการเมืองน้อยมาก ไม่เหมือนสมัยก่อน มันเป็น ปรากฏการณ์ทางสังคมที่มีความเจริญมากขึ้น คนมักจะมอง ตนเองเป็นหลัก ไม่มองคนอื่น ปัจจัยที่ทำให้ได้รับการเลือกตั้ง ก็ต่างกัน ปัจจุบันบรรยากาศทางการเมืองไม่เอื้ออำนวยที่จะใช้ แนวคิดในการเข้าหาชาวบ้าน เดี๋ยวนี้ลงพื้นที่ค่อนข้างอันตราย ไปค่ำๆ ดึกๆ ก็ไม่ได้ ทหารเต็มไปหมด เดินทางไปไหนก็เป็นที่ หวาดระแวง สงสัยของเจ้าหน้าที่ ข้อมูลอ่นื ๆ ปจั จบุ นั นายอารเี พญ็ อายุ 60 ปี กลา่ ววา่ ชวี ติ นกั การเมอื ง ไม่มีเวลาพัก หาเสียงได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วก็ หาเสียงต่อ หยุดหาเสียง หยุดเข้าหาชาวบ้านเมื่อไหร่เท่ากับเรา ถอยหลังไปมากเท่านั้น การเป็นนักการเมืองต้องทำงานตลอด เราไม่มีเวลาเหมือนทางราชการ วันเสาร์อาทิตย์ต้องลงพื้นที่ หาชาวบ้าน วันราชการต้องประชุมสภา ถามว่าเหนื่อยไหม นายอารีเพ็ญตอบว่าเหนื่อย แต่เป็นความเคยชินกับภาระหน้าที่ ตอนนี้เราพ้นภาระหน้าที่เรามีความรู้สึกอิสระ ถือโอกาสพักผ่อน ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป อยู่กับครอบครัว นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนต้องการสิ่งที่ดี อยากฝากให้คนหนุ่มสาวมองการเมืองนั้นเป็นวิถีชีวิตของเรา 198
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ที่เราต้องนำมาเพื่อที่จะพัฒนาปรับปรุงตัวเรา ถ้าเราไม่ได้มอง การเมืองเพื่อที่จะมาพัฒนาตัวเรา เราจะอยู่ในโลกนี้แบบไปวันๆ อะไรจะเกิดก็ให้เกิด ถ้าเรารู้จักการเมืองทำให้เรารู้อนาคต ข้างหน้าว่าเราจะไปทางไหน เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อยากให้คนรุ่นหนุ่มสาวรู้จักการเมืองมากๆ รู้จักการเมือง ในทางสร้างสรรค์ อาศัยการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ ประโยชน์ส่วนตน เพื่อลูกหลานของเราจะได้มีคุณภาพ อยู่ใน สังคมได้อย่างสบายใจ 17. นายพิบูลย์ พงษ์ธเนศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พ.ศ.2529 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลด้านอื่นๆ ได้) 18. นายนัจมุดดีน อูมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส 3 สมัย พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2550 สงั กดั พรรคความหวงั ใหม่ พรรคไทยรักไทย และปัจจุบันสังกัดพรรคมาตุภมู ิ ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล นายนัจมุดดีน อูมา เกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 ที่จังหวัดนราธิวาส จบมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียน ธรรมวิทยามูลนิธิ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มัธยมศึกษา ตอนปลาย โรงเรียนผู้ใหญ่คณะราษฎรบำรุง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตมหาวิทยาลัย รามคำแหง ปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 199
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นายนัจนุดดีน อูมา อดีตสมาชิกสภาจังหวัดนราธิวาส เขตอำเภอระแงะ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจังหวัด นราธิวาส พ.ศ. 2539 - 2540 ประจำสำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2544 และ พ.ศ.2550 ขอ้ มูลงานการเมือง 25 พ.ย. 2552 – 2554 รองเลขาธิการพรรคมาตุภมู ิ 26 ม.ค. 2550 – 2554 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนราธิวาส เขต 2 พรรคมาตุภมู ิ 6 ม.ค. 2544 - 6 ม.ค. 2548 สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรนราธวิ าส เขต 3 พรรคไทยรกั ไทย 3 เม.ย. 2535 - 30 มิ.ย. 2535 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนราธิวาส เขต 2 พรรคความหวังใหม่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ การเข้าสู่การเมอื ง นายนัจมุดดีน อูมา กล่าวว่า ครอบครัวของตนเองเป็น ครอบครัวที่ถูกกดดันจากการใช้อำนาจของรัฐมาอย่างยาวนาน เพราะบิดาเป็นผู้นำทางศาสนา เป็นโต๊ะครูประมาณ 40 ปี ตนเองมีความคิดว่าถ้ามีโอกาสวันหนึ่งจะมาประกอบอาชีพ ทนายความ ความใฝ่ฝันก็ไปเริ่มเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัย 200
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส รามคำแหง จบออกมาเมื่อ พ.ศ.2529 ก็ไปฝึกเป็นทนายความ กับคุณสมชาย นีละไพจิตร เมื่อ พ.ศ.2531 มาเปิดสำนักงาน ทนายความที่จังหวัดยะลา พ.ศ.2532 แต่งงานแล้วมาใช้ชีวิต ที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส และลงสมัครเป็นสมาชิกสภา จังหวัดนราธิวาส ก็ได้รับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาจังหวัด 2 ปี ก็ลาออกมาสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นราธิวาส สังกัดพรรคความหวังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2535 แต่ก็มา เกิดกรณี รสช. ขึ้น เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ยุบสภาเลือกตั้ง ใหม่ ตนเองเว้นช่วงนาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2535 มาจนถึงพ.ศ. 2540 5 ปีที่ว่างจากการเป็นนักการเมือง เมื่อ พ.ศ. 2540 มีการคัดเลือก สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจังหวัดละคน ตนเองก็ลงสมัครและ ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นตัวแทนจังหวัด นราธิวาส มีโอกาสทำงานการเมืองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2544 มีการเลือกตั้งใหม่ตนเองได้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดนราธิวาส ก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรในนามพรรคความหวังใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต่อมามี การยุบรวมพรรคกับพรรคไทยรักไทย ตอนนั้นเป็นความโชคดี ของตนเองที่มีโอกาสเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ 4 ปี ตามวาระ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2548 ได้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรอีกครั้งแต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง กลุ่มวาดะห์แพ้ หมดในสามจังหวัดเพราะเกิดสถานการณ์ที่อำเภอตากใบ เมื่อ พ.ศ. 2549 ลงสมัครอีกครั้งหนึ่งได้รับเลือกแต่ถูกยกเลิกให้เป็น โมฆะ ตอนนั้นได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 4 -5 เดือน เท่านั้น ศาลสั่งยกเลิกให้เป็นโมฆะ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2550 ได้ลง สมัครอีกครั้งหนึ่งได้นามพรรคพลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้ง 201
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ตนเองได้ย้ายมาสังกัดพรรค มาตุภมู ิจนทุกวันนี้ นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ความภูมิใจในชีวิต คือตนเองได้ มีโอกาสเสนอจัดตั้งมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สำเร็จ เมื่อ พ.ศ.2546 และวันนี้ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มีคณะแพทยศาสตร์เกิดขึ้นทำให้เยาวชนในจังหวัดนราธิวาส มีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ผลงานอื่นๆ ก็มีมากมาย เช่น เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เพราะตนเองได้รับคำขอร้องจากประชาชนมาอย่างช้านาน จนมาสำเร็จในยุคที่ตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีอีก หลายๆ อย่างที่ตนเองได้แก้ไขในภาพรวม อย่างเช่น รายงาน ศึกษาปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้ศึกษามาตลอดระยะเวลา 2 ปี ทำให้ข้อมูล ที่มาจากเอกสารเล่มนี้ ได้นำไปสู่การตราพระราชบัญญัติการ บริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉบับใหม่ที่เพิ่งใช้ไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ฐานเสยี งและเครือข่ายทางการเมือง นายนัจมุดดีน กล่าวว่า กลุ่มที่สนับสนุนตนเองนั้น ส่วนใหญ่คือกลุ่มที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาวบ้านรู้ว่าถ้าเขา เดือดร้อนเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมชาวบ้าน ต้องมาหาตนเอง นี้คือจุดเด่น เพราะตนเองไม่มีเงินมากพอที่จะ ไปซื้อเสียง ตนเองบอกกับชาวบ้านว่า ถ้าไม่ได้ไปทักทายจับไม้ จับมือกับคนทุกคน ต้องขอโทษด้วย แต่ถ้าพี่น้องเดือดร้อนแจ้ง ข่าวให้ตนเองทราบ ถ้าไม่ช่วยให้มาว่ากล่าวได้ทันที ตอนนี้เป็น 202
