นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี จริงจัง ผลก็คือทำให้ประชาชนตระหนักถึงนโยบายของ พรรคการเมืองและบทบาทของนักการเมืองในการสังกัด พรรคการเมืองมากขึ้นเป็นลำดับ การเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันกล่าวคือ การสังกัดพรรคเป็นเงื่อนไข สำคัญในโอกาสที่ชนะการเลือกตั้งมากกว่าปัจจัยด้านตัวบุคคล เหมือนเช่นอดีต พลตรีศรชัย มนตรีวัต ได้อธิบายต่อประเด็น ดังกล่าวพร้อมการล่มสลายการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย ไทยไว้ดังนี้ “ดีเรื่องนี้ วันนี้การเมืองปีนี้ ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 4827 การเมืองเรื่องนโยบาย เสียดายเราไปทิ้ง ไปถูกปฏิวัติ รัฐประหาร อะไรต่างๆ จนลำบาก เสียดาย...ปฏิวัติไป 10 ปีก็ได้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็พรรคเพื่อไทย ยิ่งนานเท่าไหร่ คะแนนยิ่งมากอีกเท่าตัว ประชาชน รู้นี่....(พรรคการเมือง พรรคหนึ่ง) ทำอะไร...” สำหรับพลตรีศรชัย มนตรีวัตแล้วปัจจุบันนโยบายของ พรรคการเมืองมีผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวในการเลือกตั้ง ของนักการเมืองเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนมีความเข้าใจ 27 ความสำเร็จทางการเมืองในการนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ในช่วง การเลือกตั้งปี 2544 นำมาสู่ปรากฏการณ์ทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ในปี 2548 ซึ่งผลปรากฏว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศลงคะแนนเสียง เลือกตั้งให้กับพรรคไทยรักไทย ทำให้ชนะการเลือกตั้งสามารถจัดตั้งเป็น รัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยและ นับเป็นสมัยที่สองติดต่อกันที่เป็นรัฐบาล 236
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม การเมืองแล้วว่ามีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของพวกเขาอย่างไร ในขณะเดยี วสำหรบั นกั การเมอื งแลว้ พลตรศี รชยั มนตรวี ตั เหน็ วา่ ความขัดแย้งทางการเมืองของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ เพราะ นักการเมืองต่างพรรคการเมืองย่อมมีแนวคิด อุดมการณ์และ วิธีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแตกต่างกัน โดยที่ความคิด ที่แตกต่างเหล่านั้นมักปรากฏผ่านการโต้เถียงทั้งในการประชุม สภาและสื่อสาธารณะ แต่กระนั้นแล้วมักยุติไปตามเวลา และไปจบลงที่การเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก นักการเมืองทำหน้าที่แทนตนในสภา การรัฐประหารทาง การเมืองที่เกิดขึ้นในการเมืองไทยมีผลกระทบต่ออนาคตของ ประเทศเป็นอย่างมาก “นักการเมืองมีดีก็แค่ปาก ทะเลาะกันไป ได้แต่ ปาก เดียวก็จบ กลับไปเลือกตั้ง ก็บอกแล้ว นี่เราไม่รักษา กตกิ า อาชพี ของเรากนั เอง ไมป่ ฏวิ ตั เิ สยี บา้ นเมอื งจะไปไกล จากผู้นำอาเซียนเป็นอะไรก็ไม่รู้ อย่าลืมน่ะ ท่านทักษิณ จะยังไงก็แล้วแต่ท่านเป็นนักบริหาร กล้าตัดสินใจ” พลตรีศรชัย มนตรีวัต ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงความ สำเร็จด้านนโยบายและการนำไปปฏิบัติของพรรคการเมืองเมื่อ สามารถขึ้นเป็นรัฐบาลบริหารประเทศได้ว่า เมื่อพรรคการเมือง บริหารจัดการตามนโยบายหรือการนำนโยบายไปปฏิบัติจน บรรลุเป้าหมายและประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมซึ่งประชาชนได้รับ ผลโดยตรงนั้น ย่อมมีผลต่อคะแนนสนับสนุนในทางการเมือง 237
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงเวลาการเลือกตั้งเป็นอย่างมาก เช่น กรณีของพรรคไทย รักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน “เอางี้เลือกตั้งครั้งหน้า ให้....มันปฏิวัติไปอีก 10 ปีก็ได้ อยู่ได้นะ ยิ่งนานเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทยยิ่งได้ คะแนนขึ้น ไม่รู้เลยว่ามันทำลาย.... อยู่เพื่อทำลายก็อยู ่ กันได้ ผมไม่เข้าใจ ถามง่ายๆ ถ้าข้าราชการไม่ยินยอม ....แค่กรมๆ เดียว รัฐบาลสั่งไม่ทำ ก็เขามีอำนาจ” สำหรบั ชวี ติ ทางการเมอื งความสำเรจ็ ในฐานะนกั การเมอื ง ของพลตรีศรชัย มนตริวัต ประกอบด้วย การได้รับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถึงปี พ.ศ. 2548 โดยการเลือกตั้งปี 2538 ลงเขต 1 ในสังกัด พรรคนำไทย การเลือกตั้งปี 2539 สังกัดพรรคความหวังใหม่ การเลือกตั้งปี 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย ตามลำดับ28 (ชงคชาญ สุวรรณมณี และอริย์ธัช แก้วสะบ้า, 2548, หน้า 147, 230) สำหรับการเลือกตั้งปี 2548 เป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย29 ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 ลงสมัคร ส.ส. ในระบบสัดส่วน สังกัดพรรคพลังประชาชน ต่อมาย้ายมาสังกัด พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัคร ส.ส. ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ 28 โดยมีนายอำนวย วีรวรรณ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ดำรงหัวหน้าพรรคในแต่ละพรรค ตามลำดับ 29 เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ลำดับที่ 30 238
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ไม่ได้รับการเลือกตั้ง โดยแพ้คะแนนนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร จากพรรคประชาธิปัตย์ พลตรีศรชัย มนตรีวัตเป็นนักการเมืองคนสนิทของพล เอกชวลิต ยงใจยุทธ เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2539 ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา30 เป็น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในปี พ.ศ. 2540 เป็น เลขานุการผู้นำฝ่ายค้านฯ พ.ศ. 2541 และเป็นเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) ปี พ.ศ. 2544 นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง อาทิ อดีตเลขาธิการพรรคนำไทยภายใต้การนำของนายอำนวย วีรวรรณ หัวหน้าพรรค ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ 4.1.11 นายอนุกูล แพรไพศาล อนุกูล แพรไพศาล เกิดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2507 เป็นชาว ตำบลดอนแสลบ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี สำเร็จ การศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย รามคำแหง ระดับปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ (NIDA) และระดบั ปรญิ ญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา (การ พัฒนาสังคม) มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ผ่านหลักสูตร 30 คณะรฐั มนตรที ่ี 51 ของไทย (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 24 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539) ในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา โดยมีนายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏร 239
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี อบรม ทนายความ รุ่นที่ 2 สภาทนายความปี 2530 เสริม ประสบการณท์ างการเมอื ง รนุ่ ท่ี 2 มหาวิทยาลัยสโุ ขธรรมาธริ าช ปี 2534 สมาชิกสภาจังหวัด รุ่นที่ 2 วิทยาลัยการปกครอง ปี 2538 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด รุ่นที่ 1 สถาบัน พัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปี 2546 ประสบการณ์การทำงาน เริ่มต้นด้วยอาชีพทนายความ สำนักงานรวมกฎหมายทนายความ สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี (สจ.4 สมัย) ที่ปรึกษารัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี รองประธานสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี กรรมการสมาคมองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย อาจารย์พิเศษ กศ.ปป. ประจำ ศูนย์การศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี อาจารย์และ คณะกรรมการหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต อนุกรรมาธิการการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติชอบสภาผู้แทน ราษฎร การเข้าสู่การเมือง นายอนุกูล แพรไพศาล ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของ จังหวัดกาญจนบุรี โดยก้าวเข้าสู่การเมืองในระดับท้องถิ่นตั้งแต่ อายุเพียง 25 ปีเท่านั้นด้วยการได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภา จังหวัดกาญจนบุรี (สจ.) ความสำเร็จในทางการเมืองในช่วง เรม่ิ ตน้ ดงั กลา่ วมาจากการเปน็ นกั กฎหมาย หรอื อาชพี ทนายความ ความใกล้ชิดกับชาวบ้านจึงเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการ ทำงานช่วยเหลือทั้งในด้านการต่อสู้คดีและการให้คำแนะนำ 240
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม เมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วชาวบ้าน มักประสบปัญหาในด้านกฎหมายเมื่อเกิดกรณีฟ้องร้องหรือ ถูกจับกุมทั้งในด้านส่วนตัวหรืออาชีพ “ผมเองยังโสดยังไม่ได้แต่งงาน อาชีพเดิมผมเป็น ทนายความตอนแรกก็ว่าความอยู่ที่กรุงเทพ ตอนหลังอายุ 25 ปี มาเป็น ส.จ. ที่กาญจนบุรี ได้เป็นผู้แทนที่อายุน้อย ที่สุดในประเทศไทยช่วงนั้น ก่อนที่ผมจะลง ส.จ. ตอนอายุ 23 ปี ผมลงมาว่าความที่กาญจนบุรี มาช่วยเหลือชาวบ้าน ด้านกฎหมายและไม่ได้เงินอะไรเลย ในพื้นที่เขต อ.พนมทวนและ อ.ห้วยกระเจา จนได้เป็น ส.จ. 4 สมัย รองประธานสภาครั้งหนึ่งและได้เป็นผู้บริหาร รองนายก อบจ. 2 สมัยติดต่อกัน หลังจากนั้น การที่เราเป็น ทนายความเราก็ได้เปรียบที่เช้าๆ ก็จะมีลูกความมา ปรึกษาเรื่องคดีความ ผมก็ช่วยเค้า อันนี้นอกเหนือจาก ช่วยเหลือและพัฒนาด้านอื่น ช่วยโดยไม่ได้คิดและหวัง ค่าตอบแทนอะไร นอกจากช่วยด้านกฎหมายแล้ว ยังช่วย ด้านอื่น เช่น ไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งตอนที่เป็น รองนายก อบจ. ช่วยในด้านการพัฒนางบประมาณของ หมู่บ้าน” สำหรับชีวิตส่วนตัวนายอนุกูล ยังครองชีวิตโสด (นับถึง วันสัมภาษณ์) และนอกจากอาชีพนักการเมืองที่รักเป็นชีวิตแล้ว ยังเป็นอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรีและ มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง สอนวิชาความสัมพันธ์ 241
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างประเทศและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของนักศึกษาปริญญาโท อีกด้วย ประสบการณ์ทางการเมือง ด้วยเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีและ ความสัมพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่เลือกตั้ง จึงทำให้นายอนุกูลฯ ให้ความสำคัญกับการพรรคการเมืองและการเคารพความ อาวุโสของผู้ใหญ่ ภายใต้กรอบของความสัมพันธ์ส่วนตน นายอนุกูลฯ เข้าสู่การเมืองครั้งแรกโดยการชักชวนของพลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์ ในช่วงเวลาของการตั้งพรรคมหาชน โดยมีนายอเนก เหล่าธรรมทัศน์เป็นหัวหน้าพรรค กระนั้นแม้จะ สอบตกหรือไม่ผ่านการเลือกตั้ง นายอนุกูลฯ ก็ได้รับคะแนน จำนวนไม่น้อยเป็นรองเพียงผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระแสความนิยมของพรรคไทยรักไทยอยู่ใน ระดับสูงสุด เมื่อผ่านยุคของพรรคมหาชน นายอนุกูลฯ จึงเข้า สังกัดพรรคประชาธิปัตย์โดยมีเพื่อนนักกฎหมาย ส.ส.ของพรรค ประชาธิปัตย์ และกำนันเซี๊ยะ ส.ส. คนสำคัญของจังหวัด กาญจนบุรีซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเป็นผู้ชักชวน “ที่ผ่านมาผมสังกัดอยู่ 2 พรรค คือพรรคมหาชน และพรรคประชาธิปัตย์ ผมเข้าพรรคมหาชนโดยสายของ พลตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ ตอนที่ผมเป็นเป็น สจ. ก็ช่วย เหลือพรรคประชาธิปัตย์ และอยู่สายพลตรีสนั่น พอพลตรี สนั่นฯ ออกไปตั้งพรรคและก็ได้ชักชวนผม และความที่เรา คุ้นเคยกันก็เลยไปลงผู้แทนในนามพรรคมหาชน และก็ได้ 242
