นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส 23. นายอรรถพล มามะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล นายอรรถพล มามะ เป็นลูกนายหะยีดาโอ๊ะ และ นางไซนัส มามะ อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 4 ตำบลโฆษิต อำเภอ ตากใบ จังหวัดนราธิวาส จบการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียน บ้านโคกบือบา แล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนปอเนาะที่ไม่มีการสอน สายสามัญ เป็นโรงเรียนสอนศาสนาอย่างเดียว เรียนที่โรงเรียน ปอเนาะประมาณ 5 ปี นายอรรถพล มองว่าถ้าตนเองอยู่ที่ ปอเนาะตลอดไปจะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ จึงคิดกับเพื่อน ว่าพวกเราก็มีความรู้เรื่องศาสนาดีพอสมควร เราควรจะต้องหา ความรู้ในด้านสามัญเพื่อที่จะได้รู้เท่าทันโลกภายใน เพื่อนๆ ต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามที่ตนต้องการ ส่วนตัวนายอรรถพล กลับมาเรียนที่บ้าน เพราะทางบ้านของตนเองมีฐานะไม่ค่อยดี ตนเองเป็นลูกชาวนาเราต้องประหยัด นายอรรถพลกล่าวว่า ทางบ้าน บิดา มารดา มีอาชีพทำนา รายได้ไม่ค่อยดี ตนเองจึง ต้องเลือกเรียนโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน บิดา มารดาสามารถไป เยี่ยมได้ ทางบ้านไม่ต้องมีภาระมากนัก โรงเรียนที่ตนเองมา เรียนนั้นสอนทั้งสองระบบ คือ สอนศาสนาด้วย สอนสามัญด้วย หลังจากจบมัธยม 6 นายอรรถพลก็ไปเรียนต่อที่ วิทยาลัยเกษตรนราธิวาส (เกษตรป่าไผ่) จังหวัดนราธิวาส เพื่อ ที่จะกลับมาพัฒนาบ้านตนเองในด้านการเกษตร พอเข้าไปเรียน 232
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ที่วิทยาลัยเกษตรนราธิวาส ตนเองมีพื้นฐานทางศาสนามาดี รุ่นพี่เลยตั้งให้เป็นประธานชมรมมุสลิมในวิทยาลัยฯ ระหว่าง เรียนนั้นนายอรรถพล ก็ทำงานหารายได้ไปด้วย นายอรรถพล เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเกษตรนราธิวาส 2 ปี จบ ปวช. แล้วไปเรียน ต่อที่วิทยาลัยเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช 2 ปี จบ ปวส. แล้วไปเรียนระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (เกษตรทุ่งใหญ่) พอเรียนจบก็กลับ มาอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นหมู่บ้านของนายอรรถพล มีนายอรรถพล คนเดียวที่เรียนจบระดับปริญญาตรี พอกลับมาอยู่ที่บ้านก็รู้สึก ว่าคนในหมู่บ้านไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรม พอไปที่อำเภอ ก็ไม่มีใครจะช่วย ตนเองเลยเข้าไปช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับ ชาวบ้านในหมู่บ้านโดยการอาสาทำงานให้กับชาวบ้าน โดย ประสานงานกับทางอำเภอ ปลัดอำเภอในงานฝ่ายทะเบียน ต่างๆ งานในหมู่บ้านต่างๆ นายอรรถพลก็เข้าไปช่วย การ ช่วยงานให้กับชาวบ้านนั้น นายอรรถพลรู้จักกับปลัดเฉลิม ปลัดเฉลิมบอกนายอรรถพลว่าตัวปลัดเฉลิมนั้นจะลงสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขต 1 อำเภอตากใบ นายอรรถพล บอกว่ายินดีที่จะช่วยในการหาเสียง เพราะตนเองอยู่ในเขต อำเภอตากใบอยู่แล้ว ปลัดเฉลิมประกาศตัวลงสมัครสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคไทยรักไทย เขต 1 ในการหาเสียง พบปะกับประชาชนตามงานต่างๆ นายอรรถพลก็ช่วยปราศรัย ด้วยตลอดการหาเสียงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งในการ หาเสียงนั้นนายอรรถพลสามารถใช้ภาษาถิ่นมลายู ในพื้นที่ มุสลิม และภาษาไทยถิ่นใต้ ในพื้นที่ของคนไทยพุทธ 233
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส การเขา้ สูเ่ ส้นทางการเมอื ง นายอรรถพล มามะ ได้เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาส ได้เพราะเขตเลือกตั้งที่ 2 เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง มีการฟ้องร้องระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ พรรค ประชาธิปัตย์ กับพรรคความหวังใหม่ ทำให้พรรคความหวังใหม่ โดนใบแดง กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจึงมอบให ้ ปลัดเฉลิมช่วยหาผู้ลงสมัครเขตเลือกตั้งที่ 2 ปลัดเฉลิมนึกถึง นายอรรถพลที่ได้ช่วยหาเสียงมาตลอดจึงไปชวนให้มาลงสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต 2 ของจังหวัดนราธิวาส ซึ่ง นายอรรถพลมีคุณสมบัติที่จะลงสมัครได้ เพราะจบปริญญาตรี อายุ 25 ปีพอดี และไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งล่าสุด (เลือกสมาชิก วุฒิสภา) ตอนแรกนั้นนายอรรถพลปฏิเสธ เนื่องจากตัวนาย อรรถพลยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และยังอายุน้อย เกินไป ปลัดเฉลิมก็ให้ตัวแทนไปขออนุญาตจากบิดาของ นายอรรถพลให้นายอรรถพลลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดนราธิวาส ทางบ้านบิดา มารดา ญาติ พี่น้องไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่ผู้แทนของปลัดเฉลิมไปขออนุญาตให้นายอรรถพลลงสมัครรับ เลือกตั้งในครั้งนั้น การสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งนั้น ตัวแทนของปลัดเฉลิมและปลัดเฉลิมเป็นคนดำเนินการ ทุกอย่างให้กับนายอรรถพล ทุกอย่างกะทันหันมากจน นายอรรถพลทำอะไรไม่ถูก วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันรับสมัครผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 234
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส วิธีการหาเสยี ง นายอรรถพล มามะ ก็หาเสียงตามแบบอย่างของ ตนเอง ไปเดินเคาะประตู ไปงานต่างๆ ปราศรัยตามงานทั่วไป เหมือนกับที่นายอรรถพลช่วยปลัดเฉลิมหาเสียงใช้วิธีการ เดียวกัน ไปหาญาติพี่น้องให้ช่วย ทั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 และ เขตเลือกตั้งที่ 2 และมีสมาชิกพรรคความหวังใหม่และพรรค ไทยรักไทยมาช่วยในการปราศรัยใหญ่ที่อำเภอสุไหงโกลก และนายอรรถพล จะหาเสียงในกลุ่มผู้นำศาสนา เช่น อิหม่าม คอเต็บมิหล่าน โต๊ะครูบอกว่าช่วยหาเสียงเลือกนายอรรถพล ด้วยจะได้มีผู้แทนทางศาสนาเข้าไปทำหน้าที่ในสภา มีการเดิน เคาะประตู ขึ้นบ้าน แผ่นพับแนะนำตัว มีโปสเตอร์ คัทเอาท์ นายอรรถพล มามะ ไม่เคยคิดว่าตนเองจะมาถึงจุดที่ สูงสุดในชีวิตโดยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นราธิวาส บทบาททางการเมือง นายอรรถพล มามะ ก็มีบทบาทและทำหน้าที่เหมือนกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป คือ เสนอนโยบาย เป็น กรรมาธิการเสนอร่างตั้งมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ การเสนอตั้งธนาคารอิสลาม ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของนาย อรรถพล การอภิปรายนโยบาย กฎหมายต่างๆ ที่เสนอเข้าสภา เป็นหน้าที่และเป็นอิสระของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคน นายอรรถพล ยังเป็นกรรมาธิการคณะกรรมการทางศาสนา อิสลาม เรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม นายอรรถพลจะนำมา อภิปรายในสภา 235
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เครอื ข่ายกลมุ่ ต่างๆ นายอรรถพล มามะ มีเครือข่ายที่เป็น 1. กลุ่มศาสนา ในพื้นที่ 2. เป็นครูโรงเรียนตาดีกา (โรงเรียนสอนศาสนาเอกชน) 2 กลุ่มนี้คือคะแนนจัดตั้งของนายอรรถพล ก่อนที่จะมาลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายอรรถพลเป็น อาสาสมัครสอนศาสนาในโรงเรียนตาดีกา ในเขตอำเภอตากใบ กลุ่มครูโรงเรียนตาดีกาก็มีเครือข่ายที่เป็นจิตอาสาสอนศาสนา ในโรงเรียนทั้งระดับอำเภอระดับจังหวัด จะรู้จักกัน เครือข่าย โรงเรียนตาดีกากว้างมาก กลุ่มผู้นำศาสนามีอิหม่าม โต๊ะคร ู คอเต็บมิหล่าน เป็นฐานของนายอรรถพลอยู่แล้ว ปัจจุบัน นายอรรถพล มามะ แต่งงาน มีบุตรสาว 2 คน ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส นายอรรถพล มามะ มีวิถีชีวิตที่มาจากเกษตรกร ครอบครัวทำนา จึงเข้าใจถึงความลำบากของเกษตรกร นายอรรถพล ได้นำหลักการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามพระราช- ดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้กับตนเองและ ครอบครัว นายอรรถพล มามะ มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานาน มากแล้ว อยากฝากให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ และประชาชนในพื้นที่ โดยดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ แก้ปัญหา ให้เหมือนกับสมัยที่แก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ ปัญหา คอมมิวนิสต์ที่หมดไปเพราะประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐ ต้องเข้าใจประชาชนในพื้นที่ ประชาชนส่วนใหญ่รู้ทุกอย่าง อยู่ที่ 236
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่เท่านั้นเอง การที่ประชาชนจะให้ ความร่วมมือประชาชนต้องดูตัวเองด้วยว่าจะปลอดภัยหรือไม่ ฝากให้รัฐบาลช่วยทำให้ประชาชนไว้ใจเจ้าหน้าที่ของรัฐทุก หน่วยงานที่ลงไปในพื้นที่สามจังหวัดชายแดน สถานการณ์หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น ประชาชนในพื้นที่ไม่ ยอมรับกับขบวนการต่างๆ ที่อ้างตัวแล้วมาทำร้ายประชาชน มาทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องส่งเสริมให้ประชาชนดูแลกันเอง มีหมู่บ้านป้องกันภัย มีชุดคุ้มครองหมู่บ้าน มีงบประมาณ ให้กับคนที่ทำงานให้หมู่บ้านในการเฝ้ายาม ดูแลหมู่บ้าน เพราะ บุคคลเหล่านี้เสียสละการทำมาหากินมาดูความปลอดภัยให้กับ คนในหมู่บ้าน ต้องได้รับการตอบแทนบ้าง ถ้าประชาชนดูแล กันเองทุกคน ทุกหมู่บ้านต้องการความสงบ ความปลอดภัย ไม่ต้องการให้หมู่บ้านของตนเกิดเรื่อง หรือถูกกล่าวหาว่าเป็น พื้นที่อันตราย พื้นที่สีแดง รัฐต้องช่วยสนับสนุนในเรื่องต่างๆ อย่างเช่น กองทุนหมู่บ้านดแู ลกันเอง อย่าให้เกิดเหตุการณ์ หรือ สถานการณ์ต่างๆ ณ ปัจจุบันนี้การแก้ปัญหาในพื้นที่เป็นเพียง การสกัดเท่านั้น คนที่ก่อเหตุ หรือสร้างสถานการณ์จะไม่เดินใน ที่สว่างให้เห็น บนถนนมีการตั้งด่านคนร้ายก็จะไม่ไปให้ถูกจับ นายอรรถพล คิดว่าถ้าให้ชาวบ้านดูแลกันเองภายในหมู่บ้าน เหตุการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถคลี่คลาย หรือดีขึ้นได้ รัฐควร ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน นายอรรถพล มามะ ฝากถึงกลุ่มเยาวชนในเรื่อง ยาเสพติด เพราะเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ และเป็นปัญหา ทางด้านศาสนาด้วย ไม่ใช่ในเรื่องของกฎหมายเพียงอย่างเดียว ปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีมาก 237
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เพราะเยาวชนว่างงานเยอะมาก การเรียนไม่ค่อยมีมากนัก เยาวชนจึงจับกลุ่มกันทำในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งเสพยา ทำน้ำ กระท่อม และอีกหลายๆ อย่าง ฝากรัฐบาลให้โอกาสกับเยาวชน ในพื้นที่สามจังหวัดด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับเยาวชน ให้มาก และเปิดโอกาสทางการศึกษาให้มากขึ้น เด็กในพื้นที่ไม่ สามารถไปแข่งขันกับที่อื่นได้ ไม่สามารถเรียนระดับปริญญาตรี ได้ พอจบ ม.6 ทางบ้านมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ได้เรียน ไม่มี งานทำ ส่วนการสอบแข่งขันก็ทำกันภายในพื้นที่ รัฐบาลบอกว่า สามจังหวัดเป็นพื้นที่พิเศษ ก็ควรให้อะไรที่เป็นแบบพิเศษๆ ดูบ้าง ให้สอบแข่งขันกันเองเหมือนการสอบแข่งขันเข้าเรียน พยาบาล 3,000 ตำแหน่ง ถ้าไม่ให้โอกาสแบบนี้ เยาวชนใน สามจังหวัดจะมีโอกาสเข้าเรียนถึง 100 คน หรือเปล่า ไม่แน่ใจ 23. นายอดุลย์ สาฮีบาตู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พ.ศ.2548 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ประสบการณ์การทำงาน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 4 ระหวา่ ง พ.ศ. 2548 ถงึ พ.ศ. 2549 อดตี คณะกรรมาธกิ ารการศกึ ษา ประจำสภาผู้แทนราษฎร อดีตคณะกรรมาธิการการพัฒนาการ ศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสำนักนายก- รัฐมนตรี 238