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ที่รู้กันทั่วไปแล้วว่าตนเองพูดไปแล้วก็ต้องทำอย่างที่พูด ต้องมี สัจจะ สิ่งที่อยากจะทำต่อไป คือว่าจะทำอย่างไรจะให้คนใน พื้นที่มีโอกาสที่จะเรียกร้องต่อสู้ในสิ่งที่เขาต้องการ สัจธรรม ที่ปรากฏคือว่า ถ้านักการเมืองไม่ได้มีโอกาสเป็นฝ่ายบริหาร คงยากที่จะทำอะไรได้ตนเองอยากเรียกร้องให้ทุกพรรค การเมืองสนใจตรงนี้ พรรคไหนมีโอกาสเป็นรัฐบาลในอนาคต ถ้าท่านสนองตอบความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ นั่นคือ ความใฝ่ฝันสงู สุดของการเป็นนักการเมือง นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ตนเองไม่เคยไปอิจฉาใครที่ทำ ประโยชน์ให้กับประชาชนในนามพรรคไหนก็ขอให้ทำ อย่าไป อิจฉาซึ่งกันและกัน อย่างเช่น ครูที่สอนศาสนาในวันเสาร์ อาทิตย์ (โรงเรียนตาดีกา) รัฐ ไม่เคยเหลียวแล ตนเองไปจัดตั้ง เป็นชมรม เป็นมูลนิธิ ต่อมาก็ต่อสู้ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดค่า ตอบแทนเดือนละ 2,000 บาท ต่อเดือนต่อคน สู้มาตลอด 30 ปี เพิ่งได้มาเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา นี่คือความสำเร็จที่ได้ทำมา มาถึง ณ วันนี้ ใครจะเอาไปอ้างก็ไม่ว่ากัน แต่ชาวบ้านรู้ว่าใครทำ สิ่งที่นายนัจมุดดีน เสียใจมากคือ การเกิดเหตุการณ์ที่ ตากใบ เพราะว่าตนเองไม่สามารถที่จะไปปกป้องชีวิตของผู้คน ได้ ตรงนี้ถือว่าบกพร่อง ทำให้ประชาชนในสามจังหวัดลงโทษ พวกตนเอง คือไม่เลือกตั้งก็สมควรแล้ว เพราะเราเป็นผู้แทนแต่ ช่วยเขาไม่ได้ ตนเองต้องบอกว่าไม่ใช่เฉพาะพวกท่าน ตนเอง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ พ.ศ.2547 ก็ถูกเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจประมาณ 4-5 ร้อยคน ล้อมบ้านที่อำเภอระแงะ เพราะเขาเชื่อว่าตนเองเป็นกบฏ จึงเป็นที่มาของหนังสือ 203
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส “เขาหาว่าผมเป็นกบฏ” และเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมือง เพราะว่าเราเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคที่เป็น รัฐบาลแต่ถูกกระทำขนาดนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน จะไปพึ่งใคร ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในอำนาจรัฐ เลยต้องหนี บ้าง ตนเองสู้คดีประมาณ 2 ปี ศาลยกฟ้อง คดีจบทุกคน ก็สบายใจ แสดงความดีใจที่บ้านเมืองเรานี้ศาลยังเป็นทางออก ที่พึ่งได้ทางหนึ่ง เครือข่ายหรือเครือญาติไม่มีใครขัดขวางตนเองที่จะให้ ลงเล่นการเมือง ตนเองเป็นคนที่ฐานะไม่ค่อยดี บิดาตนเองอุทิศ ตนเพื่อสังคมมาตลอดชีวิต ไม่มีทรัพย์ สมบัติเพื่อตนเอง บิดา สอนหนังสืออย่างเดียว แต่เมื่อตนเองจะเรียนหนังสือ และไป เรียนที่กรุงเทพฯ บิดาก็พร้อมที่จะส่งให้เรียน บอกว่าลำบาก ก็เรียนไปเถอะ แต่ขอว่าเมื่อมีความรู้แล้วให้กลับมาช่วย ประชาชน ตนเองก็ได้สนองตอบสิ่งที่ตั้งปณิธานไว้ รูปแบบและวิธกี ารหาเสียง วิธีการหาเสียงนั้น นายนัจมุดดีน ใช้การทำความเข้าใจ กับประชาชนว่าเราอยู่ขณะนี้ถ้าคนที่เราไว้ใจ คนที่เราเชื่อมั่น มิได้มีอำนาจทางการเมืองเราจะไปพึ่งใคร ตนเองโชคดีที่จบ กฎหมายมีอาชีพทนายความพร้อมที่จะดูแลประชาชนทั้งหลาย ในสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการบังคับใช้กฎหมาย นี่คือ หลักการของตนเอง ชาวบ้านจะรู้ จึงคิดว่าสิ่งนี้เป็นภาระ ประจำตัว ถ้าชาวบ้านคนไหนไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะมาหา ตนเอง พอทนายความสมชาย นีละไพจิตร ได้เสียชีวิตไป เราก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์ทนายความมุสลิมขึ้น วันนี้ที่จังหวัด 204
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นราธิวาสศูนย์ทนายความมุสลิมเรารับว่าความคดีความมั่นคง ประมาณ 200 คดี เราว่าความให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดเลย มีทนายความจำนวนหนึ่งพร้อมที่จะดูแลให้ วันนี้ประธานศูนย์ ทนายความมุสลิมจังหวัดนราธิวาสถูกเรียกร้องจากประชาชน ให้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตัวประธานศูนย์ฯ จะไปลงสมัครในนามพรรคมาตุภูมิ เขตการเลือกตั้งที่ 4 อำเภอ รือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ภาพรวมการบังคับใช้กฎหมายเริ่มดีขึ้นกว่าเดิม เจา้ หนา้ ทท่ี กุ ฝา่ ยเรม่ิ มคี วามระมดั ระวงั มากในการทจ่ี ะไปทำอะไร นอกลู่นอกทางน้อยลงไปมาก ตนเองคิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ถ้าหากว่าเราร่วมมือกันเพื่อที่จะให้คนทุกชนชั้นอยู่ภายใต้ กฎหมายอย่างเสมอภาคกัน นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ ตนเอง มน่ั ใจวา่ คนในจงั หวดั นราธวิ าสไมจ่ น ไมโ่ ง่ แตเ่ ขาขาดสง่ิ ทเ่ี รยี กวา่ ความเปน็ ธรรม ถา้ ความเปน็ ธรรมสามารถใหไ้ ดจ้ รงิ ทกุ อยา่ งกค็ ง บรรลุเป้าหมายได้ แต่การทำงานอย่างหลงทางกับสถานการณ์ ความไม่สงบว่าจะไประงับได้อย่างไร นั้นคนละส่วนกัน นายนัจมุดดีน กล่าวว่า การใช้กฎหมายที่เป็นธรรม ต้องเดินหน้าอย่างเข้มข้น การบังคับใช้กฎหมายก็ต้องเข้มข้น เหมือนกัน อย่าไปเหมาเอามารวมกัน เหตุการณ์จะเกิดก็เกิดไป คนที่มีหน้าที่ทำความถูกต้องก็ทำไป ส่วนเรื่องที่เกิดก็อย่าไป ตกใจ เกิดอะไรไปก็แก้ไป ธรรมดา แต่เราชอบเอามาปนกันว่า รัฐอ่อนแอแล้ว เอาไม่อยู่แล้วนะ ทำไมไม่หยุด เรื่องจะหยุดนี้ไม่ หยุดตนเองตอบแทนไม่ได้ แต่เราเป็นอำนาจรัฐเราต้องทำความ จริงให้ปรากฏ 205
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ข้อมลู อน่ื ๆ บทบาทต่อสถานการณ์ปัจจุบัน หลักก็คือการเมืองนำ การทหารนั้น นายนัจมุดดีนกล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าทุกรัฐบาล ตอ้ งพดู คำน้ี เขา้ ใจวา่ หลงั จากนเ้ี ปน็ ตน้ ไป เมอ่ื มพี ระราชบญั ญตั ิ การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ฉบับใหม่ เกิดขึ้น ทุกอย่างคงจะดีขึ้น เพราะว่าเราจะแยกภารกิจสองด้าน ภารกจิ ดา้ นความมน่ั คง กองอำนวยการรกั ษาความมน่ั คงภายใน (กอ.รมน.) ก็ดูแลไป ภารกิจด้านการเมือง การพัฒนา เศรษฐกิจ ศอ.บต. ก็ดูแลไป ขณะนี้ผู้ปฏิบัติกำลังปรับขบวนอยู่ว่าจะเป็น ไปทางไหน ในส่วนเรื่องที่ว่าการเมืองเป็นมรดกหรือไม่นั้น ตนเอง ไม่คิดอย่างนั้น ไม่เคยคิดที่จะนำภรรยา หรือบุตรมาสืบทอด ทางการเมืองแทน เว้นแต่ว่าทางชาวบ้านเห็นว่า ภรรยาและ บุตรของเราทำงานให้กับชาวบ้านได้ ถ้าภรรยาและบุตรไม่ชอบ และชาวบ้านไม่สนับสนุน เราอย่าไปฝืนกระแส ตนเองคิดว่า ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ส.ว. ส.ส. อบจ.เป็นของ ทุกคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ แล้วคนที่ จะเลือกก็คือประชาชน การเมืองสมัยก่อนนั้นวิพากษ์กันเฉพาะในสภา ออกมา ข้างนอกก็ไม่มีอะไร เดี๋ยวนี้การเมืองลึกลงไปอีกขั้น คือว่ามีการ แบ่งฝ่าย พรรคนี้อยู่กลุ่มนี้ พรรคนี้อยู่กลุ่มนี้ โอกาสที่จะไปมา หาสู่กันน้อย ไม่เหมือนสมัยก่อน สภาใหม่ที่จะมีการเลือกตั้ง ในเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคม นี้ ไม่อยากจะให้แบ่งกัน อยากให้ฝ่ายค้านกับรัฐบาลมีความสนิทใจที่จะพูดคุย 206