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ที่ 2 เสร็จแล้วพอลงผู้แทนแล้วหลังจากนั้นพรรคมหาชน ก็ยุบพรรค ยุบไปโดยปริยาย พอยุบก็มีพรรคพวกคือ เพื่อนที่จบกฎหมายด้วยกัน ส.ส.ชุมพร ได้ชวนมาลงพรรค ประชาธิปัตย์และก็ได้แรงสนับสนุนจาก “กำนันเซี๊ย” คุณประชา โพธิพิพิธ (กำนันเซี๊ย) สนิทกับคุณพ่อผม ก็ได้ ลงสมัยที่แล้ว ส.ส. ผมลงแค่ 2 ครั้ง ครั้งแรกกับพรรค มหาชน เขตเดียวเบอร์เดียว ครั้งที่ 2 กับพรรคประชา- ธิปัตย์ แล้วผมก็คิดว่าอยู่ประชาธิปัตย์ อนาคตข้างหน้า ก็อยู่พรรคนี้พรรคเดียว และก็จะลงอีก 1 รอบ ล้างตา อีกรอบก็อยู่ที่มติพรรคครับ ตอนนี้พรรคก็ให้ผมไปเป็น อนุกรรมาธิการการป้องกันและราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ก็ช่วยงานที่พรรคด้วยในกรณีที่ยุบพรรค ผมก็เลยเป็น (Staff) แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้เป็นผู้แทน ระดับชาติหรือ ส.ส. ตอนนี้ก็ช่วยงานของพรรคและได้ทำ กจิ กรรมรว่ มกนั และสมยั หนา้ กเ็ ตรยี มการหาเสยี งไวแ้ ลว้ ” อย่างไรก็ตามความสำเร็จในอาชีพนักการเมืองระดับ ชาติหรือการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของนายอนุกูลฯ ยังคงต้อง รอเวลาในอนาคต เพราะยังคงเป็นเพียงอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง เท่านั้น ปัจจุบันนายอนุกูลฯ ทำงานการเมืองในตำแหน่ง อนุกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรค ที่ตนเองสังกัด รวมถึงการทำงานในด้านกฎหมายให้กับพรรค ประชาธิปัตย์ 243
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี บทบาทพรรคการเมือง ความสัมพนั ธ์ของกลมุ่ ตา่ งๆ ภายในพรรค ความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคการเมือง และ ระบบการทำงานภายในพรรคถือเป็นสิ่งสำคัญที่อนุกูล แพรไพศาล ให้ความสำคัญและต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิก พรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคในอุดมคติที่มีลักษณะ อย่างที่กล่าวข้างต้น ซึ่งในทัศนะของอนุกูลฯ พรรคฯ มีครบทุก องค์ประกอบทั้งอุดมการณ์ของพรรค การคำนึงถึงผลประโยชน์ ของประชาชนซึ่งมีมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ของประเทศ การมีอดีตผู้นำพรรคคือ นายชวน หลีกภัย ที่เป็นแบบอย่าง การมีผู้นำรุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานความรู้ความสามารถอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้ว่าจะมีกลุ่มก้อนทางการเมือง ก็ตาม แต่ล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน “ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ถือว่าเป็นสถาบันทางการเมือง ถ้าเปรียบเทียบกับพรรค อื่นๆ ในปัจจุบัน ผมว่าน่าจะเป็นพรรคเดียวที่คำนึงถึง ผลประโยชน์ของประชาชนมากว่าพรรคอื่นและก็ในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานที่ปรึกษาพรรคนายชวน หลีกภัย ท่านเป็นคนดีมากๆ เป็นคนดีและเป็นคนที่เอา ผลประโยชนข์ องประชาชนเปน็ หลกั สว่ น ทา่ นนายกอภสิ ทิ ธ์ิ ท่านเป็นคนเก่งและอายุยังน้อยแต่ก็เป็นที่ยอมรับ แต่ใน กลุ่มอื่นๆก็ยังมี ก็จะมีกลุ่มของท่านนายกอภิสิทธิ์และ กลุ่มของท่านสุเทพ ก็มีสองกลุ่มที่ชัดเจน ความสัมพันธ์ ก็ถือว่าดี ในแง่ของผลประโยชน์ก็ของใครของมัน” 244
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ความเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าว ทำให้ สามารถที่จะปกป้องหรือแก้ไขปัญหาภายในพรรค รวมถึง การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการโจมตีของคู่แข่งทางการเมือง อย่างเป็นระบบ เน้นการเคารพมติพรรคเป็นหลักมากกว่า ตัวบุคคล แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น “ถ้าพรรคโดนรังแก เคา้ ก็ยงั รวมตัวกัน จะไม่ตวั ใคร ตัวมันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคจะดีกว่าพรรคอื่นที่เอา มติพรรคเป็นหลัก ไม่เหมือนพรรคอื่นที่เอาบุคคลที่มี อำนาจเป็นหลัก ในเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญก็ยังมี การโหวตภายใน พอมติพรรคเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ในพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการแบ่งกลุ่มกันมีทั้งกลุ่มท่าน นายกอภิสิทธิ์ กลุ่มท่านสุเทพและกลุ่มท่านบัญญัติ ท้ายสุดก็ยังเอาพรรคและประชาชนเป็นหลัก พรรคก็คำนึง ถึงผลประโยชน์ชองประชาชน” อนุกูล แพรไพศาล ยังเห็นว่าปัญหาของพรรคการเมือง อย่างพรรคประชาธิปัตย์คือความด้อยประสิทธิภาพในการ ประชาสัมพันธ์ หรือทำการสื่อสารกับสังคมหรือประชาชน ค่อนข้างน้อย แม้ว่าพรรคจะมีนโยบายต่างๆ ซึ่งเป็นเป็นผลงาน ที่ดีและมีประโยชน์ต่อประชาชนก็ตาม ผลงานที่อนุกูลฯ ถือว่ามี ความสำคัญ คือ นโยบายเรียนฟรี เบี้ยผู้สูงอายุ การประกัน พืชผล 245
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี “แต่ผมว่าสิ่งที่พรรคอาจจะด้อยกว่าพรรคอื่นๆ ก็คือเรื่องงานประชาสัมพันธ์มันยังน้อยไป ตามความเห็น ของผมนะ ผลงานก็มีเช่น นโยบายเรียนฟรี เบี้ยผู้สูงอายุ การประกันพืชผลหรือว่านโยบายที่ดีๆ ก็มีเยอะ แต่สิ่ง ที่ประชาสัมพันธ์ออกมามันน้อย” นอกจากนี้ยังชื่นชมอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย ์ ซึ่งเน้นการหาเสียงโดยไม่ใช้เงินเป็นหลัก แต่มีการรวมกลุ่ม ทางการเมืองของพรรคในการให้แนะนำเทคนิคต่างๆ เพื่อใช้ใน การหาเสียง รวมถึงรูปแบบวิธีการต่างๆ โดดเด่นกว่า พรรคการเมืองอื่น ๆ พรรคมีจุดเด่นทั้งการระดมทุน การเข้าถึง ประชาชน การจัดองค์กร การมีส่วนร่วมในพรรค และเคารพ กฎหมายการหาเสียง รวมถึงการเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งมี ส่วนสำคัญในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชน มากกว่าพรรคการเมืองขนาดเล็ก “ในลักษณะของอุดมการณ์การหาเสียงโดยที่ไม่ใช้ เงินเป็นหลัก เค้าเรียกว่ากลุ่มของพรรค สมาชิกพรรค หรือ ว่าประชาธิปัตย์จูเนียร์การรวมกลุ่มอะไรต่างๆ การรวม กลุ่มหรือเทคนิคการหาเสียง การระดมทุน ประชาธิปัตย์ดี กว่า เข้าถึงประชาชน การจัดองค์กร จัดกลุ่ม Participate ได้ดีกว่าพรรคอื่น แต่เงินน้อย พรรคก็ให้ตามกฎหมาย กฎหมายให้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่พรรคสอนเทกติกดีกว่า พรรคอื่น อย่างผมอยู่มา 2 พรรค พรรคมหาชนและพรรค ประชาธิปัตย์ แตกต่างกันเยอะ ลูกเล่นลีลาการหาเสียง 246
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม แตกต่างกัน พรรคประชาธิปัตย์ดีกว่าเยอะ ผมเรียนรู้ อยู่อย่าง การลงผู้แทนในระดับชาติ พรรคเล็กไม่สามารถ ช่วยได้เลย โดยเฉพาะ ส.ส. หน้าใหม่ อย่างผมหน้าใหม่ ลงครั้งแรกไปลงพรรคเล็ก ไม่มีทางเลย พรรคเล็กขาย ไม่ได้เลย ที่ผมได้คะแนนมาหมื่นกว่าคะแนนสมัยที่อยู่ พรรคมหาชน (เลือกตั้ง 2548) ได้ที่สองรองจากกำนันหยุ่น ได้คะแนนมาก็เพราะตัวตนของผมแท้ๆ ไม่ได้เพราะพรรค เลย แต่พอมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์พรรคก็ช่วยผมด้วย” กลยุทธ์การหาเสียงและการรักษาฐานเสียง การเข้าถึงชาวบ้านโดยวิธีการเดินเข้าหา พบปะตามบ้าน แหล่งชุมชน โดยเฉพาะชุมชนเมือง ที่เรียกว่า “เคาะประตูบ้าน” เป็นแนวทางที่อนุกูลฯ ได้นำมาใช้และเห็นว่าเป็นวิธีการหาเสียง ที่ดีที่สุด ด้วยเป็นการสร้างความรู้จักมักคุ้นและการแสดงตัว ของนักการเมืองต่อประชาชน ในขณะที่เทคนิคสำคัญในการ หาเสียงดังกล่าว จำเป็นต้องใช้สมาชิกพรรคในหมู่บ้านซึ่งเป็น ผู้รู้จักคนในหมู่บ้านหรือพื้นที่เป็นอย่างดีเป็นผู้นำทางและ ช่วยเหลือ โดยปฏิเสธการใช้เงินในการซื้อเสียงหรือหาเสียง การมีสมาชิกพรรคที่มีอุดมการณ์ของพรรคอย่างแท้จริงนั้น ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้การหาเสียงประสบความสำเร็จ และได้รับความไว้วางใจคนในพื้นที่ นอกจากนี้แล้วปัจจัยการ หาเสียงที่มีส่วนสำคัญคือ นโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ให้ความสำคัญและมีความเข้าใจ ถึงความสำคัญในนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง ในขณะ เดียวกันยังมีกลุ่มประชาชนที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อการผลการ 247
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี เลือกตั้ง ที่สำคัญได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มอาสาสมัคร สาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีความเข้มแข็ง และมีบทบาทมากในทางการเมือง “ผมอาศัยเข้าพบประชาชน อย่างผมอยากเดิน มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งชุมชนที่เป็นเทศบาล ค่อนข้างเจริญแล้ว ที่เป็นชุมชนเมือง โดยอาศัยเดินเคาะ ประตู ให้มากที่สุด ปัจจุบันเวลาหาเสียงผมก็เดินอย่างนั้น และผมก็ใช้แทคติกในการหาเสียง ก็คือจะใช้สมาชิก พรรคหรือคนของผมที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นช่วยพาผมเดิน เดินและก็ยกมือไหว้ แต่ผมไม่มีเงินซื้อเสียง ไม่มีเลย ส่วน ในการรักษาฐานเสียงผมก็พยายามค้นหาคนที่เป็นตัวตน ที่แท้จริงของพรรค หมายถึงว่ามีอุดมการณ์เดียวกัน ที่ผม ได้มาเกือบหกหมื่นคะแนน ผมไม่ได้จากกำนันผู้ใหญ่บ้าน เลย ได้น้อยนะ ผมได้จากกลุ่มแม่บ้านกลุ่ม อสม. เค้ามา ช่วย พาเดิน เดินและก็แนะนำบัตร แนะนำนโยบาย นโยบายก็มีส่วนเยอะ ชาวบ้านเค้าจะดูนโยบายเป็นหลัก เพราะฉะนั้นวิธีรักษาฐานเสียงของผม ไม่จำเป็นต้อง เป็นผู้นำท้องถิ่น แต่หลักๆ ของผมจะใช้พ่อเฒ่าแม่แก่ ใช้แม่บ้านหรือสมาชิกพรรค กลุ่ม อสม. มากกว่า เพราะ พวกนี้จะจริงใจกว่าเวลาหาเสียง พูดกันรู้เรื่อง” สำหรับการรักษาฐานคะแนนเสียง อนุกูล แพรไพศาล เห็นว่าประกอบด้วย 3 ด้านกล่าวคือ ด้านแรก การชนะใจ ประชาชนหรือชาวบ้านในการทำงานการเมืองของผู้สมัคร ส.ส. 248
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม หรอื นกั การเมอื ง เกย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมตา่ งๆ ทท่ี ำในพน้ื ทเ่ี ลอื กตง้ั อาทิ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันโครงการหรือ งบประมาณพัฒนาท้องถิ่นหรือพื้นที่ ได้แก่ การพัฒนาถนน/ เส้นทางคมนาคม การพัฒนาระบบชลประทานหรือแหล่งน้ำ ในขณะที่กิจกรรมเกี่ยวกับวิถีชีวิต ศาสนาและวัฒนธรรม ได้แก่ การเข้าร่วมหรือมีส่วนร่วมในงานทำบุญ และงานประเพณี เป็นต้น ด้านที่สอง นโยบายพรรคการเมือง ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งหรือเลือกนักการเมืองเพื่อเป็น ตัวแทนของตนในปัจจุบัน เป็นผลจากการเรียนรู้หรือความ เข้าใจทางการเมืองที่ผลกระทบต่อชาวบ้านมากกว่าในอดีต ประชาชนในพื้นที่แม้จะอยู่หมู่บ้าน ตำบล หรืออำเภอมีการ เปลี่ยนความคิดและการตัดสินใจเลือกตั้งไปแล้ว ประการที่ 3 การซื้อเสียง ปัจจัยดังกล่าวนี้แม้ว่าในปัจจุบันจะลดความสำคัญ หรือมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในพื้นที่ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีความสำคัญ อย่างไรก็ตามการซื้อด้วยเงินเป็นเพียง ปัจจัยเสริมที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือก ส.ส. หรือนักการเมือง ของประชาชนในพื้นที่บางกลุ่ม เพราะมีผลต่อการดำรงชีวิต ประจำวัน “การหาเสียงและรักษาฐานเสียงที่ดีที่สุด ผมว่าที่ จะชนะใจชาวบ้านอยู่ที่นโยบายของพรรค และตัวผู้สมัคร ลงพื้นที่มากน้อยแค่ไหน มีอยู่ 3 อย่าง (1) นโยบายพรรค (2) ตัวผู้สมัครลงพื้นที่มากน้อยแค่ไหน ประการสุดท้าย คือ ซื้อด้วยเงิน แต่การซื้อด้วยเงิน ผมไม่ได้ใช้ ผมใช้แค ่ ข้อ 2 (และ) ข้อแรก เพราะไม่มีเงินแจก พวกที่มีเงินแจก 249