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ข้อมลู ส่วนบคุ คล นายอดุลย์ สาฮีบาตู ปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) อายุ 34 ปี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2520 เป็นคนนราธิวาสโดยกำเนิด อยู่ที่อำเภอ ศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส การศึกษา เรียนจบชั้นประถมต้น และมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียนศรีวารินทร์ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส เข้าไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยที่กรุงเทพฯ จบ ปริญญาตรี ภาษาอังกฤษธุรกิจ จากสถาบันราชภัฏจันทรเกษม นายอดุลย์ สาฮีบาตู กล่าวว่า ตนเองโชคดีที่เกิดมา ครอบครัวแวดวงนักการเมือง บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นกำนัน เป็นสมาชิกสภาจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้บุกเบิกสภาตำบล ในบ้านเกิด เป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2 – 3 สมัย ตอนนี้บิดาเสียชีวิตแล้ว ได้ติดตามบิดาทำกิจกรรมทางการเมือง มาตลอดเกือบ 30 ปี หลังจากนั้นก็เข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนอิสลามวิทยาลัย เป็น โรงเรียนประจำ ก็มีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้นำประธานชมรม หอพักในโรงเรียน เป็นประธานอยู่ 2 ปี นายอดุลย์ กล่าวว่า ตัวเองจริงๆ โดยนิสัยไม่ชอบเรื่องการเมืองสักเท่าไหร่ เพราะ บิดาไม่มีเวลาให้กับตนเองเลย ไม่มีเวลาให้กับลูก ให้กับ ครอบครัว ตื่นเช้าก็ออกจากบ้าน กลับมาตี 1 ตี 2 ก็ไม่เห็นหน้า ลูกๆ โดยนิสัยเลยไม่ชอบ แต่พอไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ ได้รับ โอกาสก็ต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำอยู่โรงเรียนประจำ 3 ปี ก็ได้เป็น ผู้นำ เป็นประธานชมรมหอพักอยู่ 2 ปี 2 สมัย ก็ทำกิจกรรม ตลอด พอเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาที่ราชภัฏจันทรเกษมก็ได้รับ 239
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เลือกอีกให้เป็นรองประธานชมรมมุสลิม ก็ทำกิจกรรมให้กับ มหาวิทยาลัยตลอด พอเรียนจบ โดยบุคลิก โดยนิสัยเป็นคน ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว มีนิสัยเอื้อเฟื้อ จริงใจ และตั้งใจ หลายคนมองว่าน่าจะไปสู่เส้นทางทางการเมืองได้ แต่ในช่วง เวลานั้นตนเองก็ได้ปฏิเสธตลอดเพราะว่าไม่ชอบ พอเรียนระดับมหาวิทยาลัย นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนเอง ได้เลือกเรียนสาขาวิชาที่ตนเองชอบคือ ภาษาอังกฤษธุรกิจ เพราะอยากทำงานการบินไทย การโรงแรม อยากเป็นไกด์ อยากทำงานระหว่างประเทศ ช่วงเวลาที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ให้ไปฝึกงาน และไปติดต่อสถานที่ฝึกงาน ประกอบกับมีเพื่อน ของบิดาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ให้ไปฝึกงานที่รัฐสภา ระยะเวลา 6 เดือน ไปฝึกงานกับเพื่อน 2 คน ตอนฝึกงานนั้น ทำงานอยู่ที่ห้องคณะกรรมาธิการประจำคณะกรรมาธิการมิติ ของรัฐสภา สมัยนั้นเป็นของอาจารย์สมัย เจริญช่าง เป็นสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรกรงุ เทพมหานคร อยกู่ บั อาจารยส์ มยั ประมาณ 6 เดือน อาจารย์สมัยก็เห็นแววว่าสามารถทำงานได้ ทำงานทุก อย่างให้อาจารย์ ตัดหญ้าด้วยขับรถให้อาจารย์ไปรัฐสภาด้วย และประจำสำนักงานที่เขตคลองสามวาด้วย ที่บ้านก็ดีใจที่ได้ ทำงานกับอาจารย์ ฝึกงานเสร็จก็ทำงานต่อกับอาจารย์สมัยที่ สำนักงานคลองสามวาอยู่กับอาจารย์สมัย 2 ปี ติดตามอาจารย์ ทำกิจกรรมหาเสียงลงพื้นที่ตลอด 2 ปี คลุกคลีเห็นการทำงาน การเมือง ก็ซึมซับถึงจิตใจ เริ่มชอบงานการเมืองแล้ว เพราะเป็น คนขับรถ ประสานงาน ทำกิจกรรมทางการเมืองของอาจารย์ สมัยทุกเรื่อง ทุกอย่าง ช่วยอาจารย์มาตลอด เริ่มจุดประกาย 240
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส การเข้าสู่แวดวงการเมืองเองตั้งแต่อยู่กับอาจารย์สมัย เจริญช่าง นายอดุลย์กล่าวว่า อาจารย์สมัย เจริญช่าง เป็นที่ยอมรับใน แวดวงของคนมุสลิมและอาจารย์เป็นระดับประเทศแล้ว ตนเอง ได้ดูวิธีการพบปะประชาชน การทำงานและการทำกิจกรรมทุก อย่างทางการเมืองของอาจารย์ อาจารย์สมัยเป็นแบบอย่างให้ กับตนเองมาก การเขา้ สู่เสน้ ทางการเมอื ง ในช่วงรัฐบาล พ.ศ. 2548 รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ยุบสภา และในช่วงเวลานั้นตนเองยังไม่มีครอบครัว ก็เดินทาง กลับบ้านที่จังหวัดนราธิวาสมาประกอบอาชีพส่วนตัว การที่เรา ออกจากบ้านไปตั้งแต่เด็ก พอกลับบ้านมาก็ไม่รู้จักใครสักคน มีแต่เพื่อนสมัยที่เรียนชั้นมัธยม 3 สมัยประถม สมัยมัธยม ไม่มี การคบหาสมาคม ไม่มีการเที่ยวกัน หรือผูกสัมพันธ์กันกับเพื่อน ในพื้นที่สักเท่าไหร่ ก็ทำงานส่วนตัวโดยอาศัยบารมีคุณพ่อ อาศัยพรรคพวกทีมงานคุณพ่อในการประสานงานติดต่อเรื่อง ธุรกิจ ทำธุรกิจประมาณ 6 เดือน รัฐบาลทักษิณฯ ก็ยุบสภา ในเวลานั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากนักในเรื่องการเมือง ทำแต่ ธุรกิจส่วนตัวของตนเอง ไม่สนใจการเมืองเลย และตอนนั้น อายุยังน้อยด้วยประมาณ 25 ปี ตอนนั้นก่อนจะเปิดรับสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็มีการเปิดรับสมัครนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ก็มีทีมงานนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดคนปัจจุบัน (พ.ศ. 2554) มาทาบทามบิดาให้นายอดุลย์ ไปเป็นเลขานายก อบจ. แต่ตอนนั้นอายุของตนเองยังไม่ถึง กฎหมายให้ผู้ที่เป็นผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต้อง 241
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส มีอายุ 30 ปี ขึ้นไปถึงจะได้เป็น ตนเองเลยพลาดโอกาส หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนก็ยุบสภาก็มีการรับสมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาเขตพื้นที่การเลือกตั้งที่ 4 จังหวัด นราธิวาส เป็นพื้นที่ของนายเจะอามิง โต๊ะตาหยง พื้นที่เขต เลือกตั้งที่ 1 คุณหมอพรพิชญ์ ย้ายพรรคไปอยู่พรรคไทยรักไทย เลยทำให้ที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์เขตเลือกตั้งที่ 1 ว่างลง นายเจะอามิง ย้ายไปลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือก ตั้งของตนเอง คือ เขตเลือกตั้งที่ 4 ว่าง ทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้นายเจะอามิง และกรรมการสาขาพรรค และ ทีมงานในพื้นที่สรรหาผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในตอนนั้นมี 2 คน ที่ชาวบ้านเสนอ คือ นายอดุลย์ กับลูกกำนัน ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร โดยมอบชื่อให้พรรคพิจารณา ทางพรรค ประชาธิปัตย์เห็นว่านายอดุลย์ คลุกคลีกับพรรคประชาธิปัตย์ อยู่แล้วตอนที่อยู่กับอาจารย์สมัย เจริญช่าง และได้รู้จักกับ ผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆ คน ที่เอ็นดู กรุณาให้โอกาสในการทำ กิจกรรมทางการเมืองครั้งที่ผ่านมา โดยฉันทานุมัติให้นายอดุลย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 4 ของจังหวัดนราธิวาส ตอนนั้นนายอดุลย์ อายุประมาณ 26 ปี ยังพูดภาษายาวีไม่คล่อง พูดภาษาไทยก็ไม่ชัด เพราะการ ปราศรัย การพบปะประชาชนโดยพื้นฐานต้องใช้ภาษาท้องถิ่น โดยบริบทสังคมชนบทในจังหวัดนราธิวาสแตกต่างกับสังคมใน เมืองหรือกรุงเทพฯ โดยประเพณี วัฒนธรรมของจังหวัด นราธิวาส นายอดุลย์ก็ไม่เคยคลุกคลีกับประชาชน ชาวบ้านเป็น อย่างไร นายอดุลย์ต้องศึกษาอยู่หลายเดือน ศึกษาในเรื่องของ วิถีชีวิต ศึกษาในวิธีการหาเสียงของผู้แทนแต่ละคนว่าทำ 242
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส อย่างไรบ้าง ศึกษาอยู่หลายเดือน เราจะสู้ในเรื่องการปราศรัย ก็ไม่ได้เพราะเราไม่คล่อง การพูดยังติดขัดในเรื่องภาษา เลย ต้องใช้วิธีการเดินพบปะประชาชน เคาะประตูบ้าน เดินขอ คะแนนทุกบ้านในช่วงเวลานั้น เพราะเราพูดไม่เป็น ปราศรัย ไม่เป็น เรื่องประสบการณ์ในพื้นที่น้อยมาก เลยต้องใช้วิธีการ หาเสียงโดยเดินเคาะประตูบ้าน ขอคะแนน บอกว่าตนเองเป็น ลูกของใคร แสดงพฤติกรรม แสดงความตั้งใจว่าเราต้องการเป็น ส.ส. ต้องการเป็นตัวแทนของเขา โดยการชูการเป็นคนรุ่นใหม่ อาศัยคนรุ่นใหม่ทำประโยชน์ นายอดุลย์ กล่าวว่า ในช่วงโอกาส นั้นก็ได้รับโอกาสจากชาวบ้านพื้นที่เลือกตั้งที่ 4 มี 4 อำเภอ คือ อำเภอรือเสาะ ศรีสาคร ยี่งอ และอำเภอบาเจาะ ได้คะแนนเป็น อันดับที่ 2 ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสมัยแรก พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2549 ทำงานพื้นที่ ตลอด ยังไม่ปรากฏว่าที่ผ่านมามี ส.ส.ที่บ้างานเหมือน นายอดุลย์ เพราะทำงานตลอดการเป็น ส.ส. ใน 1 สัปดาห์ นายอดุลย์ จะอยู่กรุงเทพฯ 3 วัน อยู่ในพื้นที่ 3 วัน จะไปงาน ทุกงาน มีวันหนึ่งนายอดุลย์ ไปถึง 20 งานในพื้นที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ ถ้าชาวบ้านโทรมาบอก นายอดุลย์ไปทุกงาน นายอดุลย์ อาศัยความตั้งใจในการ ทำงาน เมื่อเราเป็นแล้วต้องให้ชาวบ้านเห็นหน้าเรา เป็นตัวแทน เขาจริงๆ ไปรับทราบปัญหา ไปแก้ปัญหาในพื้นที่ตามภาระ หน้าที่ของเรา ช่วงเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนเองทำงานเต็มที่ คลุกคลีในพื้นที่ 4 อำเภอ หลังจากนั้นรัฐธรรมนูญบัญญัติให้รวมเขตเล็กเป็นเขตใหญ่ 243
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ระยะเวลาในการหาเสียง 60 วัน เพิ่มอำเภอสุไหงโกลก ตากใบ และอำเภอเมืองนราธิวาส นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนเองไม่เคยมี เพื่อนในอำเภอสุไหงโกลก ไม่เคยไปคบหาสมาคมกับคนใน อำเภอตากใบ และไม่เคยไปเที่ยวกับคนในเมืองนราธิวาส เป็น พื้นที่ใหม่ ระยะเวลา 60 วัน ต้องอาศัยการลงไปคลุกคลีคบหา สมาคมในพื้นที่ใหม่ แต่ในพื้นที่หลักนายอดุลย์ ก็ทำงานเต็มที่ แล้ว เพราะเรารู้จักชาวบ้าน ชาวบ้านรู้จักเรา มีความลึกซึ้งใน การทำงานมาตลอด ตอนนั้นนายอดุลย์ทุ่มเทให้กับเขตพื้นที่ เลือกตั้งใหม่ แต่ในเขตพื้นที่เก่าที่เราได้รับโอกาส ชาวบ้านคิดว่า เราทิ้งพวกเขา นายอดุลย์จึงไม่ได้รับโอกาสเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรใน พ.ศ. 2550 พอมาถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ (พ.ศ. 2554) การเลือกตั้งอาศัยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ใช้เขตพื้นที่เลือกตั้ง เดิม แคบลง ชาวบ้านเลือกได้คนเดียวเหมือนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 นายอดุลย์กล่าวว่า ตนเองมีความมั่นใจสูง เพราะตนเอง เป็นคนในพื้นที่ และคลุกคลีกับชาวบ้านมาตลอด ทำกิจกรรม ทางการเมืองตลอด ชาวบ้านรู้จักว่าเราเป็นคนนิสัยอย่างไร มีความตั้งใจมากแค่ไหน เลยมีความมั่นใจสูง แต่ปัญหาตอนนี้ คือ นายอดุลย์ ไม่สามารถไปสู่แรงปัจจัยในการหาเสียงกับ คู่ต่อสู้ไม่พอ นายอดุลย์ กล่าวว่า การเมืองปัจจุบันแตกต่างกับ การเมืองในอดีตมาก โดยธรรมดานิสัยของชาวบ้านจะซึมซับ และเข้าใจว่า คนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 244
