Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 39นักการเมืองถิ่นนราธิวาส

39นักการเมืองถิ่นนราธิวาส

Description: เล่มที่39นักการเมืองถิ่นนราธิวาส

Search

Read the Text Version

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า อยากฝากให้สร้างเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้มีความคิด ความอ่านที่มีจิตสาธารณะมากขึ้น ดูตอนนี้คนที่มีจิตสาธารณะน้อยลง ตรงนี้ก็เกี่ยวกับเรื่อง การเมืองและนักการเมืองด้วยเหมือนกันที่มองการเมืองเป็น เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว เห็นแก่ตัว ทำอย่างไรเราจะสร้างเด็ก และเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความรับผิดชอบต่อบ้านเกิดของ ตนเองมากขึ้น มีจิตสาธารณะนึกถึงสังคม ประเทศชาติมากขึ้น ตอนนี้บ้านเราคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้คนโดย ส่วนใหญ่ไม่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และครอบครัว เราต้อง ปลูกฝังและรณรงค์ช่วยกันทุกภาคส่วนให้เด็กและเยาวชน รุ่นใหม่มีความรับผิดชอบ ภาคการศึกษามีความสำคัญมาก ที่สุดที่จะต้องทำในเรื่องนี้ ตอนนี้เราไม่มีวิชาหน้าที่พลเมืองและ ศีลธรรมแล้ว ทำให้ไม่มีใครคิดถึงเรื่องการปลูกฝังเรื่อง จิตสาธารณะ เรื่องระเบียบวินัย เรื่องหน้าที่ของพลเมืองของ ตนเองและผู้อื่น ตอนนี้ถ้ามองว่าถึงขั้นวิกฤตแล้วก็ได้ สมัยก่อน ยังดีกว่าดีมาก ตอนนี้สังคมเปลี่ยนไป จิตสาธารณะ ระเบียบ วินัยในตนเองไม่มี พอไม่มีสิ่งเหล่านี้ อะไรเข้ามากระทบก็ง่าย ในเรื่องเศรษฐกิจสามจังหวัดนราธิวาสไม่น่าเป็นห่วง คนสาม จังหวัดขอให้ขยันอย่างเดียวเป็นพอ แต่ติดตรงที่ประชาชน ไม่ค่อยมีคุณภาพ ก็เพราะเรื่องการศึกษาเป็นหลักทำให้คนใน สามจังหวัดจึงไม่มีจิตสาธารณะ ระเบียบวินัย และหน้าที่ ในตนเองและผู้อื่น อีกอย่างหนึ่งกฎหมายในสามจังหวัดไม่ค่อย เข้มแข็ง และไม่บังคับใช้ และไม่เอาจริงเอาจัง สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้จึงเป็นสังคมอยู่ในลักษณะสบายๆ 282

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ถ้าสร้างได้ ให้สร้างจิตสำนึก ให้เด็กและเยาวชน ประชาชนทุกคน มีจิตสาธารณะ มีความ รับผิดชอบต่อตนเอง และต่อประเทศชาติ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กลุ่มท่ี 2 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตนเองเป็นข้าราชการครูของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันเป็นเขตการเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดนราธิวาส ที่มี นักการเมืองท้องถิ่นเลื่อนระดับตนเองมาสู่นักการเมืองระดับ ชาติหลายคน การลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นบางคนก็ได้รับการ เลือกตั้งและไม่ได้รับการเลือกตั้ง ตามเงื่อนไขทางการเมืองของ แต่ละบุคคลปัจจุบันบุคคลเหล่านั้นที่ได้ผันตัวเองสู่การเมือง ระดับชาติ หรือการเมืองถิ่นของจังหวัดนราธิวาสที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่ออำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มีนายประดิษฐ์ สติรักษ์ ซึ่งเป็นคนอำเภอแว้ง มาลงสมัครรับ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เขตการเลือกตั้งที่ 2 เมื่อก่อนจังหวัดนราธิวาสแบ่ง 2 เขต เขต 1 ก็มีอำเภอเมือง อำเภอศรีสาคร อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ อำเภอรือเสาะ เขต 2 ก็มีอำเภอสุไหงโกลก อำเภอแว้ง อำเภอ สุคิริน อำเภอสุไหงปาดี อำเภอระแงะ นายประดิษฐ์ฯ ก็ลง สมัครผู้แทนในนามพรรคพลังใหม่ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง นายประดิษฐ์ จึงหยุดบทบาททางการเมืองหันไปสนใจในด้าน การศาสนา และต่อมาก็มีนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ (เป็นเพื่อนเรียนรุ่น เดียวกันกับผู้ให้สัมภาษณ์) เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนประถม 283

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จนจบปริญญาตรี นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ลงเล่นการเมือง ครั้งแรกก็เป็นผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้นก็ลงสมัครสมาชิกสภา จังหวัด (ส.จ.) เป็นอยู่ 3 – 4 สมัยนานพอสมควร และเป็น ประธานสมาชิกสภาจังหวัดนราธิวาสด้วย หลังจากนั้นก็ลง สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 2 เขต อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ครั้งแรกนั้นนายสุรเชษฐ์ ลงสมัคร แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ตอนนั้นนายสุรเชษฐ์ สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ลงสมัครครั้งที่ 2 ได้รับการเลือกตั้งประสบ ความสำเร็จ เป็นตัวแทนนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เขต 2 อยู่ 2 - 3 สมัย สังกัดพรรคเดิมคือ พรรคประชาธิปัตย์ นายสุรเชษฐ์ตั้งแต่เริ่มแรกเป็นนักการเมืองถิ่น ก็สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์มาตลอดจนถึงปัจจุบัน นายสุรเชษฐ์ ไม่ได้รับการ เลือกตั้งสมัยที่พรรคไทยรักไทยมาแรง นายสุรเชษฐ์แพ้พรรค ไทยรักไทย หรือพรรคเพื่อไทยปัจจุบัน แต่เนื่องจากนายสุรเชษฐ์ เป็นคณะกรรมการพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีสิทธิทำงานใน คณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน นายสุรเชษฐ์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วย รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า นายสุรเชษฐ์ มีบทบาทความ สัมพันธ์กับชุมชนอย่างดี นายสุรเชษฐ์ได้วางแผนการจัดการ ศึกษาตั้งแต่ก่อนชั้นประถม คือชั้นประถมวัยให้ลกู ชาวบ้าน หรือ ลุกหลานของประชาชนในพื้นที่ พาบุตรหลานมาฝากเรียน ฝากดูแลในโรงเรียน เรียกว่า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทางด้าน ศาสนาก็พาเด็กไปฝากที่ ศูนย์เด็กที่อยู่ในมัสยิด (ศดม.) ทั้ง นายประดิษฐ์ฯ และนายสุรเชษฐ์ ทำหน้าที่เหมือนกันในด้าน 284

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส การศึกษา มีความแตกต่างก็ คือ นายประดิษฐ์ฯ สมัยก่อนนั้น อยู่พรรคพลังใหม่ นโยบายพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังใหม่ นั้นคนละนโยบาย แต่ ทั้งนายประดิษฐ์ฯ และนายสุรเชษฐ์ มุมมองทางด้านการศึกษานั้นเหมือนๆ กัน เพื่อยกระดับให้เด็ก และเยาวชนมีการศึกษา พื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตอนนั้น ด้านการศึกษาอยู่ในระดับที่ชาวบ้านหรือประชาชนในพื้นที่ยัง ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ยังแย่ ประชาชนส่วนใหญ่ของ จังหวัดนราธิวาสตอนนั้นไปประกอบอาชีพที่ประเทศมาเลเซีย พอปัจจุบันเศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาสดีขึ้น คนเหล่านั้น ก็พยายามกลับมาประเทศไทย ตอนนี้คนส่วนใหญ่อยู่ใน ประเทศมาเลเซียมาก และบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ถือสองสัญชาติ เขาเหล่านั้นไปประกอบอาชีพโดยอาศัยหนังสือเดินทางไป เพราะอยู่ใกล้ไปหนึ่งเดือนลงตราประทับครั้งหนึ่ง ไปอีกก็ลง ประทับที่ด่านครั้งหนึ่ง ไม่ได้ถือบัตรประชาชนสองใบตามที่ เข้าใจกัน แต่ก็มีบ้างที่ถือบัตรประชาชนสองใบแต่ไม่ถึง 10 % ส่วนที่ไปก็ไปประกอบอาชีพ เพราะเศรษฐกิจของเรายังไม่ดีเท่า มาเลเซีย ณ วันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ วิธีการหาเสียงของนายสุรเชษฐ์ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า คือ 1. ไปหาเสียงในกลุ่มเครือญาติ ญาติทุกคนช่วย เหลือกัน นายสุรเชษฐ์จะลงเล่นการเมืองก็เรียกญาติทั้งหมดมา รวมญาติ มาบอกเล่าให้เครือญาติฟัง ว่าตอนนี้จะลง สมาชิก สภาจังหวัด (ส.จ.) หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทุกครั้ง จะเรียกเครือญาติมาบอกนโยบาย แล้วกลุ่มเครือญาติจะไป กระจายระหว่างญาติกับญาติในพื้นที่ก็ขยายออกไปต่างพื้นที ่ ที่เขตรับผิดชอบ เครือญาติที่อยู่ที่ประเทศมาเลเซียก็ต้องกลับ 285

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส มาช่วยในวันเลือกตั้งประมาณ 1 สัปดาห์ ญาติจะต้องกลับมา ทุกคน ถ้าถามว่าอยู่ในใจญาติไหม อยู่ในใจ เรื่องได้หรือไม่ได้ นั้นอีกเรื่องหนึ่ง การช่วยเหลือนี้เครือญาติช่วยเหลือด้วยใจ ตอนที่ลง ส.ส. ครั้งแรก ชนะท่วมท้น เพราะญาติทุกคนช่วยกัน ครั้งที่สองก็ช่วยกัน ครั้งที่สามรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงการหา เสียง โดยการอาศัยเงินเข้ามา พอเงินเข้ามาความรู้สึกแตกต่าง กันแล้ว ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งตรงนี้ ณ เดี๋ยวนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ผมก็เป็นห่วงว่าต่อไประบบการเมืองของ ประเทศไทยตรงนี้ถ้าอาศัยเงินเข้ามาจะได้ตัวแทน หรือตัวแทน ของประเทศชาติ หรือตัวแทนของเรา เป็นตัวแทนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณภาพเพราะอาศัยเงินซื้อโดยวิธีการต่างๆ นานา เมื่อ ก่อนนั้นเราอาศัยญาติ พี่น้อง อาศัยเพื่อนฝูงกัน 2 วงการ เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันหลากหลายอาชีพ มานั่งคุย มาขอ มาบอก มาเล่า ว่าถ้าเราเป็น ส.ส. เราจะพัฒนาตรงนั้น ตรงนี้ 3 กลุ่มสตรี เป็นกลุ่มที่ผลักดันให้ได้จุดนี้มากที่สุด เป็นกลุ่มที่ เข้มแข็ง เพราะกลุ่มสตรีถ้าเขารับปากแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าบอกว่ารับ นาย ก. ถ้า นาย ข. นาย ค. มาก็ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นกลุ่มที่เข้มแข็งมาก ไม่ค่อยจะหวั่นไหวเท่าไรไม่เหมือนกับ ผู้ชาย ผู้ชายบางทีอาจจะหวั่นไหวเกี่ยวกับเงินก็ได้ ความ เกรงใจ หรืออาจจะแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับหน้าที่การงาน การหาเสียงของนายสุรเชษฐ์ นั้น ทำ 3 อย่าง คือ 1. ไปเคาะตามประตูบ้านโดยอาศัยญาติ พี่น้อง ไปสู่ลูกหลาน จากหนึ่งไปสอง สองไปสี่ 2. รถแห่ป้ายก็มีทางพรรคสนับสนุนให้ 3. ออกไปทางศาสนา ไปบรรยายธรรม ไปดาวะห์ ทุกมัสยิด ทุก เวลาละหมาด 5 เวลา นายสุรเชษฐ์เคร่งเรื่องศาสนา ไปมัสยิด 286

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส จะขอพูดคุยกับพี่ น้องในมัสยิดหลังละหมาด 10 นาที 15 นาที สั้นๆ พูดให้ประโยชน์กับคนที่มาละหมาดในมัสยิด ผู้นำศาสนา ตอนหาเสียงก็มีนายชวน หลีกภัย มีนายถาวร เสนเนียม นายนิพนธ์ บุญญามณี มาช่วยหาเสียงด้วย นายจุรินทร์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็มาด้วย เมื่อนายสุรเชษฐ์ ได้ตำแหน่งเข้ามา การตอบแทนที่มอง เห็นเป็นรูปธรรม คือการตอบแทนโดยการ 1. สร้างตาดีกา มัสยิดไหนยังไม่มีตาดีกา ก็สร้างขึ้นมา ไม่มีศูนย์พัฒนาเด็กใน มัสยิด ก็จัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กในมัสยิดขึ้นมา นั้นเป็นรูปธรรม เกี่ยวกับศาสนา 2. สนับสนุนการศึกษาระดับประถม ระดับ มัธยมศึกษา เมื่อก่อนให้หนังสือ ช่วยเหลือเกี่ยวกับหนังสือ สื่อต่างๆ 3. ตำแหน่งหน้าที่ การงานของบุคคลที่เหมาะสมจะ ช่วยเหลือสังคม มีความรู้ ความสามารถ นายสุรเชษฐ์ จะดึง เข้ามา เล่นการเมืองท้องถิ่น เช่น นายกองค์การบริหารส่วน ตำบล (อบต.) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นั้นคือเป็นฐานให้นายสุรเชษฐ์ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ของนายสุรเชษฐ์ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น อบต. เพราะเป็นหน่วยงานที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น มีทั้งนายก อบต. ประธาน สภา ที่พอรู้จักอีกคน เป็นคนใหม่ ที่เพิ่งมาตอนที่พรรคไทยรัก ไทยลงพื้นที่ภาคใต้ คือ นายอรรถพล มามะ เป็นเด็กที่เพิ่งจบ ปริญญาตรี ไม่มีคนรู้จักเท่าไหร่ ที่นายอรรถพล มามะ ได้ก็ เพราะพรรคไทยรักไทย ต้องการหาคนลงสมัครรับเลือกตั้งให้ ครบทุกคน ทุกเขต เลยไปชวน นายอรรถพล มามะ มาลงให้ 287