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี เค้าก็ขี้เกียจลงพื้นที่ บางที่ชาวบ้านเค้ายากจน ต้องเข้าใจ นะว่า บางคนแค่ 200 บาท เค้าก็กินได้เป็นอาทิตย์ ซื้อ ปลาทู ซื้อผัก หรือว่า 300 บาท ก็ไม่ต้องไปทำงานรับจ้าง 2 วัน ซื้อได้จริง มันมีจริงในการซื้อเสียง ผมอยากจะให้มัน เหมือนในภาคใต้ ภาคใต้เค้ายึดอุดมการณ์ เงินเอาแต่ไม่ เลือกให้” บทบาทของกลุ่มผลประโยชน์ในจังหวัด สำหรับกลุ่มผลประโยชน์ในการเมืองจังหวัดกาญจนบุรี หรือพื้นที่นั้น มีพื้นฐานจากลุ่มทุนธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับ อุตสาหกรรมการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรม น้ำตาล ด้วยจังหวัดกาญจนบุรีมีพื้นที่ไร้อ้อยจำนวนมาก เป็น ผลผลิตที่สำคัญของจังหวัด อย่างไรก็ตามกลุ่มทุนอุตสาหกรรม น้ำตาลจะช่วยสนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมือง ทุกพรรคที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง โดยลักษณะและรูปแบบการสนับสนุนด้านอุปกรณ์หาเสียง อาทิ รถขยายเสียง การจัดงานเลี้ยง ในขณะที่การช่วยเหลือ ด้านการเงินนั้นปรากฏน้อยมาก “ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ๆ จริงๆ แล้วนะเค้าก็ช่วยทุก พรรค อย่างกลุ่มโรงงานน้ำตาล ก็ช่วยทุกพรรค แต่เน้น พรรคใหญ่ๆ เพราะพรรคไหนได้ก็ได้ผลประโยชน์ในการ ทำธุรกิจ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มผลประโยชน์จะไม่ได้ ช่วยเรื่องเงินแต่จะช่วยเรื่องอื่น อาจจะเป็นหัวคะแนนให้ ช่วยในเรื่องอุปกรณ์รถในการหาเสียง งานเลี้ยง ส่วนใน เรื่องเม็ดเงินที่จะช่วยเต็มๆ น้อยมาก” 250
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อความเข้มแข็งทางการเมือง อัฎฐพล โพพิพิธ เห็นว่าเข้มแข็งทางการเมืองต้องให้ ประชาชนเข้ามีส่วนร่วม เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เริ่มจากประชาคม หมู่บ้าน กลุ่มสตรี กลุ่มอาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งปัจจุบัน ประชาชนเขา้ รว่ มมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ ในขณะเดยี วกนั การออกมาใชส้ ทิ ธ์ิ เลือกตั้งก็มิได้ให้ความสำคัญกับอามิสสินจ้างเพียงอย่างเดียว การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น และการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใต้ กำหนดระยะเวลา 4 ปี เป็นเสมือนการเรียนรู้ทางการเมือง ที่สำคัญของประชาชน นักการเมือง (ส.ส.) เมื่อได้รับเลือกตั้ง และไม่ทำงานหรือมีผลงานไม่ชัดเจน การเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนก็ไม่เลือกอีกต่อไป โดยเฉพาะการเมืองระดับท้องถิ่น มีจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 ที่สอบตกในการเลือกตั้งครั้งต่อมา ในการเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดกาญจนบุรีแนวโน้มที่จะปรากฏคือ นักการเมืองที่มีอายุมากและเคยได้รับเลือกตั้งมาตลอด ประชาชนจะไม่เลือกอีกต่อไป “ประชาชนกเ็ รม่ิ แลว้ นะ เรม่ิ มสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง อาจจะเป็นประชาคมหมู่บ้าน เป็นกลุ่มสตรี กลุ่มแม่บ้าน กลมุ่ อาสมคั รสาธารณสขุ หมบู่ า้ น (อสม.) เวลามกี ารเลอื กตง้ั ก็มีการรณรงค์กันก็มาเลือกโดยพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้ เห็นแก่อามิสสินจ้างอย่างเดียว เลือกแล้วประชาชน การเมืองท้องถิ่นนี่ หรือว่าระดับเล็ก 4 ปีก็เลือกครั้งนึง คนเริ่มรู้ว่าเลือกแล้วไม่ทำงานตอนหลังก็ตก หลายๆ คน นะเกิน 50 % ที่เลือกไปแล้วไม่ทำงาน และผมเชื่ออยู่ อย่างนะ ผู้แทนเมืองกาญจน์ คนที่อายุมากๆ แม้จะ 251
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี อันดับ 1 มาตลอด ก็ไปด้วยการเวลาเหมือนกัน สุดท้าย พออายุมากๆ ก็ตกทุกราย” ในขณะเดียวกันนโยบายพรรคการเมืองมีความสำคัญ ต่อความเข้มแข็งของการเมือง ด้วยนโยบายจะเป็นตัวแปร หรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนเกิดความศรัทธาต่อ พรรคการเมือง โดยนโยบายพรรคมาจากประชาชนและสามารถ จับต้องได้ นั่นคือ นโยบายพรรคต้องสามารถปฏิบัติและเกิดผล ในทางปฏิบัติต่อประชาชน สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันทีเมื่อได้ เป็นรัฐบาล อาทิ นโยบายเรียนฟรี เสื้อผ้าฟรี อุปกรณ์การเรียน กิจกรรมลูกเสือ ทัศนศึกษาฟรี นโยบายเงินสนับสนุนผู้สูงอายุ อาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) และประกันราคาพืชผล นโยบาย ดังกล่าวข้างต้นเป็นที่ต้องการและมีประโยชน์ต่อประชาชน แม้ว่าโดยความเป็นจริงประชาชนจะไม่ได้ยากจนอย่างแท้จริง ก็ตาม นอกจากนี้ผู้นำพรรคที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดี มีคุณธรรมและความซื่อสัตว์นับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อ ความเข้มแข็งของพรรคการเมือง นอกเหนือจากปัจจัยด้าน การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน นักการเมือง และ นโยบายของพรรคการเมือง “ผมว่ามันอยู่ที่นโยบายของพรรคด้วย ที่จะทำให้ ประชาชนเกิดความศรัทธา หรือว่าเชื่อมั่นในตัวของพรรค จะทำให้พรรคเข้มแข็งและนโยบายของพรรคต้องมาจาก ประชาชนและประชาชนต้องจับต้องได้ด้วย นโยบายนั้น พอได้เป็นรัฐบาลแล้วต้องสามารถทำได้เลย เช่น นโยบาย 252
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม เรียนฟรี ซี่งคนที่จนจริงๆ มันไม่มีนะ เสื้อผ้าฟรี อุปกรณ์ เรียน กิจกรรมลูกเสือ ทัศนศึกษาฟรี ตรงนี้เป็นประโยชน์ และผู้สูงอายุก็เหมือนกันที่ได้เงินเดือนถึงว่ามันจะน้อย แต่ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ อสม. ด้วยที่ดูแลด้านสาธารณสุข แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ชาวบ้านชอบ ก็จะเป็นเรื่องประกันราคา พืชผล และก็ตัวผู้นำ ปัจจุบันผมว่าก็มีส่วน คุณเก่งอย่าง เดียวแต่ขี้โกง บางทีคนส่วนใหญ่เค้าก็รับไม่ได้เหมือนกัน” ความร่วมมือทางการเมืองระหว่างนักการเมืองในจังหวัด ในความเห็นของ อนุกูล แพรไพศาล การเมืองในพรรค ประชาธิปัตย์มีอยู่สูง การทำงานการเมืองจะมีความร่วมมือกัน สูงโดยเฉพาะช่วยเวลาการเป็นฝ่ายค้านและช่วงเวลาการ หาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งต่างๆ ทางการเมืองก็มีการแข่งขันกันสูงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อ เป็นรัฐบาล แต่พรรคประชาธิปัตย์มีจุดแข็งที่สำคัญคือ การมี บุคคลสำคัญของพรรคซึ่งเป็นที่เคารพและเกรงใจของสมาชิก พรรค คือ นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคและนายก- รัฐมนตรี ทั้งนี้อนุกูล แพรไพศาล ยึดถือเป็นต้นแบบในการ ทำงานการเมืองที่สำคัญ ดังคำอธิบายดังนี้ “ในพรรคเดียวกันเวลาหาเสียงก็ทำงานร่วมกัน พรรคประชาธิปัตย์ เวลาเป็นฝ่ายค้าน รักกันมาก เวลา ได้เป็นรัฐบาลผู้แทนต่างก็อยากได้ตำแหน่งรัฐมนตร ี หรือตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ตำแหน่งอื่นๆ อีก บางคนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคก็อยากเป็นรัฐมนตรี 253
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี แต่พรรคประชาธิปัตย์นี่ดีที่ยังมีท่านชวน พอท่านชวนพูด อะไรนเ่ี งยี บหมดเลย เพราะมบี ารมดี า้ นความดี ทา่ นจะไมไ่ ด้ ยุ่งไปทุกเรื่อง จะให้เกียรติหัวหน้าพรรค ยกเว้นบางเรื่อง ที่ มันแบบมันดูท่าทางจะแตกแล้ว ท่านก็จะเข้ามาและก็จะ รักและก็จะสามัคคีกันโดยปริยาย ท่านมาช่วยผมหาเสียง ในตลาด คือมันยังเป็นสัญลักษณ์และความซื่อสัตย์ของ คนดี” อนาคตทางเมืองสำหรับอนุกูล แพรไพศาล ตัดสินใจ ที่จะทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ด้วยเห็นว่า เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และมุ่งเน้นผลประโยชน์ ของประชาชนมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ และหากยุติบทบาท ลงก็ยังคงทำงานการเมืองให้กับพรรคโดยอยู่เบื้องหลังต่อไป “ผมคิดว่าจะอยู่พรรคประชาธิปัตย์และจะไม่ย้าย พรรคเลย คือถ้าเลิกก็เลิกเลย ถ้าอยู่ก็อยู่ตรงนี้ ถ้าไม่เล่น กจ็ ะอยเู่ บอ้ื งหลงั ชว่ ยเหลอื พรรคเพราะคดิ วา่ พรรคประชา- ธิปัตย์เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ผลประโยชน์ของประชาชน มากกว่าพรรคอื่น ๆ พรรคอื่นมันเป็นพรรคธุรกิจการเมือง ไปแล้ว” 4.1.12 พลโทชาญ อังศุโชติ เกิดวันที่ 21 มิถุนายน 2457 เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด จบการศึกษา ชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ศึกษาต่อวิชา 254
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม การทหารจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเสนาธิการ ทหารบก และโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา ระดับ ปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ได้รับปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยตงกุ๊ก สาธารณรัฐเกาหลี และสังคม ศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล พล.ท.ชาญ อังศุโชติ เป็นทหารสื่อสาร สังกัดกองทัพบก ไทย เคยได้รับหน้าที่สำคัญอาทิ เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ในปี พ.ศ. 2477 เป็นหัวหน้านายทหารติดต่อประจำกอง บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี เป็น ผู้แทนกองทัพไทยในการลงนามความตกลงสงบศึกในสงคราม เกาหลี เป็นผู้อำนวยการกองวิชาทหาร โรงเรียนนายร้อย พระจุลจอมเกล้า นอกจากนี้ยังเคยรับราชการในกรมตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร และได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูต วสิ ามญั ผมู้ อี ำนาจเตม็ ณ โซล กรงุ แคนเบอรร์ า่ และกรงุ เวลลงิ ตนั เป็นทูตฝ่ายทหารบก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว และ ได้รับแต่งตั้งเป็นรองปลัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ งานการเมือง พล.ท.ชาญ อังสุโชติ เคยเป็นสมาชิกสภา ร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสมาชิก วุฒิสภา นอกจากนั้นเคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี 3 สมัย ในปี พ.ศ. 2518 สังกัดพรรค ธรรมสังคม ปี พ.ศ. 2522 และ พ.ศ. 2526 สังกัดพรรคชาติไทย 255