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส มีอำนาจหน้าที่ในการนำงบประมาณมาพัฒนาในพื้นที่ได้เต็มที่ ชาวบ้านยังเข้าใจว่าคนที่เป็น ส.ส. สามารถทำอะไรก็ได้ หลายๆ อย่าง ด้วยอำนาจของ ส.ส. เช่น มีการทำเต็นท์ที่มีชื่อ ส.ส. ได้ ทำถนน ทำเส้นทาง ปักชื่อ ส.ส. ได้ ชาวบ้านยังเข้าใจอย่าง นั้นอยู่ นายอดุลย์ พยายามอธิบายให้ชาวบ้านรับรู้ถึงบทบาท หน้าที่ของการเป็นผู้แทน เป็น ส.ส. อธิบายถึงรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ว่ามีการกระจายอำนาจ การปกครองสู่ท้องถิ่น คนที่เป็น ส.ส. ไม่มีอำนาจอย่างนั้นแล้ว ส.ส.เป็นตัวแทนของชาวบ้านที่เข้าไปพูดในสภา พยายาม อธิบายถึงงบประมาณว่าเป็นเรื่องของท้องถิ่น ไม่ใช่อำนาจของ ส.ส. ส.ส.เพียงแต่เสนอในสภาเท่านั้นเอง นายอดุลย์ กล่าวว่า การเป็นนักการเมืองไม่ใช่เป็นเรื่อง ของมรดกที่ตกทอด อยู่ที่ว่าคนที่เป็นก่อนนั้นจะเข้าถึงชาวบ้าน ทำประโยชน์ให้ชาวบ้านมากขนาดไหน พฤติกรรมสมัยที่เป็น ส.ส.นั้นเขาทำความดีอะไรบ้าง นายอดุลย์ กล่าวว่า ชาวบ้าน ฉลาดมากที่จะเลือกตัวแทนของเขา เขาติดตามสถานการณ์ ทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หลายๆ ข่าว หลายๆ สื่อ เขา สามารถเข้าใจว่าคนที่เป็นผู้สมัครนั้นเป็นคนอย่างไร แค่ไหน แต่ละสมัยไม่เหมือนกัน เมื่อเราเป็น ส.ส. แล้วชาวบ้านต้องการ ให้เราเข้าไปหาเขาบ้าง เมื่อเราได้เป็น ส.ส.แล้ว ให้เขาเห็นหน้า บ้าง มารับทราบปัญหา มาเยี่ยมบ้าง อีกเรื่องที่ชาวบ้าน ต้องการคือให้พูดในสภาให้มากๆ พูดแทนชาวบ้านเพราะเขาไม่ สามารถไปพูดได้ และเมื่อเขาพูดในสถานที่แคบๆ ความไม่ ปลอดภัยมีสงู มาก 245
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ขอ้ มูลอื่นๆ นายอดุลย์ มองว่า สถานการณ์ความไม่มั่นคงในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ เราต้องใช้การพัฒนาอย่างเดียวเท่านั้นไป สอดแทรก ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ในหมู่บ้าน โดยส่วนตัวนายอดุลย์ ได้นำปัญหาไปนำเสนอ นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนเองบอกชาวบ้านตลอดว่าในพื้นที่บ้านเราต้องนำ การพัฒนาเข้าแก้ไขปัญหา พัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ เข้าไป สอดแทรกการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคนนอกกรอบ นายอดุลย์ บอกว่า ตนเองจะไม่ไปแตะเรื่องของความ มั่นคง ปล่อยให้เป็นเรื่องของทางทหาร หรือหน่วยงานที่ รับผิดชอบ เพราะจะไปกระทบคนที่มีความคิดไม่เหมือนกับคน ส่วนใหญ่ อยากให้เยาวชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทางการเมืองให้ มากขึ้น เพราะว่าปัจจุบันเยาวชนในพื้นที่ไม่ค่อยสนใจในเรื่อง การเมืองมากนัก จะรวมกันอยู่เป็นกลุ่มมีพฤติกรรรมอื่นๆ แบบ มั่วสุมกัน จึงอยากให้เยาวชนหันมาสนใจในเรื่องการเมือง มากขึ้น โดยอาศัยกลุ่มของตนเองทำกิจกรรมมีบทบาททางการ เมืองมากขึ้น ตอนนี้ในทุกพื้นที่ทุกคนทราบดีว่าเยาวชนมีการ ร่วมกันไปในทางที่ผิด ผู้นำก็ไม่ค่อยสนใจกลุ่มเยาวชนเท่าไรนัก คือไม่ให้บทบาท ไม่ให้หน้าที่ พยายามเรียกร้องให้เยาวชน มีบทบาทมากขึ้น แสดงความคิดเห็นกับผู้นำในพื้นที่มากขึ้นว่า กลุ่มเยาวชนต้องการอะไร แต่ละกลุ่ม แต่ละหมู่บ้านให้นำเสนอ ต่อผู้นำของตนเอง ถ้าเสนอผู้นำไม่ได้ก็ให้ผ่านมาทางทีมงาน ของ ส.ส. หรือทีมงานท้องถิ่นหรือระดับชาติก็ได้ให้สะท้อน ปัญหาความต้องการของเขา แต่ตอนนี้ดูเงียบ ต้องพยายาม กระตุ้นกลุ่มเยาวชนอยู่ 246
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นายอดุลย์ กล่าวว่า ตอนนี้ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่อง ยาเสพติด เพราะที่รู้ๆ กันว่ายาเสพติดเข้าเกือบทุกหมู่บ้าน ทุกระดับ ตอนนี้หนักไปทางเยาวชนทุกพื้นที่ นายอดุลย์เป็นห่วง เรื่องยาเสพติดมากที่สุด ถ้าเยาวชนติดยาเสพติดก็จะโดนคนที่มี ความรู้ มีปัจจัยไปทำเรื่องต่างๆ ที่ไม่ดีได้ อยากให้เยาวชน ในพื้นที่เน้นไปในเรื่องศาสนา เข้าสู่เส้นทางศาสนาให้มากขึ้น อยากให้เยาวชนคิดถึงครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้องให้มาก เพราะมี อะไรขึ้นมา หรือเวลาที่มีปัญหาคนแรกคนที่กังวล เดือดร้อนคือ ครอบครัว พ่อแม่ อยากให้เห็นใจพ่อแม่ให้มาก 24. นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส สังกัดพรรค เพื่อแผ่นดิน นายแพทยแ์ วมาฮาดี แวดาโอะ เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี 16 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2505 ที่จังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดนราธิวาส อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน อดีต ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายสากล ต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ. 2549 และได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 นายแพทย์แวมาฮาดี เป็นชาวจังหวัดนราธิวาส จบ การศึกษาปริญญาตรี จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2529 เริ่มทำงานที่โรงพยาบาล นราธิวาสราชนครินทร์ ก่อนลาออกไปเปิดคลินิก และขยาย กิจการเป็นโรงพยาบาล และทำงานเป็นพัฒนาชุมชนร่วมกับ องค์กรรัฐและอาสาสมัครจากชุมชนต่างๆ 247
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส นายแพทยแ์ วมาฮาดี ถกู เจา้ หนา้ ทต่ี ำรวจจบั กมุ ทบ่ี า้ นพกั เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2546 เนื่องจากถูกซัดทอดจาก นายอาราฟิน บิน อาลี หรือบังริดวน ชาวสิงคโปร์ สมาชิกกลุ่ม ก่อการร้ายเจมาห์ อิสลามิยาห์ (เจไอ) ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ ร่วมวางแผนก่อวินาศกรรมระเบิดสถานทูต 5 แห่งในกรุงเทพฯ ในช่วงการประชุมเอเปค นายแพทย์แวมาฮาดีถูกคุมขังที ่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นเวลาถึง 2 ปี จากนั้นก็ได้รับการ ปล่อยตัวในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2548 เนื่องจากศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง และพนักงานอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์ หลังได้รับอิสรภาพ นายแพทย์แวมาฮาดี ลงสมัครรับ เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2549 ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 และเมื่อวุฒิสภาสิ้นสภาพลง หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ก็ได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายแพทย์แวมาฮาดี สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัด นราธิวาส เป็นหัวหน้ากลุ่มสัจจานุภาพ ซึ่งปัจจุบันเข้าร่วม กิจกรรมทางการเมืองกับพรรคมาตุภูมิ เครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ พ.ศ. 2553 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) 25. นายกูเฮง ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส (พ.ศ.2548) พรรคชาติไทยพัฒนา 248
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล นายกูเฮง ยาวอหะซัน เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2508 เริ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านบันนังตาหยี ตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก จนถึงชั้นประถมปีที่ 6 เรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนนราธิวาส จบการศึกษาปริญญาตรี รฐั ศาสตร์ (บริหารรัฐกจิ ) มหาวทิ ยาลัย รามคำแหง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส เขต 2 พ.ศ. 2550 อดตี คณะกรรมาธกิ าร วิสามัญพิจารณาศึกษา ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2550 อดีต คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส เขต 3 พ.ศ. 2548 อดีตสมาชิกสภาจังหวัด เขตอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส อดีตผู้สมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 การเขา้ สกู่ ารเมอื งและปจั จยั ทที่ ำใหไ้ ดร้ บั การเลอื กตง้ั นายกูเฮง ยาวอหะซัน กล่าวว่า ครอบครัวตนเองเป็น ครอบครัวนักการเมือง ตั้งแต่สมัยคุณปู่ ก็เริ่มมีสายเลือด นักการเมืองเต็มตัว โดยการที่คุณปู่ช่วยสร้างนักการเมือง หลายคน สมัยนั้นคุณปู่เป็นกำนัน ก็ช่วยผลักดันคุณสิทธิชัย บือราเฮง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส คุณปู่ เป็นคนช่วยวางแผนหาเสียงให้ มาถึงสมัยคุณอา ซึ่งเป็นกำนัน ที่เพิ่งเสียชีวิตประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะโดนยิง จนมาถึง บิดาของตนเองมีบทบาทมากที่สุดในตระกูล ซึ่งบิดาก็ไม่ได้มี การศึกษาสูงมากนัก แต่จุดที่บิดายืนอยู่ตรงนี้คือจุดที่สูงสุดของ นักการเมืองท้องถิ่น บิดาเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นราธิวาส (นายก อบจ.) ประมาณ 3 สมัย รุ่นคณุ อา เป็นสมาชิก 249
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส สภาจังหวัดนราธิวาส 1 สมัย มาถึงรุ่นลูก และรุ่นหลาน คือ ตนเองนายกูเฮง ยาวอหะซัน ซึ่งเป็นบุตรชายของนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาสคนปัจจุบัน ตนเองเป็นบุตร คนแรกของบิดาที่สนใจทางการเมือง งานทางการเมืองนั้น บิดาเป็นคนที่ปูทางให้ตนเอง คุณปู่จะปูทางให้บิดา พอตนเอง บิดาก็ปูทางไว้ให้ ตนเองเพียงรักษาผลงานที่บิดาทำไว้ ไม่ต้อง ทำอะไรมากนัก เพราะทุกอย่างบรรพบุรุษสร้างมาดีแล้ว เรารุ่นหลานก็รักษาความดีที่ทำเอาไว้ พยายามเดินตามรอย ไม่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ นายกูเฮง กล่าวว่า ตนเองเป็นคนค่อนข้างจะอาภัพ สักนิดในเรื่องการเมือง อยู่ในตำแหน่งอะไรไม่ค่อยได้นาน สมัยแรกเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) เป็นได้ไม่ถึงปี ก็มีการ เลือกตั้งใหญ่ ตนเองสนใจการเมืองระดับชาติลาออกจากการ เป็นสมาชิกสภาจังหวัดมาสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยแรกสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ประสบผลสำเร็จ ต้องคอย อีก 4 ปี หลังจากนั้นก็ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 2 ชนะ ก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยแรก สังกัดพรรค ชาติไทย ของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรได้ 1 ปีพอดีเกิดการยุบสภา ก็ต้องคอยอีกประมาณ 2 ปี ตอนนั้นมีการเลือกตั้ง ศาลก็สั่งให้เป็นโมฆะ มีปัญหาทาง การเมือง พอครั้งล่าสุด พ.ศ.2550 ก็ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง แต่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึงปี ก็โดนเว้นวรรคทาง การเมือง 5 ปี จะถามถึงผลงานก็ยังไม่ค่อยมีอะไรมาก งานใน พื้นที่ก็ปกติเหมือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป สร้างความ เจริญเล็กๆ น้อยๆ ผลงานชิ้นใหญ่ๆ ก็ไม่มีอะไรโดดเด่น มีก็การ 250