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ครบคู่ พรรคละ 2 คน ทุกเขตในจังหวัดนราธิวาส ตอนนั้น จังหวัดนราธิวาสมี 5 เขต นายอรรถพลฯ จากคนที่ไม่มีชื่อ พรรคไทยรักไทยร่วมกับพรรคความหวังใหม่มาช่วยหาเสียงใน พื้นที่รัฐมนตรี วันมูหมัดนอร์ มะทา ลงมาช่วยหาเสียงด้วย ส่วนตัวนายวันนอร์ฯ ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบันก็ยังมีอิทธิพลอยู่ใน เรื่องการเมือง เพราะนายวันนอร์ฯ เป็นคนดีคนหนึ่ง ยังได้รับ การยอมรับจากคนในพื้นที่อยู่ การแข่งขันในพื้นที่ก็มี 2 พรรค ใหญ่ พรรคไทยรักไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของจังหวัดนราธิวาสนั้น ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ต้องมีการเปลี่ยนจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่ คนอีกรุ่นหนึ่ง ตามยุค ตามกาลสมัย ตามเวลา แน่นอนต้อง เปลี่ยนแปลง แต่เดิมจากเครือญาติเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้เงิน การเลือกตั้งต้องมีเงิน ถ้าไม่มีเงิน ไม่มีงบประมาณจะมาใช้จ่าย ตรงนี้ โอกาสที่จะชนะยาก การสร้างผลงานที่ผ่านมา ตรงนั้น เป็นภาพรวม มาแพ้เงินที่ให้แลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เมื่อก่อน ครั้งหลังสุด เงิน 500 - 300 บาท มีค่าสำหรับชาวบ้าน เขาแจก กันทุกคนโดยวิธีการต่างๆ นานา มาในรูปแบบศาสนาบ้าง เช่น ช่วยทำมัสยิด ทำสุเหร่า ช่วยทำโรงเรียน ช่วยทำตาดีกา มาใน รูปสาธารณูปโภคพัฒนาสร้างเขื่อน พัฒนาสร้างถนนในหมู่บ้าน พัฒนาเกี่ยวกับการทำฝายน้ำล้นเกี่ยวการทำนา ชลประทาน พอเงินเข้ามาระบบเก่าแพ้ เมื่อก่อนหน้านี้เงินเข้ามาลำบาก แต่วันนี้ถ้ามาให้ 500 - 600 บาท เขาไม่กิน ต้องเป็น 1,000 บาท เมื่อก่อน 200 - 300 บาท ขณะญาติก็ต้องไปด้วยอำนาจเงิน คนที่ไม่มีสัจจะ ไม่มีคุณธรรมไปแน่ แต่ถ้าคนที่มีสัจจะ มีญาติ พี่น้อง เห็นแก่สังคมที่เขาสร้างมา เขาก็ไม่ไป กลุ่มคนที่จะไปคือ 288

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส กลุ่มคนส่วนกลาง คนมีเงินเขาไม่กิน หัวคะแนนต่างๆ ไม่กล้าที่ จะไปจ่าย ถ้าเขารับต้องจ่ายมากเรือนหมื่น เรือนแสน แล้วถาม ว่าคุณมีกี่คน ญาติพี่น้อง ผมให้ สามหมื่นบาท หัวคะแนนยาก ที่จะทำเพราะ กกต. มีแมวมองอยู่ แต่ที่ไปกระซิบคนส่วนกลาง คนลำบาก ไปกระซิบกินน้ำชา ดูแลค่าน้ำชา กินกาแฟ ถ้วยเดียว 100 บาท เสร็จเงินทอนไม่รับใส่กระเป๋าให้กลับบ้าน ลักษณะอย่างนี้ไปแน่ การเมืองต้องเปลี่ยนแปลง มีการเบี่ยง เบนแน่นอน การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมี อิทธิพลพอสมควร ที่แพ้ตอนนั้น ไม่ได้แพ้ทุกเขต นักการเมือง ถิ่นจังหวัดนราธิวาสดั้งเดิมก็เป็นคนมาจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพื้นที่ของประชาธิปัตย์มาตั้งแต่อดีต เพิ่งมาแตกหน่อที่หลัง ถ้าสมัยหน้ามีการเลือกตั้งมีการแบ่งเขตตามรัฐธรรมนูญใหม่ พรรคประชาธิปัตย์เขต 2 ก็มีโอกาสอีกเหมือนกัน ปัจจุบันคนที่ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนคนปัจจุบัน ไม่เคยมาในพื้นที่ เราไม่รู้จัก รูปร่าง หน้าตาเป็นอย่างไร ไม่เคยมาให้เห็นหน้า ในวงการ ศึกษา อำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโกลก ก็พูด ส.ส. คนปัจจุบันเป็น เด็กใหม่เพิ่งจบปริญญาตรี มุมมองทางด้านการศึกษาก็ไม่ได้ทำ อะไรเป็นรูป เป็นร่างที่จะมาช่วยประชาชนในพื้นที่ที่ตนเองเป็น ส.ส. แม้กระทั่งละหมาดวันศุกร์ก็ไม่เห็นมาในพื้นที่อำเภอแว้ง พื้นที่อื่น ผมไม่ทราบ ที่นี้ประชาชนจะได้ชั่งน้ำหนักระหว่าง คนเก่ากับคนใหม่ คนใกล้กับคนไกล คนมีเงินกับคนที่อาศัยเป็น ตัวแทนด้วยวิญญาณ ตัวแทนที่ทำงานด้วยไม่มีเงิน มองว่า ทั้งตัวพรรค และตัวบุคคลยังมีความสัมพันธ์กันในการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสในพื้นที่มาก ถ้าเลือกคนที่มี 289

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส คุณภาพ คุณวุฒิ วัยวุฒิ ก็มีโอกาสที่จะมาแข่งกับพรรคปัจจุบัน นี้ได้ สถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ให้ข้อมูล สำคัญ กล่าวว่า มองภาพรวม ณ วันนี้ว่า จะยุติลง จบลง หรือ ลดน้อยลง มันยากนะ เพียงแต่ทุเลาถ้าเป็นโรคก็เพียงแต่ทุเลา เป็นจุดๆ ไม่ใช่ทุกพื้นที่ เป็นจุดๆ เป็นบางอำเภอบางจุด 1. การ ทำงานของรัฐบาล การเข้าถึงของรัฐบาลไม่เข้าถึงประชาชน อย่างแก่นแท้ 2. ข้าราชการเบื้องบนหรือระดับสูง ไม่ค่อยลงมา ในพื้นที่ มาก็เป็นตัวแทน ไม่ศึกษาถึงสาเหตุให้ละเอียดกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัด เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ปัญหาตากใบ ปัญหากรือเซะ ความละเอียดอ่อนของปัญหา มันมีอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ลงมาไม่ได้ศึกษาเรื่อง ขนบธรรมเนียม ท้องถิ่น ต้องศึกษาขนบธรรมเนียมคนในพื้นที่ ยกตัวอย่างว่า การเข้าบ้านชาวบ้านไม่ได้ถอดรองเท้า เรื่องนี้สำคัญ การถอด รองเท้าเป็นการแสดงความเคารพ การขึ้นมัสยิด หรือบาลาเซาะ ก็ดี ถ้าจะประชุมชาวบ้านต้องบอกโต๊ะอิหม่าน หรือ คณะกรรมการมัสยิดล่วงหน้า ว่าวันนี้ขอเวลาสัก 10 – 15 นาที ต้องบอกก่อน ไม่ใช่บอกหลังละหมาดขอเวลา 10 นาที ยกตัวอย่างวันศุกร์บอกว่าหลังละหมาด ขอเวลา 10 นาที เจ้าหน้าที่จะมาพบปะประชาชน มาพูดคุย คุณไม่รู้ว่าชาวบ้าน ตัดยาง ตื่นตั้งแต่ตี 2 กลับมาถึงบ้าน 11 โมงเช้าก็หิวแล้ว แต่ที่นี้ยอมหิวเพื่อไปประกอบพิธีศาสนา ละหมาดก่อน พอเสร็จ แล้วจึงกลับมากินข้าว มาพักผ่อน ถ้าศึกษาให้ดี เข้าใจ วันศุกร์ก่อนละหมาด 11 โมง หรือ 11โมงครึ่ง ทหารหรือตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ราชการ อำเภอ ผู้ว่าจะมาพบปะมาบอกก่อน 290

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส แน่นอนประชาชนมาเต็ม และมาฟังอย่างตั้งใจด้วย เพราะ ชาวบ้านต้องมามัสยิดอยู่แล้วเพียงแต่ให้บอกก่อน ถ้าหลังจาก ละหมาด ชาวบ้านต้องรีบกลับบ้านเพราะเขาหิว อยากพักผ่อน เพราะต้องตื่นตัดยาง ตี 2 -3 ด้านการศึกษา เมื่อเราต้องการ ให้การศึกษาคนในพื้นที่ เราต้องศึกษาว่าคนในพื้นที่ต้องการ อะไร เช่น การศึกษาในปัจจุบันให้มา แต่ไม่ได้ศึกษาว่าคนพื้นที่ ตอ้ งการอะไร เมอ่ื เขาไมต่ อ้ งการ ทำอยา่ งไรเขากไ็ มเ่ อา เขาไมร่ บั ต้องศึกษาเขาก่อน ว่าคนในพื้นที่ต้องการอะไร เมื่อรู้ว่าเขา ต้องการอะไรเรา ความเป็นไปได้เราจึงให้กับเขา แน่นอนเขา ต้องยอมรับ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เหมือนกันเพราะเหตุการณ์ ที่เป็นแบบนี้ 1. คนของเรา เจ้าหน้าที่ของเราไม่ได้ศึกษาเลย ของเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าไม่เป็นไร ไม่ได้ ภาษาที่พูดก็เหมือนกัน ความเข้าใจทางภาษาพูดทางอีสานกับภาษาท้องถิ่นใต้ บางคำ ไปคนละทิศกันเลย ยกตัวอย่าง ชาวบ้านมาถึงด่านตรวจ ทหารถามว่าในกระเป๋ามีอะไร ชาวบ้านตอบเป็นภาษาท้องถิ่น ใต้ว่า “หย่ายุ่ง” (ยากันยุง) ทหารก็ถามอีกว่ามีอะไรในกระเป๋า แกก็ตอบอีกว่า “หย่ายุ่ง” ทางเจ้าหน้าที่ทหารก็โกรธ ทหารที่ตั้ง ด่านไม่ใช่คนในพื้นที่ไม่รู้ภาษาใต้หรือภาษาถิ่นบ้านเราว่า “หย่ายุ่ง” คือ “ยากันยุง” นี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แล้ว ยิ่งมาเจอภาษามลายูก็ไปกันใหญ่ เรื่องภาษาต้องศึกษาให้ดี ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้) ต้องอบรมทหารเหล่านี้ที่มาจากภาคอีสานก็ดี ภาคกลางก็ดีมา อบรมให้รู้ประเพณี วัฒนธรรมตรงนี้ และศึกษาภาษาเบื้องต้น พื้นฐาน เช่น ไปไหนมา กินข้าว อาบน้ำ ซื้อขนม ต้องเป็นการ ทักทาย สวัสดี สลาม ต้องให้ถูก ถ้าเดินๆ อยู่ ให้สลามไม่มีใคร 291

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส รับ เพราะว่าไม่รับแขก เช่น การไปที่บ้าน พอถึงหน้าบ้าน เข้าบ้านอย่าเพิ่งนั่งให้สลามก่อน ถ้านั่งแล้วให้สลามก็ไม่ใช่ การสลามต้องให้ถึงที่ใกล้ตัว และต้องดูหน้ากัน การสลามต้อง หยุดนิ่ง ไม่หันซ้าย หันขวา เพราะจะเป็นการไม่ให้เกียรติกัน เรื่องเหล่านี้ที่พูด ศอ.บต. รู้ ผมก็เคยพูดเหมือนกัน เรื่องความ เป็นอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ที่จะนั่งดื่มเหล้า ในพื้นที่เขต มุสลิม ในชุมชนไม่ได้ เพราะคุณสอนลกู หลานเขา ถ้าสถานการณ์ไม่ยุติลงรุ่นเรา รัฐบาลไม่แก้ไข รุ่นลูก หลานเราต้องช่วยกันในครอบครัวในชุมชน ดูแลกันเอง ความ หวาดระแวงซึ่งกันและกันจะมีสูง รัฐบาล คนกลางต้องเข้ามา แก้ปัญหาโดยเร็ว ถ้าชักช้า ก็จะเป็นแบบนี้ คนแปลกหน้าเข้ามา ในชุมชนเขารู้เลยนะทุกวันนี้ ส.ส.ที่ลงช่วยก็มี แต่เบื้องบน ไม่ลงมา ความเชื่อถือก็ไม่มี การลงพื้นที่ต้องเป็นระดับรัฐมนตรี มาพูด มายืนยัน มารับรอง หรือ ส.ส. ที่เป็นระดับแกนนำของ พรรคมาบอก มาเล่า มาให้ความรู้ พอเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ก็ให้ค่าตอบแทน เงินเท่านั้น บางทีมันไม่คุ้ม งบประมาณที่ลง มาก็มีผลดีกับตัวเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ อย่างเรื่อง ค่าเสี่ยงภัย ฯลฯ แต่พอดูให้ดีๆ งบประมาณที่ลงมานั้นกระจุก มันไม่ กระจาย ไม่ลงถึงข้างล่างก็มี ตกแค่จังหวัด แค่อำเภอเท่านั้น การตรวจสอบก็มีน้อยเพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากส่วนกลาง กไ็ มก่ ลา้ ลงมาตรวจ พอมาถงึ อบต.กเ็ หลอื แค่ 10 % งบประมาณ ที่ส่งมาค้างอยู่ที่จังหวัด ค้างอยู่ที่อำเภอ งบประมาณที่จะมา ทำงานใหญ่ก็ไม่ได้ ได้เพียงซื้อลูกเป็ด ลูกไก่เท่านั้น การเยียวยา ของรัฐบาลตอนนี้ก็ยังไม่ถูกทาง เพราะการเยียวยาตรงนี้รักษา เฉพาะคนไข้ จริงๆ แล้ว การเยียวยาต้องรักษาทั้งระบบ 292