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส รับประทานอาหารร่วมกัน ไปมาหาสู่กันได้เหมือนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ความเป็นพรรคเข้มข้นเกินไป การเมืองในจังหวัดนราธิวาสนั้น ถ้าเป็นคนในเมืองก็จะมี ความใกล้ชิดกับพรรคมากกว่าคนในชนบท คนในชนบทจะมี ความผูกพันกับตัวบุคคลมากกว่า ในสังคมเมืองก็จะมีความ นิยมพรรคที่มีมาก่อน หรือพรรคเก่าๆ ค่อนข้างสูง รอบนอกแลว้ แต่ความศรัทธาต่อตัวบุคคล เน้นที่ตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค ในการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่นั้น ตนเองไม่เห็นด้วยกับ การแบ่งเขตเดียว เบอร์เดียว เพราะว่าทำให้สังคมมีความ แตกแยก ประชาชนมีความขัดแย้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมีการ เลือกตั้งแบบนี้ ทำให้สังคมมีความแตกแยก ถ้าเป็นเขตการ เลือกตั้งเรียงเบอร์เขตใหญ่ ผู้สมัคร 2 – 3 คน ลงได้ 2 – 3 เบอร์ ไม่เป็นไร เราอย่าไปตามญี่ปุ่น ตามฝรั่งจนลืมวัฒนธรรมของเรา สังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน สมมติว่ามีผู้แทน 3 คน เราไปขอชาวบา้ น 3 เบอร์ ชาวบา้ นกร็ บั พจิ ารณาไว้ พอมา อีกพรรคหนึ่งขออีก 3 เบอร์ เขาก็รับพิจารณาไว้ แต่วันนี้มีดำกับ แดง คุณจะเอาผมหรือเอาเขา เท่านั้น นี้คือวิธีคิด ถ้าเป็น ภาคใต้ตอนบนก็ไม่เป็นไร เพราะประชาชนมีความผูกพันกับ พรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างสูง ทางภาคอีสานก็พรรคเพื่อไทย แต่สามจังหวัดชายแดน หรือจังหวัดนราธิวาสคงไมได้ ตนเอง เป็นห่วงความขัดแย้งระหว่างหัวคะแนนกันเอง นายนัจมุดดีน กล่าวว่า การเมืองคือการส่งต่ออำนาจ มีคนชอบพูดเหมือนกันว่า การเมืองเป็นของไม่น่าเล่น เป็นสิ่ง สกปรก ตนเองติดว่า การเมืองจะสกปรกหรือไม่นั้นอยู่ที่คนเล่น 207
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ถ้าคนที่เข้าสู่ระบบการเมืองมีความตั้งใจสูงก็ดี เหมือนกับคนที่ เล่นฟุตบอล จะไปบอกว่าลูกบอลไม่ดี ไม่ได้ ถ้าคนเล่นมีวินัย มีความเรียบร้อย มีหลักการ แต่ถ้าคนเล่นคิดแสวงหาผล ประโยชน์ คือเล่นไม่ถูก เล่นไม่ดี อยากฝากให้เยาวชนรุ่นใหม่ อย่าไปท้อถ้อยกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในวันนี้ ให้เราคิดว่า อีก 10 – 20 ปีข้างหน้าเราจะมาแทนที่นักการเมืองเหล่านี้ ตนเองเมื่อ 30 ปีที่แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะมาเป็นนักการเมือง คิดเพียงแต่ว่าจะ เป็นทนายความ ช่วยเหลือสังคมได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นพอ แต่เมื่อถึงเวลาเราก็มีโอกาส ได้เป็นนักการเมือง บางคนที่มี ความใฝ่ฝันตั้งแต่อายุน้อยๆ ทางบ้านฐานะดีไม่ได้รับการ เลือกตั้งก็มากมาย เราอย่าท้อถอย ฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแล ช่วยกันรักษาสภาพสังคมของเราให้ดีขึ้นตลอดไป อยากฝากให้นักการเมืองทุกคน ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหน ขอให้ดูตัวอย่างประเทศมาเลเซียเป็นหลัก เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มาเลเซียอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ คนฝั่งโน้นมาเป็น คนงานตัดยางบ้านเราเยอะมาก ลองนึกดูว่าวันนี้คนมาเลเซีย มาตัดยางบ้านเรามีกี่คน ไม่มีสักคน เดี๋ยวนี้มีแต่คนบ้านเราไป เป็นคนงานตัดยางเขาแทน เป็นคนงานก่อสร้าง ทำงานร้าน อาหาร ที่ประเทศมาเลเซียเป็นแสนๆ คน เพราะมาเลเซีย 53 ปี ที่ผ่านมา เขานิ่งทางการเมือง ทำให้นักการเมืองมีคุณธรรม จะคิดอะไรเพื่อประชาชนก็ทำได้หมดประชาชน เกิดการ เปรียบเทียบว่าพรรคนี้เป็นอย่างนี้ แล้วใครควรได้เป็นรัฐบาล มีโอกาสรับใช้ประชาชน ทำให้ประเทศ บ้านเมืองเจริญ แล้วอีก อย่างหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ มาเลเซีย ฮินดู มลายู จีน มุสลิม อยู่กันอย่างมีความเสมอภาค 208
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส สงบ ไม่แบ่งชั้นวรรณะ ไม่รังเกียจกัน คนมลายูมาเลเซีย ไม่รังเกียจคนจีน คนจีนมาเลเซียก็อยู่กันฉันท์มิตร อยากให้พวก เราที่อยู่ชายแดนมองดูประเทศมาเลเซีย เขาเจริญมากกว่าเรา ทั้งๆ ที่ในอดีตประเทศเรานำเขา แต่วันนี้ประเทศมาเลเซียนำเรา หลาย 10 ปี แล้ว คิดว่าเป็น 10 ขึ้นไป ตอนนี้เราตามประเทศ มาเลเซียอยู่ เช้าๆ ไปดูที่สะพานข้ามดูว่ามีคนมาเลเซียกี่คน ที่เดินเท้าเข้ามาเรียนหนังสือฝั่งนี้ ตนเองมีเพื่อนจบจาก ต่างประเทศเป็นครูอยู่ฝั่งโน้นเงินเดือนประมาณ 2,000 เหรียญ มาเลเซีย ใช้ชีวิตอยู่ฝั่งนี้ ไปทำงานฝั่งโน้น กลับมาก็สบาย ให้เราช่วยกันคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยในอนาคต มีความเจริญทันกับประเทศมาเลเซีย นายนัจมุดดีน อูมา กล่าวทิ้งท้ายฝากไว้ 19. นายเจะอามิง โตะตาหยง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคประชา- ธิปัตย์ ข้อมลู การดำรงตำแหน่งทางการเมอื ง l สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส 5 สมัย (1/2535, 2539, 2548, 2550 – 2554) l กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา l กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา l คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกิจการฮัจย์ l ที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดน ภาคใต้ 209
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ l ปี 2539 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ทม.) l ปี 2541 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ทช.) l ปี 2544 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ปม.) l ปี 2548 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ปช.) l ปี 2551 มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม) ข้อมลู สว่ นบคุ คล นายเจะอามิง โตะตาหยง ประธานกรรมาธิการความ มั่นคงแห่งรัฐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส พรรค ประชาธิปัตย์ เกิดวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2497 ที่ ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เป็นบุตรของ นายหะยีเจ๊ะดาราแม และนางหะยีวาเย๊าะ โตะตาหยง นายเจะอามิง จบการศึกษา ระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนเมืองยะลา จังหวัดยะลา ระดับ มัธยมศึกษาจากโรงเรียนรัชตะวิทยา จังหวัดยะลา จบระดับ เตรียมอุดมศึกษาจากโรงเรียนช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพฯ แผนก ไฟฟ้ากำลัง อนุปริญญาวารสารศาสตร์และการประชาสัมพันธ์ (อศศ.) จากวิทยาลัยครูยะลา ระดับปริญญาตรีศิลปศาสตร- บัญฑิต (ศศ.บ) จากสถาบันราชภัฏยะลา สำเร็จการศึกษาระดับ ปรญิ ญาโท สาขาสงั คมศาสตรเ์ พอ่ื การพฒั นา จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงการเมืองการปกครอง ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (สำหรับนักบริหารชั้นสูง) สถาบันพระปกเกล้า (ปปร.3) 210