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ของบประมาณสนับสนุนสร้างโรงพยาบาลยี่งอ การเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปีแรกไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก การที่ จะมีผลงานต้องเป็นประมาณ 2 ปี ขึ้นไป ปีแรกที่เข้ามานั้น จะเปน็ ปงี บประมาณเกา่ ๆ ทผ่ี า่ นมา ปที ่ี 2 ถงึ จะเปน็ งบประมาณ ที่เราได้จัดสรรด้วย ตนเองไม่มีอะไรมากเพราะเป็นนักการเมือง ใหม่ และถูกเว้นวรรคทางการเมือง ตนเองถูกเว้นวรรคมา 2 ปีแล้ว หลังจากถูกเว้นวรรคทางการเมืองก็มีหลาน คือ นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แทน ตนเองเลยไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก พยายามถอยออกมา ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ทำหน้าที่แทน ไม่อยากจะให้ ชาวบ้านติดยึดกับภาพเก่าๆ รปู แบบและกลวิธีการหาเสียง การดูแลกลุ่มผลประโยชน์นั้น ก็เป็นการดูแลในพื้นที ่ เป็นส่วนใหญ่ นายกูเฮง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ติดดิน คนหนึ่ง ในพื้นที่จะไม่มีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มี นักลงทุนเข้าไปลงทุนมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่มี อาชีพทำสวน ทำไร่ นายกูเฮง ค่อนข้างจะเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรของชาวบ้าน เป็นตัวตนที่ชาวบ้านสัมผัสได้ แตะต้องได้ นายกูเฮง กล่าวว่า เราไม่ได้มองเรื่องทางการเมือง เป็นเรื่องของมรดก เพราะเราจะโอนให้ใครไม่ได้ งานการเมือง นั้นเราต้องสร้างเองด้วย บางครั้งคุณปู่ทำมาดี บิดาทำมาดี เราไม่รักษาตรงนั้น ทำตัวไม่น่าเชื่อถือ ไม่รักษาความดีไว้ ก็จะ เป็นมรดกไปไม่ได้ แล้วคนที่มารับช่วงทางการเมืองต้องมีความ พร้อมด้วย เหมือน ณ วันนี้ ตนเอง หยุดบทบาท มีหลานเข้ามา 251
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ทำงานแทน หลานก็ต้องรักษาตรงนี้ไว้ให้ดีด้วยตนเอง และอีก อย่างหนึ่งชาวบ้านเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร การเมือง ไม่ใช่มรดกของเรา เป็นของชาวบ้านที่จะยกให้ใครก็ได้ นายกูเฮง กล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมากับปัจจุบันนี ้ ต่างกันมากมาย ตนเองโชคดีที่ทันตอนที่คุณปู่ทำงานการเมือง และมาทันตอนที่บิดาเล่นการเมือง และมาถึงรุ่นหลาน มองว่าการเมืองเริ่มเปลี่ยน แต่ไม่ได้เปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนจะเป็นระบบสัมผัส ใครใกล้ชิดกับชาวบ้าน รู้จัก ชาวบ้านมากกว่า ไปมีส่วนร่วมกับชาวบ้านมากกว่า เมื่อสมัย ก่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนอื่นไปสร้างสาธารณูปโภค งบประมาณ 100 ร้อยล้าน 1,000 ล้านในพื้นที่ แต่ตนเองไปงาน แต่งงานหรืองานกินน้ำชา งานเดียวตนเองชนะ เพราะชาวบ้าน ไม่ได้ยึดติดกับการที่จะไปสร้างอะไรในพื้นที่ เขาคิดแต่ว่า คนไหนที่สัมผัสใกล้ชิดกับเขามากกว่า สนใจทุกข์ สุข ความเป็น ส่วนตัวมากกว่า ปัจจุบันนี้เริ่มเปลี่ยน คนรุ่นใหม่หลังจากมี ไซเบอร์ มีอินเตอร์เน็ต มีการสื่อสารที่ทันสมัยเข้ามา เริ่มมอง ความสามารถของบุคคลแล้ว แต่ก็ยังไม่ 100 % วันนี้เขาอยาก ได้คนเก่ง มีการศึกษา มีความสามารถ และต้องติดดิน ต้อง ใกล้ชิดกับชาวบ้าน การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ ต้องเหนื่อยกว่าเดิม นายกูเฮง กล่าวว่า ถ้าเราเอาแต่เรียน ไม่ลงพื้นที่ก็จบ และลงพื้นที่อย่างเดียวไม่เอาเรียนก็จบ เหมือนกัน เราต้องเอาทั้งสองด้าน ต้องใช้เวลามาก การพักผ่อน ก็น้อยลง การเสียสละก็มากขึ้น การเปลี่ยนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตัวเงิน หลายคนกำลังเข้าใจผิด ถ้าเราเอาตัวเงินมาพูดแสดงว่า เราดูถูกชาวบ้าน แต่คนที่เป็นนักการเมืองจะเข้าใจ เพราะเรา 252
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส สร้างอย่างนี้มานานใช้เงินเป็นตัวประกอบ เลยมองว่าเป็นปัจจัย หลัก แต่จริงแล้วไม่ใช่ นายกูเฮง กล่าวว่า เงินมีส่วนสำคัญ แต่ไม่ได้สำคัญที่สุด เราสังเกตจากการที่มีการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ที่เราไปลงสมัคร บอกว่าใช้เงินแล้วชนะ ถ้าเราสังเกตหลายๆ พื้นที่ ที่มีการ เลือกตั้งบางคนใช้เงินมาก แต่ไม่รับการเลือกตั้ง ถามว่าต้องใช้ เงินไหม นายกูเฮงตอบว่า ต้องใช้ เพราะเงินเป็นการแสดงความ คิดถึง ถ้าเป็นคนมุสลิมคล้ายๆ กับสลาม (สวัสดี ทักทาย) ถ้าเงินไม่ไปแสดงว่าเราไม่นึกถึงเขา ไม่ได้ฝากสลามถึงเขา เหล่านั้น แสดงความมีน้ำใจเท่านั้น ชาวบ้านรู้ว่าคุณค่าของเงิน วัน 2 วันก็หมด แต่ชาวบ้านรู้สึกถึงน้ำใจ เราเข้าใจผิดว่า ชาวบ้านมองตัวเงินเป็นหลัก คนที่พูดว่าใช้เงินส่วนใหญ่ไม่ชนะ การเลือกตั้ง บางครั้งการใช้เงินของเราก็ไปสวนทางกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เราไปทำผิดระเบียบ ผิดกฎ นายกูเฮง ถามว่า ถ้าเรายึดตามระเบียบ ตามกฎ ไม่ต้องมาลง เล่นการเมือง ถ้าคุณไม่ใช้เงินคุณไม่ต้องมาเล่นการเมือง ในจังหวัดนราธิวาสก็มีหลายคนที่มาเล่นการเมือง และบอกว่า ไม่ใช้เงิน ถามว่าคุณมาลงเล่นทำไมให้เปลืองตัวเปล่าๆ เราเล่น การเมือง เราไม่ได้เล่นคนเดียว เรามีพรรค มีพวก คนที่ไปสัมผัส กับชาวบ้านคือ แกนนำ เราต้องดูแลทั้งแกนนำ และครอบครัว เขามาช่วยเราทางบ้านเขาเป็นอย่างไร เราจะเอาอะไรไม่สร้าง อารมณ์ร่วมทางการเมืองกับคนเหล่านั้น การที่ กกต. ออกกฎ ระเบียบแบบนั้น ตนเองมองว่ายาก การสร้างวินัยต้องสร้างตั้ง แต่เด็ก ประเทศเราไม่ค่อยสนใจเรื่องวินัยเท่าไร แล้วมาบอก ไม่ให้นักการเมืองซื้อเสียง เรื่องวินัยเรายังสร้างไม่ได้เลย 253
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ณ วันนี้การตื่นตัวเรื่องการศึกษาของเยาวชนจังหวัด นราธิวาสมีมากขึ้น สังเกตจาการที่ผู้ปกครองหลายคนค่อนข้าง จะมารบกวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องการศึกษาของ ลูกหลาน ถ้าเรามองว่าเขามารบกวนเพราะผู้ปกครองเริ่ม มองเห็นความสำคัญในการศึกษา มีส่วนช่วยในการพัฒนา และตนเองก็เป็นต้นแบบให้กับเยาวชนได้ ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ ได้ศึกษามากนัก ตนเองจบแค่ปริญญาตรีมหาวิทยาลัย รามคำแหง แต่เราก็เป็นต้นแบบในการใช้ภาษา ตนเองบอกว่า เราต้องใช้ภาษาให้ถูก พูดให้ชัด อย่าไปแบ่งว่าเราเป็นมุสลิม แล้วไม่พูดภาษาไทย เราอยู่ประเทศไทยเราต้องพูดภาษาไทย แต่เราไปเน้นภาษาอังกฤษ อะไรฝังอยู่ในสมองเราหรือเปล่า ทุกวันนี้การพูดพัฒนามาก คนมุสลิมในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้พูดไทยได้มากขึ้น การศึกษาเริ่มแข่งขันกันมากขึ้น หน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานก็ให้โอกาสในการศึกษา พอมี ต้นแบบ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล ก็เข้ามาสนับสนุนในเรื่องการศึกษามากขึ้น ต้องเน้นเรื่องการ ศึกษา การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเน้นเรื่อง การศึกษา สถานการณ์ความไม่สงบ ณ ปัจจุบันนี้ เราพลาดมา ตั้งแต่เริ่มต้น แต่เราไม่ยอมรับ เราพลาดในการแก้ปัญหามา ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ ณ วันนี้ เราจะมานั่งพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ เราต้องมองไปข้างหน้า ถ้าหันไปแก้ข้างหลังเราทำได้แล้ว ตอนนป้ี ญั หาทเ่ี รอ้ื รงั มานาน ทกุ วนั นเ้ี ปน็ เรอ่ื งการแกแ้ คน้ กนั แลว้ ฝังจิตฝังใจ คุณยิงครอบครัวผม ผมต้องเอาคืน ทั้งสองฝ่ายก็ใช้ วิธีที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่เริ่ม ฝ่ายรัฐก็ใช้กำลังเยอะมาก ส่วนฝ่าย 254
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส โน้นเราก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นแบบนี้ของเขา เราก็สนองฝ่ายเขาด้วย วิธี ตาต่อตา ฟันต่อฟัน พอพ่อตาย ลูกก็เป็นต่อ พอลูกตาย พ่อก็อาฆาต พ่อก็เป็นต่อ นายกูเฮง กล่าวว่า วันนี้ ปัญหาที่ผ่านมาเราก็แก้ไป แต่ เราต้องมองไปข้างหน้า แบบที่ศูนย์บริหารราชการจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทำ ก็ดี เขามองไปข้างหน้า เราจะทำ อย่างไรให้ความคิดเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนความคิดของคนในพื้นที่ ก่อน ตนเองมองเรื่องการศึกษาจะช่วยยกระดับความคิดของเรา และรัฐก็ต้องยอมรับความเป็นอยู่ของคนในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ให้ได้ อย่าเอาคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไป เปรียบเทียบกับคนในจังหวัดอื่น เพราะเราไม่เหมือนกันด้วย ศาสนา วัฒนธรรม เอาศาสนามาเป็นความขัดแย้ง เมื่อก่อนเรา ไม่ค่อยให้เกียรติกันในเรื่องการนับถือศาสนา มองเป็นเรื่อง ความรุนแรง แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องวิถีชีวิตของเขาใน สามจังหวัด เดี๋ยวนี้รัฐเริ่มดีขึ้น แต่จะให้สถานการณ์หมดไป ภายใน ปี 2 ปี หรือ 10 ปี คงยาก คงอีกนานกว่าสถานการณ ์ จะดีขึ้นรุ่นพวกเราไม่น่าจะเห็นความสงบนี้ ต้องอาศัยระยะเวลา ในการแก้ปัญหา ตอนนี้เชื้อมันดื้อยาแล้ว ต้องอาศัยระยะเวลา ในการเปลี่ยนความเชื่อ เปลี่ยนระบบความคิดของคนรุ่นต่อไป ใหม่ แต่การศึกษา ณ วันนี้ ของจังหวัดนราธิวาส นายกูเฮง มองว่าแย่ลง เด็กนักเรียนจบ ป. 6 พูดไทยไม่ได้ พอเราถามคร ู ครูก็เครียด ครูก็บอกว่าเขากลัวสถานการณ์ไปสอนไม่ได้ 10 โมง ถึงโรงเรียน บ่าย 2 ครูกลับ เราจะไปว่าครกู ็ไม่ได้ เพราะเขาบอก 255
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ว่าไม่มีความปลอดภัย แล้วเราจะแก้อย่างไร เด็กสมัยนี้แย่กว่า เด็กสมัยตนเองอีก เด็กบ้านตนเองจบ ป. 6 อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วจะไปสอบแข่งขันกับเขาอย่างไร วันนี้เด็กที่เรียนดีใน สามจังหวัดส่วนหนึ่งมาจากการเรียนพิเศษนอกเวลา ทำให้ครู มีรายได้ ตนเองไม่เห็นด้วยกับการที่เด็กต้องไปเรียนพิเศษ นอกเวลาซึ่งเป็นการส่งเสริมการศึกษานอกระบบครูที่สอนพิเศษ นอกเวลาเห็นว่ารายได้ในการสอนพิเศษนอกเวลาดีกว่าก็ไม่เน้น ที่จะสอนในโรงเรียน แต่ที่นี้ครูผู้สอนรู้ว่ารายได้ในการสอนพิเศษ นอกเวลาดีกว่าการสอนในโรงเรียนจึงสอนแบบเป็นพิธี แต่มาเน้นรายได้การสอนพิเศษนอกเวลา จังหวัดนราธิวาส มีสถานที่เรียนพิเศษนอกเวลาเต็มไปหมด คนที่จบออกมาใหม่ ไม่ต้องไปสอบครู สอบแข่งขันบรรจุเข้าทำงานแล้ว มาเปิดสอน พิเศษนอกเวลาก็พอ การสอนพิเศษนอกเวลารายได้ดีกว่า ตกเดือนละประมาณ 2-3 หมื่นบาท แต่ถ้าไปสอนในโรงเรียน รับราชการเงินเดือน เดือนละ 7 – 8 พันบาท ถ้าถามตนเอง นายกูเฮง กล่าวว่า การศึกษาในสามจังหวัดแย่ลงมาก ภาพรวม เด็ก 100 คน มี 2-3 คนที่โดดเด่น เรียนดี เก่ง เราก็ไปชูแค่เด็ก 2-3 คน ดี และเด็กที่เหลืออีก 97 – 98 คนจะทำอย่างไร โดย ภาพรวมในเรื่องการศึกษายังไม่กระจาย อีกอย่างหนึ่งเรื่องการ ศึกษาสองระบบในสามจังหวัดต้องยอมรับให้ได้ มาดูว่า โรงเรียนสามัญของรัฐกับเอกชน โรงเรียนรัฐสู้ไม่ได้เลย สมัย ก่อนโรงเรียนประจำจังหวัดนราธิวาสมีนักเรียนประมาณ 3 - 4 พันคน เดี๋ยวนี้ไม่ถึง 2 พันคน เพราะเด็กส่วนใหญ่ไปเรียน สองระบบกับโรงเรียนเอกชนที่รองรับตรงนี้ เราต้องเปิดกว้าง เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ 256