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จากระบบลงสู่คนเจ็บ คนไข้ มาลงลึกอีกคนเจ็บบ้านนี้กี่คน เจ็บอะไรถ้าต้องการรักษาจะรักษาอะไร ชาวบ้านจะยอมรับ รักษาแล้วต้องให้ขวัญและกำลังใจด้วย เช่น ผมเป็นคนเจ็บ พี่น้องแฟนผมไม่เจ็บ แต่ต้องให้ขวัญกับเขาเพราะครอบครัว เขาหวาดระแวงว่าอะไรเกิดขึ้น ถ้าคนยังมีความหวาดระแวงทำ อย่างไรก็ไม่มีความสุข อยู่ไม่ปกติสุข ต้องทำระบบนี้ให้ได้ เพราะคนในจังหวัดนราธิวาสได้รับผลกระทบทุกคน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ฝากให้เยาวชนมีการศึกษาให้ทั่วหน้า กัน ถ้าจบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรืออนุปริญญา คงไม่ เพียงพอกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ฝากให้เยาวชนห่างไกลจาก ยาเสพติด สิ่งที่ไม่ดี พวกเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ ก็มาจากทางนักการเมืองบางคน เหตุการณ์บ้าง อยากให้เยาวชนมองวิสัยทัศน์ในอนาคตว่าต่อ ไปเราจะหยุดอยู่ตรงไหนเพื่อให้บ้านเมืองประเทศชาติของเรา นั้นจะสงบสุข ร่มเย็น ปรึกษาหารือกับทางราชการ รัฐบาลว่า ตัวแทนที่จะเป็น ส.ส. หรือ ส.จ. ปรึกษาหารือให้เบื้องบนมา ดูแลเยาวชนในเรื่องยาเสพติด คนที่เป็นแล้วก็แก้ไข คนที่ยังไม่ เป็นเราต้องป้องกัน ให้มีความรู้ ให้เรียนได้เต็มที เรื่องฟรีก็ดีแล้ว รัฐบาลก็ดูแลให้เต็มที่อย่ามอบให้ทำครึ่งๆ กลางๆ ในพื้นที่ บางเรื่องที่รัฐบาลมอบหมายยังไม่ถึงพื้นที่ หรือโรงเรียน พวกสื่อ การเรียน การสอนต่างๆ ผมคิดว่าถ้าเยาวชนเรามีการศึกษา การพัฒนาหลายๆ เรื่องจะดีขึ้น ฝากถึงรัฐบาล รัฐบาลต้องดูแล ประชาชนให้มีความสุข ขอให้รัฐบาลดูและขอให้ มองสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นระบบมากขึ้น อย่ามองเป็นกระจุก สร้างระบบสวัสดิการแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มาก ให้รัฐบาล 293

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ตระหนักถึงการศึกษาของเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ให้มากๆ ถ้ารัฐบาลตระหนักถึงการศึกษา และสวัสดิการ ต่างๆ ดี เหตุการณ์ต่างๆ ก็ดีขึ้น ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กลุ่มที่ 3 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตนเองเป็นข้าราชการสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาของจังหวัดนราธิวาส เป็นคน ดั้งเดิมของจังหวัดนราธิวาส โต และเรียนหนังสือในจังหวัด นราธิวาสจนจบชั้นมัธยม และไปต่อการศึกษาระดับปริญญา ที่กรุงเทพฯ และเป็นผู้ที่ติดตามนักการเมืองถิ่น (หัวคะแนน) เห็นภาพการเมืองถิ่นและนักการเมืองถิ่นของจังหวัดนราธิวาส มาหลายคน หลายสมัย เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนนั้นการเมือง จังหวัดนราธิวาส เรื่องของชนชาตินั้นไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง สมัย แรกๆ พ.ศ. 2500 ขึ้นมาจนถึง พ.ศ. 2522 จะมีกลุ่มนักการเมือง กลุ่มใหญ่ๆ มีการผูกขาด เมื่อใครได้จะอยู่หลายๆ สมัย และก็ เป็นคนไทยพุทธและได้หลายๆ สมัยติดกัน แต่พอมาระยะหลัง พ.ศ. 2522 การเมืองท้องถิ่นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในเชิงการเมือง ทางศาสนามากขึ้น การหาเสียงจะนำเรื่องศาสนามาแบ่งความ เป็นเชื้อชาติ พอระยะหลังการได้นักการเมืองจึงเป็นสัดส่วนของ มุสลิมเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นใน พ.ศ. 2530 เป็นการพัฒนาทาง การเมืองระหว่างผู้ที่ลงสมัครระหว่างไทยพุทธ กับมุสลิมสลับขั้ว กันบ้าง พอมาระยะหลัง พ.ศ. 2530 จะเป็นมุสลิมทั้งหมด ด้วย วัฒนธรรมตรงนี้เป็นการนำศาสนาเข้ามาหาเสียง เป็นการนำ กฎกติกาทางศาสนามาช่วยในการหาเสียงเพื่อให้ได้คนกลุ่ม ของตนเองมากขึ้นตรงนี้มีความชัดเจน ตนเองได้รับทราบจาก การไปฟังการหาเสียงของผู้นำท้องถิ่น เพื่อแบ่งการลงคะแนนให้ 294

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ชัดเจนมุสลิมต้องลงให้มุสลิม ขณะเดียวกันการลงคะแนนของ คนไทยพุทธในระยะหลังไม่เป็นหนึ่ง แทนที่จะลงสมัครคนเดียว กับลงสมัคร 2-3 คน เสียงก็แตก ส่วนของประชาชนที่นับถือ ศาสนาอิสลาม 85 % อยู่แล้ว จึงเห็นชัดในการนำศาสนานำ เอากฎเกณฑ์ทางศาสนามาชี้นำทางการเมือง นำคนหมู่มากมา เป็นตัวนำตรงนี้เห็นชัดเลย ตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ผู้นำที่ได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นมุสลิมเกือบ 100% จะมีคนไทย พุทธบ้างก็เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นเพราะตนเองมีอำนาจ ทางการเงินมาก นี้คือกลุ่มทางการเมือง ส่วนเรื่องของพรรคนั้น ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ระยะ กลางตรงนั้น สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยอมรับว่าเรื่องของ พรรคก็มีผลเหมือนกัน เช่น พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นกระแส ที่ทำให้เกิดการยอมรับ บางกระแสก็ไม่ยอมรับเลย การเมืองก็มี ลักษณะพลิกกันไปพลิกกันมา แต่ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ เข้ามาเป็น ส.ส.มากทีเดียว ในจังหวัดนราธิวาส พอมาระยะ หลังก็เริ่มกระจายพรรค พอมาล่าสุดก็กระจายพรรคผู้ที่ได้รับ การเลือกตั้งก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้งมีการแข่งขันสูงบางทีคู่แข่ง ไม่ได้ แต่มีตาอยู่มาคว้าเอาไป ก็มีอยู่กรณีหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่าน มา ที่เขตอำเภอสุไหงโกลก อำเภอตากใบ คู่แข่งได้แล้วพอได้ แล้วถูกใบแดง ก็ต้องยกเลิก พอเลือกใหม่แทนที่จะได้อีกฝ่าย หนึ่งกลับไม่ได้ ไปได้คนที่ไม่มีชื่อเสียงมา ตรงนี้ก็เป็นรูปแบบ การเมืองอีกแบบหนึ่งที่ได้คนที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ เพียงพอ แต่ได้ด้วยเงื่อนไขการเอาชนะของอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ที่ต้องการเอาชนะ พอสุดท้ายประชาชนก็เห็นว่าได้ ส.ส.ที่ไม่มี คุณภาพมาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถที่จะมาช่วย 295

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส พัฒนางานได้อย่างแท้จริง ล่าสุดมีการเมืองท้องถิ่นเป็นปัจจัย บวกมากที่นำไปสู่การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสโดยมาจาก การเมืองท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรงนั้นอยู่ในกลุ่มมากก็ส่ง ผลถึงนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสด้วย ล่าสุดจะเห็นว่า (ขออนุญาตเอ่ยนามท่านนายก อบจ.) ท่านกูเฮง ก็มีบุตรชาย ได้รับเลือกเป็น ส.ส. ทั้งเขต 1 เขต 2 เขต 3 ทำให้เห็นว่าระยะ หลังนี้ไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนถ้าการเมืองท้องถิ่นแข็งแรงก็จะได้ คนในทายาทของการเมืองท้องถิ่นมาเป็น ส.ส. ของจังหวัด นราธิวาส เช่นทุกวันนี้เป็นทายาทของสองสมัยแล้ว เพราะเขามี ความเข้มแข็งผูกพันกับการเมืองท้องถิ่น ทางเครือญาติ ทาง ครอบครัว การเมืองท้องถิ่นที่เขาอยู่ก็เพิ่มสมัยขึ้นมาทำให้ การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสเข้มแข็งขึ้นมา ไม่เกี่ยวว่าบุคคลนั้น จะอยู่พรรคไหน ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคไหน ตอนนี้อยู่ที่ตัวบุคคลไม่ได้เลือกพรรคแล้ว การเมืองจังหวัด นราธิวาสถานก็มีคู่แข่งทางการศึกษาเข้ามาบ้างคือคนที่อยู่ใน สายการศึกษา จะเห็นว่าคนที่อยู่ทางการศึกษาจะไม่เข้าเล่น การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสเลย แต่ระยะหลังจะมีคนในวงการ ศึกษาเข้ามาบ้างแต่ก็สู้ไม่ได้ ยกเว้นสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นคน ทางการศึกษาเข้ามาก็ได้ผลเพราะคนทางการศึกษามีลูกศิษย์ มาก เพราะการเลือก ส.ว. เลือกทั้งจังหวัดเลยได้รับการคัดเลือก เป็น ส.ว. คนทางการศึกษาจะไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. แต่จะได้ รับเลือกเป็น ส.ว. นี้คือเรื่องที่แปลกของจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี ก็เช่นกันคนที่เป็น ส.ว.คือคนทางการศึกษา ผู้ได้ รับอนุญาตโรงเรียนได้รับเลือกเป็น ส.ว. ทั้งสองโรงเรียน 296

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส บทบาทหน้าที่และความสัมพันธ์ของนักการเมือง ผู้ให้ ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตรงนี้พูดได้หลายมิติ เพราะหลายรัฐบาล เ พ ร า ะ แ ต ่ ล ะ ร ั ฐ บ า ล บ ท บ า ท ห น ้ า ท ี ่ จ ะ ส อ ด แ ท ร ก ใ ห ้ ก ั บ นักการเมืองท้องถิ่นจะแตกต่างกัน บางรัฐบาลก็ให้อำนาจ เช่น ส.ส.มีจำนวนอยู่เท่านั้น มีงบประมาณกี่ล้าน ให้ ส.ส.มาดูแล ช่วงนั้นจะเห็นว่าทำงานดีมาก ส.ส.จะเข้ามาดูแลกำกับงาน เกือบทุกงานในจังหวัด มาดูแลว่ามีงบประมาณอยู่เท่าไหร่ ส.ส.จะให้ได้เท่าไหร่ ตนเองคิดว่าเป็นแนวทางของรัฐบาลในแต่ ยุคสมัยให้บทบาท อำนาจ ส.ส. ในการลงพื้นที่เกี่ยวกับเรื่องงบ ประมาณ แต่ก็ไม่เสมอไป บางยุคของรัฐบาล ส.ส. แทบจะไม่มี บทบาทในท้องถิ่นเลย ไม่ได้มากำกับดูแลเลยแค่กำหนด กฎหมาย ระเบียบและนโยบายในสภาอย่างเดียว แล้วกลับมา เยี่ยมพื้นที่ มาดูแลพื้นที่เฉพาะตอนที่มีปัญหาโดยเฉพาะสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส.ส.แทบจะไม่มีบทบาทโดยตรงในการ มาแก้ปัญหาเรื่องความไม่สงบเลย ไม่เห็น ส.ส.มาเป็นผู้ชี้นำ เป็นแกนนำ ช่วยให้ความไม่สงบในจังหวัดนราธิวาสลดลงเลย ตรงนี้ต้องยอมรับว่า ส.ส.ไม่ได้ทำหน้าที่ หรืออาจะเป็นเพราะ ไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของ ส.ส. ก็ได้ แต่มุมมองของประชาชน ทั่วไป เมื่อเป็นผู้แทนของประชาชนแล้วน่าจะกล้านำที่จะมี บทบาทเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัด นราธิวาส หรือในสามจังหวัดที่เกิดปัญหาทุกวันนี้ ส่วนเรื่องการ ทำหน้าที่ในสภาของจังหวัดนราธิวาสก็มีบ้างที่ถูกกำหนดให้เป็น บุคคลที่พูดในสภาแต่ก็น้อยครั้งมากเมื่อเทียบกัน ส.ส. จังหวัด อื่นๆ ถ้ามีเรื่องพูดก็เกี่ยวกับศาสนาและความไม่สงบเท่านั้นที่ ส.ส. จังหวัดนราธิวาสที่เข้ามาพูดคุยในสภา เรื่องอื่นๆ แทบไม่มี บทบาท ไม่มีเลย เมื่อเทียบกับ ส.ส.ในจังหวัดอื่น 297