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส อดีตเป็นเจ้าของธุรกิจการค้ายางพารา โรงเลื่อยไม้ ยางพารา และรับเหมาก่อสร้าง ก่อนเข้าสู่วงการเมืองระดับ ประเทศ เคยทำงานการเมืองระดับท้องถิ่นมาก่อน จนกระทั่งได้ รับตำแหน่งเป็นประธานสภาจังหวัดนราธิวาส นายเจะอามิง เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทแสดงความคิดเห็น ผ่านสื่อสาธารณะ เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในจังหวัด ชายแดนภาคใต้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งการให้สัมภาษณ์ และเขียน บทความลงในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน โดยได้รับมอบหมาย จากพรรคให้ดูแล นโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาความ ไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรในประเทศไทย 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นาย เจะอามิง ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นราธิวาส เขต 1 และได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดูแลผู้สมัครในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 20. นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ขอ้ มลู การดำรงตำแหนง่ ทางการเมอื ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส 5 สมัย (พ.ศ. 2535, 2538, 2539, 2548 และ 2554) สังกัดพรรคประชา- ธิปัตย์ ขอ้ มลู ส่วนบุคคล นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2495 เกิดที่หมู่ที่ 2 ตำบลแว้ง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เริ่มต้น 211
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส การศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านแว้ง อำเภอแว้ง จังหวัด นราธิวาส และเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนสุไหงโกลก อำเภอสไุ หงโกลก จงั หวดั นราธวิ าส ศษิ ยเ์ กา่ วทิ ยาลยั ครจู นั ทรเกษม อนุปริญญาสถาบันราชภัฏยะลา ปริญญาตรีสถาบันราชภัฏ อยุธยา ก้าวสู่การเป็นนักการเมืองเมื่อ พ.ศ. 2529 เริ่มต้นด้วย การลงสมัครเป็นนักการเมืองท้องถิ่นตำแหน่งสมาชิกสภา จังหวัดนราธิวาส 2 สมัย และดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัด นราธิวาส 2 สมัย ก้าวสู่การเป็นนักการเมืองระดับชาติ เมื่อ พ.ศ. 2535 / 2 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ พ.ศ. 2535, 2538, 2539 และ 2548 รวมทั้งหมด 4 สมัย ปัจจุบันดำรง ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี อดีตเป็นเลขานุการรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันนี้ นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองยังมีความตั้งใจที่จะลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหม่ การเข้าสกู่ ารเมอื ง นายสุรเชษฐ์ เล่าให้ฟังว่า เส้นทางการเมืองของตนเอง นั้นเกิดจากการสนใจจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัด นราธิวาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่พบเห็นมากที่สุดคือ ความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ปัญหาความอยุติธรรมจาก การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจากความ รู้สึกที่จะเข้าสู่การเมืองเพื่อจะแก้ปัญหา การต่อสู้ทางการเมือง นั้น นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า เกิดจากความรู้สึกจากแนวความคิด ของตนเองเป็นหลัก ไม่มีการจูงใจหรือว่าผลักดันจากผู้ใดผู้หนึ่ง 212
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ซึ่งมองว่าเราสามารถเป็นนักการเมืองได้ เมื่ออดีต ส.จ.สมัยนั้น ไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากเดินยิ้มทักทาย ชาวบ้านก็พึงพอใจ แล้ว ตนเองลงสมัคร ส.จ.ครั้งแรกก็ได้รับชัยชนะ ไต่เต้าขึ้นมา เป็นรองประธาน เป็นประธานสภา และลงเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้นโยบาย ใครกล้าขอ ผมกล้าให้มีการเยี่ยมเยือนทั้ง อำเภอแว้งทุกวันศุกร์ พี่น้องประชาชนได้รู้ถึงบทบาทหนา้ ทข่ี อง ส.จ.ว่าสำคัญอย่างไร จากนั้นทุกคนก็สนับสนุน ให้ตนเองลง สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรกพรรคสามัคคีธรรม แต่กลุ่มองค์กรครูจังหวัด นราธิวาสต้องการให้ตนเองลงสมัครในนามพรรคความหวังใหม่ แต่เนื่องจากว่าเราเป็นผู้สมัครที่ไม่มีฐานะก็ต้องอาศัยปัจจัย ของพรรค พรรคสามัคคีธรรมในสมัยนั้นเสนอปัจจัยมาให้ สามล้านห้า ตนเองคิดว่าพอที่จะใช้ในการหาเสียงได้ ตนอยาก จะลง ส.ส. แต่ไม่มีเงิน ลงครั้งแรกพ่ายแพ้เพราะเราไม่ม ี หวั คะแนน ไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงพอ การเดินทางก็ลำบาก แพ้ไป สามร้อยคะแนนให้กับ นายนัจมุดดิน อมู า เพราะฉะนั้นการต่อสู้ทางการเมืองในพื้นที่จังหวัด นราธิวาสต้องอาศัยกลยุทธ์ต่างๆ ที่คิดว่าเราจะต้องยึดสิ่งที่เป็น ประโยชน์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ เชื่อใจต่อผู้ที่จะ มาเป็นตัวแทนหรือผู้นำของเขา แต่กระบวนการแข่งขันนั้น มีความรุนแรงเกี่ยวกับการช่วงชิงเพื่อที่จะหวังผลการแพ้ชนะ ส่วนใหญ่การแข่งขันการเลือกตั้ง ถ้าย้อนอดีตมาจนถึงปัจจุบัน อดีตเราจะเห็นได้ว่า ส.ส. ในพื้นที่สามจังหวัดนั้นไม่ได้เจาะจง ว่าจะต้องเป็นบุคคลที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น เราเคยมี ผู้แทนที่ไม่ใช่มุสลิมไม่ว่าจะที่จังหวัดปัตตานี ยะลา หรือ 213
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นราธิวาส ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าคะแนนการสนับสนุนผู้แทน ส่วนใหญ่ที่เขตเลือกตั้งที่อยู่นอกเขตพื้นที่เมืองนั้นเกิดจากความ พอใจ จากการให้สัญญา การที่จูงใจ ด้วยความรู้สึกที่เป็น ศาสนานิยม ชาตินิยม เพราะสิ่งนี้ทำให้การเมืองพื้นที่จังหวัด นราธิวาสเป็นการเมืองที่ทุกคนต้องแสดงตนถึงความเป็น ศาสนานิยม ชาตินิยม แต่เราฐานะที่เป็นสมาชิกและเป็น ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เราไม่ได้ยึดแนวทางการแสดงตน เป็นศาสนานิยมเป็นหลัก เราเน้นไปทางนโยบาย เราจะพูดถึง เรื่องการเมืองว่าเป็นสิ่งที่ใกล้ตัว เป็นสิ่งที่จะนำประโยชน์และ ความหวังแก่พี่น้องประชาชนได้ และอยากที่จะได้มีการ เปลี่ยนแปลงในสังคม ปัญหาเรื่องอุปสรรคการหาเสียงในพื้นที่ เราจำเป็นต้องมีความมุมานะ มีความขยันขันแข็งกับการลง พื้นที่ ฐานเสียงและเครือขา่ ยทางการเมอื ง นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า วิธีการเข้าหาประชาชนเราไม่ม ี หัวคะแนนหลักในพื้นที่ เราไม่มีการจูงใจด้วยผลประโยชน์หรือ เครือข่ายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ นายสุรเชษฐ์ จะใช้วิธีการเดินเข้าหา โดยใช้วัน เวลาที่พี่น้องประชาชนต้องมารวมกัน มาชุมนุมพร้อม เพรียงกันโดยเฉพาะวันศุกร์ ซึ่งจะมีการร่วมละหมาด ที่พี่น้อง มุสลิมถือเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องมาร่วมละหมาดวันศุกร์ตาม มัสยิดที่หมู่บ้านของตน เมื่อเรามาร่วมละหมาดแล้วถือโอกาส ชี้แจงผลงาน แล้วมีการพูดคุย ซักถาม ปรึกษาหารือ ผลจาก การพบปะพี่น้องประชาชนอย่างนี้ เราจะได้ของจริง ความรู้สึก จริง ความต้องการจริง ของพี่น้องประชาชน ทำให้สามารถรับรู้ 214