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี พล.ท.ชาญ ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัต ิ แห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516[3] และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการ ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ ในปี พ.ศ. 2518[4] และเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 252431 และปี พ.ศ. 2529 เป็นรองหัวหน้าพรรคกิจประชาคม ซึ่งมีนายบุญชู โรจนเสถียร เป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นนายทหารที่ได้รับความไว้วางใจของ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าวเป็น อย่างมาก (ชัยอนันต์ สมุทวณิช, 2549) ผลงานสำคัญ เป็นผู้ริเริ่มสร้างสะพานจันทรุเบกษา ข้าม แม่น้ำแม่กลอง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2512 และในปี พ.ศ. 2515 ได้ริเริ่มก่อตั้งวิทยาลัยครกู าญจนบุรี อาจกล่าวว่าพลโทชาญ อังศุโชติ เป็นครอบครัวการเมือง ซึ่งภรรยา (จินดา อังศุโชติ) ก็ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. จังหวัด กาญจนบุรี สังกัดพรรคสหประชาไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ 9 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 (ชงคชาญ สุวรรณมณี และอริย์ธัช แก้วสะบ้า, 2548, หน้า 146) ซึ่งเป็น ส.ส. หญิงคนแรกของ จังหวัดอีกด้วย 4.13 พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ เป็นชาวจังหวัด กาญจนบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2464 สำเร็จการศึกษา จากโรงเรียนวิสุทธรังสี ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรี การศึกษาระดับปริญญาตรี ธรรมศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และเสียชีวิตในปี 2540 31 ดำรงตำแหน่ง 11 มีนาคม พ.ศ. 2524 – 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 ในสมัยรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสลู านนท์ 256
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ เข้าสู่การเมืองโดยเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี 2515 สมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2516 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2517 สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ปี 2519 ต่อมาลงสมัครรับ เลือกตั้ง และได้เป็น ส.ส. กาญจนบุรี ในปี 2526 ถึง 2531 รวม 3 สมัย ภายใต้สังกัดพรรคชาติไทยทั้งหมด เข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่าง 9 สิงหาคม 2531 – 9 สิงหาคม 2533 ในคณะรัฐมนตรีชุดที่ 45 และดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ ระหว่างปี 2533 - คณะรัฐมนตรี คณะที่ 46 ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2533 – 23 กุมภาพันธ์ 2534 (สำนัก นายกรัฐมนตรี, 2558 และ วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี, 2558) 4.14 ฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร (นามสกุลเดิม กระต่าย)32 เกิด วันที่ 20 เมษายน 2513 เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด ชาวบ้านเรียก “ส.ส.แมน” เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2513 ณ ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นบุตรของ นายม่วง กับนางน้ำจืด กระต่าย การศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-5 ที่โรงเรียนวัดอินทาราม “โกวิทอินทราทร” ชั้นประถมศึกษา ปที ่ี 6 ทโ่ี รงเรยี นบรู ณะศาสตร์ จ.นครปฐม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ทโ่ี รงเรยี นหนองขาวโกวทิ พทิ ยาคม และชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ที่โรงเรียนวิสุทธรังษี เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขา รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาโท 32 “เดชกิจสุนทร” เป็นนามสกุลประทานจากสมเด็จพระสังฆราชสกล มหาสังฆปรินายก 257
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง) มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (ประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรชุดที่ 24, 2554) ฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร เคยทำงานฝ่ายกิจกรรมพิเศษ โรงเรียนหัวหมากวิทยา หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2534 ได้เข้า ทำงานที่บริษัทคาร์ตัน ออปทิคัล (สยาม) จำกัด อยู่ฝ่ายจัดซื้อ และขยับเป็นผู้บริหารคลังสินค้าในปี พ.ศ. 2535 จนถึง พ.ศ. 2537 จากนั้นได้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว และได้รับความไว้ วางใจจากนายสุพัฒน์ ธีรภาพสกุลวงศ์ หรือเต็กกอ ในฐานะ พอ่ บญุ ธรรม ใหช้ ว่ ยดแู ลดา้ นการตลาดและเปน็ ตวั แทนจำหนา่ ย ลูกชิ้นหมูเต็กกอ ขุนแผน นครปฐมในเขตกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล ต่อมาได้มาเปิดกิจการรับทำป้ายโฆษณาในจังหวัด กาญจนบุรี สำหรับงานการเมือง เริ่มจากการทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติ งานให้กับสมาชิกวุฒิสภา ต่อมาในปี พ.ศ. 2547ได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี (สจ.) เขตอำเภอท่าม่วง จนถึงปี พ.ศ. 2550 ได้ลาออกมาลงสมัครรับ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สังกัดพรรค ชาติไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง33 แม้ว่าจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง ฉัตรพันธ์ ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทำให้ประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี้ย และศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ภรรยาของรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ บุตรชายนายสุนทร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ หรือ 33 ในการเลือกตั้งปี 2550 ได้คะแนน 27,738 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 9.48 ขณะที่ปารเมศ โพธารากุล จากพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนสูงสุด 74,452 คะแนน รองลงมา คือ นายสันทัด จีนาภักดิ์ พรรคพลังประชาชน ได้ 58,195 คะแนน นายประชา โพธิพิพิธ ได้ 53,408 คะแนน และสาทิตย์ 258
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม เสี่ยฮุก34 ซึ่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุร ี ได้ชักชวนให้ร่วมงานการเมืองในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จ.กาญจนบุรี ด้วยคะแนน 45,540 คะแนน ชนะพลตรีศรชัย มนตริวัต สังกัดพรรคเพื่อไทย และ สันทัด จีนาภักดิ์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ 28,346 คะแนน และ 12,692 คะแนนตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 51.56, 32.81 และ 14.68 ตามลำดับ (สำนักงานคณะกรรมการการ เลือกตั้ง, 2554, หน้า 9)35 ภายหลังการเลือกตั้งพลตรีศรชัย มนตริวัตร ได้ทำการ ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งว่ามีการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรม และวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติ 3:2 พิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยทำสำนวนคำร้องให้มีการ เลือกตั้งใหม่ส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลฎีการับ คำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 มีผลทำให้นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ต้องหยุด จีนาภักดิ์ พรรคพลังประชาชนได้ 41,737 คะแนน (คิดเป็นร้อยละ 25.45, 19.90, 18.26 และ 14.27 ตามลำดับ) 34 อดีตผู้กว้างขวางและนักธุรกิจชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี (ปัจจุบัน เสียชีวิตแล้ว) 35 ทั้งพลตรีศรชัย มนตรีวัตร และสันทัด จีนาภักดิ์ เป็นอดีต ส.ส. ที่มี ชื่อเสียงคนสำคัญของจังหวัด แต่กระนั้นยังคงพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี 2554 ให้กับฉัตรพันธ์ ธนกิจเดชสุนทร 259
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ปฏิบัติหน้าที่ในทันที แต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ศาล ฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้พิจารณาและวินิจฉัยคดี ที่ 17077/2555 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่ากรณียังไม่ปรากฏหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำตามข้อกล่าวหาของผู้ร้อง 4.15 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เกิดวันที่ 4 มีนาคม 2510 เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุร ี โดยกำเนิด การศึกษาเทคโนโลยีการเกษตรบัณฑิต สาขา เทคโนโลยีทางสัตว์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นอดีต ส.ส. จังหวัด กาญจนบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย ซึ่งเขตพื้นที่ประกอบด้วย (ประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรชุดที่ 24, 2554) ต.พงตึก ต.ยางม่วง ต.ดอนชะเอม ต.ท่าไม้ ต.ตะคร้ำเอน ต.ท่ามะกา ต.ทา่ เรอื ต.โคกตะบอง ต.ดอนขมน้ิ ต.อโุ ลกสห่ี มน่ื ต.เขาสามสบิ - หาบ ต.พระแท่น ต.หวายเหนียว ต.แสนตอ ต.สนามแย้ ต.ท่าเสา ต.หนองลาน ต.พนมทวน ต.พังตรุ ต.รางหวาย ต.ดอนตาเพชร ชนะการเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไป ในปี 2554 ด้วยคะแนน 43,546 ในขณะที่กำนันบอย หรือ ปารเมศ โพธารากุล จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 39,447 คะแนน และนายสาธิต จีนาภักดิ์ หนึ่งในตระกูลการเมืองชื่อดัง ยุคปัจจุบันของจังหวัดได้ 7,674 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 48.03, 43.51 และ 8.46 ตามลำดับ (สำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง, 2554, หน้า 9) สุรพงษ์ ปิยะโชติ36 เป็นนักการเมือง ที่เติบโตมาจากนักการเมืองท้องถิ่นซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กับ นักการเมืองคนอื่นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรีโดยเฉพาะในยุค ปัจจุบัน 36 เคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี 260
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม การทำกิจกรรมการเมืองที่มีความต่อเนื่องสม่ำเสมอ และที่สำคัญการสังกัดพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจาก ประชาชนจำนวนมาก และด้วยสถานการณ์การเมืองที่เกิดการ แบ่งแยกกลุ่มการเมืองอย่างชัดเจน ฐานการเมืองในกลุ่ม ประชาชนจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2544 ทำให้สุรพงษ์ ปิยะโชติชนะการเลือกตั้งแม้ว่าจะต้องแข่ง ขันกับผู้สมัครรายอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงและมีฐานการเมืองสนับสนุน จำนวนมากก็ตาม สุรพงษ์ ปิยะโชติ (คมชัดลึก, 2554) มีฐาน การเมืองสนับสนุนในกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดและกลุ่ม สนับสนุนหรือฐานการเมืองของนายเรวัติ สิรินุกุล ซึ่งได้ย้ายไป ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อแทน 4.16 นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ เกิดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2511 การศึกษาปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นับเป็นนักการเมือง หญิงที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองจังหวัดกาญจนบุรีในปัจจุบัน เติบโตจากการเมืองท้องถิ่นในฐานะนายกเทศมนตรี และ สมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.)37 (ประวัติสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ชุดที่ 24, 2554) ชนะการเลือกตั้งได้เป็น ส.ส. ในการลงสมัคร รับเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2554 ในสังกัดพรรค ประชาธิปัตย์ ด้วยคะแนน 24,919 คะแนน มากกว่านายวิฑิต 37 ประสบการณ์ทางการเมือง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด กาญจนบุรี 15 ก.ค. 42 – 5 ก.พ. 2543; 5 ก.พ. 2543 – 4 ก.พ. 2547; 6 ก.ย. 2547 – 30 เม.ย. 2549 เลขานุการรองนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด; นายกเทศมนตรีตำบลวังกะ อำเภอสังขละบุรี 4 พ.ย. 2559 – 12 พ.ค. 2554 และนายกสมาคมชาวใต้จังหวัดกาญจนบุรี 261