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส กลุ่มผลประโยชน์ที่สนับสนุน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า เรื่องกลุ่มผลประโยชน์ตรงนี้ก็ยังมีอยู่ในเรื่องการเมืองท้องถิ่น ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มนี้ก็ยังมีผลประโยชน์อยู่กลุ่มเหล่านี้เข้ามามี อิทธิพลสู่การเมืองท้องถิ่น มีอิทธิพลต่อกลุ่ม ส.ส. ค่อนข้างจะ มากทีเดียว จะเห็นว่าในช่วงฤดูหาเสียงจะปรากฏเด่นชัดว่า คนนี้อยู่ในกลุ่มสายไหน กับพรรคไหนนามของ ส.ส. เชื่อว่า กลุ่มผลประโยชน์จะมีสอดแทรกอยู่ในการเมืองท้องถิ่นไม่ว่าจะ เป็นระดับ อบจ. อบต. หรือระดับเทศบาล มีเข้ามาเกี่ยวข้อง แน่นอน และสำคัญด้วยมีผลว่าจะได้คะแนนมากหรือน้อย เพราะหัวคะแนนของ ส.ส.จะเชื่อมโยงไปสู่การเมืองท้องถิ่น ในขณะเดียวกันเมื่อมีการเลือก ส.ส. การเมืองท้องถิ่นมีบทบาท เชื่อมโยงที่จะให้ ส.ส. ได้หรือไม่ได้เช่นเดียวกัน มีความผูกพัน กันอยู่ในเรื่องผลประโยชน์ของการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองถิ่น เกี่ยวกับผลประโยชน์อื่นในทางเศรษฐกิจ ทางทำมาหากินตรงนี้ เห็นไม่ชัดว่า ส.ส.มีบทบาทอะไรบ้าง ยกเว้นบาง ส.ส. เท่านั้น ที่รับเรื่องราวความเดือดร้อนของพี่น้อง ประชาชนนำมาสู่การ ติดต่อทางราชการเพื่อขอแก้ปัญหาก็จะมี 2 ระดับ คือการ แก้ปัญหานั้นเพื่อความเป็นกลาง ก็มีมากกลุ่มประโยชน์ของ ส.ส.เป็นแกนที่จะช่วยชาวบ้านมาติดต่อทางราชการเพื่อที่จะ แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งเรื่องการแก้ ผลประโยชน์ตรงนั้นเพื่อพรรคพวกของตนเอง เมื่อตนเองได้ ก็อยากให้พรรคพวกตนเองได้บ้าง เช่น การรับเหมาต้องการให้ พวกตนเองได้รับผลประโยชน์ตรงนั้น บทบาทของพรรคการเมือง ณ ปัจจุบันของจังหวัด นราธิวาส ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า วิวัฒนาการของบทบาท 298

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส พ ร ร ค ก า ร เ ม ื อ ง ถู ก เ ป ล ี ่ ย น ไ ป แ ล ้ ว ใ น เ ร ื ่ อ ง ข อ ง บ ท บ า ท พรรคการเมือง ตัวปัจจัยเรื่องเงินมีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ความ เข้มแข็งของพรรคในท้องถิ่นดีหรือไม่ดี ได้ยินว่าพรรคนั้น สนับสนุนให้กี่ล้าน พรรคนี้สนับสนุนให้กี่ล้าน ฟังดูว่า ส.ส. จะขายตัวก็ไม่ใช่ แต่ก็ดูผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง พรรคที่เข้ามาที่ เข้ามากำกับพรรคไหนให้มาก พรรคไหนให้น้อยจึงมีการเปลี่ยน พรรคอยู่บ้างสำหรับ ส.ส.ในจังหวัดนราธิวาสดูผลประโยชน์ของ พรรคใหญ่ที่จะลงมาให้ในการหาเสียง แต่ไม่ได้รับคัดเลือกผลที่ ที่ได้รับผลประโยชน์มาเป็นคู่แข่งมาให้ในการหาเสียงของอีก พรรคก็มีแต่ไม่ได้รับคัดเลือก นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสมีวิธีการหาเสียง ไม่แตกต่างกัน เหมือนกันทุกพรรค คือ ใช้คนในถิ่น วิธีการ หาเสียงก็เหมือนกันถ้าจะให้ได้เสียงมากก็ต้องใช้หลักศาสนา มาเป็นจุดนำในการหาเสียงทุกพรรคใช้เหมือนกัน ไปตามมัสยิด ไปตามที่ชุมนุมต่างๆ โรงเรียนในระดับมัธยมปลายไปตามที่รัฐ ไม่ได้กำหนดให้ แล้วแต่ว่าพรรคไหนจะเข้าที่ไหนได้หรือไม่ได้ จะมีเขตอยู่แต่วิธีการหาเสียงไม่แตกต่างกัน ยุทธศาสตร์ในการ หาเสียงอีกรูปแบบหนึ่งในเดือนถือศีลอดคือ การไปมัสยิดแจก น้ำตาล อาหาร ข้าวสารต่างๆ เป็นการใช้ศาสนานำในการ หาเสียงเป็นกิจกรรมหนึ่งทางศาสนาที่จะช่วยให้ ส.ส. ช่วยใน การหาเสียงด้วย พอองค์กรศาสนาจัดกิจกรรมทางพรรคก็จะเข้า มาช่วยในเรื่องบริจาคต่างๆ ที่จะเป็นคะแนน ทุกกลุ่มกิจกรรม ทางศาสนาจะเข้ามาสนับสนุนและทำตลอดปี นักการเมืองจะ เข้าหาผู้นำศาสนาที่มัสยิดที่มีการละหมาดทุกวันศุกร์ผู้นำ ศาสนาจะช่วยในการหาเสียงอีกแรงหนึ่ง ผู้นำศาสนาจะได้รับ 299

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เอื้อเฟื้อ ดูแลจากนักการเมือง ค่อนข้างจะมาก อุตตาส คือ ผู้สอนศาสนาก็จะถูกเข้ามาดูแลด้วย ถ้าผู้นำศาสนาพูดอย่างไร ลูกศิษย์ก็ต้องเชื่อ ณ วันนี้ในการหาเสียงผู้นำศาสนาก็ถูกแบ่ง ออกเป็นกลุ่มๆ เหมือนกัน อยู่ที่นักการเมืองจะควบคุมเป็น พรรคไหน เริ่มการแบ่งขั้ว เมื่อก่อนหาเสียงกันได้หมด เดี๋ยวนี้ ผู้นำศาสนาคนนี้จะอยู่ในสายไหนพรรคไหน ส.ส.คนไหน เริ่มเห็นชัดขึ้น การหาเสียงในปัจจุบันนี้ต้องลงทุนอย่างมาก เดี๋ยวนี้มีการร้องขอกับนักการเมืองมากขึ้น นักการเมืองก็ต้องให้ เพื่อคะแนนเสียงของตน อย่างเช่นการจัดงาน เมาลิดก็มี นักการเมืองเอาของมาให้ ตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่นักการเมือง ต้องลงทุนในการหาเสียง การเมืองจังหวัดนราธิวาสที่อยากเห็น ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า อันดับแรกที่ต้องการคือความคาดหวังให้พี่น้อง ประชาชนของเรามีจิตสำนึกในเรื่องของการเมืองที่มีจิตสำนึกที่ ดีทางการเมือง เป็นหน้าที่ทางการศึกษาที่ต้องให้ความรู้กับ พี่น้องประชาชน ต้องเข้าใจหลักอย่างหนึ่งว่าว่าความคิด ความเชื่อของประชาชนมาจากผู้นำทางศาสนา เขาเชื่อผู้นำ ผู้นำบอกอย่างไรเขาเชื่อ เขาทำตาม ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็น ห่วงเพราะการเชื่อนั้นพอมาเกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะ การเมืองต้องเลือกนักการเมืองที่ดี ไม่ใช่เลือกไปตามความเชื่อ อยากเห็นการเลือกผู้แทนจังหวัดนราธิวาสให้เลือกจากจิตสำนึก ที่แท้จริงของประชาชนต้องเลือกคนดี ที่ผ่านมาเลือกพวกพ้อง เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้ามีพวกพ้องในระบบมุสลิมจะนับเป็น เครือญาติมาก ครอบครัวนี้หาเสียงถ้ามีญาติพี่น้องเท่าไหร่ก็จะ ใช้ญาติพี่น้องหาเสียงต่อเนื่องกันไป ใช้ความเป็นพี่น้องมา 300

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ตัดสินในการหาเสียงแทนที่จะเลือกคนที่ดี ตรงนี้น่าเป็นห่วงว่า เราจะทำอย่างไรเราจะสร้างจิตสำนึกให้พี่น้องประชาชนเห็น ความสำคัญของการเลือกตัวบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ แต่เรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ได้ภายในวันหรือสองวันนี้ ต้องใช้การ ศึกษาที่จะมาช่วยแก้ให้กับคนรุ่นใหม่มีแนวคิดเลือกคนที่ที่จะมา เป็นผู้แทนของเรา สถานการณ์ความไม่สงบตรงนี้ต้องยอมรับว่า เหตุการณ์ นี้เกิดขึ้นมานานสำหรับคนรุ่นเก่าที่ 1. มีความคิดความเชื่อที่จะ แบ่งแยกดินแดน และยอมรับว่ามีความคิดนี้อยู่ 2. หากแบ่ง แยกดินแดนไม่ได้ ก็มีความคิดที่จะแบ่งแยกทางวัฒนธรรม สองประการนี้เขาต้องสร้างอะไรก็ได้ที่ทำให้เกิดปัญหา เมื่อ ข้อที่ 1 ทำได้ยาก เพราะต้องทำแบบกองโจร ตีหัวแล้ววิ่งหนี กลับ ตีหัวทำลับหลังแล้วก็ไปทำแบบต่อหน้าคงสู้กำลังภาครัฐ ไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะฉะนั้น น่าเป็นห่วงกรณีที่ 2 ในความ ไม่สงบตรงนี้น่าเชื่อว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งทำวิธีที่ 2 คือ แบ่งแยก ทางวัฒนธรรม จึงแล้วภาคใต้มีความหลากหลายทาง วัฒนธรรม มีทั้งจีนมีทั้งไทยมีทั้งอิสลาม มีทั้งคริสต์ มีทั้งฮินด ู แต่กลุ่มใหญ่ ๆ ก็มี 2 กลุ่ม คือ พุทธกับอิสลาม เขาต้อง แบ่งแยกตรงนี้ออกมาให้ชัดเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง พอแบ่งแยก ตรงนี้มันลามไปสู่เรื่องการศึกษา ลามไปสู่เรื่องกิจกรรมทุก กิจกรรมว่าต้องทำกิจกรรมในส่วนของเขาเท่านั้น กิจกรรมใน ทางศาสนาเท่านั้น กิจกรรมอื่นที่เป็นเรื่องของวัฒนธรรม จริงๆ เป็นเรื่องทางวัฒนธรรมทำไม่ได้เขาไม่ยอมรับ เมื่อพี่น้อง ประชาชนไม่สามารถมาบูรณาการร่วมกิจกรรมกันได้ก็เกิดการ แบ่งแยกโดยอัตโนมัติ น่าเป็นห่วงตรงนี้ แต่ทำอย่างไรว่ารัฐต้อง 301

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส มีความเข้มแข็งที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจว่าสิ่งที่เป็น ประวัติศาสตร์ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ความเป็นปัจจุบัน ความเป็นชาติยังคงมีอยู่ให้คนรุ่นใหม่มีความรักชาติ ต้องมี จิตสำนึกในความเป็นไทยตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องทำ ตนเองยังมองไม่เห็นว่ารัฐได้ตระหนักและทำตรงนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ ต้องยอมรับว่าคนรุ่นเก่าการเปลี่ยนความคิดคนรุ่นเก่านั้น ทำได้ยาก คนรุ่นนี้เราประคองอีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี ที่เขาจะ เติบโตต่อไปรัฐจะต้องทำตรงนี้ให้เขาเป็นคนรักชาติให้ได้ ถ้าเราเข้าใจว่า เหตุการณ์ตรงนี้แตกต่างจากมาเลเซีย ถึงแม้เราจะอยู่ติดกับมาเลเซีย แต่ความเข้าใจของประชาชนใน เรื่องวัฒนธรรมและการยอมรับไม่เหมือนมาเลเซียเลย มาเลเซีย ยอมรับความแตกต่างทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และเขาสามารถอยู่ ร่วมกันได้ท่ามกลางความแตกต่างอย่างมีสุข แต่ทำไมคนใน สามจังหวัดชายแดนนี้จึงไม่ยอมรับความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ ตรงนี้ ทำไม่มากีดกั้นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ตรงนี ้ ขอฝากให้ทุกหน่วยงานมาร่วมกันแก้ปัญหาตรงนี้ให้ทุกคนมี ความเข้าใจในเรื่องของศาสนาอย่างแท้จริง ไม่ใช่หยิบศาสนา มาจากตะวันออกกลาง มาหยิบใช้โดยไม่ประยุกต์ใช้ในประเทศ ไทยตามบริบทของตนเอง ใช้ให้ถูกกับประเทศไทย คงจะหยิบ ศาสนาอย่างเดียวมาจากต่างประเทศแล้วมาใช้กับประเทศไทย ไม่ได้ ให้มีแกนหลักอย่างแท้จริงว่าศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร และสามารถอยู่ร่วมกับสังคมศาสนาอื่นได้เช่นเดียวกัน ตรงนี้ ต้องสร้างจิตสำนึกต้องสร้างให้เข้าใจตรงนี้ว่าการอยู่ร่วมกันทาง วัฒนธรรมนั้นเราอยู่ได้ ให้เข้าใจว่าศาสนาเป็นทางหนึ่ง วัฒนธรรมเป็นทางหนึ่ง ไม่รวมกันโดยเอาศาสนากับวัฒนธรรม 302