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส นายกูเฮง กล่าวว่า ตนเองพูดเสมอว่าตอนนี้ศักยภาพ ของเด็กในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เก่ง แต่ขาดโอกาส ขาด โอกาสจริงๆ อย่างเช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรวัชระ ทำทีม ฟุตบอล เด็ก เยาวชนสามารถพัฒนาตนเองไปสู่ทีมชาติได้ ไปสู่ สโมสรดังๆ ของประเทศไทยได้ ไปเตะต่างประเทศได้ พัฒนา เป็นอาชีพได้ มีรายได้ สมัยก่อนเราไปขอลูกเขามาเล่นฟุตบอล ผู้ปกครองโกรธมาก บอกว่าทำให้บุตรหลานของเขาเสีย การศึกษา เสียอนาคต ณ วันนี้ ที่ทำทีมฟุตบอลมา 4- 5 ปี สถานการณ์พลิกกลับผู้ปกครองนำบุตร หลานฝาก เพราะเขา เห็นว่าเราเปิดโอกาสให้เด็ก เขาสามารถมีช่องทางการพัฒนา ตัวเขาเองได้ ฝากผู้ใหญ่ทั้งหลายว่า อย่ามองเยาวชนเป็นพวกที่ เหลวไหล ไร้สาระ ชอบมัวเมา เรื่องยาเสพติด ถ้าเรากำลัง ปราบปรามยาเสพติดด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็ทำการพัฒนาไป พร้อมๆ กัน ณ วันนี้ เด็ก และเยาวชน สามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ต้องการโอกาส เขาเหล่านั้นไม่ได้ด้อยกว่าเด็กในภาค อน่ื ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ดา้ นกฬี า หรอื การศกึ ษา นายกเู ฮง ยาวอหะซนั กล่าวว่า ตนเองขอโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนในจังหวัด นราธิวาส ทั้งสามจังหวัดขอโอกาสให้กับเยาวชนเพราะผู้ใหญ่ เป็นคนสร้างโอกาสเหล่านั้นให้กับเด็กและเยาวชน เหมือนกับ ตนเองถ้าคุณปู่ และบิดา ไม่ปูทาง ไม่ให้โอกาสตนเองก็ไม่มี โอกาสเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เยาวชนเหล่านั้นก็ไม่ต่าง ไปจากตนเอง เขาอยากได้ทางเดินที่ปูดีๆ เรื่องการศึกษา มองวา่ การแนะแนวเรายังด้อยมาก ถ้าเราสอบเข้ามหาวทิ ยาลยั รัฐไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน นอกจากมหาวิทยาลัย รามคำแหงที่เดียว 257
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส นายกูเฮง ยังตอบไม่ได้ว่าอนาคตจะลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกหรือไม่ ต้องรอดูโอกาส และความต้องการของชาวบ้าน ที่มี ต่อตนเองหรือเปล่า ตนเองต้องการเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ ตนเองรู้สึกพอกับงานการเมืองแล้ว อยากสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ต่อไป 26. นายวัชระ ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส (พ.ศ.2550) สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ขอ้ มูลสว่ นบคุ คล นายวัชระ ยาวอหะซัน เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ปัจจุบันนี้มีอายุ 48 ปีเต็ม จบการศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนบ้านบันนังตาหยี ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนนราธิวาส ซึ่งเป็น โรงเรียนประจำจังหวัด แล้วมาต่อสายอาชีพที่โรงเรียนเทคนิค นราธิวาส จบด้านช่างก่อสร้าง วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แล้วไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตนนทบุรี ได้วุฒิประกาศนียบัตร (ปวส.) จบออกมา นายวัชระ สมัครเป็นนายช่างโยธาส่วนอำเภอ ทำงานรับ ราชการอยู่ประมาณ 20 ปี ตำแหน่งสุดท้ายของนายวัชระ คือ นักบริหารงานช่าง ระดับ 7 นายวัชระ มาเรียนต่อปริญญาตร ี ที่สถาบันราชภัฏยะลา นายวัชระ กล่าวว่า ตนเองชอบเรียนหนังสือ พอๆ กับ ชอบเล่นกีฬา ตอนเรียนหนังสือตนเองเป็นนักฟุตบอลเขต 258
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นักฟุตบอลของวิทยาลัยฯ และเป็นนักฟุตบอลคนแรกของ จังหวัดนราธิวาสที่ลงเล่นฟุตบอลระดับถ้วยของประเทศไทย พอกลับมารับราชการก็ยังไม่ทิ้งกีฬาฟุตบอล ได้ตั้งทีมกีฬา ฟุตบอลพร้อมๆ กับทำงานไปด้วย การเขา้ สกู่ ารเมอื งและปจั จยั ทที่ ำใหไ้ ดร้ บั การเลอื กตงั้ นายวัชระ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วเรื่องการเมืองไม่ค่อย ชอบเท่าไร ตอนนั้นบิดาตนเองก็เป็นสมาชิกสภาจังหวัด นราธิวาสด้วย พอทำงานอยู่หลายปี ช่วงประมาณปีที่ 25 ตนเองได้เป็นประธานชมรมฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส ได้ทำให้ ทีมฟุตบอลจังหวัดนราธิวาสเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ส่วนของน้องชาย นายกูเฮง ยาวอหะซัน ก็เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส แล้วมาชวนตนเองลงเล่น การเมือง นายวัชระ กล่าวว่า ด้วยความที่อยากช่วยน้องชาย น้องชายเคยเอ่ยว่าอยากจะมีเพื่อนในสภาบ้าง ระยะหลังมานี้ บิดาตนเองก็เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส (อบจ.นราธิวาส) มีบทบาทภายในจังหวัดนราธิวาสเป็นอย่าง มาก ส่วนของตนเองนั้นเยาวชนเกือบทั้งจังหวัดก็อยู่ที่ตนเอง หมด ส่วนของน้องชายอายุวัยกลางคนก็อยู่กับน้องชายหมด ส่วนของผู้นำ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โต๊ะอิหม่าน ผู้นำศาสนา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลายตำบลก็อยู่กับ บิดา นายวัชระ กล่าวว่า ตนเองไม่ใช่คนช่างพูด พูดไม่ค่อย เป็น แต่อาศัยที่ลงพื้นที่ ช่วยการเมืองของบิดา อยู่เบื้องหลัง บิดา เบื้องหลังน้องชายมาตลอด ใน พ.ศ. 2550 ลงสมัครรับ 259
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส สังกัด พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาว นราธิวาสให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พร้อมกับน้องชาย นายกูเฮง ก็ได้ทำงานกับชาวบ้านมาตลอด และมีผลงานร่วมกับน้องชายมากมาย ที่ผ่านมา 3 ปีกว่า มีผลงานชัดเจน ปีแรกก็ได้การขนส่งของจังหวัด ปีที่สองได้รับ การสนับสนุนอนุมัติงบประมาณจากนายบรรหาร ศิลปอาชา ให้จัดตั้งโรงพยาบาลยี่งอ ซึ่งเป็นอำเภอเดียวในจังหวัด นราธิวาสที่ยังไม่มีโรงพยาบาล งบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ในปีนี้ พ.ศ. 2553 นี้ ต้องขอบคุณนายอภิสิทธิฯ และนาย ชุมพลฯ ที่ได้สนับสนุนงบประมาณในการสร้างสนามฟุตบอล ให้กับจังหวัดนราธิวาส ตนเองในฐานะประธานชมรมฟุตบอล จังหวัดนราธิวาส และประธานสโมสรนรายูไนเต็ดด้วย ได้ทำให้ ฟุตบอลนราธิวาสมีชื่อเสียง และเป็นแบบอย่างของฟุตบอล อาชีพในประเทศไทยเป็นจังหวัดแรกก็คงได้ ทุกวันนี้ก็ประสบ ความสำเร็จเป็นอย่างมากในเรื่องฟุตบอล นายวัชระ กล่าวว่า ที่ต้องเน้นเรื่องฟุตบอลก็เพราะตนเองเป็นคนชอบกีฬา เยาวชน ที่เล่นฟุตบอลทั้งหมดอยู่กับตนเอง และตนเองก็ชอบลงพื้นที่ บิดาตนเองก็เป็นนายก อบจ.มา 2 สมัย มีความสามารถช่วย เหลือในหมู่บ้าน ส่วนของน้องชาย นายกูเฮง ก็โดนเว้นวรรค ทางการเมืองเรื่องกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ก็เป็น สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเพียง 1 ปี เมื่อ พ.ศ.2551 พอปลายปีก็โดนเรื่อง ยุบพรรค ก็มีการเลือกตั้งใหม่ได้ นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ มาแทน นายกูเฮง ในเขต 2 เพราะตอนนั้นมีเขตการเลือกตั้ง มีเพียง 2 เขต 260
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เครือขา่ ยบทบาทของนกั การเมอื ง นายวัชระ กล่าวว่า ตนเองมีญาติ พี่น้องเยอะ ตนเองมี พรรคพวกเยอะ มีเพื่อนมากมายเพราะตนเองก็มีอาชีพรับเหมา ก่อสร้าง และทำทีมฟุตบอลในพื้นที่มาตลอด วันนี้ไม่ใช่เพียง นักกีฬาอย่างเดียว แต่มีพรรคพวก ทีมงานที่พร้อมจะช่วย ชาวบ้านในด้านหลักๆ 3 อย่างคือ 1. ด้านศาสนา มีอิหม่าน คอเต็บมิลาน อุสตาช เป็นบุคคลที่ช่วยพัฒนาส่งเสริมบรู ณาการ ด้านศาสนา ไม่ว่าจะเป็นมัสยิด สุเหร่า ตาดีกา กูโบร์ สุสาน หรือแม้กระทั้งรั้วกูโบร์ ตนเองมีงบประมาณไม่ว่าจะในส่วนของ บิดาที่เป็น อบจ. และงบของตนเองลงพื้นที่ตลอด ส่วนที่ 2 มีท้องถิ่น นายก อบต. สมาชิก อบต. ตนเองพยายามสนับสนุน งบประมาณโดยการขอจากทางรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณใน พื้นที่โดยผ่านตนเอง ไม่มีการคิดเปอร์เซ็นต์ หรือหักค่าหัวคิว ตนเองพยายามสนับสนุนงบประมาณในพื้นที่เพราะชาวบ้าน เหล่านั้นช่วยตนเองมาตลอด อยู่กับตนเองมาตลอด การให้จะ เป็นการให้ในลักษณะโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก เช่น ถนน สะพาน คูระบายน้ำ ท่อน้ำ หรือการซ่อมแซมหลังคา โรงเรียน ห้องน้ำโรงเรียน ในส่วนที่ 3 ก็เป็นท้องที่ ก็เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กำนันหลายๆ ตำบลก็เป็นญาติ มีทั้งอา ทั้งหลาน ชาวบ้านเดือดร้อนตนเองก็เข้าไปกับกำนัน และหางบประมาณ ให้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ นายวัชระ กล่าวว่า เราต้องหา แกนหลัก แกนนำขอเราให้ได้ เพราะจะเป็นเครือข่ายของเรา และเป็นกระแส หรือเป็นฐานของเราในการเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป 261
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส นายวัชระ กล่าวว่า ที่ว่ามาทั้ง 3 อย่างนี้สำคัญมาก ทั้งหมดก็เพื่อชาวบ้าน เพื่อ พ่อ แม่ พี่น้อง ของเรา เพื่อความ สงบสุข เพื่อความสะดวก สบาย และเพื่อความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สิน และอีกส่วนหนึ่งนั้น ตนเองก็ชอบงาน ประเพณี วัฒนธรรมในพื้นที่เป็นอย่างมาก อย่างที่ทราบกันว่า ศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ 90 % จะมีงานประเพณีของตนเอง อย่างเช่น 1. งานมาแกบูโละ หมายถึง งานแต่งงาน 2. งานเข้า สุนัด หรือเข้าสุหนัด เป็นงานขลิบของเด็กผู้ชาย 3. งานอาซูรอ เป็นงานบุญ หรืองานกวนอาซรู อ 4. งานเมาลิด 5. งานกินน้ำชา หรือมาแกแต เพื่อช่วยเหลือสมทบงบประมาณให้กับมัสยิด บาลาเซาะ ตาดีกา นี้คือส่วนสำคัญของหลักศาสนาอิสลาม นายวัชระ กล่าวว่าตนเองจำเป็นต้องทำ อย่างที่ทราบกันว่า เขตของตนเองนั้นมี 7 อำเภอ มีเกือบ 50 อบต. วันหนึ่งๆ ตนเองต้องลงพื้นที่ในเรื่องเหล่านี้อย่างน้อย 10 แห่งต่อวัน ตนเองต้องลงพื้นที่ตลอด เรื่องการไปประชุมที่สภานั้นจะไป เฉพาะช่วงที่มีการประชุม และไป 3 วัน 2 คืน เท่านั้น จะรีบ กลับลงมา สามารถตรวจสอบได้ตลอดในการขึ้นลง ที่ต้องทำ แบบนี้เพราะตนเองมีญาติพี่ น้องเยอะ พรรคพวกเยอะ และ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคศาสนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. การเป็นผู้นำเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ คนเหล่านี้จึงได้ สนับสนุนตนเองมาตลอด เรื่องเยาวชน เรื่องฟุตบอล ก็สำคัญมาก เพราะจังหวัด นราธิวาสไม่สถานบันเทิง สิ่งบันเทิง ในพื้นที่ของตนเอง ไม่มี คาราโอเกะ ก็ไม่มี ห้องอาหารก็ไม่มี สุดท้ายจริงๆ ก็เรื่อง ฟุตบอล 262