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี มาไพศาลสิน ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และนายอานนท์ ถนอมวงษ์38 พรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ 17,746 และ 10,622 คะแนน ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 46.54, 33.14 และ 0.34 ตามลำดบั (สำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั , 2554, หนา้ 9) การเข้าสู่การเมืองของนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ ์ ในฐานะลูกสะใภ้เสียฮุก หรือนายสุนทร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้เป็น บิดาของนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี39 ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดังในภาคตะวันตก และความกว้างขวางของตระกูลสามี นับได้ว่ามีผลต่อการเข้าสู่ การเมืองและความสำเร็จการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกเป็น อย่างมาก ขณะเดียวกันการทำกิจกรรมและการสร้างฐานเสียง สนับสนุนทางการเมืองนับจากเข้าสู่สนามการเลือกตั้งท้องถิ่น ทำให้มีประสบการณ์การทางการเมืองในพื้นที่ค่อนข้างมาก 38 หลังการพ่ายแพ้การเลือกตั้งปี 2554 ได้รับเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น เป็น สจ.เขต 1 อำเภอทองผาภูมิอันเป็นฐานเสียงสำคัญของตน ทั้งนี้ “ถนอมวงษ์” นับเป็นตระกูลการเมืองท้องถิ่นที่สำคัญของอำเภอทองผาภูมิ (โปรดดเู พม่ิ เตมิ ใน สมาชกิ สภา อบจ., องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั กาญจนบรุ ี http://www.kanpao.go.th/public/member.do?random=1454221002590) 39 ในการเลือกตั้งปี 2555 นายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ชนะการ เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยได้รับคะแนนเลือกตั้ง 183,513 คะแนน มากกว่าพลโทมะ โพธิ์งาม อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ 141,831 คะแนน พร้อมกับทีมผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ภายใต้กลุ่มของตนอีก 19 เขตจากจำนวน 30 เขต (โปรดดูเพิ่มเติมใน: เปิดผลคะแนนอย่างเป็นทางการ อบจ.กาญจน์ “รังสรรค์” ชนะ “เสธ.มะ” http://www.manager.co.th/Local/View News.aspx?NewsID=9550000035011 วันที่ 19 มีนาคม 2555) 262
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม และทำให้ได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากประชาชน ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึง ตำแหน่งสำคัญของพรรคในฐานะเหรัญญิกพรรคในการประชุม ใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ปี 2556 เพื่อคัดเลือกกรรมการ บริหารพรรคชุดใหม่ (ข่าวไอเอ็นเอ็น, 2556) ฐานสนับสนุนการเมืองสำคัญของนางศรีสมร รัศมีฤกษ์ เศรษฐ์คือกลุ่มผู้นำท้องถิ่น ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหาร และสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสมาชิกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด ทั้งนี้ด้วยภูมิหลังทางการเมืองเริ่มจาก การเมืองท้องถิ่นจึงมีความสัมพันธ์และเป็นที่รู้จักมักคุ้นของ นักการเมือง และผู้นำท้องถิ่นจำนวนมาก กลยุทธ์ในการ หาเสียงเลือกตั้งที่สำคัญคือ การเข้าถึงและการได้ใจผู้นำ ท้องถิ่น รวมถึงประชาชนทั้งจังหวัดมิได้จำกัดเฉพาะพื้นที่อำเภอ สังขละบุรีเท่านั้น (ระเบียบ ประทุมสูตร, สัมภาษณ์ 2559) ผลของการเข้าถึงและได้ใจประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะ ผู้นำท้องถิ่นดังกล่าว ทำให้การทำงานการเมืองของนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ได้รับการตอบสนองหรือการสนับสนุนอย่าง ต่อเนื่องและมากขึ้นเป็นลำดับในปัจจุบัน 4.2 เครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ อุดมการณ์ วัฒนธรรม ทางการเมือง พรรคการเมืองและการรักษาฐานเสียง ของนักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรีเป็นที่ตั้งของหน่วยงานทางทหาร ขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญในการรักษาความมั่นคงตามแนว ชายแดนด้านภูมิภาคตะวันตก ในขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ 263
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี สำคัญทางเศรษฐกิจทั้งการค้าและผลผลิตทางการเกษตร รวม ถึงเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะวัวอันดับต้นๆ ของประเทศ นอกจากนี้พื้นที่ของจังหวัดยังเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แม่น้ำและแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญอีกด้วย ในทางการเมือง ลักษณะและพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนรวมถึง นักการเมืองมิได้มีรูปแบบที่แตกต่างการเมืองในจังหวัดอื่นๆ มากนัก ซึ่งผลจากการวิจัยมีดังนี้ ระบบเครือญาติ และระบบอุปถัมภ์ของนักการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี เครือญาติและระบบอุปถัมภ์นับว่ามีความสำคัญและ มีผลต่อการตัดสินใจลงรับสมัครเลือกตั้งของผู้แทนราษฏร (ส.ส.) วิถีและรูปแบบการหาเสียง การสร้างฐานเสียง และการ ตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทั้งนี้เกี่ยวข้องหรือมีความ สัมพันธ์กับวัฒนธรรมของสังคม ชุมชน หมู่บ้านหรือท้องถิ่น ในพื้นที่ และหากพิจารณาผลคะแนนในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง จะเปน็ สง่ิ ทบ่ี ง่ ชห้ี รอื แสดงใหเ้ หน็ ความสมั พนั ธด์ งั กลา่ ว นกั การเมอื ง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่ล้วนมีปัจจัยเหล่านี้เป็น องค์ประกอบที่สำคัญ อาทิ กำนันหยุ่น หรือไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐ ถาวร นักการเมืองที่ฐานเสียงในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย และ อำเภอห้วยกระเจา สะท้อนให้เห็นปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเป็น อย่างดี แม้ว่าความเป็นเครือญาติจะไม่เป็นตัวกำหนดหรือสิ่งที่ ชี้เป็นชี้ตายต่อชัยชนะในการเลือกก็ตาม เพราะเครือญาติของ นักการเมืองแต่ละคนมิได้มีจำนวนมากนัก หากแต่เครือญาติจะ มีส่วนช่วยสนับสนุนและสร้างเสริมให้ประชาชนในพื้นที่รู้จัก 264
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม นักการเมือง ทั้งโดยการกล่าวถึงหรือบอกเล่า ประวัติ ผลงาน ความสำเร็จในชีวิต การงานและอาชีพในอดีต รวมถึงฐานะทาง เศรษฐกิจของครับครัว วงศ์ตระกูล แบบ “ปากต่อปาก” ระบบ เครือญาติจึงเป็นเสมือนผู้ทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์ความ เป็นตัวตนของนักการเมือง ในขณะเดียวกันกับระบบอุปถัมภ์ (patronage system) ที่มีผล/อิทธิพลต่อการเมืองในพื้นที่ โดยพบว่า ไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร หรือกำนันหยุ่น ก้าวเข้าสู่ เส้นทางการเมืองการเมืองจากการเป็นนักการเมืองท้องถิ่นจาก ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัด กาญจนบรุ ี และ ส.ส. ซง่ึ มลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั ประชา โพธพิ พิ ธิ หรือกำนันเซี๊ยะ ผู้มีฐานะเสียงหรือกลุ่มหัวคะแนนในเขตอำเภอ ท่ามะกา ในขณะที่สันทัด จีนาภักดิ์ มีฐานะเสียงสนับสนุน ในพื้นที่อำเภอท่าม่วง ไพบลู ย์ พิมพ์พิสิฐถาวร หรือกำนันหยุ่น ประชา โพพิพิธ หรือกำนันเซี๊ยะ พินิจ จันทร์สมบูรณ์ สันทัด จีนาภักดิ์ และ อัฏฐพล โพธิพิพิธ นั้นมีความสัมพันธ์ในพื้นที่เลือกตั้ง การประกอบอาชีพส่วนตน การทำงานกับท้องถิ่น ทำให้มี ประสบการณ์ทำงานมาอย่างนานดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับ ชุมชน หมู่บ้านและท้องถิ่นเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ท้องถิ่นจึงสะสมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีการช่วยเหลือ เกื้อกูลร่วมกันในการทำงานทั้งในพื้นที่ทั้งงานพัฒนาท้องถิ่น งานสังคมและงานวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ นอกจากนี้ยังมี กลุ่มนักการเมืองถิ่นที่อาจกล่าวได้ว่ามีระบบเครือญาติและ ระบบอุปถัมภ์ในการทำงาน/เข้าสู่การเมืองที่มีความชัดเจน อย่างยิ่ง โดยเฉพาะสันทัด จีนาภักดิ์ ซึ่งถือเป็นตระกูลผู้นำ 265
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ท้องถิ่นในบทบาทของ “ผู้ใหญ่บ้าน” และ “กำนัน” นับจากรุ่น ทวด พ่อ พี่ น้องและหลานในปัจจุบัน ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ ระหวา่ งเขาและชาวบา้ นจงึ มมี าโดยตลอด ซง่ึ ภายใตภ้ าพลกั ษณ์ “กำนัน” นั้นมิได้อยู่ในลักษณะของอิทธิพล (influence) แต่เป็น ไปในลักษณะของบารมี (charismatic) ที่มีสนิทสนมคุ้นเคยและ การช่วยเหลือเกื้อกูลประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามกรณีของ อัฏฐพล โพพิพิธ แม้ว่าจะมีพื้นฐานจากตระกูลการเมือง พร้อมกับเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นมาก่อน และนับได้ว่าเป็น นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ มิใช่เส้นทางการเมืองจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะในการเข้าสู่ สนามการเมืองคร้งั แรกก็ต้องลม้ เหลวพ่ายแพเ้ ลือกต้งั ในครง้ั แรก เขาต้องกลับไปทบทวนและวิเคราะห์พร้อมกับวางแผนการ ทำงานการเมืองใหม่ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในภายหลัง ระบบอุปถัมภ์ในการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี มีลักษณะที่เกี่ยวโยงสัมพันธ์กับเรื่องของ “บารมีท้องถิ่น” ทั้งนี้ หากพิจารณาในเชิงลึกพบว่า บุคคลที่เป็นนักการเมืองถิ่น ที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งและสามารถครองพื้นที่หรือ มีฐานคะแนนเสียงที่แข็งแกร่งล้วนอยู่ในกลุ่มที่เติบโตหรือ พัฒนามาจากการเมืองท้องถิ่นทั้งในอดีตและปัจจุบัน หรืออย่าง น้อยที่สุดล้วนมีภูมิหลังที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำในระดับ ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “ผู้อิทธิพลพื้นที่” (influence) ซึ่งในอดีตประกอบด้วย ประชา โพธิพิพิธ หรือ กำนันเซี๊ยะ ไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร หรือกำนันหยุ่น สำหรับ รุ่นต่อมา อาทิ ปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย ในขณะที่ 266
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์40 เป็นนักการเมืองถิ่นผู้หญิง ที่เป็น ตัวแทนของกลุ่มทุนธุรกิจท้องถิ่นที่มีบารมีในพื้นที่มาอย่าง ยาวนาน ซึ่งภายหลังก้าวเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นระดับ จังหวัด เป็นสมาชิกและอดีตผู้บริหารขององค์การบริหารส่วน จังหวัด (อบจ.) บทบาททหารในการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ตั้งของหน่วยทหารขนาดใหญ่ และเปน็ กองกำลงั รบทส่ี ำคญั ของกองทพั บก สำหรบั นกั การเมอื ง ถิ่นที่มีภูมิหลังด้านทหารหรือข้าราชการมาก่อนและยังคงมี บทบาทสำคญั ในทางการเมอื งของจงั หวดั กาญจนบรุ ี ประกอบดว้ ย พลโทมะ โพธิ์งาม พลเอกวัฒนา สรรพานิช พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ และพลตรีศรชัย มนตรีวัต ทั้งนี้พบว่า ภูมิหลังใน อาชีพทหารถือเป็นส่วนหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ สามารถเข้าสู่การเมืองได้ค่อนข้างง่าย กล่าวคือ เป็น “ต้นทุน การเมือง” ที่ดีกว่าบุคคลทั่วไปหากมีแนวคิดที่ก้าวเข้าสู่สนาม การเมือง โดยต้นทุนการเมืองดังกล่าวคือ การเป็นบุคคลที่มี ชื่อเสียง และความสำเร็จในอาชีพโดยเฉพาะการเป็น “นายทหารระดับนายพล” ที่มีภูมิหลังจากการเป็นลูกหลาน ชาวนาของจงั หวดั กาญจนบรุ โี ดยกำเนดิ และมฐี านะทางครอบครวั เดิมที่เป็นชาวไร่ชาวนา มิได้มีพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างจาก 40 อดีตสมาชิกและรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันสามีดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. เป็นลูกสะใภ้ของนายสุนทร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ หรือ เสี่ยฮุก ผู้กว้างขวางในพื้นที่อำเภอสังขละ อดีต นักธุรกิจค้าไม้รายใหญ่ของจังหวัด 267