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ความรู้สึกตรงนี้ ข้อมูลจากการพบปะรูปแบบนี้นำไปดำเนินการ เพื่อที่จะตอบแทนหรือหาสิ่งมาทดแทนตามความต้องการของ พี่น้องประชาชน ผลสรุปพื้นที่จังหวัดนราธิวาสโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งพื้นที่เขตการเลือกตั้งที่ 2 เขตเลือกตั้งของตนเองนั้น จะมีการ เปลี่ยนแปลง การพัฒนาไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการคมนาคม ปัญหาเรื่องน้ำ ปัญหาไฟฟ้า ก็จะได้รับการดูแล ปัญหาความ เดือดร้อนต่างๆ ก็จะได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้ามาให้ข้อมลู ให้ความรู้ นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ช่วงหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่าง ยิ่งโดยเฉพาะแนวคิดจากการที่นักการเมืองเข้ามาบอกกล่าว ภารกิจหน้าที่ของผู้แทน เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ของผู้บริหาร หรือรัฐบาล ปัจจุบันนี้ประชาชนจะได้รับการบอกเล่าชี้แจงอย่าง เป็นระบบ ซึ่งถือว่าเป็นการเมืองแนวใหม่ที่ให้ความรู้ ให้ข้อมูล แต่ก็ยังมีอุปสรรคของการแข่งขันมีบางพรรค บางกลุ่มยังยึด แนวทางศาสนานิยม ชาตินิยม ซึ่งปัจจุบันนี้เราจะเห็น สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดนั้น ส่วนหนึ่งถูก โยงใยไปเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ในการเมือง ถ้าหากว่านักการเมือง หลายๆ คน ยังยึดมั่นที่จะหาชัยชนะ การใช้กลยุทธวิธีการสร้าง หรือปลุกระดมให้พี่น้องประชาชนสับสน และเข้าใจผิดๆ ต่อ รัฐบาล ประเทศก็จะมีการพัฒนาที่ล่าช้า เครือขา่ ยความสมั พนั ธ์ เครือญาติ นายสุรเชษฐ์ ไม่ได้ประสานกับเครือญาติเท่าที่ควร แต่ ตนเองได้เริ่มจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่น สภาจังหวัด และ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาจังหวัด ช่วงโอกาสนั้นมีเวลา 215
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ออกไปเยี่ยมเยือนใช้บทบาทหน้าที่ตรงนี้สร้างความเข้าใจในที่ ประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แล้วออกไปทำความเข้าใจเยี่ยมเยือน ตามมัสยิดต่างๆ ยึดวันศุกร์เป็นหลักในการทำความเข้าใจจน พี่น้องประชาชนได้กล่าวถึงชื่อเสียงรู้ถึงความจริงจังของเรา ได้รับการสนับสนุน นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผมเป็นผู้แทน ครั้งแรกใช้งบประมาณในการหาเสียงจากการสนับสนุนจาก บรรดาเพื่อนๆ และผู้ที่นิยมในตัวเองประมาณแปดแสนบาท เป็นผู้แทนครั้งแรก และกล่าวว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่ผ่านการ เลือกตั้งที่เหน็ดเหนื่อยโดยทุ่มเท เรื่องเวลา และกำลังกาย โดยไม่ได้เน้นในเรื่องของการซื้อเสียง บทบาทความสัมพนั ธก์ ับพรรค ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ประชาชน ให้ความนิยม โดยเฉพาะในพื้นที่ของตนเองนั้นที่เป็นหลักคือ พี่น้องชาวใต้ที่อยู่นอกพื้นที่สามจังหวัด อาจจะย้ายมาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี ที่เข้ามา อาศัยอยู่ในพื้นที่ กลุ่มเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่พูดถึงบทบาทของ พรรคประชาธิปัตย์ คนในพื้นที่จริง มีความนิยมกับพรรค ประชาธิปัตย์ประมาณ 30 % นอกนั้นก็จะเป็นความนิยมในตัว บุคคลเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ผู้ใหญ่ในพรรค จะออกมาช่วยหาเสียง มาช่วยปราศรัย เราเชิญชวนมากกว่า การที่จะไปเกณฑ์ จากการที่ไม่นิยมในการฟังปราศรัย ต่อมา ก็ได้รับความนิยมเนื่องจากว่าเมื่อมาฟังการปราศรัยแล้วจะ เพลิดเพลิน ฟังผลงานต่างๆ และแนวคิดของพรรคว่ามีแนวทาง การแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่ หรือผลงานสนับสนุนที่ผ่านมาให้ 216
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เกิดการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ตรงใจ และโดนใจพี่น้อง ประชาชนทม่ี าฟงั ปราศรยั และทำใหก้ ารสนบั สนนุ ในการเลอื กตง้ั รูปแบบและกลวิธีการหาเสยี ง ตนเองจะเน้นตามมัสยิดเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าที่มีการ ละหมาด และไปทุกที่ช่วงเวลาที่มีการละหมาด การละหมาด มีทุกวันๆ ละ 5 เวลา ตั้งแต่ เช้า ตีห้า เที่ยงครึ่ง บ่ายสามโมง ครึ่ง หกโมงครึ่ง และทุ่มครึ่ง ในพื้นที่ก็จะมีคัตเอาท์ โปสเตอร์ แผ่นพับ ตามที่พรรคสนับสนุนก็เป็นกลวิธีหนึ่ง นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ตนเองได้เข้ามาเล่น การเมอื งใหมๆ่ ความสนใจและความตอ้ งการสมยั นน้ั แรงผลกั ดนั ที่จะเลือกตัวบุคคลมีสูง ตัวบุคคลก็เป็นที่สนใจของพี่น้อง ประชาชน ปัจจุบันมีเรื่องปัจจัยมาเสนอให้ เรื่องซื้อเสียงก็เกิด การแข่งขันกันมากขึ้นทำให้พี่น้องประชาชนถือเป็นประเพณีว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งทุกระดับ การเลือกตั้งอิหม่าม ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ส.จ. อบต. จนถึงระดับชาติมีความรู้สึกว่า จะต้องมีเงิน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้อมลู อ่นื ๆ ภาพรวมของนักการเมืองจังหวัดนราธิวาสปัจจุบันนี้ มีความแตกต่างกับสมัยก่อน เนื่องจากว่าผู้แทนในอดีตนั้น ไม่ค่อยมีผลงาน ไม่มีการต่อสู้ทางการเมืองกับท้องถิ่น แต่ ปัจจุบันนี้นักการเมืองทุกคนสนใจที่จะเข้าหาประชาชน ชี้แจง ผลงาน ผลประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความเข้าใจในเรื่องตัวบุคคล มากขน้ึ และมคี วามสนใจตอ่ การบรหิ ารงานระดบั รฐั บาลมากขึ้น 217
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเมือง ไม่ใช่มรดกจากรุ่นหนึ่ง สู่รุ่นหนึ่ง ตนเองไม่มีแนวความคิดอย่างนั้น เราไม่ปิดกั้นสำหรับ คนทุกคน เพราะว่าตำแหน่งทางการเมืองนั้นเป็นตำแหน่งที่ทุก คนใฝ่ฝัน และใฝ่หาเพราะการเมืองนั้นเป็นการก้าวสู่การมี อำนาจของรัฐ เพราะฉะนั้นคนที่มีฐานะ มีความพร้อมต้องการ อยากให้ลกู หลานก้าวไปสู่วงการ แต่ส่วนตัวตนเองนั้นไม่มีความ คิดเพียงแต่เราจะผลักดันให้คนรุ่นหลังให้เห็นบทบาทจาก ที่เราได้เคยทำมา ให้เขาศึกษากระบวนการต่อสู้ทางการเมือง อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาพัฒนาการต่อสู้ทางการเมืองให้เกิด ประโยชน์กับสังคมให้มากที่สุด น่าเป็นห่วงการเมืองในปัจจุบัน แต่เราพยายามทำความ เข้าใจว่าช่วงการเลือกตั้งนั้นมีคนเอาเงินมาให้เราเยอะๆ ทำให้ เราสนใจแต่ตรงนั้น เราลืมนึกว่างบประมาณทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนเพื่อมาพัฒนาพื้นที่ของเรา แต่ หลังจากที่เราได้ปัจจัยจากผู้ซื้อเสียงแล้วเขาเหล่านั้นจะลดการ บริการแก่เรา ลดในเรื่องของโครงการที่จะนำมาแก้ปัญหาของ ประชาชน เขาเหล่านั้นจะนำโครงการต่างๆ เหล่านั้นไปแปลง เป็นงบคืนทุนจากที่เขาลงทุน เรื่องนี้เราพยายามพูดให้พี่น้อง ประชาชนรับร้วู ่าน้ีคอื ผลเสียของการเลือกต้ัง แต่จะเปล่ยี นแปลง ได้เร็วหรือช้าก็ต้องใช้เวลา นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ จะมีส่วนเข้ามาเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ปัจจุบันการสื่อสาร เทคโนโลยีมีส่วนช่วยได้มากโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี มีบทบาทที่ค่อนข้างจะมากทีเดียว ตนเองยังต้องอาศัยมือ บรรดาเยาวชนและสตรี จากที่ผ่านมานั้น กลุ่มสตรีนั้นให้ความ สนใจเรื่องการเมืองน้อย จะมีแต่กลุ่มผู้ชาย หรือบุคคลอาวุโส 218