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส มารวมกัน ถ้ารวมกันหมายถึงทุกอย่างมาเป็นศาสนา มาเป็น รัฐอิสลาม ที่เป็นรัฐที่เอาศาสนามาเป็นกฎหมาย มันไม่ใช่ ประเทศไทย มันจะเหมือนประเทศทางตะวันออกกลาง แต่ ประเทศไทยเป็นรัฐที่มีอิสรเสรีภาพในการนับถือศาสนาอะไร ก็ได้ อยากให้สถาบันพระปกเกล้าเข้ามาดูแลตรงนี้และ เสนอแนะรัฐบาลให้ทำวัฒนธรรมของเราให้มีความหลากหลาย เข้มแข็งให้ประชาชนเข้าใจอย่างแท้จริง และให้ยอมรับในความ แตกต่างทางวัฒนธรรมกับคนภูมิภาคนี้ให้ได้ ทำไมเราไม่ศึกษา มาเลเซียเค้าสร้างคนของเค้าให้ยอมรับตรงนี้ได้ ก็ไม่แตกต่างว่า ประเทศไทยต้องสร้างให้ได้เหมือนกัน สร้างให้ทุกคนยอมรับ ความแตกต่างให้ได้ การเมืองก็เหมือนกันคนมุสลิมต้องเลือก คนมุสลิมเอาความเป็นศาสนา เป็นพวก เอาวัฒนธรรมเข้ามา นำทางการเมือง ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนไป ตรงนี้ อันตรายมากเอาเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์มาเป็นตัวตั้งทางการเมือง การเมืองต้องเลือกคนดี ไม่ใช่เลือกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ต้องเลือก คนที่ทำงานได้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ได้ ก็เหมือนสมัยปฏิวัติ เดือน กันยายน ก็เป็นมุสลิม นักการเมืองไม่น่าจะเอาศาสนามาเป็น จุดนำในการเลือกตั้ง เพราะตรงนี้ทำให้เกิดการแตกแยกอย่าง ชัดเจน แต่คิดว่าไม่มีใครกล้าที่จะพูด เพราะนักการเมืองเองก็รู้ ชัดว่าถ้าสามารถหาเสียงให้คนมุสลิมได้เห็นตรงนี้ มาลงมุสลิม ตรงนี้เค้าได้ 100% แต่ทางอ้อมนั้นถูกฝังลึกซึมไปกับคนในชาติ ที่คิดว่าต้องแยก ต้องแยก ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นเล็กๆ ตรงนี้ก็ถูกแยกโดยผู้นำทางการเมือง ทุกองค์กรจะถูกแยกหมด ณ วันนี้การเมืองในท้องถิ่นระดับท้องถิ่น อบต.ทุก อบต.แทบ จะไม่มีไทยพุทธอยู่เลย จริงๆ แล้วน่าจะเปิดโอกาสให้ทุกๆ คน 303

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เข้ามา ให้คนมีความรู้ ความสามารถ ช่วยในการพัฒนา คนรุ่นใหม่ให้อยู่ในการดูแลของรัฐตลอดจนเข้ามหาวิทยาลัย ก็เป็นอิสระ เด็กประถมยังควบคุมได้ ในส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ที่ ไปเรียนตาดีกาต้องไม่ให้เขาฝังความคิด ความเชื่อ แตกต่าง กันไป แต่พอจบประถมออกไปเข้าโรงเรียนสอนศาสนาเอกชน เข้าไม่ได้ฝังความเป็นชาติให้กับเด็กตั้งแต่ชั้น ม.1 ถึง ม. 6 สอน สามัญ สอนศาสนา รัฐขาดช่วงในการดแู ลไป น่าเป็นห่วงเด็กใน ช่วง 6 ปีที่อยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา เขาใส่ความคิด ความเชื่อ อะไรให้กับเด็ก อยากให้รัฐมาดูแลให้อยู่ในกรอบตั้งแต่ชั้น ประถม ประคองเด็กเหล่านี้ให้อยู่ในความรักชาติจนถึงชั้น ม.6 พอเด็กเข้ามหาวิทยาลัยเราก็กำกับดูแลยากเพราะเด็กมีความ คิดแล้ว ฝากให้มองสามจังหวัดเด็กในกลุ่ม ม.1จนถึง ม.6 ถูกฝัง อะไรที่เราไม่ได้ไปดูแลเขาเลย เด็กเหล่านี้จะหลุดไปเยอะมาก พอ จบ ป.6 ไปเรียนปอเนาะ ในโรงเรียนปอเนาะเราไม่ได้ไป ดูแลอะไรเขาเลยรู้ว่าเขาสอนศาสนา แต่เขาจะสอนความเชื่อ อย่างอื่นไม่ มีการพูดว่าในโรงเรียนปอเนาะได้รับการอุดหนุน จากรัฐน้อย เขาก็มีสิทธิได้รับการอุดหนุนจากที่อื่นด้วย ที่อื่นที่ ไม่บอกว่าตรงไหน นี้เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงเพื่อที่จะดึงปอเนาะไป เป็นฝ่ายเขา เพราะปอเนาะเราควบคุมได้ยากมากๆ ไม่รู้ว่า เขาสอนอะไร เขาสอนเวลากลางคืนไม่รู้ว่าจะฝังอะไรให้กับเด็ก ฝากสถาบันพระปกเกล้าให้หันมามองกรณีศึกษาที่แตกต่างจาก จังหวัดอื่นด้วยในสามจังหวัดตรงนี้ว่า เด็กของเราถูกหล่อหลอม ความเป็นชาติน้อยมากในช่วง ม.1 ถึง ม.6 เพราะเด็ก 80% อยู่ ในโรงเรียนของเอกชน 20 % อยู่ในโรงเรียนของรัฐเท่านั้น ตรงนี้ มันขาดหายไป เรามาเก็บที่ปลายเหตุไม่ได้ ความเป็นชาติใน 304

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส สามจังหวัดมันเหลือน้อยเจือจางไปแล้ว ให้ช่วยกันคิดว่าทำ อย่างไรให้เด็กของเราในสามจังหวัด มีความเป็นชาติที่เข้มแข็ง ต่อเนื่อง จะไปเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นๆ ไม่ได้ เพราะ วัฒนธรรมความคิดแตกต่างกัน เฉพาะสตูลความเป็นชาติของ เราก็มีสูงอยู่แล้ว แต่บ้านเราไม่ได้ โดยเฉพาะปัตตานีแรงที่สุด ถัดมายะลา และนราธิวาส น่าเป็นห่วง รัฐต้องเข้ามากำกับ จนถึงอายุ 18 ปี ให้ได้ และเรื่องวินัยเด็กในสามจังหวัดไม่ได้ถูก ปลูกฝังไว้เลยตรงนี้ ทำให้มีผลต่อการเมืองที่เด็กทำตามใบสั่งได้ ทันที เราต้องหาคำตอบให้ได้ว่าในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างปมอะไรอยู่ สร้างกรอบของศาสนาให้ครอบคลุมทุกเรื่อง มันเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กลุ่มที่ 4 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เล่าให้ฟังว่า ตนเองนั้นเป็นอดีต นักการเมืองท้องถิ่นของจังหวัดนราธิวาส 3 สมัย ในเรื่องของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เท่าที่จำความได้ตั้งแต่ พ.ศ. 2512 ตอนนั้นผู้ให้ข้อมูลสำคัญอายุประมาณ 13 ปี ตอนนั้นมีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร คือ นายถาวร ไชยสุวรรณ นายเรวัตร ราชมุกดา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่กับพรรคที่จัดตั้ง เป็นรัฐบาล คือพรรคสหประชาธิปไตย ด้วยบุคลิกของ 2 คนนี้ คือ นายถาวร กับนายเรวัตร แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นายถาวรมาจากลูกชาวบ้าน พื้นฐานเป็นคนธรรมดา เป็นพ่อค้าที่อยู่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก คลุกคลีกับชาวไทยมุสลิม ทางอำเภอสุหงโก-ลก ทางนราธิวาสก็รู้จักกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมัยนั้นการลงเป็น ส.ส.ต้องยึดกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก 305

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ชาวบ้านไม่ค่อยเท่าไหร่ เอาตัวผู้นำไว้ก่อน การไปหาเสียง ก็โดยการนำของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวคะแนนที่ดังๆ ถ้าพูดถึงที่ จังหวัดนราธิวาส คือ นายแบ ผู้มีอิทธิพลที่ชาวบ้านนับถือ ส่วนนายเรวัตร มาจากตระกูลเจ้าเมือง เชื้อเจ้าที่อำเภอ ยี่งอ จังหวัดนราธิวาส คนทั่วไปเรียก “เปาะกู” คือคนที่มี เชื้อสายกษัตริย์มาก่อน คือผู้ที่ปกครองดูแลหัวเมืองนราธิวาส คือ เมืองระแงะ เมืองสายบุรี เมืองยะหริ่ง ด้านความสัมพันธ์ นั้น นายเรวัตรสัมพันธ์กับกษัตริย์รัฐกลันตันด้วย นายเรวัตร อาศัยพื้นฐานของพรรคพวกที่เป็นมลายูช่วยในการหาเสียง คือ สมาคมอิสลาม เนื่องจากนายเรวัตรเคยเป็นนายกสมาคม อิสลามมาก่อนสมัยบิดาของผู้ให้ข้อมูลสำคัญ บุคลิกของ นายเรวัตรก็เหมือน เจ้าขุน มูลนาย มาก่อน ใส่ “ซอเก๊าะ” (เสื้อแบบสทู ของฝรั่ง) การหาเสียงทั้ง 2 คน คือนายถาวร และนายเรวัตร เป็น แนวเดียวกันยึดหลักหัวคะแนนใหญ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ที่ ดูแลลูกบ้าน และชาวบ้านที่ดูแลกันเองได้ การหาเสียงแบบ เดิมๆ อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีปัจจัย (เงิน) มีส่วนเข้ามาดูแล ส่วนที่ 1 ชาวบ้านมาที่บ้านภรรยาต้องช่วยดูแลด้วย ต้อง ต้อนรับ ต้องเปิดบ้านเลี้ยงอาหาร น้ำชา หรือกาแฟ ทั้ง หัวคะแนนและชาวบ้านที่มา สมัยนั้นยังไม่มีการเอาผิดในการ เลี้ยงให้กับชาวบ้าน ส่วนที่ 2 คือ การช่วยกัน ช่วยกันจริงๆ ทั้ง 2 คนได้เป็นผู้แทน เงินสมัยนั้นถูกมาก เงินก็มีส่วนทำให้ได้เป็น ผู้แทน หัวคะแนนรับเงินไปแจกชาวบ้านประมาณ 20 บาท ก็มี เริ่มมีการใช้เงินหาเสียงแล้วแต่ยังไม่มากและยังไม่เหมากัน 306

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เหมือนสมัยนี้ ยังมีความรัก ความผูกพันกัน ช่วยกันในลักษณะ เอาไปทำกินในหมู่บ้าน แต่ทั้ง 2 คนที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเพราะการลงพื้นที่ การเข้าหาประชาชน การเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรสมัยนั้น ส.ส.ภูธร ก็ลำบากในการที่จะดึงงบ ประมาณและโครงการต่างๆ แม้กระทั้งความเจริญที่จะมาสู ่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดูเหมือนจะไกลมาก เหมือนกันอยู่ กันคนละประเทศ กว่าจะโครงการต่างๆ จะมาถึงจังหวัด นราธิวาสลำบากมาก คนจังหวัดนราธิวาสไม่ค่อยได้รับความ เจริญมากนักโดยเฉพาะเรื่องการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการ พัฒนาคุณภาพชีวิต ณ ปัจจุบันนี้นราธิวาสยังมีปัญหาเรื่องการ ศึกษาอยู่ นี้คือปัจจัยหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข คือการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม เรื่องของยาเสพติด ระหว่างนั้นผู้แทน 2 คน คือ นายถาวร และนายเรวัตร ที่เป็นผู้แทนของจังหวัดนราธิวาสไม่สามารถนำความเจริญ มาให้จังหวัดนราธิวาสได้จึงทำให้ประชาชนจังหวัดนราธิวาส ขาดโอกาสที่จะได้รับสิ่งที่ดี นี้คือสถานการณ์ใน พ.ศ.2512 พ.ศ.2518 ระหว่างนี้ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญกำลังเรียนอาชีวะ อยู่ที่จังหวัดปัตตานี สมัยนั้นเรียกว่าโรงเรียนการช่างปัตตานี ผู้ให้ข้อมูลสำคัญอายุประมาณ 19 ปี ได้เห็นเหตุการณ์ประท้วง เรื่องข้าวสาร โดยมีผู้นำคือนายสิดดิก สารีฟ ที่นำมวลชนมา ประท้วงผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส โดยมีขบวนแห่รอบเมือง ขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสิดดิก สารีฟ ก็ลงสมัครรับ เลือกตั้ง ก็ได้เป็น ส.ส. โดยมีเหตุจากการที่เป็นผู้นำประท้วง 307

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ได้เป็น ส.ส.กับ นายถาวร ไชยสุวรรณ ซึ่งได้เป็น ส.ส.สมัยที่ 2 สังกัดพรรคธรรมสังคม นายสิดดิก สารีฟ สังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ได้เป็นสมัยแรก และเป็นปากเป็นเสียงในสภา นายสิดดิก สารีฟ มีบุคลิกเป็นคนที่มีความดุดัน มุทะลุ ส่วนนายถาวร ยังเหมือนเดิมคือ เป็นบุคคลที่สง่าผ่าเผย ยิ้มกับ ชาวบ้านตลอดทักทายชาวบ้าน โดยเป็นเอกลักษณ์ของ นายถาวรคะแนนเสียงนายถาวรไม่หายไปมากนัก นายถาวรจะ เข้าถึงชาวบ้าน ถึงแม้ว่าโครงการต่างๆ จะเป็นอย่างไรชาวบ้าน ไม่ใส่ใจมากนัก ขอให้ผู้แทนทักทายชาวบ้าน ไปเจอชาวบ้าน ชาวบ้านก็พอใจแล้ว ให้ ส.ส.ไปพูดคุยด้วยชาวบ้านถือว่าเป็น เกียรติ ใน พ.ศ.2519 มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้น นายสิดดิก สารีฟ ได้รับเลือกเป็น ส.ส.สมัยที่ 2 และได้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิดดิก พยายาม ดึงเอาโครงการการศึกษาต่างๆ ลงมาในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ยกระดับ ยกฐานะ การศึกษาของคนจังหวัดนราธิวาส และสามจังหวัดให้มีความรู้ดีขึ้น ยังไม่ทันทำอะไรมากนักก็เกิด การยุบสภาขึ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนต่อมา คือ นายศิริ อับดุล- สาและ เป็นคนดั้งเดิมจากตำบลเปาะสายาวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มาเป็นครูโรงเรียนสอนศาสนาที่จังหวัด นราธิวาส นายศิริ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นายศิริ มีบุคลิกที่ นิ่มนวล อ่อนน้อมถ่อมตนกับชาวบ้าน ทำตัวเองว่าฉลาดน้อย ให้ชาวบ้านฉลาดมากกว่า เพื่อจะได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ 308