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส นายวัชระ กล่าวว่า ตนเองเป็นคนตรงไป ตรงมา พยายามเอาคนเก่ง คนที่สำคัญในอำเภอทุกอำเภอมารวมกัน ทีมฟุตบอลจังหวัดนราธิวาสจะไม่มีนักเตะจากคนนอก ต่างจังหวัด หรือเมืองนอกเข้ามาเล่นเลย นักเตะจังหวัด นราธิวาสทำให้พ่อ แม่ พี่ น้องมีความสุขคนที่เก่งเป็นนักเตะทีม ชาติก็เยอะ ไปเล่นเมืองนอกที่ประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็ได้ เงินเป็นแสน ส่วนชาวบ้าน พอเสาร์ อาทิตย์ จะไม่ไปไหน เราทราบว่าอาชีพหลักของเขาคือ การไปกรีดยาง และทำนา เช้าไปกรีดยางแล้ว กลับมาลับมีดนอน พอมีฟุตบอลเขาก็มี ความสุข และสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ อย่างเช่น วันที่มีการ แข่งขัน อย่างน้อยคน 10,000 คน ในจังหวัดนราธิวาสมาดูการ แข่งขัน คนดูถึงเที่ยงคืน ข้าว ของต่างๆ ก็ขายหมด ทุกคนมี ความสุขมาก พอตอนเช้า สภากาแฟทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลจะพูดคุยถึงเรื่องฟุตบอล ตนเองทราบเรื่องนี้เพราะนี้ คือความสุขของชาวบ้านและของตนเอง วิธกี ารหาเสยี ง นายวัชระ กล่าวว่า บิดานั้นช่วยหาเสียงให้โดยตำแหน่ง อยู่แล้ว โดยปกติตนเองทำตามบิดาอยู่แล้ว ส่วนตนเองนั้นเรื่อง งานมาแกบูโละ งานแต่งงาน ตนเองไม่ได้ไปรถคันเดียว เราจะ ชวนกันไป 30 – 40 คัน เพื่อบอกให้ทราบว่าคนที่ไปกับตนเอง คนนี้ เป็นคนของตนเอง ช่วยเหลือตนเองมาตลอด มีเรื่องอะไร ตนเองต้องช่วย ต้องไปกันเยอะๆ เพราะความสำคัญของ ชาวบ้านเขาอยากจะได้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนำหน้า และ มีพ่อ แม่ พี่น้อง ตาม ตนเองพยายามจะชวนคนที่ไปด้วย 263
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เป็นโต๊ะอิหม่าน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก อบต. จะตามไปกับ ตนเองตลอด เวลาเข้าพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร เช่น งานปิด สนามฟุตบอลตาดีกา งานปิดสนามฟุตบอลระดับอำเภอ หรือ ศูนย์เยาวชนทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นตนเองที่จะไปร่วม เพราะ ตนเองนั้นทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สนับสนุนเรื่อง ลูกฟุตบอลให้ตนเองมาก ส่วนเรื่องเสื้อทีมไม่ต้องไปขอใคร ถ้านักกีฬามาไม่ต้องไปขอไปซื้อ มารับที่ตนเองได้เลย มันเป็น ความสุขที่ตนเองได้รับในการกระทำเท่านั้น และทางพรรค ก็สนับสนุนเต็มที่ ในเรื่องของพรรคนั้นส่วนใหญ่จะไม่เข้ามายุ่ง เกี่ยวอาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ในสามจังหวัด คนข้างนอก มองว่าน่ากลัว มีการระเบิดทุกวัน ฆ่ากันรายวัน ทางทีมงาน พรรค หรือบุคคลภายนอกก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงลงมาในพื้นที่ ข้อมูลอ่ืนๆ ส่วนข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาสนั้น นายวัชระ กล่าวว่าตนเองต้องทราบหมดว่าที่ไหนมีถนนกี่สาย โรงเรียนกี่แห่ง มัสยิดกี่แห่ง วัดกี่แห่ง ฯลฯ ต้องทราบหมดจน กระทั่งถึงความปลอดภัยด้วยว่าเป็นอย่างไรในการลงพื้นที่ มีหน่วยทหาร มีป้อม มียาม มีแผงกั้นความปลอดภัยตรงไหน ตนเองต้องทราบหมด นี้คือข้อมูลพื้นฐานในการลงพื้นที่แต่ละ ครั้งที่จะลงไปพบปะกับชาวบ้าน การเมืองที่ผ่านมาในอดีตกับปัจจุบัน นายวัชระ มองว่า ต่างกันอย่างชัดเจน อย่างแรกคือ ความหมายของคำว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในความคิดของชาวบ้านว่าต้องมา ร่วมงานตลอด สมัยก่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมา 264
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส หาเสียงก็เมื่อมีการเลือกตั้ง พอเลือกตั้งเสร็จก็หายไป มาอีกครั้ง ก็ตอนยุบสภา ปฏิวัติ หรือมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ ตนเองลงพื้นที่ตลอด พอลงไปชาวบ้านก็ขอบใจ ด้วยประเพณี วัฒนธรรม ตนเองไม่อยากได้ยินว่า ถ้าไม่หาเสียงก็ไม่มา ในส่วนของโครงการต่างๆ ก็มีการปรึกษา หารือกันกับ นายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทางพรรค ทางรัฐบาลช่วยไม่ได้ ตนเองก็ไปขอนายก อบจ. ตนเองพยายามทำงานเป็นขั้นบันได ทางด้านศาสนาก็อิหม่าน ทางท้องถิ่น ท้องที่ ก็กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถ้างบประมาณ ก็ อบต. นายก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มา ส.จ. มา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. สำหรับตนเองแล้ว นายก อบจ.อยบู่ นสดุ อยา่ งนอ้ ยงบประมาณ 200 ล้าน ของบิดา ช่วยได้หลายๆ เรื่อง ที่สำคัญจังหวัดนราธิวาสไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะเราไม่มีรัฐมนตรี เราไม่มีงบประมาณมากมายเข้ามาใน พื้นที่ ตอนนี้การพึ่งพาที่ดีที่สุด คือ อยู่ที่นายก อบจ. คนเดียว ทุกวันนี้แบบอย่างการช่วยเหลืออยู่ที่นายก อบจ. ส่วนของ ตนเองนั้นจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัย เรื่องของการใช้เงินนั้น นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องของเงิน นั้นก็ใช้กันมาตลอด สำคัญว่าเราจะใช้อย่างไร ต่างกับที่ผ่านมา มากเหมือนกัน เช่นของใช้ต่างๆ ที่ขึ้นราคา แต่เราไม่จำเป็นต้อง ใช้เงินมาก จริงๆ แล้วชาวบ้านอยากเห็นหน้าร้านเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน เช่น ค่าน้ำมันรถ แต่เราต้อง พยายามทำให้ชาวบ้านนับถือเราไปเลือกเราด้วยความเต็มใจ เหมือนกับภาคใต้ตอนบนที่เป็นไปตามกระแสพรรค ไปเลือก เพราะนายกชวน นายกอภิสิทธิ์ หรือแม้กระทั่ง ป๋าเปรม 265
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ส่วนของตนเองนั้น ชาวบ้านผูกพันกับบิดามาก ความสำคัญ ของศาสนาอิสลามถือเป็นเรื่องใหญ่ คือการละหมาด 5 เวลา ไม่ทำไม่ได้ เป็นเรื่องสวรรค์ นรก ในภายภาคหน้า เรื่องตาย เรื่องเล็กมาก นายวัชระ กล่าวว่า การที่จะเอาคนมาเป็นหัวหน้าส่วน ราชการทั้งหลายในพื้นที่ เป็นนายอำเภอ ปลัด ครู อาจารย์ แม้กระทั้ง ทหาร ตำรวจ ต้องเข้าใจ รู้วัฒนธรรมประเพณีของ ชาวบ้านก่อนว่าเป็นอย่างไรการใช้ภาษาพูดกับชาวบ้าน ชาวบ้านไม่เข้าใจ และไม่กล้าพูดกับทหาร บางครั้งเราต้อง อธิบายกับชาวบ้านอีกว่าทหารมาพูดเรื่องอะไร เราพยายาม บอกกับทหารว่า ตี 5 เช้า ชาวบ้านต้องเดินไปมัสยิดเพื่อ ละหมาด ทหารต้องถาม ไปยิงก่อนไม่ได้ อย่างเช่น ปลัดอำเภอ นัดประชุม บ่ายโมง ซึ่งตรงกับละหมาดซูฮูด บ่ายโมงตรง กว่า จะเสร็จเกือบบ่ายโมงครึ่ง พอเกินเวลาก็โมโหพูดว่า ละหมาด อะไรกันหนักหนา คือไปดูถูกในเรื่องของศาสนา ต้องยอมรับว่า อย่าไปแตะเรื่องศาสนาของเขา นายวัชระ ฝากว่า ใครที่จะมาอยู่ในสามจังหวัด ต้อง เข้าใจหลักธรรม วัฒนธรรมประเพณีของชาวมุสลิม เรื่องศาสนา เป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกท่านที่จะมาเป็นหัวหน้าส่วน อย่ามองว่า เรื่องศาสนาเป็นเรื่องเล็ก อย่าไปดถู กู ดแู คลนชาวบ้าน ส่วนเรื่องสถานการณ์ความไม่มั่นคงในสามจังหวัด หรือ จังหวัดนราธิวาสนั้น นายวัชระ กล่าวว่า มันเกิดขึ้นมาเกือบ ร้อยปีแล้ว ถามว่าการแก้ปัญหาเราจะแก้อย่างไร มีปัญหาใหญ่ 3 เรื่อง คือ 1. ปัญหายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นยาบ้าที่มากเป็น 266
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส อย่างจริงตอนนี้ จนไม่รู้จะบอกว่ามันมากอย่างไร ยาบ้า ผงขาว เฮโรอิน แม้กระทั้งใบกระท่อม ตอนนี้แยะมาก ส่วนที่ 2 เรื่องโต๊ะฟุตบอล ตอนนี้มีปัญหาร้ายแรงมากยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน เงินหายไปไหนไม่รู้ตัว เยาวชนติดกันงอมแงม ส่วนที่ 3 คือ น้ำมันเถื่อน ไม่รู้มาได้อย่างไง มาเป็นรถพ่วงแล้วเอาไปได้ รัฐ เสียหายมากขนาดไหน ตนเองนั้นไม่มีปัญญาที่จะไปแก้ปัญหา ตรงนั้นได้ ในเรื่องทั้ง 3 เรื่องนี้ เชื่อมโยงกัน นายวัชระ กล่าว่า จุดตรวจจากอำเภอสุไหงโกลก ถึง อำเภอหาดใหญ่มีประมาณ 50 – 60 จุด แต่ทำไมสิ่งเหล่านี้ รอดมาได้ ทั้งๆ ที่จุดตรวจทุกจุดเขียนว่าจุดตรวจยาเสพติด ทางน้ำนั้น เรือขนน้ำมันมาอย่างเดียวหรือเปล่า หรือมียาบ้า มาด้วย ส่วนเรื่องโต๊ะฟุตบอลหนึ่งสัปดาห์มีเงินหมุนเวียนหลาย พันล้านบาทในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนเองลงพื้นที่ทราบตลอดว่าชาวบ้านต้องการอะไร อย่ามาพูดว่าชาวบ้านความจริงใจไม่มี โดยส่วนใหญ่ที่มารับ ราชการมาเอาตำแหน่งแล้วกลับไปไม่มีความจริงใจในการ แก้ปัญหา ส่วนผู้บริหาร หัวหน้าส่วนก็เอามาจากที่อื่น คนใน พื้นที่ไม่มีเลย ผู้ว่าราชการจังหวัด และรองผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เอามาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัด สงขลาทั้งนั้น คนจังหวัดนราธิวาสไม่มี นายวัชระ อยากฝากเรื่องโรงเรียนตาดีกา ปัญหาทั้งหมด ของโรงเรียนตาดีกา คือให้บรรจุครั้งหมดของโรงเรียนตาดีกา เป็นข้าราชการ เพราะผู้สอนเหล่านี้ไม่มีเงิน จึงต้องพยายามทำ ทุกอย่างให้ตนเองมีเงินมาจุนเจือ จะเป็นเงินถูกหรือเงินผิด 267
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ไม่ทราบได้ เวลาวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ประชุมกันโดยที่ไม่รู้ว่า ประชุมเรื่องอะไร ถึงมีปัญหาในโรงเรียนตาดีกาอยู่ทุกวันนี้ พอโรงเรียนตาดีกาบางแห่งถูกปิด ที่อื่นก็ไม่สบายใจ ไม่มีความ สุข เพราะโรงเรียนตาดีกาเป็นโรงเรียนประถมสำหรับหลักธรรม ทางศาสนา พอไปถูกเข้าก็เป็นเรื่องใหญ่ ทุกวันนี้เรื่องจึง บานปลายไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาตรงไหน ถึงรู้ว่าระเบิดตรงนั้น ระเบิดตรงนี้ แต่จับไม่ได้สักที พวกเราไม่รู้ว่า ของแท้ ของปลอม หรือสร้างสถานการณ์ นายวัชระ ให้ความเห็นว่า ในการแก้ปัญหาสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้นั้น สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีสักคน ตามความเป็น จริงต้องให้รัฐมนตรีสักคน สักตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน รัฐบาลไหน อย่างทุกวันนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสามจังหวัดชายแดนเกือบ 10 คน ถ้าคิดอัตราส่วน 5 คน ต่อรัฐมนตรี 1 คน ถ้ามีความจริงใจ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรัฐมนตรี 2 คนแล้ว ถ้ามีรัฐมนตรี ถึงทำงานที่กรุงเทพฯ ที่ทำเนียบ หรือที่สภาฯ 5 วัน แต่อย่าง น้อยมี 2 วันที่ต้องลงพื้นที่ เรื่องอะไรต่างๆ ก็ต้องเข้ามาหาที่ รัฐมนตรีอย่างแน่นอน เรื่องที่เป็นความลับ ไม่เป็นความลับต้อง รู้หมด นั้นจะเป็นเรื่องความจริงใจชาวบ้านกับนักการเมือง ข้าราชการ นายวัชระ กล่าวว่า ส่วนตัวตนเองนั้นพูดความจริง ไม่ได้ ถ้าพูดความจริงเมื่อไหร่ตนเองก็ไม่ต้องอยู่ที่บ้าน นายวัชระ ให้ความเห็นว่า ด้านความมั่นคง การที่เอา ทหารจากนอกพื้นที่เข้ามาก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องตั้งชุดรักษา 268
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ความปลอดภัยในหมู่บ้าน (ชรบ.) ด้วย ให้ทางอำเภอ ปลัดอำเภอ หน่วยทหารไปอบรม เขารู้ว่าพวกไหน ฝ่ายไหน ทำให้ชาวบ้านมีงานทำ ปกครองตนเอง มีเงินเดือน ชาวบ้าน ก็แก้ปัญหากันเองได้ภายในหมู่บ้าน ต้องมองจุดสำคัญในการ แก้ปัญหา 3 เรื่องที่ตนเองพูดไปแล้ว ทำไมเราแก้ปัญหา โต๊ะฟุตบอล รถน้ำมันเถื่อน จุดตรวจยาบ้า 50 กว่าจุด ทำไหม เราทำไม่ได้ การที่นายวัชระ มีบิดาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น น้องชาย เป็นนักการเมืองระดับชาติ มองการเมืองเป็นมรดกหรือไม่นั้น นายวัชระ กล่าวว่า การเมืองเป็นมรดกหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่ ตนเอง แต่อยู่ที่ชาวบ้าน การมีสามัญสำนึก ความรับผิดชอบ ของการเป็นนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น มันอยู่ที่ การให้ความสำคัญกับชาวบ้าน การให้คือ การสนับสนุน งบประมาณทั้งหมดให้ลงพื้นที่ให้ได้ กับชาวบ้านต้องลงพื้นที่ไป คลุกคลีกับชาวบ้าน อย่าสำคัญตนเองกับชาวบ้าน แล้วคิดว่า เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วใหญ่โตโอหังไม่ได้ เราต้อง ติดดิน ติดกับรากหญ้า ชาวบ้านส่วนใหญ่พอใจที่ได้เจอ ได้เห็นหน้า ขอบคุณที่มา ชาวบ้านไม่ต้องการอะไรมาก เพราะ เขาทราบดีว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำอะไรไม่ได้ ผ่านจุด ตรวจยังโดนค้น ขอดูปืนบอกว่าเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทหารบอกว่า เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่เกี่ยวต้องค้น เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ให้ความสำคัญกับเราเลย การเมืองไม่ใช่เรื่องมรดก อย่าทำเรื่องการเมืองเป็นเรื่อง มรดก เพราะชาวบ้านทราบดีว่าคนไหนที่พึ่งพาได้ คนไหนที่ช่วย 269