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส จะพูดถึงความสำคัญของการเมืองจะพูดในกลุ่มเครือข่ายของ เขาเท่านั้น ปัจจุบันสตรีที่จะรับข้อมูลทางการเมืองสามารถที่จะ พูดคุย สื่อสารไปยังกลุ่มสตรีให้เห็นว่าปัจจุบันนี้ไม่ว่า ผู้ชาย หรือผู้หญิง มีสิทธิเท่าเทียมกัน และสามารถมีบทบาทการเป็น ผู้นำ และทำประโยชน์ให้ท้องถิ่นได้เท่าเทียมกัน ส่วนเรื่องสถานการณ์ในจังหวัดนราธิวาสนั้น ที่ผ่านมา มีความแตกต่างจากอดีต พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัด นราธิวาสยังด้อยการศึกษา ถึงมีการศึกษาก็เน้นไปในเรื่อง ศาสนามุมมองด้านเดียว การศึกษาทางศาสนานั้นจะมีการสอน ภาษาที่จะเน้นคือ ภาษาอาหรับ ภาษามลายูท้องถิ่น ปัจจุบัน มีการเพิ่มเติมและปรับปรุงโรงเรียนและสถาบันศาสนามีการ เรียนการสอนวิชาสามัญวิชาชีพเข้ามาเสริม เราจะเห็นได้ว่า นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ปอเนาะเดิม มีความสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐ หรือไปเรียน ระดับอุดมศึกษามีมากขึ้น ความเข้าใจต่างๆ ในสังคมมีการ เปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นประเด็นขณะนี้คือว่า คนของรัฐที่เป็นเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาจากส่วนกลาง ไม่เข้าใจถึงวิถีและขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่นอย่าง แท้จริง นายสุรเชษฐ์ อยากจะฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า การเมือง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่สกปรกเหมือนหลายๆ คนมอง หรือเข้าใจ การเมืองเป็นเรื่องของการใฝ่หา หรือฟันฝ่า เพื่อต้องการที่จะให้ ประสบความสำเร็จ หรือความสมหวัง ถ้าเป็นการค้าก็คือกำไร แต่ถ้าใช้วิธีการ กลยุทธ์ที่ไม่ถูกต้องมันจะเป็นผลเสียต่อผู้ที่มี 219
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ส่วนเกี่ยวข้อง นักการเมืองใฝ่หาที่จะหาความสำเร็จให้กับสังคม และประชาชนต่อสู้ด้วยความจริงใจและตั้งใจ ตนเองเชื่อว่า การเมืองสามารถทำความเจริญให้กับประเทศ และประชาชนได้ แตถ่ า้ หากวา่ การเมอื งใฝห่ าชยั ชนะเพอ่ื ผลประโยชน์ กจ็ ะประสบ กับกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ว่า ซื้อเสียง โจมตี ให้ร้ายซึ่งกันและกัน และ ทำประโยชน์ให้กับตน ครอบครัว พรรคพวก สังคมก็จะไม่เกิด ประโยชน์ เพราะฉะนั้นตนเองมองว่า ส่วนใหญ่การเมืองยังเป็น ที่พึง ยังเป็นประโยชน์ให้กับสังคม ให้กับประเทศชาติได้ อยากให้คนรุ่นใหม่มาสร้างแนวคิด หรือใฝ่ฝันที่คิดจะเป็นผู้นำ ของสังคมโดยประพฤติดี ทำดี ตนเองเชื่อว่าถ้าคนรุ่นหลังมาใช้ กระบวนการแนวคิดในลักษณะที่สร้างสรรค์ประเทศไทยยังมี โอกาสพัฒนาสู่ความเป็นนิคส์ (ประเทศอุตสาหกรรมใหม่) และ เป็นประเทศชั้นนำของโลก 21. แพทย์หญิงพรพิชญ์ พึ่งธรรมเดช พัฒนกุลเลิศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส 3 สมัย พ.ศ. 2535/2 พ.ศ. 2538-2539 และ พ.ศ. 2541-2543 สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ข้อมลู สว่ นบคุ คล คุณหมอพรพิชญ์ พัฒนกุลเลิศ เป็นแพทย์ กุมารแพทย์ แพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก นามสกุลเดิมของคุณหมอ คือ พึ่งธรรมเดช คุณหมอเป็นบุตรคนเดียวของครอบครัวเลยต้อง กลับมาใช้นามสกุลเดิม คุณหมอเกิดที่อำเภอบาเจาะ จังหวัด นราธิวาส เป็นคนดั้งเดิมที่อำเภอบาเจาะ คุณหมอเป็นบุตรคน เดียวของครอบครัว การเลี้ยงดูจะต่างจากคนอื่น เนื่องจากบิดา 220
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส มารดาของคุณหมอเป็นครูทั้งสองคน คุณหมอก็เดินตามบิดา มารดาไปโรงเรียนทุกวันก็เลยเรียนเร็วไปนิด อายุ 5 ปีก็อยู่ ป.1 คุณหมอเรียนที่โรงเรียนบ้านแป๊ะบุญจนจบประถมปลาย แล้วไปเรียนที่โรงเรียนน้ำตกบาโจ (วันครู 2501) คุณหมอ กล่าวว่า ตนเองค่อนข้างเป็นเด็กที่ซนมาก อยู่เหมือนเด็กผู้ชายจะคอยดูแลเด็กผู้หญิง ชอบชกต่อยเป็น ประจำกับเด็กผู้ชาย มีหนังสติ๊กในมือตลอด คอยป้องกันเด็ก ผู้หญิงที่ถูกรังแก เมื่อจบประถมต้นและปลายที่อำเภอบาเจาะ คุณหมอเดินทางไปเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนวรคามิน ปัตตานี จนถึง ม.2 ย้าย กลับมาเรียนที่โรงเรียนสตรีนราธิวาส จนจบ ม.3 แล้วไปเรียนต่อ ม.4- 5- 6 ที่โรงเรียนอัมพรไพศาล ตอนนั้นตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ แต่สอบไม่ได้ เลยเลือกโรงเรียนราษฎร์ ไม่ได้เลือกโรงเรียนรัฐบาลเพราะมี ความคิดว่าโรงเรียนราษฎร์จะสอนดีกว่า เลยเข้าเรียนที่โรงเรียน อัมพรไพศาล ของคุณหญิงอัมพร มีสุข ตอนนั้นโรงเรียนยังอยู่ที่ บางลำพู พอจบมัธยมปลายก็มาสอบแข่งขันเอาสิทธิ์อิสลาม เป็นรุ่นแรกที่คิดว่าจะช่วยคนที่บ้านเกิด บังเอิญสอบได้ที่ 1 ของ จังหวัดใน พ.ศ. 2514 เป็นรุ่นแรกที่เข้าไปเรียนแพทย์ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตนเองเรียนจนจบแพทย์จุฬาไม่ได้ จับฉลากแต่ระบุความประสงค์ที่จะมาอยู่ที่โรงพยาบาล นราธิวาสเป็นอันดับแรกเลย ตอนนั้นโรงพยาบาลนราธิวาสเป็น จุดที่ไม่มีใครอยากมา ถึงแม้ว่าตอนนั้นเหตุการณ์อันตรายจะยัง ไม่ถี่เหมือนตอนนี้ แต่ก็มีเหตุการณ์มาตลอด ขึ้นๆ ลงๆ หลายๆ คนจะไม่พยายามเลือกโรงพยาบาลนราธิวาสแต่คุณหมอเลือก อันดับ 1 คุณหมอใช้ทุนอยู่ 3 ปี ดำรงเป็นนายแพทย์ตั้งแต่ซี 1 221
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ถึงซี 4-5-6 พอซี 5 ก็ไปเรียนต่อโดยไปรับทุนที่โรงพยาบาล ยะลาเป็นทุนหมอเด็ก จบกุมารแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ โรคเด็กที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปเรียน พ.ศ. 2524 ไปจบ พ.ศ.2527 กลับมาใช้ทุนที่โรงพยาบาลยะลา แล้วขอย้ายกลับ บ้านมาอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาส พ.ศ. 2527 คุณหมอทำงาน ชุมชนพร้อมๆ กับการรักษาผู้ป่วยด้วย คุณหมอคิดว่าตนเองเป็นหมอเด็กอย่างเดียว รักษา อย่างเดียวคงไม่ทัน ขออนุญาตผู้อำนวยการโรงพยาบาล นราธิวาสสมัยนั้นคือ นายแพทย์วีระ คณานุรักษ์ ย้ายมาอยู่ แผนกเวชกรรม เป็นงานที่เกี่ยวกับชุมชน เป็นงานที่ป้องกันก่อน รักษา คนที่มาอยู่ตรงนี้ต้องมีใจรักการป้องกันมากกว่าการ รักษา เลยลงทำงานชุมชนด้วย พอมาที่แผนกเวชกรรมนอกจาก ดูเรื่องชุมชน ดูเรื่องการให้วัคซีนในเด็ก คุณหมอยังเป็นหมอ จิตแพทย์ อีกด้วย หมอต้องดูคนไข้ที่ติดยาเสพติดด้วย การดูแล คนไข้ที่ติดยาเสพติดอย่างจริงจังตั้งแต่ พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2533 รวม 5 ปี การเข้าสูก่ ารเมอื ง ขณะนั้นนักการเมืองท้องถิ่นก็มาทาบทามครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็ปฏิเสธ จนเกือบ 10 กว่าครั้ง พอมาเจอเหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปัญหายาเสพติดเลยคิดว่าเราไม่ต้องทำ อะไรมาก ลงเล่นการเมืองเพื่อออกนโยบายเอง ไม่ได้คิดไกล ลงแค่ท้องถิ่นก็พอเพื่ออยากเป็นรองนายกด้านสาธารณสุข ก็ลงสมัครลงในทีมนักการเมืองที่มาชวน ตนเองก็เลยสอบได้ คนเดียวในทีม ตนเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล สิ่งที่ตั้งใจว่าจะ 222