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จากชาวบ้านมากขึ้น หลังจากเลิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้ว นายศิริกลับมาลงสมัครเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส เป็นอยู่ 2 สมัย ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตนเองได้รับรูปแบบ มาจากนายศิริ คือเป็นคนที่ฟังคนอื่นมากกว่าที่จะพูด สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรอีกคน คือนายวัชระ มะโรหบุตร เป็นคน ดั้งเดิมจากกรุงเทพฯ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยเดียว มีปัญหาเรื่องสุขภาพ นายวัชระก็มีบุคลิกอีกแบบหนึ่ง เป็นคนที่ มีการศึกษา สมัยนั้นคนที่มาจากที่อื่น มีการศึกษามาลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนจะได้หมด เพราะคนในสามจังหวัดยังขาด โอกาสที่จะมีการศึกษา ใน พ.ศ. 2519 นี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยกทีมทั้งจังหวัด 3 คน ต่อมาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส คือ นายถาวร ไชยสุวรรณ ได้เป็นผู้แทนสมัยที่ 3 สังกัดพรรคชาติ ประชาชน นายเสนีย์ มะดากะกุล นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ สังกัดพรรคกิจสังคม เป็นครูเหมือนกัน คือ นายเสนีย์ เป็น อาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี นาย ปริญญา สอนที่วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินทร ยะลา พรรค กิจสังคมส่งนักวิชาการลงสมัครแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ นายเสนีย์ เป็นคนดั้งเดิมจากบ้านนากอ อำเภอยี่งอ จังหวัด นราธิวาส นายเสนีย์ เป็นบุคคลที่เก่งในเรื่องของมวลชน ปราศรัยเก่ง ชาวบ้านช่วยนายเสนีย์ให้เป็นผู้แทนโดยนายเสนีย์ ไม่ต้องเสียปัจจัย (เงิน) มากนัก นายเสนีย์ จบการศึกษา มาจากปากีสถาน เป็นบุคคลที่พยามที่จะฟื้นฟูจังหวัดนราธิวาส โดยการเสนอโครงการมากมาย ส่วนนายปริญญา เจตาภิวัฒน์ มีบุคลิกลักษณะเป็นนักวิชาการ คือเป็นครู นายเสนีย์มาแบบ 309

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เดียวกันคือเป็นครู ส่วนนายถาวรรูปแบบเป็นนักธุรกิจ พ่อค้า นายเสนีย์เป็นบุคคลที่จุดประกายในจังหวัดนราธิวาส นำโครงการต่างๆ ลงมาในพื้นที่ บอกชาวบ้านว่ามีโครงการอะไร บ้าง เวลาไปพบชาวบ้านที่มัสยิดก็จะบอก นายเสนีย์จึงไม่ต้อง ใช้เงินในการหาเสียง ตอนนั้นยังมีงบพัฒนาจังหวัดให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนละ 5 ล้านบาท พ.ศ.2526 นายเสนีย์ ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 2 นายถาวร ไชยสุวรรณ ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรสมัยที่ 4 เพิ่มนายสิทธิชัย บือราเฮง เข้ามา นายสิทธิชัย เป็นคนดั้งเดิมจากตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคสยาม- ประชาธิปไตย และได้เป็นรัฐบาล พรรคสยามประชาธิปไตย จัดตั้งโดยทหาร ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เล่าให้ฟังว่า นายสิทธิชัย บือราเฮง เป็นคนที่ดุดัน มีแบบอย่างเดียวกันกับนายสิดดิก สารีฟ ใน พ.ศ.2526 นี้เป็นสมัยสุดท้ายของนายถาวร ไชยสุวรรณ หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2529 มีนายพิบูลย์ พงษ์ธเนศ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ เป็นสมัยแรก สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยการสรรหา จากตัวแทนพรรค คือ นายศิริ อับดุลสาและ ตอนที่นาย อารีเพ็ญ ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนั้นมีเงิน เพียง 70,000 บาท เท่านั้น พรรคพวกช่วยกันหาเสียงให้ ลงพื้นที่ 10 โมงเช้า กลับมาก็ 10 โมงเช้าอีกวัน ตอนนั้นก็มีคืน หมาหอนเหมือนกัน แต่ไม่ใช่หมาหอนเหมือนสมัยนี้ที่จะไปให้ 310

การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เงิน คืนพรุ่งนี้จะไปเลือกตั้งพรรคพวกก็จะลงพื้นที่ไปตามจุดเพื่อ ให้หัวคะแนนขนชาวบ้านไปลงคะแนน สมัยนายอารีเพ็ญ ลงครั้งแรกนั้นเงินไม่มี ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ในปีนี้ ตนเองกับพรรคพวก หลายคน จัดตั้งเป็น กลุ่มมุสลิมในจังหวัดนราธิวาสมีการพูดคุย กันที่จะต่อรองอำนาจ และพยายามพูดคุยกับกลุ่มสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่เป็นมุสลิมในจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา เพื่อ ต่อรองทางการเมือง เพื่อสิทธิ เสรีภาพ ตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐบาลบอกว่า สิทธิ เสรีภาพ ชาวไทยมุสลิม ก็ต้องการสิทธิ เสรีภาพเหล่านั้น แต่รัฐบาลไม่ได้ฟังคนไทย มุสลิมมากนัก พวกเรายังเป็นคนไทยชั้น 2 อยู่ พี่น้องไทยมุสลิม ในพื้นที่สามจังหวัดทำการเรียกร้องวิถีชีวิตที่เป็นอิสลามของ ตนเอง เรียกร้องความเป็นอัตลักษณ์ของมลายู ให้รัฐบาลหันมา สนใจเราบ้าง ปัจจุบันนี้ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า เราก็ยังได้ ไม่เต็ม 100 % ยังขาดอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำให ้ พี่น้องมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กฎหมาย อิสลาม ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ยังไม่ได้รับการแก้ไข มีแต่เรื่องมรดก อย่างเดียว ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมี วิชามารมาก และไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ใน พ.ศ.2529 มีการต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างรุนแรง นายอารีเพ็ญ ย้ายพรรค ไปอยู่พรรคประชาชน และเกิดการแตกแยกระหว่างคนในพรรค ประชาธิปัตย์ด้วยกัน นายวีระ มุสิกพงษ์ จึงแยกตัวออกมาตั้ง 311

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชน เป็นการรวมตัวของกลุ่มปัญญาชน ตอนนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสามจังหวัดชายแดนที่เป็นไทย มุสลิมได้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็ย้ายพรรคมาอยู่กับพรรค ความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยุงใจยุทธ กลุ่มสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่เป็นไทยมุสลิมก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดย การอ้างสิทธิการจัดการนำเอาอัตลักษณ์ของคนในสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญบางส่วนที่ยังไม่ตรง ยังไม่ทันสมัย ให้ทันสมัยขึ้นเข้าใจมากขึ้น เป็นช่วงเวลาที่เกิด กลุ่มวาดะห์ โดยการรวมตัวของนักการเมืองที่เป็นไทยมุสลิมใน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการรวมของนายวันมูฮัมหมัด นอร์ มะทา ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา ตอนนั้นมีพลังทางอุดมการณ์ มีแนวคิดขึ้นมาว่าทำอย่างไรให้ คนไทยมุสลิมเข้าไปมีส่วนร่วมในรัฐธรรมนูญ มีสิทธิต่างๆ ที่ควร จะได้มีการรวมตัวของกลุ่มปัญญาชน กลุ่มเยาวชนในสาม จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคความหวังใหม่ได้รับการเลือกตั้ง นายวันนอร์ฯ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอารีเพ็ญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยกันผลักดันนโยบายต่างๆ นายวันนอร์ ผลักดันโครงการที่ เป็นโครงสร้างพื้นฐาน จึงเกิดถนน 4 เลนลงมาสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ หลังจากนั้นการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสมาสู่อีกยุคหนึ่ง คือยุคของคนรุ่นใหม่ ที่เป็นเพื่อนกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่จบ การศึกษามาจากรามคำแหงมาด้วยกัน คือ นายนัจมุดดิน อูมา 312

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นายนัจมุดดิน อูมา เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสที่ติดดิน นิ่มนวล มีครบทั้งลักษณะของผู้นำ การเข้าหาประชาชน เป็นคนที่เดินเข้าหามวลชนมากที่สุด ในบรรดานักการเมืองด้วยกัน แต่ที่พลาดในสมัยนี้เพราะต่างคน ต่างเดิน แตกกัน ตอนที่เป็นกลุ่มวาดะห์นั้นเรารวมตัวกันเพื่อที่ จะต่อสู้กัน แต่ตอนนี้กลุ่มวาดะห์แตกเป็น 2 เราเลยสู้เขาไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ เกิด ทางการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยการเป็นสมาชิกสภา จังหวัดนราธิวาสมาก่อน นายสุรเชษฐ์ เป็นบุคคลที่มีความ ใฝ่ฝันทางการเมือง เป็นคนที่มีพลังอำนาจ เป็นคนที่มุทะลุ ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาสในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีผลงานที่โดดเด่นมากนัก นายเจะอามิง โตะตาหยง เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสสังกัดพรรคประชาธิปัตย์มาหลายสมัย จบ วิศวกรรมศาสตร์การไฟฟ้า มีฐานะ เดิมเป็นคนจังหวัดยะลา มีภรรยาเป็นคนอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส นายเจะอามิง เป็นคนที่มีบุคลิกนุ่มนวล ผลงานทางการเมืองเหมือนกับ นายสุรเชษฐ์ ที่ไม่มีผลงานอะไรที่โดดเด่นมากนัก นายรำรี มามะ เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ที่เติบโตทางการเมืองมาจากพรรคชาติไทย ตอนหลังย้ายมา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรที่โดดเด่นเหมือนกัน นายกูฮาเซ็น นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส คนปัจจุบัน (พ.ศ.2544) นายกูฮาเซ็น เป็นบุคคลที่มีเชื้อสาย 313

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส กษัตริย์ เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนราธิวาสหลายสมัย เป็นบุคคล ที่มีบุคลิกอ่อนน้อม เข้ากับประชาชนได้ดี ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ในส่วนของนายวัชระ ยาวอหะซัน และ นายกูเฮง ยาวอหะซัน นั้น ทั้งสองคนเป็น ลูกของนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นราธิวาสคนปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) บุคลิกของสองคนนี้เป็นคนละ แบบกัน นายวัชระ เป็นคนที่ดุดัน มุทะลุ ต้องอาศัยปัจจัย ต่างๆ ประชาสัมพันธ์ตนเองตลอด ส่วนนายกูเฮง เป็นคนที่ นิ่มนวล เป็นที่ชื่นชอบและเคารพนับถือของชาวบ้าน ผู้ให้ข้อมูล สำคัญ กล่าวว่า ชาวบ้านปัจจุบันนี้พูดยากมาก เราทำดี 10 ปี แต่ไม่ดีเพียง 1 วัน เราก็หมดทุกอย่าง ก็เหมือนกับการหาเสียง หาเสียง 4 – 5 เดือน พอถึงวันเลือกตั้งไม่มีอะไรเหลือจากการที่ นั่งพูดคุยหรือกินน้ำชา กาแฟ กันมา เปรียบเทียบ ณ วันนี้ การได้มาซึ่งการเป็นนักการเมืองนั้นมีการใช้อำนาจทางการเงิน มาก มีการแข่งขันกันสูง โดยเฉพาะพรรคที่มีกำลัง หรือปัจจัย พอที่จะต่อสู้กัน นายวัชระ จะทำงานกับเยาวชนในเรื่องกีฬาคือ ฟุตบอล จะประชาสัมพันธ์ตัวเองในด้านนี้ นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ เป็นรุ่นหลานแล้ว ก็มีลักษณะ อีกแบบหนึ่ง นายนิอาริส มีบุคลิกเหมือนบิดา ซึ่งเป็นกำนันอยู่ ที่บ้านดุซงญอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส บิดาเป็นคหบดี ในดุซงญอ มีสวนยางมาก มีฐานะ ตัวนายนิอาริส ยังเป็นวัยรุ่น ที่อายุยังน้อยอยู่ ประมาณ 26 ปี ยังไม่มีประสบการณ์ทางการ เมืองมากนักที่จะไปสู้กับคนเก่าๆ อย่างนายรำรี นายนัจนุดดิน 314

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส สำหรับ นายอดุลย์ สาฮีบาตู สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นั้นเป็นคนง่ายๆ นิสัยดี เป็นคนที่ติดดิน ได้เป็นนักการเมืองถิ่น สมัยนั้นเพราะบิดาช่วยหาเสียงด้วย บิดาเป็นนายกองค์การ บริหารส่วนตำบล ส่วนนายอรรถพล มามะ นั้นได้เป็นนักการเมืองถิ่น จงั หวดั นราธวิ าสดว้ ยความบงั เอญิ เปน็ เพราะพระเจา้ กำหนดมา อยู่ๆ ก็ได้เป็นผู้แทน ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองเลย ถูกหยิบขึ้นมาให้ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอรรถพล มีบุคลิกเป็นแบบชาวบ้านธรรมดา มาจากพื้นฐาน เกษตรกร แพทย์หญิงพรพิชญ์ พึ่งธรรมกุล เป็นนักการเมืองถิ่น จังหวัดนราธิวาสคนแรกและคนเดียวที่เป็นผู้หญิง คุณหมอ ลงสมคั รเปน็ ผแู้ ทนสงั กดั พรรคประชาธปิ ตั ย์ และเปน็ นกั การเมอื ง ที่เป็นสตรีคนแรกของจังหวัดนราธิวาสและคนเดียวของ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจาก กลุ่มสตรี กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข คุณหมอ ได้รับแรง เสียดทานจากคนทั่วไปว่า ผู้หญิงมุสลิมไม่สามารถเป็นผู้นำได้ คุณหมอทำงานด้านสาธารณสุข มีกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข เป็นฐานคะแนนเสียงในทุกหมู่บ้าน คะแนนเสียงที่คุณหมอ ได้เป็นของผู้หญิงที่เป็นคะแนนเงียบส่วนใหญ่ คุณหมอมีบุคลิก ที่เป็นสตรีมุสลิม เรียบร้อย นุ่มนวล บางครั้งก็มีลักษณะที่เป็น ตัวตนของตนเองในแบบสตรีมุสลิม ส่วนนายแพทย์แวมาฮาดีน แวดาโอ๊ะ ชาวบ้านส่วนใหญ่ รู้จักคุณหมอแวเป็นอย่างดี คุณหมอเปิดโรงพยาบาล คุณหมอ 315