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี คนทั่วไป ปัจจัยดังกล่าวนี้ย่อมส่งผลต่อความทัศนคติ ความคิด ความเชื่อในลักษณะของการเป็นคน “พวกเดียวกัน” และ ความเกี่ยวพันธ์เชิงเครือญาติภายใต้สังคมชุมชนเกษตรกรรม ที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ จึงไม่แปลกที่ นายทหารเหล่านี้มักอธิบายหรือกล่าวถึงภูมิหลังทั้งพื้นฐาน ครอบครัวดั้งเดิม และการเป็นคนท้องถิ่นอย่างเปิดเผยตรงไป ตรงมา ซึ่งมีผลต่อการโน้มน้าวจิตใจ และความเชื่อมั่นใน ความตั้งใจจริง รู้ปัญหา รู้ความต้องการจริงของชาวบ้าน ความ สัมพันธ์ดังกล่าวจึงสามารถป้องกันการถูกผลักหรือถูกดันให้ นายทหารเหล่านี้เป็น “คนอื่น” (the others) ในสายตาชาวบ้าน ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการมีต้นทุน “ทหาร” ก็มิได้สามารถที่จะ การันตีความสำเร็จในการเลือกตั้งได้แน่นอน เพราะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งประชาชน ทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจความสำคัญของการเมืองที่มีผลต่อ ชีวิตความเป็นอยู่ ระบบเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดนโยบายและการนำนโยบายไปปฏิบัติ (policy implementation) ของรัฐบาล ผ่านเงื่อนไขนักการเมือง และพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งมีเสียงข้างมากสามารถ จัดตั้งรัฐบาลและนำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไปปฏิบัติ อันถือเป็น สัญญาประชาคม (social contract) ที่สำคัญดังกรณี ศรชัย มนตรีวัต, (สัมภาษณ์, 2559) อธิบายไว้ดังนี้ “ผลงานเชิง ประจักษ์หรือความเป็นรูปธรรมที่ปรากฏชัดสามารถจับต้องได้ จึงถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 268
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม หรือการสนับสนุนนักการเมือง” ในขณะที่ระเบียบ ประทุมสูตร กำนนั ในอำเภอหว้ ยกระเจา ซง่ึ คลกุ คลแี ละคนุ้ เคยกบั นกั การเมอื ง รวมถึงข้าราชการทั้งในระดับพื้นที่และจังหวัดมานาน (สัมภาษณ์, 2559) อธิบายว่า “การเป็นนายทหารเป็นชื่อเสียงที่ คนรู้จักง่าย รวดเร็ว ยิ่งเป็นลูกชาวบ้านแต่เป็นถึงนายทหาร พลโท พลเอก ยิ่งเป็นที่กล่าวถึง แต่การเมืองคือการเมือง ขึ้นอยู่ กับว่าเข้าถึงและได้ใจชาวบ้าน หัวคะแนนหรือเปล่า กิจกรรม ในพื้นที่ งานต่าง ๆ มาร่วมสม่ำเสมอมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้ใจ ชาวบ้านก็ยากที่จะชนะการเลือกตั้ง” นอกจากนี้ ทั้งสุพจน์ คล้ายสินธุ์ อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอ ห้วยกระเจา และภานุวัฒน์ ผิวนวล ผู้ใหญ่บ้านในอำเภอ ห้วยกระเจาก็ได้อธิบายในทำนองเดียวกันว่า (สัมภาษณ์, 2559) “มีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ชื่อเสียงภูมิหลังนายทหาร เป็นสิ่งการันตีประสบการณ์และความสำเร็จในชีวิตราชการ แต่ การทำงานเพื่อชาวบ้าน ท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เห็นเป็น รปู ธรรม ทง้ั การชว่ ยเหลอื แกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ น จากภยั แลง้ น้ำท่วม ถนนหนทาง สิ่งดังกล่าวนำมาซึ่งการได้ใจและไว้วางใจ ของชาวบ้าน” การเข้าสู่การเมืองของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะอดีตนายทหารจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและมีปัจจัยซับซ้อน หลากหลาย รวมถึงจำเป็นต้องมีฐานการเมืองสนับสนุน ที่สำคัญ ดังกรณีของพลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ (สัมภาษณ์, 2553) ซึ่งได้อธิบายในประเด็นนี้ว่า “ช่วงนั้นกำลังจะมีการ เลือกตั้งในต้นปี 48 หมอเดชา สุขารมณ์ ท่านเป็น ส.ส. เดิม เห็นว่าเราเป็นคนหนึ่งที่น่าจะมีความสามารถในการทำงาน 269
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี การเมืองตรงนี้ไปชวนมา ผมเห็นว่ามันโอกาส จึงตกลง... ในช่วงนั้นยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ผมมีเวลาค่อนข้างสั้นเดือน พฤศจิกายน 2547 การเลือกตั้งจะเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 มีเวลา 3 เดือนในการหาเสียงค่อนข้างยาก” นอกจากนี้พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ ยังอธิบายเพิ่มเติม ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้ “เรื่องนี้ต้องยอมรับตรงๆ ว่าลำบาก สำหรับคนที่เป็นข้าราชการประจำมาก่อน ยิ่งคนที่มีตำแหน่งที่ มันสูงๆ การที่จะมาปรับตัวเป็นนักการเมืองโดยยึดถือประชาชน ซึ่งต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของเขามากที่สุด ถ้าหากว่าใคร ไม่ปรับตัวอาจทำให้ประสบความสำเร็จค่อนข้างยาก ต้องปรับ คือเราอยู่ค่อนข้างที่จะสูงแล้วเราจะทำอะไรต้องมีกฎระเบียบ วินัย พอมาข้างล่างพี่น้องประชาชนประสบปัญหานานัปการ ที่รอการดูแล ความคิดเห็นย่อมมีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง เราต้องเข้าใจและต้องปรับตัวให้ได้เพื่อที่จะสนองความต้องการ ของพี่น้องประชาชน” แม้ว่าจะมีภูมิหลังเป็นนายทหารและจังหวัดกาญจนบุร ี ก็เป็นจังหวัดที่ตั้งกำลังพลขนาดใหญ่ของกองทัพภาคที่ 1 ดังกล่าวยังพิจารณาได้จากคำอธิบายของพลโทมะ โพธิ์งาม (สัมภาษณ์ ,2553) ดังนี้ “อยู่เขต 5 อีกส่วนเขาก็ไม่รู้จักเราเลย คอื หว้ ยกระเจา เลาขวญั บอ่ พลอยนไ่ี มร่ จู้ กั เราเลย ใครจะเลอื กเรา แต่ก่อนเขต 1 พลเอกสมชาย (วิษณุวงศ์)41 อยู่พรรคเดียวกับเรา กับกำนันหยุ่น เต็งหนึ่งเลยนะ เขาน่าจะชนะแต่ย้ายพรรคก่อน คนสมัครทั้งหมดเก้าพรรค ยี่สิบเจ็ดคนใครจะได้ที่หนึ่ง ที่สอง 41 อดีตรองผู้บัญชาการทหารสงู สุด กองบัญชาการกองทัพไทย 270
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ที่สาม ที่สี่ ที่ห้าก่อน น่าจะมีใครบ้าง ผมหาเสียงโดยใช้ ยุทธศาสตร์ คือผมต้องคิดว่าต้องชนะเต็งหนึ่งให้ได้ หลังจากที่ ได้ยุทธศาสตร์แล้วก็มาหาวิธีการว่าจะทำอย่างไร ส่วนการรักษา ฐานเสียงนั้น พรรคเรามีนโยบายที่ดีอยู่แล้ว เข้าถึงประชาชน ประชาชนพึงพอใจ ส่วนตัวก็ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน ไปพบ ตามงานต่างๆ บ้าง” กรณีการที่ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีสนับสนุน ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้กับนาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมณ์ นับจากการลงเลือกตั้งครั้งแรก เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงวิธีคิดของประชาชนหรือชาวบ้านที่มีต่อ นักการเมือง ทั้งๆ ที่มิได้เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด หรือแม้กระทั่งเป็นนายทหารหากแต่เป็นผลจากการลงพื้นที่ พบปะแนะนำตัว หาเสียงและมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง สำหรับพลเอกวัฒนา สรรพานิช เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กับพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุร ี โดยกำเนิด มีญาติมิตร รวมถึงเพื่อนฝูงจำนวนมากก็ตาม ซึ่งกรณีของพลเอกวัฒนา สรรพานิชนี้ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ การตัดสินใจลงคะแนนเสียงของประชาชนนั้น อาจวิเคราะห์แบ บกว้างๆ ได้ 2 กรณี กล่าวคือ ประการแรก แม้ว่าจะมีสถานะ “ลูกหลานชาวกาญจนบุรี” และเป็น “บุคคลตัวอย่าง” ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในฐานะนายทหารและผ่าน ประสบการณ์ทางการเมืองในอดีตมามาก แต่นั่นเป็นเพียง ความสำเร็จและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ รวมถึงเป็นช่วงเวลา ที่เพื่อ/คนรุ่นเดียวกันมีบทบาทนำ/เป็นผู้นำทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่นและราชการ ในขณะที่ปัจจุบันสถานการณ์ได้ 271
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยการเมืองจังหวัดกาญจนบุรีอยู่ภายใต้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งในระดับเยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งมี ความสัมพันธ์ที่มิได้ใกล้ชิดกับคนรุ่นเก่าอีกต่อไป ในขณะที่ พลตรีศรชัย มนตรีวัต ก็มีสถานะทางการเมืองที่มิได้แตกต่าง จากพลเอกวัฒนา สรรพานิช มากนัก จึงปรากฏว่าปัจจุบัน บทบาททางการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีของพลตรีศรชัย มนตรีวัต ลดลงเป็นลำดับ ชื่อเสียง ผลงานในอดีตจึงดำรงอยู่ใน ลักษณะความทรงจำของคนรุ่นก่อนมิใช่ปัจจุบัน ประกอบกับ ด้วยวัยที่มากขึ้นจึงจำเป็นต้อง ลดกิจกรรมทางสังคมและ บทบาททางการเมืองในพื้นที่ตามไปด้วย อุ ด ม ก า ร ณ์ ท า ง ก า ร เ มื อ ง ข อ ง นั ก ก า ร เ มื อ ง ถิ่ น จั ง ห วั ด กาญจนบุรี ประเด็นดังกล่าวนี้ ถือเป็นค่านิยม (value) ความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อความคิดและความตั้งใจในการทำงานการเมือง ทั้งนี้ นักการเมืองถิ่นของจังหวัดกาญจนบุรีล้วนมีอุดมการณ์ทาง การเมือง (political ideology) เป็นพื้นฐานมากน้อยแตกต่างกัน ดังพบว่า นักการเมืองแต่ละคนต่างอธิบายถึงความมุ่งมั่นที่จะ เข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนใน พื้นที่ หากแต่เป้าหมายหรืออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นสิ่งที่ ยากแก่การสร้างให้เป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป ดังนั้นจึงมัก ถูกกล่าวหาหรือโจมตีจากบุคคลทั่วไปว่า นักการเมืองเหล่านี้ เข้าสู่สนามการเมืองเพราะต้องการเพียงอำนาจ ผลประโยชน์ และอิทธิพลเท่านั้น เช่น คำอธิบายที่กล่าวถึง อำนาจในเชิง อทิ ธพิ ลของนกั การเมอื งถน่ิ ซง่ึ มาจาก “กำนนั ” หรอื “ผใู้ หญบ่ า้ น” 272
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม รวมถึงนายทหาร ซึ่งทำให้เกิดการบดบังอุดมการณ์ทาง การเมืองของนักการเมืองจังหวัดกาญจนบุรีโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างอุดมการณ์ทางการเมืองของนักการเมือง กาญจนบุรี ที่สำคัญ อาทิ แนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง ของ นาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมย์ ซึ่งเน้น การพัฒนาด้านสาธารณสุขและโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งถนนหนทาง ซึ่งในการเข้าสู่การเมืองในอดีตนั้นจังหวัด กาญจนบุรีประสบปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเข้าถึง ระบบสาธารณสุขอย่างมาก ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ ประชาชนทั้งจังหวัด ในขณะที่ไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร สันทัด จีนาภักดิ์ อัฏฐพล โพธิพิธ และ ประชา โพพิพิธ ต่างก็ให้ ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับนาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมณ์ ซึ่งรายหลังนี้มิได้เป็นชาวจังหวัด กาญจนบุรีโดยกำเนิดแต่ด้วยในวัยเด็กต้องย้ายที่อยู่ตามบิดา ในฐานะผู้พิพากษาไปยังจังหวัดต่างๆ บ่อยครั้งทำให้พบเห็น และสัมผัสปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงมีความคิด ที่จะเข้าสู่การเมืองเพื่อแก้ไขปัญหา/ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งยอม ขายที่ดินส่วนตัวเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง สำหรับอุดมการณ์ทางการเมืองของพินิจ จันทร์สมบูรณ์ นั้นอาจโดดเด่นกว่านักการเมืองถิ่นคนอื่นๆ โดยให้ความสำคัญ กับการเป็นนักการเมืองที่ดีต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคที่ สังกัด พร้อมร่วมทุกข์สุข ซื่อสัตย์เพื่อเป้าหมายหรืออุดมการณ์ ทางการเมืองของพรรคที่กำหนดไว้ และพรรคการเมืองมีความ สำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาสังคมโดยรวม ยึดความ 273