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เป็นรัฐบาลออกนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด ทำอะไรเองก็ไม่ได้ ดังใจ ได้แต่ควบคุมการทำงานของรัฐบาลท้องถิ่น ตอนนี้ก็มีคน มาทาบทาม คือ คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ นายไสว พัฒโน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ก็มาทาบทาม ตนเองชื่นชมทั้งสามคน อยู่แล้ว รวมทั้งนายชวน หลีกภัย ก็มาทาบทาม จึงไปลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะงานท้องถิ่นก็แค่ จุดเล็กๆ เราไปทำงานระดับชาติ ปัญหายาเสพติดไม่ใช่แค่ ปัญหาท้องถิ่น ยาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติก็เลยลงสมัครรับ เลือกตั้งเป็น ส.ส. เราชอบพรรคประชาธิปัตย์และคนในพรรค ประชาธิปัตย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยลงสมัครเป็น ส.ส.ในนาม พรรคประชาธิปัตย์ใน พ.ศ. 2535/1 คุณหมอ กล่าวว่า ลงครั้งแรกไม่ได้รับกเรเลือกตั้งเพราะ เงินก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ครั้งแรกสอบตกต่อมามีการยุบสภาช่วงที่ รสช.ยึดอำนาจ และมีการเรียกร้องรัฐธรรมนูญว่านายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้ง ก็มีการเลือกตั้งใหม่ในปีนั้น เป็น พ.ศ. 2535/2 คุณหมอเป็นคนแรกที่กลับมาสู้ให้ประชาธิปัตย์ได้ใน ภาคใต้ สู้กับพรรคความหวังใหม่ กับทีมงานคุณเด่น โต๊ะมีนา ไม่ใช่เรื่องง่าย พอครั้งที่สองนี้ คุณหมอไปชวนนายรำรี มามะ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ มาลงสมัครด้วย เราก็ชนะ 1 เสียงจาก พรรคความหวงั ใหม่ 1 เสยี ง นายกชวนใหค้ วามสำคญั พอเขา้ มา เปน็ ส.ส. ครง้ั แรกกเ็ ลยไดต้ ำแหนง่ เลขานกุ ารรฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การ กระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตอนนั้นคือนายไสว พัฒโน ตอนนั้นนอกจากเป็น ส.ส.แล้ว ยังได้ทำงานในตำแหน่งบริหาร จุดหนึ่งที่พบเห็นในแถวบ้านเรา 223
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส คือ ร่องน้ำตื้นเขิน นี้เป็นผลงานสำคัญคือการแก้ปัญหาร่องน้ำ ตื้นเขิน ขุดร่องน้ำให้ชาวประมงได้ออกเรือไปจับปลาได้ ได้ทำ เขื่อนกันทราย และคลื่น อยู่ในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตร ี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม อยู่ได้ปีเดียว ท่านไสวฯ ก็เปลี่ยน ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตนเองได้ตามไปเป็น เลขานุการรัฐมนตรียุติธรรม ในด้านบทบาทหน้าที่ของ ส.ส. คุณหมอ กล่าวว่า ส.ส. คือการทำหน้าที่ทางด้านกฎหมาย คือการออกกฎหมาย มกี ฎหมายทเ่ี ราออกเยอะมาก แตท่ เ่ี ปน็ ตวั หลกั ทเ่ี ราเปน็ ประธาน ยกร่างคือ กฎหมายอนามัยเจริญพันธุ์ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมะเร็ง ในระบบสืบพันธุ์ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เราต้องให้ผู้หญิงมี กฎหมายคุ้มครอง ตอนนี้กฎหมายอนามัยเจริญพันธุ์ก็เป็นที่รู้จัก กันแล้ว ตอนที่เป็น ส.ส. เป็นเลขานุการกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรมก็ช่วยเรื่องปากท้องของประชาชน ขุดร่องน้ำที่ ตื้นเขิน ไม่ให้ดินที่แม่น้ำตากใบ ที่เป็นที่ดินของชาวบ้านถูกกัด เซาะไปแผ่นดินของประเทศไทยก็จะหายไปด้วย เพราะการแบ่ง เขตแดน คุณหมอกล่าวว่า งานที่ทำชาวบ้านไม่เห็น จับต้องไม่ได้ คุณหมอทำงานในระดับชาติจริง ไม่ได้ทำในระดับท้องถิ่น จึงไม่มีใครเห็นงานที่คุณหมอภูมิใจ ตอนที่เป็นเลขานุการ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรมตอนนั้นศาลเด็กและเยาวชนมี 9 แห่งทั้งประเทศ เรารู้ว่าการพิจารณาคดีเด็กไม่ใช่พิจารณา แบบผู้ใหญ่ต้องเป็นการพิจารณาในแนวราบ ทำให้การ พิจารณาคดีเด็กและเยาวชนที่มีทั้งนักจิตวิทยา นักสังคม- สงเคราะห์ อัยการเข้าร่วมด้วย และเกิดศาลครอบครัวเด็กและ เยาวชนในจังหวัดนราธิวาส 224
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส คุณหมอ กล่าวว่า งานที่คุณหมอทำนั้น จะไม่ดูเฉพาะ น้ำไหล ไฟสว่างเท่านั้น คุณหมอดูมิติทางด้านสังคม เรื่องของ สังคม มิติทางด้านสาธารณสุข ซึ่งคนมองไม่ค่อยเห็น คุณหมอ สู้กับการแก้ไข พรบ.ต่างๆ มามาก เช่น พรบ.หลักประกัน สุขภาพ ตนเองก็อยู่ตรงนั้น การเป็น ส.ส.ตนเองดีใจที่ได้ทำอะไร หลายอย่างมากมาย สุดท้ายที่ทำแล้วภูมิใจคือ การนำเอา มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) มาตั้งที่จังหวัด นราธิวาสสำเร็จ เดี๋ยวนี้เรามีวิทยาลัยพยาบาลที่อยู่กับกระทรวง ศึกษาธิการแทนที่จะอยู่กระทรวงสาธารณสุข เรามีคณะแพทย์ ที่ผลิตบัณฑิตแพทย์ขึ้นมาเอง เครือขา่ ยความสัมพนั ธก์ ับกลุม่ ผลประโยชน์ คุณหมอ กล่าวว่า ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงก็ม ี เครือข่ายแต่ไม่ชัดเจน แต่ก็รู้ว่าผู้หญิงจะช่วยผู้หญิงด้วยกันเอง ถ้าวันไหนที่ผู้หญิงไม่ช่วยกันวันนั้น ส.ส.ผู้หญิงก็สอบตก เมื่อถึง จุดหนึ่งเครือข่ายมีความสำคัญแต่อย่างอื่นสำคัญกว่า เรื่อง ปัจจัย เงินทองสำคัญกว่า จุดที่เราเสียดายว่าเราเป็นผู้หญิงคน เดียวที่ลงสมัครทำไมเราต้องสอบตกด้วย ไม่ใช่แค่ปัจจัย ไม่ใช่ เรื่องของพรรค ไม่ใช่ว่าเป็นไทยพุทธ ไทยมุสลิม มีหลายปัจจัย แต่สุดท้ายที่เราเห็นคือเรื่องของเงิน เงินสามารถซื้อได้เกือบ ทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่เรามีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขชอบหมอ ด้วยความที่เราเป็นหมอที่เราช่วยเขา แต่เครือข่ายก็ไม่สามารถ ช่วยเราได้ คุณหมอ มองว่า การเมืองต้องทำงานเครือข่ายให้ เข็มแข็ง การทำงานของคุณหมอ นั้น คือ หนึ่ง พยายามขอให้ กลุ่มผู้หญิงช่วย สอง การเป็นพวกกันมาก่อนเราต้องการสร้าง 225
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เครือข่ายผู้หญิงให้เข้มแข็งสุดท้ายมันไม่ใช่ การที่ผู้หญิงสมัคร ส.ส. ถ้าผู้หญิงด้วยกันเลือกเราชนะอยู่แล้ว วธิ ีการหาเสยี ง คุณหมอหาเสียงโดยการขึ้นบ้าน ลงบ้าน เดินทุกบ้าน หมอไม่ใช่คนที่พูดเก่ง แต่สิ่งที่หมอพูดเป็นความจริงที่ปรากฏ ใช้การปราศรัยเป็นหลัก เดินเคาะประตูบ้าน มีหัวคะแนนที่เป็น ผู้สูงอายุ พรรคที่เราลงสมัครก็มาช่วยหาเสียงก็ช่วยได้บ้าง แต่ เวลาที่พรรคมาช่วยหาเสียงจะมารอบสุดท้ายใกล้ๆ จะเลือกตั้ง แล้ว แต่เดี๋ยวนี้ดีหน่อยตอนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งให้เงิน สนับสนุนการหาเสียงของ ส.ส.แต่ละคนมาช่วยเราจัดประชุม ย่อย คุณหมอกล่าวว่า ตอนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ทำงานได้ เยอะมาก พอย้ายพรรคมาอยู่พรรคไทยรักไทยไม่ค่อยได้ทำงาน การเมืองที่ผ่านมากับปัจจุบันแตกต่างมาก อดีตพรรค การเมือง นักการเมืองดีกัน อยู่ในห้องเราพูดคุย ปราศรัยกัน โต้ตอบกัน พอนอกห้องประชุมเราก็ดีกัน แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าเขา โกรธกัน ไม่รู้ว่า เหลือง แดง หรือฟ้า มาตอนนี้เรารู้ว่ามันไม่ใช่ พวกเขาเหล่านั้นเอาจริงกันเหลือเกิน ด้วยความเป็นจริง คณุ หมอมองวา่ เปา้ ประสงคข์ องเราอยทู่ ป่ี ระชาชน เพอ่ื ประชาชน ไม่ว่าเราจะเป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง ก็คือคนของ ประชาชน แต่วันนี้ผลประโยชน์อาจจะมีมากมาย การทำงาน การเมืองเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย 226
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ข้อมลู อน่ื ๆ การเมืองนราธิวาสปัจจุบันนั้น มองว่าชาวบ้านเองยังไม่ ค่อยเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตยทั้งๆ ที่มีหน่วยงานลงมาให้ ความรเู้ รอ่ื งประชาธปิ ไตยมากมาย ทง้ั กกต. สถาบนั พระปกเกลา้ ชาวบ้านก็ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย คุณหมอกล่าวว่า การเมือง ณ วันนี้ยังอยู่ที่ผลประโยชน์เป็นหลัก ตอนนี้ท้องถิ่น มีอิทธิพล มีการวางลูกหลานให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในบางตระกูล ปัจจัยทางการเมืองของจังหวัดนราธิวาสคือเรื่อง เงินกับอิทธิพล การเมือง ณ ปัจจุบันเป็นการช่วยคนที่มีเงิน ช่วยระบบทุนนิยมให้มาเล่นการเมืองมากขึ้น 22. นายรำรี มามะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส 3 สมัย (พ.ศ.2538 พ.ศ.2539 และ พ.ศ.2554) สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ข้อมูลสว่ นบคุ คล นายรำรี มามะ เกิดที่ตำบลตันหยงมัส อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส จบการศึกษาในพื้นที่จนจบชั้นประถม แล้วไปต่อมัธยมที่โรงเรียนจังหวัดนราธิวาส แล้วไปเรียนต่อ อาชวี ะทก่ี รงุ เทพฯ จบ ปวช. แลว้ มาตอ่ ทม่ี หาวทิ ยาลยั รามคำแหง จบรัฐศาสตร์ภาคพิเศษ กลับมาอยู่บ้านก็มาทำงานด้าน การรับเหมาก่อสร้าง นายรำรีกล่าวว่า การทำงานรับเหมา ได้สัมผัสกับท้องถิ่นจึงลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ตอนแรกนั้นไม่ได้ คิดที่จะเล่นการเมือง แต่พรรคพวกก็มาขอให้ลงสมัครสมาชิก สภาจังหวัด (ส.จ.) ก่อนหน้าที่จะมาเป็น ส.จ. ก็เป็นสมาชิกสภา 227