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จริง คนไหนที่ลงพื้นที่จริง ถ้าเหมือนสมัยก่อน มาตอนหาเสียง หรือลงพื้นที่ 2 วันแล้วกลับกรุงเทพฯ ชาวบ้านไม่เอาด้วย จังหวัดนราธิวาสมีคนที่มีความสามารถเยอะมาก แต่อยู่ ที่โอกาส ความสามารถ ณ วันนี้ ตนเองไม่ค้างคาใจ แต่โอกาส วันนี้ บางคนเป็นด็อกเตอร์ เป็นถึงนักวิชาการเก่งๆ ไปแล้ว ไม่กลับมาบ้านแล้ว ไม่กลับมาช่วยแก้ปัญหา ปัญหาเลยมาก เราจะทำอย่างไรให้คนในพื้นที่กลับมาแก้ปัญหา ส่วนใหญ ่ คนที่มาแก้ปัญหาเป็นคนนอกพื้นที่ทั้งนั้น ตนเองว่าถ้า คนนราธิวาสไม่ช่วยคนนราธิวาสด้วยกันแล้วใครจะช่วยเรา ขอฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่าต้องมีความมุ่งมั่นไม่ว่าในเรื่องฟุตบอล ที่เราทำดังทั้งประเทศ เรื่องการศึกษา เรื่องการพัฒนา เรื่องอื่นๆ เราก็ต้องทำได้ แต่ต้องมี 1 พวกเรา 2 คนสนับสนุน หมายถึง รัฐบาล ส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นเป็นเพียงตัวเชื่อม ในการที่จะพัฒนาต่อไป นายวัชระฯ กล่าวว่า 27. นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส (พ.ศ.2551) พรรคชาติไทยพัฒนา ข้อมูลสว่ นบุคคล นายนิอาริส เจตาภิวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2526 ที่จังหวัดนราธิวาส เรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนแหลมทอง วิทยา ใกล้ๆ บ้านที่ตันหยงมัส เป็นคนอำเภอระแงะโดยกำเนิด พอมัธยมต้นก็ไปเรียนโรงเรียนอาตากียะ กาลามียะ ที่ตัวเมือง นราธิวาส พอมัธยมปลายก็ไปเรียน ปวช. เทคนิคสายช่าง 270
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส แล้วไปสอบได้ที่เทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตภาคใต้ ที่สงขลา ตอนนั้นเป็นสถาบันเท่านั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว เรียนที่สงขลา 2 ปี พอมีโอกาสไปสอบปริญญาตรี เรียนวิศวะ สายตรง ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คือ บางมด จบสายวิศวกรรมโยธา จบมาประมาณปีการศึกษา พ.ศ.2549 จบออกมาก็เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตนเอง สมัยที่เรียน นั้น ตนเองก็ทำงานไปด้วยตามที่ต่างๆ เพื่อหารายได้เลี้ยง ตนเองมากกว่าที่จะเก็บเกี่ยว หาประสบการณ์ แต่พอไปทำงาน มากขึ้นก็กลายเป็นประสบการณ์ พอจบออกมาก็มาเปิดบริษัท เล็กๆ ของตนเอง เริ่มต้นจากการลงทุน 50,000 บาท เป็นบริษัท เกี่ยวกับการรับสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซม เล็กๆ น้อยๆ ทำไป เรื่อยๆ พอทำได้ประมาณ 2 ปี ปลายๆ พ.ศ.2551 น้าชาย คือ นายกูเฮง ยาวอหะซัน ถูกเว้นวรรคทางการเมือง ทายาทรุ่นต่อ ไปไม่มีใคร นอกจากตนเอง ก็เลยถูกทาบทามจากน้าชายให้ลง สมัครเลือกตั้ง เดิมทีนั้นตนเองไม่ได้หวังที่จะมาเล่นการเมือง น้าชายทำอย่างไรก็บอกว่าไม่สมัคร ไม่เอาด้วย เพราะตนเองนั้น กำลังสนุกกับการทำธุรกิจของตนเองอยู่ มีเงินเข้ามามาก สำหรับตนเอง ได้ครั้งละประมาณ 2 – 3 แสนก็มาก สำหรับ คนที่จบการศึกษามาใหม่ๆ เลยปฏิเสธน้าชายนายกูเฮงไป น้าชาย ก็บอกว่าในตระกูลเรา รุ่นที่ 1 คือ คุณตา ที่เป็นนายก- องค์การบริหารส่วนจังหวัดในตอนนี้ รุ่นที่ 2 คือ น้าชายคือ นายกูเฮง รุ่นที่ 3 คือตนเอง นายนิอาริส เขาเตรียมไว้แล้ว สำหรับภายหน้า ยังไงก็ต้องเล่นอยู่แล้วแต่วันนี้มันเร็วไป ตนเองเลยต้องรับ ตอนนั้นตนเองยังไม่เข้าใจว่าการเมืองคือ อะไร พอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปีแรก ก่อนเข้ามาเริ่ม 271
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส แปลกใจ ตอนที่หาเสียงไปทุกที่ชาวบ้านตอบรับอย่างดี ทำให้ เข้าใจว่าการเมืองบ้านเราจังหวัดนราธิวาสไม่ใช่การเมืองแบบ ธรรมดา ไม่ใช่การเมืองแบบฉาบฉวย เริ่มเข้าใจการเมืองตอนที่ เดินหาเสียง ตระกูลของตนเองไม่ได้เล่นการเมืองแบบฉาบฉวย หมายความว่า พอเลือกตั้งครั้งหนึ่งก็ไปหาเสียงครั้งหนึ่ง พอจะ เลือกตั้งก็ไปพบกับชาวบ้าน ชาวบ้านก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ ตนเองนั้นเป็นบุคคลไม่มีชื่อเสียง ทราบเพียงแต่ว่าเป็นคนที่ไหน เป็นบุตรของใคร ชาวบ้านก็ให้การต้อนรับทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน การเขา้ สกู่ ารเมอื งและปจั จยั ทที่ ำใหไ้ ดร้ บั การเลอื กตงั้ นายนิอาริส แสดงความคิดเห็นว่า การเมืองในจังหวัด นราธิวาสไม่ใช่การเมืองที่ฉาบฉวย ตนเองเริ่มมองเห็นเรื่อง การเมืองบ้างแล้ว แต่จิตใจยังไม่ได้ฝักใฝ่มากนัก แต่พอได้รับ การเลือกตั้งได้รับคะแนนท่วมท้น เกือบ 20,000 คะแนน ห่าง จากอันดับที่ 2 พอได้มาเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปีแรก ตนเองยังไม่ค่อยเข้าใจ ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองเป็นศูนย์ เพราะตนเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับทางการเมืองเลยทั้งในโรงเรียน และระดับมหาวิทยาลัย นายนิอาริส กล่าวว่า จากปีแรกที่เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องมานั่ง รับภาระทางการเมือง ไม่ใช่เฉพาะตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรอย่างเดียว แต่ต้องรับภาระเรื่องของชาวบ้านด้วย ในช่วง ปีแรกเหนื่อยมาก เพราะเป็นช่วงของการปรับตัว ยากมาก ตนเองพูดกับทางบ้านตลอดเวลาทุกวันว่าอยากจะลาออก เพราะตอนนั้นตนเองไม่รู้จักใคร และเราไม่รู้จักเรื่องการเมืองจะ ทำอย่างไง เราเป็นน้องใหม่ การที่เราจะทำงานให้กับชาวบ้าน 272
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เราจะทำอย่างไร การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขาทำกัน อย่างไง ตอนนั้นงงไปหมด ไปถามคนที่เล่นการเมือง เขาก็บอก ว่าเขาตอบไม่ได้ ตนเองคิดว่า การเมืองที่ดีที่สุดคือการที่เราต้อง เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญหาของตนเองคิดไม่รู้อะไรเลย การเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องเตรียมตัว ต้องลงพื้นที่ ทำงาน การเมืองท้องถิ่นมาอย่างน้อย 5 – 10 ปี ปีที่สอง ตนเองเริ่ม รู้จักคน และรู้ว่าการเมืองคืออะไรที่เราต้องทำจริงๆ การเมือง ตามความทางวิชาการก็ตามที่เรียนมาตามนั้น แต่การเมือง จริงๆ เราต้องทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน วันนี้พอได้คลุกคลีกับ ชาวบ้านเรานั่งคิดว่า เราคนเดียวมีเงิน 100 ล้านบาท กิน คนเดียว ใช้คนเดียว สบาย สนุก แต่ชีวิตเราจะมีค่าอะไร คำว่า มีค่าอะไรเข้ามาในความคิดของตนเอง เรามีสมบัติ มีเงินทอง ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แต่ความดีที่ชาวบ้านจะจดจำเราก็คือ การเมือง การลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน การทำประโยชน์ให้กับ ชาวบ้าน นายนิอาริส กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา 2 ปีแรก เป็น เวลาแห่งการเรียนรู้ พอปีที่สามเรารู้อะไรมากขึ้น เริ่มเข้าใจ การเมือง ตอนนี้เริ่มจะไม่ยอมให้ใครแล้ว เรามาเป็นนักการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเราก็มีพรรคพวก มีคนที่ช่วยเรา ไม่ว่าจะช่วยด้วยอะไรก็ตาม กลุ่มบุคคลเหล่านี้เวลาที่เราไม่ได้ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขาก็อยู่กับเรา กลุ่มที่จริงใจกับเรา ปญั หาคอื ถา้ เราเลกิ เปน็ นกั การเมอื งกลมุ่ บคุ คลเหลา่ นจ้ี ะไปอยไู่ หน ฝ่ายตรงข้ามไม่รับกลุ่มบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว เราต้องช่วยเขา พง่ึ พาอาศยั กนั กนั ทำใหเ้ ราคดิ วา่ เราตอ้ งอยแู่ ลว้ เปน็ นกั การเมอื ง เพื่อช่วยเหลือกันต่อไป 273
นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส รปู แบบการหาเสยี ง นายนิอาริส กล่าวว่า ตอนนั้นช่วยกันทุกคน ตนเองไป ไหนไม่ถูก เพราะตนเองไม่เคยลงพื้นที่ หลงทางบ่อยมาก ต้องถามชาวบ้าน การเมืองที่ผ่านมานั้น ตนเองมองไม่แตกต่าง กัน การเลือกตั้งก็เป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่การทำงาน การเมืองสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกัน สมัยนี้เราต้องคิด นอกกรอบ การเล่นการเมืองสมัยนี้เราต้องติดว่าเราจะทำ ประโยชน์อะไรให้กับชาวบ้านเราต้องคิดให้กว้างมากขึ้น มองทุก อย่างเป็นภาพรวม บูรณาการ สมัยก่อนมองอะไรจะมองเพียง ด้านเดียว ด้านที่ไม่มีผลประโยชน์เขาไม่ค่อยสนใจ เดี๋ยวนี้กลุ่ม เล็กๆ ที่ไม่มีผลประโยชน์เราก็ต้องเอาใจใส่ ถ้าเราไม่ทำให้ เหมือนกันก็จะเกิดการทะเลาะกัน ตนเองไม่อยากที่จะเล่น การเมืองแล้วเห็นคนมาทะเลาะกัน ตนเองอยากเห็นการเมือง ที่ทุกคนได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน นายนิอาริส กล่าวว่า การมองว่าการเมืองเป็นเรื่อง มรดกหรือไม่นั้น เป็นการมองของแต่ละบุคคล แต่ละมุมมอง ถ้าเราเล่นการเมืองแบบฉาบฉวยการเมืองก็เป็นมรดกไม่ได้ เพราะเราจะเล่นแต่เฉพาะเวลาที่มีการเลือกตั้งเท่านั้น มาให้เงิน ชาวบ้าน เราก็จะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ถ้าเราเล่นการเมือง แบบถึงใจชาวบ้าน เมื่อพูดถึงเรา ระบุได้ว่าเราเป็นบุตรของใคร ทำอะไรบ้าง อย่างนี้ตนเองเรียกว่าเป็นมรดก เพราะถ้าเขาถาม ว่าเราเป็นใคร เราบอกว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นิอาริสฯ ชาวบ้านจะต่อให้ว่าเป็นลูกของคนนั้น บ้านอยู่ที่นั้น เป็นหลาน ของคนนั้น ตนเองคิดว่านี้คือการเป็นมรดก เป็นทายาทก็คือ 274
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส การเป็นมรดก อย่างเช่น กำนันคนนี้ เป็นลูกของกำนันคนเก่า ตนเองก็คิดว่าเป็นมรดกขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะ มองอย่างไร ข้อมูลอืน่ ๆ นายนิอาริส กล่าวว่า การเมืองกับคนรุ่นใหม่ สมัยนี้ เยาวชนจะหันหลังให้กับการเมืองไม่ได้แล้ว ตนเองคิดว่าตอนนี้ เยาวชนสนใจการเมืองมากขึ้น อย่างน้อยเมื่อเยาวชนอยากทำ โครงการนี้ คิดอะไรไม่ได้ก็มาหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อย่างเช่น อยากแข่งกีฬาฟุตบอลก็มาหาสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเริ่มมีช่องทางในการทำกิจกรรม เริ่มรู้จักนักการเมือง ขอเสื้อ ขอลูกฟุตบอล เริ่มเห็นว่าถ้าเราสนใจการเมืองเราจะได้ รับประโยชน์ ณ วันนี้ เราจะสนใจกลุ่มผู้ใหญ่อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องลงไปกับกลุ่มเยาวชนที่อายุ 18 ปี เพราะกลุ่มเยาวชน เรานี้มีสิทธิในการเลือกตั้งมีอัตราส่วนที่เยอะมาก แต่ตนเองนั้น ทำงานกับทุกกลุ่ม ผู้สงู อายุ วัยกลางคน กลุ่มเยาวชน สถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ บางทีการแก้ปัญหาให้ จบมันต้องอาศัยระยะเวลา จะแก้ภายในวัน 2 วัน คงไม่ได้ อย่างรัฐบาลกำหนด 99 วันจะแก้ได้คงไม่ใช่ ด้วยสถานการณ์ อย่างนี้เราไปกำหนดระยะเวลาไม่ได้ ตนเองมองว่าสถานการณ์ ทุกวันนี้เป็นอุดมการณ์ที่ลึกลงไปของฝ่ายตรงข้าม ใครมีหน้าที่ แก้สถานการณ์ก็ทำหน้าที่แก้ไป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ผลักดันบอก เรื่องปัญหาก็ทำไป ตนเองไม่ได้มอง ปัญหาสถานการณ์อย่างเดียว วันนี้เราต้องทำเรื่องเศรษฐกิจ ในพื้นที่ให้ดี อย่างเช่น ราคายาง เพราะคนในพื้นที่ร้อยละ 80 275