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส แวได้เป็นนักการเมืองของจังหวัดนราธิวาสเพราะสถานการณ์ ที่ถูกจับกุมในคดี เจไอ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนกลายเป็นบุคคลที่ใครๆ ก็รู้จัก โดยการออกรายการทาง โทรทัศน์ ชาวบ้านเกิดความสงสารที่คุณหมอถูกใส่ร้าย การหาเสียงของคุณหมอแว นั้นใช้หลักการทางศาสนา คุณหมอ แวเป็นคนที่เก่งทางศาสนา และทำการประชาสัมพันธ์ ตนเอง เลยได้รับการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองถิ่นของจังหวัดนราธิวาส เริ่มจากการเป็น สมาชิกวุฒิสภา สภานิติบัญญัติ และเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คุณหมอแว มีลักษณะเป็นผู้นำ กล้าพูด แต่ดุดัน มุทะลุ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเหตุที่เกิดทาง การเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาจากอิทธิพลทาง การเงินเป็นส่วนใหญ่ เมื่อก่อนเราหาเสียงแบบเพื่อน พี่น้อง ช่วยซึ่งกันและกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน คนที่ได้เป็นนักการเมือง ก็ได้ช่วยคนที่ด้อยโอกาสกว่า โดยเจตนารมณ์ และแนวคิดว่า เราต้องการอะไรที่จะนำมาให้กับประชาชน เมื่อก่อนเราเล่น การเมือง เราใช้อุดมการณ์ที่จะนำประชาชนเพื่อที่จะไปให้ถึงจุด ที่รัฐธรรมนูญเขาบัญญัติไว้ สิทธิ และเสรีภาพ ขั้นพื้นฐาน ตรงนั้น ณ ปัจจุบันนี้ การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเป็น ใหญ่ ตนเองยังมองไม่เห็นอนาคตว่าการเมืองในสามจังหวัด หรือการเมืองประเทศไทยจะไปทางไหน อนาคตการเมืองจะเหมือนมรดกที่ตกจากพ่อสู่ลูก สามี หรือภรรยา จะมีทายาทสืบทอดทางการเมือง อนาคตการเมือง จะขึ้นอยู่กับปัจจัย 316

การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส การแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ต้องนั่งคุยกันทั้งสามฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักการเมืองถิ่นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ควรมีโอกาสเสนอ นโยบายในการแก้ปัญหาด้วย เพราะนักการเมืองเป็นผู้แทนของ ชาวบ้าน ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น นักการเมืองถิ่นเหล่านั้นควรมีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับทั้งสาม ฝ่าย ในปัจจุบันงบประมาณลงมาในพื้นที่สามจังหวัดมากมาย เราต้องมาประยุกต์ใช้ให้ถูกกับความต้องการของประชาชน ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตนเองอยากฝากให้เยาวชน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามยกระดับตนเอง ยกฐานะตนเอง ยกวิถีชีวิตตนเองทางด้านการศึกษา ถ้าเยาวชน มีการศึกษาไม่ว่าจะเรียนอะไรทางไหนก็ได้ ทางโลก ทางศาสนา เรียนควบคู่ หรือคู่ขนานกันไป คนที่จะดี หรือไม่ดีอยู่ที่การศึกษา ที่มีปัญหาทุกวันนี้ก็เพราะคนขาดการศึกษา เราต้องเร่งพัฒนา คนให้มีการศึกษา เพื่อพัฒนาบ้านเมืองและประเทศชาติต่อไป 317



บ5ทท ่ี สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปภาพรวมการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส การศึกษา การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ผู้ศึกษาจะขอ แบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ยุคสมัย โดยแบ่งช่วงเวลา คือ ยุคที่ 1 ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 ยุคที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 ถึง พ.ศ. 2526 ยุคที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2554 โดยแต่ละ ช่วงเวลาการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสมีการเปลี่ยนแปลงและ มีพัฒนาการทางการเมืองตลอดเวลา ความเป็นมาของ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบัน (พ.ศ.2554) มีนักการเมืองท้องถิ่น (สมาชิกสภาจังหวัด) เลอ่ื นระดบั ตนเองมาสนู่ กั การเมอื งระดบั ชาติ (สมาชกิ สภาผแู้ ทน ราษฎร) หลายคน การลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นบางคนก็ได้รับการ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและไม่ได้รับการเลือกตั้ง ตามเงื่อนไขทางการเมืองของแต่ละบุคคล ปัจจุบันบางท่าน ก็เสียชีวิตไปแล้ว และบางท่านยังมีชีวิตอยู่ และก็ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ประเทศไทยได้จัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก จังหวัดนราธิวาสก็ได้สิทธิ ในการเลือกตั้งเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปในประเทศไทย ความสนใจในระบอบการเลือกตั้งของประชาชนในจังหวัด นราธิวาสมีมาตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงใน พ.ศ. 2475 และเมื่อ ประเทศไทยเริ่มจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั่วไปเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2476 จนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2554 จังหวัดนราธิวาสมีการเลือกตั้งมาแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง ความ สนใจในการเลือกตั้งทำให้มองเห็นความต้องการของประชาชน ในจังหวัดนราธิวาสที่จะให้รัฐบาลตอบสนองถึงสิทธิและความ ต้องการของประชาชนในพื้นที่ผ่านตัวแทนที่ตนเองไว้วางใจ เมื่อนำรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของจังหวัดนราธิวาสซึ่งมีทั้งไทยพุทธและไทย มุสลิม จะเห็นว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยุคที่หนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2500 ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดนราธิวาสเป็นคนต่างถิ่น เช่น นายวงศ์ ไชยสุวรรณ์ เป็นคนจังหวัดปัตตานี นายสมรรถ เอี่ยมวิโรจน์ เป็นไทยมุสลิมมาจากกรุงเทพฯ ร้อยตำรวจโท สุริยน ไรวา นับถือศาสนาพุทธ เป็นข้าราชการตำรวจชาวอำเภอ พระปะแดงนอกเหนือจากคนในพื้นที่ที่มาเป็นตัวแทนตามปกติ การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสหลัง พ.ศ. 2550 สมาชิก สภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายรัฐบาล และ ได้รับความไว้วางใจเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้าเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรก็ได้รับตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ อาทิเช่น 320

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ นายสิดดิก สารีฟ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นักการเมืองถิ่น และผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนของ ประชาชนในจังหวัดนราธิวาสก็ยังคงเป็นบุคคลที่มาจากต่างถิ่น เช่น นายเสนีย์ มะดากะกลู นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ เป็นต้น การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้เป็นยุคของการต่อสู้ กับอำนาจรัฐ ครูสอนศาสนา โต๊ะครู หรือนักต่อสู้หลายๆ คน ถูกจับกุมโดยอำนาจรัฐ ประชาชนในพื้นที่ถูกรังแก กดขี่ ข่มเหง ทำให้มีการต่อสู้อย่างยืดเยื้อและยาวนานระหว่างอำนาจรัฐและ ประชาชนในพื้นที่ ผู้นำหลายคนถูกจับ เมื่อพ้นคดีออกมาลง สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้รับการ ไว้วางใจ และการยอมรับจากชาวบ้าน ให้เป็นตัวแทนในการ ต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ก้าวสู่การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคที่สอง ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 ถึง พ.ศ. 2526 การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสเข้าสู่ยุค ประชาธิปไตยเบ่งบาน เป็นการเมืองที่เริ่มเปลี่ยนแปลงจาก ผู้สมัครที่ยกระดับตนเองจากท้องถิ่นมาสู่ระดับชาติ แต่เป็นคนที่ ทำงานด้านธุรกิจเป็นหลัก ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคการเมืองที่เป็นพรรครัฐบาลได้รับการยอมรับจาก ประชาชนในพน้ื ทอ่ี ยา่ งกวา้ งขวาง อาทเิ ชน่ นายถาวร ไชยสวุ รรณ นายสิดดิก สารีฟ ซึ่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ พรรคการเมืองที่ได้รับการยอมรับในยุคนี้คือพรรค ประชาธิปัตย์ และพบว่า นักการเมืองถิ่นของจังหวัดนราธิวาสยุคที่สอง นี้จะเป็นคนไทยเชื้อสายมลายูเป็นส่วนใหญ่ เป็นบุคคลที่ได้รับ 321

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส การยอมรับนับถือจากประชาชนทั่วไป แต่ละคนจะมีบุคลิก แตกต่างกันออกไปตามสถานภาพที่ตนดำรงอยู่ อาทิเช่น นายเรวัตร ราชมุกดา มาจากตระกูลเจ้าเมืองอำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส นายสิดดิก สารีฟ จะเป็นคนที่ตรง ดุดันเวลา หาเสียง นายศิริ อับดุลสาและจะเป็นคนที่นิ่มนวล อ่อนน้อมกับ คนทั่วไป ฐานเสียงและเครือข่ายทางการเมือง พบว่า สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรในยุคนี้จะมีฐานเสียงและเครือข่ายทางการเมือง ที่เป็นพรรคพวก หรือเพื่อนฝูงคอยสนับสนุน บทบาททาง การเมืองไม่ค่อยเด่นชัดมาก จะทำงานตามหน้าที่ กลวิธีการหาเสียง จะเป็นไปตามแบบทั่วไปคือ เดิน ลงพื้นที่ ปราศรัยตามมัสยิด ไปละหมาดที่มัสยิดและบอกกล่าว เรื่องต่างๆ ผ่านผู้นำทางศาสนา หัวคะแนนที่ใกล้ชิดกับ ประชาชนในพื้นที่ อาทิเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน การหาเสียง ยังไม่มีการใช้ปัจจัยมากนัก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในยุคนี้จะเป็นปัญญาชน มีการศึกษา และได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ ทำให้คน ต่างถิ่นมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายคน บางคนมาจากจังหวัดปัตตานี ยะลา หรือแม้กระทั่ง มาจากจากกรงุ เทพมหานครกห็ ลายคน เชน่ นายวชริ ะ มโรหบตุ ร นายปริญญา เจตาภิวัฒน์ นายเสนีย์ มะดากะกุล มีการรวมตัว กันเพื่อให้ฐานอำนาจทางการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสเข้มแข็ง พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่มาก ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองสงู 322

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ และพบว่า การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้ยังเป็น ยุคสมัยของตัวใคร ตัวมันเหมือนกับสมัยแรกๆ คือต่างคน ต่างคิด ต่างคนต่างทำ ยังไม่มีวิชามารในการเมืองถิ่นของ จังหวัดนราธิวาส 5.1.1 สรุปนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ยุคท่ี 1 ต้ังแต่ พ.ศ.2475 ถึง พ.ศ.2500 หลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญอันเป็น กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ประเทศไทยเข้าสู่การ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข มีการเลือกตั้งครั้งแรกในประเทศไทย จังหวัดนราธิวาส ก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร การเลือกตั้งยุคที่หนึ่งของจังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 จังหวัดนราธิวาส สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรส่วนใหญ่ยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรแต่ละคนนั้นจะมีพื้นฐานทางการเมืองที่แตกต่าง กันออกไปตามช่วงเวลา และสถานภาพที่ตนเองดำรงอยู่ ไม่มี เรื่องเชื้อชาติ หรือศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง เป็น เพียงบุคคลที่รู้จักกันในระดับท้องถิ่น นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคที่หนึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 ส่วนใหญ่เป็นคนไทยพุทธ มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่เป็นไทยมุสลิมเพียง 1 คน เท่านั้น คือ นายอับดุลยาลาร์ นาแซ์ (นายอดุลย์ ณ สายบุรี) และพบว่า ส่วนใหญ่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยุคที่หนึ่งของจังหวัดนราธิวาสเป็นนักการเมืองท้องถิ่นได้ผัน 323

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ตนเองมาเป็นนักการเมืองระดับชาติ ที่ทำงานเพื่อส่วนร่วม ประชาชนจึงเลือกตัวแทนของเขาด้วยการเลือกบุคคลที่ให้ความ ช่วยเหลือ ทำประโยชน์ให้กับชุมชนหรือบ้านเมืองของตนเอง เป็นหลัก โดยเลือกบุคคลเหล่านั้นด้วยความศรัทธาและนับถือ มากกว่าที่จะเลือกพรรค การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสยุคที่หนึ่งจึงเป็นบุคคลหลากหลายอาชีพและมาจาก ต่างถิ่นมาเป็นตัวแทนของประชาชนในจังหวัดนราธิวาส การได้รับการสนับสนุนขึ้นอยู่กับภูมิหลังและ กลุ่มผลประโยชน์ที่ตนเองดูแลอยู่ พบว่า การเมืองจังหวัด นราธิวาสจะแตกต่างกับการเมืองอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ หรือในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกัน การเมืองยุคที่หนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 ของจังหวัดนราธิวาสไม่มีกลุ่ม อิทธิพล ไม่มีกลุ่มศาสนา ไม่มีอำนาจการเมืองจากภายนอกมา แย่งชิงผลประโยชน์ จากการศึกษา กลวิธีการหาเสียงของนักการเมือง ถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคที่หนึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 พบว่า เป็นการหาเสียงโดยการทำประโยชน์ให้กับประชาชน ดูแลและช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ เช่น นายวงศ์ ไชยสุวรรณ เป็นตัวแทนตำบลที่ได้รับการเลือกตั้งจากการสร้าง เมืองสุไหงโกลก ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา เป็นผู้ที่ช่วยเหลือ พี่น้องมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ เป็นต้น จากการศึกษาพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสส่วนใหญ่มีวิธีการหาเสียงและการปราศรัยเป็นแบบ ของตนเอง คือ การปราศรัยด้วยภาษามลายูถิ่น ถึงแม้ว่าจะเป็น 324