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เทศบาล (สท.) มาก่อน เริ่มเล่นการเมืองตั้งแต่ฐานล่างขึ้น ตั้งแต่ สท. มาเป็น ส.จ. จากการได้คะแนนเสียงที่มากไม่เคย ปรากฏในจังหวัดนราธิวาส 17,000 กว่าเสียงทำให้เป็นที่สนใจ ของการเมืองระดับชาติ ตอนนั้น ตนเองเป็น ส.จ.ได้ปีกว่า การเมืองระดับชาติผู้ใหญ่ก็มาทาบทาม ใจจริงนั้นตนเอง ไม่อยากลงเล่นการเมืองระดับชาติ แต่เพื่อบ้านเมือง ตอนนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีกำลังเลยลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรคู่กับนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ตอนนั้นจังหวัดนราธิวาส แบ่งออกเป็น 2 เขตเลือกตั้ง ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 สมัย อยู่ด้วยกันกับนายสุรเชษฐ์ ทั้ง 3 สมัย เว้นไปประมาณ 7 ปี พรรคพวกกม็ าขอใหช้ ว่ ยลงนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั (นายก อบจ.) เรามีใจรักการเมืองท้องถิ่นอยู่แล้ว ต้องการ พัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญ เมื่อมีโอกาสทำงานให้กับสังคม มีโอกาสทำงานให้กับท้องถิ่นถ้ามีความตั้งใจจริงๆ ถ้าเป็น นายก อบจ. ก็มีรองนายกตั้งหลายตำแหน่งก็แบ่งงานกันทำ ช่วยกันทำ ถ้านายก ตั้งใจจะทำ นายรำรี ก็อยากลงมาทำงาน การเมืองท้องถิ่นตรงนี้แต่ไม่มีโอกาส เลยหยุดไป การเมือง ระดับชาติก็มาถาม ทั้งๆ ที่เขตเลือกตั้งตรงนี้ นายรำรี ยังมี โอกาส ถ้าวิเคราะห์ทางการเมืองก็น่าจะสอบผ่าน เพราะตอนที่ ลงสมัครนายก อบจ.ที่ผ่านมาเขตเลือกตั้งนี้ นายรำรี ก็ยัง สอบผ่าน แต่ตอนนี้ความคิดที่จะเล่นการเมืองระดับชาติหยุด แล้ว อยากลงเล่นการเมืองท้องถิ่นมากกว่า ไม่อยากเป็น ส.ส. ฐานเสยี งและเครือข่ายความสมั พนั ธ์ นายรำรี กล่าวว่า ตนเองเริ่มนึกถึงคำพูดที่ว่า คนเล่น การเมืองแล้วหยุดไม่ได้ ผมเพิ่งเข้าใจว่าคนเล่นการเมืองแล้ว 228
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส หยุดไม่ได้เพราะความผูกพันที่เราเป็นนักการเมืองมาก่อนจะมี มาไม่ขาด ถึงแม้ตอนนี้ นายรำรีไม่ได้เป็นนักการเมืองแต่ความ สัมพันธ์ไม่ขาดตามแต่เราจะช่วยเหลือเขาได้ ตามความ สามารถ ปัจจุบันพี่น้องประชาชนยังมาอยู่ ยังมีเครือข่ายอยู่ ปกติ นายรำรี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ทำดีกับชาวบ้านเพื่อหวัง เป็นนักการเมือง ตอนนี้มีอะไรที่ช่วยเหลือได้เราก็ช่วยเหลือเพื่อ ส่วนรวม นอกจากนี้ยังกล่าวว่าที่พูดว่าเล่นการเมืองแล้วหยุด ไม่ได้ ตนเองยอมรับว่าหยุดไม่ได้จริงๆ กลุ่มผลประโยชน์ที่สนับสนุนให้สมัครสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร นายรำรี กล่าวว่า ตนเองไม่มีกลุ่มผลประโยชน์ หรือ กลุ่มอิทธิพลสนับสนุน ไม่มีกลุ่มผู้รับเหมาสนับสนุน ตนเอง ลงสมัคร ส.ส. โดดๆ วิธีการหาเสยี ง นายรำรี กล่าวว่า สมัยแรกที่ตนเองลงสมัครกับตอนนี้ แตกต่างกันเยอะมาก สมัยแรกคุยเริ่มจากการพูดคุย ว่าไปทำ หน้าที่แทนเขา เราจะไปทำอะไร จะทำอะไรบ้าง แต่เดี๋ยวนี ้ ไม่ได้ถาม นายรำรี กล่าวว่า นักการเมืองทุกคนพูดคุยได้ แต่ พฤติกรรมที่แสดงออกที่ผ่านมานักการเมืองจะปิดไม่ได้ นายรำรี บอกกล่าวพฤติกรรมของตนเองกับชาวบ้านว่าที่ผ่านมา เป็นอย่างไร ชาวบ้านสามารถตรวจสอบได้ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ หลังจากเป็น ส.ส. 3 สมัย พฤติกรรมเคยเรียกอะไรไหม ที่เป็น เรื่องเสียหาย นายรำรี กล่าวว่าตนเองให้เกียรติกับคนที่เลือก ตนเองเข้าไปเป็น ส.ส. จะไม่ทำอะไรให้เสียถึงคนที่เลือก 229
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ขอ้ มูลอื่นๆ ก่อนที่ตนเองจะลงเล่นการเมือง นายรำรีต้องถามทาง ครอบครัวก่อนว่าชอบไหม เห็นด้วยไหม สนับสนุนไหม ก่อนที่ ตนเองจะลงเล่นการเมืองระดับชาติผู้ใหญ่ในพรรคต้องมาถาม ภรรยา ตอนแรกภรรยาไม่ยอม ตนเองก็ไม่ลง แต่ถ้าใครมีความ สามารถที่จะพูดคุยกับภรรยาให้ตนเองลงเล่นการเมืองได้ ภรรยายอมตนเองก็จะลงเล่นการเมือง ถ้าภรรยาไม่ยอม ตนเอง ก็ไม่เล่น นายรำรี เล่นการเมืองด้วยใจรัก ไม่เครียดว่าต้องเป็น นักการเมืองให้ได้ แต่ให้เป็นไปตามจังหวะและโอกาส ไม่ใช่ว่า เราต้องเป็นตลอด ถ้าคิดว่าจะต้องเป็นตลอดตนเองก็ต้องลง ทุกสมัย ได้หรือไม่ได้ ก็ต้องลงสมัครตลอด หลังจากพลาดไป ครั้งเดียวก็หยุดเลย นายรำรี กล่าวว่า การเมืองจังหวัดนราธิวาสปัจจุบัน บอกไม่ได้ว่าเป็นมรดกที่ส่งต่อให้ลูกหลานหรือไม่ ลูกหลานเขา เหล่านั้นมีความสามารถหรือไม่ การเมืองเดี๋ยวนี้ตนเองไม่ได้ บอกว่าลูกหลานเขารับไม่ได้ แต่เขาเหล่านั้นมีความสามารถ ไหม ตนเองไม่ได้ติว่าตระกูลนี้เป็นนักการเมืองตลอดไป แต่ลูก หลานเขามีความเข้าใจชาวบ้านไหม ตนเองอยู่ตรงนี้มากกว่า และไม่ได้ติติงว่าตระกูลนี้เล่นการเมืองตลอด แต่เรามองว่า ตระกูลนี้ทำอะไรเพื่อส่วนรวมบ้าง การเมืองที่ผ่านมากับปัจจุบันต่างกันเยอะมาก นายรำรี กล่าวว่า มุมมองของประชาชนไม่ได้ถามถึงว่าผู้ที่มาอาสา มีความสามารถที่จะทำอะไรให้กับส่วนรวม บอกกันตรงๆ ว่า ถ้าไม่มีเงิน ตอนนี้นักการเมืองก็ยากที่จะเกิด คนดีๆ ที่ตั้งใจ 230
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส จะมาทำงานให้ส่วนรวมถ้าไม่มีเงินก็ลงไม่ได้ ตนเองเสียดาย และพูดตลอดว่า ใครที่จะเล่นการเมืองให้ไปทำความเข้าใจกับ ชาวบ้านเสียก่อน อย่างน้อยคุณรับเงินก็รับไป ไม่ใช่ว่ารับแล้ว ตอ้ งลงคะแนนใหเ้ ขา เราตอ้ งพจิ ารณาอกี ครง้ั วา่ เขาเหมาะสมไหม การเมืองปัจจุบันเปลี่ยนจากเมื่อก่อนมาก ตอนที่ตนเองลงครั้ง แรกไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก จะมีค่าใช้จ่ายเพียงค่าน้ำมันรถ ค่าโปสเตอร์เท่านั้น พอสมัยหลังๆ มันไม่ใช่แบบนั้น มันเปลี่ยน ไปเยอะ มีมากกว่านั้น สถานการณ์บ้านเราตอนนี้ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ตนเอง ไม่สามารถตอบได้ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสดี สามจังหวัดเศรษฐกิจเราดีที่เราสามารถอยู่ได้ขนาดนี้ ถ้าเรา เศรษฐกิจไม่ดีก็น่ากลัว สถานการณ์ลึกๆ นั้น ตนเองตอบไม่ได้ แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งเหมือนหมอรักษาไข้ ไม่ให้หาย เลี้ยงไข้ ก็พูดได้บ้าง ดูๆ เหมือนการเลี้ยงไข้ แต่ว่าเศรษฐกิจเราดี ยางพาราราคาดี เหตุการณ์ต่างๆ จึงไม่แรงมากเฉพาะกลุ่มที่ เขาทำงานอยู่ นายรำรี กล่าวว่า ตนเองอยากจะพูด ถ้าแก้ไขได้ อยากจะพดู หมดเลย พดู แล้วแก้ปัญหาได้ นายรำรี ฝากว่าอย่างน้อยเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของ ทุกคน เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องทำความเข้าใจว่าบ้านเรา เราต้องดูแลกัน ไม่ใช่บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ ให้ใครเข้ามาบริหาร ก็ได้ไม่เป็นไร ไม่ใช่อย่างนั้น คนรุ่นใหม่ต้องทำความเข้าใจกับ การเมืองว่าใครเหมาะสม สมควรที่จะเป็นตัวแทนของเรา รู้ว่า ใครจะมาเป็นผู้บริหารของเราต่อไป 231
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376