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี จริงใจและเข้าถึงประชาชนมากกว่าวิธีการใดๆ ไม่มีการใช้ระบบ หัวคะแนน ไม่ใช้เงินทำงานการเมือง รวมถึงการปฏิเสธ/ต่อต้าน การแทรกแซงการเมืองด้วยรัฐประหารการยึดอำนาจการ ซึ่งถือว่าผิดหลักการประชาธิปไตย ในอดีตเคยต่อต้านกองทัพ ด้วยการถือตะเกียงเจ้าพายุเข้าสภาฯ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อ ต้านการรัฐประหารของกองทัพ นอกจากนี้ยังเน้นการมีส่วนร่วม รวมถึงสิทธิการเข้าถึงทรัพยากรของประชาชนโดยเฉพาะเรื่อง ปัญหาที่ดินทำกิน เช่นเดียวกับพฤติกรรมวางตนอยู่ใน เรียบเรียบง่ายแม้ว่าจะมีสถานะเป็น ส.ส. แต่ยังคงใช้บริการ รถโดยสารสาธารณะในการเดินทางเข้าประชุมสภาฯ การ ดำเนินแนวทางดังกล่าวได้กลายเป็นภาพลักษณ์เฉพาะตัวของ พินิจ จันทร์สมบรู ณ์ สำหรับพลโทมะ โพธิ์งาม พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ และพลเอกวัฒนา สรรพานิช นั้นแม้ว่าจะมีภูมิหลังเป็น นายทหารแต่ยังคงมีอุดมการณ์ทางการเมืองบนหลักการ ประชาธิปไตย กล่าวคือ ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง โดยถือว่าการตัดสินใจของประชาชนในการลงคะแนนเสียง เลือกตั้งเป็นความชอบธรรมในการเป็นตัวแทนของประชาชน ทั้งสองคนจึงตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองแข่งขันกับผู้สมัคร รายอื่นๆ ทั้งนี้เป็นอุดมการณ์ที่วางอยู่บนฐานของภูมิหลัง การเป็นลูกชาวนา จึงทำให้มีความเข้าใจถึงปัญหาความยากจน หรือความลำบากของชาวบ้านอย่างลึกซึ้ง สำหรับในประเด็น ทางการเมืองนั้น พลโทมะ โพธิ์งาม ให้ความสำคัญกับ พรรคการเมืองในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของอุดมการณ์ของ นักการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ที่นำมาสู่การกำหนด 274
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม นโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของ ประชาชนที่หลากหลาย ซึ่งพลโทมะ โพธิ์งาม ให้ความสำคัญ กับอุดมการณ์เชิงรูปธรรม มิใช่อุดมการณ์เชิงนามธรรม ภายใต้ นโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริงและมีผลต่อประชาชนที่เรียกว่า “การเมืองกินได้” โดยที่นักการเมืองและพรรคการเมืองจำเป็น ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาชนในการ หาเสียงเลือกตั้ง ในขณะที่พลเอกวัฒนา สรรพานิช นั้นถือเป็นนายทหาร ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน เคยได้รับแต่งตั้งเป็น ทั้ง สมาชิกสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน พ.ศ.2519-2520 สมาชิกวุฒิสภา 2529-2533 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2534-2535 และได้ตัดสินใจลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2543-2549 รวมประสบการณ์ทางการเมือง 25 ปี อุดมการณ์ทางการเมืองของพลเอกวัฒนา สรรพานิช นั้น มิได้มีความแตกต่างจากนักการเมืองคนอื่นๆ ของจังหวัด กาญจนบุรี กล่าวคือ ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความ เดือดร้อนและความยากจนของประชาชนเป็นสำคัญ และวาง อยู่บนแนวคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ในวัยเด็กและผู้ใหญ่ อุดมการณ์ทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรีอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมการเมืองท้องถิ่น มากกว่าวัฒนธรรมการเมืองระดับชาติ ในความหมายที่ได้รับ การอธิบายถึงพฤติกรรมทางการเมืองของ ส.ส. ที่ให้สำคัญกับ การพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของ ประชาชน อาทิ มีแนวคิดเพียงการสร้างสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ถนน และแหล่งน้ำในพื้นที่เลือกตั้งของตนเองมากกว่า 275
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี การคำนึงถึงการพัฒนาประเทศในภาพรวม วัฒนธรรมการเมือง ท้องถิ่นจึงมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับฐานเสียงหรือคะแนน เสียงของประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งการสนับสนุนและดำเนิน การเพื่อให้ได้มาซึ่งโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ดังกล่าวเป็นสิ่งที่นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรีให้ความ สำคัญเป็นลำดับต้นๆ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการต่อสู้เรียกร้อง หรือเจรจาต่อรองกลับพรรคการเมืองและนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ในฐานะสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนฯ ของประชาชนในจังหวัด วั ฒ น ธ ร ร ม ท า ง ก า ร เ มื อ ง ข อ ง นั ก ก า ร เ มื อ ง ถ่ิ น จั ง ห วั ด กาญจนบุรี วัฒนธรรมทางการเมืองมีของนักการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรีเป็นผลมาจากการสะสมต่อเนื่องมายาวนานภายใต้ ความสมั พนั ธ/์ ผกู พนั กบั การแกไ้ ข/ชว่ ยเหลอื ประชาชนในทอ้ งถน่ิ / ชุมชน รวมถึงค่านิยมและความเชื่อบางประการ ตัวอย่าง คำอธิบายข้างต้น เช่น “คนเป็นผู้แทนเหมือนฟ้าลิขิตเพราะ คนอยากเป็นแทบตายก็ไม่ได้เป็น” ซึ่งเป็นความเชื่อเกี่ยวกับ บุญวาสนาหรือโชคชะตา หรือ “ครอบครัวต้องเข้มแข็งก่อน” หรือ “การเป็นแพทย์คือใบเบิกทางให้สามารถเข้าถึงประชาชน” หรือ “ครอบครัวต้องไม่มายุ่งกับการเมือง” หรือ “การเป็น ทนายความเราก็ได้เปรียบ” เป็นต้น ทั้งนี้หากนำกรอบแนวคิด ด้านวัฒนธรรมทางการเมืองของ Almond และ Verba (สุกิจ เจริญรัตนกุล, 2530, หน้า 85 -92) ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่ม ได้แก่ วัฒนธรรมทางการเมืองแบบปิดตัวเอง (parochial political culture) วัฒนธรรมการเมืองแบบเปิดตัวเอง (subject political 276
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม culture) และวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วม (participation political culture) มาพิจารณาพบว่า นักการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรีส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วม (participation political culture)19 กล่าวคือ นักการเมืองถิ่น กาญจนบุรีมีความเข้าใจในระบบการเมืองเป็นอย่างดี ดังพบ ว่า ส่วนใหญ่ได้อธิบายถึงบทบาทหน้าที่ของนักการเมือง ระบบ รัฐสภา พรรคการเมือง และรัฐบาลที่มีความสำคัญต่อการ พัฒนาประเทศ โดยนักการเมืองจำเป็นต้องมีเข้าใจปัญหา/ ความต้องการของประชาชน ปฏิบัติตนตามสัญญาที่ได้หาเสียง และความสำคัญของพรรคการเมืองในฐานะศูนย์กลางการ กำหนดนโยบายและนำนโยบายไปปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันยังสามารถนำแนวคิด “การตัดสินใจ เลือกของส่วนรวม” (public choice) มาอธิบายได้ ซึ่งในแนวคิดนี้ นักการเมืองและพรรคการเมือง รวมถึงรัฐบาล เปรียบเสมือน ผผู้ ลติ สนิ คา้ และบรกิ าร ในขณะทป่ี ระชาชนทำหนา้ ทเ่ี ปรยี บเสมอื น “ผู้บริโภค” (customers) ดังนั้นนักการเมืองจึงต้องเลือกพรรค ที่มีแนวทางการทำงาน มีนโยบายตรงกับตนเอง รวมถึง การสร้างผลงานที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน และ 42 ลักษณะวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วมตามแนวคิดของ Almond และ Verba นั้น คนในสังคมจะมีความรู้ความเข้าใจ ทราบความเกี่ยวข้อง ของปัจจัยนำเข้า ปัจจัยออกของระบบการเมือง ต้องการมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางการเมือง ปรากฏในการมีจิตสำนึกทางการเมืองสูงและรู้สึกว่า ตนเองมีความสามารถในการใช้บทบาทที่มีให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองได้ 277
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกลงคะแนนในช่วงเวลาการ หาเสียงเลือกตั้ง ทั้งนี้นักการเมืองและประชาชนต้องเคารพ ในการตัดสินใจของประชาชน ในขณะเดียวกันกระบวนการ ยุติธรรมหรือองค์กรต่าง ๆ ก็ต้องมีค่านิยม/พฤติกรรม ที่เคารพ การตัดสินใจของประชาชนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร (สัมภาษณ์, 2553) กล่าวถึงความสำคัญของ พรรคการเมืองในการตัดสินใจ (decision-making) กำหนด นโยบายและการนำนโยบายไปปฏิบัติ (policy implementation) ดังนี้ “การเมืองมันดีทุกพรรค นโยบายดีทุกอย่าง อยู่ที่การ ปฏิบัติ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมรับว่าได้รักษานโยบาย มายาวนาน แต่พรรคไทยรักไทยจะเร็วทันใจกับประชาชน เพราะประชาชนเหมือนคนป่วยอยู่แล้ว ไปหาหมอเร็วเท่าไร ยิ่งหายเร็วเท่านั้น ตรงนี้คือนโยบายของพรรคไทยรักไทย แตกต่างกันชัดเจน วันนี้ 30 บาทรักษาทุกโรค” ไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร (สัมภาษณ์, 2553) ยังอธิบาย เพิ่มเติมอีกกว่า การักษาฐานเสียงที่ดีอยู่ที่การปฏิบัติตาม คำสัญญาหรือการหาเสียงที่ได้ให้ไว้กับประชาชน และความ เข้มแข็งของพรรคการเมืองมีความสำคัญต่อการเมืองอย่างมาก มีผลต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอีกด้วย โดยที่การยุบพรรคการเมืองเป็นการทำลายการเมืองอย่าง รุนแรง ประชา โพธิ์พิพิธ (สัมภาษณ์, 2553) เห็นว่า ความ เข้มแข็งของการเมือง สมาชิกพรรคต้องปฏิบัติตามกฎของพรรค ซึ่งพรรคมีนโยบายเป็นแนวทางการทำงาน เช่นเดียวกับ พินิจ จันทร์สมบูรณ์ (สัมภาษณ์, 2553) ซึ่งได้แสดงความไม่เห็นด้วย กับประเด็นการย้ายพรรคของนักการเมือง โดยนักการเมืองที่ดี 278
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ต้องยึดมั่น ร่วมทุกข์สุขเพื่อเป้าหมายและอุดมการณ์ของพรรค ความสำเร็จของนักการเมือง มีความจริงใจและตั้งใจจริงในการ พบปะ ร่วมกิจกรรมชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมี จุดยืนพร้อมทั้งแสดงออกถึงการต่อต้านอย่างเปิดเผย ดำเนิน การแม้กระทั่งการถือตะเกียงประท้วงทหารที่ยึดอำนาจของ กองทัพ ในขณะที่ พลโทมะ โพธิ์งาม (สัมภาษณ์, 2553) อธิบาย ถึงความสำเร็จของพรรคไทยรักไทย เป็นผลจากเก็บรวบรวม ข้อมูลพร้อมทั้งนำมาวิเคราะห์ปัญหาความเดือดร้อนและ ความต้องการของประชาชน วิเคราะห์ทางเลือกของนโยบาย อุปสรรคการนำนโยบายไปปฏิบัติ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการ บริหารจัดการ หลังจากนั้นจึงนำเสนอนโยบายของพรรคในช่วง เวลาการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล จึงนำนโยบายดังกล่าวมาบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม “ถามว่าทำไมคนถึงนิยม ก็นโยบายนั้น ทำได้เป็นจริงถึงมือ ประชาชนพูดง่ายๆ ว่า การเมืองที่กินได้ แล้วที่มาของนโยบาย ไม่ได้คิดคนเดียว จ้าง ดร. มาร้อยกว่าคนร้อยยี่สิบคนหรือ ร้อยห้าสิบคนมาคิดโครงการ ตั้งคำถามว่าเมื่อปี 2544 ปี 2542 บ้านเมืองเราตอนนั้นมีอะไรบ้างที่ควรทำ เอามา 5 เรื่อง ก่อนตั้ง พรรค เขาก็แบ่งกลุ่มแล้ว (1) เรื่องของยาเสพติดคือความ เดือดร้อนที่แท้จริง (2) คนป่วยเข้าโรงพยาบาลไม่ได้เพราะว่า ไม่มีเงิน ไปให้ค่ารักษา (3) คนไทยส่านใหญ่ไม่มีเงินที่จะไปทำ มาหากิน คือถ้ามีทุนอยากจะกู้อยากจะใช้เงินอยากจะใช้เงิน สองหมื่น หาบขนมขายต้องไปกู้ร้อยละสิบ ค่าดอกเบี้ยแทนที่จะ ได้กำไร คือไม่มีทุน พรรคการเมืองของเราก็ต้องนำนโยบายออก มาสู่ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน” 279