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ คนไทยพุทธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในยุคนี้สามารถพูดภาษา มลายูท้องถิ่นได้ทุกคนทำให้สามารถโน้มน้าวจิตใจให้ประชาชน ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างดี และต่างคนต่างมีวิธีการดำเนิน กิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกันออกไป คือ ต่างคนต่างทำเพื่อ สนองต่อเป้าหมายของตัวเอง และพบว่า การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคที่ หนึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2500 นั้นไม่มีการต่อสู่ทาง การเมืองที่เข้มข้น เป็นการเมืองที่เรียบง่าย และไม่มีพรรค การเมืองใดได้ครองอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ กล่าวคือ ผู้ที่เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นประชาชนธรรมดาที่มีบทบาท ทางการเมืองระดับท้องถิ่น มีคุณงามความดี ประชาชนจึงเรียก ร้องให้สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่แทนพวกเขา และทุกคนก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดต่อบ้านเมืองของ ตนเอง 5.1.2 สรุปนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ยุคท่ี 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2501 ถึง พ.ศ. 2526 จากการศึกษา พบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสยุคที่สอง ตั้งแต่ พ.ศ.2501 ถึง พ.ศ.2526 การเมืองถิ่น ยุคนี้เป็นยุคที่มีประชาธิปไตยเบ่งบาน หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นักการเมืองถิ่น จังหวัดนราธิวาสมีบทบาทที่เป็นตัวตนของตนอง แต่มีความคิด ที่จะทำงานเพื่อส่วนร่วมเพื่อประชาชนเป็นหลัก เนื่องจาก นักการเมืองถิ่นส่วนใหญ่เป็นปัญญาชน เป็นข้าราชการ และ เป็นนักวิชาการ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ มองเห็นความเดือดร้อนและ 325

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ความต้องการของประชาชน นักการเมืองยุคนี้จึงทุ่มเทชีวิตและ จิตใจเพื่อประชาชน และพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้ ไม่มีกลุ่มผลประโยชน์สนับสนุนมากนัก ส่วนใหญ่ที่ได้รับการ สนับสนุนจะเป็นบุคคลในเครือญาติ หรือเพื่อนฝูงในวงการที่ ตนเองสังกัดอยู่ และนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้ได้รับ การยอมรับจากประชาชนเพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความ สามารถ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้ไม่ได้ติดยึด อยู่กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง กลวิธีการหาเสียงนั้น พบว่า นักการเมืองถิ่น จังหวัดนราธิวาสยุคนี้เป็นยุคที่เด่นในการปราศรัย เนื่องจาก นักการเมืองถิ่นทุกคนปราศรัยเป็นภาษามลายูถิ่น ทำให้เกิด ความเข้าใจ และไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ เครือข่ายของนักการเมืองถิ่นยุคนี้เป็นกลุ่มญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ที่สนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง การแข่งขัน ทางการเมืองยังไม่มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่เป็นคน มาจากต่างพื้นที่ มาอยู่จังหวัด หรือย้ายมาประกอบอาชีพใน จังหวัดนราธิวาส เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ เป็นบุคคลที่ มีชื่อเสียง และบารมีและได้รับการสนับสนุน จากการศึกษา พบว่า บุคลิกภาพหรือพฤติกรรม ของนักการเมืองถิ่นยุคนี้ จะเป็นนักวิชาการ นักต่อสู้เพื่อ ชาวบ้าน เป็นยุคที่เริ่มมีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่ยัง ไม่มีพรรคการเมืองในยุคนี้ครองพื้นที่แบบพรรคเดียว มีพรรคการเมืองหลากหลาย ชาวบ้านที่ทำการเลือกสมาชิกสภา 326

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ผู้แทนราษฎรของเขานั้นเลือกเพราะตัวบุคคลมากกว่าเลือก พรรค และพบว่า การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้ ประชาชนจังหวัดนราธิวาสมีความเข้าใจในการเมือง และ การเลือกตั้งมาก ประชาชนจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งบุคคลที่ทำ ประโยชน์ให้กับจังหวัด ไม่มีการซื้อสิทธิและขายสิทธิ ยังไม่มี การผูกขาดทางการเมือง 5.1.3 สรุปนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ยุคท่ี 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2554 จากการศึกษา พบว่า การเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสเริ่มเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดมากขึ้น การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้มีการต่อต้านพรรค ประชาธิปัตย์ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาสก็เป็น จังหวัดหนึ่ง มีการย้ายพรรคของนักการเมืองถิ่นจากพรรค ประชาธิปัตย์ไปอยู่พรรคประชาชน มีการรวมตัวของปัญญาชน มุสลิมที่เรียกว่า กลุ่มวาดะห์ ที่รวมกลุ่มเพื่อต่อรองตำแหน่ง ต่างๆ หรืออำนาจทางการเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นชัด โดยการนำของนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ การเมืองยุคนี้จะเน้นไปท ี่ อัตลักษณ์ของผู้นำ และการเป็นตัวแทนของพี่น้องชาวมุสลิม พรรคการเมืองยุคนี้เป็นการแข่งขันกันหลายพรรค อาทิเช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย และ พรรคไทยรักไทย มีการใช้ปัจจัยสูงในการแข่งขัน ไม่เน้นการ หาเสียงที่เป็นการปราศรัย การหาเสียงนั้นจะเดินลงพื้นที่ไปตาม มัสยิด ตามสถานที่ละหมาดใหญ่ๆ 327

นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส และพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ก้าวมาอีกยุคหนึ่ง คือยุคของคนรุ่นใหม่ มีการศึกษา เช่น นายนัจมุดดิน อูมา ปัจจุบันสังกัดพรรคมาตุภูมิ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง นายรำรี มามะ คุณหมอ พรพิชญ์ พึ่งธรรมาเดช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันพรรคการเมืองที่โดดเด่นในยุคนี้คือพรรค ประชาธิปัตย์ นักการเมืองถิ่นได้รับการยอมรับเมื่อลงสมัครใน นามพรรคประชาธิปัตย์ การก้าวข้ามนักการเมืองรุ่นเก่าทำให้จังหวัด นราธิวาสมีนักการเมืองรุ่นใหม่เกิดขึ้นอีกหลายคน เช่น นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายวัชระ ยาวอหะซัน นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ สังกัดพรรคชาติไทย ตอนหลังเปลี่ยนเป็น ชาติไทยพัฒนา นายอดุลย์ สาฮีบาตู สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ตอนหลังลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย และพบว่า การได้มาซึ่งการเป็นนักการเมืองถิ่น มีปัจจัยสนับสนุนมากมาย มีการใช้อำนาจทั้งทางการเมือง และ อิทธิพลส่วนบุคคล ยุคสมัยนี้มีการแข่งขันทางการเมืองสูงมาก ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะมีอำนาจทางการเงินสงู 5.2 อภิปรายผล นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั นราธวิ าส ยคุ ท่ี 1 เปน็ นกั การเมอื ง ที่เติบโตมาจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่ทำคุณประโยชน์ ให้กับจังหวัดนราธิวาสมากมาย เป็นบุคคลที่มีบารมี เป็นที่ยอมรับแก่คนทั่วไป อาทิเช่น นายวงศ์ ไชยสุวรรณ 328

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา นายเอิบ อิสระ ได้ทำคุณูปการให้กับ จังหวัดนราธิวาส เป็นคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ เป็นที่รู้จัก กันอย่างกว้างขวางในจังหวัดนราธิวาส มีอาวุโส และประสบ- การณ์มากพอที่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด นราธิวาส ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง “บารมี” ของ ศาสตราจารย์ ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ที่ยืนยันว่า บารมี มีความ สัมพันธ์กับผู้นำทางการเมืองและการเมืองไทยเป็นอย่างมาก บารมีน่าจะเป็นการยอมรับของคนส่วนใหญ่ว่าเป็นผู้นำได้ และนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ที่เติบโตมาจาก การเป็นข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขของ ประชาชน อย่างเช่น ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา ลงมารับ ราชการที่จังหวัดนราธิวาสก็ได้ใช้บทบาท อำนาจหน้าที่ที่ตนเอง มีอยู่ดูแลพี่น้องประชาชนในจังหวัดนราธิวาส จนเป็นที่ยอมรับ ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา มีเครือข่ายความสัมพันธ์ทางสังคม กับบุคคลหลายระดับ มีธุรกิจที่สามารถสนับสนุนให้เติบโต ทางการเมืองอย่างเด่นชัด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎี Social Network ของ Fararo ได้อธิบายว่า แนวคิดเครือข่ายทางสังคม จัดอยู่ใน ความสัมพันธ์ของสมาชิกในสังคมว่า สายสัมพันธ์ จะเหนี่ยวแน่น (เข้มแข็ง) หรือหลวม (อ่อนแอ) ขึ้นอยู่กับ โครงสร้างของสังคม ถ้าเป็นสังคมขนาดเล็ก โครงสร้างไม่ซับ ซ้อนสายสัมพันธ์ของเครือข่ายจะเหนียวแน่น ในทางตรงข้าม ถ้าเป็นสังคมขนาดใหญ่ โครงสร้างซับซ้อน เช่นสังคมโลก สายสัมพันธ์ในหมู่สมาชิกก็จะโน้มเอียงไปในด้านหลวม ไม่มั่นคง ไม่เหนียวแน่น เช่น กรณีความสัมพันธ์ทางการค้าของ ประเทศต่างๆ ซึ่งตรงกับสังคมไทยและสังคมการเมืองถิ่น 329

นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ที่ทำให้ ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา คนพื้นเพ จากพระประแดงมาเป็นที่รู้จักของประชาชนในจังหวัดนราธิวาส และสอดคล้องกับ พรชัย เทพปัญญา และพงษ์ยุทธ สีฟ้า ที่ได้ ศึกษาเรื่อง สำรวจเพื่อประมวลข้อมูลนักการเมืองถิ่นจังหวัด สมุทรปราการ และจังหวัดปทุมธานี โดยพบความคล้ายกันของ นักการเมืองถิ่นของทั้ง 2 จังหวัด คือ นักการเมืองถิ่นส่วนใหญ่มี การศึกษา และสถานภาพทางเศรษฐกิจดี เป็นที่รู้จักของคน ทั่วในจังหวัด และในการหาเสียงจะใช้ชื่อเสียง และบารมีของ ตัวบุคคลมากกว่าพรรคการเมือง ซึ่งสอดคล้องกับผลงานของ ร้อยตำรวจโทสุริยน ไรวา ถึงแม้ว่า นายเอิบ อิสระ เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสที่ไม่ใช่คนดั้งเดิมของจังหวัดนราธิวาส ย้ายมา ประกอบธุรกิจในอำเภอสุไหงโกลก จนเป็นที่รู้จัก และลงสมัคร เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีสุไหงโกลก 2 สมัย และลงสมัครเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้รับการเลือกตั้ง 2 สมัย จนเป็นที่ ยอมรับทั่วไปว่าคนที่จะมาเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน จังหวัดนราธิวาส ต้องเป็นบุคคลที่มีบารมี เป็นที่รู้จัก ยอมรับ มีอาวุโส คือ มีอายุ หรืออายุการทำงาน ประสบการณ์มากพอ มีบุคลิกลักษณะดี เสียงเพราะ รูปร่างสูงสง่า น่าเกรงขาม เป็น บุคคลที่มีฐานะทางสังคม มาจากตระกูลดี มีการศึกษาดี และ หรือภริยามาจากตระกูลดี มีฐานะทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้อง กับแนวคิดเรื่อง “บารมี” ของ ศาสตราจารย์ ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ที่ยืนยันว่า บารมีมีความสัมพันธ์กับผู้นำทางการเมืองและ การเมืองไทยเป็นอย่างมาก 330

สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ยุคท่ี 2 การเข้าสู่ การเมืองของ นายถาวร ไชยสุวรรณ นั้น เป็นเพราะไม่มีใครที่ จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งญาต ิ พี่น้อง เพื่อนฝูงก็ไม่มีใครเอาด้วย นายถาวร เลยต้องลงสมัคร ตอนนั้น นายถาวร อายุ 44 ปี ยังหนุ่มแน่น นายถาวร เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 สมัย นายถาวร ไชยสุวรรณ ได้เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เพราะเครือข่าย ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูงที่สนับสนุน และได้รับอิทธิพลจากน้าชาย คือ นายวงศ ์ ไชยสุวรรณ ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ ดร.สนิท สมัครการ ที่กล่าวว่า ในกิจกรรมทางการเมือง ความเป็นเครือญาติก็เป็น ตัวแปรสำคัญอันหนึ่งที่นำมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือกให้การสนับสนุน เพราะอิทธิพลของการสั่งสอน อบรมถ่ายทอดทางวัฒนธรรมจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ดังคำ พังเพยไทยที่ว่า “อย่าเห็นขี้ดีกว่าไส้” และยังสอดคล้องกับงาน วิจัยของ Somsak Srisontisuk ที่ได้ศึกษาเรื่อง Village Civil Society : A Solution for Ban Khum Community Problems (Tambon Khum Muang, Mahachanachai District Yasothon Province) พบว่าความสัมพันธ์ของชาวบ้านในชุมชนบ้านคุ้ม มีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติ แม้ว่าพวกเขาบางคนไม่ได้เป็น ญาติโดยสายโลหิต แต่ความรู้สึกผูกพันต่อกันก็เสมือน เครือญาติ มีการช่วยเหลือสนับสนุนกันเท่าที่สามารถจะช่วยได้ และสอดคล้องกับ แนวคิดเรื่อง “บารมี” ของศาสตราจารย์ ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ที่ยืนยันว่า บารมีมีความสัมพันธ์กับผู้นำ ทางการเมืองและการเมืองไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณสมบัติการ 331