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เป็นชาวสวนยางพารา ถ้าราคายางอยู่อย่างนี้ 100 กว่าบาท ตลอด ชาวบ้านกล้าออกไปกรีดยาง เศรษฐกิจก็ดีขึ้น ไม่ใช่ เฉพาะชาวสวนยางเท่านั้นที่อยู่รอด พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอยก็ขายของได้ เศรษฐกิจภาพรวมในพื้นที่ก็ดี ไม่ต้อง พูดถึงคนนอกเข้ามา เขาไม่เข้ามาอยู่แล้วเราพูดถึงพื้นที่ของเรา ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น ชาวบ้านก็จะลืมนึกถึงเหตุการณ์ ความสุข ของคนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์คลี่คลายลงไปเยอะ มาก ปัญหาทุกวันนี้คลี่คลายลงไปมาก ที่เราเห็นอยู่เป็นเพียง นานๆ ครั้ง แต่รุนแรง เราไปคิดถึงจุดนั้น ณ เวลานั้น เท่านั้น แต่มองภาพรวมเหตุการณ์ลดน้อยลง ผู้หลงผิดที่คิดจะไปร่วม ก็กลับใจมาทำมาหากิน เรามีสวนยาง กรีดยางมีเงิน เศรษฐกิจ ดีขึ้น อะไรก็ดีขึ้น แต่การจะให้สถานการณ์หมดไปต้องใช้เวลา ส่วนตนเองนั้น จะไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเป็นรัฐบาลไม่ต้องมาบอก ว่าจะแก้สถานการณ์ภายในเท่านั้น หรือ 99 วันต้องสำเร็จ หรือ 6 เดือน ไม่ต้องมาบอก คุณทำไปแต่ขอให้มีความจริงใจ ในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่รับ ผิดชอบในพื้นที่ ขอให้มีความจริงใจ อย่าเห็นผลประโยชน์ใน พื้นที่มากเกินไป ตนเองคิดว่าทุกอย่างแก้ได้ อย่าพยายามสร้าง สถานการณ์เอง มีความจริงใจกับชาวบ้าน ชาวบ้านยินดีให้ ความร่วมมือ วันนี้ขอฝากเรื่องทางการเมือง ให้เยาวชนสนใจการเมือง มากขึ้น เมื่อก่อนเยาวชนสนใจการเมืองน้อยมาก ตนเองเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอายุน้อย เข้ากับเยาวชนได้ พูดคุย กับเยาวชนได้เหมือนเพื่อนกัน กับผู้ใหญ่เราก็เหมือนลูก เหมือน หลาน ตนเองพยายามดึงเยาวชนให้สนใจการเมืองมากขึ้น 276
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เยาวชนที่สนใจการเมือง หันมาเล่นกีฬา กลุ่มนี้ไม่น่าเป็นห่วง แต่จะมีเยาวชนส่วนหนึ่งหันไปติดยาเสพติดอยากให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางอำเภอให้ความสนใจอย่างจริงจัง ให้นำเยาวชนที่ติดยามาบำบัด ฟื้นฟู เยียวยา เพราะเยาวชน กลุ่มนี้ง่ายต่อการถูกชักจูงให้ไปกระทำผิดก่อสถานการณ ์ ไมส่ งบทกุ วนั น้ี อยากเหน็ เยาวชนสนใจการเมอื ง มาทำประโยชน์ เพื่อบ้านเมืองเราต่อไป นายนิอาริส กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองได้พิสูจน์ให้คนใน จังหวัดนราธิวาสรู้ว่าตนเองก็มีความสามารถในการทำงาน การเมือง เป็นที่ยอมรับกับคนในกลุ่มต่างๆ และตนเอง ก็พยายามชักชวนให้เยาวชนหันมาสนใจกีฬา สนใจการเมือง ร่วมมือกันทำประโยชน์เพื่อจังหวัด สรุปภาพรวมนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส ยุคที่สาม ต้ังแต่ พ.ศ.2527 ถึง พ.ศ.2554 นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคที่สาม ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2554 เป็นยุคของการปฏิรูปทางการเมือง มีการ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และ นำมาใช้ถือเอาเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 16 นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสส่วนใหญ่เป็นคนไทย มุสลิมที่เป็นปัญญาชน พ.ศ.2529 จนถึง พ.ศ. 2544 เป็นการ รวมตัวกันอย่างจริงจังของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นราธิวาส กลุ่มวาดะห์เป็นที่ยอมรับในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 277
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส จังหวัดนราธิวาสมี นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายนัจมุดดีน อูมา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดกลุ่มวาดะห์ เป็นการ เติบโต และการขยายตัวของกลุ่มมุสลิมในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ด้วย พ.ศ. 2548 ยุคที่พลิกบทบาททางการเมืองของ นักการเมืองถิ่นกลุ่มวาดะห์ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส กลุ่มวาดะห์ ไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว เนื่องจากการ ย้ายพรรคไปสังกัดพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะที่ เกิดเหตุการณ์รุนแรงกรณีที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจในยุคการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสยุคนี้คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาสถูก จับข้อหากบฏ คือ นายนัจมุดดีน อูมา (เอกสาร : เขาหาว่า ผมเป็นกบฏ เขียนโดย นายนัจมุดดีน อูมา) และนายแพทย์ แวมาฮาดี แวดาโอะ ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีฐานความผิดการ ก่อการร้าย แต่ศาลยกฟ้องในที่สุด ได้รับคะแนนเลือกตั้งอย่าง ถล่มทลายให้เป็นวุฒิสมาชิก พ.ศ.2549 และเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ต่อมาพรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมได้แก่พรรค ความหวังใหม่ พรรคชาติไทย ปัจจุบันการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสยุคนี้เป็นยุคที่พรรค ประชาธิปัตย์เติบโต นักการเมืองถิ่นที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากการยอมรับใน ตัวบุคคลที่ทำงานการเมืองมาตลอด เช่น นายชวน หลีกภัย ที่ลงพื้นที่ช่วยสมาชิกหาเสียง 278
การเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส 4.4 นักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาสในสายตาของ ประชาชน จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลในประเด็นประวัติความเป็น มาของการเมืองและนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เพื่อทราบ ถึงเครือข่ายความสัมพันธ์ ของกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มที่ไม่ เป็นทางการ ความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองกับนักการเมือง และกลวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งของนักการเมืองของแต่ละ คนในจังหวัดนราธิวาส ทำการสัมภาษณ์บุคคลที่ใกล้ชิดกับ นักการเมือง ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการครู สังกัดเขตการศึกษาพื้นที่ รองลงมา เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง เป็นข้าราชการท้องถิ่น และประชาชน ทั่วไปในพื้นที่ ที่เห็นภาพการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาสมาหลาย ยุค หลายสมัย ทำให้ภาพนักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส เด่นชัดมากขึ้น กรณีศึกษานักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส ทำการ สัมภาษณ์ประชาชนหลากหลายอาชีพในจังหวัดนราธิวาส เพื่อให้เห็นภาพความสัมพันธ์ของนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาสตามบริบทของนักการเมืองให้ชัดเจนมากขึ้น และ ทำให้ทราบถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการเมืองและ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส โดยทำการศึกษาในประเด็น 1. บทบาทความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองและ นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส 279
นักการเมืองถิ่นจังหวัดนราธิวาส 2. เครือข่าย ความสัมพันธ์ และกลุ่มผลประโยชน์ที่ สนับสนุนนักการเมืองถิ่น 3. กลวิธีการหาเสียงของนักการเมืองถิ่นจังหวัด นราธิวาส ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กลุ่มท่ี 1 ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า ตนเองเป็นบุคคลที่ติดตาม ข้อมูลข่าวสารนักการเมืองถิ่นของจังหวัดนราธิวาสมาตลอด เป็นคนดั้งเดิมของจังหวัดนราธิวาส มองการเมืองของจังหวัด นราธิวาสหรือการเมืองสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า แปลกกว่าที่อื่น ไม่เหมือนกับภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนบน เลือกพรรค เลือกนโยบาย สามจังหวัดชายแดนภาคใต้พรรค ไม่เกี่ยว ไม่ผูกขาดทางการเมือง ไม่เลือกพรรค แต่เลือกบุคคล ทั้งหมดนี้มาจากการศึกษาของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ผู้ให้ข้อมลู สำคัญ มองว่า เมื่อก่อนไม่เป็น แต่ ณ ปัจจุบัน การเมืองเป็นมรดก ถ้าไม่ให้ลูกก็ให้ภรรยา ให้พี่ ให้น้อง ให้ ญาติเป็นแทน ทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ เดี๋ยวนี้คนลงสมัครเล่น การเมืองมองการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ เกี่ยวกับอำนาจ เป็นนักการเมืองแล้วจะได้สิทธิประโยชน์หลายๆ อย่าง บทบาทของนักการเมืองและตัวพรรคการเมืองสมัยก่อน ไม่มีความสนิทกันมาก ไม่มีความช่วยเหลืออะไรกันเลย จะสนับสนุนก็เพียงค่าสมัครรูปถ่ายเท่านั้น ระดับหัวหน้าพรรค จะลงมาช่วยหาเสียงก็ไม่มี สมัยนี้พรรคจะดูระดับว่าใคร ระดับ A เท่าไหร่ ระดับ B เท่าไหร่ ระดับ C เท่าไหร่ สมัยก่อนต้องช่วย 280
การเมืองและนักการเมืองถ่ินจังหวัดนราธิวาส เหลือตัวเอง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เงินมีผลมาก ชาวบ้าน ส่วนใหญ่อ่านหนังสือออกกี่คน ฟังและดูโทรทัศน์รู้เรื่อง กี่คน ฉะนั้นชาวบ้านไม่สนใจหรอกว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร บ้านเมืองเป็นอย่างไร พรรคนี้ใครเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่รู้ ชาวบ้านรู้จักแต่หัวคะแนน สมัยก่อนงานแต่งงานถ้าเชิญผู้แทน แล้วผู้แทนไม่มา เป็นเรื่องชาวบ้านไม่รู้ว่าผู้แทนมีบทบาทในสภา ขนาดไหน แต่ถ้าของหายไปหาผู้แทนต้องได้คืน สมัยหลังๆ นี้ นักการเมืองไม่ปราศรัย ไม่พูดนโยบาย ในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ นักการเมืองไม่ผูกพันกับพรรค ผู้สมัครไม่ได้ปลื้มอะไร กับพรรค ดูว่าพรรคจะให้เงินมาเท่าไหร่ การเมืองในสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้จึงแตกต่างกับภาคใต้ตอนบน ผู้ให้ข้อมูล กล่าวว่าการเมืองบ้านเรา ก็พอๆ กับภาคอีสาน แม้ว่าจะชอบ พรรคไหน แต่ต้องใช้เงินเหมือนกัน แต่สามจังหวัดของเราเห็น ชัดกว่าเพราะไม่มีระดับหัวหน้าพรรคเหมือนภาคอีสานที่มาคุม สามจังหวัดไม่มี และนโยบายของพรรคการเมืองแต่ละพรรค ไม่มีพรรคไหนที่มีนโยบายที่ชัดเจนในสามจังหวัดชายแดนภาค ใต้ นี้คือส่วนที่สำคัญ ถ้าพรรคใดมีนโยบายที่ชัดเจนก็สามารถ ทำอะไรได้มาก ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ กล่าวว่า อย่างเช่นการเยียวยา สามจังหวัดทำไปโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าชาวบ้านต้องการอะไร การแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนการให้ยา ไม่ถูกกับโรค เลยลุกลามและไม่หาย หมอก็คอยเลี้ยงไข้ตลอด ทำใหป้ ัญหาสามจงั หวัดชายแดนภาคใต้ทบั ถมมาตลอด 7 - 8 ปี ที่ผ่านมา 281
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376