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพรรค การเมืองต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายและการบริหารประเทศ ซึ่งพลเอกวัฒนา สรรพานิช (สัมภาษณ์, 2553) พลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ (สัมภาษณ์, 2553) และอนุกูล แพรไพศาล (สัมภาษณ์, 2553) ล้วนแสดงความคิดเห็นสอดคล้องในทิศทาง เดียวกัน โดยพลตรีศรชัย มนตรีวัต (สัมภาษณ์, 2558) ได้อธิบายเน้นย้ำถึงความสำคัญไว้ว่า “ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 48 การเมืองเป็นเรื่องนโยบาย เสียดายถูกปฏิวัติรัฐประหาร อะไร ตา่ งๆ จนลำบาก เสยี ดายไปปฏวิ ตั ซิ ะ ใหท้ หารมนั ปฏวิ ตั ไิ ป 10 ปี ก็ได้ เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็พรรคเพื่อไทย ยิ่งนานเท่าไหร่คะแนน ยิ่งมากอีกเท่าตัว ประชาชนรู้นี่....(พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง) ทำอะไร...” โดยแม้ว่าจะถูกกองทัพยึดอำนาจและหยุดชะงัก ประชาธิปไตยไว้ หากแต่ผลของนโยบายซึ่งพรรคการเมืองอย่าง พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ในปัจจุบันได้ดำเนินการทางการเมืองย่อมมีผลต่อคะแนนนิยม หรือการสนับสนุนทางการเมืองซึ่งประชาชนมีความรู้ความ เข้าใจการเมืองที่มีผลต่อเศรษฐกิจ และสังคมของพวกเขา อย่างไร นอกจากนี้การมีวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วม ดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นได้จากแนวคิดของนักการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของ ประชาชนทั้งในอดีตและปัจจุบัน อาทิ พลเอกวัฒนา สรรพานิช พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ พลตรีศรชัย มนตรีวัต และพลโทมะ โพธิ์งาม ประชา โพธิ์พิพิธ อัฏฐพล โพธิ์พิพิธ ไพบูลย์ อนุกูล แพรไพศาล พิมพ์พิสิฐถาวร และในอดีต อาทิ 280
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ นาวาอากาศโท นายแพทย์ เดชา สุขารมณ์ พลตรีศรชัย มนตรีวัต รวมถึง ปารเมศ โพธารากุล สันทัด จีนาภักดิ์ ฉัตรพันธ์เดช กิจสุนทร ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ และสุรพงษ์ ปิยะโชติ พรรคการเมือง นักการเมืองกับการหาเสียงและการรักษา ฐานเสียงในการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ประเด็นที่กล่าวมาแล้ว แสดงให้เห็นว่านักการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีมีความเข้าใจในความสำคัญของ พรรคการเมืองต่ออนาคตทางการเมืองของตนเองอย่างไร ทั้งนี้ หากพจิ ารณาถงึ ผลการเลอื กตง้ั ในอดตี นน้ั พฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมิได้ยึดติดหรือให้ ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากนัก ขึ้นอยู่กับตัวตนของ ผู้สมัครรับเลือกตั้งมากกว่าพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม นับตั้ง แต่การเลือกตั้งในปี 2544 และก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นต้นมา พฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือการสนับสนุน พรรคการเมืองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเป็นอย่างมาก กล่าวคือ ประชาชนเห็นความสำคัญของนโยบายและ พรรคการเมือง รวมถึงอำนาจของตนเองในทางการเมืองผ่าน การบริหารงานของรัฐบาลที่ตนเองเลือกเข้าไปทำงาน และ ในท้ายที่สุดได้นำมาสู่การยุบรวมพรรคการเมืองจนกลายเป็น พรรคการเมืองขนาดใหญ่ในที่สุด ทำให้การเมืองมีลักษณะของ การแข่งขันพรรคขนาดใหญ่ 2 พรรค เช่นเดียวกัน การเลือกตั้ง ปี 2554 ยังคงมีเพียง 2 พรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย และ ประชาธิปัตย์เท่านั้น ในขณะที่ในอดีตนั้นพรรคชาติไทยถือเป็น 281
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี พรรคที่บทบาททางการเมืองมากที่สุดพรรคหนึ่งของจังหวัด43 การแข่งขันการเมืองในปัจจุบันของจังหวัดกาญจนบุรียังคงมี ลักษณะ 2 ใหญ่ ซึ่งผู้สมัครและพรรคการเมืองต่างพึ่งพาซึ่งกัน และกันในทางการเมือง และไม่สามารถปฏิเสธความสำคัญทั้ง ผู้สมัครฯ และพรรคการเมืองได้อีกต่อไป ความสำคัญของผู้สมัครฯ ต่อการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรีนั้น อาจกล่าวได้ว่า เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง บารมีและ อิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดผู้สมัครฯ ต้องมีผู้สนับสนุนใน ท้องถิ่นทั้งจากนักการเมืองท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน การสนับสนุนจากข้าราชการและประชาชน ซึ่งม ี นัยยะที่สามารถบ่งบอกได้ว่ามี “บารมี” (charisma) ที่สามารถ ต่อรอง หรือมีอำนาจในเชิงอิทธิพล (influence) ทำให้ประชาชน และกลุ่มผู้สนับสนุนมีความมั่นใจ/ อุ่นใจ ในการตัดสินใจ ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ในขณะเดียวกันกับพรรคฯ จะเป็น องค์กรที่มีนโยบายสอดคล้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน 43 การเลือกตั้งปี 2531 ประกอบด้วย พรรคชาติไทยได้ 2 ที่นั่ง (พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ และนายเรวัติ สิรินุกูล) การเลือกตั้งปี 2535 ได้ 3 ที่นั่ง (นาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมณ์ นายเรวัต สิรินุกูล และนายสันทัด จีนาภักดิ์) โดยการเลือกตั้งปี 2351 และ 2535 มีนายพินิจ จันทร์สมบูรณ์ เพียงคนเดียวที่เป็น ส.ส.จากพรรคพลังธรรม ต่อมา ในการ เลือกตั้งปี 2538 พรรคชาติไทยได้ ส.ส.2 ที่นั่ง (นาวาอากาศโท นายแพทย์ เดชา สุขารมณ์ และนายเรวัต สิรินุกูล) พรรคนำไทย 2 ที่นั่ง (พลตรีศรชัย มนตรีวัต และนายไพบูลย์ พิมพ์พิสิฐถาวร) และพรรคประชาธิปัตย์ 1 ที่นั่ง (นายประชา โพธิพิพิธ) ทั้งนี้หลังจากปี 2538 เป็นต้นมาพรรคชาติไทย ไม่เคยมี ส.ส. อีกเลยถึงปัจจุบัน 282
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม ของตน และมีความสำเร็จเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพ ในการบริหารประเทศหากได้เป็นรัฐบาล นั่นคือประชาชน ในจังหวัดกาญจนบุรีมีผลต่อการตัดสินใจเลือกพรรคที่สังกัด ของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี การหาเสียงและรักษาฐานคะแนนเสียงของนักการเมือง ถิ่นจังหวัดกาญจนบุรีนั้นต่างมีวิธีการและรูปแบบที่หลากหลาย ขึ้นอยู่ภูมิหลังและความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองถิ่นกับผู้นำ ท้องถิ่น และชาวบ้าน พฤติกรรมการหาเสียงโดยส่วนใหญ่มักให้ ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ทางการเมือง (political image) ในลักษณะ “คนของประชาชน” ที่สามารถเข้าถึงง่าย จับต้องได้ มีความเข้าใจในปัญหาและความต้องการของ ประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง ไม่แสดงออกซึ่งพฤติกรรม ที่มีลักษณะปลีกแยกหรือมีความเป็นอื่นที่มิใช่คนของชาวบ้าน ภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นจึงวางอยู่บนหลักการว่าด้วย “คนกันเอง” ทั้งก่อน-หลังการเลือกตั้งมีความเสมอต้นเสมอ ปลาย ไม่แสดงพฤติกรรมที่เป็นไปในลักษณะอิทธิพลเหนือ ชาวบ้านหรือผู้อื่น ดังปรากฏว่า ชาวบ้านมักยังคงเรียกขานหรือ พูดถึงนักการเมืองของตนในชื่อเรียกเดิม โดยเฉพาะคำว่า “กำนัน” “ผู้ใหญ่” หรือ “พลโท พลเอก” ตามสรรพนามเดิม ในลักษณะของความคุ้นเคยหรือสนิทสนมมากกว่าการยกให้ เป็นบุคคลที่มีอำนาจหรืออยู่เหนือชาวบ้านในสรรพนามอื่นๆ การรักษาฐานเสียง/ คะแนนเสียงของนักการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรีจึงวางอยู่บนแนวทางดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความไว้ วางใจและเชื่อมั่นในฐานะผู้แทนของประชาชน ผู้ทำหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของ 283
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ประชาชน ซึ่งในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน พรรคการเมืองที่ ประชาชนสนับสนุนนับเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อโอกาส ในชัยชนะทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ค่อนข้างมาก ภาพ 4.1 แสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างประชาชน กลมุ่ ผลประโยชน์ นักการเมืองถิน่ และพรรคการเมอื ง ในการเมอื งถ่ินจงั หวดั กาญจนบุร ี ประชาชน กลมุ่ ผลประโยชน์ นักการเมอื งถนิ่ พรรคการเมือง กรณีดังกล่าว ระเบียบ ประทุมสูตร (สัมภาษณ์, 2559) ได้อธิบายโดยชี้ให้เห็นถึงฐานสนับสนุนทางการเมืองของ ประชาชนและผู้นาวบ้านไว้ดังนี้ “นิสัยและความเป็นกันเอง ของนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้กำนันหยุ่นได้รับความไว้ วางใจเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ต้องช่วยลงคะแนนเสียง รวมถึง หาเสียงให้คือความเป็นคนกันเอง และการร่วมกิจกรรมในพื้นที่ เป็นประจำต่อเนื่อง ไม่ขาดหายไปไหน ทั้งงานบวช งานแต่ง งานการกุศลต่างๆ การพบปะในงานต่างๆ ทำให้ประชาชน รวมถึงผู้นำท้องถิ่น ต้องลงคะแนนเสียงให้เสมอ” ในขณะที่ 284
ภูมิหลัง แนวคิด อุดมการณ์ การหาเสียงและพฤติกรรม พนิ จิ จนั สมบรู ณ์ ไดก้ ลา่ วถงึ วถิ กี ารหาเสยี งในฐานะนกั การเมอื ง ถิ่นจังหวัดกาญจนบุรีไว้ดังนี้ “ถ้าเล่นการเมืองแบบใช้หัวคะแนน “เจ๊ง จน ซวย” การเลือกตั้งในจังหวัดกาญจนบุรีก็ชนะกำนัน ตึ๊ด เศรษฐีเมืองกาญจน์ในอดีตมาเป็นอันดับ 1 ชนะอธิบดีกรม ตำรวจ พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ และก็ชนะคนที่ใช้เงิน... อยากจะเตือน ส.ส. หลายคนที่คิดจะสมัครผู้แทนอย่าไปหลงกล ว่ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้จะช่วยได้ ต้องมาจากตัว ส.ส. เอง และการ หาเสียงพรรคคือตัวแปรที่สำคัญ” สำหรับนาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมณ์ (สัมภาษณ์, 2553) ใช้กลยุทธ์และวิธีการหาเสียงที่เรียกว่าเข้าถึง และเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ด้วยการลงมือ ทำให้ปรากฏและผลประโยชน์ที่ได้เกิดขึ้นกับชาวบ้าน โดยตรง“ในการหาเสียงโดยการนำแพทย์จากโรงพยาบาลเดชา ไปช่วยออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อรถบด ถนน รถน้ำ รถเกรดไปช่วยชาวบ้าน หาเสียงอยู่ประมาณ 3 ปี เศษ จนกระทั่งประชาชนรู้จัก มีความรู้สึกภูมิใจมากที่สิ่งที่เคย ช่วยเหลือชาวบ้านกลับมาสนองลงครั้งแรกก็ได้เลย ทั้งๆ ที่เป็น คนกรุงเทพโดยกำเนิด ลง 6 สมัยได้ติดต่อกัน เมื่อก่อนเป็น ถนนแดง งบประมาณทำถนนลาดยาง ยังไม่มีถนนแดง 1 ปี ก็เสียแล้ว ฝนตกนิดเดียวก็ขาดแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เข้าใจ ชาวบ้าน...ได้นำเงินที่มีอยู่ไปซื้อรถมาทำถนนให้ชาวบ้านไปก่อน เพื่อบรรเทาทุกข์ ก่อนที่งบประมาณของทางราชการจะลงไปถึง เพราะสมัยก่อนการของบใช้เวลา 6 ปี ถึงสิบๆ ปี เพราะความ พยายามจึงทำให้สามารถเป็นผู้แทนของคนจังหวัดกาญจน ์ มาได้ตลอด 6 สมัยเต็ม” 285
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372